ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 925-933
บทที่ 925 ยุ่งกับการเก็บองุ่น
Ink Stone_Fantasy
พอฉินสือโอวยืดเส้นยืดสาย พวกกระดูกและข้อก็ดัง ‘กรอบแกรบ’ ขึ้นมา ทำเอาเขาตกใจ แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย ฉันแก่แล้วจริงๆ เหรอ? ออกกำลังกายทุกวันแต่ทำไมพอขยับหน่อยเสียงข้อก็ดังซะแล้ว?”
วินนี่ก็ยืดเส้นยืดสาย ฉินสือโอวรีบเข้ามาพยุงเธอ แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “เด็กโง่ คุณอย่าหาเรื่องตื่นเต้นสิ ผมกลัวจริงๆ ว่าคุณจะนั่งยองลงไปตรงพื้นแล้วลูกจะคลอดออกมา…”
ฟอกส์ที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะอยู่พอได้ยินประโยคนี้ก็หลุดขำออกมา “ฉิน ฉันควรบอกว่าคุณเป็นคนตลกดีหรือว่าคุณกล้าคิดแบบนี้ได้ยังไง?”
ฉินสือโอวพอพูดออกไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ ถ้าตอนนี้ลูกออกมาก็เท่ากับแท้ง เขาลูบจมูกแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าผมสมองพิการก็โอเคแล้ว”
วินนี่ตีไปที่มือของเขาแล้วพูดว่า “คุณเขยิบออกไป ฉันออกอยู่ทุกวัน อีกอย่างคนท้องก็ควรจะออกกำลังกายให้แข็งแรงขึ้น ไม่ใช่เหรอ? ส่วนสำหรับปัญหาของคุณเพราะว่าคุณออกกำลังกายหักโหมมากไป คุณน่ะต้องออกไทเก๊กหรือว่าโยคะ แบบนี้ถึงจะเป็นการรักษาสุขภาพที่แท้จริง”
ฉินสือโอวกำหมัดแน่นแล้วกระแทกลงไปตรงฝ่ามือ หมัดแหวกอากาศมีเสียงลมแรงออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อให้เกิดความรู้สึกน่าเกรงขาม พอเป็นแบบนี้เขาก็รู้สึกหยิ่งทะนงขึ้นมา แล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ ผมจะออกกำลังกายด้วยระดับความแข็งแรงแบบนี้ไว้เหมือนเดิมดีกว่า”
คุณลุงฮิคสันออกจากรถกระบะคันเก่าของเขา หู่จือและเป้าจือรีบวิ่งไปหาเขาพร้อมกับกระดิกหางไปมา ชายชราจึงควักเอาน่องไก่ทอดสองชิ้นออกมาจากกระเป๋า ส่ายมันไปมาแล้วพูดว่า “ดูสิ ฉันมีของขวัญมาให้พวกแกด้วยนะ”
ฉินสือโอวเดินออกไปแล้วยิ้ม “โอ้ว สำหรับพวกเด็กๆ แล้วเนี่ย คุณลุงเป็นแขกที่เด็กๆ ยินดีต้อนรับมากที่สุดแล้ว”
ชายชราหัวเราะอย่างพึงพอใจ บอกว่าเขาเป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็กๆ มาโดยตลอด
วินนี่ชงชาให้กับคุณลุง แล้วจึงถามเขาว่ามาอย่างไร มีกองหิมะสูงบนถนนเต็มไปหมดขับรถมาได้ด้วยเหรอ?
พอพูดถึงเรื่องนี้ ชายชราหัวเราะอย่างมีชัยออกมาทันที เขาชี้ไปที่รถด้านนอกแล้วพูดว่า “ฉันปรับเปลี่ยนรถของฉัน รถของเก่าของฉันมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนนับไม่ถ้วน มันก็เป็นเหมือนเสาค้ำยันชีวิตฉัน”
ฉินสือโอวออกไปดูรถเพื่อการนี้ ที่แท้รถกระบะคันเก่าของคุณลุงมีพลั่วกำจัดหิมะแขวนอยู่ที่ด้านหน้าสุด ไม่ได้เป็นแบบขนาดใหญ่สุด แต่เป็นแบบแบ่งเป็นสองอัน แขวนอยู่ด้านหน้ารถทั้งสองด้าน
หากเป็นพลั่วกำจัดหิมะที่มีลักษณะคล้ายรถยก จะต้องใช้น้ำมันดีเซล รถถึงจะสามารถขับเคลื่อนไปได้ ถ้าเป็นรถคันเล็กของคุณลุงฮิคสันคงไม่ขยับไปไหน แต่ตอนนี้เขากลับใช้พลั่วกำจัดหิมะขนาดเล็กที่มีพื้นที่รับแรงเพียงเล็กน้อย มันแค่ช่วยโกยทางให้กับล้อของรถเท่านั้น แรงต้านทานจึงลดลงไปมาก
พาวลิสก็กำลังนั่งยองๆ วิเคราะห์อยู่ สีหน้าแสดงออกว่ากำลังคิดอย่างจริงจัง เขาไม่เพียงแค่มองแต่ยังเอามือไปลูบจนมือเต็มไปด้วยโคลน สุดท้ายเขาก็เอาหิมะมาถูที่มือเพื่อล้างเอาโคลนออก หลังจากนั้นก็ตะโกนเรียกหลัวปอ แล้วก็เอามือเช็ดไปที่ตัวของมัน พอสะอาดแล้วก็วิ่งจากไป
หลัวปอน้อยสูดจมูกฟึดฟัดด้วยความน้อยใจ เห็นเป็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะบอกฉินสือโอว พ่ออะ พ่อมีลูกซนแบบนี้ได้อย่างไรกัน!
พอคุณลุงฮิคสันดื่มชาร้อนไปหนึ่งถ้วย หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปขยับเอารถลากเลื่อนหิมะลงมาแล้วพูดว่า “ปะ ฉิน พวกเราไปเก็บไอซ์ไวน์กัน!”
ฉินสือโอวเพิ่งค้นพบว่าผู้ชายแคนาดามีความสามารถด้านงานฝีมือมาก เครื่องมือในครัวเรือนหลายชิ้นถูกทำขึ้นมาด้วยตัวเอง อย่างคุณลุงฮิคสัน พลั่วกำจัดหิมะกับรถลากเลื่อนหิมะก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขาทำมันขึ้นมาเอง
รถลากเลื่อนหิมะคันนี้มีตะกร้าหวายสานอยู่ซึ่งเหมาะสำหรับเอามาใส่องุ่นพอดี แล้วก็ยังมีตะกร้าหวายอีกหลายใบอยู่บนรถ เป็นแบบสานเองทั้งนั้น ขนาดก็เท่ากันทุกใบ
ฉินสือโอวถือตะกร้าหวายสองใบ ลุงฮิคสันแนะนำเขาให้เตรียมรถลากเลื่อนหิมะด้วย ไม่อย่างนั้นจะเหนื่อยมาก
เขาจึงโชว์กล้ามตรงต้นแขน หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “สบายใจได้ครับ แรงผมเยอะ ไม่เหนื่อยหรอกครับ”
คุณลุงฮิคสันยักไหล่แล้วพูดว่า “จริงสิ ฉันก็ลืมการกระทำที่อาจหาญตอนนั้นของนายที่งัดข้อกับคนร้อยกว่าคนที่ผับ ฉันคิดว่าวันนั้นนายกลับเร็วไปหน่อยนะ นายได้เป็นราชาขาแดนซ์ ต่อมายังมีการเลือกราชินีขาแดนซ์ด้วยนะ รู้ไหมว่าใครได้?”
ฉินสือโอวส่ายหน้าแต่ก็เดาว่า “ใช่คุณครูเชอร์ริลหรือเปล่าครับ?”
ชายชราชี้นิ้วไปที่เขาแล้วหัวเราะเสียงดัง “แม่ง ผู้ชายก็เหมือนกันหมด นายต้องอยากได้เชอร์ริลมานานแล้วใช่ไหม? วางใจได้ ฉันจะไม่บอกวินนี่เรื่องนี้”
ขณะที่พูดเขาก็ขยิบตาให้ เหมือนบอกว่านี่เป็นความลับระหว่างผู้ชายสองคน
ฉินสือโอวกลับแอบก่นด่าอยู่ในใจ เขาอยากได้เชอร์ริลบ้าบออะไร ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะลามกโอเคไหม!
“ไม่บอกพี่วินนี่อะไร?” เสียงดังฟังชัดเสียงหนึ่งถามขึ้นมา
ชายชรากระโดดขึ้นมาด้วยความตกใจแบบเกินความเป็นจริงไปหน่อย หลังจากนั้นก็หันหลังไปมองเด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าตามขึ้นมาเมื่อไร “โอ้ เชอร์ลี่ย์ นางฟ้าตัวน้อยของฉัน เธออย่าทำให้คนอื่นตกใจแบบนี้นะรู้ไหม คนแก่น่ะหัวใจอ่อนแอมากๆนะ!”
“แต่คุณลุงยังไม่ได้บอกหนูเลยว่า ความลับระหว่างคุณลุงกับฉินคืออะไร” เชอร์ลีย์จ้องตากลมแบ๊ว เอียงคอแสดงสีหน้าไร้เดียงสาที่ไม่คิดร้ายใดๆ แต่ฉินสือโอวรู้ดีว่า เวลานี้โลลิต้าเจ้าเล่ห์มากที่สุดแล้ว
ยังดีว่าคุณลุงฮิคสันไม่ได้โดนโลลิต้าหลอก เขาโบกไม้โบกมือไปมา แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย มามะ พวกเรามาช่วยกันเก็บองุ่นด้วยกันเถอะ”
บนเถาวัลย์องุ่นเต็มไปด้วยหิมะ พอเป็นแบบนี้ก็จะหาองุ่นได้ยากหน่อย ต้องปัดหิมะทิ้งก่อนถึงจะหาเจอ ยังดีว่าไม่มีใบตรงเถาวัลย์ ส่วนที่นูนออกมาจึงเป็นองุ่นแน่นอน
ฉินสือโอวอยู่บนสันเขา พอก้าวเหยียบลงไปบนหิมะก็ไม่ได้สูงเกินกว่าเข่า
พาวลิสและคนอื่นๆ ก็ใส่รองเท้าบูตยาวตามมาช่วยกัน มิเชลมีรูปร่างเล็ก พอเขาก้าวเข้าไปในสวนองุ่น หิมะก็สูงถึงน่องแล้ว สีหน้าของเขาแสดงความผิดหวัง “ฉิน ผมคงไม่โดนหิมะทับตายตรงนี้ใช่ไหม?!”
ฉืนสือโอวยิ้ม แล้วอุ้มเขาขึ้นมาแล้วลากเขาออกมาจากตรงที่มีหิมะ แล้วพูดขึ้น “นายไปหาปอหลัว แล้วขับรถไปส่งองุ่นเถอะ ตรงนั้นก็ต้องมีคนช่วยงานเหมือนกัน จริงไหม?”
พวกชาวประมงเดินมา เขายื่นแว่นถนอมสายตาสีอ่อนให้กับฉินสือโอว เพราะการที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีหิมะนานๆ จะส่งผลเสียต่อสายตาเป็นอย่างมาก
ชาร์คเก็บองุ่นอยู่ฝั่งตรงข้าม พอใช้กรรไกรตัดฉึบ องุ่นแดงทั้งพวงก็ร่วงลงมา เขาเอาองุ่นใส่ในลังแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “บอส รอบนี้หิมะเยอะมาก บอสอยากเล่นสกีสักหน่อยไหม?”
“ไปเล่นที่ไหนล่ะ?” ฉินสือโอวถาม “ที่เมืองเซนต์จอห์นมีที่เล่นสกีเจ๋งๆ ไหม?”
