เทพปีศาจหวนคืน 939-952
939 สุดยอดกายาคู่
แปลโดย iPAT
เนื่องจากผู้คิดค้นวิธีการนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มัน ฟางหยวนจึงตั้งชื่อมันอย่างเป็นทางการว่า วิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย
คุณค่าของมันไม่สามารถประเมินได้
หากข้อมูลนี้รั่วไหลออกไป โลกของผู้บ่มเพาะจะตกสู่ความโกลาหล กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ต้องเคลื่อนไหวและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อใช้ประโยชน์จากวิธีการนี้
เนื่องจากมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายสามารถลดความรุนแรงของภัยพิบัติสวรรค์พิภพลงครึ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสก้าวข้ามภัยพิบัติเพิ่มขึ้นอีกห้าสิบส่วน
ในช่วงเวลาที่สงบสุข ผู้อมตะมักเสียชีวิตเพราะภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายของภัยพิบัติเหล่านี้ ภัยพิบัติแต่ละครั้งไม่สามารถคาดเดา ความรุนแรงของพวกมันก็ไม่เท่ากัน แต่ความยากลำบากจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อมตะต้องทำงานอย่างหนักในการฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง
สิ่งสำคัญก็คือการบ่มเพาะจำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรเช่น วิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ คฤหาสน์วิญญาณอมตะ และอื่นๆ
มิติช่องว่างของพวกเขาเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการบ่มเพาะและเก็บทรัพยากร
เนื่องจากสภาพแวดล้อมของมันเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ยิ่งไปกว่านั้นเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขายังไหลเร็วกว่าโลกภายนอก นี่ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากขึ้น
การเก็บทรัพยากรไว้ในมิติช่องว่างย่อมปลอดภัยกว่าการถือพวกมันเดินทางไปรอบๆและเสี่ยงที่จะถูกปล้นชิง
หากพวกเขาพบผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังและเอาแต่ใจเช่นนางมารผลาญสวรรค์ นางจะทำลายทรัพยากรเหล่านี้ในกรณีนี้ไม่สามารถฉกชิงมาเป็นของตน
อย่างไรก็ตามปัญหาคือภัยพิบัติสวรรค์พิภพจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อมิติช่องว่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะก้าวข้ามภัยพิบัติ นอกจากนั้นมันยังเป็นเรื่องยากที่จะปกป้องทรัพยากรจากความเสียหาย
ทรัพยากรส่วนใหญ่ในมิติช่องว่างมักจะถูกทำลายเมื่อภัยพิบัติมาเยือน
หลังจากนั้นผู้อมตะต้องเริ่มรวบรวมทรัพยากรใหม่อีกครั้ง
นี่คือวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก!
ภัยพิบัติจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้อมตะต้องเริ่มสะสมทรัพยากรใหม่ตั้งแต่ต้น นี่ทำให้การเติบโตของพวกเขาค่อนข้างล่าช้า ความแข็งแกร่งของผู้อมตะส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นไม่ทันกำหนดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรับมือภัยพิบัติสวรรค์พิภพที่ถาโถมเข้ามา
ตั้งแต่โบราณ ผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนตกตายไประหว่างภัยพิบัติเหล่านี้
ผู้อมตะไป่หูเป็นตัวอย่างหนึ่งสำหรับเรื่องนี้
นางผ่านภัยพิบัติพิภพมาแล้วสี่ครั้ง แต่ในครั้งที่ห้า นางต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์เงาสายฟ้าและเสียชีวิตเพราะมัน เจตจำนงของนางกลายเป็นจิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูที่ฟางหยวนฉกชิงมา
หนึ่งในวิธีลดภัยคุกคามจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพก็คือย้ายทรัพยากรออกไปล่วงหน้า
ฟางหยวนเคยทำสิ่งนี้มาก่อน
แต่ในความเป็นจริงมีผู้อมตะเพียงไม่กี่คนที่จะใช้วิธีนี้
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ แล้วเหตุผลคือสิ่งใด?
สาเหตุเนื่องมาจากมันเป็นตัวบ่งชี้ประเภทของภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ตัวอย่างเช่น ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่ย้ายทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้ออกไป เมื่อภัยพิบัติมาถึง พวกเขาอาจบนภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งไฟ
เมื่อผู้อมตะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ พวกเขาจะได้รับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ จากนั้นเมื่อพวกเขานำทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้กลับเข้ามา พวกมันก็ไม่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในมิติช่องว่างนี้อีกต่อไป
ในทางตรงข้าม หากพวกเขาทิ้งทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้ไว้ในมิติช่องว่าง มันจะเหนี่ยวนำภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งไม้เข้ามา สุดท้ายพวกเขาจะได้รับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้เพิ่มขึ้นแม้ว่าทรัพยากรส่วนหนึ่งของพวกเขาจะพังทลายลงก็ตาม
กรณีของฟางหยวน เขาย้ายทรัพยากรเดิมออกไปก่อนการมาถึงของภัยพิบัติ นั่นเป็นเหตุให้เขาพบกับภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งเลือดที่ไม่เหมาะสมกับทรัพยากรเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอยู่บนเส้นทางแห่งทาสที่ไม่เหมาะสมกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจมันมากนัก
ในกรณีของไท่เป่ยหยุนเฉิง เขาเก็บทรัพยากรไว้ที่เดิมก่อนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แม้เขาจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่รากฐานของเขาก็เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเอง
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของมิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้ว
แม้ผู้อมตะจะยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ยังมีสวรรค์ที่เหนือกว่า ผู้อมตะต้องดิ้นรนฟันฝ่าอุปสรรคและภัยพิบัติอย่างไม่รู้จบสิ้นเพื่อความอยู่รอด
แต่หากพวกเขามีมิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้ว ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป
มันสามารถลดความรุนแรงของภัยพิบัติได้ถึงห้าสิบส่วน!
เมื่อความรุนแรงของภัยพิบัติลดลง การสูญเสียทรัพยากรก็จะลดลงเช่นกัน ขณะที่พลังงานแห่งเต๋าที่พวกเขาจะได้รับกลับไม่ลดลง เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวงจรการบ่มเพาะของผู้อมตะ
เมื่อภัยพิบัติครั้งต่อไปมาถึง พวกเขาจะมีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับศัตรู
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการค้นพบและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบัน
มันสามารถเปลี่ยนโลกของการบ่มเพาะและเปลี่ยนประวัติศาสตร์
นี่ไม่ใช่เพียงวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายแต่เป็นวิธีบ่มเพาะรูปแบบใหม่!
วิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณได้รับการถ่ายทอดมาจากยุคของมนุษย์คนแรกและแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาจนถึงปัจจุบัน
หากวิธีใหม่ถูกเผยแพร่ออกไป มันจะไม่ต่างจากการค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์หรือกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน
ในช่วงเริ่มต้น ผู้อมตะหลายคนอาจรู้สึกยากที่จะยอมรับ แต่เมื่อบางคนได้รับความสำเร็จ พวกเขาจะเริ่มเปลี่ยนความคิดและรู้สึกยกย่องสรรเสริญ
“โลกจะพัฒนาไปเรื่อยๆ การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณถือเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นมันจึงสามารถพัฒนาไปตามวันเวลา”
ฟางหยวนไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
ยิ่งเขาคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งตระหนักถึงความฉลาดของวิธีนี้มากเท่านั้น
ในระยะเวลาสั้นๆ ฟางหยวนสามารถทำความเข้าใจอย่างคร่าวๆเท่านั้น เขายังไม่สามารถทำความเข้าใจสาระสำคัญได้อย่างถ่วงแท้
เขารู้เพียงว่าวิธีนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับเขา
อย่างไรก็ตามหากใช้มิติช่องว่างที่ตายไปแล้วเป็นรากฐานในการสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย มันยังมีข้อเสีย
ตัวอย่างเช่น แรกเริ่มมิติช่องว่างของฟางหยวนเป็นมิติช่องว่างระดับกลาง หลังจากกลายเป็นผีดิบอมตะ มิติช่องว่างของเขาตายและพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง หากใช้มันเป็นรากฐานในการสร้างมิติช่องว่างใหม่ มิติช่องว่างของเขาจะกลายเป็นมิติช่องว่างระดับต่ำที่มีขนาดพื้นที่น้อยกว่ามาก เรื่องนี้ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการบ่มเพาะในอนาคตของเขา
แต่เนื้อหาส่วนหนึ่งในวิธีนี้กล่าวว่าเขาสามารถใช้ซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางที่ตรงกันเป็นส่วนประกอบในการยกระดับมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย หากมีซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางเดียวกันมากพอ ผู้บ่มเพาะอาจได้รับมิติช่องว่างระดับสูง
นอกจากนั้นหากได้รับซากศพของผีดิบอมตะสุดยอดกายา มิติช่องว่างของของผู้บ่มเพาะอาจบรรลุถึงระดับสุดยอด
ไห่ลั่วหลันได้รับมิติช่องว่างระดับสุดยอดเมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ดังนั้นฟางหยวนจึงเข้าใจหลายสิ่งเกี่ยวกับมัน
“แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุด มันสามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะได้ปีละอย่างน้อยห้าสิบผล การไหลของเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งรวดเร็วและสามารถผลิตทรัพยากรได้มากมายในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งสำคัญก็คือสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงจะช่วยยกระดับพลังการต่อสู้ของข้าได้หลายเท่า!”
จากจุดนี้ฟางหยวนสามารถมองเห็นคุณค่าของวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายได้มากขึ้น
สุดยอดกายาทั้งสิบ!
พวกมันมีพลังอันยิ่งใหญ่แต่ก็มีข้อเสียที่ใหญ่กว่า
เนื่องจากเวลาไหลเร็วขึ้น พวกเขาจึงพบกับภัยพิบัติเร็วขึ้น!
ในประวัติศาสตร์มีผู้อมตะระดับแปดที่ครอบครองสุดยอดกายาอยู่น้อยมาก แม้พวกเขาจะเหนือกว่าคนในระดับเดียวกันแต่พวกเขาไม่มีโอกาสเติบโต
อย่างไรก็ตามข้อบกพร่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อฟางหยวน
เหตุผลก็คือเขามีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย
มิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายจะช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติลงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญจึงอยู่ในจุดที่สามารถยอมรับได้
“ข้าสามารถสร้างมิติช่องว่างระดับสูงด้วยการรวบรวมซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่หากข้าได้รับซากศพของผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ข้าจะสามารถสร้างมิติช่องว่างระดับสุดยอดเช่นเดียวกับผู้อมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงขณะที่ความรุนแรงของภัยพิบัติจะลดลงครึ่งหนึ่ง ตราบเท่าที่ข้ามีเวลาเพียงพอ ข้าจะสามารถเติบโตและบรรลุระดับเก้า!”
ดวงตาของฟางหยวนลุกไหม้ขึ้นด้วยความคาดหวัง
ผู้อมตะระดับเก้าคือผู้ปกครองโลกหล้า นี่คือข้อเท็จจริงที่ทุกคนยอมรับ
“หากวิธีนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ข้ายังสามารถใช้วิธีเดียวกันกับทะเลวิญญาณที่สองและเปลี่ยนมันให้เป็นมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับสุดยอด! นอกจากสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ข้ายังจะได้ครอบครองสุดยอดกายาแสงจันทร์บรรพกาลอีกด้วย!”
สุดยอดกายาคู่!
ฟางหยวนแทบหลั่งน้ำตาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ห้าร้อยปีในชีวิตก่อนหน้า เขาต้องอดทนกับความยากลำบากและเสี่ยงชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มเห็นความหวังที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานและก้าวไปสู่ชีวิตนิรันดร์
ชีวิตนิรันดร์จะเป็นเพียงเป้าหมายที่ไร้สาระหากปราศจากความแข็งแกร่งที่เพียงพอ
“ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมีอยู่ไม่มาก ตั้งแต่ข้าเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบ ข้ายังไม่พบผู้ใดบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางความแข็งแกร่ง สำหรับสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง แน่นอนว่ามีอยู่หนึ่ง นั่นก็คือ ไห่ลั่วหลัน!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความดุร้าย
“แม้ข้าจะร่วมมือกับเจ้าเพื่อหลบหนีจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงและได้รับประโยชน์มากมายในภายหลัง แต่เพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของข้า เจ้าจะต้องเป็นเครื่องสังเวย!”
รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน
โหดเหี้ยม!
เย็นชา!
ไร้หัวใจ!
940 แผนการต่อไป
แปลโดย iPAT
เมื่อฟางหยวนได้รับวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย เขาจึงต้องใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตนี้ พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของฟางหยวนน่าเวทนามาก ตอนนี้เมื่อมีวิธีแก้ปัญหา ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกมีความสุข
สิ่งสำคัญก็คือวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายสามารถสร้างสุดยอดกายาคู่ เรื่องนี้น่าดึงดูดใจเกินไป
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากที่จะได้รับซากศพของผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง
ประการแรก สุดยอดกายาทั้งสิบหาได้ยาก แม้จะพบ มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถเติบโตจนถึงระดับอมตะ
ประการที่สอง พวกเขายังต้องเป็นผีดิบอมตะที่สามารถรักษาซากศพให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
ฟางหยวนตรวจสอบบันทึกในประวัติศาสตร์แต่ไม่พบการคงอยู่ของสิ่งนี้
ดังนั้นไห่ลั่วหลันจึงเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุด ในความเป็นจริงนางเป็นเป้าหมายเดียวของฟางหยวน
แต่แน่นอนว่าปัญหาที่รออยู่ย่อมไม่น้อย
ประการแรก ไห่ลั่วหลันไม่ใช่ตัวละครทั่วไป นางทั้งฉลาดและแข็งแกร่ง ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน นางยังสามารถทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ บุคคลเช่นนี้ไม่ง่ายนที่จะจัดการ
ประการที่สอง ไห่ลั่วหลันไม่ได้อยู่ลำพัง นางยังมีเทพธิดาหลี่ซานให้การสนับสนุน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด หากต้องการจัดการไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนต้องจัดการเทพธิดาหลี่ซานเป็นอันดับแรก
ประการที่สาม เทพธิดาหลี่ซาน ไห่ลั่วหลัน และฟางหยวนมีข้อตกลงเป็นพันธมิตร
ประการสุดท้ายที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ไห่ลั่วหลันรู้ข้อเท็จจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง หากนางเปิดเผยเรื่องนี้สู่โลกภายนอก ฟางหยวนจะตกลงสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากทันที
ในเชิงเปรียบเทียบ ไห่ลั่วหลันไม่จากจากเม่น หากฟางหยวนไม่มีวิธีจัดการอย่างเหมาะสม นอกจากนางจะไม่ได้รับอันตราย ฟางหยวนยังจะถูกหนามเม่นทิ่มแทงอีกด้วย
“ไห่ลั่วหลัน โอ้ ไห่ลั่วหลัน หากเจ้าไม่มีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้า” ฟางหยวนถอนหายใจ
วันต่อมาฟางหยวนเริ่มเตรียมการสองอย่างพร้อมกัน
ด้านหนึ่งเขาต้องคิดวิธีจัดการไห่ลั่วหลัน
อีกด้านเขากำลังคิดเกี่ยวกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา
อย่างไรก็ตามหลายวันผ่านไปฟางหยวนยังไม่มีความคืบหน้า
หลังจากไห่ลั่วหลันตระหนักถึงจุดอ่อนของตน นางพยายามพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ตั้งแต่กลับมายังเมืองคลื่นทมิฬ ฟางหยวนไม่ได้กลับไปที่โลกใต้บาดาลเพื่อรวบรวมเมือกหอยทากปฐพีราตรีดาวอีก สำหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา แม้ฟางหยวนจะใช้เมือกหอยทากปฐพีราตรีดาว เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ฟางหยวนติดต่อเทพธิดาหลี่ซานและถามเกี่ยวกับวิธีจัดการข้อตกลง เนื่องจากเทพธิดาหลี่ซานบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งไม้และข้อมูล นางจึงมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มากกว่าฟางหยวน นอกจากนั้นนางยังสามารถจัดการข้อตกลงที่ทำไว้กับตงฟางชางฟาน เห็นได้ชัดว่านางมีวิธีการบางอย่าง
เหตุผลที่ฟางหยวนบอกเทพธิดาหลี่ซานก็คือเขาต้องการจัดการข้อตกลงที่ทำไว้กับกองกำลังพันธมิตรผีดิบ
‘หากข้าไม่สามารถจัดการไห่ลั่วหลัน อย่างน้อยข้าก็ต้องรวบรวมซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่ก่อนหน้านั้นข้าจำเป็นต้องทำลายข้อตกลงที่ทำไว้กับกองกำลังพันธมิตรผีดิบเพื่อเข้าไปขโมยซากศพในสุสานผีดิบ’
ฟางหยวนระวังตัวเสมอและจะไม่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามเทพธิดาหลี่ซานเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ำๆ
แต่ผลลัพธ์ไม่ยังคืบหน้า
เทพธิดาหลี่ซานไม่ต้องการเห็นฟางหยวนพัฒนาเร็วเกินไป การเติบโตของฟางหยวนทำให้นางรู้สึกถูกคุกคาม แม้ฟางหยวนจะเสนอราคาที่สูงมากแต่เทพธิดาหลี่ซานยังปฏิเสธ
ฟางหยวนไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ แต่จากการพูดคุยกับเทพธิดาหลี่ซาน มันทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ระหว่างกองกำลังพันธมิตรผีดิบกับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะอย่างชัดเจน
กลยุทธ์ของนางมารผลาญสวรรค์เป็นวิธีที่ฉลาดมาก
หลายวันที่ผ่านมา นางนำกองกำลังพันธมิตรผีดิบซุ่มโจมตีสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะอย่างต่อเนื่อง
ปีศาจอมตะจากกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะโชคไม่ดีตั้งแต่ต้น มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการรวบรวมทรัพยากรอมตะ แต่ตอนนี้พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังพันธมิตรผีดิบ กล่าวได้ว่าพวกเขาลำบากมาก
ปีศาตอมตะเซี่ยหูไม่สามารถทำสิ่งใด
เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็อยู่เพียงลำพังขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน
หากนางมารผลาญสวรรค์ตัดสินใจบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะโดยตรง ผลแพ้ชนะอาจเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา
แต่นางมารผลาญสวรรค์กลับเลือกที่จะโจมตีไปยังจุดอ่อนของปีศาจอมตะเซี่ยหูและทำให้ชีวิตของเขายากลำบากมากขึ้น
หากปีศาจอมตะเซี่ยหูออกไล่ล่านางมารผลาญสวรรค์ ผีดิบอมตะระดับแปดอีกสองคนอาจลอบโจมตีและทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะที่ไร้ผู้ปกป้อง หากเรื่องนี้เกิดขึ้น เขาจะกลายเป็นตัวตลกที่ทุกคนหัวเราะ
นางมารผลาญสวรรค์สามารถเผาทำลายสวรรค์ทั้งเก้า มันไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ดังนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงต้องอยู่ปกป้องฐานที่มั่นของตน
ความแข็งแกร่งไม่ใช่ทุกสิ่ง
แผนการของนางมารผลาญสวรรค์ทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ขณะที่เขาก็ไม่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านฟางหยวน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากมุ่งความสนใจที่การหลอมรวมวิญญาณที่ใช้ในการฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย
หอคอยหินของฟางหยวนค่อนข้างใหญ่โต มนุษย์ขนของเขาก็ทำงานโดยไม่ได้หยุดพัก แต่วิญญาณที่ผลิตได้ยังห่างไกลจากความต้องการของเขา
แม้เขาจะมีทรัพยากรอมตะระดับแปด แต่เขายังไม่ได้ขายพวกมันออกไป
นางมารผลาญสวรรค์ให้ทุนฟางหยวนในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราขณะที่กำไรจากธุรกิจต่างๆของเขาถูกใช้ในการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
เขาต้องซื้อดินเมฆจำนวนมากเพื่อสร้างระบบแม่น้ำสามมิติขนาดใหญ่
หากประสบความสำเร็จ ผลกำไรจะไม่ด้อยกว่าธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว
อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถพัฒนาไปทีละขึ้นเท่านั้น
เขาต้องการจัดการไห่ลั่วหลันแต่มันเป็นเรื่องง่ายที่นางจะเปิดเผยความจริง แม้จะมีสัญญาพันธมิตร แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเทพธิดาหลี่ซาน ไห่ลั่วหลันย่อมสามารถทำลายข้อตกลง
ทั้งหมดทำให้ฟางหยวนรู้สึกกังวล
ผู้อมตะภาคกลางสามารถโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูได้ทุกเมื่อ ไม่มีทางที่ฟางหยวนจะสามารถปกป้องมัน หากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูถูกยึดครอง สถานที่เดียวที่ฟางหยวนสามารถใช้ซ่อนตัวจะมีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
วันนี้ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพื่อปรับแต่งทรัพยากรต่างๆ อีกครั้ง
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงฉากหน้าแต่ความจริงเขากำลังติดต่อเทพธิดาหลี่ซานผ่านถ้วยชมทิวทัศน์ที่อยู่ในมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว
เขารู้สึกประหลาดใจที่ได้รับจดหมายจากนาง เมื่อเปิดอ่านฟางหยวนพบว่ามันเป็นจดหมายขอความช่วยเหลือ
หลังจากทั้งหมดเทพธิดาหลี่ซานพบร่องรอยของไห่เจิ้ง
ไห่เจิ้งเป็นบิดาของไห่ลั่วหลันขณะที่ฝ่ายหลังต้องการแก้แค้นแทนมารดา
เทพธิดาหลี่ซานต้องการให้ฟางหยวนช่วยจัดการไห่เจิ้ง
ตอนนี้สถานการณ์ของไห่เจิ้งไม่ดีนัก
ไห่เจิ้งหายตัวไปเป็นเวลานานแต่เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งเขากลับถูกไล่ล่าโดยเผ่าไห่
ในความเป็นจริงเพื่อรักษาชีวิตรอด ไห่เจิ้งต้องเสียสละคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬ แม้ไห่เจิ้งจะเป็นตัวตนระดับสูง แต่เขายังต้องถูกลงโทษตามกฎของเผ่า
คฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของเขา วิญญาณอมตะที่ประกอบเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬมาจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ เมื่อผู้อมตะภาคกลางปรับแต่งพวกมัน ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่จึงตระหนักถึงสถานการณ์
นี่เป็นความผิดร้ายแรง แน่นอนว่าไห่เจิ้งจะต้องถูกลงโทษ
ไห่เจิ้งไม่ต้องการมอบตัวขณะเดียวกันสัญญาพันธมิตรของนิกายเงาก็ทำให้เขาไม่สามารถกล่าวถึงรายละเอียด
ไห่เจิ้งไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้กับเผ่าและทำได้เพียงหลบหนีเท่านั้น
เผ่าไห่ไม่เต็มใจที่จะปล่อยเขาไปเช่นกันเนื่องจากการสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความแข็งแกร่งของเผ่าไห่
หากพวกเขาต้องการนำมันกลับมา ไห่เจิ้งเป็นเพียงเบาะแสเดียว
ด้วยเหตุนี้เผ่าไห่จึงส่งกลุ่มผู้อมตะออกไล่ล่าไห่เจิ้ง
หลังจากต่อสู้กันหลายรอบ ไห่เจิ้งรอดมาได้อย่างฉิวเฉียด ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหล เทพธิดาหลี่ซานได้เรื่องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อปรึกษากับไห่ลั่วหลัน พวกนางตระหนักว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการแก้แค้น
แต่ในการสังหารผู้อมตะ พวกนางต้องรวบรวมกำลังคนให้ได้มากที่สุดเพื่อรับประกันผลสำเร็จ
ดังนั้นเทพธิดาหลี่ซานจึงรีบติดต่อฟางหยวนและใช้ประโยชน์จากเขาก่อนที่สัญญาพันธมิตรจะสิ้นสุดลง
เทพธิดาหลี่ซานเสนอผลประโยชน์ที่ดึงดูดใจขณะที่ฟางหยวนก็มีแรงจูงใจซ่อนเร้น
ไห่ลั่วหลันซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา มีเพียงระหว่างการต่อสู้ที่วุ่นวายที่ฟางหยวนจะสามารถฉกฉวยโอกาสจัดการกับนาง
941 การต่อสู้ครั้งที่สามกับไห่เจิ้ง
แปลโดย iPAT
“ฟิ้ว…”
เงาร่างสายหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วท่ามกลางกอหญ้าสูง
ครู่ต่อมาเสียงของการเคลื่อนไหวก็หยุดลงขณะที่ไห่เจิ้งล้มตัวลงบนพื้นใกล้กับลำธารสายหนึ่ง
ไห่เจิ้งหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและแทบไม่สามารถขยับร่างกาย
สภาพปัจจุบันของเขาเลวร้ายมาก
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหล อาการบาดเจ็บของไห่เจิ้งสาหัสมากแต่เขาชินชากับมันแล้ว
นี่เป็นบาดแผลที่ไห่เจิ้งได้รับมาจากการต่อสู้กับผู้อมตะเผ่าไห่
หากเผ่าไห่ไม่ต้องการจับเป็นไห่เจิ้ง เขาคงตายไปนานแล้ว
‘ข้ามาถึงขีดจำกัดในที่สุด’ ไห่เจิ้งกัดฟันและพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น
เดิมทีเขาเป็นสุภาพบุรุษที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับไม่น่ามอง
ทันใดนั้นรูม่านตาของไห่เจิ้งพลันหดเล็กลงอย่างกะทันหัน
“ผู้ใด?” ไห่เจิ้งตะโกนไปทางก่อหญ้าสูงที่อยู่ไม่ไกลนัก
กอหญ้าค่อยๆเปิดออกและเผยให้เห็นไห่ลั่วหลันที่อยู่ภายใต้หน้ากาก
ดวงตาของนางลุกไหม้ขึ้นด้วยเพลิงแค้นและความเกลียดชัง
“เป็นเจ้า!” ไห่เจิ้งตกใจมาก เขาผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะและล้มลงอีกครั้ง
เขาพยายามประคองตัวนั่งอยู่บนพื้นแต่ในใจเต็มไปด้วยความกังวล
หากเขาถูกเผ่าไห่จับกุม เขายังสามารถรักษาชีวิต แต่หากเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของไห่ลั่วหลัน เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ไห่เจิ้ง ผู้ใดจะคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้” ไห่ลั่วหลันเดินเข้าไปหาไห่เจิ้งอย่างช้าๆด้วยความหยิ่งผยอง
โชคชะตาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดา
ผู้ใดจะคิดว่าไห่เจิ้งจะจบลงในสภาพนี้
แน่นอนว่าไห่ลั่วหลันไม่เคยคิดมาก่อน
เมื่อโอกาสที่ดีที่สุดมาถึง ไห่ลั่วหลันย่อมไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะแก้แค้น อย่างไรก็ตามนอกจากความเกลียดชัง นางยังรู้สึกเวทนาไห่เจิ้งเล็กน้อย
สองพ่อลูกมองหน้ากัน
เวลาราวกับหยุดนิ่ง
“อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น!” ไห่เจิ้งกรีดร้องและพยายามลุกขึ้น
เขายอมรับความโกรธและความเกลียดชังของไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่สามารถยอมรับความสงสารในดวงตาของนาง
ไห่เจิ้งผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต้องการความสงสารจากผู้ใด
สายลมพัดกลุ่มเมฆสีดำลอยเข้าปกคลุมพื้นที่
ระลอกคลื่นก่อตัวขึ้นในลำธารก่อนที่เสียงของเทพธิดาหลี่ซานจะดังขึ้น “เป็นทิวทัศน์ที่ดี สถานที่ไร้นามแห่งนี้จะเป็นที่ตายของเจ้า ไห่เจิ้ง”
ไห่เจิ้งหัวเราะเย้ยหยันก่อนจะหันหน้าไปรอบๆด้วยความยากลำบาก “สุนัขลอบกัดที่ลอบโจมตีพยัคฆ์? ไม่ใช่ว่ายังมีคนอื่นอีกงั้นหรือ? ออกมา!”
