องครักษ์เสื้อแพร 931-933

 ตอนที่ 931 ทุ่งหญ้าแต่ละแห่ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

สภาพการณ์ประชุมของบรรดาพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง หวังทงแน่นอนไม่อาจเห็นด้วยตาตนเอง แต่ภาพบรรยายเสมือนจริงก็ส่งมาถึงหวังทงอย่างรวดเร็ว


องครักษ์เสื้อแพรกับสายของหวังทงมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าต้องทำ ไม่มีเวลามารายงานเรื่องพวกนี้ รายงานฉบับนี้ได้อธิบายสภาพความจริงละเอียดและพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงฝากคนร้านสามธารานำไปเมืองหลวง แต่ไม่ได้นำมาให้หวังทง


ข่าวบรรยายละเอียดนี้นำมาเมืองหลวงให้บรรดาโรงงิ้วแต่ละโรง ให้พวกโรงงิ้วได้แสดงตามบทให้เร็วที่สุด ว่ากันว่าร้านค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิงกับพ่อค้าที่ร่วมประชุมนั้นร่วมลงขันกัน นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อย


ว่ากันว่าพวกหนิวเกินกังกับหลายคนที่มีหน้ามีตาในเมืองกุยฮว่าเฉิงนั้นยังร้องไห้คร่ำครวญในการประชุมด้วยความเจ็บปวดเศร้าใจมาก ยังมีผู้คุ้มกันสองตาแดงก่ำ กวัดแกว่งดาบตะโกนว่าจะต้องแก้แค้น


ทั้งการประชุมเต็มไปด้วยความโกลาหล ทุกคนล้วนเดือดพล่านกับความโหดร้ายของเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นนอกด่าน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่าวันหน้าไม่อาจอยู่ร่วมโลก


มีข่าวมาว่าหนิวเกินกังกับพ่อค้าใหญ่หลายคนได้วางแผนกันล่วงหน้าแล้ว ถึงตอนนั้นก็ทำทีร้องไห้ เรื่องนี้หวังทงผ่านไประยะหนึ่งจึงได้รู้


เมืองกุยฮว่าเฉิงคิดเปิดศึกกับพวกนอกด่าน และยังมีแค่ผู้คุ้มกันขบวนการค้าเป็นกำลังหลัก นี่ไม่ใช่ปฏิบัติการของทางการ ทุกคนอย่างไรก็รู้สึกกำลังไม่พอ ต้องการการสนับสนุนจากทางการ หรืออาจแอบสนับสนุนก็ได้


แต่ทว่าการต่อสู้อย่างไร้เหตุผลก็มักจะทำให้คนถือสา ดังนั้นจึงต้องบรรยายให้เมืองกุยฮว่าเฉิงปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยคุณธรรม และให้ขุนนาง ให้ในวังและชาวประชาเมืองหลวงได้รู้กันด้วยการแสดงงิ้ว ขอเพียงโรงงิ้วแสดงได้ดี งิ้วว่าอย่างไร ชาวบ้านก็เชื่อเช่นนั้น


วิธีการนี้เกรงว่าอาจมีพรรคพวกตนร่วมอยู่ด้วย หวังทงรู้ดีแก่ใจ แต่ทว่าเรื่องนี้ในรายงานไม่ได้กล่าวละเอียด


ครั้งนี้ลงมือกับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น มีผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ดึงดูด แม้แต่พวกหวังทงก็นั่งไม่ติด แน่นอนต้องออกความเห็นอยากเข้าร่วมด้วย


งิ้วเมืองหลวงเริ่มแสดง บนทุ่งหญ้าก็เริ่มร้อนแรง สำหรับชนเผ่าบนทุ่งหญ้า ฤดูร้อนกับต้นฤดูใบไม้ร่วงไม่ใช่ฤดูที่เหมาะแก่การรบ ในช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่สัตว์เลี้ยงกำลังเติบโต ทุกคนล้วนเร่งมือเลี้ยงสัตว์ ดังนั้นพวกนอกด่านที่ออกปล้นส่วนใหญ่จึงอยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาว


แต่สำหรับขบวนการค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงที่สะสมเสบียงเพียงพอ ฤดูใดก็ไม่ใช่ปัญหา หน้าร้อนหญ้าเติบโตดี อากาศเหมาะ กำลังเป็นโอกาสในการลงมือปฏิบัติการบนทุ่งหญ้า


ขบวนการค้าแต่ละตระกูลไปทางตะวันตกล้วนนำสินค้าไปมาก นำผู้คุ้มกันไปน้อย เพราะทางตะวันตกไม่มีผู้ใดกล้าทำอันใดขบวนการค้าแล้ว  พวกเขาทำการค้ากับทางซีอวี้และเผ่าต่างๆ เป็นหลัก ทำการค้ากับพวกชาวฮั่นที่มายังพื้นที่ลุ่มน้ำเพาะปลูก แต่ไปทางตะวันออกล้วนนำสินค้าไปน้อย นำผู้คุ้มกันไปมาก รถใหญ่ พร้อมคนจำนวนมาก ยังมีอาวุธและเสบียงพร้อม พวกเขาไม่ใช่ขบวนการค้า แต่เป็นกองกำลังออกปล้น


ขบวนการค้ากับชนเผ่ารอบเมืองกุยฮว่าเฉิงที่ไปมาแล้วก็เห็นตำแหน่งที่ตั้งชนเผ่าและพื้นที่อุดมสมบูรณ์บนทุ่งหญ้าตะวันออกของเมืองกุยฮว่าเฉิง และยังมีแผนที่ระบุชัดเจนกับคนนำทางที่คุ้นเคยพื้นที่ ตอนนี้ที่พวกเขาต้องทำก็คือไปแย่งชิง ไปสังหารทิ้ง


ที่เรียกว่าไม่อาจอยู่ร่วมโลก แน่นอนไม่ใช่รวบรวมกำลังทั้งหมดในเมืองกุยฮว่าเฉิงไปร่วมรบเป็นตายทางตะวันออกกับเคอเอ่อร์ชิ่นและฉาฮาเอ่อร์ แต่เป็นว่าสองฝ่ายจากนี้ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อีก ขบวนการค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงตัดสินใจตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ทำการค้า เริ่มเข่นฆ่าแล้ว


ชนเผ่าที่ไม่มีกำลังทหารม้าห้าร้อย ต่อต้านขบวนการค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงก็ย่อมเสียเปรียบมาก พวกเขาเริ่มออกโจมตีก่อนก็ไม่อาจฝ่าด่านค่ายรถใหญ่ได้ หากถูกโจมตี พื้นที่ลุ่มน้ำนี้ไม่อาจละทิ้งไปได้ หากต้องอพยพไป ก็ได้แต่ต้องปล่อยให้คนและสัตว์เลี้ยงต้องตายและกระสานซ่านเซ็น ก็เท่ากับทั้งเผ่าสิ้นสูญเช่นกัน


