ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 926-927

 ตอนที่ 926 เมฆแมลงมาร

 

ในเวลานี้เองเสียงครวญยาวเสียงหนึ่งก็ดังลอยมา แสงสีทองสายหนึ่งซัดสาดมาถึงแล้วระเบิดแสงดารานับไม่ถ้วนออกมาจากด้านในภายในพริบตา พวกมันหมุนควงรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นธารดารากำจัดลำแสงสีดำสามเส้นที่เหลือจนหมดสิ้น


ร่างสูงเพรียวของจินเทียนชื่อปรากฏขึ้น เขาจ้องบุรุษชุดเทาที่อยู่บนหน้าผาหินฝั่งหนึ่งด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยออกมาว่า “มนุษย์ปีศาจ”


พวกหลงเหยียนเฟยเห็นจินเทียนชื่อเร่งรีบมาทันก็โล่งใจครั้งใหญ่


“ฮ่าๆ ที่นี่คือเศษซากของโลกบน พบเผ่าศักดิ์สิทธิ์เช่นเรามีสิ่งใดน่าประหลาดใจนักเล่า เด็กรุ่นหลังเผ่ามนุษย์อย่างเจ้าสิ อายุยังไม่มากแต่พลังของวิชาเมื่อครู่ไม่อ่อนแอเลย มิน่าคนเหล่านั้นที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อข้าก่อนหน้านี้จึงแนะนำให้ข้ากำจัดผู้ช่วยของเจ้าก่อน หลังจากนั้นค่อยจัดการเจ้าลำพังคนเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่เหลือจะมีลูกเล่นปกป้องชีวิตตนเองไม่น้อย จนข้าสังหารได้แค่สองคน” บุรุษชุดเทาที่ถูกจินเทียนชื่อจับจ้องหัวเราะทุ้มต่ำ


หากหลิ่วหมิงอยู่ที่นี่ย่อมจดจำได้ตั้งแต่เห็นครั้งแรกแน่นอนว่าบุรุษชุดเทาเจ็ดคนนี้ก็คือร่างแยกเจ็ดร่างของมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เมื่อตอนนั้น ไม่รู้ว่าเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร แล้วยังบังคับศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับอย่างพวกหลงเซวียนให้ยอมสวามิภักดิ์ อีกทั้งหมายตาพวกจินเทียนชื่ออีก


“ข้าก็คิดไม่ถึงว่าศิษย์ของนิกายปีศาจลี้ลับจะสมคบกับมนุษย์ปีศาจ ไม่รู้ว่ากลับไปยังโลกมนุษย์แล้วผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายปีศาจลี้ลับทั้งหลายรู้เรื่องนี้เข้าจะทำหน้าอย่างไร” จินเทียนชื่อแค่นเสียงหยันแล้วเอ่ยขึ้นมา พร้อมกันนั้นก็มองสำรวจมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนที่ปรากฏตัวกะทันหันคนนี้อย่างละเอียด เขาพบว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่เพียงหน้าตาคล้ายคลึงกัน กระทั่งระดับพลังและกลิ่นอายก็ยังใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง แล้วท่าทางพวกเขาเหมือนจะอยู่ระดับแก่นแท้ขั้นต้นทั้งหมดอีกด้วย ในใจเขาอดไม่ได้เกิดความสงสัยเล็กน้อย ทว่าใบหน้ากับน้ำเสียงกลับไม่เผยความผิดปกติออกมาแม้แต่น้อย


หากเวลานี้หลิ่วหมิงได้เห็นว่าร่างจำแลงของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนนี้ต่างเลื่อนระดับจากระดับแก่นเสมือนมาจนถึงแก่นแท้ขั้นต้นภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงตกตะลึงจนหน้าถอดสี


ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับหลายคนนั้นฟังแล้วล้วนหน้าถอดสี ใบหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อีกหลายส่วน


ทว่าหลงเซวียนกลับหัวเราะอย่างเย็นชาตอบกลับว่า


“ฮ่ะๆ วิหคดีย่อมเลือกต้นไม้พักนอน! หากท่านมีเวลาสนใจเรื่องภายหน้าของพวกเรา ก็คิดหาวิธีว่าจะหนีเอาชีวิตรอดจากมือเผ่าศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ไปอย่างไรเถอะ”


จะว่าไปแล้วความจริงหลงเซวียนก็เก็บกลั้นเพลิงโทสะไว้เต็มอกเช่นกัน


ตอนนั้นหลังจากแยกกับหลิ่วหมิง เขาลำบากนักกว่าจะรวมตัวกับสหายนิกายปีศาจลี้ลับที่เหลือได้ ต่อมาเขานำสามคนนี้ออกเดินทาง แต่คิดไม่ถึงว่าจะพบผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์คนหนึ่งที่เพิ่งได้โชคลาภครั้งใหญ่มาจากซากโบราณสถานแล้วเพิ่งแยกร่างจำกัดพลังอีกครั้ง


ด้วยวิชาอันน่าหวาดกลัวของมนุษย์ปีศาจผู้นี้ แม้หลงเซวียนผู้นี้มีวิชามารชิงหยางอันเลื่องลือ และสหายร่วมนิกายที่เหลือสามคนพลังไม่อ่อนแอ แต่พวกเขาก็ยังถูกปราบราบคาบ หนีไม่รอดสักคนเดียว