ฟางหยวนปกปิดกลิ่นอายของตนและไม่ขยับเขยื้อนราวกับไม่ได้ยินเสียงของไห่เจิ้ง
“เจ้าเป็นพยัคฆ์งั้นหรือ? หึ เจ้าเป็นเพียงสุนัขที่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น สุนัขขี้ขโมย รับความตาย!” ไห่ลั่วหลันไม่ปิดบังความเกลียดชังของตนและส่งหมัดออกไปทันที
หมัดของไห่ลั่วหลันสร้างแรงอัดอากาศระเบิดออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง
ฟางหยวนรู้สึกว้าวุ่นใจเมื่อเห็นการโจมตีนี้ ‘นี่เป็นเพียงท่าไม้ตายระดับมนุษย์ แต่ด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง มันจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ออกมา’
ไห่เจิ้งรู้สึกถึงภัยคุกคาม หากเขาถูกโจมตีโดยตรง เขาอาจตายทันที
“ฟิ้ว…”
ไห่เจิ้งกัดฟันกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนและเปลี่ยนตนเองเป็นเงาดำเคลื่อนที่หลบออกไปด้านข้าง
หมัดแรกของไห่ลั่วหลันพลาดเป้าแต่นางยังไล่ล่าต่อไป
ไห่เจิ้งรวดเร็วมาก ไห่ลั่วหลันถูกทิ้งไว้ข้างหลังหลายสิบเมตร
ในความเป็นจริงแม้ไห่เจิ้งจะสูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬแต่เขายังมีวิญญาณอมตะศรทมิฬ
ระหว่างการต่อสู้ร้อยวันที่หุบเขาเหล่าโป กลุ่มผู้อมตะนิกายเงาช่วยคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ๆให้เขา หนึ่งในนั้นคือท่าไม้ตายเงาดำที่เขาใช้หลบหนีอยู่ในขณะนี้
“ไห่เจิ้ง หยุดอยู่ตรงนี้!” เทพธิดาหลี่ซานตะโกน ในเวลาเดียวกันต้นไม้จำนวนมากก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ท่าไม้ตายอมตะสวนลูกแพร์!
ไห่เจิ้งเปลี่ยนทิศและหลบหนีออกจากอาณาเขตของสวนลูกแพร์ด้วยความเร็วสูง
แต่ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากลับปรากฏตัวขึ้นปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้
ฟางหยวนไม่ได้ใช้รูปลักษณ์ของซิงเซียงซื่อ ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการต่อสู้บนเส้นทางความแข็งแกร่ง
เขายังลอบอนุมานเส้นทางการหลบหนีของไห่เจิ้งล่วงหน้าและใช้กองกำลังภูตมนุษย์ซุ่มโจมตีอยู่ในบริเวณนั้น
นี่ทำให้การเคลื่อนไหวของไห่เจิ้งติดขัด
อย่างไรก็ตามไห่ลั่วหลันยังอยู่ห่างจากไห่เจิ้งค่อนข้างมาก
เมื่อเห็นไห่เจิ้งกำลังจะหลบหนี เทพธิดาหลี่ซานรีบส่งข้อความไปหาฟางหยวน “หยุดเขา เร็วเข้า!”
ฟางหยวนเปิดเผยตัวและบินเข้าไปหาไห่เจิ้ง
เทพธิดาหลี่ซานขมวดคิ้วลึก จากความเร็วของฟางหยวน นางสามารถบอกได้ว่าเขาไม่สามารถหยุดไห่เจิ้ง
ในความเป็นจริง ฟางหยวนไม่มีความคิดที่จะหยุดไห่เจิ้ง
ไห่เจิ้งเป็นจุดอ่อนของไห่ลั่วหลัน ตราบเท่าที่ไห่เจิ้งยังมีชีวิตอยู่ ฟางหยวนยังสามารถใช้คนผู้นี้เป็นเครื่องมือจัดการกับไห่ลั่วหลัน
ฟางหยวนต้องการรู้เพียงว่าครั้งนี้เขาจะมีโอกาสจับตัวไห่ลั่วหลันหรือไม่
แต่เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของไห่เจิ้ง เขารู้ทันทีว่าโอกาสจับตัวไห่ลั่วหลันแทบเป็นศูนย์
หากไม่สามารถจับตัวไห่ลั่วหลันในครั้งนี้ เขาจะปล่อยไห่เจิ้งไป
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสัญญาพันธมิตรที่ผูกมัดอยู่ ฟางหยวนจึงต้องกระทำการบางสิ่ง
ไห่เจิ้งหัวเราะเมื่อเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน “ในที่สุดเจ้าก็ออกมา น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถจับข้า”
หลังกล่าวจบคำ ไห่เจิ้งพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อหลบหนี แต่ในจังหวะนี้เสียงนกอินทรีย์กลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ภาพเงาร่างนกอินทรีย์มงกุฎเหล็กปรากฏขึ้นด้านหลังฟางหยวน
มันคือวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กที่ฟางหยวนกระตุ้นใช้งาน นี่ทำให้ความเร็วของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นในพริบตา
ไห่เจิ้งตกใจและไม่กล้าชะลอความเร็วของตน
ฟางหยวนลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ หลังจากทั้งหมดวิญญาณระเบิดพลังของเขาเป็นวิญญาณระดับห้า ส่วนวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นวิญญาณระดับหก ภูตอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแบบสุ่มเท่านั้นและมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
‘ดูเหมือนมันจะเป็นเพราะท่าไม้ตายช่วงเวลาเปลี่ยนโชคที่ช่วยเพิ่มโชคให้ข้า ผู้ใดจะคิดว่าไห่เจิ้งจะตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถถึงเพียงนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่แผนการของข้าจะประสบความสำเร็จ’
ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อยขณะที่ร่างของเขาพุ่งทะยานเข้าไปหาไห่เจิ้งด้วยความเร็วสูง
อย่างไรก็ตามไห่เจิ้งไม่ต่างจากอสรพิษที่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ฟางหยวนจะมีความเร็วแต่ไห่เจิ้งยังสามารถหลุดรอดไปได้อย่างฉิวเฉียด
เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลั่นผ่อนคลายลงและเริ่มรู้สึกตื่นเต้น
ด้วยการแทรกแซงของฟางหยวน ไห่เจิ้งไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันก็สามารถเข้าใกล้ไห่เจิ้ง
สุดท้ายคนทั้งสามก็ปิดล้อมไห่เจิ้งเอาไว้
ใบหน้าของไห่เจิ้งกลายเป็นมืดครึ้มและเริ่มกรีดร้อง “พวกเจ้าต้องการให้ข้าตายแต่อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะสามารถจากไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!”
การต่อสู้ปะทุขึ้นทันที
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่ต้องสงสัย ไห่เจิ้งถูกกำหราบโดยกลุ่มคนทั้งสามอย่างสมบูรณ์
‘น่าเสียดาย ข้าสะกดความแข็งแกร่งไว้ได้เพียงยี่สิบส่วน หากข้าสะกดความแข็งแกร่งมากกว่านี้ เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันจะสงสัยในตัวข้า’
ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นไห่เจิ้งกำลังจะตาย
นี่เป็นการต่อสู้ครั้งที่สามกับไห่เจิ้ง
ความแข็งแกร่งของฟางหยวนกับคนอื่นๆไม่ได้เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนแต่สภาพของไห่เจิ้งแย่เกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต่อต้านศัตรู
“หยุด!”
เสียงที่ทรงพลังดังลงมาจากท้องฟ้า แสงสีเขียวส่องสว่างไปทั่วสนามรบ
จากนั้นห้วงมิติก็เกิดการฉีกขาดก่อนที่แขนขนาดใหญ่ข้างหนึ่งจะพุ่งออกมาคว้าตัวไห่เจิ้งเอาไว้
“ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว!” ไห่เจิ้งกรีดร้อง
กลุ่มของฟางหยวนล่าถอยออกไป
ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวเป็นค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้จากยุคบรรพกาลแต่มันยังด้อยกว่ายักษ์สวรรค์บรรพกาลของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้นี้เป็นของเผ่าไห่ นี่คือสิ่งที่คนเหนือทุกคนรู้ดี
การปรากฏตัวของค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวหมายความว่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่อยู่ที่นี่แล้ว
“พวกเราเผ่าไห่จะจัดการสมาชิกของเราเอง เราจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดสังหารเขา”
“ไห่ลั่วหลัน เผ่าไห่เลี้ยงดูเจ้ามาแต่เจ้ากลับทรยศเผ่าและเข้าร่วมกับฝ่ายปีศาจ นี่คือความผิดร้ายแรง จงมอบตัวซะ!”
ในเวลาต่อมายักษ์สีเขียวก็ฉีกกระชากห้วงมิติออกมายืนอยู่บนพื้น
แสงสีเขียวพุ่งออกจากหน้าผากของยักษ์เขียวตรงไปยังไห่ลั่วหลันขณะที่นางไม่สามารถขยับเขยื้อน
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนถอยหลังกลับพร้อมทั้งใช้การโจมตีระดับเจ็ดที่ทรงพลังที่สุดของเขา
“ตูม!”
ลำแสงสีเขียวปะทะกับกำปั้นยักษ์อย่างรุนแรงแต่เป็นกำปั้นยักษ์ที่สูญสลายไป
“กลยุทธ์ที่น่าสงสาร” ยักษ์เขียวหัวเราะ
แต่ในจังหวะนี้วิหคเพลิงกลับพุ่งเข้าปะทะหน้าอกของยักษ์เขียวโดยไม่รู้ที่มา
“บึม!”
แรงระเบิดทำให้ยักษ์เขียวถูกส่งกลับหลังจนแทบจะล้มลงบนพื้น
“นางมารผลาญสวรรค์!?” ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ตกใจและโกรธมาก
วิหคเพลิงพิโรธคือท่าไม้ตายอมตะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนางมารผลาญสวรรค์ที่ผู้อมตะภาคเหนือทุกคนเข้าใจดี
แต่ในเวลาและสถานการณ์นี้ เหตุใดนางมารผลาญสวรรค์จึงมาอยู่ที่นี่?
ไม่ว่าจะเป็นคนเผ่าไห่หรือฟางหยวน ทุกคนต่างตั้งคำถามเดียวกัน
942 ความสัมพันธ์ใกล้ชิด
แปลโดย iPAT
กลิ่นอายระดับแปดของนางแผ่พุ่งออกมาอย่างอิสระ
นางมารผลาญสวรรค์ยืนอาบเปลวเพลิงอยู่กลางอากาศ
นางตะโกนเสียงดัง “ตาแก่เผ่าไห่ ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ของพวกเจ้ายังไม่สมบูรณ์แต่พวกเจ้ากลับกล้านำมันออกมาใช้งั้นหรือ? ร้อยปีที่ผ่านมา พวกเจ้าใช้ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวในการรักษาสมดุลของขั้วอำนาจแต่ตอนนี้พวกเจ้านำมันมาที่นี่ แล้วผู้ใดจะปกป้องฐานที่มั่นของพวกเจ้า?”
ยักษ์เขียวหันหน้าไปทางนางมารผลาญสวรรค์
เสียงชายสูงอายุดังขึ้นจากยักษ์เขียว “นางมารผลาญสวรรค์ เมื่อเจ้ารู้ว่านี่คือค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว เจ้าก็ควรรู้ว่าพลังอำนาจของมันสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด ไห่ลั่วหลันและไห่เจิ้งเป็นสมาชิกของเผ่าไห่ นี่เป็นเรื่องภายในไม่เกี่ยวกับคนนอก เจ้าไม่ควรสอดมือเข้ามา อย่าลืมว่ากองกำลังพันธมิตรผีดิบเป็นฝ่ายธรรมะ ในฐานะผู้นำ เจ้าควรมีความรับผิดชอบและระวังการกระทำของตนเอง”
เสียงที่สองดังขึ้น “นางมารผลาญสวรรค์ ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังยุ่งอยู่กับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะเช่นนั้นหรือ? เหตุใดจึงมาวุ่นวายอยู่ที่นี่?”
“วุ่นวายงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” นางมารผลาญสวรรค์เงยหน้าหัวเราะ
เทพธิดาหลี่ซานเร่งกล่าว “เรื่องของท่านเซี่ยหูไม่ใช่ธุระของพวกเจ้า ตาแก่เผ่าไห่ นอกจากนั้น…พวกเจ้ากล่าวว่านี่เป็นเรื่องภายใน แต่อย่าลืมว่าพวกเราก็เป็นคนในครอบครัวเช่นกัน”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ผู้อาวุโสเผ่าไห่ถามด้วยความไม่แน่ใจ
ฟางหยวนรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
“พี่ใหญ่” เทพธิดาหลี่ซานเรียก
คำๆนี้อธิบายทุกสิ่งโดยไม่ต้องพูดสิ่งใดให้มากความ
นางมารผลาญสวรรค์หยุดหัวเราะและบินเข้าไปหายักษ์เขียว
เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างของยักษ์เขียวทันที
ท่าไม้ตายอมตะคุกเพลิง!
ท่ามกลางเปลวไฟสีส้ม ยักษ์เขียวราวกับตกลงสู่บ่อโคลนและแทบไม่สามารถเคลื่อนไหว
ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่ตกใจมาก
“เราถูกโจมตีตั้งแต่เมื่อใด?”
“ช่างทรงพลังนัก กระทั่งค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด!”
“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า!”
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงและสามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่การโจมตีของวิหคเพลิงพิโรธ
การโจมตีต่อเนื่อง!
ท่าไม้ตายอมตะสองท่าพร้อมกัน
มันคือการผสานงานกันระหว่างท่าไม้ตายอมตะวิหคเพลิงพิโรธและท่าไม้ตายอมตะคุกเพลิง
นี่ทำให้ยักษ์เขียวถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
ในทางตรงข้ามหากนางมารผลาญสวรรค์ใช้ท่าไม้ตายอมตะคุกเพลิงโดยตรง ยักษ์เขียวจะมีเวลาหลบหนี ผลลัพธ์ของมันจะไม่ดีนัก
เรื่องนี้เกี่ยวกับพลังงานแห่งเต๋า
ท่าไม้ตายอมตะใช้วิญญาณอมตะเป็นแกนกลาง พวกมันสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าอัศจรรย์ได้เพราะพลังงานแห่งเต๋า
เมื่อวิหคเพลิงพุ่งชนยักษ์เขียว มันฝากพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟไว้บนร่างของเป้าหมาย ดังนั้นเมื่อท่าไม้ตายอมตะคุกเพลิงถูกกระตุ้นใช้งาน มันจึงสามารถดักจับศัตรูได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
‘สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อเนื่อง ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งไฟของนางต้องบรรลุระดับปรมาจารย์เอก!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งไฟ
ความสำเร็จระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะทั่วไปจะสามารถบรรลุถึง
“โฮก…”
ยักษ์เขียวคำรามเสียงดังขณะที่หมอกสีเขียวระเบิดออกมาจากร่างของมัน
หมอกเขียวช่วยดับไฟที่อยู่รอบๆ
ชัดเจนว่ามันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง
ภายในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ คุกเพลิงของนางมารผลาญสวรรค์ก็ดับลงอย่างสมบูรณ์
แต่พวกเขายังสูญเสียเวลาอันมีค่า
ในช่วงเวลานี้เทพธิดาหลี่ซานสามารถใช้ไพ่ตายของนาง
ท่าไม้ตายอมตะเขตแดนภูเขาสวนแพร์!
“ครืน…”
แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ที่ราบทุ่งหญ้ายกตัวขึ้นกลายเป็นภูเขาจำนวนมากที่โอบล้อมยักษ์เขียวเอาไว้ทุกด้าน
นี่เป็นเขตแดนขนาดใหญ่ ยักษ์เขียวราวกับตกลงสู่กับดัก
หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก แม้เขาจะรู้ว่าเทพธิดาหลี่ซานมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นยังทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน เทพธิดาหลี่ซานมีความสำเร็จไม่มากนักแต่เหตุใดตอนนี้นางจึงทรงพลังได้ถึงระดับนี้?
‘อย่าบอกข้าว่ามันเป็นเพราะภูเขาน้อย!?’ ฟางหยวนคาดเดา
‘มันควรจะเป็นเช่นนั้น เขตแดนภูเขาสวนแพร์ของนางมีพลังอันน่าเหลือเชื่อ แต่ราคาของมันย่อมไม่น้อยเช่นกัน ทุกครั้งที่กระตุ้นใช้งาน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะถูกใช้ไปอย่างถาวร ดังนั้นนางจึงไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ได้บ่อยนัก’
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือไพ่ตายใบสุดท้ายของนาง
ท่าไม้ตายต้องห้าม!
