ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 944-945
ตอนที่ 944 ลูกข่าง
ในลมสีม่วงมองเห็นเส้นแสงสีขาวจางอย่างที่สุดสายหนึ่งอยู่เลือนราง มันผสมอยู่ในลมสีม่วงจนสัมผัสได้ยากยิ่ง
“นี่มันปราณจิตวิญญาณ…” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วขณะที่ปากเอ่ยพึมพำ
ตามที่เยี่ยโจ่งบอกในร่างของอสูรยักษ์ป่าเถื่อนเป็นพื้นที่เอกเทศที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ตั้งแต่เขาเข้ามาในท้องของอสูรยักษ์ก็สัมผัสคลื่นปราณจิตวิญญาณไม่ได้แม้แต่สายเดียวจริงๆ
ถ้าเช่นนั้นปราณจิตวิญญาณเหล่านี้ในตอนนี้มาจากที่ไหนกันเล่า?
ในใจหลิ่วหมิงครุ่นคิดเช่นนี้ แต่ฝีเท้ากลับไม่หยุดแม้แต่นิด เขาเดินตามร่างของตัวอ่อนเบื้องหน้าไป ไม่นานเขาก็เดินออกจากอุโมงค์กำแพงเนื้อเส้นนี้ เบื้องหน้าเป็นทางแยกสี่ทาง
ครั้งนี้ตัวอ่อนสองตัวไม่หยุดนานเท่าไร พวกมันคืบคลานตามหลังกันไป เมื่อเลี้ยวครั้งหนึ่งก็มุดเข้าไปในอุโมงค์กำแพงเนื้อเส้นที่อยู่ทางซ้าย
ในใจหลิ่วหมิงจดจำเส้นทางที่มาอยู่เงียบๆ แล้วก็ติดตามด้านหลังตัวอ่อนไปเช่นนี้ เขาเดินผ่านอุโมงค์กำแพงเนื้อเส้นแล้วเส้นเล่า เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปก็ผ่านทางแยกมากขึ้นเรื่อยๆ รอบด้านมีตัวอ่อนปรสิตที่เกิดใหม่ปรากฏตัวมากขึ้นทุกที คล้ายกับว่าพวกมันล้วนคลานไปในทางเดียวกัน
เขาติดตามไปอย่างเงียบเชียบ เขาสัมผัสได้อย่างว่องไวว่าปราณจิตวิญญาณรอบด้านคล้ายจะหนาแน่นขึ้น
“หรือว่า…” เขาคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา ในใจอดไม่ได้ตื่นเต้นยินดี
เวลาชั่วจิบชาหนึ่งถ้วยผ่านไปอีกหน หลิ่วหมิงหยุดยืนอยู่ในพื้นที่ว่างขนาดไม่ใหญ่สุดปลายอุโมงค์เส้นหนึ่ง
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาเวลานี้คือกำแพงเนื้อรูปวงกลมพื้นที่ราวเจ็ดแปดจั้งซึ่งไม่ต่างจากสถานที่อื่นแต่อย่างใด ตอนนี้มันมีตัวอ่อนปรสิตมากมายยั้วเยี้ยอัดแน่นอยู่ด้านใน ตัวอ่อนคลานเบียดกันไปมา มองไปเหมือนหนอนแมลงเป็นขโยงกำลังคืบคลานอยู่บนเนื้อเน่าชวนให้คนขนหัวลุกอย่างห้ามไม่ได้อยู่เล็กน้อย
ในอุโมงค์ทั้งเส้นที่เขาเข้ามาเวลานี้ก็ถูกตัวอ่อนปรสิตทะลักเข้ายึดครองเช่นกัน พวกมันตัวแล้วตัวเล่าแย่งชิงกันคลานมายังกำแพงเนื้อทรงกลมเบื้องหน้า
ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนบนหัวไหล่หลิ่วหมิงแผ่แสงสีน้ำเงินอ่อนออกมาซ่อนเร้นกลิ่นอายของเขา ตัวอ่อนที่บ้าคลั่งเหล่านี้รอบด้านไม่รับรู้สักนิดว่าข้างกายยังมีพวกต่างเผ่าเช่นเขาคนนี้อยู่ด้วย พวกมันพากันคลานเฉียดข้างกายเขาไป
ตัวอ่อนทั้งหลายบนกำแพงเนื้อส่งเสียง “ฟ่อๆ” พักหนึ่งจากนั้นพวกมันก็ทยอยมุดเข้าไปในกำแพงเนื้อ ที่ว่างที่เกิดขึ้นถูกตัวที่มาทีหลังยึดครองอย่างรวดเร็ว
อุโมงค์ทั้งเส้นยังคงอบอวลไปด้วยลมกัดกร่อนสีม่วงหนาทึบ แต่หลิ่วหมิงสัมผัสปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินไม่น้อยที่ผสมปะปนอยู่ด้วยได้อย่างชัดเจน
หลิ่วหมิงครุ่นคิดในใจเร็วไว ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยปากท่องมนตร์อย่างไร้เสียง ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ ปรากฏวงกระเพื่อมสีดำวงแล้ววงเล่าขึ้นมา
วิชาอนธการค้นวิญญาณนั่นเอง!
ตัวเขาในเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างเห็นชัดเจนว่าปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินสายแล้วสายเล่ากำลังซึมออกมาจากกำแพงเนื้อรูปวงกลมก้อนนี้เบื้องหน้า
ภายในร่างอสูรยักษ์กับโลกภายนอกตัดขาดจากกัน มันย่อมไม่มีทางเกิดปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินขึ้นมาเองได้ ถ้าเช่นนั้นปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินที่อัดเต็มพื้นที่เหล่านี้ โฉมหน้าที่แท้จริงคือสิ่งใดไม่ต้องบอกก็รู้
ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกาย เขารีบใช้จิตสัมผัสสำรวจด้านในกำแพงเนื้อ ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
กำแพงเนื้อที่ขวางอยู่เบื้องหน้านี้เต็มไปด้วยรัศมีสีเลือดชั้นหนึ่ง เมื่อจิตสัมผัสของเขาสัมผัสโดนก็ถูกดีดกลับมาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แทรกเข้าไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
หลิ่วหมิงมองกำแพงเนื้อตรงหน้า ทันใดนั้นดวงตาพลันทอประกายเจิดจ้า แม้ไม่เห็นว่าเคลื่อนไหวอย่างไร แต่ปราณดำบนร่างพลุ่งพล่านออกมา ท่ามกลางปราณดำที่ม้วนถาโถมได้ยินเสียงมังกรกับพยัคฆ์คำรามอยู่เลือนราง
คลื่นพลังเวทรุนแรงทำให้อุโมงค์สั่นสะเทือน ตัวอ่อนปรสิตรอบด้านมองมาทางหลิ่วหมิงอย่างพร้อมเพรียง ตัวอ่อนไม่น้อยงอร่างแล้วดีดตัวพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงท่ามกลางเสียงร้องแหลมที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู
ตัวอ่อนเหล่านั้นราวกับเม็ดฝนสีแดงพุ่งเข้ามาทั่วทุกสารทิศ สภาพค่อนข้างชวนตระหนก
“เหอะ!”
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน ปราณทั่วร่างฉับพลันก่อตัวเป็นเกราะป้องกันที่มีปราณดำไหลวนเวียน
แทบจะในพริบตาต่อมาตัวอ่อนเกือบร้อยตัวก็พุ่งปักลงบนเกราะป้องกันสีดำ
รอยยุบขนาดเท่ากำปั้นรอยแล้วรอยเล่าปรากฏขึ้นบนเกราะป้องกัน จากนั้นมันก็สมานสนิทอย่างรวดเร็ว เสียงปึกๆ ราวกับเม็ดฝนกระทบใบตองดังขึ้นพักหนึ่ง แต่ไม่สะเทือนเกราะป้องกันแม้แต่น้อย
“ไป”
สองแขนของหลิ่วหมิงมีเสียงเปรี๊ยะดังก้องออกมาพักหนึ่ง ทันใดนั้นพวกมันก็หนาขึ้นหนึ่งเท่า จากนั้นเลือนหายไป พร้อมกับที่เงาหมัดสีดำสนิทนับไม่ถ้วนกระหน่ำต่อยเข้าใส่กำแพงเนื้อทรงกลมเบื้องหน้าอย่างดุดัน
จุดที่เงาหมัดพุ่งผ่าน ตัวอ่อนที่สัมผัสโดนต่างทยอยกลายเป็นเศษเนื้อกองแล้วกองเล่ากระเด็นไปรอบด้าน
ครู่ต่อมาคลื่นปราณสีดำก้อนแล้วก้อนเล่าก็ระเบิดบนกำแพงเนื้อ เสียงดังกังวานไปทั่วทั้งอุโมงค์ เกิดลมพายุสีดำขมุกขมัวสายแล้วสายเล่าพัดดังหวีดหวิดไปรอบด้านอยู่เลือนราง
กำแพงเนื้อฝั่งตรงข้ามสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ตัวอ่อนมากมายถูกสังหารเป็นเศษเลือดเนื้อปลิวกระจายในพริบตา เผยให้เห็นกำแพงเนื้อสีแดงสดที่ขยับขยุกขยิกไปมาไม่หยุดด้านหลัง
กำแพงเนื้อถูกเงาหมัดสีดำนี้โจมตีหนักหน่วงจนหลั่งเลือดออกมาไม่หยุด ยิ่งหลั่งยิ่งเจิ่งนองจนกลายเป็นสีแดงก่ำดุจโลหิต
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่น!
เพียงห้าถึงหกลมหายใจหลังจากนั้นกำแพงเนื้อทั้งผืนในที่สุดก็ระเบิดแหวกเป็นทางจากการกระหน่ำโจมตีของเงาหมัดสีดำ
ทว่าในเวลานี้เองแสงรัศมีสีเลือดชั้นหนึ่งพลันโผล่ออกมาจากในกำแพงเนื้อขวางการโจมตีจากเงาหมัดที่ตามหลังมาไว้
หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม แสงสีดำบนร่างส่องสว่าง กล้ามเนื้อบนแขนทั้งสองข้างหนาขึ้นอีกเท่าหนึ่ง ลวดลายจิตวิญญาณสีดำสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นบนผิวของเขาในทันใด
“ทลาย!”
