ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 907-915
บทที่ 907 การค้นพบในท้องหมู
Ink Stone_Fantasy
รถคาดิลแลควันแล่นขับเข้ามาไวปานจรวด พอรถหยุดลง วินนี่ก็วิ่งลงมาจากรถ ทำเอาฉินสือโอวที่อยู่ข้างหลังตกอกตกใจ “คุณแม่ของลูกครับ ระวังความปลอดภัยหน่อยสิ!”
“ลูกจะโดนเอาตัวไปแล้ว!” วินนี่ตะโกนกลับมาโดยที่หัวไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
หู่จือกับเป้าจือไม่เห็นวินนี่มาหลายวันแล้ว ได้ยินเสียงเธอก็ดีอกดีใจใหญ่ หูปุกปุยของฉงต้ากระดิกไปมาสองสามครั้ง มันพลิกตัวลุกขึ้นจากพรมหน้าประตูแล้วร้องอู้ๆ วิ่งมาทางวินนี่
ตอนนี้วินนี่โน้มเอวไม่สะดวก หู่จือกับเป้าจือรู้แล้วว่ากระโจนใส่ตัวเธอไม่ได้เลยประคองวินนี่ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ใช้หัวคลอเคลียมือของวินนี่
ลิงซ์ตัวน้อยหาวหวอดพลางเดินตามอยู่ข้างหลังฉินสือโอว วินนี่อยู่บ้านของคุณลุงฮิคสันแต่ว่าเอามันมาด้วย ฉะนั้นครั้งนี้ที่มันกลับไปฟาร์มปลาจะถือว่ากลับบ้านเกิดด้วยความภาคภูมิก็ว่าได้
คู่หมาป่ามาจริงๆ ด้วย พวกมันนั่งอยู่แถวซากฟาร์มเก่า หลัวปอเล่นกับพวกมันอย่างใกล้ชิด ดูแล้วสายใยทางสายเลือดก็ไม่ได้ถูกลบออกไปง่ายๆ
แต่พอเห็นวินนี่กลับมา หลัวปอก็ทิ้งพ่อแม่แท้ๆ แล้ววิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ ขนสีขาวพลิ้วไปตามลม
ฉินสือโอวยืนดูเจ้าพวกนั้นเล่นกับวินนี่อย่างสนิทสนมอยู่ไม่ไกล เขามองไปทางคู่หมาป่าขาว เห็นเงาสีดำที่นอนอยู่บนพื้น จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วคุยกับนีลเซ็นผ่านอินเตอร์โฟน “เอากล้องส่องทางไกลมาให้ฉันหน่อย”
พอได้กล้องส่องทางไกล เขาก็ส่องดูอย่างละเอียด ข้างๆ คู่หมาป่าขาวมีซากลูกหมูป่าอยู่ด้วย
เห็นแบบนั้นฉินสือโอวก็ไม่พอใจขึ้นมา เขาพูดกับวินนี่ “คุณว่าพ่อแม่เจ้าหลัวปอมาทำอะไรเนี่ย? มาที่ฟาร์มผมก็พอว่า แต่นี่มากัดลูกหมูผมตายอีก? มันอะไรกันเนี่ย?”
นีลเซ็นพูดแทรกขึ้นมา “เอ่อ บอสครับ ผมขออธิบายสักหน่อย นั่นไม่ใช่หมูป่าของทางฟาร์มเรา นั่นน่ะหมาป่าเอามาเอง ดูท่าคงอยากเอามาให้หลัวปอ? ไอ้งั่งบูลบอกว่ามันอยากให้คุณเป็นของขวัญ เพื่อขอบคุณที่เลี้ยงดูหลัวปอมา”
“ก็ฟังดูมีเหตุผล ทำไมถึงบอกว่าบูลเป็นไอ้งั่งล่ะ?”
“ไม่ บอส ถ้าลูกสาวบอสโดนศัตรูแย่งไปเลี้ยงจนโต หลังจากนั้นก็เจอกันได้รู้จักกัน ปรากฏว่าเธอยินดีจะอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแล้วไม่ยอมกลับบ้านไปกับคุณ คุณจะเอาปลาโอแถบสองกรัมไปขอบคุณพ่อแม่บุญธรรมของเธอไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวที่กำลังสังเกตดูลูกหมูป่าลดกล้องส่องทางไกลลงแล้วพูดส่งๆ “ฉันจะเอาขีปนาวุธไปด้วยสองกรัม!”
นีลเซ็นแบมือทั้งสองออกไปด้านข้างแล้วพูดขึ้น “ที่ผมหมายถึงก็คือแบบนี้”
ฉินสือโอวพบว่าตัวเองตกลงไปในหลุมพรางของนีลเซ็นเข้าให้แล้ว เขาด่าขึ้นมา “ไสหัวไปเลยไป ฉันจะเป็นศัตรูของหมาป่าขาวได้ไง?”
“มันขโมยหมูเรากิน งั้นระหว่างเราไม่ใช่ศัตรูเหรอครับ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่ ก่อนหน้านี้พวกมันเคยขโมยหมูของฉัน ครั้งนี้คงมาชดเชยให้ฉัน”
เพียงแต่ เขาก็ยังไม่ได้เข้าไปรับของขวัญ ถ้าเกิดว่าเขาคิดมากไปเองล่ะ ถึงตอนนั้นคู่หมาป่าขาวกระโจนใส่เขา งั้นก็คงวุ่นวายแล้วทีนี้
แต่หลัวปอเป็นลูกสาวแท้ๆ มันเล่นกับวินนี่อย่างรักใคร่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็วิ่งโซซัดโซเซกลับไปคาบลูกหมูป่าที่ถูกกัดตายมาให้วินนี่
วินนี่ชอบจับแผงคอมัน จากนั้นก็ตบก้นให้มันไปอยู่กับพ่อแม่สักหน่อย
ครั้งนี้คู่หมาป่าขาวไม่ได้มารับหลัวปอกลับ บางทีพวกมันอาจจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แค่ให้หมูป่าตัวเดียวแล้วก็อยู่กับลูกจนถึงเย็น รอจนอาทิตย์เกือบจะตกดิน พวกมันก็แหงนหน้าหอนสองสามทีก่อนจะกลับเข้าป่าไปอย่างอาลัยอาวรณ์
หลัวปอเองก็หอนตามแบบพ่อแม่ แต่ไม่ได้ตามไป หลังจากที่มองส่งพ่อแม่จากไปก็ไปเล่นกับหู่จือเป้าจืออย่างสนุกสนาน และถือโอกาสแกล้งราชาเจ้าป่าซิมบ้า
ครั้งนี้ที่กลับมาวินนี่ก็อยู่เลย เดิมทีเธอคิดว่าฉินสือโอวแตกตื่นไปเอง ผู้หญิงท้องเป็นไข้หวัดแล้วอย่างไร? ไวรัสไข้หวัดไม่ใช่ไวรัสเอชไอวีเสียหน่อย!
ตกกลางคืน ฉินสือโอวคิดว่าพ่อแม่ของหลัวปอเอาหมูป่ามาให้ลูกก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ก็เลยอยากจะต้มให้มันกิน อาจจะมีรสชาติความรักของพ่อแม่ก็ได้
เขาเรียกเบิร์ดมาให้เขาเอาหมูป่าไปล้างให้สะอาด ปรากฏว่าพอเบิร์ดเข้าครัวไปครู่เดียวก็ชะโงกหัวออกมาพูดว่า “บอส มาดูเร็ว ผมเจออะไรด้วย”
ฆ่าหมูตัวเดียวเจออะไรกัน? ฉินสือโอวเดินเข้าไปอย่างสับสน พอเห็นหมูป่าที่ล้างสะอาดวางบนเขียง และด้านข้างยังมีของบางอย่างขนาดประมาณส้มวางอยู่ด้วย สิ่งนั้นคือของทรงรีสีน้ำตาล ฉินสือโอวไม่เคยเห็นมาก่อน
“นั่นคืออะไร?” ฉินสือโอวเอ่ยถาม
เบิร์ดเกาหัวแล้วตอบ “เหมือนจะเป็นทรัฟเฟิล?”
“ทรัฟเฟิล?” พอฉินสือโอวได้ยินคำตอบก็ถามกลับอย่างแปลกใจ “นายไปเจอที่ไหน?”
“ในกระเพาะของหมูป่าตัวนี้แหละ ยังมีอันเล็กอีกสองอัน ใหญ่แค่ประมาณเม็ดถั่วลิสง ผมโยนทิ้งไปแล้ว” เบิร์ดพูด
ฉินสือโอวพูดด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่หรอก เฮ้ย ฉันเคยได้ยินมาว่าทรัฟเฟิลนี่แพงมากไม่ใช่เหรอ แคนาดาก็มีด้วยเหรอ?”
เหมือนกับพวกเห็ดหอมภูเขา เห็ดพอร์ชินี ทรัฟเฟิลก็เป็นราชนิดหนึ่ง เป็นราปีเดียว มักจะโตใต้ต้นสน ต้นโอ๊ก
ราชนิดนี้มีประมาณสิบประเภทแตกต่างกัน กลิ่นตอนกินจะเป็นเอกลักษณ์ มีโปรตีน กรดอะมิโนและสารอาหารอื่นที่สูงมาก เพราะไม่สามารถเพาะด้วยฝีมือคนได้ ผลเก็บเกี่ยวจึงน้อย ดังนั้นคนยุโรปเลยจัดทรัฟเฟิล คาเวียร์ ตับห่านให้เป็น “สามอาหารที่มีค่าที่สุดในโลก”
เมื่อก่อนตอนที่อยู่จีน ฉินสือโอวเคยได้ยินว่าที่ตะวันตกเฉียงใต้แถวทะเลสาบเตียนฉือก็มีทรัฟเฟิล แต่ไม่เคยเจอ หลังจากที่มาแคนาดา บางครั้งเวลากินสปาเกตตีกับพิซซ่าก็เคยได้ยินคนพูดบ้างว่าใส่ทรัฟเฟิลถึงจะอร่อย แต่ก็ไม่เคยกิน
ทรัฟเฟิลก็เหมือนกับปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เป็นสายพันธุ์ที่คนไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในตอนนี้ ถ้าจะกินก็ได้แต่จับจากธรรมชาติ แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องพบว่ามีทรัฟเฟิลที่นิวฟันด์แลนด์
ฉินสือโอวเรียกวินนี่เข้ามา พอวินนี่เห็นสีหน้าก็เผยความประหลาดใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณไปซื้อทรัฟเฟิลมาจากไหนคะ? เซนต์จอห์นมีของพวกนี้ขายด้วยเหรอ? น่าแปลกจัง”
ได้ยินคำว่า ‘แปลก’ จากวินนี่ เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ คนอื่นก็วิ่งเข้ามาแล้วถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “มีอะไรแปลกเหรอ?”
พวกเขาก็ไม่เคยเจอทรัฟเฟิล ได้ยินมาว่านี่ก็คือหนึ่งในสามอาหารที่มีค่าที่สุดของยุโรป จอมตะกละทั้งหลายทำตาเป็นประกายทันที รีบวิ่งไปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่ากินอย่างไร
ฉินสือโอวพูด “อันนี้กินไม่ได้แล้ว? เบิร์ดบอกว่าเขาเอาออกมาจากในกระเพาะของลูกหมูป่า”
วินนี่ยักไหล่ “ไม่ต้องห่วงหรอก ทรัฟเฟิลมีกลิ่นผลไม้แห้ง หมูป่าไวต่อกลิ่นแบบนี้มาก ฉะนั้นที่อิตาลีกับฝรั่งเศสเลยมีคนเลี้ยงหมูตัวเมียเพื่อให้ขึ้นเขาไปหาทรัฟเฟิล ที่พวกมันกินเข้าไปในท้องขอแค่ยังไม่ย่อยล้างให้สะอาดก็กินได้ค่ะ”
แต่ฉินสือโอวไม่กิน เจ้านี่มันจะอร่อยได้สักแค่ไหน? จะมีสารอาหารได้สักเท่าไร? ของในท้องหมู นอกจากกระเพาะหมูอย่างอื่นเขาไม่กินทั้งนั้น
เบิร์ดล้างจนสะอาดแล้วถ่ายรูปสองใบส่งไปให้คุณลุงฮิคสันดู ถามเขาว่าไอ้นี่ยังกินได้ไหม ปรากฏว่าเขาหนักกว่าอีก เขาบอกว่า “ทรัฟเฟิลที่หายากจริงก็คือต้องควักออกมาจากกระเพาะหมูตัวเมีย แบบนี้น่ะสารอาหารเยอะ เนื้อสัมผัสนุ่มลิ้นกว่า…”
ฉินสือโอวโบกมือพลางพูดขึ้น “ช่างเถอะ ฉันขอไปอ้วกก่อนแล้วพวกนายค่อยว่าต่อ”
ปรากฏว่าเขาเพิ่งพูดจบ วินนี่ก็เกาะอ่างน้ำเริ่มอ้วกเสียแล้ว
ฉินสือโอวยิ้มซื่อแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้ก็ต้องต่อแถวเหรอเนี่ย?”
