ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 928-929
ตอนที่ 928 แยกย้ายกันหนี
แม้อาวุธจิตวิญญาณกับวิชาของสองพี่น้องโอวหยางจะโดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกันของตระกูล แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเซวียนที่ฝึกฝนวิชามารชิงหยางสำเร็จไปมากแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
เวลาเพียงสองสามลมหายใจมังกรสีขาวกับบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงก็ถูกกระบี่อัคคีสีเขียวกับดาบยักษ์สีเขียวบีบจนพังทลายทีละน้อย สตรีทั้งสองนางทำได้เพียงกรอกพลังเวทเข้าไปในอาวุธจิตวิญญาณในมือไม่หยุด แต่กระนั้นก็ต้านทานไว้ได้อย่างยากเย็น
หลงเหยียนเฟยเห็นเช่นนี้ ดวงหน้างามก็เคร่งเครียด ขณะที่นางกำลังจะลงมือช่วยอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังมาจากด้านข้าง ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนที่เหลือลงมือพร้อมกัน เป้าหมายก็คือตัวนาง
หลงเหยียนเฟยไม่มีทางเลือกได้แต่เรียกแสงกระบี่ออกมาขัดขวาง
ทว่าศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับที่เข้ามาในเศษซากแห่งโลกบนได้แต่ละคนย่อมพลังไม่อ่อนแอ ผนวกกับหลงเหยียนเฟยยังบาดเจ็บอยู่ พริบตาเดียวนางจึงตกเป็นรองอย่างมาก
“มนุษย์ปีศาจเหล่านี้ไม่ธรรรมดา แม้ข้าจะทุ่มเต็มกำลังก็เกรงว่าคงจะเอาชนะในเวลาสั้นๆ ได้ยาก ประเดี๋ยวข้าจะใช้วิชาถ่วงเวลาพวกเขาไว้ พวกเจ้าแยกย้ายกันหนีให้ไว รักษาชีวิตตนเองไว้ก่อนค่อยว่ากัน” ทันใดนั้นจินเทียนชื่อก็ส่งกระแสจิตบอกหลงเหยียนเฟยกับสองพี่น้องโอวหยางอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เขาถูกขังอยู่ในตาข่ายยักษ์สีเขียวหม่น ไม่มีหนทางคว้าชัยชนะเหนือศัตรูได้ในเวลาชั่วครู่ชั่วยาม แต่อีกฝ่ายก็ต้องถ่ายไอปีศาจเข้าไปเสริมตาข่ายยักษ์เบื้องล่างไม่หยุดเช่นกัน การเคลื่อนไหวของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนจึงถูกสกัดไว้ด้วย
หากเวลานี้สามสาวหนีไป เขาจะได้ลงมือสู้เต็มที่อย่างไม่ต้องพะวงได้
สตรีทั้งสามได้ยิน ต่างคนย่อมส่งกระแสจิตตอบรับทันที
หลงเหยียนเฟยเร่งเร้าแสงกระบี่ทันที นางบีบศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับให้ถอยไปเล็กน้อยจากนั้นขี่กระบี่จากไป ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนฝั่งตรงข้ามเห็นเช่นนี้จึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นตั้งท่าเคล็ดวิชาแล้วพ่นอักขระมารสีดำสนิทแถบแล้วแถบเล่าออกมา พวกมันส่ายไหวโต้สายลมทยอยกลายเป็นใบไม้สีดำพัดมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่หลงเหยียนเฟย
หลงเหยียนเฟยเปลี่ยนสีหน้าทันที นางรีบพลิกมือข้างหนึ่ง โล่เล็กสีเขียวขมุกขมัวชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
โล่ชิ้นนี้เป็นรูปสามเหลี่ยมสีเขียวหยกทั้งชิ้นราวกับสลักขึ้นมาจากหยก แลดูประณีตงดงามยิ่งนัก เมื่อหลุดออกมาจากมือ มันก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าจนกลายเป็นเกราะแสงสีเขียวผืนหนึ่งปกป้องทั้งร่างของหลงเหยียนเฟยไว้
ใบไม้สีดำสนิทมากมายกระหน่ำโจมตีบนนั้นอย่างไม่เกรงใจสักนิด!
เสียงดุจพายุพัดสายฝนกระหน่ำดังกึกก้อง!