การต่อสู้แม้ขบวนการค้าไม่อาจประกอบเป็นค่ายรถใหญ่ แค่สวมเกราะ ถือปืน อาศัยรถใหญ่เป็นกำบัง และยังมี ทหารม้าทุ่งหญ้าจากชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่เชี่ยวชาญการต่อสู้เหมือนกันเข้าช่วย ชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนเป็นหลักจะต้านทานไหวได้อย่างไร ได้แต่บาดเจ็บล้มตายไปก็เท่านั้น สตรีและเด็ก ยังมีสัตว์เลี้ยงถูกกวาดต้อนไปหมด


บนทุ่งหญ้าเมืองกุยฮว่าเฉิงไปเมืองเซวียนฝู่ตกอยู่ใต้การควบคุมของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงในเวลาไม่นาน ขณะนี้มีพื้นที่ลุ่มน้ำหนึ่งห่างจากป้อมจางเจียโข่ว 150 ลี้ ที่แห่งนี้สร้างป้อมดินล้อมแล้ว มีอาวุธและเสบียงที่ขนมาจากเมืองเซวียนฝู่ มีกองกำลังติดอาวุธจากเมืองเซวียนฝู่มาประจำที่นี่แล้ว


เมืองเซวียนฝู่เดิมเป็นเมืองการค้าผงฟูกับการค้าสัตว์เป็นหลัก แต่ตั้งแต่เข้าสู่เดือนเจ็ดมา ราคาสัตว์เลี้ยงก็เริ่มลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ชาวนาเมืองเป่าติ้งกับเมืองเหยียนชิ่งซื้อวัวม้าก็เริ่มเลือก หากไม่ใช่ตัวที่อ้วนพีแข็งแรงก็ไม่สนใจ เพราะสัตว์เลี้ยงมีมาขายกันจำนวนมาก


เขตปกครองเหนือกับซานซีที่ใกล้กัน โดยเฉพาะตระกูลใหญ่เมืองชายแดน ล้วนเริ่มซื้อหาสัตว์เลี้ยงกับคนที่กวาดต้อนมาจากการปล้น ที่กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงปล้นได้มา หากจะส่งกลับมาจัดการที่เมืองกุยฮว่าเฉิงยุ่งยากสักหน่อย ขายให้หมดที่เมืองเซวียนฝู่ก็เหมาะสมดี


ของที่ปล้นชิงมาได้ใช้ต้นทุนไม่มาก และยังได้ผลประโยชน์อื่นมามากมาย ดังนั้นราคาจึงถูกมาก คนเขตปกครองเหนือล้วนรู้ว่าถูกมาก ผู้ใดก็ล้วนอยากจะมีส่วนในของถูกพวกนี้


เมืองหลวงกับเทียนจิน รวมถึงตระกูลใหญ่เขตปกครองเหนือแต่ละเมือง บรรดาผู้มีอำนาจอิทธิพลอาจไปเองหรือส่งคนไป ล้วนต้องเก็บเกี่ยวผลจากการขายทิ้งนี้ให้มากสักหน่อย


ชนชั้นสูงเมืองหลวงคึกคักเป็นพิเศษ เดิมหลายปีนี้พวกเขาเหมือนถูกละเลย ตามสภาพรอบด้านไม่ทัน เรื่องไขว่คว้าเงินทองใดล้วนตามไม่ทัน พวกเทียนจินฉวยโอกาสไปเสียหมด ทหารเมืองชายแดนอย่างเมืองต้าถงและเมืองเซวียนฝู่ได้กันไปก็เยอะ ตอนนี้นับว่าตามมาทันแล้ว เมืองเซวียนฝู่อยู่ข้างเมืองหลวง


ผลประโยชน์ร้อนแรง คนที่คิดร่ำรวย ก็เริ่มเห็นโอกาส มีคนไม่น้อยเริ่มพกความกล้า บ้างก็เป็นคนที่ไม่อาจทนลำบากในชนบทแล้วพากันรวมกลุ่ม บ้างก็อาจฉายเดี่ยว พากันเดินทางออกนอกเมืองเซวียนฝู่


บนทุ่งหญ้าตอนนี้ ไม่เพียงต้องการขุนนางบู๊มีความสามารถสังหารคนได้ เลี้ยงสัตว์เร่ร่อนได้ เพาะปลูกได้  ทำงานหนักได้ ทุกเรื่องสำคัญหมด อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ยึดมาได้แล้วไม่สนใจ


พวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนชาวฮั่นต่างจากพวกนอกด่าน พวกเขาเลือกพื้นที่หญ้าอุดมสมบูรณ์ชัดเจนแล้ว ก็ขุดทางน้ำ สร้างป้อมกำแพงไม้ จากนั้นก็สร้างคอกสัตว์ กลางวันออกไปเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน กลางคืนหลบในป้อม สัตว์เลี้ยงไล่ต้อนเข้าคอก หากมีโจรม้ามาก่อกวน ก็ใช้อาวุธป้องกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องค่อยว่ากันภายหลัง


อย่าเห็นว่าหวังทงกดดันตระกูลหลี่เมืองเหลียวโจว ทำให้ตระกูลหลี่ต้องถอยให้หลายก้าว ถึงกับแผ่นเหล็กกล้าอย่างเมืองเหลียวโจวยังถูกหวังทงแหวกออกได้  ร่ำรวยก็ส่วนร่ำรวย ทางเมืองเซวียนฝู่ไม่น้อยตั้งกองเล็กๆ ออกปล้น เบื้องหลังล้วนมีเงาของหลี่หรูซง ตอนนี้ผู้ใดมีกำลังการต่อสู้ก็ย่อมร่ำรวยบนทุ่งหญ้าได้ ขุนพลเมืองชายแดนย่อมมีกำลังการต่อสู้ที่มากที่สุด


กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงไปทางตะวันออกสร้างจุดพักขนาดใหญ่ทางตอนเหนือเมืองเซวียนฝู่ ตำแหน่งนั้นหากเกิดปัญหาขึ้น ทหารเมืองเซวียนฝู่ในวันหนึ่งก็ย่อมไปทัน มีคนบอกว่า กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงกับขุนพลทหารเมืองเซวียนฝู่ตระกูลหม่าและตระกูลลี่ล้วนมีสายสัมพันธ์ ตอนนี้ดูแล้ว หลี่หรูซงออกแรงในเรื่องนี้ไม่น้อย


ในบรรดากลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง ร้านสามธารา ร้านหย่งเซิ่ง กับร้านทงไห่ดูเหมือนไม่ได้ประโยชน์อันใดนัก ผู้คุ้มกันหลายร้านก็ไม่ได้บุกอยู่หน้า  กลับตั้งกระโจมอยู่ริมทะเลสาบหนองบึง  น้ำจากแอ่งน้ำบนทุ่งหญ้าล้วนรสขม ไม่อาจเลี้ยงคนและสัตว์ให้ดื่มกินได้