บทที่ 908 หมีทรัฟเฟิล
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวช่วยตบหลังให้วินนี่พลางมองเธอด้วยสายตาสงสารแล้วพูดขึ้นมาว่า “น่าขยะแขยงมากใช่ไหม?”
วินนี่ไม่ได้อ้วกอะไรออกมา เธอถลึงตาใส่เขาแล้วพูดขึ้น “เด็กโง่ นี่เขาเรียกว่าแพ้ท้อง!”
ฉินสือโอวไม่เชื่อหรอก เพราะวินนี่ท้อง ตัวเขาเลยแทบจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชวิทยาไปครึ่งหนึ่งแล้ว แพ้ท้องเป็นอาการช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ อย่างมากสี่เดือนก็จะหายสนิท วินนี่ไม่ค่อยจะเคยแพ้ท้องเท่าไร ตอนนี้จะแพ้ท้องได้ไง?
พอเป็นเรื่องของตัวเองก็กังวล เดิมทีการอ้วกเล็กน้อยก็ไม่มีอะไร ฉินสือโอวห่วงว่าจะเกี่ยวกับไวรัสไข้หวัด อย่างไรเสียตอนนี้ภูมิคุ้มกันของวินนี่ก็อ่อนแอมาก เขาจะพาวินนี่ไปตรวจกับโอดอมสักหน่อย
วินนี่ล่ะอับจนคำพูด เธอบอกว่าไม่มีอะไรก็อย่าไปรบกวนหมอเขาเลย
ปรากฏว่าวินนี่มีอาการคลื่นไส้ทั้งคืน แต่แค่ทำท่าอ้วก ไม่ได้อ้วกอะไรออกมา แล้วก็ไม่อยากอาหาร แค่กินนมไขมันต่ำเข้าไปก็ขึ้นเตียงไปพักผ่อน
ฉินสือโอวกังวลทั้งคืน ตอนกลางวันเขาเห็นวินนี่ไม่ค่อยร่าเริงก็เลยพาไปตรวจดูที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ในนครเซนต์จอห์น อย่างไรเขาก็เป็นลูกค้าวีไอพีของโรงพยาบาลใหญ่ต่างๆ ในอเมริกาเหนือ สามารถลัดคิวได้
ตอนที่ผ่านธนาคารมอนทรีออล ฉินสือโอวไม่ค่อยมีเงินสดเหลือกับตัวแล้ว เดี๋ยวตอนไปโรงพยาบาลจะซื้ออะไรอาจต้องใช้เงินสด เขาก็เลยหยุดรถเพื่อที่จะกดเงิน
ตอนนั้นเองวัยรุ่นสวมเสื้อแจ็กเกตหนังสี่ห้าคนก็เดินตรงเข้ามา ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูธนาคารต่างก็สบตากัน แล้วจู่ๆ ก็ไอออกมากันทุกคน
ฉินสือโอวที่กำลังจะลงจากรถล็อกประตูรถในทันที วินนี่เอ่ยถาม “เป็นอะไรไปคะ?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่วัยรุ่นห้าคนนั้นแล้วพูดน้ำเสียงปนเครียด “คุณดูสิ จู่ๆ พวกเขาก็ไอที่หน้าประตู จะเป็นสัญญาณอะไรหรือเปล่า พวกปล้นธนาคารอะไรแบบนี้?”
วินนี่เอ่ยด้วยความตะลึง “ล้อเล่นหรือเปล่า ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ?”
การรักษาความปลอดภัยในแคนาดาจะแย่ที่สุดในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะก่อนหิมะตกกับตอนหิมะตก แคนาดากว้างใหญ่คนน้อย หลังการปล้นถ้ามีหิมะตก งั้นก็หาร่องรอยของโจรได้ยาก
วัยรุ่นทั้งห้าคนเดินเข้าไปในธนาคาร ทุกอย่างปกติ ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “ตอนนี้ผมอยู่กับคุณ ความรู้สึกเลยไวไปหมดเลย”
วินนี่พูดอย่างจนใจ “คุณช่วยทำตัวปกติสักทีเถอะค่ะ ฉันยังไม่อยากประสาทกินตามคุณไปด้วยนะคะ!”
แต่หลังจากนั้นมีอีกหลายคนที่ผ่านมาซึ่งก็ไอตรงหน้าประตูธนาคาร ดูสีหน้าเหยเกมาก ฉินสือโอวเปิดลิ้นชักหน้ารถหาของ วินนี่ถามเขาว่าหาอะไร เขาตอบว่าหาคู่มือรถ
วินนี่ถามด้วยความแปลกใจ “คุณหาหนังสือคู่มือไปทำไมคะ?”
ฉินสือโอวตอบ “ผมจำได้ว่าตอนที่ซื้อรถ คนขายบอกว่าฟังก์ชันการฟอกอากาศของรถคันนี้สามารถกรองไวรัสกับแบคทีเรียได้”
วินนี่งง แบมือไปข้างตัวแสดงออกว่าเธอไม่เข้าใจ
ฉินสือโอวทำสีหน้าจริงจังแล้วชี้ไปที่คนที่ไออยู่ด้านนอกแล้วพูดขึ้น “คุณดูสิ พวกเขาเดินมาถึงตรงนี้ก็ไอ อาจจะมีพวกแหล่งแพร่เชื้อไวรัสที ไวรัสแบล็คไลท์อยู่แถวนี้หรือเปล่า? ผมต้องปกป้องคุณ”
วินนี่หัวเราะออกมาแล้วเอ่ยปาก “ก็ได้ ถ้าคุณจะทำให้ฉันขำ คุณทำสำเร็จแล้ว”
ฉินสือโอวพูดจริงจัง “ผมไม่ได้ล้อเล่น…”
“อย่ายั่วให้ฉันตีคุณนะคะ! ฉันไม่ปรานีพวกประสาทหรอก!” วินนี่พูดแทรกเขาพลางกัดฟันกรอด
ฉินสือโอวถอนหายใจลงจากรถไปกดเงิน พอเดินออกไปได้ไม่เท่าไรเขาเองก็ไอออกมาจึงรีบร้อนวิ่งกลับไป
วินนี่กลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอรีบเปิดประตูรถแล้วตะโกนออกมา “เป็นอะไรไปคะที่รัก? มีไวรัสอะไรจริงๆ เหรอคะ?”
ฉินสือโอวบ่น “ไม่ใช่ ให้ตายเถอะ ผมกลับมาก็เพื่อบอกคุณว่าอย่าลงจากรถ! ข้างๆ มีร้านอาหารอินเดียอยู่ ที่เขาทำน่ะมันอาหารอินเดียไม่ใช่เสฉวนสักหน่อย ทำเผ็ดขนาดนี้เพื่ออะไรกัน?!”
วินนี่อดขำไม่ได้ เธอหัวเราะร่าโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์
พอไปตรวจที่โรงพยาบาล สุขภาพของวินนี่ไม่ได้เป็นอะไร หมอบอกว่านี่ก็คือการแพ้ท้อง ฉินสือโอวถามอย่างสับสนว่าการแพ้ท้องจะหมดตั้งแต่ระยะสี่เดือนไม่ใช่เหรอ? หมอถามเขาว่าไปรู้มาจากไหน ฉินสือโอวตอบว่าแน่นอนว่าจากกูเกิล
คุณหมอถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ย “อย่าไปหาข้อมูลทางการแพทย์ทั่วไปบนกูเกิลโอเคไหม? ถ้ากูเกิลมีประโยชน์จริงจะมาโรงพยาบาลทำไม? การแพ้ท้องไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงไหนอย่างแน่ชัด ในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์มีคนที่มีอาการแบบนี้ไม่น้อย นี่ก็มีส่วนเกี่ยวกับสภาพร่างกายของคุณแม่ด้วย”
ขากลับที่ข้อมือของวินนี่ก็มีสายรัดข้อมือมาด้วย สายรัดข้อมือป้องกันอาการคลื่นไส้
สายรัดข้อมือป้องกันอาการคลื่นไส้เป็นของที่ใช้บรรเทาอาการอาเจียนที่เป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรปและอเมริกา หลักการคือมันจะบรรเทาอาการแพ้ท้องโดยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางผ่านการกระตุ้นจุด สามารถป้องกันการเมาเรือได้ด้วย
จ่ายไปหนึ่งร้อยห้าสิบแคนาดาต่อหนึ่งอัน ฉินสือโอวเอาสายรัดมาผูกไว้ที่ข้อมือเธอแน่น ปุ่มกระตุ้นบนสายรัดก็กดลงบนจุดตรงข้อมือด้านใน เห็นว่าแบบนี้จะยับยั้งส่วนที่ควบคุมการอาเจียนในสมองได้
หลังจากที่ใส่สายรัด วินนี่พักครู่หนึ่งก็พยักหน้าให้ฉินสือโอว บอกว่ารู้สึกดีขึ้นมาก ฉินสือโอววางใจได้แล้ว แม้เขาจะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่มีทางเห็นผลไวแบบนี้ วินนี่แค่อยากให้เขาสบายใจเลยพูดออกมาแบบนั้น
พอกลับไปที่วิลล่า ฉินสือโอวเห็นเบิร์ด แบล็คไนฟ์ และทหารอีกสองสามคนกำลังล้อมฉงต้าทำอะไรบางอย่าง เขาเข้าไปถามอย่างแปลกใจ “พวกนายทำอะไรอยู่? เป็นไข้หวัดหายกันหมดแล้วเหรอ? หายแล้วก็ไปออกทะเล ไปจับปลาโอแถบกับปูราชินีกัน!”
แบล็คไนฟ์ทำท่าเคารพแบบทหารอเมริกัน ฉินสือโอวบอกว่าตามระเบียบพัก จากนั้นแบล็คไนฟ์ก็พูดยิ้มๆ “เบิร์ดกำลังฝึกฉงต้า อยากจะฝึกให้มันเป็นหมีทรัฟเฟิล”
“หมีทรัฟเฟิล? คืออะไร?” ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจ
เบิร์ดอธิบายให้เขาฟัง ทรัฟเฟิลจะโตแค่ในธรรมชาติเท่านั้นแถมยังไม่มีกฎการอยู่รอดตายตัวด้วย นั่นจึงทำให้ต้องการผู้ช่วยในการเก็บทรัฟเฟิล
ที่ฝรั่งเศสคนมักจะชินกับการเอาหมูตัวเมียมาเป็นผู้ช่วยมือดีในการเก็บทรัฟเฟิลดำ ประสาทดมกลิ่นของหมูตัวเมียไวมาก แล้วยังไวต่อกลิ่นของทรัฟเฟิลมากด้วย เพราะกลิ่นของสิ่งนี้คล้ายกับแอนโดรสเตนอลที่กระตุ้นการสืบพันธุ์ในหมูตัวเมีย
ว่ากันว่าหมูตัวเมียสามารถได้กลิ่นทรัฟเฟิลที่ฝังอยู่ใต้ดินลึก 25 ถึง 30 เซนติเมตรจากจุดที่ห่างไปมากกว่า 6 เมตร จากนั้นก็ขุดขึ้นมากิน
แต่ที่อิตาลี คนจะชอบใช้หมาล่าเนื้อตัวเมียที่ผ่านการฝึกเพื่อมาหาทรัฟเฟิล หมาล่าเนื้อมักจะใช้อุ้งเท้าทำเครื่องหมายไว้ตรงจุดที่มีทรัฟเฟิลเพื่อรอจนเจ้านายมา แล้วใช้คราดอันเล็กขุดเอาทรัฟเฟิลแสนหายากออกมาจากดินอย่างระมัดระวัง
ฉินสือโอวเกาหัวแล้วเอ่ยปาก “แล้วไง?”
“ประสาทดมกลิ่นของหมีดีกว่าหมาแล้วก็หมูตัวเมีย ถ้าสามารถฝึกฉงต้าได้ งั้นเราก็ให้มันขึ้นเขาไปหาทรัฟเฟิลได้แล้ว มันแพงยิ่งกว่าทองตั้งเยอะ ปอนด์หนึ่งขายได้เป็นหมื่นดอลลาร์เลยนะครับ!” เหล่าทหารรับจ้างพูดอย่างอารมณ์ดี
“ใช่ เรารีบฉวยโอกาสตอนนี้ที่ทรัฟเฟิลยังไม่เน่าขึ้นเขาไปขุดออกมา โอกาสทองแบบนี้ พระเจ้าส่งมาให้ตรงหน้าแล้วเราจะปล่อยไปไม่ได้ ไม่ใช่เหรอครับ?”
