องครักษ์เสื้อแพร 934-935
ตอนที่ 934 การโจมตีแสนแห้งแล้ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เดือนสิบ ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 14 วงกลมรอบเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ร้อยลี้เป็นเขตสงคราม ผู้คุ้มกันกลุ่มพ่อค้าล้วนได้รับคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวออกนอกเขตตามใจ
พวกที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกมีเพียง กลุ่มทหารม้ารอบเมืองกุยฮว่าเฉิงกับทหารม้าพวกนอกด่านเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังมีปะทะกันเล็กน้อย กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธตั้งค่ายพักที่หม่านเท่าเอ๋อร์ภายใต้การสั่งการและฝึกซ้อมของถานเจียง หากจะตีเมืองเข้มแข็ง อีกฝ่ายต้องได้เปรียบเรื่องคน พื้นที่ไม่เหมาะแก่การใช้รถใหญ่ จำต้องเร่งพัฒนาขบวนการค้าติดอาวุธแต่ละกองให้ประสานงานกันได้จึงจะทำได้
การเคลื่อนไหวของเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นไม่เพียงแต่สร้างความเข้มแข็งให้หม่านเท่าเอ๋อร์ แต่หม่านเท่าเอ๋อร์ไปทางตะวันออก ยังมีกลุ่มขบวนการค้าครอบครองที่ลุ่มและทะเลสาบผงฟู เป็นจุดทำการค้า หลังเดือนสิบ แหล่งการค้าเหล่านี้ถูกทหารม้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นโจมตี ความเสียหายมาก
ปืนมีจำกัด ไม่ใช่ทุกหน่วยประจำการจะมีปืน เพราะแนวรบอยู่ทางตะวันออก พวกเขาล้วนคิดว่าตนเองอยู่กองหลัง ปลอดภัย
เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นค่อนข้างชำนาญพื้นที่ รู้ว่าพื้นที่ใดจะไม่ถูกกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่มาอยู่หม่านเท่าเอ๋อร์พบ แม้ว่าถูกทหารม้ากลุ่มชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงพบ กำลังเล็กไป ก็ไม่อาจยับยั้งกำลังทหารม้ากองใหญ่ได้ แม้กลับไปแจ้งข่าว รถใหญ่เคลื่อนที่ไม่เร็วไปกว่าทหารม้า
คิดว่าตนเองเป็นแนวหลัง จึงป้องกันหละหลวม ทำให้เสียเปรียบไม่น้อย ทหารม้าตะลุยมา พวกนี้ไม่มีแม้แต่กำแพงไม้ ถูกอีกฝ่ายบุกเข้าโจมตีทันที
อาวุธพวกเขาก็มีแค่ดาบใหญ่ทวนยาว ปะทะกันด้วยอาวุธที่ไม่ใช่ปืน รับมือทหารม้าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแล้วไม่ได้เปรียบอันใด บาดเจ็บล้มตายย่อมเป็นเรื่องแน่นอน
ความจริงนั้นหลังจุดที่ชาวฮั่นเข้ายึดครองเหล่านี้ถูกจัดการไปห้าแห่ง กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธทางหม่านเท่าเอ๋อร์จึงได้รับข่าว เพราะบนทุ่งหญ้ากว้างไกลถูกพวกนอกด่านทหารม้าล้อมสังหาร คิดจะหนีออกมาก็ล้วนยากยิ่ง
จุดที่ตั้งเหล่านี้ความจริงนั้นไม่มีกำลังอะไร เพราะผู้คุ้มกันขบวนการค้าต้องเสียเงินไม่น้อยเลี้ยงดู แต่พ่อค้าต่างมุ่งแสวงหากำไร หากไม่ใช่หวังทงบีบให้จัดตั้ง และกองกำลังติดอาวุธพวกนี้เอาไปใช้ปล้นได้ล่ะก็ ก็ไม่อยากมีไว้ พ่อค้าหลายคนจึงโอดโอยปล่อยทิ้งไปนานแล้ว แต่ยังมีแต่พวกพ่อค้าใหญ่ที่ยังคงปฏิบัติตามอยู่ มีร้านค้าเล็กๆ ถึงกับส่งมอบคนของตนให้กลุ่มพ่อค้าใหญ่ไปดูแล ตนเองเพียงแค่อาศัยชื่อว่ามีเท่านั้น