เขาตวาดดุดันแล้วโจมตีหนึ่งหมัดออกมาอย่างรุนแรง มังกรสีดำยาวตัวหนึ่งฉับพลันพุ่งออกมาจากปราณดำบนร่าง มันแยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บด้วยพลังอันน่าตะลึง
เสียงมังกรคำรามสะเทือนฟ้าดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
มังกรหมอกสีดำขดร่างหดกลับไปอีกครั้งก่อนจะกลายเป็นหมัดยักษ์สีดำขนาดหลายจั้งหมัดหนึ่ง พลังมหาศาลน่าหวาดกลัวสายหนึ่งปะทุออกมากระแทกบนกำแพงเนื้อในทันใด
แสงสีเลือดระเบิดกระจายพร้อมเสียงหนักหน่วงในพริบตา ในเวลาเดียวกันบนกำแพงเนื้อก็มีรูขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมารูหนึ่ง ปราณจิตวิญญาณหนาทึบสายหนึ่งฉับพลันทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เก็บลมปราณแข็งแกร่งบนร่างไป ร่างกายขยับวูบหนึ่งร่อนลงเบื้องหน้ากำแพงเนื้อที่แหวกออก
ตัวอ่อนปรสิตที่อยู่ใกล้กำแพงเนื้อล้วนถูกกระแทกปลิวออกไปเพราะการโจมตีอันรุนแรงเมื่อครู่ และมีไม่น้อยที่ถูกอัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากการโจมตี
หลิ่วหมิงไม่ได้บุ่มบ่ามพุ่งเข้าไปทันที อย่างไรด้านในมีอะไรอยู่ก็ไม่มีใครรู้ สายตาเขามองผ่านรอยแยกของกำแพงเนื้อเข้าไปด้านใน
เขาเห็นอยู่เลือนรางว่าด้านในคือพื้นที่ว่างกว้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงเนื้อ แลดูคล้ายจะเงียบสงบ แต่อัดแน่นไปด้วยไอหมอกสีม่วงที่หนาทึบยิ่งกว่า ทัศนวิสัยแย่ยิ่งนัก
ด้วยพลังสายตาของหลิ่วหมิงก็พอมองเห็นชัดได้เพียงระยะยี่สิบถึงสามสิบจั้งเท่านั้น
วิ้ง วิ้ง วิ้ง!
ในเวลานี้เองมุกสนองตอบก็ลอยออกมาจากในแขนเสื้อของหลิ่วหมิงด้วยตัวเองแล้วส่องแสงสีทองระลอกแล้วระลอกเล่าออกมา
“อยู่ด้านในนี้จริงๆ” เห็นเช่นนี้หลิ่วหมิงก็ยินดี
ในเวลานี้เองด้านหลังร่างเขาก็มีเสียงกรีดร้องดุร้ายดังขึ้น ตัวอ่อนปรสิตมากกว่าเดิมโถมเข้ามาจากอุโมงค์ ในหมู่พวกมันมีหนอนประหลาดที่ร่างกายขนาดค่อนข้างใหญ่จำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย คิดว่าคงถูกคลื่นพลังเวทรุนแรงเมื่อครู่ชักนำมา
ทันใดนั้นหนอนปรสิตประหลาดตัวใหญ่ตัวน้อยนับไม่ถ้วนก็ก่อตัวเป็นคลื่นหนอนโถมเข้ามาดังครืน
หลิ่วหมิงตกตะลึงไม่กล้าชักช้าอยู่ที่นี่อีก เขาโฉบวูบเดียวพุ่งผ่านกำแพงเนื้อบินเข้าไปในพื้นที่ว่างฝั่งตรงข้าม
หนอนปรสิตประหลาดพุ่งผ่านกำแพงเนื้อตามเข้ามาติดๆ ทว่าเวลานั้นเงาร่างของหลิ่วหมิงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
หนอนปรสิตประหลาดตัวใหญ่ที่ปากทางพากันยกหัวขึ้น ‘มอง’ ไปรอบด้านพักหนึ่ง หลังจากค้นหาหลิ่วหมิงไม่พบจึงทยอยแยกย้ายกันไป
ทว่าตัวอ่อนเหล่านั้นยังอยู่ที่เดิม อ้าๆ หุบๆ ปากขนาดเล็ก กรีดร้องอย่างตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับผู้ฝึกฝนที่สูดลมหายใจเข้าออก
สูงขึ้นไปสิบกว่าจั้งกลางอากาศ เงาคนสีดำร่างหนึ่งลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ คือหลิ่วหมิงที่ใช้ภาพสัญลักษณ์ปิดซ่อนกลิ่นอายอยู่นั่นเอง
เขามองการเคลื่อนไหวของหนอนปรสิตประหลาดทั้งหลายเบื้องล่าง แววตาวูบไหวเล็กน้อย ตอนนี้ถึงเพิ่งจะเข้าใจขึ้นมา
