ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 943-948
บทที่ 943 เรือล่อปลามาแล้ว
Ink Stone_Fantasy
หลังจากเคนเนดีออกโรงแล้วได้เริ่มพูดหยอกผู้ร่วมงานก่อน เขาบอกว่าอย่าคิดว่าที่บริษัทเอ็กซ์เพรสเชิญทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงจะมีแต่กินๆ ดื่มๆ เท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเชิญทุกคนมาร่วมหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
มีคนหัวเราะขึ้นมา เคนเนดีจึงทำทีว่าโกรธ ชี้ไปที่เขาแล้วบอกว่าเศรษฐกิจโลกตอนนี้ตกต่ำถึงเพียงนี้ แต่ทุกคนที่เป็นถึงคนสำคัญในสายธุรกิจของตัวเองนั้นกลับคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้อิ่มท้อง ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
หลังจากพูดหยอกเสร็จแล้ว เคนเนดีก็เริ่มพูดถึงสถานการณ์การลงทุนและรายได้ประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรส
บริษัทเอ็กซ์เพรสไม่เพียงแต่เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการวิเคราะห์การเงิน การลงทุนกับข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย เป็นบริษัทระดับแนวหน้าในด้านบัตรเครดิต ตรวจสอบการเดินทาง การท่องเที่ยว และการวางแผนการเงินกับธนาคารนานาชาติ ดังนั้นรายงานการลงทุนของเขานั้นจึงมีค่าอย่างมาก
น่าเสียดายที่ฉินสือโอวดูไม่รู้เรื่อง และเขาก็ไม่สนใจการลงทุนทางการเงินอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องงัดความสามารถที่ใช้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยออกมา นั่นก็คือสองมือเท้าคางไว้ จ้องไปที่หน้าจออย่างเหม่อลอย พวกนายพูดของพวกนายไป ส่วนฉันก็ใจลอยของฉันไป
เขาปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปที่ฟาร์มปลา เริ่มจากไปดูหมึกยักษ์ก่อน ดูว่ามันคุ้นเคยกับอาวุธชุดนี้หรือยัง
คราเคนที่พกกระบองเหล็กที่หนักหน่วงกำลังว่ายไปมาอย่างช้าๆ ใต้ท้องทะเลลึก ท่าทางมันเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ ดวงตาโตสองดวงกำลังจ้องไปรอบด้านอย่างดุร้าย มองดูแล้วเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
กุ้งปลารอบๆ สามารถรับรู้ถึงรังสีนี้ได้แม้ว่าตัวจะอยู่ไกล พวกมันจึงพากันอ้อมไปอีกทางกันอย่างเงียบๆ
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนค้นหาบริเวณรอบๆ ในที่ไม่ไกลนักก็ได้พบเข้ากับฉลามหางยาวตัวนั้นอีก มันกำลังตามหลังหมึกยักษ์ไปด้วยท่าทางลับๆล่อๆ ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่
ฉินสือโอวไม่อยากคิดมาก เพราะอย่างไรเสียพลังการต่อสู้ของฉลามหางยาวกับคราเคนนั้นต่างกันมาก ในรายการอาหารของคราเคนนั้น ฉลามประเภทนี้จัดว่าไม่ได้มีค่าอะไรเลย หากบอกว่าฉลามหางยาวสามารถทำให้คราเคนอยู่ในอันตรายแล้วล่ะก็ ให้ตายท่านฉินคนนี้ก็เชื่อไม่ลง
เมื่อเห็นคราเคนมีชีวิตชีวาดี ฉินสือโอวจึงไปแถวภูเขาหินหนืด อุณหภูมิของน้ำตรงนี้ค่อนข้างสูง ฝูงงูไททันโอโบอาก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว แถมยังมีทีท่าว่าจะสร้างหลักปักฐานกันที่นี่ด้วย งูตัวใหญ่หลายตัวรวมกลุ่มกันอยู่บนภูเขาลูกเล็ก ดูไปแล้วช่างน่าขนลุกเสียจริง
แต่ก็ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิดจะกลัวงูทะเลกันหมด อย่างเช่นครั้งที่แล้วที่ฉินสือโอวเจอปลาตัวใสขนาดยาวเท่านิ้วมือนั้น ก็อาศัยอยู่รอบๆ พวกงูทะเล บางครั้งที่พวกงูทะเลอ้าปาก พวกมันก็มุดเข้าไปในนั้น รอจนพวกมันออกมาก่อน งูทะเลจึงจะปิดปากลง
ฉินสือโอวเห็นแล้วก็เข้าใจทันที ปลาตัวเล็กพวกนี้น่าจะเหมือนกับปลาบำบัด เป็นหมอเท้าเปล่าในบรรดาปลา พวกมันสามารถกำจัดปรสิตให้กับงูทะเลแถมยังสามารถกินผิวหนังที่ตายไปแล้วได้ด้วย
ความจริงแล้วแม้ว่างูทะเลจะมีรูปร่างหน้าตาน่ากลัว แต่ว่ากลับเป็นพวกที่มีนิสัยดีที่สุดในบรรดาราชาทั้งห้าเลยทีเดียว กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีนี่ไม่ต้องพูดถึง พวกมันเป็นนักเลงจำพวกที่แค่เดินผ่านโขดหินก็ทำลายโขดหิน เจอคลื่นทะเลก็ว่ายฝ่าคลื่นทะเลเลยทีเดียว
พวกที่เหลือเช่นฝูงปลาฉลามขาวที่นำฝูงโดยซานเสี่ยวกับเฮยป้าหวัง ก็เป็นนักเลงในมหาสมุทรเช่นกัน ส่วนคราเคนที่ตอนนี้มีอาวุธครบมือนั้นก็เป็นหัวหน้าใหญ่ในกลุ่มพวกนักเลงอีกที
นอกจากล่าอาหารแล้ว งูทะเลจะไม่เข้าทำร้าย นี่เกี่ยวกับสัญชาตญาณของงูทะเล งูทะเลล้วนมีพิษร้ายแรง แต่น้อยนักที่จะได้ยินว่าพวกมันทำร้ายคนหรือทำร้ายสัตว์ทะเลด้วยกัน
หลังฉินสือโอวตรวจดูน่านน้ำโดยรอบพบว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็ย้ายจิตสำนึกเข้าไปยังทะเลที่ลึกกว่าเดิม ไปดูว่าเรือหาปลาในทะเลลึกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง พอเห็นแล้วก็พบว่า ไม่มีปัญหาจริงด้วย!
เพราะเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เป็นเหตุ ทำให้น่านน้ำในทิศใต้มักมีเรือจำพวกสอดแนมเข้ามา เพราะอยากจะมาเจอกับเรือผี บนเรือพวกนี้เต็มไปด้วยกล้องที่นำสมัย หรือแม้แต่อาวุธจู่โจมก็มีด้วยเช่นกัน
ฉินสือโอวไม่สนใจเรือพวกนี้ ขอแค่พวกเขาไม่ขโมยปลาก็พอ แต่กลับเป็นเพราะมีเรือของพวกเขาเข้ามา ทำให้เรือขโมยปลาไม่กล้าเข้ามาในฟาร์มปลาของเขาอีก เพราะว่าคนพวกนี้อยู่บนทะเลจนรู้สึกเบื่อ เมื่อเห็นเรือขโมยปลาก็จะรีบถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานในการแจ้งความ เพื่อเป็นการฆ่าเวลา
แต่ว่าตอนนี้ เขาได้เจอกับเรือขโมยปลาอีกแล้ว แถมยังเป็นเรือขโมยปลาแบบที่ฉลาดมากอีกด้วย
เรือหาปลาขนาดระดับสี่ถึงห้าร้อยตันสองลำกำลังแล่นอยู่ตรงชายแดนฟาร์มปลาของเขา แต่ว่าไม่ได้หว่านแห การทำแบบนี้ทำให้ไม่ว่าจะตำรวจทะเลหรือหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งต่างไม่สามารถทำการหยุดพวกเขาได้
แคนาดาเป็นประเทศติดทะเล ธุรกิจมากมายที่ต้องพึ่งการขนส่งทางทะเล ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นฟาร์มปลาส่วนบุคคล ก็อนุญาตให้เรือที่ไม่เกี่ยวข้องขับผ่านน่านน้ำนั้นได้ ขอแค่ไม่ขโมยปลา เจ้าของฟาร์มปลาก็มีสิทธิ์แค่จับตามองเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ขับไล่
เรือหาปลาทั้งสองลำนี้ไม่ได้จับปลาอยู่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้จับปลาเท่านั้น แต่ยังทิ้งเหยื่อล่อปลาอีกด้วย
ตอนแรกฉินสือโอวไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นเพียงเรือสอดแนมทั่วไปเท่านั้น แต่ว่าตอนที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนผ่านเรือไปนั้น กลับพบว่าเรือพวกนี้ได้ปล่อยอาหารปลาไว้เป็นพักๆ แถมยังมีปลาแฮดดัคกับปลาอลาสก้าพอลล็อคไม่น้อยที่ว่ายตามหลังไป
ให้ตายสิ นี่มันตกปลานี่นา! ท่านฉินเข้าใจขึ้นมาในทันที
เขาเข้าไปดูอีกที ชิ้นปลาที่ตกลงไปนั้นไม่ค่อยสดสักเท่าไร กลิ่นคาวเลือดของปลาแรงมาก แรงจนผิดปกติ
ในฐานะเจ้าของฟาร์มปลาตัวจริง แน่นอนว่าฉินสือโอวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชิ้นปลาพวกนี้ถูกหมักด้วยสารเคมี และชื่อทางการของสารเคมีนั้น ก็คือสารล่อปลา
สารล่อปลานั้นเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางเคมีที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก มันเป็นสารที่ทำกลิ่นคล้ายกลิ่นคาวเลือดปลาเพื่อล่อฝูงปลาให้ติดกับ แต่ไม่ใช่ว่าปลาทุกชนิดจะชอบกลิ่นคาวเลือด แต่ปลาที่ชอบกลิ่นคาวเลือดมากที่สุดก็คือฉลาม
ดังนั้นตอนที่เจ้าสิ่งนี้ถูกค้นพบนั้นก็ได้กลายเป็นเหมือนสมบัติในสายตาของชาวญี่ปุ่นทันที พวกเขาใช้มันเพื่อล่อฉลามนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ทั้งแคนาดากับอเมริกาจึงห้ามไม่ให้ขายและผลิตสารล่อปลาตัวนี้ แต่ว่าที่ไหนที่มีความต้องการที่นั่นก็จะมีธุรกิจ เพราะความจริงแล้วสารล่อปลาแบบนี้ได้ผลไม่เลวเลย และได้ผลเป็นอย่างมากกับปลาตัวใหญ่จำพวกปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง กับปลากระโทงสีน้ำเงิน
เจ้าสิ่งนี้ใช้ไม่ค่อยได้ผลในช่วงฤดูร้อน เพราะมีจำนวนฉลามมากเกินไป ทำให้ยังไม่ทันล่อปลาเศรษฐกิจมาติดกับเลย ก็ล่อฉลามมาเสียก่อน ทำให้เกิดความเสียหายเป็นประจำ ต้องรอจนถึงฤดูหนาวก่อน จึงจะสามารถแสดงพลังของเจ้าสิ่งนี้ออกมาได้
ในฤดูหนาว ฉลามจะว่ายไปทางน่านน้ำแถบเส้นศูนย์สูตร มีเหลืออยู่ที่นี่แค่ไม่กี่ตัว ทำให้โอกาสที่จะล่อฉลามได้นั้นลดลงไปอย่างมาก
เรือสองลำค่อยๆ ทิ้งเหยื่อลงไป จากนั้นก็ขับเรือจากฟาร์มปลาฉินสือโอวออกไปทางฟาร์มปลาสาธารณะ เครื่องโซนาร์สำหรับหาปลาก็เปิดใช้งานไว้ตลอดเวลา ขอแค่ขับไปถึงฟาร์มปลาสาธารณะแล้ว พวกเขาก็สามารถหว่านแหจับปลาได้แล้ว
ฉินสือโอวปวดหัวขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว เจ้าสารเลวพวกนี้เพียงแค่จะจับปลาถึงขั้นยอมทำได้ทุกอย่างจริงๆ แถมยังกล้ามากอีกด้วย แม้กระทั่งเรือผีก็ไม่กลัวเหรอไง? ได้ งั้นก็ต้องใช้ความรุนแรงกันหน่อย!
