ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 912-913
ตอนที่ 912 การต่อสู้อันดุเดือด
หญิงสาวเพียงกวาดสายตามองรอบด้านอย่างเย็นชา ขณะที่ปากท่องมนตร์แผ่วเบา มือข้างหนึ่งก็สะบัด อาภรณ์สีแดงผืนนั้นในมือพลันพลิ้วไหวประหนึ่งระลอกคลื่น
จุดที่อาภรณ์สีแดงสะบัดผ่านเกิดแสงเรืองรองสีแดงสดสายแล้วสายเล่ากลางอากาศ เริ่มแรกมีเพียงสิบกว่าสาย ทว่าเมื่อหญิงสาวท่องมนตร์เร็วขึ้น แสงเรืองรองสีแดงก็ยิ่งมากขึ้นทุกที
จากนั้นร่างกายของหญิงสาวก็พร่าเลือนไม่ชัดตาม ร่างกายของนางสั่นไหววูบหนึ่ง เงาร่างที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการเก้าร่างก็ปรากฏขึ้นกลางแสงเรืองรองสีแดง
ชั่วขณะหนึ่งแสงเรืองรองสีแดงสดที่พาดสลับไปมาเคลื่อนตัวดุจเริงระบำ แขนกลมกลึงทั้งสองข้างของหญิงสาวหน้าตางดงามผู้สวมชุดนางในทั้งเก้าคนสะบัดอาภรณ์ การเคลื่อนไหวทุกท่าแลดูพลิ้วไหวงดงามเป็นธรรมชาติราวกับว่านักระบำผู้งดงามเก้านางกำลังแสดงการร่ายรำอันวิจิตรอยู่
ภาพที่เหมือนดั่งฝันดั่งภาพลวงตาเช่นนี้ทำให้หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างไปร้อยกว่าจั้งมองแล้วดวงใจเต้นระรัวอย่างอดไม่ได้ราวกับกำลังเมามายลุ่มหลง
ทว่าครู่ต่อมาเขาก็กัดปลายลิ้น ความเจ็บแปลบแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ เขาตื่นได้สติทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเบากับตนเอง
“วิชามายาร้ายกาจนัก!”
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในผู้นี้อยู่อยู่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่หลายร้อยจั้ง แต่กลับทำให้เขาเกือบได้รับผลจากกระบวนท่าไปด้วย ทั้งๆ ที่พลังจิตกับพลังสมาธิของเขาไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดาจะเทียบได้
เวลานี้เองเสียงอื้ออึงชวนให้คนขนหัวลุกก็ดังสนั่นขึ้นไกลออกไป!
หนอนมารสีดำมืดฟ้ามัวดินมุดเข้าไปกลางแสงเรืองรองสีแดงทั่วฟ้าภายใต้การควบคุมของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคน
ทว่าเมื่อหนอนมารสีดำที่เดิมทีท่าทางดุร้ายเข้าไปกลางแสงเรืองรองสีแดงสดซึ่งชวนให้คนตาลายก็หยุดชะงัก ร่างกายส่ายไหวสั่นระริก
แสงเรืองรองสีแดงเหล่านี้ในมือหญิงสาวผู้สวมชุดนางในกวาดผ่านอากาศแผ่วเบาก็มีหนอนมารสีดำอย่างน้อยสองสามตัว อย่างมากสิบกว่าตัวสลายกลายเป็นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าอีกหน
แต่หนอนมารเหล่านี้จำนวนมากเกินไป แม้ถูกโจมตีสลายไปไม่รู้เท่าไร แต่หนอนมารที่เหลืออยู่ก็ยังคงโถมเข้ามาไม่ขาด
ทว่าพริบตานั้นที่หนอนมารเหล่านี้สัมผัสถูกร่างของหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน ร่างกายของนางก็พลันแตกกระจายเป็นละอองแสงสีขาวสลายหายไป คล้ายกับว่าเป็นเพียงร่างมายาร่างหนึ่งเท่านั้น
ครู่ต่อมาอากาศบริเวณใกล้เคียงก็เกิดคลื่นไหวกระเพื่อม ร่างสีขาวอีกร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาแล้วอาภรณ์สีแดงในมือก็ขยับระบำอีกครั้ง
เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หนอนมารสีดำที่เดิมทีมืดฟ้ามัวดินก็ถูกโจมตีสลายไปแล้วเกือบครึ่ง หญิงสาวผู้สวมชุดนางในตรงกลางยังคงมีเก้านางราวกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด ยิ่งหนอนมารลดน้อยลง ย่างก้าวที่เริงรำก็ยิ่งแลดูพลิ้วไหว