ร้านสามธาราเคยทำการค้าขาดทุนที่ไหน ทุกคนล้วนแปลกใจ สุดท้ายก็เป็นพ่อค้าเมืองเซวียนฝู่ที่เข้าใจ คนจากสายร้านสามธาราครอบครองทะเลสาบที่มีผงฟู เทียนจินกับเมืองเซวียนฝู่มีการค้าใหญ่ก็คือการค้าผงฟู ผงฟูพวกนี้ล้วนขนมาจากบนทุ่งหญ้า การค้านี้ไม่รู้สร้างความร่ำรวยได้มากมายเท่าไร


แม้ว่ามีการค้าบนทุ่งหญ้า ราคารับซื้อก็กดต่ำมาก แต่หากนำทะเลสาบที่มีผงฟูมาเป็นของตนได้ กำไรก็ย่อมมากมายมหาศาล


ยังคนเป็นคนสายร้านสามธาราที่วางแผนได้ลึกซึ้ง ถึงกับไปชิงครองก่อนเสียได้ ทุกคนไปถึงก็ได้แต่กวาดต้อนเอาสัตว์เลี้ยงและคนเท่านั้น พวกเขาเตรียมการไว้ก่อนแล้วว่าจะยึดทะเลสาบผงฟูนี้


เสียใจภายหลังก็ส่วนเสียใจภายหลัง ทุกคนได้แต่ยอมรับหลักการนี้ บนทุ่งหญ้าทุกแห่งเป็นเงินเป็นทอง ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถคิดไขว่คว้ามาได้หรือไม่ ว่ากันว่าพวกที่ขายของเบ็ดเตล็ดตอนนี้ล้วนได้เป็นสมบัติก้อนโตแล้ว จะไม่รวยได้อย่างไรไหว เรื่องนี้ยิ่งดึงดูดผู้คนมากันมากยิ่งขึ้น


บนทุ่งหญ้าใช่ว่าทุกที่เป็นทองคำ ขบวนพ่อค้าไม่ได้เดินทางราบรื่นไปหมด ต่อสู้บนทุ่งหญ้าแน่นอนย่อมมีบาดเจ็บล้มตาย และเรียกได้ว่ามาก


มีขบวนรถบางกลุ่มที่ไม่อาจรักษาเสบียงอาหารและอาวุธไว้ได้ ถูกทหารม้าพวกนอกด่านบุกปะทะสังหารเรียบ กลางคืนมีคนฉวยโอกาสยามมืดมิดบุกเข้าไปสังหาร ยังมีคนแสร้งทำเป็นมาสวามิภักดิ์ แต่กลับพลิกลิ้นหรือไม่ก็นำพาไปที่อันตราย สังหารบาดเจ็บไปไม่น้อย


กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงสมคบกันเช่นนี้ก็แล้วไป แต่ยังมีพวกที่รวบรวมกำลังผู้กล้า แม้แต่ปืนไม่มีก็ยังพากันออกสู่ทุ่งหญ้า ปะทะทหารม้าพวกนอกด่านก็ไม่มีจุดจบที่ดี แท้จริงแล้วความน่ารันทดบนทุ่งหญ้ายังไม่เพียงเท่านี้ หลายคนแม้แค่ถูกธนูยิงธรรมดา แต่เพราะบนทุ่งหญ้าขาดแคลนยารักษา ไม่มีทางช่วยชีวิตไว้ได้ ดวงดีก็แค่ไร้แขนขา ดวงไม่ดีก็ได้แต่บาดแผลกำเริบและตายบนทุ่งหญ้า


กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงกระจายกันออกโจมตี  คิดจะทำลายกำลังใดก็ต้องใช้กำลังทหารที่เก่งกล้าชิงความได้เปรียบ และต้องใช้เวลา ในฤดูกาลนี้ ทหารม้าชนเผ่าเล็กรวมตัวทำสงครามก็มีแต่ทำตัวเองตายอย่างช้าๆ


กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงเริ่มเปิดฉาก กำลังชาวฮั่นกรูกันออกสู่ทุ่งหญ้านับวันยิ่งมาก ความจริงนั้นได้ไล่บี้เผ่าใหญ่อย่างเคอเอ่อร์ชิ่นกับฮาลาเซิ่นไปทางตะวันออก ขอบเขตอิทธิพลอำนาจพวกเขาจากทางตะวันตกค่อยๆ ถูกกลืนกิน  จากนั้นก็ได้แต่ถอย


แม้มีกำลังที่รวบรวมมาได้เตรียมสู้ครั้งสุดท้าย แต่ก็ต้องมีพื้นที่ให้ไปด้วย แต่เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นความจริงนั้นไม่เพียงแต่ทางตะวันตกถูกกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธบีบ ทางใต้ก็ยังมีเมืองเซวียนฝู่กับเมืองจี้โจวสองเมืองชายแดนแผ่นดินหมิง ทางตะวันออกยังมีเมืองเหลียวโจว


ทุ่งหญ้าหมื่นลี้ ไม่มีทางให้ถอย


ตอนที่ 932 หารือในกระโจมข่าน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ออกจากช่องเขาสี่เฟิงไปยังนอกด่าน  ไปทางตะวันตก 300 ลี้ได้ก็จะเป็นตัวหลุนที่เรียกกันว่า ‘ผืนหญ้าอุดมแห่งทุ่งหญ้าหมื่นลี้’  สำหรับชนเผ่าบนทุ่งหญ้าล้วนกล่าวว่าที่นี่คือ ‘หยาดน้ำทิพย์แห่งพระโพธิสัตว์’


เดือนเจ็ดทุกปี ล้วนเป็นฤดูที่ดีที่สุดของตัวหลุน ไม่ว่ายืนอยู่ที่ใดมองไปรอบทิศ ที่เห็นล้วนเป็นความเขียวขจีที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เหมือนว่าเป็นพรมสีเขียวผืนใหญ่บนโลกใบนี้


ตัวหลุนมีข้อดีที่เป็นภูมิประเทศแบบแอ่ง  รอบทิศกันลมหิมะได้ หน้าหนาวก็สามารถพักผ่อนเลี้ยงสัตว์ได้ หญ้าและน้ำอุดมสมบูรณ์ วัวแพะและสัตว์เลี้ยงต่างก็อวบอ้วนเป็นพิเศษ มีแหล่งน้ำเพียงพอก็สามารถเพาะปลูกได้ มีเสบียงไว้กินได้


ทุ่งหญ้าหมื่นลี้ที่เหมาะแก่การพำพักระยะยาวมากก็คือพื้นที่เดิมของเผ่าอันต๋าเช่นแม่น้ำถู่ม่อชวนกับบริเวณลุ่มน้ำทางนั้น ส่วนอีกแห่งก็คือตัวหลุน


