หมอดูยอดอัจฉริยะ 934-937

 ตอนที่ 934 มังกรดำผ่านภัยสวรรค์ (1)

 

“เยี่ยเทียน ลูกยังเด็ก นายเที่ยวพาลูกไปแบบนี้ ฉันไม่ไว้ใจเลยนะ…”


ในเรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียน อวี๋ชิงหย่ากำลังพูดคุยอยู่กับสามีตัวเอง แม้อายุใกล้สี่สิบแล้ว แต่รอยย่นตามกาลเวลาบนใบหน้าของหล่อนไม่มีเลย ยังคงเหมือนสาวน้อยวัยใส ณ วันรายงานตัวที่หวาชิง


“เยี่ยชิวไม่เด็กแล้ว ตอนฉันอายุเท่านี้ ฉันตามอาจารย์ไปรอบประเทศแล้ว ตอนนั้นการรักษาความปลอดภัยไม่ดีเท่าตอนนี้เลย!”


เยี่ยเทียนพูดกับภรรยาและฝึกเขียนหนังสืออยูใต้ต้นไม้พร้อมกัน สิบปีที่ผ่านมา นอกจากอ่านคัมภีร์พุทธ เต๋า และหรู จนครบ เขายังเริ่มเขียนพู่กันที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าวันไหนไม่ได้เขียน จะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว


ส่วนเยี่ยเทียนก็เปลี่ยนไปมาก หากมองจากภายนอก เยี่ยเทียนเหมือนพ่อบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ไม่มีลมปราณแบบผู้ฝึกพลังวิชาเลย ทุกๆ วัน เขาจะตื่นเช้าอย่างสม่ำเสมอ คอยเตรียมอาหารเช้าให้กับทุกคน


“นายอย่าเอาลูกไปเทียบกับนายสิ นายมันดื้อตั้งแต่เด็ก แต่ลูกเป็นคนซื่อมาก”


อวี๋ชิงหย่าถึงกับเหลือกตาขาว เมื่อได้ยินเยี่ยเทียนตอบกลับแบบนั้น ลูกชายเธอไม่เหมือนเยี่ยเทียนตอนเด็กๆ ที่มักจะกระโดดโลดเต้น แต่กลับเป็นเด็กสงบนิ่ง กิริยาท่าทาง คำพูดคำจา ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ และที่สำคัญไม่เคยก่อเรื่องให้อวี๋ชิงหย่าเลย


ช่วงเวลาแบบนี้ การเป็นคนซื่อมักจะเสียเปรียบ ฉะนั้นอวี๋ชิงหย่าจึงไม่พึงพอใจการตัดสินใจของเยี่ยเทียนมากนัก ที่ทุกวันหยุดของฤดูหนาว ให้ลูกชายเดินทางทั่วประเทศกับโก่วซินเจีย สองสามีภรรยามีปากเสียงกันหลายครั้งเพราะเรื่องนี้


เมื่อเห็นภรรยาโกรธ เยี่ยเทียนวางพู่กันลง ล้างมือในอ่างที่วางอยู่ข้างๆ จากนั้นหันไปพูดกับภรรยา


“ชิงหย่า เดินทางหมื่นลี้ ดีกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม เธอไม่ต้องเป็นห่วง ลูกฉลาดเฉลียวมาก!”


เมื่อพูดถึงลูกชาย ใบหน้าของเยี่ยเทียนจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้จักลูกชายตัวเองดีกว่าภรรยาเสียอีก ตั้งแต่เกิดมา เยี่ยเทียนหยุดระดับพลังของเยี่ยชิวไว้ที่ขั้นเซียนเทียน หลังจากสามขวบ ลูกชายของเขาก็ไม่สามารถต่อต้านสิ่งต่างๆ ในโลกมนุษย์ได้ จึงได้กลายเป็นเด็กธรรมดาเหมือนเด็กคนอื่นไปแล้ว


กับเยี่ยเทียน ความซนของลูกจะแตกต่างออกไป เยี่ยชิวจะเงียบสงบกว่ามาก เวลาพูดหรือกระทำสิ่งใด จะคล้ายกับผู้ใหญ่


แต่เยี่ยเทียนรู้ ลับหลัง ลูกชายของตนก็สร้างเรื่องไว้ไม่น้อย ตอนอายุห้าขวบ เคยเอาสมุนไพรในบ้านออกมาฝึกทำเป็นยา จนทุกคนในบ้านพากันท้องเสียไปหนึ่งอาทิตย์ หลังเกิดเรื่องยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


ส่วนของเก่าของเยี่ยตงผิงก็โดนไปด้วย ตั้งแต่เยี่ยชิวอายุหกขวบ เข้าเรียนแล้ว ของจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยปีละชิ้นสองชิ้น


แล้วเยี่ยเทียนก็พบว่า ของเก่าที่หายไป ไปอยู่ที่พานเจียหยวน พอถามลูกชาย กลับได้คำตอบว่าตนนั้นกินดีอยู่ดี ไม่อยากใช้เงินของพ่อกับแม่ จึงไปหาคุณปู่แทน แน่นอนว่า เรื่องนี้กลายเป็นความลับระหว่างพ่อกับลูกไปแล้ว แม้แต่อวี๋ชิงหย่าก็ไม่รู้เรื่องนี้


เยี่ยเทียนเริ่มสอนวิชาลัทธิเต๋าให้ตอนอายุแปดขวบ บางทีอาจเป็นเพราะรากฐานที่เยี่ยเทียนวางเอาไว้ให้ ทำให้พรสวรรค์ของเยี่ยชิวที่แสดงออกมาให้เห็น ถึงกับต้องอ้าปากตาค้างกันทีเดียว ในทุกๆ ปี ระดับพลังวิชาของเยี่ยชิวจะเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น จนถึงอายุสิบเอ็ดขวบ ระดับพลังของเยี่ยชิวไปถึงระดับจุดสูงสุดของโฮ่วเทียนแล้ว


ด้วยเหตุนี้ เยี่ยเทียจึงไม่กลัวว่าลูกชายจะเสียเปรียบใครเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ยังไม่นับว่ามีศิษย์พี่ใหญ่ตามไปด้วย ถึงแม้เยี่ยชิวจะไปตัวคนเดียว ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขา ไม่แน่ วันไหนที่หักหลังคนอื่นแล้วได้เงินมา เขายังมีคนช่วยเขานับเงินอีกด้วย


“นายนะเหรอ ตอนเด็กนายตามใจลูกชายจนมากเกินไป ตอนนี้ไม่สนใจไยดี จะทำยังไงกันดีเนี่ย!”


อวี๋ชิงหย่าชกเข้าที่หัวไหล่ของเยี่ยเทียนเบาๆ แต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุข สิบปีที่ผ่านมา สามีอยู่กับเธอมาโดยตลอด มันเลยทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่มาก


“พูดถึงเจ้าลูกชาย มาพอดีเลย ชิงหย่า พวกเขากลับมาแล้ว”


จู่ ๆ เยี่ยเทียนก็รู้สึกบางอย่างในใจ พอเงยหน้ามองประตูใหญ่ เสียงตะโกนของอาใหญ่ก็ดังขึ้น ครั้งนี้เยี่ยชิวไปเกือบสองเดือนกว่า คุณย่ายายในเรือนคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว


ไม่นานนัก เยี่ยชิวถูกเหล่าคุณย่าล้อมอยู่รอบตัว พากันเดินเข้ามาถึงกลางเรือน เด็กผู้ชายอายุสิบเอ็ดขวบ โตมาคล้ายอวี๋ชิงหย่ามาก หน้าตาสะอาดสะอ้าน ในดวงตาของเขาให้ความรู้สึกที่โตเป็นผู้ใหญ่เกินวัยนี้มาก แต่พอเจอหน้าพ่อกับแม่ ก็เผยความดีใจออกมา


“เยี่ยชิว ทำไมตากแดดจนดำขนาดนี้ละลูก”


อวี๋ชิงหย่ากอดลูกชายเอาไว้ด้วยความเอ็นดู แต่เยี่ยชิวรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่ หลังจากที่สัมผัสความรักจากแม่แล้ว เขาขยับร่างกายเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ขยับอีก


“พ่อ ผมกลับมาแล้วครับ อาจารย์ลุงกลับฮ่องกงแล้วนะครับ!”