ทรัฟเฟิลเป็นราชนิดที่แปลกมาก มันมีขนาดไม่แน่นอน มีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่วเหลืองไปจนใหญ่เท่ากำปั้น แต่นี่ก็ไม่เกี่ยวกับอายุเลย เพราะวงจรชีวิตของพวกมันมีเพียงหนึ่งปี เติบโตไปตามความเปลี่ยนแปลงของทั้งสี่ฤดู
โดยทั่วไปแล้วทรัฟเฟิลดำมักจะเข้าสู่ช่วงสุกงอมในเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคมของอีกปี หลังจากนั้นก็จะสุกเกินไป จากนั้นทรัฟเฟิลก็จะเน่าแล้วย่อยสลายไป
บทที่ 909 หลักสูตรฝึกอบรม
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่น่าไหว เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ถ้าจะหาเงินไม่สู้เราออกทะเลไกลกันครั้งหนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ”
นีลเซ็นดูจนวินนี่กลับเข้าวิลล่าไปแล้วค่อยเข้ามาร่วมวงพลางพูดแบบมีลับลมคมใน “บอส ทุกคนไม่ได้ทำแค่เพื่อเงินนะครับ สิ่งนี้บำรุงพลังชายด้วย! ใช่ ของดีเลยล่ะ กษัตริย์ฝรั่งเศสแต่ก่อนก็ใช้เจ้านี่แหละ!”
ฉินสือโอวแค่นเสียงเย็นก่อนจะถามขึ้น “ความหมายของพวกนายคือ บอสผมไม่ไหว? ต้องเอามาให้ได้ อย่างนั้นเหรอ?”
นีลเซ็นรีบพูดทันที “แน่นอนว่าบอสแข็งแรงไม่มีอะไรเทียบ แต่บอสไม่อยากให้ตัวเองแข็งแรงกว่านี้อีกหน่อยเหรอครับ?”
ฉินสือโอวเกาจมูกแล้วเอ่ยถาม “ทำได้จริงเหรอ?”
เบิร์ดก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว คนฝรั่งเศสใช้กลิ่นชะมด น้ำอสุจิ แล้วก็ผ้าปูที่นอนสาวบริสุทธิ์มาพรรณนาถึงกลิ่นที่ทรัฟเฟิลปล่อยออกมา ของที่ส่งกลิ่นแบบนี้สามารถกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนเพศชายได้”
ฉินสือโอวพยักหน้า เขาคว้าฉงต้าไว้แล้วพูดอย่างจริงจัง “เรียนรู้ให้ดี ฝึกให้เยอะๆ รีบขึ้นเขาไปหาทรัฟเฟิลมาให้พ่อ รู้ไหม?”
ฉงต้ามองฉินสือโอวแบบอึ้งๆ จากนั้นก็กางอุ้งมือกอดขาเขาไว้ก่อนจะร้องอุ้ๆ
ฉินสือโอวในตอนนี้โหดอย่าบอกใคร เขาลากฉงต้าออกแล้วยัดเข้าอกของเบิร์ดอย่างกับผู้ปกครองที่ลูกส่งให้ครูแล้วเอ่ยขึ้น “ฝึกให้หนัก วางใจได้ มีฉันอยู่ทั้งคน! ไม่เรียนให้ดีก็ตีเลย!”
หู่จือกับเป้าจือมองหน้ากันเองแล้วถอนหายใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ให้ตายสิ ดีนะที่พวกเราฉลาดไม่ต้องฝึก ไม่อย่างนั้นลำบากแน่เลย!
เบิร์ดกับคนอื่นๆ ฝึกฉงต้ากันอย่างจริงจัง พวกเขาเริ่มจากหาจานบินที่เมื่อก่อนฉินสือโอวใช้เล่นกับหู่จือและเป้าจือเอามาโยนออกไปให้ฉงต้าไปเก็บกลับมา
ฉงต้ามองเหล่าทหารเหมือนมองคนบ้า จากนั้นก็หาที่สะอาดๆ นอนแผ่พุงอาบแดด แสงแดดอบอุ่นขนาดนั้น คนโง่เท่านั้นล่ะที่จะวิ่งไปเล่นเก็บจานบิน ไอคิวจะต่ำลงกลายเป็นหมีโง่เอาได้นะ!
เหล่าทหารลากฉงต้าขึ้นมาแล้วชี้ไปที่จานบินให้มันไปเก็บมา ฉงต้ารำคาญจนไม่รู้จะรำคาญอย่างไร มันทำเป็นจะไปเก็บจานบิน แต่ปรากฏว่าพอไปได้ครึ่งทางก็เลี้ยววิ่งไปทางวิลล่า
พวกทหารต่างก็ฉุนกันจนขึ้นจมูก พวกเขาเจ็ดแปดคน แต่กลับโดนหมีหลอกเอาได้ ชาวประมงที่มุงล้อมดูเฮฮากันใหญ่ ชี้ไปที่พวกทหารพลางหัวเราะร่ากันไม่หยุด
เหล่าทหารจึงไล่ตามมาข้างหลังแล้วดักหน้าดักหลังฉงต้า อย่าคิดแต่ว่ามันอ้วน มันเป็นเจ้าหมีอ้วนที่มีไหวพริบ แถมยังแรงเยอะ มันวิ่งไปบนสนามหญ้าทิ้งห่างเหล่าทหารไปไกลโข
บางทีเหล่าทหารอาจจะดักมันได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ? แค่ฉงต้าชนก็กระเด็นแล้ว วิ่งต่อ!
แบล็คไนฟ์วิ่งไล่ตามจนเหงื่อแตกทั้งตัวพลางก่นด่าไปด้วย “ให้ตายสิ! ทำไมเอ็นเอฟแอลไม่ให้หมีเข้าร่วมทีม? ถ้าเรามีเพื่อนร่วมทีมแบบฉงต้าคงได้เข้าซูเปอร์โบวล์ทุกปี ได้รับเงินรางวัลกันจนมือล้าแน่!”
เอ็นเอฟแอลเป็นชื่อย่อของเนชันแนลฟุตบอลลีก เป็นที่รู้จักในฐานะลีกกีฬาเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ซูเปอร์โบวล์เป็นชื่อของรอบชิงชนะเลิศเอ็นเอฟแอล ถูกเรียกว่ารายการพิเศษช่วงตรุษจีนของอเมริกา
ตอนหลังในที่สุดก็ขวางฉงต้าไว้ได้ เหล่าทหารรู้ว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้เลยเริ่มใช้ไม้อ่อน
บีบีซวงไปหาปลาคาพีลินอ้วนๆ มาตัวหนึ่ง จากนั้นก็โยนออกไป ครั้งนี้ไม่ต้องให้พวกเขาสั่ง ฉงต้าก็วิ่งออกไปหาปลาคาพีลินที่ร่วงลงบนพื้นหิมะอย่างรวดเร็วราวกับลูกบอลไขมัน
เหล่าทหารผิวปากปรบมือฉลองกัน แต่ปรากฏว่าพอฉงต้าหาปลาเจอมันก็ไม่ได้เอากลับมา แต่ยัดเข้าปากแล้วเริ่มกิน
เหล่าชาวประมงหัวเราะกันอีกครั้ง แลนซ์พูดขึ้นว่า “พวกนายโง่จริงหรือว่าแกล้งโง่? จอมตะกละอย่างฉงต้าแบบนี้ พวกนายคิดว่าอาหารที่ถูกมันเล็งจะยังเอากลับมาได้เหรอ?”
ฉินสือโอวเกยหน้าหัวเราะอยู่บนรั้วไม้หน้าวิลล่า นั่นสิ พวกทหารบื้อกันจริงๆ
พวกที่เป็นทหารมีความอึด บีบีซวงไปเอาปลามาอีกหลายตัวแล้วโยนออกไป ฉงต้าไปหาก็จริงแต่ก็ไม่มีตัวไหนที่ได้กลับคืนมา ล้วนแล้วแต่โดนยัดเข้าปากกินไปหมด
ฉินสือโอวนึกว่าพวกทหารจะอารมณ์บูด ในตอนนั้นเองเบิร์ดก็ล้วงเอาเหยื่อพลาสติกที่มักเอาไว้ใช้ตกปลาทูน่าออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นปลาแฮร์ริ่งพลาสติกเลียนแบบของจริง จากนั้นก็โยนออกไป
ฉงต้าหาปลาแฮร์ริ่งเจออีกครั้ง ปรากฏว่าพอเอาขึ้นมาดมๆ ดูกลิ่นกลับทะแม่งๆ มันมองดูปลาแฮร์ริ่งที่ดูอย่างไรก็น่าอร่อยด้วยสายตาสงสัย วิ่งเอากลับมาให้เหล่าทหาร สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
เหล่าทหารชูนิ้วกลางให้ชาวประมงแล้วพูดขึ้น “พวกแกนี่น่ากลัวจริงๆ เฮ้เพื่อน นี่เรียกว่าอุบาย รู้ไหม?”
ขอแค่ฉงต้าเก็บปลาแฮร์ริ่งกลับมาครั้งหนึ่งเรื่องหลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว เบิร์ดเทน้ำเชื่อมลงบนองุ่นแดงที่เตรียมไว้แล้วเอาให้ฉงต้า ให้มันรู้ว่าการเก็บของกลับมาจะมีรางวัล แบบนี้ฉงต้าก็เข้าใจแล้ว พอโยนออกไปอีก มันก็เก็บกลับมาแล้วแลกเปลี่ยนกับของกิน
แลกไปไม่กี่รอบ ฉงต้าก็รู้สึกว่าเกมนี้หมดสนุกแล้ว มันวิ่งอย่างเกียจคร้านไปหาฉินสือโอว แล้วยังนั่งอาบแดดด้วยกันด้วย
เหล่าทหารไม่ได้ไล่ตามฉงต้าให้มาฝึกต่อ ต่าพากันไปพักเหมือนกัน บูลพูดยิ้มๆ ว่าพวกนายจะยอมแพ้แล้วเหรอ? แบล็คไนฟ์พูดแบบไม่ใส่ใจ “สมอง เพื่อน ใช้สมองหน่อย ทางสายกลางรู้จักไหม?”
“ไม่รู้จัก”
“ให้ตายเถอะ ฉันไม่คุยกับพวกไร้การศึกษาแล้ว” แบล็คไนฟ์พูดอย่างหัวเสีย พวกชาวประมงหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ข้างหลัง พวกเขายินดีเห็นพวกทหารยอมแพ้มากๆ
แต่เหล่าทหารไม่ได้ยอมแพ้ง่ายขนาดนั้น ตอนมื้อเย็นเหล่าทหารขอฉินสือโอวว่าอย่าให้อาหารฉงต้า ปล่อยให้มันหิว
วันที่สองตอนที่พวกทหารปรากฏตัวพร้อมปลาแฮร์ริ่งพลาสติกกับผลไม้ ฉงต้าก็ลุกขึ้นมาทันทีแล้ววิ่งไปรอของกินพลางเลียปากไปด้วย
โยนปลาแฮร์ริ่งพลาสติกไปไม่กี่รอบฉงต้าก็คุ้นเคยกับขั้นตอน พวกทหารเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เปลี่ยนเป็นชีส ชีสหมักที่มีกลิ่นคล้ายกับทรัฟเฟิลเล็กน้อย
พวกเขาเอาชีสซ่อนไว้ เริ่มจากซ่อนไว้ในที่ที่ห่างจากฉงต้าสี่ห้าเมตรให้มันไปหา ถ้าหาเจอก็ได้ของกิน
ฉงต้าชอบเกมนี้มากๆ เพราะมันก็กินชีสด้วย…
เหล่าทหารต่างจนใจ ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเกิดความรู้สึกอยากยอมแพ้ เพียงแต่แบล็คไนฟ์ยังคงพูดกับฉินสือโอวว่า “ฉงต้าฉลาดมาก ผมไม่เคยเจอสัตว์ที่ฉลาดขนาดนี้มาก่อนรวมถึงหมาทหารด้วย ที่จริงของพวกนี้เรียนรอบเดียวมันก็เป็นแล้ว”
“เพียงแต่มันทั้งขี้เกียจแถมยังตะกละอีก!”