ทว่าหลังจากมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ผู้นี้ชนะ อีกฝ่ายกลับไม่สังหารพวกเขา แต่ฝังชั้นจำกัดไว้ในตัวพวกเขาอย่างไม่เกรงใจสักนิด แล้วบีบบังคับพวกเขาให้ช่วยสืบข่าวและเปิดฉากสังหารในพื้นที่ใกล้เคียง


ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของพวกต่างเผ่า เผ่าปีศาจหรือเผ่ามนุษย์ธรรมดา ขอเพียงพานพบ มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์คนนี้ล้วนไม่ปล่อยไปแม้แต่รายเดียว เขาใช้ไอปีศาจสูบโลหิตบริสุทธิ์จากศพทั้งหมดจนแห้งเหือด สักหยดก็ไม่เหลือ


มาถึงตอนนี้ พวกหลงเซวียนไหนเลยยังไม่รู้ว่า ผู้แข็งแกร่งจากเผ่ามารคนนี้คงกำลังใช้โลหิตของผู้ฝึกฝนเผ่าต่างๆ เซ่นสังเวยเพื่อฝึกฝนวิชามารน่ากลัวบางอย่าง


แม้จะเป็นเช่นนี้แต่พลังที่ชวนให้คนสิ้นหวังซึ่งมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์แสดงออกมากับการใช้ชั้นจำกัดที่ฝังอยู่ในร่างขู่บังคับก็ทำให้พวกหลงเซวียนได้แต่ทำตามคำสั่งของมนุษย์ปีศาจ จนสุดท้ายพวกเขาสังเกตเห็นพวกจินเทียนชื่อเข้ามาในบริเวณใกล้ๆ


“จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยพบเจ้าหนูเผ่ามนุษย์ที่สวมเครื่องแต่งกายคล้ายพวกเจ้าอยู่คนหนึ่ง แต่น่าเสียดายเขาทรยศข้าในซากโบราณสถานใต้ดินแห่งหนึ่งเพื่อไปร่วมมือกับคนของเผ่าปีศาจ เวลานี้ซากโบราณสถานถล่มไปหมดแล้ว เขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” มนุษย์ปีศาจฉับพลันเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มโหดเหี้ยม


จินเทียนชื่อได้ฟังก็ตะลึงไปเล็กน้อย ในหมู่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ทั้งหมดมีเพียงหลิ่วหมิงที่แยกออกจากกลุ่มไปตามลำพังเพื่อล่อปีศาจอสูร หรือว่าคนที่มนุษย์ปีศาจคนนี้พูดถึงจะเป็นหลิ่วหมิงจริงๆ?


หลงเหยียนเฟยกับพี่น้องโอวหยางก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกนางอดมองตากันไม่ได้


“ฮ่ะๆ อย่าโทษว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้า! หากตอนนี้พวกเจ้ายินดีสวามิภักดิ์กับข้า ยินยอมฝังชั้นจำกัดแล้วทำงานให้ข้า ข้าจะให้ทางรอดพวกเจ้าก็ได้” บุรุษชุดเทาเห็นผู้คนจากนิกายยอดบริสุทธิ์ไม่พูดก็หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง


“ท่านเอ่ยวาจาใหญ่โตนัก คิดว่าอาศัยพวกท่านไม่กี่คนจะกินผู้แซ่จินได้งั้นหรือ!” จินเทียนชื่อฟังดังนั้นก็แค่นเสียงเหอะเอ่ยขึ้นมา ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ลอบส่งกระแสจิตบอกสตรีทั้งสามอย่างเร็วไวว่า ‘ระวัง’ และ ‘ทำตามสถานการณ์’


เพราะสมบัติเช่นกระบี่บินของสามสาวถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ พวกนางจึงบาดเจ็บอย่างไม่แสดงอาการเนื่องจากการเชื่อมจิตอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้พวกนางย่อมไม่กล้าชักช้าพากันเรียกอาวุธจิตวิญญาณชิ้นอื่นของตนมาไว้ในมือ


เมื่อเห็นว่าพวกจินเทียนชื่อไม่มีความคิดจะยอมสวามิภักดิ์สักนิด มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าก็ไม่ลังเลอีกต่อไป สองแขนขยับทันที แสงสีดำเจิดจ้าขณะที่ปราณดำสายแล้วสายเล่าทะลักออกมา เพียงครู่เดียวมันก็บดบังท้องฟ้าเบื้องหน้าจนดำมืด จากนั้นม้วนตลบก่อตัวเป็นเมฆดำใหญ่ยักษ์ขนาดหนึ่งหมู่กว่าก้อนหนึ่ง


ส่วนมนุษย์ปีศาจหกคนที่เหลือก็บินร่อนประหนึ่งกงล้อ เคล็ดวิชาที่มีปราณดำวนเวียนอยู่รอบยิงเข้าใส่เมฆดำตรงหน้าจากสองฟากฝั่งไม่หยุด


จากนั้นเสียงท่องมนตร์งึมงำฟังยากก็ดังออกมาจากปากทั้งเจ็ดคน เมฆดำปั่นป่วนอย่างรุนแรงแล้วส่งเสียงหึ่งๆ ดังสนั่น ทันใดนั้นแมลงตัวเล็กสีดำนับพันนับหมื่นตัวก็พุ่งออกมาจากด้านใน แห่มาทางพวกจินเทียนชื่ออย่างมืดฟ้ามัวดิน