ถึงแม้ว่าเยี่ยเทียนจะตามใจลูกชายมากเมื่อตอนลูกชายยังเป็นเด็กน้อย แต่พอเยี่ยชิวโตขึ้นมาหน่อย คนที่เขากลัวมากที่สุดกลับเป็นพ่อที่ไม่เคยโมโหคนนี้ ซึ่งทำให้อวี๋ชิงหย่าอิจฉามาโดยตลอด


“อืม ไปพักเถอะ คืนนี้มาเล่าให้พ่อฟังนะว่าครั้งนี้พบเจออะไรมาบ้าง”


เยี่ยเทียนพยักหน้า และขยำกระดาษที่ฝึกเขียนเป็นก้อน เมื่อสามปีก่อน ลายมือของเยี่ยเทียนเคยหลุดออกไป จนวงการเขียนพู่กันถึงกับสะเทือน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่เขียนเสร็จ เยี่ยเทียนจะทำลายทิ้งจนเป็นความเคยชิน


เยี่ยชิวก็เหมือนกับเยี่ยเทียน เป็นผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูล การกลับมาของเขา ทำให้สมาชิกตระกูลเยี่ยมารวมตัวกัน หลังจากคึกคักกันไปทั้งคืนเสร็จ สองพ่อลูกก็เริ่มพูดคุยกันอยู่ท้ายเรือน เยี่ยเทียนไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่ เขาแค่นั่งฟังลูกชายเล่าเรื่องต่างๆ ที่พบเจอในครั้งนี้


“อืม? ตะวันออกเฉียงเหนือ หรือว่าจะเป็น…”


เสียงของลูกชายที่แฝงความเด็ก ลอยผ่านหู แล้วเยี่ยเทียนก็ขมวดคิ้ว มองไปทิศตะวันออกเฉีนงเหนือ


“พ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”


เยี่ยชิวเห็นท่าทีของพ่อแปลกๆ จึงได้ถามออกไป ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยเห็นพ่อพบเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ และไม่เคยเห็นพ่อแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมาเช่นเดียวกัน


“ไปโทรศัทพ์หาอาจารย์ลุง บอกให้พวกเขาไปเทือกเขาฉางไป๋ซาน”


เยี่ยเทียนลุกขึ้นสั่งลูกชาย แล้วก็เดินไปยังห้องนอนของพ่อกับแม่ เจ็ดแปดปีมานี้ เขาไม่ออกไปข้างนอกเลย แต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องไป เพราะสัมผัสได้ถึงพรหมลิขิตของเพื่อนเก่าคนหนึ่งกำลังจะมาถึง


แม้ว่าหลายปีมานี้เยี่ยเทียนจะใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ พลังของเองก็ไม่มีการพัฒนา แต่จิตใจของเขากลับนิ่งลงมาอย่างชัดเจน และมันพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ผลกระทบต่างๆ นานาที่เกิดจากการสังหารคนมามาก มันถูกกำจัดทิ้งไปหมดแล้ว


ด้วยจิตใจที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยเทียนยังพบอีกว่า การรับรู้ของเขามันชัดเจนขึ้นมาก ไม่ว่าคนที่เอ่ยชื่อเขาจะอยู่ไกลแค่ไหน แค่มีคนเอ่ยถึงชื่อ เขาจะสัมผัสมันได้ทุกครั้ง สำหรับคนและเรื่องราวที่ตัวเขาให้ความสนใจ เขาก็สัมผัสได้ถึงสถานการณ์ของคนและเรื่องนั้นๆ ได้บ้าง


และเมื่อครู่ เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงมังกรดำที่อยู่ในเทือกเขาฉางไป๋ซาน เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป เขามีความรู้สึกว่า หากครั้งนี้เขาไม่ไปที่นั่น เขาอาจไม่ได้เจอเพื่อนเก่าคนนี้อีกตลอดไป


หลังจากบอกกล่าวพ่อแม่เสร็จแล้ว เยี่ยเทียนพาลูกชายขับรถตรงไปยังสนามบิน และขึ้นเครื่องบินลำหนึ่ง ที่จอดรอมาแล้วทั้งปี เครื่องบินทุกลำล้วนเลื่อนเวลาออกไป เพื่อให้เครื่องบินของเยี่ยเทียนบินขึ้นก่อน


…………………


“เยี่ยเทียน เกิดอะไรขึ้น?”


หลังจากเครื่องลงจอดที่สนามบินฉางไป๋ซานเรียบร้อย หูหงเต๋อนั้นมารอรับแล้ว อายุแปดสิบแล้ว แต่ดูหนุ่มกว่าสิบกว่าปีก่อนมาก ใบหน้าเป็นสีแดงระรื่อ ผมขาวหงอกกลายเป็นผมดำเงา ดูแล้วราวกับหนุ่มวัยกลางคนที่อายุแค่สี่สิบกว่า


ซึ่งล้วนเป็นเพราะหูหงเต๋อเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้วตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน หากไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บ เมื่อหลายปีก่อน หูหงเต๋อคงขึ้นไปอยู่ระดับนั้นตั้งนานแล้ว และเมื่อห้าปีก่อน ก็คือเยี่ยเทียนนั่นแหละ ที่ปกป้องช่วยเขาเอาไว้


“มังกรดำน่าจะถึงเวลาผ่านภัยสวรรค์แล้ว ผมเลยมาหาสักหน่อย”


เยี่ยเทียนไม่คิดจะปิดบังอะไร ตอนที่เขารู้จักกับมังกรดำ หูหงเต๋อเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย นอกจากตัวเขาแล้ว มังกรดำน่าจะรู้จักแค่หูหงเต๋อคนเดียว


หลังจากกลับไปพักที่บ้านพักของหูหงเต๋อ ซึ่งอยู่ในเมืองฉางไป๋ซานแล้วหนึ่งคืน เช้าวันที่สอง โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ก็มาถึงพอดี คนที่เดินทางไปด้วยยังมี หนานไหวจิ่น จั่วเจียจวิ้น เหลยหู่และโจวเซี่ยวเทียน นอกจากหนานไหวจิ่นแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นศิษย์สำนักเสื้อป่านที่อยู่ระดับเซียนเทียนหมดแล้ว


โจวเซี่ยวเทียนเข้าสู่ระดับเซียนเทียนสำเร็จตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน หลายปีมานี้ งานพบปะผู้มีความสามารถเหนือธรรมชาติของสากลโลก ก็เขาและเหลยหู่นั่นแหละที่เป็นคนไปเข้าร่วม ระหว่างนั้น การสังหารและการสั่นสะเทือน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสองคนมีชื่อเสียง


แม้ว่าอำนาจทางการเมืองของประเทศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ท่านประธานเยวี่ย ท่านประธานอู๋และคนอื่นๆ จะลุกจากเก้าอี้ไปหมดแล้ว แต่สำนักเสื้อป่านก็ยังคงอยู่เป็นดั่งเซียนที่คอยปกป้องประเทศ แล้วท่านประธานคนใหม่ที่เพิ่งได้ตำแหน่ง เมื่อหกปีก่อน ยังมาหาตระกูลเยี่ยบ่อยมาก ถือว่าเป็นแขกประจำของเรือนสี่ประสานก็ว่าได้


“เยี่ยเทียน พลังของเธอตอนนี้อยู่ระดับไหนแล้วกันแน่? ทำไมฉันถึงสัมผัสปราณแท้ในตัวเธอไม่ได้เลยล่ะ?”


เนื่องจากชื่อเสียงที่โด่งดังมากเกินไป ทำให้ความสงสัยของหนานไหวจิ่นอดกลั้นต่อไปไม่ไหว เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยกำกับและเข้าร่วมการถ่ายละครเกี่ยวกับการแกล้งตาย ด้วยตัวเองทั้งหมด จากนั้นก็ปลีกตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ที่ฮ่องกง ทำให้ไม่ได้เจอเยี่ยเทียนเกือบห้าหกปี


“นั่นนะสิศิษย์น้องเล็ก เธอปิดผนึกตัวเองไว้แบบนี้ พลังในตัวไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”


โก่วซินเจียมองเยี่ยเทียนด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน ตอนนี้เยี่ยเทียนไม่ต่างจากคนธรรมดาเลย แถมยังมีรอยย่นที่หางตาด้วย ด้วยพลังวิชาระดับเซียนเทียนแบบพวกเขา แยกไม่ออกเลยว่าเยี่ยเทียนกับคนทั่วไปต่างกันตรงไหน สัมผัสได้แค่ว่า ในร่างกายของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยลมปราณขุ่นหมอง ไม่มีความพิเศษของผู้ฝึกวิชาสักนิด


“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่เป็นอะไรครับ”


เยี่ยเทียนหัวเราะฮ่าๆ จากนั้น เจี่ยตันที่ถูกปิดผนึกมานาน ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ปราณแท้ซึมออกมาจากตันเถียนทีละเล็กน้อย รูขุมขนของเยี่ยเทียนเปิดออก แล้วลมปราณสีดำก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา


เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น แสงเรืองรองก็ส่องสว่างออกมาจากร่างกายของเยี่ยเทียน เลือดลมที่ไหลเวียนพลุ่งพล่านเร็วราวกับแม่น้ำ ถูกเยี่ยเทียนกดทับเก็บเข้าไปข้างใน ไม่มีเล็ดลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว เพราะเขากลัวจะชักนำภัยสวรรค์จินตันมาสู่เขา


จากนั้นเขาพ่นมีดบินคู่กายที่ยาวไม่เกินสามนิ้วออกมา พอเจอลมมันก็ยืดออกเกือบหนึ่งเมตรในพริบตาเดียว เยี่ยชิวที่ไม่เคยเห็นพ่อแสดงพลังวิชามาก่อน ถึงกับอ้าปากตาค้าง

 

 

 


ตอนที่ 935 มังกรดำผ่านภัยสวรรค์ (2)

 

“พ่อ นี่พ่อ….”


เยี่ยชิวรู้ว่าบิดาของเขาเป็นเจ้าสำนักเสื้อป่านเทพยากรณ์ ได้รับความเคารพจากอาจารย์ลุงและศิษย์พี่ แต่ในความทรงจำของเขาแล้ว พ่อเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยใช้วิชาอะไรเลย ตอนนี้กลับรู้สึกงุนงงพูดไม่ออก


“ไปเถอะ พ่อจะพาลูกขึ้นเขา!”