เรือผีก็แค่ทำให้คนกลัว แต่ครั้งนี้ฉินสือโอวตัดสินใจว่าจะทำให้เจ็บตัวบ้าง ใบพัดเรืออยู่ในน้ำ เขาคิดจะให้คราเคนใช้กระบองเหล็กทำลายใบพัดซะ อย่างไรเสียน่านน้ำแถบนี้ก็มีเรือสอดแนมจำนวนมากอยู่แล้ว แม้ว่าใบพัดเรือของเรือขโมยปลาจะเสีย แต่ก็ยังถูกลากกลับไปได้
พอดีเลย คราเคนเพิ่งติดอาวุธไปก็จะได้ใช้งานแล้ว ฉินสือโอวถือว่าเป็นเรื่องดี เขาจึงไปหาคราเคนให้มันรีบตามมา แต่ว่าต้องถ่วงเวลาไว้ก่อน เพราะคราเคนยังอยู่ห่างจากเรือทั้งสองลำอยู่หนึ่งร้อยห้าสิบกว่ากิโลเมตร
เรือทั้งสองลำแล่นไปถึงชายแดนฟาร์มปลาแล้ว และดูท่าว่ากำลังเตรียมจะหว่านแหลงไปแล้วด้วย ฉินสือโอวจึงรีบเรียกกองกำลังของเฮยป้าหวังมาก่อน
ภายใต้การสั่งการของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เฮยป้าหวังได้นำพวกฉลามขาวว่ายมาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด พวกมันออกท่าทางดุดันกันมาแต่ไกล ทำให้ปลาค็อดที่หลับหูหลับตาว่ายตามเรือล่อปลาตกใจจนพากันว่ายกระเจิดกระเจิงหนีไป
คนบนเรือที่คิดว่ากำลังจะได้ปลาอยู่แล้ว แต่สุดท้ายกลับมีฝูงฉลามที่โผล่มาจากไหนไม่รู้แทน ทำให้คนเหล่านี้พากันร้อนใจในทันที!
บทที่ 944 คุณท่านโกรธมาก
Ink Stone_Fantasy
“ฟัค! ฝูงฉลาม! เร็วๆๆ รีบหาทางไล่พวกมันไป!”
“ใส่ยาพิษลงไปในเหยื่อล่อปลาเลย ไอ้พวกเดนตาย ฉันจะให้ไอ้พวกเลวนี่ตายไปให้หมด!”
“ไอ้พวกสารเลว! ห้ามใช้ยาพิษนะ ถ้าปลาตัวอื่นกินเข้าไปแล้วพวกเราจับมาจะเอาไปขายได้อย่างไร? เปลี่ยนเป็นใช้ระเบิดน้ำ ให้พวกมันตกใจแล้วหนีไปแทน!”
ตอนนี้บนเรือเต็มไปด้วยเสียงผู้คนกำลังถกเถียงกัน ฉินสือโอวมองไปเห็นภาพสะท้อนบนผิวน้ำของคนบนเรือที่กำลังมีท่าทีลุกลี้ลุกลน
พวกของเฮยป้าหวังเป็นพวกที่ชื่นชอบเหยื่อล่อปลาที่มีกลิ่นคาวเลือดอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังได้รับคำสั่งมาจากฉินสือโอวอีก พวกมันจึงตื่นตัวขึ้นมาทันที อ้าปากกว้างส่ายหางกับครีบกันอย่างสุดฤทธิ์ พุ่งไปข้างหน้าอย่างกับรถดันดิน
ที่ที่ฝูงฉลามผ่านไปนั้น เหยื่อล่อปลาได้หมดไปอย่างไร้ร่องรอย…
ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น มีกล่องเหล็กใบหนึ่งได้ลอยมาบนน้ำอย่างช้าๆ ฉินสือโอวรู้ว่านี่คือระเบิดน้ำที่พวกเขาพูดถึง จึงสั่งให้ฝูงฉลามถอยหลังก่อน
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ระเบิดน้ำที่ใช้ในการทำสงคราม มันแค่จะระเบิดออก แล้วปล่อยเสียงดังในน้ำเท่านั้น ซึ่งจะสามารถทำให้ฉลามตกใจได้ แต่ก็แน่นอนว่าถ้าเกิดระเบิดโดนบนหัวฉลามพอดี ก็สามารถทำให้ฉลามได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้เช่นกัน
หากเป็นระเบิดน้ำที่คุณภาพดีกว่านี้หน่อย จะสามารถปล่อยสารสีส้มออกมา ฉลามส่วนมากจะกลัวสีนี้ เมื่อเห็นแล้วก็จะรีบหนีไป
นี่เป็นเพราะที่มหาสมุทรอินเดียมีงูทะเลพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง ชื่อว่างูทะเลท้องเหลือง พิษของงูชนิดนี้นั้นร้ายแรงมาก มากกว่างูเห่าที่อยู่บนผืนดินถึงแปดสิบเท่า! ในสถานการณ์ปกติ สีของงูทะเลท้องเหลืองจะเป็นสีขาวดำ แต่เมื่ออยู่ในช่วงวางไข่ ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ในช่วงวางไข่ไม่ว่าสัตว์ประเภทไหนก็พร้อมที่จะจู่โจมทั้งนั้น งูทะเลท้องเหลืองก็เช่นกัน พวกมันจะเข้าจู่โจมสัตว์ทุกตัวที่พวกมันคิดว่าเป็นอันตราย แน่นอนว่างูท้องเหลืองก็ไม่ได้เห็นว่าฉลามเป็นมิตรอยู่แล้ว เมื่อทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันขึ้นมา ก็มักจะเป็นฝ่ายฉลามที่เป็นฝ่ายแพ้อยู่เสมอ
จริงอยู่ที่ในมหาสมุทรแอตแลนติกไม่มีงูทะเลชนิดนี้ แต่ว่าฉลามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ว่ายไปในทะเลทั่วโลก ตอนที่พวกมันแหวกว่ายอยู่ในทะเลนั้น ขอแค่ไม่กลายเป็นหูฉลามในเงื้อมมือของคนญี่ปุ่น พวกมันก็สามารถมีอายุที่ยืนยาวได้ ทำให้มักจะเจอกับงูทะเลประเภทนี้บ่อยครั้ง
และเพราะว่าฉลามนั้นมักมีรูปร่างขนาดใหญ่ ผิวหนังหนาและเป็นสัตว์เลือดเย็น ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีปฏิกิริยากับพิษของงูทะเลท้องเหลืองเหมือนที่เกิดขึ้นกับคน หลังจากพวกมันโดนพิษแล้วร่างกายจะชาและเจ็บปวดอยู่ระยะหนึ่ง ดังนั้นพวกมันจึงค่อนข้างกลัวสิ่งของที่มีสีเหลืองเป็นพิเศษ
ส่วนระเบิดน้ำที่คุณภาพดีขึ้นไปอีก จะบรรจุผงแม่เหล็กที่มีสนามแม่เหล็กในระดับหนึ่งอยู่ เป็นของที่บริษัทป้องกันปราบปรามฉลามในอเมริกาคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปีแปดศูนย์ ฉลามไม่ชอบผงแม่เหล็กที่มีพลังงานสนามแม่เหล็กอยู่ เพราะว่าแม่เหล็กสามารถรบกวนอวัยวะที่ใช้สำหรับนำทางของพวกมัน ทำให้พวกมันรู้สึกไม่สบายตัวได้
แน่นอนว่าระเบิดน้ำประเภทนี้ชาวประมงธรรมดาไม่สามารถหามาใช้ได้ เพราะราคาสูงมาก ไม่คุ้มค่ากับการนำมาจัดการกับฉลาม ของแบบนี้เป็นของที่ใช้ในทางการทหาร เพื่อป้องกันฉลามมาชนหรือกลืนเครื่องมือต่างๆ ที่พวกเขาวางไว้ในทะเล
ก่อนหน้าที่ระเบิดน้ำจะจมลงไป ฝูงฉลามก็ได้รับคำสั่งจากฉินสือโอวแล้ว จึงส่ายหัวสะบัดหางพากันว่ายถอยออกไปไกล แล้วมองไปที่ระเบิดน้ำที่ลอยไปมาอย่างแปลกใจ
“ตู้ม!” เสียงดังกึกก้องขึ้นมา น้ำทะเลรอบๆ ระเบิดน้ำพากันระเบิดออก แรงสั่นสะเทือนนั้นไปไกลถึงหลายร้อยเมตร เหล่าฉลามต่างก็รู้สึกสะเทือนขวัญไปตามๆ กัน
จากนั้นก็มีคนโยนระเบิดลงไปอีก เจ้าสิ่งนี้ระเบิดตามกันเป็นระยะๆ ทำเอาฉินสือโอวหงุดหงิดเกินทน
เขาคิดทบทวนไปมา แล้วก็ตัดสินใจเรียกเฮยป้าหวังมา แล้วให้หลบอยู่ในทะเลที่ค่อนข้างไกลออกไปแทน
คนบนเรืออยากรู้ว่าฉลามในน้ำได้ถูกไล่ไปแล้วหรือยัง จึงมีคนกลุ่มหนึ่งพาดตัวไว้ที่กราบเรือแล้วมองลงไปในน้ำทะเลเพื่อตรวจดู
ฉินสือโอวถือจังหวะนี้ สั่งให้เฮยป้าหวังรีบพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุด มันพุ่งตัวออกไปอย่างแรงจนผืนน้ำกระจายออก จากนั้นก็พุ่งตัวออกมาจากในน้ำ โผล่หัวอันใหญ่โตออกมาบนผิวน้ำ อ้าปากกว้างแล้วส่งเสียงดังไปทางชาวประมงพวกนั้น!
