ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 930-932
ตอนที่ 930 ศึกใหญ่กับมนุษย์ปีศาจ (ต้น)
หลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่ง มุกกลมสีดำลูกหนึ่งก็ลอยกลับมาจากกองเศษเนื้อแล้วร่วงลงในมือเขาอย่างมั่นคง มันก็คือมุกพลังวารีนั่นเอง
ที่แท้ตอนที่เขาโจมตีทะลุผ่านไปก่อนหน้านี้ เขาทิ้งมุกพลังวารีไว้ในท้องของหลงเซวียนด้วย
ทว่าสิ่งที่หลิ่วหมิงไม่ทันสังเกตก็คือท่ามกลางเศษเนื้อที่ปลิวกระจายนับไม่ถ้วนมีหนอนตัวเล็กสีเลือดขนาดเท่าหัวแม่มือตัวหนึ่งปะปนอยู่ด้านใน ในเวลาเดียวกับที่ร่วงลงบนพื้นมันก็มุดลงไปในโคลนอย่างเงียบเชียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ขอบคุณพี่หลิ่วยิ่งนักที่ลงมือช่วยเหลือ!”
พวกโอวหยางเชี่ยนที่เพิ่งเหาะเข้ามาตอนนี้ทั้งตกตะลึงทั้งยินดี พวกนางประสานมือเอ่ยขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง
“ทั้งสองท่านเกรงใจไปแล้ว ศิษย์พี่จินด้านนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ พวกท่านเล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียดอีกรอบได้หรือไม่?”
หลิ่วหมิงตบบนหัวไหล่ เงาวัวสีน้ำเงินพลันพุ่งจมลงไปในเสื้อของเขา จากนั้นเขาก็หันกายมาถามทันที
โอวหยางเชี่ยนได้ยินก็เล่าเรื่องที่พบมนุษย์ปีศาจออกมาอย่างรวดเร็วรอบหนึ่งทันที
“มนุษย์ปีศาจเจ็ดคนนั้นใช่บุรุษวัยกลางคนที่มีหน้าตาคล้ายกันเจ็ดคนหรือไม่?” หลิ่วหมิงฟังจบก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พี่หลิ่วพูดไม่ผิด หรือว่าศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ที่มารตัวนี้พูดถึงก่อนหน้านี้จะเป็นพี่หลิ่วจริงๆ?” โอวหยางฉินที่อยู่ด้านข้างได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามออกมา
“เรื่องนี้เล่าแล้วยาว มนุษย์ปีศาจเหล่านี้แท้จริงเป็นร่างแยกของผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์เพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าเขาใช้วิชาลับชนิดใดลดระดับพลังลอบเข้ามาในเศษซากแห่งโลกบนแห่งนี้ พลังลึกล้ำหยั่งไม่ถึง หากพวกเขาผสานร่างกันเกรงว่าศิษย์พี่จินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้” หลิ่วหมิงคิ้วขมวดเล็กน้อยเอ่ยขึ้นมา
“ร่างแยกระดับแก่นเสมือนหรือ? มนุษย์ปีศาจเจ็ดคนที่พวกเราพบเหมือนว่าพลังจะบรรลุระดับแก่นแท้แล้ว!” โอวหยางเชี่ยนเอ่ยอย่างตกตะลึงเล็กน้อย
“ระดับแก่นแท้? ดูท่าพลังของร่างแยกเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่ข้าพบอยู่มาก เอาล่ะ งานไม่ควรชักช้า ผู้แซ่หลิ่วจะล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง พวกท่านสองคนหาสถานที่มิดชิดหลบไปก่อน หากข้ากับศิษย์พี่จินสู้ศัตรูไม่ได้จะหาวิธีสลัดหนีแล้วมารวมตัวพวกท่าน” หลังจากหลิ่วหมิงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็สั่งสตรีทั้งสองนาง
พูดจบ ทั่วร่างเขาพลันเปล่งแสงสีทองสายหนึ่งออกมาแล้วพุ่งเร็วรี่ไปทางหุบเขาแคบที่สตรีทั้งสองนางจากมา
โอวหยางเชี่ยนกับโอวหยางฉินสบตากันครั้งหนึ่งแล้วได้แต่ทำตามคำพูดของหลิ่วหมิง เหาะไปยังยอดเขาที่ซ่อนอยู่มิดชิดลูกหนึ่งบริเวณใกล้ๆ
ขณะที่หลิ่วหมิงเร่งเดินทางไม่หยุด เสียงเปรี้ยงดังสนั่นสะเทือนแก้วหูแทบดับก็ดังออกมาจากตรงนั้นตรงนี้ตลอดหุบเขาแคบคดเคี้ยว
เพลิงปราณสีดำกับสีขาวพุ่งขึ้นฟ้ามาจากในหุบเขา!
ตามมาติดๆ หลังจากนั้น แสงดาราสีขาวสายหนึ่งก็ถอยพรวดออกมาจากด้านในแล้วกระแทกบนฝั่งหนึ่งของหุบเขาทันที
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แสงสีขาวกลายเป็นแสงดาวจุดแล้วจุดเล่ากระจายออกไปรอบด้านพร้อมกับหน้าผาที่ระเบิดพังทลาย ใต้เศษหินของภูเขาที่ปลิวกระจัดกระจาย บุรุษผู้สวมชุดสีทองตัวโคร่งคนหนึ่งโผล่ออกมาจากรูขนาดใหญ่สิบกว่าจั้งที่เห็นเด่นชัดบนหน้าผา
บุรุษผู้นี้ก็คือจินเทียนชื่อ
ตัวเขาในเวลานี้สภาพสะบักสะบอมอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงอาภรณ์สีทองบนร่างมีรอยขาดและรอยไหม้ดำไม่น้อย บนร่างยังมีรอยเลือดประปราย มีเพียงนัยน์ตาทั้งสองข้างที่ยังทอประกายเจิดจ้า
อีกด้านหนึ่งของหุบเขาแคบ ด้านหลังของมนุษย์ปีศาจผู้มีไอปีศาจสีเขียวหม่นวนเวียนทั่วร่าง ร่างกายสูงถึงห้าหกจั้งคนหนึ่งมีเงามนุษย์ปีศาจยักษ์ขนาดมหึมาประหนึ่งขุนเขาคนหนึ่งลอยอยู่
บนร่างเงาของมนุษย์ปีศาจยักษ์คนนี้มีลวดลายประหลาดสีเขียวเข้มลายแล้วลายเล่าปรากฏอยู่ ไอปีศาจสีเขียวหม่นทั่วร่างพลุ่งพล่านปั่นป่วน หน้าตาพร่ามัวไม่ชัด ตรงหน้าผากมีเขายาวสีเงินยาวหลายจั้งคู่หนึ่ง มันแผ่ปราณน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจพรรณนาเป็นถ้อยคำได้ออกมา
ดวงตาประดุจคบเพลิงของมนุษย์ปีศาจกวาดผ่านจุดที่จินเทียนชื่ออยู่ ทันใดนั้นมันก็สะบัดมือ สองแขนของเงาด้านหลังร่างขยับวูบเดียว เพลิงมารรอบร่างลุกโชน สายลมพัดเสียงดังหวีดหวิว ไอปีศาจสีเขียวหม่นยี่สิบถึงสามสิบสายหลุดออกจากร่างมาอย่างต่อเนื่องดั่งฝูงผึ้ง
ไอปีศาจเหล่านี้หมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่งก่อนจะหยุดแล้วกลายเป็นตะขาบสีเขียวหม่นยาวห้าหกสิบจั้งตัวแล้วตัวเล่า พวกมันส่ายหัวสะบัดหางพุ่งเร็วรี่เข้าใส่จินเทียนชื่อ
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้กลับทำสีหน้าไร้อารมณ์ เขาไม่ถอยแต่กลับรุกคืบ ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็ทะลวงไปด้านหน้า
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ชุดสีทองทั่วร่างของเขาปลิวสะบัด บนหน้าผากแสงดาวสีขาวนับไม่ถ้วนลอยออกมาเริงระบำรอบร่างไม่หยุดแล้วไหววนทั่วร่างประหนึ่งทางช้างเผือก จากนั้นซัดเข้าใส่ตะขาบเต็มท้องฟ้า
เสียง “ชี่” ดังขึ้น บนร่างตะขาบสีดำแต่ละตัวมีแสงดาวสีขาวจุดแล้วจุดเล่าเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย
จากนั้นเสียงดังกึกก้องก็ดังขึ้นต่อเนื่อง!
