ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 942-955

 ตอนที่ 942 ตกปลาบ้าอะไรล่ะ


เหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยถึงหน้าประตูบ้านตระกูลเซียวแล้วมอบจูบร้อนแรงอันลึกซึ้งให้เธอในรถทีหนึ่งถึงจะยอมให้เหมยเหมยลงจากรถด้วยความอาลัยอาวรณ์ เห็นเธอเดินเข้าบ้านแล้วถึงจะสตาร์ทรถออกไป


เหมยเหมยเพิ่งมาถึงลานบ้านก็ถูกจ้าวเสวียหลินที่ใจร้อนรุ่มดั่งไฟเรียกตัวไว้ จ้าวเสวียหลินทำหน้าบูดบึ้ง แผ่รังสี ‘ความโกรธ’ ตั้งแต่หัวจรดเท้า


เพราะร้านอาหารตะวันตกของจ้าวเสวียเอ๋อร์จะเปิดร้านในอีกสามวันทุกคนเลยงานยุ่งกันไปหมด พวกจ้าวเสวียหลินกับจ้าวเสวียกงเองก็ออกเช้ากลับค่ำงานยุ่งจนหัวหมุน


จ้าวเสวียหลินที่ออกไปแต่เช้าตรู่ไม่รู้ว่าเหมยเหมยก็ออกตามหลังมาทันที  แถมยังออกไปทั้งวัน จ้าวเสวียหลินรู้ว่าเหมยเหมยขึ้นรถทหารคันหนึ่งจากสยงมู่มู่ แต่ไม่เห็นหน้าของชายที่นั่งบนรถ


สิ่งที่เกินกว่าเหตุไปก็คือน้องสาวเขากลับมาดึกขนาดนี้ และออกไปข้างนอกกับผู้ชายมาทั้งวัน…


“สารภาพมาเสียดี ๆ ตอนกลางวันเธออยู่กับใคร? ผู้ชายบนรถนั่นคือใคร?”


เมื่อกี้เขาแอบดูรถพบว่าเป็นป้ายเดียวกันกับที่มาหาน้องสาวคราวก่อน แต่เขาก็ไม่ทันเห็นใบหน้าผู้ชายบนรถอย่างชัดเจนเพราะหน้าต่างที่ปิดสนิททำให้มองไม่เห็นอะไร ได้เห็นเพียงแวบเดียวตอนที่ประตูรถเปิดเท่านั้น


เหมยเหมยพูดเสียงฮึดฮัด “ยังไงก็ไม่ใช่คนไม่ดีแล้วกัน บอกไปพี่ก็ไม่รู้จัก”


เหยียนหมิงซุ่นในขณะนี้ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตนเธอย่อมพูดไม่ได้ ต่อให้อีกฝ่ายคือจ้าวเสวียหลินก็ไม่ได้ เธอเชื่อในตัวพี่ชายอยู่แล้วแต่เธอไม่เชื่อคนในตระกูลจ้าว


จ้าวเสวียหลินโกรธจนหัวหมุน จ้องเหมยเหมยด้วยตาแดงก่ำแล้วพยายามพูดอย่างใจเย็นว่า “เหมยเหมยไม่ได้อายุน้อย ๆแล้วนะ เป็นเด็กผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว เธอบอกพี่มาว่าผู้ชายคนนั้นหลอกเธอใช่ไหม? เขาคือใคร? อายุเท่าไรแล้ว?…”


เหมยเหมยฟังจนหาววอดและยิ่งอยากหัวเราะออกมา เธอจะโง่ขนาดนั้นเชียวหรือ จะปล่อยให้ผู้ชายแปลกหน้าเอาเปรียบเธอได้เลยเหรอ!


แต่ความห่วงใยของจ้าวเสวียหลินทำเธอซึ้งใจอย่างมากเลยตอบไปเพียงว่า “พี่สบายใจเถอะ หนูไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายสักหน่อย ยังบอกชื่อเขาไม่ได้ พี่ก็อย่าถามอีกเลย ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนูหรอก…”


เหมยเหมยหาววอดติดต่อกันหลายครั้งเพราะรู้สึกง่วงจับใจ โบกมือใส่จ้าวเสวียหลินที่ยังไล่หลังมาไม่หยุดอย่างระอา “ไม่งั้นพี่ก็เอาสีชาดมาจุดตรงมือฉันเลยล่ะ?”


จ้าวเสวียหลินชะงักก่อนจะทำตาวาว “นี่ก็เป็นวิธีที่ดีนะ ฉันจะไปศึกษาเดี๋ยวนี้ว่าสีชาดทำยังไง…”


เหมยเหมยคอยมองแผ่นหลังของจ้าวเสวียหลินที่เดินดุ่ม ๆไปขอคำปรึกษาจากสยงมู่มู่และเจ้าอ้วนน้อยแล้วกลอกตาใส่อย่างระอา เธอแค่พูดเล่น ๆเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าพี่ชายแสนซื่อของเธอจะเอาจริง?


…โง่เง่าสิ้นดีใช่ไหมล่ะ?


สีชาดพิสูจน์ตัวนั่นเป็นเพียงสิ่งของจากนิยายกำลังภายใน ต่อให้ศึกษาตลอดชีวิตก็ไม่มีวันรู้หรอก!


เหมยเหมยหาวอีกครั้ง เซียวเซ่อเดินเข้ามากระซิบถามข้างหูเธอเบา ๆ “เธอเปลี่ยนผู้ชายอีกแล้วใช่ไหม?”


ทำเอาเหมยเหมยสะดุ้งตัวโยนจนหายง่วงไปเลย…


เซียวเซ่อพูดอย่างมั่นใจ “เหยียนหมิงซุ่นไม่โผล่หัวมาตั้งนานแล้ว คราวก่อนและครั้งนี้เธอออกไปข้างนอกกับผู้ชายมาสินะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องเบื่อคนสกุลเหยียนนั่น…”


เหมยเหมยเอามือกุมหน้าผากพลางถอนหายใจ เหมือนมีม้านับหมื่นตัววิ่งผ่านใจเธอ…


กลางวันเพิ่งโดนเฮ่อเหลียนชิงหาว่าเป็นผู้หญิงสำส่อน ตอนนี้ถูกเพื่อนกล่าวหาว่าใจง่าย…คันปากอยากด่าคนเสียจริง…


“ฉัน…ฉันมี…” เหมยเหมยพยายามหาทางอธิบาย เธอไม่อยากถูกเพื่อนเข้าใจผิด


เซียวเซ่อกลับพูดขัดเธอด้วยท่าทีจริงจัง “เปลี่ยนผู้ชายเป็นเรื่องปกติ แต่ฉันต้องเตือนเธอหน่อยว่าเปลี่ยนผู้ชายแล้วจะใช้เงินของเหยียนหมิงซุ่นต่อไม่ได้นะ เราต้องเหยียบเรือแคมเดียวในการตกปลา เข้าใจใช่ไหม?”


เหมยเหมยกระพริบตาปริบ ๆ ผ่านไปพักใหญ่ถึงเข้าใจความหมายของเซียวเซ่อพลางตอบเสียงกัดฟันกรอด “ตกปลาบ้าอะไรล่ะ…”


……………………


 ตอนที่ 943 ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ


เหยียนหมิงซุ่นที่กลับไปถึงฐานบัญชาการกลับนอนหลับสนิททั้งคืน วันรุ่งขึ้นตื่นมาอย่างสดชื่นและรู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยม ในตัวมีเรี่ยวแรงที่ใช้ไม่หมด


อีกทั้งเขายังรู้สึกถึงจุดตันเถียนนั้นมีลมปราณอ่อน ๆกำลังไหลเวียนดี ลมปราณนี้ให้พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดแก่เขา


ก่อนลุกจากเตียงเหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกได้ถึงลมปราณนี้ เขาไม่ได้ลุกทันทีแต่ค่อย ๆสูดหายใจบนเตียง ตอนเด็กเขาเคยเรียนกังฟูที่บ้านมาก่อน คุณตาได้หาอาจารย์มาสอนเขาซึ่งเป็นคนแก่ตัวคนเดียว ได้ยินว่าเป็นนักมวยคนหนึ่งที่มีชีวิตไม่ได้ดั่งใจนัก


นักมวยคนนี้สอนวิธีผ่อนลมปราณภายในให้เขาชุดหนึ่ง บอกว่าหากเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้จะต้องกลายเป็นนักสู้ตัวฉกาจระดับโลกได้แน่


แน่นอนว่านักมวยคนนั้นทำไม่ได้ อีกทั้งยังมีชีวิตไม่ดีเท่าไรนัก สอนเหยียนหมิงซุ่นไม่กี่ปีก็เสียชีวิตลง


เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้เพิกเฉยต่อวิธีฝึกกำลังภายในชุดนี้  แต่ยังคงซ้อมผ่อนลมปราณอยู่ทุกวัน สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นแต่กลับไม่เคยรู้สึกถึง ‘ลมปราณ’ จากภายในร่างกายเลย แต่ตอนนี้…


เหยียนหมิงซุ่นดีใจถึงขีดสุดพยายามสะกดลมปราณให้หมุนเวียนภายในร่างกายอยู่เกือบค่อนวันจนผ่อนลมเสียออกจากร่างกายไปได้ ทำให้ร่างกายว่องไวมากยิ่งขึ้นถึงขั้นหลับตาลงยังรู้สึกได้ถึงสิ่งเคลื่อนไหวรอบข้าง


ทุกอณูในร่างกายเขาราวกับเป็นดวงตาของเขาเพื่อส่งสารจากภายนอกมายังสมองของเขา ดั่งรังสีอินฟราเรดที่ไม่มีความคลาดเคลื่อนสักนิด…


ยิ่งไปกว่านี้ร่างกายเขาเหมือนถูกประกอบขึ้นมาใหม่ เขาสามารถกระโดดขึ้นไปบนสิ่งของที่ขวางหน้าสูงกว่าสามเมตรได้ และกระโดดลงจากชั้นสามได้อย่างไม่เจ็บตัว คล้ายว่าสามารถเดินบนหลังคา ไต่บนกำแพงได้เหมือนในตำนาน…


เหยียนหมิงซุ่นถึงเข้าใจว่านักมวยคนนั้นไม่ได้โกหกเขา วิธีฝึกพลังภายในนั่นช่วยให้คนกลายเป็นนักต่อสู้ระดับโลกได้ แต่ว่า—


ก่อนอื่นต้องชะล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายให้ได้ก่อน!


ถึงเป็นเหตุให้นักมวยเข้าไม่ถึงสิ่งนี้อย่างถ่องแท้มาตลอดชีวิต  จนต้องตายไปพร้อมกับความเสียใจ!


หากเขาไม่ได้เจอเหมยเหมยก็คงเป็นเหมือนนักมวยคนนั้นที่ไม่มีวันเข้าถึงมัน อย่างมากก็ฝึกให้ร่างกายแข็งแรงละมั้ง!


เหยียนหมิงซุ่นยกแขนขึ้นแล้วยิ้มอย่างพอใจ


พระเจ้าให้เขาได้เจอกับเหมยเหมยและให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้สามารถปกป้องเหมยเหมยได้ดีกว่านี้!


ครูฝึกปีศาจมองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งด้วยความแปลกใจ เมื่อวานตอนเช้ายังเหนื่อยจนมีสภาพตายอดตายอยาก ผ่านไปแค่วันเดียวก็มีชีวิตชีวาแล้ว?


พลังฟื้นฟูออกจะเร็วเกินไปหน่อยหรือเปล่า?


หรือว่าพลังแห่งความรักมันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้?


ครูฝึกไม่ได้คิดมาก คิดแค่ว่าวัยรุ่นอารมณ์ดีเลยฟื้นฟูเร็วหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ เขามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเห็นใจ หวังแค่ว่าหมอนี่จะทนการฝึกที่เพิ่มขึ้นจากเดิมต่อไปได้!


หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว…


สองชั่วโมงผ่านไปแล้ว…


สามชั่วโมง…


ครูฝึกมองเหยียนหมิงซุ่นที่ทำตามตารางการฝึกเพิ่มเติมของเขาได้อย่างง่ายดาย แม้จะเหงื่อเปียกโชกแต่กลับไม่ได้ดูเหน็ดเหนื่อยเท่าหลายวันก่อน ยังคงดูฮึกเหิมดังเดิม


“ลูกพี่ หมอนี่กินยาอะไรมาหรือเปล่า?” คนอื่นที่มองจนตาร้อนก็นึกอิจฉาริษยาจนอดมีการคาดคะเนไปต่าง ๆนานาไม่ได้


ความจริงครูฝึกเองก็คิดเช่นกัน ในตลาดมืดมียากระตุ้นขายที่พอจะทำให้คนพัฒนาทักษะทุกด้านในเวลาอันสั้น สามารถทำท่ายากที่ปกติไม่เคยทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ


เพียงแต่หากยาหมดฤทธิ์ก็จะกลับสู่สภาพเดิม อีกทั้งยังสร้างความเสียหายแก่ร่างกายอย่างที่เอากลับคืนมาไม่ได้


หลังจบการฝึกครูฝึกให้หมอทหารในฐานบัญชาการตรวจเลือดเหยียนหมิงซุ่น แต่ผลตรวจกลับปกติทุกอย่าง


ร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นดีเสียจนเขาอิจฉา สมบูรณ์แบบดั่งต้นแบบที่สร้างด้วยน้ำมือของพระเจ้า


ตอนที่ 944 เรียกคนรักมาทานข้าว


เฮ่อเหลียนชิงได้รับการรายงานจากลูกน้องก็อดเลิกคิ้วถามไม่ได้ “เพิ่มอะไรให้เขา?”


ลูกน้องรายงานตารางฝึกเสริมที่ให้เหยียนหมิงซุ่นในระยะนี้อย่างละเอียดด้วยความนอบน้อม ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายเฮ่อเหลียนชิงอย่างสิ้นเชิงจนเริ่มสนใจอย่างน่าแปลก


วิชาฝึกต่าง ๆในฐานบัญชาการล้วนถูกกำหนดโดยเขาเพียงคนเดียว ไล่ตั้งแต่ง่ายไปถึงยากกระทั่งถึงระดับที่เกินกว่าร่างกายมนุษย์จะรับไหว เป้าหมายเพื่อกระตุ้นศักยภาพของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด


ความจริงพิสูจน์แล้วว่าการวิจัยของเฮ่อเหลียนชิงประสบความสำเร็จ ทหารกองกำลังพิเศษที่ผ่านการฝึกโดยมือเขาล้วนกลายเป็นทหารชั้นแนวหน้าของโลก คนได้ยินยังกลัวจนหัวหด


แต่วิชาฝึกเหล่านี้ที่เฮ่อเหลียนชิงสร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้กลับมีอีกหลายวิชาที่ไม่มีใครเคยเอาชนะมันได้เพราะมันยากมากจริง ๆ ต่อให้เป็นราชาแห่งทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในขณะนั้น หรือครูฝึกปีศาจในตอนนี้เองก็ไม่เคย


ดังนั้นตอนเขาเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นสามารถผ่านวิชาฝึกที่เขาถอดใจได้อย่างง่ายดาย  ก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย…


เฮ่อเหลียนชิงได้ยินว่าเหยียนหมิงซุ่นผ่านวิชาฝึกที่เขายังคิดว่ามันช่างบ้าบิ่นได้พลันก็ทำหน้าปลื้มใจ


“เรียกหมอนั่นมา ฉันจะตรวจสอบเอง!”


ขณะที่ลูกน้องกำลังจะไปโทรศัพท์  เฮ่อเหลียนชิงคิดไปคิดมาจึงบอกไปว่า  “เรียกคนรักของเขามาทานข้าวด้วย”


หลายวันนี้ทานข้าวคนเดียวมันไม่เจริญอาหารเลยจริง ๆ เขากลับไปเป็นเหมือนเก่าที่วัน ๆได้แต่ทานอาหารเหลวเล็กน้อยพอให้กระเพาะได้ชุ่มฉ่ำ แล้วให้คุณหมอฉีดยาบำรุงที่ร่างกายต้องการเข้าไป


เขาใช้ชีวิตแบบนี้มาสิบกว่าปีเลยชินไปแล้วไม่ได้รู้สึกว่าไม่ดีตรงไหน อย่างไรเสียขอแค่มีสารอาหารเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตเขาได้ก็พอ


หากแต่เมื่อหลายวันก่อนทานข้าวอิ่มไปหนึ่งมื้อ  เฮ่อเหลียนชิงก็หวนนึกถึงความรู้สึกอิ่มเอมใจยามอิ่มท้องในวันวาน ที่ทั้งอบอุ่นและพองโต พออิ่มท้องแล้วยังอยากนอนหลับ หลับสนิทไม่มีฝันร้าย


ความอิ่มเอมใจแสนเลิศเลอที่นานทีมีหน ทำให้เฮ่อเหลียนชิงย้อนระลึกถึงความรู้สึกนั่นอยู่เสมอ


ดังนั้นจู่ ๆเขาก็ชักจะเบื่อชีวิตจำเจแบบนี้ขึ้นมา เขาอยากอิ่มท้อง ไม่อยากฉีดยาเพิ่มสารอาหารบำรุงอีกแล้ว


แต่พอเขาได้เผชิญหน้ากับอาหารเต็มโต๊ะก็ไม่เกิดความอยากอาหารเลยสักนิดเดียว ต่อให้เป็นอาหารเมนูเดิม กลิ่นเดิมไม่มีผิดเพี้ยน พอเขาทานเข้าไปคำแรกก็จะเกิดอาการพะอืดพะอมโดยอัตโนมัติ แม้แต่หอยขมก็ไม่เว้น


เขาทานมันไม่ลง!


จากนั้นคุณหมอได้วินิจฉัยถึงสาเหตุของเขาพลางคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่เป็นคน…


หากพูดให้ละเอียดก็คือจ้าวเหมย!


ไม่มีทางเป็นเหยียนหมิงซุ่นเพราะเมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยทานข้าวร่วมโต๊ะกับเฮ่อเหลียนชิงก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่เมื่อวานมีจ้าวเหมยมาเพิ่มกลับทำให้เฮ่อเหลียนชิงทานข้าวไปครึ่งถ้วยอย่างมหัศจรรย์ แถมยังทานน่องไก่ไปครึ่งน่องกับน้ำซุปอีกหนึ่งถ้วย นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์!


ลูกน้องแนะนำให้เรียกจ้าวเหมยมาทานข้าวด้วยกันอีกแต่ถูกเฮ่อเหลียนชิงปฏิเสธ


เขาไม่อยากถูกยายหนูคนหนึ่งควบคุมเอาได้ง่าย ๆ เพียงเพราะความอยากอาหารของตัวเองมันจะทำให้เขารู้สึกขายหน้า โดยเฉพาะเขาที่อยากให้เหยียนหมิงซุ่นทิ้งยายนี่ไปแต่งงานกับคนอื่น!


แต่หิวติดต่อกันมาหลายวัน สุดท้ายเฮ่อเหลียนชิงต้องยอมจำนน…


อาการหิวมันรู้สึกแย่มากจริง ๆ!


ลูกน้องได้ฟังคำสั่งของเฮ่อเหลียนชิงก็รีบไปโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  รู้อยู่แล้วว่านายท่านต้านทานไม่ได้หรอก


หลายวันนี้เหมยเหมยอยู่บ้านเฉย ๆไม่ออกจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว ทำให้จ้าวเสวียหลินพึงพอใจอย่างมาก ตอนกลางวันเขาจะไปช่วยงานที่ร้านอาหาร ส่วนกลางคืนจะวิจัย ‘สีชาด’ ร่วมกับสยงมู่มู่และเจ้าอ้วนน้อย แต่ละวันใช้ชีวิตได้คุ้มค่าเหลือเกิน


สายเรียกเข้าของเหยียนหมิงซุ่นทำให้เหมยเหมยที่กำลังเบื่อหน่ายมีชีวิตชีวาขึ้นทันที ขอแค่ได้อยู่กับพี่หมิงซุ่น ต่อให้ทานข้าวกับตาแก่โรคจิตก็ไม่เป็นไร!


……………………..


 ตอนที่ 945  อร่อย


เฮ่อเหลียนชิงยังคงมีสภาพตายแหล่มิตายแหล่ เห็นเธอก็ไม่คิดจะยิ้ม แค่สั่งให้ลูกน้องเสิร์ฟอาหาร


เขาคิดไม่ตกจริง ๆ  ทำไมพอเห็นยายเด็กนี่เขาก็น้ำลายสอขึ้นมาทันทีเลยล่ะ?


กับข้าวไม่ต่างจากคราวก่อนมากแค่เปลี่ยนเป็นน้ำซุปหน่อไม้ดองใส่เป็ด แล้วก็กระดูกซี่โครงต้มกระเทียมเจียวรวมถึงยำสาหร่าย แน่นอนว่าผัดหอยขมต้องมีอยู่แล้ว


“น้ำซุปสดใหม่จัง มีรสชาติเปรี้ยวนิด ๆด้วย อร่อยจัง พี่หมิงซุ่นก็กินสิ”


เหมยเหมยดซดน้ำซุปเนื้อเป็ดไปไม่กี่คำก็ชมไม่ขาดปาก พลางตักให้เหยียนหมิงซุ่น คิด ๆแล้วก็ตักให้เฮ่อเหลียนชิงด้วยอีกครึ่งถ้วย


“คุณก็ทานเยอะ ๆหน่อย ดูสิผอมขนาดนี้ ลมระดับหกพัดปลิวได้แล้วมั้ง”


เฮ่อเหลียนชิงกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่งซึ่งเหมยเหมยก็ไม่ได้สนใจอะไร ซดน้ำซุปอีกหลายคำจนเปิดกระเพาะเต็มที่แล้วจึงตัดสินใจตักน้ำซุปใส่ในถ้วยข้าว ตักเข้าปากคำโต ปากเล็ก ๆที่ทานอย่างเอร็ดอร่อยทำเอาเฮ่อเหลียนชิงกลืนน้ำลายตาม


ดูเหมือนจะดีไม่น้อย!


เขาเองก็เทน้ำซุปราดข้าว ทานไปเพียงคำเดียวก็ตกเป็นทาสของน้ำซุปรสชาติสดใหม่นี้ทันที รสนิยมอาหารของยายหนูตระกูลจ้าวดีไม่เลวเลย กับข้าวที่แนะนำก็ไม่มีเมนูไหนไม่อร่อยเลย


ลูกน้องเห็นเฮ่อเหลียนชิงทานข้าวไปหลายคำและไม่มีท่าทางจะอาเจียนใด ๆ ยิ่งมั่นใจสิ่งที่คุณหมอคาดคะเน เจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวเป็นอาวุธลับที่จะช่วยให้นายท่านทานข้าวได้


เหมยเหมยทานข้าวไปครึ่งถ้วยถึงเริ่มทานกับข้าวอย่างอื่น ดูดหอยขมดังจ๊วบ ๆและแทะเนื้อซี่โครงไปหลายชิ้นจนปากเล็กมันเยิ้ม ทำเอาเฮ่อเหลียนชิงที่มองอยู่ก็อดจะดูดหอยขมตามไม่ได้ คิดแค่ว่าไม่เคยมีความรู้สึกนี้มาก่อน


“คุณอย่ากินแต่หอยขมสิ รสชาติเนื้อซี่โครงก็ดีมากนะ คุณเองต้องกินผัก ไม่อย่างนั้นจะขาดวิตามินไม่ดีต่อร่างกาย”


เหมยเหมยเกลี้ยกล่อมอย่างหวังดี เธอรู้แล้วว่าทำไมเฮ่อเหลียนชิงถึงผอมขนาดนี้ เลือกกินขั้นสาหัสเลยนี่นา!


กับข้าวเต็มโต๊ะแต่กลับจ้องจะทานแต่หอยขม ไม่เลือกกินแล้วเรียกว่าอะไรล่ะ?