ชาร์คชี้ไปทางเทือกเขาเคอร์บัลที่อยู่ด้านหลัง เขายิ้มแล้วพูดว่า “ใช้เส้นทางหลักที่ขึ้นเขาได้ครับ พวกเราก็ไม่ได้เต้นสกีบัลเลต์อะไร แค่เล่นสนุกเท่านั้นเอง เมื่อวานฮิวจ์คนน้องก็จัดการแข่งขันสกีบนทางสาธารณะเช่นกัน”
แน่นอนว่าฉินสือโอวชอบกิจกรรมแบบนี้มาก เขาจึงพยักหน้าแล้วบอกว่าพรุ่งนี้เตรียมตัวกัน พวกเขาจะไปเอารางวัลที่หนึ่งในการแข่งขัน
ชาร์คส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ถ้าเป็นแข่งว่ายน้ำ พวกเราพี่น้องไม่กลัวเลยครับ กวาดรางวัลสามรางวัลแรกไม่ใช่ปัญหา แต่สกีนี่ท่าจะลำบาก”
ตอนที่ฉินสือโอวกำลังคุยกับเขา ทั้งหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอก็เดินตึงตังมาทางนี้ หิมะสูงมาก พวกมันจึงก้าวขาไม่ออกเลย
ซิมบ้าวิ่งไปมาบนหิมะอย่างคล่องแคล่ว ราวกับกำลังเต้นบัลเลต์อย่างไรอย่างนั้น ก้าวเตะสลับไปมา เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุด สีหน้าของเสี่ยวเปาจึงหมดความอดทนแล้ว ฝูงเพื่อนก็พาไปต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ
รอจนแมวป่าน้อยวิ่งมาหา ฉินสือโอวก็จับเอามันวางลงบนเสาไม้ที่มีองุ่นเกาะอยู่ ให้มันจัดการปัดหิมะที่ติดอยู่บนองุ่นออกด้วยมือเล็กๆ ของมัน
งานนี้เหมาะกับซิมบ้าพอดี มันถนัดในการปีนป่าย แล้วพวกเถาวัลย์องุ่นพวกนี้ก็มักจะขึ้นเลื้อยตามเสาไม้ไป ซึ่งมันสามารถปีนไปอยู่บนนั้นได้อย่างสบาย อีกอย่างจมูกมันก็ไวมากจึงง่ายที่จะหาองุ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในหิมะ
พอเป็นแบบนี้ ประสิทธิภาพการทำงานของฉินสือโอวก็เพิ่มขึ้นทันตา
บทที่ 926 องุ่นแช่แข็ง
Ink Stone_Fantasy
องุ่นต้นแรกเจริญเติบโตไม่ค่อยดีเท่าไร บนเถาวัลย์องุ่นก็จะมีองุ่นเพียงพวงหรือสองพวงเท่านั้น แล้วก็มีจำนวนหนึ่งที่ยังไม่โตเป็นองุ่นเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสวนองุ่นมีพื้นที่ตั้งหลายร้อยเอเคอร์ จำนวนองุ่นที่มีก็ยังนับว่าเยอะ อีกทั้งเป็นเพราะได้พลังงานโพไซดอนเข้าไป เม็ดองุ่นพวกนี้ถึงมีลูกใหญ่เต็มเม็ด
หลังจากที่ถูกหิมะแช่แข็งไว้ ไม่ว่าจะเป็นองุ่นที่มาหมักไวน์ หรือองุ่นแถบยุโรป พอจับดูองุ่นทุกลูกก็จะมีลักษณะแข็งๆ ผิวเต่งตึง น้อยมากที่ถูกแช่แข็งจนเสีย แม้กินเข้าไปก็จะยังรู้สึกถึงเนื้อองุ่นที่ยังมีน้ำแข็งปนอยู่ด้วย
ลุงฮิคสันตอนแรกก็ตกใจเล็กน้อย แต่พอหลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาสนใจแค่ว่าจะสามารถหมักไอซ์ไวน์ออกมาได้หรือเปล่า เรื่องอื่นจะมีอะไรได้อีก? เรื่องแปลกๆ บนโลกยังมีอีกมาก
แต่สำหรับเหมาเหว่ยหลงเขากลับรู้สึกว่าแปลก เขาเอาองุ่นเม็ดหนึ่งมาผ่าเป็นสองซีก เห็นน้ำแข็งที่แทรกอยู่ระหว่างเนื้อองุ่น แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ฉินโซ่ว พันธุ์องุ่นของแกคือพันธุ์อะไร? มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย แช่แข็งแบบนี้ก็ยังไม่เสียเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ “สงสัยสัดส่วนน้ำตาลเยอะมั้ง ถ้าแกสนใจก็ขุดเอาไปปลูกที่ไร่นาสักส่วนหนึ่งสิ เพราะยังไงองุ่นของฉันก็มากมายอยู่แล้ว”
เขาพยายามพูดเลี่ยงไป แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อคุย หลังจากนั้นก็คิดแล้วว่าปีนี้เขาคงถ่ายพลังโพไซดอนเข้าไปในองุ่นตามใจไม่ได้แล้ว แค่ถ่ายให้กับองุ่นในส่วนที่ตัวเองอยากกินก็พอ
ตะกร้าหวายหลายสิบใบก็มีองุ่นเต็มไปหมดอย่างรวดเร็ว มิเชลขี่เจ้าปอหลัวที่ลากรถลากเลื่อนหิมะเอาลังไปเก็บไว้ที่โรงน้ำแข็ง
เห็นปอหลัววิ่งไปมาอยู่บนหิมะอย่างมีความสุข ลุงฮิคสันก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “เป็นเครื่องมือที่ไม่เลวจริงๆ เลย เทียบกับรถของเราแล้วยังดีกว่ามาก สงสัยฉันจะต้องคิดละว่าจะเลี้ยงกวางสักตัวดีไหม”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณลุงเชื่อผม อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย เลี้ยงกวางตัวหนึ่งเสียทั้งเงินและแรงกาย เหนื่อยกว่ามีรถเก่าๆ ของคุณลุงมากกว่าเยอะ”
“แต่ก็น่าสนุกกว่ามากเลยนะคะ” เชอร์ลี่ย์พูดเสริม หลังจากนั้นก็กระโดดโลดเต้นไปหาปอหลัว
นีลเซ็นขี่รถลากเลื่อนหิมะแบบพ่นไอมา แล้วพาฉินสือโอวไปที่โรงน้ำแข็ง
โรงน้ำแข็งที่ฟาร์มปลาไม่ใช่กิจการเล็กๆ ที่อยู่ในชนบทแบบนั้น โรงน้ำแข็งในชนบทพื้นที่รวมกันยังไม่ถึง 400 ตารางเมตร ในขณะที่โรงน้ำแข็งในฟาร์มปลาครอบคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งหมื่นกว่าตารางเมตร ลึกลงไปในใต้ดินสิบกว่าเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญมากที่สุดในฟาร์มปลา
ไม่ใช่แค่ฟาร์มปลาต้าฉินที่เป็นแบบนี้ ฟาร์มปลาที่อื่นก็เช่นกัน เมื่อเจ้าของฟาร์มปลาจับปลาได้ ส่วนหนึ่งก็จะอาศัยตอนที่ยังสดรีบขายทิ้ง อีกส่วนก็จะเก็บเอาไว้ขายในช่วงที่ปิดการประมงเพื่อให้ขายได้ราคาที่ดี
ตอนนี้ฉินสือโอวมีโรงน้ำแข็งอยู่ในมือทั้งหมด 6 ที่ แต่มีแค่โรงน้ำแข็งที่เดียวในฟาร์มปลาต้าฉินที่ใช้งานอยู่ อีกห้าที่ที่เหลือยังปล่อยว่างไว้ เพราะว่าปลาที่เขาจับมาได้มีจำนวนไม่เยอะ จึงไม่จำเป็นต้องใช้โรงน้ำแข็งอื่น
ตอนนี้ถ้าเอามาเก็บผลไม้ ฉินสือโอวก็คงต้องเปิดโรงน้ำแข็งอีกหนึ่งแห่ง เพราะอุณหภูมิที่ใช้เก็บผักผลไม้แตกต่างกับเก็บพวกปลากุ้งปูและสัตว์ป่าต่างๆ
สวนองุ่นตั้งอยู่ที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท โรงน้ำแข็งของที่นี่เปิดใช้งานตามธรรมชาติ โรงน้ำแข็งของแต่ละฟาร์มปลาแตกต่างกันเล็กน้อย โรงน้ำแข็งของฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทก็มีพื้นที่กว่าหนึ่งหมื่นตารางเมตรเช่นกัน พื้นที่ 100×100 เมตรถูกแบ่งออกเป็นห้องแช่แข็ง 6 ห้อง ซึ่งห้องแช่แข็งของแต่ละห้องจะมีตู้ทำความเย็นกำลังสูงทำงานอยู่หนึ่งเครื่อง
ตอนที่ฉินสือโอวรับช่วงต่อฟาร์มปลามาก็เคยทำความสะอาดโรงน้ำแข็งมาก่อน ของข้างในถูกจัดเก็บเรียบร้อยมานานแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เก็บองุ่นเขาก็จะเปิดพัดลมระบายอากาศ ทำให้อากาศข้างในสดชื่นมาก
นอกจากพัดลมระบายอากาศ ตู้ทำความเย็นและการเชื่อมต่อกับภายนอกแล้ว โรงน้ำแข็งปิดมิดชิดแน่นดีมาก ดังนั้นต่อให้ด้านนอกจะอากาศหนาวเหน็บ แต่โรงน้ำแข็งที่อยู่ใต้ดินอากาศภายในกลับอบอุ่นดีมาก เพราะว่าผนังทั้งสี่ด้านมีฉนวนอยู่ ใช้หลักการเดียวกันกับกล่องเก็บความร้อนที่ใช้เก็บผัก
พอเข้าไปในโรงน้ำแข็ง ฉินสือโอวก็ถอดเสื้อขนเป็ดออก เหลือไว้แต่เพียงเสื้อขนแกะ แต่พวกชาวประมงแข็งแรงยิ่งกว่า อากาศหนาวแบบนี้เสื้อแจ็กเกตตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว
คนกลุ่มหนึ่งเอาองุ่นที่เก็บมาตรวจดูอย่างระมัดระวัง พอตรวจดูแล้วองุ่นไม่เน่าเสียหรือแมลง จึงค่อยเก็บเข้าโรงน้ำแข็ง
ในองุ่นจะประกอบไปด้วยส่วนของน้ำและสารบำรุงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารเชื้ออย่างดีสำหรับพวกจุลินทรีย์ วิธีที่พวกจุลินทรีย์เข้าไปในเนื้อผักและผลไม้ก็คือผ่านจุดที่เป็นแผลจากแมลงกัดหรือความเสียหายเชิงกลของอาหาร ซึ่งผักผลไม้ที่โดนรุกรานด้วยจุลินทรีย์ก็จะเน่าเสียอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นจึงต้องตรวจเช็กก่อน ปอหลัวลากรถลากเลื่อนหิมะมาทำให้เกิดการกระแทกระหว่างทาง จึงต้องคัดเอาองุ่นที่ถูกทับจนแตกออกมาก่อน เพื่อลดโอกาสในการแพร่พันธุ์ของจุลินทรีย์ให้มากที่สุด
องุ่นพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะวางบนพื้นได้ แต่ต้องใช้กระดาษออร์แกนิคในการห่อ แล้วจึงค่อยวางบนชั้นวางไม้ที่ชาร์คและซีมอนสเตอร์ตอกติดเอาไว้ก่อนหน้านี้
กระดาษออร์แกนิคสามารถป้องกันแมลง ความชื้น และจุลินทรีย์ได้ ภายหลังจะหยิบหรือถือก็สะดวก หากจะหยิบก็สามารถหยิบขึ้นมาได้เลย
คน 20-30 คนยุ่งมาทั้งวัน องุ่นที่มาหมักไวน์ส่วนมากถูกคุณลุงฮิคสันเอาไป ส่วนที่เหลือจำนวนหนึ่งก็วางรวมไว้กับองุ่นอีกชนิดหนึ่ง แล้วเก็บไว้ที่โรงน้ำแข็งของฟาร์มปลา
พวกชาวประมงใช้โรงน้ำแข็งด้วยความชำนาญมาก เพราะเดิมทีโรงน้ำแข็งของฟาร์มปลาก็เอาไว้ใช้เก็บพวกผักผลไม้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าจะต้องเก็บองุ่นอย่างไรให้ออกมาดีกว่าเดิม
ฉินสือโอวนึกว่าแค่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับการเก็บองุ่นก็พอแล้ว ชาร์คส่ายหน้าแล้วอธิบายว่า “ไม่ครับบอส ทำแบบนี้ไม่ได้ หลังจากที่ผลไม้เข้าสู่ห้องแช่แข็งแล้ว ควรใช้วิธีค่อยๆ ลดอุณหภูมิเอา ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผลไม้เสื่อมสภาพและเกิดโรคทางสรีรวิทยา”
เดิมทีอุณหภูมิในโรงน้ำแข็งจะอยู่ที่ประมาณ 10 กว่าองศา ชาร์คจึงปรับอุณหภูมิเล็กน้อยให้เหลือ 5 องศา โดยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิแบบนี้สองชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะเป็น 2 องศา ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็เป็น 0 องศา จนสุดท้ายจะหยุดอยู่ที่อุณหภูมิ -1 องศา
อุณหภูมิ -1 องศาเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บองุ่นแช่แข็ง สามารถกักเก็บรสชาติหอมขององุ่นเอาไว้ได้ ไม่ได้ทำให้เนื้อองุ่นเสียไปด้วยอุณหภูมิที่เย็นเกินไป และก็ยังช่วยเก็บองุ่นได้นานขึ้นด้วย
ตู้ทำความเย็นล้ำสมัยมาก มีคอมพิวเตอร์คอยควบคุม สามารถปรับอุณหภูมิเองได้อัตโนมัติ พอฉินสือโอวตรวจดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร จึงกลับไปที่วิลล่าเตรียมกินข้าวเย็น
ทำงานมาทั้งวันเต็มๆ ทั้งตัวของฉินสือโอวจึงเต็มไปด้วยน้ำของหิมะที่หนาวเย็น ซึ่งเวลาแบบนี้เหมาะที่จะไปแช่น้ำร้อนที่สุด เขามองไปที่ไอน้ำที่กระจายตัวไม่ไกลออกไปแล้วทอดถอนใจ ต้องหาทีมทางธรณีวิทยามาดูหน่อย เพราะเมื่อที่ทางธรณีวิทยาในฟาร์มปลาเรียบร้อยดีก็จะได้รีบสร้างบ่อน้ำพุร้อน
ฉินสือโอวไม่เข้าใจมาตลอดว่า การระเบิดของภูเขาไฟขนาดเล็กเกิดขึ้นที่ท้องทะเลหลายร้อยกิโลเมตรมันจะส่งผลกระทบต่อฟาร์มปลาของเขาได้อย่างไร? แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้ จึงได้แต่ฟังคำพูดจากผู้เชี่ยวชาญ
ขากลับเขาบังเอิญเจอแซนเดอร์สและอีกสองคน ศาสตราจารย์วัยชรากำลังถือแผนที่ตระเวนดูฟาร์มปลาอยู่ ส่วนทิญาถือกระเป๋าหนึ่งใบที่ในนั้นมีหญ้าทะเลเปียกๆ อยู่
ฉินสือโอวทักทายทั้งสามคน แล้วก็ถามว่าคุ้นชินกับการอยู่ที่ฟาร์มปลาหรือยัง หลังจากนั้นสายตาเขาก็จับจ้องอยู่ที่กระเป๋าของทิญา
แซนเดอร์สหัวเราะเบาๆ แล้วอธิบายว่า “ผมกำลังหาหัวข้อทำงานวิจัยอยู่ เพราะยังไงก็ไม่ควรเอาเงินของคุณมาฟรีๆ ตลอดอยู่แล้ว ถูกไหมครับ?”
ฉินสือโอวจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงมาทำงานที่นี่ ไม่เพียงแต่จะรับประกันความปลอดภัยในชีวิตของพวกกุ้งปลาปู แต่ยังจะต้องดูด้วยว่าในฟาร์มปลามีอะไรที่จะเอามาทำการวิจัยได้บ้าง เพราะถ้าหากมีหัวข้อที่เหมาะสม ก็จะสามารถขอเงินทุนจากกรมประมงมาทำวิจัยได้
นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากวิจัยจนสามารถจดสิทธิบัตรอะไรได้ เช่นนั้นฟาร์มปลาก็จะมีรายได้ตามมา
ฉินสือโอวไม่ได้มีความสนใจอะไรในหัวข้อวิจัย เขาแค่กลัวว่าฟาร์มปลาจะเจอวิกฤตอะไรที่เขาไม่เข้าใจ ถึงได้จ้างศาสตราจารย์มาทำงานถึงที่ ว่าง่ายๆ ก็เพื่อช่วยให้สบายใจนั่นเอง
บทที่ 927 ครึ่งปี? หมื่นปี?
Ink Stone_Fantasy
เขาคุยกับแซนเดอร์สเรื่องสถานการณ์ทั่วไปในฟาร์มปลา พอคุยแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉินสือโอวก็อยากจะกลับไป แต่ก่อนไปเขาก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ในเมืองจะมีเล่นสกีกัน ถ้าพวกคุณสนใจก็ไปดูได้นะครับ น่าจะสนุกไม่น้อยเลย”
แซนเดอร์สเผยสีหน้าตกใจให้เห็นเหมือนตอนที่ฉินสือโอวรู้ข่าวนี้เหมือนกัน “ที่นี่ก็มีลานสกีด้วยเหรอครับ?”