ครั้งนี้โจมตีเหมืองทอง เมืองกุยฮว่าเฉิงส่งกำลังมาร่วมยิ่งมาก ได้รับประโยชน์ก็ยิ่งมาก พ่อค้าใหญ่ที่ส่งคนมาร่วมได้ก็ล้วนพยายามส่งกำลังติดอาวุธมาให้มากที่สุด
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธมีจำกัด ทางนี้ใช้กำลังมาก อีกทางแน่นอนมีกำลังเหลือน้อย พื้นที่ลุ่มและทะเลสาบผงฟูที่เพิ่งยึดมาได้ใหม่ ก็ต้องจัดผู้คุ้มกันไปเฝ้าไม่น้อย ถึงกับไม่จัดผู้คุ้มกันก็มี
ในเมื่อไร้การป้องกัน บทสรุปแค่คิดก็รู้ได้ พื้นที่ครอบครองถูกพวกนอกด่านทหารม้ายึดคืนไป บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย
สถานการณ์เช่นนี้ พ่อค้าระดับกลางและเล็กในใจก็เริ่มเจ็บปวด พ่อค้าใหญ่ก็ยิ่งตัดสินใจได้ จะต้องยึดหม่านเท่าเอ๋อร์ เหมืองทองให้ได้ ยึดได้แล้ว ความเสียหายจึงจะสามารถได้ชดเชยคืนมา
สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ถานเจียงไม่อาจสนใจพื้นที่วุ่นวายอื่น กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่หม่านเท่าเอ๋อร์สะสมกำลังได้ไม่น้อยแล้ว แนวหลังก็มีกองกำลังหลงเหมินและกู่เป่ยโข่วส่งเสบียงมาเพิ่มได้ ทหารคุมเสบียงมาส่งล้วนเป็นทหารชายแดนกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ จึงไม่ต้องเป็นห่วง
ถานเจียงไม่สนใจว่าเจ้าคิดเช่นไร ข้าจะตีแต่ที่นี่ เขาเพิ่มเงินรางวัลให้หัวศัตรูอีกเท่า ให้ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่ตามกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธมาออกไปปล้นชิงส่วนตัวได้ ให้ทหารม้ารับมือทหารม้า กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธใช้รถใหญ่กับปืนเป็นหลักก็ต้องตั้งใจฝึกซ้อม เตรียมโจมตีเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์
เพราะสำหรับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแล้ว ที่อื่นอาจปล่อยได้ แต่เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ เป็นแหล่งเงินทองมหาศาล ยังเป็นประตูสู่ภูมิประเทศ ไม่อาจไม่แย่งชิง
ไม่ว่าจัดกำลังเท่าไรบนทุ่งหญ้า ขอเพียงกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไปโจมตีเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์ กองกำลังเคลื่อนที่ก็ย่อมไปช่วย รูปแบบการต่อสู้เริ่มเปลี่ยนเป็นรูปแบบที่กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธชอบ
ปลายเดือนสิบ มีกองกำลังหนึ่งมาจากเมืองต้าถง กองกำลังนี้กล่าวว่าเป็นผู้คุ้มกันขบวนการค้าต้าถง แต่ความจริงนั้นเป็นทหารส่วนตัวของขุนพลทหารในต้าถงและตระกูลหม่า และเป็นคนที่พ่อค้าในพื้นที่เรียกตัวมา มีกองกำลังเช่นนี้เข้าร่วม จำนวนกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธหม่านเท่าเอ๋อร์ก็เกือบเจ็ดพัน
การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้น กำลังที่หม่านเท่าเอ๋อร์ออกปะทะกันใหญ่ ไล่ต้อนไปทางเหมืองทอง แผนการใดก็ตาม หากใกล้ต่อสู้กันจริง ก็ย่อมเทียบกันแค่กำลัง
ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงสี่พันกว่าอยู่ล้อมรอบกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นกระจายอยู่บนทุ่งหญ้ามุ่งไปยังหม่านเท่าเอ๋อร์ ระยะห่างเท่านี้ เดินทัพหนึ่งวัน ทัพใหญ่เดินทัพ ทหารม้ากองเล็กก็ไม่มีประโยชน์อันใด หากเข้าใกล้ก็มีแต่ถูกทหารม้าชนเผ่าที่มาจากรอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงจับกินหมด
กลุ่มทรงอิทธิพลบนทุ่งหญ้าเคยชินกับการขี่ม้าโจมตี ใช้ความเร็วเข้าปะทะและฆ่าปล้นชิง น้อยคนที่จะสามารถยืนหยัดอดทนต่อสู้ได้ โดยเฉพาะการรบที่ใช้ปราการไม้ป้องกัน
แต่คนงานเหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์เหล่านี้กลับเข้าใจ ตอนที่พื้นดินยังไม่แข็งเป็นน้ำแข็ง ก็ไปขุดคูรอบๆ กับหลุมดักไว้ และยังเสริมป้อมปราการดินให้แน่นหนา
หวังว่าจะให้รถใหญ่แล่นตกคูตกบ่อไปอย่างโง่ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อชะลอการเดินทัพใหญ่ อย่างน้อยก็หนึ่งวัน
เหมืองทองอยู่ตีนเขาไกลออกไป รถใหญ่ไม่อาจรวมตัวหัวท้ายได้เหมือนบนพื้นที่ราบ จะประสานกันก็ยาก บางครั้งยังต้องใช้แรงคนดึงไว้หรือผลักไว้ สองข้างทางก็เป็นที่ชันและป่าเขา
เดินทางไปกันได้ช้ามาก และมักมีธนูยิงออกมาจากสองข้างทาง พอหลายสิบคนถูกยิงแล้ว ถานเจียงก็เลือกทหารจากจากกลุ่มพ่อค้าและกลุ่มชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงออกมาตั้งเป็นกองก่อน ก่อนจะให้ไปด้านหน้ากวาดล้างพวกกองโจรของศัตรูในป่าทิ้ง จากนั้นค่อยเดินทัพต่อ
รอบเหมืองทองเป็นพื้นที่ราบกว้าง รถใหญ่เดินทางออกจากเขาก็มาตั้งค่ายพักแรมที่นี่ อย่างไรก็มิใช่ทุ่งหญ้า หวังให้หัวท้ายรถใหญ่ประกบกันเป็นวงก็ย่อมไม่อาจทำได้
เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นส่งขุนพลมา เห็นได้ชัดว่ามีประสบการณ์มาก และยังเชี่ยวชาญในวิธีการรบของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ ขณะกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกำลังทยอยออกจากเขา เตรียมตั้งค่าย ทหารม้าก็ออกมาจากเหมืองทองล้อมไว้ ยังมีมาจากอีกสองทิศทาง ก่อนหน้านี้สี่ด้านเงียบไปหมด ตลอดทางไม่มีอะไรเลย
ขณะที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง ถูกก่อกวนมาตลอดทาง จากนั้นก็หยุดก่อกวน เดี๋ยวปล่อยเดี๋ยวตี ขณะที่ไม่ทันตั้งตัว ทหารม้าก็ออกมา ก็เพื่อโจมตียามไร้การป้องกันนั่นเอง
ในสถานการณ์เช่นนี้ รถใหญ่เพิ่งปลดม้าออก การป้องกันรถใหญ่ไม่อาจประสานตัวรถได้ทัน กำลังเป็นเวลาเหมาะ หากฉวยโอกาสบุกเข้าไป ก็ย่อมต้องได้รับชัย
ปฏิกิริยากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธแตกต่างกันออกไป พวกคนใหม่ที่เพิ่งรับมาล้วนแตกตื่นตกใจวิ่งหนีเข้าด้านใน พวกผู้คุ้มกันที่อยู่เมืองกุยฮว่าเฉิงมานานก็หยิบปืนไฟออกมายิง ผู้คุ้มกันข้างๆ ก็หยิบทวนยาวออกมา สำหรับผู้คุ้มกันพวกนี้แล้ว กลัวก็แต่พวกนอกด่านไม่ออกมา ออกมาก็ย่อมดังอาหารที่ส่งมาถึงที่
