ลำนำบุปผาพิษ 947-950

 บทที่ 947 ข้าจะแบกเขาต่อสักพัก


หลังจากเขาบาดเจ็บ เยี่ยนเฉินกับเล่อชิงซิ่งก็ผลัดกันแบกเขาอยู่ตลอด เนื่องจากเยี่ยนเฉินวรยุทธ์สูงส่ง ดังนั้นระยะเวลาที่เยี่ยนเฉินแบกเขาจึงนานกว่า


ทุกคนหนีเอาชีวิตรอดจนเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ข้าวไม่ได้กล้ำน้ำไม่ได้กลืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แถมเยี่ยนเฉินยังต้องดูแลจิ้งจอกน้อยด้วย ดังนั้นเขาจึงเหนื่อยล้าที่สุด ยามนี้เขาแบกเชียนหลิงอวี่ไว้บนหลัง มือซ้ายกอดเสาธง มึงขวาดึงจิ้งจอกน้อยไว้ หยาดเหงื่อไหลไปตามกรอบหน้าเขาคล้ายจะกลิ้งหยดลงไปด้านล่าง…


ผีดิบชุดขาวที่อยู่เบื้องล่างเหล่านั้นคำรามโหยหวนอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยความโกรธเกรี้ยว ปรารถนาจะลากคนบนเสาธงมา


โชคดีว่าตำแหน่งที่ทั้งหกคนเกาะอยู่ค่อนข้างข้างสูง ผีดิบชุดขาวพวกนั้นจึงเข้าไม่ถึงตัวพวกเขาชั่วคราว ผีดิบชุดขาวเหล่านี้คล้ายจะมีสติปัญญาอยู่บ้าง พวกมันเอื้อมไม่ถึงกลุ่มคน จึงเริ่มทุบโคนเสาธง ทุบจนเสาธงต้นนั้นสั่นไหวไม่หยุด เสาธงที่ทนทานถึงเพียงนั้นถูกพวกมันเขย่าจนส่งเสียงดังกึกๆ และทำให้ทั้งหกคนที่เกาะอยู่บนเสาเกือบจะหล่นลงไป


ครั้งหนึ่งในขณะที่สั่นไหว ข้อมือเยี่ยนเฉินพลันลื่น ท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตระหนกของทุกคน ร่างกายไถลลงไปหนึ่งจั้ง โชคดีที่เขาเกาะเสาธงไว้สุดชีวิต หวุดหวิดไปอีกครา


เรี่ยวแรงเขาถดถอยลงไปมากแล้วจริงๆ…


เล่อชิงซิ่งก็ไถลตัวลงมาหนึ่งจั้งเช่นกัน ยื่นมือไปคว้าตัวเชียนหลิงอวี่บนหลังเยี่ยนเฉิน “ข้าจะแบกเขาต่อสักพัก!”


ทันทีที่เห็นใบหน้าของเชียนหลิงอวี่ ตัวคนก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หน้าเปลี่ยนสีนิดๆ


เชียนหลิงอวี่รู้สึกว่าสมองมึนงงขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าสองแขนตนแข็งกระด้าง เขาหลับตาลง ยามที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าดวงตาของจิ้งจอกน้อยที่อยู่ใกล้ๆ เบิกกว้าง สายตาที่มองเขาค่อนข้างหวาดผวา


เขาใจหายวาบ ดวงตาคู่นั้นของจิ้งจอกน้อยใสกระจ่าง ในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าของตนอย่างชัดเจนแล้ว…


ทันใดนั้นหัวใจเขาราวกับถูกคนแช่แข็ง ดิ่งฮวบทันที!


นี่ตนกำลังจะกลายเป็นผีดิบใช่ไหม?


เขาหลุบตามองสองมือตน เล็บมือเขียวคล้ำ เริ่มงอกยาวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


กำลังจะหลายเป็นผีดิบจริงๆ สินะ…


ไม่ เขายอมถูกผีดิบที่อยู่ข้างล่างพวกนั้นฉีกกระชาก แต่ไม่ยอมกลายเป็นตัวประหลาดเช่นนั้น!