จุดแสงสีขาวมากมายถี่ยิบเหล่านี้ระเบิดขึ้นพร้อมกัน ตะขาบมากมายกลายเป็นเปลวเพลิงร้อนแรงสีขาวดวงแล้วดวงเล่าส่องพื้นที่บริเวณร้อยลี้ของทั้งหุบเขาแคบจนสว่างไสว แล้วทยอยกลายเป็นหมอกควันสีดำสลับขาวสายแล้วสายเล่าสลายไปกับอากาศ
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้ ดวงตาสีเขียวทั้งสองข้างพลันทอประกายดุร้าย เขาอ้าปากพ่นลูกบอลเพลิงสีม่วงลูกหนึ่งออกมา ลูกบอลเพลิงขยายใหญ่ขึ้นระหว่างทางพริบตาเดียวก็ใหญ่เท่าตึก จุดที่พุ่งผ่าน อากาศบิดเบี้ยวพร่ามัว
จินเทียนชื่อเห็นสถานการณ์ ในใจพลันหวาดหวั่น เขาไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งขึ้นทันที แสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาจากในแขนเสื้อ มันคือโล่น้อยสีฟ้าชิ้นหนึ่ง บนผิวมีลวดลายจิตวิญญาณสายแล้วสายเล่ามากมายถี่ยิบแผ่อยู่ทั่ว เมื่อกวาดมองอย่างรวดเร็วจะเห็นว่ามีลวดลายค่ายกลสีฟ้าสามสิบหกชั้นกะพริบวูบวาบไม่หยุด
จินเทียนชื่อขยับสองมืออย่างเร็วไวชี้ไปทางโล่น้อยสีฟ้า ปากพ่นคำว่า “แข็งตัว” ออกมา
โล่น้อยหมุนติ้วกลางอากาศแล้วสาดแสงรัศมีสีฟ้าออกมาทันที ม่านน้ำสีฟ้าอ่อนใสแวววาวชั้นแล้วชั้นเล่าเล่าลอยออกมาบนผิวประหนึ่งกระจกจากนั้นแผ่ขยายไปสี่ด้านอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มีถึงสิบกว่าชั้นปกป้องอยู่เบื้องหน้าเขา
แทบจะในพริบตาต่อมาลูกบอลเพลิงสีม่วงก็พุ่งเร็วรี่มาถึง เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นพร้อมระเบิด แถบแสงสีม่วงยาวสิบกว่าจั้งแถบหนึ่งแผ่ออกมาจากด้านใน
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นต่อเนื่อง!
ม่านน้ำขนาดยักษ์เจ็ดแปดชั้นด้านหน้าถูกโจมตีแตกกระจายตามต่อกันจนกลายเป็นแสงแวววาวสีฟ้าจุดเล็กจุดเล่ากระจายไปบนท้องฟ้า
ทว่าการทะลวงเข้ามาอย่างราบรื่นครั้งนี้ก็ทำให้เปลวเพลิงบนผิวของรุ้งยาวสีม่วงสลายไปเรื่อยๆ จนเผยร่างเดิมออกมาอยู่เลือนรางเช่นเดียวกัน มันคือแส้ยาวสีม่วงทั้งเส้นเส้นหนึ่ง!
แส้เส้นนี้ดูคล้ายจะยาวเจ็ดถึงแปดจั้ง จากหัวจรดปลายมีทั้งหมดเจ็ดท่อน แต่ละท่อนมียันต์สีม่วงอ่อนมากมายถี่ยิบวนเวียนอยู่เหมือนงูยักษ์สีม่วงตัวหนึ่ง แผ่กลิ่นอายโบราณป่าเถื่อนเข้มข้นสายหนึ่งออกมา
สิ่งนี้ก็คืออาวุธเวทของจริงที่มนุษย์ปีศาจยุคโบราณเคยใช้ซึ่งมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ผู้นี้หาพบจากซากโบราณสถานก่อนหน้านี้ มันมีชื่อว่าแส้สะท้านฟ้า
จากนั้นมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่ทำหน้าตาโหดเหี้ยมอยู่ไกลๆ ก็กำด้ามแส้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วสะบัดอย่างรวดเร็ว แส้ยาวเลือนหายไปก่อนจะส่งเสียงแหวกอากาศแสบแก้วหูและสะบัดลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ม่านวารีหลายชั้นสุดท้ายเปล่งแสงสีม่วงบนผิววูบหนึ่งก่อนจะระเบิดเหมือนหน้าต่างกระดาษ เสียง “ปัง” ดังขึ้น โล่น้อยสีฟ้าปรากฏออกมาอีกครั้งท่ามกลางม่านวารีที่แตกกระจาย มันหม่นหมองไร้ประกายกระเด็นลอยออกไปไกล
หลังจากแส้ยาวสีม่วงโจมตีม่านวารีทั้งหมดจนทะลุก็ส่งเสียงดังฟึบ กลายเป็นเงาแส้เต็มฟ้าแหวกอากาศหวดเข้าใส่จินเทียนชื่อ
จินเทียนชื่อแค่นเสียงทุ้มต่ำครั้งหนึ่ง แสงดาวสีขาวทั่วร่างสว่างจ้ากลายเป็นเงาสีขาวสายหนึ่งถอยพรวดไปข้างหลังไกลสิบกว่าจั้ง
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นมา เงาแส้สีม่วงกวาดผ่านอากาศจนเกิดเป็นรอยแยกมิติสีดำสนิทรอยแล้วรอยเล่าตรงจุดที่จินเทียนชื่อเคยอยู่
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลงเล็กน้อย เห็นชัดว่าอาวุธชิ้นนี้ทรงพลังมากจนทำให้เขาพรั่นพรึงอยู่ในใจ
ในเวลานี้เองเงาสีม่วงหลายร้อยเส้นก็ก่อตัวขึ้นกลางท้องฟ้า พวกมันฟาดตัดสลับกันจนกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีม่วงผืนหนึ่งครอบลงมาในพริบตา
จินเทียนชื่อได้ยินเสียง “ฟึบ” “ฟึบ” ดังต่อเนื่องไม่ขาดบริเวณจุดที่ตาข่ายยักษ์สีม่วงพุ่งผ่าน รอยปริแยกของมิติเส้นแล้วเส้นเล่าทยอยปรากฏขึ้น หน้าหลังซ้ายขวาล้วนล้อมไปด้วยการโจมตีของอีกฝ่าย จนทำให้เขาเกิดความรู้สึกประหลาดว่าต่อให้หลบก็หลบไม่พ้น สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันใด
ทว่าครู่ต่อมาในดวงตาของเขาก็ฉายแววดุดัน แขนเสื้อกว้างสองข้างยกขึ้น เสียง “ฉึบ” “ฉึบ” ดังขึ้นหลายครั้งพร้อมกับที่แสงสีทองแปดสายพุ่งออกมาแล้วโถมเข้าหาตาข่ายฟ้าดินที่ก่อตัวมาจากเงาแส้สีม่วง
พวกมันคือกระจกกลมทอแสงสีทองขมุกขมัวบานแล้วบานเล่า
กระจกที่ทอแสงสีทองเหล่านี้หมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่ง ทันใดนั้นแสงดาวสีขาวเจิดจ้าผืนแล้วผืนเล่าก็สาดออกมากลายเป็นธารดาราไหล่บ่าพุ่งขึ้นฟ้า
เสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น แสงดาวที่แผ่ไปทั่วกับเงาแส้สีม่วงที่พาดตัดกันไปมาปะทะกันทันที พลังยิ่งใหญ่มหาศาลประหนึ่งท้องนภาทั้งผืนจะถูกฉีกทึ้ง