ใช่ ฉงต้าทั้งขี้เกียจทั้งตะกละ แต่นี่ก็เป็นธรรมชาติของมัน ฉินสือโอวกับวินนี่ก็เปลี่ยนไม่ได้
ไม่นานพวกทหารก็หาวิธีได้อีก ปลาแฮร์ริ่งพลาสติกกลวงตรงกลาง สามารถยัดเนื้อปลาเนื้อกุ้งเพื่อส่งกลิ่นล่อปลาใหญ่ในทะเล เหล่าทหารยัดชีสหมักลงไปตรงกลาง แบบนี้ฉงต้าก็กินไม่ได้แล้ว
พอทำอะไรไม่ได้ ฉงต้าได้แต่หาปลาแฮร์ริ่งพลาสติกแล้วเอากลับมาแลกของกิน ประสาทดมกลิ่นของมันไวมาก ระยะห่างห้าสิบหรือหกสิบเมตรก็หาเจอได้ง่ายๆ จากนั้นก็ใช้อุ้งมืออ้วนขุดออกมา เอากลับมาให้พวกทหารแลกของกิน
ระยะห่างยาวที่สุดคือประมาณหนึ่งร้อยเมตร ตอนที่เหล่าทหารฝังปลาแฮร์ริ่งไว้ในระยะเกินร้อยกว่าเมตร ฉงต้าก็ไม่ขยับตัวแล้ว
เบิร์ดและคนอื่นๆ พอใจแล้ว “หนึ่งร้อยเมตร สำหรับบนเขาก็ถือว่าไกลพอแล้ว ขอบเขตที่หมูทรัฟเฟิลกับหมาล่าทรัฟเฟิลสามารถค้นหาได้ก็คือประมาณสิบกว่าหรือยี่สิบเมตรเท่านั้นเอง!”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา พวกเขาคิดว่าหนึ่งร้อยเมตรเป็นขีดจำกัดของฉงต้า? ไม่ จากที่เขาเข้าใจจอมขี้เกียจอย่างฉงต้า เจ้านี่ก็แค่คิดว่า วิ่งเกินร้อยเมตรหาของแลกแค่ผลไม้นิดเดียวไม่คุ้ม!
บทที่ 910 แย่งอาณาเขต
Ink Stone_Fantasy
พวกทหารภูมิใจในตัวเองที่สามารถฝึกฉงต้าได้สำเร็จ ฉินสือโอวหาวแล้วเอ่ยถาม “ที่พวกนายว่าฝึกฉงต้าก็คือแบบนี้เองเหรอ?”
แบล็คไนฟ์พูดอย่างเย่อหยิ่ง “แน่นอนบอส นี่ก็คือการฝึกแบบวิทยาศาสตร์…”
ฉินสือโอวพูดแทรกเขา หยิบชีสหมักขึ้นมาชิ้นหนึ่งไปซ่อนไว้ที่หลังต้นไม้ห่างออกไปสองร้อยกว่าเมตร พอกลับมาเขาก็เอามือไปป้ายบนจมูกของฉงต้าแล้วพูดว่า “ไป ไปเอาของกลับมาให้พ่อ”
ฉงต้าบุ้ยปากนั่งลงบนพื้นเอาแต่สนใจเล่นอุ้งมืออ้วนของตัวเอง ดูมีความสุขใช่เล่น
คราวนี้ถึงตาพวกทหารหัวเราะเยาะบ้าง แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “บอส ฉงต้าเป็นหมีสีน้ำตาล พวกมันไอคิวต่ำมาก คุณคุยกับมันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาไม่ได้สนใจพวกทหารที่หัวเราะเขาอยู่ แต่โอบคออ้วนของฉงต้าแล้วพูดว่า “แม่วินนี่ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีหรอกนะ ที่รัก ฉันเอาแกให้เธอจัดการเป็นไง? ให้เธอเอาแกไปลดความอ้วนระบายอารมณ์เวลาหงุดหงิด?”
ตาดำของฉงต้าเคลื่อนไปมา ไขมันบนหน้าสั่นกระตุก หลังจากนั้นก็ลุกพรวดขึ้น ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นชีสบนมือของฉินสือโอว จากนั้นก็วิ่งไปทางต้นไม้ใหญ่อย่างไม่ลังเล
มันวิ่งไปหลังต้นไม้ ใช้อุ้งเท้าคุ้ยหาชีส ฉงต้าคาบไว้ในปากแล้ววิ่งกลับมา จากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าฉินสือโอวด้วยท่าทีเชื่องแล้วเอาชีสวางลงบนฝ่ามือของเขา มันยังประจบโดยการแลบลิ้นออกมาเลียมือของเขาด้วย
เหล่าทหารสังเกตเห็น หางสั้นๆ ของเจ้านี่กระดิกรัวอย่างรวดเร็วอย่างกับหมา
ฉินสือโอวยักไหล่ให้พวกทหาร เหล่าทหารสะบัดหมวกทิ้งไปแล้วเริ่มก่นด่า “ขี้โกงนี่!” “ไอ้เวรฉงต้า แกมานี่ ฉันรับรองว่าจะไม่ตีแกจนตาย!” “บอสแกล้งเราเกินไปแล้วนะ!”
นีลเซ็นทำหน้าเหมือนเจ็บปวดแล้วโอดครวญ “ทำไมบอส ทำไมบอสถึงดูพวกเราเป็นตัวตลก?”
ฉินสือโอวปลอบเขาว่า “ชีวิตในฤดูหนาวน่าเบื่อเกินไปจริงๆ ถ้าไม่มีพวกบื้ออย่างพวกนายมาคอยทำให้หัวเราะ ฉันคงจะจำศีลแบบเบื่อๆ”
“ให้ตายเถอะ!”
ฉงต้ามีความสามารถที่จะหาทรัฟเฟิล นี่คือการค้นพบที่ไม่เลว ฉินสือโอวตั้งใจจะพามันขึ้นเขาไปหาทรัฟเฟิลจริงๆ แน่นอนว่าประเด็นคือพวกเขาต้องโชคดี เข้าไปใกล้ตำแหน่งที่ทรัฟเฟิลอยู่
ปรากฏว่าในคืนวันที่เขาตัดสินใจนั้นเอง พยากรณ์อากาศก็รายงานข่าวร้ายอีก กระแสลมเย็นอาร์กติกลงไปทางใต้อีกครั้ง นครเซนต์จอห์นกำลังจะมีหิมะตก เทศบาลต่างเคลื่อนไหวเตือนให้ประชาชนกักตุนอาหารและเชื้อเพลิงเพื่อรับมือกับสภาพอากาศอันเลวร้าย หิมะครั้งนี้ไม่มีทางตกเบาแน่ๆ
วันที่สองเหมาเหว่ยหลงพาภรรยากับตั๋วตั่วมาที่ฟาร์มปลา ตอนที่ฉินสือโอวรับสายเขาก็ตกใจยกใหญ่ เขาพูดว่า “แกมาที่ฟาร์มฉันทำอะไร? ไม่อยู่ในฟาร์มแห่งสวรรค์ของแกแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เขาเชิญเหมาเหว่ยหลงมาเที่ยวเล่นหลายครั้งแต่เจ้านี่ไม่ยอมมา บอกว่าที่ฟาร์มปลาสบายไม่เท่าที่ฟาร์มของเขา ที่นั่นถึงจะเป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์
ถอดเสื้อนอกหนาออก เหมาเหว่ยหลงก็ยิ้มแฉ่ง “ให้ตายสิ ฉันมาจำศีลที่บ้านแกไง หิมะลูกนี้จะกลบรัฐออนแทรีโอกับนิวฟันด์แลนด์ ฟาร์มฉันก็มีแค่สามคน เปิดเครื่องทำความร้อนก็เปลืองเกินไป ไม่สู้มาขอแบ่งความอุ่นจากแกดีกว่า”
ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งชี้ไปที่เขาแล้วพูดชม “แกนี่ฉลาดจริงๆ คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด คนเราพอแต่งงานก็โตเป็นผู้ใหญ่ แกก็ประหยัดเป็นด้วยเหรอ? หาได้ยากแท้!”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะพลางเก็บห้อง ตั๋วตั่วเปิดลังกระดาษที่พวกเขาเอามาด้วย อเมริกันบูลลี่ห้าตัวที่โตพอๆ กับลูกหมูต่างก็แย่งกันวิ่งออกมา
ฉินสือโอวเบิกตาโพลงแล้วพูดกับเหมาเหว่ยหลง “แกก็ไม่เกรงใจเพื่อนเลยจริงๆ ในบ้านมีใครก็พามาครบหมด?”
เหมาเหว่ยหลงหันมายิ้ม “เปล่า โคนมฉันฝากข้างบ้านแล้วก็เลยไม่ได้เอามาด้วย”
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดแบบหงอยๆ “ที่ควรเอามาก็ไม่เอามา ไม่ควรเอามาก็เอามาหมด”
ถ้าเอาโคนมมา ตอนเช้าเวลากินนมก็ไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว ถ้าเกิดหิมะปิดถนนยังกินเนื้อวัวได้ด้วย
ปรากฏว่าพอเขาพูดจบแล้วมองลงไปก็เจอกับตั๋วตั่วที่มองเขาด้วยสีหน้าปวดใจ
ฉินสือโอวหยิกแก้มยุ้ยบนหน้าของเธอแล้วปลอบใจ “เอาน่ะ ที่พ่อทูนหัวบอกว่าไม่ควรเอามาไม่ได้หมายถึงหนู ตั๋วตั่วเป็นคุณหนูตัวน้อยในฟาร์มปลา มาฟาร์มปลาตอนไหนก็ต้อนรับทั้งนั้น”
จู่ๆ วินนี่ที่กำลังช่วยหลิวซูเหยียนเก็บสัมภาระก็มองไปทางตั๋วตั่วด้วยสายตาแปลกๆ แล้วพูดขึ้นมา “ประสาทการได้ยินของเด็ก หายแล้วเหรอคะ?!”
ฉินสือโอวก็เพิ่งสังเกต นั่นสิ ก่อนหน้านี้ตั๋วตั่วไม่ได้สูญเสียการได้ยินเพราะป่วยหรอกเหรอ? เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น เมื่อกี้น่าจะเข้าใจสิ่งที่ฉินสือโอวพูดนี่
ใบหน้าของหลิวซูเหยียนผุดรอยยิ้มพอใจออกมา เธอโบกมือเรียกตั๋วตั่วมากอดไว้ในอ้อมอกแล้วพูดเสียงค่อย “ขอบคุณพระเจ้า แฮมิลตันมีโรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดีมากคนหนึ่ง พวกเขาทำการรักษาตั๋วตั่ว ใส่คอเคลียเทียมให้เธอ ตอนนี้เธอกลับมาได้ยินส่วนหนึ่งแล้ว!”
ได้ยินคำของแม่ ตั๋วตั่วก็พยักหน้า อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งเสียง เพียงแค่ซุกหัวเข้ากับอกของหลิวซูเหยียน
ฉินสือโอวกับวินนี่แปลกใจมาก นี่เป็นข่าวดีจริงๆ ขอแค่ได้การฟังกลับคืนมา งั้นต่อไปทักษะภาษาก็จะค่อยๆ ฟื้นกลับมา!
หิมะกำลังจะตก โรงเรียนแกรนท์ก็เลยหยุดเรียนอีกแล้ว พวกเชอร์ลี่ย์กำลังเล่นกับตั๋วตั่ว
ฉินสือโอวมองดูเด็กๆ วิ่งเล่นเกลือกกลิ้งกันอยู่ในวิลล่าในใจก็รู้สึกดีใจ เขาโทรไปหาที่บ้าน ปีใหม่ปีนี้ไม่กลับไปแล้วให้พ่อแม่มาฉลองปีใหม่ที่นี่ วินนี่ในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะนั่งเครื่องนานๆ บนเที่ยวบินที่ทางไกล
ทางพ่อฉินยุ่งจนตัวเป็นเกลียว โรงแรมในเมืองเลือกสถานที่เสร็จแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนซ่อมแซม พ่อฉินก็กำลังช่วยดู
เด็กๆ กำลังเล่นกัน อเมริกันบูลลี่ทั้งห้าตัวก็เล่นกันอยู่ เหมาเหว่ยหลงนั่งเครื่องมาถึงเซนต์จอห์นแล้วก็เปลี่ยนขึ้นเรือข้ามฟาก พวกอเมริกันบูลลี่โดนยัดอยู่ในกล่องตลอดทางจนเบื่อแทบตาย
พอออกมาได้ พวกมันก็บ้ากันใหญ่ ปลดปล่อยพลังที่ถูกกักไว้ตลอดทาง
วิ่งไปครู่หนึ่ง อเมริกันบูลลี่ตัวหนึ่งยกขาขึ้นฉี่ที่ประตู
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ผลักเหมาเหว่ยหลงให้เขาไปเอาไม้ถูพื้นมาทำความสะอาด ปรากฏว่าหลังจากที่อเมริกันบูลลี่ตัวนี้ฉี่เสร็จ ตัวอื่นก็เริ่มฉี่เลียนแบบ เพียงแต่พวกมันไม่ได้ฉี่ที่ประตู แต่กระจายกันไปฉี่ที่อื่น
อีกอย่าง พวกมันฉี่แบบทีละนิดละหน่อย เปลี่ยนที่ไปหลายที่
ฉินสือโอวเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหันไปด่าเหมาเหว่ยหลง “แกสอนเจ้าพวกนี้อย่างไรเนี่ย? พวกมันมาเป็นแขกหรือมาก่อสงครามคุกคาม? นี่มันฉี่กำหนดอาณาเขตนี่!”