แม้หนอนปรสิตเหล่านี้จะไม่ใช่ปีศาจอสูร แต่พวกมันเข้าใจว่าการกลืนกินปราณจิตวิญญาณมีประโยชน์ มิน่ามันจึงมารวมตัวกันที่นี่
ในใจคิดเช่นนี้แล้วหลิ่วหมิงก็เอามุกสนองตอบออกมาอีกครั้ง มือยิงเคล็ดวิชาหลายสายเข้าไป
มุกสนองตอบเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมาทันที ลวดลายจิตวิญญาณบนผิวไหลวนอยู่พักหนึ่งก็ชี้เลือนรางไปยังทิศทางหนึ่ง
หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นร่างกายก็ขยับไปยังทิศทางที่มุกสนองตอบเคลื่อนไป แต่หลังจากเพิ่งลอยไปได้ไม่เท่าไร เขาก็ทำหน้าตกตะลึงแล้วหยุดเท้า หันไปมองเนื้องอกชิ้นหนึ่งด้านบน
เขาหรี่ตาทั้งสองข้างลง นิ้วมือดีดทีหนึ่ง คมดาบสายลมสีน้ำเงินอ่อนเส้นหนึ่งก็พุ่งวูบหายไปก่อนจะฟันเนื้องอกออกมาอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นลูกบอลแสงสีน้ำเงินขมุกขมัวดวงหนึ่ง ด้านในมีของขนาดเท่าไข่ไก่ชิ้นหนึ่งร่วงลงมา
หลิ่วหมิงเพียงสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่งหอบลูกบอลแสงสีน้ำเงินมา จากนั้นจึงถูมือทั้งสองข้างเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของมัน
มันก็คือลูกข่างสีน้ำเงินอ่อนที่ทำขึ้นมาอย่างประณีตยิ่งนักชิ้นหนึ่ง!
บนผิวของสิ่งนี้เห็นลวดลายจิตวิญญาณละเอียดยิบวงแล้ววงเล่าอยู่ มันแผ่คลื่นพลังเวทเลือนรางวงหนึ่งไปรอบด้าน ตอบสนองกับลูกบอลกลมสีทองในแขนเสื้อขงเขา
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสองข้างลงเพราะเข้าใจอะไรขึ้นมา
คิดว่าของสิ่งนี้คงจะเป็นวัตถุจิตวิญญาณกำหนดตำแหน่งที่นิกายเทียนกงใส่ไว้ในร่างอสูรยักษ์ตัวนี้
ลูกข่างลูกนี้อยู่ในร่างอสูรยักษ์ตัวนี้มาสามหมื่นปีก็ยังส่งสารบอกตำแหน่งได้อย่างแม่นยำเช่นนี้ พอจะแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญมากมายที่นิกายเทียนกงใส่ไว้ในอุปกรณ์ขื้นนี้
หลิ่วหมิงชื่นชมในใจหลังจากนั้นก็เก็บลูกข่างไป แล้วเหาะไปด้านหน้าต่อ
ทว่าเนื่องจากจิตสัมผัสกับสายตาใช้ได้อย่างจำกัดยิ่งในที่แห่งนี้ เขาจึงไม่กล้าเหาะเร็วนัก
ผ่านไปไม่นานอากาศรอบด้านก็เริ่มเปียกชื้น คล้ายกับไอความชื้นหนาแน่นมาก
ฉับพลันทันใดก้อนเนื้อสีแดงคล้ำบนพื้นด้านล่างก็มีเสียงขยับเคลื่อนไหวดังขึ้นคล้ายกับมีบางสิ่งคลานผ่านอยู่ด้านใน
หลิ่วหมิงหวาดหวั่นจึงยิ่งระวังมากขึ้นอีก เขาโคจรภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนไม่หยุดแล้วเหาะไปด้านหน้าอย่างเงียบเชียบ
เวลาแต่ละวินาทีแต่ละนาทีเคลื่อนผ่านไป
พื้นที่ว่างด้านในกำแพงเนื้อเหมือนจะใหญ่จนน่าตะลึง หลิ่วหมิงเหาะออกไปได้ระยะหนึ่ง ด้านหน้าก็ยังคงเป็นไอหมอกสีม่วงที่ลอยตลบอบอวล ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นปลายทาง
ขณะที่หลิ่วหมิงคาดเดาอยู่ในใจนั่นเอง บนพื้นไม่ไกลออกไปก็มีแสงส่องสว่างขึ้นมา ความคิดของเขาถูกดึงกลับมา ร่างกายฉับพลันหยุดอยู่กลางอากาศแล้วลอยลงไปบนพื้นตรงนั้นอย่างเชื่องช้า
ตอนที่ 945 เตาหลอมปรากฏ
บนพื้นมีศิลาสีน้ำเงินหม่นกองหนึ่งวางอยู่ พวกมันทอแสงเรืองๆ ส่วนใจกลางกองหินมีมีดสั้นที่ทอแสงสีน้ำเงินเล่มหนึ่งปักเอนอยู่