แมลงตัวน้อยเหล่านี้แต่ละตัวสีดำสนิททั้งร่างและมีสองตาสีเลือด ดูเหมือนหนอนไหมสีดำติดปีกตัวแล้วตัวเล่า


เมื่อเผชิญหน้ากับเมฆที่น่าหวาดกลัวก้อนนี้ จินเทียนชื่อกลับเพ่งสายตายืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ทว่าด้านหลังร่างเขามีเสียงกระบี่ครวญครางกรีดแหลมดังออกมา หลงเหยียนเฟยนั่นเอง หลังจากนางเปลี่ยนมาใช้กระบี่บินสีเงินระยิบระยับเล่มหนึ่งก็โยนมันไปบนท้องฟ้า แล้วจี้ดัชนีใส่อย่างเร็วไวไม่หยุด


ชั่วพริบตากระบี่บินสีเงินก็หมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง แบ่งจากสองเป็นสี่ พริบตาเดียวกลายเป็นแสงกระบี่สีเงินส่องสว่างสิบหกสาย พวกมันเลือนรางวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นเหมือนดอกบัวกระบี่สีเงินดอกแล้วดอกเล่า


เมื่อสตรีนางนี้กระตุ้นเคล็ดวิชาอย่างเต็มกำลังพักหนึ่ง กระบี่บินสีเงินก็คลี่ออกอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่คมกริบนับไม่ถ้วนพาดตัดกันกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีเงินผืนหนึ่งซึ่งบนผิวมีเปลวอสนีบาตเรียวเล็กกะพริบอยู่เลือนรางพุ่งเข้าใส่หนอนสีดำเต็มท้องฟ้าที่ลอยเข้ามา


“เฟยเอ๋อร์ผสานกระบี่บินกับพลังอสนีบาตเข้าด้วยกัน นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว ใช้จัดการวิชามารทั่วไปคงเหลือเฟือ แต่จะใช้วิชาที่ยังไม่สมบูรณ์จัดการมนุษย์ปีศาจจากแผ่นดินว่านหมัวเหล่านี้ เกรงว่า…” จินเทียนชื่อมองภาพนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในใจลอบครุ่นคิดกับตนเองไม่หยุด


เขาไม่ได้ขวางการลงมือของหลงเหยียนเฟย ราวกับว่าตั้งใจจะหยั่งเชิงพลังของมนุษย์ปีศาจเหล่านี้สักหน่อย


ครู่ต่อมาแมลงน้อยสีดำนับพันนับหมื่นก็พากันพุ่งชนบนตาข่ายยักษ์สีเงิน เสียงเปรี๊ยะดังสนั่นขณะที่ประกายสายฟ้าสายแล้วสายเล่าเสียบเข้าไปกลางเมฆแมลงประหนึ่งเข็มแหลม


แมลงน้อยสีดำนับไม่ถ้วนระเบิดตัวดังเปรี้ยงปร้างแล้วกลายเป็นไอปีศาจพลุ่งพล่านอีกหน ชั่วขณะหนึ่งมันทำให้เมฆแมลงร่วงลงมาต่อไม่ได้


ทว่าเมื่อแมลงสีดำโถมตามกันมามากขึ้นเรื่อยๆ เมฆแมลงที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าก็ยิ่งหนาทึบน่าหวาดกลัวขึ้นทุกทีและเริ่มกดทับแสงกระบี่เบื้องล่าง


แม้สองมือของหลงเหยียนเฟยจะใช้เคล็ดกระบี่ไม่หยุด แต่ตาข่ายยักษ์สีเงินก็ยังส่งเสียงดัง “บึ๊ม” แล้วพังทลายกลายเป็นแสงกระบี่สีเงินหม่นหมองสิบหกสายแตกกระจาย


เสียง “ตึง” กังวานใสขึ้นครั้งหนึ่ง แสงกระบี่สิบห้าสายในนั้นฉับพลันพังทลายสลายไป เหลือเพียงแสงกระบี่สายเดียวที่พุ่งกลับมา มันกะพริบวูบหนึ่งกลับคืนเป็นกระบี่บินสีเงินสภาพเดิมอีกครั้ง ทว่าแสงบนผิวกลับหม่นหมองอย่างยิ่ง เห็นชัดว่าพลังจิตวิญญาณเสียหาย


เสียง “พรวด” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!