ทหารม้านับหมื่น เรียกได้ว่าทัพใหญ่แล้ว ยามนี้วุ่นวายไปหมด มีทางหนึ่งถูกทหารม้าพวกนอกด่านบุกเข้าไปได้ อีกสองทางกลับถูกปืนไฟระดมยิงหน้าดำเคร่งเครียด แม้เข้าใกล้ ผู้คุ้มกันก็กล้าปืนขึ้นรถม้าแทงด้วยทวนอย่างไม่ยอมแพ้
พวกผู้กล้าที่รับมาใหม่จากมณฑลต่างๆ อาจเพราะอยู่บ้านเกิดก็ไร้อนาคต พอเห็นสถานการณ์ตอนนี้ เห็นพวกทหารม้าพวกนอกด่านขี่ม้ากรูกันมามากมาย กวัดแกว่งดาบส่งเสียงดัง เสียงดังก้องไปทั่ว บุกกันเข้ามา ไหนเลยจะเทียบกับสถานการณ์ที่มีคนไม่กี่คนชักดาบสู้กันที่เคยเห็นมา เดิมก็ตามกองกำลังมาด้วยรู้สึกฮึกเหิมมีหน้ามีตา พวกนอกด่านไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง วันนี้ได้เห็นสถานการณ์จริง ถึงกับมีคนตกใจเข่าอ่อนยวบลงกับพื้น ถูกม้าเหยียบตายไปทั้งเป็นก็มี ยังมีคนคิดหนีก็ถูกคนด้านหน้าขวางไว้ ม้าไม่มีคนจูงวิ่งกันไปทั่ว หลายคนกวัดแกว่งดาบใส่พวกเดียวกัน วุ่นวายไปหมด สถานการณ์เริ่มไม่เละเป็นท่า
แต่พวกที่ได้ฝึกซ้อมบนทุ่งหญ้ามาระยะหนึ่ง ยังมีทหารเก่า ล้วนไม่เหมือนกัน พวกเขาชินกับการสู้ตาย พบเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ลนลาน พากันรวมตัวกันไว้ ภายใต้การปกป้องของทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิง ทางหนึ่งก็นำรถใหญ่มาประกอบกัน อีกทางหนึ่งก็สังหารศัตรู ทำให้สถานการณ์นิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ขุนพลทหารเมืองชายแดนที่ถูกส่งมายิ่งไม่เหมือน พวกเขายังมียุทธวิธี ในเมื่อสถานการณ์นิ่งแล้ว พวกเขาภายใต้การสั่งการของถานเจียง ก็เริ่มบุกใส่ทหารม้าพวกนอกด่าน ขับไล่พวกเขาออกไป
ชนชั้นสูงพวกนอกด่านบรรดาศักดิ์ระดับไถจี๋รอบคอบอยู่ เริ่มแรกไม่กล้าส่งกำลังเข้ามามาก หากจะส่งตามเข้ามาอีกภายหลัง แต่ถานเจียงส่งทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองออกไปรับศึกแล้ว แม้ทุ่มกำลังมาอีกก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก
รบฉากแรกนับได้ว่ากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเสียเปรียบ บรรยากาศอดเริ่มหดหู่ไม่ได้ ถานเจียงกลับไม่จบ หลังตั้งค่ายพักแล้ว ก็นำตัวพวกที่ก่อนการปะทะก่อความวุ่นวาย จับหัวหน้าได้สิบกว่าคน ตัดหัวทิ้งลงโทษทางวินัย ปรากฏว่ามีพวกที่รู้จักกันส่งเสียงโวยวายว่านี่ไม่ใช่กองทหาร มีวินัยทหารที่ไหนกัน คิดว่าตนเองกล่าวได้มีเหตุผล กลับถูกถานเจียงส่งคนมาจับตัวไปตัดหัวทิ้ง
พอตัดหัวไปหมด ก็ให้คนใช้ทวนยาวแทงหัวขึ้นมา เดินวนรอบค่าย สะเทือนไปทั้งกอง ร้านสามธาราเป็นกิจการผู้ใดถานเจียงเป็นใคร กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงผู้ใดไม่รู้ ถานเจียงบอกว่าวินัยทหาร ก็คือวินัยทหาร
พอวันที่สอง การรบที่จืดชืดแห้งแล้งก็เริ่มต้นขึ้น ไม่มีปืนใหญ่กับเครื่องดีดหิน คิดจะบุกก็ได้แต่ปีนขึ้นไปเอง คนเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นหลบอยู่หลังกำแพง เจ้าเข้าใกล้ก็ต้องปะทะด้วยเลือดเนื้อ คิดจะใช้ปืนไฟยิง พวกนั้นก็หลบ สองฝ่ายสู้กันยืดเยื้อ กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงที่บุกกำแพงก็ล้มตายหนักอยู่สักหน่อย