ชั่วขณะหนึ่งแสงสีม่วงกับแสงสีขาวโถมเข้าใส่กันบนผืนนภาอย่างบ้าคลั่ง แสงเรืองรองแสบตาสาดไปสี่ด้านแปดทิศ เงาของจินเทียนชื่อกับมนุษย์ปีศาจจมหายไปด้านในพร้อมกัน
ไม่กี่ลมหายใจให้หลัง แสงสีม่วงกับแสงสีขาวก็ส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วหายไปพร้อมกัน
เวลานี้แม้ท้องนภาจะยังไม่ถูกฉีกทึ้งจริงๆ แต่หน้าผาหลายร้อยจั้งของหุบเขาแคบก็หายไปแล้ว กลายเป็นหลุมยักษ์มหึมาแห่งหนึ่งที่เศษหินและฝุ่นทรายสีเทารอบด้านถูกลมพายุพัดหอบขึ้นมาไม่หยุด
ชายหนุ่มผู้สวมชุดสีทองสีหน้าซีดเผือดคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศด้านข้างหลุมยักษ์ หน้าอกของเขาพองขึ้นยุบลงไม่หยุด เขาก็คือจินเทียนชื่อนั่นเอง
ในเวลานี้เสื้อผ้าบนร่างเขาถูกกรีดจนขาดรุ่งริ่ง แทนที่จะบอกว่าเป็นชุดสีทอง เรียกว่าเศษด้ายสีทองจะเหมาะกว่า ลำคอ เอว แขน ต้นขา ข้อเท้าล้วนมีส่วนที่เนื้อหนังเปิด รอยแผลเส้นยาวสีเขียวสีม่วงจากแส้มองเห็นเด่นชัด บนแผลยังมีไอหมอกสีม่วงสายแล้วสายเล่าวนเวียนอยู่อีกด้วย
กระจกที่ทอแสงสีทองแปดบานที่เดิมทีลอยอยู่รอบตัวเขาหายไปไร้ร่องรอยแล้ว คิดว่าคงจะสลายหายไปในการโจมตีเมื่อครู่
“แม้แส้สะท้านฟ้านี้จะยังไม่ถูกหลอม แต่พลังของการโจมตีเมื่อครู่ก็ไม่เป็นรองการโจมตียามข้ามีพลังเต็มที่ แต่เจ้ากลับยังรอดมาได้ เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ!” หลังจากฝุ่นสีเทาเบื้องหน้ากระจายหายไปหมดสิ้น เงาร่างของมนุษย์ปีศาจที่สูงเจ็ดแปดจั้งก็ปรากฏออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าประหลาดใจขณะที่เอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า
ในมือเขายังคงถือแส้ยาวสีม่วงยาวเจ็ดแปดจั้งเส้นหนึ่งไว้ ทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นชัดว่ามีรูเลือดหนาเท่าแขนเพิ่มขึ้นมาสิบกว่าแผล ทว่าเมื่อปราณสีดำวนเวียนรอบปากแผล มันก็หายไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เหอะ เรื่องที่เจ้าคิดไม่ถึงยังมีอีกมาก ข้าสงสัยมากกว่าว่าหลังจากผสานร่างแล้วเจ้าจะยังมีพลังเท่าตอนนี้ได้อีกนานเท่าไร!” จินเทียนชื่อเงยหน้ามองมนุษย์ปีศาจด้วยสายตาเย็นชาแล้วแค่นเสียงตอบกลับไป จากนั้นเขาก็ล้วงยันต์สีทองอ่อนแผ่นหนึ่งออกมาแปะบนร่าง แสงสีทองวนเวียนรอบร่างเขารอบหนึ่งทันใดนั้นรอยแผลจากแส้ทั่วทั้งร่างก็พลันหายไป ลมปราณก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่ว่านานเท่าไรก็เพียงพอเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าแล้วกัน!”
มนุษย์ปีศาจได้ฟังก็โกรธจัด เขาตวาดเสียงดังลั่น แส้ยาวสีม่วงฉับพลันส่องแสงสว่างจ้า เพลิงปราณสีม่วงสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วทยอยแทรกเข้าไปในร่างเขา ในเวลาเดียวกันแส้ยาวก็พันม้วนบนหัวไหล่ขวาของเขารวดเร็วประหนึ่งอสรพิษตัวยาวสีม่วงตัวหนึ่ง
บนร่างของมนุษย์ปีศาจผู้นี้ฉับพลันปรากฏลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงชั้นแล้วชั้นเล่า ลมปราณเพิ่มสูงขึ้นด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัวอีกครั้ง
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็ก พริบตาเดียวสีหน้าก็ย่ำแย่อย่างยิ่งเข้าจริงๆ แล้ว
ตอนที่ 931 ศึกใหญ่กับมนุษย์ปีศาจ (กลาง)
มนุษย์ปีศาจคำรามเบาๆ คำหนึ่งแล้วเหวี่ยงแขนที่มีแส้มารพันอยู่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เงาแส้ยาวสีม่วงหนาหลายจั้งเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งรวดเร็วออกมา
อากาศตรงที่มันสัมผัสเกิดคลื่นพลังจิตวิญญาณรุนแรงระลอกหนึ่ง เพลิงปราณสีม่วงอ่อนสายแล้วสายเล่าให้ความรู้สึกราวกับว่าจะทำให้ทุกสิ่งมลายสิ้น
“เปรี๊ยะ”
เงาแส้สีม่วงฟาดผ่านจนเกิดรอยแยกมิติสีดำสนิทเส้นหนึ่ง ทว่าเงาร่างของจินเทียนชื่อโฉบหายไปจากที่เดิมแล้ว
ร่างกายของจินเทียนชื่อปรากฏตัวบนพื้นไม่ไกลนัก เขาไม่กล้ารั้งรอแต่อย่างใด แสงดาวรอบร่างสว่างวูบหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีขาวสายหนึ่งมุดลงไปในดินโคลนเบื้องล่างทันที
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้พลันแค่นเสียงหยัน มือข้างหนึ่งโจมตีหนึ่งฝ่ามือลงบนพื้นดินในทันใด ไอปีศาจสีดำสลับม่วงสายหนึ่งก่อตัวกลางอากาศ เงาฝ่ามือยักษ์ขนาดเท่าตึกข้างหนึ่งร่วงลงมา
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง บนพื้นดินบังเกิดหลุมใหญ่หนึ่งร้อยกว่าจั้ง
เงาสีขาวร่างหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าออกมาจากหลุม มันกะพริบไม่กี่ครั้งก็โผล่มาด้านหลังมนุษย์ปีศาจอย่างน่าอัศจรรย์ แสงดาวสีขาวสายหนึ่งก่อตัวกลายเป็นฝ่ามือยักษ์ข้างหนึ่งตบเข้าใส่มนุษย์ปีศาจ
มนุษย์ปีศาจเผยสีหน้าดูแคลนออกมานิดๆ เขาหมุนตัวดั่งสายฟ้าแลบแล้วตบหนึ่งฝ่ามือสวน
เมฆรูปเห็ดสีขาวแทรกด้วยสีดำสลับม่วงลอยขึ้นมาจากพื้น!
