เทพปีศาจหวนคืน 932-938
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 932 ปลาหมึกอสูรและไส้เดือนยักษ์
แปลโดย iPAT
โดยปราศจากการพูดคุย ฟางหยวนกับกลุ่มผีดิบอมตะเดินทางลึกลงไปในโลกใต้บาดาลถึงระดับหนึ่งร้อยสามสิบกิโลเมตรเรียบร้อยแล้ว
แม้พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้แต่พวกเขาก็ต่อสู้ไปแล้วถึงสิบหกครั้ง
แต่ละคนได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
“เราไม่สามารถลงลึกไปมากกว่านี้” นักรบมังกรเย่ชากล่าว “ตอนนี้เราอยู่ใกล้รังของหอยทากปฐพีมากแล้ว”
กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือสามารถสำรวจได้ถึงระดับหนึ่งร้อยหกสิบกิโลเมตรเท่านั้น
ตอนนี้ใกล้จะถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว แม้จะเหลืออีกสามสิบกิโลเมตรแต่ยิ่งลึกก็ยิ่งอันตราย
กลุ่มผีดิบอมตะไม่คัดค้านคำกล่าวของนักรบมังกรเย่ชา
ก่อนมาที่นี่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายช่วงเวลาเปลี่ยนโชคทำให้โชคของเขาดีขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงพบหอยทากปฐพีในเวลาต่อมา
“เยี่ยมมาก” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความยินดี
“อย่ารีบร้อน ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อน เราต้องแน่ใจว่าไม่มีอันตรายซ่อนอยู่” นักรบมังกรเย่ชากล่าว
กลุ่มผีดิบอมตะตรวจสอบอย่างละเอียดและตระหนักว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของฝูงปลาหมึกอสูร
“ในการแปรรูปเมือกหอยทากปฐพี ข้าต้องใช้พลังงานแสงดาว มันจะกระตุ้นฝูงปลาหมึกอสูรอย่างแน่นอน” ฟางหยวนแสดงท่าทีลำบากใจขณะมองไปที่นักรบมังกรเย่ชา
หัวใจของทุกคนจมดิ่งลง
“เหตุใดไม่บอกก่อนหน้านี้?” เล่ยหยูไม่พอใจ
“มีวิธีปกปิดหรือไม่?” หมอหยินซวนถาม
ฟางหยวนส่ายศีรษะ “นั่นเป็นไปไม่ได้ ในความคิดเห็นของข้า เราควรกำจัดฝูงปลาหมึกอสูรเป็นอันดับแรก”
กลุ่มผีดิบอมตะมองนักรบมังกรเย่ชาก่อนที่เขาจะเปิดปากกล่าว “เช่นนั้นเราจะต่อสู้กับฝูงปลาหมึกอสูรก่อนที่ซิงเซียงซื่อจะเริ่มแปรรูปวัตถุดิบ”
มีปลาหมึกอสูรระดับสัตว์อสูรเดียวดายจำนวนแปดตัว ท่ามกลางพวกมันมีหนึ่งตัวเป็นราชาที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ด
“หลินต้าเหนียวใช้สัตว์อสูรของเจ้าควบคุมพื้นที่รอบๆ”
“ยายหยวนพยายามก่อกวนและทำให้พวกมันเสียสมาธิ”
“เล่ยหยูกับข้าจะเป็นกำลังหลักในการโจมตี”
“สำหรับหมอหยินซวน เจ้าเฝ้าระวังอยู่นอกสนามรบ”
นักรบมังกรเย่ชาออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาขณะที่ฟางหยวนไม่ต้องทำสิ่งใด
ฝูงปลาหมึกอสูรเหล่านี้โชคไม่ดีที่ถูกซุ่มโจมตี ดังนั้นเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น พวกมันก็ตกสู่ความโกลาหลและตื่นตระหนก กลุ่มผีดิบอมตะเป็นฝ่ายได้เปรียบขณะที่การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ปลาหมึกอสูรถูกสังหารและรอดชีวิตเพียงสองตัว
ในจังหวะนี้นักรบมังกรเย่ชาจึงตะโกนบอกฟางหยวน “ซิงเซียงซื่อ โจมตีได้!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าสู่สนามรบอย่างช้าๆ
ท่าไม้ตายอมตะแส้อสรพิษดารา!
เขาดักจับปลาหมึกอสูรตัวหนึ่งในจังหวะที่เหมาะสมขณะที่ใช้ร่างแยกเงาดาราปิดล้อมปลาหมึกอสูรอีกตัว
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง…”
แส้อสรพิษดาราฟาดปลาหมึกอสูรตัวแรกอย่างต่อเนื่องกระทั่งมันตกตายไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาจึงพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ปลาหมึกอสูรตัวที่สอง
ปลาหมึกอสูรมีร่างกายส่วนบนเหมือนมนุษย์ขณะที่ร่างกายส่วนล่างเป็นหนวดปลาหมึก
ปลาหมึกอสูรตัวสุดท้ายต่อสู้อย่างห้าวหาญขณะที่มันค่อยๆ ตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน
ฟางหยวนใช้โม่หินเมฆาดาวป้องกันตัวและโจมตีเป็นครั้งคราว สุดท้ายหนวดปลาหมึกทั้งหมดก็ถูกตัดออก
ขณะที่เขาต่อสู้ ผีดิบอมตะคนอื่นๆ เพียงเฝ้ามองจากด้านข้างโดยไม่ทำสิ่งใดเลย
“เอาล่ะ หยุดได้” นักรบมังกรเย่ชากล่าวก่อนจะจับปลาหมึกอสูรตัวสุดท้ายเข้าไปในมิติช่องว่างของตน
เมื่อถึงจุดนี้ทุกคนได้เห็นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของฟางหยวนแล้ว
ฟางหยวนแสดงทักษะการต่อสู้บนเส้นทางแห่งดวงดาวเท่านั้นแต่มันยังทำให้เล่ยหยูหุบปากเงียบ
หากต้องต่อสู้กับฟางหยวน เล่ยหยูรู้สึกว่าเขาอาจไม่มีโอกาสชนะ
ในโลกของผู้ใช้วิญญาณ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง แม้เล่ยหยูจะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่สามารถแสดงมันออกมา
หลังจากนั้นฟางหยวนจึงเริ่มรวบรวมเมือกหอยทากปฐพีราตรีดาว
เขาร้องขอให้กลุ่มผีดิบอมตะล่าถอยออกไปเพื่อป้องกันการขโมยทักษะเฉพาะตัว
กลุ่มผีดิบอมตะรู้สึกไม่พอใจแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากถอยห่างออกไปเท่านั้น
เมื่อกระบวนการแปรรูปทรัพยากรเริ่มต้น แสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนจึงส่องประกายขึ้น
ตระหนักถึงอันตราย หอยทากปฐพีหยุดเคลื่อนไหวและขดตัวเข้าไปในเปลือกของมัน
เปลือกของหอยทากปฐพีหนามาก สัตว์อสูรเดียวดายหรือผู้อมตะระดับหกทั่วไปไม่สามารถทำลายมันได้ กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดยังต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
นอกจากนี้เปลือกของพวกมันยังใหญ่โตเหมือนปลาวาฬและหนักเหมือนภูเขา พวกมันสามารถอาศัยอยู่ภายในได้โดยไม่ต้องออกมาเป็นเวลาหนึ่งหรือสองปี
ปราศจากเปลือกอันแข็งแกร่ง พวกมันจะตายอย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ผีดิบอมตะที่ออกล่าส่วนใหญ่จะยอมแพ้พวกมันและหันไปหาเป้าหมายอื่นเช่นปลาหมึกอสูรหรือพืชอสูรชนิดอื่นๆ
ในการเดินทางต่อมา ฟางหยวนพบหอยทากปฐพีอีกสามตัว
ฟางหยวนสามารถรวบรวมเมือกหอยทากปฐพีราตรีดาวได้สองตัว สำหรับตัวสุดท้ายมันหลบหนีเข้าไปในอาณาเขตของอสรพิษเพลิงสีชาดบรรพกาล
สัตว์ร้ายตัวนี้เป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งความมืด ไฟ และปฐพี มันเป็นสัตว์อสูรที่ยากจะรับมือ ดังนั้นฟางหยวนกับกลุ่มผีดิบอมตะจึงต้องยอมแพ้
ภายใต้คำแนะนำของฟางหยวน กลุ่มผีดิบอมตะเคลื่อนที่เข้าใกล้จุดหมายของฟางหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ
“มีปลาหมึกอสูรจำนวนมากอยู่ข้างหน้า พวกมันมีอย่างน้อยสามสิบตัว!” หลินต้าเหนียวรายงานด้วยความกระวนกระวาย
“เช่นนั้นเราจะอ้อมไปทางอื่น” นักรบมังกรเย่ชาออกคำสั่ง
ปลาหมึกอสูรสามสิบตัวเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับหกสามสิบคน โดยทั่วไปในฝูงใหญ่ระดับนี้จะมีปลาหมึกอสูรระดับสัตว์อสูรบรรพกาลอย่างน้อยสามตัว
แม้ฟางหยวนจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่สามารถขัดมติของสมาชิกส่วนใหญ่
กลุ่มผีดิบอมตะอ้อมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ในไม่ช้าพวกเขาก็พบกับหอยทากปฐพีอีกสี่ตัว
หอยทากตัวหนึ่งดูค่อนข้างแก่ เปลือกของมันเป็นสีทองหม่นขณะที่ร่างของมันเคลื่อนที่ได้ช้ามาก
“ในที่สุดเราก็โชคดี” หลินต้าเหนียวหัวเราะ “ระดับอันตรายค่อนข้างต่ำ ท่านซิงเซียงซื่อสามารถไปเก็บเมือกหอยทากได้อย่างไม่มีปัญหา”
ฟางหยวนพยักหน้าโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันส่องประกายขึ้นเมื่อค้นพบอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ในสถานที่แห่งนี้
แม้มันจะดูปลอดภัยแต่มันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี หากพวกเขาเข้าไปใกล้ พวกเขาจะถูกดูดลงไปใต้ดิน
ยิ่งร่างกายหนักเท่าใดแรงดูดยิ่งมากเท่านั้น
‘สัตว์อสูรเดียวดายส่วนใหญ่มีร่างกายใหญ่โต เมื่อพวกมันมาที่นี่ พวกมันจะไม่สามารถเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามหอยทากปฐพีหนักเหมือนภูเขาแต่มันยังสามารถเคลื่อนที่ได้ เหตุผลที่มันเคลื่อนที่ช้าไม่ใช่เพราะมันแก่แต่เป็นเพราะมันคือหอยทากปฐพีบรรพกาล!’
ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องสำคัญ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเคลื่อนที่เข้าไปก่อนจะแสร้งถูกดูดและกรีดร้องเสียงดัง
“โอ้ ไม่ นี่คือบ่อโคลนดูด!”
“สิ่งนี้ควรจะปรากฏในระดับความลึกหนึ่งร้อยหกสิบกิโลเมตรลงไปเท่านั้น!”
“ระวัง! บ่อโคลนดูดมักมีไส้เดือนยักษ์ซ่อนตัวอยู่!”
กลุ่มผีดิบอมตะส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
ยิ่งเข้าใกล้บ่อโคลนดูดมากเท่าใด ฟางหยวนก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงดึงดูดมากเท่านั้น
ท่าไม้ตายอมตะดาวตกเพลิง!”
เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างของฟางหยวนขณะที่เขาพยายามหลบหนี
“อย่าไป!” นักรบมังกรเย่ชาคำราม
แต่มันสายไปแล้ว
ด้วยเสียงระเบิดครั้งใหญ่ ไส้เดือนยักษ์ทะยานร่างขึ้นจากบ่อโคลนดูด
หอยทากปฐพีขดตัวเข้าไปในเปลือกและหยุดเคลื่อนที่
ไส้เดือนยักษ์เปิดปากที่สามารถกลืนหอยทากปฐพีพร้อมกันห้าตัวของมันออก
ฟางหยวนกรีดร้อง “ช่วยข้า!”
หลังกล่าวจบคำ ไส้เดือนยักษ์ก็งับร่างของฟางหยวนเข้าปากไปในทันที
“ระวัง! ปากของไส้เดือนยักษ์เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคม!”
“อดทนไว้ เราจะไปช่วยท่านอย่างแน่นอน!”
กลุ่มผีดิบอมตะกลายเป็นตื่นตระหนกและเริ่มเคลื่อนไหว
หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับฟางหยวน พวกเขาจะอธิบายกับนางมารผลาญสวรรค์ได้อย่างไร
ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดฉากโจมตีอย่างดุเดือดเพื่อบังคับให้ไส้เดือนยักษ์เปิดปากออก
ไส้เดือนยักษ์มีร่างกายใหญ่โต เมื่อมันออกล่า มันจะกลืนเหยื่อเข้าไปก่อนจะหดร่างลงราวกับลูกโป่งรั่วและใช้ฟันบดขยี้เป้าหมาย
แต่เมื่อฟางหยวนเข้าไปในปากของมัน เขาก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาวหยุดการหดตัวของมันก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะท่องแดนอมตะทันที
เขาใช้เวลาสามลมหายใจก่อนจะเคลื่อนย้ายสถานที่และหลบหนีจากอันตราย
สำหรับกลุ่มผีดิบอมตะ พวกเขายังคิดว่าฟางหยวนติดอยู่ภายในและพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของวิญญาณอมตะยังดึงดูดความสนใจของฝูงปลาหมึกอสูร
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและโจมตีปลาหมึกอสูรอย่างรุนแรง
หลังจากชั่วครู่เขาสามารถล่อปลาหมึกอสูรที่กำลังโกรธให้เคลื่อนที่เข้าหากลุ่มของนักรบมังกรเย่ชา
กลุ่มผีดิบอมตะมองไม่เห็นฟางหยวน พวกเขาคิดว่าฝูงปลาหมึกอสูรต่อสู้กันเองและกำลังไล่ล่าสมาชิกที่อ่อนแอที่สุด
นี่ทำให้พวกเขาต้องถอนหายใจให้กับความโชคร้ายของตนเอง แต่เนื่องจากซิงเซียงซื่อยังติดอยู่ในปากของไส้เดือนยักษ์ พวกเขาจึงไม่สามารถล่าถอย
ดังนั้นฝูงปลาหมึกอสูรจึงเข้าร่วมในการต่อสู้ของกลุ่มผีดิบอมตะกับไส้เดือนยักษ์ในที่สุด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 933 ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย ฟางหยวนสามารถหลบหนี
เขากลับไปในตำแหน่งเดิมและล่อปลาหมึกอสูรที่เหลืออยู่ออกไป
“โอ้ ไม่ ปลาหมึกอสูรบรรพกาลและปลาหมึกอสูรอีกสิบตัว!” นักรบมังกรเย่ชาที่ติดอยู่ในวงล้อมปลาหมึกอสูรรู้สึกขมขื่นเมื่อเห็นปลาหมึกอสูรอีกฝูงตรงเข้ามา
ผีดิบอมตะทั้งหมดต่างคร่ำครวญถึงความโชคร้ายของตนเอง
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้เพื่อช่วยเหลือซิงเซียงซื่อ
“อดทนไว้!” นักรบมังกรเย่ชาตะโกนและไม่ตระหนี่ที่จะใช้พลังงานอมตะในการต่อสู้
นางมารผลาญสวรรค์เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ นักรบมังกรเย่ชาไม่กล้าขัดคำสั่งของนาง
โชคดีที่ไส้เดือนยักษ์ไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน ร่างของมันฟาดไปรอบๆ ทำให้สนามรบยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
กลุ่มผีดิบอมตะไม่กล้าโจมตีรุนแรงและสามารถใช้การโจมตีจากระยะไกลเท่านั้น
เดิมทีมันเป็นสถานการณ์ที่เรียบง่าย
แม้ไส้เดือนยักษ์จะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบมังกรเย่ชา
อย่างไรก็ตามเมื่อฝูงปลาหมึกอสูรเข้าสู่สนามรบ มันจึงกลายเป็นการต่อสู้สามทางที่วุ่นวายมาก
“ซิงเซียงซื่อ เจ้าต้องรอด!” เล่ยหยูตะโกน
แม้เขาจะไม่พอใจฟางหยวน แต่เมื่อคิดว่าฟางหยวนอาจตาย เหงื่ออันเย็นเยียบก็ไหลลงมาจากหน้าผากของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ความปลอดภัยของฟางหยวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกลุ่มผีดิบอมตะ!
ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหล ฟางหยวนลอบเข้าไปในรังของปลาหมึกอสูร
ปลาหมึกอสูรอาศัยอยู่ในรูบนกำแพงหิน
ฟางหยวนเข้าไปในรูขนาดใหญ่และใช้มือสัมผัสผนังที่เต็มไปด้วยชั้นน้ำมันสีดำหนาอย่างน้อยหกนิ้ว
ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว ฟางหยวนตระหนักถึงวิญญาณป่าที่ซ่อนตัวอยู่อย่างน้อยสี่ดวง สองดวงเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพี อีกสองดวงเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งความมืดและเส้นทางแห่งวารี
แน่นอนว่าฟางหยวนไม่สนใจวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้
‘นักรบมังกรเย่ชาสามารถเลี้ยงฝูงปลาหมึกอสูรเพราะเขาเลียบแบบสภาพแวดล้อมของที่นี่ใช่หรือไม่?’ ฟางหยวนคิดและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มิติช่องว่างของผีดิบอมตะตายไปแล้ว มันไม่สามารถสนับสนุนการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต
แล้วนักรบมังกรเย่ชาทำได้อย่างไร?