แบบนี้ไม่ได้หรอก อย่างไรก็พ่อบุญธรรมของเหยียนหมิงซุ่น ถึงนิสัยจะแปลกไปหน่อยจิตใจออกจะคับแคบไปสักนิดแต่อย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งของเหยียนหมิงซุ่น ใช้ชีวิตยืนยาวหน่อยคงจะดีกว่า


ระหว่างที่เหมยเหมยเห็นเฮ่อเหลียนชิงทำหน้าลังเลคล้ายกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกทานเมนูอื่นหรือเปล่านั้นเธอก็ใช้ตะเกียบกลางคีบเนื้อซี่โครงชิ้นใหญ่ แล้วคีบยำสาหร่ายอีกเล็กน้อยรวมถึงผักบุ้งบางส่วนให้เฮ่อเหลียนชิงไปครึ่งถ้วยเล็ก ๆ


“เมนูพวกนี้อร่อยมากเลยนะคะ”


เหมยเหมยกลัวเฮ่อเหลียนชิงไม่พอใจเลยคีบให้ตัวเองปริมาณมากกว่าก่อนจะเริ่มทานอย่างเอร็ดอร่อยเป็นเชิงว่าเธอไม่ได้โกหก


ความจริงกับข้าวพวกนี้อร่อยจริง ๆ ต่อให้เป็นผักแต่น้ำซุปกลับเป็นน้ำซุปเนื้อเป็ดที่มีรสชาติสดใหม่หอมหวาน เหมยเหมยทานผักบุ้งติดต่อกันหลายคำ


เฮ่อเหลียนชิงกลืนน้ำลายและเริ่มทานผักบุ้งด้วยความข้องใจ คิ้วคลายตัวลงค่อย ๆทานทีละคำเล็ก ๆก่อนจะจัดการผักที่เหมยเหมยคีบให้จนหมดรวมถึงข้าวผสมน้ำซุปขนาดครึ่งถ้วยใหญ่


“ฉันพูดไม่ผิดเลยใช่ไหมล่ะคะ!”


เหมยเหมยได้ใจอย่างมาก ลิ้นของเธอรับรสได้ดีที่สุด อร่อยหรือไม่อร่อยลองสักหน่อยก็รู้ทันที ฝีมือของเชฟในชนบทดีที่สุดเท่าที่เธอเคยทานมา กับข้าวเมนูบ้าน ๆแต่รสชาติดีกว่าเมนูในวังอีก


เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงใส่โดยไม่สนใจเหมยเหมย


ความจริงเขาไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรต่างหากเพราะเขาเองก็คิดเช่นนี้ แต่เขาไม่มีทางอ้าปากยอมรับต่อหน้าเหมยเหมยแน่นอน เสียหน้าจะตายไป!


“นายท่านจะเอาข้าวเพิ่มไหมครับ?” ลูกน้องถามเสียงเบา


เฮ่อเหลียนชิงเหลือบมองเหมยเหมยที่ให้เหยียนหมิงซุ่นเติมข้าวแล้วลอบกลืนน้ำลายพยักหน้าตาม


ตอนที่ 946 เสือกระดาษ


เฮ่อเหลียนชิงที่ทานข้าวไปครึ่งถ้วยใหญ่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากและใบหน้าที่ดูอิดโรยกลับดูสดใสขึ้น เขาทานช้า ๆไม่รีบร้อนแล้วแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “ช่วงนี้หมิงซุ่นฝึกเป็นยังไงบ้าง ไหวไหม?”


“ก็ดี พอไหวครับ” เหยียนหมิงซุ่นตอบตามความจริง


“ได้ยินว่าแกฝึกทุกรายการผ่านหมดแล้ว?” เฮ่อเหลียนถามเปิดประเด็น


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า รายการฝึกที่เมื่อก่อนเขาเคยเห็นว่ามันโรคจิตเหลือเกิน ตอนนี้สำหรับเขาแล้วมันง่ายเสมือนแค่การวิ่ง


เฮ่อเหลียนชิงถามอีก “แกไม่คิดว่ารายการฝึกพวกนี้มันโรคจิตมากเหรอ?”


เหยียนหมิงซุ่นหน้านิ่งเหมือนเดิม เขาเตรียมคำตอบไว้อธิบายนานแล้วเลยตอบสบาย ๆ “ไม่ครับ เพราะผมสามารถทำมันสำเร็จได้สบายมาก รายการฝึกพวกนี้สำหรับผมแล้วไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยสักนิด”


เฮ่อเหลียนชิงยิ้ม ถามเสียงเข้ม “มั่นใจไม่น้อย คิดว่าเพราะอะไร?”


เหยียนหมิงซุ่นตอบอย่างมั่นใจ “เพราะผมฝึกวิชากำลังภายในมาตั้งแต่เด็ก รายการฝึกที่ท่านคิดว่ายาก สำหรับผมแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย”


ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบอิฐก้อนหนึ่งจากสวนผัก ใช้มือข้างซ้ายกำไว้ครึ่งหนึ่ง รวบรวมพลังไว้ที่มือขวาแล้วสับลงไปก่อนที่ก้อนอิฐจะแตกออกเป็นสองซีก


เหมยเหมยตกตะลึงอ้าปากเป็นรูปวงกลม เอ่ยปากชมไม่หยุด “เก่งจังเลย!”


เฮ่อเหลียนชิงตอบเสียงเรียบ “นี่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร คนที่แรงเยอะหน่อยก็ทำได้”


เหมยเหมยได้ยินก็รู้สึกไม่สบายใจจนอดเถียงกลับไปไม่ได้ “คุณเป็นคนพูดก็ไม่รู้สึกสิ ทำไมไม่ลองดูเองล่ะ? อย่าว่าแต่ผ่าเป็นสองซีกเลย ฉันว่าคุณกะเทาะให้มีรอยแตกไม่ได้ด้วยซ้ำ!”


เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยด้วยสายตาเย็นชา ในอดีตคนที่โดนสายตาเขามองแบบนี้–


ร้อยละแปดสิบเก้าสิบล้วนถูกส่งตัวไปเล่นหมากรุกกับตำรวจแล้ว!


แต่–


หลังทานข้าวด้วยกันสองมื้อและรู้ว่าตาแก่โรคจิตนี่เป็นคนช่างเลือกกิน เหมยเหมยก็รู้สึกว่าเฮ่อเหลียนชิงเป็นเพียงเสือกระดาษที่ไม่มีอะไรน่ากลัว


อีกอย่างตาแก่โรคจิตไม่มีแรง ไม่สะดวกจะเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ แค่ปลายนิ้วเดียวของเธอก็เอาชนะอีกฝ่ายได้ แล้วจะกลัวทำไม!


เหมยเหมยเชิดหน้าแค่นเสียงใส่  ไม่สนใจสายตาเย็นชาของเฮ่อเหลียนชิงพลางดูการแสดงของเหยียนหมิงซุ่นต่อ


หลังจากเหยียนหมิงซุ่นผ่าก้อนอิฐเสร็จก็เดินไปใต้กำแพงสูง กำแพงรอบสวนฟาร์มนั้นเป็นกำแพงสูงอย่างแท้จริง สูงยิ่งกว่าตึกหนึ่งชั้น ต่อให้เป็นกองกำลังพิเศษที่ผ่านการฝึกฝนมาหากไม่มีเครื่องมือ ใช้เพียงสองมือเปล่าก็ยากจะฝ่าฟันมันไปได้


เหยียนหมิงซุ่นเดินไปยืนตรงจุดที่ห่างจากกำแพงไม่ถึงยี่สิบเมตร สูดหายใจเฮือกหนึ่งวิ่งเข้าหากำแพงอย่างรวดเร็ว


เห็นเพียงปลายเท้าเขาแตะกำแพงเบา ๆไม่กี่ทีก็เหมือนเหยียบขั้นบันไดข้ามกำแพงไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่พึ่งพาเครื่องมือตัวช่วยอื่น


“ว้าว พี่หมิงซุ่นมีวิชาตัวเบาด้วย พี่หมิงซุ่นเก่งที่สุด…”


เหมยเหมยร้องอย่างตื่นเต้นพลางปรบมือไม่หยุด


เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเหยียนหมิงซุ่นแสดงกังฟูให้เห็น ได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆและรู้สึกภาคภูมิใจถึงที่สุด–


ผู้ชายที่เก่งขนาดนี้…เป็นของเธอคนเดียว…


ใครก็อย่าคิดจะแย่งชิงกับเธอ!


เฮ่อเหลียนชิงถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจแล้วกล่าวตำหนิ “เสียงดังทำไม ก็แค่ปีนข้ามกำแพง ไม่เคยเห็นหรือไง!”


“ก็ไม่เคยเห็นไงคะ ไม่งั้นคุณก็ทำให้ฉันดูเป็นบุญตาบ้างสิ?” สีหน้าจริงใจของเหมยเหมยนั้นทำเอาเฮ่อเหลียนชิงทำได้แค่ถลึงตาใส่อย่างเดียว


ต่อให้เป็นช่วงที่เขาสุขภาพแข็งแรงดี อย่าว่าแต่ปีนข้ามกำแพงเลย แค่ข้ามเนินเขาลูกเล็กเขายังแค่พอไหว!


เพราะบิดาแห่งกองกำลังพิเศษนี้สุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กประเภทหนอนหนังสือที่ไม่มีแรงอย่างแท้จริง เขามีเพียงความรู้หลักการทฤษฎี หากจะให้ต่อสู้กันจริง ๆกลัวก็แต่…แม้แต่เหมยเหมยเขายังเอาชนะไม่ได้


เหยียนหมิงซุ่นปีนข้ามกลับมาจากข้างนอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง มีเพียงเสียงหอบหายใจอ่อน ๆ


“นี่คือสิ่งที่สามารถพึ่งพาผมได้ คุณพ่อคิดว่ายังไงครับ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างมั่นใจ


…………………..


 ตอนที่ 947 มีชีวิตอยู่ได้ไม่ง่ายเลย


สายตาของเฮ่อเหลียนชิงแฝงไปด้วยความดีใจ ถึงต่อหน้าเหมยเหมยเขาจะทำตัวเหมือนไม่สนใจแต่เขารู้ดีกว่าใคร


เหยียนหมิงซุ่นคือหินหยกที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ขอแค่ผ่านการหล่อหลอมอีกสักหน่อยก็จะต้องเปล่งประกายเจิดจรัสแน่นอน


เขาช่างโชคดีเสียจริง เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นตรงหน้าอย่างปลื้มใจ แผนของเขาถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว เขาจะจัดตารางการฝึกให้เหยียนหมิงซุ่นใหม่ ตารางฝึกเหนือมนุษย์ที่เขาทุ่มเทมาเป็นเวลานาน หลังจากที่เงียบหายราวนับสิบปี ในที่สุดก็ได้หาคนมาใช้งานสักที


เฮ่อเหลียนชิงไม่แปลกใจกับสภาพร่างกายที่เหนือมนุษย์ทั่วไปของเหยียนหมิงซุ่นเลย อย่างแรกเพราะเหยียนหมิงซุ่นเคยฝึกวิชากำลังภายในมาก่อน อย่างที่สองเพราะเขาเคยเจอคนโรคจิตอย่างเหยียนหมิงซุ่นมาก่อน


ไอเย็นเริ่มแผ่จากรอบตัวของเฮ่อเหลียนชิงจนเหมยเหมยตัวสั่นระริก รีบขยับเข้าหาเหยียนหมิงซุ่นอีกหน่อย


“ไม่เลว แกกลับไปก่อนเถอะ!”


เฮ่อเหลียนชิงพยักหน้าให้เหยียนหมิงซุ่นน้อย ๆ แล้วให้ลูกน้องเข็นเขากลับไปนอนพักผ่อน พออิ่มท้องหนังตาก็เริ่มหย่อน ความง่วงเริ่มโถมเข้าหา


เขาต้องเก็บแรงไว้เพื่อวางแผนการฝึกที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้เหยียนหมิงซุ่น หล่อหลอมให้เหยียนหมิงซุ่นเก่งยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเช่อ แบบนี้แค้นของเขาอาจจะได้วาดจุดจบเร็วกว่ากำหนด


เขารอมานานเกินไป…อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน!