เยี่ยเทียนยิ้ม โบกมือเรียก พลังงานบางอย่างเข้ามาโอบรอบเอวเยี่ยชิว อุ้มเขาขึ้นไปยืนอยู่บนมีดบินคู่กาย ชะงักอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งแล้วพุ่งฉิวไปข้างหน้ากลางท้องฟ้า


พวกโก่วซินเจียที่ได้รับความช่วยเหลือจากเยี่ยเทียนจนสร้างมีดบินได้สำเร็จ แต่การฝึกวิชายังไม่เพียงพอ จึงยังไม่สามารถบังคับมีดบินได้ เพียงแต่ขับเคลื่อนพลังปราณแท้อยู่กลางอากาศลอยติดตามเยี่ยเทียนเข้าไปในภูเขาฉางไป๋ซาน


ระยะทางเดินเท้าที่ต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ด้วยมีดบินของเยี่ยเทียนใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ผ่านไปไม่นาน เยี่ยเทียนกับลูกชายก็มาปรากฏตัวขึ้นที่หุบเขาของบึงน้ำมังกรดำ เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าเยี่ยเทียนมีสีหน้าแปลกใจ


“พ่อ พ่อ เก่งจริงๆเลย!”


เยี่ยชิวที่เป็นคนสุขุมตอนนี้ท่าทางตื่นเต้น ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็ก เคยดูละครนิยายเรื่องเกี่ยวกับตำนานเซียนเทวดามาหลายเรื่อง แต่ไม่คิดว่าพ่อของเขาจะเก่งกาจขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่


“เจ้าลูกคนนี้ โลกที่นี่อาจารย์ลุงใหญ่ไม่ได้เล่าให้ลูกฟังแล้วหรือ?”


เยี่ยเทียนชอบลูบหัวของลูกชาย แล้วประกายตาวาววาบขึ้น หันหน้าพุ่งตรงไปที่บึงน้ำมังกรดำ โดยพาบุตรชายติดไปด้วย ถึงแล้วยืนอยู่ตรงริมสระตะโกนว่า


“สหายเก่า ฉันมาเยี่ยมแกแล้ว!”


“แว้ก!”


เสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงคำรามดังขึ้นมาจากหุบเขา ตามมาด้วยกลุ่มควันพิษที่ลอยออกมา มังกรดำตัวยาวราวสามสิบเมตร ขนาดลำตัวเท่าโอ่งน้ำ เกล็ดสีนิลดำทั้งตัว โผล่ออกมาจากบึงน้ำ


ดวงตาของมันสว่างไสวเหมือนโคมไฟ เปล่งลำแสงเจิดจ้าออกมาสองลำ


แต่ตอนที่มองดูเยี่ยเทียนดวงตาของมันดูอ่อนโยนลง ร่างอันใหญ่โตเข้ามาใกล้ขึ้น แล้วยกตัวขึ้นสูง หมอกพิษสีขาวที่ลอยอยู่ถูกเก็บกลับเข้าไปดังเดิม ดูเหมือนกับมังกรใหญ่โผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆ


“พ่อ นี่….นี่คือมังกรหรือ?”


เยี่ยชิวที่ยืนอยู่ข้างๆบิดาตะลึงมองตาค้าง ถึงเขาจะได้นิสัยใจกล้าบ้าดีเดือดมาจากพ่อเต็มๆ แต่จู่ๆมาเจอสัตว์ประหลาดแบบนี้ก็อดขาอ่อนไม่ได้ ถ้าไม่ได้จับมือเยี่ยเทียนเอาไว้คงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว


“กลายเป็นมังกรได้ง่ายๆที่ไหนกัน? ตอนนี้น่าจะพูดว่าเปลี่ยนจากงู กลายเป็นงูใหญ่มากกว่า!”


เยี่ยเทียนส่ายหัว เขาสังเกตว่าเขาข้างเดียวบนหัวของเจ้ามังกรดำงอกยาวขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งยังมีสีสันทอประกายเหมือนคริสตัล ราวกับหินเนื้อหยก ใต้ท้องของมันมีขางอกออกมาด้วย แต่ละขามีเล็บสามเล็บ


โบราณว่าไว้ มีสามเล็บเป็นงู มีห้าเล็บเป็นมังกร มังกรดำมีลักษณะพิเศษเช่นนี้ยังเป็นได้แค่งูใหญ่ แต่ไม่ใช่ที่คนโบราณเข้าใจผิดว่าจระเข้เป็นมังกร ถ้ามันฝึกวิชาสำเร็จจะสามารถกลืนเมฆคายหมอกซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมังกรได้


“เยี่ยเทียน ข้ากำลังจะจากไปแล้ว สหายเก่า แกจะไปกับข้าไหม?”


มังกรดำทักทายเยี่ยเทียนด้วยการใช้เขาโค้งเข้าไปหาเยี่ยเทียน มันคิดว่าการอยู่ที่นี่ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทั้งยังถูกแรงกดดันจากชะตาฟ้า การฝึกวิชาถดถอย ถึงได้ปลดปล่อยพลังออกมาเพื่อเตรียมรับวิบากกรรมหนักจากสวรรค์


เยี่ยเทียนเก็บงำควบคุมพลังเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถปิดบังมังกรดำได้ มันรู้ว่าเยี่ยเทียนสามารถบรรลุขั้นสูงสุดแล้วละทิ้งทางโลกได้ ถึงได้เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้


“รู้ว่าแกจะกลายเป็นมังกรใหญ่แล้ว ฉันเลยตั้งใจมาช่วยเหลือคุ้มครอง!”


เยี่ยเทียนส่ายหน้าปฏิเสธ


“ฉันยังมีห่วงกับทางโลก ตอนนี้ยังไปไม่ได้ สหายเก่า ต้องมีวันที่เราได้พบกันอีก หวังว่าถึงตอนนั้นแกจะแข็งแกร่งกว่านี้!”


บนโลกมนุษย์เป็นสัตว์ที่พิเศษ ถึงแม้เหล่าสัตว์สามารถฝึกวิชาได้ แต่ไม่อาจเทียบกับมนุษย์ เมื่อสัตว์ฝึกวิชาแล้วความสามารถก็มีไม่สู้มนุษย์ เจ้ามังกรดำกลายเป็นงูใหญ่เกือบจะมีความสามารถเทียบเท่ามนุษยที่ฝึกถึงขั้นจินตันแล้ว


“พวกแกเป็นใคร?”


เจ้ามังกรจู่ๆก็ร้องออกมา ดวงตาเย็นเยียบลงมองไปทางท้องฟ้า พลังความกดดันมหาศาลถูกส่งออกไปจนแผ่นดินสะท้าน ทำให้พวกโก่วซินเจียร่วงลงสู่พื้นดิน


สัตว์ที่ฝึกวิชาจนถึงขั้นเปลี่ยนร่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกมันอ่อนแอที่สุด  เหมือนกับตอนที่เจ้ามังกรดำยังเด็กและลอกคราบ ทุกครั้งจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือนที่ขยับตัวไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมันเห็นกลุ่มคนที่เก่งกล้าเข้ามาใกล้มันจึงตึงเครียดขึ้นมา


เยี่ยเทียนรู้สึกถึงจิตสังหารของมังกรดำจึงรีบเอ่ยห้าม


“พวกเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของฉันเอง มาเพื่อช่วยคุ้มครองแกเหมือนกัน!”


“ขอบคุณมาก สหายเก่า!”


ได้ยินดังนั้นแล้วความเยือกเย็นในดวงตาของมันค่อยเจือจางลง


“ข้าไม่เคยชักนำให้เกิดภัยจากสวรรค์ ก็เลยรอให้แกมาถึง หวังว่าวันหน้าเรายังจะได้พบกันอีก!”


เส้นทางการฝึกวิชาของมันเป็นไปอย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งได้พบเยี่ยเทียน และได้แย่งตำราวิชาปีศาจมาได้ หลังจากนั้นการฝึกฝนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในใจของมังกรดำ เยี่ยเทียนเป็นคนที่มันไว้ใจมากที่สุด


“สหาย แกถอยหลังไปหน่อย ข้ากลัวว่าภัยสวรรค์ของข้าจะชักนำพลังปราณแท้ของแก ทำให้แกต้องรับเคราะห์ไปด้วย!”


มังกรดำไม่เคยใจแคบ เมื่อเยี่ยเทียนไม่อยากหลบออกไปมันก็เตรียมตัวรับเคราะห์ เพิ่งสิ้นเสียงพลังดั้งเดิมในร่างของมันเริ่มเคลื่อนไหว ลมปราณอันรุนแรงไหลทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า


“ฮึ่ม ฮึ่ม!”


มังกรดำเริ่มปลดปล่อยพลังของตัวเอง จากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีแม้แต่เมฆสักก้อนจู่ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาตามด้วยกลุ่มเมฆดำก้อนใหญ่หนาตัวขึ้น แสงจันทร์แสงดาวถูกบดบังไปจนสิ้น ทั่วทั้งบริเวณบึงน้ำของมันถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม


“ศิษย์พี่ใหญ่ ถอยห่างไปสามสิบลี้!”


รู้สึกได้ว่าแรงกดทับจากเมฆดำครึ้ม เห็นสายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ภายใน เลือดลมในร่างกายเยี่ยเทียนเริ่มปั่นป่วน พลังเดิมแท้ที่ถูกเก็บซ่อนไว้สิบกว่าปีกำลังถูกกระตุ้น  ด้วยความตกใจเขาคว้าตัวลูกชายแล้วกระโดดทะยานถอยหลังไปหลายสิบเมตร


“ศิษย์น้องเล็ก นี่…นี่คืออัสนีสวรรค์หรือ?”