เขายิ้มเศร้าๆ แวบหนึ่ง สายตามองไปที่จิ้งจอกน้อย “อย่ากลัวเลย…ฝากบอกซีจิ่วด้วยว่าข้าขอโทษนาง…เจ้ารักษาตัวด้วยนะ!”


พลางหลับตาลง ปล่อยสองแขนออกทันที ท่ามกลางเสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนกของทุกคน ร่างกายเขาดิ่งสู่เบื้องล่าง!


“เชียนหลิงอวี่!” หลานไว่หูกรีดร้อง โก่งเสียงร้องจนเส้นเสียงแทบเพี้ยน


ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนก็พุ่งเข้ามาดั่งสายฟ้าแลบ รับตัวเชียนหลิงอวี่ที่ร่วงหล่นอยู่กลางอากาศไว้ จากนั้นก็พลิกหมุนอย่างดงาม คนผู้นั้นหิ้วเชียนหลิงอวี่ไปหยุดอยู่กลางเสาธง


วินาทีที่เชียนหลิงอวี่มองเห็นผู้ที่รับตนอย่างชัดเจน ดวงตาพลันเบิกกว้าง เรียกด้วยเสียงสั่น “ซีจิ่ว!” หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากหางตาทันที


ในขณะเดียวกันนี้ เงาร่างอีกสายหนึ่งก็มาถึงแทบจะพร้อมกัน เป็นอิงเหยียนนั่ว เขายื่นมือไปหมายจะรับเชียนหลิงอวี่มา “ซีจิ่ว ส่งเขามาให้ข้า…”


กู้ซีจิ่วที่หิ้วเชียนหลิงอวี่ไว้หมุนตัวคราหนึ่ง หลบหลีกมือของอิงเหยียนนั่ว “เจ้าอย่าขยับ เขาถูกพิษแล้ว!”


จิ้งจอกน้อยที่อยู่ด้านบนก็ตะโกนออกมาด้วยความปรีดาเช่นกัน “ซีจิ่ว! ซีจิ่ว!” ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นคิดจะไถลลงมา เยี่ยนเฉินพยายามรั้งนางไว้ตรงนั้นสุดชีวิต “รออยู่ตรงนี้ก่อน! ข้าจะไปเป็นกำลังเสริมให้นาง!”


เรือนกายไหววูบ ไถลไปอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วทันที เท้าทะยานอากาศถีบผีดิบหลายตนที่หมายจะกระโดดขึ้นมาลงไป!


ตำแหน่งนี้ที่กู้ซีจิ่วหยุดอยู่ค่อนข้างอันตราย ขอเพียงผีดิบชุดขาวเหล่านั้นกระโดดสูงอีกนิดก็สามารถฉวยเท้าเธอได้แล้ว


“ซีจิ่ว เหยียนนั่ว พวกเราขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ!” เยี่ยนเฉินเอื้อมมือมาดึงเธอ


หยาดน้ำตานองทั่วหน้าเชียนหลิงอวี่ “ซีจิ่ว ได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าตายก็ไม่เสียใจแล้ว…เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ข้าถูกพิษแล้ว…”


————————————————————————————-


บทที่ 948 เช่นนั้นพวกเขายังจะหนีหัวซุกหัวซุนอยู่หรือ


“ข้าไม่อยากกลายเป็นแบบพวกมัน ให้ข้าลงไปสู้ตายกับพวกมันเถอะ…ข้ายอมถูกพวกมันฉีกเป็นชิ้นๆ แต่ไม่ยอมกลายเป็นตัวประหลาด…”


เขาไม่ได้เอ่ยส่วนท้ายของประโยคออกมา เนื่องจากกู้ซีจิ่วยัดโอสถเม็ดหนึ่งใส่ปากเขาโดยตรง “กลืนลงไป!”