ทันทีที่ใบไม้สีดำสนิทสัมผัสถูกเกราะป้องกัน พวกมันก็ทยอยระเบิดกลายเป็นไอปีศาจพลุ่งพล่านกลืนหลงเหยียนเฟยเข้าไป พริบตาเดียวก่อตัวเป็นลูกบอลหมอกสีดำเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้งลูกหนึ่ง
หลงเหยียนเฟยรู้สึกว่าเบื้องหน้ามืดดับ หลังจากนั้นสี่ด้านแปดทิศก็มีเสียงชี่ดังขึ้นมา ในใจหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
เห็นชัดว่าไอปีศาจนี้มีคุณสมบัติในการกัดกร่อนอย่างรุนแรง ผิวของเกราะป้องกันสีเขียวสั่นไหวไม่หยุดและกลายเป็นหลุมเป็นบ่ออย่างรวดเร็ว
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนปรากฏร่างออกมาล้อมลูกบอลหมอกสีดำไว้ตรงกลาง
“จิ๊ๆ สมบัตินี่ไม่ธรรมดาเลย ถึงกับต้านไอปีศาจกัดกร่อนของพวกเราสามคนได้นานเช่นนี้!” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับรูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งเอ่ยชม
“เหอะ! ก็ทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับร่างเตี้ยคนหนึ่งกลับเอ่ยอย่างดูแคลนนิดๆ
“ไม่ต้องพูดพร่ำไร้สาระ ลงมือเถอะ!” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับคนสุดท้ายเอ่ยเร่งอย่างรำคาญเล็กน้อย
ทั้งสามคนงอสิบนิ้วแล้วดีดทันที ปราณสีเทาดำสายแล้วสายเล่าพุ่งรวดเร็วต่อเนื่องไม่ขาดสายออกมาจากปลายนิ้วแล้วจมลงไปในลูกบอลหมอกสีดำตรงกลาง
ลูกบอลหมอกสีดำที่เดิมทีเบาบางอยู่บ้างฉับพลันก็หนาทึบและเริ่มหดตัวเข้าไปตรงกลาง
ทั้งสามคนนี้คิดจะใช้ไอปีศาจกัดกร่อนหลงเหยียนเฟยให้ไม่เหลือซากไปพร้อมกับเกราะป้องกัน
ทว่าครู่ต่อมาเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกะทันหัน!
ในลูกบอลหมอกสีดำฉับพลันมีเสียงอสนีบาตดังขึ้น จากนั้นเส้นอสนีบาตสีเงินนับไม่ถ้วนก็พุ่งตามออกมาติดๆ กลายเป็นอสรพิษอสนีบาตสีเงินตัวแล้วตัวเล่าเลื้อยบ้าคลั่งไม่หยุดอยู่บนผิวลูกบอลหมอก
ทันใดที่ไอปีศาจสีดำซึ่งกำลังลุกโชนเข้าใกล้เส้นสายฟ้าสีเงิน ทั้งหมดก็ราวกับพบดาวข่มพากันระเบิดกระจายกลายเป็นความว่างเปล่า
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่น!
แสงอสนีบาตสีเงินฉีกลูกบอลหมอกออกมา คลื่นความร้อนน่าตะลึงที่สอดแทรกด้วยประกายอสนีบาตสีเงินสายแล้วสายเล่าถาโถมไปสี่ด้านแปดทิศ
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับทั้งสามคนหน้าถอดสีทันที พวกเขาพากันพุ่งถอยหลบไปด้านหลัง
มีเพียงศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับรูปร่างเตี้ยคนนั้นที่หลบไม่พ้น หลังจากถูกคลื่นความร้อนกวาดเข้าไปด้านใน เขาก็กรีดร้องโหยหวนแล้วเสียงก็ขาดหายไปทันที ดูเหมือนว่าจะตายอยู่ด้านในทั้งอย่างนั้น
ครู่ต่อมาเงาร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็เหาะขึ้นมาจากด้านในลูกบอลหมอก นั่นก็คือหลงเหยียนเฟยสตรีนางนี้นี่เอง
นางในเวลานี้สีหน้าซีดเผือดกว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด
ที่แท้ในห้วงเวลาวิกฤตนางกระตุ้นจี้ห้อยคอที่บรรจุพลังอันยิ่งใหญ่ของสายฟ้าสวรรค์ซึ่งอาจารย์ของนางมอบให้ ถึงหนีรอดออกมาได้
หลงเหยียนเฟยที่ลอยอยู่กลางอากาศตั้งหลักได้ก็ไม่พูดพร่ำ นางพลิกมือล้วงลูกแก้วกลมสีขาวลูกหนึ่งออกมาแล้วโยนไปเบื้องหน้าทันที
ลูกแก้วลูกนี้หมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นแสงเรืองรองสีขาวสว่างผืนหนึ่งม้วนรอบตัวนางจากนั้นแหวกท้องฟ้าหนีไป
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสองคนที่เพิ่งได้สติ พวกเขาเห็นหลงเหยียนเฟยบาดเจ็บหนัก หลังจากสบตากันครั้งหนึ่งจึงกลายเป็นเงาดำสองก้อนไล่ตามหลงเหยียนเฟยไปติดๆ