บางทีฟางหยวนอาจสามารถเรียนรู้ความลับของนักรบมังกรเย่ชาจากการค้นคว้าสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เวลาที่ฟางหยวนจะทำเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงปัดเป่าความคิดและเดินหน้าต่อไป
หลายนาทีต่อมา
เสียงคำรามสุดท้ายก่อนตายของสัตว์อสูรบางตัวก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่มันจะเงียบลงอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าฆาตกรก็คือฟางหยวน
ในถ้ำที่เต็มไปด้วยชั้นน้ำมันมีสัตว์อสูรบางตัวลอบอาศัยอยู่ตามซอกหลืบ
มันคือสุนัขซากศพที่มีร่างกายเน่าเปื่อย
ปลาหมึกอสูรกินเลือดและเนื้อของเหยื่อที่มีชีวิตเท่านั้น พวกมันไม่สนใจเนื้อเน่า
สุนัขซากศพจะกินของเหลือจากปลาหมึกอสูร พวกมันเหมือนคนรับใช้ที่คอยทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของเจ้านาย ดังนั้นสัตว์อสูรทั้งสองชนิดจึงสามารถอาศัยอยู่ร่วมกัน
ฟางหยวนต่อสู้อย่างดุเดือดกับสุนัขซากศพและลงไปถึงพื้นที่ชั้นล่างของถ้ำปลาหมึกอสูร
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่พบเบาะแสของมรดกที่เขาต้องการ
ฟางหยวนยังเดินหน้าต่อไปในรูพลุนจำนวนนับไม่ถ้วน
เขาพบปลาหมึกอสูรตัวหนึ่งที่เฝ้ายามอยู่
มันเป็นปลาหมึกอสูรระดับสัตว์อสูรเดียวดาย หากฟางหยวนโจมตีด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาจะสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เขาเลือกที่จะปกปิดตัวตนและผ่านมันไปอย่างลับๆ
เมื่อเวลาผ่านไปและยังไม่พบร่องรอยของมรดก ฟางหยวนจึงเริ่มกังวล
หากเขาพลาดโอกาสนี้ เขาต้องวางแผนและรอคอยเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง
‘หากไม่มีทางเลือก ข้าต้องยอมแพ้เท่านั้น เวลามีอยู่จำกัด หากนักรบมังกรเย่ชาเปิดปากไส้เดือนยักษ์แต่ไม่พบข้า ข้าจะไม่สามารถอธิบาย’
ฟางหยวนคาดว่าเขามีเวลาประมาณสิบห้านาที
ตอนนี้ใกล้หมดเวลาแล้วแต่เขายังไม่พบสิ่งใด
ฟางหยวนเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่และบรรลุถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำปลาหมึกอสูร
เขาพบราชาปลาหมึกอสูรนอนอยู่ที่นี่
‘กลิ่นอายวิญญาณอมตะ!’ หัวใจของฟางหยวนกระโดดขึ้น
เขารู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจากร่างของราชาปลาหมึกอสูร
ปลาหมึกอสูรตัวนี้แก่ที่สุดในฝูง เมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณอมตะป่าจึงมาอาศัยอยู่ในร่างของมัน
ความตื่นตระหนกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นความยินดี
โชคดีที่ราชาปลาหมึกอสูรตัวนี้ไม่ถูกล่อออกไป
หากราชาปลาหมึกอสูรปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มผีดิบอมตะ พวกเขาจะไล่ล่ามันและพยายามจับวิญญาณอมตะอย่างบ้าคลั่ง
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการจับวิญญาณอมตะป่าหรือไม่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องเข้ามาสำรวจสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
‘บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กองกำลังพันธมิตีผีดิบของภาคเหนือค้นพบมรดกในชีวิตที่แล้ว’ ฟางหยวนคาดเดาได้ทันที
หลังจากลังเล ฟางหยวนตัดสินใจเสี่ยงโชค
เขาปลอมตัวเป็นสุนัขซากศพและเคลื่อนที่เข้าใกล้ราชาปลาหมึกอสูร
หากวิญญาณอมตะในร่างของราชาปลาหมึกอสูรสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน นั่นจะเป็นปัญหา
แต่ความเป็นไปได้มีอยู่ไม่มากนัก
ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจเสี่ยงดวง
‘ที่นี่เป็นส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ บางทีมันอาจอยู่ที่นี่’
ทันใดนั้นราชาปลาหมึกอสูรพลันเปิดเปลือกตาขึ้นและจ้องมองมาที่ฟางหยวนด้วยดวงตาคู่สีอำพัน
การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่เขาเคลื่อนที่ผ่านราชาปลาหมึกอสูรไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ด้านหลังราชาปลาหมึกอสูรเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกและเศษเนื้อที่เน่าเปื่อย
ราชาปลาหมึกอสูรปิดเปลือกตาลงในที่สุด
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น ‘มันอยู่ที่นี่! มีพลังงานแห่งเต๋าและร่องรอยของค่ายกลวิญญาณอยู่ที่นี่!’
เขากระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมากในมิติช่องว่างของตนเพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณ
ในไม่ช้าฟางหยวนก็พบร่องรอยของค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน
‘มีความเป็นไปได้สูงมากที่มรดกจะอยู่ในค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิตินี้ แต่หากข้าต้องการคลี่คลายมัน ข้าต้องกระตุ้นใช้วิญญาณครั้งใหญ่ มันอาจรบกวนราชาปลาหมึกอสูร แต่ข้าต้องเสี่ยงเท่านั้น…’
ฟางหยวนตัดสินใจคว้ากระดูกขึ้นมาหนึ่งชิ้นและล่าถอยออกไป
เมื่อเขาล่าถอยไปถึงจุดหนึ่ง เขากลับโจมตีราชาปลาหมึกอสูรอย่างกะทันหัน
การต่อสู้ที่ดุเดือดปะทุขึ้นทันที
ฟางหยวนต่อสู้พร้อมกับล่าถอย เมื่อเขาไปถึงปากถ้ำ เขากระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะกลับไปในส่วนลึกของถ้ำอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ราชาปลาหมึกอสูรยังอยู่ที่ปากถ้ำ ฟางหยวนต้องต่อสู้กับเวลาเพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ
เมื่อราชาปลาหมึกอสูรและสมุนของมันไม่พบศัตรู พวกมันจึงกลับเข้าไปในถ้ำ
พวกมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขณะที่ฟางหยวนตระหนักถึงความซับซ้อนของค่ายกลวิญญาณเป้าหมาย
เพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอย่างสมบูรณ์แบบ เขาต้องใช้เวลาหลายเดือนในการทำสิ่งนี้
934 ทะเลสมบัติ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
การคลี่คลายค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาหลายเดือน
มือของฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณดังกล่าว ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องเฝ้าระวังราชาปลาหมึกอสูร
‘นั่น!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อเขามองเห็นสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่อยู่ภายในแม้ภาพจะค่อนข้างคลุมเครือก็ตาม
แต่ในเวลานี้ราชาปลาหมึกอสูรได้กลับมาถึงแล้ว
เขาต้องถอย
ฟางหยวนถอนหายใจและตัดสินใจล่าถอยทันที
ราชาปลาหมึกอสูรมาถึงตำแหน่งเดิมของมันและมองไปรอบๆ
มันรู้สึกว่าถึงความผิดปกติบางอย่าง
ราชาปลาหมึกอสูรขมวดคิ้วลึกและเริ่มตรวจสอบรังของมัน
อย่างไรก็ตามมันกลับไม่พบสิ่งใดขณะที่กลิ่นอายผิดปกติก็เริ่มจางหาย หลังจากชั่วครู่ ราชาปลาหมึกอสูรจึงค่อยๆสงบและนอนลงอีกครั้ง
แต่มันยังเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา
ฟางหยวนผ่อนคลายลงและค่อยๆล่าถอยออกไปอย่างระมัดระวัง
พิจารณาจากที่พักของมัน ราชาปลาหมึกอสูรตัวนี้ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูงสุด หากมันถูกโจมตี ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะเรียกฝูงปลาหมึกอสูรที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านนอกกลับมาหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น ฟางหยวนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยแล้ว” ฟางหยวนเลือกมุมที่ไม่สะดุดตาในรังของปลาหมึกอสูรก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ
แม้ค่ายกลวิญญาณจะถูกจัดตั้งโดยผู้อมตะบางคน แต่หลังจากตรวจสอบ ฟางหยวนพบว่ามันถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว ด้วยเหตุนี้ความเสี่ยงที่จะบุกเข้าไปจึงไม่สูงนัก
เพื่อค้นหาวิธีลบสถานะผีดิบ นี่เป็นความเสี่ยงที่เขาต้องแบกรับ
เมื่อความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงถูกเปิดเผย ทุกคนจะไล่ล่าเขา ในสถานการณ์นี้ ยิ่งเขาลบสถานะผีดิบได้เร็วเท่าใด มันก็ยิ่งดีต่อตัวเขาเท่านั้น
ภายในเวลาสามลมหายใจ ร่างของฟางหยวนหายไปจากจุดนั้นและปรากฏตัวอีกครั้งด้านในค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่
ด้านนอกค่ายกลวิญญาณคือราชาปลาหมึกอสูร แต่ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ด้านในค่ายกลวิญญาณที่ถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์
‘ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่’ ฟางหยวนระวังตัวอย่างมาก
การพุ่งเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณโดยตรงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เขาอาจถูกโจมตีจากทุกทิศทางทันทีที่มาถึง
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่พบการโจมตีใด นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าค่ายกลวิญญาณไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใด
ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังระวังตัว
แม้ค่ายกลวิญญาณจะไม่ถูกบังคับโดยบางคนแต่มันยังสามารถทำงานได้ด้วยเจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้
ตัวอย่างเช่น วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือด
ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยวิธีการบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ ดังนั้นมันจึงมีขนาดใหญ่โตพร้อมกับท้องฟ้าสีเหลืองและพื้นทรายสีม่วง
ทรายสีม่วงราวกับพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีพืชพันธุ์มากมายเติบโตขึ้นไม่ต่างจากป่าดิบชื้นในเขตร้อน
“หญ้าพู่กัน ท้อแห่งชีวิต ถั่วอมตะ ดอกไม้เหล็กโลหิต…” ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว ฟางหยวนพบทรัพยากรอมตะจำนวนมหาศาล
กระทั่งคนที่เต็มไปด้วยความอดทนยังต้องตกใจ
แม้ทรัพยากรอมตะส่วนใหญ่จะเป็นทรัพยากรระดับหกหรือเจ็ดแต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือปริมาณของพวกมัน
“ทรัพยากรเหล่านี้มาจากทั้งห้าภูมิภาค ผีดิบอมตะที่สร้างสถานที่แห่งนี้มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?”
ในการรวบรวมทรัพยากรอมตะจำนวนมหาศาลเช่นนี้จำเป็นต้องใช้กำลังคนและความพยายามอย่างมาก
นอกจากนั้นทรัพยากรหลายชนิดก็ไม่ใช่ทรัพยากรที่จะรวบรวมได้โดยง่าย หากปราศจากความชำนาญ พวกเขาจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวมัน
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือกำแพงภูมิภาค
ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด ผู้อมตะก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคมากเท่านั้น
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…” ฟางหยวนพยายามคาดเดา
เขาเคยคิดว่าที่นี่เป็นมรดกของผีดิบอมตะที่ยิ่งใหญ่บางคน แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงผู้เดียวจะสามารถสร้างขึ้น มันต้องเป็นระดับกองกำลังและต้องเป็นกองกำลังขนาดใหญ่เท่านั้น
เนื่องจากกองกำลังขนาดเล็กและกลางมักมีผู้อมตะอยู่เพียงสองหรือสามคน มันไม่เพียงพอที่จะรวบรวมทรัพยากรระดับนี้
เมื่อมองไปยังทะเลสมบัติด้านหน้า ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของฟางหยวนจะเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
“ความมั่งคั่งระดับนี้มันเพียงพอให้ข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะหลายร้อยครั้ง! บางทีในชีวิตก่อนหน้าของข้า กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือสามารถผงาดขึ้นได้ก็เป็นเพราะทรัพยากรเหล่านี้!”