ในเวลาเดียวกันนี้แสงเรืองรองเต็มฟ้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขอบเขตขยายออกไปกว้างหลายเท่า จนเกือบจะแตะวงนอกสุดของมนุษย์ปีศาจแล้ว
ไม่รอให้มนุษย์ปีศาจทั้งหลายตอบโต้อย่างใด กลางแสงเรืองรองสีแดงพลันมีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งโฉบมาปรากฏตัวด้านหลังมนุษย์ปีศาจคนหนึ่ง
มนุษย์ปีศาจคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ร่างกายหมุนตัวอย่างเร็วไว ฝ่ามือที่มีปราณดำวนเวียนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในแขนเสื้อ ห้านิ้วกางออกโจมตีหนึ่งฝ่ามือเข้าใส่เงาคนสีขาวร่างนั้น
เสียง “เปรี้ยง” หนักหน่วงดังขึ้น
เงาคนสีขาวร่างนั้นถูกพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้สายหนึ่งโจมตีเข้าคราวเดียว แสงรัศมีรอบกายก็หม่นแสง สลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวจุดแล้วจุดเล่าหายไป
ทว่ายังไม่ทันที่มนุษย์ปีศาจจะหันกายกลับมา หลังร่างเขาก็มีหญิงสาวผู้สวมชุดนางในสีขาวปรากฏกายขึ้นอีกคนหนึ่งพร้อมกันที่อาภรณ์สีแดงชิ้นหนึ่งคลุมทับศีรษะของมนุษย์ปีศาจ การเคลื่อนไหวของมนุษย์ปีศาจผู้นั้นเชื่องช้าลงในทันใด แขนเรียวขาวผ่องข้างหนึ่งคว้าบนแผ่นหลังของเขา ส่วนมืออีกข้างคว้าเข้าที่หัวไหล่ หลังจากหมุนตัวอยู่กับที่รอบหนึ่งนางก็เหวี่ยงเขาออกไปไกล
เสียง “ปึก” ดังขึ้น!
มนุษย์ปีศาจผู้นั้นร่วงลงพื้นหนักหน่วง
แม้มนุษย์ปีศาจคนนั้นเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด แต่บนศีรษะมีแสงเรืองรองสีแดงวนล้อมอยู่เลือนราง รู้สึกว่าตาลายอยู่บ้าง
ระหว่างที่หยุดชะงักนี้ หนอนมารสีดำที่บินอยู่ใกล้ๆ ก็มีหนึ่งในเจ็ดส่วนสลายกลายเป็นปราณสีดำสายแล้วสายเล่า
อีกด้านก็มีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งโฉบมาปรากฏตัวหลังมนุษย์ปีศาจอีกคน ใช้วิธีเดิมครอบอาภรณ์สีแดงในมือไปยังศีรษะของเขาจากนั้นตบหนึ่งฝ่ามือเข้าใส่ท้องของเขาเร็วดั่งสายฟ้าแลบ
ไอปีศาจสีดำบนร่างมนุษย์ปีศาจผู้นั้นพังทลายกระจายไปพร้อมกับเสียงดัง “ปึก” ถูกวิชาสกัดการเคลื่อนไหวบางชนิดโยนออกไปดุจเดียวกัน
นับตั้งแต่สตรีนางนี้เริ่มลงมือจนกระทั่งโยนมนุษย์ปีศาจออกไปสองคน กินเวลาเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น
วิชาท่าร่างอันพิสดารและพลังน่าหวาดกลัวที่สตรีผู้นี้แสดงออกมาทำให้ในใจหลิ่วหมิงพรั่นพรึงอยู่บ้างอย่างห้ามไม่ได้
“ท่านคิดจะยืนดูจนถึงเมื่อไร หรือว่าไม่ต้องการสมบัติในโบราณสถานแห่งนี้แล้ว” ในหูหลิ่วหมิงพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงของบุรุษชุดเทาที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นนั่นเอง
หลิ่วหมิงครุ่นคิดเร็วดุจสายฟ้า ในที่สุดร่างกายก็ขยับกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่ง พุ่งเร็วรี่ออกไปด้านหน้า
ความเร็วของเงาดำรวดเร็วอย่างที่สุดจนเกิดสายลมแรงหอบใหญ่ขึ้นสองฟากฝั่ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นเส้นสีดำเส้นหนึ่ง แต่ระหว่างทางเส้นสีดำกลับเลือนรางลงแล้วกลายเป็นเงาดำบิดเบี้ยวสองร่าง เมื่อขยับอีกครั้งก็กลายเป็นเงาดำสี่ร่าง จากนั้นเพิ่มความเร็วกลางท้องฟ้า เหาะอย่างรวดเร็วเข้าไปยังวงต่อสู้ตรงหน้า
“เอ๋ วิชาร่างแยก? ตรงนี้ยังมีเจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ด้วยหรือ!”