อีกด้านหนึ่งหลงเซวียนควบคุมมารชิงหยางให้กระหน่ำโจมตีพี่น้องโอวหยางอย่างบ้าคลั่ง พวกนางกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณในมือต้านทานอย่างสุดกำลังแต่ก็ทำได้เพียงฝืนต้านไว้อย่างยากเย็น
เวลานี้เองหลังจากสตรีทั้งสองเห็นหลงเหยียนเฟยใช้สมบัติลับบางอย่างหนีจากไปไกลได้อย่างราบรื่นแล้ว ทันใดนั้นพวกนางก็สบตากันครั้งหนึ่งแล้วกัดฟันตบถุงหนังข้างเอวพร้อมกัน
“ฟู่” “ฟู่” แสงเรืองรองเจ็ดสีสองสายม้วนออกมาจากในถุงหนังแล้วพุ่งไปด้านหลังในพริบตา พวกมันกะพริบไม่กี่ครั้งก็กลายเป็นผีเสื้อเจ็ดสีที่ทอแสงเรืองรองสองตัวที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง
สองสาวเห็นเช่นนี้พลันเอ่ยเบาๆ พร้อมกันว่า “สลับ”
เพียงครู่เดียวร่างกายของพวกนางก็เลือนรางลงแล้วเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหายวับไปยังตำแหน่งของผีเสื้อเจ็ดสีสองตัวในทันใด
กระบี่อัคคีสีเขียวเล่มหนึ่งกับดาบยักษ์สีเขียวเล่มหนึ่งฟันผ่านตำแหน่งที่สตรีทั้งสองนางเคยอยู่อย่างรวดเร็ว แต่พลาดเป้าอย่างสิ้นเชิง
โอวหยางฉินที่เพิ่งตั้งหลักได้โยนพัดพับในมือออกไปอย่างเร็วไว พร้อมกันนั้นก็ขยับนิ้วมือรัวจี้ดัชนีใส่อากาศต่อเนื่องหลายครั้ง
เปลวเพลิงสีม่วงแสบตาผืนหนึ่งส่องสว่าง หลังจากนั้นพัดพับก็กลายเป็นบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงขนาดยักษ์ผืนหนึ่งยกร่างของนางกับโอวหยางเชี่ยนขึ้นมา มันหมุนติ้วรอบหนึ่งกลายเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่งมุ่งไปคนละทิศกับหลงเหยียนเฟย
“คิดหนี? ไม่ง่ายดายปานนั้นหรอก!”
หลงเซวียนเห็นเช่นนี้ก็โกรธจัด หลังจากคำรามเสียงประหลาดครั้งหนึ่ง ประกายแสงสีเขียวทั่วร่างก็ส่องสว่างก่อตัวเป็นลูกไฟสีเขียวขนาดยักษ์ดวงหนึ่งอีกครั้งแล้วไล่ตามพี่น้องโอวหยางที่หนีไปติดๆ
ทันทีที่สตรีทั้งสามหนีออกจากสนามรบได้ ท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัวเหนือหุบเขาแคบก็พลันกลายเป็นสีดำสนิท จากนั้นแสงแวววาวจุดแล้วจุดเล่าก็ทอแสงระยิบระยับ
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
จากนั้นแสงดาราเจิดจ้าผืนแล้วผืนเล่าก็เทลงมาจากท้องฟ้าสูง จุดที่มันผ่าน ไอปีศาจสีเขียวหม่นล้วนหลอมละลาย ตาข่ายมารทั้งหมดมีรูนับร้อยนับพันในพริบตา!
ร่างแยกมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนที่ล้อมโจมตีอยู่เห็นสถานการณ์พลันเปลี่ยนสีหน้าแล้วถอยหลังไปอย่างเร็วไว
ทว่าเวลานี้จินเทียนชื่อกลับหลับตาสองข้างสนิท ยันต์สีทองมากมายวนเวียนทั่วร่าง ด้านนอกยันต์ยังมีกระจกแสงสีทองเรืองรองแปดด้านอยู่เลือนราง
แสงดาวที่ร่วงลงมาจากฟ้าเหมือนถูกกระจกแสงเหล่านี้ดึงดูด พวกมันแย่งกันจมลงไปด้านในราวกับน้ำหลาก
มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดเห็นเช่นนี้ย่อมรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว หลังจากคนที่เป็นหัวหน้าตวาดเสียงดังครั้งหนึ่ง แขนเสื้อสองข้างก็ยกขึ้นพร้อมกัน
สายลมสีดำพัดโหม ไอปีศาจสายแล้วสายเล่าบินออกมาจากแขนเสื้อของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนทยอยจมลงในตาข่ายมารแล้วสมานมันจนประสานกันด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