“ซู้ม!”
“โอ้!!”
เฮยป้าหวังพุ่งออกมาจากผิวน้ำพร้อมอ้าปากกว้างจนสามารถมองเห็นฟันที่แหลมคมยิ่งกว่ามีดของเหล่ากองทัพที่กำลังส่องสว่างเจิดจ้าอยู่ และเมื่อตะเบ็งเสียงเท่านั้นก็สามารถเปล่งเสียงขู่ร้องที่ทั้งดังและน่าเกรงขามออกมา
“โอ้ พระเจ้า!”
“พระเจ้าช่วยฉันด้วย!”
“นี่คือฉลามเหรอ? เป็นปลาดังเคิลออสเตียสหรือเปล่า?!”
“เจ้าฉลามตัวนี้ทำไมถึงตัวใหญ่ขนาดนี้?!”
คนบนเรือถูกเฮยป้าหวังที่ปรากฏตัวออกมากะทันหันทำให้ตกใจจนฉี่แทบราด หลังจากได้รับพลังโพไซดอนช่วยพัฒนาร่างกายแล้ว เฮยป้าหวังในตอนนี้มีขนาดยาวสิบสองถึงสิบสามเมตรแล้ว สำหรับฉลามขาวนั้น รูปร่างขนาดนี้ถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่จนน่าขนลุกเลยทีเดียว!
จากบันทึกต่างๆ ฉลามขาวที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยพบนั้นมีความยาวอยู่ที่แปดจุดห้าเมตร แค่ขนาดตัวเท่านั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นฉลามขาวกลายพันธุ์ ที่น่าจะเป็นโรคภาวะยักษ์หรือกลายพันธุ์แล้ว อย่างในหมู่มนุษย์เองก็มีคนที่อยู่ในภาวะยักษ์อย่างเช่น เหยาหมิง
ดังนั้น พวกนักชีววิทยาทางทะเลคิดว่าขนาดปกติของฉลามขาวคือประมาณเจ็ดเมตรเท่านั้น
แต่ว่านี่ก็เป็นเพียงข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เท่านั้น เพราะทะเลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล จึงยังมีสถานการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเป็นธรรมดา และยังคงมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายอย่างที่มนุษย์ไม่เคยพบและมนุษย์ยังไม่เข้าใจเช่นกัน
ตอนที่ฉินสือโอวเจอกับเฮยป้าหวังนั้น มันก็มีขนาดเกือบเก้าเมตรแล้ว และสมาชิกในฝูงฉลามขาว ก็ล้วนมีขนาดแปดเมตรกว่ากันทั้งนั้น ซึ่งไม่ตรงกับบันทึกที่มนุษย์ได้เขียนเอาไว้อยู่แล้ว
คนที่เดินทางบนท้องทะเลเป็นเวลานาน ต่างก็เคยเห็นฉลามยักษ์กันทั้งนั้น แต่ทว่าไม่ว่าตัวจะใหญ่ยักษ์แค่ไหน ก็ไม่เคยเกินสิบเมตร เพราะอย่างไรเสียพวกมันก็เป็นฉลามไม่ใช่ปลาวาฬ!
เมื่อเฮยป้าหวังโผล่หัวออกมา หัวที่ใหญ่ยักษ์ราวกับบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ปากที่อ้าอยู่ก็กว้างราวกับหลุมดำ ฟันอันแหลมคมที่อยู่ด้านหน้านั้นก็มีความยาวกว่าสี่สิบเซนติเมตร มันเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต น่าขนลุกเป็นที่สุด รวมๆ แล้วเรียกได้ว่าเป็นรูปร่างของสัตว์ประหลาดทะเล!
ผู้คนบนเรือตกใจกันสุดขีด ตอนแรกพวกเขาพากันเกาะไว้ที่กราบเรือ แต่เมื่อเฮยป้าหวังโผล่หน้ามาเท่านั้น พวกเขาก็ร้องเสียงหลงพากันตะเกียกตะกายคลานกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
แม้จะรู้ว่า ฉลามไม่สามารถกระโดดขึ้นเรือไปกินพวกเขาได้ แต่ว่าความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดยักษ์นั่นน่ากลัวเกินไป แม้ว่าจะอยู่ห่างกันพอสมควรก็สามารถทำให้คนกลัวจนฉี่ราดได้ นี่แหละคือรังสีอำมหิตและความน่าเกรงขาม!
ฉินสือโอวเห็นคนกลุ่มนี้ตื่นกลัวกันถึงเพียงนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เขาไม่ได้ดีใจที่ทำให้คนพวกนี้กลัวได้ แต่ดีใจที่ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้คราเคนต่างหาก ดูท่าว่าแค่เฮยป้าหวังก็สามารถไล่พวกเขาไปได้แล้ว แบบนี้แหละดีแล้ว
แต่สิ่งที่ตามมานั้นกลับบอกว่าเขาดีใจเร็วเกินไป และดูถูกความเสื่อมทรามในตัวมนุษย์มากเกินไป
หลังจากเฮยป้าหวังโผล่หน้าออกมาทำให้คนพวกนี้ตกใจแล้วก็ดำลงไปในน้ำทันที ฉินสือโอวกำลังเตรียมจะสั่งให้มันกลับไป แต่ว่าไม่นาน ก็ได้มีระเบิดน้ำอีกหลายลูกถูกโยนลงไปในน้ำ
ระเบิดน้ำพวกนี้ถูกมัดติดกับชิ้นเนื้อปลาไว้ แล้วถูกทาด้วยสารล่อปลา กลิ่นเลือดแรงมาก พวกเขามัดเอ็นตกปลาติดไว้ตรงส่วนปลาย แล้วค่อยๆ ปล่อยลงไปในน้ำ
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็โกรธจัดขึ้นมาทันที เจ้าคนพวกนี้ถึงกลับจะระเบิดเฮยป้าหวังให้ตาย!
วิธีนี้คือการล่าฉลามอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากเจอกับฉลามแล้วก็ใช้ระเบิดน้ำปลอมเป็นอาหาร จากนั้นก็ใช้เอ็นตกปลามัดไว้แล้วปล่อยลงไปในน้ำ เมื่อมีเอ็นตกปลามัดอยู่ ตอนที่ระเบิดน้ำจมลงไปได้ระดับหนึ่งแล้วก็จะไม่จมลงไปอีก เมื่อเป็นแบบนี้แรงดันน้ำก็จะไม่ทำให้ระเบิดน้ำระเบิดออก
แต่เพราะระเบิดน้ำได้ถูกทำให้เหมือนเป็นอาหาร ฉลามจะเข้ามาแล้วกลืนมันลงไป ฉลามจะมีนิสัยอย่างหนึ่ง ก็คือหลังจากกลืนอาหารเข้าไปแล้วจะดำลงไปทันที เมื่อแรงดันน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระเบิดน้ำก็จะระเบิดออกในปากหรือไม่ก็ในท้องของฉลาม
ลิ้นและอวัยวะภายในของฉลามนั้นเปราะบางมาก ดังนั้นตอนที่แมวน้ำกับฉลามสู้กัน แมวน้ำจะใช้หัวชนไปที่ท้องของพวกฉลาม นั่นก็เพราะจะชนไปที่อวัยวะภายในนั่นเอง
และแน่นอนว่า อานุภาพของระเบิดน้ำนั้นแรงกว่าการชนของแมวน้ำมาก มากพอที่จะระเบิดปากพวกมันให้แตกหรือไม่ก็ระเบิดอวัยวะภายในตัวมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้เลย!
ท่านฉิน โกรธขึ้นมาแล้ว!
บทที่ 945 ความกล้าหาญของคราเคน
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนดึงชิ้นปลากับระเบิดน้ำลงไปข้างล่าง คนบนเรือที่รู้สึกถึงแรงดึงก็ดีใจขึ้นมาทันที ร้องออกมาว่า “มีฉลามหน้าโง่งับเหยื่อแล้ว เร็วๆๆ รีบตัดสายเบ็ดออก ระเบิดไอ้เลวนี่ให้ตายไปเลย!”
ระเบิดน้ำถูกดึงลงไปไม่ลึกมาก เสียง ‘ตู้ม’ ก็ดังขึ้นมา
ฉินสือโอวดึงระเบิดน้ำลงไปหมดทั้งห้าลูก คนบนเรือรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ปกติฉลามจะถูกระเบิดตายตั้งแต่กินระเบิดน้ำลูกแรกเข้าไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมากินลูกอื่นๆ ต่ออีกแน่
เมื่อเป็นแบบนี้คนบนเรือจึงพากันสงสัยขึ้นมา “หรือว่าพวกเรากำลังเจอกับจอมตะกละเข้าให้แล้ว?”
“แบบนั้นสิดี ดูเจ้าตัวเมื่อกี้สิ! ตัวมันใหญ่ขนาดไหน? ฉันกล้าพนันเลยว่า มันเป็นฉลามขาวที่ตัวใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน! ไม่แน่ว่าระเบิดน้ำลูกเดียวก็อาจระเบิดมันไม่ตายก็ได้ หลายๆ ลูกเลยก็ดี! ไอ้เดนตาย มาส่งมันไปหาพระเจ้ากัน!”
“นั่นจะเป็นฉลามขาวจริงเหรอ? เป็นไปได้ไหมที่พวกเราจะมองผิดไป? บางทีมันอาจจะเป็นปลาวาฬจำพวกวาฬสีน้ำเงินหรือวาฬบาลีนก็ได้นะ ฉลามขาวจะตัวโตขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?!”
“หุบปาก นั่นน่ะเป็นฉลามขาวแน่! แต่ว่า ในน้ำนั่นมีฉลามขาวตัวเดียวจริงเหรอ? เมื่อกี้ที่ฉันดูจากเครื่องตรวจหาปลานั้น รู้สึกว่าจะมีฉลามขาวเป็นฝูงนะ!”
“เป็นไปไม่ได้ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคจูแรสซิกสักหน่อย จะมีฉลามที่กลายพันธุ์จนตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร? ถึงแม้จะมีจริงก็คงถูกระเบิดตายไปแล้ว!”