แต่ทีญามีปฏิกิริยาโต้กลับที่ไวกว่า มองไปที่เทือกเขาเคอร์บัลแล้วถามอย่างสงสัยว่า “น่าจะจัดที่นั่นใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพยักหน้ารับ นี่ไม่ใช่การแข่งขันสกีอย่างเป็นทางการ แค่ทุกคนมาร่วมสนุกกันเท่านั้นเอง
กิจกรรมบันเทิงในเกาะเล็กๆ มีไม่มาก เมื่อก่อนประชาชนในเมืองก็ไม่มีเงิน นอกเสียจากเที่ยวเตร่เป็นครั้งคราว เวลาที่เหลือก็จะอาศัยอยู่ในบ้านดูทีวี ไม่มีกิจกรรมบันเทิงอย่างอื่นแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาอะไรทำเพื่อความบันเทิงให้ตัวเอง
เมื่อเทือกเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะ ประชาชนในเมืองก็จะไปที่เทือกเขาเคอร์บัล หาที่ที่เป็นทางเปิด แล้วทุกคนก็จะมารวมตัวเล่นสกีกัน
ปีที่แล้วสามารถหารายได้จากนักท่องเที่ยว จึงไม่มีใครทำกิจกรรมที่เรียบง่ายจนถึงธรรมดาแบบนี้ แต่ปีนี้หิมะตกหนัก สายการบินต้องหยุดทำงานชั่วคราว ไม่มีนักท่องเที่ยวมา ประชาชนจึงเริ่มมีเวลาว่างอีกครั้ง
นอกจากนี้แล้ว ปีนี้หิมะมีมากพอ จึงเหมาะที่จะเล่นสกี
พอกินข้าวเย็นเสร็จ ฉินสือโอวก็เริ่มนำจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกสู่ทะเลอีกครั้ง จิตสำนึกทั้งสี่แบ่งออกไปสี่ทิศทาง ออกตระเวนไปทางทิศเหนือใต้ออกตก เพื่อดูสถานการณ์ทั่วไปของฟาร์มปลา
หลังจากที่ดำเนินการเสริมแคลเซียมที่ก้นทะเลเรียบร้อย ปริมาณสารอาหารทางธรณีวิทยาของฟาร์มปลาก็ได้รับการเติมเต็ม สาหร่ายทะเลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิรอบที่สอง ขนาดของฤดูใบไม้ร่วงก็ขยายไปมาก โลกใต้ทะเลตอนนี้เขียวชอุ่มไปหมด สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาก็สมบูรณ์แบบ
ปลาทะเลขนาดเล็กใหญ่แหวกว่ายไปมาในพุ่มสาหร่ายทะเล อาหารที่สมบูรณ์ทำให้เกิดความมั่นใจในการเติบโตของพวกมันได้ดี ร่างกายอวบอ้วนแข็งแรง มีฝูงปลามากมาย
หลังจากที่หัวใจโพไซดอนดูดซึมพลังงานไปครั้งนี้ มันก็พัฒนาเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวมีความสามารถในการโจมตี สามารถสร้างคลื่นลมทะเลยักษ์บนผิวน้ำหลากหลายวิธีได้ตามต้องการ และสามารถก่อคลื่นความเร็วสูงใต้ทะเลได้อีกด้วย
เขาลองมาสักพัก ตอนนี้เขายังมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมกว่า นั่นก็คือการกวนน้ำทะเลให้หมุนไปในทิศทางเดียวซึ่งสามารถสร้างกระแสน้ำวนที่มีขนาดไม่เลวเลยทีเดียว!
ราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นที่ถูกใจ ฉินสือโอวพอไม่มีอะไรทำก็ก่อคลื่นขนาดมหึมาหรือไม่ก็สร้างกระแสน้ำวนเล็กบ้างใหญ่บ้าง เพื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ตนเองมีอยู่
สัตว์ตัวผู้ตามธรรมชาติสุดท้ายแล้วก็ตามล่าพลัง ที่ไม่ใช่พลังแรงกายทั่วไป แต่ยังรวมไปถึงความเร็ว พลังระเบิด ความอดทน ทักษะในการต่อสู้ เป็นต้น ซึ่งเป็นพลังที่มาจากภายในอย่างหนึ่ง
ยิ่งมีพลังมากเท่าไร สัตว์ตัวผู้ก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น เมื่อก่อนฉินสือโอวเข้าใจว่าหัวใจโพไซดอนช่วยเขาในการเลี้ยงปลา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น เขาสามารถพึ่งพลังนี้ในการเปลี่ยนโลกได้!
ตอนนี้ไม่ได้ติดปัญหาที่ว่าสามารถทำได้หรือเปล่า แต่เขาคิดจะทำหรือเปล่า
จุดสำคัญก็คือเช็กดูแขนขาของคราเคนที่ถูกตัดขาดไป ฉินสือโอวพบว่ารอบๆ บาดแผลเริ่มมีเนื้อแดงๆ งอกขึ้นมาใหม่ ซึ่งเนื้อที่งอกใหม่นี้ก็ค่อยๆ ผสานกัน ดูๆ แล้วก็แอบคลื่นไส้ แต่ก็ทำให้เขาโล่งใจเพราะว่าหนวดของคราเคนกำลังจะเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่
พอผ่านจุดรอยแยกใต้ทะเลที่คราวที่แล้วมีหินหนืดไหลออกมา ฉินสือโอวก็รู้สึกตกใจ เพราะรอยแยกไม่ได้ผสานเข้าหากัน แถมบางครั้งยังมีหินหนืดทะลักออกมาอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นหลายครั้งฉินสือโอวผ่านหลายรอบแต่ไม่เคยสังเกต ครั้งนี้หินหนืดสีแดงบางส่วนค่อยๆ ทะลักออกมาจากรอยแตกหินปูนที่เย็นตัวพอดี แต่พวกมันก็ไหลไปได้ไม่ไกล เพราะถูกน้ำทะเลทำให้แข็งตัว
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่ใต้ทะเลมีรอยแยก ภาพที่หินหนืดไหลออกมายังมีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเขาไม่ทันได้สังเกต นึกว่าจะเหมือนกับภูเขาไฟระเบิดที่พอระเบิดเสร็จก็กลายเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว
เขาลืมนึกไปว่า นี่มันไม่ใช่ภูเขาไฟใต้ทะเล แต่เป็นรอยแยกใต้ทะเล
ซึ่งกำลังแรงที่ไหลออกมาก็มีมาก หินหนืดยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เป็นเวลานานกว่าครึ่งปีแล้ว หลังจากเย็นตัวก็จะกลายเป็นหินปูน ซึ่งหินปูนพวกนี้ก็ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ จนตอนนี้จะกลายเป็นภูเขาเทือกน้อยๆ แล้ว
ถ้าหากเจาะรูตรงกลางบนเทือกเขาน้อยๆ นี้ หินหนืดก็คงพ่นออกมากลายเป็นภูเขาไฟใต้ทะเลแล้ว
ฉินสือโอวว่ายวนรอบภูเขาหนึ่งรอบ แล้วก็มีการค้นพบที่น่าประหลาดใจว่า ตอนนี้ที่นี่มีระบบนิเวศเกิดขึ้นแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ
แน่นอนว่า หินหนืดเป็นบริเวณต้องห้ามของสิ่งมีชีวิต ยกเว้นพวกแบคทีเรียกำมะถันบางชนิด ส่วนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ยากที่จะอาศัยอยู่รอดในสภาวะแวดล้อมแบบนี้ แต่ธรรมชาติก็มักจะมีมนต์ขลัง เพราะหลังจากที่หินหนืดแข็งตัวกลายเป็นภูเขาหินปูนน้อยๆ กลับปรากฏว่าบริเวณรอบๆ ของมันมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตอยู่
ไม่รู้ว่าเป็นพวกปลาที่กินสาหร่ายทะเลแล้วขับพวกเมล็ดที่ไม่ย่อยออกมา หรือเป็นเมล็ดสาหร่ายทะเลที่น้ำวนหอบเอามา หลังจากนั้นก็มีสาหร่ายทะเลที่มีลักษณะคล้ายไม้เลื้อยเติบโตขึ้นมาท่ามกลางหินปูนบนเนินเขา มีทั้งสีน้ำตาลและสีฟ้า
ปูจำนวนหนึ่งปีนขึ้นปีนลงอยู่บนหินปูน ปูพวกนี้น่าจะเป็นปูราชินี แต่กลับมีสีเทาขาว ราวกับว่าบนตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยปูนขาวอย่างไรอย่างนั้น
ตรงตีนเขาที่มีหินปูนอยู่นั้น มีฟองน้ำทะเลสีขาวอาศัยอยู่ ฉินสือโอวไม่เคยเห็นฟองน้ำทะเลชนิดนี้มาก่อนในฟาร์มปลา พวกมันเหมือนกับลูกรักบี้ มีลักษณะบางทั้งสองข้างแต่ตรงกลางหนา ตั้งแต่ 10 กว่าเซนติเมตรถึง 1-2 เมตร
ฉินสือโอวไม่รู้จักฟองน้ำทะเลชนิดนี้ เขาเปิดคอมเขียนรูปร่างของมันลงไป แต่ก็ยังหาไม่เจอข้อมูลใดๆ
พอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งเพิ่งความสงสัยใคร่รู้ในตัวเขา เขานึกถึงแซนเดอร์สขึ้นมาจึงโทรศัพท์ไปหา เพื่อถามว่านี่เป็นฟองน้ำทะเลชนิดไหน
ผู้เชี่ยวชาญอย่างไรก็ดีกว่าค้นหาในกูเกิล แซนเดอร์สพูดแบบสบายๆ ว่า “นั่นเป็นฟองน้ำแก้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในฟองน้ำทะเลที่ลึกลับที่สุดในตอนนี้ อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก หรือสามารถเจอได้ตามบริเวณน่านน้ำแถบแอนตาร์กติก”
“ฟองน้ำชนิดนี้จะมีในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือไหม?” ฉินสือโอวถามขึ้น
แซนเดอร์สลังเลเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ ว่า “มหาสมุทรนั้นลึกลับและกว้างใหญ่มาก ลักษณะภูมิภาคของสิ่งมีชีวิตในทะเลก็ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน การที่ไม่เคยพบฟองน้ำแก้วที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก็ไม่ได้แสดงว่าที่มหาสมุทรนี้จะไม่มีฟองน้ำแก้ว”
“จริงสิ คุณถามถึงฟองน้ำแก้วทำไม? คุณพบฟองน้ำทะเลชนิดนี้เหรอ?”
ฉินสือโอวไม่ได้พูดความจริง แต่อธิบายง่ายๆ ว่า “เพื่อนผมเจอแล้วเขาก็ไม่รู้จัก เขารู้ว่าผมเลี้ยงปลาอยู่ที่แคนาดา คิดว่าผมมีความรู้กว้างขวาง จึงขอให้ผมช่วยดูให้หน่อย”
แซนเดอร์สเอ่ย ‘โอว’ ออกมา แล้วถามต่อว่า “ฟองน้ำแก้วที่เขาเห็นใหญ่มากไหม? นี่เป็นชนิดของฟองน้ำทะเลที่พบยากมาก เรียกได้ว่าเป็นฟอสซิล ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เขาจับฟองน้ำทะเลชนิดนี้ เพราะพวกมันโตช้ามาก ความยาว 1 เมตรต้องใช้เวลากว่าหมื่นปีเลยนะ!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
เหตุผลที่เขาพูดแบบนี้เพราะว่า ฟองน้ำแก้วนั้นน่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่หินหนืดใต้ทะเลกลายเป็นภูเขาหินปูนขึ้นมา แต่หินหนืดเพิ่งพบประมาณครึ่งปีได้ ถ้าเทียบกับหมื่นปีแล้ว ระยะเวลาห่างมากไปหน่อยไหม!
แซนเดอร์สไม่ได้โต้เถียงกลับ เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น อย่างน้อยการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์แล้วว่า พวกมันเป็นสัตว์ที่เติบโตช้ามาก ช้ามากจริงๆ”
ฉินสือโอววางสายด้วยความฉงนสงสัย เขาไปดูตรงตำแหน่งของภูเขาน้อยๆ ที่มีหินหนืดอีกรอบ หรือเขาอาจจะบอกลักษณะผิดไป สิ่งนี้อาจจะไม่ใช่ฟองน้ำแก้ว? แต่ถ้าเป็นไอ้สิ่งนี้จริง ที่นี่มีฟองน้ำประเภทนี้อยู่หลายตัว แล้วที่ยาว 1 เมตรก็ไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย!
นอกจากนี้แล้ว เขาค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติม ฟองน้ำแก้วจะอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่หนาวเย็น มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมีความเย็น แต่ทว่าตรงนี้มีหินหนืดไหลออกมา อุณหภูมิของน้ำจะสูงมาก
บทที่ 928 เดินท่ามกลางหิมะ
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวบอกได้เพียงว่าเขาอาจจะจำผิด ฟองน้ำทะเลชนิดนี้ไม่น่าใช่ฟองน้ำแก้วที่แซนเดอร์สพูดถึง
แต่ทว่า ก็มีข้อโต้แย้งประการหนึ่งที่จะละเลยไม่ได้ นั่นก็คือฟองน้ำแก้วต่างจากฟองน้ำทะเลชนิดอื่นๆ มันไม่มีใยฟองน้ำ เซลล์ทั้งส่วนบนและส่วนล่างมีกระดูกที่ประกอบด้วยขวากซิลิกา เป็นฟองน้ำที่มีโครงร่างชนิดแข็ง
ฟองน้ำสีขาวรูปร่างเหมือนกระสวยชนิดนี้ ฉินสือโอวมองดูแล้วมีขวากซิลิกาอยู่จริงๆ
นอกจากนี้ยังมีหนอนที่มีลักษณะเหมือนท่อบางตัวเติบโตที่ด้านล่างของแนวหินปูน พวกนี้ดูน่าขยะแขยง เหมือนงูทะเลตัวเล็กๆ แต่ไม่มีตา มีแต่ปากกลวงและอ้าปากตลอดเวลาเพื่อกินแบคทีเรียซัลไฟด์
มีสิ่งขับถ่ายอยู่รอบๆ ตัวพวกหนอนท่อ ซึ่งบริเวณนี้จะมีปลาตัวเล็กๆ สีสดใสชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ พวกมันมีขนาดเหมือนนิ้วมือและปากที่แหลมคมก็กลืนกินสิ่งที่เป็นมูลของหนอนเข้าไป มองแล้วมีพลังมาก
บางครั้งหนอนท่อจะยื่นตัวยาวๆ ของพวกมันออกมา ซึ่งในเวลานี้จะมีปลาตัวเล็กๆ สองสามตัวว่ายไปอยู่ใกล้ๆ ตัวหนอนโดยใช้ปากแหลมจิกเข้าที่พวกมันเหมือนนกหัวขวานที่กำลังจิกหนอนที่อยู่ในไม้
ระบบนิเวศนี้เรียบง่ายมาก อาศัยสารประกอบกำมะถันเป็นพื้นฐาน สิ่งมีชีวิตบางอย่างก็อยู่อย่างเรียบง่าย แต่ว่ามีพลังมาก เนื่องจากปลาและกุ้งบางชนิดก็กำลังถูกดึงดูดเข้ามา
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ทุกอย่างจะขยายตัวเมื่อร้อนและหดตัวเมื่อเย็น อากาศร้อนก็จะเบากว่าอากาศเย็น ในทำนองเดียวกันน้ำร้อนก็เบากว่าน้ำเย็นเช่นกัน
ด้วยวิธีนี้เมื่อเกิดหินหนืด น้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นจะลอยตัวสูง ส่วนน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจะจมลง ด้วยเหตุนี้น้ำทะเลบนผิวน้ำและน้ำทะเลที่ข้างใต้ทะเลจะไหลมาบรรจบกัน ทำให้อาหารปลาเช่นแพลงก์ตอนที่จมอยู่ลอยขึ้นมา ซึ่งสามารถดึงดูดพวกปลาให้มารวมตัวกันได้
อุณหภูมิของน้ำทะเลรอบๆ เนินหินหนืดก็สูงขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน และความร้อนใต้ดินจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นความร้อนจะถูกถ่ายเทระหว่างน้ำทะเล จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่สมดุลแบบไดนามิกในทะเลโดยรอบ
เพียงแค่น่านน้ำอุ่นเพียงอย่างเดียวก็สามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียงแต่พวกที่ไปตามแสงสีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกที่ไปตามความร้อนด้วย ตัวอย่างเช่น พุ่มไม้ปะการังทะเลลึกที่อยู่ห่างไกลออกไปมีแนวโน้มที่จะไปเติบโตที่น่านน้ำของเนินหินหนืด
ฉินสือโอวแหวกว่ายไปถ่ายพลังโพไซดอนให้กับพุ่มไม้ปะการังทะเลลึก เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายปะการังแดงกลุ่มนี้ที่มีสีแดงสดงดงามไปเมื่อไร
ส่วนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกส่วนก็วิ่งไปหางูเหลือมทะเล เจ้าหน้าตาน่าเกลียดพวกนี้ลอยตัวอยู่ในน้ำอุ่น ไร้ซึ่งพลังความแข็งแกร่งที่เคยมีเมื่อตอนฤดูร้อน ใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงไป ลักษณะตอนนี้เหมือนอยู่ไปวันๆ หนึ่ง
ฉินสือโอวนำพวกงูเหลือมทะเลมาที่บริเวณน่านน้ำหินหนืด ให้พวกมันเลื้อยไปมาตรงบนเนินเขา งูเหลือมทะเลเป็นสัตว์ทะเลน้ำตื้น เมื่อก่อนพวกมันเคยมาที่ท้องทะเลบริเวณหินหนืด อุณหภูมิน้ำพอเหมาะแต่แรงดันน้ำมากไป พวกมันจึงทนกันไม่ค่อยได้
ตอนนี้หินหนืดได้กลายเป็นหินปูนที่กองกันเป็นชั้นๆ มีความสูงถึง 500-600 เมตรเต็มๆ เหมือนกับน้ำลดตอผุด รวมเม็ดทรายกลายเป็นภูเขาจริงๆ!