เชียนหลิงอวี่สำลัก เขาไว้ใจนางยิ่งนัก เหยียดคอกลืนลงไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น


แต่ลำคอเขาแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว เกือบจะกลืนไม่ลง สมองเริ่มมึนงงขึ้นเรื่อยๆ


“เชียนหลิงอวี่ เจ้าฟังข้านะ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย! นี่คือยาระงับการกลายเป็นผีดิบ เจ้าต้องยืนหยัดไว้เพื่อข้า! หลังจากออกไปแล้วข้าจะช่วยเจ้า! ได้ยินไหม?” กู้ซีจิ่วแทบจะตะโกนใส่หูเขา


จิตใจของเชียนหลิงอวี่ฮึกเหิมขึ้นมาทันที พยายามลืมตาสุดความสามารถ จากนั้นก็พยักหน้า กัดปลายลิ้นไว้สุดชีวิต ใช้ความเจ็บปวดทำให้ตัวเองมีสติ


“ซีจิ่ว ดินแดนผีสางแห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ ไม่มีหนทางออกใดๆ เลย…” เยี่ยนเฉินบอกเล่าสถานการณ์อย่างรวดเร็ว


กู้ซีจิ่วมองดูท้องฟ้า “ข้างบนล่ะ?”


เยี่ยนเฉินส่ายหน้า “ข้างบนมีเขตแดน…” เขาเล่าเรื่องที่ก่อนหน้านี้ตนซัดฝ่ามือโจมตีเขตแดนออกมา


กู้ซีจิ่วหลุบตามองเสาธงที่กอดไว้ต้นนี้ เสาธงนี้เหล็กก็มิใช่ทองก็มิเชิง เกลี้ยงเกลาอย่างยิ่ง เมื่อกอดไว้ยังรู้สึกอุ่นนิดๆ ด้วย…


“ผีดิบของที่นี่สามารถสังหารได้ ใช้วิธีหักคอพวกมัน!” กู้ซีจิ่วเอ่ยด้วยเสียงลุ่มลึก


เมื่อได้ยินวาจาสายตาของทุกคนล้วนทอประกาย!


เหตุผลที่พวกเขาถูกไล่ต้อนอย่างจนตรอกเช่นนี้ก็เป็นเพราะหาวิธีสังหารเจ้าพวกนี้ไม่ได้ หากว่ามีวิธีสังหารพวกมัน เช่นนั้นพวกเขายังจะหนีหัวซุกหัวซุนอยู่หรือ?!


“การหักคอพวกมันต้องได้องศาที่เหมาะสม ต้อง…” ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังเอ่ยขั้นตอนลงมือ อิงเหยียนนั่วที่อยู่ข้างกายก็โผลงไปข้างลงแล้ว “ข้าจะทำเป็นตัวอย่างให้!”


เขาเคลื่อนไหวว่องไวปานฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็พุ่งไปถึงด้านหลังของผีดิบตนหนึ่ง ยื่นแขนออกไป ออกแรงบิดอย่างคล่องแคล่ว…


คอของผีดิบตนนั้นถูกบิดจนหัก ล้มลงพื้นทันที


คนที่เหลือมองแล้วฮึกเหิมเร่าร้อนขึ้นมา จางฉูฉู่ไถลลงมาจากเสาธง “ยังจะรออะไรอีกเล่า?! ฆ่าไอ้ลูกหลานบัดซบพวกนี้กัน!”


นางชิงชังผีดิบเหล่านี้ยิ่งนัก บัดนี้พอทราบวิธีสังหารพวกมันแล้ว นางจึงระงับกำลังที่ลุกโหมอยู่ในร่างไม่ไหว โฉบลงบนร่างผีดิบตัวหนึ่งโดยตรงราวกับเหยี่ยวก็มิปาน หักคออีกฝ่ายอย่างรุนแรงด้วยวิธีที่ถูกต้องทันที!