ทันใดนั้นเสียงใสระรื่นหูก็ดังออกมาจากหมู่หญิงสาวชุดนางในที่เริงระบำอยู่เก้าคน แต่น้ำเสียงนิ่งสงบคล้ายไม่ถูกย้อมด้วยอารมณ์แม้แต่นิด
เพียงครู่เดียวก็มีมนุษย์ปีศาจอีกสองคนถูกหญิงสาวผู้สวมชุดนางในใช้วิชาท่าร่างประหลาดร่วมกับอาภรณ์สีแดงในมือโยนออกไป
เวลานี้มนุษย์ปีศาจที่ยังคงบังคับหนอนมารสีดำอยู่ที่เดิมรวมบุรุษชุดเทาด้วยก็มีเพียงสามคนเท่านั้น หนอนมารสีดำที่อยู่กลางแสงเรืองรองสีแดงเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งในสามของตอนเริ่มแรก
บุรุษชุดเทาที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นสองมือทำท่าเคล็ดวิชาอย่างบ้าคลั่ง เขายิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาไม่หยุดพร้อมกับที่หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย
เวลานี้เองในที่สุดเงาที่มีปราณดำเวียนวนอยู่รอบร่างทั้งสี่ร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวตรงหน้าแสงเรืองรองสีแดงที่พาดตัดกันไปมาอยู่ แล้วพุ่งเข้าไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ดวงตาของเงาทั้งสี่ร่างทอประกายดำมืดครั้งหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ขยับด้วยท่าทางประหลาดกลางอากาศก่อนจะเข้าใกล้หญิงสาวผู้สวมชุดนางในคนหนึ่งจากหน้าหลังซ้ายขวาพร้อมกัน
แสงเรืองรองสีแดงสายนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงเหมือนไม่ส่งผลกับเงานี่ ถึงกับปล่อยให้เงาเหล่านี้พุ่งทะลวงผ่านกลางแสงเรืองรองมา
ดวงตาของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในคล้ายจะทอประกายประหลาดใจเล็กน้อย แขนเรียวขาวผ่องสองข้างขยับตามต่อกัน อาภรณ์สีแดงในมือส่องแสงเรืองรองสีแดงสายแล้วสายเล่าฟาดเข้าใส่เงาดำสี่ร่างในทันใด
เงาดำสี่ร่างมองเมินแสงเรืองรองสีแดง พวกมันไม่ถอยแต่กลับรุกคืบเข้ามา หลังจากขยับเล็กน้อยกลางอากาศก็หลบเลี่ยงแสงเรืองรองได้อย่างยอดเยี่ยมประหนึ่งภูตพราย แล้วปรากฏตัวข้างกายหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน จากนั้นยื่นมือไปคว้านางไว้
ดวงตาของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในคนนั้นทอประกายเจิดจ้า แสงเรืองรองสีแดงที่แผ่ออกมารอบด้านฉับพลันหมุนเลี้ยวกลับมากลางอากาศกะทันหัน ดีดกลับมาด้วยองศาอันพิสดาร
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสองครั้ง!
แสงเรืองรองสีแดงหลายสายพุ่งทะลุเงาสองร่างในพริบตา เงาทั้งสองร่างส่งเสียงแผ่วเบาแล้วทยอยสลายกลายเป็นแสงสีดำก้อนหนึ่งในทันที
เวลานี้เงาดำอีกร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวหลังร่างสตรีนางนี้ดั่งภูตพราย เขายกแขนข้างหนึ่งตบเข้าที่แผ่นหลังของนางตรงตำแหน่งหัวใจ
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในบิดเอวหลบพ้นการโจมตีของเงาดำแล้วเอี้ยวตัวมาครึ่งหนึ่งเหวี่ยงแขนทะลวงผ่านหมอกดำก้อนหนึ่ง โจมตีเข้าใส่ความว่างเปล่าอีกหนทันที
เวลานี้เองเงาดำร่างสุดท้ายก็ก่อตัวขึ้นอีกด้านหนึ่ง ร่างจริงของหลิ่วหมิงตอนนี้เพิ่งเผยตัวออกมา หมัดมหึมาที่มีมังกรหมอกขดอยู่รอบข้างหนึ่งต่อยออกมาเหมือนช้าแต่ความจริงเร็ว
หญิงสาวคิดจะหลบก็เห็นชัดว่าไม่ทันแล้ว นางได้แต่ฝืนส่งมือเรียวข้างหนึ่งเข้าไปรับพร้อมกับที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
หลังจากมังกรหมอกสีดำตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในพริบตา ร่างกายอ้อนแอ้นร่างหนึ่งก็ถูกสายลมสีดำสายหนึ่งพัดจนโซเซถอยหลังติดกันหลายก้าว กวาดฝุ่นดินบนพื้นดินใกล้ๆ ฟุ้งกระจาย
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นแผ่วเบาแทบจะในเวลาเดียวกัน!