เหมาเหว่ยหลงเองก็อึ้งไปแล้วพูดอย่างจนใจ “ฉันไม่ได้ดู เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
พอเหล่าอเมริกันบูลลี่ฉี่ หู่เป้าฉงหมาป่าหลัวปอและลิงซ์ก็โกรธทันที ในสายตาของสัตว์ป่า นี่ไม่ต่างอะไรกับการแย่งอาณาเขต เจ้าพวกนี้ปกติเวลาอยู่บ้านนอกจากแย่งความรักแล้ว ก็แย่งอาณาเขตกัน
ภายในยังตกลงกันไม่ได้เลย แล้วยังมีตัวใหม่มาแย่งอีกเหรอ? ไม่ต้องพูดมาก จัดการมันเลย!
บทที่ 911 วันที่หิมะปิดเขา
Ink Stone_Fantasy
หู่จือกับเป้าจือเป็นพวกราชาน้อยเจ้าอารมณ์ ทั้งสองตัวใช้ข้อได้เปรียบทางขนาดตัวและเรี่ยวแรงเข้ากระโจนใส่อเมริกันบูลลี่อ้วนทั้งสอง
พวกฉงต้า หลัวปอก็โจมตีตามมาติดๆ ล้อมอเมริกันบูลลี่สามตัวที่เหลือ
หมาอเมริกันบูลลี่ได้ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าพวกมันนิสัยอย่างไร แม้ว่าพวกมันจะถูกมองว่านิสัยอ่อนโยนน่ารัก ใจกว้างและเป็นมิตรกับเด็กมาก แถมยังไม่แอคทีฟจนเกินไป แต่ต้องเข้าใจเหมือนกันว่าพันธุ์นี้ได้มาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างพิทบูล เทอร์เรียกับสแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียร์
พิทบูล เทอร์เรียเป็นหนึ่งในพันธุ์หมาที่ดุร้ายและต่อสู้เก่งที่สุด เป็นทิเบตัน มาสทิฟฟ์ในตำนาน ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ดี จากนี้ก็รู้ได้ว่า บูลลี่ในฐานะทายาท ต่อให้นิสัยดีขนาดไหนก็ดีไม่ได้เท่าไร
ต่อให้เรี่ยวแรงอยู่ในฐานะเสียเปรียบ แต่เหล่าอเมริกันบูลลี่ก็ไม่กลัว ทั้งสองดิ้นรนอยู่ใต้ร่างของหู่จือเป้าจือ อีกสามตัวรวมตัวกัน ถลึงตาเผยเขี้ยวคมและเห่าใส่ฉงต้า
ส่วนหลัวปอนั้นโดนมองข้าม ซึ่งทำให้ราชาหมาป่าขาวโกรธมาก
น่าเสียดายราชาหมาป่าน้อยไม่มีโอกาสแผลงฤทธิ์ ตั๋วตั่วเห็นหมาสามตัวของตัวเองโดนรังแกก็ร้อนใจจนตาแดง ดึงมือของวินนี่ด้วยสีหน้าร้อนใจ
วินนี่ออกมาตะโกน “พอแล้วเด็กๆ อย่าทำกับแขกแบบนี้! กลับมาให้หมด!”
หู่เป้าฉงหลัวได้ยินเสียงตะโกนของเธอก็เก็บความต้องการที่จะโจมตีทันที ฉงต้าเดิมทีกางอุ้งมือเตรียมตบเจ้าตัวจ้อยทั้งสาม และคาดการณ์ได้ว่าด้วยแรงของฉงต้าตอนนี้ ตบลงไปทีเดียวต่อให้ไม่ได้ตบจนพวกอเมริกันบูลลี่ไส้แตก ก็คงฉี่ราดจนหมดระหว่างทาง
พอวินนี่ตะโกน ฉงต้าก็เก็บอารมณ์สำรวมขึ้น มันหันตัวมาตบหัวของเจ้าสามตัวเบาๆ จากนั้นเจ้าอเมริกันบูลลี่กำยำทั้งสามก็หมอบลงกับพื้น…
ตีกันไม่ได้ พวกหู่เป้าฉงหลัวก็มีวิธีอื่นอีก พวกมันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งไปหาวินนี่เพื่อขอน้ำดื่ม จากนั้นก็มุ่งไปที่จุดที่พวกอเมริกันบูลลี่ฉี่เอาไว้ ยกขาขึ้นแล้วปล่อยฉี่ที่มากกว่าเดิม
หลังจากนั้นตอนที่กินอาหารเย็น จู่ๆ เหมาเหว่ยหลงก็พบว่าอเมริกันบูลลี่ของเขาตัวเปียก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงอุทานออกมา “อะไรกันเนี่ย ไอ้ฉิน ไอ้พวกนี้ที่บ้านแกคงไม่ได้ฉี่ใส่หมาฉันหรอกนะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแห้ง เรื่องนี้ก็เป็นไปได้แฮะ
สภาพอากาศอึมครึมขึ้นมา กระแสลมเย็นทางเหนือเริ่มพัดเข้ามหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เมื่อไอน้ำทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกใต้เย็นจัด เมฆจะเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า
เด็กๆ กำลังจัดการรถเลื่อนอยู่ที่หน้าประตู พวกเขาตั้งตารอหิมะตกมากที่สุดก็จะ หลังหิมะตกสามารถนั่งรถเลื่อนไปอวดในเมืองได้
ฉินสือโอวเรียกให้พวกเขาไปล้างมือเตรียมตัวกินข้าว ปรากฏว่าตอนนั้นจู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้น กอร์ดอนที่กำลังเสริมความแกร่งให้รถเลื่อนยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาชูสองนิ้วแล้วมองไปทางฉินสือโอวด้วยท่าทีใสซื่อ
ฉินสือโอวตะลึงแล้วเอ่ยถาม “ทำอะไรน่ะ? ฟ้าแลบฟ้าผ่าอยู่ ยกมือขึ้นมาทำไม? อยากโดนผ่าหรือไง?”
กอร์ดอนเงยหน้ามอง บนฟ้ายังคงมีฟ้าแลบปรากฏให้เห็นเป็นระยะแล้วสบถด่าออกมา “ให้ตายสิ! แม่งเอ๊ย ผมนึกว่ามีคนกำลังถ่ายรูปพวกเรา! ผมนึกว่านั่นเป็นแสงแฟลช!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เด็กพวกนี้โดนถ่ายรูปจนบ๊องไปแล้ว จริงอยู่ ก่อนหน้านี้ขอแค่พวกเขาอยู่กับรถเลื่อนก็จะมีคนมาถ่ายรูปพวกเขา ปรากฏว่ากลับกลายเป็นการเรียนรู้อย่างมีเงื่อนไข
มิเชลก็ลุกขึ้นตามกอร์ดอน เพียงแต่เธอยังถือว่าฉลาด พอเห็นว่าไม่ชอบมาพากลก็นั่งลงอีก เธอถามขึ้น “ฉิน ฤดูหนาวทำไมถึงมีฟ้าแลบฟ้าร้องได้ล่ะครับ? จะมีปัญหาอะไรไหมครับ?”
ฤดูหนาวไม่ค่อยจะมีฟ้าแลบจริงๆ ฉินสือโอวอธิบาย “เรื่องนี้ก็ปกติ เรียกว่าฟ้าร้องในฤดูหนาว เกี่ยวข้องกับความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างโทรโพสเฟียร์และพื้นดิน รีบกลับเข้าข้างในกันเถอะ กระแสลมเย็นมาแล้ว หิมะจะตกแล้ว”
ในเมื่อหิมะลูกโตกำลังจะมาแล้ว ฉินสือโอวเลยไปรับแซนเดอร์สและคนอื่นๆ รวมสามคนมาล่วงหน้า บ้านของจางเผิงไม่ได้อยู่ในเซนต์จอห์น ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์เพื่อจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยถึงจะมาทำงานได้ ฉินสือโอวส่งสัญญาจ้างแรงงานอิเล็กทรอนิกส์ไปให้เขาดูก่อนว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่
พอคนเยอะฉินสือโอวก็เอาเตาแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาทำหม้อไฟ ตกกลางคืนเกล็ดหิมะก็เริ่มโปรยปรายลงมา ลมทะเลเย็นเยือกพัดเกล็ดหิมะกระทบหน้าต่างจนส่งเสียง ‘กุกกัก’ ในเวลาแบบนี้การได้กินหม้อไฟในบ้านแสนอบอุ่นเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุด
ฉินสือโอวเตรียมอาหารทะเลและเนื้อไว้มากมาย หลังจากที่หม้อไฟเดือด เขาเอาหอยงวงช้างหั่นชิ้นให้เหมาเหว่ยหลงแล้วพูดว่า “ไอ้นี่น่ะนายต้องกินให้เยอะๆ มันดีต่อสุขภาพ”
เหมาเหว่ยหลงรู้ว่าเขาไม่มีอะไรดีๆ จะพูด แต่พอหอยงวงช้างหั่นชิ้นก็ดูไม่ออกแล้วว่าคืออะไร เขาเลยลวกมันแล้วโยนลงไปในชามของหู่จือแล้วพูดยิ้มๆ “ฉันไม่รีบร้อน ให้พวกลูกชายแกบำรุงไปก่อนเถอะ”
ไอน้ำหม้อไฟอบอวล กลิ่นหอมของซุปพริกเผ็ดฟุ้งกระจายออกมาก่อน ฉินสือโอวเตรียมหม้อออกมาหลายใบ ยังมีหม้อกุ้งมังกรด้วย งมกุ้งมังกรเล็กมาส่วนหนึ่งแล้วตุ๋นล่วงหน้าสองชั่วโมง ตอนนี้กลายเป็นซุปน้ำข้นไปแล้ว
เชอร์ลี่ย์เอามันฝรั่งหั่นแผ่นลงไปต้มในหม้อซุปกุ้งมังกร หลังจากกินลงไปก็ร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “อืม อร่อยจริงๆ เลย”
กอร์ดอนลวกไก่ชิ้นหนึ่ง กลิ่นเนื้อชนกัน สู้การลวกแต่ผักไม่ได้ โดนเฉพาะผักกาดขาว ใบผักแต่ล่ะใบพอต้มด้วยซุปกุ้งมังกรรสชาติทั้งสดทั้งหอม อร่อยกว่าเนื้อลวกเสียอีก
หลังจากนั้นเจ้าพวกตัวยุ่งทั้งหลายก็เริ่มแย่งผักมาลวกในหม้อซุปกุ้งมังกรกัน ฉินสือโอวตั้งอกตั้งใจกินเนื้อแกะลวกของตัวเอง แกะส่วนมากของแคนาดาจะเลี้ยงแบบปล่อย ดัชนีตลาดเนื้อแกะค่อนข้างสูง คุณภาพเนื้อดีกว่าเนื้อแกะชิ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตจีนเยอะ
แน่นอน ที่เขายืนยันจะลวกเนื้อก็เกี่ยวกับมุมมองของเขาด้วย ก่อนหน้านี้ทุกคนบอกว่าเตรียมเนื้อน้อยหน่อย แต่ฉินสือโอวคิดว่ากินหม้อไฟก็ต้องกินเนื้อ เขาให้เบิร์ดหั่นแกะไว้ครึ่งตัวโดยเฉพาะ
วินนี่ลวกมะเขือม่วงให้เขาชิ้นหนึ่งแล้วพูดอย่างโกรธๆ ว่า “พอแล้วค่ะ อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย มาลองชิมผักลวกซุปกุ้งมังกรดู รสชาติเยี่ยมมากเลยนะคะ”
“แล้วยังสารอาหารเยอะด้วย เพราะกุ้งมังกรอุดมไปด้วยแร่ธาตุพวกแคลเซียม โพแทสเซียม” หลิวซูเหยียนพูดเสริม
มะเขือม่วงพอต้มแล้วก็จะนิ่ม แต่ก็จะดูดน้ำซุปกุ้งมังกรไว้เยอะกว่า ฉินสือโอวรับเข้าปากไปยังไม่ทันเคี้ยวน้ำซุปกุ้งมังกรก็เริ่มไหลทะลักออกมาจนในปากเต็มไปด้วยรสชาติอร่อย
เขาทำปากแจ๊บๆ สุดท้ายก็อ้าปากพูดมั่วซั่วไม่ได้ เขาเทเนื้อลวกในจานให้หู่จือกับเป้าจือทั้งหมด ฉินสือโอวก็เข้าร่วมขบวนการแย่งผักด้วย ปรากฏว่าผักที่เตรียมไว้ไม่พอ ครู่เดียวก็กินกันจนหมด
ฉินสือโอวมองดูพายุหิมะด้านนอกพลางสวมเสื้อโค้ตแล้วพูดว่า “โอเค ทุกคนกินกันไปก่อนเลย ผมจะไปเก็บผักในสวนสักหน่อย ยิ่งสดยิ่งอร่อย”
เหมาเหว่ยหลงโบกมือให้เขา ฉินสือโอวคว้าตัวเขาดึงขึ้นมาแล้วแค่นเสียงหัวเราะ “แกคิดว่าฉันจะไปคนเดียวเหรอ? แกนี่ก็ทำตัวเป็นแขกผู้มีเกียรติเสียแล้วนะ? ไปแปลงผักกับฉัน ไม่อย่างนั้นคืนนี้จะโยนให้แกออกไปนอนข้างนอก!”