จินเทียนชื่อกับมนุษย์ปีศาจแทบจะถอยพรวดออกไปพร้อมกัน
เพียงแต่มือข้างหนึ่งของจินเทียนชื่อไม่รู้คว้าปลายแส้ยาวสีม่วงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เสียงอสนีฟาดดังเปรี้ยงปร้างดังลอยมา!
เส้นสายฟ้าสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งรวดเร็วย้อนตามแส้ยาวกลับไปหามนุษย์ปีศาจ
มนุษย์ปีศาจก็ปฏิกิริยาว่องไวอย่างที่สุด เขาขยับแขนครั้งเดียว แส้ยาวสีม่วงก็บิดสะบัดจินเทียนชื่อออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นเพลิงปราณสีม่วงบนแส้ก็ลุกโชนเผาเส้นสายฟ้าจนเกลี้ยง
จินเทียนชื่อพลิกตัวกลางอากาศหลายตลบติดกันกว่าจะตั้งหลักได้ ขณะที่สูดลมหายใจเข้าลึกเลือกว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อนั่นเอง ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เอี้ยวศีรษะมองไปยังหุบเขาแคบเบื้องหลังทันที
แล้วเขาก็เห็นลำแสงสีดำสายหนึ่งที่ขอบฟ้ากำลังมุ่งมาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
“จิ๊ๆ! ดูท่าจะยังมีสหายเผ่ามนุษย์คนอื่นมาอีก” มนุษย์ปีศาจผู้นั้นคล้ายจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติตั้งแต่ไกลเช่นกัน มือจึงเคลื่อนไหวช้าลงแล้วหัวเราะเสียงประหลาดฟังดูชั่วร้าย
ผู้ที่มาก็คือหลิ่วหมิงที่กำลังเหาะมาอย่างรวดเร็ว!
เวลานี้ตัวเขาที่เหยียบอยู่บนเมฆสีดำคิ้วขมวดแน่น สีหน้าเคร่งเครียด เห็นชัดว่าเขามองเห็นหลุมยักษ์มหึมาที่สะดุดตาและน่าตกตะลึงหลุมนั้นตั้งแต่ไกล
เหนือหลุมยักษ์มนุษย์ปีศาจมหึมาสูงเจ็ดแปดจั้งคนนั้นพลังปราณแข็งแกร่งกว่าครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่เล็กน้อย
เมื่อเทียบกันสภาพของจินเทียนชื่อที่อยู่อีกด้านหนึ่งตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด แม้บนร่างเขาไม่เห็นบาดแผลอะไร แต่หากสังเกตให้ละเอียด คลื่นปราณจิตวิญญาณรอบร่างเขาขึ้นลงไม่แน่นอน เห็นชัดว่าร่างกายบาดเจ็บแล้วและอาจถึงขั้นเสียพลังปราณไปไม่น้อย
“เจ้าเองหรือ? ดูท่านางปีศาจตนนั้นคงจะใจดีกับเจ้าไม่เลวถึงปล่อยเจ้ารอดออกจากที่นั่นมาได้?”
เมื่อหลิ่วหมิงอยู่ห่างจากทั้งสองคนไม่ถึงสองสามร้อยจั้ง เสียงประหลาดของมนุษย์ปีศาจก็พลันดังขึ้นในหู
หลิ่วหมิงไม่ตอบสักนิด ปราณดำรอบร่างพลุ่งพล่านออกมา เพียงชั่วครู่ให้หลังทั้งร่างก็ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ แขนสองข้างขยายขนาดกลางอากาศแล้วต่อยออกไปด้านหน้าอย่างรุนแรง
เผชิญหน้ากับมนุษย์ปีศาจพลังระดับดาราพยากรณ์คนนี้ หลิ่วหมิงไม่กล้าออมมือแม้แต่น้อย ลงมือก็ใช้พลังเวทเต็มสิบส่วนในทันที
เสียงมังกรคำรามกับพยัคฆ์คำรามสะเทือนแก้วหูแทบดับดังขึ้น!
มังกรสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัวกับพยัคฆ์หมอกที่มีปราณดำวนเวียนอยู่ห้าตัวพุ่งออกมาจากบนแผ่นหลังของเขาแล้วโถมตรงเข้าไปหามนุษย์ปีศาจ
มนุษย์ปีศาจแรกสุดตกตะลึง แต่จากนั้นก็สะบัดมือครั้งหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจสักนิด แส้มารสีม่วงในมือขยับวูบเดียวบนผิวแส้ก็มีเพลิงมารสีม่วงลุกโชนขึ้นก่อตัวเป็นเงาอสรพิษมารสีม่วงตัวหนึ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันเลือนหายไปไม่กี่ครั้งก็ฟาดลงบนร่างพยัคฆ์หมอกสีดำกับมังกรสีดำ
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้นต่อเนื่องหลายครั้ง
ทันทีที่มังกรหมอกสีดำกับพยัคฆ์หมอกสีดำสัมผัสถูกอสรพิษมารสีม่วง มันก็ถูกหวดกระจายสลายกลายเป็นแสงสีดำทั่วฟ้า
“คุกมืด!”
หลิ่วหมิงจี้ดัชนีข้างหนึ่งใส่อากาศ แสงสีดำเต็มฟ้าฉับพลันรวมตัวเข้ามาตรงกลางกลืนร่างมนุษย์ปีศาจทั้งหมดเข้าไปด้านในแล้วกลายเป็นลูกบอลแสงสีดำขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่ง
ทว่าลูกบอลแสงลูกนี้เพิ่งก่อตัว ด้านในก็มีเสียงดังสนั่น พร้อมกันนั้นแสงสีดำบนผิวก็ปะทุปั่นป่วนคล้ายกับว่าอีกอึดใจจะพังทลาย!
ในเวลานี้เองด้านนอกลูกบอลแสงสีดำฉับพลันมีแสงดาวดวงแล้วดวงเล่าบินเข้ามา จินเทียนชื่อลงมืออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาจะหน้าซีดอยู่บ้าง แต่สองมือยังคงทำท่าเคล็ดวิชาเป็นลำดับ แสงดาวดวงแล้วดวงเล่าบินพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อสีทองที่ขาดรุ่งริ่งยิ่งนักสองข้าง หลังจากมาถึงนอกคุกมืดพวกมันก็หมุนรอบหนึ่งแล้วก่อตัวกลายเป็นม่านแสงสีขาวที่เจิดจ้าสะดุดตาชั้นหนึ่งล้อมลูกบอลแสงสีดำทั้งหมดไว้ด้านใน ทำให้การพังทลายของมันเชื่องช้าลง
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง เงาเลือนรางสายหนึ่งโฉบผ่านไป เงาคนร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นนอกม่านแสงสีขาว
หลิ่วหมิงที่บนหลังมีปีกเนื้อสีเงินสองข้างนั่นเอง!