เดิมทีความลึกของน้ำบริเวณนี้คือพันกว่าเมตร แต่พอมีเนินเขาหินปูนค้ำไว้ ความลึกของน้ำจึงลดลงมาครึ่งหนึ่ง จึงทำให้พวกงูเหลือมทะเลสามารถรับกับแรงดันน้ำแบบนี้ได้
งูเหลือมทะเลที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตรทุกตัวบินว่ายอยู่รอบๆ เขาหินปูน มองดูน่ากลัวทีเดียว หากมีใครดำน้ำในเวลานี้และได้เห็นงูเหลือมทะเลจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาอาจคิดว่าพวกเขาย้อนเวลาเข้าสู่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
หลังจากที่ถ่ายพลังโพไซดอนให้งูเหลือมทะเลแล้ว ฉินสือโอวจึงเก็บจิตสำนึกแห่งโพไซดอนขึ้นมา
เวลาเก้าโมงกว่าเช้าวันรุ่งขึ้น อากาศอบอุ่นเล็กน้อย กลุ่มฉินสือโอวนั่งรถลากเลื่อนหิมะไปเล่นสกี พวกเขาไม่ได้เตรียมรถลากเลื่อนหิมะ เพราะที่ร้านของคาร์สันมีเต็มไปหมด ถึงเวลาก็ค่อยไปเลือกที่นั่นเอาก็โอเคแล้ว
พอเกาะปิด กิจกรรมจึงมีไม่มาก ดังนั้นคนที่มาร่วมงานจึงมีเยอะ ตีนเขาเคอร์บัลมีคนกว่า 100 คนมาอย่างเนืองแน่น พวกเด็กๆ มากันเกือบครบแล้ว ฉินสือโอวมองไปแล้วเหมือนไปตลาดเลย
เขานั่งรถลากเลื่อนหิมะแบบพ่นไอมา ทางที่มากองหิมะยังไม่ละลายมากนัก ด้วยความที่อากาศหนาว หิมะสูง ไม่มีรถวิ่งผ่านและคนงานมาตักหิมะทิ้ง กองหิมะพวกนี้จึงยังคงอยู่ได้นาน
พอเห็นฉินสือโอวนั่งรถลากเลื่อนหิมะแบบพ่นไอมา คนกลุ่มหนึ่งก็ผิวปากแซวเขา “ว้าว ฉิน หล่อโคตร พวกนายทุนนี่ช่างคัดสรรจริงๆ”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาพร้อมด่าขึ้นมาว่า “ใช่ ฉันเป็นนายทุน แต่พระเจ้าก็รู้ว่าฉันเคยถลุงเงินที่นายหามาอย่างยากลำบากที่ไหนกัน?”
เบิร์ดจอดรถลากเลื่อนหิมะ เขาโชว์หมัดของเขาไปมา “บอสครับ ใครกำลังดูถูกบอสอยู่บอกผมมา บอกผู้ช่วยมือฉกาจอันดับหนึ่งของบอสมา เดี๋ยวผมไปจัดการมันเอง!”
คาร์สันเอากำปั้นมาชนกันกับฉินสือโอว แล้วพูดว่า “นายไม่ได้เป็นแค่นายทุน แต่นายยังเป็นมาเฟียด้วย นายทุนปกติแล้วสู้กับใครไม่เป็น”
ทุกคนพูดไปหัวเราะไป คาร์สันเรียกเขาให้พาทุกคนไปเลือกไม้สกีก่อน ซึ่งก็เป็นของใช้ธรรมดา แค่เอาไว้ใช้ได้ ให้ทุกคนเล่นอย่างมีความสุขก็พอ เพราะจริงๆ แล้วที่แบบนี้ก็เล่นอะไรไม่ได้มาก
พวกชาวประมงเคยเล่นสกีมาบ้างไม่มากก็น้อย ฉินสือโอวถามว่าเล่นได้ประมาณไหน พวกชาร์คและคนอื่นๆ ก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา บูลอยากจะแก้ตัวสักหน่อย ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือแล้วพูดขึ้น “ดูท่าแล้ว ฉันคงต้องหาครูคนใหม่แล้ว”
เบิร์ดตอบกลับ “ผมดีไหมครับ ผมเคยได้รับการฝึกฝนสกีแบบพิเศษมา ตอนนั้นที่เข้าฝึกอบรมที่สวิตเซอร์แลนด์การเล่นสกีเป็นจุดแข็งที่สุดของผมแล้ว”
ฉินสือโอวตบไหล่เบิร์ดอย่างพึงพอใจ “ดีมาก ทหาร ฉันก็ชอบคนแบบนายนี่แหละที่ทำได้หลายอย่าง”
ด้านหลังมีแซนเดอร์สตามมาพร้อมทิญาด้วยอีกคน ฉินสือโอวช่วยทั้งสองคนเลือกไม้สกี เห็นพวกเขาใส่เสื้อแจ็กเกตธรรมดามา จึงถามขึ้น “พวกคุณอยากจะเลือกชุดสกีกับรองเท้ากันลื่นสักชุดไหมครับ?”
เรื่องที่เกิดขึ้นทั่วไปที่มักพบเจอบ่อยที่สุดตอนเล่นสกีก็คือหกล้ม ถ้าไม่มีชุดสกีโดยเฉพาะ หลังจากที่หกล้ม หิมะจะเข้าไปในเสื้อผ้าด้านในผ่านข้อเท้า ข้อมือ ปกคอ ที่เหล่านี้ซึ่งทำให้คนรู้สึกไม่สบายตัวและเจ็บป่วยจากความหนาวเย็นได้
ทิญายิ้มแล้วยักไหล่ “ขอบคุณมากค่ะคุณฉิน แต่พวกเราไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอก พวกเราเตรียมของอย่างอื่นมา”
ขณะที่พูดไปเธอก็เปิดกระเป๋าไปด้วย ข้างในมีทั้งสนับเข่า แถบยางยืดและผ้าพันคอ เป็นต้น
สนับเข่าแบบยาวทอด้วยผ้าฝ้ายอะคริลิกและมีความยืดหยุ่นสูง ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร สวมใส่จนมาถึงน่องเรียวยาว คลุมถึงข้อทับรองเท้ากันลื่น เพียงแค่นี้ก็สามารถป้องกันหิมะเข้าไปข้างในได้
แถบยางยืดเอาไว้ใช้สำหรับรัดแขนเสื้อ ส่วนผ้าพันคอพันเสร็จก็ยัดเข้าไปในปกคอเสื้อ ทิญาขยับตัวเล็กน้อยให้รู้สึกกระชับแล้วก็ยิ้มมาที่ฉินสือโอว “เห็นไหม แบบนี้ก็ได้แล้ว ถูกไหมคะ?”
พอเห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็ลูบจมูกตัวเองแล้วไม่พูดอะไรอีก เพราะดูแล้วพวกเขาน่าจะเข้าใจอะไรมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก เขาควรเป็นห่วงตัวเองก่อน
เบิร์ดช่วยเขาเลือกแว่นตากันหมอก แล้วส่งครีมบำรุงให้เขาหนึ่งกล่อง เพื่อให้เขาทาที่หน้าและลำคอ “ใช้ทาป้องกันการได้รับบาดเจ็บจากความหนาวเย็นโดยไม่ทันตั้งตัว เพราะเดี๋ยวตอนที่ร่อนสกีความเร็วจะไวมากจนผิวของคุณขาดน้ำ พอทาครีมแบบนี้จะช่วยป้องกันได้ครับ”
เมื่อฉินสือโอวเตรียมตัวเสร็จ เบิร์ดก็สอนเขาว่าจะล็อกอยู่บนไม้สกีอย่างไร บนไม้สกีจะมีไบดิ้ง ขอแค่รองเท้าล็อกเข้ากับตัวไม้สกีแน่นก็เรียบร้อย
พอเตรียมทุกอย่างเสร็จ เบิร์ดก็ถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจว่า “ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไร”
เบิร์ดพยักหน้าแล้วยิ้ม “ดีครับ ไม่เป็นไรลองก้าวดูสักสองก้าว ลองก้าวดูครับ”
ฉินสือโอวมองไปที่ไอ้หนุ่มนี่ รู้สึกคุ้นกับคำพูดประโยคนี้เหลือเกิน ตอนที่จ้าวเปิ่นซานรังแกฟ่านเหว่ย ก็พูดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
บทที่ 929 บินท่ามกลางหิมะ
Ink Stone_Fantasy
พอใส่รองเท้าสกีแล้วยืนอยู่บนไม้สกี ทำให้เดินลำบากมาก โดยเฉพาะตอนที่เดินบนหิมะ
กองหิมะบนเนินเขาแห่งนี้ถูกกดด้วยเครื่องอัดหิมะไว้ล่วงหน้าแล้ว พื้นหิมะจึงค่อนข้างแน่นและแข็ง เพราะถ้าเป็นพื้นที่หิมะที่เพิ่งตกลงมาใหม่ๆ ตอนเดินจะยากลำบากมาก
ฉินสือโอวเห็นคนใส่ไม้สกีแล้วเดิน ดูๆ แล้วก็เหมือนเป็ด ด้านหน้าของไม้จะยกขึ้นมา แล้วใช้ไม้สกีส่วนครึ่งหลังในการก้าวเดิน เขาลองเดินไปข้างหน้า หิมะยังมีความนิ่มอยู่ ยังดีว่าเขาเป็นคนรักษาความสมดุลได้ดี พอลองเดินไม่กี่ก้าวจนเริ่มคุ้นชินแล้วก็ทำให้เดินต่อไปง่ายขึ้นแล้ว
มีเงาหนึ่งแวบผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม้สต็อกที่อยู่ในมือก็ปักไปบนหิมะด้านหน้าอย่างเต็มมือ ขาเรียวยาวสองขาก้าวสลับไปมาจนเกล็ดหิมะลอยล่อง แล้วร่างที่ว่องไวก็ค่อยหยุดลง คนนั้นก็คือทิญา
“เทคนิคเยี่ยม” ฉินสือโอวเอ่ยชมด้วยความจริงใจ ท่าทางตอนร่อนบินของสาวน้อยคนนี้มีสไตล์เก๋ ราวกับบุชที่กำลังโบยบินอยู่ มีความรู้สึกงดงามที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและพลัง
ทิญาฉีกยิ้ม “ฉันยังเป็นแค่มือสมัครเล่นเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าคุณยินดี ฉันก็สามารถสอนคุณได้นะคะ”
ครูสาวสวยเป็นความฝันของฉินสือโอวมาโดยตลอด เขารอคอยโอกาสนี้มาตลอดตั้งแต่เขาได้ดูซีรี่ย์ดังมาแรงที่ญี่ปุ่น ในที่สุดตอนนี้ก็มีครูสาวสวยมาถึงที่ แถมดูท่าแล้วครูสาวสวยท่านนี้พยายามจะยั่วเขาซะด้วย ถ้าอย่างนั้น เขาปฏิเสธดีกว่า
“ขอบคุณในความหวังดีครับ แต่ผมมีเบิร์ดแล้ว คุณอาจจะไม่รู้นะทิญาว่าเบิร์ดเป็นเด็กหนุ่มที่มีหัวใจเปราะบางมาก ถ้าตอนนี้ผมเปลี่ยนครูสอน เขาอาจจะเสียใจได้ หลังจากนั้นเขาก็จะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด พระเจ้า ผมรับไม่ได้หรอกนะ” ฉินสือโอวยักไหล่ทำท่าทางแบบช่วยไม่ได้
เบิร์ดก็ยักไหล่เช่นกัน บอสเป็นคนดีจริงๆ เลย
ทิญาก็ไม่ได้รบเร้าอะไรต่อ ยิ้มแล้วก็เหวี่ยงไม้สต็อกเพื่อใช้แรงจากนั้นก็บินร่อนจากไป ขายาวสองข้างภายใต้กางเกงรัดรูปสีแดงเรียวบางแต่ก็สันทัด ราวกับเป็นกวางน้อยที่กระโดดลงไปในลานหิมะ
มีเงาอีกเงาหนึ่งร่อนผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แล้วก็เหมือนเช่นเดิมเกล็ดหิมะกระจายไปทั่ว แต่เจ้าหนุ่มนี่ไม่ได้หลบฉินสือโอวอย่างที่ทิญาทำ แต่กลับโอบไหล่เขาตอนที่ร่อนมาอยู่ข้างเขา
ต่อให้เหยียบไม้สกียืนอยู่บนพื้นหิมะ ฉินสือโอวก็ไม่อยากขยับไปไหน เขาจึงทำตัวเหมือนภูเขาไม่ขยับไปไหน เขาคว้าร่างข้างๆ แล้วดึงมาด้านหลัง จนตัวเขาลอยแล้วล้มตุ้บลงไปบนพื้นหิมะ
“โอ้ ชิท ฉินนายมันร้ายกาจ!” ฮิวจ์คนน้องลุกขึ้นจากกองหิมะด้วยสีหน้าบึ้งตึง หิมะเต็มตัวเขาไปหมด
หู่จือและเป้าจือที่นั่งข้างๆ มองฉินสือโอวเรียนเล่นสกีลุกขึ้นมา ผลักฮิวจ์คนน้องที่เพิ่งยืนขึ้นมาให้ล้มกองลงไปอีกครั้งจากด้านหลัง หลังจากนั้นปอหลัวก็วิ่งมา ก้มหน้าแล้วเอาขาท่อนใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนพลั่วล็อกร่างของฮิวจ์คนน้องเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมา ฮิวจ์คนน้องก็เหมือนกับน้ำเต้าที่กลิ้งไปมาบนพื้น
ชั่วครู่เดียว ฮิวจ์คนน้องก็ยอมแต่โดยดี เขายกมือขึ้นต่อหน้าฉินสือโอวแล้วตะโกนบอกว่า “ช่วยฉันด้วย พี่ชาย เห็นแก่พระเจ้า! เห็นแก่ความเป็นหุ้นส่วนของพวกเราด้วยเถอะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง แล้วก็ผิวปาก หู่จือ เป้าจือและปอหลัววิ่งไปอยู่ข้างกายเขาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ถือซะว่าปล่อยฮิวจ์คนน้องไปสักครั้ง
ฮิวจ์คนน้องลุกขึ้นมา ทั้งตัวเต็มไปด้วยหิมะ เขามองไปที่หู่จือและเป้าจือที่มีชัยพร้อมพูดอย่างเกลียดชังว่า “แม่งเอ๊ย ฉิน ฉันจะต้องแก้แค้น! หมาบ้านนายหยิ่งเกินไปละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อคอเคเซียนหรือไม่ก็พิตบูลมาสักตัว ต้องทำให้หมาของนายเดือดร้อนได้แน่!”