จินเทียนชื่อลืมตาขึ้น กระจกแสงสีทองแปดด้านรอบตัวส่งเสียงดัง “เพล้ง” “เพล้ง” ทยอยพังทลาย สองแขนของเขากางออก แสงดาราสายหนึ่งวนเวียนอยู่บนแขนก่อนจะกลายเป็นลูกบอลแสงสองลูกตรงปลายนิ้วจากนั้นส่งเสียงระเบิดดังสนั่นออกมา พร้อมกับที่กลายเป็นเส้นไหมแวววาวสีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกไปสี่ด้านแปดทิศทันที
จุดที่เส้นไหมแวววาวสีขาวพุ่งผ่าน ไอปีศาจสีเขียวหม่นที่ดูเหมือนของจริงเหล่านั้นทยอยถูกเปลวเพลิงสีขาวร้อนแรงเผาไหม้แล้วสลายไปอย่างสมบูรณ์
พร้อมกันนั้นวงแหวนแสงสีขาววงหนึ่งก็พุ่งออกมาจากบนร่างของจินเทียนชื่อ แล้วกวาดเข้าใส่ร่างของมนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
“เปรี้ยงๆ” เปลวเพลิงสีขาวดวงแล้วดวงเล่าลอยออกมาจากตัวมนุษย์ปีศาจ
มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนดิ้นรนกระตุ้นไอปีศาจในร่างต่อต้านสุดชีวิต ทว่าเปลวเพลิงร้อนแรงสีขาวเหล่านี้กลับยิ่งลุกโหมขึ้นราวกับราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ผิวทั่วร่างเริ่มไหม้เกรียมเป็นแถบอยู่ใจกลางเปลวเพลิง ในเวลาเดียวกันไอปีศาจหนาทึบรอบร่างก็เบาบางลงอย่างรวดเร็ว
“น่าสนใจอยู่บ้างจริงๆ ! แต่หยุดเล่นสนุกกันตรงนี้แล้วกัน” มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะคลุ้งคลั่งอย่างเหี้ยมเกรียมจนใบหน้าบิดเบี้ยว
เพิ่งเอ่ยจบ ร่างกายของมนุษย์ปีศาจที่เหลือหกคนก็พองขยายอย่างรวดเร็วจนเหมือนลูกโป่ง หลังจากเสียงดังสนั่นหลายครั้งพวกเขาก็ระเบิดตัวเองกลายเป็นไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่าไหลเข้าไปในร่างมนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็ว
มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างเดียว หลังจากตวาดก้องคำหนึ่ง ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงก็ไหลไปทั่วร่าง ร่างกายฉับพลันขยายใหญ่ยักษ์ แรงกดดันจิตวิญญาณน่าตะลึงพุ่งขึ้นฟ้าแล้วเพิ่มพูนไม่หยุดราวกับไร้ที่สิ้นสุด!
“ระดับดาราพยากรณ์!”
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้ก็หลุดปากออกมาในพริบตา
……
ห่างจากหุบเขาแคบที่พวกจินเทียนชื่ออยู่ไปราวหนึ่งแสนหลายหมื่นลี้ มีเทือกเขาทอดยาวที่ภูเขาสูงชันแห่งหนึ่ง
เทือกเขาทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยไอหมอกบางเบาชั้นหนึ่ง มองจากไกลๆ ดูหม่นหมองพร่ามัวเล็กน้อย บนเขามีต้นไม้เตี้ยที่ไม่ทราบนามงอกอยู่แถบหนึ่ง เมื่อสายลมพัดผ่านผืนดินบนเขาก็เกิดเสียงเป็นระยะ
สุดขอบฟ้ามีเมฆดำก้อนหนึ่งลอยมา บนเมฆมีบุรุษชุดน้ำเงินคนหนึ่งยืนอยู่ เขาก็คือหลิ่วหมิงที่ไล่ตามสัญลักษณ์บอกทางของนิกายยอดบริสุทธิ์มาตลอดทางนั่นเอง
ครู่หนึ่งเขาก็เหาะเข้ามายังท้องฟ้าเหนือหุบเขาเหล่านี้ แต่หลังจากนั้นเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ทันใดนั้นสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป เขาเอี้ยวศีรษะมองลึกเข้าไปในเทือกเขา ดวงตาฉายแววตาประหลาดออกมาเล็กน้อยในทันใด
“นี่มัน…”
หลิ่วหมิงพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง เพิ่มความเร็วเหาะลึกเข้าไปในเทือกเขาทันที
ผลปรากฏว่าเขาเหาะมาได้ราวหลายร้อยลี้เมฆดำก็หยุดกะทันหัน เขาเพ่งมองไกลออกไป
เพียงครู่เดียวหลังจากนั้นตรงขอบฟ้าไกลออกไปก็มีเสียงฟิ้วดังขึ้น แสงสีม่วงดวงหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าแหวกท้องฟ้าพุ่งมาทางหลิ่วหมิงด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
หลิ่วหมิงเพ่งสายตามองก็จำเงาร่างของสตรีสองนางในแสงสีม่วงได้ทันที พวกนางคือโอวหยางเชี่ยนกับโอวหยางฉิน!