ตัวหลุนมีชาวนาฮั่นหมื่นกว่าคน พอๆ กับชาวเผ่ามองโกล และยังมีเผ่าอื่นที่เพาะปลูกอีก ที่นี่ไม่ใช่มีความพิเศษใด แต่เป็นเพราะกำลังเมืองจี้โจวกับเมืองเหลียวโจวเข้มแข็งมาก กำลังเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นและเผ่าอื่นบนทุ่งหญ้าไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไร ปล้นชิงคนมาไม่ได้ผลเท่าไร ไม่รู้ทำเช่นไร ก็ได้แต่ไปหาคนจากนอกกำแพงเมืองชายแดนเช่นเมืองเหลียวโจวและรวบรวมคนมาเรื่อยๆ พร้อมกับจับเชลยชาวฮั่นมา


เมื่อก่อนพวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนก็จะไล่ต้อนวัวและแพะเลี้ยงไปตามสบาย ชนชั้นสูงวันๆ ก็เอาแต่ดื่มสุราหาความบันเทิง หรือไม่ก็ขี่ม้าไปทางภูเขาฉางไป๋ซานและแม่น้ำเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเป็นการผ่อนคลาย แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม กระโจมข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นตั้งอยู่พร้อมฐานทัพทหารม้า 4,000 นาย  บรรยากาศเคร่งเครียดปกคลุมทั่วทุ่งหญ้า


เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นทั้งหมดที่สามารถขี่ม้าได้มีสามหมื่นขึ้นไป และอยู่ทางตะวันออก จากตัวหลุนไปยังแม่น้ำเนิ่นเจียง ชนเผ่านอกด่านน้อยใหญ่ล้วนยกเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเป็นหัวหน้า นับว่าเป็นการรวมกลุ่มพันธมิตร  รวบคนได้อย่างมากสุดก็ทหารหกหมื่น แน่นอนความสามารถในการรบนั้นไม่อาจกล่าวอันใดได้


เทียบตัวเลขดูแล้ว จริงๆ ทหารม้าสี่พันไม่น่าสู้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งกับการงานพอดี วัว ม้าและแพะล้วนต้องการแรงงานมาเลี้ยง ที่เรียกว่าทหารม้าล้วนเป็นชายฉกรรจ์แข็งแรง ชาวเลี้ยงสัตว์พวกนี้ล้วนเป็นแรงงานสำคัญของครอบครัว ยามนี้ควรต้องยุ่งกับการงานในครอบครัว


หากเป็นปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ข้างกายข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นอย่างมากก็มีทหารม้าผู้คุ้มกันพันกว่าเท่านั้น ทหารม้าพันกว่านี้ถึงกับมีครึ่งหนึ่งนำครอบครัวตนกับสัตว์เลี้ยงมาด้วย ผลัดกันหาเวลาไปเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน


หากไม่รีบเลี้ยงในเวลานี้ รอให้ถึงหน้าหนาวก็ไม่มีสัตว์เลี้ยงเพียงพอ จะทำให้ครอบครัวต้องหนาวและหิวตาย หากทั้งชนเผ่าในยามนี้ไม่มีแรงงานเพียงพอ ชนเผ่าก็ย่อมอ่อนกำลังลง ส่งผลต่ออำนาจวาสนาผู้ปกครอง


แต่ทว่าหนึ่งปีมานี้ อะไรไม่อาจสนใจแล้ว เพราะแรงกดดันจากทางเมืองกุยฮว่าเฉิงนับวันยิ่งมาก พื้นที่ใหญ่ในตัวหลุน ต้องรักษากำลังไว้รับมือให้เพียงพอ


เวิงกั่วไต้ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นไม่มีแก่ใจล่าสัตว์หาความสำราญแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน หน้านี้เขาต้องนำทหารติดตามไปปล้นเผ่าหนี่วิ์เจินนอกกำแพงเมืองชายแดนเมืองเหลียวโจว ปล้นคนมาได้ ก็คือที่เขาเรียกว่า ‘ล่าสัตว์’


“หรือว่าข้าไม่เคารพเทพยดา เหตุใดรุ่นปู่รุ่นบิดาข้าจึงได้เสวยสุขจากเงินทองและสตรีชาวฮั่น พอมาถึงข้า กลับเลวร้ายเช่นนี้ได้”


เวิงกั่วไต้นั่งตัวตรงอยู่บนพรม สีหน้าเคร่งเครียดกล่าวขึ้น อากาศแจ่มใส พระอาทิตย์กำลังดี บนยอดกระโจมล้วนพับขึ้น ให้แสงส่องเข้ามา


“ท่านข่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเทพยดา อันต๋าที่ถูกเรียกขานว่าพุทธะมีชีวิตนั่น ยังมีจุดจบเช่นนั้นไม่ใช่หรือ ชาวฮั่นละโมบพวกนั้นช่างน่ารังเกียจ พวกเขาครอบครองแม่น้ำถู่ม่อชวน ยังมาจับต้องตัวหลุนอันอุดมสมบูรณ์อีก แต่ทว่าเรื่องพวกนี้น่าเป็นเพราะเจ้าหวังทงคนเดียว  ท่านข่าน ข้ามีความคิด ให้คนนำเงินไปซื้อตัวขันทีกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงชาวฮั่น ทำให้หวังทง……”


“หมั่งกู่ซือ หากชาวฮั่นนำเงินทองมาหาข้า บอกว่าเจ้าไม่ดี ข้าจะฟังชาวฮั่นพวกนั้นไหม หรือว่าเชื่อใจเจ้า!”


ข่านเวิงกั่วไต้เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นจ้องหน้าคนพูดเขม็ง น้ำเสียงไม่พอใจ ชายที่นั่งอยู่ด้านซ้ายรีบคำนับ ที่เหลือในกระโจมก็ล้วนเป็นชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ไถจี๋[1]ล้วนไม่กล้ากล่าวอันใด หมั่งกู่ซือเติบโตมาพร้อมกับเวิงกั่วไต้ แต่เล็กก็เป็นเพื่อนเล่นกันมากับเวิงกั่วไต้ ตอนนี้มีตำแหน่งขุนพลแล้ว รับหน้าที่นำกำลังทหารม้ากล้าแห่งเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น


หมั่งกู่ซือเป็นคนไร้การวางแผน ในสนามรบเป็นขุนพลทหารที่เอาแต่บุกปะทะ  ระยะหลังนี้ได้ยินว่าได้เชิญพระจากซีอวี้มา  พระจากซีอวี้รู้หนังสือ  อยู่ข้างกายชาวมองโกลชั้นสูง ล้วนได้รับการดูแลราวกับพวกระดับสติปัญญา คิดว่าเมื่อครู่ที่กล่าวมาก็น่าจะเป็นความเห็นจากทางนั้น


ตำหนิหมั่งกู่ซือไปแล้ว ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นสีหน้ายังคงเคร่งเครียด ส่ายหน้ากล่าวว่า


“ยามนี้หากเคลื่อนกำลังทหารม้าย่อมทำลายฐานกำลังหลักตนเอง แต่หากไม่เคลื่อน ก็คงได้แต่ดูชาวฮั่นไล่ต้อนเข้ามาทีละก้าว จุดจบก็คงไม่ต่างกัน หากรบกัน หน้าหนาวนี้คงยุ่งยากใหญ่ ฉาฮาเอ่อร์สมคบกับชาวฮั่นจับจ้องพื้นที่และคนของเรา ตอนนี้คิดไม่ออก รบหรือไม่รบ ก็แค่ตายเร็วหรือตายช้า หรือว่ารออยู่ที่นี่เลยดีกว่า?”


ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นกล่าวทิ้งท้ายด้วยความโมโหเดือด ก่อนจะเอื้อมไปคว้าถ้วยเงินปาทิ้ง ดีที่พื้นเป็นพรม ไม่ได้เสียหายอันใด


แต่ทว่าชนชั้นสูงในกระโจมล้วนหมอบลงพร้อมกัน ไม่กล้าส่งเสียง ชนชั้นสูงหนวดขาวที่นั่งอยู่ข้างเวิงกั่วไต้ ในชุดผ้าต่วนยาวสีม่วง มีเครื่องประดับทองคำ แสดงถึงสถานะสูงส่ง เขาหมอบแล้วก็เงยหน้ากล่าวว่า


“ท่านข่านที่เคารพ ตอนหิมะมาแรง ไม่ใช่เงยหน้ารอรับ แต่ให้หลบก่อน หิมะตกแรงอย่างไรก็ต้องหยุด คนโบราณกล่าวไว้ล้วนมีเหตุผล ท่านข่านต้องคิดให้รอบคอบ!”


ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ยังคงสีหน้าเคร่งเครียดส่ายหน้ากล่าวว่า


“พวกเราสามารถนำทหารนับแสนออกรบสู้ตาย ผู้คุ้มกันพ่อค้าชาวฮั่นเหล่านั้นอย่างมากก็แค่สามหมื่น เหตุใดต้องไป หากรบกับพวกเขาจริง พวกเราอาจยึดเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ ก็เหมือนเผ่าอันต๋า…….”


“ท่านข่าน ทางตะวันตกเรามีศัตรู  ทางใต้เราก็มีศัตรู หากออกรบกับเมืองเซวียนฝู่และเมืองจี้โจวของแผ่นดินหมิงเหมือนเมื่อก่อน พวกเราก็ย่อมมีศัตรูขนาบรอบด้าน แม้แต่กระโจมข่านก็อาจไม่สามารถรักษาไว้ได้ และหากหวังทงนำทหารมาเอง กำลังทหารเขาเหนือกว่าเรามาก”


ชนชั้นสูงหนวดขาวยิ่งพูดก็ยิ่งยืดตัวตรงขึ้น ชนชั้นสูงในกระโจมล้วนเริ่มหนักใจ ข่านเวิงกั่วไต้เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นสีหน้าแปรเปลี่ยน สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้า ถอนหายใจกล่าวว่า


“ไม่มีตัวหลุน เคอเอ่อร์ชิ่นก็คงไม่ใช่เคอเอ่อร์ชิ่นแล้ว……”


“ท่านข่าน มีท่านข่าน มีทหารม้ากับชาวบ้านที่จงรักภักดีท่านข่าน ที่ใดก็ล้วนมีชาวเคอเอ่อร์ชิ่น หากท่านข่านยอมสละชีพเพื่อรักษาที่นี่ ถึงตอนนั้นไร้คนแล้ว เคอเอ่อร์ชิ่นก็จะสูญสิ้นไปจริงๆ แล้ว”


ชนชั้นสูงหนวดขาวเสียงดังขึ้นเล็กน้อย หมอบคำนับที่พื้นที่ ในกระโจมเงียบไปหมด  ชนเผ่าตั้งที่พักตามแหล่งน้ำและต้นหญ้า  คนและสัตว์ล้วนต้องการน้ำจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ทุกคนในเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นรวมแล้วก็เกินแสน มีชีวิตอยู่ที่นี่มาหลายยุคหลายสมัย จะบอกให้ไปก็ไปได้อย่างไร ไปจากตัวหลุนเช่นนี้  ก็เหมือนกับเผ่าอันต๋าที่สูญเสียเมืองกุยฮว่าเฉิงกับแม่น้ำถู่ม่อชวน ไม่ต่างอันใดกัน


ไม่ต้องพูดถึงว่าหากต้านทานกลุ่มพ่อค้าชาวฮั่นเมืองกุยฮว่าเฉิงไม่ได้ เผ่าใหญ่เช่นเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นต้องอพยพ  อย่างไรก็ต้องมีพวกอิทธิพลอำนาจที่เคยมาพึ่งพาคิดเอาใจออกห่าง หากอพยพจริง เกรงว่าเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเองอาจต้องสูญสิ้นไปหมดก็ได้


แต่ทว่าไม่ว่าทุกคนอยากจะยอมรับหรือไม่ หลายปีมานี้ แผ่นดินหมิงอยู่ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง เดิมที่เป็นดังแพะอ้วนที่งุ่มง่าม อ่อนแอ อยู่ๆ กลายเป็นเสือหิวที่มีเขี้ยวเล็บและยังกระหายเลือด เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เสือหิวโซตัวนี้ออกล่าไปทั่วทุกทิศ


เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นไม่ได้ข่าวจากทางตะวันตกของเมืองกุยฮว่าเฉิงมานานแล้ว  แต่พอรู้ว่าชนเผ่าทางนั้นถูกบีบให้ถอยร่น ถูกปล้น หรือไม่ก็กลายเป็นรัฐบริวาร ตอนนี้ดูแล้ว โชคชะตานี้คงมาถึงเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแล้ว เผชิญกับกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นยังอาจชนะ


แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทุกคนไม่อยากเอ่ยถึง ผู้ใดก็ไม่รู้นี่เป็นการเริ่มสงครามกับเคอเอ่อร์ชิ่นของแผ่นดินหมิงหรือไม่ หากเปิดศึกตอนนี้ เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นไม่มีแววชนะ


พอเงียบไป สีหน้าทุกคนล้วนย่ำแย่  ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นสีหน้าเคร่งเครียดหายไปหลายส่วน ถอนหายใจกล่าวว่า


“ทางตะวันตกเป็นศัตรู ทางเหนือเป็นทะเลทราย ทางใต้เป็นแผ่นดินหมิง ทางตะวันออก……ทางตะวันออกก็ไม่ใช่ต้องสู้หรือ?”