เขาลูบมือข้างหนึ่งแผ่วเบาบนหน้าอกจากนั้นทำท่ามือท่าหนึ่งอย่างเร็วไวขณะที่ปากเอ่ยท่องมนตร์ บนแก่นเสมือนเหนือทะเลจิตวิญญาณ สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ถูกกดไว้สายแล้วสายเล่ากระตุกเต้นอยู่ เขาคิดจะปล่อยสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าออกมาอีกเส้น
นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาเสี่ยงอันตรายเก็บสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าดวงหนึ่งมาจากในซากโบราณสถาน ในที่สุดเขาก็ใช้สายฟ้าเทพที่เกินมาโจมตีศัตรูได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องจิตมารจะกลืนกินเกินไปนัก
ในเวลานี้เองแรงกดดันจิตวิญญาณน่าตะลึงสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นฟ้าออกมาจากในคุกมืด แสงประหลาดสีม่วงสายแล้วสายเล่าฉายออกมาจากแสงสีดำอย่างบ้าคลั่ง หลังจากเสียง “บึ๊ม” ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง คุกมืดทั้งหมดก็ระเบิดออก แสงสีดำกับแสงสีม่วงกะพริบวูบวาบไม่หยุดอยู่บนม่านแสงสีขาว อากาศทั้งบริเวณนั้นสั่นไหวบิดเบี้ยวท่าทางประหนึ่งจะแยกออกเป็นชิ้นๆ
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้พลันสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่พูดพร่ำอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมา จากนั้นสองมือก็จี้ดัชนีใส่โลหิตบริสุทธิ์อย่างเร็วไว
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้น โลหิตบริสุทธิ์กลายเป็นแสงสีเลือดสายหนึ่งจมเข้าไปในม่านแสงสีขาว
ม่านแสงสีขาวสั่นไหวอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้งก่อนจะมั่นคงขึ้นเล็กน้อย ทว่าเพลิงปราณสีม่วงก็ยังคงพุ่งโจมตีม่านแสงไม่หยุด
แต่เพราะสองลมหายใจนี้ที่จินเทียนชื่อซื้อเวลาให้ สายฟ้าเทพห้าสีที่เรียวเล็กดุจเส้นผมในแก่นเสมือนของหลิ่วหมิงท้ายที่สุดจึงส่องสว่างพุ่งออกมาจากนิ้วข้างหนึ่งของเขา
เสียง “ฟิ้ว” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
สายฟ้าห้าสีที่ดูเรียวเล็กดุจเส้นผมนี้ก็พุ่งออกมา ก่อนจะขยายจนหนาเท่าชามข้าวพุ่งปราดเดียวทะลุผ่านม่านแสงเข้าไปพร้อมเสียงดังกึกก้อง
“สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า! คนที่ลงมือในซากโบราณสถานคือเจ้าจริงๆ!” เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของมนุษย์ปีศาจดังเลือนรางออกมาจากด้านในคุกมืด
เขาสะบัดแส้สะท้านฟ้าในมือด้วยความเร็วถึงขีดสุด แส้ยาวสีม่วงขดม้วนล้อมตัวเขาจากบนจรดล่างไว้อย่างแน่นหนาประหนึ่งอสรพิษตัวยาว
เสียง “บึ๊ม” ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง!
คลื่นปราณสีขาว สีดำและสีม่วงสายแล้วสายเล่าถาโถมรุนแรง ท้องนภาทั้งผืนสั่นสะเทือน ยอดเขาสูงเตี้ยไม่เท่ากันไกลออกไปพริบตาสลายกลายเป็นขี้เถ้าท่ามกลางคลื่นปราณที่ส่งเสียงดัง
หลิ่วหมิงรีบกระตุ้นเคล็ดวิชาเกราะอสูร แสงสีเงินปกคลุมตำแหน่งต่างๆ บนร่างของเขาไว้ในพริบตา พร้อมกันนั้นทั้งร่างก็ถอยพรวดออกไป
ส่วนจินเทียนชื่อร่างกายสั่นสะท้านเฮือกหนึ่งทั้งร่างก็ถูกปลายคลื่นพัดปลิวถอยไป ร่างกายลอยคว้างอยู่กลางอากาศขณะที่กระอักเลือดออกมา
แสงสีเงินส่องสว่างวูบหนึ่ง
หลิ่วหมิงหายตัวมาปรากฏกายข้างจินเทียนชื่อแล้วดึงเขาไว้ จากนั้นแปลงเป็นแสงสีเงินพุ่งเร็วรี่ออกไป เขาหนีพรวดเดียวออกมาห่างร้อยกว่าจั้งแล้วถึงปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง
หลังจากคลื่นสั่นสะเทือนหลากสีจางหายไป ใจกลางคุกมืดก็หลงเหลือเพียงไอหมอกสีดำสลับม่วงก้อนหนึ่งที่กะพริบวูบวาบไม่หยุด ด้านในซ่อนเงาร่างของมนุษย์ปีศาจที่ถูกล้อมด้วยประกายแสงสีม่วงวงแล้ววงเล่าอยู่ เขาแผ่ปราณโหดเหี้ยมแข็งแกร่งจนทำให้คนยากจะเชื่อออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็เคร่งเครียดทันที
ครั้งนี้เขาเสี่ยงอันตรายปล่อยสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าออกไปสายหนึ่ง ทำให้จิตมารที่ถูกตราประทับสายฟ้าสะกดไว้ขยับแล้ว แต่ยังถูกมารตัวนี้ต้านไว้ได้อีก
จินเทียนชื่อล้วงโอสถเม็ดหนึ่งออกมากลืนลงไปอย่างเร็วไวด้วยสีหน้าเย็นชา
“ในเมื่อเจ้าหนูเผ่ามนุษย์อย่างเจ้าใช้สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าได้จริงๆ ถ้าเช่นนั้นย่อมปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
เสียงคำรามแผดลั่นของมนุษย์ปีศาจดังออกมาจากด้านในกลางกลุ่มหมอกสีดำสลับม่วง เพลิงปราณสีม่วงบนร่างเขาลุกโชน เสกแส้มารที่ทอแสงจิตวิญญาณแวววาวเส้นหนึ่งออกมาอีกครั้ง
ครู่ต่อมาไอหมอกสีดำสลับม่วงพลันระเบิดกลายเป็นแสงแสบตานับไม่ถ้วน เงาสีม่วงเส้นหนึ่งส่องสว่างพุ่งเร็วรี่ออกมา มันยืดยาวมาโผล่ตรงหน้าทั้งสองคนอย่างน่าประหลาด และเมื่อเห็นแขนของอีกฝ่ายยกขึ้นมาด้านหน้ารางๆ ลวดลายจิตวิญญาณบนแส้ยาวพลันส่องสว่าง แสงแส้สีม่วงมากมายพุ่งเร็วรี่ออกมาในทันที
หลิ่วหมิงหมุนตัวจากนั้นปีกสีเงินมหึมาทั้งคู่ก็โบกกระพือในทันใด พร้อมกันนั้นเท้าก็กระทืบพื้นพุ่งพรวดไปด้านหลัง
ทั่วทั้งร่างของจินเทียนชื่อก็มีแสงดาราสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา หลบออกไปอีกด้านหนึ่งเช่นกัน
มนุษย์ปีศาจแทบจะไม่ต้องคิด ร่างกายขยับวูบหนึ่งเงาแส้มากมายถี่ยิบก็พุ่งไล่ตามหลิ่วหมิงไปอย่างรีบร้อน เมินจินเทียนชื่อเหมือนมองไม่เห็น มืออีกข้างก็ยกขึ้นจี้ดัชนีมาทางหลิ่วหมิงด้วย