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลิ่วหมิงเมื่อครู่ก็คือแสงที่ส่องออกมาจากมีดสั้น
“ดูเหมือนจะเป็นแร่ที่พลังจิตวิญญาณไม่น้อยชนิดหนึ่ง มีดนี่น่าจะเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับต้นแบบอาวุธเวท น่าเสียดายก็แต่…” หลิ่วหมิงครุ่นคิดรวดเร็วแล้วถอนหายใจอยู่ในใจ
มันสามารถทนต่อการกัดกร่อนของไอหมอกสีม่วงในท้องของอสูรยักษ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นหินแร่สีน้ำเงินหรือมีดสั้นล้วนเป็นสมบัติที่หายาก หากเป็นยามปกติเขาคงเก็บของเหล่านี้เข้ากระเป๋าอย่างแทบทนรอไม่ได้ แต่วันนี้เขากลับไม่กล้าบุ่มบ่ามเคลื่อนไหว
สายตาเขากวาดลงไปเบื้องล่างเห็นเงาร่างหนาสีแดงคล้ำหลายตัวขยับเชื่องช้าอยู่ตรงกองหินแร่สีน้ำเงินพร้อมกับส่งเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาออกมาเป็นระยะ
แม้บนผิวหน้าจะมีหนอนปรสิตขนาดยักษ์เพียงไม่กี่ตัว แต่ลึกลงไปในกำแพงเนื้อใกล้ๆ ก็ไม่รู้ว่ามีซุ่มซ่อนอยู่เท่าไร
หากเขาบุ่มบ่ามลงมือจะต้องดึงดูดความสนใจของหนอนปรสิตประหลาดเหล่านี้แน่ แม้มีภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนกลบกลิ่นอายก็คงยากจะหนีพ้นโดยง่าย
“หินแร่นี่คล้ายแร่ทองแดงเพลิงคราม มีดสั้นก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณโลหะ ดูท่าไอหมอกสีม่วงเหล่านี้ในท้องอสูรยักษ์คงกัดกร่อนวัตถุจำพวกโลหะไม่ได้” เพราะไม่สะดวกหยิบฉวย หลิ่วหมิงจึงไม่ได้รั้งอยู่ตรงนี้นานนัก เขากวาดสายตามองไม่กี่ครั้งก็กระตุ้นพลังเวทเหาะไปด้านหน้าต่อ ในเวลาเดียวกันในใจก็ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
จากนั้นหลิ่วหมิงก็พบวัตถุจิตวิญญาณที่อสูรยักษ์ป่าเถื่อนตัวนี้กลืนเข้ามาในท้องอีกไม่น้อย ทั้งวัสดุจิตวิญญาณ หินแร่และอาวุธจิตวิญญาณนานาชนิด ในหมู่พวกมันมีอยู่หลายชิ้นที่ทำให้หลิ่วหมิงเห็นแล้วตาวาวอย่างยิ่ง
ตัวอย่างเช่นขวานยักษ์มหึมาเล่มหนึ่งที่ใหญ่ถึงสิบกว่าจั้งและมีลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินโบราณแผ่อยู่ทั่วทั้งเล่ม ด้ามขวานแลดูเก่าแก่ใสดุจแก้วผลึก
แล้วก็ตราประทับชิ้นหนึ่งที่สีเขียวหยกทั้งชิ้น บนตราประทับมีลายมังกรเก้าตัวขดรอบอยู่เลือนราง ศีรษะกับกรงเล็บพันต่อกันดูประหนึ่งมีชีวิต ทั่วทั้งชิ้นเปล่งแสงเรืองๆ เปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา
บริเวณใกล้ๆ ของเหล่านี้ย่อมมีหนอนปรสิตประหลาดยึดครองอยู่ไม่น้อย พวกมันชูคออย่างละโมบดูดซับปราณจิตวิญญาณเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากอาวุธจิตวิญญาณ
หลิ่วหมิงผิดหวังยิ่งนัก แต่เพื่อที่จะไม่เปิดเผยตัว เขาได้แต่เมินของเหล่านี้ไป
เวลานี้เขาสัมผัสตำแหน่งของเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณได้อยู่เลือนราง มันอยู่ใกล้ตนเข้ามาทุกทีแล้ว
หลังจากเขาเดินหน้าต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดของวิชาเวทดังมาจากหมอกสีม่วงเบื้องหน้า หลังจากนั้นแสงรัศมีสีเงินสายหนึ่งก็พุ่งวูบหายไป
หลิ่วหมิงตกตะลึง แสงสีเงินนี้ค่อนข้างคุ้นตาทีเดียว
“โฮก!”