หากใช้บ่อยเกินไป รากฐานและระดับการบ่มเพาะของนางจะลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามภูเขาน้อยเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า เมื่อเทพธิดาหลี่ซานวางมันไว้ในมิติช่องว่างของตน นางจึงสามารถหยิบยืมพลังงานแห่งเต๋าจากภูเขาน้อย
ผลลัพธ์ก็คือท่าไม้ตายอมตะเขตแดนภูเขาสวนแพร์ที่น่าสะพรึงกลัว
แม้ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวจะทรงพลังแต่เขตแดนภูเขาสวนแพร์ของเทพธิดาหลี่ซานยังสามารถกักขังมันไว้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ฟางหยวนกับคนอื่นๆ ลอยอยู่กลางอากาศ
บนภูเขาต้นแพร์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดอกไม้บานสะพรั่งและร่วงหล่นลงมาราวกับหิมะ
ด้านยักษ์เขียว ปีกคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของมัน นี่เป็นเพราะหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสเผ่าไห่เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
ยักษ์เขียวต้องการบินออกจากกรงแต่เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนกลับเหนี่ยวรั้งมันเอาไว้
“ฮืม…” ยักษ์เขียวก่นเสียงก่อนจะเปลี่ยนร่างอีกครั้ง
ร่างของยักษ์เขียวกลายเป็นสีแดง
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟและความมืด เพลิงทมิฬ!
“บึม!”
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
คลื่นกระแทกสีแดงพุ่งออกจากร่างของยักษ์เขียวและกระจายออกไปในวงกว้าง
ทุกที่ที่คลื่นกระแทกสีแดงเคลื่อนที่ผ่าน เถาวัลย์จะลุกไหม้ขึ้นและกลายเป็นกองเถ้าถ่านทันที
ด้วยคลื่นกระแทกสามครั้งติดต่อกัน สิ่งกีดขวางทั้งหมดจึงถูกทำลาย
กลิ่นอายที่ทรงพลังทำให้เทพธิดาหลี่ซานต้องก้าวถอยหลัง
ไห่ลั่วหลันไม่สนใจเรื่องนี้ นางมองไปยังไห่เจิ้งที่อยู่ในกำมือของยักษ์เขียวตลอดเวลา
การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแต่หัวใจของเขาจมดิ่งลง
เขาเริ่มเข้าใจสถานการณ์
เห็นได้ชัดว่าไห่ลั่วหลัน เทพธิดาหลี่ซาน และนางมารผลาญสวรรค์เป็นฝ่ายเดียวกัน
พวกนางสร้างสถานการณ์ทั้งหมดขึ้นเพื่อสังหารไห่เจิ้งแต่ในขณะเดียวกันพวกนางก็มุ่งเป้าหมายมาที่ฟางหยวนเช่นกัน
‘ข้าวางแผนต่อต้านไห่ลั่วหลันแต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกนางจะลงมือก่อน’ ฟางหยวนมองนางมารผลาญสวรรค์ เขาไม่เคยคิดว่าผู้นำกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพธิดาหลี่ซานและไห่ลั่วหลัน
นางมารผลาญสวรรค์เผยรอยยิ้มเมื่อตระหนักถึงสายตาของฟางหยวน
ฟางหยวนก่นเสียงเย็นอยู่ภายในก่อนจะหันหน้ากลับไป
ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย!
เขาสามารถหลบหนีไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานแต่นางมารผลาญสวรรค์ไม่ใช่อุปสรรคที่เขาจะสามารถก้าวข้าม
ฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอมตะแต่นางมารผลาญสวรรค์ย่อมรู้เรื่องนี้เช่นกัน
‘ตอนนี้ไม่ใช่เวลากังวล พวกนางยังไม่ได้โจมตีข้า เรายังสามารถพูดคุยเจรจา แม้ข้าจะต้องการหลบหนีแต่ข้าก็ไม่มีจุดหมาย ข้าเป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบขณะที่นางมารผลาญสวรรค์เป็นผู้นำ นอกจากนั้นเทพธิดาหลี่ซานยังเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งข้อมูล…’
‘นั่นหมายความว่าตัวตนในฐานะซิงเซียงซื่อของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ไห่ลั่วหลันเป็นคนฉลาด เมื่อนางรู้ว่าข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดวงดาว นางย่อมตระหนักว่าข้าได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเรียบร้อยแล้ว’
‘ดูเหมือนนางมารผลาญสวรรค์และเทพธิดาหลี่ซานจะเป็นป้าในสายเลือดของไห่ลั่วหลัน นางช่างเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง!’
943 ความหวาดกลัวต่อความตาย
แปลโดย iPAT
นางมารผลาญสวรรค์เป็นป้าใหญ่ของไห่ลั่วหลัน เรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากคาดหมายของฟางหยวนอย่างสิ้นเชิง
ความแข็งแกร่งของฟางหยวนอยู่ในระดับเจ็ด
หากเปรียบเทียบกับไห่ลั่วหลัน เขายังมีข้อได้เปรียบ ด้านเทพธิดาหลี่ซาน นางมีความแข็งแกร่งเท่ากับฟางหยวน แต่ฟางหยวนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบหากนางใช้ท่าไม้ตายเขตแดน
สำหรับนางมารผลาญสวรรค์ ฟางหยวนไม่มีความหวังใดๆ แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะมากมาย แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด
กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดที่แท้จริงก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปด อาจมีเพียงตัวตนเช่นฟงจิวเก้อเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น
‘ตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำได้คือพึ่งพาสัญญาพันธมิตรที่ทำไว้กับเทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลัน ตามข้อตกลง พวกเราไม่สามารถเข่นฆ่ากันเอง’
ฟางหยวนรู้สึกขมขื่นกับสถานการณ์ของตนเอง
ก่อนหน้านี้เขาพยายามทำลายข้อตกลงดังกล่าวแต่ตอนนี้เขากลับต้องพึ่งพามันเพื่อความอยู่รอด
‘อย่างไรก็ตามเทพธิดาหลี่ซานเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งข้อมูล มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อถือข้อตกลงที่ทำไว้กับพวกนาง นางมารผลาญสวรรค์สามารถกำหราบข้าได้อย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้นางยังไม่โจมตี หากเป็นเทพธิดาหลี่ซานที่ต้องการสังหารข้า นางไม่จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์นี้ นอกจากนั้นเมื่อนางมารผลาญสวรรค์รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า แล้วเหตุใดนางจึงต้องช่วยข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา? นั่นหมายความว่าพวกนางไม่ต้องการชีวิตของข้าแต่มีวัตถุประสงค์อื่น’
สำหรับวัตถุประสงค์อื่น ฟางหยวนยังไม่แน่ใจ
ข้อสรุปในตอนนี้คือฟางหยวนไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นสาเหตุที่เขายังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างโดยไม่พยายามหลบหนี
ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดถึงสถานการณ์ของตนเอง ยักษ์เขียวพยายามทำลายเขตแดนภูเขาสวนแพร์
มันเปลี่ยนร่างเป็นนกสีเขียวที่มีปีกสามคู่และบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ครั้งนี้มันไม่ถูกเหนี่ยวรั้งโดยเถาวัลย์แต่เมื่อมันทะยานขึ้นสู่อากาศ ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่พยายามดึงนกเขียวให้ร่วงลงไป
“นี่คือ…” ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่รู้สึกประหลาดใจ
ยิ่งสูงขึ้นไป แรงดึงดูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น
สุดท้ายนกเขียวก็ไม่สามารถต้านทานมันได้อีก
ไม่ว่าปีกทั้งสามคู่ของมันจะสะบัดตัวมากเพียงใด ความเร็วของมันก็ไม่เพิ่มขึ้น
นกเขียวลอยอยู่เหนือพื้นดินเพียงสามสิบเมตร นี่คือขีดจำกัดของมัน
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่นกเขียวพุ่งลงกระแทกพื้น
ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่กลายเป็นเงียบกริบ
นี่คือพลังอำนาจที่แท้จริงของเขตแดนภูเขาสวนแพร์
เทพธิดาหลี่ซานบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งข้อมูลเป็นหลัก เส้นทางแห่งไม้และปฐพีเป็นรอง ท่าไม้ตายอมตะเขตแดนภูเขาสวนแพร์คือการผสานงานกันระหว่างเส้นทางแห่งไม้และปฐพี เถาวัลย์คือเส้นทางแห่งไม้ แรงดึงดูดคือเส้นทางแห่งปฐพี
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้มันทรงพลังอำนาจถึงระดับนี้เป็นเพราะภูเขาน้อย
มิฉะนั้นด้วยรากฐานของเทพธิดาหลี่ซาน นางจะไม่สามารถหยุดยักษ์เขียว
หลังจากทั้งหมดยักษ์เขียวคือค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้โบราณ แม้มันจะไม่สมบูรณ์แต่มันถูกควบคุมโดยผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสี่คน นี่ทำให้พลังอำนาจของยักษ์เขียวบรรลุถึงระดับแปด
ยักษ์เขียวถูกเถาวัลย์พันธนาการเอาไว้อีกครั้ง
ขณะเดียวกันวิหคเพลิงพิโรธสามตัวได้รวมกันเป็นหนึ่ง
วิหคเพลิงพิโรธกรีดร้องเสียงแหลมก่อนจะพุ่งเป็นเส้นโค้งเข้าโจมตีแขนข้างหนึ่งของยักษ์เขียวโดยตรง
แรงปะทะฝากหลุมลึกไว้บนแขนของยักษ์เขียว
อย่างไรก็ตามมันยังสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว
แต่การโจมตีของนางมารผลาญสวรรค์ยังไม่จบ นางยืนอยู่กลางอากาศและชี้นิ้วไปที่ยักษ์เขียว
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟ ดาบปีกวิหคเพลิง!
ดาบเพลิงสามเล่มพุ่งเข้าตัดแขนข้างหนึ่งของยักษ์เขียวออกไปในพริบตา
ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่คำรามด้วยความโกรธแต่มันก็สายเกินไปที่พวกเขาจะหยุดนาง
ร่างกายของยักษ์เขียวสร้างขึ้นจากค่ายกลวิญญาณ เมื่อแขนของมันหลุดออกไป นั่นก็หมายความว่าค่ายกลวิญญาณสูญเสียส่วนหนึ่งของมันไป
วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ไห่เจิ้งได้รับอิสรภาพและร่วงลงจากท้องฟ้า
ยักษ์เขียวพยายามจับเขาแต่ถูกหยุดโดยนางมารผลาญสวรรค์
ไห่เจิ้งต้องการหลบหนีแต่ตอนนี้เขาอยู่ในเขตแดนภูเขาสวนแพร์ ดังนั้นเถาวัลย์จำนวนมากจึงพุ่งเข้าจับกุมเขาเอาไว้
“ปล่อยเขา!” ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่คำรามเสียงดัง
ยักษ์เขียวเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง คราวนี้มันกลายเป็นมังกรวารีสีเขียวเก้าเศียร
นี่คือท่าไม้ตายอมตะของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ มังกรวารีเก้าเศียร!
ด้วยพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ พลังอำนาจของมันจึงบรรลุถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ
มังกรวารีเก้าเศียรบินไปรอบๆ โดยไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดมัน
ภูเขาเริ่มพังทลาย เถาวัลย์และสวนแพร์เริ่มพังพินาศ
การแสดงออกของเทพธิดาหลี่ซานเปลี่ยนแปลงไป “เร็วเข้า! ข้าไม่สามารถอดทนได้นานกว่านี้!”
“ไป!” นางมารผลาญสวรรค์ส่งโซ่เพลิงออกไปรัดพันเทพธิดาหลี่ซาน ไห่ลั่วหลัน ฟางหยวน และไห่เจิ้งเอาไว้
จากนั้นนางจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวเปลี่ยนตนเองเป็นสายรุ้งพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับคนทั้งสี่และหายไปที่สุดขอบฟ้าในเสี้ยวพริบตา
ไม่กี่ลมหายใจต่อมายักษ์เขียวสามารถทำลายเขตแดนภูเขาสวนแพร์ได้ในที่สุด
ยักษ์เขียวบินขึ้นสู่อากาศและคำรามเสียงดัง
มันเป็นเรื่องยากที่กลุ่มผู้อาวุโสเผ่าไห่จะไล่ตามนางมารผลาญสวรรค์ แม้พวกเขาจะสามารถติดตาม แต่มันก็ยากที่จะตัดสินผลแพ้ชนะ
อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้อาวุโสเผ่าไห่จำเป็นต้องไล่ล่านาง หลังจากทั้งหมดไห่เจิ้งมีความสำคัญมากเกินไป เขายังรู้ความลับมากมายของเผ่าไห่ สิ่งสำคัญก็คือพวกเขาจะสูญเสียใบหน้าหากข่าวลือเผยแพร่ออกไปว่าผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าไห่ทั้งสี่ไม่สามารถปกป้องสมาชิกเผ่าจากการลักพาตัวของคนนอก
คฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬสูญหาย ไห่เจิ้งถูกลักพาตัว แน่นอนว่าชื่อเสียงของเผ่าไห่จะถูกทำลาย
แต่ในจังหวะที่ผู้อาวุโสเผ่าไห่กำลังจะออกไล่ล่า พวกเขากลับได้รับจดหมายของความช่วยเหลือจากเผ่า
“กระไรนะ!? แดนศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกหัวขโมยแทรกซึมเข้าไปและปล้นสะดมทรัพยากรงั้นหรือ?”
“คนของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“ผู้บุกรุกเป็นผู้อมตะระดับแปด พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป!”
ผู้อาวุโสเผ่าไห่ทั้งสี่ตกใจและโกรธมาก
แน่นอนว่านี่คือแผนการที่ถูกวางเอาไว้ล่วงหน้า
“ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดสามคนรวมนางมารผลาญสวรรค์”
“บัดซบ! เราต้องปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่า!”
“พวกเราติดกับนางมารผลาญสวรรค์แล้ว ไป! กลับฐานทัพของเรา!”
ยักษ์เขียวคำรามเสียงดังก่อนจะฉีกกระชากห้วงมิติและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ยักษ์เขียวไม่ได้ตามมา พวกเราปลอดภัยแล้ว” นางมารผลาญสวรรค์นำทุกคนลงสู่พื้น
โซ่เพลิงถูกนำออกไป
การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วแต่ฟางหยวนกลับยิ่งระวังตัวมากขึ้น
เขากล่าวกับเทพธิดาหลี่ซานอย่างใจเย็น “ดังนั้นทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าไม่เคยรู้เลยมาก่อน”
“เช่นเดียวกับเจ้า” เทพธิดาหลี่ซานกล่าวอย่างมีความนัย
เห็นได้ชัดว่านางรู้แล้วว่าฟางหยวนสามารถยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวและปลอมตัวเป็นซิงเซียงซื่อ
“ไว้ชีวิตข้า! ข้ายินดีติดตามเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกท่าน ข้าจะรับใช้พวกท่านด้วยความซื่อสัตย์ มันจะดีกว่าหากข้ายังมีชีวิตอยู่!” ไห่เจิ้งเร่งกล่าวด้วยความกังวล
นางมารผลาญสวรรค์ปลดโซ่เพลิงให้กับทุกคนยกเว้นไห่เจิ้ง
สถานการณ์ไม่เป็นไปตามการคาดหมายของฟางหยวนแต่ยิ่งเลวร้ายกว่าสำหรับไห่เจิ้ง
เทพธิดาหลี่ซานชี้หน้าไห่เจิ้งด้วยความโกรธ “ลูกสุนัข! น้องสาวข้ารักเจ้ามากแต่เจ้ากลับเอาชีวิตนางไป นอกจากนั้นเจ้ายังละโมภและต้องการชีวิตของลูกสาวของตนเอง!”
ไห่เจิ้งคุกเข่าลงบนพื้นและเงยหน้าร้องขอความเมตตา “ข้ายินดีเป็นสุนัขของท่าน ข้ายินดีบอกความลับของเผ่าไห่ทั้งหมดรวมถึงมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของบรรพชนผู้อมตะระดับแปดของเผ่าไห่ ไห่ฟาน ซูเซียนเอ๋อเข้าหาข้าเพราะต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามิใช่หรือ? ข้าจะบอกพวกท่านทุกอย่างและจะไม่ปิดบังสิ่งใดทั้งสิ้น!”
เทพธิดาหลี่ซานนิ่งเงียบ ดังนั้นไห่เจิ้งจึงหันหน้าไปทางนางมารผลาญสวรรค์ “ข้าไม่มีเจตนาที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับพวกท่าน ย้อนกลับไปหากข้ารู้ว่าพวกท่านอยู่เบื้องหลังซูเซียนเอ๋อ ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น ทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด มันไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของข้า!”
ไห่ฟานเป็นผู้อมตะระดับแปดของเผ่าไห่ นั่นทำให้เผ่าไห่กลายเป็นกองกำลังระดับแนวหน้าของภาคเหนือ
แต่อายุขัยของมนุษย์มีจำกัด หลังจากไห่ฟานเสียชีวิต เผ่าไห่จึงเริ่มอ่อนแอลง
ไห่เจิ้งยังร้องขอชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง
เผชิญหน้ากับนางมารผลาญสวรรค์ ไห่เจิ้งไม่สามารถทำสิ่งใด โชคดีที่เผ่าไห่มีข้อมูลเกี่ยวกับมรดกของไห่ฟาน ดังนั้นไห่เจิ้งจึงใช้สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
นางมารผลาญสวรรค์หันหน้าไปทางไห่ลั่วหลันและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ชีวิตของเจ้าไม่ใช่ของข้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเสี่ยวหลันเท่านั้น เสี่ยวหลัน เจ้าสามารถตัดสินใจได้ตามต้องการ”
“เสี่ยวหลัน…เสี่ยวหลัน…เสี่ยวหลัน…” ไห่เจิ้งคลานเข่าเข้าไปหาไห่ลั่วหลันราวกับคนบ้า
“บุตรสาวของข้า เจ้ามีสายเลือดเผ่าไห่ เจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของท่านไห่ฟาน หากแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ นางคงไม่อยากเห็นเจ้ากับข้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากแม่ของเจ้าอยู่ที่นี่ นางจะบอกให้เจ้ารับมรดกของท่านไห่ฟาน เจ้ามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง ไม่ใช่ว่าเจ้ามีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้เพราะข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเทพธิดาเจียงหยูเช่นนั้นหรือ? นี่คือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ!”
เห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกของไห่เจิ้ง ช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลันจะขมวดคิ้วลึกและแสดงความรังเกียจอย่างที่สุด
นางยกเท้าขึ้นเตะไห่เจิ้งอย่างไร้ปรานี
“ข้าจะถามเจ้าคำถามเดียว” ไห่ลั่วหลันแสดงออกอย่างเย็นชา
“โปรดถาม เจ้าสามารถถามข้าได้ทุกสิ่ง” ไห่เจิ้งรู้สึกมีความหวัง
ไห่ลั่วหลันสูดหายใจลึกก่อนจะเปิดปากกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ท่านแม่รักเจ้ามากแม้ท่านจะรู้ว่าเจ้าวางแผนทำร้ายนางมานานแล้ว ท่านเชื่อว่าเจ้าจะหยุดความคิดชั่วเพื่อความรัก แต่เจ้ากลับไร้หัวใจและจบชีวิตนาง เจ้าทำได้อย่างไร?”
ไห่เจิ้งตะลึง
ร่างของเขาแข็งค้าง ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อคิดถึงความรักในอดีต
ความเสียใจ ความเจ็บปวด ความโศกเศร้าทั้งหมดปะทุขึ้นในหัวใจของเขา
“ข้ารู้ว่าแม่ของเจ้ารักข้าและข้าก็รักแม่ของเจ้า…แต่…แต่ข้ากลัวตาย…ข้ากลัวที่จะต้องตาย…” ไห่เจิ้งร้องไห้สะอึดสะอื้นและทรุดตัวลงบนพื้นอย่างสูญสิ้นเรี่ยวแรง
ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆตกลงสู่ความเงียบงัน
การแสดงออกของไห่เจิ้งทำให้ทุกคนรู้สึกสะเทือนใจ
ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
เผชิญหน้ากับความตาย กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ยังกลายเป็นบอบบาง
ชีวิตนิรันดร์…
มันมีจริงหรือไม่?
เท่าที่ฟางหยวนรู้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดบรรลุถึงจุดนั้น
“ปล่อยเขาไป” เงาร่างโปร่งแสงของผู้อมตะหญิงลอยออกมาจากร่างของไห่ลั่วหลัน
‘ซูเซียนเอ๋อ แม่ของไห่ลั่วหลัน’ ฟางหยวนเข้าใจทันที
ก่อนที่ซูเซียนเอ๋อจะตาย นางส่งมอบองุ่นเขียวอมตะและเจตจำนงบางส่วนให้กับไห่ลั่วหลัน นี่เป็นเหตุผลที่นางสามารถใช้วิญญาณอมตะตั้งแต่ยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์
“น้องสาว!” เห็นการปรากฏตัวของคนในครอบครัว เทพธิดาหลี่ซานไม่สามารถสะกดข่มน้ำตาเอาไว้ได้
ดวงตาของนางมารผลาญสวรรค์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเสียใจและรู้สึกผิดเช่นกัน
ซูเซี่ยนเอ๋อหันหน้ากลับมาและโอบกอดไห่ลั่วหลันเอาไว้ “ปล่อยเขาไป เจ้าเห็นแล้วว่าตอนนี้เขาน่าสงสารถึงเพียงใด หลังจากข้าตาย เขาต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานและเสียใจมาตลอด เขาไม่เคยมีความสุขจริงๆ เขามีชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวและรู้สึกผิด แม้เขาจะมีชีวิตอยู่แต่เขาก็เหมือนตายไปนานแล้ว”
“การปล่อยเขาก็คือการปลดปล่อยตนเอง เสี่ยวหลัน อย่าอยู่ในโลกแห่งความเกลียดชัง อย่ายึดติดอยู่กับอดีต เชื่อแม่ การแก้แค้นไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า แต่การปล่อยวางจะทำให้ชีวิตของเจ้าดีขึ้น”
“ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านกล่าวเช่นนี้เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของข้า” ไห่ลั่วหลันกล่าวก่อนจะเดินเข้าไปหาไห่เจิ้ง
นางยกเท้าขึ้นและกระทืบ!