หลงเหยียนเฟยหน้าถอดสี อ้าปากพ่นเลือดคำหนึ่งออกมาทันที มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวักอีกครั้งก็เก็บกระบี่บินกลับมาในแขนเสื้อในพริบตา


สตรีนางนี้กระบี่บินเสียหายสองเล่มติดกัน ชั่วครู่ชั่วยามคงลงมือไม่ได้อีกแล้ว


เวลานี้เพราะไม่มีแสงกระบี่สีเงินขัดขวาง แมลงมารสีดำที่เหลือจึงโถมตัวลงมามืดฟ้ามัวดินอีกครั้ง แต่โอวหยางเชี่ยนกับโอวหยางฉินที่เตรียมป้องกันอยู่ก่อนแล้วทะยานร่างพุ่งเข้าไป


ร่างกายของโอวหยางเชี่ยนลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อนางสะบัดแขนเสื้อ เสียงมังกรคำรามก้องกังวานก็ดังขึ้นครั้งหนึ่ง แสงสีขาวเส้นหนึ่งฟาดออกมาจากด้านใน


แสงสีขาวก่อตัวกลายเป็นเงามังกรสีขาวสะอาดดุจหยกตัวหนึ่งกลางอากาศ มันขดวนรอบหนึ่งจากนั้นคมดาบแสงแถบใหญ่ก็ซัดออกมา เพียงครู่เดียวกลายเป็นภาพค่ายกลสีขาวใหญ่ยี่สิบกว่าจั้งค่ายกลหนึ่งเบื้องหน้าร่างนาง ส่วนมังกรสีขาวหยกตัวนั้นเลื้อยเหาะอยู่ด้านในไม่หยุด


“ค่ายกลดาบหลัวอวี่!”


ดวงหน้าสะสวยของโอวหยางเชี่ยนตวาดเสียงหวานใส่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดาบแสงสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากในค่ายกล เมื่อดาบแสงเหล่านี้หลุดจากค่ายกลก็รวมตัวกลายเป็นมังกรตัวน้อยสีขาวยาวหนึ่งฉื่อกว่าตัวแล้วตัวเล่าพุ่งประจันหน้าเข้าใส่แมลงมารสีดำที่โถมมาเบื้องหน้าประหนึ่งสายฟ้าฟาด


ชั่วขณะหนึ่งแสงรัศมีสีดำและสีขาวแทรกผสมกัน ก่อนจะระเบิดตรงนั้นตรงนี้อย่างต่อเนื่องกลางท้องฟ้าแล้วพังทลาย ทรงพลังยิ่งนัก!


โอวหยางฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่งมีพัดพับสีม่วงอ่อนเล่มหนึ่งอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นางสะบัดเล็กน้อย เงาพัดสีม่วงอ่อนเงาแล้วเงาเล่าก็พุ่งออกมา พริบตาเดียวเบื้องหน้าร่างก็ปรากฏบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงไม่ทราบนามหลายสิบดอก ลอยหมุนเข้าไปหาแมลงมารสีดำเต็มฟ้า


เมื่อแมลงมารสีดำเหล่านั้นสัมผัสถูกบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงเหล่านี้ฉับพลันก็กลายเป็นปราณสีดำสายแล้วสายเล่ากระจายออกไปรอบด้าน


เวลาเพียงเจ็ดแปดลมหายใจ แมลงมารสีดำเต็มฟ้าก็สลายกลายเป็นไอปีศาจมากมายหลายสายกระจายไปรอบด้านเกือบครึ่งด้วยการร่วมมือกันของพี่น้องโอวหยาง


มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดเห็นเช่นนี้ก็กระตุ้นไอปีศาจต่ออย่างไม่ใส่ใจสักนิด ปราณดำมากกว่าเดิมทะลักออกมาในทันที


เมฆสีดำกลางท้องฟ้าขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในทันใด พริบตาเดียวมันก็ขยายจนมีขนาดหลายร้อยกว่าจั้ง แทบจะบดบังท้องฟ้าเกินครึ่งไว้ ทำให้ทั้งหุบเขามืดหม่นลงไปเล็กน้อย


แมลงมารที่บินออกมาจากด้านในก็เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่า ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว!


มังกรน้อยสีขาวมากมายถูกแมลงตัวจ้อยที่บดบังท้องฟ้าและกลืนกลบผืนดินพุ่งโจมตีจนสุดท้ายส่งเสียงดัง “ฟู่” “ฟู่” ทยอยสลายไป


บุปผาจิตวิญญาณสีม่วงก็ถูกไอปีศาจที่แปลงเป็นแมลงมารฝูงแล้วฝูงเล่ากระแทกโจมตีส่งเสียงดัง “เปรี๊ยะ” จนส่องแสงจิตวิญญาณวูบวาบ ขนาดหดเล็กลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน


แม้พี่น้องโอวหยางจะดิ้นรนกระตุ้นเคล็ดวิชาไม่หยุด แต่เห็นชัดว่าท่าทางเหมือนจะต้านไม่ไหวแล้ว


เวลานี้เอง ในที่สุดจินเทียนชื่อก็ลงมือ!


เขาไม่เอ่ยคำใด แต่ร่างกายขยับเพียงวูบเดียวก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือสตรีทั้งสองนาง ชุดสีทองทั้งร่างพองขยายตามสายลม ขณะที่สองมือวาดวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งจั้งวงหนึ่งตรงหน้าอกอย่างรวดเร็ว


เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ปราณแห่งฟ้าดินรอบด้านพลันปั่นป่วน แสงสีขาวแสบตาดวงหนึ่งระเบิดออกมากลางวงกลมเบื้องหน้าจินเทียนชื่อ หลังจากแสงดับลง ทุกคนก็ตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าวงกลมวงนั้นกลายเป็นสีดำทั้งหมด แต่ยังคงมีประกายแสงสีขาวจุดแล้วจุดเล่าส่องสว่างวูบวาบไม่หยุด


ภายในวงกลมราวกับมีดวงดาราสุกสกาวผืนหนึ่ง

 

 

 


ตอนที่ 927 การต่อสู้อันชุลมุน

 

“ไป”


จินเทียนชื่อตวาดครั้งหนึ่งแล้วสะบัดชายแขนเสื้อยาวขึ้นไปบนท้องฟ้า


เสียงแหวกอากาศดังขึ้น แสงสีขาวมากมายถี่ยิบพุ่งรวดเร็วออกมาจากหมู่มวลดาราเบื้องหน้าจินเทียนชื่อแล้วก่อตัวเป็นลำแสงสีขาวหนาเท่าถังน้ำเส้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่ฝูงแมลงสีดำ


เสียง “ฟู่” “ฟู่” ดังลั่น!