ฉินสือโอวขู่ว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะปล่อยหมา ให้วันพรุ่งนี้นายนอนได้แค่บนเตียงที่โรงพยาบาลโอดอม”
พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ ฮิวจ์คนน้องรีบยิ้มให้ โบกมือแล้วบอกว่า “อย่าๆๆ นะ ฉิน ล้อเล่น ฉันชอบล้อเล่นนายไม่รู้หรอกเหรอ? โอเค เรามาพูดประเด็นหลักกันดีกว่า สาวสวยคนนี้มาจากไหนเหรอ? ว้าว เธอเซ็กซี่จริงๆ!”
ฉินสือโอวมองไปที่ทิญา แล้วพูดขึ้น “เธอเป็นนักเทคนิคลับที่ฉันจ้างมา ทำไมเหรอ?”
ฮิวจ์คนน้องตาเป็นประกาย เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “เธอทำบัญชีหรือเปล่า? ใช่ที่จะไปดูแลบัญชีร้านขายของชำของพวกเราไหม?”
ฉินสือโอวหัวเราะ “ฝันไปเถอะ แม่ง อย่าแม้แต่จะคิดเลย! บัญชีของนายฉันก็หาได้แล้ว เป็นคุณลุงวัยกลางคน!”
“เชี่ย!”
“หู่จือเป้าจือไปกัดเขาเลย!”
หู่จือและเป้าจือมีท่าทีที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ฮิวจ์คนน้องดูสถานการณ์แล้วไม่น่าจะดี ไม้สต็อกที่อยู่ในมือพลันยกขึ้น แล้วจึงร่อนลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆ ก็เริ่มเล่นสกีกัน คนส่วนมากเล่นด้วยความเร็วไม่มาก เพราะเป็นมือใหม่กันทั้งนั้น จึงเห็นได้ชัดเลยว่าปกติแล้วโอกาสในการเล่นสกีมีไม่มาก แต่ที่เล่นสกีเป็นครั้งแรกแบบฉินสือโอวกลับมีน้อยมาก
เบิร์ดขึ้นมาสอนท่าทางและทักษะการเล่นสกีเบื้องต้นให้กับฉินสือโอว เขาพูดว่า “บอส ก่อนอื่นเลยคุณต้องเรียนรู้เทคนิคการไถลลง เช่น การไถลลงเนิน ไถลลงแบบตรง ไถลลงแบบทแยง พอไถลลงได้ ผมจะค่อยสอนการฝึกเลี้ยว ซึ่งสองสิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานสุดละในการเล่นสกี มาครับบอส จากพรสวรรค์การเล่นกีฬาของบอส แค่นี้ง่ายนิดเดียวครับ!”
ทางที่ฮิวจ์คนน้องเลือกเป็นแบบเรียบง่ายมาก ยาวประมาณ 600-700 เมตร ความชันก็ไม่มาก ที่ส่วนมากจะเป็นระดับ 4-5 แต่ก็มีบางที่ที่มีความชันถึงระดับ 10 ขึ้นไป ความกว้างของทางก็มากพอ อย่างน้อย 50 เมตรได้
เส้นทางเล่นสกีเส้นนี้จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเป็นเส้นทางหลักในการเข้าออกเทือกเขาเคอร์บัล ร้อยกว่าปีแล้วที่ประชาชนในเมืองใช้เส้นทางนี้ขึ้นลงเขา ด้วยเหตุนี้ถนนจึงเรียบมาก ตอนเล่นสกีต่อให้หกล้มก็ไม่ง่ายที่จะเกิดอุบัติเหตุ ไม่เหมือนชูมัคเกอร์ที่หัวล้มฟาดโดนก้อนหิน
เบิร์ดเป็นคุณครูที่ดี อย่ามองแค่ว่าปกติเขาเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยพูด แต่เขาสามารถสอนคนได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับอาชีพครูฝึกของเขา
เขาค่อยๆ อธิบายให้ฉินสือโอวฟังอย่างละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการไถลลงเป็นเส้นตรง หลังจากนั้นก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
ฉินสือโอวเรียนรู้จากเบิร์ดที่จะให้ส่วนหลังของไม้สกีทั้งสองอันหันเบนออกด้านนอก ซึ่งแบบนี้มันก็จะมีลักษณะเหมือนเลขแปดตัวจีน 八 ดูน่าเกลียดนิดหน่อย แต่รวบรวมกำลังได้ง่าย
เบิร์ดสอนให้ฉินสือโอวดันเข่าไปข้างหน้า ส่วนบนของร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ให้ร่างกายเกิดความสมดุล น้ำหนักลงที่ขาสองข้างเท่าๆ กัน ท้ายสุดกดสันสกีด้านในทั้งสองอันจิกลงกับหิมะแล้วไถลลงไปตามเนินก็เรียบร้อย
“คุณดูนะครับ มันง่ายมาก ยิ่งมุมของไม้สกีสองอันยิ่งกว้างมากเท่าไร แรงต้านทานก็จะยิ่งมาก การเลื่อนไถลลงไปก็จะช้า ในทางกลับกันถ้าแรงต้านทานน้อย การเลื่อนไถลลงก็จะเร็วขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรทำมุมให้กว้างขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการเบรก” เบิร์ดพูดไปก็ไถลไปอย่างราบรื่น
ความเร็วในการไถลแบบนี้จะไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ แต่สำหรับคนอย่างฉินสือโอวที่ไม่เคยแม้แต่เล่นโรลเลอร์สเก็ต สามารถใช้ท่วงท่าแบบนี้ช่วยให้เลื่อนไถลช้าลงก็เยี่ยมมากแล้ว
ไม้สต็อกที่อยู่ในมือเขาแกว่งอยู่บนหิมะอยู่ตลอดเพื่อเพิ่มแรง ความเร็วในการไถลก็เริ่มมากขึ้น
หู่จือและเป้าจือตื่นเต้นจนวิ่งไปพร้อมๆ กับฉินสือโอว แต่สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวนายใหญ่หงุดหงิดก็คือ ความเร็วที่เขาเล่นสกียังไม่เท่ากับหมาสองตัวที่วิ่งไปอย่างยากลำบากบนหิมะเลย!
แม่งเอ๊ย ฉันจะบิน ฉินสือโอวนายใหญ่เริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว เขาหุบขาเข้าด้วยกัน เพิ่มกำลังไปที่ไม้สต็อกทันใด ขาทั้งสองข้างขยับออกแรงเต็มเหนี่ยว ทันใดนั้นความเร็วในการไถลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม้สกีฝ่าหิมะจนเกิดเป็นเสียงดัง ‘ซ่า ซ่า’ และแผงป้องกันทั้งสองด้านของเส้นทางสกีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวเริ่มสนุกกับการเล่นสกี ยิ่งเร็วยิ่งมีความสุข ราวกับกำลังโบยบินอยู่บนก้อนเมฆ…
“โอ้ไม่ !” เบิร์ดพูด**อย่างช่วยไม่ได้ บอสที่โง่เขลา เขาจะเบรกยังไงล่ะ?!
ฉันจะหยุดอย่างไร?! ฉินสือโอวร้อนใจขึ้นมา สุดท้ายก็ควบคุมไม่อยู่ เขากำลังจะตาย!
บทที่ 930 โดนไข่แล้ว
Ink Stone_Fantasy
จุดสุดท้าย ฉินสือโอวจำคำสอนของเบิร์ดได้ เมื่อต้องการชะลอความเร็ว ต้องกางขาออกให้ไม้สกีด้านหลังเปิดกว้างออกเป็นรูปเลขแปดตัวจีน (八) ยิ่งส่วนโค้งมาก แรงต้านทานก็จะมีมากขึ้นทำให้เบรกได้ง่าย
ดังนั้นแล้ว เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น จริงๆ เบิร์ดก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาถึงไม่กล้ามอง จึงได้แต่กุมหัวนั่งยองลงไป
ฉินสือโอวจำคำสอนของเบิร์ดได้เท่านั้น แต่ลืมเงื่อนไขของการทำแบบนี้ ความเร็วต้องไม่มาก ซึ่งตอนนี้ความเร็วของเขาถือว่าไวพอสมควร คิดดูว่าตอนที่กำลังไถลไปอย่างรวดเร็วแล้วอยู่ดีๆ กางขาจะเกิดอะไรขึ้น? พอกางสองขาออก ฉินสือโอวไม่สามารถควบคุมส่วนโค้งได้ ขาสองทั้งข้างจึงถ่างออกกว้างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงกระดูกเชิงกรานดัง ‘กร๊อบ’ ตามด้วยเสียงกรีดร้องของเขา “โอ๊ย พระเจ้า! ไข่ฉัน!”
คาร์สันและฮิวจ์คนน้องที่อยู่ข้างๆ รีบวิ่งเข้าไปประคองฉินสือโอว ฉินสือโอวนายใหญ่รอบนี้จะกล้าขยับไปไหนได้อีก? เมื่อกี้เขาฉีกขา 180 องศาไปหนึ่งรอบ การฉีกขา 180 องศาของชายวัยกลางคน!
ทันใดนั้นฉินสือโอวก็นึกถึงบทสนทนาที่คุยกับวินนี่เมื่อวาน วินนี่บอกว่าตอนนี้เขาเน้นแค่กำลัง แต่ความเร็วยังไม่ได้ ต้องออกกำลังให้ครอบคลุม แต่ตอนนั้นฉินสือโอวไม่ได้สนใจ
ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจภายหลัง ถ้าเลือกได้ จะต้องให้เขาไหว้วินนี่เป็นอาจารย์สอนไทเก๊กหรือโยคะก็ได้ทั้งนั้น!
ฝูงคนมารวมตัวกัน ชิลเดรสที่ถูกฉินสือโอวเล่นงานไปตอนแข่งงัดข้อหัวเราะชอบใจ “นานแล้วที่ไม่ได้เห็นคนเล่นฉีกขาบนหิมะ สนุกจริงๆ ฉินนายก็ยังคงเก่งเหมือนเดิมนะ สีหน้าตอนฉีกขานี่ยังดูทรมานยิ่งกว่าคนทั่วไปเสียอีก!”
สีหน้าเหยเกของฉินสือโอวด้วยความเจ็บปวด แต่ยังคงอดทนชูนิ้วกลางให้เขาแล้วตะโกนใส่ “เชี่ย สาบานต่อพระเจ้าเลย โอโดมอยู่ไหม? เป้าฉันมันแปลกๆ!”
โอโดมก็พาลาร่ามาเล่นสกีเช่นกัน แต่ทั้งสองคนอาศัยในเมืองใหญ่ผ่านอะไรมามาก ไม่เหมือนคนในเมืองแฟร์เวลที่ไม่รู้อะไร เล่นสกีต่างใช้วิถีการเคลื่อนไหวแบบระดับง่าย แต่สองคนนี้เวลาเล่นสกีจะเป็นระดับที่ยาก ไม่ได้ใช้เส้นทางนี้ ดังนั้นจึงมาช้าหน่อย
ลาร่าโบกไม้โบกมือให้คนที่ห้อมล้อมอยู่นั้นกระจายออก ฉินสือโอวสั่งให้หู่จือและเป้าจือไปกัดคน แต่หมาแลบราดอร์ไม่ฟังคำสั่ง ได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ มองไปที่ฉินสือโอวด้วยความสงสาร พ่อ น่าสมเพชจริงๆ เลย
โอโดมช่วยดูให้ฉินสือโอว หลังจากนั้นจึงบอกว่าเอ็นฉีกขาดเล็กน้อย กลับไปพักผ่อนสองสามวันก็หายแล้ว
ดังนั้นเวลาที่เหลือฉินสือโอวจึงทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ มองคนเล่นสกีอย่างมีความสุขด้วยอารมณ์หมดอาลัย ถ้าแค่นั่งยังไม่เท่าไร แต่ที่สำคัญคือท่านั่งของเขาช่างน่าอับอาย เขาถ่างขานั่งอยู่…
ฮิวจ์คนน้องเห็นโอกาสที่จะแก้แค้นขึ้นมา เขากางขาออกแล้วพูดติดตลกว่า “มา ที่รัก อ้าขากว้างกว่านี้หน่อย ฉันจะทำให้เธอรู้สึกสบายเอง ให้เธอสบายเหมือนได้ขึ้นสวรรค์!”
“กัดมัน!”
“ฮ่องๆๆๆ!”
“บ้าเอ๊ย ฉันจะต้องเลี้ยงคอเคเซียนให้ได้” ฮิวจ์คนน้องกลิ้งไปแล้วรีบวิ่งหนี หู่จือและเป้าจือไล่ตามอยู่ด้านหลังอย่างดุร้าย
ฮิวจ์คนพี่พูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “น่าแปลกจริงๆ ไอคิวของน้องชายฉันอาจจะมีปัญหา? เมื่อก่อนที่บ้านยากจน จึงไม่เคยได้พาเขาไปตรวจดู จริงๆเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหาเรื่องคุณแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็ยังจะทำ”
“คือคุณอยากจะบอกว่า เขามีแนวโน้มที่จะเป็นมาโซคิสม์?” ทิญาเดินขึ้นมาจากด้านหลัง พูดติดตลก
ฮิวจ์พยักหน้าให้กับทิญา เขาแนะนำตัวเองหลังจากนั้นก็จากไป ก่อนที่จะเดินไปยังแอบขยิบตาให้ฉินสือโอว แสดงทั้งความอิจฉายินดีและเกลียดชัง
ฉินสือโอวรู้สึกทนไม่ได้สุดๆ ผู้ชายพวกนี้ทำไมถึงมีนิสัยแย่ๆ แบบนี้กันนะ? พอเห็นสาวสวย ก็คิดเรื่องอื่นกันไม่ได้เลยเหรอ?