นึกถึงคนที่เคยเรียกเขาว่าคุณพ่อ เฮ่อเหลียนชิงก็เหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ภายใต้แสงจันทร์รอยยิ้มนั้นยิ่งดูเยือกเย็น


เขาสามารถสร้างคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อมาได้ก็สามารถทำลายมันได้เช่นกัน ทุกอย่างจะต้องอยู่ในกำมือของเขา!


หลายวันต่อจากนั้นพอถึงช่วงหัวค่ำเหมยเหมยก็ถูกคนมารับตัวไปทานข้าวที่สวนฟาร์ม บางครั้งเหยียนหมิงซุ่นมารับ หากเหยียนหมิงซุ่นมาไม่ทันก็จะเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนชิง ซึ่งทำให้จ้าวเสวียหลินกังวลใจเหลือเกิน


เขาถามเหมยเหมยหลายครั้งแต่ล้วนไม่เคยได้คำตอบ บอกเพียงว่าเธอออกไปทานข้าวกับเพื่อน อยู่ในกรอบไม่นอกลู่นอกทาง บอกให้เขาอย่าเป็นห่วงไปเลย


แต่เขาจะไม่ห่วงได้หรือ?


น้องสาวหน้าตาสวยขนาดนี้ หากเกิดเจอใครที่คิดมิดีมิร้าย…


จ้าวเสวียหลินแทบไม่กล้าจินตนาการถึงความเป็นไปได้นี้ เขาเคยจะตามไป พยายามตามว่าเหมยเหมยไปทานข้าวที่ไหนกันแน่ แต่อีกฝ่ายฉลาดนักแถมยังมียานพาหนะสี่ล้อเลยสลัดเขาหลุดได้ง่าย ๆ


จ้าวเสวียหลินไม่กล้าบอกคุณปู่  เขากลัวคุณย่าที่สติเลอะเลือนในบ้านจะออกไปพูดเหลวไหลทำลายชื่อเสียงน้องสาว เขาทำได้เพียงแอบปรึกษากับลูกพี่ลูกน้องด้วยความหน่ายใจขั้นสุด


เหมยเหมยไม่รู้ความในใจของพี่ชายตนหรอก เธอถูกรับไปทานข้าวกับเฮ่อเหลียนชิงอีกแล้ว ครั้งนี้คนมารับไม่ใช่เหยียนหมิงซุ่นแต่เป็นชายหนุ่มที่มักอยู่ข้างเฮ่อเหลียนชิง เหมือนจะชื่อเสี่ยวเมิ่ง


“นายท่านของคุณกินข้าวเองไม่ได้เหรอ? ไม่งั้นก็ให้พวกคุณกินเป็นเพื่อนสิ จะให้ฉันไปกินเป็นเพื่อนทุกวันคงไม่ได้หรอก!”


เหมยเหมยไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่น อารมณ์ไม่ค่อยดีนักเลยพูดจาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร


ไม่มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ ใครจะมีความอดทนทานข้าวกับตาแก่โรคจิตแสนเยือกเย็นนั่นกัน


“คุณหนูจ้าว นายท่านผมไม่ได้ทานข้าวมาสิบกว่าปีแล้ว ครั้งนั้นที่ทานข้าวร่วมโต๊ะกับคุณหนูจ้าว  นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาทานข้าวเองในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา” เสี่ยวเมิ่งพูดอย่างเรียบนิ่ง


เหมยเหมยเบิกตากว้าง มองเสี่ยวเมิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา อดถามไม่ได้ “นายท่านของคุณไม่ได้เลือกกินเหรอ?”


เสี่ยวเมิ่งอมยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ นายท่านแค่มีอาการเบื่ออาหารขั้นรุนแรง ถ้าไม่มีสารอาหารที่คอยฉีดเข้าร่างกายทุกวันเขาคงประคองร่างอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว”


เขาพูดเว้นช่วงไปทีก่อนจะพูดต่อ “อีกอย่างนายท่านยังมีอาการนอนไม่หลับขั้นรุนแรง…”


เมื่อฟังเสี่ยวเมิ่งเล่าประวัติการป่วยของเฮ่อเหลียนชิง เหมยเหมยก็แอบเห็นใจอยู่หรอกเลยพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ “นายท่านของคุณมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้คงไม่ง่ายเลย เสียเงินไปไม่น้อยสินะ?”


เสี่ยวเมิ่ง “…”


แม่สาวน้อย ประเด็นสำคัญของเขาไม่ได้อยู่ที่เงินหรือเปล่า?


ตอนที่ 948 คนเนรคุณ


พอได้ฟังประวัติอันแสนเศร้าของเฮ่อเหลียนชิง เหมยเหมยก็ใจอ่อนยวบจึงไม่บ่นอีกแต่ถามด้วยความสงสัยแทน “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? ฉันไม่ใช่คุณหมอ รักษาอาการเบื่ออาหารกับนอนไม่หลับของนายท่านของคุณไม่ได้นี่นา!”


เสี่ยวเมิ่งยิ้มกล่าว “ไม่ครับ คุณหนูจ้าวมีผลมากกว่าคุณหมออีก ขอแค่ได้ทานข้าวร่วมโต๊ะกับคุณหนูจ้าว  นายท่านก็จะเจริญอาหาร ข้าวที่ทานเข้าไปก็ไม่อ้วกออกมา แถมพอนายท่านทานอิ่มก็จะหลับสบาย”


เหมยเหมยแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะเก่งขนาดนี้?


กลายเป็นยาวิเศษไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?


เสี่ยวเมิ่งกล่าวอีก “หลายวันมานี้นายท่านกินอิ่มนอนหลับ สุขภาพแข็งแรงขึ้นไม่น้อยแถมยังหนักเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกิโลกรัม เลยต้องลำบากคุณหนูจ้าวอีก”


จู่ ๆเขาก็จอดรถแล้วโค้งคำนับให้เหมยเหมยอย่างนอบน้อมจนเหมยเหมยตกใจเฮือกใหญ่ รีบลุกแล้วโค้งคำนับกลับด้วยความเกรงใจ เดิมทีเธอเป็นคนที่ยอมจำนนต่อคนที่ใช้ไม้อ่อนมากกว่าใช้ไม้แข็งอยู่แล้วเลยตอบตกลงไปอย่างไม่คิดลังเล


ทำบุญช่วยคนตายยังไม่สู้ช่วยคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าเป็นการสร้างบุญให้ตัวเองแล้วกัน!


เพราะเหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่เหมยเหมยเลยไม่ได้ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน แค่ก้มหน้าทานข้าว ดีที่กับข้าวอร่อยจริง ๆเธอเลยทานไปไม่น้อย รวมถึงเฮ่อเหลียนชิงก็ทานไปไม่น้อยเช่นกัน


ทานข้าวอิ่มท้องไปหลายวันติดเฮ่อเหลียนชิงดูมีชีวิตชีวาขึ้นจริง ๆ ใบหน้าที่ผอมซูบดูอวบอิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ดูดีกว่าผีเยอะเลย ไหนจะดูแข็งแรงอย่างก้าวกระโดดไม่เหมือนที่ผ่านมา


ความจริงระยะนี้ทานข้าวอิ่มท้องตามเหมยเหมย กระเพาะของเขาเริ่มชินกับอาหาร ต่อให้ไม่มีเหมยเหมยอยู่เขาก็ทานบ้างเล็กน้อย หนึ่งมื้อทานได้ปริมาณไม่มากแต่ทานหลาย ๆมื้อก็ไม่ขย้อนออกมาแล้ว


คุณหมอของเขายังดีใจมากบอกว่าอาการเบื่ออาหารของเขากำลังค่อย ๆหายดี รอผ่านไปอีกสักระยะเขาก็ไม่ต้องฉีดสารอาหารเข้าร่างกายอีกแล้ว เฮ่อเหลียนชิงเองก็ดีใจที่ได้ยินข่าวนี้ ฉีดสารอาหารมาสิบกว่าปี เขาเบื่อเต็มทีแล้ว


ส่วนที่เหมยเหมยมาทานข้าวเป็นเพื่อนเขานั้นล้วนเป็นเสี่ยวเมิ่งที่ตัดสินใจเองโดยพลการ เขาหวังอยากให้เฮ่อเหลียนชิงทานให้มากกว่านี้อีกหน่อย


ส่วนเฮ่อเหลียนชิงคิดว่าเหมยเหมยมาทานข้าวกับเขาเพราะต้องการเอาใจเขามากกว่า อาจจะเพื่อเหยียนหมิงซุ่น หรือเพื่อตัวเธอเอง


ซึ่งทำเอาเฮ่อเหลียนชิงได้ใจอย่างมาก ยายนี่ปากคอเราะราย สุดท้ายก็ต้องมาประจบประแจงเขาอยู่ดี!


เหมยเหมยทานได้เพียงครึ่งเดียวก็ไปเข้าห้องน้ำ หลายวันนี้ประจำเดือนมาเยือนเธอเลยต้องเปลี่ยนผ้าอนามัย เผื่อมันเลอะเปื้อนกางเกง


ผ้าอนามัยในยุคนี้เป็นของนำเข้าทั้งนั้น ของที่ผลิตในประเทศต้องรออีกหลายปีถึงจะมี ผ้าอนามัยนำเข้ามีราคาสูงที่ชาวบ้านปกติทำใจเสียเงินไปซื้อมาใช้ไม่ได้ แต่เหมยเหมยใช้ผ้าอนามัยนำเข้ามาตลอด เธอไม่อยากใช้ผ้ารองประจำเดือนที่ใช้ซ้ำอย่างนั้นเพราะมันน่าขายหน้าจะตาย


เฮ่อเหลียนชิงเบะปากใส่แผ่นหลังเหมยเหมยทีและไม่พอใจกับท่าทีเย็นชาของเธอมาก ในเมื่อจะเอาใจเขา ก็ไม่รู้จักจะกระตือรือร้นสักหน่อยล่ะ!


“รูปที่ให้นายรวบรวมคราวก่อนล่ะ? ได้มาหรือเปล่า?” เฮ่อเหลียนชิงถาม


“ครับ เด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมีทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน” เสี่ยวเมิ่งตอบ


เฮ่อเหลียนชิงพยักหน้าอย่างพอใจ พลางกล่าว “นายเข็นฉันไปนั่งที่ลานหลังบ้านสักหน่อย แล้วรวดเอารูปมาดูด้วย ฉันจะเลือกคนที่ดูดีให้หมิงซุ่นหลาย ๆคนเลย”


เสี่ยวเมิ่งปากกระตุก รู้สึกว่าเจ้านายตนนั้นช่างเป็นคนเนรคุณเหลือเกิน


อย่างไรเสียคุณหนูจ้าวก็มีบุญคุณต่อนายท่านหรือเปล่า ถ้าให้ขยายความก็นับเป็นบุญคุณที่ช่วยชีวิตเลยด้วยซ้ำ แต่หากพูดโดยไม่ให้ความสำคัญก็เป็นบุญคุณที่ช่วยรักษาอาการป่วย


พลันอาการดีขึ้น พอหายป่วยก็เริ่มทำตัวกลับกลอกทำเป็นจำบุญคุณเขาไม่ได้!


ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเฮ่อเหลียนชิงมากนักแต่เสี่ยวเมิ่งที่ชินกับการทำตามคำสั่งได้แต่เข็นเฮ่อเหลียนชิงไปใต้ซุ้มต้นองุ่น รวมทั้งหยิบรูปถ่ายหนึ่งปึกจากห้องพร้อมข้อมูลออกมา


เหมยเหมยกลับออกจากห้องน้ำกลับพบว่าทั้งเฮ่อเหลียนชิงกับเสี่ยวเมิ่งไม่อยู่แล้ว เธอเลยหมดความอยากอาหารไปด้วย กำลังคิดจะไปบอกเฮ่อเหลียนชิงให้เสี่ยวเมิ่งส่งเธอกลับบ้านอยู่พอดี


เธอเดินตรงไปยังซุ้มต้นองุ่นลานหลังบ้าน มาทานข้าวมาหลายวันจนเธอคุ้นทางหมดแล้ว ขณะที่ใกล้ถึงซุ้มต้นองุ่นเธอก็ได้ยินเสียงสนทนาของเฮ่อเหลียนชิงกับเสี่ยวเมิ่ง


…………………….