ผลคือออกแรงมากเกินไป ทำให้หัวอีกฝ่ายบิดหมุนสามร้อยหกสิบองศา ห้อยร่องแร่งเหมือนกระเป๋าขาดๆ


“ฮ่าๆๆ! มีความสุขนัก!” จางฉูฉู่หัวเราะเสียงดัง พุ่งเข้าหาผีดิบอีกตัวทันที…


เล่อจื่อซิ่ง เล่อชิงซิ่งก็กระโดดลงไปด้วย พวกเขาก็มีโทสะอัดแน่นอยู่เต็มท้องเช่นกัน ต้องการลงไปเตะต่อยระบายโทสะอย่างเร่งด่วน


ความกล้าหาญของหลานไว่หูถูกกระตุ้นขึ้นมาอยากพุ่งลงไปล้างแค้นเหมือนกัน


“จิ้งจอกน้อย เจ้าพาเชียนหลิงอวี่ไปรออยู่ข้างบนเถอะ เยี่ยนเฉิน เจ้านำคนอื่นกวาดล้างผีดิบข้างล่างให้สิ้นซาก กวาดล้างเสร็จก็หาสถานที่ปลอดภัยแล้วให้จิ้งจอกลงไป ข้าจะไปดูเขตแดนนั้นสักหน่อย!”


กู้ซีจิ่วสั่งการไปทีละคน จากนั้นก็ส่งเชียนหลิงอวี่ให้หลานไว่หู ใช้วิชาเคลื่อนย้าย พุ่งขึ้นไปทันที!


ดูเหมือนการมาถึงของพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองจะทำให้ขวัญกำลังใจของทุกคนเข้มแข็งขึ้นมา แม้แต่ดวงตาของจิ้งจอกน้อยก็เบิกกว้างกลมโตขึ้นเช่นกัน อาศัยเรี่ยวแรงมากมายที่คล้ายจะผุดออกมาจากอากาศ ลากเชียนหลิงอวี่ไต่เสาธงขึ้นไปปานลากลูกไก่น้อย ด้วยเกรงว่าเขาจะหมดสติไป จึงตะโกนใส่หูเขา “เชียนหลิงอวี่ ซีจิ่วมาแล้ว พวกเรามีทางรอดแล้ว! เจ้าห้ามยอมแพ้นะ! ได้ยินไหม! ระยะนี้เจ้าทำผิดต่อนางมาโดยตลอด เจ้ายังไม่ได้ขอโทษนางกับปากตัวเองเลย ได้ยินว่านางจะอภัยให้เจ้า…”



บทที่ 949 ซีจิ่วจะช่วยเขา


เชียหลิงอวี่พยักหน้ารัวๆ ดั่งตำกระเทียม “ข้าจะยืนหยัด! ข้ายืนหยัดได้แน่นอน! ข้ายังต้องฟื้นฟูกลุ่มสามสหายของพวกเรา อันที่จริงข้าฝันว่าอยากจะกลับไปเสมอ…” ยาในร่างเขาค่อยๆ ออกฤทธิ์แล้ว ความเร็วในการกลายร่างเป็นผีดิบชะลอลง แต่เนื่องจากฤทธิ์ของยา เส้นเอ็นและหลอดเลือดทั่วร่างจึงปวดร้าวอย่างมิอาจต้านทานได้ เต้นตุบๆ แต่เขากัดฟันฝืนข่มกลั้นไว้


เขารู้ดี ซีจิ่วจะช่วยเขา และจะช่วยเขาได้แน่นอน!


กู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านบนก็ประสบปัญหายุ่งยากเช่นเดียวกับเยี่ยนเฉิน เขตแดนด้านบนเยียบเย็นยิ่งนัก แตะลงไปก็สามารถแช่ผิวหนังให้แข็งจนลอกออกมาได้ โชคดีที่กู้ซีจิ่วเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ใช้กรงเล็บสำหรับปีนเกาะลงไปโดยตรง หลังจากเกาะแน่นแล้ว เธอลงมือด้วยวิธีแบบที่ทำลายเขตแดนก่อนหน้านี้อีกครั้ง ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เช่นเคย


ดูเหมือนวิธีทำลายเขตแดนด้านนอกกับวิธีทำลายเขตแดนด้านในจะไม่เหมือนกัน กู้ซีจิ่วลอบกำหมัด