ที่ยุ่งยากยิ่งก็คือ รบได้สองวัน ถึงกับหิมะตก ปืนใช้การไม่สะดวก พวกนอกด่านในปราการกำแพงดินถึงกับตีโต้คืนมาได้สองครั้งแล้ว
ตอนที่ 935 ล้อมเมืองหนึ่งเดือน
โดย
Ink Stone_Fantasy
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกับกลุ่มทหารทางการย่อมต่างกัน กลุ่มทหารทางการมีวินัยทหารกับระเบียบบังคับ ขุนพลทหารทหารยามรบยังคำนึงถึงแผ่นดินและราษฎรแผ่นดินตน
แต่กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเป็นแค่ชาวบ้านและทหารรับจ้าง ทุกคนทำเพื่อเงินเท่านั้น ได้เงินก็เอาไปเสวยสุข หากไร้ชีวิตแล้ว ก็ล้วนหมดเรื่องจะเอ่ย
การต่อสู้โจมตีเหมืองทองแต่เริ่มต้นก็ไม่ราบรื่น การต่อสู้หลายครั้งต่อมาก็ล้วนยุ่งยากมาก ชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ระดับไถจี๋ที่ส่งมานั้นให้ทหารม้าตนออกตระเวนรอบนอก ตอนต่อสู้กัน ก็ต้องป้องกันพวกนี้มาก่อกวน ไม่อาจรวบรวมกำลังต่อสู้เบื้องหน้าได้เต็มที่
ในเหมืองทองด้านในก็ไม่ใช่รักษาการเฉยๆ อยู่ด้านหลังกำแพงดิน พวกเขาได้เตรียมไม้และดินโคลนผสมหิมะสร้างเป็นแพงเตี้ยๆ ที่นี่ไม่ขาดแคลนไม้ ใช้โคลนดินผสมทำให้แน่นหนาแล้ว กำแพงดินเตี้ยนี้ก็สร้างง่ายมาก แม้ว่าถูกรื้อออกไป ก็สามารถสร้างคืนมาใหม่อย่างรวดเร็ว
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธต้องการทลายกำแพงดินบุกเข้าประชิดตีนกำแพงดินของเมืองก่อน ทหารพวกนอกด่านล้วนได้รับคำสั่ง ขอเพียงเข้าใกล้ในระยะธนูยิงก็ให้ระดมยิงทันที สภาพการณ์เช่นนี้ ธนูกับปืนไฟไม่อาจแยกแยะว่าอันใดเหนือกว่ากัน ทลายกำแพงเตี้ยเพื่อไปถึงกำแพงดินของเมืองนั้นกลายเป็นเรื่องยุ่งยากพอกัน
ปืนไฟสังหารคนได้ แต่กำแพงดินหนา และยังราดน้ำไว้ ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย พอจะบุกกำแพงดิน ก็ต้องใช้วิธีการจู่โจมแบบเดิม ใช้เชือกมัดเป็นบันไดง่ายๆ โยนขึ้นกำแพง จากนั้นก็ปีนขึ้นไปสังหารศัตรู ดาบใหญ่ทวนยาวปะทะกันซึ่งหน้า
ท่ามกลางการต่อสู้เช่นนี้ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไม่อาจได้เปรียบพวกทหารนอกด่าน อาวุธที่ไม่ใช่ปืนเช่นนี้โจมตี ฝั่งกำแพงล้วนได้เปรียบกว่า
สังหารกันดุเดือด บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ในใจผู้คุ้มกันล้วนเริ่มท้อแท้ คิดว่าเพื่อความร่ำรวยถึงกับปรี่มายังทุ่งหญ้า ผู้ใดจะคิดว่ากลับต้องมาต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ และดูไม่ออกว่าจะจบลงเมื่อไร ผู้ใดอยากจะลำบากต่อไปกัน
การต่อสู้เริ่มได้วันที่สาม ก็เริ่มมีทหารหนีทัพ ทำเอาหัวหน้ากองกำลังนั้นยิ้มไม่ออกบอกไม่ถูก ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นคนต่างเผ่ากลับไม่หนี
ย่อมเป็นทหารม้าองอาจกล้าหาญชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงเหล่านี้ที่ไม่หนี เพราะพวกเขาล้วนพึ่งพาเมืองกุยฮว่าเฉิง สถานการณ์ตอนนี้เช่นนี้ หากหนีไป เกรงว่าได้แต่ต้องขึ้นทะเลทรายตอนเหนือหรือไม่ก็ไปซีอวี้หาเลี้ยงชีพแทนแล้ว