 ตอนที่ 949 คัดสรรด้วยความใส่ใจ


ความจริงเสี่ยวเมิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าของเหมยเหมยแล้วเลยตักเตือนเสียงเบา “นายท่าน คุณหนูจ้าวมาแล้ว”


ความหมายก็คือคุณช่วยเก็บรูปพวกนี้ได้แล้วอย่าให้คุณหนูจ้าวเห็น


เฮ่อเหลียนชิงกลับไม่สนใจ นิสัยอย่างยัยจ้าวเหมยพอได้ทานข้าวด้วยกันหลายมื้อก็คิดว่ายังพอไหว แต่หน้าตาของเธอไม่ได้เด็ดขาด หน้าตาที่ไม่เป็นมงคลอย่างนั้นจะปล่อยให้มาทำลายเหยียนหมิงซุ่นที่เขาทุ่มเทกับการฝึกไม่ได้


เขาคัดค้านอย่างเปิดเผยโดยเสมอมา ต่อให้ต่อหน้ายายนี่เขาก็ยืนยันด้วยท่าทีคัดค้าน


“เมื่อกี้ที่ฉันเลือกไว้หกคนนายจัดการเองแล้วกัน ช่วยทำให้หมิงซุ่นได้รู้จักกับพวกเธอ แล้วดูว่าเขามีความรู้สึกพิเศษกับใครมากกว่ากัน”


สายตาอันหลักแหลมของเฮ่อเหลียนชิง เพียงกวาดสายตาแวบเดียวก็ปัดเด็กสาวตกไปสิบห้ารายชื่อจนเหลือเพียงหกรายชื่อที่เบื้องหลังครอบครัวไม่โดดเด่น ไม่แม้แต่จะเทียบกับตระกูลจ้าวได้


เสี่ยวเมิ่งกวาดตามองรูปหกใบนั่นแล้วปากก็กระตุกอีกครั้ง หรือว่านายท่านของเขามักเลือกอีกาจากฝูงหงส์ เลือกหกคนที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดในบรรดารูปถ่ายออกมาหมดแล้ว


ใช้นิ้วเท้าคิดเขารู้เลยว่าเด็กสาวหกคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่มีทางรู้สึกอะไรด้วยแน่นอน!


เคยได้ลิ้มรสหอมหวานอย่างคุณหนูจ้าวมาแล้วจะให้เหยียนหมิงซุ่นกลับไปแทะก้อนกรวด นอกจากว่าเขาตาบอด ไม่อย่างนั้นจะให้เกิดความรู้สึกได้อย่างไร?


เสี่ยวเมิ่งเองก็คร้านจะถกเถียงกับเจ้านายตนได้แค่รับปาก เขาเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง เหยียนหมิงซุ่นกับคุณจ้าวไม่มีวันโทษเขาได้


เพียงแต่นายท่านทำแบบนี้มันดูไม่ดีเลยจริง ๆ หากคุณหนูจ้าวได้ยินเข้าไม่รู้จะทำอย่างไร?


เหมยเหมยที่อยู่ห่างไปหน่อยได้ยินไม่ค่อยชัด แต่คำสำคัญเธอกลับได้ยินชัดเจนทั้งหมด


รูปถ่าย…เด็กสาว…ไหนจะให้เหยียนหมิงซุ่นไปพบ…


สัญญาณเตือนภัยส่งเสียงทันที สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่าตาแก่โรคจิตนี่ไม่หวังดีแน่ เหมยเหมยที่โกรธถึงขีดสุดไม่คิดจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ต่สับเท้าพุ่งตัวไปใต้ซุ้มต้นองุ่น


รูปถ่ายบนโต๊ะยังไม่ทันเก็บ นั่นเป็นตัวเลือกศรีภรรยาหกคนที่เฮ่อเหลียนชิงคัดสรรให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้นั่นเอง


เหมยเหมยสุ่มหยิบมาหนึ่งใบ เด็กสาวในรูปผิวขาวรูปร่างอวบอ้วนเหมือนซาลาเปาที่เพิ่งยกจากหม้อ จมูกแบนตาตี่ ปากหนาเตอะ ดูแล้วให้ความรู้สึกเป็นมงคลดีเสียจริง…


เธอหยิบมาอีกหนึ่งใบ ยังเป็นเด็กสาวเหมือนเดิมที่รูปร่างผอมกว่าคนก่อนนิดหน่อยแต่ตัวสูงร่างบึกบึน โครงร่างใหญ่กว่าเหยียนหมิงซุ่น ผิวค่อนไปทางคล้ำใบหน้าทรงเหลี่ยมดูสง่า พอใส่ชุดทหารกลับดูน่าเกรงขามกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ


สี่รูปที่เหลือก็ต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ล้วนเป็นหญิงสาวอายุน้อย อีกทั้งยังมีหนึ่งจุดร่วมที่คล้ายกัน–


หากพูดรักษาน้ำใจก็คือหน้าตาธรรมดา หากพูดตรงไปตรงมาก็คือหน้าตาอัปลักษณ์


เด็กสาวทั้งหกคนอัปลักษณ์กันคนละแบบ ทำให้ยากจะลืมเลือนได้


เหมยเหมยเหลือบเห็นมุมรูปถ่ายที่โผล่มาจากกระเป๋าเสี่ยวเมิ่งเห็นว่ายังมีจำนวนไม่น้อย เธอกระชากออกมาทีเดียวพบว่ายังเป็นรูปหญิงสาววัยรุ่นหนึ่งกอง แต่หญิงสาวเหล่านี้สวยกว่าหกคนนั้นมากโข


“หกคนนี้คุณเลือกดีแล้วเหรอ?” เหมยเหมยสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ถามอย่างใจเย็น


เฮ่อเหลียนชิงมองเธออย่างนึกแปลกใจแวบหนึ่ง ทำไมใจเย็นขนาดนี้? ควรระเบิดอารมณ์แล้วไม่ใช่หรือ?


“ใช่ ฉันคัดสรรอย่างดี” เขาเองก็ไม่ปฏิเสธเลยยอมรับไปตรง ๆ


เหมยเหมยแค่นเสียงหัวเราะใส่ จงใจพูด “นี่เป็นสะใภ้ที่คุณเลือกให้เองเหรอ? แววตาใช้ได้นี่ แต่ละคนดูเหมาะกับคุณมาก”


เฮ่อเหลียนชิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้อยคำของเหมยเหมยจี้จุดอ่อนเขาเข้าอย่างจังเลยทำหน้าเย็นชาขึ้น พูดเสียงแหลม “นี่เป็นคู่ที่ฉันหาให้หมิงซุ่น เลือกมาหนึ่งในหก ถ้าถูกใจกันก็ให้พวกเขาแต่งงาน”


เสี่ยวเมิ่งชำเลืองมองเหมยเหมยที่สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลันด้วยความเห็นใจ ประโยคทำร้ายจิตใจของนายท่านมันช่างโหดร้ายจริง ๆ!


ตอนที่ 950 ใจกล้าอาจหาญ


เหมยเหมยสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามเตือนตัวเองไว้ไม่ให้โกรธ อย่าหลงกลตาแก่โรคจิตนี่เด็ดขาด จะต้องรักษาภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพสตรีไว้…


แต่ผู้ชายของเธอจะถูกผู้หญิงคนอื่นแย่งไปอยู่แล้ว เธอจะทนได้อย่างไรไหว…


เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่ใบหน้าเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีอมเขียว แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดง จากสีแดงค่อยเปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างได้ใจ พลันความอัดอั้นตันใจที่สุมอยู่เมื่อครู่ก็มลายหายไป


เขาเป็นพ่อบุญธรรมของเหยียนหมิงซุ่น ชีวิตการแต่งงานของลูกต้องเป็นไปตามคำสั่งของพ่อแม่ ภรรยาของเหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นไปตามที่เขากำหนดสิ!


เหมยเหมยโดนสายตาของเฮ่อเหลียนชิงยั่วยุเข้าอย่างจัง อารมณ์โกรธพุ่งพรวดขึ้นกลางอก หน้าอกสั่นกระเพื่อมขึ้นลงจนหมดความอดทนในที่สุด


“ผู้หญิงที่ขี้เหร่ขนาดนี้คุณยังกล้าแนะนำให้พี่หมิงซุ่น? คุณตาบอดหรือน้ำเข้าสมองจนโง่กันแน่? ทำไมไม่เก็บไว้ให้ตัวเองล่ะ!” เหมยเหมยคำรามใส่เฮ่อเหลียนชิง น้ำลายกระเด็นใส่เต็มหน้าเขา


เฮ่อเหลียนชิงกับเสี่ยวเมิ่งนิ่งค้างกันไปทั้งคู่ ต่อให้เป็นหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเฮ่อเหลียนชิง ยัยหนูตระกูลจ้าวนี่ไปได้ความกล้ามาจากไหนกัน?


ผ่านไปครู่หนึ่งเฮ่อเหลียนชิงถึงได้สติกลับมา อารมณ์โทสะพุ่งทะลุปรอท ยัยเด็กสามหาวกล้าเสียมารยาทต่อหน้าเขาเหรอ?


ไอเย็นที่แผ่ออกจากตัวเฮ่อเหลียนชิงเพียงพอที่จะแช่แมลงให้ตายได้ในระยะหนึ่งลี้


เสี่ยวเมิ่งหดคอ กระชากเหมยเหมยที่ยังคำรามไม่หยุดอย่างหวังดีเพราะอยากช่วยชีวิตเธอ แต่–


เหมยเหมยที่กำลังโกรธอยู่สลัดออก มองข้ามความเยือกเย็นของเฮ่อเหลียนชิง รู้สึกหัวร้อนเหมือนมีควันลอยโขมงอยู่ ใจกล้าไม่มีใครเทียบได้แล้ว


“ฉันจะบอกให้นะต่อให้คุณหานางฟ้ามาได้พี่หมิงซุ่นก็ไม่มีวันหวั่นไหวเด็ดขาด เขาชอบแค่ฉัน เราสองคนรักกัน ความรักมั่นคงหนักแน่น คุณอย่าได้คิดจะทำลายความสัมพันธ์ของเราเลย…”


เหมยเหมยป่าวประกาศความสัมพันธ์ของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นเสียงดังโดยหมดคราบสาวขี้อายอย่างในอดีตไปแล้ว ขาดแค่โทรโข่งไว้ประกาศหน้าประตูเทียนอันเหมินเท่านั้น!


เฮ่อเหลียนชิงมองเด็กสาวที่ ‘ไร้ยางอาย’ เหมือนมีบางอย่างในใจถูกกระตุ้นเข้า


บนโลกใบนี้มีความรักที่มั่นคงหนักแน่นจริงหรือ?


จะเป็นไปได้อย่างไร?


ตอนรักกันย่อมเป็นความรักของคนทั้งสองฝ่าย รักที่มั่นคงหนักแน่น เหอะ แต่พอเปลี่ยนใจความรักกลับบอบบางยิ่งกว่ากระดาษ!


แล้วยิ่งผู้หญิงสวยโอกาสเปลี่ยนก็ยิ่งมาก จิตใจก็ยิ่งโหดเหี้ยม


หัวใจของสาวงามดั่งเข็มพิษแมงป่อง รุนแรงกว่าพิษทุกชนิดในใต้หล้านี้!


“หน้าไม่อาย อายุแค่นี้ก็แอบหมั้นหมายกับผู้ชาย ถ้าฉันเป็นพ่อของเธอจะตีให้ขาหักเลย!” เฮ่อเหลียนชิงพูดเสียงประชดอย่างเย็นชา


เหมยเหมยโกรธจนกระทืบเท้าและตอกกลับอย่างไม่เกรงใจ “ฉันกับพี่หมิงซุ่นรักกันด้วยความบริสุทธิ์ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก คนอย่างคุณจะรู้อะไร? โชคดีที่คุณไม่ใช่พ่อของฉัน ถ้าฉันมีพ่อที่ใจดำอำมหิตอย่างคุณ ฉันยอมเอาหมาเป็นพ่อดีกว่า!”