เสียงพยัคฆ์คำรามดังมาจากเบื้องหน้าอีกครั้งพร้อมกับเสียงตะโกนลั่นของมนุษย์ เห็นชัดว่านั่นคือหลัวเทียนเฉิง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้แววตาก็ไหววูบ
หลังจากทั้งสองคนเข้ามาในท้องของอสูรยักษ์ พวกเขาก็แยกย้ายกันเคลื่อนไหว คิดไม่ถึงว่าหลัวเทียนเฉิงจะเคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้จนมาถึงก่อนเขา
ในใจเขาครุ่นคิดเร็วไว ขณะที่คนก็เหาะไปข้างหน้าต่ออย่างเงียบเชียบ จนในที่สุดก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน
กลางหมอกสีม่วงที่อยู่ไม่ไกล ลมพายุพัดไปรอบด้าน แสงสีเงินดวงหนึ่งขยับเป็นพัลวันกระแทกเงาสีแดงคล้ำตัวแล้วตัวเล่าที่เข้ามาโรมรัน
กลางดวงแสงสีเงินก็คือหลัวเทียนเฉิงที่สวมชุดเกราะจักรกลสีดำ เวลานี้ไอหมอกสีเงินพลุ่งพล่านอยู่รอบร่างเขา สองหมัดเหวี่ยงดุดันต่อสู้กับหนอนปรสิตประหลาดที่โถมเข้ามาไม่ขาดสายจากทั่วทุกสารทิศอย่างดุเดือดอย่างยิ่ง
ชุดเกราะจักรกลบนร่างหลัวเทียนเฉิงแลดูพังเละอยู่บ้าง โล่ทรงโค้งสีดำที่หัวหมาป่าบนหัวไหล่กางออกมาแตกกระจุยไปแล้วฝั่งหนึ่ง สีหน้าของเขาดูซีดเผือดเล็กน้อยน่าจะเสียพลังเวทจากการต่อสู้ดุเดือดมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวิชาเก็บซ่อนลมปราณเช่นนี้อย่างหลิ่วหมิง ตลอดทางมานี้คงอาศัยสองหมัดเหล็กฟันฝ่ามา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาสองข้างลง!
ดูจากเรื่องนี้ การเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้คงไม่ได้มีทางเดียว
คลื่นพลังเวทรุนแรงล่อหนอนปรสิตประหลาดใกล้ๆ เข้ามาไม่หยุด เสียงกรีดร้องของพวกมันดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้
ไม่นานนักก็มีหนอนประหลาดตัวใหญ่ตัวน้อยราวหลายร้อยตัวล้อมหลัวเทียนเฉิงไว้จนเขาไม่อาจสลัดหลุดได้ในเวลาสั้นๆ
หลิ่วหมิงไม่บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว แต่เฝ้าดูอยู่กลางอากาศไม่ไกลนักอย่างนิ่งสงบ
“ฮ่า!”
สองหมัดของหลัวเทียนเฉิงแยกกันโจมตีสองฝั่ง ไอหมอกสีเงินรอบร่างปั่นป่วนอยู่แวบหนึ่งก็แยกออกจากกัน พยัคฆ์หมอกสีเงินขนาดสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกับมังกรหมอกยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกระโจนออกมา แยกย้ายกันพุ่งไปทางฝูงหนอนสองฝั่ง
เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังขึ้น!
พยัคฆ์หมอกสีเงินแยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บพุ่งเข้าไปในฝูงหนอนแล้วตะปบกรงเล็บไปด้านหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม
ป้าบ ป้าบ ป้าบ! มีหนอนปรสิตประหลาดตัวใหญ่ห้าหกตัวถูกตบปลิวออกไปทันที และมีครึ่งหนึ่งในนั้นถูกไอหมอกสีเงินที่เหลืออยู่กลางอากาศปั่นเป็นเศษเล็กเศษน้อย
อีกด้านหนึ่งมังกรหมอกสีเงินราวกับจะพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทรอยู่กลางทะเลหนอน จุดที่มันผ่านมีหนอนปรสิตประหลาดหลายตัวถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
ทว่าทะเลหนอนที่อยู่ข้างตัวหลัวเทียนเฉิงอย่างน้อยก็มีนับร้อยอีกทั้งจำนวนยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด หนอนเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ดวงตาหลัวเทียนเฉิงฉายแววเหี้ยมเกรียม สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชาดุจกงล้อ ปากเอ่ยคำว่า “ระเบิด” ออกมาเบาๆ คำหนึ่ง
พยัคฆ์หมอกรวมถึงมังกรหมอกสีเงินร่างสั่นสะท้านวูบหนึ่งก็ระเบิดอย่างรรุนแรง คลื่นปราณสีเงินพัดไปสี่ด้านแปดทิศในทันที ทะเลหนอนรอบด้านฉับพลันถูกกวาดจนเกลี้ยงสองแถบใหญ่
วงล้อมถูกระเบิดจนเกิดช่องว่างสองช่องทันที
หลัวเทียนเฉิงฉวยโอกาสกลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งผ่านช่องว่างช่องหนึ่งของวงล้อมออกมา พร้อมกันนั้นในมือก็มีแสงส่องสว่าง โคมทองแดงดวงหนึ่งปรากฏออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาจำโคมทองแดงดวงนี้ได้ ในแดนลึกลับประตูสวรรค์ยามหลัวเทียนเฉิงเผชิญหน้ากับชวีเหยาซึ่งเป็นพวกต่างเผ่าก็เคยหยิบออกมาก่อน พลังค่อนข้างน่าตะลึง