เวลานี้สตรีทั้งสองนางก็สังเกตเห็นหลิ่วหมิงแล้วเช่นกัน พวกนางดีใจยิ่งนักแล้วเหาะตรงเข้ามาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เวลานี้หลิ่วหมิงถึงค้นพบว่าหลังลำแสงของสตรีทั้งสองยังมีเพลิงมารสีเขียวลุกโหมดวงหนึ่งไล่ตามมาติดๆ ด้วย
เขาใช้จิตสัมผัสสำรวจกลิ่นอายด้านในเพลิงมารเพียงนิดเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นหลงเซวียน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เหยียบเมฆพุ่งเข้าไปหาเช่นเดียวกัน
ตอนที่ 929 สังหารหลงเซวียน
“พี่หลิ่ว พวกเราถูกมนุษย์ปีศาจกับนิกายปีศาจลี้ลับซุ่มโจมตี ยามนี้ศิษย์พี่จินกำลังสู้กับมนุษย์ปีศาจเหล่านั้นเพื่อปกป้องพวกเราให้หนีมา!” ยังไม่ทันไปถึงตัว โอวหยางเชี่ยนก็ส่งกระแสจิตบอกหลิ่วหมิงแต่ไกล
“นิกายปีศาจลี้ลับ? มนุษย์ปีศาจ? เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรือ พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บ ให้ข้าจัดการคนชั่วผู้นี้ก่อนค่อยว่ากัน” หลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่านร่างของสตรีทั้งสองนางแล้วมองไปยังเพลิงมารสีเขียวที่ไม่มีทีท่าจะหยุดสักนิดเบื้องหลังจากนั้นจึงเอ่ยอย่างฉับไว เขาโฉบวูบผ่านด้านข้างแสงสีม่วง พุ่งประจันหน้าเข้าหาหลงเซวียนที่อยู่ด้านหลังทันที
“หลิ่วหมิง? คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ปีศาจผู้นั้นจะไม่ได้จัดการเจ้า! แต่ก็ดี ข้าจะจัดการเจ้าเอง!”
การปรากฏตัวกะทันหันของหลิ่วหมิงทำให้หลงเซวียนที่อยู่กลางเพลิงมารหัวเราะเสียงประหลาดด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
หลิ่วหมิงย่อมอยากถกเรื่องเก่ากับหลงเซวียนอยู่แล้ว เขาสีหน้าเคร่งขรึม ปราณดำทั่วร่างพลุ่งพล่านออกมา เสียงมังกรกู่ร้องดังออกมาพร้อมกัน!
เขาสะบัดสองแขน ไอหมอกสีดำทั่วร่างปั่นป่วน มังกรหมอกสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งห้าตัวพุ่งจากแผ่นหลังขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากพวกมันบินวนรอบหนึ่งก็พากันสะบัดหัวสะบัดหางบินโถมเข้าใส่หลงเซวียน
“ทลาย!”
หลงเซวียนคำรามดังลั่นครั้งหนึ่งจากนั้นสองแขนก็ประกบเข้าหากันยื่นไปด้านหน้า เพลิงสีเขียวสองสายซัดสาดออกมาก่อตัวเป็นงูใหญ่ประหลาดสีเขียวยาวสามสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งตรงหน้าอก
หลังจากงูใหญ่ขดล้อมรอบหลงเซวียนก็พ่นเพลิงสีเขียวเข้าใส่มังกรหมอกสีดำห้าตัว จากนั้นพวกมันก็เข้าขย้ำกันในพริบตา
ด้านหนึ่งมังกรหมอกห้าตัวมีปราณดำวนเวียนอยู่รอบร่าง ร่างกายวนขดเปลี่ยนรูปร่างไม่หยุดอย่างว่องไว ด้านหนึ่งงูใหญ่ประหลาดสีเขียวดวงตาฉายแววดุร้าย ปากร้องคำรามไม่หยุด ไอปีศาจรอบร่างพลุ่งพล่าน ชั่วขณะหนึ่งตัดสินแพ้ชนะกันไม่ได้
หลงเซวียนเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันออกมาจากปาก สองมือเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชาทันที
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
เพียงครู่เดียวรอบร่างงูประหลาดสีเขียวก็มีแสงสีเขียวกระจายออกมา แสงรัศมีสีเขียวสาดไปทั่วฟ้า ทะลวงมังกรหมอกสีดำห้าตัวทะลุเป็นรูนับร้อยนับพัน
ทว่าในเวลาเดียวกันนี้หลงเซวียนก็เปลี่ยนสีหน้าในฉับพลัน เขารีบเบี่ยงกายถอยพรวดไปข้างหลังพร้อมกัน
ตรงจุดที่เดิมทีเป็นด้านหลังของเขาเกิดคลื่นไหวกระเพื่อมบนอากาศ หลิ่วหมิงพุ่งออกมาพร้อมกับสะบัดกำปั้นมหึมาที่มีปราณสีดำหุ้มอยู่สองข้างกระหน่ำต่อยใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
“โฮก” เสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น!