พอกล่าวเช่นนี้ บรรยากาศในกระโจมก็ยิ่งหดหู่ลงอีกหลายส่วน เวิงกั่วไต้กัดฟัน ยกมือลูบดาบประจำกาย กำลังจะกล่าววาจาให้กำลังใจก็มีคนกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า


“ท่านข่าน กองกำลังหมิงเมืองเหลียวโจวไล่ปราบเผ่าหนี่วิ์เจินแห่งเจี้ยนโจว แต่ไม่ได้ลงมือจริง ๆ แต่ทว่าเป็นแค่วิ่งไล่ตามไปตามเรื่องตามราว  กลับไม่ใช่เป็นเผ่าหนี่วิ์เจินเจี้ยนโจวถูกปราบ ตอนนี้ทางนั้นมีคนไม่น้อยไปสวามิภักดิ์เจี้ยนโจว……”


กล่าวถึงตรงนี้ คนในกระโจมมีหรือจะไม่เข้าใจ มีคนยิ้มเยาะดัง กล่าวไม่พอใจว่า


“หากกระต่ายถูกจับหมด อินทรีล่าสัตว์ก็ไร้ความหมาย ชาวฮั่นพวกนั้นย่อมเข้าใจหลักการนี้ดี”


“หรือว่าเป็นเพราะ…”


หมั่งกู่ซือส่งเสียงแสดงความไม่เข้าใจ ในกระโจมเงียบไปหมด


***************


จากด่านประตูหลงเหมินทางตะวันออกเมืองเซวียนฝู่ เดินไปสองวันหนึ่งคืน ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ไปทางตะวันออก 30 ลี้ ก็จะมีป้อมดินล้อม ด้านในมีทหารเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น 2,500 นายประจำการ ยังมีชนเผ่าสองเผ่าใกล้กันให้ความช่วยเหลือ ทั้งหมดก็ราว 4,000 นาย


ผ่านป้อมดินนี้ไป ก็จะข้ามเขาเยี้ยนซาน จากนั้นก็ได้เข้าสู่พื้นที่ตะวันออกของทุ่งหญ้าแล้ว แต่เพราะป้อมดินนี้มีทหารประจำการมาก ไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นพื้นที่สำคัญอะไร ความจริงนั้นหากเดินอ้อมไปก็ได้ เพิ่มอีกสองวันเท่านั้น


แต่ที่นี่เป็นพื้นที่สำคัญเพราะที่นี่มีเหมืองทอง เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นทุกปียามต้องการสินค้า อย่างน้อยก็ต้องนำที่ได้จากเหมืองทองนี้ไปซื้อหา ตอนนี้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงบุกมาถึงที่นี่แล้ว


[1] ชั้นบรรดาศักดิ์พวกเผ่ามองโกล


ตอนที่ 933 เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทุ่มจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจัดหาอาวุธ รวมกำลังคน ยังจัดการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตบนทุ่งหญ้า ถึงกับยังส่งคนไปเมืองหลวงจัดแสดงงิ้ว ทั้งหมดเพื่ออะไร หากไม่ใช่เพื่อเงินทองบนทุ่งหญ้า


เหมืองทองบริเวณหม่านเท่าเอ๋อร์ถูกขบวนการค้าพบ จึงได้กลายเป็นเป้าหมายของทุกคนมาแต่บัดนั้น แต่ทว่าหม่านเท่าเอ๋อร์มีทหารม้าสี่พันกว่าที่พร้อมออกรบ ขบวนการค้าขนาดไม่ใหญ่นักจะกล้าคิดเรื่องชั่วร้ายได้อย่างไร ถึงกับไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำไป แต่ทว่าไม่รู้ตั้งใจหรือไม่ ตำแหน่งนี้กลับจดจำได้แม่นยำ


หลังพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงประชุมใหญ่ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงก็เริ่มเห็นว่าควรมุ่งไปทางตะวันออก ในที่สุดก็เริ่มเข้าใกล้เหมืองทอง


หม่านเท่าเอ๋อร์อยู่ริมน้ำ และลงไปทางใต้ก็เป็นแถบกู่เป่ยโข่ว นับเป็นพื้นที่การเดินทางสำคัญบนทุ่งหญ้า ชาวฮั่นกับชาวมองโกลรวมตัวกันทำการค้ารุ่งเรือง


การค้ารุ่งเรืองเช่นนี้ และยังใกล้แม่น้ำ จึงล้วนเป็นพื้นที่ของกองกำลังชาวมองโกลที่เข้มแข็ง เพราะการคมนาคมสะดวก ผลิตผลที่ได้ก็ค่อนข้างดี เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นจึงส่งคนมาเก็บภาษีที่นี่


ปลายเดือนแปด กองกำลังติดอาวุธสองกองของขบวนการค้ามีกำลังรวมพันห้าร้อยนายก็เข้าใกล้หม่านเท่าเอ๋อร์ ในเมื่อใช้ชื่อขบวนการค้า ก็ย่อมมาเพื่อทำการค้า


หากผู้ใดล้วนไม่เชื่อเหตุผลนี้ กลิ่นคาวเลือดเริ่มคละคลุ้งทั่วทุ่งหญ้า ชาวมองโกลล้วนรู้ว่าพวกนี้เป็นขบวนการค้าแผ่นดินหมิงที่ใบหน้ายิ้มแย้มแต่แอบซ่อนมีดดาบไว้ด้านหลัง ทางหม่านเท่าเอ๋อร์ถึงกับเริ่มเข้าสังหาร ชาวมองโกลเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเริ่มขับไล่ชาวฮั่น แย่งชิงทรัพย์สินพวกเขา


ชาวฮั่นแผ่นดินหมิงรักษากฎหมาย แต่บนบนทุ่งหญ้า ไม่มีที่ใดมีกฎหมาย ผู้ใดจะยืนนิ่งรอความตาย เคยผ่านการต่อสู้ เคยผ่านการสังหาร แต่ทว่าชาวมองโกลมีกำลังมากไม่น้อย ชาวฮั่นเสียเปรียบ ภรรยาและบุตรสาวถูกลบหลู่ ทรัพย์สินถูกปล้นไป


สถานที่เช่นนี้ ชาวมองโกลไม่มีความสามารถในการทำการค้า และยังชินกับการขี่ม้าและนิยมสุราแรง ไม่อยากลำบากใช้แรงงาน พวกเขามักจะเห็นแต่ว่าชาวฮั่นค่อยๆ ร่ำรวย ในใจก็ล้วนสะสมความแค้นไว้ ครั้งนี้ถือโอกาสระเบิดออกมา สังหารปล้นชิงสะใจ


ชาวฮั่นที่หนีออกมาได้แน่นอนย่อมหนีไปยังขบวนการค้า พอเห็นว่าสถานการณ์พัฒนาไปเช่นนี้ ขบวนการค้าจึงเปิดฉากเปิดเผย คิดปักธงประจัญบานแก้แค้นแทนเพื่อนร่วมชาติ


หม่านเท่าเอ๋อร์มีทหารม้าสองพันที่สังหารคนได้ ถึงกับแม้แต่สตรีก็ยังถือธนูจับดาบ กำลังคนที่รวบรวมมาเหล่านี้เป็นดังพวกนกกาโดยแท้