“ฉันหมายความว่า บางทีปลาที่กินระเบิดน้ำเข้าไปอาจจะไม่ใช่ฉลามขาวก็ได้ พวกเราโยนระเบิดน้ำลงไปอีกดีไหม? ลองดู ถ้าหากว่ายังมีฉลามเหลืออยู่อีก จะได้ระเบิดตายพร้อมกันไปเลย!”
ผ่านไปสิบนาที ฉินสือโอวจ้องมองระเบิดน้ำหลายลูกที่ถูกปลอมให้เป็นเหยื่อทิ้งลงน้ำไปด้วยความอึ้ง ทำเอาเขาเดือดจัดขึ้นมาจริงๆ ความอำมหิตของคนพวกนี้ทำไมถึงน่ากลัวแบบนี้? เฮยป้าหวังแค่โผล่หน้ามาทำให้พวกเขาตกใจแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมตอนท้ายเพื่อที่จะไม่ให้มันได้รับบาดเจ็บจากระเบิดน้ำ เขาก็ได้เรียกให้พวกฉลามออกไปจากจุดนี้แล้วด้วย
คิดไม่ถึงว่า เจ้าคนพวกนี้ยังคิดอยากจะฆ่าล้างบางพวกมันอีก!
ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น แล้วตั้งอกตั้งใจส่งพลังโพไซดอนให้กับคราเคน เพื่อเพิ่มความเร็วในการว่ายน้ำของมัน ไม่นานมันก็ได้เดินทางมาถึงน่านน้ำแห่งนี้แล้ว
ฉินสือโอวออกคำสั่งให้คราเคนรีบจู่โจมทันที เพื่อไม่ให้เครื่องตรวจจับปลาของคนพวกนี้ตรวจเจอ
คราเคนเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย มันกลืนน้ำทะเลเข้าไปอึกหนึ่งแล้ว ก็หดร่างกายเข้าไป ปริมาณน้ำในร่างกายได้ถูกพ่นออกมาตรงส่วนหัวและส่วนท้องอย่างรวดเร็ว เป็นการใช้แรงดันน้ำในการพุ่งตัวไปข้างหน้า ท่าทางที่เหมือนกับลูกธนูกำลังพุ่งออกไปจากคันธนูของคราเคนส่งเสียงเฟี้ยว แล้วพุ่งออกไปโดยใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น!
พลังการในทำลายของหมึกพันธุ์ไร้กระดูกในมหาสมุทรแอตแลนติกน่ากลัวมาก ขณะที่ออกตัวเต็มที่สามารถมีความเร็วเกินกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรได้ ตัวหมึกยักษ์เองก็เป็นหนึ่งในหมึกพันธุ์ไร้กระดูกด้วยเช่นกัน ยิ่งพอได้รับพลังโพไซดอนเข้าไปด้วยแล้วความเร็วก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก สามารถมีความเร็วเกินกว่าสองร้อยกิโลเมตรได้!
ระยะทางกว่าสิบกว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงแค่สิบถึงยี่สิบวินาทีเท่านั้น ผู้คนบนเรือนึกว่าฉลามถูกระเบิดตายไม่ก็ถูกไล่ไปแล้วจึงไม่ได้ระวังตัว หารู้ไม่ว่าอันตรายกำลังพุ่งเข้าหาแล้ว!
คราเคนพุ่งไปข้างหน้าเร็วราวกับรถถัง หนวดข้างหนึ่งดันไปข้างหลัง ได้ยินเพียง ‘สวบ’ เสียงเดียวก็สะบัดตัวออกไปแล้ว
‘ตู้ม!’ เสียงที่น่าตกใจยิ่งกว่าเสียงของระเบิดน้ำดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงมากลางแจ้ง ความรุนแรงนั้นทำเอาฉินสือโอวที่เพียงมองดูผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอนถึงกับยิ้มมุมปากออกมา
ผู้คนบนเรือพากันตกใจจนกระโดดตัวลอยขึ้นมา ความจริงแล้วไม่เพียงแต่คนเท่านั้น แม้แต่อุปกรณ์ต่างๆ จำพวกแห เบ็ดตกปลา เครื่องเก็บสายเบ็ดบนเรือก็ลอยกระเด็นขึ้นมาทั้งหมด
“พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น?!”
“ให้ตายเถอะ ชนกับอะไรหรือเปล่า?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ที่นี่ไม่มีโขดหินนี่!”
“พวกเราถูกโจมตีแล้ว! พวกเราถูกโจมตีแล้ว! โอ้ พระเจ้า โอ้สวรรค์!”
ผู้คนบนเรือพากันร้องตะโกนเสียงหลงออกมา คราเคนที่อยู่ในน้ำใช้กระบองทุบไปที่ใต้ท้องเรือ แล้วก็รีบหันหลังกลับออกไปทันที
ฉินสือโอวแจ๊ะปากสองสามที ผู้คนบนเรือต้องขอบคุณคราเคนนะ เพราะเจ้าหมอนี่อยากจะทำผลงานให้กับฉินสือโอว จึงสะบัดกระบองออกไปเบาๆ เท่านั้น แต่ว่ามันคำนวณผิดไปหน่อย เรือไม่ได้ได้รับความเสียหายมากก็จริง แต่กลับกระแทกจนกระบองทะลุเข้าไปในท้องเรือแทน
เมื่อเป็นแบบนี้หลังจากที่มันดึงกระบองออกมาแล้ว ใต้ท้องเรือจึงเกิดเป็นหลุมใหญ่ขึ้นมาทันที น้ำทะเลอันหนาวเย็นไหลทะลักเข้าไปในเรือ ทำเอาเครื่องเตือนภัยในเรือทำงานขึ้นมา
หากว่าเมื่อกี้คราเคนไม่ได้ใช้แรงเบาขนาดนี้ แต่เยอะกว่านี้อีกนิดแล้วล่ะก็ งั้นเรือลำนี้ก็คงแหลกไปกลายเป็นสองท่อนไปแล้ว!
อย่างไรเสียเรือลำนี้ก็เป็นแค่เรือหาปลาธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่เรือรบ หากใช้ความแรงของคราเคนเมื่อกี้กับเรือรบแล้ว อย่างมากก็แค่ทำให้พื้นเรือเป็นรอยบุบเท่านั้น ยากที่จะทำให้เสียหายได้ เพราะวัสดุของพื้นเรือที่เรือรบใช้นั้นไม่เพียงแต่แข็งเท่านั้น ยังมีความยืดหยุ่นดีอีกด้วย
โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียว ฉินสือโอวก็ให้คราเคนดำลงไปใต้ทะเลแล้วว่ายกลับฟาร์มปลาทันที เพราะเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้เรือลำนี้พบกับวิกฤตได้แล้ว
เรือหาปลามีทั้งหมดสองลำ ฉินสือโอวให้คราเคนโจมตีไปที่เรือที่คิดจะใช้ระเบิดน้ำระเบิดพวกฉลามเพียงลำเดียวเท่านั้น เรืออีกลำหนึ่งค่อนข้างไม่เอาเรื่อง เขาจึงปล่อยพวกเขาไป
เท่านี้เรือทั้งสองลำก็ไม่สามารถทำงานต่อได้แล้ว ผู้คนบนเรือลำหนึ่งกำลังช่วยกันวักน้ำออกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนอีกลำก็รีบเข้าช่วยเหลือ
อย่างไรเสียก็เป็นแค่เรือหาปลา อีกทั้งยังเป็นเรือหาปลาขนาดกลางระดับห้าร้อยตันอีกต่างหาก ห้องโดยสารของเรือประเภทนี้จะไม่เหมือนกับห้องโดยสารของเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่หรือเรือรบที่มีห้องผนึกน้ำในตัว ที่แค่ปิดห้องผนึกน้ำไว้เรือก็สามารถแล่นต่อไปได้
แต่สำหรับเรือหาปลาธรรมดานั้น เพียงแค่ชนโดนโขดหินแล้วตัวเรือได้รับความเสียหาย ก็เท่ากับว่าต้องเสียเรือลำนี้ไปแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีแล้วล่ะก็ เรือหาปลาลำนั้นก็จะต้องจมลงไปสู่ใต้ท้องทะเล…
หลังจากทำลายเรือขโมยปลาสองลำได้สำเร็จ ฉินสือโอวกระแอมเสียงที่เยือกเย็นออกมาทีหนึ่งแล้วก็ถอนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับ พอดีกับที่งานรายงานประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสได้สิ้นสุดลง
เคนเนดี ประธานของบริษัทเอ็กซ์เพรสโค้งคำนับให้กับผู้มาร่วมงาน ฉินสือโอวกลับมาทันช่วงปรบมือพอดี ขณะที่เขากำลังปรบมือด้วยท่าทีจริงจัง เสมือนกับตั้งใจฟังรายงานครั้งนี้อย่างมากอยู่นั้น ก็พลันสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมาที่เขาอย่างไม่ละสายตา
ฉินสือโอวหันหัวไปมอง ก็เห็นดวงตากลมโตที่ส่องประกายราวกับแสงดวงดาวคู่หนึ่งกำลังจ้องมาที่เขาจากที่นั่งที่เยื้องด้านหน้า แน่นอนว่าคนที่ครอบครองดวงตาโตสวยงามคู่นี้ก็คือเจ้าหญิงจากดูไบเจ้าหญิงซาลามาห์นั่นเอง
ฉินสือโอวยักไหล่ให้กับซาลามาห์ เจ้าหญิงยิ้มให้บางๆ และหันหลังไปปรบมือต่อ ทำให้ท่านฉินเต็มไปด้วยความสงสัย เธอจ้องเขาทำไมกัน?
เคนเนดีประกาศเลิกงาน ฉินสือโอวยักไหล่ให้โมลแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้กินอะไรเลย ใช่ไหมครับ?”
โมลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พ่อหนุ่ม ความหมายของชีวิตพวกเราก็ไม่ได้อยู่ที่กินข้าวนะ แกรกๆ”
พี่ใหญ่แห่งรถไฟท่านนี้หยิบซาเคอร์เค้กออกมาชิ้นหนึ่งขึ้นมาราวกับเล่นกล แล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
ฉินสือโอวยกมือคำนับแสดงความเคารพในระดับที่อยากจะก้มลงกราบทั้งตัว คนคนนี้เป็นถึงพี่ใหญ่แห่งการรถไฟที่มีชื่อเสียงของอเมริกาเหนือเลยนะ ใครจะกล้าคิดว่าคนแบบนี้จะมาร่วมงานประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรสทั้งทียังต้องพกของว่างมาเองด้วยแบบนี้?