ทหารหนีทัพทำให้เสียขวัญที่สุด ในเมื่อเปิดศึกแล้วก็ล้วนต้องทำตามวินัยทหาร ยามนี้ไม่มีอันใดเกรงใจ ส่งทหารม้าชนเผ่าออกไปเตือน ทหารหนีทัพจับกลับมาได้จะถูกนำไปเป็นแนวหน้า ปะทะอยู่ด้านหน้าสุด
ต้นเดือนสิบเอ็ดสู้กันดุเดือดรุกรับไม่หยุด ถานเจียงเองก็ไร้หนทาง ค่อยๆ ทนไปเช่นนี้ไม่ได้การแน่ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไม่เหมาะแก่การรบติดพันนาน
พ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิงหลายคนล้วนมายังเมืองเซวียนฝู่ บ้างก็อยู่กองกำลังมี่อวิ๋น บ้างก็อยู่กองกำลังหลงเหมิน พวกเขาแน่นอนย่อมรู้ว่าตีเหมืองทองมาได้มีประโยชน์อันใดบ้าง พวกเขาแสดงให้ถานเจียงรู้ง่ายๆ ว่า ไม่ต้องกลัวมีคนตาย บุกเข้าไปเต็มที่ ผู้คุ้มกันพวกนั้นเลี้ยงดูด้วยเงิน แน่นอนย่อมสู้สุดชีวิต
พอกล่าวกันเช่นนี้ไว้แล้ว ถานเจียงก็ไม่สนใจอันใดแล้ว ขบวนการค้าผลัดกันรุก ยังจัดคนไปจัดทำเครื่องมือโจมตีง่ายๆ อีกด้วย
แต่ยังไงก็ตีเอาไม่ได้ ในเหมืองทองมีแหล่งน้ำ และเสบียงสะสมเพียงพอมาก ประเด็นหลักก็คือ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไม่อาจปิดกั้นที่นี่ได้หมดทุกด้าน พวกเขาอย่างไรก็ยังติดต่อกับคนข้างนอกได้อยู่
วันที่ 10 เดือนสิบเอ็ด ถานเจียงกลับฮึดขึ้นมา นำทหารเก่าเมืองชายแดน และทหารส่วนตัวสังกัดขุนพลทหารตระกูลต่างๆ ที่ส่งมาร่วม และยังนำพวกในชุดเกราะร่วมกำลังกัน อย่างไรประตูหน้าเหมืองทองนี้ก็เป็นทางที่เปิดกว้างที่สุด พวกนอกด่านโจมตีคืนหลายครั้งก็ออกมาจากประตูหน้านี้
นี่เรียกได้ว่าเป็นกำลังศูนย์กลางของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธทุ่มกำลังบุก ถานเจียงอายุใกล้ 60 แล้ว สวมเกราะนำทัพ แม้ว่าตั้งใจจะรบอึดใจให้ชนะ แต่ยังคงบุกอย่างระมัดระวังมาก
เริ่มแรกใช้ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงขับไล่เปิดทางให้ผู้คุ้มกันที่มีท่อนไม้พังประตูบุกขึ้นหน้าไป ทัพใหญ่ตามมาด้านหลัง ขั้นตอนกระแทกประตูก็ทำให้บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุย ฮว่าเฉิงด้านหนึ่งก็เฝ้าสังเกตการรอบๆ อีกด้านหนึ่งก็ต่อสู้กับพวกนอกด่านในกำแพงที่ยิงมา ที่เหนือคาดหมายก็คือ ประตูใหญ่ถูกพังเปิดออก
ชายฉกรรจ์กลุ่มพ่อค้าที่อัดอั้นมานานก็กรูกันเข้าไป แต่พอเข้าไปก็พบว่าไม่ได้การแล้ว พวกนอกด่านถึงกับสร้างกำแพงดินอีกชั้นไว้ด้านใน เหมือนรูปแบบแอ่งกำแพงเมืองแผ่นดินหมิงที่เข้าประตูไปยังมีประตูอีกชั้น พอบุกเข้าไป ก็เท่ากับมีกำแพงอีกชั้น อย่างไรก็เป็นทหารกล้า เข้าไปได้ก็ย่อมออกมาได้
แต่ทว่าธนูมาราวห่าฝน ยังคงสูญเสียไป 20 กว่า แขนซ้ายถานเจียงเองก็โดนเข้าไปดอกหนึ่ง ตามหลักการที่เกราะสามารถป้องกันร่างกายได้ แต่หากยิงเข้าช่องว่างรอยต่อเกราะมาได้ ก็เรียกว่าโชคร้ายเอง
จัดการปากแผลง่ายๆ แล้วก็ไม่เท่าไรนัก แต่แขนซ้ายถานเจียงยกไม่ขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้ก็เกรงว่าเหมือนว่าตายไปเท่ากับหลายครั้งก่อนหน้าเท่านั้น แต่กำลังใจกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกลับหมดสิ้น โจมตีไม่ได้ไม่ว่า แม้แต่กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่อาจตีฝ่าเข้าไปได้ แม่ทัพยังบาดเจ็บ เหล่าผู้คุ้มกันล้วนทนไม่ไหวแล้ว