เงาหัวพยัคฆ์สีดำสองหัวก่อตัวขึ้นท่ามกลางปราณสีดำแล้วร้องคำรามดังกึกก้องพุ่งมาถึง
เงายักษ์สีเขียวด้านหลังร่างหลงเซวียนสะบัดแขนทั้งหกข้าง ดาบและกระบี่ที่มีเพลิงสีเขียวลุกไหม้กระหน่ำฟันไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากเสียงดังสนั่นพักหนึ่ง ดาบและกระบี่อัคคีสีเขียวหลายเล่มก็ฟันไขว้กัน พลังของเพลิงสีเขียวที่ลุกโหมต้านเงาพยัคฆ์สองหัวไว้ได้ เกิดเสียงดังกึกก้องที่ชวนให้คนหวาดหวั่น
ในเวลานี้เองแสงสีน้ำเงินบนหัวไหล่ของหลิ่วหมิงก็ม้วนตัวออกมา เงาหัววัวสีน้ำเงินขนาดยักษ์หัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันอ้าปากเพียงครั้งเดียวก็พ่นแสงเรืองรองสายหนึ่งกวาดผ่านบนดาบและกระบี่ไป เพลิงสีเขียวด้านบนถูกเป่าหายเป็นความว่างเปล่าในพริบตา
เสียงเปรี้ยงดังสะเทือนฟ้าดิน!
ดาบและกระบี่ที่ไร้เพลิงสีเขียวสนับสนุนถูกหัวพยัคฆ์สีดำสองหัวโจมตีพังทลายลงทันที!
หลงเซวียนรีบขยับร่างคิดจะหลบ ทว่าด้วยความฉุกละหุกเขาจึงหลบทั้งหมดไม่พ้นถูกหัวพยัคฆ์มหึมาหัวหนึ่งโจมตีโดน หัวไหล่ขวาเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งร่างถูกโจมตีพุ่งถอยออกไป
หลังจากปลิวออกไปหลายสิบจั้ง เพลิงสีเขียวทั่วร่างหลงเซวียนพลันกลายเป็นดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่งยกร่างเขาขึ้นมา ในที่สุดก็ตั้งหลักได้ แต่สีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
เขามองหลิ่วหมิงด้วยแววตาดุร้าย อ้าปากปล่อยยันต์สีดำตัวหนึ่งออกมา มันหมุนติ้วอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งก็ประทับลงบนหน้าผากของเงายักษ์สีเขียวด้านหลัง
เสียงกระดูกลั่นเปรี๊ยะดังกึกก้องในทันใด!
ร่างกายของยักษ์สีเขียวขยายขนาดขึ้นอีกหนึ่งเท่ากว่า ลวดลายสีเขียวปรากฏบนร่างของมันเห็นเด่นชัด พร้อมกันนั้นไอปีศาจสีดำกับสีเขียวสายแล้วสายเล่าก็ถ่ายเทเข้าไปในลวดลายไม่หยุด ลวดลายเหล่านั้นประหนึ่งได้กินยาบำรุงค่อยๆ แผ่กว้างขึ้นทีละนิด ชั่วพริบตาก็ปกคลุมร่างกายส่วนใหญ่ไว้ ทำให้เงาทั้งร่างฉับพลันชัดเจนขึ้นอีก
เห็นชัดว่านี่ถึงจะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเทพชิงหยาง!
เส้นผมสีเขียวทั้งศีรษะของหลงเซวียนปลิวสะบัดตามสายลม ใบหน้าที่เดิมทีอัปลักษณ์อยู่แล้ว เมื่อมีแสงเปลวเพลิงสีเขียวด้านหลังขับเน้นก็ยิ่งแลดูโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ปากเอ่ยท่องมนตร์งึมงำหลายประโยค ยักษ์สีเขียวเริ่มยกแขนขึ้น ห้านิ้วกางออกอย่างเชื่องช้า
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ฝ่ามือยักษ์มีเปลวเพลิงผืนใหญ่ทะลักออกมาจากนั้นก่อตัวเบื้องหน้าร่าง พวกมันหมุนวนเร็วรี่พริบตาเดียวก็กลายเป็นพายุหมุนอัคคีสีเขียวขนาดหนึ่งหมู่กว่าลูกหนึ่ง
ปราณน่าตะลึงราวกับจะถล่มฟ้าถล่มดินสายหนึ่งแผ่ออกมาจากใจกลางพายุหมุน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันคิ้วขมวด เพลิงสีเขียวนี้แตกต่างจากตอนนั้นที่เขาเคยเห็นที่ตระกูลโอวหยางอย่างไม่อาจเทียบกันได้
เขาตบหัวไหล่ด้วยมือข้างหนึ่งทันที ทันใดนั้นเงาวัวสีน้ำเงินก็โผล่ทั้งตัวออกมาเบื้องหน้า หลังจากร่างกายสะบัดรุนแรงครั้งหนึ่ง มันก็แหงนหน้าคำรามโกรธเกรี้ยวใส่จุดที่เทพชิงหยางอยู่
เสียง “โฮก!” ดังขึ้นครั้งเดียว อากาศรอบด้านฉับพลันสั่นไหวรุนแรง คลื่นเสียงสีน้ำเงินสายหนึ่งซัดออกไปดุจสายฟ้า พริบตาเดียวทะลวงผ่านพายุหมุนอัคคีสีเขียวล้อมเงาเทพชิงหยางไว้ด้านใน
ไอปีศาจบนร่างของเทพชิงหยางถูกเป่ากระจายในครั้งเดียวแล้วถูกแทนที่ด้วยแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่งที่กะพริบวิบวับไม่หยุด