หลังจบงานฉินสือโอวได้เดินไปหาพวกบิลลี่เพื่อกลับไปพร้อมกัน ตอนเขาเดินไปที่หน้าประตูก็เจอเห็นอาฟิฟกำลังโบกมือให้เขาอยู่ จึงรีบย่ำเท้าเดินเข้าไปถามว่า “เฮ้ เพื่อน ว่าอย่างไร?”
อาฟิฟชี้ไปที่คนหนุ่มหน้าตาดีที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักชายหนุ่มคนหนึ่ง นี่ลูกพี่ลูกน้องผมเอง เป็นผู้ศรัทธาที่เคร่งครัดของอัลเลาะห์ และเป็นนักรบผู้กล้าหาญ ฮามานแดน บิน มุฮัมหมัด บิน ชีกห์ อัล มักทูม”
ฉินสือโอวเห็นเพียงแวบเดียวก็รู้ฐานะของคนคนนี้ทันที เจ้าชายที่หล่อที่สุด ดูดีที่สุดของตะวันออก เจ้าชายฮามานแดนที่ได้รับขนานว่าเป็น ‘เจ้าชายแฮร์รีแห่งดูไบ’ และก็เป็นพี่ชายของเจ้าหญิงซาลามาห์อีกด้วย
บทที่ 946 คืนที่หนึ่ง
Ink Stone_Fantasy
ชุดที่ฮามานแดนสวมคือชุดพื้นเมืองสีขาวของมุสลิมในตะวันออกกลางเหมือนกับอาฟิฟ โพกผ้าลายตารางไว้บนหัว หน้าตาหล่อเหลาเฉียบคมได้รูป ดวงตาลึกเช่นเดียวกับน้องสาวของเขา คิ้วสวยชูชัน รูปร่างสูงโปร่ง ไม่เสียชื่อผู้ชายที่หล่อที่สุดของตะวันออกกลาง
“สวัสดี ฉิน” ฮามานแดนจับมือกับฉินสือโอว แล้วก็ไปตามน้องสาวมา แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยกันด้วยภาษาอารบิกขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า ฮามานแดนไม่เหมือนกับอาฟิฟลูกพี่ลูกน้องของเขา การปฏิบัติต่อคนนอกของเขานั้นยังคงเย็นชาอยู่บ้าง
ฉินสือโอวไม่สนใจ ในสายตาคนอื่นตัวเขาเองก็เป็นแค่คนเลี้ยงปลาเท่านั้น ฐานะและสถานะของทั้งสองนั้นไม่เท่ากัน ไม่มีเหตุผลที่จะมาคุยเล่นกันอยู่แล้ว
อาฟิฟอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง ว่าฮามานแดนก็เป็นคนแบบนี้แหละ จะค่อนข้างอายต่อหน้าคนแปลกหน้า ฉินสือโอวยิ้มออกมา พูดชมถึงความหล่อของฮามานแดนและความสวยของซาลามาห์ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม จากนั้นก็ยกเรื่องงานประมูลขึ้นมาพูด
ครั้งที่แล้วเบลคได้ขายภาพชื่อดังของแวนโก๊ะให้กับอาฟิฟไป หลังจากนั้นทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันอยู่บ้าง ดังนั้นการประมูลยุทธนาวีครั้งนี้ จึงแจ้งให้กับอาฟิฟรู้ก่อนเพื่อถามว่าเขาสนใจยุทธนาวีชิ้นนี้หรือเปล่า
และอาฟิฟก็สนใจจริงๆ เบลคเคยพูดไว้ว่าฉินสือโอวเป็นเจ้าของสมบัติที่ถูกค้นพบพวกนี้ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วย อาฟิฟจึงมองฉินสือโอวว่าอยู่ในระดับสูงขึ้นมาบ้าง ไม่อย่างนั้น แม้ว่าเขาจะเข้ากับคนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกดีกับฉินสือโอวขนาดนี้
อาฟิฟบอกว่าเขาอยากซื้อยุทธนาวีรอบนอก ฉินสือโอวไม่เข้าใจ ถามว่าทำไมต้องซื้อของสะสมมากมายขนาดนี้
เมื่อได้ยินความสงสัยของเขา อาฟิฟก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าผมซื้อของพวกนี้ไว้ใช้เองเหรอครับ? ไม่ๆๆ เพื่อนฉิน มีของมากมายที่แค่ฝากผมซื้อเท่านั้น เพราะผมมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อมีญาติพี่น้องสนใจ ก็จะมาให้ผมช่วยซื้อให้”
“ภาพ ‘อาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์’ ของงานครั้งก่อน ผมก็ซื้อแทนฮามานแดนนั่นแหละ พ่อของเขาชอบภาพวาดของแวนโก๊ะ ฮามานแดนจึงซื้อมาเป็นของขวัญให้พ่อของเขา ส่วนยุทธนาวีในครั้งนี้ ก็เป็นของที่คุณลุงที่ชื่นชอบยุคการสำรวจบนทะเลสนใจอยากจะซื้อ”
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที ยุทธนาวีเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของการประมูลรอบฤดูใบไม้ผลิของเบลค หากว่าเขายอมขายนอกรอบให้กับอาฟิฟ จะต้องทำให้งานประมูลได้รับผลกระทบไปด้วยแน่ เขาจึงอธิบายกลับไปว่า เขาขอกลับไปปรึกษากับเบลคก่อน หากว่าไม่มีปัญหาอะไรก็จะขายให้เขาทันที
หลังคุยเรื่องพวกนี้กันอย่างคร่าวๆ ฉินสือโอวก็ทำท่าขอตัวจากอาฟิฟ แล้วไปหาพวกบิลลี่แล้วกลับไปที่วิลล่ากัน
ในระหว่างการสนทนานั้น เขากับเจ้าชายขี่ม้าขาวของตะวันออกกลางพูดคุยกันแค่ประโยคเดียว “สวัสดีครับ” “สวัสดีครับ” เท่านั้น
กลับถึงวิลล่าเปิดประตูแล้ว สิ่งที่พวกฉินสือโอวเห็นเป็นสิ่งแรกก็คืออาหารมากมายที่ถูกจัดไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก
เกรตแบร์ริเออร์รีฟอยู่ติดทะเล อาหารที่มากที่สุดจึงเป็นอาหารทะเลเป็นธรรมดา มีทั้งกุ้ง หอยนางรม ล็อบสเตอร์ กุ้งเครฟิชและหอยแครงที่ทั้งสดและรสชาติหวานหอม พร้อมทั้งกุ้งปูอีกหลายๆ อย่าง เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่อยากได้ก็ว่าได้ แต่ละจานได้ทำการปรุงมาอย่างพิถีพิถัน รสชาติไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่มองดูจากสีสันหน้าตาแล้วล้วนเป็นอาหารระดับสูงทั้งนั้น
นอกจากนี้แล้วยังได้เตรียมอาหารอีกหลายอย่างที่ทำมาจากเห็ดหอมอีกด้วย ตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่ฉินสือโอวได้ทำการหาข้อมูลมาบ้างแล้ว เพราะเกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นเกาะที่อยู่ในสภาพอากาศป่าฝนเขตร้อน ในป่าจึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเห็ดนานาชนิด เป็นของที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นมาก
เหมาเหว่ยหลงหยิบไวน์แดงขึ้นมาดูขวดหนึ่ง ผิวปากทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ไวน์สำหรับมื้ออาหารของโรงไวน์ชาโต เปตรุส บริษัทเอ็กซ์เพรสนี่เงินหนาจริงๆ ไวน์ขวดนี้ราคาเท่าไร? ราคาหลายหมื่นหยวนเลยหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวไม่สนใจไวน์แดง ตอนนี้เป็นเวลาหิวโหย จึงนั่งลงและเริ่มกินทันที
กินข้าวเสร็จพักผ่อนไปหนึ่งชั่วโมงกว่า บิลลี่ก็ชวนฉินสือโอวออกไปวิ่งออกกำลังกาย ฉินสือโอวปัดมือ แล้วพูดว่า “นายไปเองเถอะ ฉันถนัดออกตอนเช้ามากกว่า ไม่ชินกับการออกกำลังกายตอนดึก”
“นายไม่ได้ไม่ชินกับการออกกำลังกายตอนดึกหรอก ก็แค่การออกกำลังกายตอนดึกของนายไม่ใช่การวิ่งเฉยๆ ถ้าฉันมีแฟนสาวอย่างวินนี่แล้วล่ะก็ ฉันก็ไม่ออกไปวิ่งตอนกลางคืนเหมือนกัน” เบลคพิงตัวอยู่บนโซฟาด้านหลังฉินสือโอวแล้วพูดพร้อมหัวเราะ
คนอื่นๆ ก็หัวเราะร่ากันออกมา บิลลี่พูดว่า “พวกนายก็พาเพื่อนสาวมาด้วยไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ไปออกกำลังกายในห้องแล้วกัน ฉันจะไปวิ่งข้างนอกเสียหน่อย บางทีฉันอาจจะเจอกับภรรยาที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ก็ได้”
แบรนดอนที่กำลังดูมือถืออยู่นั้นไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรอยู่ สีหน้าอิ่มเอิบเป็นที่สุด เดี๋ยวก็ดีใจเดี๋ยวก็ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ พวกของฉินสือโอวแอบไปยืนมุงข้างตัวเขาแล้วเขายังไม่รู้ตัวเลย ยังคงพิมพ์ข้อความต่อด้วยหน้าตาระรื่นอยู่
ฉินสือโอวแอบมองมาจากข้างหลัง เห็นว่าแบรนดอนกำลังบ่นถึงเรื่องค่ำนี้ว่าต้องไปฟังรายงานทำให้ไม่อยากอาหารจึงไม่ได้กินอะไร อีกฝ่ายก็ส่งรูปมื้ออาหารมาให้เขารูปหนึ่ง มีสลัดผลไม้กับสปาเกตตี จากนั้นก็ส่งอิโมจิรูปปวดใจมาให้เขา
แบรนดอนในตอนนี้หน้าระรื่นขึ้นไปอีก นิ้วมือกดรัวๆ ไปบนหน้าจอมือถือ สงสัยคงเริ่มจะเล่นบทอ้อนแล้ว
สุดท้ายเบลคก็มาแอบดูด้วย เขาดูแวบเดียวแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “นายนี่มั่วเก่งจริงๆ สารเลว นายไม่ได้กินมื้อเย็นเหรอ? ล็อบสเตอร์สองตัว กับซุปเนยเห็ดอีกหนึ่งถ้วยนั่นเข้าไปในท้องหมาแทนหรือไง?”