ความบีบคั้นจากชะตาฟ้าแม้แต่เยี่ยเทียนยังไม่อาจทนรับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เพิ่งเข้าถึงระดับเซียนเทียนได้ไม่ถึงสิบปีอย่างพวกโก่วซินเจีย พวกเขารีบเหาะออกไปให้พ้นจากรัศมีอัสนีสวรรค์ ได้แต่ยืนมองไปทางบึงน้ำมังกรดำ


เยี่ยเทียนพยักหน้า


“ไม่ผิดหรอก นี่เป็นวิบากกรรมหนักที่ต้องรับเพื่อจะได้กลายร่างเป็นงูใหญ่ ขอแค่ให้ผ่านอัสนีสวรรค์ครั้งนี้ไปได้ มันก็จะกลายเป็นมังกรจริงแล้ว ต่อไปหากรับเคราะห์กรรมหนักอีกแค่ครั้งเดียวมันก็จะได้เป็นมังกรเทพ!”


บนเกาะเทพ เผิงไหล เจ้าราชสีห์ขนทองที่เป็นสัตว์วิเศษในตำนานต่างพบเห็นได้ทั่วไป แต่มังกรจริงๆนั้ นก็เคยได้ปรากฎบนโลก ตอนนี้เจ้ามังกรดำตรงหน้านี้ก็เป็นการยืนยันอย่าชัดเจน ถ้าหากมีเขางอกขึ้นมาอีกข้างแล้วละก็ รูปร่างของมันก็ไม่ต่างจากมังกรเลยแม้แต่น้อย


ครู่ต่อมาเยี่ยเทียนพูดขึ้นว่า


“ศิษย์พี่ใหญ่ วันหน้าพวกเราต้องรับวิบากกรรมหนักกันทั้งนั้น พวกท่านจะได้ลิ้มรสชาติของมัน ให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ก่อนก็แล้วกัน!”


การพาศิษย์ร่วมสำนักมาที่นี่ เยี่ยเทียนไม่ได้ต้องการจะโอ้อวด แต่ทุกวันนี้พลังธรรมชาติแห่งฟ้าดินลดน้อยลงเรื่อยๆจนเกือบจะไม่ได้เห็นการรับเคราะห์กรรมหนักด้วยอัสนีสวรรค์อีก  เจ้ามังกรดำรับเคราะห์ครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากอีกครั้งหนึ่ง ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังช่วยคุ้มกันให้มังกรดำอยู่นั้นก็ให้พวกศิษย์พี่ทั้งหลายได้ทำความรู้จักกับพลังอันน่ากลัวของอัสนีสวรรค์


“พวกเราเข้าใจ ศิษย์น้องเล็ก อัสนีสวรรค์กำลังจะเริ่มแล้ว!”


โก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นถ้าเทียบกับเมื่อสิบปีก่อนดูไม่แก่ลงเลย แต่พลังปราณแท้ในร่างกายเพิ่มพูนขึ้นมาก การใช้เวลาเป็นร้อยปีผ่านประสบการณ์อันโชกโชนนั้น จิตใจเข้มแข็งดั่งหินผา จิตใจของเยี่ยเทียนที่เข้าถึงระดับเจี่ยตันแล้วอาจจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าศิษย์พี่ทั้งสอง


โก่วซินเจียพูดจบเมฆดำบนฟ้าก่อตัวหนาขึ้น ทั้งผืนฟ้าเหมือนกับกำลังกดทับลงบนผืนดิน สายฟ้าหลายเส้นส่องสว่างเหมือนงูสีเงินที่โลดแล่นดูแล้วน่าประหวั่นพรั่นพรึง


พลังอำนาจสวรรค์อันเกรียงไกรแผ่ออกไปหลายสิบกิโลเมตรจนพวกของเยี่ยเทียนทนลอยอยู่บนฟ้าต่อไปไม่ได้ จำต้องหายอดเขาสักแห่งหลบพัก โชคดีที่พวกเขามีสายตาดีเยี่ยมยังคงมองเห็นภาพเงาของเจ้ามังกรดำรับเคราะห์อัสนีสวรรค์จากที่ไกลๆ


“แว้ก!”


สายฟ้าลำเท่าแขนเด็กพร้อมกับพลังทำลายล้างพิภพฟาดลงมาใส่ตัวมังกรดำ พลังของมันทำให้พวกเยี่ยเทียนเห็นแล้วหวาดหวั่น แต่เจ้ามังกรดำกลับยื่นตัวขึ้นไปรับลำสายฟ้าลำนั้นให้พุ่งชนเข้าอย่างจังที่เขาโทนอันเดียวที่มีอยู่ของมัน ลำตัวของมันกลายเป็นแสงวูบวาบเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมา


“แว้กกกกก!”


มันร้องคำรามลากเสียง ร่างใหญ่โตดีดดิ้น บึงน้ำทั้งหมดส่องสว่างไปด้วยแสงสายฟ้า


ท่าทางพิสดารของมังกรดำที่รับเคราะห์อัสนีสวรรค์นั้นไม่รู้สึกรู้สา พลังของสายฟ้ากลับทำให้ร่างกายของมันสมบูรณ์ขึ้นจากเดิม ราวกับเป็นบันไดที่ใช้กลายร่างไปอีกขึ้น พอรู้ถึงประโยชน์ดังนี้แล้วมังกรดำยิ่งปล่อยพลังออกมามากขึ้นเพื่อดึงดูดสายฟ้าอัสนีสวรรค์


สวรรค์รับรู้ถึงความท้าทายของมัน สายฟ้าหลายเส้นฟาดฟันลงมา ภายในครู่เดียวบึงน้ำมังกรดำถูกส่องสว่างไปทั่ว เงาร่างอันใหญ่โตของมันผลุบๆโผล่ๆ ตอนนี้เสียงร้องของมันโหยหวนปนความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าสุดจะทนแล้ว


“บรรพชนเต๋าซานชิง สาย…สายฟ้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน?”


นอกจากเหลยหู่ที่เคยได้เห็นการรับเคราะห์จากอัสนีสวรรค์มาจากเกาะเวียน เผิงไหลแล้ว พวกโก่วซินเจียเห็นภาพแปลกตาตรงหน้า แต่ละคนตะลึงอ้าปากค้าง ถ้าเป็นพวกเขาที่ไปรับเคราะห์อยู่ตรงนั้นแทนมังกรดำ แค่สายฟ้าลำเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว


“ถ้าผ่านไปได้ก็มีความหวังจะได้เป็นมังกรเทพ อัสนีสวรรค์นี้จะธรรมดาได้ที่ไหน?”


เยี่ยเทียนพูดออกมาลอยๆ แม้เขากำลังดูเจ้ามังกรดำรับภัยสวรรค์อยู่ แต่ตัวเองก็กำลังพยายามกักเก็บพลังดั้งเดิมของเขาเอาไว้ แล้วยังใช้ดวงจิตไปครอบคลุมบริเวณทั้งหมดที่เกิดอัสนีสวรรค์เอาไว้ด้วย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของมังกรดำ เยี่ยเทียนไม่อยากให้ใครมารบกวน


หนานไหวจิ่นหลังจากได้ระดับเซียนเทียนแล้ว ก็เคยไปที่ภูเขาชิงเฉิงเพื่อตามหาเซียน แม้จะไม่พบใครเลยแต่เยี่ยเทียนก็ไม่กล้าประมาทด้วยกลัวว่าจะมีผู้ฝึกวิชาที่มาจากดินแดนแห่งทวยเทพอีก

 

 

 


ตอนที่ 936 มังกรดำผ่านภัยสววรค์ (3)

 

“พ่อครับ มังกรตัวนั้นจะไม่โดนฟ้าผ่าตายใช่ไหม?”


การมองเห็นของเยี่ยชิวน้อยสู้พวกพ่อของเขาไม่ได้ จึงมองเห็นเพียงฟ้าแลบและเสียงฟ้าร้องอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งปรากฏอยู่ในนั้น มือที่จับพ่อเอาไว้ก็มีเหงื่อไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นมากแค่ไหน


“ไม่หรอก มังกรดำเป็นพันธุ์ที่แตกต่างจากพวกงู บวกกับปราณวิเศษที่เบาบางในโลกนี้ พลังอานุภาพของสายฟ้าฟาดจึงอ่อนแออยู่บ้าง มังกรดำจึงสามารถรับมือได้ทั้งหมด!”


เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงส่ายหน้า พร้อมกับจิตใจที่ผ่อนคลาย เขาสามารถมองเห็นมังกรดำที่ถูกปกคลุมอยู่ท่าม กลางฟ้าแลบ ถึงแม้เกล็ดที่อยู่บนลำตัวจะถูกทำลายจนทะลุหมดแล้ว แต่กายเนื้อขนาดมหึมาก็ได้ดูดซับพลังแห่งฟ้าดินที่อยู่ในสายฟ้าเข้าไปภายในร่างกายจนหมดสิ้น ทำให้ร่างกายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่น่าอัศจรรย์


เมื่อมองถึงตรงนี้ ในใจของเยี่ยเทียนจึงตระหนักรู้ขึ้นมาทันที


สายฟ้าฟาดไม่ใช่การลงทัณฑ์จากสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการลงโทษผู้ฝึกตนที่คิดว่าตัวเองฝึกวรยุทธแล้วจะสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของกฎแห่งสวรรค์ได้ และตัวของมันก็เป็นเหมือนจังหวะกับโอกาสขนานใหญ่ ขอเพียงสามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ทั่วทั้งตัวก็จะเกิดการลอกคราบใหม่จากการถูกพลังของฟ้าผ่า แล้วเข้าสู่โลกใบใหม่


ก็เหมือนกับมังกรดำที่กำลังรับเคราะห์สายฟ้าฟาดอยู่ในตอนนี้ ร่างกายของมันที่ถูกสายฟ้าช็อตนั้น ได้ทำให้มันยิ่งมั่นคงมากขึ้น เดิมทีลำตัวที่ยาวสามสิบกว่าเมตร เวลานี้เกือบจะยาวถึงห้าสิบเมตรแล้ว และเขาเดียวที่อยู่ตรงหน้าผากก็ปรากฏแสงแวบๆ ของกระแสไฟเช่นกัน แถมยังดูดซับพลังปราณชีวิตแห่งฟ้าดินของสายฟ้าเข้าไปในกายเนื้อได้โดยตรงอีกด้วย


มังกรดำได้รับความเมตตาจากสวรรค์ ได้ฝึกบำเพ็ญตบะอยู่ในจุดหยินหยางที่มหัศจรรย์นี้เป็นเวลานับร้อยปี แถมยังได้รับวิชาการบำเพ็ญตบะของปีศาจ ถึงจะยังไม่ถึงระดับต้าเยา แต่ก็ฝึกถึงระดับเน่ยตันแล้ว การลงทัณฑ์ของสวรรค์ระดับนี้ถือว่าดูถูกมันเกินไปแล้ว


เสียงมังกรคำรามทอดยาวออกมาจากปากของมัน จากนั้นมังกรดำจึงพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า โบกหางที่ใหญ่ยักษ์ของมันกวาดก้อนเมฆจนเกิดความกดอากาศต่ำ ร่างกายขนาดมหึมาผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางก้อนเมฆสีดำ ราวกับกำลังจะโจมตีสายฟ้าฟาดที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าให้พังทลายลงมา


“เปรี๊ยง!”


หลังจากที่หางของมังกรดำกวาดก้อนเมฆแล้ว จึงเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วฟ้าดิน ก้อนเมฆที่ดูเหมือนจะตกถึงพื้นราวกับถูกกระตุ้นให้เกิดความพิโรธ พุ่งขึ้นไปข้างบนในทันใด สายฟ้าแลบแปรบปราบ จากนั้นสายฟ้าสิบแปดสายที่หนาเท่ารอบเอวก็ผ่าลงมาติดๆ กัน กระหน่ำลงไปบนตัวของมังกรดำอย่างไม่หยุดยั้ง


“โกรล!”


ถึงแม้มังกรดำจะมีร่างกายแข็งแกร่งราวเหล็กไหล มีเกราะเกล็ดที่ไม่สามารถทำลายได้ แต่เกล็ดเหล่านั้นก็ยังถูกสายฟ้าสิบแปดสายฟาดลงจนแตกสลาย เลือดสีดำเป็นสายพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน มังกรดำร้องคำรามเสียงยาวออกมาจากปากของมันด้วยความเจ็บปวดทรมาน ร่างกายร่วงหล่นลงไปนับสิบเมตร จากนั้นจึงไม่ลองดีเพื่อกำจัดสายฟ้าฟาดอีก


แต่หลังจากฟ้าผ่าสิบแปดสายผ่านไป ความเร็วและความถี่ของเคราะห์สายฟ้าฟาดบนท้องฟ้าก็ช้าลงเป็นอย่างมาก กระแสไฟแต่ละสายที่ผ่ามาบนตัวของมังกรดำ กลับมีเสน่ห์ของมหามรรคแห่งเต๋าที่ยากจะพรรณนาออกมาได้ จากนั้นสายฟ้าก็หลบเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของมังกรดำ


แต่ว่าอัสนีสวรรค์ที่เกิดหลังจากนั้นกลับยิ่งทวีความน่ากลัวขึ้น สายฟ้าที่ฟาดลงมาแต่ละสายล้วนแต่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจไปทั่วฟ้าดิน ปกคลุมทั่วทั้งร่างของมังกรดำ ส่งเสียงร้องคำรามที่น่าเวทนาออกมาไม่หยุด เขาเดียวที่เป็นประกายที่อยู่เหนือหัวของมังกรดำนั้นก็มีสีหม่นลง


“นั่นก็คือเต๋า?”


เยี่ยเทียนที่มีวรยุทธเหนือคนอื่นยืนอยู่บนยอดเขาไกลๆ ทำให้เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในสายฟ้าอย่างชัดเจน ตอนที่ร่างกายของมังกรดำถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้านั้น เขาจับบางอย่างได้ทันที จึงอดส่งสายตาที่แปลกประหลาดออกมาอย่างช่วยไม่ได้


สิ่งที่แฝงอยู่ในการลงทัณฑ์ของสวรรค์นั้นไม่เพียงแฝงไปด้วยการเข่นฆ่าหรือเต๋าไร้รูปเท่านั้น หากแต่มีโอกาสในการรอดชีวิตอยู่เสมอ ขอเพียงสามารถต้านทานไหว นั่นก็จะกลายเป็นพื้นที่ของโลกใบใหม่


ถึงแม้ตอนนี้มังกรดำจะร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทรมาน แต่โอกาสในการรอดชีวิตกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลังแห่งเต๋าที่มองไม่เห็นหลบซ่อนเข้าไปอยู่ในร่างกายของมัน ทำให้มันเกิดการพัฒนาของการดำรงชีวิตอยู่ขึ้นไปอีกขั้น และสายฟ้าฟาดมาทำร้ายมันก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ


หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ก็ตามมาด้วยเสียงร้องคำรามด้วยความดีอกดีใจ ก้อนเมฆที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้ากระจายออกในที่สุด แสงดาวสาดส่องลงมา พระจันทร์สุกสกาวส่องไปทั่วพื้นดินโดยทะลุผ่านก้อนเมฆที่ยังกระจายออกไปไม่หมด


ร่างกายของมังกรดำลอยผ่านกลุ่มก้อนเมฆ อ้าปากกลืนก้อนเมฆเข้าไปแล้วก็พ่นออกมา จากนั้นจึงเกิดฝนตกหนักในระยะสิบลี้ขึ้นมากระทันหัน แม้แต่เยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ที่อยู่บนยอดเขาก็ยังตัวเปียกไปด้วยน้ำฝนไม่น้อยเช่นกัน


“นี่…คือร่างกายครึ่งหนึ่งของมังกรใช่ไหม?”


เมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์ของมังกรดำแล้ว ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง นอกจากเขาเดียวที่อยู่เหนือหัวแล้ว มังกรดำก็ไม่มีความแตกต่างใดๆ จากมังกรที่อยู่ในตำนานเลยสักนิดเดียว โดยเฉพาะความสามารถในการสร้างเมฆและฝน ที่มีเพียงเจ้าสมุทรทั้งสี่ที่อยู่ในตำนานเท่านั้นที่สามารถทำได้


“โกรล…”


เสียงร้องคำรามดังขึ้น มังกรดำปรากฏตัวแวบไปแวบมาอยู่กลางท้องฟ้า บินมายังทิศทางของเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ขณะที่ใกล้จะบินมาอยู่ตรงหน้านั้นเยี่ยเทียนกลับพบว่า เดิมทีเกล็ดที่ดำขลับของมังกรดำ ตอนนี้ได้กลายเป็นสีทองไปหมดแล้ว หลังจากที่มันเข้ามาใกล้ๆ พลังอานุภาพกลุ่มหนึ่งก็ปกคลุมเข้ามาอย่างท่วมท้น เยี่ยเทียนจึงต้องปล่อยปราณแท้ออกมา ถึงได้ปกป้องคนอื่นที่อยู่ข้างกายตัวเองไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ


“นี่มังกรดำ แกช่วยเก็บพลังปราณชีวิตของแกหน่อย”


ถึงแม้มังกรดำจะเลื่อนขั้นสำเร็จ แต่เยี่ยเทียนก็สามารถสัมผัสได้ว่า มันไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตัวเองเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเขาจึงพูดจาเป็นกันเองกับมันเหมือนเคย


เยี่ยเทียนในตอนนี้สามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่พลุ่งพล่านราวกับท้องทะเลอยู่ภายในร่างกายของมัน ส่วนขอบเขตพลังของมันนั้น เขาไม่สามารถมองออกได้อีกต่อไป และพลังอานุภาพที่ล้นออกมาจากตัวของมัน ก็ยังทำให้จิตใจของเยี่ยเทียนต้องสั่นสะท้าน เหมือนกับสิงห์ขนทองที่เขาเจอบนเกาะเทวดาเผิงไหลในตอนนั้น


แต่พื้นที่ของโลกก็ยังสู้เกาะเทวดาเผิงไหลที่ถูกผนึกไว้ไม่ได้ และพลังปราณชีวิตที่อัดแน่นและล้นออกมาจากตัวของมังกรดำนั้น ก็ยังทำให้อากาศที่อยู่รอบๆ เกิดระลอกคลื่นออกมาเป็นระยะ รอยแตกแยกเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏอยู่รอบ ตัวของมัน


“สหาย ฉันต้องไปแล้ว อยู่ที่นี่ถูกกดดันด้วยมหามรรคแห่งเต๋า ถึงแม้จะอาศัยอยู่มานานนับร้อยปี แต่ก็ไม่สามารถพัฒนาไปอีกขั้นได้!”


หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว มังกรดำจึงเก็บพลังปราณชีวิตเล็กน้อย เพียงแต่หลังจากที่มันเลื่อนขั้นเป็นมังกรน้ำจริงๆ แล้ว พื้นที่ที่อ่อนแอบริเวณนี้ก็ไม่สามารถแบกรับมันได้อีกต่อไป พื้นที่ที่อยู่รอบตัวยังคงไม่เสถียรเช่นเดิม ราวกับว่าสามารถฉีกออกได้ตลอดเวลา


พลังปราณชีวิตต้นกำเนิดที่ล้นออกมาจากพื้นที่เหล่านั้น ทำให้ปราณวิเศษที่อยู่ในโลกนี้เกิดความหนาแน่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังเยี่ยเทียนจึงเกิดความตื่นเต้นดีใจ อยากจะพุ่งขึ้นไปในพื้นที่ที่อยู่นอกโลกอย่างอดใจไม่ไหว


“แกจะไปที่ไหน?”


เยี่ยเทียนได้ยินแล้วตกตะลึง จึงถามว่า


“แกจะไปเขตแดนแห่งทวยเทพใช่หรือเปล่า? ฉันมีแผนที่อยู่ในมือ สามารถส่งแกไปที่นั่นได้!”


ด้วยวรยุทธของเยี่ยเทียนกับมังกรดำในเวลานี้ จากเทือกเขาฉางไป๋ซานไปเทือกเขาคุนหลุน ใช้เวลาหายใจสั้นๆ เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น นอกจากนี้เยี่ยเทียนก็รู้วิธีการเปิดเขตแดน จึงสามารถส่งมังกรดำเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหา


“ครั้งนี้หลังจากที่ข้าเลื่อนขั้นแล้ว ในหัวได้รับวิชาถ่ายทอดมากมาย สถานที่ที่ข้าจะไปเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการบำเพ็ญตบะของเผ่าปีศาจ ไม่ใช่เขตแดนแห่งทวยเทพเหมือนอย่างที่แกพูด!”


มังกรดำส่ายหน้าแล้วพูดว่า


 “เยี่ยเทียน แกจะไปกับข้าหรือไม่? ตัวข้ามีสายเลือดของมังกรทองห้ากรงเล็บ แม้ว่าจะไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจ ก็จะไม่ถูกรังแก สามารถปกป้องความปลอดภัยของพวกแกทุกคนได้ และที่นั่นก็มีเผ่ามนุษย์อาศัยอยู่เช่นกัน!”


หลังจากเลื่อนขั้นเป็นต้าเยาแล้วก็มีระดับเท่ากับจินตันเหมือนพวกมนุษย์ สมองของมังกรดำจึงมีความชัดเจนมากขึ้น มันรู้สึกอาลัยอาวรณ์เพื่อนคนเดียวของมันเป็นอย่างมาก และมันก็รู้ว่า เยี่ยเทียนอยู่ห่างจากระดับจินตันอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ถ้าหากเขาสามารถผ่านการลงทัณฑ์สวรรค์ระดับจินตันได้สำเร็จ แม้ว่าจะไปอยู่ในพื้นที่ของเผ่าปีศาจก็ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเช่นกัน


“สหาย ฉันก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่ฉันยังมีห่วงอยู่!”


เยี่ยเทียนถอนหายใจ หลังจากที่ฝึกจิตอยู่ในโลกมนุษย์มานับสิบปี เยี่ยเทียนก็ยังมองเรื่องการเกิด การตายและการพรากจาก ไม่ทะลุปรุโปร่งเสียที ถึงแม้ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาตัวเองจะไม่ได้ฝึกวรยุทธเลย แต่เขากลับฝึกปรุงยาและตามหายาอายุวัฒนะ เพื่อช่วยยืดอายุขัยของคนในครอบครัว แล้วจะยอมตัดใจไปกับมังกรดำได้อย่างไร?


“พ่อครับ พวกเราจะไปไหนเหรอ? แล้วแม่จะทำยังไงครับ?”


เยี่ยชิวน้อยที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะมองอะไรออกแล้ว จึงจับมือของเยี่ยเทียนแน่น เพราะเขาไม่อยากให้สัตว์ประหลาดตัวนี้พรากพ่อไปจากเขา


“พ่อจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”


เยี่ยเทียนลูบศีรษะน้อยๆ ของลูกชายด้วยความรัก จากนั้นจึงหันมามองโก่วซินเจียและคนอื่นๆ แล้วพูดว่า


“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกพี่อยากจะไปด้วยกันไหม? ไปกับมังกรดำ เพราะพื้นที่ของที่นั่นเหมาะสมกับการฝึกวรยุทธมากกว่า”


เยี่ยเทียนรู้นานแล้ว ว่าพลังจิตของโก่วซินเจียพัฒนาเร็วมากในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าหากไม่ใช่เพราะปราณวิเศษในโลกมนุษย์ที่มีจำกัด เกรงว่าเขาคงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นกลางไปนานแล้ว แต่ทุกคนไม่ยอมจากไปเพื่อรอเขา จึงทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง


“ไม่เป็นไร การฝึกวรยุทธในโลกมนุษย์อีกร้อยปี ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป!”


โก่วซินเจียส่ายหน้า เพราะไม่มีความคิดที่จะจากไป ในเมื่อเขตแดนการฝึกตนของพวกมนุษย์เขายังไม่ยอมเข้าไป นับประสาอะไรกับพื้นที่ของเผ่าปีศาจ มีเพียงตัวเองที่สามารถครอบครองความแข็งแกร่งได้เท่านั้น โก่วซินเจียถึงจะพิ จารณายอมเข้าไปสู่โลกของปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างแท้จริง


เมื่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นๆ ไม่ยอมไปกับมังกรดำ เยี่ยเทียนจึงเงยหน้าแล้วพูดว่า


“มังกรดำ ขอบใจสำหรับความหวังดี การจากกันในวันนี้ พวกเรายังสามารถเจอกันได้อีกในวันหน้า!”


“ก็ได้ เยี่ยเทียน อย่าลืมมาหาข้านะ!”


มังกรดำจ้องมองเยี่ยเทียนด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ถึงแม้มนุษย์กับปีศาจจะมีเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่เยี่ยเทียนกลับเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่มันเชื่อใจ การจากกันในวันนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไร มังกรดำจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากเช่นกัน หลังจากส่งกระแสจิตเข้าไปในหัวของเยี่ยเทียนแล้ว ร่างกายขนาดใหญ่ของมังกรดำจึงบินไปยังบึงน้ำมังกรดำ


บินอยู่เหนือบึงน้ำมังกรดำที่มันอาศัยนานนับร้อยปีอยู่พักหนึ่ง แล้วมังกรดำก็แหงนหน้าส่งเสียงร้องคำรามออกมา ระลอกคลื่นออกมาจากปากของมันพุ่งขึ้นไปยังขอบฟ้า ในขณะเดียวกัน กรงเล็บส่วนหน้าของร่างกายก็ฉีกไปทางซ้ายและขวา เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของมังกรดำทันที


พลังปราณชีวิตแห่งฟ้าดินอันบริสุทธิ์ล้นทะลักออกมาจากรอยแยกนั้น เมื่อมองทะลุผ่านรอยแยกเข้าไปก็จะมองเห็นภูเขาสูงและแม่น้ำสายใหญ่รวมทั้งธาตุแท้ของปราณวิเศษของฟ้าดิน เสือและลิงส่งเสียงร้องคำรามอยู่บนภูเขาสูงตระหง่าน เกิดเป็นภาพวาดโบราณภาพหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที


“ลาก่อน สหาย!”


มังกรดำร้องคำรามเสียงยาวออกมาพักหนึ่ง และตอนที่รอยแยกกำลังจะปิดนั้น ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของมันก็เบียดเข้าไป หลังจากเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้นแล้ว รอยแยกระหว่างฟ้าดินก็บรรจบเข้าหากัน พื้นที่ที่เกิดความสับสนวุ่นวายพลันสงบนิ่งขึ้นมา


“และแล้วโลกก็ไม่เหมาะสมให้ผู้ฝึกตนดำรงอยู่อีกต่อไปจริงๆ!”


โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ต่างก็มองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า จึงรู้สึกเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง พวกเขามีความรู้สึกบางอย่าง ถ้าหากตัวเองสามารถอยู่ในพื้นแบบนั้นได้ วรยุทธของพวกเขาจะต้องก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดแน่นอน

 

 

 


ตอนที่ 937 หนึ่งร้อยปีผ่านไปเพียงแวบเ...

 

“ศิษย์น้องเล็ก เธอไม่เป็นไรนะ!”


หลังจากมังกรดำหายไปแล้ว เยี่ยเทียนก็จ้องมองพื้นที่ที่ปิดสนิทไปแล้วตลอดเวลา โก่วซินเจียจึงคิดว่าเขาคงจะเสียใจ จึงรีบพูดว่า


“วันหลังพวกเราก็จะได้ไปอยู่ที่นั่น ศิษย์น้องเล็กไม่ต้องกังวลหรอก!”


“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้!”