แมลงมารสีดำที่ขวางอยู่เบื้องหน้าสัมผัสถูกลำแสงสีขาวเพียงนิดเดียวก็ถูกมันกำจัดจนไม่เห็นร่องรอยไปตลอดทาง


ผ่านไปเพียงหนึ่งถึงสองลมหายใจ ลำแสงก็ทะลวงเข้าไปในเมฆมารด้านหลังประหนึ่งผ่าท่อนไผ่ ทว่าหลังจากนั้นกลับไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวสักนิด คล้ายกับว่าลำแสงสีขาวถูกกลืนกินไป


ภาพนี้ทำให้หลงเหยียนเฟยรวมถึงพี่น้องโอวหยางอดไม่ได้มองหน้ากันเล็กน้อย


ส่วนศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับทั้งหลายที่รีบเร่งมาหยุดอยู่บนท้องฟ้าบริเวณใกล้ๆ เห็นเช่นนี้กลับเผยสีหน้ายินดี


ครู่ต่อมาภายในเมฆมารสีดำพลันมีเสียงระเบิดแผ่วเบา เสียงเริ่มจากเบาแล้วดังขึ้น จากช้าแล้วเร็ว อีกทั้งยังดังขึ้นทุกที มันค่อยๆ ดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ดั่งอสนีบาตส่งเสียงครืดคราดทำให้คนฟังอดขนหัวลุกไม่ได้


มนุษย์ปีศาจสีดำเจ็ดคนเห็นเช่นนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที ขณะที่พวกเขากำลังจะเคลื่อนไหวนั่นเอง แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นในเมฆดำอย่างกะทันหัน มันส่งเสียงดังชี่ๆ จากนั้นเส้นไหมสีขาวนับไม่ถ้วนก็พุ่งตัดกันออกมาจากในเมฆสีดำ


เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นไปทั่วฟ้าดินครั้งหนึ่ง!


เมฆดำฉับพลันแหวกออก คลื่นปราณถาโถมออกมาจากด้านใน แมลงมารนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากข้างในจากนั้นกลายเป็นปราณสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าสลายไป


มนุษย์ปีศาจเจ็ดคนแค่นเสียงแผ่วเบาออกมาครั้งหนึ่งแล้วถอยไปด้านหลังหลายก้าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัด


เห็นชัดว่าวิชาถูกทำลาย พวกเขาเจ็ดคนจึงได้รับความเสียหายเล็กน้อย


พี่น้องโอวหยางเห็นก็ดีใจอย่างยิ่ง โอวหยางเชี่ยนเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชาที่มือทันที ค่ายกลดาบดับแสงลงกลายเป็นดาบเล่มน้อยที่ทอแสงสีขาวขมุกขมัวเล่มหนึ่งลอยอยู่เบื้องหน้า


โอวหยางฉินก็หุบพัดพับสีม่วงอ่อนในมือเช่นเดียวกัน ร่างกายของนางขยับวูบเดียวมายืนเคียงข้างโอวหยางเชี่ยน


จินเทียนชื่อเพียงลงมืออย่างสบายๆ ครั้งเดียวก็โจมตีเมฆแมลงมารที่มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนควบคุมอยู่จนพังทลาย พลังลึกล้ำไม่อาจหยั่งของเขาย่อมทำให้หลงเหยียนเฟยกับพี่น้องโอวหยางฮึกเหิมขึ้นมา


“มีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ! ข้าจะเล่นกับพวกเจ้าให้สาแก่ใจสักหน่อยก่อนแล้วค่อยสังหารพวกเจ้าให้หมด!” มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าไม่โกรธแต่กลับยินดี เขาหัวเราะเสียงประหลาดแล้วเอ่ยเสียงดัง


“เหอะ! เอ่ยวาจาใหญ่โตน่าไม่อาย!”