แบรนดอนตกใจกับเสียงของเบลค พอเงยหน้ามาก็เห็นคนทั้งกลุ่มกำลังล้อมตัวเขาไว้แล้วก็โกรธขึ้นมา ทั้งต่อยทั้งถีบให้พวกเขารีบหลีกไป
ฉินสือโอวมองไปที่เบลคอย่างไม่พอใจ เขายังไม่ทันรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหนนี่นา
เขาบ่นเบลค เบลคจึงเข้าไปแย่งมือถือของแบรนดอนมา ทำเอาแบรนดอนตกใจสุดขีด ตะโกนออกมาว่า “อย่าเล่นนะ ฉันกำลังตั้งใจคุยอยู่ จริงๆ นะ ฉันมีความรู้สึกที่ดีกับเธอมาก!”
“เธอเป็นใคร?” ฉินสือโอวได้ทีถามออกไป
เบลคยังคงก่อกวนไม่หยุด ตอนนี้แว่นตาสายทองคำของเขาได้หล่นลงไปแล้ว เขากำลังปกป้องมือถืออย่างสุดชีวิตเลย
เมื่อเห็นแบรนดอนมีท่าทีจริงจังมาก เบลคจึงหยุดแล้วถามออกไปว่า “นายหมายความว่าอะไร? กำลังมีความรักจริงเหรอ?”
แบรนดอนโล่งใจขึ้นมา เขาก้มลงไปมองบนหน้าจอ พิมพ์ตอบไปประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันเองก็อายุมากแล้วไม่ใช่เหรอ? เมื่อก่อนฉันไม่ได้เจอคนที่ถูกใจสักที แต่ว่าเมื่อวานฉันได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง พวกเราคุยกันถูกคอมากจริงๆ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมจะไม่อยากรู้จักมากขึ้นล่ะ?”
เขาเพียงเอ่ยออกมาไม่กี่คำ แต่ฉินสือโอวก็จับข้อความที่มีประโยชน์ได้ทันที จึงพูดออกไปอย่างประหลาดใจว่า “แอร์โฮสเตสสาวบนเครื่องบินคนนั้นเหรอ?!”
แบรนดอนบอกว่าเป็นผู้หญิงที่เจอกันเมื่อวาน แต่เมื่อวานฉินสือโอวก็อยู่กับเขาตลอด ผู้หญิงแปลกหน้าที่พวกเขาเจอ ก็มีแค่แอร์โฮสเตสสาวสี่คนนั้นเท่านั้น และแบรนดอนก็ได้ยื่นมือไปช่วยแอร์โฮสเตสสาวสวยคนหนึ่งไว้ด้วย
เมื่อฟังคำพูดประโยคนี้ของฉินสือโอว แบรนดอนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที แล้วด่าออกไปว่า “ฟัค ปากโง่ๆ ของฉัน!”
เบลคกลับเต็มไปด้วยสีหน้าอมทุกข์ เขาชี้ไปที่แต่ละคนแล้วพูดว่า “นาย วินนี่ นาย หลิวซูเหยียน นาย แอร์โฮสเตส นาย อยู่ในช่วงละเว้น ให้ตายเถอะ! แล้วฉันจะทำอย่างไร? ต่อไปใครจะไปจีบสาวเป็นเพื่อนฉันล่ะ?”
บิลลี่มองไปที่เบลคอย่างเห็นใจ แล้วพูดว่า “เพื่อน เลิกเล่นได้แล้ว ไปหาคนที่สามารถอยู่กับนายทั้งชีวิตเถอะ ดีไหม? นายต้องกลับตัวกลับใจได้แล้ว”
“คนกลับตัวกลับใจเอาทองมาแลกก็ไม่ยอม (คนกลับตัวกลับใจคือคนที่มีค่ามาก) สำนวนประเทศของฉันเอง” เหมาเหว่ยหลงพูดพร้อมรอยยิ้ม
ฉินสือโอวบอกว่า “ว่าเขาแบบนี้ก็ไม่ถูก สำหรับเบลคแล้ว น่าจะเหมาะกับคำว่าวางดาบในมือแล้วบวชเป็นพระมากกว่า!”
เบลคมีสีหน้าปวดใจออกมา จากนั้นก็เรียกเพื่อนสาวที่เขาพามาด้วยกลับห้องตัวเองไป ส่วนจะไปทำอะไรนั้น คนทั้งกลุ่มใช้ก้นคิดก็ยังคิดได้
บทที่ 947 สองพี่น้องสาวสวยที่โด่งดัง
Ink Stone_Fantasy
งานประจำปีของบริษัทเอ็กซ์เพรส ไม่เหมือนกับงานของบริษัทเล็กๆ ทั่วไปที่จะรวมตัวลูกค้ามา แล้วพาไปเที่ยวกินลมชมวิว ที่จริงแล้วสิ่งที่พวกเขาจัดสรรให้นั้นเป็นเพียงเวทีหนึ่งเท่านั้น เป็นเวทีที่ให้ทุกคนสามารถมาผูกสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้ ดังนั้นในโปรแกรมจึงไม่ได้มีการจัดเตรียมกิจกรรมใดๆ ไว้ ทุกคนสามารถจัดสรรเวลาในตอนกลางวันว่าจะทำอะไร
แต่แน่นอนว่า หากอยากจะเที่ยวชมเมืองเกรตแบร์ริเออร์รีฟแล้วล่ะก็ บริษัทเอ็กซ์เพรสก็ได้เตรียมเรือยอชต์สุดหรูไว้ให้ เป็นเรือยอชต์หรูหราขนาดใหญ่ที่มีความยาวสามสิบกว่าเมตร มีทั้งหมดสี่ชั้น จอดรออยู่ที่ท่าเรือของรีสอร์ต และพร้อมออกเรือตลอดเวลา
พวกเคอร์นัดฉินสือโอวไปตีกอล์ฟกันตอนเย็น ดังนั้นในช่วงเช้าฉินสือโอวจึงคิดว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย ที่นี่มีคนมีชื่อเสียงมากมายอย่างนี้ หากได้พบกับคนที่ถูกชะตาบ้าง ก็เท่ากับการมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว
จุดเด่นของเกรตแบร์ริเออร์รีฟก็คือเขตป่าฝนเขตร้อนกับมหาสมุทร ในรีสอร์ตจึงแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รีสอร์ตแต่ละหลังถูกซ่อนอยู่ในหมู่ต้นไม้ จึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติในป่าใหญ่
หลังเดินออกจากวิลล่าแล้วเดินเลียบไปตามทางเดินไม่ไกลนัก ก็มีเสียงดังออกมาเป็นพักๆ ฉินสือโอวรีบหันหัวไปมอง งูหลามทองตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากพงหญ้า แล้วส่ายตัวไปมาบนถนน จากนั้นก็ใช้ดวงตาสีดำดวงน้อยนั้นมองมาที่ฉินสือโอว แล้วค่อยๆ ขดตัวเข้ามา
งูตัวนี้เป็นงูที่โตเต็มตัวแล้ว ตอนที่ขดตัวอยู่นั้นดูไปราวกับกองดินกองหนึ่ง สีผิวของมันเป็นสีทองอร่ามที่หาเจอได้ยาก บนสีทองตามตัวปกคลุมไปด้วยลายจุดสีขาวดั่งหิมะ มองไปแล้วดูน่าเกรงขามมาก
การที่เห็นงูหลามทองขดตัวกะทันหันแบบนี้ คนปกติทั่วไปต้องรู้สึกกลัวอยู่แล้ว ฉินสือโอวก็เช่นกันที่กลัวถึงขั้นกล้ามเนื้อเต้นกระตุกขึ้นมา แล้วทำท่าตั้งการ์ดขึ้นมาทันทีตามสัญชาตญาณ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลดมือลง เพราะงูหลามทองเป็นหนึ่งในงูที่เป็นมิตรชนิดหนึ่งของงูหลามกลายพันธุ์ เป็นงูที่ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์
อีกอย่างเขาเองก็มีกองทหารงูเหลือมอยู่ในมือด้วย งูจากในกองทหารของเขาไม่ว่าจะตัวไหน ก็มีขนาดใหญ่กว่าเจ้างูหลามโตเต็มตัวตัวนี้ถึงสองเท่า!
งูหลามทองชอบอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง เวลาว่างๆ มันยังชอบที่จะไปแช่น้ำอีกด้วย ดังนั้นเกาะเกรตแบร์ริเออร์รีฟจึงเป็นเหมือนสรวงสวรรค์ของพวกมันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่างูประเภทนี้จะไม่สามารถพบได้นอกเกาะเกรตแบร์ริเออร์รีฟ เพราะพวกมันเป็นงูหลามที่กลายพันธุ์มาจากงูหลามพม่า ที่ออสเตรเลียจึงไม่มีงูชนิดนี้
อีกอย่างเกี่ยวกับงูชนิดนี้ก็คือ แม้ว่ามองไปแล้วงูหลามทองจะทั้งดูดีและน่าเกรงขาม แต่ความจริงแล้วพวกมันไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่นอกป่าไม้ได้เลย เพราะว่าเจ้าตัวเป็นงูกลายพันธุ์หรือเรียกได้ว่าเป็นงูมีโรค ร่างกายขาดเม็ดสีดำ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายต่ำ หากพวกมันอาศัยอยู่นอกป่าไม้แล้วจะสามารถติดโรคได้ง่าย
และแม้ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการติดโรคได้ แต่การที่ร่างกายของมันไม่สามารถเปลี่ยนสีเพื่อพรางตัวได้ทำให้ไม่สามารถหลบหนีศัตรูตามธรรมชาติ และยังสามารถตายจากการได้รับแสงยูวีที่มากเกินไปอีกด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นสัตว์ที่เกิดมาเพื่อมาเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์โดยเฉพาะ
ฉินสือโอวคิดว่าเจ้างูตัวนี้ก็คงเป็นสัตว์เลี้ยงของใครสักคนแน่ มีหลายคนที่พาสัตว์เลี้ยงมาพักผ่อนด้วย เมื่อวานตอนลงเครื่อง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็บ่นออกมาด้วย ว่าแขกที่บริษัทเอ็กซ์เพรสเชิญมาร่วมงานประจำปีนั้นเป็นคนหรือเป็นสัตว์กันแน่
เป็นไปตามคาด หลังจากที่เขากับงูหลามทองจ้องตากันอยู่ไม่ถึงห้านาที ก็มีคนตะโกนออกมาจากจุดที่ไม่ไกลนัก “เกรา? เกรา? นายอยู่ที่ไหน?! มีใครเห็นงูหลามทองบ้างไหมคะ? มีใครเห็นบ้างไหม?”
ฉินสือโอวหยิบกิ่งไม้ขึ้นมากิ่งหนึ่งโยนไปที่งูหลามทอง พร้อมพูดว่า “เพื่อนนายกำลังเรียกนายแหนะ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก?”