เงาร่างของหญิงสาวสวมชุดนางในที่เหลือแปดร่างรวมทั้งแสงเรืองรองสีแดงที่พาดตัดกันอยู่เต็มท้องฟ้า ฉับพลันทยอยกลายเป็นแสงแวววาวจุดแล้วจุดเล่าหายไปกับความว่างเปล่า
หนึ่งหมัดนี้ของหลิ่วหมิง แม้ไม่ได้ทำร้ายสตรีนางนี้ให้บาดเจ็บอย่างใด แต่วิชามายาที่นางใช้กลับถูกทำลายในครั้งเดียว
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในอยากจะลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเผือด นางแค่นเสียงหวานออกมาคำหนึ่งแล้วกระอักเลือดออกมา วิชามายาถูกทำลายกะทันหัน แรงสะท้อนกลับจึงไม่น้อย
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองครั้งหนึ่ง แววตาลังเลแล่นผ่านดวงตาไปอย่างไร้สาเหตุ
ในเวลาเดียวกันนี้ดวงตาของมนุษย์ปีศาจที่เหลือสามคนรวมทั้งบุรุษชุดเทาก็ฉายแววยินดีจางๆ เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปทันที หนอนมารสีดำที่เหลืออยู่พากันก่อตัวกลายเป็นโซ่มารสีดำเส้นแล้วเส้นเล่ากลางท้องฟ้าแล้วล้อมเข้ามาหาหญิงสาวผู้สวมชุดนางในบนพื้น
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นหลายหน
โซ่มารสีดำเลื้อยไม่หยุดดั่งอสรพิษตัวน้อยสีดำ พวกมันฉวยโอกาสชั่วพริบตาที่หญิงสาวผู้สวมชุดนางในถูกผลสะท้อนจากวิชามายารัดพันร่างของสตรีนางนี้ไว้อย่างแน่นหนา
บุรุษชุดเทาผู้นั้นที่เป็นหัวหน้าคล้ายจะยังไม่วางใจ เขายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ยันต์สีดำขมุกขมัวแผ่นหนึ่งลอยออกมาอย่างเชื่องช้า หลังจากแสงสีดำสว่างวูบหนึ่งมันก็กลายเป็นคุกสีดำขนาดหนึ่งจั้งกว่าแห่งหนึ่งล้อมหญิงสาวชุดนางในไว้ด้านใน
มนุษย์ปีศาจหลายคนนั้นที่ถูกหญิงสาวผู้สวมชุดนางในโยนออกไปตอนแรก เวลานี้ก็ตื่นจากวิขามายาของหญิงสาวแล้ว พวกเขาพากันขยับร่างเข้ามาหาบุรุษชุดเทาแล้วล้อมหญิงสาวไว้ตรงกลางวงอีกครั้ง
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเวลานี้สองตาทอแสงสีแดงอยู่เลือนราง รอบร่างถูกโซ่มารสีดำรัดไว้จนทำให้เรือนร่างอรชรเห็นชัดยิ่งชวนให้คนหวั่นไหวยิ่งกว่าเดิม ทว่าบนใบหน้างามเย็นชาของนางกลับยังคงไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อย ราวกับว่าผู้ที่ถูกมัดอยู่ไม่ใช่ตนเอง
“ดูจากวิชาของสหาย คิดว่าคงมาจากแผ่นดินหมานฮวงที่เผ่าปีศาจครอบครองสินะ! แต่ตอนนี้ถูกข้าใช้โซ่มารมัดไว้แล้ว ต่อให้พลังร้ายกาจเหนือฟ้าอีกเท่าใดก็หนีหลุดออกมาไม่ได้ง่ายๆ สหาย…” บุรุษชุดเทาผู้นั้นหัวเราะแล้วยเอ่ยขึ้น ทว่าพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว บนร่างของหญิงสาวในคุกสีดำก็พลันมียันต์สีขาวมากมายถี่ยิบปรากฏขึ้น พร้อมกันนั้นปราณปีศาจน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!
หลังจากนั้นเสียง “แครก” ก็ดังขึ้นหลายหน!