ตอนนี้ไห่เจิ้งเปราะบางไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา ภายใต้ฝ่าเท้าของไห่ลั่วหลัน ศีรษะของไห่เจิ้งระเบิดราวกับผลแตงโม
ไห่เจิ้ง ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ยิ่งใหญ่เสียชีวิตในลักษณะนี้
ซูเซียนเอ๋อและคนอื่นๆ กลายเป็นมึนงง
ไห่ลั่วหลันหันหน้ากลับมา “ไม่มีสิ่งใดที่สามารถขัดขวางข้า ข้ามีความคิดของตนเองและมันคือเส้นทางแห่งการทำลายล้าง ฮืม…หลังจากทั้งหมดข้าไม่ใช่คนบอบบาง!”
“เสี่ยวหลัน!” เทพธิดาหลี่ซานจับมือไห่ลั่วหลันด้วยความกังวล
“เสี่ยวหลัน…” นางมารผลาญสวรรค์พึมพำเบาๆ นางต้องการเดินเข้าไปหาไห่ลั่วหลันแต่นางไม่สามารถทำได้
‘เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว…’ ฟางหยวนเฝ้าสังเกตทุกการเคลื่อนไหวอยู่ห่างๆ
ตอนที่ 944
ความกลัวในใจ
แปลโดย iPAT
ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ
ภูเขาที่ตั้งตระหง่านถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ
ฟงจินฮวงนั่งอยู่บนก้อนไม้และมองไปที่น้ำตกด้วยน้ำตาที่ไหลนอง
คณะผู้อมตะที่เดินทางไปตรวจสอบความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงกลับมาถึงภาคกลางเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าฟงจิวเก้อไม่ได้กลับมา
ฟงจิวเก้อหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่ภาคเหนือ จากมุมมองของฟงจินฮวง มีความเป็นไปได้สูงมากที่บิดาของนางจะตายไปแล้ว
หลายวันที่ผ่านมา ฟงจินฮวงไม่สามารถกินดื่มหรือบ่มเพาะ นางร้องไห้ทุกวันจนร่างกายซูบผอม
ชีวิตและความตาย นี่เป็นเรื่องที่หนักหน่วงสำหรับนาง
ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเห็นผู้ใดตาย
แต่เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของนางเอง นางกลับไม่สามารถยอมรับ
หน้าฉาก นางยังบ่มเพาะตามปกติ แต่ในความเป็นจริงนางแทบไม่สามารถรักษาความสงบและจดจ่ออยู่กับมัน
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังฟงจินฮวงอย่างเงียบๆ
“ลูกสาว…” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ฟงจินฮวงหันหน้ากลับไปเพื่อพบกับมารดาของนาง
“ท่านแม่!” ฟงจินฮวงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป นางพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเทพธิดาไป่ชิงและร้องไห้อย่างหนัก
เทพธิดาไป่ชิงปลอบใจฟงจินฮวงอยู่เป็นเวลานานก่อนที่นางจะสงบลง
“ท่านแม่ ท่านพ่อแข็งแกร่งมาก ท่านต้องไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ฟงจินฮวงเงยหน้ามองเทพธิดาไป่ชิงด้วยความคาดหวัง
แต่เทพธิดาไป่ชิงกลับส่ายศีรษะ “กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่สามารถหลบหนีจากความตายโดยไม่ต้องกล่าวถึงพ่อของเจ้า มนุษย์ล้วนต้องตายในวันหนึ่ง ฮวงเอ๋อ แม่จะเล่านิทานให้เจ้าฟัง”
มันเป็นเรื่องของมนุษย์คนแรก
ตำนานกล่าวว่ามนุษย์คนแรกพยายามร้องขอให้มนุษย์วิหคช่วยบุตรสาวของตน
อย่างไรก็ตามมนุษย์วิหคเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักอิสระ พวกมันไม่ยินดีทำตามคำสั่งของผู้ใด
มนุษย์คนแรกวางแผนแต่ล้มเหลว มนุษย์วิหคยอมตายดีกว่าสูญเสียอิสรภาพ
มนุษย์คนแรกรู้สึกสับสนมาก
เขาไม่สามารถช่วยชีวิตลูกๆของเขาไม่ว่าจะเป็นลูกคนใดก็ตาม
ในเวลานี้ วิญญาณตัวตนจึงเปิดปากกล่าว “มนุษย์ หากเจ้าต้องการช่วยหยางเมิ้ง ข้ามีวิธี”
มนุษย์คนแรกต้องการช่วยเหลือลูกๆ อย่างน้อยก็คนใดคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงเร่งถาม “โอ้ วิธีใด?”
วิญญาณตัวตนหัวเราะ “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ล้วนต้องตายเพราะวิญญาณโชคชะตานำทางเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตาย มนุษย์ เจ้าเคยเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายแต่เจ้าไม่ได้เดินตามรอยเท้าของวิญญาณโชคชะตา เจ้าก้าวเข้าสู่เส้นทางสายใหม่และนำตนเองออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย”
“ตราบเท่าที่หยางเมิ้งเดินตามรอยเท้าของเจ้า เขาจะสามารถออกจากประตูแห่งชีวิตและความตายเช่นกัน นี่คือวิธีที่จะทำให้บุตรชายของเจ้ารอดชีวิต”
มนุษย์คนแรกลังเลแต่เขาก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปล่อยบุตรสาวคนที่สี่ให้อยู่ในเหวธรรมดาต่อไปขณะที่ทำตามคำแนะนำของวิญญาณตัวตนเพื่อช่วยบุตรชายคนแรก
มนุษย์คนแรกเริ่มออกเดินทางไปยังประตูแห่งชีวิตและความตายอีกครั้ง วันหนึ่งเขาได้พบกับมนุษย์อสูร
มนุษย์อสูรที่มีร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามและเขี้ยวที่แหลมคมตะโกน “อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา ข้ากลัวแล้ว!”
มนุษย์คนแรกถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มนุษย์อสูร เจ้ากลัวสิ่งใด?”
มนุษย์อสูรตอบ “ข้ากลัวเงาของตนเอง มันติดตามข้าไปทุกหนทุกแห่ง ข้าไม่สามารถกำจัดมันออกไป ข้าวิ่งไปเรื่อยๆและเริ่มหิวกระหาย ข้ากำลังจะตาย!”
มนุษย์คนแรกรู้สึกขบขัน “โอ้ มนุษย์อสูร เจ้ามีร่างกายใหญ่โตแข็งแรงแต่เจ้ากลับกลัวเงาที่ไม่มีอันตรายเช่นนั้นหรือ? เจ้าขี้กลัวเกินไปแล้ว”
ในจังหวะนี้วิญญาณดวงหนึ่งบินออกมาจากหัวใจของมนุษย์อสูรและหัวเราะ “มนุษย์ อย่ากล่าวเรื่องไร้สาระ เจ้าไม่รู้สึกกลัวเพราะเจ้าไม่เคยพบข้า วิญญาณความหวาดกลัว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“วิญญาณความหวาดกลัว?” มนุษย์คนแรกก้าวถอยหลัง
เมื่อวิญญาณความหวาดกลัวปรากฏตัว ความหวาดกลัวก็เริ่มแทรกตัวเข้าสู่หัวใจของมนุษย์คนแรก
เขารู้สึกกลัว
วิญญาณความหวาดกลัวหัวเราะอย่างเย่อหยิ่งและกล่าวกับมนุษย์อสูร “ข้าจะปล่อยเจ้าไปเดี๋ยวนี้ อสูรน้อย เจ้าหนูผู้น่าสงสาร”
มนุษย์อสูรที่ได้รับอิสระร้องไห้ด้วยความยินดี
วิญญาณความหวาดกลัวหันหน้ากลับมาทางมนุษย์คนแรก “มนุษย์ เจ้ากล้าดูแคลนข้า ข้าจะทำให้เจ้าทรมานด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่รู้จบสิ้น!”
หลังกล่าวจบคำ วิญญาณความหวาดกลัวพุ่งเข้าสู่หัวใจของมนุษย์คนแรกทันที
มนุษย์คนแรกหวาดกลัวมาก
วิญญาณความหวาดกลัวทำให้มนุษย์คนแรกกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวทุกครั้งที่สายลมพัดผ่าน
เขากลัวงู กลัวใบไม้ กลัวสายฝน และกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง
เดิมทีเขาต้องการไปที่ประตูแห่งชีวิตและความตายแต่ตอนนี้เขากลัวทุกสิ่งจนแทบไม่สามารถเคลื่อนที่ไปที่ใด
แน่นอนว่าวิญญาณความหวาดกลัวทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวต่อความตาย
มนุษย์คนแรกไม่กล้าเดินไปที่ประตูแห่งชีวิตและความตายอีกต่อไป
วิญญาณตัวตนถอนหายใจ “มนุษย์ ความตายไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวจริงๆก็คือความกลัวในใจของเจ้า”
“ถูกต้อง” วิญญาณความหวาดกลัวกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่ความหวาดกลัวก็คือความกลัวในใจของเจ้าเอง”
เทพธิดาไป่ชิงกล่าวเรื่องนี้ขณะที่ฟงจินฮวงนิ่งเงียบอยู่ในอ้อมกอดของนาง
เทพธิดาไป่ชิงกล่าวกับบุตรสาวด้วยความรัก “ฮวงเอ๋อ เจ้าต้องเข้มแข็งขึ้นและเผชิญหน้ากับความตาย ทุกคนล้วนต้องตายไม่เว้นแม้แต่ผู้อมตะระดับเก้า พ่อของเจ้าอาจตายหรืออาจมีชีวิตอยู่ แต่วันหนึ่งไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเจ้า พวกเราก็ต้องตาย อย่ายอมแพ้ความหวาดกลัวในหัวใจของตนเอง”
ร่างกายของฟงจินฮวงสั่นสะท้านขึ้น
นางถอนตัวออกจากอ้อมกอดของมารดา แม้นางจะยังหลั่งน้ำตาแต่นางดูเข้มแข็งมากขึ้น
นางกัดฟันกล่าว “ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะอดทน ข้าจะไม่หวาดกลัวและเผชิญหน้ากับความจริง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ข้า ฟงจินฮวง ก็จะไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่เสื่อมเสียชื่อเสียง!”
“เด็กดี” เทพธิดาไป่ชิงเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
แต่ในความเป็นจริงในใจนางกลับปั่นป่วนวุ่นวาย
การหายตัวไปของฟงจิวเก้อส่งอิทธิพลต่อนางเป็นอย่างมาก
การคงอยู่ของฟงจิวเก้อทำให้นิกายอื่นเกรงกลัวนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่เมื่อฟงจิวเก้อหายตัวไป อิทธิพลของนิกายคฤหาสน์วิญญาณจึงลดลง มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ไม่เพียงปัญหาภายนอก ยังมีความขัดแย้งภายใน
ปราศจากฟงจิวเก้อ คลื่นใต้น้ำที่เคยสงบนิ่งมาตลอดก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ความยิ่งใหญ่ของฟงจิวเก้อทำให้เทพธิดาไป่ชิงเกือบลืมไปว่ามีผู้คนมากมายในนิกายที่ต่อต้านพวกนาง
หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาพยายามสร้างปัญหาและกดดันเทพธิดาไป่ชิงอย่างหนักหน่วง
เทพธิดาไป่ชิงต้องการไปที่ภาคเหนือเพื่อช่วยเหลือสามีของตนแต่นางยังต้องควบคุมอารมณ์และอยู่ดูแลบุตรสาวให้ดีที่สุด
หากนางจากไปแล้วฟงจินฮวงจะอยู่อย่างไร?
‘นางเป็นแค่เด็ก!’ นี่คือความคิดของเทพธิดาไป่ชิง
จากมุมมองของพ่อแม่ ลูกทุกคนยังเป็นเด็กเสมอ
…..
ที่ราบภาคเหนือ
ศพที่ไร้ศีรษะของไห่เจิ้งนอนอยู่บนพื้นโคลน
ไห่ลั่วหลันสังหารไห่เจิ้ง กระทั่งดวงวิญญาณของไห่เจิ้งก็ถูกจับและทรมานโดยไห่ลั่วหลัน
นางมารผลาญสวรรค์วางฝ่ามือลงบนหน้าท้องของซากศพ เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นก่อนที่บางสิ่งจะลอยออกมา
“นี่คือมิติช่องว่างของไห่เจิ้ง เสี่ยวหลันรับมันไว้ อีกเจ็ดวันเจ็ดคืน ท่าไม้ตายอมตะของข้าจะสิ้นสุดลง มิติช่องว่างนี้จะผสานเข้ากับมิติช่องว่างของเจ้า น่าเสียดายที่วิญญาณทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว”
นางมารผลาญสวรรค์กล่าวขณะส่งมอบไข่มุกเพลิงให้กับไห่ลั่วหลัน
ไห่ลั่วหลันรับมันไว้อย่างเงียบๆ
เทพธิดาหลี่ซานกับฟางหยวนลอบตกตะลึงกับวิธีการของนางมารผลาญสวรรค์
นางมารผลาญสวรรค์หัวเราะ “อย่ามองข้าเช่นนั้น มันไม่ใช่ทักษะที่ข้าคิดค้นขึ้นด้วยตนเองแต่เป็นมรดกของผู้อมตะเฒ่ากงเจีย ข้าเรียนรู้วิธีนี้มาจากทะเลตะวันออกและผสานมันเข้ากับเส้นทางแห่งไฟของข้า”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางมารผลาญสวรรค์เป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งไฟที่หาได้ยาก
ด้วยความสำเร็จระดับนี้ มันเป็นเรื่องง่ายที่นางจะทำความเข้าใจทักษะบนเส้นทางสายอื่นด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งไฟของนางเอง
“เอาล่ะ ตอนนี้มาคุยเรื่องของเจ้า ฟางหยวน” เทพธิดาหลี่ซานหันหน้าไปทางฟางหยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา
945
ยุติสงคราม
แปลโดย iPAT
“เอาล่ะ ตอนนี้มาคุยเรื่องของเจ้า ฟางหยวน” เทพธิดาหลี่ซานหันหน้าไปทางฟางหยวนและเผยรอยยิ้มเย็นชา
หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น
แต่นางมารผลาญสวรรค์กลับขัดจังหวะ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้ากำลังรอบางคน”
“โอ้ ผู้ใด?” เทพธิดาหลี่ซานถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าเอง” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น
รูม่านตาของทุกคนหดเล็กลง พวกเขาหันหน้าไปรอบๆ เพื่อค้นหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
คนผู้นี้สามารถเข้าประชิดตัวกลุ่มของฟางหยวนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาจึงสามารถยอมรับ
“ปีศาจอมตะเซี่ยหู!” ไห่ลั่วหลันอุทานเสียงดัง
“ท่านผู้นำ…” เสียงของเทพธิดาหลี่ซานแหบแห้งด้วยความกระวนกระวาย
ปีศาจอมตะเซี่ยหูอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชราที่ดูเหมือนชาวนาที่ไร้พลังอำนาจ แต่นี่ไม่ได้ทำให้ทุกลดการระวังตัวลง ตรงข้ามพวกเขายิ่งระวังตัวมากขึ้น
เผชิญหน้ากับปีศาจอมตะระดับแปด มีเพียงนางมารผลาญสวรรค์ที่สามารถเผยรอยยิ้ม “เซี่ยหู การเก็บเกี่ยวของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูพยักหน้าเบาๆ “แม้เผ่าไห่จะอ่อนแอลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่พวกเขายังครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเขาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร ข้าได้รับประโยชน์อย่างมากในครั้งนี้”
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ออกไล่ล่าไห่เจิ้ง นี่ทำให้ฐานที่มั่นของพวกเขาไร้ผู้คุ้มกัน ดังนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงฉวยโอกาสลอบเข้าไปปล้นสะดมทรัพยากรในแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่กลับไปถึง ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็นำทรัพยากรจำนวนมากออกมาแล้ว
‘กองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบอยู่ในสงครามที่ดุเดือด แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่านางมารผลาญสวรรค์กับปีศาจอมตะเซี่ยหูร่วมมือกันเพื่อจัดการเผ่าไห่?’ ตระหนักถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะมองนางมารผลาญสวรรค์ในแง่มุมที่ต่างออกไป
นางมารผลาญสวรรค์เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งและเอาแต่ใจแต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของนางกลับเป็นสติปัญญา
หากนางไม่ขอให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูบุกปล้นสะดมทรัพยากรในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก มันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกนางจะหลบหนีจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่
อย่างไรก็ตามปีศาจอมตะเซี่ยหูที่มีพลังการต่อสู้อยู่บนจุดสูงสุดของภาคเหนือกลับยินดีรับใช้นางมารผลาญสวรรค์ นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง แต่เหตุผลก็คือปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการทรัพยากรจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงเต็มใจให้ความช่วยเหลือแม้จะรู้ว่าถูกหลอกใช้ก็ตาม
“เอาล่ะ นี่คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์และผีดิบอมตะอื่นๆ แม้ข้าจะพยายามใช้งานพวกมันแต่มันกลับไร้ประโยชน์ ตอนนี้ข้าจะคืนให้เจ้า”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูโบกมือและนำซากศพผีดิบอมตะหลายสิบร่างออกมา
ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ใช้ท่าไม้ตายบางอย่างทำให้ตนเองเข้าสู่สภาวะจำศีล หากปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการทำบางสิ่งกับเขา ร่างของเขาจะระเบิดทันที
นางมารผลาญสวรรค์เก็บซากศพผีดิบอมตะอย่างรวดเร็วก่อนกล่าว “ปีศาจอมตะเซี่ยหู เจ้ารักษาคำพูดจริงๆ เช่นนั้นกองกำลังพันธมิตรผีดิบจะหยุดสร้างปัญหาให้กับพวกเจ้า สงครามของเราจบลงแล้ว”
ดวงตาของปีศาจอมตะเซี่ยหูส่องประกายขึ้น เขากล่าว “นางมารผลาญสวรรค์ ดูเหมือนเจ้าจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากทะเลตะวันออก ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่อาการบาดเจ็บบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเจ้ายังเป็นปัญหา ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่กลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กแล้ว หากเจ้าต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ มันอาจเป็นเรื่องยาก แต่หากเจ้าต้องการ ข้าจะให้เจ้ายืมมือในอนาคต”
นางมารผลาญสวรรค์หัวเราะและปรบมือ “ดี! ข้าจะรอวันที่พวกเราได้ร่วมงานกันอีกครั้ง”
ปีศาจอมตะเซี่ยหูพยักหน้าก่อนที่ร่างของเขาจะเลือนหายไปราวกับหมอกควัน
ตั้งแต่ต้นจนจบปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่ได้ชำเลืองมองซากร่างของไห่เจิ้งแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้นางมารผลาญสวรรค์ทำสงครามกับปีศาจอมตะเซี่ยหูอย่างดุเดือดแต่ตอนนี้พวกเขากลับพูดถึงความร่วมมือในอนาคต
ความแข็งแกร่งและสติปัญญา นี่คือความสามารถพื้นฐานของผู้อมตะระดับแปด
ปีศาจอมตะเซี่ยหูถูกยกย่องว่าเป็นผู้อมตะที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือแต่เขากลับมอบเชลยศึกคืนให้กับนางมารผลาญสวรรค์อย่างง่ายดาย
เขาไม่สนใจชื่อเสียงแม้แต่น้อย
แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ
ชื่อเสียงเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สุดที่สามารถกระตุ้นความสนใจของทุกคนบนโลกใบนี้ก็คือผลประโยชน์
ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้อมตะจะทำงานร่วมกัน
สามารถบ่มเพาะมาถึงระดับนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วพวกเขาจะต่อสู้จนตัวตายไปเพื่อสิ่งใด?
หากปราศจากเหตุผลพิเศษ พวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้น
ผู้อมตะทุกคนพยายามฝึกตนและบ่มเพาะเพื่อรักษาชีวิต หากพวกเขาไม่สามารถอดทน พวกเขาจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่หรืออาจตายเพราะภัยพิบัติสวรรค์พิภพ
ยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด ภัยพิบัติก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
บุคคลเช่นปีศาจอมตะเซี่ยหูและนางมารผลาญสวรรค์เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแปด หากพวกเขาไม่ระวังตัว พวกเขาอาจตายในภัยพิบัติได้อย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวงต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู พวกเขาทุ่มเทความสามารถทั้งหมดหรือไม่?
คำตอบคือไม่!
มันเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเท่านั้น
ในที่สุดเป็นปีศาจอมตะเซี่ยหูที่แสดงทักษะที่เหนือกว่าออกมาทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับความพ่ายแพ้ มิฉะนั้นการต่อสู้อาจบานปลายและทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
สงครามระหว่างกองกำลังพันธมิตรผีดิบกับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะดูเหมือนร้อนแรงแต่ในความเป็นจริงการสูญเสียของพวกเขากลับน้อยมาก
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนางมารผลาญสวรรค์หรือปีศาจอมตะเซี่ยหู ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการ
นางมารผลาญสวรรค์สามารถช่วยเหลือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์และรักษาชื่อเสียงของกองกำลังพันธมิตรผีดิบ ขณะที่ฝ่ายหลังสามารถปล้นสะดมทรัพยากรจากเผ่าไห่ ผลประโยชน์ที่เขาได้รับกระทั่งเหนือกว่าซากศพผีดิบอมตะเหล่านั้น
สุดท้ายฝ่ายเดียวที่พบกับความสูญเสียก็คือเผ่าไห่
การสูญเสียของเผ่าไห่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผู้ใดจะสน?
โลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือผู้อมตะ สิ่งที่สำคัญที่สุดมีเพียงความแข็งแกร่งและสติปัญญา
นี่คือกฎที่โหดร้ายและงดงาม
หลังจากยืนยันว่าปีศาจอมตะเซี่ยหูจากไปแล้ว นางมารผลาญสวรรค์จึงหันหน้ากลับมาทางฟางหยวน
“ตอนนี้ถึงเวลาคุยเรื่องของเจ้าแล้ว ฟางหยวน”
นางเผยรอยยิ้มบางและเรียกชื่อฟางหยวนแทนซิงเซียงซื่อ
ฟางหยวนรู้สึกกดดันอยู่ภายใน
แต่เขายังเผยรอยยิ้มมั่นใจ “ท่านต้องการกล่าวสิ่งใดกับข้า ข้ากำลังฟังอยู่”
นางมารผลาญสวรรค์ขมวดคิ้ว
เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันวางแผนมาเป็นเวลานานเพื่อสร้างสถานการณ์ในวันนี้ พวกนางต้องการสังหารไห่เจิ้งและต่อต้านเผ่าไห่ นอกจากนั้นพวกนางยังวางแผนบีบบังคับให้ฟางหยวนยอมจำนนอีกด้วย
แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับแสดงออกอย่างไม่แยแส
นางมารผลาญสวรรค์ไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่เป็นเทพธิดาหลี่ซานที่เปิดปากกล่าวอย่างจริงจัง “ฟางหยวน ข้าชื่นชมเจ้าในฐานะคนๆหนึ่ง แต่จงดูสถานการณ์ของตนเองด้วย เราสามารถตัดสินได้ว่าวันนี้เจ้าจะอยู่หรือตาย”
“แล้วอย่างไร?” ฟางหยวนยักไหล่และมองเทพธิดาหลี่ซานด้วยสายตาเย้ยหยัน “อย่างมากก็แค่ตาย ท่านคิดว่าคนเช่นข้าจะกลัวตายเช่นนั้นหรือ?”