หลัวเทียนเฉิงท่องเคล็ดวิชาอย่างรวดเร็วหลายประโยค จากนั้นจึงอ้าปากพ่นพลังเวทบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาตกลงบนโคมทองแดง เปลวเพลิงสีเงินจุดหนึ่งสว่างขึ้นมา
จากนั้นเขาก็ทำท่าเคล็ดวิชาอีกท่าหนึ่ง เพลิงสีเงินฉับพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าแล้วแกว่งไกวโปรยปรายลงมาเอง มันเลือนหายวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นกำแพงสีเงินมหึมาผืนหนึ่งร่วงลงบนพื้น ขวางหนอนปรสิตประหลาดทั้งหลายไว้ด้านนอก
หลัวเทียนเฉิงอาศัยโอกาสนี้ฝืนต้านไว้แล้วพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร่างกายขยับวูบเดียวก็ตามไปอย่างเงียบเชียบ
แม้หลัวเทียนเฉิงจะสลัดหนอนปรสิตประหลาดโขยงหนึ่งหลุด แต่การต่อสู้รุนแรงเช่นนี้ย่อมทำให้ตัวเขาเหมือนคบเพลิงดวงมหึมาท่ามกลางความมืด เสียงแสกสากดังขึ้นเบื้องหน้า มีหนอนปรสิตขนาดหนึ่งจั้งกว่าหลายสิบตัวทยอยโผล่ออกมากระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้งอย่างรวดเร็วยิ่ง
“สมควรตาย!”
หลัวเทียนเฉิงสีหน้าถมึงทึง เขาไม่มีเวลาใช้โคมทองแดงในมือ จึงหยุดร่างแล้วโยนค้อนประหลาดที่ทอแสงสีแดงวิบวับเล่มหนึ่งออกไปเบื้องหน้า
ค้อนประหลาดหมุนคว้างกลางอากาศอยู่รอบหนึ่งก็กลายเป็นเงาค้อนสีแดงเพลิงมากมายผืนหนึ่งทุบลงไปหาฝูงหนอนเบื้องหน้าอย่างแรง
หลิ่วหมิงมองสถานการณ์เบื้องหน้าแล้วพุ่งผ่านด้านข้าง เหาะรวดเร็วไปเบื้องหน้าแซงหลัวเทียนเฉิงไปทันที
มุกสนองตอบในแขนเสื้อของเขาสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เห็นชัดว่าเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณอยู่ใกล้ๆ แล้ว
“หลิ่วหมิง เจ้า…” ในที่สุดหลัวเทียนเฉิงก็ค้นพบหลิ่วหมิง เขาคำรามขึ้นมาทั้งตกตะลึงทั้งเกรี้ยวกราดอย่างห้ามไม่ได้
เพราะก่อนหน้านี้เขาทุ่มสมาธิรับมือกับทะเลหนอนปรสิตที่ทะลักมาไม่ขาดสายอยู่ตลอด ผนวกกับหลิ่วหมิงใช้ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนซ่อนกลิ่นอายอยู่ เขาจึงไม่สังเกตเห็นการมีอยู่ของหลิ่วหมิงจริงๆ
การเสียสมาธิครั้งนี้ทำให้หนอนยักษ์หลายตัวจากสองฟากฝั่งกระโจนพรวดเดียวมาถึงตรงหน้าในทันใด
หลัวเทียนเฉิงจนปัญญาได้แต่ใช้สมบัติสองชิ้นพร้อมกัน จดจ่อสมาธิรับมือ
เวลานี้หนอนปรสิตทั้งหมดล้วนถูกหลัวเทียนเฉิงดึงดูดไป หลิ่วหมิงขยับไม่กี่หนก็เลี้ยวผ่านอีกโค้ง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายทันที
เบื้องหน้าไม่ไกลมีตำหนักขนาดเล็กที่ถล่มไปเกือบครึ่งหลังหนึ่งอยู่ พื้นที่ขนาดราวครึ่งหมู่ ตำหนักทั้งหลังทอแสงสีขาวเรืองๆ ไอหมอกสีม่วงด้านในจึงสะดุดตาอย่างยิ่ง
อสูรยักษ์ป่าเถื่อนตัวนี้ถึงกับกลืนตำหนักครึ่งหลังเข้ามาในท้องตรงๆ หลิ่วหมิงเห็นแล้วก็หมดคำพูดอยู่บ้างอย่างห้ามไม่ได้
เวลานี้ประตูใหญ่ของตำหนักเปิดอ้ากว้าง มองเห็นหนอนปรสิตประหลาดตัวใหญ่น้อยที่คลานอยู่เต็มไปหมดด้านในได้เลือนราง
ตรงกลางของตำหนักมีแท่นบูชาสามชั้นที่เอียงง่อนแง่นล้มอยู่ที่พื้น ด้านบนสุดของแท่นบูชามีเตาหลอมขนาดเล็กสามขาสีเงินสูงหนึ่งฉื่อกว่าเตาหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างนิ่งสงบส่องแสงสีขาวแสบตาออกมา
เตาหลอมนี้หน้าตาเก่าแก่โบราณ สามขาของเตาดูเหมือนขาสามข้างของอสูร ตัวเตาหลอมวาดลวดลายจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนขดหอยวงแล้ววงเล่าเอาไว้ แม้เวลานี้ไม่มีพลังเวทถ่ายเทเข้าไปแต่มันก็ยังคงแผ่คลื่นแรงกดดันจิตวิญญาณอันชัดเจนสายแล้วสายเล่าออกมา
กลางเตาหลอมสลักอักษรประหลาดสามตัวไว้
หลิ่วหมิงเข้าใจอักษรยุคโบราณอยู่บ้าง แต่อักษรสามตัวนี้เขากลับไม่รู้จัก
ทว่ามุกสนองตอบในแขนเสื้อของเขากลับสั่นไหวอย่างรุนแรงแล้วลอยออกมา มันแผ่แสงสีทองระลอกแล้วระลอกเล่าชี้ไปหาเตาหลอมโบราณสีเงินบนแท่นบูชา
ดูท่านี่คงจะเป็นเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณไม่ผิดแล้ว!
ในดวงตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกายเจิดจ้า ร่างกายขยับพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ประกายแสงสีดำสายหนึ่งปะทุออกมาจากมือกลายเป็นมือปราณขนาดใหญ่สีดำข้างหนึ่งคว้าตรงไปยังเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณ
เขาขยับมือครั้งเดียว หนอนปรสิตที่ครองพื้นที่ในเศษซากตำหนักอยู่ก็สัมผัสได้ในทันที หนอนปรสิตประหลาดตัวที่ใหญ่ที่สุดยาวสองถึงสามจั้งตัวหนึ่งบิดร่างกลายเป็นเงาสีแดงสายหนึ่งกระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงดุจสายฟ้าแลบ สายลมชั่วร้ายโถมจู่โจมใส่ใบหน้าเขาในทันใด
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยันคำหนึ่ง เขาไม่หลบแต่ปราณสีดำบนมือทะลักออกมากลายเป็นพยัคฆ์หมอกสีดำตัวหนึ่งร้องคำรามพุ่งเข้าชนหนอนปรสิตประหลาด
หนอนปรสิตประหลาดนี้มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่หลิ่วหมิงเจอมาจนถึงตอนนี้ เกล็ดบนร่างมีแสงสีแดงไหลเวียนอยู่เลือนราง ตรงท้องน้อยมีกรงเล็บคมดูดุร้ายสีดำสนิทคู่หนึ่งงอกออกมา นิ้วแหลมคมสีดำยาวถึงสองฉื่อกว่าคล้ายกับกระบี่สั้นสีดำ ชวนให้คนสั่นสะท้านทั้งที่ไม่หนาว
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
พยัคฆ์หมอกสีดำสร้างมาจากพลังของวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ พวกมันบรรจุพลังมหาศาลอันไม่อาจดูแคลนได้ไว้ แต่หนอนปรสิตประหลาดขนาดยักษ์ตัวนี้ก็ร้ายกาจเหนือกว่าที่คาด ร่างกายที่เหมือนอสรพิษของมันขยับวูบเดียวก็รับแรงกระแทกจากพยัคฆ์หมอกไว้ได้
“ฟ่อ!”
หนอนปรสิตประหลาดขนาดยักษ์กรีดร้อง กรงเล็บด้านหน้าส่องประกายกรงเล็บคมกริบไขว้ตัดกันผืนหนึ่งครอบลงมาจากกลางอากาศ ฟันตัดร่างกายของพยัคฆ์หมอก
พยัคฆ์หมอกสีดำร้องครวญครางครั้งหนึ่ง ร่างกายก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นปราณดำสายแล้วสายเล่าลอยกระจายไปรอบด้าน
หลิ่วหมิงสะบัดแขนทั้งสองข้างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มังกรหมอกสองตัวก็ร้องคำรามโถมเข้าใส่หนอนประหลาดอีกครั้ง พร้อมกันนั้นร่างกายก็เลือนหายวูบหนึ่งกลายเป็นเงาเลือนรางสี่สายพุ่งรวดเร็วออกไป
สามร่างในนั้นแยกย้ายกันพุ่งเข้าไปใส่หนอนปรสิตตัวอื่นที่โถมเข้ามาด้านซ้ายกับด้านหลัง ส่วนร่างสุดท้ายพุ่งข้ามหนอนปรสิตขนาดยักษ์ด้านหน้าดุจภูตพรายแล้วสร้างมือใหญ่สีดำข้างหนึ่งออกมาเอื้อมไปคว้าเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณที่ลอยอยู่ด้านใน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น