ปราณสีดำปนสีเขียวหม่นสายหนึ่งก่อตัวขึ้นที่ปลายนิ้ว แสงสีดำหนาเท่านิ้วหัวแม่มือสายหนึ่งพุ่งวูบหายไป พริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงตกตะลึง ทว่าเขายังฝืนกระตุ้นเคล็ดวิชาเกราะอสูรรวมถึงเกล็ดมังกรสีชาดในร่างป้องกันส่วนหน้าของร่างกายได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่ร่างจะขยับหายไปในทันใด
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าหัวไหล่ร้อนวูบ ความเจ็บปวดรุนแรงส่งผ่านมา
บนหัวไหล่ข้างซ้ายของเขาเกิดรูเลือดหนาเท่านิ้วมือรูหนึ่ง ไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่าวนเวียนอยู่บนนั้นไม่หยุด ในเวลาเดียวกันนี้เหนือศีรษะเขาสูงขึ้นไปเจ็ดแปดจั้งแสงแส้สีม่วงเส้นแล้วเส้นเล่าก็กระหน่ำฟาดลงมาติดกันดังปั้กๆ
ในห้วงเวลาวิกฤตินี่เองเสียงครวญทุ้มต่ำฟังดูโหยหวนพลันดังขึ้นกลางท้องฟ้า หลิ่วหมิงรู้สึกว่าหลังร่างมีสายลมแรงหอบหนึ่งพัดผ่าน จากนั้นแสงดาบสีแดงฉานยาวร้อยกว่าจั้งเส้นหนึ่งก็พุ่งตามมาติดๆ
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
เงาที่เกิดจากแส้ยาวสีม่วงกับแสงดาบปะทะกันอยู่เหนือศีรษะของหลิ่วหมิง พวกมันส่งเสียงดัง ฉึบหลายครั้งแล้วหดกลับไปอย่างรวดเร็ว
จินเทียนชื่อนั่นเองที่ลงมือจากไกลๆ ช่วยหลิ่วหมิงขวางการโจมตีนี้ไว้
“บาดเจ็บจนเป็นเช่นนั้นยังกล้ายุ่งเรื่องของข้า จิ๊ๆ เจ้าใจกล้าไม่เบาจริงๆ!” ร่างกายที่อยู่ในลำแสงของมนุษย์ปีศาจชะงักแล้วหันศีรษะมองไปหาจินเทียนชื่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เขาเห็นชายหนุ่มชุดทองมีดาบเล่มน้อยสีแดงฉานยาวหนึ่งฉื่อกว่าเล่มหนึ่งอยู่ในมือ บนตัวดาบมียันต์แวววาวดุจวัตถุจริงชั้นแล้วชั้นเล่ากะพริบวูบวาบไม่หยุดสร้างวงแหวนแสงชั้นแล้วชั้นออกมา ทว่าบนตัวดาบกลับมีรอยร้าวเรียวเล็กเส้นหนึ่งอยู่เลือนราง เห็นชัดว่าแม้ต้านแส้เมื่อครู่ไว้ได้อย่างหวุดหวิด แต่พลังจิตวิญญาณของต้นแบบอาวุธเวทชิ้นนี้ก็เสียหายไปไม่น้อย
แต่จินเทียนชื่อทำเหมือนไม่เห็นสิ่งนี้ เขาฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้วก็ทำเพียงพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงไปในดาบน้อยสีแดงฉานด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกเท่านั้น
ทันใดนั้นผิวของดาบเล่มน้อยพลันมีแสงเจิดจ้าเคลื่อนไหว แสงดาบพุ่งออกมาทำให้อากาศรอบด้านสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงอื้ออึง แสงดาบสีแดงฉานยาวร้อยกว่าจั้งเส้นหนึ่งพุ่งโถมเข้าใส่มนุษย์ปีศาจ
ตอนที่ 932 ศึกใหญ่กับมนุษย์ปีศาจ (ปลาย)
มนุษย์ปีศาจตวาดลั่นจากนั้นแขนก็หนาขึ้นหนึ่งเท่ากว่าในทันใด ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนผิวทั่วร่างกับบนแส้ยาวในมือส่องสว่างขึ้นพร้อมกันก่อนจะสะบัดแส้ไปบนท้องฟ้า
แสงแส้สีม่วงยาวร้อยกว่าจั้งพุ่งประจันหน้าเข้ามาหา
“เปรี้ยงๆ”
แสงสีม่วงกับแสงสีแดงปะทะกันกลางท้องฟ้าต่อเนื่องหลายครั้ง รัศมีสีแดงกับสีม่วงสายแล้วสายเล่าแทรกสลับกันส่องสว่างไปรอบด้าน ยอดเขาที่เดิมทีแหว่งโหว่ไม่ครบลูกอยู่แล้วสองฟากฝั่งของหุบเขาเกิดรูขนาดหนึ่งจั้งกว่ารูแล้วรูเล่าออกมาชัดเจน
เสียง “ปัง” ดังกังวานครั้งหนึ่ง แสงดาบสีแดงฉานก็แยกจากหนึ่งเป็นสอง ถูกแสงแส้ผ่าแยกแล้วดีดออกมา
แสงดาบสีแดงฉานท่อนหนึ่งหมุนคว้างกลางอากาศแล้วพุ่งหายไป ก่อนที่ยอดเขาลูกหนึ่งไกลออกไปจะถูกปาดจนเรียบ
หลิ่วหมิงฉวยช่องว่างจังหวะนี้ล้วงยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งออกมาตบลงบนหัวไหล่อย่างเร็วไว เพลิงปราณสีขาวเส้นหนึ่งแทรกเข้าไปในปากแผลของเขา บาดแผลจึงเริ่มสมานกลับคืนดังเดิมอย่างเชื่องช้า จากนั้นเขาก็ขยับร่างอีกครั้งกลายเป็นเงาคนสี่ร่างพุ่งรวดเร็วไปหามนุษย์ปีศาจ ในมือมีแสงสีดำหลายสายทอแสงอยู่เลือนราง
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้จึงสะบัดแขนอีกครั้งอย่างไม่ลังเลสักนิด เงาแส้สีม่วงเส้นหนึ่งปรากฏออกมาเบื้องหน้าร่างอีกหนแล้วกลายเป็นแสงสีม่วงผืนใหญ่โถมเข้าไปดุจสายลมโหมสายฝนกระหน่ำ ล้อมเงาดำสี่ร่างที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นไว้ด้านในทั้งหมด
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นสามครั้ง ทันทีที่เงาดำสามร่างในนั้นสัมผัสถูกเงาแส้สีม่วงก็ทยอยพังทลายลง
ขณะที่เงาดำร่างสุดท้ายกำลังจะถูกโจมตีเข้านั่นเอง เงาคนที่ถูกแสงดาวสีขาวหุ้มไว้ร่างหนึ่งก็พุ่งมาปรากฏตัวด้านข้างแล้วเหวี่ยงแขนขึ้นฟ้าสุดแรง แสงดาราสีขาวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปยกเงาแส้สีม่วงที่ร่วงลงมาเอาไว้
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แส้มารหวดลงมาครั้งเดียวแสงดาวสีขาวก็พังทลาย ร่างของจินเทียนชื่อโซเซวูบหนึ่งแล้วปลิวถอยออกไปด้านหลัง
ทว่าเวลาหนึ่งลมหายใจนี้กลับทำให้ร่างต้นของหลิ่วหมิงฉวยจังหวะบิดร่างครั้งหนึ่งไปปรากฏตัวเบื้องหน้ามนุษย์ปีศาจห่างไปไม่กี่จั้งได้ดุจเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แขนเสื้อใหญ่สะบัดครั้งหนึ่ง แสงสีดำสามสายก็พุ่งรวดเร็วออกไป
กลางแสงสีดำเห็นชัดว่าคือวงแหวนสีดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสามวง
วงแหวนสามวงโต้ลมขยายใหญ่ขึ้นพริบตาเดียวก็ขยายจนขนาดเท่าลูกโม่ ขณะที่พวกมันลอยอยู่กลางอากาศก็สั่นไหวแผ่วเบาและส่งเสียงครวญครางแผ่วเบาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกมันก็คือวงแหวนสะกดมารที่มีคุณสมบัติพิเศษต่อมนุษย์ปีศาจซึ่งหลิ่วหมิงได้มาจากศพปีศาจระดับดาราพยากรณ์ร่างนั้นกับผู้อาวุโสจินหมานเมื่อตอนนั้นนั่นเอง!
“วงแหวนสะกดมาร! แล้วยังมีตั้งสามวง เจ้ามีของชิ้นนี้ได้อย่างไร!”