ขบวนการค้าติดอาวุธมีรายชื่อในเมืองกุยฮว่าเฉิง ดูแลโดยทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวย พลทหารต้าถงก็เป็นเสาหลักของผู้คุ้มกันขบวนการค้า ความจริงนั้นขบวนการค้าติดอาวุธสองกองนี้เป็นการรวมตัวของผู้คุ้มกันจากหกร้านค้าด้วยกัน อาวุธเรียกได้ว่าพร้อม และคนพันห้านี้แม้กล่าวว่าเป็นเพียงขบวนการค้าผู้คุ้มกัน แต่นับพวกชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่เป็นทหารม้าที่ตามมาด้วยนั้น จำนวนรวมก็เกินสองพันแล้ว ไม่ต้องพูดถึง หลังรวบรวมกำลังออกเดินทางออกจากเมืองเซวียนฝู่  ยังมีทหารม้าเมืองเซวียนฝู่อีกหนึ่งกองร้อย อย่าได้เห็นว่าเป็นเพียงทหารม้า 100 กว่านาย เพราะทหารม้ากองนี้ไม่ใช่เป็นทหารหลี่หรูซง ก็เป็นของตระกูลลี่ หรือไม่ก็ตระกูลหม่า ล้วนเป็นทหารในสังกัดตระกูลที่แข็งแกร่ง


เพราะตระกูลขุนพลเหล่านี้เห็นกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธร่ำรวยมากไป ก็คิดอิจฉาตาร้อน ส่งทหารตนเองติดตามมาด้วย แย่งชิงมาได้ก็เป็นส่วนของตน


ความจริงนั้นที่เรียกว่ากลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ แท้จริงเบื้องหลังก็เป็นเจ้าของร้านและเถ้าแก่ร้านค้าต่างๆ ล้วนมีเงาของขุนพลเมืองชายแดนทาบทับอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้เพียงแค่เข้าร่วมกันลงมือเท่านั้น


การต่อสู้ที่หม่านเท่าเอ๋อร์ ก็มีขั้นตอนง่ายมาก รถใหญ่ปลดม้าออก ให้คนผลักไปด้านหน้า ทหารปืนไฟใช้เป็นกำบัง โจมตี ทหารม้าบุกใกล้ก็สังหารทิ้งด้วยดาบและทวนยาว


พวกนกกาที่หม่านเท่าเอ๋อร์ไม่อาจต้านทานได้นาน เริ่มแรกปะทะกันก็หน้าดำเคร่งเครียด จากนั้นกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธก็ค่อยๆ บีบเข้าไปจนแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว


ทหารม้าหากแตกกระจัดกระจายไปก็ค่อยรวมตัวกลับเข้ามาใหม่  การรวมตัวกันก็ง่ายกว่าทหารราบมาก  แต่การแตกกระเจิงของศึกนี้เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติเด็ดขาด เพราะชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงกับทหารเมืองชายแดนติดอาวุธล้วนเป็นทหารม้า ย่อมฉวยโอกาสไล่ล่า แตกกระเจิงครั้งเดียวก็เท่ากับแตกกระเจิงหมดสิ้น


สังหารตัดหัวทิ้งไปหลายร้อย ส่วนใหญ่ที่หนีออกไปได้ก็รีบหนีทันที คนที่เหลือก็ต้องถูกสังหาร กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธรู้ดีว่าเหมืองทองไม่ไกลจากหม่านเท่าเอ๋อร์นี้แล้ว แต่ไม่ได้บุกโจมตีทันที หากเริ่มตั้งค่ายพักก่อน


หม่านเท่าเอ๋อร์มีเสบียงของตนเองสั่งสมอยู่ แต่ทว่าไม่พอกับการใช้จากนี้ไป ต้องการขนเสบียงด้วยรถใหญ่มาจากกองกำลังหลงเหมินและกองกำลังมี่อวิ๋นมาเพิ่ม ขบวนการค้าติดอาวุธครั้งนี้เป็นกองหน้า เพื่อเปิดทางตั้งฐานทัพหน้าให้กองกำลังด้านหลัง


บนทุ่งหญ้ามีเหตุรบกับเผ่าเล็กเหล่านี้มาโดยตลอด ไม่สนใจว่ามีคนเท่าไร บุกเข้าไปสังหารทิ้งให้สิ้นซากก็พอ แต่เหมืองทองหม่านเท่าเอ๋อร์กลับมีทหารถึงหลายพันนาย มีการสร้างป้อมป้องกัน หากนับรวมคนงานเหมืองกับชนเผ่ารอบๆ ก็น่าจะเป็นเมืองเล็กๆ เลยทีเดียว หากจะลงมือโจมตี ย่อมไม่ใช่ศึกที่ชนะโดยง่าย


พวกพ่อค้าแน่นอนว่าไม่รู้เรื่องพวกนี้ ได้ยินเรื่องเหมืองทองแล้ว ก็มีกลุ่มพ่อค้าใหญ่พากันลิงโลดเฮโลกันจะไปบุก ใช้กำลังคนที่มากกว่าปราบทางนั้นให้ราบเพื่อยึดเหมืองทองนี้


ดีที่คนที่ร่วมขบวนการส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้คุ้มกันร้านสามธาราจัดมา พูดให้ชัดก็คือ เป็นพี่น้องตระกูลถานส่งมา ตั้งแต่รู้เรื่องการจัดระบบในเหมืองทอง ถานเจียงก็เริ่มวางแผน


เหมืองทองเป็นตัวแทนแห่งความร่ำรวยใหญ่ ไม่เพียงพ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิง แม้แต่พ่อค้าใหญ่เทียนจินก็คิดเช่นกัน ล้วนตั้งความหวังจะมาโจมตี


แต่จะบุกอย่างไร จะรบอย่างไร อำนาจบัญชาการอยู่ในมือถานเจียง พ่อค้าใหญ่เป็นหัวหน้าในนามของผู้คุ้มกัน แต่หวังทงให้ถานเจียงบัญชาการ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธร่วมลงมือเปิดฉาก นำกำลังบุก แท้จริงมีเพียงถานเจียงที่มีอำนาจสั่งการ


ถานเจียงคิดแล้วก็เข้าใจ เหมืองทองเช่นนี้เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นย่อมเห็นความสำคัญที่สุด และตำแหน่งนี้ก็เท่ากับเป็นปากทางด่าน หากยึดตำแหน่งทางออกไปทางตะวันออกนี้ได้ เผ่าใหญ่หลายเผ่าทางทุ่งหญ้าตะวันออกก็ไม่มีพื้นที่ได้เปรียบในการสู้รบอีก จึงได้แต่ร่วมศึกที่ไม่ได้ชนะโดยง่ายบนทุ่งหญ้านี้กับทุกคน ภูมิประเทศเช่นนี้ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธปืนกับรถใหญ่ไม่เสียเปรียบและหากพ้นตีนเขานี้ไป เมืองจี้โจวส่งกำลังช่วยก็ง่ายมาก


พื้นที่สำคัญเช่นนี้  เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นย่อมพยายามรักษาไว้ ถึงกับร่วมกับพันธมิตรบนทุ่งหญ้าจำนวนมากมาเปิดศึกใหญ่ครั้งนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ย่อมไม่อาจดูแคลนศัตรูพื้นที่นี้แล้ว