ครั้งนี้ไม่ใช่การหนีทัพเล็กน้อย หากถึงกับมีผู้คุ้มกันนำทั้งขบวนหนีออกไป หากต้องมาเสียหายเปล่าประโยชน์ นายตนไม่รู้เสียเงินเสียทองไปมากมายเท่าไร จะทนรับไว้ได้อย่างไร กว่าจะยึดครองพื้นที่มาได้ก็ไม่ง่าย ถูกทหารเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแย่งคืนไปอีก ไม่ได้ผลประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย นับถึงตอนนี้ เรียกได้ว่าขาดทุนด้วยซื้อ
คนสองคนยังว่าไปอย่าง ถานเจียงสามารถใช้วินัยทหารได้ แต่ไปทั้งกลุ่มนี้ ถานเจียงเองก็เอาไม่อยู่เช่นกัน
หากจะรบแล้วใช้ผู้คุ้มกันร้านสามธาราเป็นกำลังหลัก ตายไปหมดไม่มีใครว่า ร้านค้าอื่นไม่รบ ถานเจียงเองก็ไม่มีทางจัดการใดได้ อย่างไรสายสัมพันธ์ทุกคนก็คือพันธมิตร
วันที่ 15 เดือนสิบเอ็ด ทัพใหญ่เริ่มแบ่งกำลังกลับหม่านเท่าเอ๋อร์ เตรียมการถอยกลับ การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ทุกคนสิ้นหวัง ช่างน่าอึดอัดสิ้นดี
*************
พอถึงหม่านเท่าเอ๋อร์ ขบวนรถใหม่ที่มาจากกองกำลังมี่อวิ๋น มาส่งเสบียง คนที่นำมานั้นถานเจียงจำได้ เป็นมู่เอิน
หลังจากพักที่หม่านเท่าเอ๋อร์ได้วันหนึ่งเต็มๆ ถานเจียงก็นำกำลังผู้คุ้มกัน ติดอาวุธร้านสามธารากับร้านพันธมิตรมุ่งไปยังเหมืองทอง แม้ก่อนไปถานเจียงจะบอกกองกำลังอื่นด้วย แต่พอเห็นถานเจียงแขนบาดเจ็บอยู่ ทุกคนไม่รู้ว่ามู่เอินมา ดังนั้นนอกจากพวกที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับร้านสามธาราสามกองแล้ว ที่เหลือล้วนไม่ตามไปด้วย กลับมีแต่ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงตามไป
ทุกคนไม่เร่งร้อนใจ รอให้ได้ผลสำเร็จก่อนก็ดี ผ่านมาแค่วันเดียว คนร้านสามธาราเกรงว่าจะทรนงตนเองเกินไปแล้ว
เบื้องหน้าทุกคนสู้กันเลือดตกยางออก ล้วนกลับมากันท่าทางทุลักทุเล พวกเจ้าไปใช่ว่าต้องสูญเสียใหญ่หรือ?
วันที่ 17 เดือนสิบเอ็ด ข่าวก็มายังหม่านเท่าเอ๋อร์ เหมืองทองถูกยึดได้แล้ว……
หัวหน้าผู้คุ้มกันที่หม่านเท่าเอ๋อร์สิบกว่าคนได้ยินก็อึ้งไป ตีได้แล้วง่ายๆ อย่างนี้หรือ ปฏิกิริยาแรกของทุกคนล้วนสงสัยว่าตนเองฟังผิดหรือไม่
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงระดับกลางถึงสูง ส่วนใหญ่เป็นทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวยกับเมืองชายแดนปลดประจำการมา พวกเขาแน่นอนเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ตีไม่ได้ มาถึงตอนนี้กำลังถานเจียงอ่อนกำลังกว่ากลับตีได้ ย่อมสงสัย
หม่านเท่าเอ๋อร์ก็มีหัวหน้าขบวนการค้าแต่ละตระกูลอยู่ พอได้ยินข่าวนี้ ก็ตีอกชกตัว เดิมเป็นก้อนเนื้อที่ทุกคนจะได้กินแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าสุดท้าย กลายเป็นร้านสามธาราฮุบไปคนเดียว ช่างไม่อาจทำใจยอมรับได้