ทิญานั่งอยู่ตรงข้ามฉินสือโอว มองเขาด้วยความสงสารแล้วพูดว่า “เจ็บมากสินะ ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวฝืนยิ้ม “ยังได้อยู่”
เขาพยายามตั้งขาตรง แต่พยายามได้สักพักก็ล้มเลิกความคิดนี้ โคตรเจ็บเลย
“ตอนที่วินนี่คลอดลูกอะ เจ็บมากกว่าคุณตอนนี้หลายเท่าเลยนะ จริงๆ เป็นแบบนี้ก็ดีนะคุณฉิน คุณจะได้รับรู้ความลำบากของภรรยาคุณได้ดีขึ้น แบบนี้ก็จะทำให้พวกผู้ชายยิ่งรักและทะนุถนอมภรรยาได้มากขึ้น” ทิญาพูดเยาะเย้ย
ฉินสือโอวยิ้มอย่างทรมาน เขาคิดมาตลอดว่าทิญาสาวคนนี้มีความรู้สึกดีๆ ต่อเขา ดังนั้นพอตอนนี้ที่ได้ยินประโยคเหล่านี้ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
ด้านหลังมีเด็กวัยรุ่นสองคนที่ใส่หมวกผ้าฝ้ายใบใหญ่วิ่งมาทางนี้ ดาวสีแดงดวงใหญ่ประดับอยู่ด้านหน้าหมวก ส่องแสงเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์ แน่นอนว่าเป็นเจี้ยนผานโฮ่วและหวงเฮ่าเจียพี่ชายที่แสนดีของภรรยาเขา
เมื่อเห็นเพื่อนตลกคู่นี้ ฉินสือโอวก็นึกว่าจะได้เห็นเรื่องฮาแล้ว ให้เพื่อนขายหน้าดีกว่าตัวเองขายหน้า เขาจึงหวังว่าคู่ตลกคู่นี้จะสร้างเรื่องตลกที่ใหญ่กว่านี้ได้
ปรากฏว่า ทั้งสองเลือกชุดสกีแล้วขึ้นไปบนเนินสูง หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่ดูสบาย สองคนนั้นตอนที่เล่นสกียังทำแม้กระทั่งกีดขวางทางของกันและกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความชำนาญมาก ทำให้ประชาชนในเมืองต่างประหลาดใจไม่น้อย
คาร์สันมองทั้งสองอย่างชื่นชม หยุดอยู่ข้างฉินสือโอวแล้วเอ่ยขึ้น “ทักษะของโฮ่วจื่อกับหวงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าไม่มีพวกเขามา ฉันยังนึกว่าทักษะการเล่นสกีของคนจีนจะเหมือนนายกันหมด”
ฉินสือโอวกำลังอยากถามว่าหมายความว่าอะไร แต่ปรากฏว่าเจ้านายหนวดเฟิ้มก็แกว่งไม้สต็อกแล้วไถลออกไปไกลแล้ว!
หลังจากไถลลงมาโหวจื่อเซวียนกับหวงเฮ่าเจียก็เห็นฉินสือโอวเข้า จึงรีบวิ่งมาทางนี้ด้วยความประหลาดใจ “พี่ มานั่งทำอะไรตรงนี้? พื้นมันไม่หนาวเหรอ? รีบขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวพอแก่แล้วจะเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ง่ายนะ”
ฉินสือโอวยิ้มแห้ง “ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ นายสองคนมีทักษะการเล่นสกีที่ไม่เลวเลยนะ”
หวงเฮ่าเจียพูดอย่างภูมิใจว่า “พอได้พี่ ฮ่าๆ ที่พวกเราน่ะมีลานเล่นสกีเยอะ ตอนเด็กๆ หิมะตกหนักมาก หาเนินสักเนินก็สามารถเล่นสกีได้แล้ว แต่ตอนนั้นโง่มากเลยเล่นสกีแล้วชอบลื่นจนเจ็บไข่ตลอดเลย…”
ทันใดนั้นคำพูดของเขาก็หยุดลง
หลังจากนั้นสองหนุ่มก็มองหน้ากันและกันและมองไปที่เป้าของฉินสือโอวที่ขาสองข้างอ้าออกและเผยให้เห็นอยู่ด้วยสายตาแปลกๆ
“รีบไสหัวไปเลย ไม่งั้นฉันจะให้หมากัดพวกนาย เชื่อไหม?” ฉินสือโอวหัวเราะ
โหวจื่อเซวียนยื่นมือไปห้ามแล้วพูดว่า “พี่ พี่หมายความว่ายังไง ก็แค่ไถลแล้วโดนไข่แค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ? พวกเราพี่น้องจะหัวเราะเยาะพี่ได้ยังไงล่ะ? พวกเราไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลอย่างนั้นนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม่งท่าทางของพี่ฉินมันช่างน่าปวดใจจริงๆ!” หวงเฮ่าเจียหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา ล้วงมือถือคิดจะถ่ายรูปเก็บไว้
เชอร์ลี่ย์วิ่งไปพร้อมเปียสีทองขนาดใหญ่ มองทั้งสองคนด้วยความโกรธแล้วตะโกนขึ้นว่า “พวกคุณหัวเราะอะไรกัน? รีบออกไปเลย ไม่อย่างนั้นหนูจะเรียกหู่จือกับเป้าจือให้มากัดพวกคุณ!”
“ฮ่องๆๆ!” หมาแลบราดอร์ทั้งสองตัวตะโกนเห่าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง แต่ฉินสือโอวสังเกตดูการแสดงออกของเจ้าสองตัวนี้ ปากฉีกกว้าง ดวงตาก็หรี่เล็ก นี่มันเป็นการคำรามด้วยความโกรธหรือว่าหัวเราะอย่างมีความสุขเนี่ย?
พอเห็นโลลิต้า หวงเฮ่าเจียก็ทำเป็นยอมแพ้ก่อน ราวกับกำลังเล่นละคร รอยยิ้มบนหน้าเขาอยู่ดีๆ ก็หายไป แล้วเปลี่ยนเป็นเหนียมอายในทันที พูดเสียงเบาว่า “สวัสดี เชอร์ลี่ย์ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“ไสหัวไปเลย!”
หวงเฮ่าเจียลูบจมูกตัวเองด้วยความโกรธ จากไปอย่างไม่เต็มใจ ด้านหนึ่งก็เดินจากไปอีกด้านหนึ่งก็หันกลับมามอง ส่วนโหวจื่อเซวียนเดินถอยหลังจากไป
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวโกรธก็คือ ไอ้เลวนี่มันเดินถอยหลังยังเดินคล่องกว่าเขาตอนนี้ที่เดินหน้าปกติเลย!
บทที่ 931 เรียนรู้ตามคนอื่น
Ink Stone_Fantasy
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวมีความสุขก็คือ โหวจื่อเซวียนและหวงเฮ่าเจียที่ก่อนหน้านั้นหัวเราะเยาะเขา แค่ครู่เดียวพวกเขาก็ทะเลาะกันแล้ว
“นี่ โฮ่วจื่อ นายมองอะไรอยู่? ลูกตา โอ๊ย ลูกตาจะหลุดออกมาแล้ว!”
“ฉันมองอะไร? นายมาสนใจว่าฉันมองอะไรทำไม? นายยังจะมีหน้ามาว่าฉัน ดูตาของนาย ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกามา นายร้องอย่างกับคางคกไม่มีผิด อ้าปากแล้วลองร้องให้ฟังสักหน่อยสิ?”
“ทำไม ทำไมฉันถึงว่านายไม่ได้? ฉันถามว่านายมองอะไร? นายกำลังมองอะไร?!” หวงเฮ่าเจียโกรธสุดๆ สิวที่อยู่บนหน้าแดงไปหมด
โหวจื่อเซวียนเอียงคอแล้วจ้องไปที่เขา “ถ้างั้น นายมองอะไร? นายจะมายุ่งอะไรมากมาย?”
“ฉันมองโลลิต้า ไม่สิ ฉันมองเชอร์ลี่ย์ จะทำไม?”
“ก็ไม่ทำไม ก็มีแค่นายที่มองเหรอไง?”
“ใครจะมองไม่สำคัญ แต่นายคิดว่านายมองน่ะเหมาะแล้วเหรอ?”
“ทำไมฉัน ทำไมสิ่งที่ฉันมันถึงไม่เหมาะ! พี่ ฟังฉันนะ เมื่อกี้ฉันมองเชอร์ลี่ย์ด้วยสายตาที่ชื่นชมและพิจารณา ไม่ได้มีเจตนาอื่น ฉันมีเจียเจียแล้ว สาวคนอื่นก็เป็นแค่ก้อนเมฆที่ลอยไป!”
“แม่ง ฉันเชื่อนายก็บ้าแล้ว นายคอยดูแล้วกัน เดี๋ยวฉันกลับไปจะไปฟ้องเจียเจีย นายตายแน่! ฉันยังมีเบอร์ของพี่บิลลี่อยู่นะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปบอกเขาว่าเจียเจียถีบนายออกมาแล้ว!”
โหวจื่อเซวียนรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นไป๋ซู่เจินที่ถูกสวี่เซียนสกัดจุดสำคัญไว้ สีหน้าพลันอ่อนโยน “อย่านะ อย่า เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ? พี่หวงพวกเรายังเป็นพี่น้องกันใช่ไหม? ใจของฉันรักเจียเจียคนเดียวมาตลอด ฉันพูดกับนายจริงๆ ว่า เมื่อกี้ฉันช่วยดูเชอร์ลี่ย์ให้นาย ดูว่าเธอเหมาะกับนายไหม”
“แล้วเหมาะไหม? เมื่อกี้นายยังเพิ่งบอกว่าฉันเป็นคางคกอยู่เลย?”
“เหมาะมากพี่ จริงๆ เชอร์ลี่ย์เป็นคางคกตัวเมีย โอ๊ยช่างแม่งแล้ว ต้องพูดความจริงออกมา เชอร์ลี่ย์เป็นหงส์ขาวตัวน้อย หงส์ฟ้ากับคางคกเหมาะกันสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ?”
“เชี่ย นายตายแน่!”
“ไม่ๆๆ เมื่อกี้ฉันพูดผิด ฉันพูดใหม่…”
ภายหลังพอทั้งสองคนเดินออกไปไกล ฉินสือโอวจึงได้ยินไม่ชัดแล้ว ตัวตลกโปกฮาสองคนนี้มีแต่ความสนุกสนานตลอดเวลา พอได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา ความหงุดหงิดในใจพลันหายไป
น่าเสียดายที่เชอร์ลี่ย์ฟังบทสนทนาของทั้งคู่เข้าใจ เธอมองไปที่ทั้งสองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ย่นปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไร้ยางอายจริงๆ มาชอบเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โรคจิตชัดๆ สมควรแล้วที่ไม่มีใครรัก!”
ฉินสือโอวพูดติดตลก “น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันก็ชอบเธอนะเชอร์ลี่ย์”
เขาแค่ล้อเล่น แต่ผลปรากฏว่าโลลิต้าอยู่ดีๆ ก็รู้สึกอายขึ้นมา หน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อเหมือนแอปเปิลแดง เธอก้มหน้าแล้วเอารองเท้าบูตเตะไปที่เท้าฉินสือโอวเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “จริงหรือเปล่าคะ?”
หน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความทรมาน เพราะเมื่อกี้ที่เชอร์ลี่ย์เตะมาโดนขาเขา ดันลามไปถึงเส้นเอ็นที่เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ ปวดแสบมาก นี่ถ้าไม่ได้กลัวว่าเสียงร้องโหยหวนของเขาจะดึงดูดกลุ่มคนที่ไร้ยางอายมาอีกครั้ง เขาก็คงกรีดร้องไปนานแล้ว
เชอร์ลี่ย์ตกใจ เธอเพิ่งรู้ว่าการกระทำที่เธอไม่ได้ตั้งใจเมื่อกี้ส่งผลอันใหญ่หลวงให้กับฉินสือโอว เธอรีบบอกขอโทษเขา แล้วเรียกชาร์คกับคนอื่นมา ให้ประคองฉินสือโอวนายใหญ่ขึ้นรถลากเลื่อนหิมะแล้วกลับไปก่อน
ฉินสือโอวไม่ค่อยจะเต็มใจแล้วพยายามที่จะต่อต้าน “รออีกสักแป๊บ ให้ฉันดีขึ้นอีกหน่อย ไม่แน่เดี๋ยวสักพักอาจจะลุกขึ้นมาเล่นสกีต่อก็เป็นได้”
เขาเคยเป็นถึงนักกีฬาอันดับหนึ่งในระดับตำนานของเมืองเชียวนะ แต่ปรากฏว่าการเล่นสกีที่อวดเก่งของเขากลายเป็นสงครามวอเตอร์ลูไป เขารู้สึกรับไม่ได้มาก
โอโดมพูดโน้มน้าวเขา “ช่างมันเถอะ ฉิน คุณกลับไปพักสักสองสามวันเถอะ อย่าพยายามขยับ เดี๋ยวผมจะส่งยาไปให้ เชื่อผม วันนี้คุณขยับตรงส่วนสะโพกกับบริเวณหว่างขาไม่ได้หรอก”
ฉินสือโอวหน้าเศร้า ฮิวจ์คนน้องตบไปที่บ่าของเขาพูดปลอบเขา “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร วันหลังถ้าหิมะตกหนักอีก ฉันจะจัดกิจกรรมสกีนี้อีก ครั้งหน้านายก็อยู่ให้นานขึ้นหน่อย อย่าพอเล่นปุ๊บขาก็ฉีกออกปั๊บ พวกเราเล่นสกีหรือว่าแข่งยิมนาสติกกันนะ”
“นายยังจะพูดอีก!” เชอร์ลี่ย์ถลึงตามองฮิวจ์คนน้อง
ฮิวจ์คนน้องยกมือขึ้นราวกับช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นทั้งหมดนี้ก็โทษผมเหรอ?”
ฉินสือโอวกลับไปที่วิลล่า วินนี่กับฟอกส์กำลังเล่นกับแมวป่าน้อยอยู่ หลังจากนั้นพอเห็นว่าผู้ชายขอตัวเองถูกเข็นกลับมา ก็รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมเล่นสกีจนขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็น” ฉินสือโอวพูดปลอบ “จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก คุณดูนะ ผมเดินให้ดู ไม่เป็นไรเลยสักนิด”
พูดไป เขาก็จับไปที่นีลเซ็นแล้วยกตัวเองขึ้นมา ก้าวสองก้าวไปเหมือนเต้นหุ่นยนต์ จากนั้นเส้นเลือดบนหน้าผากก็เริ่มปูดออกมา ดัง ‘ตุบตุบตุบ’
ชาร์คและคนอื่นที่อยู่ด้านหลังต่างชื่นชมไม่หยุด ว้าว ความรักของบอสที่มีต่อนายหญิงคือรักแท้! พลังของรักแท้นี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ!