เยี่ยเทียนได้สติกลับมา แล้วจึงยิ้มพลางโบกมือ ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งของเขา เรื่องใดที่ตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีทางเสียใจ นับประสาอะไรกับตัวเองที่ยังอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ และการฝึกจิตนั้นก็สำคัญเป็นอย่างมาก ก็เหมือนอย่างใน ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้เยี่ยเทียนจะไม่มีการพัฒนาอะไร แต่จิตแห่งหยางของเขานั้นกลับกระชับแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ


เมื่อครู่ที่เยี่ยเทียนลืมสติ เป็นเพราะมังกรดำส่งข้อมูลบางอย่างให้เขา ในนั้นนอกจากจะมีเขตแดนของพื้นที่การบำเพ็ญตบะของปีศาจแล้ว ยังมีการแนะนำและตำแหน่งที่เป็นจุดเชื่อมต่อต่างๆ ของพื้นที่อีกสองสามแห่ง


หนึ่งในเขตแดนที่อยู่ในนั้น เยี่ยเทียนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่นั่นมีปราณวิเศษที่เต็มเปี่ยมแต่มีผู้ฝึกตนน้อยมากมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเขตแดนแห่งทวยเทพหลายเท่า จึงทำให้เยี่ยเทียนหวั่นไหวเล็กน้อย เพราะการเลือกของเขาหลังจากนี้ไม่ได้มีแค่เขตแดนแห่งทวยเทพเพียงอย่างเดียว


“พ่อครับ ต่อไปพ่อก็จะไปที่นั่นเหมือนกันใช่ไหมครับ?”


เด็กอายุสิบกว่าขวบก็รู้เรื่องมากมายแล้ว เยี่ยชิวน้อยจึงมองพ่อด้วยความกังวล เพราะวันนี้เขาเพิ่งรู้ว่า พ่อที่ชอบเถียงกับคุณปู่คุณย่าบ่อยๆ และอยู่บ้านเฉยๆ ที่แท้ก็เป็นบุคคลที่เหมือนกับเทวดาคนหนึ่ง ทำให้เด็กน้อยไม่สามารถปรับตัวได้ทันในเวลาอันรวดเร็ว


“พ่อไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าของหนูแล้วก็แม่ของหนูด้วย”


เยี่ยเทียนลูบศีรษะของลูกชาย เพราะมีบางสิ่งก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับเด็ก รอให้เขาเข้าสู่ระดับเซียนเทียนก่อน จากนั้นเขาก็จะเข้าใจโลกของผู้ฝึกตนเอง


การรับเคราะห์ของมังกรดำนำมาซึ่งความสั่นสะเทือนให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเขาได้เห็นโลกอีกใบหนึ่ง แม้แต่เหลยหู่ที่ไม่สนใจเรื่องการฝึกวรยุทธ ก็เริ่มส่งมอบงานที่อยู่ในสำนักเสื้อป่านให้กับเด็กกำพร้าที่รับมาเลี้ยงแล้ว จากนั้นตัวเองก็เริ่มเก็บตัวถือศีล


ส่วนเยี่ยเทียนนั้นก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในเรือนสี่ประสานในปักกิ่ง ใช้ชีวิตธรรมดาและสงบสุข นอกจากการฝึกเขียนพู่กันจีนแล้ว เขาก็ชอบทำอาหาร ดังนั้นจึงรับหน้าที่พ่อครัวใหญ่ของบ้านมาจากป้าใหญ่ที่มีอายุมากกว่าแปดสิบปี


เยี่ยเทียนจะถือตะกร้าผักไปซื้อผักที่ตลาดทุกเช้าของทุกวัน และเพื่อเงินเพียงเล็กน้อยเขาก็สามารถถกเถียงกับพ่อค้าขายผักได้นานครึ่งค่อนวัน เมื่อเห็นคนในบ้านชื่นชมฝีมือการทำอาหารของตัวเอง เยี่ยเทียนจึงมีรอยยิ้มชื่นบานบนใบหน้าของเขาของเขาบ่อยๆ


เผลอแวบเดียวก็ผ่านไปสิบปีกว่า เยี่ยเทียนก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว ความสดใสและอ่อนเยาว์บนใบหน้าสมัยหนุ่มๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมคนหนึ่ง เขาไม่ต่างจากหัวหน้าครอบครัวของครอบครัวธรรมดาทั่วไป เวลาพูดคุยกับพ่อแม่และภรรยา ส่วนใหญ่จะชอบพูดถึงลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเสมอ


เยี่ยตงผิงและภรรยาก็อายุเจ็ดสิบกว่าปี เห็นได้ชัดถึงความแก่ชรา แต่ถือว่าร่างกายยังแข็งแรงอยู่ สองสามีภรรยาสูงอายุยังเคยไปเที่ยวรอบโลกเมื่อปีที่แล้ว เมื่อได้ท่องเที่ยวไปหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้จิตใจเป็นหนุ่มเป็นสาวมากขึ้น


แต่ปีนี้ ซ่งเฮ่าเทียนถึงแก่กรรมเมื่ออายุหนึ่งร้อยแปดปี สำหรับประเทศนี้ได้ให้การประเมินที่สูงสุดสำหรับชีวิตเขา และผู้นำสูงสุดของประเทศทั้งสามคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็มาร่วมงานไว้อาลัยเขา ถือว่าเป็นการยกย่องที่สูงมาก


การจากไปของซ่งเฮ่าเทียนเป็นการแสดงถึงการสิ้นสุดของบุคคลในยุคนั้น และสองปีต่อมา ถังเหวินหย่วนก็เสียชีวิตที่ฮ่องกงด้วยอายุหนึ่งร้อยสิบปี เยี่ยเทียนที่ไม่เคยออกจากเมืองปักกิ่งตลอดเวลาสิบปีก็ได้มาที่ฮ่องกง เพื่อมาร่วมงานศพของถังเหวินหย่วน


ตอนนั้นถังเสวี่ยเสวี่ยที่ป่วยด้วยโรคเส้นลมปราณเก้าหยินขาด เวลานี้กลายเป็นคุณหญิงที่แต่งงานแล้ว และมีลูกชายอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีแล้วเช่นกัน แต่ถังเสวี่ยเสวี่ยก็ยังคงผูกพันกับพี่ชายในตอนนั้นเหมือนเดิม เธอลากเยี่ยเทียนมานั่งคุยหวนรำลึกเรื่องในอดีตตลอดช่วงบ่าย


หลังจากร่วมงานศพของถังเหวินหย่วนแล้ว เยี่ยเทียนจึงรับพวกลูกศิษย์ไปสำนักใหญ่ของสำนักเสื้อป่านที่อยู่ในฮ่องกง สำนักเสื้อป่านในเวลานี้ กลายเป็นองค์กรการกุศลระดับนาชาติไปแล้ว จึงได้รับชื่อเสียงที่สูงมากในประ เทศต่างๆ


แน่นอนว่า ประโยชน์สำคัญของการดำรงอยู่ของสำนักเสื้อป่านนั้น คือการถ่ายทอดบุคคลที่มีความสามารถต่างๆ ของสำนักเสื้อป่านให้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้คนที่เป็นหางเสือของสำนักเสื้อป่าน เยี่ยเทียนได้มอบให้กับเจียงซานลูกศิษย์คนที่สามของเขา และเมื่อสิบปีก่อน เยี่ยเทียนก็ได้มอบตำแหน่งหัวหน้าสำนักเสื้อป่านให้กับเธอแล้ว


เจียงซานก็ไม่ทำให้เยี่ยเทียนต้องผิดหวัง เธอที่อายุไม่ถึงสี่สิบปี บัดนี้ได้เป็นประธานสมาพันธ์อี้จิงระดับนานาชาติไปแล้ว เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในด้านวัฒนธรรมศาสตร์วิชาลี้ลับ และยังสามารถเผยแพร่วิชาการทำนายดูดวงโชคชะตาของโจวอี้ของประเทศจีนไปยังโลกตะวันตกได้สำเร็จ


เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันตก หากพูดถึงการทำนายโชคชะตา ก็จะเข้าใจว่าเป็นวัฒนธรรมประเพณีอย่างหนึ่ง และไม่มีใครเอาไปเปรียบเทียบกับระบบไสยศาสตร์ศักดินาอะไรอีก สาขาของสำนักเสื้อป่านที่ปรากฏในประเทศต่างๆ มากมาย ก็เหมือนกับการทำนายดวงโชคชะตาเช่นกัน และกลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่พิเศษเฉพาะตัวไม่น้อยในชีวิตประจำวันของผู้คนมากมายไปแล้ว


ถึงแม้ต้นกำเนิดของสำนักเสื้อป่านจะมาจากประเทศจีน แต่กลับได้รับความเจริญรุ่งโรจน์ในฮ่องกง บรรดาลูกศิษย์ส่วนใหญ่จึงอาศัยอยู่ในฮ่องกง การมาของเยี่ยเทียนจึงทำให้เกิดการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของสำนักเสื้อป่าน แม้แต่โก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นที่ไปท่องเที่ยวที่ไหนมาก็ไม่รู้ก็ยังต้องกลับมา


“เธอทำได้ดีกว่าฉันมาก!”


หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์ที่ไหล่เขาแล้ว เยี่ยเทียนจึงพูดประโยคนี้กับเจียงซาน ที่เขาอุทิศตนมากกมายเพื่ออาจารย์ บางทีก็เพื่ออยากจะรับเจียงซานเป็นศิษย์ แบบนี้ถึงจะทำให้ความฝันของอาจารย์หลี่ซั่นหยวนกลายเป็นความจริง


“อาจารย์ ท่านแก่แล้ว!”