“พวกเจ้าระวังตัวเพิ่มสักหน่อย ระวังการเคลื่อนไหวของศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับเหล่านั้น”


หลังจากจินเทียนชื่อส่งกระแสจิตหาพี่น้องโอวหยางอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่งแล้ว ร่างกายก็พุ่งวูบเดียวบินไปหามนุษย์ปีศาจสามคนด้านข้าง เมื่อสองแขนสะบัด แขนเสื้อกว้างสองข้างพองแล้วยุบรอบหนึ่ง แสงดาราสีขาวสองสายก็ม้วนตัวออกมาจากด้านใน พวกมันหมุนกลางท้องฟ้ารอบหนึ่งแล้วรวมตัวกลายเป็นเงาพญาวิหคสีขาวขนาดเท่าบ้านตัวหนึ่งแหวกท้องฟ้าเข้าไปหามนุษย์ปีศาจสามคนที่เหลือ


มนุษย์ปีศาจสามคนนั้นคำรามเสียงประหลาดพร้อมกัน ในขณะที่แขนหกข้างยื่นออกไปกลางอากาศอย่างพร้อมเพรียง เพลิงมารสีเขียวหม่นบนร่างทะลักออกมาจากสองแขนก่อตัวเป็นโครงกระดูกยักษ์หน้าตาดุร้ายตัวหนึ่งกลางอากาศ


โครงกระดูกนั่นมีเขาวัวมหึมาสองข้าง อวัยวะบนใบหน้าที่อยู่ข้างใต้เหมือนมนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน ดวงตาของมันทอแสงสีเลือด ปากพ่นไอหมอกสีเขียวหม่นออกมา แลดูดุร้ายน่าหวาดกลัวยิ่งนัก มันพุ่งเข้าใส่พญาวิหคสีขาวพร้อมกับเพลิงมารสีเขียวหม่นที่หุ้มอยู่รอบตัว


เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นสองครั้ง!


โครงกระดูกนี้เหมือนอ่อนแอไม่ทานทนสักการโจมตี มันถูกพญาวิหคสีขาวพุ่งชนครั้งเดียวก็สลายกลายเป็นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าซึมเข้าไปในตัวของพญาวิหคสีขาว


ทันใดนั้นพญาวิหคสีขาวที่กำลังโถมต่อไปหามนุษย์ปีศาจก็กระพือปีกสองข้าง ฉับพลันเลี้ยวเปลี่ยนทิศกลางอากาศอย่างรวดเร็วพุ่งย้อนกลับมาทางจินเทียนชื่อ


“ปนเปื้อนร่างไร้ชีวิตที่เสกออกมาได้ ดูท่าคงไม่อาจใช้วิชาธรรมดาได้แล้ว”


หลังจากจินเทียนชื่อพึมพำหนึ่งประโยค สองมือก็ถูกันแผ่วเบา พญาวิหคสีขาวส่งเสียงทุ้มต่ำครั้งหนึ่งแล้วระเบิดตัวกลางอากาศ ไอปีศาจสีเขียวหม่นที่เดิมทีเกาะอยู่บนตัวมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและถูกกำจัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกัน


ร่างกายของเขาขยับวูบเดียวก็กลายเป็นเงาสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าใส่มนุษย์ปีศาจสามคนนั้น


มนุษย์ปีศาจทั้งสามคนเห็นเช่นนี้พลันคำรามคลุ้มคลั่ง ไอปีศาจสีเขียวหม่นรอบร่างพลุ่งพล่านออกมาก่อตัวเป็นกรงเล็บยักษ์สีดำขมุกขมัวขนาดเท่าตึกข้างหนึ่งแล้วตะปบจินเทียนชื่อที่โถมเข้ามาไว้ด้านในดุจสายฟ้าแลบพร้อมเสียงดังกึกก้อง


“ฮ่าๆ!”


เสียงหัวเราะหยันแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินดังออกมา กรงเล็บมารขยายหดไม่หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งก็มีแสงแวววาวสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา สุดท้ายมันก็ระเบิดเสียงดังสนั่น


หลังจากไอปีศาจก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งบ้าคลั่งออกมา ด้านในกลับไม่มีเงาคนทั้งสิ้น มีเพียงยันต์แวววาวหม่นแสงไร้ประกายแผ่นหนึ่งลอยร่วงลงมาช้าๆ


มนุษย์ปีศาจคนอื่นเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง ด้านหลังมนุษย์ปีศาจคนหนึ่งในนั้นที่ลงมือเกิดคลื่นไหวกระเพื่อม ทันใดนั้นเงาคนร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา จินเทียนชื่อนั่นเอง


ทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ยกมือขึ้นดุจสายฟ้าฟาด แสงสีทองดวงหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากในแขนเสื้อของเขา มันคือลูกบอลกลมที่ทอแสงสีทองระยิบระยับลูกหนึ่งซึ่งบนผิวมีแสงอสนีบาตไหลวนเวียนอยู่ไม่หยุด


มนุษย์ปีศาจคนนี้ตกตะลึงอย่างยิ่ง เขารีบหมุนตัวแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้น ไอปีศาจสายหนึ่งก่อตัวเป็นม่านแสงสีเขียวหม่นชั้นหนึ่งเบื้องหน้าเขา พร้อมกันนั้นสองแขนก็ยกขึ้นไขว้หน้าลำตัว


เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ม่านมารทั้งผืนถูกแสงสีทองทะลวงผ่านทันทีประหนึ่งเป็นหน้าต่างกระดาษ จากนั้นลูกบอลกลมก็กลายเป็นแสงอสนีบาตดวงหนึ่งกระแทกลงบนร่างมนุษย์ปีศาจอย่างรุนแรง


สองแขนของมนุษย์ปีศาจมีกระแสไฟฟ้าส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ออกมาในทันใด อสนีบาตสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งทะลุผ่านแขนสองข้างไปยังทั้งร่างของเขา


“อ้าก!”