วินนี่ให้ฉินสือโอวนั่งบนโซฟา วางเก้าอี้สองตัวให้เขาสามารถวางขาได้ ส่วนตัวเองก็นั่งข้างๆ ด้วยความยากลำบาก ค่อยๆ นวดกล้ามเนื้อขาด้านในให้เขา ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด และเร่งการฟื้นตัวของเอ็น
ราชาเจ้าป่าซิมบ้าเอียงศีรษะมองไปที่ท่าทางของฉินสือโอว มันเห็นวินนี่ไม่สนใจตัวเองก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ ปากร้องเมี้ยวๆ ร้องไปก็ทำตัวน่าเอ็นดูไป
วินนี่ทำได้แค่เพียงเอามือไปลูบหัวแมวป่าน้อย แมวป่าน้อยยังรู้สึกไม่พอใจ มันคิดอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ทำตามฉินสือโอว นั่งข้างๆ ฉินสือโอว พิงพนักโซฟาแล้วก็แยกขาออกทั้งสองข้างเหมือนฉินสือโอวนายใหญ่…
“แม่ง ไอ้ตัวน้อยนี้มีอารมณ์หรือไง?” ฉินสือโอวโกรธจนด่าออกมา
วินนี่จ้องไปที่เขาอย่างโกรธๆ แล้วพูดว่า “อย่าพูดคำหยาบสิคะ อย่าพูดมั่วด้วย! คุณไม่คิดว่าซิมบ้าฉลาดเหรอ อีกอย่างมันก็ยังเล็ก ก็เลยอยากได้ความรักความใส่ใจจากฉันก็เท่านั้นเอง”
วินนี่พูดไป ก็ลูบท้องของซิมบ้าไป แมวป่าน้อยทันใดนั้นก็หรี่ตาอย่างมีความสุข จดจ่ออยู่กับการนวดที่แสนนุ่มนวลของวินนี่
‘แปะ แปะ แปะ’ เสียงอู้อี้ดังขึ้นมา หู่จือ เป้าจือ หลัวปอเจ้าสามตัวกระโดดขึ้นไปที่โซฟา พวกมันก็ทำท่าทางเหมือนกัน เรียงกันนั่งพิงโซฟา อ้าขาออกแล้วก็มองตาปริบๆ ไปที่วินนี่
ฉินสือโอวก็มองไปที่วินนี่เช่นกัน “ตอนนี้ผมขอด่าคนได้ไหม?”
วินนี่ลูบขมับของเธอด้วยความปวดหัว เจ้าพวกนี้ฉลาดไปก็ไม่ดี แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือ เสี่ยวหมิงกับพวกกระรอกดินต่างก็วิ่งกันเข้ามา พวกมันมองไปที่เพื่อนๆ ที่กำลังนั่งพิงโซฟาแล้วอ้าขาทั้งสองข้างออกด้วยสายตาฉงนสงสัย นึกว่าเล่นอะไรกันอยู่ จึงปีนขึ้นมาแล้วทำท่าเดียวกัน
บุชก็กระโดดอยู่ตรงพนักแขนของโซฟา มันมองไปที่ขาสั้นๆ ของมันทั้งสองขา แล้วก็ลองอ้าขาดู แต่ปรากฏว่าฉีกขาทั้งสองข้างออกจากกันไม่ได้ ล้มเหลวสิ้นดี
ฉินสือโอวลูบหน้าด้วยความทรมาน ไอ้เวรพวกนี้ ไม่นานเขาต้องโกรธตายเพราะไอ้พวกนี้แน่!
ทางด้านวินนี่เธอกลับไม่รู้สึกโกรธ เกาท้องให้พวกมันทีละตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ให้อย่างเท่าเทียมกัน ทำให้สุขจนเหลือล้นกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ได้
พอผ่านกลางวันไป บีบีซวงและคนอื่นๆ กลับไปที่ฟาร์มปลาด้วยสีหน้าโรยรา พอเห็นฉินสือโอวพวกเขาก็หัวเราะออกมา “บอส ดูข่าวกัน พวกเราออกทะเลครั้งนี้ไม่เลวเลย”
เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ออกทะเลไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวพวกเขาไม่ได้กลับไปที่ฟาร์มปลาเลย เสบียงทั้งหมดก็จะไปอยู่บนเรือกำปั่นทะเล ถ้าต้องการอะไรก็จะวอไปบอกชาวประมงที่อยู่บนเรือกำปั่นทะเล พวกชาวประมงก็จะบอกไปที่เบิร์ด แล้วเบิร์ดก็จะขับเฮลิคอปเตอร์ไปส่ง
เพื่อให้ข่าวลือเกี่ยวกับเรือผีมีความเป็นจริงมากขึ้น กลุ่มบีบีซวงและคนอื่นๆ จะแล่นเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ ทิ้งร่องรอยของความว่างเปล่าไว้เบื้องหลังและในที่สุดก็ก่อให้เกิดกระแสความคิดเห็นของสาธารณชนอีกครั้ง
บทที่ 932 ธงเรือผีกระพือ
Ink Stone_Fantasy
บีบีซวงบันทึกเส้นทางที่พวกเขาดำน้ำด้วยเรือดำน้ำในครั้งนี้ ไม่มีรูปแบบตายตัว พวกเขาออกเดินทางจากเกาะแฟร์เวล ไปที่หมู่เกาะแซงปิแยร์และมีเกอลงประเทศฝรั่งเศส อาศัยโอกาสที่หิมะตกลงมาบนผิวน้ำแล่นวนไปหนึ่งรอบ
หลังจากนั้น เรือดำน้ำก็มุ่งตรงไปทางตะวันตกจนถึงซิดนีย์ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ซิดนีย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศออสเตรเลีย แต่เป็นซิดนีย์ของประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของรัฐโนวาสโกเชีย
เมืองนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของรัฐโนวาสโกเชีย เคยได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองเหล็ก เป็นจุดกำเนิดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมของแคนาดา และยังเป็นท่าเรือชั้นดีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในแคนาดาในช่วงยุคแรกๆ
หลังจากที่ผ่านเรือโดยสารในน่านน้ำตะวันออกของซิดนีย์ไปไม่นาน เรือดำน้ำก็กลับไปที่เรือกำปั่นทะเลเพื่อส่งเสบียง หลังจากนั้นลงไปทางใต้ยาวจนถึงน่านน้ำแฮลิแฟกซ์ และปรากฏตัวอยู่ที่นั่นสักพัก
ดังนั้นแล้วจึงส่งผลให้เมืองต่างๆ ริมมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือต่างหวาดผวา!
อิทธิพลของฟลาวเวอร์ฟอกซ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แคนาดาตะวันออกเท่านั้น เพราะว่ามันเคยปรากฏตัวที่หมู่เกาะของฝรั่งเศส และชาวฝรั่งเศสบางคนก็เคยเห็นมันเช่นกัน รูปและวิดีโอที่เกี่ยวกับมันจึงถูกแพร่ออกไปยังสายตาสาธารณชน
เพื่อไม่ให้คนจับได้ ฉินสือโอวพลิกแพลงโดยการทาโคลนทะเลจำนวนมากบนเรือ แล้วยังแขวนพวกสาหร่ายทะเลและหญ้าทะเลจำนวนมากอีกด้วย นอกจากนี้แล้วตอนที่เรือผีโผล่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำทุกครั้งจะมีน้ำแข็งแห้ง ทำให้ฟลาวเวอร์ฟอกซ์ปรากฏตัวท่ามกลางหมอกบางๆ ตลอดเวลา
ด้วยวิธีการนี้ นับประสาอะไรกับการถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอจากมุมไกล ต่อให้มองจากมุมใกล้ก็ยังยากที่จะหาจุดพิรุธจากฟลาวเวอร์ฟอกซ์ได้เลย ซึ่งเรือผีก็ชักนำความคิดเห็นของเมืองชายฝั่งได้สำเร็จ
ฉินสือโอวหัวเราะเมื่อเห็นตารางงาน เขายืดแขนออกอยากจะตบไปที่บ่าของบีบีซวงอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ว่าตอนนี้เขาขยับไม่ได้ ยังดีว่าบีบีซวงฉลาด รีบเข้ามาใกล้ฉินสือโอวยื่นบ่าให้เขาตบไหล่
ฉินสือโอวตบไปที่บ่าของบีบีซวงอย่างพึงพอใจ กล่าวด้วยความชื่นชมว่า “ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ นายควรค่าที่จะฝึกต่อไป! ทำได้ดีมาก…”
“บอส บอสหมายถึงเรื่องที่พวกเราออกทะเลหรือเรื่องที่บีบีซวงประจบสอพลอต่อไป?” ทริกเกอร์ถามขึ้น
ฉินสือโอวทอดถอนใจ “ดูสิ ทริกเกอร์ คนหนุ่มอย่างนายไม่คู่ควรที่จะฝึกฝนต่อ! ยังจะต้องถามอีกเหรอ แน่นอนว่าที่ฉันหมายถึงคือทุกเรื่องรวมกัน!”
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ หัวเราะขึ้นมา อายุของพวกเขาต่างก็มากกว่าฉินสือโอว จึงเห็นได้ชัดว่าฉินสือโอวกำลังพูดเล่น
ฉินสือโอวให้เหล่าทหารที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกหยุด 4 วัน บริเวณรอบๆ ฟาร์มปลามีแต่กองหิมะ เขาเชื่อว่าอากาศแบบนี้จะไม่มีโจรที่ไหนมาสร้างความวุ่นวาย จึงไม่จำเป็นต้องมีทหารคุ้มกัน
บีบีซวง ทริกเกอร์ แอร์แบ็คทุกคนต่างมีความสุขกันถ้วนหน้า ทำอะไรได้ตั้งเยอะในสี่วัน พวกเขาทำได้แม้กระทั่งบินกลับไปบ้านสักสองสามวัน เพื่อไปอยู่กับครอบครัวสักหน่อย
ตอนที่แยกกัน แบล็คไนฟ์ดึงคอเสื้อแอร์แบ็คไว้แล้วพูดกับทั้งสามว่า “เฮ้ ถ้าพวกนายกลับบ้าน ต้องปิดปากให้สนิทนะ อย่าไปพูดมั่วซั่วอะไรเชียวนะ!”
เส้นเอ็นของฉินสือโอวได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่สามารถขยับได้ จึงได้แต่นั่งอยู่บนโซฟากินขนมแล้วก็ดูทีวี
วินนี่นั่งอยู่ข้างเขาช่วยเขาแกะถั่วพิสตาชิโอ มองมาที่เขาบ่อยๆ พอมองเสร็จก็ยิ้มหวานและหัวเราะเหมือนคนงี่เง่า
หลิวซูเหยียนที่เล่นอยู่กับตั๋วตั่วอยู่ข้างๆ ยิ้มแล้วพูดกับวินนี่ว่า “เธอตอนนี้มีความสุขมากใช่ไหม?”
วินนี่กะพริบตา ตอนนี้ยิ้มหวานขึ้นกว่าเดิม
ฉินสือโอวมองไปที่สองสาวด้วยความสงสัย “หมายความว่าอะไร? ขาของผมเจ็บ วินนี่จะมีความสุขได้อย่างไรกัน?”
หลิวซูเหยียนถอนใจ แล้วพูดว่า “พวกผู้ชายนะ แค่นี้ยังต้องถามอีกเหรอ? ถ้าเกิดขาคุณไม่เจ็บ จะมานั่งอยู่ข้างๆ วินนี่ได้ง่ายๆ แบบนี้เหรอ?”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา
จริงอย่างที่ว่า ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะอยู่ที่ฟาร์มปลาไม่ได้ไปข้างนอก แต่ก็น้อยมากที่จะนั่งนิ่งๆ ข้างวินนี่แบบนี้ เพราะว่าเขาเป็นพวกอยู่ไม่สุข ไม่มีอะไรทำก็ออกไปข้างนอก ต่อให้แค่ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดก็ตาม
แต่อันนี้จะโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ ก่อนที่วินนี่จะท้อง ตัวเธอเองก็อยู่ไม่สุข ถ้าไม่ไปทำงานก็พาพวกเด็กๆ ออกไปเล่น ฉินสือโอวจึงเคยชินกับสิ่งนี้
แต่พอถูกหลิวซูเหยียนตักเตือน ฉินสือโอวจึงว่านอนสอนง่ายขึ้น จะไม่ว่านอนสอนง่ายก็ไม่ได้ ขาฉีกจนโดนไข่ เจ็บขนาดนี้แล้ว จะไปที่ไหนก็ไม่ได้
ฉินสือโอวเปลี่ยนช่องดูข่าว หลายสถานีกำลังรายงานเกี่ยวกับข่าวของเรือผี ครั้งนี้เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์โด่งดังในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแล้วจริงๆ
ช่องรายการธรรมชาติของรัฐโนวาสโกเชียจัดทำรายการพิเศษตอนที่หนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งออกอากาศไปเมื่อสองวันก่อน พอฉินสือโอวเห็นก็ดาวน์โหลดเก็บมาดู ข้างในเนื้อหาเยอะทีเดียว รูปภาพ วิดีโอมีหมด และยังมีเชิญลูกเรือไก่ฟ้ามิกาโดที่เป็นผู้คนพบเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์กลุ่มแรกมาด้วย
กัปตันเรือไก่ฟ้ามิกาโดทักษะการแสดงเทียบได้กับนักแสดงเลย ตอนที่สัมภาษณ์เขาแสดงออกทางอารมณ์ได้หลากหลายมาก ท่าทางก็เกินจริง “ผมเป็นคนแรกที่เจอมัน ผมกล้าสาบานเลย พระเจ้าเป็นพยานให้ผมได้ว่าผมพบมันเป็นคนแรก!”
“ผมกำลังลาดตระเวนอยู่บนเรือประมง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนสองคนพูดคุยกัน เสียงทั้งบางและเบามาก ราวกับว่ามีคนกำลังแอบกระซิบอยู่ข้างๆ หูของคุณไม่มีผิด!”
“เพื่อนเอ๊ย ตอนนั้นผมตกใจมาก รู้ไหมว่าตอนนั้นมันกี่โมงแล้ว? ตอนเที่ยงคืนเป๊ะ! เจอผีแล้วจริงๆ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องไปลาดตระเวนตอนเที่ยงคืน ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้แน่ เพราะพวกเราต่างก็รู้ดีว่า ทะเลนั้นลึกลับ!”
“ตอนดึกวันนั้นก็แปลกแบบนี้ ผมยังจำได้ดี วันนั้นไม่มีพระจันทร์ ตอนผมลาดตระเวนก็มองไปที่เวลา ตอนนั้นเที่ยงคืนพอดี หลังจากนั้นตอนที่ผมขึ้นไปดาดฟ้า ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ข้างๆ หู เมื่อผมมองไปรอบๆ เรือลำนั้นจู่ๆ ก็มาปรากฏขึ้นมาต่อหน้าผม!”
“ผมกล้าสาบาน ก่อนที่ผมจะก้มมองดูนาฬิกา คลื่นลมยังสงบดี แต่พอผมเงยหน้าเท่านั้นแหละ พระจันทร์ก็หายไป คลื่นก็ซัดสาด แล้วเรือผีก็ปรากฏขึ้น…”
เหมาเหว่ยหลงเดินเข้ามาจากด้านนอก เขามองทีวีแล้วก็ถามขึ้น “นายกำลังดูหนังผีเหรอ? นายคนนี้มันเป็นใคร? จางเจิ้นคนแคนาดา? พูดซะน่าขนลุกเชียว”
นอกจากคนที่ฟาร์มปลาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้สถานการณ์เรื่องเรือผีอีกแล้ว
ฉินสือโอวเกริ่นให้เหมาเหว่ยหลงฟัง เขาฟังด้วยความสนใจจนนั่งลงตรงนั้นแล้วถามขึ้น “เฮ้ มีเรือผีในทะเลจริงเหรอ? ก่อนที่ฉันจะมา คนในเมืองก็คุยกันเรื่องนี้อยู่ ฉันนึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ”
กัปตันเรือในทีวียังคงพูดไร้สาระไปเรื่อย กลุ่มหน้าม้าที่รายการพามาเข้าร่วมรายการต่างส่งเสียงร้องตกใจในแบบต่างๆ มิน่าเหมาเหว่ยหลงถึงนึกว่าเป็นรายการจางเจิ้นเล่าเรือผีฉบับแคนาดา
ฉินสือโอวมองไปตรงๆ ลูกเรือกลุ่มนี้มั่วนิ่มจริงๆ ครั้งแรกที่เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ออกทะเลเป็นตอนตีหนึ่ง ทำไมอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นเที่ยงคืนแล้วล่ะ?