มันเหมือนคลังเก็บสมบัติขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรกองเป็นภูเขาอยู่ภายใน
มูลค่าของมันยากที่จะประเมิน ฟางหยวนรู้เพียงว่ามันล้ำค่ามาก
หากเขาค่อยๆสะสมหินวิญญาณอมตะสองพันก้อนต่อเดือน กระทั่งหนึ่งพันปี เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จถึงจุดเดียวกันนี้
“แต่เปรียบเทียบกับทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน ค่ายกลวิญญาณนี้ยิ่งมีค่ามากกว่า!”
ทรัพยากรจากทั้งห้าภูมิภาคสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต่อต้านกัน ชัดเจนว่ามันเป็นเพราะค่ายกลวิญญาณ
“โชคดีที่ข้าไม่ได้ทำลายค่ายกลวิญญาณนี้ มิฉะนั้นข้าอาจเสียใจในภายหลัง หากได้รับค่ายกลวิญญาณนี้ ข้าจะสามารถเพาะปลูกทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน มันดียิ่งกว่ามิติช่องว่างของผู้อมตะ!”
ฟางหยวนรู้สึกยกย่องผู้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้อย่างช่วยไม่ได้
มิติช่องว่างของผีดิบอมตะตายไปแล้ว หากมีค่ายกลวิญญาณชนิดนี้ เขาสามารถใช้มันทดแทนมิติช่องว่าง
“อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณนี้มีพลังป้องกันค่อนข้างต่ำและไม่สามารถเคลื่อนย้าย มันยังห่างไกลจากความสะดวกสบาย หือ…ทรายสีม่วงเหล่านี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย…”
ฟางหยวนก้มลงและใช้มือช้อนทรายสีม่วงขึ้นมา
ทรายละเอียดมาก บางส่วนไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างนิ้วมือของฟางหยวน
“แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือวิธีลบสถานะผีดิบ มันอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนโยนทรายสีม่วงทิ้งไปขณะที่เขาคิดถึงเป้าหมายหลัก
เขาไม่รีบร้อนที่จะรวบรวมทรัพยากรอมตะและเริ่มบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เมื่อเวลาผ่านไป ความสุขบนใบหน้าของฟางหยวนก็ค่อยๆเลือนหายและถูกแทนที่ด้วยความไม่สบายใจ
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เขาหยุดและมองไปยังกองทรัพยากรอมตะที่ไร้จุดสิ้นสุด
“มันสงบเกินไป ไม่มีกระทั่งลม มันเงียบยิ่งกว่ามิติช่องว่างที่ตายไปแล้วของข้า” ฟางหยวนพบสิ่งผิดปกติ
“ที่นี่มีเพียงพืชแต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น มันไม่มีแม้แต่แมลงสักตัว” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
เขาทะยานร่างกลับลงไปบนพื้นและหยิบหญ้าพู่กันขึ้นมา
ทันใดนั้นร่างกายของฟางหยวนพลันสั่นสะท้านขึ้น
หญ้าพู่กันบนพื้นทรายไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแต่หญ้าพู่กันที่ฟางหยวนหยิบขึ้นมากลับเริ่มเหี่ยวเฉาลงก่อนจะกลายเป็นทรายสีม่วงร่วงหล่นลงบนพื้น
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนหรี่ตามองและทดลองหยิบทรัพยากรอมตะชนิดอื่นขึ้นมา
ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกับครั้งก่อนหน้า
“แปลก! เหตุผลที่พวกมันถูกเรียกว่าทรัพยากรอมตะเพราะพวกมันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากแฝงอยู่ หากพวกมันถูกทำลาย พลังงานแห่งเต๋าจะต้องปั่นป่วน แต่มันกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!”
เมื่อมองไปยังทรัพยากรอมตะจำนวนนับไม่ถ้วน ฟางหยวนรู้สึกราวกับกำลังมองกองซากศพ
นี่ทำให้ฟางหยวนยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
เขารีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและสร้างระยะห่างจากทรายสีม่วง
“มีบางอย่างแปลกประหลาดเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณนี้ การสร้างระยะห่างจากทรายสีม่วงอาจไม่มีประโยชน์ ทรัพยากรอมตะทั้งหมดอาจเกี่ยวข้องกับค่ายกลวิญญาณ ก่อนที่ข้าจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มันจะดีที่สุดหากข้ารีบหาวิธีลบสถานะผีดิบและจากไปอย่างรวดเร็วที่สุด”
935 ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด
แปลโดย iPAT
“ฟิ้ว…”
ฟางหยวนเหมือนลูกศรที่พุ่งผ่านท้องฟ้าไปด้วยความเร็วสูง
บนพื้นเต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะแต่เขาไม่ได้มองสมบัติที่ไร้คุณค่าเหล่านั้น
หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนเริ่มมองเห็นสัตว์อสูรเดียวดายตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น
มันมีร่างกายใหญ่โตราวกับเนินเขาและไม่ขยับเขยื้อน
ฟางหยวนคุ้นเคยกับสัตว์อสูรชนิดนี้เพราะมันก็คือเต่าแก่นแท้ที่เขาพบในถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว
ฟางหยวนลดความเร็วลงและเคลื่อนที่เข้าไปหาเต่าแก่นแท้ที่ตายไปนานแล้ว
จากสภาพศพ ลำคอของมันเหมือนถูกโจมตีจนแตกหัก อย่างไรก็ตามการแสดงออกของมันกลับสงบนิ่งและผ่อนคลายมาก นี่ทำให้ฟางหยวนค่อนข้างงุนงง
“ท่ามกลางทรัพยากรอมตะที่ไร้ค่ามีซากศพของสัตว์อสูรอยู่ด้วยงั้นหรือ?”
ฟางหยวนพยายามรวบรวมชิ้นส่วนซากศพของเต่าแก่นแท้
แต่หัวใจของเขาก็จมดิ่งลงอีกครั้งเมื่อชิ้นส่วนร่างกายของเต่าแก่นแท้สูญสลายกลายเป็นทรายสีม่วงดังเช่นก่อนหน้า
ฟางหยวนหรี่ตามองก่อนจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและเดินทางต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พบซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สอง
มันคือสัตว์อสูรจ้าวพิภพ
มันมีร่างกายเหมือนมนุษย์ หางเป็นอสรพิษ ใบหน้าเหมือนค้างคาว ผิวหนังสีดำเหมือนชุดเกราะ บนหน้าอกของมันยังมีแส้เนื้อประมาณหกสิบเส้นที่ยาวกว่ายี่สิบเมตร
ศพของสัตว์อสูรจ้าวพิภพค่อนข้างสมบูรณ์ แต่เมื่อฟางหยวนพยายามเก็บเกี่ยว มันกลับกลายเป็นทรายสีม่วงอีกหน
ฟางหยวนไม่แปลกใจอีกต่อไป เขาพึมพำ “เต่าแก่นแท้เป็นสัตว์อสูรของภาคกลางขณะที่สัตว์อสูรจ้าวพิภพเป็นสัตว์อสูรที่พบในภาคเหนือ…”
เขายังสำรวจต่อไป
ฟางหยวนพบกองซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายตัวใหม่อย่างรวดเร็ว
“คชสารไม้จันทร์สามตัว!” ฟางหยวนอ้าปากค้าง
คชสารไม้จันทร์มีค่ามากกว่าเต่าแก่นแท้และสัตว์อสูรจ้าวพิภพเพราะคชสารไม้จันทร์เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ด
คชสารไม้จันทร์เป็นสัตว์อสูรหายากไม่ว่าจะในภูมิภาคใดก็ตาม แต่ตอนนี้ซากศพของมันกลับนอนอยู่ตรงหน้าฟางหยวนถึงสามตัว
ต่อมาฟางหยวนยังพบซากศพสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นหมาป่าเทพจันทรา สุนัขดาราเดียวดาย ม้าละอองทราย วานรเทพน้ำแข็ง ม้าลายมังกร กระเรียนเก้ามงกุฎ อินทรีย์มงกุฎเหล็ก ปลามังกรเดียวดาย หมีพุ่มหนาม และอื่นๆ
ยิ่งเขาเข้าใกล้จุดศูนย์กลางมากเท่าใด เขาก็พบซากศพมากเท่านั้น
ฟางหยวนยังพบราชาแพะเขาเดี่ยวของภาคเหนือ จระเข้ลาวาเดือดของภาคใต้ หมีเพชรของภาคกลาง เต่าปล่องควันของทะเลตะวันออก และสัตว์อสูรจากทั้งห้าภูมิภาค
“โอ้ ค้างคาวมรณะ…” ฟางหยวนชะลอความเร็วโดยไม่ได้ตั้งใจ
ค้างคาวมรณะเป็นสัตว์อสูรเดียวดายบนเส้นทางแห่งห้วงมิติแต่มันยังด้อยกว่าซากศพของค้างคาวมรณะบรรพกาลที่ฟางหยวนเคยพบในไท่ฉี
“กิเลนจันทร์เสี้ยว!” ร่างของฟางหยวนแข็งค้างทันที
กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือมีกิเลนจันทร์เสี้ยวที่มีชีวิตอยู่ตัวหนึ่ง มันถือเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขา
“สัตว์อสูรบรรพกาล…ดูเหมือนมันจะเป็นสุนัขเสี้ยวสวรรค์…” ฟางหยวนตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากทั้งหมดเขาไม่เคยเห็นสัตว์อสูรชนิดนี้มาก่อน
จากบันทึก สุนัขเสี้ยวสวรรค์อาศัยอยู่ในสวรรค์สีขาวเท่านั้น ดังนั้นมันจึงทำให้ฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
ฟางหยวนค่อนข้างมีความรู้รอบตัวแต่เขายังไม่รู้จักสัตว์อสูรและพืชอสูรมากมายที่อยู่ที่นี่
“มิติแห่งนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ ข้าบินมานานแล้วแต่ยังไม่พบขอบของค่ายกลวิญญาณ”
แต่เรื่องนี้ไม่เกินความคาดหมายของฟางหยวน
เขาพยายามอนุมานค่ายกลวิญญาณนี้และตระหนักว่ามันเป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังรู้สึกว่าเขาประเมินมันต่ำเกินไป
“ดูเหมือนการอนุมานของข้ายังไม่บรรลุถึงจุดสำคัญของมัน”
“ผู้ใดเป็นผู้สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา? ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน ทรัพยากรทั้งหมดที่อยู่ที่นี่อาจเป็นผลงานของเทพอมตะหรือเทพปีศาจ?”