เขตแดนนี้เธอค่อนข้างคุ้นเคยอยู่บ้าง ชาติก่อนตอนเธอเป็นนักฆ่าช่วงที่ติดตามเรียนรู้วิชากู่อยู่ข้างกายปรมาจารย์ ก็ศึกษาวิธีทำลายเขตแดนที่เกิดจากวิชากู่มาบ้าง และเขตแดนที่อยู่เบื้องหน้านี้คล้ายจะเป็นเขตแดนที่เกิดจากการผสมผสานวิชากู่ของยุคปัจจุบันกับเวทวิชาของยุคนี้เข้าด้วยกัน


ผู้คนของยุคนี้ใช้เวลาเนิ่นนานก็ไม่อาจทำลายได้ คงจะมีเพียงคนที่ศึกษาศาสตร์ทั้งสองแขนงมาอย่างเธอถึงสามารถหาทางทำลายได้…


ยังมีผีดิบชุดขาวที่ด้านล่างพวกนั้นอีก มันไม่ใช่ผีดิบแบบในตำนานดั้งเดิม แทนที่จะกล่าวว่าพวกมันเป็นผีดิบมิสู้เรียกว่าซากกู่ดีกว่า เกิดจากกู่บินชนิดหนึ่งคอยบงการควบคุมซากศพ กู้ซีจิ่วเคยมีโชคได้พบเห็นอยู่ครั้งหนึ่ง


เพียงแต่ซากกู่ที่เธอเจอตอนนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลิงกอริลลา ยามนั้นซากกอริลลาตัวนั้นเข้าโจมตีเธอ เธอสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมหาศาลถึงหาวิธีจัดการสังหารมันได้


ตอนที่เธอเพิ่งบุกเข้ามาพอได้พบผีดิบชุดขาวเหล่านี้ เห็นเห็นรูปลักษณ์และรูปแบบการโจมตีของพวกมัน ก็ทราบแล้วว่าพวกมันคล้ายคลึงกับซากกอริลลาตัวนั้น ดังนั้นเธอจึงสามารถหาวิธีสังหารเจ้าพวกนี้ได้ทันที…


ตั้งแต่กู่ซีจิ่วทราบที่มาของปรมาจารย์กู่คนนั้นรวมถึงเรื่องที่เขายังไม่ตาย ก็ทราบว่าต่อไปคนผู้นี้คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ จะต้องหวนกลับมาอีกครั้งเป็นแน่


ดังนั้นกว่าหนึ่งปีมานี้นอกเหนือจากการฝึกฝนวรยุทธ์แล้ว เธอยังศึกษาค้นคว้าวิธีการต่างๆ เพื่อต่อกรกับเขา หลอมตัวยาบางอย่างที่สัมพันธ์กันเตรียมไว้ข้างกาย ตอนนี้ได้ใช้การแล้วจริงๆ!


เพียงแต่เขตแดนนี้พิสดารยิ่งนัก ดูท่าว่าเธอจะทำลายจากด้านในไม่ได้ คงต้องหาตาค่ายให้เจอ


สถานที่แห่งนี้โหดร้ายเกินไป หากไม่ทำลายทิ้งเสีย ภายหน้าไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยเพียงใดที่หลงเอาชีวิตเข้ามาทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นครั้งนี้เธอไม่เพียงแต่ต้องพาคนของเธอออกไปเท่านั้น ยังต้องหาทางพังที่นี่ให้ย่อยยับไปอย่างสมบูรณ์ด้วย!


“มีวิธีไหม?” ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังขบคิดอยู่ตรงนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ตัว ทำให้เธอสะดุ้งโหยง


เธอปรายตามองแวบหนึ่ง อิงเหยียนนั่วลอยอยู่ข้างกายเธอ เขาใช้แขนเสื้อเกาะเขตแดนไว้เพื่อค้ำน้ำหนักตัว


แววตากู้ซีจิ่วไหวนิดๆ ด้วยวรยุทธ์ของเธอ ยังสัมผัสไม่ได้เลยว่าอิงเหยียนนั่วเหาะมาถึงข้างกายเธอตั้งแต่ตอนไหน


วรยุทธ์ของเจ้าเด็กนี้ประหลาดนัก!


เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพลังยุทธ์คือพลังวิญญาณขั้นหกกับอีกสองส่วน แต่สามารถสำแดงกระบวนท่าที่อยู่ในระดับผู้มีพลังวิญญาณขั้นแปดได้ ศาสตร์บางอย่างสูงส่งจนน่าเหลือเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นศาสตร์ด้านการสืบรอยจับตามองคน…


กู้ซีจิ่วก็เป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนประหลาดใจอยู่บ่อยครั้งคนหนึ่ง แต่เธอรู้สึกว่าเจ้าเด็กที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เป็นปาฏิหาริย์ในปาฏิหาริย์อีกที ความสามารถคล้ายว่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่ยามปกติเหมือนแสร้งทำเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ จงใจทำตัวอ่อนแอ…


ที่แท้เขาเป็นใครกัน?


พฤติกรมยามปกติของเขาไม่เหมือนเด็กอายุสิบห้าเลยจริงๆ รอบรู้มากกว่าเด็กในวัยนี้ คงมิใช่ว่าทะลุมิติมาเหมือนกันกระมัง?!


————————————————————————————-


 บทที่ 950 เหนียวหนึบยิ่งกว่าแผ่นยาหนังสุนัข


กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างวิตกจริตแล้ว เห็นใครผิดเพี้ยนไปหน่อยก็นึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ทะลุมิติมา…


อิงเหยียนนั่วถูกเธอมองจนหนังศีรษะชา จึงเลิกคิ้วเอ่ยถาม “เป็นอะไร?”


กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ทำไมเจ้าไม่อยู่กวาดล้างผีดิบที่ด้านล่างกับพวกเขา แล่นขึ้นมาข้างบนทำไม?”


อิงเหยียนนั่วกระแอมคราหนึ่ง “ข้างล่างมีพวกเขาเก็บกวาดก็พอแล้ว ข้าขึ้นมาดูว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยไหม…”


หน้าที่ที่นายท่านมอบหมายให้เขาคืออยู่กับนางตลอดเวลา โดยเฉพาะยามที่มีอันตราย


ดังนั้นมู่เตี่ยนจึงตามติดกู้ซีจิ่วเป็นพิเศษ เหนียวหนึบยิ่งกว่าแผ่นยาหนังสุนัข


สี่ทูตที่ติดตามอยู่ข้างกายท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศทุกคน เป็นคนที่ท่านเทพศักดิ์ค่อยๆ เสาะหามาจากทั่วสารทิศ


ทุกคนไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะด้านพลังวิญญาณ เชี่ยวชาญการต่อสู้ มีทักษะรอบด้านเท่านั้นยังเป็นสิบแปดมงกุฎอีกด้วย ในช่วงคับขันแสร้งทำตัวองอาจหรือขายความน่ารักก็ได้


สามารถเล่นเป็นตัวโง่งมน้อยที่ทำอะไรไม่เป็นเลยได้ และสามารถเล่นเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งที่เก่งกาจเหนือสามัญได้


ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาเลิศล้ำและแข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์สวรรค์เสียอีก เพียงแต่ไม่มีผู้ใดทราบ


แน่นอนว่าด้านพลังวิญญาณก็เช่นกัน


ทุกคนล้วนบรรลุพลังวิญาณขั้นเก้าขึ้นไป มู่เตี่ยนทราบว่าบทบาทที่ตนแสดงคือผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกสองส่วน ดังนั้นจึงคอยระมัดระวังเก็บงำพลังที่แท้จริงอยู่ตลอด ทุกกระบวนท่าที่ใช้ล้วนเป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่ผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกสองส่วนสามารถฝึกฝนและสำแดงออกมาได้ทั้งสิ้น


แต่อย่างไรก็ตามด้วยศักยภาพของเขา ถึงแม้กระบวนท่าจะเป็นของขั้นหกสองส่วน แต่อานุภาพที่สำแดงออกมาก็ยังคงสูงมากอยู่ดี


พลังสายตา ความเร็วในการตอบสนอง รวมถึงพละกำลังล้วนสมบูรณ์เหมาะเจาะไปหมด


เขารู้สึกว่าตัวเองเล่นได้เหมือนมากแล้ว แต่แววตาที่กู้ซีจิ่วมองมาคล้ายว่าจะค่อนข้างสงสัยในตัวเขาบ้างแล้ว…


เขาค่อยๆ ออกห่างเธอเล็กน้อยอย่างไร้สุ้มเสียง มองเขตแดนที่อยู่ด้านบน “ใช้วิธีก่อนหน้านี้ของเจ้าทำลายได้หรือไม่?”


กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ได้ ต้องตามหาตาค่ายข้างล่างแล้วทำลาย เจ้ามีวิธีดีๆ บ้างไหม?”


มู่เตี่ยนก็เป็นมือดีด้านการทำลายเขตแดนเช่นกัน เขาใคร่ครวญอยู่ว่าหากใช้กระบวนท่าของขั้นเก้ามาฝืนทำลาย น่าจะทำลายกระดองเต่านี้ได้ แต่แบบนั้นคงจะเป็นการเปิดโปงอย่างสิ้นเชิง…


ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ไม่มี!”


กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง สูดหายใจเบาๆ “เช่นนั้นพวกเราลงไปคิดหาทางกันเถอะ!” พลันเคลื่อนย้ายลงไปข้างล่างเสียงดังวิ้ง


มู่เตี่ยนสบถออกมาคำหนึ่ง วิชาตามรอยของเขาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเลิศ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการติดตามเป้าหมายที่เป็นวิชาเคลื่อนย้ายนั้นค่อนข้างกินแรงอยู่บ้าง…


เขาเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะเกิดอุบัติเหตุ จึงกระโจนพรวดลงไปทันที


ด้านล่างพวกเยี่ยนเฉินกวาดล้างจนได้ที่ว่างผืนหนึ่งแล้ว ผีดิบชุดขาวส่วนหนึ่งล้มตายเกลื่อนกลาด หลานไว่หูกอดเชียนหลิงอวี่นั่งอยู่ใต้เสาธง กำลังรออย่างกระวนกระวาย


เดิมทีก็เป็นฤดูหนาวอยู่แล้ว ซ้ำอุณหภูมิของที่นี่ยังต่ำกว่าโลกภายนอกหลายองศา เชียนหลิงอวี่ได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ความเร็วในการเปลี่ยนเป็นผีดิบจะชะลอลงแล้ว แต่ร่างกายก็กลายเป็นอ่อนแอลงมาก ค่อนข้างไม่ถูกกับอากาศหนาวยิ่งนัก ใบหน้าซีดเขียวดั่งคนตาย หนาวปากคอสั่นฟันกระทบกันกึกๆ


หลานไว่หูทนไม่ไหวจึงกอดเขาไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้ความอบอุ่น ซ้ำยังดึงผ้าคลุมขนเตียว (ขนมิ้งค์) บนร่างออกมาห่มให้เขาด้วย ไม่ลืมจะเอ่ยปลุกขวัญเขา “เชียนหลิงอวี่ ยืนหยัด ยืนหยัดไว้! อย่ากลายเป็นตัวประหลาดนะ!”


เชียนหลิงอวี่ไม่อยากให้นางกอด พยายามจะเขยิบออกสุดกำลัง “อย่า…อย่าเข้าใกล้ขนาดนี้ ข้ากลัวว่าหากควบคุมไว้ไม่อยู่…จะข่วนเจ้าบาดเจ็บได้…”


หลานไว่หูพยายามควบคุมเขาอย่างเต็มที่ “เจ้าต้องยืนหยัดไว้จะได้ไม่ข่วนข้าจนบาดเจ็บ…” เธอทุ่มเทกำลังกว่าเดิมปกป้องเขาไว้ในวงแขนอย่างแน่นหนา ซ้ำยังจับมือเย็นเฉียบที่เริ่มเป็นสีเขียวคล้ำของเขาไว้ “อย่ากลายเป็นผีดิบนะ ถ้ากลายเป็นผีดิบข้าจะเป็นคนแรกที่เจ้าทำร้าย…แน่นอนว่าเจ้าหักใจทำไม่ลงหรอกใช่ไหม?”


————————————————————————————-

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)