เงียบกริบ!
บรรยากาศกลายเป็นเย็นเยียบ
ตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่างนางมารผลาญสวรรค์กับเทพธิดาหลี่ซานและไห่ลั่วหลันถูกเปิดเผย ในใจของฟางหยวนก็เต็มไปด้วยคำถาม
พวกนางต้องการสิ่งใด?
เมื่อนางมารผลาญสวรรค์รู้ตัวตนที่แท้จริงของซิงเซียงซื่อ แล้วเหตุใดนางยังสนับสนุนการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา?
ด้วยความแข็งแกร่งระดับแปด มันไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะสังหารผีดิบอมตะระดับหก เหตุใดนางต้องสร้างสถานการณ์ในวันนี้ขึ้น?
ฟางหยวนวิเคราะห์อย่างใจเย็น ด้วยประสบการณ์มากมาย เขาสามารถมองเห็นความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างนางมารผลาญสวรรค์กับเทพธิดาหลี่ซานและไห่ลั่วหลัน
หน้าฉาก พวกนางดูเหมือนครอบครัวที่ใกล้ชิด
แต่ในความเป็นจริง?
ฮ่าฮ่าฮ่า ความสัมพันธ์ของพวกนางค่อนข้างแปลก พวกนางไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน
เมื่อฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้ คำถามอื่นจึงตามมาพร้อมกับคำตอบ
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงมีความมั่นใจในการเจรจาต่อรองกับนางมารผลาญสวรรค์
แน่นอนว่าเขาแบ่งความสนใจส่วนหนึ่งไปที่จั๊กจั่นไม้แห่งกาลเวลาตลอดเวลา
หากสถานการณ์เลวร้ายจนถึงขีดสุด เขาจะพึ่งพาไพ่ตายใบนี้
แต่ทุกครั้งที่ฟางหยวนใช้งานวิญญาณกาลเวลา เขาต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะล้มเหลว ดังนั้นหากไม่ถึงที่สุด เขาจะไม่ใช่มัน
สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เลวร้ายถึงจุดที่ต้องใช้วิญญาณกาลเวลา
นางมารผลาญสวรรค์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ทัศนคติของฟางหยวนทำให้นางไม่มีความสุข
เพราะนางตระหนักว่าฟางหยวนค้นพบแรงจูงใจที่แท้จริงของนางเรียบร้อยแล้ว
นั่นก็คือวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง!
นางมารผลาญสวรรค์เป็นคนเอาแต่ใจ ย้อนกลับไปเมื่อนางไม่สามารถยึดครองชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า นางตัดสินใจทำลายมันทิ้งทั้งหมดโดยไม่ยอมให้ผู้ใดครอบครอง
ตอนนี้นางเกรงว่าฟางหยวนจะเป็นเหมือนนางและทำลายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง
วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองถูกปรับแต่งโดยฟางหยวน เขาสามารถทำลายมันได้ด้วยหนึ่งความคิด
หลังจากทั้งหมดวิญญาณอมตะเป็นเรื่องยากที่จะฉกชิง มิฉะนั้นนางมารผลาญสวรรค์จะไม่สถานการณ์ในวันนี้ขึ้นมา
ตอนที่ 946
ความโกรธและความเกลียดชังในอดีต
แปลโดย iPAT
ในอดีต นางมารผลาญสวรรค์ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา นี่ทำให้นางต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟาน
ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนชื่อของน้องสาวคนเล็กเป็นซูเซียนเอ๋อและส่งนางเข้าไปเป็นสายลับในเผ่าไห่
ไห่เจิ้งและซูเซียนเอ๋อตกหลุมรักกันและกลายเป็นคู่รักอมตะที่มีชื่อเสียง
แต่ซูเซียนเอ๋อยังไม่ลืมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย นางพยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับมรดกของไห่ฟานแต่ไห่เจิ้งกลับพบร่องรอยบางอย่างและคิดว่านางเป็นหนึ่งในแผนการของกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ
อย่างไรก็ตามซูเซียนเอ๋อรักไห่เจิ้งด้วยหัวใจที่แท้จริง ดังนั้นนางจึงไม่ออกจากเผ่าไห่ สุดท้ายจึงถูกไห่เจิ้งฉกชิงอายุขัย
หลังจากตระหนักถึงการเสียชีวิตของน้องสาว นางมารผลาญสวรรค์และเทพธิดาหลี่ซานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
เทพธิดาหลี่ซานกล่าวโทษนางมารผลาญสวรรค์และเชื่อว่านางเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวคนเล็กเสียชีวิต
นางมารผลาญสวรรค์รู้สึกผิดและละอายใจแต่อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างสาหัส ดังนั้นนางจึงไม่สามารถแก้แค้น นอกจากนี้นางยังเป็นผู้นำกองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือ นางไม่สามารถทำทุกสิ่งตามอำเภอใจ สุดท้ายนางจึงเดินทางไปยังทะเลตะวันออก
เมื่อนางข้ามผ่านกำแพงภูมิภาค นางเกือบเสียชีวิต
ในทะเลตะวันออก นางได้รับโชคลาภหลายอย่างเช่นมรดกของผู้อมตะเฒ่ากงเจีย การค้นพบโดยบังเอิญทำให้อาการบาดเจ็บของนางทุเลาลงบางส่วน
นานแล้วที่เทพธิดาหลี่ซานไม่ได้ติดต่อนางมารผลาญสวรรค์
หลังจากดูแลไห่ลั่วหลันและสั่นสอนนางจนเติบใหญ่ ความโกรธและความเกลียดชังในอดีตของเทพธิดาหลี่ซานจึงเริ่มสงบลง
นางใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลเพื่อติดต่อนางมารผลาญสวรรค์
ด้วยเหตุนี้นางมารผลาญสวรรค์จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของซิงเซียงซื่อและเริ่มวางแผน
เนื่องจากฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา นางจึงทำข้อตกลงกับเขา
เมื่อนางกลับมายังภาคเหนือ นางต้องการแก้ไขความผิดพลาดในอดีตด้วยการสนับสนุนไห่ลั่วหลัน
แล้วสิ่งที่ไห่ลั่วหลันต้องการมากที่สุดคือสิ่งใด?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันก็คือวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง
เหตุผลประการแรก ไห่ลั่วหลันครอบครองสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเหมาะสมกับนางมากที่สุด
ประการที่สอง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเป็นมรดกที่ไห่ลั่วหลันได้รับมาจากซูเซียนเอ๋อ มันคือของที่ระลึกจากมารดาของนาง!
ดังนั้นนางมารผลาญสวรรค์จึงคิดหาวิธีนำวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองกลับมาจากฟางหยวน
แต่นางยังพบปัญหา
หลังจากเรื่องรู้เกี่ยวกับฟางหยวน นางตกใจมาก
นางเห็นภาพของตนเองซ้อนทับอยู่ในตัวของเขา
ในแง่หนึ่ง ฟางหยวนเชี่ยวชาญในการวางแผน ขณะเดียวกันเขาก็สามารถรับความเสี่ยงโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย
หากกล่าวให้ดูดีอาจใช้คำว่ากล้าหาญ แต่คำกล่าวที่ตรงไปตรงมาก็คือไร้ยางอาย หากข้าไม่ได้รับผลประโยชน์ ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์!
ทัศนคตินี้ไม่ต่างจากนางมารผลาญสวรรค์
นี่เป็นเหตุผลที่นางมารผลาญสวรรค์ให้การสนับสนุนฟางหยวนในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา
เมื่อฟางหยวนใช้ทรัพยากร เขาจะติดหนี้นาง ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนในภายหลัง หากฟางหยวนไม่สามารถใช้หนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งร้อยปี เขาต้องมอบวิญญาณอมตะดวงใดดวงหนึ่งชดเชยให้นาง
กุญแจสำคัญคือวิญญาณอมตะดวงใดดวงหนึ่ง
แน่นอนว่านางมารผลาญสวรรค์เล็งเป้าไปที่วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง
ตอนนี้เมื่อนางมารผลาญสวรรค์ตระหนักว่าฟางหยวนมองเห็นแผนการของนางแล้ว นางจึงขมวดคิ้วกล่าว “ถูกต้อง ข้าต้องการวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อส่งคืนให้กับเสี่ยวหลัน”
หากนางมีโอกาสได้รับมันโดยตรง นางก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนล่อลวงใดๆ
วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองถูกปรับแต่งโดยฟางหยวน เขาสามารถทำลายมันได้ตลอดเวลา
เว้นเพียงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่สามารถหยุดความคิดของเป้าหมายหรือทักษะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
นางมารผลาญสวรรค์ เทพธิดาหลี่ซาน และไห่ลั่วหลันไม่มีวิธีการดังกล่าว มิฉะนั้นพวกนางจะขโมยวิญญาณอมตะที่ต้องการจากมิติช่องว่างของฟางหยวนโดยตรง
สิ่งสำคัญอีกประการก็คือฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นนางมารผลาญสวรรค์จึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
นางมารผลาญสวรรค์เรียกร้องวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองแต่ฟางหยวนยังเงียบ
คำร้องของนางไม่สมเหตุสมผล
ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองมาอย่างยุติธรรมด้วยการช่วยชีวิตไห่ลั่วหลันจากอาณาจักรแห่งความฝัน
อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนเป็นผู้มีพระคุณของไห่ลั่วหลัน
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้
เรื่องที่ไร้ประโยชน์ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงโดยเฉพาะกับคนดุร้ายเอาแต่ใจเช่นนางมารผลาญสวรรค์
‘หมัดที่ใหญ่กว่าคือเหตุผลที่ดีที่สุด หากข้าแข็งแกร่งพอ ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวการขู่กรรโชก แต่น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของข้ายังต่ำเกินไป’
ฟางหยวนตระหนักถึงปัญหาของตนเอง
เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปฏิเสธนางมารผลาญสวรรค์
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ศัตรูแข็งแกร่งขณะที่เขาอ่อนแอ เขาไม่ต่างจากเนื้อที่วางอยู่บนเขียง แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีวิธีรับมือ
‘ประการแรก ข้อตกลงก่อนหน้านี้ระบุว่าพันธมิตรไม่สามารถเข่นฆ่ากันเอง แต่เทพธิดาหลี่ซานเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งข้อมูล นางสามารถละเมิดข้อตกลง เรื่องนี้ค่อนข้างไร้ประโยชน์’
‘ประการที่สอง วิญญาณอมตะเป็นเรื่องยากที่จะลักขโมย นี่เป็นสาเหตุที่นางมารผลาญสวรรค์ต้องวางแผนสร้างสถานการณ์ในวันนี้ แต่ข้ายังไม่สามารถไว้ใจ นางมารผลาญสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป หากนางตัดสินใจทำกับข้าเช่นเดียวกับผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ มันจะเลวร้ายมาก’
‘ประการที่สาม เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันไม่รู้ว่าราชันภูเขาม่วงเป็นเรื่องโกหก เดิมทีข้าใช้มันล่อลวงไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะกลายเป็นไพ่ตายของข้าในเวลานี้’
ฟางหยวนคิดไม่ผิด
นางมารผลาญสวรรค์รู้เรื่องของราชันภูเขาม่วงและให้ความสำคัญกับข้อมูลนี้เป็นอย่างมาก
นางค่อนข้างระวังราชันภูเขาม่วงที่ลึกลับ
หากราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะระดับแปดและนางจับศิษย์รักของเขา ปัญหาจะเกิดขึ้นในอนาคต นางมารผลาญสวรรค์พึ่งวางแผนสร้างปัญหาให้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู นางไม่ต้องการเห็นตนเองตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ราชันภูเขาม่วงจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดหลังจากพิจารณาความสามารถของฟางหยวน นอกจากนั้นฟางหยวนยังอ้างตนว่าเป็นเพียงศิษย์น้องเล็กเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขายังมีศิษย์พี่ที่แข็งแกร่งกว่าอีกหลายคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราชันภูเขาม่วงสามารถผลักดันให้ฟางหยวนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนิกายกระเรียนอมตะ นี่ไม่ใช่เรื่องทั่วไปที่ผู้ใดจะสามารถทำได้
แต่ราชันภูเขาม่วงมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?
เรื่องนี้เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันปราศจากเบาะแสอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นนางมารผลาญสวรรค์จึงถูกหลอกลวงด้วยสิ่งนี้เช่นเดียวกัน
ความเงียบของฟางหยวนทำให้นางมารผลาญสวรรค์หมดความอดทน “ฟางหยวน เจ้าต้องการสิ่งใด เราสามารถพูดคุย”
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ เขาวางแผนไว้แล้ว
แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามของนางมารผลาญสวรรค์ ตรงข้ามเขากลับตั้งคำถาม “ทรัพยากรที่ใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราถูกท่านปรับแต่งถูกต้องหรือไม่?”
นางมารผลาญสวรรค์ตอบ “แน่นอน”
นางยอมรับ!
และไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความละอายใจอยู่บนใบหน้า!
ฟางหยวนขมวดคิ้ว “อันที่จริงข้าเคยสงสัยเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งที่ข้าหลอมรวมวิญญาณ ข้าตรวจสอบทรัพยากรอย่างละเอียดและไม่พบข้อบกพร่องใดๆ”
นางมารผลาญสวรรค์ตอบ “นั่นเป็นเพราะรากฐานบนเส้นทางแห่งไฟของเจ้ายังอ่อนด้อยเกินไป ข้าเพิ่มร่องรอยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟเข้าไปน้อยมาก แต่มันจะส่งผลกระทบร้ายแรงและทำให้การหลอมรวมวิญญาณล้มเหลว”
แน่นอนว่านางมารผลาญสวรรค์ต้องทำสิ่งนี้
มิฉะนั้นหากฟางหยวนประสบความสำเร็จ นางจะบังคับเขาได้อย่างไร?
ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวต่อ “ข้าสามารถส่งคืนวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง แต่ข้ามีเงื่อนไข”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันจึงเริ่มมีความหวัง
นางมารผลาญสวรรค์มองฟางหยวนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะปรบมือ “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดน้องสาวของข้าจึงต้องการหยุดเจ้า? กล่าวมา เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ก่อนอื่นข้าต้องการสร้างข้อตกลงใหม่”
ข้อตกลงนี้จะเป็นการรับประกันความปลอดภัยของเขา แม้เทพธิดาหลี่ซานจะมีทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่นางยังต้องเตรียมตัวก่อนจะลงมือทำ
“นี่คือสิ่งที่ต้องทำ” นางมารผลาญสวรรค์เห็นด้วย
ฟางหยวนกล่าวต่อ “ข้อสอง หนี้ของข้าต้องถูกชำระ”
“ตราบเท่าที่เจ้าส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา” นางมารผลาญสวรรค์ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าต้องการออกจากกองกำลังพันธมิตรผีดิบและยกเลิกข้อตกลงทั้งหมด”
“ตกลง”
“สุดท้าย ข้าต้องการซากศพของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ท่านต้องสัญญาว่าจะหามันมาให้ข้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายสดใสเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
ตอนที่ 947
เพลิงนิพพาน
แปลโดย iPAT
ไห่ลั่วหลันมีนางมารผลาญสวรรค์คอยปกป้องอยู่ ฟางหยวนไม่สามารถเล็งเป้าไปที่นางได้อีก
หากเขาไม่สามารถสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอด อย่างน้อยเขาก็ต้องสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ฟางหยวนต้องพึ่งพาซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากและในภาคเหนือจะมีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเขาได้ดีไปกว่านางมารผลาญสวรรค์?
แน่นอนว่าฟางหยวนใช้ข้ออ้างที่น่าฟัง “หากข้าส่งคืนวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง ข้าจะไม่มีวิญญาณอมตะที่เหมาะสมไว้ใช้งาน ข้าต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งดวงใหม่เพื่อใช้ทดแทน เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้จำเป็นต้องใช้ซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมาก”
ข้ออ้างนี้สามารถปกปิดวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายได้อย่างสมบูรณ์ขณะที่นางมารผลาญสวรรค์ก็ไม่สามารถปฏิเสธ
นางมารผลาญสวรรค์ขมวดคิ้วลึก
หากนางตกลง นางต้องจ่ายราคามหาศาล
ก่อนหน้านี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูส่งคืนซากศพผีดิบอมตะจำนวนมาก ท่ามกลางพวกมันมีผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามหากนางมารผลาญสวรรค์มอบให้กับฟางหยวน ผลงานของนางจะลดคุณค่าลงอย่างมาก
ผีดิบอมตะให้ความสำคัญต่อซากศพของพวกเขา
นี่คือความภูมิใจสุดท้ายที่ผีดิบอมตะทิ้งไว้เบื้องหลัง
ปีศาจอมตะเซี่ยหูขโมยซากศพผีดิบอมตะเป็นเหตุให้กองกำลังพันธมิตรผีดิบต้องระดมผีดิบอมตะระดับแปดมาที่ภาคเหนือโดยไม่สนใจค่าใช้จ่าย กล่าวได้ว่าผู้ใดกล้ายุ่งกับซากศพผีดิบอมตะ พวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสม
ปีศาจอมตะเซี่ยหูเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน
หลังจากขโมยซากศพผีดิบอมตะ ปีศาจอมตะเซี่ยหูรักษาสภาพซากศพเหล่านั้นเป็นอย่างดีเพื่อทิ้งหนทางสายหนึ่งไว้รับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
นางมารผลาญสวรรค์คิด ‘ข้าสามารถมอบซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้ฟางหยวนและโยนความผิดให้ปีศาจอมตะเซี่ยหู แต่ปัญหาคือฟางหยวนต้องการใช้พวกมันในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ!’
วิญญาณอมตะเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวมและเป็นเรื่องปกติที่จะล้มเหลว
คิดได้เช่นนี้นางมารผลาญสวรรค์จึงส่ายศีรษะ “หากเจ้าล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ข้าจะต้องจัดหาซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้เจ้าอย่างไม่รู้จบสิ้น นั่นเป็นไปไม่ได้! ในฐานะผู้นำ ข้าจะขโมยสมบัติจากกองกำลังของตนได้อย่างไร? หากข้าถูกเปิดเผย ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก เจ้าต้องระบุจำนวนที่แน่นอนให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ฟางหยวนคิดและบอกจำนวนที่เขาต้องการ
นางมารผลาญสวรรค์ปฏิเสธทันที มันเป็นจำนวนที่มากเกินไป
แต่หลังจากเจรจา ทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลง ฟางหยวนจะได้รับซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนหนึ่งซึ่งเกินกว่าข้อกำหนดที่เขาจะใช้สร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง อย่างไรก็ตามภายนอกเขายังแสดงออกด้วยความไม่พอใจ “เอาล่ะ เท่านี้ก็เพียงพอให้ข้าทดลองหลอมรวมได้สามครั้ง…”
เทพธิดาหลี่ซานกล่าวเสียงเย็น “ฟางหยวน ได้คืบอย่าเอาศอก”
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ “ย้อนกลับไป เมื่อไห่ลั่วหลันติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน เหตุใดท่านไม่แสดงทัศนคติเช่นนี้?”
คำกล่าวของฟางหยวนทำให้เทพธิดาหลี่ซานรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
นางไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนนางมารผลาญสวรรค์
“ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ เราสามารถทำข้อตกลงใหม่ทันที หลังจากนั้นข้าจะส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง” ฟางหยวนกล่าว
“เดี๋ยว” นางมารผลาญสวรรค์โบกมือ “เจ้าระบุเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถึงคราวของข้าบ้าง”
ฟางหยวนรู้สึกขมขื่นอยู่ภายใน หลังจากทั้งหมดนางมารผลาญสวรรค์ไม่ใช่ตัวตนที่สามารถจัดการได้โดยง่าย
คำกล่าวนี้ทำให้เทพธิดาหลี่ซานกับไห่ลั่วหลันรู้สึกประหลาดใจ
“ข้ายินดีมอบทรัพยากรให้เจ้าและจะไม่ปรับแต่งพวกมันในครั้งนี้”
ฟางหยวนไม่รู้สึกมีความสุขที่ได้ยินเรื่องนี้และยิ่งระวังตัวมากขึ้น
เมื่อเห็นการแสดงออกของฟางหยวน นางมารผลาญสวรรค์จึงเผยรอยยิ้ม “ฟางหยวน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหาวิธีฟื้นฟูร่างกาย ดูนี่”
หลังกล่าวจบคำ เปลวเพลิงพลันลุกไหม้ขึ้นบนร่างของนาง
เปลวไฟสีทองอาบย้อมร่างกายของนางแต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือมันไม่มีความร้อน ตรงข้าม มันกลับเต็มไปด้วยพลังชีวิต
แม้มันจะดูไม่มีอันตรายแต่ฟางหยวนยังก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ร่างผีดิบของนางมารผลาญสวรรค์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
ร่างกายสูงห้าเมตรของนางหดเล็กลงจนเท่ากับความสูงของมนุษย์ทั่วไป
ต่อมาผิวที่หยาบกร้านราวกับเปลือกไม้สีดำของนางก็กลายเป็นสีขาวและอ่อนโยน
สุดท้ายร่างกายทั้งหมดของนางมารผลาญสวรรค์ก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
นางกลายเป็นหญิงสาวที่มีผิวพรรณอ่อนเยาว์และริมฝีปากสีแดงสด
หน้าอกของนางอวบอิ่ม สองขาเรียวยาวกับเส้นผมสีแดงเพลิงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
นางเปลี่ยนจากผีดิบเป็นมนุษย์มีชีวิต!