เสียงกรีดร้องดังขึ้น มนุษย์ปีศาจคนนี้เหาะถอยหลังไปอย่างห้ามตนเองไม่ได้ท่ามกลางกรงอสนีบาตที่ล้อมอยู่


เหตุไม่คาดฝันครั้งนี้รวดเร็วดั่งเหยี่ยวโฉบกระต่าย มันแทบจะเกิดขึ้นในพริบตา


เมื่อมนุษย์ปีศาจสองคนที่เหลือได้สติกลับมา ไอปีศาจทั่วร่างของมนุษย์ปีศาจคนที่เหาะถอยออกมาก็พังทลายไปแล้ว ร่างกายไหม้เกรียมเป็นแถบ พวกเขาพากันคำรามโกรธเกรี้ยวทันที ทั้งร่างฉับพลันขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่าพุ่งเข้าใส่จินเทียนชื่อ


จินเทียนชื่อหัวเราะพลางกวักมือข้างหนึ่งกลางอากาศ ทันใดนั้นในมือก็มีกระบี่สั้นแวววาวเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เขาฟันเพียงครั้งเดียว แสงกระบี่มากมายก็ซัดสาดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ต่อสู้กับมนุษย์ปีศาจทั้งสองอุตลุด


มนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าชมการต่อสู้อยู่บนหน้าผาหินอีกด้าน เขาเห็นจินเทียนชื่อโจมตีร่างแยกมนุษย์ปีศาจคนหนึ่งจนบาดเจ็บหนักได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ บนใบหน้าก็เผยสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย เขาหันไปส่งกระแสจิตออกคำสั่งกับหลงเซวียนที่อยู่ไม่ไกลทันที


หลงเซวียนได้ยินก็คิ้วขมวดในทันใด


เดิมทีเขาคิดจะนั่งชมเสือกัดกัน หวังว่านิกายยอดบริสุทธิ์กับมนุษย์ปีศาจคนนี้จะสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย จากนั้นเขาจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ได้ยินคำพูดที่มนุษย์ปีศาจสั่ง เขาก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม ร่างกายขยับวูบเดียวพุ่งไปด้านหน้า


ร่างกายเขาลอยอยู่กลางท้องฟ้า ไอปีศาจรอบร่างพลุ่งพล่านออกมาจนทั้งร่างกลายเป็นดวงตะวันเจิดจ้าสีเขียวครามที่ลุกไหม้รุนแรงดวงหนึ่ง เขากระตุ้นวิชามารชิงหยางจนถึงขีดสุดพุ่งเร็วรี่เข้าใส่พวกหลงเหยียนเฟย


หลงเซวียนยังไม่ทันพุ่งมาถึงจริงๆ มือข้างหนึ่งก็ตบเพลิงสีเขียวสายหนึ่งนำหน้าไปก่อน ลูกบอลเพลิงสีเขียวขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไป


หลงเหยียนเฟยเห็นเช่นนี้คิ้วดำก็เลิกขึ้น แขนเสื้อยาวสะบัดครั้งหนึ่ง กระบี่ยาวสีเงินเล่มนั้นที่เก็บไปก่อนหน้านี้ปรากฎขึ้นในมือ สะบัดเพียงครั้งเดียวก็ปล่อยแสงกระบี่สีเงินสายหนึ่งออกมาสะบั้นลูกบอลเพลิงเป็นสองส่วน พร้อมกันนั้นร่างกายก็ขยับพุ่งขึ้นไปบนฟ้าประจันหน้ากับหลงเซวียน


พริบตานั้นทั้งสองคนก็สู้กันอย่างดุเดือด แสงกระบี่สีเงินฉวัดเฉวียนไปทั่วท้องฟ้าบริเวณใกล้ๆ เปลวเพลิงสีเขียวดวงแล้วดวงเล่าระเบิดกึกก้องคล้ายกับชั่วขณะนั้นยากจะตัดสินแพ้ชนะ


อีกด้านหนึ่งหลังจากมนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง เขาก็พามนุษย์ปีศาจคนอื่นพุ่งออกจากหน้าผาหิน พวกเขาหายวับไปครั้งเดียวก็ข้ามระยะทางสามสิบกว่าจั้ง ปรากฏตัวหลังร่างจินเทียนชื่อที่กำลังต่อสู้ดุเดือดอยู่กับมนุษย์ปีศาจสองคนที่เหลืออย่างเงียบเชียบ จากนั้นยกมือขึ้นข้างหนึ่ง แสงเย็นเยียบยาวหลายจั้งพุ่งออกมา


จินเทียนชื่อราวกับคาดคิดไว้ก่อนแล้ว ร่างกายเขาเลือนรางวูบหนึ่งพุ่งถอยออกไปสิบกว่าจั้ง หลบพ้นประกายเย็นเยียบอย่างง่ายดายดั่งยกฝ่ามือ


“พลังไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ต่อไปคงไม่โชคดีเช่นนั้นแล้ว!” บุรุษชุดเทาหัวเราะหยันเสียงประหลาดอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เอ่ยท่องมนตร์แผ่วเบาหลายประโยค


ร่างแยกของมนุษย์ปีศาจทั้งหกร่างรวมทั้งตัวบุรุษชุดเทาเองฉับพลันมีไอปีศาจสีเขียวหม่นลุกโชนออกมา เงาร่างทั้งหกส่องสว่างวูบหนึ่งก็หายไปแต่ไกลพร้อมกัน