ยอดอ่อนของผักที่ถูกสัตว์เหยียบคราวที่แล้วเริ่มประคองจนตรงแล้ว พื้นที่ว่างบางส่วนโดนเหยียบไม่มาก คราวนี้สวนผักเรือนกระจกก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เหมาเหว่ยหลงยื่นมือไปดึงแตงกวามากิน แล้วเคี้ยวกรุบๆ อย่างเอร็ดอร่อย ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าสับสน “ฉันก็มีแปลงผัก เมล็ดที่ปลูกก็เหมือนแก ทำไมรสชาติผักที่นั่นใช้ไม่ได้เลย?”
ฉินสือโอวไม่ได้ล้อเลียนเขา แต่ตอบเขาอย่างจริงจัง “แกมันไอ้ทึ่ม เกาะแฟร์เวลฮวงจุ้ยดี เหมาะกับการปลูกผัก รู้หรือไหม?”
บทที่ 912 มาเฟียในหมู่นก
Ink Stone_Fantasy
ในตอนกลางคืนมีทั้งลมทั้งหิมะ วันที่สองก็ยังคงมีหิมะโปรยปราย แต่ว่าไม่ค่อยไม่มีลมแล้ว มีแต่เกล็ดหิมะชิ้นโตที่ร่วงลงมา
เพราะว่าอยู่ติดกับอาร์กติก เกล็ดหิมะที่แคนาดาเลยมีเอกลักษณ์มาก เกล็ดใหญ่ๆ มีขนาดพอๆ กับฝ่ามือเด็กเลยทีเดียว ครั้งแรกที่ฉินสือโอวเห็นก็ตะลึงไปเลยเหมือนกัน
หู่เป้าฉงหลัวเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกมันไม่กลัวหนาว อีกอย่างตอนหิมะตกก็ไม่หนาว ตอนหิมะละลายถึงจะหนาว เจ้าตัวเล็กทั้งหลายวิ่งออกไปกันตั้งแต่เช้า วิ่งเล่นไล่กวดระบายพลังแข็งแกร่งไปบนหิมะ
เกล็ดหิมะร่วงลงบนตัวของพวกมัน บวกกับที่พวกมันมักจะเกลือกกลิ้งเล่นกันบนพื้นหิมะ ครู่เดียวบนตัวก็มีหิมะเกาะเต็มไปหมด ฉินสือโอวชะโงกหัวออกไปมองก็ยิ้มออกมา เขาอดนึกถึงกลอนบทหนึ่งไม่ได้ ฟ้าดินถูกย้อมเป็นสีขาว เหลือเพียงปากบ่อดำ หมาสีเหลืองกลายเป็นสีขาว หมาสีขาวดูบวมขึ้นกว่าเดิม
กลอนบทนี้รับกับภาพตรงหน้ามาก มองดูฟ้าดินข้างนอกก็มีแต่หิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่ว บนฟ้ากลับอึมครึมกว่า แบบนี้พอมองออกไปก็ดูสลับกันได้ง่ายๆ
ชาร์คสวมหมวกหิมะมาหาฉินสือโอวแล้วพูดว่า “บอส ให้เราไปเตรียมตัวไหม? วันนี้ออกทะเลจับปลาโอแถบกันครับ”
การออกทะเลท่ามกลางหิมะเป็นเรื่องธรรมดามาก ชาวประมงเป็นอาชีพที่ลำบาก ขอแค่ไม่ใช่สภาพอากาศที่มีลมแรงก็ต้องออกทะเลทำงาน ฝนตก หิมะตกก็ต้องออกไป
เงินเดือนที่ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงสูงมาก นอกจากจะใช้เงินเดือนสูงๆ มาสร้างความซื่อสัตย์แล้ว ยังเพราะชาวประมงเก่งๆ ไม่ได้มีราคาถูก มีไม่น้อยที่เสี่ยงชีวิตมาหาเงิน อย่างเช่นตอนที่ไปจับปูจักรพรรดิที่อะแลสกา เฉลี่ยแล้วในทุกวันจะมีสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ ทุกสัปดาห์จะมีชาวประมงหนึ่งคนตายในทะเล!
มองดูผิวน้ำทะเลเงียบสงบ ฉินสือโอวหาดูพยากรณ์อากาศ กระแสลมเย็นอาร์กติกครั้งนี้จะไหลมาจากที่สูง และพัดเอาหิมะลูกโตมาด้วย แต่จะไม่เกิดพายุ หนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าทะเลก็ถือว่าสงบ
เขาเลยพยักหน้าให้ชาร์คไปเตรียมตัว ต้องจับปลาโอแถบมาย่างเป็นปลาแห้งเสียแล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดการปูพวกนั้น
ได้ยินฉินสือโอวบอกว่าจะจับปูด้วย ชาร์คก็พูดอย่างลำบากใจ “แต่ลอบดักปูที่พวกเราสั่งยังส่งไม่ถึง คงไม่เหมาะมั้งครับ?”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “เรื่องนี้นายไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธี เราแค่ออกทะเลก็พอ”
เหมาเหว่ยหลงที่ออกมาออกกำลังกายเห็นฉินสือโอวกำลังวุ่นกับการเก็บของ ก็รู้ว่าเขาจะออกทะเลจึงถามว่าเขาตามไปด้วยได้ไหม
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “แกคิดว่าเพื่อนแกไปเที่ยวเล่นในทะเลหรือไง? นี่ฉันไปทำงาน ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก น่าเบื่อจะตาย”
เหมาเหว่ยหลงพูด “พาฉันไปเป็นลูกมือด้วยเถอะ ให้ฉันอยู่ที่วิลล่าก็ไม่มีอะไรทำ ถึงฉันจะทำงานสำคัญไม่ได้ แต่ก็ช่วยพวกแกเก็บอวน เตรียมอาหารกลางวันอะไรแบบนี้ก็ไม่มีปัญหา”
ฉินสือโอวคิดๆ ดูก็มีเหตุผลจึงตบไหล่เขาให้เขาไปหาแจ็กเกตมาใส่เสีย
ฝูงปลาโอแถบอยู่เขตทะเลทางใต้ของฟาร์มปลา ออกไปทีหนึ่งต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน ฉินสือโอวเลยเตรียมอาหารแคลอรีสูงไว้มากมาย อย่างเช่นเนื้อทอดสุกครึ่งหนึ่ง แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ผงโกโก้ กาแฟ ธัญพืชอัดแท่งและช็อกโกแลต
เขาเอาของพวกนี้ไปวางไว้นอกประตู พอถึงเวลาจะได้จัดการทีเดียว กลายเป็นว่าเนื้อทอดห่อหนึ่งซึ่งเดิมทีถูกห่ออยู่ในกระดาษหนังวัว แต่พอฉินสือโอวออกมาอีกครั้งก็เห็นกระดาษหนังวัวถูกฉีกขาด เนื้อทอดหายไปสองสามชิ้น
เขาไม่ได้สนใจ นึกว่าตัวการเป็นเจ้าพวกตะกละเลยตะโกนออกไปสองที ให้พวกมันไปเล่นไกลๆ
พอฉินสือโอวกลับเข้าห้องไปอีกไม่นาน จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเห่ากรรโชกของแลบราดอร์และเสียงร้องอู้ๆ ของหลัวปอ
ได้ยินเสียงร้อง ฉินสือโอวก็วิ่งออกไปดู นกตัวโตครึ่งเมตรกว่าสองสามตัวกำลังกระพือปีกบินโฉบต่ำอยู่ มีตัวหนึ่งที่กล้าบินลงพื้นอ้าปากคาบเนื้อทอดชิ้นหนึ่ง พอปรายตามาเห็นฉินสือโอวก็บินสูงขึ้นไป
ฉินสือโอวโกรธแทบระเบิด พวกแกมันตัวอะไรกันเนี่ย? กร่างเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?
แต่ก่อนนกพวกนี้ไม่เคยโผล่มาที่ฟาร์มปลา ขนาดตัวของพวกมันยาวครึ่งเมตรนิดๆ กางปีกแล้วไม่ถึงเมตร ไม่ถือว่าใหญ่มากนัก แต่ว่ารูปร่างค่อนข้างอ้วนท้วน ดูท่าในวันปกติจะอยู่สบายพอควร
ตอนแรกฉินสือโอวก็นึกว่าเป็นเหยี่ยวบนเขาที่ไม่มีอะไรกินเลยบินลงมา แต่พอดูละเอียดแล้วไม่ใช่ นกชนิดนี้มีหางสั้นกลม ปีกก็ค่อนข้างกว้างกลม หัว คอและช่วงล่างเป็นสีน้ำตาลเทา บนปีกมีจุดขาวสะดุดตา ไม่เหมือนเหยี่ยวหางแดงเลยสักนิด
พอเห็นนกพวกนี้มาแย่งของกิน หู่เป้าฉงหลัวก็วิ่งมาไล่ หลังจากที่พวกมันเข้าใกล้พวกนกตัวโตก็ไม่กล้าบินลงมาอีก แต่พวกมันก็ไม่ได้ไปไหน กลับบินวนเวียนบนฟ้าครู่หนึ่งก่อนจะบินไปทางผืนน้ำทะเล
ฉินสือโอวเก็บของเอามาที่ท่าเรือ ในตอนนั้นนกตัวหนึ่งก็บินดิ่งลงมา พุ่งไปทางนกจมูกหลอดหางสั้นที่คาบปลาคาพีลินไว้ในปากอย่างไม่กลัวเกรง แล้วชนจนมันกระเด็นไปในอากาศ พอแย่งปลาคาพีลินมาได้ก็บินขึ้นมาจากนั้นก็กลืนลงไป ตอนบินบนฟ้ายังส่งเสียงร้องกาๆ อีกด้วย ราวกับกำลังข่มขู่นกจมูกหลอดหางสั้นตัวนั้น
เห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็โมโห ไอ้นกนี่มันกร่างจริงๆ กร่างยิ่งกว่านกโจรสลัดใหญ่เสียอีก แย่งของกินก็เรื่องหนึ่ง แย่งแล้วยังขู่นกจมูกหลอดหางสั้นอีก? แกเป็นอันธพาลหรือไง นึกว่าตัวเองเป็นมาเฟียเหรอ?
เหมาเหว่ยหลงที่เปลี่ยนกางเกงยีนกับแจ็กเกตเสร็จแล้ววิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา ฉินสือโอวจ้องไปทางนกพวกนั้นครั้งหนึ่งแล้วถามขึ้น “นี่มันตัวอะไร?”
เหมาเหว่ยหลงสวมหมวกอยู่เลยไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของฉินสือโอว เขาพูดอึ้งๆ “ทำไมแกต้องด่าฉันด้วยล่ะ?”
ฉินสือโอวยื่นมือออกไปแบบจนใจ เขาชี้ไปที่นกบนท้องฟ้าแล้วพูดขึ้น “ฉันถามว่า นั่นมันนกอะไร?”
เหมาเหว่ยหลงเข้าใจในทันที เขาดูครู่หนึ่งแล้วพูดพลางขมวดคิ้ว “ใช่กริฟฟินอะไรนั่นไหม?”
ฉินสือโอวโกรธจนอารมณ์ร้อน เขาจริงจังนะ กริฟฟินบ้าบออะไร? ตัวละครเด็ดในเกมเหรอไง?