“แค่ก…แค่ก…”


อารมณ์ที่จุกอยู่ตรงคอทำให้เฮ่อเหลียนชิงไอรัวไม่หยุด ใบหน้าแดงก่ำเหมือนใกล้จะขาดอากาศหายใจตาย


เสี่ยวเมิ่งรีบเอาน้ำให้เขาดื่ม  เฮ่อเหลียนชิงถึงดีขึ้นบ้างแต่ยังหายใจได้ไม่คล่องนัก เสี่ยวเมิ่งมองเหมยเหมยอย่างตำหนิ เอ่ยด้วยความไม่พอใจ “คุณหนูจ้าวระวังคำพูดด้วย!”


“ฉันจะต้องระวังคำพูดอะไรอีก? เขาจะแย่งพี่หมิงซุ่นของฉันไปอยู่แล้ว ฉันจะต้องไว้หน้าอะไรเขาอีก? เหอะ คุณเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาสินะ ก่อนมาที่นี่บอกว่าอยากให้ฉันช่วยรักษาอาการเบื่ออาหารของเขา บอกว่าเขาน่าสงสารอย่างนั้นน่าสงสารอย่างนี้ ฉันเลยใจอ่อนมา… แต่คุณดูสิว่าเขาทำกับฉันยังไง? ลืมบุญคุณ กินอิ่มท้องก็แย่งผู้ชายของฉันไป ความใจดีของคุณคงโยนให้หมากินหมดแล้วมั้ง!”


เหมยเหมยด่าเสี่ยวเมิ่งไปพร้อมกัน จงใจหลอกเธอมารองรับอารมณ์ของตาแก่โรคจิตนี่ก็คงไม่ใช่คนดีเหมือนกัน!


ในที่สุดเฮ่อเหลียนชิงก็หายใจได้คล่อง พอฟังคำของเหมยเหมยก็ยิ่งร้องเสียงสูง “เธอไม่ได้จงใจอยากเอาใจฉันถึงได้ขอมากินข้าวกับฉันเองหรอกเหรอ?”


…………………………..


ตอนที่ 951 อยากเป็นปุ๋ยหรือไง


เหมยเหมยแหงนหน้าขึ้นมาพรางหัวเราะเสียงดัง มองเฮ่อเหลียนชิงด้วยสายตาเหยียดหยามพลางพูดด้วยเสียงเย้ยหยัน “สมองคุณโดนฮิปโปเตะมาเหรอ? ฉันขอมากินข้าวกับคุณเอง? ช่างน่าขำจริงๆ…เขาต่างหาก…”


เธอชี้ไปที่เสี่ยวเมิ่งแล้วพูดต่อ “เขาที่พูดต่อหน้าฉันว่าคุณนอนไม่หลับ กินไม่อิ่ม ไม่มีแม้แต่คนอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนคุณ ฉันฟังแล้วก็นึกสงสารเลยมาด้วยความหวังดี ไม่งั้นคุณคิดว่าฉันว่างมากนักเหรอถ่อมากินข้าวกับคนไร้หัวใจอย่างคุณตั้งไกล?”


เสี่ยวเมิ่งได้รับสายตาดุจงูพิษจากเฮ่อเหลียนชิงก็ใจหล่นวูบ ตัดสินใจก้มหน้าแกล้งตาย…


เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะกลับ มองเหมยเหมยที่กำลังอารมณ์โกรธได้ที่ด้วยสายตาเย็นชา จงใจพูด “เธอใจกล้าไม่เบา ไม่กลัวฉันเอาเธอถึงตายหรือไง?”


ในขณะนี้เหมยเหมยถึงรู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากรอบตัวเฮ่อเหลียนชิงได้ พาลนึกถึงผู้ชายที่กำลังถูกเธอชี้หน้าด่ากราด–


พ่อของคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ ก็เป็นตาแก่โรคจิตที่ฆ่าคนโดยไม่รู้สึดอะไรเหมือนกัน…


รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา…


ทั้งที่เป็นวันที่อากาศร้อน  แต่เหมยเหมยกลับหนาวจนฟันสั่นกระทบกันและตัวสั่นเทาโดยไม่สามารถควบคุมได้…


เธอเริ่มเสียใจแล้ว…


ทำไมเธอต้องประจันหน้ากับตาแก่โรคจิตนี่?


ก็แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วค่อยแอบไปอ้อนพี่หมิงซุ่นลับหลังสิ!


พี่หมิงซุ่นไม่มีทางชอบผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ชวนให้คนเห็นโกรธแบบนั้นได้ เธอสวยขนาดนี้ น่ารักว่าง่ายขนาดนี้ พี่หมิงซุ่นไม่มีทางหวั่นไหวแน่!


ตอนนี้พี่หมิงซุ่นก็ไม่อยู่  มีเพียงเธออยู่ในสวนฟาร์มนี้เพียงลำพัง ไหนจะกระตุ้นจนอารมณ์ตาแก่โรคจิตนี่ให้โกรธเข้า ถ้าเอาเธอถึงตายจริงๆ แล้วไปเป็นปุ๋ยอยู่ในสวนผัก พี่หมิงซุ่นคงไม่รู้ด้วยซ้ำ…


ไม่มีแม้แต่คนจะช่วยแก้แค้นให้เธอ!


เฮ่อเหลียนชิงเห็นความหวาดกลัวจากใบหน้าและตัวที่เริ่มสั่นระริกของหญิงสาวทั้งหมดก็พึงพอใจอย่างมาก


นี่สิท่าทีที่ถูกต้องยามเผชิญหน้ากับเขาเฮ่อเหลียนชิง!


“รู้มั้ยว่าทำไมองุ่นต้นนี้ถึงออกดอกออกผลขนาดนี้?” อยู่ๆ เฮ่อเหลียนชิงก็ชี้ไปที่ซุ้มต้นองุ่นเหนือศีรษะถาม


เหมยเหมยส่ายศีรษะด้วยความงุนงง อารมณ์ถูกระบายไปแล้วจะกล้าพูดอะไรอีก!


“เพราะปุ๋ยที่ฉันใช้มันพิเศษมาก คนที่กล้าพูดจาสามหาวตอนอยู่ต่อหน้าฉัน ฉันให้คนฝังใต้ต้นองุ่นหมด มันถึงได้โตดีขนาดนี้ไง…เข้าใจหรือยัง?”


เฮ่อเหลียนชิงอธิบายอย่างเรียบนิ่งเหมือนกำลังคุยกันเรื่องสัพเพเหระ สีหน้าราบเรียบยิ่งกว่าอะไร


แต่พอเข้าหูเหมยเหมยกลับเหมือนสายฟ้าฟาดผ่านลงมาจนวิญญาณออกจากร่าง ผิวชั้นนอกไหม้เกรียมแต่เหงื่อแตกเต็มหลัง ยากที่จะควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นไว้ได้


เธอรู้อยู่แล้วเชียว สิ่งที่โรคจิตชอบทำมากที่สุดก็คือการฆ่าคน…


“ขอแค่เธอยอมไปจากหมิงซุ่นด้วยตัวเอง ฉันอาจจะยอมไว้ชีวิตเธอสักครั้ง” เฮ่อเหลียนชิงพูดด้วยความใจกว้าง


เหมยเหมยตัวสั่นสะท้านเหมือนเจ้าเข้า แต่ยังส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น


“ไม่ ฉันไม่ไปจากพี่หมิงซุ่นหรอก แน่จริงคุณก็ฆ่าฉันสิ หึ ต่อให้ฉันตาย พี่หมิงซุ่นก็ไม่มีทางชอบพวกผู้หญิงที่คุณเลือกให้หรอก!”


แค่นึกได้ว่าตัวเองเสียสละเพื่อต้องการรักษาไว้ซึ่งความรัก  จู่ๆ ความรู้สึกฮึกเหิมบางอย่างก็ถาโถมเข้ามาหาเหมยเหมย ไม่เหลือแม้แต่ความกลัวต่อความตาย เชิดหน้าสบตาที่กำลังมองเหยียดทุกอย่างของเฮ่อเหลียนชิง


“เธอมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว ฉันจะบอกเธอให้ว่าตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นเป็นลูกชายของฉัน ฉันให้เขาแต่งงานกับใคร เขาก็ต้องแต่งงานกับคนนั้น เขาจะกล้าขัดฉันงั้นเหรอ?”


“พี่หมิงซุ่นชอบแค่ฉันคนเดียว คุณอย่าได้คิดจะพรากพวกเราออกจากกัน ทำไมคุณถึงโรคจิตขนาดนี้? ถึงขนาดไม่ชอบใจที่เห็นคนอื่นรักกัน ฉันรักษาอาการเบื่ออาหารกับอาการนอนไม่หลับของคุณให้แล้ว  คุณกลับตอบแทนฉันด้วยความแค้น พรากคนรักออกจากกัน หลังจากนี้คุณกินข้าวคนเดียวก็ขอให้หิวตาย…ง่วงจนตาย…วันๆ ก็ฝันร้ายไปเถอะ…!”


เหมยเหมยที่ด่าจนถึงสุดท้ายก็หมดคำจะด่าพาลนึกได้ว่าหลังจากนี้ตนต้องสังเวยเป็นปุ๋ยต้นองุ่น เหยียนหมิงซุ่นต้องแต่งงานกับผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ก็รู้สึกเศร้าจับใจ จนน้ำตาไหลพราก


ตอนที่ 952 รสนิยมประหลาด


“ไร้หัวใจ…ใจดำ…ตอบแทนคุณด้วยความแค้น…ไม่สำนึกบุญคุณ…ตาแก่โรคจิต…สมน้ำหน้าที่กินข้าวไม่อิ่ม…”


เฮ่อเหลียนชิงทำหูตั้งได้ยินเพียงเด็กสาวที่กำลังกอดตัวเองร้องไห้โฮพูดเสียงไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำล้วน  มีแต่คำด่าทอเขา เพียงแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบเช่นนั้นไม่มีคำแปลกใหม่เลยสักนิด


ยายนี่ใจกล้าไม่เบาที่กล้าปะทะซึ่งๆ หน้ากับเขา เพิ่งเคยมีแบบนี้คนแรก!


เสี่ยวเมิ่งหดคอไม่กล้าปริเสียงออกมาสักแอะ  แต่กลั้นหัวเราะจนปวดท้องไปหมด


เขาติดตามเฮ่อเหลียนชิงมาตั้งนาน  ดูออกตั้งนานแล้วว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่ได้โกรธจริงๆ  หากนายท่านโกรธจริงๆ คงไม่เสียเวลาพูดจาไร้สาระกับเธอมากมายขนาดนี้หรอก แค่ออกคำสั่งคำเดียว ก็ไม่เหลือเวลาให้ร้องขอชีวิตด้วยซ้ำ


อีกอย่างใต้ซุ้มต้นองุ่นจะฝังกลบคนได้อย่างไร นายท่านรักต้นองุ่นต้นนี้ที่สุด ฤดูร้อนให้ความเย็น ฤดูใบไม้ร่วงมีผลให้เก็บกิน หากฝังคนตายลงไปนายท่านจะกินลงได้อย่างไรอีก?


อีกอย่างนายท่านไม่ชอบคนตายที่สุด ปกติพวกเขาไม่ให้นายท่านได้เห็นศพเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลต่อความอยากอาหาร


ทะเลาะกับเหมยเหมยอยู่ดีๆ เฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย ไม่ได้รู้สึกอัดอั้นจุกอกเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป


การค้นพบนี้ทำเอาเฮ่อเหลียนชิงรู้สึกประหลาดใจนัก เหลือบมองเด็กสาวที่ยังร้องไห้ด้วยความปวดใจแวบหนึ่งก็รู้สึกว่าช่างมหัศจรรย์ หรือว่าทะเลาะกับยายนี่ก็ช่วยรักษาโรคได้?


ฉิวฉิวในกระเป๋ามองเจ้านายที่ยังเศร้าอยู่อย่างเอือมระอา สติปัญญาอ่อนด้อยไปหมดแล้วจริงๆ!


แม้แต่คนสมองเล็กอย่างเขายังดูออกว่าคนที่อยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายนี่กำลังหลอกเจ้านาย แต่เจ้านายดันกลัวเข้าจริงๆ


เฮ้อ ขายหน้าจัง!