ฟางหยวนพยายามคาดเดา
กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพียงลำพัง
เนื่องจากกำแพงภูมิภาค ผู้อมตะระดับแปดไม่สามารถเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นได้โดยง่าย
นี่เป็นเหตุผลที่นิกายโบราณทั้งสิบไม่ส่งผู้อมตะระดับแปดมาตรวจสอบเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงแต่ส่งเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดและผู้อมตะระดับหกมายังภาคเหนือเท่านั้น
แน่นอนว่าเมื่อบรรลุเป็นผู้อมตะระดับเก้า กำแพงภูมิภาคจะไม่สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อีกต่อไป
“หากไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้าก็ต้องเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลอยู่ในทั้งห้าภูมิภาค”
แม้จะมีการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลืองแต่มันก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนสินค้าได้ถึงระดับนี้
หลังจากทั้งหมดธุรกรรมขนาดใหญ่จะถูกบันทึกไว้เสมอ
แต่ฟางหยวนไม่เคยได้ยินว่ามีการแลกเปลี่ยนสินค้าระดับนี้มาก่อน
ฟางหยวนไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้มากนัก ในชีวิตก่อนหน้า เขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับมันเท่านั้น
กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระทั่งเหนือกว่ากองกำลังพันธมิตรผีดิบสาขาหลัก เหตุผลที่พวกเขาอธิบายกับผู้คนก็คือมรดกที่ซ่อนอยู่ในโลกใต้บาดาลแห่งนี้
พวกเขาพบวิธีลบสถานะผีดิบจากที่นี่และสามารถกู้คืนชีวิตให้กับผีดิบอมตะจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ผีดิบอมตะที่บ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษจำนวนนับไม่ถ้วนจึงเข้าร่วมกับพวกเขาและทำให้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล
แต่ไม่นานหลังจากนั้นกองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือกลับถูกทำลายโดยหม่าหงหยุน
ฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมิติแห่งนี้มากนักแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
“ทิศทางที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปควรจะถูกต้องเนื่องจากทรัพยากรอมตะที่ปรากฏเริ่มหายากมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใดเป็นคนจัดการเรื่องนี้? นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก บางทีกระทั่งวังสวรรค์ก็ยังไม่สามารถบรรลุความสำเร็จระดับนี้”
วังสวรรค์เป็นกองกำลังที่ปกครองภาคกลางทั้งหมดและยังมีเครือข่ายอยู่ในอีกสี่ภูมิภาค
ในช่วงห้าร้อยปีหลังจากนี้ สัตว์ประหลาดมากมายจะปรากฏตัวขึ้น นี่ทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้
ทุกกองกำลังมีวิธีพัฒนาองค์กรของตน วิธีของวังสวรรค์ก็คือปกครองภาคกลางทั้งหมดอย่างเปิดเผย
“กองกำลังที่สร้างสถานที่แห่งนี้ต้องเป็นกองกำลังที่มีเครือข่ายอยู่ในห้าภูมิภาค บางทีมันอาจเป็นกองกำลังลับที่ซ่อนอยู่…โอ้ ที่นั่นคือ…”
ฟางหยวนมองเห็นเงาสีม่วงอยู่ด้านหน้า
มันเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
บนพื้นทรายสีม่วงไม่มีทรัพยากรอมตะใดวางอยู่
พื้นที่นี้มีลักษณะเป็นวงกลมที่มีรัศมีอย่างน้อยสองกิโลเมตร
ปราศจากเสียงและสายลม
ฟางหยวนลอบตกใจ “ที่นี่คือจุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณ ดูเหมือนจะเคยเกิดการระเบิดที่รุนแรงขึ้นที่นี่!”
เมื่อฟางหยวนบินเข้าไปใกล้ แสงที่ส่องประกายขึ้นมาจากพื้นทรายดึงดูดความสนใจของเขา
เขาร่อนลงบนพื้นและเห็นปีกเล็กๆจมอยู่ในพื้นทราย
มันไม่ใช่ปีกนกแต่เป็นปีกที่โปร่งใสเหมือนปีกแมลงปอ
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของมันกลับทำให้ฟางหยวนต้องกลืนน้ำลายลงคอ
กลิ่นอายของสัตว์อสูรแรกกำเนิด!
แม้จะเป็นเศษชิ้นส่วนของซากศพแต่มันก็ป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่แท้จริง
แสงระยิบระยับส่องประกายออกมาจากปีกบางๆชิ้นนี้
“มันคือพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโลหะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋านี้ทำให้มันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้า!”
“เดี๋ยว! บางทีมันอาจเป็นปีกของผึ้งลายเสือ!”
ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจ
การคาดเดานี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านขึ้น
ผึ้งลายเสือมีขนาดร่างกายเท่ากับเสือ มันถูกบันทึกไว้ในตำนานของมนุษย์คนแรก
“พวกมันแข็งแกร่งมาก กระทั่งหยางเมิ้งก็ยังไม่สามารถเอาชนะหนึ่งในพวกมัน สุราที่เกิดจากน้ำผึ้งลายเสือเป็นสุรารสหวานชั้นยอดและมีคุณภาพสูงที่สุดในโลก”
“ผึ้งลายเสือมีร่างกายใหญ่โตแต่ปีกชิ้นนี้…” ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น
เขาไม่แน่ใจ
ความรู้ของเขาค่อนข้างจำกัดหากเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะที่อยู่ในมิติแห่งนี้
ฟางหยวนทดลองนำปีกชิ้นนั้นขึ้นมา
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น
ปีกผึ้งลายเสือไม่สูญสลายกลายเป็นทรายสีม่วงเหมือนทรัพยากรก่อนหน้า!
ฟางหยวนรู้สึกตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
นี่เป็นชิ้นส่วนร่างกายของสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันถือเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด!
ด้วยพลังงานแห่งเต๋าที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กล่าวได้ว่ามันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้า!
936 ค่ายกลซ้อนค่ายกล
แปลโดย iPAT
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก
ทรัพยากรอมตะที่อยู่ในมือของเขาถือเป็นสมบัติล้ำค่า กระทั่งในชีวิตก่อนหน้า เขาก็ไม่เคยครอบครองสมบัติระดับนี้
มันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฟางหยวนไม่ใช่ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่เขายังรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ทรัพยากรอมตะล้ำค่าก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้นั่นเอง
เหตุใดวิญญาณจึงมีพลัง? เพราะมันเป็นภาชนะที่ใช้บรรจุพลังงานแห่งเต๋า
การกระตุ้นใช้งานวิญญาณก็คือการหยิบยืมพลังอำนาจของสวรรค์พิภพ ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้วิญญาณจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ออกมา
ยิ่งมีพลังงานแห่งเต๋ามากเท่าใด มันก็ยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น
การหลอมรวมวิญญาณก็คือการผสานพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากเข้าด้วยกัน
ด้วยทรัพยากรอมตะที่ฟางหยวนได้รับ มันสามารถใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด!
“ปีกผึ้งชิ้นนี้คล้ายกับปีกผึ้งลายเสือบนเส้นทางแห่งโลหะ หากข้าต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ มันจะมีประโยชน์มาก แต่น่าเสียดาย วิญญาณอมตะที่ข้าต้องการคือวิญญาณอมตะความคิดดารา”
ฟางหยวนเก็บปีกผึ้งชิ้นนี้อย่างระมัดระวัง
มันไม่มีประโยชน์ในเวลานี้แต่เขาอาจต้องใช้มันในอนาคต
กระทั่งฟางหยวนจะไม่ใช้งานมันด้วยตนเองแต่เขายังสามารถขายมันในสวรรค์สีเหลือง
“ในที่สุดข้าก็ได้รับกำไรบางอย่าง” ฟางหยวนไตร่ตรองเรื่องต่างๆ เขาไม่รีบร้อนไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณ
เขาเริ่มสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง
หลังจากไม่นาน เขาก็พบทรัพยากรอมตะระดับแปดอีกชิ้นแม้มันจะมีพลังงานแห่งเต๋าน้อยกว่าปีกผึ้งก็ตาม
ฟางหยวนหยิบมันขึ้นมา ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้ไม่เปลี่ยนสภาพเป็นทรายสีม่วงเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าทรัพยากรอมตะระดับนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลวิญญาณและกลายเป็นทรายสีม่วง”
ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้อ่อนนุ่มมากและไม่มีรูปทรงที่แน่นอน
“เมฆ?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มันเป็นก้อนเมฆที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเมฆา
“บางทีมันอาจจะเป็น…” ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดถึงความน่าจะเป็นบ่างอย่าง
เขากระตุ้นใช้วิญญาณและพ่นไอน้ำออกมาจากปาก
เมื่อทรัพยากรอมตะชิ้นนี้ถูกปกคลุมไปด้วยไอน้ำ มันเริ่มลอยขึ้นจากฝ่ามือของฟางหยวนและกลายเป็นก้อนเมฆเล็กๆ ในรูปลักษณ์ของวิหคเพลิง ปีกของวิหคเพลิงกระพืออย่างช้าๆ และทำให้ก้อนเมฆลอยค้างอยู่กลางอากาศ
ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น “ดังคาด! มันคือชิ้นส่วนร่างกายของวิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิด!”
หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก
วิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากห้าภูมิภาค มันเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่อาศัยอยู่ในสวรรค์สีขาวเท่านั้น
มันไม่มีสายเลือดของวิหคเพลิงที่แท้จริง แต่มันเป็นก้อนเมฆโบราณที่ดูดซับกลิ่นอายของวิหคเพลิงมาอย่างยาวนานและเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษไปในที่สุด
ด้วยเหตุนี้ร่างกายของมันจึงไม่มีเลือดเนื้อแต่ถูกสร้างขึ้นจากก้อนเมฆ
สิ่งที่ฟางหยวนได้รับเป็นเพียงเศษเสี้ยวของร่างกายวิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิดแต่พลังงานแห่งเต๋าของมันยังเหนือกว่าทรัพยากรอมตะระดับหกนับสิบเท่า
การค้นพบวิหคเพลิงเมฆาแรกกำเนิดคือการยืนยันความคิดของฟางหยวน
เขาสำรวจรอบนอกของพื้นที่วงกลมและได้รับกำไรมหาศาล
เขาได้รับทรัพยากรอมตะสิบแปดชิ้นที่อยู่บนเส้นทางที่หลากหลาย มีสามชิ้นที่มีพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาวหรือปัญญา พวกมันจะเป็นความช่วยเหลือชั้นยอดในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราของฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากได้รับทรัพยากรอมตะสามชิ้นนี้ กล่าวได้ว่าฟางหยวนสามารถลืมข้อตกลงระหว่างเขากับนางมารผลาญสวรรค์ไปได้เลย
แน่นอนว่าฟางหยวนต้องปรับเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ด้วยแสงแห่งปัญญาและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไขเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา
“แม้ทรัพยากรเหล่านี้จะล้ำค่าแต่พวกมันก็เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนของซากศพเท่านั้น ผู้ใดสร้างที่นี่ขึ้นมากันแน่? พวกเขาใช้ทรัพยากรอมตะล้ำค่ามากมาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเก้า?”
ฟางหยวนคาดเดา
ระหว่างรวบรวมทรัพยากรอมตะ ฟางหยวนตระหนักถึงบางสิ่ง
ในพื้นที่บริเวณนี้เคยมีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจัดตั้งอยู่
เมื่อรวมกับทรัพยากรอมตะที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป คนผู้หนึ่งสามารถมองเห็นความทะเยอทะยานของผู้สร้างได้อย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดายที่การหลอมรวมวิญญาณของคนผู้นี้ล้มเหลวและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่
ไม่เพียงค่ายกลวิญญาณที่ถูกทำลาย ทรัพยากรเกือบทั้งหมดก็ถูกทำลายและทิ้งไว้เพียงเศษชิ้นส่วนเหล่านี้เท่านั้น
“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเขาก็ต้องตายเพราะแรงระเบิด มิเช่นนั้นค่ายกลวิญญาณนี้จะถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแลมาอย่างยาวนานได้อย่างไร”
แม้ทรัพยากรอมตะเหล่านี้จะเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆแต่พวกมันก็มีค่ามาก
หากปีศาจอมตะเซี่ยหูรู้เรื่องนี้ เขาจะทิ้งใบหน้าและมาที่นี่เพื่อเก็บกวาดทรัพยากรอมตะทั้งหมด
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เห้อ…ผู้ใดจะรู้ว่ามีผู้อมตะเสียชีวิตอยู่ที่นี่มากเท่าใด?”
ฟางหยวนปัดเป่าความคิดก่อนจะเคลื่อนที่เข้าไปในส่วนลึกที่สุดของสถานที่แห่งนี้
แม้จะได้รับทรัพยากรอมตะมากมายแต่ฟางหยวนยังรู้สึกผิดหวังเนื่องจากข่าวลือในชีวิตก่อนหน้ากล่าวถึงวิธีลบสถานะผีดิบ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เขายังไม่พบเบาะแสใดเกี่ยวกับมัน
ในความคิดของฟางหยวน หากเขาไม่พบวิธีลบสถานะผีดิบที่จุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณนี้ มันก็จะไม่อยู่ที่อื่น
ที่จุดศูนย์กลาง ทรายสีม่วงละเอียดกว่ารอบนอกมาก
ไม่มีทรัพยากรอมตะ
ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น
แต่ภายใต้วิธีการตรวจสอบของฟางหยวน เขาพบเศษซากของค่ายกลวิญญาณอยู่ลึกลงไปในชั้นทราย
“มันคือจุดศูนย์กลางของมิติแห่งนี้!”
“ช่างน่าอัศจรรย์นัก มันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ซ้อนทับอยู่ในค่ายกลวิญญาณ นี่ต้องเป็นผลงานของปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่!”
ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกตกตะลึง
มิติแห่งนี้เป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่สนับสนุนค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่อยู่ภายใน
นอกเหนือจากนั้นฟางหยวนยังพบค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหาร ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี และค่ายกลวิญญาณสนับสนุนอื่นๆ อีกมากมาย
เส้นทางแห่งอาหารเป็นสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ มันยากที่จะพบเห็นในยุคปัจจุบัน
ฟางหยวนไม่มีความเข้าใจเส้นทางแห่งอาหารมากนักแต่เขายังรู้ว่ามันเกี่ยวกับการให้อาหารวิญญาณ
“ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหารควรมีไว้เพื่อเลี้ยงดูวิญญาณ ค่ายกลวิญญาณทั้งหมดนี้แน่นอนว่าประกอบไปด้วยวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน”
“มีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหารสองหรือสามค่ายกลที่เหลืออยู่ มันยากที่จะจินตนาการว่าหลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ ค่ายกลวิญญาณเหล่านี้สามารถรอดมาได้อย่างไร?”
“บางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติยังดำรงอยู่มาจนถึงวันนี้”
“นั่น…ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี!” ฟางหยวนค้นพบสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีถูกทำลายไปแล้วแต่ยังเหลือวิญญาณอยู่สองหรือสามดวงที่ฝังตัวอยู่ในพื้นทราย
ฟางหยวนมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับเส้นทางแห่งภูตผี แต่ที่ไท่ชิว ตงฟางชางฟานเคยใช้ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ฟางหยวนจะไม่รู้เลยว่ามันคือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี
“ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผีใช้ป้องกันการโจมตีจากภายนอก บางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ค่ายกลวิญญาณหลายค่ายกลสามารถรอดจากการระเบิดครั้งใหญ่มาได้”
“ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมหลายคนมีค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและค่ายกลวิญญาณสนับสนุนอื่นๆ เพื่อช่วยในการหลอมรวมวิญญาณ ด้วยค่ายกลวิญญาณเหล่านี้ พวกเขาจะสามารถประหยัดเวลาและพลังงานของตนเอง มันยังช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของการหลอมรวมวิญญาณอีกด้วย ตัวอย่างเช่นกองกำลังภูเขาหิมะ พวกเขามีค่ายกลวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุดของภาคเหนือ มันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ซ้อนทับกันถึงสิบสองชั้น”
ความคิดของฟางหยวนเริ่มปั่นป่วน
เขาสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมได้เช่นกัน
แต่ค่ายกลวิญญาณของเขาเป็นเพียงค่ายกลทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน
หลังจากทั้งหมดพวกเขาต้องมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล
แน่นอนว่าระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนต่ำมาก
เป็นเรื่องปกติที่คนผู้หนึ่งจะมีเวลาและพลังอำนาจที่จำกัด แม้ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จในบางแง่มุม แต่เขาก็ยังด้อยกว่าคนอื่นๆ ในหลายแง่มุม
937 มิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้ว
แปลโดย iPAT
ค่ายกลวิญญาณที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยปีศาจอมตะเซี่ยหู
เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่แต่เขาไม่สามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณที่ซับซ้อน
เพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ ซันหมิงลู่ แต่ด้วยสถานะของคนผู้นี้ เขาจึงปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับปีศาจอมตะเซี่ยหูขณะที่ฝ่ายหลังก็ไม่สามารถใช้กำลังบังคับ
อย่างไรก็ตามในการร้องขอครั้งที่เจ็ดของปีศาจอมตะเซี่ยหู เขากล่าวถึงภรรยาอันเป็นที่รัก ท่านหญิงหว่านซู นั่นทำให้ซันหมิงลู่ใจอ่อน
แม้ซันหมิงลู่จะมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งแต่เขายกย่องความรักและภักดี เมื่อปีศาจอมตะเซี่ยหูต้องการสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อภรรยาอันเป็นที่รัก ซันหมิงลู่จึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือในที่สุด
เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งภาคเหนือ
ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ซันหมิงลู่ได้สร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อปกป้องภาคเหนือจากการรุกรานของผู้อมตะภาคกลาง แต่สุดท้ายค่ายกลวิญญาณของซันหมิงลู่ก็พังทลายลงขณะที่เขาเสียชีวิต
“ตามการอนุมานของข้า มีค่ายกลวิญญาณอยู่ที่นี่อย่างน้อยสิบสามค่าย นี่ยังเหนือกว่าค่ายกลวิญญาณสิบสองค่ายของซันหมิงลู่ที่เป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล ผู้ที่สร้างค่ายกลวิญญาณนี้อาจเป็นปรมาจารย์สูงสุด!”
ปรมาจารย์สูงสุด!
มันคือระดับความสำเร็จที่เหนือกว่าระดับปรมาจารย์เอก!
ตัวอย่างเช่นปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามในประวัติศาสตร์ บรรพชนผมยาว เฒ่าสายฟ้าเทียนหนาน และผู้อมตะเฒ่ากงเจีย คนทั้งสามมีความสำเร็จที่โดดเด่นและไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะ
“ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหาร ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งภูตผี ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งโลหะ ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่ง…” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะจ้องมองทรายสีม่วง
หัวใจของเขาเริ่มจมดิ่งลงแต่เขายังไม่ลืมเป้าหมาย
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะพบวิธีลบสถานะผีดิบ
ค่ายกลเหล่านี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีวิญญาณเหลืออยู่ไม่กี่ดวง ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้ไม่มีวิญญาณอมตะ บางทีพวกมันอาจถูกทำลายในการระเบิดครั้งใหญ่หรือบางทีพวกมันอาจตายเพราะค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งอาหารไม่สามารถเลี้ยงดูพวกมัน
ฟางหยวนยังพบค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ลึกลงไปแต่มันถูกทำลายไปแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขากลับพบบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาเหล่านี้
มีกลุ่มความคิดบางอย่างถูกทิ้งไว้
มันอยู่ในสภาวะจำศีลและไม่สามารถโต้ตอบ
ฟางหยวนสูดหายใจลึกและพยายามอนุมานค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา มันเหมือนกับอาคารที่พังทลายและต้องใช้ความระมัดระวังในการสำรวจ
โชคดีที่ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีความสำเร็จค่อนข้างสูง
ครู่ต่อมาเขาจึงสามารถถอดรหัสค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาดังกล่าวและบุกเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของมัน
หลังจากนั้นเขาจึงส่งกลุ่มความคิดพุ่งเข้าติดต่อกับกลุ่มความคิดที่ถูกทิ้งไว้
…..