อีกอย่าง มีสามีภรรยาคู่หนึ่งแอบกระซิบกันที่ไหนกันเล่า? ถึงแม้ว่าเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์จะมีครั้งหนึ่งที่เคยปรากฏตัวท่ามกลางคลื่นปั่นป่วน แต่นั่นเป็นครั้งที่สองเถอะ ครั้งแรกที่ปรากฏตัวคลื่นลมสงบดี โอเคไหม?
เรือไก่ฟ้ามิกาโดปีนี้ไม่กล้าออกทะเลอีก แต่รายได้ของพวกลูกเรือกลับเยอะขึ้น เพราะว่ามีหลายรายการเชิญพวกเขาไปเป็นแขกรับเชิญ แบบนี้พวกเขาก็หาเงินได้ไม่น้อยแล้ว
ฉินสือโอวเปลี่ยนช่อง สุดท้ายก็มาหยุดดูรายการเล็กๆ ของนิวยอร์ก รายการนั้นก็กำลังแนะนำเรื่องเรือผีเช่นกัน แต่กลับคิดว่าเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ไม่ใช่เรือผี แต่เป็นเรือดำน้ำลำหนึ่งที่ผุพัง เป็นเรื่องตลกที่คนแต่งขึ้น
สิ่งนี้ทำให้ฉินสือโอวประหลาดใจเล็กน้อย บนโลกใบนี้ยังมีคนฉลาดอยู่นะนี่
บทที่ 933 เรื่องเหล่านั้นของนายกเทศมนตรี
Ink Stone_Fantasy
พอดูทีวีเสร็จ ฉินสือโอวก็เริ่มท่องเว็บบนมือถือขณะที่นอนแผ่อยู่บนโซฟา พอเลื่อนหน้าจอมือถือจึงค้นพบว่า เรื่องราวของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์บนอินเทอร์เน็ตเยอะยิ่งกว่า โดยอ้างว่าเพื่อนๆ คนที่เคยเห็นเรือลำนี้เกินกว่าหมื่นคนแล้ว ฉินสือโอวก็มึนจริงๆ ทุกคนต่างจงใจพูดมั่วซั่วแบบนี้ ดีแล้วจริงๆ เหรอ?
เรือลำนี้เป็นของประเทศกรีนแลนด์ ก่อนหน้านี้เคยมีสามีภรรยาสองคู่ที่เพิ่งแต่งงานอยากไปฮันนีมูนที่นิวยอร์กบนเรือลำนี้ ตอนนี้มีลูกหลานของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้น โดยอ้างว่าจะทำการสำรวจเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์
แล้วเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ก็เริ่มมีคำร่ำลือที่เพิ่มขึ้นจากคนเหล่านี้ ลูกหลานของสามีภรรยาคู่นั้นเป็นสายเลือดของฝ่ายหญิง เขาสาบานว่าครอบครัวของคุณย่าเขาเป็นลูกหลานของพ่อมด และเชื่อว่าคุณย่าเขายังไม่ได้ตายที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
ฉินสือโอวเกาหัวแกรกๆ เดิมทีเขากะจะใช้เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ในการสร้างเรื่องสยองขวัญสักหน่อย แต่คนบ้าพวกนี้กลับสร้างเรื่องให้เป็นแนวแฟนตาซีไป
แล้วการปรากฏตัวอีกครั้งของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ท่ามกลางฝูงชนในครั้งนี้ หัวข้อเรือผีก็เริ่มกลับมาถกเถียงอภิปรายกันอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ต่อให้เป็นหน้าหนาว ก็ยังมีคนมากมายที่ขับเรือมาท่องเที่ยวที่น่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือนี้
ฮานี่ย์ตัวแทนนายกเทศมนตรีของเกาะแฟร์เวลก็เป็นอัจฉริยะ เขาอยากจะอาศัยโอกาสแบบนี้หาเรือสักลำมาประดับ สร้างบรรยากาศของเรือผีแล้วทำธุรกิจการท่องเที่ยวเรือผีขึ้นมา
คราวที่แล้วตอนที่จัดกิจกรรมการกุศลสี่เมือง แฮมเล็ตก็แนะนำให้เขาเข้าร่วมการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ แต่พอกลับมา เนื่องด้วยมีเรื่องยุ่งให้ทำหลายอย่าง อีกทั้งเวลาที่จะเลือกตั้งก็ยังอีกยาวไกล ฉินสือโอวจึงไม่ได้เตรียมตัวเลย
รัฐบาลแคนาดาตั้งแต่ระดับเทศบาลลงมาต่างก็มีความคิดเหมือนอเมริกา จะได้รับเลือกตั้งจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตอำนาจศาล ซึ่งก็คือประมาณช่วงฤดูร้อนปีที่สองหลังจากเลือกตั้งนายกเทศมนตรี
พอฉินสือโอวได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็นจนขยับไปไหนไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการจัดการระดับพื้นฐานของแคนาดา ทำความเข้าใจสถานการณ์การเลือกตั้งในขอบเขตไม่กว้าง
ตามรัฐธรรมนูญของประเทศแคนาดา การเลือกตั้งระดับเทศบาลไม่จำเป็นต้องรายงานไปยังรัฐบาลกลางออตตาวา มีเพียงรัฐบาลระดับเทศบาลและจังหวัดเท่านั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบ
มีผู้สมัครตั้งแต่ 4-6 คนในแต่ละครั้งของการเลือกตั้ง ตราบใดที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็มีสิทธิ์ที่จะร่วมลงเลือกตั้ง หากเป็นผู้อพยพ อย่างน้อยต้องอาศัยอยู่ในแคนาดา 1 ปีเต็ม และต้องเคยมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาค การเมือง และงานสาธารณะอีกด้วย
สุดท้ายตอนที่ลงคะแนน ผู้สมัครจะต้องได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดและต้องได้คะแนนเสียงมากกว่า 2 ใน 5 สุดท้ายถึงจะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี
เห็นเป็นแบบนี้คุณสมบัติฉินสือโอวผ่านฉลุย แฮมเล็ตพูดก็ถูก ขอแค่เขาลงเลือกตั้ง มองดูแล้วตำแหน่งไม่น่าหนีไปไหน ตำแหน่งนายกเทศมนตรีคงเป็นของเขาแน่นอน
ฉินสือโอวถามเออร์บักว่านายกเทศมนตรีต้องทำอะไรบ้าง ทนายความชรายักไหล่แล้วบอกว่า “นายกเทศมนตรีเหรอ? ก็เป็นข้าราชการ แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่โม้เป็นก็โอเคแล้ว”
นี่เป็นทัศนคติของชาวแคนาดาที่มีต่อข้าราชการมาโดยตลอด ซึ่งเหมือนกันกับคนอเมริกา ตอนนั้นที่ริชาร์ด นิกสันประกาศว่าจะลงสมัครประธานาธิบดี บางคนก็สงสัยว่าเขาเป็นพ่อค้าตัวเล็กๆ จะชนะการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีได้อย่างไร ตอนนั้นริชาร์ด นิกสันพูดอย่างสบายๆ ว่า เขาสามารถกลายเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จได้ เป็นประธานาธิบดีที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช่ปัญหาอะไรแน่นอน
ฉินสือโอวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “อย่าพูดแบบนี้สิ ปู่ จริงจังหน่อย ผมอยากรู้จริงๆ ว่าหน้าที่และอำนาจของนายกเทศมนตรีคืออะไร”
เออร์บักถามกลับ “นายสนใจเรื่องนี้เหรอ? แฮมเล็ตเคยมาหานายเพราะอยากให้นายเป็นนายกเทศมนตรีเหรอไง?”
ฉินสือโอวยักไหล่ “ใช่ คุณเดาถูกแล้ว คุณคิดว่ายังไง?”
เออร์บักยักไหล่ พิจารณาสักพักแล้วก็พูดออกไปว่า “จริงๆ แล้วงานของนายกเทศมนตรีก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เมืองแฟร์เวลไม่ใช่เมืองใหญ่ เศรษฐกิจก็กำลังดำเนินไปอย่างถูกต้อง กฎระเบียบของสังคมก็ดีเยี่ยม นายจึงไม่จำเป็นต้องทำการตัดสินใจครั้งใหญ่อะไร แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเหมาะกับนายหรือเปล่า”
เขานั่งลงตรงข้ามฉินสือโอว และเริ่มค่อยๆ อธิบายสถานการณ์การดำเนินงานของเมืองเล็กในประเทศแคนาดา และลักษณะการทำงานของนายกเทศมนตรีรัฐบาลท้องถิ่นในแคนาดาจะดำเนินการด้านทรัพย์สินสาธารณะ ใช้อำนาจสาธารณะ และใช้จ่ายจากเงินของผู้เสียภาษี และดูแลผลประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้นแล้ว การจัดองค์กรและบุคลากรของรัฐบาลท้องถิ่นจึงเป็นอะไรที่เรียบง่าย ประชาชนในเมืองคิดว่าใครที่สามารถนำพวกเขาไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นได้ คนนั้นก็เป็นนายกเทศมนตรี
หากฉินสือโอวเข้าร่วมการเลือกตั้งแน่นอนว่าต้องสำเร็จแน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฮมเล็ต แต่เพราะเขาได้รับการยอมรับจากประชาชนเมืองแฟร์เวลเป็นอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นสมาชิกขั้นพื้นฐานที่สุดของรัฐบาลท้องถิ่น สิ่งที่รัฐบาลเทศบาลจัดการก็คือทรัพย์สินสาธารณะ และยังคลุกคลีกับประชาชนมากเป็นพิเศษ จึงต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนในเมืองมากตามไปด้วย
“นายกเทศมนตรีเป็นไม่ง่ายหรอกนะ ฉิน นายคิดว่าตอนนี้นายทำงานเป็นอย่างไรบ้าง? แน่นอนว่าดีใช่ไหม? ทุกครั้งที่นายไปในเมือง ทุกคนก็จะทักทายนายอย่างเป็นกันเอง และชอบเล่นกับนาย ใช่ไหม?” เออร์บักถามขึ้น
ฉินสือโอวยักไหล่ “ใช่ ผมคิดว่ามนุษยสัมพันธ์ของผมไม่เลวเลยทีเดียว”
“มาตรฐานไม่เหมือนกัน ทุกคนยอมรับในตัวนายก็เพราะนายเป็นผู้อพยพธรรมดา นายเข้ามารับช่วงต่อฟาร์มปลาที่ล้มละลาย หลังจากนั้นก็ลงทุนหนักและทำให้เมืองมีตำแหน่งงานงานทำเพิ่มขึ้น 20 ตำแหน่ง และนายยังใช้ฐานะผู้อพยพมาใหม่ ช่วยดึงทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวมาให้ทุกคน ทุกคนจึงรู้สึกขอบคุณ แต่ทุกอย่างที่ว่ามานี้มันมีที่มา!”
“ที่มาก็คือนายเป็นแค่ผู้อพยพธรรมดาคนหนึ่ง เป็นชายหนุ่มที่มีน้ำใจและนิสัยดี”
“แต่ถ้านายเป็นนายกเทศมนตรี เรื่องก็คงไม่ได้เป็นแบบนี้แล้ว รู้ไหมว่าคะแนนประเมินความพึงพอใจของประชาชนต่อแฮมเล็ตตอนที่เขาลาจากเมืองนี้ไปครั้งสุดท้ายอยู่ที่เท่าไรไหม?”
“48% ไม่ผ่านครึ่งด้วยซ้ำ! อีกอย่างถ้าธุรกิจการท่องเที่ยวไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเมื่อหนึ่งปีก่อน คาดว่าคะแนนประเมินความพึงพอใจของเขาหากถึง 20% ก็นับว่าสุดยอดแล้ว!” เออร์บักพูดเน้นย้ำ
ฉินสือโอวไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เขาไม่เข้าใจอะไรพวกนี้เลย
“นายกเทศมนตรีเป็นตำแหน่งที่ซับซ้อนมากตำแหน่งหนึ่ง ดูจากภายนอกเหมือนอำนาจทั้งหมดจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ราวกับเป็นจักรพรรดิของแผ่นดิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตำแหน่งนี้ก็คือแม่นมที่ไม่ได้เลี้ยงลูกแค่คนสองคน แต่ดูแลทุกคนในเมือง!”
“ฉันเคยบอกนานแล้วว่าเมืองแฟร์เวลเป็นเมืองเล็กๆ มีสำนักงานจัดการด้านที่อยู่อาศัย มีคณะกรรมการด้านการพัฒนา มีคณะกรรมการด้านการศึกษา และมีคณะกรรมการด้านทรัพย์สิน แต่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ใช่ตำแหน่งพวกนี้มันก็มีอยู่ แต่กลับไม่มีใครทำ แล้วงานที่เกี่ยวข้องใครจะเป็นคนทำล่ะ?”
แววตาที่จ้องมาของเออร์บัก ทำเอาเหงื่อเย็นๆ ของฉินสือโอวไหลออกมาจากด้านหลัง “ปู่ อย่าบอกผมนะว่า งานพวกนี้นายกเทศมนตรีแม่งทำหมดเลย!”
”จากที่ดูตอนนี้ นายกเทศมนตรีอย่างน้อยก็ทำมากกว่าครึ่ง อย่างเมื่อก่อนพวกงานของคณะกรรมการด้านที่อยู่อาศัย การศึกษาและด้านการพัฒนาก็เป็นแฮมเล็ตที่เป็นคนจัดการ ส่วนตอนนี้ก็เป็นฮานี่ย์ที่ทำอยู่”
เออร์บักเล่าเรื่องจริงให้เขาฟังอย่างโหดร้าย
“ถ้านายคิดว่าคณะกรรมการพวกนี้ก็คือทุกอย่างแล้วล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นก็คงตลกไม่น้อย เพราะยังมีคณะกรรมการทรัพยากรบุคคล ฝ่ายความร่วมมือด้านที่อยู่อาศัย คณะกรรมการความสัมพันธ์ทางการค้าของรัฐบาล ฝ่ายทะเบียนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง สภาอนุมัติการวางแผนที่ดิน สภาพิจารณาการออกแบบ คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริการด้านเยาวชน…” เออร์บักพูดชื่อองค์กรทั้งหมดทีเดียวรวดทำเอาฉินสือโอวตะลึงอึ้งไปเลย
“สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหน่วยงานในสังกัดโดยตรงภายใต้เขตอำนาจศาลของนาย นายต้องรับผิดชอบจัดการบุคลากรของฝ่ายเหล่านี้ ต้องวางแผนงานโดยรวมและรับผิดชอบพวกเขาโดยตรง!” เออร์บักพูดขึ้น
“ยังไม่หมดเท่านี้นะ นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด…”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น