ครู่ต่อมาเสียง “ฉึบ” ก็ดังขึ้นหลายครั้ง อากาศรอบด้านจินเทียนชื่อเกิดรอยปริแยกแคบยาวเส้นแล้วเส้นเล่า ไอหมอกสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่าซึมออกมาจากด้านใน


ไอหมอกรวมตัวกันกลางอากาศอย่างเร็วไว พริบตาเดียวกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีเขียวหม่นขนาดหนึ่งหมู่ผืนหนึ่งครอบพื้นที่ทั้งหมดเบื้องล่างประหนึ่งบังท้องฟ้าปิดผืนดิน


จินเทียนชื่อเห็นก็ชี้ตาข่ายยักษ์กลางอากาศด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แสงดาราสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขากลายเป็นเงาวิหคสีขาวพุ่งเร็วรี่ต่อกันออกมาเป็นสาย


หลังจากเสียง “ฟู่” ดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง เงาสีขาวก็ระเบิดรุนแรงบนตาข่ายมารสีเขียวหม่น จนมันถูกยกลอยไม่อาจร่วงลงมาได้ชั่วขณะ


ในเวลานี้เอง อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงร้องตกใจของโอวหยางเชี่ยนกับเสียงแค่นหยันของหลงเหยียนเฟยดังขึ้น


“แย่แล้ว!”


“เหอะ”


ระหว่างที่หลงเหยียนเฟยกับหลงเซวียนต่อสู้กัน ครั้งหนึ่งนางไม่ทันระวัง หัวไหล่ซ้ายจึงถูกขอบของลูกบอลเพลิงสีเขียวลูกหนึ่งของเขาถากไปเล็กน้อย ผลปรากฏว่าดวงหน้างามสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด นางรู้สึกว่าหัวไหล่ซ้ายถูกสิ่งของเย็นยะเยือกบางอย่างหุ้มไว้ ความเจ็บปวดแล่นปราดถึงหัวใจ นางฝืนกระตุ้นแสงกระบี่ปัดลูกบอลเพลิงอีกลูกหนึ่งทิ้ง หลังจากนั้นร่างกายก็พุ่งถอยออกไปหาสองพี่น้องโอวหยางดุจลูกธนู


ขณะที่ดวงตาของหลงเซวียนฉายประกายเหี้ยมเกรียม คิดจะไล่ตามไปหาหลงเหยียนเฟยนั่นเอง ทันใดนั้นเขาก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร่างกายเลือนหายไปจากที่เดิม


เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสองครั้ง บุปผาจิตวิญญาณสีม่วงดอกหนึ่งพุ่งผ่านอากาศตรงที่หลงเซวียนเคยอยู่


โอวหยางฉินนั่นเองที่ใช้วิชาขวางเอาไว้อย่างเงียบๆ


เวลานี้ปราณดำสายแล้วสายเล่าหมุนติ้วอยู่ด้านหลังห่างไปสามสิบจั้งแล้วก่อตัวกลายเป็นหลงเซวียนอีกครั้ง สายตาเขากวาดกลับไปบนร่างพี่น้องโอวหยาง ใบหน้าที่เดิมทีอัปลักษณ์ยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นอีก จากนั้นเขาก็เอ่ยเสียงถมึงทึง


“ก็ดี พวกเจ้าผู้หญิงต่ำช้า แค้นเก่าแค้นใหม่จัดการรวบยอดเสียเลย!”


เพิ่งสิ้นเสียงลวดลายประหลาดสีเขียวเส้นแล้วเส้นเล่าก็ปรากฏบนใบหน้าของหลงเซียน เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง บนร่างพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโหมรุนแรง


ร่างกายของเขาขยายขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียวนี้ บนแผ่นหลังมีเงาของยักษ์สีเขียวสูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งปรากฏออกมา ปราณที่แผ่ออกมาพริบตาเดียวพุ่งไปถึงระดับแก่นแท้ขั้นต้น


หลังจากหลงเซวียนแปลงร่าง เขาก็แหงนหน้ากู่ร้องเหี้ยมเกรียมแล้วพาทั้งตัวเองและเงาด้านหลังแปลงเป็นเพลิงสีเขียวลูกยักษ์พุ่งเข้าใส่สองพี่น้องโอวหยาง


ภาพนี้ทำให้สองพี่น้องโอวหยางล้วนหน้าถอดสี พวกนางรีบกระตุ้นดาบบินกับพัดพับ มังกรสีขาวยาวยี่สิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกับบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงขนาดสิบกว่าจั้งเจ็ดแปดดอกพุ่งประจันหน้าเข้าไป


ผลปรากฏว่าเมื่อผิวด้านนอกของเพลิงสีเขียวทอแสงสีเขียววูบหนึ่ง กระบี่อัคคีสีเขียวเล่มหนึ่งกับดาบยักษ์สีเขียวเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านใน แยกย้ายกันฟันเข้าใส่มังกรขาวกับบุปผาจิตวิญญาณสีม่วง


ชั่วขณะหนึ่งแสงดาบกับเงากระบี่ สายลมสีม่วงกับรัศมีสีเขียวก็ปะทะกันกลางอากาศไม่หยุด เสียงระเบิดเลือนลั่นดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)