ยังคงเป็นนีลเซ็นที่มีความรู้มาก เขาพูดขึ้นว่า “นั่นคือนกสกัว พันธุ์แบบเจาะจงน่าจะเป็นนกสกัวใหญ่ ขยายพันธุ์อยู่ในเขตอาร์กติกกับไอซ์แลนด์ นิสัยขี้กร่างมาก เป็นโจรแกร่งในหมู่นก”
ฉินสือโอวพูดแบบไม่สบอารมณ์ “ฉันจะไปหาบุชกับนิมิตส์ ต้องไล่พวกมันไป ถ้าพวกนี้ยังอยู่ นกจมูกหลอดหางสั้นก็กินอาหารไม่ได้อย่างสงบ”
นีลเซ็นพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว ต้องไล่พวกมันไป พวกมันไม่แค่แย่งปลากิน ถ้าพวกมันเจอว่าฟาร์มปลาเรามีไข่ไก่เป็ดห่าน พวกมันก็จะแย่งไข่พวกนี้กิน กระทั่งต่อไปไก่เป็ดห่านฟักออกมาพวกมันก็จะแย่งไปกินหมด”
“ร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เหมาเหว่ยหลงถามด้วยความอึ้ง
นีลเซ็นพูดเปื้อนยิ้ม “แค่นี้น่ะไม่เท่าไรหรอก ถ้าพวกมันบินไปแอนตาร์กติกาก็จะจับเพนกวินกิน ถ้าอยู่ที่อาร์กติกก็จะกินพวกลูกแมวน้ำ อย่านึกว่าตัวไม่ใหญ่ นิสัยน่ะดุร้ายมากเลย แม้แต่อินทรีทองก็ไม่ชอบไปแหย่พวกมัน”
หิมะปลิวว่อน ในที่สุดบุชกับนิมิตส์ก็สงบลงได้ หลบอยู่ในบ้านต้นเมเปิลโผล่แค่หัวออกมาสองหัว และทำท่าชมหิมะ
ฉินสือโอวผิวปากให้สัญญาณเพียงครั้งเดียว ทั้งสองตัวก็บินตามกันออกมาทันทีแล้วมาเกาะไหล่ข้างล่ะตัว ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองดูเท่ขึ้นมาทันใด
มาถึงริมหาด เขายื่นมือชี้ไปที่นกสกัวจอมกร่างบนท้องฟ้า ไม่ต้องพูดให้มากความ บุชกับนิมิตส์เข้าใจถึงความหมายของเขาดี
ชั่วขณะนั้น สองเงาร่างมหึมาสยายปีกทะยานขึ้นฟ้าพร้อมเสียงหวีดของลมหนาว ท่าทีดุดัน
อินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดใหญ่กระพือปีกพร้อมกัน พัดเอาหิมะรอบตัวกระจัดกระจายไปตามแรงลมที่เกิดจากการกระพือในทันใด ความน่าเกรงขามนั้นทำเอาคนเป็นพ่ออย่างฉินสือโอวอดที่จะชื่นชมไม่ได้
นกโจรสลัดใหญ่ไม่ค่อยเหมาะกับการต่อสู้ อินทรีหัวขาวถึงจะเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ บุชร่างกายกำยำแถมยังชอบต่อยตี พอบินขึ้นฟ้ามันก็บินไปสูงๆ หลังจากที่สูงกว่าฝูงนกสกัวก็กระพือปีกถี่รัวแล้วพุ่งลงมาราวกับเครื่องบินรบ!
บทที่ 913 ออกทะเลท่ามกลางหิมะ
Ink Stone_Fantasy
การพุ่งโจมตีของบุชรวดเร็วมาก ระยะห่างตั้งหลายสิบเมตร ฉินสือโอวเพียงกะพริบตามันก็บินพุ่งลงไปแล้ว!
ตอนที่พวกนกสกัวเห็นอินทรีหัวขาวก็รอบคอบขึ้นมาแล้วบินมารวมกลุ่มกัน แต่ปรากฏว่าพอทำแบบนี้ก็ทำให้บุชจัดการทั้งหมดในคราวเดียวได้พอดี
มันบินเข้าไปในฝูงนกสกัว กรงเล็บใหญ่แหลมหนาของบุชกดนกสกัวตัวหนึ่งไว้ ปากยื่นจิกออกไปว่องไวปานสายฟ้า ชั่วขณะนั้นขนนกสิบกว่าเส้นก็ปลิวลงมาจากบนท้องฟ้า นกสกัวตัวหนึ่งร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ร้องไปก็หนีไปด้วย
นกทะเลทั่วไปหลังจากเจอการโจมตีจากอินทรีหัวขาวก็กลัวหัวหดหนีกระเจิงไปหมดแล้ว แต่นกสกัวก็สมกับที่พวกมันเป็นมาเฟียในหมู่นก พวกมันไม่กลัวเลยสักนิด ที่เหลือไม่กี่ตัวพากันร้องด้วยความโกรธแค้น จากนั้นก็ล้อมเข้ามาจิกกัดบุช
แต่ว่าเรี่ยวแรงของอินทรีหัวขาวนั้นเยอะเกินไป กรงเล็บของบุชสะบัดสองสามทีแล้วกางออก นกสกัวตัวนั้นที่โดนมันจับได้แทบจะหมดแรงสู้ มันพอจะกางปีกออกบินไปบนท้องฟ้าได้แต่ก็บินโซเซไม่ตรงเหมือนกับคนเมา
ตอนที่อินทรีหัวขาวต่อสู้จะเหมือนกับอินทรีทอง ขนนกราวเหล็กกางออกเดือดดาลอย่างกับว่าสวมชุดเกราะเหล็กอยู่ นี่ก็คือที่ว่าทำไมบุชต่อสู้กลับมาแล้ววินนี่จะต้องจัดขนให้มัน
ปากของนกสกัวพอจะรับมือกับนกเล็กทั่วไปได้ แต่ไม่พอต่อกรกับอินทรีหัวขาว พวกมันจิกโจมตีหลายครั้งก็ไม่สามารถทำลายการคุ้มกันของบุชได้ แต่บุชกลับฉวยโอกาสโจมตีกลับ กัดและฉีกสองทีก็จัดการไปได้อีกหนึ่งตัว
นิมิตส์ก็เข้าร่วมการแย่งพื้นที่บ้าง นกโจรสลัดใหญ่ไม่ชำนาญการต่อสู้ก็จริง แต่มันตัวใหญ่ เสียงหวีดดังขึ้นพร้อมกับที่ออกบินแล้วทับนกสกัวสองตัวราวกับตัวเองเป็นยักษ์ พอปีกกวาดออกไปก็กวาดโดนนกตัวหนึ่งจนมันร้องกาๆ ไม่หยุด ปากก็จิกโจมตีอีกตัวอย่างรวดเร็ว จิกจนมันร้องครวญครางเจ็บปวดไม่ขาดสาย
เพียงไม่กี่อึดใจ เหล่านกสกัวที่ก่อนหน้านี้ขโมยเนื้อทอดและรังแกนกจมูกหลอดหางสั้นอย่างภาคภูมิใจต่างก็หนีกระเจิง พวกมันร้องกาๆ พลางบินไปที่ขอบฟ้าแสนไกล บุชกับนิมิตส์ไล่ตามไป ความเร็วของนกสกัวนั้นเทียบไม่ได้กับพวกมันจริงๆ!
นกสกัวโดนไล่โดนตีมาตลอดทางจนแทบแย่ มีนกตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าบาดเจ็บตรงไหน หัวก้มลงก่อนร่างจะร่วงลงทะเลไปและไม่บินกลับขึ้นมาอีก
แบบนี้ที่เหลือก็หวาดกลัวกันไปหมด กระพือปีกหนีเอาตัวรอดกันเอาเป็นเอาตาย พอพวกมันเห็นว่าบินไปบนฟ้าก็สลัดมจุราชมีชีวิตสองตัวข้างหลังไม่หลุดเลยได้แต่มุดไปที่ป่าในเทือกเขาเคอร์บัล
โชคของพวกมันถือว่ายังดี เลือกทางหนีได้ถูกต้อง บุชกับนิมิตส์มีชื่อเสียงมากในเขตน่านฟ้าเทือกเขาเคอร์บัล พอเห็นพวกมันสองตัวปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กัน เหยี่ยวหางแดงก็ขึ้นบินเตรียมต่อสู้ทันที
บุชกับนิมิตส์ไม่แสดงความอ่อนแอเลย ตีนกสกัวเสร็จก็มาตีกับเหยี่ยวหางแดงต่อ ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ดุเดือดอีกครั้ง
เหล่านกสกัวโล่งใจ นึกว่าพวกมันหนีสำเร็จแล้ว พวกมันกำลังลังเลว่าจะหนีต่อหรือนั่งดูเขาสู้กัน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบนหัวมีเงาทอดลงมา พอเงยหน้าดูก็ต้องเศร้า อินทรีทองสองตัวกำลังจ้องพวกมันอย่างเย็นชาอยู่!
พอไม่มีการรบกวนจากนกสกัวฉินสือโอวก็ออกทะเลได้เสียที พวกชาวประมงเตรียมของเสร็จ เขาพาคนไปด้วยเจ็ดคนรวมถึงเหมาเหว่ยหลงด้วย แบบนี้จำนวนก็พอแล้ว อย่างไรเรือฮาวิซทก็เป็นเรือประมงขนาดเล็ก
ฝูงปลาในทะเลล้วนแล้วแต่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้ เหมาเหว่ยหลงออกทะเลจับปลาครั้งแรกเลยตื่นเต้นกับทุกอย่าง เขาถามขึ้นว่า “เราจะหาฝูงปลาอย่างไร? พวกแกเมื่อกี้บอกว่าทำสัญลักษณ์ไว้แล้ว หมายความว่าอย่างไรเหรอ?”
เครื่องหาปลาคลื่นเสียงโซนาร์เปิดใช้งาน ฝูงปลาเป็นเบือปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ชาร์คยิ้มพลางกดเลื่อนเมนูหาฝูงปลาโอแถบสองสามฝูง พอเลือกเสร็จแล้วก็ไม่ต้องสนใจ
หลังจากนั้นที่เจอฝูงปลา เครื่องหาปลาก็จะล็อกและวิเคราะห์ให้อัตโนมัติ ถ้าเจอฝูงปลาโอแถบที่เคยทำสัญลักษณ์ไว้ สัญลักษณ์ฝูงปลาบนหน้าจอจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว
ที่นอกห้องโดยสารหิมะตกโปรยปราย เรือประมงแล่นไปอย่างช้าๆ ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่หนาวเท่าไรเลยไปยืนที่ท้ายเรือ มองดูวิวทะเลในฤดูหนาว
ทะเลในยามฤดูหนาวก็มีสีสันไปอีกแบบ เพราะไม่ค่อยมีลมทะเล คลื่นค่อนข้างสงบ สามารถเห็นเกล็ดหิมะพลิ้วไหวโปรยปรายอยู่เต็มท้องฟ้า เห็นได้ชัดยิ่งกว่าตอนอยู่บนบก
ฉินสือโอวสะบัดแจ็กเกต เขาไปหาหมวกฟางใบหนึ่งมาสวม หิมะจะได้ไม่ร่วงลงมาบนหัวเขา
มองดูหิมะตก จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกอะไรได้ อากาศแบบนี้มันเหมือนกับฉากในหนังสยองขวัญในทะเลชัดๆ ถ้าไม่ให้เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ออกมาแสดงตัวเสียหน่อยคงน่าเสียดายแย่
ฉินสือโอวจึงเปิดเครื่องรับส่งวิทยุติดต่อแบล็คไนฟ์ให้เขาสั่งการพวกบีบีซวง แอร์แบ็คขับเรือดำน้ำวนรอบหนึ่ง ครั้งนี้ไปทางใต้เรื่อยๆ เป็นการเดินทางไกลไปเลย วนแถบทะเลแฮลิแฟกซ์เสียหน่อย
ตามกำหนดการเดินเรือ เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์จะผ่านเรือกำปั่นทะเลทางใต้ ถึงตอนนั้นก็ให้เรือลำนี้คุ้มกัน เรือดำน้ำพลเรือนไม่เหมาะสำหรับการเดินเรือระยะไกล ถ้าเกิดปัญหาเรือกำปั่นทะเลก็สามารถเข้าช่วยเหลือได้
ออกทะเลมาสี่ชั่วโมงแล้ว พวกชาวประมงก็ยังไม่ได้ปล่อยอวน แค่รวมตัวคุยกันอยู่ในห้องคนขับ เหมาเหว่ยหลงเลยเริ่มอดไม่ได้บ้างแล้ว เขาเอ่ยถามว่า “ฉันว่าเราเจอฝูงปลาไม่น้อย ไม่ปล่อยอวนเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบ “ออกทะเลจับปลา โดยเฉพาะจับปลาทะเลลึก ต้องมีความอดทน ฝูงปลาพวกนี้มีอยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่เป้าหมายของพวกเรา พวกเราจะมาจับปลาโอแถบกัน ฉะนั้นถ้าหากเจอปลาค็อดก็ปล่อยพวกมันไปได้”
ถึงเวลาอาหารกลางวัน เหมาเหว่ยหลงทำโจ๊กผักหม้อหนึ่ง นี่เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมสำหรับการเดินทางทางทะเล อาจชอบทานอาหารทะเลตอนอยู่บนฝั่ง แต่พออยู่ในทะเล คนส่วนมากก็ไม่สนใจอาหารทะเล
นอกจากโจ๊กทะเล เหมาเหว่ยหลงยังทำโจ๊กผลไม้ไว้ด้วย ซึ่งทำง่ายมาก ก่อนอื่นผสมข้าวสารและข้าวฟ่างกับน้ำตาลกรวดแล้วหุงจนเกือบสุก จากนั้นก็ใส่ผลไม้จำพวกมะเขือเทศ แอปเปิล องุ่น ฮอว์ธอร์น ส้มหวานลงไป ตุ๋นไปเรื่อยๆ ก็เสร็จแล้ว สุดท้ายรสชาติจะเปรี้ยวๆ หวานๆ อย่างไรซะรสชาติก็ไม่แย่
ฉินสือโอวใช้ไมโครเวฟอุ่นพิซซ่าครึ่งชิ้น ยกชามโจ๊กผลไม้ยืนอยู่ที่ท้ายเรือดูวิวหิมะตกกลางทะเลต่อไป เหมาเหว่ยหลงเขยิบเข้ามาดูครู่หนึ่ง พอไม่เห็นอะไรน่าสนใจก็ส่ายหน้าแล้วจากไป
คนยืนอยู่บนเรือ แต่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในทะเลแล้ว ฉินสือโอวชื่นชมวิวทะเลไปพลางควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ว่ายไปในทะเล ในที่สุดหลังจากที่เขากินข้าวเสร็จเขาก็เจอฝูงปลาโอแถบฝูงหนึ่ง
“โอเค เพื่อนๆ เตรียมทำงาน!” ฉินสือโอวโยนชามพลาสติกย่อยสลายได้ลงไปในทะเล ของสิ่งนี้เมื่ออยู่ในทะเลก็จะย่อยสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายในหนึ่งอาทิตย์ ปลาทะเลกินลงไปก็ไม่มีอันตรายอะไร
เหมาเหว่ยหลงกำลังจะพูดว่ายังหาฝูงปลาไม่เจอ ปรากฏว่าชาวประมงข้างๆ ตัวล้วนแล้วแต่เริ่มยุ่งกับอะไรบางอย่าง ชาร์คกับแซ็กสองคนไปดูอวน พอไม่มีปัญหาก็ลากมาท้ายเรือ เปิดแผงควบคุมและรอคำสั่งปล่อยอวน
สิบกว่านาทีให้หลัง บนหน้าจอของเครื่องหาปลาปรากฏเงาสีเขียว ชาร์คที่ขับเรือโผล่หัวออกมาตะโกน “เอาเลย ปล่อยอวน!”