เมื่อกราบเป็นศิษย์ของสำนักเยี่ยเทียนมานานกว่ายี่สิบปี ต่างฝ่ายต่างมีความสนิทสนมเหมือนกับคนในครอบครัว เจียงซานพบว่า รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเยี่ยเทียนเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อสองสามปีก่อน พร้อมกับแววตาที่แสดงความรู้สึกของผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน


“ใช่แล้ว ศิษย์น้องเล็ก หลายปีที่ผ่านมานี้เธอไม่ได้ฝึกวรยุทธเลยใช่ไหม?”


โก่วซินเจียมองดูเยี่ยเทียนแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะการฝึกเต๋านั้นก็เหมือนกับการพายเรือทวนกระแสน้ำ การฝึกจิตในโลกมนุษย์ไม่ได้หมายถึงการละทิ้งร่างกายที่ฝึกวรยุทธของตัวเองนี้ และด้วยวรยุทธของเยี่ยเทียนแล้ว เวลาและอายุไม่สมควรมีร่องรอยเหล่านี้อยู่บนใบหน้าของเขา


ต่อให้เป็นโก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นถึงแม้หลายปีที่ผ่านมาจะไม่ได้ฝึกวรยุทธอย่างเคร่งครัดก็ตาม แต่ใบหน้าของพวกเขาก็ยังรักษาสภาพของคนอายุสี่สิบกว่าปีเอาไว้อยู่ ถ้าหากพวกเขาคิดอยากจะลดอายุให้หนุ่มกว่านี้อีกสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา


“ศิษย์พี่ใหญ่ ผมยังเป็นหนุ่มเหมือนเดิม จึงควรจะมีประสบการณ์ของการเกิดแก่เจ็บตายบ้าง!”


เยี่ยเทียนเผยรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา การฝึกมหามรรคแห่งอายุวัฒนะไม่ควรถือสาเรื่องของความตาย บนโลกใบนี้มีเกิดก็ต้องมีตาย นี่คือสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ความตายก็เหมือนกับโอกาสในการรอดชีวิต ทุกปีเวลาที่ต้นไม้แก่ในเรือนสี่ประสานเฉาตายก็จะมีการงอกขึ้นมาใหม่ และมักจะทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเสมอ


“ก็จริง ความงดงามก็เป็นเหมือนก้อนเมฆที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป!”


หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว โก่วซินเจียจึงหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา


ทั้งชีวิตของโก่วซินเจียถือว่าเจอมรสุมามากมาย ประสบเหตุการณ์ใหญ่สำคัญของประวัติศาสตร์มามาก เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนจึงเห็นแจ้งเกี่ยวกับความเป็นความตายของโลกมนุษย์มานานแล้ว เขาจึงมีจิตใจที่สูงกว่าเยี่ยเทียนอย่างมากในเวลานี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะได้รับการควบคุมกฎแห่งฟ้าดินของโลกล่ะก็ เกรงว่าวรยุทธของโก่วซินเจียน่าจะตามเยี่ยเทียนทันแล้ว


“ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นเพราะผม จึงทำให้พวกท่านต้องลำบาก!”


เยี่ยเทียนยังคงรู้สึกละอายใจต่อโก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นมาตลอด ตอนนี้พวกเขามีวรยุทธระดับเซียนเทียน มีอายุขัยสองร้อยกว่าปี แต่เนื่องจากต้องรอตัวเอง จึงทำให้วรยุทธไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้เข้าสู่เขตแดนฝึกตนในภายหลัง แต่ก็เกรงว่าพวกเขาไม่อาจจะบรรลุขั้นจินตันได้


“ศิษย์น้องเล็ก อย่าพูดแบบนี้เลย ศิษย์พี่มั่นใจว่า วันหลังจะต้องสำเร็จไม่น้อยไปว่าเธอแน่นอน!”


โก่วซินเจียได้ยินแล้วจึงโบกมือ ที่เขาพูดเช่นนี้ไม่ได้เป็นการปลอบใจเยี่ยเทียน แต่พูดออกมาจากใจจริง เพราะเวลานี้จิตใจของเขาได้สูงกว่าวรยุทธของเขาไปมากแล้ว ขอเพียงได้สถานที่ที่มีปราณวิเศษเต็มเปี่ยม เขาก็สามารถบรรลุระดับจินตันขั้นปลายได้โดยตรง


“ครับ รอผมช่วยดูแลพ่อกับแม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วพวกเราศิษย์พี่น้องก็จะบุกไปยังโลกของการฝึกตนด้วยกัน!”


เยี่ยเทียนพยักหน้าจริงจัง เมื่อผ่านการฝึกฝนจิตใจในช่วงยี่สิบปี่ที่ผ่านมา เขาจึงมั่นใจที่จะฝ่าด่านการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้มากกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะไม่มีกายเนื้อที่เปลี่ยนไปเหมือนกับมังกรดำ แต่เยี่ยเทียนเชื่อมั่นว่า อัตราความสำเร็จของการผ่านเคราะห์นี้ก็มีมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย



เวลาคือนักฆ่าชีวิตของทุกสิ่ง เวลาที่ผ่านไปมีการล้มหายตายจากไปมากมาย ไม่ว่าเมื่อก่อนคุณจะเป็นผู้มีอิทธิ พลมากแค่ไหนหรือเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาก็ตาม หลังจากตายไปแล้วก็กลับสู่ดินเช่นเดิม แล้วผู้คนก็จะเริ่มลืมคุณไปอย่างช้าๆ


หลังจากสามสิบปีผ่านไป ผู้อาวุโสอย่างประธานาธิบดีเยวี่ยก็ได้จากไปเช่นกัน มีการโยกย้ายตำแหน่งทางการเมืองระดับประเทศ และก็ไม่รู้ว่าได้เปลี่ยนผู้นำประเทศไปกี่คนแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือ ผู้นำทุกสมัยมักจะมากราบไหว้เรือนสี่ประสานที่แสนจะธรรมดาในปักกิ่งอย่างเป็นความลับเสมอ


ถึงแม้การจัดงานผู้มีพลังพิเศษสมัยแรกจะไม่สำเร็จมากนัก แต่ก็จะจัดขึ้นหนึ่งครั้งทุกสี่ปี เพียงแต่เมื่อเทียบกับครั้งแรกแล้ว จะเกิดความรุนแรงและการฆ่ากันน้อยลง และเป็นการประลองฝีมือกันอย่างแท้จริงมากขึ้น


เริ่มจากสมัยที่สองเยี่ยเทียนก็ไม่เข้าร่วมอีกเลย ทว่าโจวเซี่ยวเทียนกับเหลยหู่ กลับมีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงของผู้มีพลังพิเศษรวมทั้งประเทศต่างๆ ทั่วโลก


เมื่อก่อนเคยมีองค์กรผู้มีพลังพิเศษที่คัดค้าน แต่ผลสุดท้ายก็ถูกเหลยหู่ฆ่าตายทั้งหมด โดยเหลยหู่เป็นคนลงมือเพียงคนเดียว ทำให้สั่นสะเทือนวงการของผู้มีพลังวิเศษไปทั่วโลกเป็นอย่างมาก นับจากตอนนั้น หากที่ไหนมีคนของสำนักเสื้อป่านปรากฏตัว เสียงของความไม่ลงรอยกันจึงลดน้อยลงไปมาก


หลังจากสี่สิบปีผ่านไป บรรดาป้าๆ และน้าๆ ของเยี่ยเทียนก็ทยอยจากไปทีละคน เว่ยหงจวินเพื่อนเก่าของเยี่ยเทียนก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน คนที่ไปมาหาสู่กันตลอดจึงน้อยลงไปทันที ทำให้เรือนสี่ประสานเงียบเหงาขึ้นมาไม่น้อย


เยี่ยชิวที่เป็นลูกชายคนเดียวของเยี่ยเทียนก็เลือกทางที่เหมือนกับพ่อ เขากลายเป็นศาสตราจารย์โบราณคดีคนหนึ่ง เพียงแต่ลูกหลานของตระกูลเยี่ยมีน้อย จึงต้องมีการสืบทอดตระกูลต่อไป จากนั้นเยี่ยชิวจึงแต่งงานตอนอายุสี่สิบปีและได้ให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคน


หลังจากหกสิบปีผ่านไป เยี่ยตงผิงสองสามีภรรยาก็เดินมาจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต ตอนที่อายุสูงถึงหนึ่งร้อยสิบปีนั้น ก็ได้จากไปจากโลกนี้ในวันเดียวกัน งานศพของพวกเขาถูกจัดอย่างเป็นความลับแต่ยิ่งใหญ่ มีผู้นำประเทศของโลกมาร่วมงานนับไม่ถ้วน


หลังจากวันนี้ผ่านไป เยี่ยเทียนก็พลันแก่ลงไปมาก จอนผมสีขาวทั้งสองข้าง หน้าผากมีแต่รอยเหี่ยวย่นเต็มไปหมด เดินประคองเคียงข้างภรรยาออกมาจากหลุมฝังศพของพ่อแม่


“ชีวิตคนเรามันช่างเงียบเหงาเหลือเกิน!” หลังจากแปดสิบปีผ่านไป เฟิงค่วงสองสามีภรรยาก็จากโลกนี้ไป เมื่อ เยี่ยเทียนได้รับข่าวนี้ เขาจึงมองใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่เต็มบ้าน พร้อมกับแววตาที่เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)