กลิ่นอายของนางทรงพลังมากขึ้นเช่นเดียวกับเปลวเพลิงที่สะบัดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
ใบหน้าของนางมารผลาญสวรรค์กลายเป็นสีกุหลายแต่เทพธิดาหลี่ซานกลับแสดงออกด้วยความกังวล “พี่ใหญ่ ระวังอาการบาดเจ็บของท่าน”
นางมารผลาญสวรรค์เข้าใจเรื่องนี้ แน่นอนว่าราคาที่นางต้องจ่ายย่อมไม่ธรรมดา แต่เมื่อได้เห็นดวงตาที่ส่องประกายของฟางหยวน นางก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว
หลังจากนั้นจากจึงกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงและเปลี่ยนร่างกลับเป็นผีดิบอมตะอีกครั้ง
‘เพลิงนิพพาน?’ ฟางหยวนคาดเดาอยู่ภายใน
ก่อนหน้านี้เขาไม่สนใจเรื่องนี้เพราะเขามีวิธีฟื้นฟูร่างกายที่ดีอยู่แล้ว
แต่เมื่อได้เห็นวิธีการของนางมารผลาญสวรรค์ ฟางหยวนยังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
‘วิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายจะทำให้ข้ากลายเป็นผู้อมตะทั่วไปที่มีอายุขัยจำกัด นอกจากนั้นข้ายังไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญาได้อีกต่อไป’
‘หากข้าสามารถเปลี่ยนสภาพร่างกายระหว่างผีดิบกับมนุษย์ได้ดั่งใจปรารถนา มันจะดีที่สุด! ข้าจะสามารถใช้วิญญาณสติปัญญาได้ตลอดไป!’
เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนสนใจวิธีของนางมารผลาญสวรรค์
ดังนั้นนางจึงนำวิญญาณระดับมนุษย์ดวงหนึ่งออกมา “หากเจ้ารับเงื่อนไขสามข้อของข้า ข้าจะมอบสิ่งนี้เป็นของขวัญแก่เจ้า”
หากมันเป็นวิญญาณทั่วไป ฟางหยวนจะไม่เสียเวลาชำเลืองมอง
แต่วิญญาณที่นางมารผลาญสวรรค์นำออกมามีค่ามากเกินไปเพราะมันก็คือวิญญาณอายุยืน!
นางมารผลาญสวรรค์กล่าวต่อ “ฟางหยวน ข้ารู้ว่าอายุขัยของเจ้าเหลืออยู่ไม่มาก หากเจ้าใช้วิญญาณดวงนี้ เมื่อเจ้าเปลี่ยนกลับเป็นมนุษย์ เจ้าจะไม่แก่ชรา”
ฟางหยวนลอบถอนหายใจกับตนเอง
นางมารผลาญสวรรค์เสนอเงื่อนไขสามข้อ
หนึ่ง นางจะช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับวัสดุในการหลอมรวม
สอง นางจะมอบวิธีฟื้นฟูร่างกายที่ดีที่สุดให้แก่ฟางหยวน
สาม ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอายุยืนหกสิบปี
ชัดเจนว่าเงื่อนไขสามข้อของนางมารผลาญสวรรค์คือเหยื่อล่อ
เผชิญหน้ากับเหยื่อล่อที่ล้ำค่า ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกตื่นเต้นและหนักใจในเวลาเดียวกัน
เขารู้ว่านางมารผลาญสวรรค์มีเหตุผลที่ทำเช่นนี้
ดังนั้นเขาจึงป้องหมัดขึ้นและกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ โปรดกล่าวต่อ”
ฟางหยวนไม่สามารถปฏิเสธเพราะเขาไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า” นางมารผลาญสวรรค์เงยศีรษะหัวเราะ ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ของตนเอง นี่ทำให้นางรู้สึกพึงพอใจ
ในที่สุดนางก็บอกเงื่อนไขที่แท้จริงหกข้อ
หนึ่ง นางต้องการให้ฟางหยวนมอบอสรพิษเพลิงทั้งหมดให้นาง
สอง นางต้องการเข้าสู่ธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยวและกลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด
สาม นางต้องการให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง
สี่ นางต้องการยืมวิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อกลับไปยังทะเลตะวันออก
ห้า นางต้องการให้ฟางหยวนอนุมานบางสิ่งให้นางทุกปี สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหรืออื่นๆ
หก หากเป็นไปได้นางต้องการพบกับอาจารย์ของฟางหยวน ราชันภูเขาม่วง
ฟางหยวนไตร่ตรองเกี่ยวกับเงื่อนไขเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน
เขาสามารถยอมรับเงื่อนไขข้อแรก
สำหรับเงื่อนไขข้อที่สอง นางมารผลาญสวรรค์ต้องการเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ในธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเหนือนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เรื่องนี้สามารถยอมรับได้เช่นกัน
เงื่อนไขข้อที่สาม หากฟางหยวนร้องขอไท่เป่ยหยุนเฉิง ชายชราย่อมไม่ปฏิเสธ แต่วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าและวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าไม่สามารถอยู่ในมือของนางมารผลาญสวรรค์
เงื่อนไขข้อที่สี่คล้ายกับข้อที่สาม ฟางหยวนไม่สามารถส่งมอบวิญญาณท่องแดนอมตะ อย่างมากเขาก็จะไปทะเลตะวันออกพร้อมกับนางมารผลาญสวรรค์
ฟางหยวนยอมรับเงื่อนไขข้อที่ห้าโดยตรง
ส่วนเงื่อนไขข้อที่หก มันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากนางมารผลาญสวรรค์ต้องการตรวจสอบเบื้องหลังของฟางหยวน แต่มันเป็นไปไม่ได้! ราชันภูเขาม่วงไม่มีอยู่จริง เขาเป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นโดยฟางหยวน!
ตอนที่ 948
วิญญาณทัศนคติ
แปลโดย iPAT
ภาคกลาง วังสวรรค์
แสงสีเงินส่องประกายจากหอคอยที่ตั้งตระหง่านขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่มีชื่อเสียงที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะกลุ่มดาว หอคอยดวงตาสวรรค์!
มีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอยู่รอบๆหอคอยหลังนี้พร้อมกับสี่ผู้อมตะระดับแปด
ผู้อมตะทั้งสี่ผ่อนลมหายใจและค่อยๆ สงบจิตใจลง
ผู้อมตะเหลียนจิ่วเฉิงไม่สามารถประคองร่างกายให้ยืนอยู่ได้และล้มลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง
คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา
ศีรษะของผู้อมตะเพ่ยกังซุ้ยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่ผู้อมตะไป่เฉินเทียนหน้าซีดเผือด
ใบหน้าของเจ้าวังกลายเป็นแก่ชรายิ่งกว่าเดิม
คนทั้งสี่ล้วนเป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่ของภาคกลางหรือกระทั่งห้าภูมิภาค
แต่ในเวลานี้พวกเขากลับอยู่ในสภาพที่น่าอนาถหลังจากทำงานหนักมาตลอดสามร้อยวันโดยไม่ได้พักผ่อน
ท้ายที่สุดแล้วการฟื้นฟูวิญญาณโชคชะตาระดับเก้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูวิญญาณโชคชะตาคือการดึงดูดเจตจำนงสวรรค์
หากเปรียบเทียบกับเจตจำนงสวรรค์ มนุษย์ก็ไม่ต่างจากมดปลวกที่ไร้นัยสำคัญ ดังนั้นผู้อมตะทั้งสี่จึงต้องอดทนต่อความยากลำบากและรักษาสติของตนให้แจ่มชัดอยู่ตลอดเวลา หลังจากหลายร้อยวัน พวกเขาจึงประสบความสำเร็จในที่สุด
“ดี! ครั้งนี้เราประสบความสำเร็ขอย่างมากในการฟื้นฟูวิญญาณโชคชะตา” เจ้าวังมองไปยังวิญญาณโชคชะตาที่ลอยอยู่ตรงกลาง
วิญญาณโชคชะตาอยู่ในรูปลักษณ์ของแมงมุมสีขาวดำ ตอนนี้บาดแผลบนร่างของมันลดลงไปถึงสามสิบส่วน
“ในที่สุดก็สำเร็จ” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ
“ตอนนี้เราสามารถใช้พลังอำนาจของมันได้ห้าสิบส่วน มันจะเริ่มส่งอิทธิพลบางอย่างทันที” เหลียนจิ่วเฉิงตื่นเต้นมาก
“ส่งอิทธิพล?” เพ่ยกังซุ้ยสงสัย
เจ้าวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อิทธิพลของวิญญาณโชคชะตาก็คือชะตากรรมของสิ่งมีชีวิต เจ้าต้องรู้ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้มีเส้นทางที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่กำเนิด พวกเขาหรือพวกมันไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวออกจากเส้นทางสายนี้ แต่หลังจากเทพปีศาจบัวแดงทำให้วิญญาณโชคชะตาได้รับบาดเจ็บสาหัส โลกใบนี้จึงเกิดความโกลาหล ตอนนี้เมื่อวิญญาณโชคชะตาฟื้นฟูขึ้น ทุกคนจะเริ่มกลับสู่เส้นทางเดิมของตนเอง!”
…..
ภาคเหนือ นางมารผลาญสวรรค์กล่าวเงื่อนไขของนาง
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ฟางหยวนตอบรับ
สำหรับเงื่อนไขข้อสุดท้าย เขาไม่ได้ปฏิเสธนางมารผลาญสวรรค์โดยตรง แต่บอกว่าจะพยายามติดต่อราชันภูเขาม่วง อย่างไรก็ตามอาจารย์ของเขาจะปรากฏตัวหรือไม่ นั่นเป็นการตัดสินใจของเขาเอง
นางมารผลาญสวรรค์เข้าใจเรื่องนี้
หลังจากทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลง บรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายลง
สัญญาพันธมิตรที่สร้างขึ้นใหม่เป็นเรื่องยากที่จะทำลาย ฟางหยวนใช้ประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อปิดช่องโหว่และเพิ่มความยากลำบากในการละเมิดข้อตกลง
ฟางหยวนคาดเดาว่าแม้เทพธิดาหลี่ซานจะเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งข้อมูล นางก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองหรือสามปีหากต้องการทำลายมัน
แต่ในความเป็นจริงความสำเร็จของเทพธิดาหลี่ซานไม่ถึงระดับปรมาจารย์เอก
หลังจากทำสัญญาใหม่ ฟางหยวนรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองคืนให้กับไห่ลั่วหลัน
แม้เขาจะสูญเสียวิญญาณอมตะแต่ฟางหยวนยังพอใจกับผลลัพธ์
แท้จริงแล้วนางมารผลาญสวรรค์ไม่ได้เอาเปรียบในการเจรจาครั้งนี้
แน่นอนว่าหากฟางหยวนปฏิเสธที่จะส่งมอบวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง นั่นจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากทั้งหมดมันถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม ฟางหยวนกระทั่งสามารถทำกำไร
นางมารผลาญสวรรค์ไม่ได้ฉกฉวยแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ภูเขาตงฮัน หรือวิญญาณท่องแดนอมตะ นางไม่ได้กล่าวถึงแม้แต่วิญญาณอมตะช่วงเวลาแห่งโชคของเทพธิดาหลี่ซานที่อยู่กับฟางหยวน
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่านางมีความจริงใจที่จะสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน
หลังจากทั้งหมดฟางหยวนได้รับการสนับสนุนจากราชันภูเขาม่วง นี่คือสิ่งที่นางมารผลาญสวรรค์คิด
ไห่ลั่วหลันสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างง่ายดายภายใต้ความช่วยเหลือจากฟางหยวน
ในที่สุดไห่ลั่วหลันก็ถอนหายใจขณะทดลองใช้วิญญาณอมตะของนาง
ภูตมนุษย์สามร่างปรากฏขึ้นทันที
แต่มันไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของชายอ้วนที่ดูหยาบกระด่างเหมือนก่อนหน้า ตรงข้ามพวกมันอยู่ในร่างหญิงงามเหมือนไห่ลั่วหลัน
เทพธิดาหลี่ซานมีความสุขมาก “ในที่สุดเจ้าก็สามารถแก้ปมในใจและค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเจ้าเอง”
ไห่ลั่วหลันพยักหน้าด้วยความยินดี
หลังจากสังหารไห่เจิ้ง นางรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมาก มันเหมือนกับนางได้รับชีวิตใหม่
ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ปรากฏขึ้นคือข้อพิสูจน์
ไห่ลั่วหลันหัวเราะและหันหน้าไปทางนางมารผลาญสวรรค์ “ท่านป้าใหญ่ ไม่ใช่ว่าท่านต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานเช่นนั้นหรือ? ข้าจะช่วยท่านเอง”
ร่างของนางมารผลาญสวรรค์สั่นสะท้านขึ้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อนางได้ยินหลานสาวเรียกว่าป้าใหญ่
นางมารผลาญสวรรค์รู้ว่าไห่ลั่วหลันเกลียดนางเพราะนางเป็นต้นเหตุที่ทำให้ซูเซียนเอ๋อต้องตาย
ไห่ลั่วหลันกล่าวต่อ “หลังจากนี้ข้าจะกลับไปยังเผ่าไห่และสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับมรดกของไห่ฟาน!”
“ไม่!” นางมารผลาญสวรรค์กับเทพธิดาหลี่ซานอุทานพร้อมกัน
คำกล่าวของไห่ลั่วหลันทำให้พวกนางตกใจมาก
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ซูเซียนเอ๋อเสียชีวิต แต่ตอนนี้ไห่ลั่วหลันกลับต้องการเดินตามรอยของมารดา แล้วป้าทั้งสองของนางจะปล่อยให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร
“อย่ากังวล ข้าวางแผนมานานแล้ว”
ไห่ลั่วหลันกล่าวอย่างใจเย็น “ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ไม่สามารถออกจากที่มั่นของพวกเขาได้โดยง่าย ไห่เจิ้งเสียชีวิต นี่จะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาลดลง กองกำลังอื่นจะร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มเผ่าไห่ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน พวกเขาไม่สามารถรักษาทรัพยากรของเผ่า นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ข้าจะกลับเข้าสู่เผ่าไห่และยึดอำนาจสูงสุด ถึงเวลาแล้วที่กองกำลังนี้จะมีผู้นำคนใหม่!”
ไห่ลั่วหลันมีความทะเยอทะยานสูงมาก กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกตกใจกับเป้าหมายของนาง
ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องแทรกซึมเข้าไปในเผ่าไห่ระหว่างช่วงเวลาโกลาหล แต่ไห่ลั่วหลันกลับต้องการยึดครองเผ่าไห่โดยตรง
“นั่นอันตรายเกินไป” เทพธิดาหลี่ซานส่ายศีรษะ
“ข้าจะไม่อนุญาต” นางมารผลาญสวรรค์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธ
ไห่ลั่วหลันมองป้าของนางและเผยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นห่วงข้า แต่ข้าเกรงว่าพวกท่านจะคิดผิด นี่คือการตัดสินใจของข้า มันไม่ใช่การขออนุญาต หากพวกท่านไม่สนใจ พวกท่านไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกับข้า แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกท่านก็ไม่สามารถห้ามข้า”
เทพธิดาหลี่ซานกับนางมารผลาญสวรรค์กลายเป็นพูดไม่ออก
ไห่ลั่วหลันรู้ว่ามันยากที่จะบรรลุเป้าหมายด้วยตัวนางเอง แต่หากนางได้รับความช่วยเหลือจากป้าทั้งสองรวมถึงฟางหยวน มีโอกาสสูงมากที่นางจะประสบความสำเร็จ
“เอาล่ะ ข้าจะมอบความมั่นใจให้กับพวกท่าน” ไห่ลั่วหลันกล่าวก่อนจะถอดหน้ากากบนใบหน้าของนางออกมา
หน้ากากในมือของนางปลดปล่อยกลิ่นอายวิญญาณอมตะออกมาทันที
“วิญญาณทัศนคติ?” เทพธิดาหลี่ซานจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ฟางหยวนมองหน้ากากอย่างจริงจัง
วิญญาณทัศนคติอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก
มันยังเป็นหนึ่งในวิญญาณที่ฟางหยวนกำลังตามหา
นั่นเป็นเพราะวิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย
ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คลุมเครืออยู่แล้ว หากเขาเพิ่มวิญญาณทัศนคติเข้าไป การปลอมตัวของเขาจะยกระดับขึ้นอีกขั้น
นางมารผลาญสวรรค์กล่าวด้วยความงุนงง “วิญญาณทัศนคติเคยอยู่ในมือของไห่ฟาน เขามอบมันให้บุตรสาว ไห่เฟิงอวี๋ แต่นางเป็นเด็กนิสัยเสียที่สวมวิญญาณทัศนคติท่องเที่ยวไปทั่ว เมื่อไปถึงทุ่งน้ำแข็ง นางตกเป็นเหยื่อของผู้อมตะลึกลับ สุดท้ายวิญญาณทัศนคติจึงสูญหายไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
ริมฝีปากของไห่ลั่วหลันม้วนตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ถูกต้อง ข้าได้รับวิญญาณทัศนคติมาจากทุ่งน้ำแข็ง”
เทพธิดาหลี่ซานเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เสี่ยวหลัน เจ้าไปทุ่งน้ำแข็งตั้งแต่เมื่อใด…หรือว่า…”
“ถูกต้อง ข้าตั้งใจไปยังทุ่งน้ำแข็งเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเพราะข้าได้รับเบาะแสเกี่ยวกับวิญญาณทัศนคติ วิธีเดียวที่ข้าจะสามารถกำหราบวิญญาณทัศนคติก็คือหยิบยืมพลังอำนาจจากภัยพิบัติของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น” ไห่ลั่วหลันอธิบาย
เทพธิดาหลี่ซานรู้สึกประหลาดใจ
นางประเมินไห่ลั่วหลันต่ำเกินไป นี่ทำให้นางเกิดความรู้สึกซับซ้อน ทั้งสุขและหดหู่
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าไห่ลั่วหลันครอบครองวิญญาณทัศนคติและนางก็ไม่เคยบอกผู้ใด กระทั่งเทพธิดาหลี่ซานก็ยังถูกขังอยู่ในที่มืด
‘เด็กคนนี้โตแล้วจริงๆ’ นางมารผลาญสวรรค์ลอบถอนหายใจ
ไห่ลั่วหลันสวมหน้ากากกลับไปอย่างเงียบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะใช้ชื่อว่าเทพธิดาจันทร์ทมิฬ!”
นางมารผลาญสวรรค์หัวเราะและปรบมือ “ยอดเยี่ยม! ด้วยวิญญาณทัศนคติ การยึดครองเผ่าไห่จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”
ฟางหยวนตกใจมาก
‘ไห่ลั่วหลันคือเทพธิดาจันทร์ทมิฬ!?’
ตอนที่ 949
ผนึกศักดิ์สิทธิ์
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนสังเกตไห่ลั่วหลันอย่างถี่ถ้วน
ท่าทางของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปมากหลังจากสวมหน้ากาก
ลักษณะของนางดูเหมือนเทพธิดาจันทร์ทมิฬที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จริงๆ
‘วิญญาณทัศนคติไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายตาแต่เป็นจิตใจของข้า ข้ายังมองเห็นไห่ลั่วหลันที่สวมหน้ากากแห่งทัศนคติ แต่จิตใจของข้ากลับบอกว่านางคืออีกคน ดูเหมือนนางจะเป็นเทพธิดาจันทร์ทมิฬจริงๆ ช่างบังเอิญนัก!’
ฟางหยวนมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์จากชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ หลังจากนั้นนางเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่ความจริงก็คือนางไม่ได้เสียชีวิต
นางเข้าร่วมกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลางและกลายเป็นผู้นำคนใหม่ ต่อมานางยังนำกองกำลังผู้อมตะจากภาคกลางบุกโจมตีภาคเหนือและทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง
แต่ไห่ลั่วหลันเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณได้อย่างไร?
ฟางหยวนนึกถึงเจตจำนงของโม่เหยาทันที
ไห่ลั่วหลันเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงและพบกับเจตจำนงของโม่เหยา ภายใต้อิทธิพลของโม่เหยา ไห่ลั่วหลันจึงเข้าร่วมกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณ
ฟางหยวนไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ มันเป็นเพียงสัญชาตญาณของเขา
อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้ด้วยการแทรกแซงของฟางหยวน สถานการณ์ทั้งหมดจึงเปลี่ยนแปลงไป
‘แม้ข้าจะอยู่ที่ภาคเหนือแต่การกระทำของข้ายังส่งผลกระทบถึงภาคกลาง ผลกระทบปีกผีเสื้อช่างรุนแรงนัก ตอนนี้ไห่ลั่วหลันไม่ได้ไปภาคกลาง แล้วผู้ใดจะเป็นผู้นำคนต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ใช่ฟงจินฮวงหรือไม่?’
ฟางหยวนรู้สึกว่าไห่ลั่วหลันไม่เกี่ยวข้องกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณอีกต่อไป ดังนั้นคนที่มีแน้วโน้มมากที่สุดที่สามารถรับตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณก็คือฟงจินฮวง
…..
“จ้าวเหลียนหยุน เจ้าจะเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไปเมื่อเจ้าได้รับมรดกนี้”
ยืนอยู่ด้านหน้าด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณคนปัจจุบัน ซูเฮา กล่าว
จ้าวเหลียนหยุนมองประตูแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าไม่สนว่าจะได้เป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณหรือไม่ ข้าเพียงต้องการช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนอย่างรวดเร็วที่สุด!”
เทพธิดาหลี่จุนอิงที่ยืนอยู่ด้านข้างซูเฮาเผยรอยยิ้ม
นางยกมือขึ้นลูบพวงแก้มของจ้าวเหลียนหยุนเบาๆและกล่าว “น้องสาวตัวน้อยที่น่ารัก นี่คือมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ตราบเท่าที่เจ้าสามารถครอบครองมัน เจ้าจะมีพลังอำนาจที่สามารถช่วยเหลือคนรักของเจ้า”
จ้าวเหลียนหยุนสงบจิตใจลง
นางเป็นปีศาจต่างโลก เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ “ข้าเป็นมนุษย์ธรรมดา หากข้าได้รับมรดกนี้ มันจะทำให้ข้ากลายเป็นผู้อมตะทันทีหรือไม่?”