บนคุกสีดำปรากฏรอยร้าวแคบยาวหลายเส้นแผ่ขยายอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มนุษย์ปีศาจหลายคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงยิ่งนัก พวกเขาพากันยื่นสองแขนออกมาส่งไอปีศาจสีดำสายแล้วสายเล่าพุ่งไปยังจุดที่คุกตั้งอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จุดที่ไอปีศาจพุ่งผ่านรอยร้าวแคบยาวก็ค่อยๆ ถูกถมจนเติม
แต่คุกสีดำก็ยังคงสั่นไหวเล็กน้อยและส่งเสียงดังแผ่วเบาออกมาไม่หยุด
ตอนที่ 913 ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ หัวใจก็เต้นระทึก ก้นบึ้งหัวใจรู้สึกถึงอันตรายยิ่งยวดในทันที เขาคิดก็ไม่คิดร่างกายขยับวูบเดียวพุ่งถอยออกไปด้านหลัง
ในเวลาเดียวกันนี้ทั่วร่างของหญิงสาวในคุกสีดำก็เปล่งแสงสีขาวแสบตาออกมา ร่างของนางเลือนหายไปชั่วครู่จากนั้นกลับกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกสีขาวดุจหิมะตัวหนึ่งที่ถูกโซ่มารมัดไว้
สตรีนางนี้เป็นผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจคนหนึ่งจริงๆ
ยังไม่ทันที่มนุษย์ปีศาจทั้งหลายจะได้คิดใช้วิชา เสียงดังสนั่นประหนึ่งแผ่นดินไหวขุนเขาสั่นคลอนก็ดังขึ้น คุกสีดำทั้งหมดถูกแสงสีขาวนับไม่ถ้วนสาดส่องจนระเบิด พร้อมกันนั้นคลื่นปราณน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ซัดออกมาอย่างรุนแรง
มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดรวมทั้งบุรุษชุดเทาพากันถอยหลังดังตึงๆ สิบกว่าก้าวกว่าจะหวุดหวิดตั้งร่างมั่นคงได้
ในเวลาเดียวกันนี้ปราณปีศาจสีเทาขมุกขมัวสายหนึ่งก็พัดผ่านไป ที่เดิมนั้นเหลือเพียงจิ้งจอกยักษ์สีขาวดุจหิมะตัวหนึ่งที่ด้านหลังมีหางเส้นหนาเท่าแขนเก้าเส้นโบกสะบัดตามลม ทั่วทั้งร่างมีเพลิงสีขาวห้อมล้อม
โซ่มารสีดำที่เดิมทีมัดมันอยู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ดวงตาทั้งสองข้างของปีศาจจิ้งจอกเต็มไปด้วยแววตาเย็นชาเฉกเช่นเดียวกับหญิงสาวผู้สวมชุดนางในอย่างไม่ผิดเพี้ยน เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น สายตาก็มองมาตรงที่หลิ่วหมิงอยู่
ก่อนหน้านี้สตรีผู้นี้ก็พลังระดับแก่นแท้ขั้นต้นอยู่แล้ว แต่ดูจากปราณปีศาจที่แผ่ออกมาจากบนร่างของนางยามนี้ เวลาเพียงครู่เดียวพลังกลับเพิ่มพรวดไปถึงระดับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์แบบ นี่ทำให้หลิ่วหมิงกับมนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนหน้าถอดสีทันที
ต้องรู้ว่าแดนลึกลับเศษซากแห่งโลกบนนี่ไม่ยินยอมให้ผู้ที่มีพลังสูงกว่าระดับแก่นแท้เข้ามา สตรีนางนี้อาศัยเพียงระดับพลัง เวลานี้ก็เป็นบุคคลที่อยู่บันไดขั้นบนสุดในแดนลึกลับเศษซากแห่งโลกบนแห่งนี้แล้ว นางอยู่ห่างจากระดับดาราพยากรณ์อีกเพียงก้าวเดียว เมื่อรวมกับที่นางเป็นเผ่าปีศาจ กายเนื้ออันแข็งแกร่งยิ่งทำให้นางเป็นผู้ที่เหนือกว่าคนระดับเดียวกัน
มนุษย์ปีศาจชุดเทาที่เป็นหัวหน้าตกตะลึง ความคิดหมุนเร็วไว ทันใดนั้นเขาก็อ้าปากพ่นอาวุธจิตวิญญาณระฆังน้อยที่ทอแสงสีน้ำเงินเรืองรองชิ้นหนึ่งออกมา
หลิ่วหมิงเองก็ลูบฝักกระบี่ที่ซ่อนอยู่ข้างเอวอย่างไม่รู้ตัว
สถานการณ์เช่นนี้ หากไม่ใช้ลูกเล่นทั้งหมดที่มี เกรงว่าคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดีแล้วจริงๆ
ทว่าไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้เคลื่อนไหวก้าวต่อไป ปีศาจจิ้งจอกสีขาวก็พลันกระโดดจากที่เดิม ร่างกายเลือนหายไปกลางอากาศอย่างกะทันหัน
ครู่ต่อมาเงาสีขาวก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้ามนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้า เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่งทั้งร่างของเขาก็ปลิวออกไปประหนึ่งถุงกระสอบ ไม่ทันกระตุ้นระฆังน้อยสีเงินในมือให้ทำงานแม้แต่น้อย
เงาสีขาวขยับไหวอีกวูบหนึ่งก็หายไปไม่เห็นอีกครั้ง
ต่อจากนั้นเสียง “ปัง” “ปัง” ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องตรงนั้นตรงนี้!