“กว่าแปดสิบปี ในที่สุดค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ ในอีกไม่กี่ร้อยหรือพันปีข้างหน้า ข้าจะหลอมรวมวิญญาณที่นี่! ฮืม…ข้าเป็นผีดิบอมตะ ความคิดของข้าไม่รวดเร็วนัก ข้าต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจาก สีเหลือง เพื่อเก็บความคิดของข้าเอาไว้”
…..
“ค่ายกลวิญญาณนี้ยอดเยี่ยมเกินไป มันไม่เพียงช่วยในการหลอมรวมวิญญาณแต่มันยังสามารถซ่อนตัวจากเจตจำนงสวรรค์ สองร้อยปีที่ผ่านมา ข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจำนวนแปดดวง หกดวงเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด อีกสองดวงเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด”
…..
“ทุกปีพวกเขาจะส่งทรัพยากรอมตะมากมายมาให้ข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าไม่ต้องรวบรวมทรัพยากรอมตะด้วยตนเอง มันช่างยอดเยี่ยมนัก ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะทดสอบเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์นี้แล้ว”
…..
“วันนี้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น ข้าพยายามพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดูดวิญญาณ แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นวิญญาณที่ข้าไม่รู้จัก ข้าจะให้คนอื่นทดสอบมัน”
…..
“การหลอมรวมวิญญาณในวันนี้ล้มเหลว ค่ายกลวิญญาณสายป้องกันสามค่ายถูกทำลาย กระทั่งค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พ่อค้าเลวในสวรรค์สีเหลืองผู้นั้นหลอกลวงข้า! ข้าจะถลกหนักเลาะกระดูกของมันออกมาเพื่อระบายความโกรธ!”
…..
“พ่อค้าไร้ยางอายถูกลงโทษแล้ว สีครามทำได้ดี! หลายวันที่ผ่านมา สีเหลืองช่วยซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด ตอนนี้ข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณได้อีกครั้ง”
…..
“สีม่วงมาเตือนให้ข้าระวังตัว สีครามกำลังพบปัญหา มันกลายเป็นว่าพ่อค้าไร้ยางอายเป็นลิ่วล้อของวังสวรรค์ วิญญาณโชคชะตายังทำงานได้ดี เทพปีศาจบัวแดงไม่สามารถทำลายมันได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้เป็นเครื่องมือของสวรรค์ วันหนึ่งมันต้องถูกทำลาย!”
…..
“ปัญหาของสีครามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การสูญเสียหนึ่งในพวกเราทั้งเจ็ดถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เห้อ…ข้าเป็นผู้ทำร้ายเขา แต่เขาก็ตัดสินใจด้วยตนเอง บางทีข้าควรทดลองตอนนี้…ก่อนจากไปเขานำวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติไปด้วย ข้าหวังว่ามันจะสามารถช่วยเขา”
…..
“สีครามล้มเหลว เขาเหลืออีกก้าวเดียวเท่านั้น สีเหลืองแทบไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ แต่อาการบาดเจ็บที่สีเหลืองได้รับไม่สามารถรักษา มันจะค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นในอีกหลายร้อยหรือพันปีข้างหน้า ตอนนี้เราเสียคนที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว”
…..
“ความล้มเหลวของสีครามทำให้ข้าตระหนักถึงบางสิ่ง เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับข้อบกพร่อง สวรรค์ไม่ยอมให้พวกเราสมบูรณ์แบบเกินไป ในฐานะ สีเขียว ข้าต้องเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของชีวิตและความตาย ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับภารกิจนี้มากไปกว่าข้าอีกแล้ว พวกเราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังจากข้าพบวิธีลบสถานะผีดิบ”
…..
หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
‘ดูเหมือนมันจะเป็นองค์กรที่เรียกสมาชิกด้วยรหัสลับเช่น สีเหลือง สีเขียว สีม่วง สีคราม สมาชิกของพวกเขามีเจ็ดคน พวกเขาอาจใช้สีของสายรุ้งเป็นรหัส เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะเรียกกองกำลังนี้ว่า สายรุ้งเจ็ดสี’
ฟางหยวนคาดเดาและเริ่มอ่านความคิดที่ถูกทิ้งไว้อีกครั้ง
แต่ความคิดหลังจากนี้ไม่ปะติดปะต่อเหมือนก่อนหน้าทำให้เชื่อมโยงได้ค่อนข้างยาก
…..
“สีน้ำเงินได้รับมรดกอมตะ มันเป็นมรดกของผู้อมตะเฒ่ากงเจียจากภาคกลาง เขามีงานวิจัยที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับสุดยอดกายาทั้งสิบ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อข้าอย่างมหาศาล”
…..
“สีเหลืองและสีม่วงได้รับมรดกของปีศาจอมตะไร้กฎเกณฑ์ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกฎของเขาน่าอัศจรรย์มากและไม่มีผู้ใดสามารถก้าวข้ามกระทั่งข้าก็ตาม”
…..
“ปีศาจอมตะไร้กฎเกณฑ์กล่าวได้ถูกต้อง มีชีวิตในความตาย มีความตายในชีวิต ชีวิตและความตายสามารถเปลี่ยนแปลงและอยู่ร่วมกัน!”
“ชีวิตมีข้อดี ความตายก็มีประโยชน์ มิติช่องว่างของผีดิบอมตะอาจตายไปแล้วแต่มันก็ปลอดภัยจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพ นี่คือข้อดีของความตาย”
“แนวความคิดของปีศาจอมตะไร้กฎเกณฑ์ถูกต้อง ข้าควรก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ!”
…..
‘ปีศาจอมตะไร้กฎเกณฑ์ช่างน่าทึ่งนัก มิติช่องว่างที่ตายไปแล้วของผีดิบอมตะมีประโยชน์มากมาย หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป โลกของผู้อมตะจะสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน’
ฟางหยวนพบเรื่องที่น่าตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ดวงตาของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
แนวความคิดนี้คือ เมื่อผู้อมตะเริ่มต้นบ่มเพาะ พวกเขาควรเปลี่ยนตนเองเป็นผีดิบอมตะเพื่อให้ได้รับมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิต พวกเขาจะได้รับมิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้วในเวลาเดียวกัน
มิติช่องว่างดังกล่าวจะมีสองชั้น ชั้นแรกมีชีวิต ชั้นที่สองตายไปแล้ว ทั้งสองชั้นจะสนับสนุนกันและเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ให้กับผู้อมตะโดยเฉพาะการก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์พิภพ
‘ตามแนวคิดนี้ ข้าสามารถใช้มิติช่องว่างที่ตายไปแล้วเป็นแกนกลางและหลอมรวมมันเข้ากับมิติช่องว่างที่มีชีวิตในกระบวนการกู้คืนชีวิต ด้วยวิธีนี้ข้าจะได้รับมิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้ว’
‘มิติช่องว่างที่มีชีวิตและตายไปแล้วจะช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติสวรรค์พิภพลงครึ่งหนึ่ง! สิ่งสำคัญที่สุดก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ข้าได้รับจะไม่ลดลง!’