หลงเซวียนสีหน้าหวาดหวั่น สองแขนขยับหมายจะกระตุ้นพายุหมุนสีเขียวเบื้องหน้าให้เปิดฉากโจมตี ทว่าทันใดนั้นเขาก็หน้าซีด เมื่อพบว่าเงายักษ์สีเขียวด้านหลังราวกับถูกพันธนาการไว้จนกระดิกไม่ได้สักนิด
เขาตกตะลึงแต่จากนั้นก็แค่นเสียงหยัน แล้วก้าวยาวออกมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง จมลงไปในพายุหมุนสีเขียวพร้อมกับเงายักษ์ด้านหลังร่าง
พริบตานั้นเสียงบึ๊มดังออกมาจากในพายุหมุนอัคคีสีเขียว ราวกับว่าด้านในกำลังถูกปั่นด้วยพละกำลังมหาศาล หลังจากนั้นมันก็ปั่นป่วนรุนแรงแล้วขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เวลาเพียงสองลมหายใจ เสียงบึ๊มก็ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง พายุหมุนทั้งลูกกลายเป็นเปลวเพลิงสีเขียวดวงแล้วดวงเล่าสลายหายไป เผยให้เห็นยักษ์สีเขียวสูงห้าจั้งกว่าตัวหนึ่งกลางท้องฟ้า ยักษ์มีเครื่องหน้าชัดเจนเหมือนมนุษย์ทั่วไปและเหมือนกับหลงเซวียนไม่ผิดเพี้ยน
ดูเหมือนเขาจะผสานร่างเป็นหนึ่งกับเทพชิงหยาง!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้แรกสุดก็ตกตะลึง แต่ทันใดนั้นมือก็ขยับใช้เคล็ดวิชา เงาวัวสีน้ำเงินเบื้องหน้าพ่นแสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งออกไปอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ยักษ์สีเขียวฝั่งตรงข้ามเพียงสะบัดมือใหญ่ครั้งเดียวก็ปัดแสงเรืองรองสีน้ำเงินกระจายไปพร้อมเสียงดังกึกก้อง เข้าใกล้ร่างไม่ได้แม้แต่น้อย
จากนั้นดวงตาของยักษ์ก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม มือสองข้างถูเข้าหากัน ทันใดนั้นเหนือร่างของหลิ่วหมิงพลันมีเพลิงมารสีเขียวผืนใหญ่ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า มันหมุนวนก่อตัวกลายเป็นเงากระบี่ยักษ์ค้ำฟ้ายาวสี่ห้าสิบจั้งเล่มหนึ่งที่มีเพลิงสีเขียวลุกโหมทั่วเล่มจากนั้นฟันลงมายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
“แย่แล้ว!”
ในเวลานี้เองโอวหยางเชี่ยนผู้มองดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลเห็นกระบี่นี้ฟันลงมาจนท้องนภาสั่นไหวก็หลุดปากร้องออกมาทันที
ทว่าต่อมาเรื่องที่ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงก็พลันเกิดขึ้น
เงาเชอฮ่วนแหงนหน้าอ้าปากกว้าง พายุหมุนสีน้ำเงินลูกแล้วลูกเล่าซัดออกมาทำให้กระบี่ยักษ์สีเขียวเข้มทั้งเล่มที่เพิ่งร่วงลงมาเพียงครึ่งเดียวพังทลายไปทั้งเล่ม กลายเป็นเพลิงมารสายแล้วสายเล่าถูกกลืนลงไปในท้องทันที
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ไอปีศาจสีเขียวไหลวนในท้องของเชอฮ่วนได้รอบเดียวก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต้องรู้ว่าหลังจากเชอฮ่วนกลืนกินวิญญาณปีศาจระดับสูงมากมายปานนั้นที่วังหมื่นปีศาจ พลังของมันก็แตกต่างจากตอนแรกอย่างเทียบกันไม่ได้
ยักษ์เห็นเช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง มันไม่พูดพร่ำหมุนตัวกลายเป็นแสงสีเขียวสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าหนีไปทันที
หลังจากหลงเซวียนผู้นี้เห็นว่ากระทั่งวิชามารผสานร่างยังถูกเชอฮ่วนเอาชนะได้ เขาจึงตัดสินใจอย่างเฉียบขาดหนีไปไกลทันที
สถานการณ์เช่นนี้หลิ่วหมิงย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาหนีไปอย่างง่ายดาย ขณะที่ปากท่องมนตร์ แสงสีเงินก็ส่องสว่างบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อคู่หนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า หลังจากกระพืออย่างแรงครั้งหนึ่ง เขาก็กลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกไป ลำแสงกะพริบเพียงไม่กี่หนก็ปรากฏตัวด้านหลังยักษ์ทันที