“อา…” ผู้อมตะหลี่จุนอิงไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ ในความเป็นจริงนางไม่รู้ว่ามรดกของเทพปีศาจปล้นสรรค์คือสิ่งใด
นางมองซูเฮาก่อนกล่าว “แม้เจ้าจะไม่สามารถเป็นผู้อมตะทันทีโดยการรับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่เจ้าจะกลายเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญสำหรับตำแหน่งผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไป อย่าดูถูกตำแหน่งนี้ ตราบเท่าที่เจ้าประสบความสำเร็จในการรับสืบทอดมรดก เจ้าสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของนิกายเพื่อช่วยคนรักของเจ้า นิกายคฤหาสน์วิญญาณเป็นหนึ่งในสิบนิกายใหญ่ของภาคกลาง พวกเรามีพลังอำนาจเพียงพอที่จะต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูและช่วยหม่าหงหยุน”
“ข้าเข้าใจแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในประตูแสงและหายตัวไป
“ท่านคิดว่านางจะประสบความสำเร็จหรือไม่?” หลี่จุนอิงถามด้วยควากังวล
ซูเฮาตอบด้วยความมั่นใจ “เราได้ยืนยันแล้วว่าจ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก หากนางทำไม่ประสบความสำเร็จ แล้วผู้ใดจะสำเร็จ”
เขากล่าวต่อ “ข้ารู้เจ้ากังวลว่าการทดสอบจะยากลำบากทำให้จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถข้ามผ่านเพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ แต่ข้าจะบอกเจ้า หลายปีมานี้งานวิจัยของข้ายืนยันแล้วว่าคุณสมบัติเดียวที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องการคือปีศาจต่างโลก นางจะได้รับมรดกอย่างง่ายดายและไม่พบอันตรายใดๆทั้งสิ้น แต่ข้าไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดนางจึงจะสามารถเติบโตขึ้น”
หลี่จุนอิงรู้สึกผ่อนคลายคง “ข้าจะไม่แปลกใจเลยหากจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นผู้อมตะทันที หลังจากทั้งหมดมันเป็นมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์”
“ฮ่าฮ่า เปรียบเทียบกับการไต่เต้าสู่ขอบเขตอมตะของข้า มันช่างยากลำบาก ย้อนกลับไปหากข้ามีท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง ข้าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับฟงจิวเก้อ” ซูเฮากำหมัดแน่นขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความรู้สึกเกลียดชัง
ไม่มีองค์กรใดที่ปราศจากความขัดแย้งภายใน นิกายคฤหาสน์วิญญาณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หลังจากการหายตัวไปของฟงจิวเก้อ เทพธิดาไป่ชิงถูกกดดันอย่างหนักโดยซูเฮาและหลี่จุนอิง
หลี่จุนอิงปลอบใจสามีของนาง “นิกายเหนือสวรรค์ส่งข่าวการเสียชีวิตของเทพธิดาโอวเซี่ยและเทพธิดาหลิงเหม่ยขณะที่ฟงจิวเก้อหายสาบสูญ เขาอาจตายไปแล้วเช่นกัน เหตุใดต้องสนใจคนตาย?”
ซูเฮากัดฟันกล่าว “ฮืม ในอดีตแทบทุกสิ่งที่เขากล่าวจะถูกดำเนินการทันที พวกเราถูกกดขี่มานานหลายปี ข้ายังถูกส่งตัวมาทำวิจัยเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ นี่ไม่ต่างจากการปลดตำแหน่งของข้าทางอ้อม แต่มันก็ทำให้ข้าเข้าใจมรดกนี้มากที่สุดและสามารถดูแลจ้าวเหลียนหยุน”
หลี่จุนอิงพยักหน้า “ปัจจุบันฟงจินฮวงเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำนิกายอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญ หากเราสนับสนุนนาง ไม่เพียงเราจะสามารถกำหราบไป่ชิงแต่มันยังสามารถฟื้นฟูอำนาจของพวกเรา”
จ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นตัวหมากในการช่วงชิงอำนาจของซูเฮาและหลี่จุนอิง
ซูเฮากำลังจะกล่าวบางสิ่งแต่ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน เขาอุทาน “หือ…นางออกมาแล้ว รวดเร็วนัก!”
ต่อหน้าผู้อมตะทั้งสอง ร่างของจ้าวเหลียนหยุนปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ซูเฮาเร่งถาม “ด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์กำลังจะหายไป นี่หมายความว่านางประสบความสำเร็จ! ง่ายเกินไปหรือไม่?”
แม้ทั้งสองจะพอใจแต่พวกเขาก็รู้สึกอิจฉาในเวลาเดียวกัน
หลี่จุนอิงเดินเข้าไปต้อนรับจ้าวเหลียนหยุนขณะที่ฝ่ายหลังยังรู้สึกมึนงง
“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าประสบความสำเร็จหรือไม่? แล้วเจ้าได้รับสิ่งใด?” หลี่จุนอิงคว้าไหล่ของจ้าวเหลียนหยุนและเร่งถาม
จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้ว “ข้าไม่แน่ใจ เมื่อข้าเข้าไป เจตจำนงหนึ่งปรากฏขึ้นและบอกให้ข้ารับท่าไม้ตามอมตะระดับเก้า ผนึกศักดิ์สิทธิ์”
“ผนึกศักดิ์สิทธิ์!” ดวงตาของหลี่จุนอิงกับซูเฮาเบิกกว้างก่อนที่พวกเขาจะมองหน้ากัน
อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนกลับรู้สึกผิดหวัง “ข้าไม่ได้กลายเป็นผู้อมตะ แล้วข้าจะสามารถช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนได้หรือไม่?”
ซูเฮาหัวเราะ “แน่นอน! ข้าไม่เคยคิดว่ามรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะเป็นสิ่งนี้ นี่เป็นโชคลาภครั้งใหญ่อย่างแท้จริง!”
“ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกศักดิ์สิทธิ์…” หลี่จุนอิงยังอ้าปากค้างเล็กน้อย “ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์สร้างเส้นทางแห่งการโจมกรรมขึ้นมาและสามารถขโมยสมบัติจากผู้คนทั้งโลก ลือกันว่ามันเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันทั้งสองของเขา หนึ่งคือผนึกศักดิ์สิทธิ์ และอีกหนึ่งคือผนึกภูตผี”
ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนเบิกกว้าง “ผนึกศักดิ์สิทธิ์! ผนึกภูตผี!”
หลี่จุนอินพยักหน้า “ถูกต้อง ผนึกศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้ใช้งานอยู่ในสภาพที่ไร้ความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร? วิธีนี้จะช่วยป้องกันการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งปัญญาเท่านั้นที่สามารถต่อต้านสิ่งนี้”
ซูเฮากล่าวต่อ “เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์คือการหลบหนีจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพ!”
หลี่จุนอิงแสดงออกอย่างมีความสุขแต่จ้าวเหลียนหยุนยังรู้สึกงุนงง
ซูเฮาหัวเราะ จ้าวเหลียนหยุนเป็นเพียงมนุษย์ไม่ใช่ผู้อมตะ ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจควาสำคัญของเรื่องนี้
เขาอธิบายต่อย่างอดทน “ท่าไม้ตายอมตะผนึกศักดิ์สิทธิ์จะอำพรางเจ้าจากเจตจำนงสวรรค์ เมื่อเจตจำนงสวรรค์ไม่พบการคงอยู่ของเจ้า สวรรค์จะไม่ส่งภัยพิบัติสวรรค์พิภพลงมา เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เจ้าจะไม่พบภัยพิบัติใดๆ หลังจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์คิดค้นท่าไม้ตายนี้ เขาไม่เคยพบภัยบัติอีกเลย”
“แต่สิ่งนี้มีข้อเสียเช่นกัน ภัยพิบัติสวรรค์พิภพเป็นวิธีเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสำหรับผู้อมตะ เมื่อเจ้าไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ความสำเร็จของเจ้าก็จะถูกจำกัด เว้นเพียงเจ้าจะมีวิธีอื่นเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของเจ้า ประวัติศาสตร์กล่าวว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีวิธีขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อื่น”
จ้าวเหลียนหยุนถาม “ผนึกศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมาก แล้วผนึกภูตผีเป็นอย่างไร?”
ซูเฮาไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ขณะที่หลี่จุนอิงส่ายศีรษะ
“ผนึกศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จักแต่ผนึกภูตผียังเป็นสิ่งลึกลับ ผู้คนคาดเดากันไปต่างๆนานา แต่ทั้งหมดไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่เคยมีคำตอบใดที่ได้รับการยอมรับ” ซูเฮาตอบ
หลี่จุนอิงกล่าวเบาๆ “แต่เมื่อท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีชื่อเสียงพอๆกัน พวกมันก็ควรมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ในระดับเดียวกัน”
จ้าวเหลียนหยุนกล่าว “นอกจากด่านรับสืบทอดที่ข้าเข้าไป ยังมีด่านรับสืบทอดอื่นของเทพปีศาจปล้นสวรรค์อยู่ที่หุบเขาเหล่าโป มรดกนั้นเกี่ยวกับผนึกภูตผี”
“กระไรนะ!? ด่านรับสืบทอดมรดกที่สอง!?”
“และมันถูกซ่อนไว้ในหุบเขาเหล่าโป!?”
ซูเฮากับหลี่จุนอิงทั้งดีใจและประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ตอนที่ 950
ค่าชดเชย
แปลโดย iPAT
ข้อมูลที่ได้รับจากจ้าวเหลียนหยุนสำคัญมาก
ซูเฮากับเทพธิดาหลี่จุนอิงนึกถึงฟงจิวเก้อทันที หากรวมข้อมูลที่ได้รับรายงานกับเรื่องนี้ ทั้งสองแทบจะมั่นใจว่าฟงจิวเก้อติดอยู่ในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
“ศัตรูต้องใช้ด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์กักขังฟงจิวเก้อเอาไว้” ซูเฮาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ดังนั้นเขาจึงสามารถอนุมานเกี่ยวกับเรื่องนี้
“แล้วเราควรทำอย่างไร?” คำกล่าวของหลี่จุนอิงทำให้พวกเขาจมลงสู่ความเงียบ
จ้าวเหลียนหยุนมองไปรอบๆโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด
เหตุผลที่นางกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะนางต้องการกลับไปยังภาคเหนือเพื่อช่วยหม่าหงหยุนโดยยืมมือนิกายคฤหาสน์วิญญาณ
แต่นางไม่รู้ความขัดแย้งภายในนิกาย
ซูเฮากับหลี่จุนอิงมองหน้ากันและโต้ตอบผ่านทางสายตา
ด้วยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ทั้งสองสามารถตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาตัดสินใจไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ชั่วคราวเพราะต้องการให้ฟงจิวเก้อตาย
หากทั้งสองเปิดเผยข้อมูลนี้กับส่วนรวม นิกายจะส่งคนไปช่วยเหลือฟงจิวเก้อ
หลังจากลากเวลามาถึงสามวัน คนทั้งสองจึงต้องเปิดปากกล่าวเรื่องนี้ในที่สุด
ดังคาด ตัวตนระดับสูงของนิกายคฤหาสน์วิญญาณต่างตื่นตระหนก พวกเขาเร่งจัดคณะช่วยเหลือฟงจิวเก้อ สำหรับจ้าวเหลียนหยุน ในฐานะปีศาจต่างโลก นางกลายเป็นบุคคลสำคัญในภารกิจนี้และต้องเดินทางไปยังภาคเหนือพร้อมกัน
หลายวันต่อมา
กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือ เมืองคลื่นทมิฬ
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้น ทั้งเมืองเกิดการสั่นสะเทือน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ศัตรูโจมตีงั้นหรือ?”
ผู้คนกรีดร้องด้วยความตกใจ
เมืองคลื่นทมิฬเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น ตอนนี้ควันสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจากเมืองชั้นในสุด
“แค็ก แค็ก” ฟางหยวนเดินออกมาจากห้องลับและไอไม่หยุด
เขาล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราอีกครั้ง
ตั้งแต่สร้างข้อตกลงใหม่ ฟางหยวนไม่ได้กลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาแต่มาที่เมืองคลื่นทมิฬเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะ
เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและไม่สามารถสร้างค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่มีประสิทธิภาพ
นางมารผลาญสวรรค์มอบทุนให้เขาตามข้อตกลง ครั้งนี้ทรัพยากรทั้งหมดไม่ถูกปรับแต่ง นั่นทำให้การหลอมรวมวิญญาณอมตะของฟางหยวนราบรื่นมากขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังล้มเหลวอีกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเกิดการระเบิดครั้งใหญ่กระทั่งทำให้ทั้งเมืองเกิดการสั่นสะเทือน
“ในสองสามขั้นตอนสุดท้าย การหลอมรวมพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม หากต้องการประสบความสำเร็จ ข้าต้องพึ่งพาโชคเท่านั้น” ฟางหยวนถอนหายใจ
สิ่งมีชีวิตไม่สามารถควบคุมพลังงานแห่งเต๋าได้โดยตรง พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์พวกมันผ่านวิญญาณเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในการหลอมรวมวิญญาณ ผู้อมตะจึงไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของพลังงานแห่งเต๋า
“แม้นางมารผลาญสวรรค์จะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับวัสดุในการหลอมรวม แต่ข้าก็ยังล้มเหลวและต้องจ่ายค่าชดเชยให้นาง การหลอมรวมวิญญาณอมตะมีโอกาสประสบความสำเร็จต่ำเกินไป บางทีข้าอาจต้องขอความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาอาจมีวิธีหรือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่มีประสิทธิภาพและสามารถเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ”
ในประวัติศาสตร์ บรรพชนผมยาวได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอันดับหนึ่งตลอดกาล จำนวนวิญญาณอมตะที่เขาสามารถหลอมรวมเป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
แม้บรรพชนผมยาวจะตายไปแล้วแต่จิตวิญญาณแผ่นดินหยางหยายังอยู่
ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแม้จะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลก็ตาม
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าทดลองหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก่อน” เทพธิดาหลี่ซานเดินเข้ามาให้คำแนะนำ
เทพธิดาหลี่ซานไม่สามารถกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ตั้งแต่สังหารไห่เจิ้ง นางก็อยู่ในเมืองคลื่นทมิฬตลอดเวลา
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับนางมารผลาญสวรรค์ถูกเปิดเผย
นางมารผลาญสวรรค์ประสบความสำเร็จในการโจมตีกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ ทั้งหมดเป็นเพราะการทรยศของเทพธิดาหลี่ซาน
เทพธิดาหลี่ซานเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล แม้นางจะทำสัญญาพันธมิตรกับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะ แต่นางก็สามารถละเมิดข้อตกลงเหล่านั้นขณะที่นางจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
แล้วปีศาจอมตะเซี่ยหูจะเก็บคนทรยศไว้เพื่อสิ่งใด?
หลังจากได้พบกับนางมารผลาญสวรรค์ ปีศาจอมตะเซี่ยหูประกาศขับไล่เทพธิดาหลี่ซานออกจากกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะอย่างเป็นทางการและยังกล่าวว่านางเป็นศัตรูของพวกเขาอีกด้วย
เทพธิดาหลี่ซานต่อต้านกองกำลังปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคเหนือแต่นางกลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกองกำลังพันธมิตรผีดิบ
ฟางหยวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำกล่าวของเทพธิดาหลี่ซาน “โปรดอธิบาย”
เทพธิดาหลี่ซานถอนหายใจ “สถานการณ์ทางการเงินของพี่สาวข้ากำลังมีปัญหา การหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราของเจ้าอาจต้องเลื่อนออกไป”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” ฟางหยวนไม่เข้าใจ พวกเขาพึ่งสร้างข้อตกลงแต่นางมารผลาญสวรรค์กลับต้องการยกเลิกสัญญาภายในเวลาสั้นๆ?
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตามเมื่อเทพธิดาหลี่ซานอธิบายเหตุผล ฟางหยวนจึงสามารถทำความเข้าใจ
เหตุผลก็คือความร่วมมือระหว่างนางมารผลาญสวรรค์กับปีศาจอมตะเซี่ยหูทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคเหนือ
เดิมทีกองกำลังฝ่ายธรรมะกำลังเฝ้ามองความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเพราะต้องการเห็นความพังพินาศของทั้งสองฝ่าย
แต่เหตุการณ์กลับพลิกผัน
หลังจากความขัดแย้งสิ้นสุดลง กองกำลังพันธมิตรผีดิบสาขาหลักได้มอบภารกิจพิเศษให้กับพวกเขา
สมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือทั้งหมดต้องร่วมมือกันสร้างค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่
ค่ายกลวิญญาณนี้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสุสานผีดิบอมตะ
นี่เป็นวิธีป้องกันการขโมยซากศพผีดิบอมตะ หากไม่สามารถปกป้อง มันจะส่งซากศพผีดิบอมตะออกจากภาคเหนือทันที
“ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรผีดิบกำลังระดมทุนครั้งใหญ่! ไม่เพียงภาคเหนือ แต่อีกสี่ภูมิภาคก็กำลังสร้างค่ายกลวิญญาณนี้เช่นกัน เพียงที่นี่ที่เดียวก็ต้องใช้วิญญาณอมตะถึงสิบสามดวงเสริมด้วยวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับไม่ถ้วน”
“วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากสาขาหลัก แต่เรายังต้องหลอมรวมวิญญาณอมตะจำนวนหนึ่ง ทรัพยากรของเมืองคลื่นทมิฬมีไม่เพียงพอ ดังนั้นผีดิบอมตะทั้งหมดจึงต้องนำทรัพยากรของตนออกมา” เทพธิดาหลี่ซานอธิบาย
แน่นอนว่าผีดิบอมตะเหล่านั้นจะได้รับค่าชดเชยที่เหมาะสม
กองกำลังพันธมิตรผีดิบสาขาหลักจะมอบแต้มผลงานจำนวนมหาศาลให้กับพวกเขา
กล่าวได้ว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบพันปีของกองกำลังพันธมิตรผีดิบ
แต้มผลงานทำให้ผีดิบอมตะมีความกระตือรือร้นที่จะหลอมรวมวิญญาณ ตราบเท่าที่พวกเขามีส่วนร่วม ไม่ว่าผลลัพธ์จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว พวกเขาก็จะได้รับแต้มผลงานจำนวนมาก
นอกจากนี้เมื่อค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้น พวกเขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับผีดิบอมตะที่เดินทางมาจากสาขาหลัก พวกเขายังไม่ได้กลับทะเลตะวันออกแต่อยู่ที่นี่เพื่อให้ความช่วยเหลือกองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือ
ด้วยเหตุนี้นางมารผลาญสวรรค์จึงไม่สามารถมอบทรัพยากรให้กับฟางหยวนอีกต่อไป
แผนการของฟางหยวนถูกขัดจังหวะ เขาไม่แม้แต่จะสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม
เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบอีกแล้ว
ในเมืองคลื่นทมิฬ ฟางหยวนและเทพธิดาหลี่ซานต่างเป็นคนนอก แต่เทพธิดาหลี่ซานยังได้รับการยอมรับมากกว่าฟางหยวน
ฟางหยวนขมวดคิ้วคิด ‘ในชีวิตก่อนหน้าของข้า กองกำลังพันธมิตรผีดิบทำสิ่งนี้เช่นกันและดูเหมือนพวกเขาจะประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะปีศาจอมตะเซี่ยหูขโมยซากศพผีดิบอมตะ ดูเหมือนประวัติศาสตร์ไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย ในชีวิตนี้กองกำลังพันธมิตรผีดิบยังมีเหตุให้ต้องสร้างค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง’
ฟางหยวนไม่สามารถหยุดเรื่องนี้
กองกำลังพันธมิตรผีดิบเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีนางมารผลาญสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ นางมารผลาญสวรรค์คงสังหารฟางหยวนไปนานแล้ว
แต่ไม่ว่านางมารผลาญสวรรค์จะแข็งแกร่งเพียงใด ฟางหยวนก็ไม่ยินดีทิ้งผลประโยชน์ที่เขาสมควรได้รับ
“การกระทำของนางขัดต่อข้อตกลงของเราหรือไม่?” ฟางหยวนถามเทพธิดาหลี่ซาน
เทพธิดาหลี่ซานเผยรอยยิ้มขมขื่น
นี่คือการละเมิดข้อตกลงอย่างชัดเจน
ตามข้อตกลง นางมารผลาญสวรรค์ต้องส่งมอบทรัพยากรให้กับฟางหยวน
เว้นเพียงฟางหยวนจะยอมรับค่าชดเชยอื่นจากนางมารผลาญสวรรค์ มิฉะนั้นนางมารผลาญสวรรค์จะได้รับผลกระทบร้ายแรงจากฟันเฟืองของข้อตกลง
นางมารผลาญสวรรค์รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
หากนางล่วงรู้อนาคต นางจะไม่สร้างข้อตกลงนี้กับฟางหยวน
แผนการของกองกำลังพันธมิตรผีดิบทำให้นางมารผลาญสวรรค์โกรธมาก แต่นางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากต้องชดเชยให้กับฟางหยวนด้วยวิธีอื่น
ตอนที่ 951
อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุค
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
ค่าชดเชยของนางมารผลาญสวรรค์น่าพอใจมาก
ประการแรก ทรัพยากรทั้งหมดที่นางมารผลาญสวรรค์เคยมอบให้ฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องจ่ายคืน
ประการที่สอง นางให้ฟางหยวนยืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟจำนวนสามดวงและวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย
วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟทั้งสามรวมกับวิญญาณระดับมนุษย์อื่นๆสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน!
กล่าวถึงเรื่องนี้ นางมารผลาญสวรรค์ค่อนข้างโชคร้าย นางให้ทุนจำนวนมหาศาลกับฟางหยวนแต่กลับไม่ได้สิ่งใดตอบแทน
นอกจากนั้นด้วยสัญญาพันธมิตร นางยังต้องสอนท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานให้กับฟางหยวน
อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายนี้จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจากร่างกายของผู้อมตะ
นางมารผลาญสวรรค์ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้อย่างชาญฉลาดด้วยช่องโหว่เล็กๆของข้อตกลง
นางต้องการควบคุมฟางหยวนด้วยสิ่งนี้!