งูหลามทองนึกว่าตัวเองโดนทำร้ายแล้ว แต่มันก็ไม่ได้จู่โจม เพียงแต่หดตัวถอยกลับไปอย่างขี้ขลาด มันถอยหลังจนหัวแทบจะมุดเข้าไปในตัวที่ขดอยู่แล้ว ดูแล้วเหมือนจะกลัวฉินสือโอวมาก
ฉินสือโอวรู้สึกสนุกขึ้นมา จึงเดินไปข้างหน้าสองก้าว
งูหลามทองก็คลายตัวออก รีบเลื้อยถอยหลังไป เมื่อถอยไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็เริ่มขดตัวขึ้นมาอีก จากนั้นก็จ้องเขาอยู่อย่างนั้นด้วยสายตาไร้เดียงสา
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว เจ้างูหลามทองตัวนี้คงถูกคนฝึกงูฝึกมา ว่าไม่ให้ทำร้ายคน แต่ว่าตอนที่มันกลัว ก็ยังคงทำตามสัญชาตญาณของมัน นั่นก็คือขดตัวไว้เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เขาก็เดินหน้าเข้าไปอีกสองสามก้าวเพื่อทดสอบดู และเป็นตามที่คิดงูหลามตัวใหญ่รีบถอยหลังทันที แล้วก็เริ่มขดตัวต่อ
ฉินสือโอวลองอยู่หลายครั้ง ทำให้งูหลามทองไม่พอใจขึ้นมา อย่างไรเสียฉันก็เป็นงูหลามนะไม่ใช่ไส้เดือน นายมาก่อกวนฉันอย่างนี้หลายความว่าอย่างไร?
ดังนั้นงูหลามทองจึงอ้าปากกว้างแลบลิ้นออกมา คลายตัวออก แล้วรีบเลื้อยไปทางฉินสือโอวอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปรัดเขา
ตอนนี้ฉินสือโอวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองทำเกินไปแล้ว เขาไม่กลัวงูหลามทองตัวนี้ แต่ว่าไม่อยากมีเรื่องกับมัน เพราะถ้าเกิดถูกมันรัดตัวเข้าไว้แล้วก็ แม้เขาจะมีแรงมากมายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เขาจึงมองซ้ายมองขวา ก็หันไปเห็นเข้ากับกิ่งไม้ที่มีขนาดใหญ่ประมาณต้นแขนอันหนึ่ง จึงใช้เท้าหักท่อนไม้ออก แล้วก็หยิบมาชี้ไปที่งูหลามทอง
งูหลามทองที่เตรียมจะจู่โจมเห็นแล้วก็ตกใจขึ้นมา ให้ตายเถอะเจ้ามนุษย์คนนี้น่ากลัวจริงๆ เหยียบไปแค่ทีเดียวก็หักไม้ที่มีขนาดพอๆ กับตัวเองได้เลยเหรอ? ต้องรีบหนีแล้ว!
งูหลามทองจึงหันหลังแล้วหนีไปทันที ฉินสือโอวตะโกนออกไปทีหนึ่ง คนที่กำลังตามหางูหลามทองได้ยินเสียงของเขาแล้วก็รีบเข้ามา เป็นผู้หญิงสองคน
เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนนี้ งูเหลือมทองที่มุดเข้าไปในพุ่มไม้ก็โผล่หน้าออกมา แล้วรีบเลื้อยเข้าไปหา
ผู้หญิงหนึ่งในสองคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้านั่งลงมาแล้วลูบไปที่หัวของงูหลามทอง ส่วนอีกคนก็มองไปที่ฉินสือโอว ยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดี บอดี้การ์ดจากจงหนานไห่ สวัสดีค่ะ?”
ฉินสือโอวมองไป ก็พบว่าที่แท้ก็เป็นสาวสวยข้างห้องในสระว่ายน้ำที่เจอกันเมื่อวานนั่นเอง จึงทักทายอย่างเป็นมิตรว่า “สวัสดีครับ นี่เป็นงูหลามที่พวกคุณเลี้ยงไว้เหรอครับ? สวยมากเลยครับ แต่ว่าต้องดูแลมันดีๆ หน่อยนะครับ เพราะอาจทำให้เด็กๆ ตกใจได้นะครับ”
ผู้หญิงที่นั่งลงกับพื้นเงยหน้าขึ้นมา แล้วถามว่า “เฮ้ นิกกี้ เธอรู้จักเขาเหรอ?”
ผู้หญิงตรงหน้าฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นบอดี้การ์ดที่เก่งมากคนหนึ่ง เมื่อวานฉันเจอเขาที่สระว่ายน้ำ เขามีเส้นกล้ามเนื้อที่สุดยอดมากเลย ฉันหมายถึงสุดยอดเลย แพรีส สุดยอดกว่าเพื่อนผู้ชายของเธอพวกนั้นมากเลยล่ะ”
ฉินสือโอวยิ้มเตรียมจะจากไป แต่หลังจากได้ยินชื่อของผู้หญิงตรงหน้าแล้ว เขาจึงมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่กับพื้นอีกที เฮ้ย เขารู้จักคนคนนี้ เป็นอีกคนที่เมื่อก่อนเคยเห็นในทีวีมาก่อน แพรีส ฮิลตัน ทายาทคนต่อไปของตระกูลฮิลตันในนิวยอร์ก
สำหรับตระกูลฮิลตันแล้ว ฉินสือโอวไม่รู้อะไรมาก รู้แต่เพียงว่ามีสาวสองพี่น้องด้วย ตอนนี้เมื่อได้ยินชื่อเรียกแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือน้องสาว นิกกี้ ฮิลตันแน่นอน
เมื่อได้ยินว่าเป็นบอดี้การ์ด แพรีส ฮิลตันจึงไม่มองฉินสือโอวอีกเลย ฉินสือโอวเบ้ปาก สาวใจง่ายพวกนี้นี่ทำตัวสูงส่งเสียจริง เป็นบอดี้การ์ดแล้วอย่างไร อย่างกับว่าเธอไม่เคยมั่วกับบอดี้การ์ดอย่างนั้นแหละ ฉันเองก็ไม่อยากรู้จักกับผู้หญิงอย่างพวกเธอหรอก
แพรีส ฮิลตันเป็นหนึ่งในคนมีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลก หน้าตาดี เซ็กซี่ มีความสามารถ แถมเมื่อสิบปีก่อนยังได้สร้างแบรนด์และบริษัทของตัวเองแล้วด้วย หากว่าเธอรู้จักหักห้ามใจเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวบ้างแล้วล่ะก็ คงเป็นภรรยาในอุดมคติของชายอเมริกันไปแล้ว
แต่ทว่า อาจเพราะมีครบแทบทุกอย่าง เธอจึงไม่เคยเห็นค่ากับอะไรเลย อายุยังน้อยก็มีแต่ข่าวฉาว ฉินสือโอวเองยังยอมซูฮกให้เลย
เทียบกับพี่สาวแล้ว นิกกี้ ฮิลตันใช้ชีวิตได้เรียบง่ายกว่ามาก เธอเองก็มีธุรกิจกับแบรนด์เป็นของตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีข่าวฉาวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวเลย นี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉินสือโอวมองแพรีส ฮิลตันปราดเดียวก็จำเธอได้ แต่กลับจำคนน้องไม่ได้เลย
ทุกคนล้วนเป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าเหมือนกัน จึงเป็นธรรมดาที่นิกกี้จะรู้สึกได้ว่าระหว่างพี่สาวของเธอกับฉินสือโอวนั้นไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไรนัก แต่วิธีการของเธอนั้นก็แพรวพราวใช่ย่อย เธอพูดว่า “อ้อ ขอโทษนะคะ คุณบอดี้การ์ด ฉันต้องขอตัวก่อนแล้ว เมื่อกี้พี่สาวฉันนึกว่าทำเกราหายแล้ว เลยตกใจพอสมควร แล้วพอหาเจอก็เห็นคุณถือไม้ไว้ในมือชี้ไปที่เกราอีก เลยเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมานิดหน่อย”
บทที่ 948 พรหมลิขิตหมื่นลี้
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวค่อนข้างชื่นชมลักษณะนิสัยของนิกกี้ แล้วเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว เขาจึงยักไหล่เพื่อบอกว่าตามสบาย ตัวเขาวางท่อนไม้ลง แล้วเดินมุ่งหน้าไปทางชายหาดแทน
ชายหาดของเกาะเกรตแบร์ริเออร์รีฟนั้นเป็นดั่งผืนฟ้าสีขาวบริสุทธิ์ คลื่นทะเลม้วนตัวซัดเข้ามา นำพาเอาหินกรวดที่ขรุขระกลับไป เหลือไว้เพียงแต่เม็ดทรายละเอียดเม็ดเล็กไว้ หินกรวดถูกคลื่นซัดจนละเอียดแล้วก็ถูกพัดกลับมาบนชายฝั่ง สุดท้ายจึงก่อรวมกันเป็นชายหาดทรายละเอียดผืนนี้
ตอนที่ฉินสือโอวเดินไปบนชายหาดนั้น ก็มีคนรีบนำแว่นกันแดดมาให้เขาทันที พร้อมกับพูดแนะนำเขาอย่างเป็นมิตรว่า “คุณผู้ชายครับ ที่นี่เหมาะกับการเดินเท้าเปล่ามากนะครับ เพราะชายหาดที่นี่นุ่มมาก”
เมื่อมีคนพูดแนะนำแล้ว ฉินสือโอวจึงถอดรองเท้าออกมาถือไว้ในมือ แล้วเดินไปบนชายหาดอย่างสบายอารมณ์
มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเล่นร้องตะโกนกันในจุดที่ไม่ไกลนัก พวกเขาพากันมุงตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนด้วยเสียงตื่นเต้นดีใจออกมา
ฉินสือโอวเหมือนจะได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ‘เต่าตัวใหญ่มากเลย’ เขาไม่ได้สนใจ ยังคงเดินทอดน่องไปบนชายหาดอย่างมีความสุข พร้อมดื่มด่ำกับความสบายของเท้าที่เหยียบลงไปในเม็ดทราย
เสียงตะโกนร้องของพวกเด็กๆ ดึงความสนใจของพวกผู้ใหญ่ไป มีพนักงานคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไป แล้วตะโกนเสียงดังว่า “นี่คือเต่ามะเฟือง ทุกคนต้องอยู่ห่างๆ ไว้นะครับ พวกเราจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้ ทุกคนห้ามเข้าใกล้นะ!”