ความจริงนั้นถานเจียงเองก็เข้าใจ ตอนนี้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธร้อนใจอยากได้ อาศัยปืนไฟกับยุทธวิธีรถใหญ่  ทหารองอาจกล้าหาญดาบใหญ่ทวนยาว ยังมีทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงที่กล้าหาญ ยังมีการต่อสู้บนทุ่งหญ้าหลายเดือนนี้ที่ล้วนมีชัย ทำให้เขามั่นใจมาก นับว่ายิ่งดูแคลนศัตรู


ความคิดและท่าทีเช่นนี้ แต่ไรมาก็เป็นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ การรบชนะมาตลอดเป็นเวลานาน หากอยู่ๆ เจอกระดูกก้อนโต เกรงว่าคงยุ่งยากใหญ่


ดังนั้นต้องใช้แผนการที่ดีที่สุด แผนที่ดีที่สุดก็ง่ายมาก ก็คือสะสมกำลัง ให้หม่านเท่าเอ๋อร์เป็นฐาน สะสมกำลังให้พอ แล้วจากนั้นค่อยบุกไปตี


เหมืองทองคำนี้เดิมก็เป็นคำที่ทำให้รู้สึกถึงแสงประกายระยิบ เป็นที่ดึงดูดของบรรดาพ่อค้าผู้มุ่งแสวงหากำไร  กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธมายังหม่านเท่าเอ๋อร์นับวันยิ่งมาก พวกติดอาวุธพวกนี้นับวันยิ่งเคลื่อนไหวโง่เง่า


มีบางพวกมาแรกๆ ก็เริ่มลงมือกับหม่านเท่าเอ๋อร์ ผลการต่อสู้วันนั้นที่หม่านเท่าเอ๋อร์ ชาวฮั่นที่ประสบภัยน่าสงสารล้วนอยู่ในสายตาของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ หลังจากโกรธแค้นแล้ว อย่างไรก็ต้องไปแก้แค้นกวาดล้างรอบๆ สักครั้ง


การกวาดล้างนี้ย่อมปล้นชิงของไปได้ไม่น้อย และยังขับไล่ชนเผ่าเร่ร่อนพวกนี้ให้มุ่งไปยังแถบเหมืองทอง ทำให้กำลังเหมืองทองมีกำลังใช้รบได้มากยิ่งขึ้น


ที่ยุ่งยากยิ่งก็คือ การสะสมกำลังต้องใช้เวลา กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธล้วนมีจุดประสงค์บนทุ่งหญ้า บ้างก็คิดจะล้อมรั้วจองพื้นที่เลี้ยงสัตว์ บ้างก็คิดหาทะเลสาบผงฟู  ยังมีบ้างที่คิดปล้นชิงชนเผ่า ถึงกับมีบ้างที่มาดูลาดเลาเส้นทางการค้า มารวมตัวกันที่หม่านเท่าเอ๋อร์ก็ต้องใช้เวลา


กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่หม่านเท่าเอ๋อร์มาได้เกือบห้าพันคนก็ราวปลายเดือนเก้า เวลานี้ยังมีความวุ่นวายอื่นๆ อีก


กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่มั่นใจมาก แม้ว่ามีทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวย แต่กำลังหลักเป็นพวกชายฉกรรจ์ที่รวบรวมมาได้ คนเช่นนี้ไม่ค่อยชำนาญการรบแบบทหาร ไม่มีวินัยทหาร ไร้กฎหมายในสายตา แม้ว่าทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวยเป็นหัวหน้ามานาน แต่ก็ยังเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา จิตใจก็ย่อมต่างกับเมื่อก่อน


หลายพันคนมารวมตัวกันอยู่ที่หม่านเท่าเอ๋อร์ ก็วุ่นวายกันไปหมด ยุ่งยากอย่างมาก และกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงก็ยอมรับกันเองตามธรรมเนียมว่าใครถึงก่อนได้ก่อน


ทุกคนล้วนไปสังหารปล้นชิง  ผู้ใดลงมือยึดได้ก่อนก็เป็นของผู้นั้น เหมืองทองอยู่ที่นี่ แน่นอนก็คือเหตุผลหลัก ทางนั้นตอนนี้ทหารม้าอย่างน้อย 6,000 ออกรบได้ ทหารม้า 6,000 จะทำอะไรได้ ต่อหน้าปืนไฟ ต่อหน้ารถใหญ่  ทุกอย่างล้วนไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ขอเพียงไม่ถึงที่นั่นได้ ก็ย่อมได้รับชัยชนะ


ความคิดเช่นนี้ แม้ถานเจียงพยายามตักเตือนแล้ว ก็ยังมีขบวนการค้าติดอาวุธหลายกองไม่รู้จักตายไปลงมือก่อน ปรากฏว่าตามคาดของทุกคน บาดเจ็บล้มตาย ถึงกับหายไปทั้งกองเลยก็มี


ใกล้ตีนเขา สภาพภูมิประเทศไม่ใช่ที่ราบแล้ว รถใหญ่รวมตัวใช่ว่าจะง่าย หากถูกทหารม้าพวกนอกด่านหรือทหารราบบุกเข้าไปได้ก็เรียกว่าหายนะแล้ว


พูดไปแล้วก็นับว่าบังเอิญ ปลายเดือนเก้ามีการบุกครั้งหนึ่ง อยู่ๆ ฝนตก รถใหญ่ตั้งเป็นค่ายแล้ว แต่ปืนไฟไม่อาจยิงกลางสายฝนได้ ถูกทหารม้าพวกนอกด่านใช้ขอเหล็กลากรถใหญ่แยกออก บุกเข้าไป สุดท้ายมีแค่สองคนขี่ม้าหนีออกมาได้


ดีที่การบาดเจ็บล้มตายไปเกือบพันคนทำให้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่ดูแคลนศัตรูเริ่มได้สติ ถานเจียงที่มายังหม่านเท่าเอ๋อร์จึงจัดการทุกคนให้อยู่ในคำสั่งได้โดยง่าย


เดือนสิบสามารถเปิดศึกต่อสู้ นี่เป็นการวิเคราะห์ของถานเจียง แต่ก็ยุ่งยากอยู่ เพราะกลางเดือนสิบทุ่งหญ้าเริ่มหนาวแล้ว พวกนอกด่านที่เหมืองทองสามารถนำสัตว์เลี้ยงฆ่าแล้วแช่แข็งได้ เนื้อสัตว์สามารถเก็บรักษาได้นาน  ก็หมายความว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาหาร  สามารถเฝ้ารอการต่อสู้ได้นาน


ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ข่านเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นส่งชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ระดับไถจี๋มายังเหมืองทองคนหนึ่ง เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นเองก็เตรียมการในการศึกครั้งนี้ เพื่อทดสอบดูความสามารถการศึกของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)