เนื่องจากฟางหยวนไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟ หากเขาต้องการใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ที่มีชีวิต เขาต้องขอความช่วยเหลือจากนางมารผลาญสวรรค์
แต่แผนการของฟางหยวนคือแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพานด้วยการเปลี่ยนวิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของมันและจะดีที่สุดหากเป็นวิญญาณอมตะที่เขาครอบครองอยู่
การแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อมตะทั่วไป กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็ยังต้องพบกับความยากลำบาก แต่ฟางหยวนมั่นใจมาก เหตุผลก็คือวิญญาณสติปัญญาที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
พลังอำนาจของวิญญาณระดับเก้าอัศจรรย์เกินกว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำ
นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับฟางหยวน
แม้เขาจะมีวิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย แต่วิธีนี้จะทำให้เขาเปลี่ยนเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอย่างถาวร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณสติปัญญาได้อีก
หากฟางหยวนสามารถแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพาน เขาจะสามารถเปลี่ยนร่างได้ตามใจปรารถนาและจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้ตลอดไป
“ตอนนี้นางมารผลาญสวรรค์ต้องใช้ทรัพยากรของตนเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะและทำภารกิจของกองกำลังพันธมิตรผีดิบให้สำเร็จ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางจะไม่ให้ข้ายืมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟทั้งสามแม้ข้าจะร้องขอก็ตาม ด้วยวิญญาณอมตะทั้งสามดวง มันช่วยในการอนุมานของข้าได้เป็นอย่างมาก”
ฟางหยวนพอใจมากกับเรื่องนี้
แผนการของกองกำลังพันธมิตรผีดิบทำให้เขาได้รับผลประโยชน์โดยไม่คาดคิด
วันต่อมาฟางหยวนอาบแสงแห่งปัญญาเพื่อหาวิธีแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน
ในความเป็นจริงเขามีซากศพผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากและสามารถสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตาย
แต่หลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน เขาไม่ต้องการใช้วิธีฟื้นฟูมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายอีกต่อไป
ขณะที่ฟางหยวนกำลังแก้ไขท่าไม้ตายดังกล่าว จ้าวเหลียนหยุนกำลังมุ่งหน้าสู่หุบเขาเหล่าโป
นางเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยฟงจิวเก้อ
มีสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณเพียงผู้เดียวที่มาพร้อมกับนาง
เขาก็คือองค์ชายฟงเซี่ยน!
การบ่มเพาะระดับแปดอนุญาตให้เขาเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง
ฉากหน้า เขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือและเป็นผู้อาวุโสนอกของเผ่ากง เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจินและอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาตลอดหลายปี
แต่ในความเป็นจริงเขาคือสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลาง เขามาที่ภาคเหนือในฐานะสายลับ ภารกิจหลักของเขาคือวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง
โดยปกติองค์ชายฟงเซี่ยนจะไม่เคลื่อนไหวอย่างง่ายดาย หากร่องรอยบางอย่างถูกค้นพบ ความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเขาจะกลายเป็นสูญเปล่า
แต่ตอนนี้เพื่อฟงจิวเก้อที่เป็นใบหน้าของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายจึงต้องเสี่ยงส่งองค์ชายฟงเซี่ยนออกมา
หลังจากทั้งหมดฟงจิวเก้อเป็นตัวตนที่สำคัญเกินไป หากเขาก้าวเข้าสู่ระดับแปด สถานการณ์ของภาคกลางหรือทั่งโลกจะเปลี่ยนแปลงไป
องค์ชายฟงเซี่ยนและจ้าวเหลียนหยุนเดินเข้าไปในหุบเขาเหล่าโป
“ผู้อาวุโส ข้าอยากรู้ว่าหากข้าสามารถช่วยเหลือท่านฟงจิวเก้อ ข้าจะได้รับตำแหน่งผู้นำนิกายคนต่อไปหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนถาม
องค์ชายฟงเซี่ยนสวมหน้ากาก ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอกทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่หากเจ้าสามารถช่วยเหลือฟงจิวเก้อ มันแทบสามารถรับประกันความสำเร็จของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวของเขาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้า หากเจ้าช่วยชีวิตบิดาของนาง นางอาจถอนตัวออกจากการแข่งขัน”
“เป็นเช่นนั้น” ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้นด้วยความคาดหวัง
นางให้ความร่วมมือกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณเป็นอย่างดี กล่าวได้ว่านางเข้าใจวิธีอยู่บนโลกใบนี้
หากปราศจากความแข็งแกร่ง แม้จะฉลาดเพียงใด มันก็ไม่ต่างจากใบไม้ที่สามารถปลิวไปยังสถานที่อันตราย
นางเข้าใจว่าตนเองต้องพึ่งพานิกายคฤหาสน์วิญญาณเพื่อช่วยเหลือหม่าหงหยุน
แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่นิกายคฤหาสน์วิญญาณจะบุกโจมตีกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะโดยตรง
แต่ตราบเท่าที่นางได้รับตำแหน่งสำคัญ นางจะได้รับการดูแลอย่างดีและกลายเป็นผู้อมตะอย่างรวดเร็ว
‘เพื่อช่วยท่านพี่หม่าหงหยุน ข้าต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ท่านพี่หม่าหงหยุน รอข้าด้วย!’ จ้าวเหลียนหยุนคิด
องค์ชายฟงเซี่ยนหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน “พบแล้ว มันคือที่นี่”
ด้วยวิญญาณอมตะจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ องค์ชายฟงเซี่ยนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลังในการค้นหาด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์
องค์ชายฟงเซี่ยนกับจ้าวเหลียนหยุนเดินเท้าเข้าไปเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนจะพบเป้าหมาย
องค์ชายฟงเซี่ยนกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงทำให้ประตูแสงเปิดออก
“หวืด…”
ลมแรงพัดออกมา
องค์ชายฟงเซี่ยนตกใจ “ลมมรณะ! มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบางอย่าง
ลมมรณะพุ่งเข้ารวมตัวกันเป็นก้อนอยู่บนฝ่ามือของเขา
อย่างไรก็ตามมือขององค์ชายฟงเซี่ยนยังสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด “เร็วเข้า ข้าควบคุมมันได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น!”
จ้าวเหลียนหยุนก้าวเข้าไปในทันที
นางเห็นภาพที่คุ้นเคยเช่นเดียวกับด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จากก่อนหน้า
มันมีเพียงความว่างเปล่าและลมมรณะ
แม้นางจะไม่รู้ว่าลมมรณะคือสิ่งใด แต่ฟังจากน้ำเสียงขององค์ชายฟงเซี่ยน นางยังตระหนักว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย
“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ เร็วเข้ามาหาข้า!” เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในหูของนาง
จ้าวเหลียนหยุนตกใจและถอยหลังกลับ “ผู้ใด?”
“ข้าคือฟงจิวเก้อ มาหาข้า” เสียงที่อ่อนแรงดังขึ้นอีกครั้ง
จ้าวเหลียนหยุนลังเล
นางได้ยินเสียงดังมาจากลมมรณะที่หมุนวนอยู่ด้านหน้า
จ้าวเหลียนหยุนตระหนักว่ามันเป็นศูนย์กลางของลมมรณะและกำลังดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปอย่างช้าๆ
“อย่ากังวล เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่ได้รับการยอมรับจากเจตจำนงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ลมมรณะไม่สามารถทำสิ่งใดต่อเจ้า”
ฟงจิวเก้อหยุดก่อนกล่าวต่อ “เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยข้างั้นหรือ? หากข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่สามารถรับสืบทอดมรดก”
ริมฝีปากของจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นแห้งผาก
เวลาไม่รอคอยผู้ใด นางต้องตัดสินใจทันที
จ้าวเหลียนหยุนค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสลมมรณะ
หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาจะกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ แต่ความไม่รู้ของจ้าวเหลียนหยุนทำให้ความกลัวของนางน้อยกว่าคนทั่วไปและเลือกที่จะเชื่อคำกล่าวของฟงจิวเก้อ
ดังคำกล่าวของฟงจิวเก้อ ลมมรณะที่กระทั่งองค์ชายฟงเซี่ยนยังไม่สามารถรับมือกลับไม่เป็นอันตรายต่อจ้าวเหลียนหยุน เมื่อจ้าวเหลียนหยุนสัมผัสมัน ลมมรณะพลันสูญสลายหายไปในพริบตา
เสียงของฟงจิวเก้อดังขึ้นอีกครั้ง “เชื่อข้าหรือยัง? มิติแห่งนี้มีพลังอำนาจเหนือกว่าลมมรณะ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำลายมิติแห่งนี้ได้โดยง่าย เจ้าเป็นปีศาจต่างโลก ดังนั้นเจตจำนงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จึงปกป้องเจ้า เจ้าจะไม่ได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น”
จ้าวเหลียนหยุนดีใจมาก “ท่านฟงจิวเก้อ ข้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้!”
นางทะยานร่างเข้าสู่ลมมรณะ ทุกที่ที่นางเคลื่อนผ่าน ลมมรณะจะสลายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้นนางจึงเห็นร่างของฟงจิวเก้อที่กำลังนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่กลางอากาศสูงจากพื้นสามเมตร
“ท่านฟงจิวเก้อ…” จ้าวเหลียนหยุนเรียกเบาๆ
ฟงจิวเก้อค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่เปิดฝ่ามือข้างขวาออก
มีสองคำเขียนอยู่บนฝ่ามือของเขา
จ้าวเหลียนหยุนมองมันด้วยความสับสน
ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มบางก่อนที่ร่างของเขาจะสลายหายไปราวกับหมอกควัน
จ้าวเหลียนหยุนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุคฟงจิวเก้อล่วงลับแล้ว!
ตอนที่ 952
ฟางหยวนเข้าสู่หุบเขาเหล่าโป
แปลโดย iPAT
แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
เวลาของที่นี่ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
ฟางหยวนอาบแสงแห่งปัญญาอยู่ในถ้ำใต้พิภพอย่างเงียบๆ
เขานั่งนิ่งเหมือนก้อนหินแต่ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนกลับพุ่งชนกันอยู่ในใจของเขาอย่างไม่รู้สิ้นสุด
“ฟู่…” เขาพ่นลมหายใจออกมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความอ่อนล้า
เขาลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากและรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างหนัก
แม้เขาจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขายังสามารถอนุมานต่อเนื่องได้เพียงเจ็ดวันเจ็ดคืนเท่านั้น
จิตใจของเขาเหมือนหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่านและต้องใช้เวลาในการทำให้มันเย็นลงมิฉะนั้นเขาอาจได้รับบาดเจ็บ
“หลังจากหลายวัน ข้าแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพานได้เพียงยี่สิบส่วนและนี่เป็นเพราะวิญญาณสติปัญญา หากปราศจากมัน ข้าต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะบรรลุถึงจุดนี้”
ท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องยากที่จะคิดค้น
ท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานเป็นท่าไม้ตายชั้นยอดที่สามารถเปลี่ยนสภาพของสิ่งมีชีวิตระหว่างชีวิตและความตาย หากไม่ใช่เพราะนางมารผลาญสวรรค์เป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งไฟ นางอาจไม่สามารถคิดค้นท่าไม้ตายนี้
ฟางหยวนออกจากถ้ำใต้พิภพและกลับไปยังวังตงฮันเพื่อพักผ่อน
หลังจากนอนหลับเป็นเวลาครึ่งวัน เขารู้สึกสดชื่นขึ้น แต่จากประสบการณ์ ฟางหยวนรู้ว่าเขายังต้องพักผ่อนอีกหนึ่งคืนก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์
แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไม่มีเวลากลางวันหรือกลางคืน ท้องฟ้าของที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถนับเวลาได้ว่าอีกหกชั่วโมงจะถึงเวลากลางคืน
ฟางหยวนไม่ต้องการทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลืองเพื่อขายทรัพยากรอมตะระดับแปดและแลกเปลี่ยนกับอาหารของวิญญาณอมตะ
แน่นอนว่าทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้าถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติของเขา
กล่าวได้ว่าทรัพยากรอมตะระดับแปดคือสมบัติที่มีค่าต่ำที่สุดที่เขามีอยู่
เรื่องนี้สร้างความโกลากลขึ้นในสวรรค์สีเหลืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ทรัพยากรอมตะระดับแปดดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจำนวนมาก มันทำให้การแลกเปลี่ยนของฟางหยวนเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว
“หากไม่ใช่เพราะทรัพยากรอมตะเหล่านี้ ข้าคงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดอีกครั้ง” ฟางหยวนรู้สึกถึงภาระในการเลี้ยงดูวิญญาณอมตะจำนวนมากของเขา
หลังจากทั้งหมดเขามีวิญญาณอมตะในการครอบครองมากเกินไป
“วิธีที่ดีที่สุดและพบบ่อยที่สุดก็คือเลี้ยงวิญญาณอมตะไว้เพียงไม่กี่ดวงและใช้พวกมันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะในหลากหลายรูปแบบเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ”
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้แต่เขาไม่มีทางเลือก
เขาไม่สามารถขายวิญญาณอมตะเหล่านี้ออกไปได้โดยง่าย
ธุรกรรมวิญญาณอมตะหาได้ยาก แม้จะเกิดขึ้น มันก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะเท่านั้น
หลังจากทำธุรกรรมในสวรรค์สีเหลือง ฟางหยวนก็สามารถปลดภาระเกี่ยวกับการให้อาหารวิญญาณอมตะได้ในที่สุด
สำหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา ฟางหยวนต้องพักมันไว้ก่อน
เขามีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระเบิดพลังระดับหกอยู่ในมือแต่เขายังไม่มีแผนการที่จะหลอมรวมมันแม้เขาจะสูญเสียวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองและทำให้พลังการต่อสู้ของเขาลดลงก็ตาม
การหลอมรวมวิญญาณระเบิดพลังระดับหกมีโอกาสประสบความสำเร็จต่ำกว่าวิญญาณอมตะความคิดดารา หากเขาต้องการหลอมรวมมัน เขาอาจสูญเสียทรัพยากรจำนวนมหาศาล
แม้เขาจะไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณอมตะแต่เขาต้องใช้พวกมันในการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวทำงานอย่างหนักตามคำสั่งของฟางหยวนและดำเนินการไปแล้วสี่สิบส่วน
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับวิธีฟื้นฟูร่างกาย การพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวจึงลดความสำคัญลง
ในช่วงเวลานี้แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังปลอดภัยและสงบสุข ฟางหยวนจึงไม่รีบร้อนย้ายทรัพยากรออกไป
ความพยายามหลักของเขาคือการแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน
หากเขาประสบความสำเร็จ มิติช่องว่างของเขาจะฟื้นคืนสู่ชีวิต เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะสามารถย้ายทรัพยากรทั้งหมดไปเก็บไว้ในมิติช่องว่างของตนเอง
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากแผนการนี้ประสบความสำเร็จ อนาคตของฟางหยวนจะสดใสมาก
ฟางหยวนสามารถรอคอยอย่างสงบ
ประสบการณ์ห้าร้อยปีฝึกความอดทนของเขาให้อยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะพักผ่อนก่อนจะอนุมานท่าไม้ตายต่อไป ไห่ลั่วหลันกลับเดินทางมาหาเขาอย่างกะทันหัน
“เจ้าจะไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่ข้าค้นพบจากดวงวิญญาณของไห่เจิ้ง” ไห่ลั่วหลันเดินออกมาจากประตูแห่งดวงดาวและเผชิญหน้ากับฟางหยวนด้วยความตื่นเต้น
หลังจากไห่เจิ้งเสียชีวิต ดวงวิญญาณของเขาถูกจับกุมโดยไห่ลั่วหลัน
หลายวันที่ผ่านมา ไห่ลั่วหลันได้รับข้อมูลที่น่าตกใจมากมายจากการค้นวิญญาณไห่เจิ้ง สิ่งที่กระตุ้นความสนใจของนางมากที่สุดก็คือการต่อสู้ร้อยวันในหุบเขาเหล่าโป
“ฟางหยวน เจ้ามีความสามารถในการย้ายภูเขา ข้าต้องการให้เจ้าย้ายหุบเขาเหล่าโปมาให้ข้า อย่ากังวล ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างเหมาะสม เราต้องรีบมิฉะนั้นอาจถูกตัดหน้า!” ไห่ลั่วหลันดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนมีเบาะแสเกี่ยวกับหุบเขาเหล่าโปมานานแล้วแต่เขาติดธุระอื่นและไม่ได้ไปที่นั่น
หลังจากได้รับข้อมูลจากไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนดีใจมาก
หุบเขาเหล่าโปถูกยึดครองโดยนิกายเงามานานแล้ว แม้เขาจะไปที่นั่น เขาก็อาจถูกจับอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด!” ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น
ฟางหยวนพยักหน้าเห็นด้วย “นิกายเงาพ่ายแพ้ ตอนนี้หุบเขาเหล่าโปถูกยึดครองโดยผู้อมตะภาคกลาง แต่พวกเขามาจากภูมิภาคอื่นและไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก เราเพียงต้องรอให้พวกเขาจากไปเท่านั้น”
ไห่ลั่วหลันกับฟางหยวนไม่รู้ว่าผู้อมตะภาคกลางได้จากไปแล้ว
ในแง่ของการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาคเหนือ ฟางหยวนต้องพึ่งพาเทพธิดาหลี่ซาน สำหรับข้อมูลของภาคกลาง นิกายกระเรียนอมตะย่อมไม่เปิดเผยความลับนี้แก่เขา
“คนกลุ่มนี้น่าจะพยายามสืบหาอาชญกรที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง พวกเขากำลังตามหาพวกเรา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ การสืบสวนของพวกเขากลับนำพวกเขาไปพบนิกายเงา” ไห่ลั่วหลันหัวเราะเบาๆ
ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “หากเปรียบเทียบ สิ่งที่ข้ากังวลมากกว่าก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์เป็นสมาชิกนิกายเงาแต่เหตุใดกองกำลังพันธมิตรผีดิบจึงต้องช่วยเหลือเขา?’
ผู้อมตะลึกลับก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ เมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผย ไห่เจิ้งจึงได้รับข้อมูลนี้เช่นกัน
“เห้อ…ผู้อมตะทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตนเอง กองกำลังพันธมิตรผีดิบมีโครงสร้างที่หละหลวม สมาชิกหลายคนของพวกเขามีกองกำลังของตนเองอยู่เบื้องหลัง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก” ไห่ลั่วหลันกล่าว
“ไม่ว่าอย่างไรนิกายเงาก็ไม่ควรถูกมองข้าม!” ฟางหยวนแสดงออกอย่างจริงจัง “สมาชิกนิกายเงาไม่กลัวการเสียสละ ความภักดีระดับนี้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟางหยวนได้ยินชื่อนิกายเงา
ย้อนกลับไปที่ภาคใต้ เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากหมอจูชิว
ฟางหยวนยังรู้ว่าประตูแห่งชีวิตและความตายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาแต่เขาไม่ได้วางแผนการใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
เหตุผลก็คือความแข็งแกร่งของเขาต่ำเกินไปและไม่มีโอกาสที่ดี
มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว นอกจากนั้นอิทธิพลของนิกายเงายังครอบคลุมทั้งภาคเหนือและภาคใต้ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“เอาล่ะ ตอนนี้หุบเขาเหล่าโปอยู่ข้างหน้าพวกเรา ข้าจะเชิญเจ้ากับท่านป้าของข้าไปสำรวจที่นั่น เราจะแบ่งผลประโยชน์ตามข้อตกลงพันธมิตร” ไห่ลั่วหลันกล่าวด้วยความกังวล
ฟางหยวนรู้ว่านางร้อนใจเพราะนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน แต่ก่อนจะออกเดินทาง เขาต้องกล่าวบางสิ่ง
“เจ้าต้องการครอบครองหุบเขาเหล่าโปทั้งหมดแต่ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” ฟางหยวนกล่าวอย่างหนักแน่น
ไห่ลั่วหลันมองฟางหยวนด้วยความโกรธ “เจ้าหมายถึงสิ่งใด ข้าเป็นผู้พบข้อมูลของหุบเขาเหล่าโป!”
ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะบอกตำแหน่งที่ตั้งของหุบเขาเหล่าโป
ไห่ลั่วหลันตกใจมาก นางจ้องมองฟางหยวนด้วยความสงสัย
นางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฟางหยวน แล้วเขารู้ได้อย่างไร
ฟางหยวนมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงหนึ่งให้ไห่ลั่วหลันเช่นเดียวกับที่นางส่งข้อมูลให้กับฟางหยวน
ไห่ลั่วหลันกล่าวเสียงเย็น “หากปราศจากข้อมูลของข้า เจ้าจะกล้าไปงั้นหรือ?”
ฟางหยวนยิ้ม “อย่าพึ่งร้อนใจ ข้าเพียงต้องการกล่าวว่าข้อมูลของเจ้าไม่ได้สำคัญเท่าที่เจ้าคิด”
ไห่ลั่วหลันโกรธมาก
ทั้งสองเข้าสู่การต่อสู้ทางวาจาอย่างดุเดือด
หลังจากต่อสู้จนเหนื่อยล้า พวกเขาจึงสามารถเจรจาตกลงกันได้ในที่สุด
กรรมสิทธิ์ของหุบเขาเหล่าโปจะถูกแบ่งปัน
นางมารผลาญสวรรค์จะได้รับหกสิบส่วน เทพธิดาหลี่ซานจะได้รับยี่สิบส่วน ขณะที่ไห่ลั่วหลันกับฟางหยวนจะแบ่งกันคนละสิบส่วน
ไห่ลั่วหลันเป็นคนเจ้าเล่ห์ นางใช้ป้าทั้งสองของนางเพื่อบีบบังคับให้ฟางหยวนยอมรับความพ่ายแพ้
สิบส่วนอาจดูน้อยแต่มันก็ทำให้ฟางหยวนบรรลุเป้าหมาย
เขาเพียงต้องการสิทธิในการใช้งานมันเท่านั้น
ฟางหยวนไม่เคยคิดที่จะยึดครองหุบเขาเหล่าโป ท้ายที่สุดแล้วไห่ลั่วหลันก็มีนางมารผลาญสวรรค์สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางมารผลาญสวรรค์กำลังวุ่นวายอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ นอกจากนั้นฟางหยวนยังมีวิญญาณท่องแดนอมตะ สุดท้ายแล้วคนที่ไปจึงมีเพียงฟางหยวน ไห่ลั่วหลัน และเทพธิดาหลี่ซานเท่านั้น
“โอ้ ไม่ มีบางคนเข้าไปในหุบเขาเหล่าโป!” ฮุ้ยฟงซื่อที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกเห็นกลุ่มของฟางหยวนเดินเข้าไป ดังนั้นเขาจึงรีบรายงาน
ไม่นานหลังจากนั้นองค์ชายฟงเซี่ยนก็ได้รับข้อมูลนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น