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นกับการค้นพบครั้งนี้เป็นอย่างมาก
‘หากมันได้ผลจริง มันจะทำให้ผู้อมตะทั้งหมดตกตะลึง มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าทั้งโลกจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่’
938 กลับเข้าเมือง
แปลโดย iPAT
แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นท่ามกลางความมืด
มันคือฟางหยวนที่ออกมาจากค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติโดยใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ
เขาอยู่ในค่ายกลวิญญาณที่จัดตั้งไว้ล่วงหน้าในถ้ำปลาหมึกอสูร ด้วยวิธีนี้กลิ่นอายของวิญญาณอมตะจึงไม่กระจายออกไป
“ฝูงปลาหมึกอสูรกลับมาแล้วงั้นหรือ?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขากำจัดกลิ่นอายของวิญญาณอมตะและค่ายกลวิญญาณอย่างรวดเร็วก่อนจะจากไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้ปลาหมึกอสูรจะรู้สึกผิดปกติแต่พวกมันก็ไม่พบสิ่งใด
หลังจากทั้งหมดสติปัญญาของสัตว์อสูรไม่สามารถเปรียบเทียบกับมนุษย์ ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย
เขากลับไปยังสนามรบที่วุ่นวายอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ฝูงปลาหมึกอสูรถูกขับไล่ไปแล้วขณะที่กลุ่มผีดิบอมตะและไส้เดือนยักษ์หายตัวไป
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางเมื่อเห็นรูขนาดใหญ่บนพื้น
มันก็คือรูที่ไส้เดือนยักษ์ใช้หลบหนี
“ไส้เดือนยักษ์กลืนข้าเข้าไปแต่ข้าใช้วิญญาณท่องแดนอมตะหลบหนีออกมา เมื่อมันล้มเหลวในการล่าเหยื่อ มันจะโกรธและต่อสู้กับกลุ่มผีดิบอมตะอย่างดุเดือด แน่นอนว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกลุ่มผีดิบอมตะ เมื่อได้รับบาดเจ็บจนถึงจุดหนึ่ง มันจะพยายามหลบหนี”
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างดี มิฉะนั้นเขาจะไม่ใช้วิธีนี้ในการหลบหนีจากสายตาของกลุ่มผีดิบอมตะ
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักรบมังกรเย่ชาและผีดิบอมตะคนอื่นๆมาแล้ว เขารู้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีวิธีรับมือไส้เดือนยักษ์ที่มีประสิทธิภาพ
วิธีการตรวจสอบของพวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีของไส้เดือนยักษ์และตรวจสอบภายในช่องปากของมัน ดังนั้นฟางหยวนจึงกล้าใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อจากมา
แม้กลุ่มผีดิบอมตะจะแข็งแกร่งแต่พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการไส้เดือนยักษ์ได้โดยง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไส้เดือนยักษ์ต้องการหลบหนี
พลังการต่อสู้ไม่ใช่ทุกสิ่ง
ตัวอย่างเช่น ปีศาจอมตะเซี่ยหู เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่สามารถขับไล่เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพร้อมกัน แต่ในการสร้างค่ายกลวิญญาณ เขายังต้องร้องขอความช่วยเหลือจากซันหมิงลู่ถึงเจ็ดครั้ง
กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นในแง่มุมนี้
ในประวัติศาสตร์ เทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์ต้องร้องขอให้บรรพชนผมยาวช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะให้พวกเขาเช่นกัน
มีเส้นทางที่หลากหลายในโลกของบ่มเพาะ นั่นหมายความว่าผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนล้วนมีความชำนาญที่แตกต่างกัน ผู้อมตะระดับเก้าก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางบางสายเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็มีขีดจำกัดของตนเอง
เว้นเพียงพวกเขาจะมีเวลามากพอหรือได้รับโชคลาภที่ไม่คาดคิด
สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มผีดิบอมตะกำลังไล่ล่าไส้เดือนยักษ์อย่างสุดความสามารถ
ระหว่างทางเต็มไปด้วยหลุมบ่อที่เกิดจากแรงระเบิด นอกจากนี้ยังมีซากศพของสัตว์อสูรที่ถูกดึงดูดเข้าสู่ความโกลาหลอีกมากมาย
เพื่อเอาชีวิตรอด ไส้เดือนยักษ์ต้องทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการหลบหนี นี่ช่วยเหลือฟางหยวนได้มาก
ด้านหนึ่งไล่ล่า ด้านหนึ่งหลบหนี ด้วยเหตุนี้สนามรบจึงขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางเมื่อเห็นสถานการณ์ที่รุนแรง
“เพื่อที่จะหลบหนี ไส้เดือนยักษ์ต้องชักนำกลุ่มผีดิบอมตะเข้าสู่อาณาเขตของสัตว์ร้ายตัวอื่น ยิ่งวุ่นวายเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อข้าเท่านั้น นี่ตรงกับสิ่งที่ข้าคำนวณไว้”
ฟางหยวนบินตามไปห่างๆ และซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด
กลุ่มผีดิบอมตะได้รับบาดเจ็บไม่น้อยและอยู่ในสภาพที่น่าเวทนามาก
“เราจะทำเช่นไร? ซิงเซียงซื่อตายแล้ว เราจะอธิบายเรื่องนี้กับท่านผู้นำได้อย่างไร?”
“เห้อ…เราทำดีที่สุดแล้ว ระหว่างทางพวกเราผ่านอาณาเขตของสัตว์อสูรห้าชนิด ในจำนวนนั้นมีสัตว์อสูรบรรพกาลสามตัว อย่าลืมว่าที่นี่คือโลกใต้บาดาล ข้าไม่เคยทำเรื่องบ้าระห่ำเช่นนี้มาก่อน!”
“น่าเสียดายที่ความพยายามของเราไร้ผล ไส้เดือนยักษ์ตกลงไปในบ่อลาวา ซิงเซียงซื่อไม่มีทางรอดขณะที่พวกเราก็ไม่สามารถตามลงไป”
“ในความคิดเห็นของข้า ซิงเซียงซื่อประมาทเกินไป การเข้าสู่โลกใต้บาดาลไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!”
กลุ่มผีดิบอมตะพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ขณะที่นักรบมังกรเย่ชาไม่กล่าวสิ่งใด
เขาเป็นผู้นำกลุ่ม เมื่อคิดถึงการตอบสนองของนางมารผลาญสวรรค์ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของเขาจะจมดิ่งลง
“ทุกท่าน พวกเราได้พบกันอีกครั้งในที่สุก” ฟางหยวนในร่างซิงเซียงซื่อปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มผีดิบอมตะ
“อา…” ทุกคนตกตะลึง
“ซิงเซียงซื่อ!” หมอหยินซวงอุทานเสียงดังด้วยความสุข
ผีดิบอมตะคนอื่นๆก็รู้สึกยินดีไม่ต่างกัน
“เจ้าหนีออกมาได้อย่างไร?” ผีดิบอมตะผู้หนึ่งเปิดปากถาม
ทุกคนจ้องมองฟางหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แน่นอนว่าฟางหยวนเตรียมคำตอบมาแล้ว “อนิจจา เมื่อข้าถูกขังอยู่ในปากของไส้เดือนยักษ์ ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะผนึกตนเองไว้ในผลึกน้ำแข็งอุกกาบาต นี่เป็นท่าไม้ตายสายป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า มันสามารถป้องกันคมเขี้ยวของไส้เดือนยักษ์แต่ข้อเสียของมันคือข้าจะไม่สามารถขยับร่างกาย อย่างไรก็ตามข้ายังสามารถคิดและเชื่อว่าทุกคนจะมาช่วยข้า ดังนั้นข้าจึงรอคอยกระทั่งผลึกน้ำแข็งอุกกาบาตละลายและพบว่าตนเองถูกฝังอยู่ในซากปักหักพังแห่งหนึ่ง”
“เป็นเช่นนั้น!” หมอหยินซวนอุทาน
“ซิงเซียงซื่อ เจ้าหลุดออกมาระหว่างที่พวกเราต่อสู้กับไส้เดือนยักษ์!”
“เกือบไปแล้ว!”
“ซิงเซียงซื่อ เจ้าช่างโชคดีนัก!”
กลุ่มผีดิบอมตะไม่สงสัยแม้แต่น้อย
กระทั่งนักรบมังกรเย่ชายังถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นั่นดีแล้ว ซิงเซียงซื่อ เจ้ายังต้องการเก็บเมือกหอยทากปฐพีอีกหรือไม่?”
ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนไป “ลืมมันไปได้เลย! ตอนนี้ข้าโชคไม่ค่อยดี ข้าต้องกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วค่อยกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง”
ผีดิบอมตะมองหน้ากับและลอบหัวเราะกับความขี้ขลาดของซิงเซียงซื่อ
แต่หลังการต่อสู้ที่ดุเดือด ร่างกายของพวกเขาก็อยู่สภาพที่ไม่ดีนัก ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกลับเมืองคลื่นทมิฬเพื่อพักผ่อน
สำหรับเมือกหอยทากปฐพีราตรีดาว มันถือเป็นปัญหาในอนาคต
ไม่กี่วันต่อมา
เมืองคลื่นทมิฬ
ค่ายกลวิญญาณส่องประกายขึ้นภายในห้องลับ
ฟางหยวนอยู่ด้านในค่ายกลแต่จิตใจของเขาอยู่ที่อื่น
‘เป็นไปได้! มันเป็นไปได้ทั้งหมด!’ ฟางหยวนคิด
เขาแสร้งตรวจสอบวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณแต่ในความเป็นจริงเขากำลังทำการทดลองในมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว
แม้เขาจะพบแนวคิดในการกู้คืนชีวิตแต่ต้นกำเนิดของมันยังน่าสงสัย ดังนั้นเขาจึงต้องทำการทดลอง
ผลลัพธ์ที่ได้คือวิธีนี้มีความเป็นไปได้!
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก
หากมองย้อนกลับไป ฟางหยวนพยายามหาวิธีกู้คืนชีวิตอย่างยากลำบากในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ
วิธีลบสถานะผีดิบวิธีแรกที่เขาได้รับคือการใช้วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาเพื่อย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่มีชีวิต
แม้วิธีนี้จะมีศักยภาพสูงมากแต่เขาจำเป็นต้องร่วมมือกับฉลามปีศาจและทุ่มเทความพยายามในการรวบรวมทรัพยากรจำนวนมหาศาล
ต่อมาเขาได้รับวิธียึดครองร่างจากตงฟางชางฟาน วิธีนี้สามารถละทิ้งร่างผีดิบของเขาแต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้ร่างอื่นที่มีความเข้ากันได้ดีกับเขา นอกจากนั้นฟางหยวนยังไม่ต้องการสูญเสียทะเลวิญญาณที่สองในเวลานี้
หลังจากนั้นเขายังได้รับวิธีฟื้นคืนสู่ชีวิตด้วยการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของสุดยอดกายาจากฟงจินฮวง แต่วิธีนี้เป็นไปไม่ได้สำหรับฟางหยวนที่ปราศจากสุดยอดกายา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเรียบร้อยแล้ว
สุดท้าย ในถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว ฟงจินฮวงส่งมอบวิธีลบสถานะผีดิบด้วยการใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงให้กับฟางหยวน แต่มันยังต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะนิรันดร
สำหรับวิธีหลอมรวมวิญญาณอมตะนิรันดร? ฟางหยวนไม่รู้
หากบางคนครอบครองวิญญาณอมตะนิรันดรเอาไว้ สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งขึ้น
สิ่งสำคัญก็คือฟางหยวนไม่มีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
วิธีการเหล่านี้แม้จะมีโอกาสประสบความสำเร็จแต่ก็มีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถทำได้โดยง่าย
แต่เมื่อกล่าวไปแล้ว คนที่ทำงานอย่างหนักมักจะไม่ผิดหวัง หลังจากความวุ่นวายและความยากลำบากนานับประการ ท้ายที่สุดฟางหยวนก็ค้นพบวิธีที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับเขามากที่สุดในโลกใต้บาดาลของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น