มนุษย์ปีศาจที่เหลือหกคนทยอยถูกโจมตีปลิวไปอย่างไม่มีกำลังตอบโต้แม้แต่น้อยเช่นเดียวกัน
พริบตาเดียวมนุษย์ปีศาจระดับแก่นเสมือนเจ็ดคนก็นอนกองระเนระนาดอยู่บนพื้นกันหมด หน้าอกยุบลึกเข้าไปเป็นรอยใหญ่ราวกับถูกสิ่งที่ใหญ่ยักษ์โจมตีอย่างหนักหน่วง ร่างกายถูกเส้นสีขาวเส้นแล้วเส้นเล่ารัดไว้ ไม่อาจกระดิกได้แม้แต่น้อย
เวลานี้เงาสีขาวก็ขยับวูบหนึ่งกลางอากาศ จิ้งจอกขาวเก้าหางตัวนั้นปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังมองมายังหลิ่วหมิงด้วยสายตาเย็นยะเยือก
หลิ่วหมิงเคร่งเครียด ขณะที่กำลังจะขยับนั่นเอง ในหูพลันได้ยินเสียงเย็นชาของหญิงสาวดังขึ้น
“มนุษย์ อย่าขยับ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับจริงๆ
เวลานี้เองปีศาจจิ้งจอกเก้าหางก็เก็บปราณปีศาจทั่วร่างไป ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็กลายเป็นร่างมนุษย์ใหม่อีกหน พร้อมกันนั้นแสงเรืองรองสีแดงแถบหนึ่งบนท้องฟ้าก็ร่วงลงมาห่มบนร่างของนาง อาภรณ์สีแดงชิ้นนั้นก่อนหน้านี้นั่นเอง
“ดูท่าแปลงกายกลับร่างเดิมจะกินพลังเจ้ามากอย่างที่สุดเช่นกัน สหายหลิ่วไม่ต้องหวาดกลัว หากพวกเราร่วมมือกัน ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง…” แม้มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าจะกระดิกไม่ได้อยู่บนพื้น แต่ใบหน้ากลับเผยสีหน้าโหดเหี้ยมคำรามเบาๆ มาทางหลิ่วหมิง
“พูดจาวางโตไม่อาย!”
ยังไม่ทันที่เขาจะยืนมั่นคง หญิงสาวผู้สวมชุดนางในก็ยกมือขึ้น พายุปีศาจสีขาวรุนแรงหอบหนึ่งพัดหวีดหวิวออกไปโจมตีบุรุษชุดเทาจนปลิวออกไปอีกครั้งพร้อมเสียงดังกึกก้อง ร่างของเขากระแทกบนหน้าผาด้านหนึ่งอย่างหนักหน่วง
ครั้งนี้ต่อให้เป็นมนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าก็กระอักเลือดออกมาหลายคำ ชั่วขณะหนึ่งไม่อาจเอ่ยวาจาได้
“ข้าขอแนะนำพวกเจ้าให้ว่าง่ายอยู่นิ่งๆ ถึงข้าจะไม่สนใจสังหารผู้อ่อนแออย่างพวกเจ้าแม้แต่น้อย! แต่ในเมื่อลงมือลอบโจมตีข้า เรื่องนี้ย่อมไม่จบง่ายๆ” สตรีผู้สวมชุดนางในเอ่ยอย่างดูแคลนเล็กน้อย
“อ้อ ท่านเซียนหมายความว่า…” ในที่สุดหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนสีหน้าแล้วเอ่ยปากขึ้น
“ชั้นจำกัดที่นี่ค่อนข้างยุ่งยาก ถึงข้าคนเดียวจะทำลายได้ แต่ก็คงเสียเวลาไม่น้อย หากพวกเจ้าช่วยข้าเอาสมบัติชิ้นหนึ่งในโบราณสถานมาได้ ข้าก็จะพิจารณาปล่อยพวกเจ้าไป หากไม่ยอม ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาหากจะโยนพวกเจ้าเข้าไปในชั้นจำกัดด้านหน้าแล้วปล่อยให้พวกเจ้าดับสูญไปเอง” สตรีสาวกวาดสายตามองคนทั้งหมดอย่างเย็นชา จากนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“ในเมื่อเจ้าตามหาที่นี่จนพบก็คงรู้สภาพข้างในอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เจ้าพูดความจริงหรือไม่? หากต้องการสมบัติเพียงชิ้นเดียวจริง พวกเราก็คงไม่จำเป็นต้องสู้กัน?” ในที่สุดมนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าก็เรียกความเยือกเย็นกลับมาได้บางส่วนแล้วเอ่ยขึ้นมา
“พวกเจ้ามนุษย์ปีศาจช่างโอหังจริงแท้ จนถึงตอนนี้ยังกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า! ข้าพูดชัดเจนยิ่งนักแล้วว่าเมื่อหาของที่ตนเองต้องการพบก็จะจากไป สมบัติที่เหลือหากพวกเจ้าต้องการก็อาศัยความสามารถไปเอามา ข้าจะไม่ขัดขวาง ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พวกเจ้า!” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเอ่ยอย่างเสียดสีเล็กน้อยแล้วดีดมือข้างหนึ่ง