ฉิวฉิวไม่ได้รู้สึกถึงความประสงค์ร้ายจากตัวเฮ่อเหลียนชิงเลยหดตัวหลับในกระเป๋าต่อโดยไม่สนใจเหมยเหมยอีก ยังไงก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก!


เฮ่อเหลียนชิงหมดอารมณ์จะแกล้งเหมยเหมยอีกเลยส่งสายตาให้เสี่ยวเมิ่ง เสี่ยวเมิ่งย่อมรู้ทันความคิดเลยแอบย่องไปด้านหลังเหมยเหมยแล้วหันสันมือฟาดลงไปก่อนที่เหมยเหมยจะสลบเหมือด


“รีบพาเธอกลับไป น่ารำคาญ!” เฮ่อเหลียนชิงทำหน้ารังเกียจและไม่ได้ทำหน้าดีๆ ใส่เสี่ยวเมิ่งเช่นกัน


กล้าไปบอกยายนี่ว่าเขาน่าสงสารเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ เหอะ เขาจำเป็นต้องให้คนอื่นมาเห็นใจด้วยเหรอ?


รอกลับมาค่อยทำโทษเสี่ยวเมิ่งที่ตัดสินใจโดยพลการ ไม่มีใครเห็นเขาในสายตาเลยสักคน!


เสี่ยวเมิ่งอุ้มเหมยเหมยออกไปจากสวนฟาร์ม หมดคำจะพูดกับรสนิยมแปลกๆ ของเจ้านายตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้เกลียดคุณหนูจ้าวขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมต้องรังแกเด็กผู้หญิงด้วยล่ะ?


เขารู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยก็เหมาะสมกันดีนี่นา!


ทำไมต้องพรากพวกเขาออกจากกันด้วย?


เสี่ยวเมิ่งที่มีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มอกอุ้มเหมยเหมยกลับไปแต่ดันลืมกระเป๋าที่อยู่บนเก้าอี้รวมถึงฉิวฉิวที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ในกระเป๋า


เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ปลอดโปร่ง ให้ลูกน้องเอากระดาษพร้อมปากกามา ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังอารมณ์ดีเขาต้องคิดแผนการฝึกฉบับใหม่ให้เหยียนหมิงซุ่น ไม่แน่เวลาแก้แค้นของเขาจะได้เลื่อนให้เร็วกว่ากำหนด


ฉิวฉิวตื่นมาไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของเจ้านายก็ไม่กังวลใดๆ อย่างไรเสียที่นี่เขาก็คุ้นทางหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว


ฉิวฉิวที่อยู่ในกระเป๋ารู้สึกเบื่อหน่ายเลยมุดออกมาอย่างหมดความอดทน อยากสบโอกาสที่คนไม่ทันระวังแอบย่องออกไป แต่เขาดันลืมไปว่าลูกน้องข้างกายเฮ่อเหลียนชิงล้วนมีแต่คนฝีมือฉกาจทั้งนั้น เขาเพิ่งโผล่หัวออกมาก็โดนจับได้เสียแล้ว


เฮ่อเหลียนชิงไม่ให้ลูกน้องไปรบกวนฉิวฉิวแต่ลอบสังเกตท่วงท่าฉิวฉิวอย่างนึกสนใจด้วยสายตาฉายแววสนุกสนาน


มิน่ายายนั่นถึงได้แบกเป้ทุกวัน ข้างในมีสัตว์เลี้ยงอยู่สินะ!


………………………


 ตอนที่ 953 รักแรกพบ


เฮ่อเหลียนชิงชื่นชอบฉิวฉิวที่มีขนสีขาวดุจหิมะและท่าทางที่น่ารักน่าเอ็นดู   ไหนเลยจะมีมนุษย์คนใดสามารถต้านทานความน่ารักของฉิวฉิวได้


ฉิวฉิวสังเกตรอบข้างอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ ก็มุดออกมาจากกระเป๋าอย่างไว้วางใจจนโผล่ออกมาให้เห็นทั้งตัว


มองจากที่ไกลเหมือนก้อนขนสีขาวตัวหนึ่ง ทำเอาคนมองใจแทบละลาย


ในเวลานี้เฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน ทีแรกเขาคิดว่าเป็นกระต่ายสีขาวแต่กลับเหนือความคาดหมายของเขาไปอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นกระรอกสีขาว


กระรอกสีขาวไม่มีให้เห็นบ่อยๆ อาจพูดได้ว่าสูญพันธุ์ไปจากโลกแล้วก็ได้ ไม่รู้ว่ายายหนูจ้าวเอามาไหน?


ฉิวฉิวปีนขึ้นหลังเก้าอี้เห็นว่าไม่มีใครทันสังเกตตัวเองเลยอดสะบัดหางยาวอย่างได้ใจไม่ได้ คุณชายฉิวอย่างเขาไหวพริบดีกว่ามนุษย์ร้อยเท่า…ลั้ลลา…


คุณชายฉิวที่ได้ใจจนเหลิงกำลังเตรียมไต่ขึ้นซุ้มต้นองุ่นกลับได้กลิ่นเย้ายวนและเห็นในมือเฮ่อเหลียนชิงมีถั่วไพน์นัท ลูกวอลนัทอยู่ แต่สิ่งที่เรียกให้เขาดีใจกว่าคือยังมีช็อกโกแลตอีกหนึ่งชิ้น


ความจริงช็อกโกแลตเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงเอามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะที่เขาให้ลูกน้องไปเตรียมอาหารก็พลั้งปากพูดไปว่าช็อกโกแลต เพราะเขาไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาก่อนเลยคิดว่าสัตว์เลี้ยงน่าจะเหมือนเด็กน้อย คิดไปคิดมาก็น่าจะชอบลูกอมขนมหวาน ซึ่งเขาเดาถูกโดยบังเอิญจริง ๆ


ฉิวฉิวสูดจมูกดม กลิ่นช็อกโกแลตนี้หอมจัง หอมกว่าที่เจ้านายซื้อให้ตั้งมากและต้องอร่อยแน่ๆ เขาวิ่งไปหาเฮ่อเหลียนชิงโดยไม่ลังเลใจ ดวงตาดำขลับจ้องมองเขาอย่างไม่นึกกลัวคนแปลกหน้า


เฮ่อเหลียนชิงสีหน้าอ่อนโยนดุจสายน้ำ ทำเอาเหล่าลูกน้องของเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง


นายท่านของพวกเขาเกิดรักแรกพบกับกระรอกตัวหนึ่งหรือ?


“อยากกินอะไร? แกเลือกเองเลย…”


เฮ่อเหลียนชิงกดเสียงให้เบาลงไม่กล้าพูดเสียงดังเพราะกลัวฉิวฉิวตกใจจนหนีไป


เขากลับไม่รู้ว่าฉิวฉิวไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ใจกล้ากว่าเจ้านายเขามาก!


ฉิวฉิวยื่นขาหน้าแตะๆ ตามมือเฮ่อเหลียนชิงเป็นการลองใจและรีบชักกลับอย่างไวพลางมองคนรอบข้างเฮ่อเหลียนชิงด้วยความหวาดระแวง เฮ่อเหลียนชิงเข้าใจเลยโบกมือไล่ลูกน้องด้วยท่าทางรังเกียจ


“พวกแกไปให้ห่างหน่อย อย่าทำมันตกใจ!”


เหล่าลูกน้องจำต้องก้าวถอยหลังอย่างระอาจนกระทั่งถอยไปไกลสิบกว่าเมตร  พอคุณชายฉิวถึงพอใจจึงยื่นมือคว้าช็อกโกแลตบนฝ่ามือเฮ่อเหลียนชิงมาทันทีและปอกเปลือกอย่างคล่องแคล่วแล้วเริ่มทานเสียงดังกรุบๆ


เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกชอบใจเหลือเกิน ยิ้มตาหยีคุยกับฉิวฉิวว่า “ที่แท้แกชอบช็อกโกแลตนี่เอง ไว้ใจได้ อยากได้เท่าไหร่มีเท่านั้น เสียวหลี่ไปเอาช็อกโกแลตมาอีกหน่อย ไม่พอก็ไปซื้อข้างนอกมา”


ฉิวฉิวชอบฟังประโยคนี้ที่สุดเลยประทับใจต่อเฮ่อเหลียนชิงไม่น้อย หางยาวเกลี่ยผ่านใบหน้าเขาให้เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะจนตาหยีเหมือนฮ่องเต้ที่ได้รับการปรนนิบัติจากนางสนมก็ไม่ปาน


“เจ้าของแกคือยายหนูตระกูลจ้าว? ชื่ออะไร? เสี่ยวไป๋?”


ฉิวฉิวโชว์ฟันแหลมคมให้เฮ่อเหลียนชิงพลางส่งเสียงร้อง เฮ่อเหลียนชิงเข้าใจในพริบตา “ไม่ชื่อเสี่ยวไป๋แล้วชื่ออะไร? หรือว่าชื่อฉิว? ดูสิตัวแกอ้วนกลมเหมือนลูกบอลแล้ว!”


เดิมทีเฮ่อเหลียนชิงแค่พูดไปอย่างนั้นแต่เห็นเจ้ากระรอกตัวน้อยไม่มีท่าทีโกรธสักนิดแถมยังสะบัดหางไปมาไม่หยุด ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อยจนเขาเข้าใจในชั่วขณะ


เห็นทียายนั่นจะตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงตัวเองว่าฉิวจริงๆ ด้วย!


“เจ้านายของแกไม่ไหว โง่เสียจริง ฉันว่าแกอยู่กับฉันเถอะ รับรองว่ากินดีอยู่ดี ดีกว่าตอนอยู่กับเจ้านายแกพันเท่า…”


เฮ่อเหลียนชิงพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อหลอกล่อให้ฉิวฉิวทิ้งเจ้านายเก่าเพื่อโผเข้าหาเขาแทน


แต่ฉิวฉิวกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ พอพูดให้รำคาญใจก็กางกรงเล็บให้เฮ่อเหลียนชิง เอาแต่ใจกว่าเหมยเหมยมากโข


หากแต่เฮ่อเหลียนชิงไม่สนใจและไม่โกรธสักนิด ไหนจะบริการนวดให้คุณชายฉิวที่เพิ่งกินอิ่มไม่หยุด บริการได้ครบด้านดี!


หาเรื่องให้ตัวเองเสียจริง!


ตอนที่ 954 เอาคืน


เหมยเหมยตื่นตั้งแต่อยู่บนรถ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งคอ เธอสะดุ้งตกใจก่อนที่ไม่นานจะพบว่าตัวเองอยู่บนรถ สัญญาณในตัวดังขึ้น


“คุณจะพาฉันไปไหน? ถ้าพี่หมิงซุ่นรู้ว่าฉันเป็นอะไรไปเขาจะต้องแก้แค้นแทนฉันแน่ คุณต้องสู้พี่หมิงซุ่นไม่ได้แน่…”


เสี่ยวเมิ่งมองเหมยเหมยที่ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมอย่างระอาพลางชี้ไปที่ป้ายบอกทางตรงด้านนอก “คุณหนูจ้าวดูให้ดีก่อน นายท่านผมแค่ล้อเล่นกับคุณเอง คุณคิดมากไปแล้ว!”


เหมยเหมยเห็นป้ายบอกทางแสนคุ้นตาริมข้างทาง เป็นเส้นทางกลับเข้าเมืองพอดีพลันก็สบายใจในทันที


ถ้าคิดจะฆ่าคนทิ้งศพไว้ ยังไงก็ต้องไปในป่าลับตาคนสิ!


นึกถึงถ้อยคำที่เฮ่อเหลียนชิงพูดมาก่อนหน้าเหมยเหมยก็อดโมโหไม่ได้ กล่าวกับเสี่ยวเมิ่งเหมือนให้คำมั่น “ยังไงฉันก็จะไม่ให้เขามาทำลายฉันกับพี่หมิงซุ่นหรอก เขาอย่าฝันกลางวันไปเลย!”


นึกๆ แล้วเธอก็พูดเสริม “จากนี้ไปฉันจะไม่ไปทานข้าวกับเขาแล้ว ตนเนรคุณ ใจดำอำมหิต…”


เสี่ยวเมิ่งทำแค่แกล้งไม่ได้ยิน ตอนนี้คุณหนูจ้าวกำลังโกรธอยู่  ต่อให้เขาพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ส่วนเรื่องทานข้าว ขอแค่นายท่านต้องการอีก  อย่างมากเขาก็แค่ตีให้สลบอีกครั้งก็พอ!