ฤดูร้อนของออสเตรเลียจะสามารถพบกับเต่าทะเลได้ง่าย เพราะเต่าทะเลในซีกโลกเหนือมักจะหนีมาหลบหนาวกันในช่วงเวลาและสภาพอากาศแบบนี้ ดังนั้นในตอนแรกฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าที่พวกเด็กๆ เห็นเต่าทะเลมาเกยตื้นนั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
แต่ว่าตอนนี้ที่พนักงานพูดถึงเต่ามะเฟือง เขากลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมา และอดคิดถึงเต่าที่อยู่ในฟาร์มปลาของเขาไม่ได้ จึงเดินเข้าไปดู
ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์นั้นรุนแรงมาก จำนวนเด็กๆ ที่วิ่งเข้าไปดูเต่ามะเฟืองมีมากขึ้นเรื่อยๆ พวกผู้ใหญ่ก็วิ่งตามไปด้วยเช่นกัน ตอนที่ฉินสือโอวเดินไปถึง รอบๆ นั้นก็มีคนอยู่ถึงสี่ห้าสิบคนแล้ว
เขายืนมองดูอยู่ข้างนอก ก็พบว่ามีเต่ามะเฟืองจริงๆ มันคลานอยู่บนชายหาด กำลังส่ายหัวไปมาเพื่อมองคนที่มามุงมันจากรอบด้านอยู่
เมื่อได้เห็นเต่ามะเฟืองตัวนี้แล้ว ฉินสือโอวมีความรู้สึกคุ้นเคยกับมัน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามันเคยไปที่ฟาร์มปลาของตัวเองมาแล้วด้วย
เจ้าเต่ามะเฟืองตัวนี้ยืนขึ้นมา ขาทั้งสี่ของมันสั่นระริกไปมา หัวที่ยื่นออกมาก็ส่ายไปมาอย่างมีจังหวะ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงตะโกนออกไปด้วยความแปลกใจว่า “เฮ้ย! นิโคลัส เจ้าซื่อ? ฮ้า บังเอิญจัง!”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ นั่นแหละ ฉินสือโอวจำได้ว่าเจ้าหมอนี่ก็คือราชานักเต้นเจ้าซื่อที่โด่งดังในเวยป๋อนั่นเอง นึกไม่ถึงว่าแม้จะอยู่ไกลกันถึงสองหมื่นกิโลเมตร เขายังได้มาเจอกับเจ้านี่ที่ออสเตรเลียอีก
มีเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งอยากจะยื่นมือไปลูบเต่ามะเฟือง เจ้าซื่อเคยเจอกับผู้คนมามากมาย จึงมีนิสัยค่อนข้างเชื่อง มันไม่ได้อ้าปากไปกัดเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ลดหัวลงต่ำให้เขาลูบแทน
แต่เด็กหนุ่มกลับนึกว่ามันเป็นสัตว์ขี้ขลาด จึงยื่นมือไปจับที่คอของมัน ทำท่าจะลากมัน แถมยังตะโกนออกไปเสียงดังอีกว่า “ดูสิ ฉันจับมันได้แล้ว! ฉันจับมันได้แล้ว! มีใครกล้ามาลองอีกไหม?!”
เจ้าซื่อมีรูปร่างที่ใหญ่โต เต่ามะเฟืองเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์เต่า อีกทั้งเจ้าซื่อนั้นค่อนข้างที่จะกินดีอยู่ดีแถมยังได้รับพลังโพไซดอนอีก ทำให้มีความยาวกระดองแนวตั้งมากกว่าหนึ่งจุดสองเมตร ตอนที่มันคลานอยู่บนพื้นนั้นมองไปราวกับเป็นโขดหินก้อนหนึ่งเลยทีเดียว น้ำหนักก็หนักมากด้วย
เต่ามะเฟืองมีลักษณะนิสัยเป็นมิตรแต่หน้าตากลับดูดุร้าย คนหนุ่มคนนี้คงอยากจะใช้เรื่องนี้เพื่ออวดความกล้าหาญของตัวเองต่อหน้าเพื่อนๆ จึงกำคอด้วยแรงที่เหมือนกับแรงดื่มนมเพื่อกักตัวเจ้าซื่อไว้
เจ้าซื่อนึกว่าตัวเองถูกโจมตี จึงอ้าปากแล้วกัดไปทีหนึ่ง
แรงจู่โจมของเต่ามะเฟืองไม่รุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมให้ใครมารังแก ในมหาสมุทรนั้นแม้แต่ฉลามยังไม่กล้ามาหาเรื่องพวกมันเลย จากขนาดของเจ้าหมอนี่ ตัวใหญ่แรงเยอะ แถมในปากยังเต็มไปด้วยฟันที่ขึ้นถี่ยิ่งกว่าฟันของฉลาม บวกกับกระดองทั่วตัวอีก ช่างสมกับเป็นวีรบุรุษในมหาสมุทรที่สามารถต่อสู้ได้รุนแรงอย่างต่อเนื่องเสียจริง
แต่ก็เพราะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งแบบนี้นั่นแหละ ทำให้ตอนนี้พวกมันใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว เทคโนโลยีของมนุษย์นั้นสร้างความสะดวกสบายให้ตัวเองได้จริง แต่กลับสร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติค่อนข้างมาก
เด็กหนุ่มยื่นมือไปจับเจ้าซื่อแล้วถูกมันกัดเกิดขึ้นในช่วงพริบตาเดียว ฉินสือโอวจึงยื่นมือไปช่วยไม่ทันการณ์ ปากของเจ้าซื่อได้กัดลงไปบนฝ่ามือของเด็กหนุ่มแล้ว
เพียงครู่เดียว เด็กหนุ่มก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกับสะบัดมืออย่างไปมาอย่างแรง
เจ้าซื่อไม่ได้กัดไม่ปล่อยเหมือนตอนที่มันสู้กับฉลาม มันอ้าปากออก หันหัวแล้ววิ่งกลับไปในทะเลแทน ดูท่ามันคงรู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว หากยังอยู่ต่อไปตัวเองคงได้รับอันตรายแน่
คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าไปห้าม ต่างพากันตกใจแล้วหลบมันกัน ผิดกับพนักงานที่ไม่กล้าให้เต่ามะเฟืองหนีไปอย่างนี้แน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็กัดคนแล้ว ดังนั้นจึงมีคนวิ่งเข้ามา ใช้สวิงจับปลาครอบไปที่เต่ามะเฟือง
ฉินสือโอวเดินเข้าไปจับไว้ที่ข้อมือของเด็กหนุ่ม เขามองดูคร่าวๆ แล้ว ความจริงก็ไม่เป็นอะไรมาก ก็แค่ถูกฟันถี่ๆ ของเต่ามะเฟืองงับโดนเท่านั้น แม้ว่ามือของเด็กหนุ่มจะถูกกัดจนหนังหลุดเลือดไหลดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วก็กัดโดนแค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น ไม่ได้กัดไปจนถึงผิวชั้นใน
แต่เด็กหนุ่มไม่รู้เรื่องพวกนี้ เอาแต่แหกปากร้องออกไปอย่างสุดเสียง ไม่เหลือภาพความโอหังที่กำคอของเต่ามะเฟืองเมื่อกี้ไว้เลย ดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่กำลังถูกรังแกมากกว่า
ฉินสือโอวปลอบเขาว่า “โอเคๆ เป็นลูกผู้ชาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ดูสิ แค่ฝ่ามือถลอกนิดหน่อยเอง กัดฟันแล้วไปทายาไม่นานก็หายแล้ว…”
ตอนที่เขากำลังปลอบเด็กหนุ่มอยู่นั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ยื่นมือมาผลักฉินสือโอวออกไป ดึงตัวเด็กหนุ่มไว้แล้วพูดว่า “ลอว์สัน โอ้ ลูกชายฉัน! นี่ลูกเป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นกับฝ่ามือของลูก?!”
ผู้หญิงที่ตามหลังมาด้วยก็กรีดร้องเสียงดังด้วยว่า “รปภ. รปภ.! ให้ตายสิ ดูนี่สิ พวกนายทำงานกันอย่างไร? นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับลูกของฉัน?”
การที่ถูกคนผลักออกนั้น ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีก ให้ตายสิ คนที่ผลักเขาเมื่อกี้ก็คือไอ้เจ้าอัลเบิร์ต ชัดเจนเลยว่าเด็กหนุ่มก็คือลูกชายของเขา
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเจอกันบนเครื่องบินมาก่อน แต่พอเข้าไปในห้องสูทแล้วครอบครัวอัลเบิร์ตก็ไม่ค่อยออกมาสักเท่าไร เขาเองก็ไม่ได้สังเกตหน้าตาของเด็กหนุ่มด้วย ทำให้จำเขาไม่ได้ในทันที
เมื่อเรื่องเกี่ยวกับอัลเบิร์ต ฉินสือโอวจึงไม่อยากไปยุ่งอีก อัลเบิร์ตเองก็คงจะไม่อยากรับน้ำใจของเขาด้วย เผลอๆ อาจคิดว่าฉินสือโอวจ้องจะทำร้ายลูกของเขาก็ได้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย จึงหันไปสนใจปัญหาของเจ้าซื่อแทน
เจ้าซื่อมีพละกำลังมาก แม้ว่าสวิงจับปลาจะหยุดมันไว้ได้ แต่แค่ขยับขาสั้นๆ ของมันไปมา ก็สามารถลากสวิงจับปลาไปได้อย่างรวดเร็ว
สวิงจับปลาเป็นเพียงด้ามพลาสติกที่มีตาข่ายติดอยู่ข้างหน้าเท่านั้น เป็นของที่ใช้มาจับพวกขยะและกุ้งปลาในทะเล พวกรปภ.ใช้สวิงพลาสติกนี้ครอบไปบนตัวเจ้าซื่อ แล้วออกแรงที่เหมือนแรงดื่มนมนั้นลากไว้ จึงสามารถหยุดเจ้าซื่อไว้ได้
ฉินสือโอวเข้าไปพูดว่า “ทุกท่านครับ เต่ามะเฟืองตัวนี้ตกใจมากแล้ว ทางที่ดีพวกเราควรจะปล่อยมันกลับไปในทะเล ให้มันออกไปหาที่ที่ปลอดภัยดีกว่านะครับ”
รปภ.ที่รูปร่างกำยำคนหนึ่งทำท่าทางเป็นนัยว่าขอโทษแล้วพูดว่า “ทำตามที่คุณขอไม่ได้ครับ คุณผู้ชาย เต่ามะเฟืองตัวนี้ทำร้ายคน พวกเราจำเป็นต้องจัดการมันครับ ถ้าหากปล่อยมันกลับไปในทะเล แล้วไปทำร้ายคนอีกจะทำอย่างไรครับ?”
คำพูดของรปภ.มีเหตุผล หากว่าฉินสือโอวอยู่ในจุดยืนของพวกเขา ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน ความปลอดภัยของแขกต้องมาก่อน แค่เต่าทะเลตัวหนึ่งจะเป็นจะตายแล้วอย่างไร?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น