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ยันต์สีเงินแผ่นแล้วแผ่นเล่าพุ่งรวดเร็วออกมา โฉบวูบเดียวก็จมเข้าไปในร่างของมนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคน คล้ายจะวางชั้นจำกัดบางประเภทไว้
หลิ่วหมิงก็ไม่ได้รับการยกเว้น มียันต์สีเงินแผ่นหนึ่งพุ่งรวดเร็วมาดุจเดียวกัน
หลิ่วหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะฝืดเฝื่อนครั้งหนึ่งแล้วยอมรับมาแต่โดยดี
หลังจากเห็นพลังอันน่าหวาดกลัวของสตรีสาวเผ่าปีศาจผู้นี้ เขาย่อมไม่คิดว่าการหลบจะเป็นทางเลือกที่ฉลาด
ผลที่ตามมาคือเขารู้สึกถึงความเย็นสบายสายหนึ่งทะลักเข้ามาจากจุดที่ยันต์สีเงินจมลงไป ปราณทั้งร่างฉับพลันเพิ่มพูนขึ้นหลายส่วน ทว่าหัวใจกลับเจ็บแปลบเล็กน้อยคล้ายกับถูกสลักบางสิ่งเอาไว้
หลิ่วหมิงใช้จิตสัมผัสกวาดมองสภาพในร่างทันที เขาค้นพบว่าในทะเลจิตวิญญาณมียันต์ประหลาดสีเงินอ่อนแผ่นหนึ่งกำลังหมุนอย่างเชื่องช้า แผ่ปราณปีศาจประหลาดสายหนึ่งออกมา
“พวกเจ้าไม่ต้องคิดมากอันใด ยันต์จิตวิญญาณปีศาจนี่จะช่วยฟื้นพลังเวทให้พวกเจ้า แต่ในยันต์มีวิญญาณปีศาจของข้าอยู่เสี้ยวหนึ่งจึงเชื่อมต่อกับจิตใจของข้าอยู่ หากพวกเจ้าไม่เชื่อฟังจะมีผลอย่างไร คงไม่ต้องให้ข้าพูดมาก เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าไปเปิดชั้นจำกัดบนป้ายหินแผ่นนั้นก่อน” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในอธิบายหลายประโยคจบก็สั่งพวกหลิ่วหมิงอย่างไม่เกรงใจสักนิด จากนั้นนางก็ทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่ง เส้นสีขาวบนร่างมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนสลายหายไปกับความว่างเปล่า
มนุษย์ปีศาจหลายคนสีหน้าทะมึนทันทีจากนั้นจึงพากันลุกขึ้น แต่ละคนกินโอสถลงไปอย่างเร็วไว
หลังจากมนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าดวงตาโชนแสงส่งกระแสจิตหารือกับคนอื่นอยู่หลายประโยค เขาก็พามนุษย์ปีศาจคนอื่นเดินไปหาป้ายหินขนาดมหึมา
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิมอย่างไม่เกรงใจ ท่าทางราวกับจะนั่งรอคนอื่นทำลายชั้นจำกัด
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองบนร่างหญิงสาวที่นั่งขัดสมาธิอยู่รอบหนึ่งถึงเดินไปยังป้ายหิน สองตาหรี่ลงสำรวจจากบนจรดล่างไม่หยุด
ผิวของป้ายหินขนาดมหึมายังคงมีม่านแสงสีน้ำเงินเข้มอยู่ชั้นหนึ่ง และมีร่องกว้างหนึ่งฉื่อกว่าเรียงแถวแนวตั้งอยู่แปดเส้น สุดปลายร่องสลักภาพลวดลายจิตวิญญาณแปดเหลี่ยมประหลาดภาพหนึ่งอยู่ ตรงมุมทั้งแปดสลักดวงตาไว้แปดดวง แต่ดวงตาทั้งแปดดวงนี้มีทั้งใหญ่ทั้งเล็ก ดวงที่ใหญ่ดุจดวงตาวัว ดวงที่เล็กกลับเท่าเมล็ดถั่วเขียว รูปร่างแตกต่างกันไป แต่ละดวงล้วนไม่เหมือนกัน
หลิ่วหมิงเห็นภาพแปดเหลี่ยมภาพนี้ ในใจก็ฉุกคิดถึงบางอย่าง รู้สึกว่าตนเองเคยอ่านพบในตำราเล่มไหนสักเล่ม แต่ชั่วขณะยังนึกไม่ออก
เวลานี้เองร่องที่สามจากทางซ้ายก็ถูกแสงจิตวิญญาณแวววาวถมจนเต็ม ส่วนภาพดวงตาตรงมุมที่สามของภาพลวดลายจิตวิญญาณแปดเหลี่ยมด้านบนก็เปล่งแสงจิตวิญญาณแวววาวออกมาดุจเดียวกัน
“เหมือนว่าจะต้องกรอกพลังเวทเข้าไปในร่องเหล่านี้ไม่หยุด จุดให้ภาพดวงตาเหล่านี้ส่องสว่างถึงจะแก้ได้” มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้ามองอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า