ฉาฉาตรงข้อมือเหมยเหมยเริ่มอยู่ไม่นิ่งต่างจากเวลาปกติ เขาไม่สามารถสื่อสารกับเจ้านายได้เลยต้องใช้วิธีนี้เตือนเจ้านาย–


เจ้านายลืมเฮียฉิวไว้แล้ว


เสี่ยวเมิ่งมองกำไลหยกตรงข้อมือเหมยเหมยอย่างตกใจเพราะเหมือนว่ามันกำลังเต้นรำอยู่ เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เลยกะพริบตาแรงๆ อีกทีข้อมือก็ยังขยับไปมาอยู่ อีกทั้งเขาก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของกำไลแล้ว


เหมยเหมยทานข้าวที่สวนฟาร์มมาหลายครั้ง  และมักจะสวมกำไลหยกอันนี้ตลอดเวลา พวกเขามีคนตั้งมากมายกลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าแท้จริงเป็นงูตัวเล็ก!


“นี่คือสัตว์เลี้ยงของคุณจ้าวเหรอ?” เสี่ยวเมิ่งถาม


เหมยเหมยตบฉาฉาเบาๆ หลงคิดว่าเขาหิวจึงคิดจะเอาเนื้ออบแห้งจากกระเป๋าป้อนเจ้าตัวเล็ก พอยื่นมือลูบจับกลับพบความว่างเปล่า เธอรีบกวาดมองรอบข้างโดยด่วนและเห็นว่าไม่มีกระเป๋าติดตัวออกมาด้วย


เธอลืม…ฉิวฉิวของเธอไว้!


ไม่รู้ว่าตาแก่โรคจิตนั่นจะทำอะไรกับฉิวฉิวของเธอ!


“กลับไป…รีบกลับไป…ฉันลืมของไว้!”


เหมยเหมยตะโกนร้องอย่างตระหนกเพียงอยากให้เสี่ยวเมิ่งย้อนกลับทางเดิม เธอจะต้องพาฉิวฉิวกลับมา!


“กระเป๋าพรุ่งนี้ผมจะเอามาส่งให้คุณจ้าว ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้วผมส่งคุณหนูจ้าวกลับบ้านก่อนดีกว่า!” เสี่ยวเมิ่งพูดกล่อม


“ไม่เอา ฉันจะไปหาฉิวฉิว ฉิวฉิวจะกลัว…”


เหมยเหมยนึกเกลียดตัวเองเหลือเกิน ลืมฉิวฉิวได้อย่างไร?


หากฉิวฉิวเป็นอะไรไป เธอจะไม่ให้อภัยตัวเองทั้งชีวิตเลย


เสี่ยวเมิ่งทนเสียงทำลายล้างของเด็กสาวไม่ได้เลยจำต้องเลี้ยวรถกลับอย่างจนใจเพื่อกลับไปที่สวนฟาร์ม


คุณชายฉิวที่เหมยเหมยคิดถึงอยู่นั่นขณะนี้กำลังนอนหลับพริ้มอยู่บนขาของเฮ่อเหลียนชิงอย่างสุขสบาย  พร้อมกินช็อกโกแลตไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย


มาถึงตอนนี้เขากินช็อกโกแลตไปแล้วแปดชิ้นจนหมดคลังเก็บของสวนฟาร์ม เฮ่อเหลียนชิงสั่งให้ลูกน้องรีบไปซื้อเพิ่ม จะปล่อยให้คุณชายฉิวหิวไม่ได้


ลูกน้องทำงานมีประสิทธิภาพมาก ไม่นานก็กว้านซื้อช็อกโกแลตในห้างสรรพสินค้ามาจนหมดคลัง คุณชายฉิวดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นช็อกโกแลตที่กองเป็นภูเขาเล็กๆ


แต่เขาไม่กล้าแสดงพลังมิติของตัวเองยามอยู่ต่อหน้าเฮ่อเหลียนชิงเลยจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเสียดาย ยัดช็อกโกแลตใส่กระเป๋าข้างปากไม่กี่ชิ้น โน้มตัวลงพุ่งพรวดไปอยู่บนซุ้มต้นองุ่นได้อย่างกระฉับกระเฉง นั่งไกวชิงช้าไปมาอย่างสบายตัว


เมื่อเหมยเหมยกลับมาถึงก็เห็นเฮ่อเหลียนชิงแหงนหน้ามองซุ้มต้นองุ่นด้วยท่าทางอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ ส่วนสุดที่รักของเธอฉิวฉิวกลับนั่งห้อยขาบนซุ้มต้นองุ่นเหมือนคุณชาย ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ


ชิบหายแล้วจริง ๆ !


…………………………


 ตอนที่ 955 เพิ่มน้ำหนักอีกสิบห้ากิโลกรัม


เหมยเหมยแค่นเสียงใส่เฮ่อเหลียนชิงแล้วหันไปทางซุ้มต้นองุ่นแล้วร้องเรียกว่า  “ฉิวฉิวลงมา กลับบ้านกับพี่สาวเร็ว!”


เห็นเพียงก้อนขาวตัวเล็กๆ เหวี่ยงตัวลงมาอยู่บนไหล่เด็กสาวเหมือนเด็กน้อยน่าเอ็นดู ทำเอาเฮ่อเหลียนชิงอิจฉาริษยาและคับแค้นใจ…


เฮ่อเหลียนชิงยกแขนเรียกเหมยเหมยให้เธอทิ้งฉิวฉิวอยู่ค้างที่นี่แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า


เขาเป็นผู้อาวุโสกว่า หากยายนี่มีใจกตัญญูก็ควรทิ้งกระรอกน้อยไว้ด้วยตัวเอง ไม่เห็นต้องรอให้เขาอ้าปากขอเลย?


แต่เขากลับลืมไปว่าเหมยเหมยเกลียดเขาเข้าไส้ จะมีใจกตัญญูอะไรอีก?


ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ยืนมองเจ้าฉิวฉิวที่เขาชอบถูกยายเด็กที่น่าแค้นใจ…พากลับไปทั้งอย่างนั้น…พากลับไปแล้ว…


ไม่แม้แต่ปรายตามองเขา เหลือทิ้งไว้เพียงกองช็อกโกแลตบนโต๊ะหินที่คอยย้ำเตือนถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุขของเขา!


เฮ่อเหลียนชิงโกรธจนอยากคว้าช็อกโกแลตบนโต๊ะทิ้งลงพื้น แต่คิดๆ แล้วก็วางไว้ที่เดิม ต้องเหลือไว้ให้เจ้าก้อนขาวกิน ไม่แน่ถ้าเจ้าก้อนขาวหิวเข้าคงจะวิ่งมาเองล่ะ!


เสี่ยวเมิ่งพาเหมยเหมยกลับไปส่งบ้าน เมื่อกลับมาถึงสวนฟาร์มได้ยินพฤติกรรมที่ผิดแปลกของเฮ่อเหลียนชิงจากคนอื่นก็อดแปลกใจไม่ได้


“นายท่าน ผมไปจับกระรอกสักตัวบนภูเขามาให้ท่านเลี้ยงดีมั้ย?” เสี่ยวเมิ่งกล่าว


“ไม่เอา ที่นายจับมาไม่ดีเท่าเจ้าก้อนขาวนั่น เจ้าก้อนขาวมันฉลาด” เฮ่อเหลียนชิงไม่อาจลืมฉิวฉิวได้จนความคิดถึงกลายเป็นภัยเข้าตัว


เสี่ยวเมิ่งหลุดขำแล้วจงใจพูดว่า “งั้นผมไปแย่งสัตว์เลี้ยงของคุณหนูจ้าวมาให้”


เฮ่อเหลียนชิงส่ายศีรษะอีกครั้ง “ไม่ได้ ถึงแย่งมาก็ไม่มีผลอะไรหรอก ฉันต้องให้เจ้าก้อนขาวยอมอยู่กับฉันเอง”


เขาคิดๆ แล้วเลยพูดสั่งไปว่า “พรุ่งนี้นายให้ยายนั่นมาทานข้าวที่บ้านอีก หึ มีนมก็คือแม่งั้นเหรอ ขอแค่ฉันให้ของอร่อยๆ กับเจ้าก้อนขาวนั่นทุกวัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะมัดใจมันไม่ได้!”


เสี่ยวเมิ่งคอยเตือนด้วยความหวังดี “นายท่าน เมื่อกี้คุณท่านทำให้คุณหนูจ้าวโกรธ คุณหนูจ้าวบอกว่าหลังจากนี้ไปจะไม่มาทานข้าวที่สวนฟาร์มอีก”


คงโทษไม่ได้หากคุณหนูจ้าวจะไม่พอใจ หากเปลี่ยนเป็นเขาเองจู่ ๆ โดนแย่งภรรยาไปเขาก็ต้องระเบิดเหมือนกัน!


เฮ่อเหลียนชิงเพิ่งนึกถึงสงครามเมื่อสักครู่นี้ได้เลยแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “ให้หมิงซุ่นไปรับ อายุไม่มากแต่เอาแต่ใจไม่น้อย จิตใจคับแคบแบบนี้จะเป็นภรรยาที่ดีและเป็นแม่ของลูกที่ดีได้ยังไง?”


เสี่ยวเมิ่งไม่ตอบและนึกเห็นใจเหมยเหมยพอสมควรที่มาเจอคนประเภทไม่มีเหตุผลอย่างนายท่านของเขา ทางไหนก็ผิดอยู่ดี!


“สัตว์เลี้ยงของยายนั่นก็น่าสนใจดี คราวหน้าลองถามดูว่าเธอไปเอาตัวเจ้าก้อนขาวมาจากไหน พวกนายก็ไปหามาสักตัว เลี้ยงไว้ก็สนุกดี” เฮ่อเหลียนพูดพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ลืมฉิวฉิวไม่ลง


เสี่ยวเมิ่งเกิดอาการใจวูบขึ้นมาและเล่าเรื่องฉาฉาให้ฟัง  จนเฮ่อเหลียนชิงถามด้วยความสงสัย “ถ้าอย่างนั้นกำไลตรงข้อมือของยายนั่นคืองูเขียว?”


“ครับ ผมเห็นเองกับตา เป็นงูตัวเล็กที่งดงามมาก เมื่อกี้บนรถก็ได้มันเตือนคุณจ้าวถึงรู้ว่าลืมกระรอกไว้” เสี่ยวเมิ่งตอบ


เฮ่อเหลียนชิงเริ่มสนใจขึ้นมาตงิดๆ เลยพูดเร่งเร้า “นายโทรหาหมิงซุ่นเดี๋ยวนี้เลยให้เขาไปรับยายนั่นมาทานข้าวด้วยกันพรุ่งนี้ ฉันต้องดูให้ดีว่างูตัวเล็กมันหน้าตายังไง ตั้งหลายวันแล้วฉันดูไม่ออกเลย เป็นเรื่องน่าแปลกจริงๆ!”


เสี่ยวเมิ่งไปโทรศัพท์ตามคำสั่งแต่เฮ่อเหลียนชิงกลับเรียกเขาไว้ก่อนพลางพูดเตือน “เก็บเรื่องผู้หญิงหกคนนั้นไว้ก่อน ไว้วันหลังค่อยหาเวลาจัดการ”


อย่างไรเสียเหยียนหมิงซุ่นก็อายุไม่มากและไม่รีบจะสร้างครอบครัว อีกทั้งรอเขาได้ตัวเจ้าก้อนขาวมาก่อนค่อยให้เหยียนหมิงซุ่นไปดูตัว


ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีวันยอมให้เหยียนหมิงซุ่นแต่งงานกับจ้าวเหมยเด็ดขาด


นอกจากว่ายายนี่จะเพิ่มน้ำหนักอีกสักสิบห้ากิโลกรัม แบบนี้ค่อยดูอ้วนท้วมสมบูรณ์เป็นมงคลหน่อย ไม่แน่บางทีเขาอาจจะอนุญาตก็ได้


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)