ม้าเร็วไปกลับ วันเดียวข่าวก็ไปถึงทั่ว ถานเจียงให้คนแต่ละร้านค้าไปที่นั่น ร้านสามธารายอมแบ่งเหมืองทองครึ่งหนึ่งให้ทุกคนได้ร่ำรวย
ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเหมืองทอง และว่ากันว่าเป็นเหมืองทองให้ผลผลิตสูง ครึ่งหนึ่งก็เท่ากับเงินมหาศาลแล้ว เหตุใดจึงมอบให้ง่ายๆ เช่นนี้ แต่ทว่ามีของดีตรงหน้า แน่นอนไม่มีเหตุผลที่ไม่เอา กลุ่มพ่อค้ารีบแย่งกันไปทันที
เงื่อนไขถานเจียงง่ายมาก ระยะหนึ่งปีนี้กำลังร้านสามธาราจะไม่ส่งกำลังผู้คุ้มกันไว้ที่เหมืองทองมากนัก ต้องให้ทุกคนแบ่งเบาภาระกัน เช่นนั้นจึงจะแบ่งประโยชน์ให้
เรื่องนี้ง่ายดายมาก ทุกคนล้วนรับคำทันที ความจริงนั้นสถานการณ์เช่นนี้ ร้านสามธารากับเมืองเซวียนฝู่แบ่งกันก็ได้ ล้วนสามารถไม่ให้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ
มีทหารเก่าไปดูสนามรบมา กำแพงดินรอบเหมืองทองถูกเปิดเป็นช่องกว้างหลายช่อง คิดว่ากองกำลังติดอาวุธและพวกชนเผ่ารอบเมืองกุยฮว่าของร้านสามธาราน่าจะบุกเข้าไปในช่องทางนี้ ช่องทางโหว่พวกนี้ย่อมไม่ใช่ฝีมือคน คนที่เคยรบใหญ่มาก่อนล้วนรู้ว่านี่เกิดจากสิ่งใด ยอดเยี่ยมจริง ถูกปืนใหญ่ถล่มยิง
*************
มู่เอินนำปืนใหญ่มาห้ากระบอก และทหารกองกำลังหู่เวยอีก 200 นาย การต่อสู้ก็ไม่ยากอีกต่อไป ปืนใหญ่ติดตั้งเสร็จ ก็ยิงถล่มกำแพงไปโดยตรง
เสียงปืนดังราวอสุนีบาตถล่มพวกความฮึกเหิมของทหารพวกนอกด่านมลายสิ้น ทหารม้ากับทหารราบปะทะกันกันก็ย่อมไร้แรงต้านทาน นับประสาอันใดกับไม่มีปราการป้องกันแล้ว ต่อหน้าปืน พวกเขาไม่อาจต้านทานได้
แต่ครั้งนี้ถานเจียงนำคนมาน้อย แม้มีทหารม้าชนเผ่าไล่ล่าตาม แต่กำลังพวกนอกด่านเกินครึ่งหนีออกไปได้
เหมืองทองตกอยู่ในมืออย่างง่ายดาย กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธจบศึกนี้กับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นในที่สุดก็สามารถวิเคราะห์กำลังกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงได้
กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงมาถึงขั้นนี้ได้ ไม่มีความกล้ามุ่งต่อไปยังตะวันออกแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสักพักจัดการผลจากชัยชนะครั้งนี้ก่อน ทำให้ให้ระหว่างเมืองกุยฮว่าเฉิงมายังหม่านเท่าเอ๋อร์อยู่ในการควบคุมก่อน การรบบนทุ่งหญ้าเรียกได้ว่าจบลง
ผลที่ได้จากสงครามของถานเจียงครานี้ก็คือทรายทองหนึ่งส่วนที่เก็บไว้ในเหมืองทอง ให้ลูกน้องกับชนเผ่ารอบนอกเมืองไปแบ่งกันอย่างเต็มที่ เขากลับไม่ได้อยู่ต่อที่หม่านเท่าเอ๋อร์ หากนำกำลังผู้คุ้มกันร้านสามธาราและขนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงกลับเมืองกุยฮว่าเฉิง
เขายังบาดเจ็บ เร่งเดินทางเช่นี้ทำให้คนไม่เข้าใจ
*************
มู่เอินนำกำลังมาช่วย และนำข่าวจากหวังทงมาด้วย หวังทงตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างเร่งเดินทางมาจากส่านซี หวังทงสั่งให้ ร้านสามธาราเตรียมกำลังกองหนึ่งให้พร้อม ณ เมืองกุยฮว่าเฉิง รอรับคำสั่งตลอดเวลา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น