เมื่อวงแหวนสีดำเหล่านี้ถูกเรียกออกมา มนุษย์ปีศาจก็หน้าถอดสีเป็นครั้งแรก แส้ยาวสีม่วงบิดม้วน ไอปีศาจสีเขียวหม่นทั่วร่างพลุ่งพล่าน ร่างกายขยับวูบเดียว เขาก็ปรากฏตัวห่างออกไปร้อยกว่าจั้ง ลูกตาจับจ้องวงแหวนสีดำเขม็งไม่ละสายตาด้วยแววตาหวาดกลัวที่เผยชัดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิ่วหมิงไม่สนใจมนุษย์ปีศาจคนนี้สักนิด สองมือขยับพร่าเลือนวาดครึ่งวงกลมหลายวงออกมาอย่างต่อเนื่องในทันใด
วงแหวนสีดำสั่นไหวแผ่วเบากลางอากาศจากนั้นก็แน่นิ่ง หลิ่วหมิงสายตาเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด
“ฮ่ะๆ ไม่รู้ว่าเจ้าได้ของเหล่านี้มาจากที่ใด แต่คงจะใช้ไม่เป็นสินะ ไม่สู้ยกให้ข้า ข้าจะยอมยกเว้นปล่อยพวกเจ้าจากไป!” ครู่หนึ่งหลังจากนั้นมนุษย์ปีศาจก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ทว่าสายตายังคงกวาดมองระหว่างวงแหวนทั้งสามกับบนร่างหลิ่วหมิงไม่หยุด ราวกับว่าต้องการหยั่งเชิงใคร่ครวญความจริงลวง
หลิ่วหมิงยังคงวาดมือทั้งสองข้างเป็นครึ่งวงกลมอย่างนิ่งสงบ แต่ในใจหัวเราะฝืดเฝื่อน
ก่อนหน้านี้เขาเคยทดลองเลียนแบบวิธีของผู้อาวุโสจินหมานเมื่อตอนนั้นเชื่อมจิตกระตุ้นวงแหวนสะกดมารเหล่านี้ในแดนมายา ผลคือเชื่อมจิตได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด คิดไม่ถึงวันนี้ต้องการใช้สิ่งนี้ต่อสู้กับศัตรู ชั่วเวลาฉุกละหุกกลับควบคุมวงแหวนนี่ไม่ได้แม้แต่น้อย แล้วก็ไม่รู้ว่าวิธีที่ใช้เกิดผิดพลาดอะไรกันแน่
จินเทียนชื่อที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นภาพนี้ สีหน้าประหลาดที่สังเกตแทบจะไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยส่งกระแสจิตพูดกับหลิ่วหมิงอย่างเร็วไวหลายประโยค จากนั้นทั่วร่างก็พลันมีแสงดาราสีขาวฉายออกมาจนกลายเป็นรุ้งสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าไปหามนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ก็จี้ดัชนีเข้าใส่แสงสีขาวอย่างต่อเนื่อง แสงสีเขียวหม่นส่องสว่างวูบวาบบนปลายนิ้วไม่หยุด ลำแสงสีเขียวหม่นหนาเท่านิ้วหัวแม่มือเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งเร็วรี่ออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน
แสงดาวสีขาวรอบร่างจินเทียนชื่อกะพริบวิบวับวาดเป็นเส้นโค้งงดงามเส้นหนึ่งบนท้องฟ้า ขยับไม่กี่ครั้งก็หลบลำแสงเหล่านี้ได้อย่างงดงาม
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม นิ้วมือนิ้วหนึ่งงอลง ลำแสงสีเขียวหม่นเต็มฟ้าหมุนวนรอบหนึ่งแล้วล้อมจากสี่ด้านแปดทิศเข้าไปหาจินเทียนชื่ออีกครั้ง
ทว่าวิชาหลบหนีแสงดาวที่จินเทียนชื่อควบคุมอยู่มหัศจรรย์ยิ่งนัก เขาทะลวงแทรกระหว่างกลางลำแสงสายแล้วสายเล่าไปได้อย่างง่ายดายทว่าน่าหวาดเสียว
ตอนนี้เองหลังจากที่หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สิบนิ้วก็ขยับทำท่าเคล็ดวิชาหลายท่าในรวดเดียว
เพลิงปราณสีดำที่เหมือนมีแต่ก็เหมือนไม่มีสามสายดีดออกมาจมลงไปในวงแหวน จากนั้นวงแหวนสะกดมารสามวงก็สั่นแผ่วเบาอีกครั้ง และในที่สุดก็ครวญเสียงทุ้มต่ำออกมา
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่เดิมทีต่อสู้ดุเดือดอยู่กับจินเทียนชื่อก็ตกตะลึงในทันใด เขากางห้านิ้วออก ลำแสงสีเขียวหม่นเส้นแล้วเส้นเล่าเพิ่มความเร็วพุ่งพรวดออกมาล้อมรอบร่างจินเทียนชื่อทันที
เสียงบึ๊มดังสนั่น!
ตรงตำแหน่งที่จินเทียนชื่ออยู่ ไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่าแทรกประสานกับแสงดาวสีขาวจนกลายเป็นหมอกควันพร่ามัว กลืนร่างกายเขาเข้าไปด้านในอีกครั้ง
มนุษย์ปีศาจทำทุกสิ่งนี้เสร็จก็ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย เขาขยับแขนขวาอีกครั้ง แส้ยาวสีม่วงเปล่งแสงจิตวิญญาณก่อนจะเลือนหายไปกลายเป็นเงาแส้สามเส้น พวกมันแยกย้ายกันส่งเสียงดังหวีดหวิวเข้าไปหาวงแหวนสะกดมารทั้งสามวง
เวลานี้สิบนิ้วของหลิ่วหมิงขยับเร็วดุจดีดพิณ ขณะที่ปากท่องมนตร์แผ่วเบาแทบไม่ได้ยินหลายประโยค
แสงจิตวิญญาณบนวงแหวนสีดำทั้งสามกะพริบวูบวาบ ฉับพลันทันใดพวกมันก็กลายเป็นเงาเลือนราง ปล่อยให้แส้สีม่วงพุ่งดังหวีดหวิวผ่านไปแต่ไม่อาจสัมผัสถูกมันได้แม้แต่นิด
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ หัวใจก็เต้นดังด้วยความยินดี ประกายเหี้ยมเกรียมปรากฏขึ้นในดวงตาทันที แส้ยาวสีม่วงในมือสั่นไหวอีกครั้ง เงาแส้สีม่วงหลายเส้นเปลี่ยนทิศทางในทันใด พวกมันหวดเข้าใส่จุดที่หลิ่วหมิงอยู่ด้วยความเร็วดุจสะเก็ดไฟแลบ!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ แววตาพลันวูบไหว ขณะที่เขาคิดจะหลบไปก่อนนั่นเอง เบื้องหน้าก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งพุ่งมา จินเทียนชื่อผู้มีบาดแผลทั่วร่างจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา แสงดาวทั่วร่างเขาส่องประกายระยิบระยับ ตรงหน้าอกมียันต์รูปดวงดาวสีขาวน้ำนมตัวหนึ่งหมุนวนไม่หยุด พริบตาเดียวมันก็ยิงลำแสงสีขาวหนาอันรวดเร็วเส้นหนึ่งออกมาชนเงาแส้จนกระจาย หลังจากนั้นก็กะพริบวูบหนึ่งหายไปแล้วโจมตีเข้าใส่มนุษย์ปีศาจพร้อมเสียงดังกึกก้อง
ใบหน้าของมนุษย์ปีศาจตกตะลึง จากนั้นไอปีศาจก็ทะลักออกมาขวางเบื้องหน้าร่าง ทว่าหลังจากเสียงบึ๊มดังเลือนลั่น ลำแสงที่พุ่งเข้ามาเกือบถึงตรงหน้าก็ระเบิดอย่างฉับพลัน แสงรัศมีสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งเร็วรี่ออกมาประหนึ่งเข็มแหลม
ฉึกๆ ฉึกๆ!