ในเวลานี้เองยักษ์ที่เป็นร่างแปลงของหลงเซวียนพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้า เงาของยักษ์พุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้วส่งเสียงดัง “ฟู่” ก่อนจะระเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนกลืนหลิ่วหมิงที่ไม่ทันระวังด้านหลังเข้าไปด้านใน
พริบตานั้นที่เงาของยักษ์หลุดออกจากร่าง ร่างต้นของหลงเซวียนก็หดกลับไปขนาดเดิมอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นปราณสีดำก็ม้วนออกมาจนกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่งพุ่งหนีไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“ถึงกับบีบให้ข้าต้องระเบิดเงาเทพ วันหน้าข้าจะป่นกระดูกเจ้าเป็นผงชำระแค้นในวันนี้!” ทันใดนั้นเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของหลงเซวียนก็ดังออกมาจากเงาดำที่หนีออกไปไกลหลายสิบจั้ง
ทว่าครู่ต่อมาทะเลเพลิงสีเขียวก็แหวกออก แสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งวูบเดียวมาปรากฏตัวด้านหลังเงาดำ ไม่รู้ว่าหลิ่วหมิงฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างไร แล้วเขายังกระตุ้นลำแสงจนถึงขีดสุดในพริบตา แขนขยับครั้งหนึ่งเงาหมัดมากมายถี่ยิบก็กระหน่ำต่อยออกมา
หลงเซวียนด้านในเงาดำเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงยิ่งนัก ไม่ทันขบคิดมากมายเขาก็กระตุ้นเพลิงมารสีเขียวที่เหลือไม่มากรอบร่างให้รวมตัวกันไปด้านหลังกลายเป็นโล่ยักษ์สีเขียวชิ้นหนึ่งขวางหลังร่างของเขาไว้
เสียง “ปังๆ” ดังกระหน่ำอยู่พักหนึ่ง โล่ยักษ์สีเขียวยังคงอยู่ในสภาพเดิม นี่ทำให้หลงเซวียนโล่งใจ
ทว่าต่อมาเสียงมังกรคำรามสะเทือนแก้วหูแทบดับก็ตามติดมาถึง!
มังกรหมอกสีดำสองตัวขดล้อมแล้วเอาหัวพุ่งชนบนโล่ยักษ์สีเขียว ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
ตอนนี้หลงเซวียนเพิ่งจะหมุนตัวกลับมา เขาคิดจะใช้วิชาอื่นเพื่อหลบแต่ไม่ทันกาลแล้ว เขาจึงได้แต่ไขว้แขนทั้งสองขวางอยู่หน้าร่าง
เสียงสนั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง ร่างกายของเขาถูกมังกรหมอกสองตัวพุ่งชนปลิวถอยออกไปเหมือนกระสุนหินในทันที
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง หลิ่วหมิงสะบัดปีกทั้งสองข้างพุ่งโฉบผ่านข้างหลงเซวียนไป จากนั้นเขาก็เหาะวนรอบหนึ่งแล้วหยุดห่างออกไปหลายจั้ง
หลงเซวียนโซเซก่อนจะหยุดยืน ท้องของเขามีรูเลือดมหึมารูหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ไอปีศาจสีเขียวสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาพร้อมโลหิต
พริบตานั้นเมื่อครู่เขาถูกหลิ่วหมิงต่อยในระยะประชิดทะลวงผ่านร่างไป
“อ้าก!”
ใบหน้าที่เดิมทีก็อัปลักษณ์อยู่แล้วของหลงเซวียนบิดเบี้ยวถึงที่สุดเพราะความเจ็บปวด แต่การโจมตีเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขาได้
เขากดนิ้วลงบนท้องอย่างสุดกำลัง พลิกมืออีกข้าง กลางฝ่ามือปรากฏยันต์ที่ทอแสงสีทองขมุกขมัวแผ่นหนึ่งแล้วแปะลงไปบนนั้น
ทว่าจากนั้นรูตรงท้องของเขาก็พลันมีปราณวารีสีดำแถบใหญ่ลอยออกมาพร้อมกับเสียงน้ำไหล!
“ไม่! !”
หลงเซวียนหน้าซีดเผือดตะโกนดังลั่นในทันใด เขาคิดจะกระตุ้นยันต์ในมือแต่สายไปแล้ว
ปราณวารีสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากในร่างเขาดุจลูกธนู จากนั้นเสียง “เปรี้ยง” ก็ดังขึ้น กายเนื้อทั้งร่างของเขารวมถึงดวงวิญญาณระเบิดไปพร้อมกัน เศษเนื้อนับไม่ถ้วนโปรยลงมาจากบนท้องฟ้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น