มนุษย์ปีศาจที่เหลืออีกหกคนไม่พูดไม่จา คล้ายกับว่าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคนผู้นี้
แม้แต่หลิ่วหมิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ทว่าในใจกลับรู้สึกอยู่เลือนรางว่าบางสิ่งไม่ถูกต้อง แต่ยามนี้เขาก็บอกเหตุผลอะไรไม่ได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าชักช้าเสียเวลา สหายหลิ่วรับผิดชอบด้านขวาสุด ที่เหลือปล่อยให้พวกเราจัดการเอง” มนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าเห็นหลิ่วหมิงไม่พูดก็เอ่ยอย่างเด็ดขาดทันที
สี่คนในมนุษย์ปีศาจที่เหลือยกสองแขนขึ้น แล้วเริ่มกระตุ้นไอปีศาจสีดำพลุ่งพล่านให้ก่อตัวเป็นยันต์สีดำตัวแล้วตัวเล่าแยกย้ายกันพุ่งไปยังร่องที่ว่างอยู่สี่ร่องด้านซ้ายทันที
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็สร้างยันต์ที่เปี่ยมด้วยพลังเวทตัวหนึ่งขึ้นมากรอกเข้าไปในร่องด้านซ้ายสุดเช่นเดียวกัน
เมื่อทุกคนส่งยันต์จมลงไปในร่อง ในร่องพลันเกิดลำแสงแวววาวสายหนึ่งยืดยาวไปด้านบนทีละนิดๆ
ม่านแสงสีน้ำเงินบนผิวของป้ายหินกะพริบวูบวาบเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวหม่นแสงตามด้วย
ระหว่างที่ลำแสงคืบคลานไปด้านบน ป้ายหินไม่ปรากฏความผิดปกติอื่นใด หลิ่วหมิงจึงค่อยๆ วางใจ
หลิ่วหมิงกับมนุษย์ปีศาจคนอื่นควบคุมความเร็วของยันต์ที่กรอกเข้าไปได้ค่อนข้างเข้าขา จึงทำให้ลำแสงสี่เส้นบนป้ายหินยาวขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจังหวะเดียวกัน
เวลาชั่วจิบชาหนึ่งถ้วยผ่านไป เสียง “ฟู่” แผ่วเบาห้าครั้งก็ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน
ในที่สุดร่องห้าเส้นที่เหลือก็ถูกถมจนเต็มพร้อมกันด้วยการร่วมแรงร่วมใจระหว่างหลิ่วหมิงกับมนุษย์ปีศาจสี่คน
ทันใดนั้นป้ายหินก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ม่านแสงสีน้ำเงินชั้นนั้นบนผิวก็ส่ายไหวไม่หยุดตามไปด้วย
ดวงตาห้ามุมที่เหลือของภาพลวดลายจิตวิญญาณแปดเหลี่ยมเหนือร่องนั้นยิ่งกะพริบส่องสว่าง
เพียงแต่ภาพดวงตาบางดวงในนั้นกะพริบเพียงวูบเดียวก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำดุจโลหิตในทันใด
“แย่แล้ว!”
เมื่อหลิ่วหมิงเห็นภาพนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที มือข้างหนึ่งยกขึ้นตบหัวไหล่ แสงสีน้ำเงินส่องสว่างเจิดจ้าออกมาทันที เงาวัวสีน้ำเงินม้วนตัวลอยออกมา สองขากระทืบพร้อมกันนั้นร่างกายก็เหาะออกไปด้านหลัง
มนุษย์ปีศาจหลายคนด้านข้างยังไม่ทันตอบสนตอง บนป้ายหินก็ส่งเสียงดัง “วิ้ง”ออกมา!
ลำแสงสีเลือดหนาเท่าแขนเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากภาพดวงตาสีเลือด ทะลวงผ่านศีรษะของมนุษย์ปีศาจคนหนึ่งที่อยู่ตรงกับมันในพริบตา
มนุษย์ปีศาจผู้นั้นร่างกายบวมพองในทันใดจากนั้นก็ระเบิดออกดัง “ปัง” เลือดเนื้อสีดำแดงสาดกระเซ็นไปทั่ว
มนุษย์ปีศาจสามคนที่เหลือตกตะลึงยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันปราณดำก็ม้วนออกมารอบร่าง ถอยพรวดไปด้านหลังด้วย
ทว่าในเวลานี้ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นอีกหน!
ลำแสงสีเลือดฉับพลันแบ่งจากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสี่พุ่งรวดเร็วเข้าใส่ร่างของหลิ่วหมิงรวมถึงมนุษย์ปีศาจทั้งสามคนอีกครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น