แสงรัศมีสีขาวพุ่งเข้ามาในพริบตาทำให้มนุษย์ปีศาจที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือไม่ทันระวังแม้แต่น้อย บนร่างเกิดรูเลือดขึ้นทันที เลือดสีเขียวคล้ำไหลทะลัก
ก็ไม่รู้ว่ารัศมีแสงสีขาวเหล่านี้มีพลังมหัศจรรย์อันใดถึงทะลุผ่านไอปีศาจคุ้มกายที่หนาทึบบนร่างมนุษย์ปีศาจไปได้!
มนุษย์ปีศาจได้รับบาดเจ็บอย่างที่คิดไม่ถึง ความโกรธท่วมทะลักหัวใจ ขณะที่คิดจะหยุดเลือดที่ไหลอยู่บนร่างแล้วโจมตีสวนกลับให้รุนแรงกว่าเดิม ทันใดนั้นมุมปากของหลิ่วหมิงที่อยู่ไกลออกไปก็ยกขึ้นนิดๆ มือข้างหนึ่งวาดเป็นรูปครึ่งวงกลมกลางอากาศเบื้องหน้าติดกันสามครั้ง ฉับพลันวงแหวนสีดำสามวงที่ลอยอยู่กลางอากาศก็พุ่งหายไปจากที่เดิม
“แย่แล้ว!”
มนุษย์ปีศาจที่ระวังวงแหวนสะกดมารทั้งสามวงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่แรกหน้าถอดสีในทันที ฉับพลันทันใดเขาก็คล้ายจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ไอปีศาจจึงพวยพุ่งออกมาทั่วร่าง ร่างกายถอยพรวดไปด้านหลัง
ทว่าทุกสิ่งนี้ล้วนเปล่าประโยชน์แล้ว
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสามครั้ง แสงสีดำสามวงพุ่งออกไปกลายเป็นวงแหวนสีดำสนิทสามวงลอยรัดรอบแขนซ้ายกับสองขาของมนุษย์ปีศาจไว้
ขณะที่มนุษย์ปีศาจมองด้วยสายตาตกตะลึง วงแหวนสีดำสามวงที่รัดอยู่บนร่างเขาก็พลันส่องแสงสีดำเจิดจ้าออกมา อักขระมารประหลาดมากมายถี่ยิบลอยออกมาไม่หยุดแล้วพุ่งวูบเข้าไปในร่างมนุษย์ปีศาจอย่างพร้อมเพรียง
มนุษย์ปีศาจถูกพันธนาการลอยอยู่กลางอากาศ ทั้งร่างเขาสั่นเทา แขนขาไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย เขาได้แต่กรีดร้องคำรามคลุ้มคลั่งไม่หยุด ในเวลาเดียวกันนั้นไอปีศาจสีเขียวก็พลุ่งพล่านออกมาเสริมการป้องกันสุดชีวิต อักขระมารสีม่วงทั่วร่างกะพริบวูบวาบอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมดีใจเกินกว่าที่หวัง สองแขนขยับครั้งหนึ่ง ปราณดำบนแผ่นหลังก็โถมออกมากลายเป็นมังกรสีดำห้าตัวร้องคำรามพุ่งตรงเข้าใส่มนุษย์ปีศาจ
จินเทียนชื่อก็ทำท่าเคล็ดวิชาด้วยสองมืออย่างไม่รีรอแม้สักนิด ยันต์ตรงหน้าอกหมุนติ้วอีกครั้งยิงลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่มนุษย์ปีศาจเช่นเดียวกัน
เห็นชัดว่าทั้งสองคนร่วมมือกันทุ่มสุดกำลังโจมตี หมายจะเล่นงานมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์คนนี้ให้ตายในครั้งนี้
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ ในใจย่อมตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว ขณะที่มังกรหมอกกับลำแสงใกล้จะมาถึงนั่นเอง ทันใดนั้นในดวงตาก็ฉายแววเหี้ยมเกรียมจางๆ แล้วตวาดลั่นใส่ท้องฟ้า ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงทั่วร่างกะพริบอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นขึ้นสามหน!
สองขากับแขนซ้ายที่ถูกวงแหวนสะกดมารรัดไว้ของเขาขยายขนาดอย่างบ้าคลั่งแล้วระเบิดตัวเอง พวกมันกลายเป็นไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่ากับเศษเลือดเนื้อพุ่งไปสี่ด้านแปดทิศ
ทว่าไอปีศาจเหล่านี้วนเวียนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็ถูกสูบเข้าไปในวงแหวนสะกดมาร
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์คนนี้ตัดสินใจสละแขนขาที่ถูกพันธนาการสามข้างอย่างเด็ดขาดในทันที แล้วอาศัยพลังของการระเบิดตัวเองครั้งนี้ทำให้ร่างกายกลายเป็นแสงโลหิตก้อนหนึ่งพุ่งพรวดออกไปด้านหลัง หลบพ้นมังกรทั้งห้าตัวที่คำรามพุ่งเข้ามาและลำแสงไปได้อย่างหวุดหวิด
ทว่าหลังจากมนุษย์ปีศาจเคลื่อนไหวกลางท้องฟ้าอยู่ไม่กี่หน แขนขวาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของเขาก็ขยับกำแส้ยาวสีม่วงแน่นแล้วหวดเสียงดังสนั่นเข้าใส่วงแหวนสีดำที่กำลังสูบไอปีศาจทั้งสามวงนั้น
เสียง “ปัง” ดังขึ้นหลายหน วงแหวนสะกดมารทั้งสามวงถูกเงาแส้หวดกระเด็นออกไป จากนั้นร่วงดังแกร๊งอยู่บนพื้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้หางตาก็กระตุกอยู่หลายครั้ง แต่สองตาจ้องมนุษย์ปีศาจเขม็งไม่สนใจวงแหวนสะกดมารทั้งสามวงนั้นอีกต่อไป
อย่างไรเขาก็เคยทดลองในแดนมายามาก่อนแล้วว่าปริมาณไอปีศาจที่วงแหวนนี้ดูดกลืนได้มีจำกัด ทุกครั้งหลังจากกระตุ้นใช้งาน ภายในเวลาอันสั้นไม่อาจใช้เป็นครั้งที่สองได้อีก มิเช่นนั้นมันคงไม่ถูกเงาแส้โจมตีเข้าอย่างง่ายดายเช่นนี้
ทว่ามนุษย์ปีศาจคนนี้หลังจากผสานร่าง เดิมทีก็ถูกแรงสะท้อนกลับจากมิติแห่งนี้กดดันอยู่แล้ว เมื่อครู่ยังถูกวงแหวนสะกดมารดูดไอปีศาจไปไม่น้อย ผนวกกับการระเบิดตัวเองครั้งหนึ่ง เวลานี้พลังที่ตัวจึงน่าจะเหลือไม่ถึงสามหรือสี่ส่วนจากสิบส่วนแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้อาวุธเวทแส้มารเส้นนั้นที่อยู่ในมือเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้
ในใจหลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างเร็วไว
มนุษย์ปีศาจฝั่งตรงข้ามมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมขณะที่อ้าปากหอบอย่างหนักหน่วง
เวลานี้ปราณบนร่างเขาลดลงไปมากกว่าครึ่งแล้ว รอยแผลฉีกขาดบนหัวไหล่ซ้ายรวมถึงขาทั้งสองข้างมีเพลิงมารสีเขียวหม่นกำลังวนเวียนไม่หยุดคล้ายกำลังฟื้นสภาพ ส่วนแส้ยาวสีม่วงในมือหดจากแขนกลับมาพันขดบนร่างอีกครั้งประหนึ่งอสรพิษประหลาด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น