เหมาเหว่ยหลงเกาหัวแล้วพูดกับฉินสือโอว “แกรู้ได้อย่างไรว่าเจอฝูงปลาแล้ว?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “แกคิดว่าฉันยืนอยู่ที่ท้ายเรือทำอะไร? เหม่อเหรอ? ฉันกำลังสังเกต ปลาโอแถบใช้ชีวิตแบบรวมกลุ่ม เมื่อกี้ฉันเห็นปลาโอแถบว่ายโผล่ผิวน้ำเป็นพักๆ ก็รู้แล้วว่าใกล้จะเจอฝูงปลาแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงยกนิ้วให้อย่างนับถือแล้วเอ่ยปาก “เพื่อน เก่งจริง มิน่าล่ะแกถึงทำฟาร์มปลาได้ใหญ่ขนาดนั้น เชี่ยวชาญจริงๆ เลย”
บทที่ 914 เงาครีบน้ำเงินปรากฏ
Ink Stone_Fantasy
เหมาเหว่ยหลงกำลังคุยกับฉินสือโอว จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานตกใจดังออกมาจากห้องคนขับ หลังจากนั้นชาร์คก็วิ่งออกมาแล้วตะโกนขึ้นว่า “บอส รีบมาดู รีบมาดู! พระเจ้า รีบมาดูเครื่องหาปลาเร็วๆ เสียหรือเปล่าเนี่ย!”
ฉินสือโอวมองดูชาร์คที่มีสีหน้าตื่นเต้นจนแดงเป็นสีไวน์ก็ตกใจ เขารีบส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับลงไปในทะเลอีกครั้ง
ที่เห็นก่อนเลยคือปลาใหญ่สวยงามรูปทรงกระสวย นี่คือปลาโอแถบ ข้างใต้ฝูงปลาตัวใหญ่นั้น มีปลาใหญ่กว่าสิบตัวที่สวยกว่า ลักษณะของพวกมันเป็นประกายแสงเย็นสีฟ้าขาว มีแค่หางที่ส่ายไปมา ว่ายน้ำได้รวดเร็วมาก ราวกับอัศวินแห่งมหาสมุทร
ฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงิน!
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ชาร์คพบฝูงทูน่าครีบน้ำเงินฝูงนี้จากเครื่องหาปลา ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ถึงกับทำท่าผิดปกติแบบนี้
อาหารที่ปลาโอแถบกินคล้ายกับทูน่าครีบน้ำเงิน ฝูงปลานี้กำลังไล่ล่าปลาแฮร์ริ่งฝูงโต ส่วนทูน่าครีบน้ำเงินก็อยู่ใต้ฝูงปลาโอแถบ ปลาแฮร์ริ่งที่ถูกไล่ล่าจนตกใจจะมีบางตัวที่ว่ายไปในแถบน้ำลึก แบบนี้พวกปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็ได้กินอาหารแบบไม่เปลืองแรง
ฝูงปลาทูน่าฝูงโตในตอนนี้แบ่งเป็นฝูงย่อยสองสามกลุ่ม ฝูงปลานี้มีปลาทูน่าครีบน้ำเงินพ่อลูกนำฝูงซึ่งก็คือทูน่าครีบน้ำเงินตัวเล็กตัวใหญ่สองตัวที่ฉินสือโอวเจอตอนเขาเพิ่งมาถึงฟาร์มปลา
น้ำเงินใหญ่ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงกำยำจริงๆ ยาวถึงสี่เมตรกว่า ราวกับขีปนาวุธข้ามทวีปที่วางแนวนอน หุ่นอ้วนกลม เกล็ดปลาเป็นประกาย ตาทั้งสองข้างมีชีวิตชีวา หางสะบัดแบบมีเรี่ยวแรง น้ำหนักน่าจะถึงสองพันปอนด์!
เหล่าชาวประมงถูกเสียงตะโกนของชาร์คดึงความสนใจให้มาที่ห้องคนขับ จากนั้นเสียงของลมหายใจเย็นก็ดังขึ้น ทุกคนเริ่มถกเถียงกัน
“นี่คือฝูงปลาอะไร? หรือว่านี่คือฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินงั้นเหรอ? พระเจ้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ งั้นฟาร์มปลาของเราก็จะรวยแล้ว! รวยแล้วจริงๆ!”
“ไม่ๆ นี่ไม่ใช่ฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เห็นปลาตัวนั้นที่นำฝูงอยู่ไหม? ดูรูปร่างของมันสิ ฉันเดาว่ามันหนักสองพันปอนด์ได้ ตอนนี้ในทะเลไม่มีปลาตัวใหญ่แบบนี้แล้ว!”
“ต่อให้มีปลาตัวใหญ่แบบนี้ ก็ไม่มีฝูงทูน่าครีบน้ำเงินแบบนี้ ไม่ใช่เหรอ? พวกแกดูสิ ฝูงปลานี้มีปลากี่ตัว? แถมยังเป็นปลาใหญ่หมดเลยด้วย เหลือเชื่อ!”
“โอ้ พระเจ้า ไม่ใช่มีแค่ฝูงนี้ รีบดูสิ มีมาอีกฝูงแล้ว!”
ที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอเมื่อกี้ก็คือฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แล้วยังเป็นฝูงย่อยจากฝูงที่น้ำเงินใหญ่นำมาด้วย
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินหาอาหารไม่ใช่แค่ทำการบุกเข้าหาเพียงอย่างเดียว หัวหน้าปลาจะมอบหมายงานให้ดำเนินการล้อม มักจะล้อมเป็นเส้นโค้งจากข้าง แล้วค่อยๆ ดื่มด่ำกับอาหารหลังจากล้อมไว้แล้ว
ปลาทูน่าเป็นหนึ่งในปลาที่ทำงานเป็นทีมได้ดีที่สุดในมหาสมุทร ความสามารถไม่แพ้โลมา
ฉินสือโอวค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องคนขับ ฝูงชนที่เถียงกันมองมาที่เขาและบูลก็ถาม “บอส นั่นต้องเป็นฝูงปลาแฮลิบัตแอตแลนติกแน่ๆ หรือไม่ก็ปลาทูน่าแอตแลนติก ใช่ไหมครับ?”
ที่พวกเขาขอการยืนยันจากฉินสือโอวก็เพราะตอนนั้นที่พูดโม้ ฉินบอกว่าเขาสามารถวิเคราะห์มูลค่าโดยประมาณของฝูงปลาได้
ฉินสือโอวแตะจมูกแล้วค่อยๆ พูด “ฉันไม่กล้าบอกว่านั่นเป็นฝูงปลาอะไร เพียงแต่มูลค่าจะต้องมากกว่าปลาแฮลิบัตแอตแลนติกกับปลากระโทงสีน้ำเงิน ฉะนั้นเราทำสัญลักษณ์พวกมันไว้ก่อน ไว้หาเวลาออกทะเลไปตกพวกมันโดยเฉพาะ!”
“นั่นก็คือทูน่าครีบเหลืองไม่ก็ทูน่าครีบน้ำเงิน!” ชาร์คตบลงบนแท่นควบคุมแล้วตะโกน
ปลาแฮลิบัตแอตแลนติกกับปลากระโทงสีน้ำเงินก็สามารถโตจนถึงสามเมตรกว่า แต่ไม่เคยมีที่โตจนถึงสี่เมตรมาก่อน
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีข้อจำกัดด้านการหายใจ พวกมันจะต้องขยับไปมาตลอด ฝูงปลาเลยปรากฏบนหน้าจอเพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็หายไปแบบไร้ร่องรอย
แต่นี่ก็พอให้กำลังใจพวกชาวประมงได้แล้ว พวกเขาหวังว่าฟาร์มของตัวเองจะมีฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินสักฝูง อาหารในฟาร์มปลาอุดมสมบูรณ์ขนาดนั้น คุณภาพน้ำก็ดีขนาดนี้ งั้นขอแค่พวกมันมา ภายในเวลาสั้นๆ คงไม่ไปไหนแน่
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหมือนกับเป็นเงินดอลลาร์แคนาดาเลยทีเดียว ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ดูดีหน่อยสามารถแลกรถดีๆ ได้คันหนึ่ง ทูน่าครีบน้ำเงินแบบดีที่สุดสามารถแลกบ้านหลังหนึ่งได้เลย
แม้ว่าราคาบ้านในแคนาดาจะไม่สูง แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าใครก็ซื้อบ้านได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดการบริโภค การประหยัดกินประหยัดใช้ เก็บออมเพื่อซื้อบ้านหลังหนึ่งเหมือนคนจีนนั้นที่แคนาดาแทบจะไม่มี
หลังจากปล่อยอวน เหล่าชาวประมงเก็บกวาดช่องแช่แข็งเตรียมเก็บปลาโอแถบ ฉินสือโอวเอาปืนซุ่มยิงโบลต์แอคชั่นออกมาแล้วถามเหมาเหว่ยหลง “มาลองสักนัดสองนัดดีไหม?”
เหมาเหว่ยหลงกลับไม่ได้สนใจเขายักไหล่พลางตอบว่า “ไม่มีเป้า ยิงขึ้นฟ้าให้เปลืองกระสุนหรือไง?”
ฉินสือโอวยิ้มพลางส่ายหน้า เขาเอากล้องส่องทางไกลให้เหมาเหว่ยหลงมองไปทางทิศใต้แล้วถามขึ้น “เห็นอะไรบ้างไหม?”
เหมาเหว่ยหลงหมุนกล้องส่องทางไกลแล้วพูดขึ้น “มีทุ่นลอยอยู่? ทำไมเหรอ แกโยนลงไปเหรอ?”
ฉืนสือโอวแค่นหัวเราะแล้วเอ่ยปาก “เปล่า เพราะฉะนั้นเอามาเป็นเป้าได้!”
นี่มันฟาร์มปลาของเขาด้วย ไม่รู้ว่าใครกล้าดีมาโยนที่ดักกุ้งกับลอบดักปูที่นี่ แต่สามารถหลบการค้นหาของเรดาร์ได้ก็ถือว่าเก่งพอตัว
ที่จริงการขโมยปลาไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญที่สุดที่เจ้าของฟาร์มปลาต้องเจอ เพราะจะขโมยปลาไม่ว่าจะเป็นอวนลากหรืออวนล้อมจับก็ล้วนเปลืองเวลา เจ้าของฟาร์มอาจจะมาไล่หรืออาจจะแจ้งตำรวจทัน
ขโมยกุ้งมังกรกับปูถึงจะจัดการลำบาก เรือขโมยปลามักจะมาถึงแถบทะเลที่ตั้งไว้อย่างรวดเร็ว แค่โยนพวกที่ดักกุ้งหรือหม้อปูไว้ก็เสร็จแล้ว ผ่านไปสองสามวันค่อยมาเก็บที่ดักกุ้งกับลอบดักปูกลับไปอย่างว่องไว ก็มีเงินก็เข้ากระเป๋าแล้ว
นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมฟาร์มปลาหลายๆ ที่ไม่ยินดีเลี้ยงปูกับกุ้งมังกร เลี้ยงไปก็ให้คนอื่นฟรีๆ
เพียงแต่ต่อกรกับพวกนั้นก็ง่ายดาย แค่เก็บที่ดักกุ้งกับลอบดักปูไปก็จบ ขโมยกุ้งมังกรกับปูก็เสี่ยงเหมือนกัน ถ้าขโมยกุ้งปูไม่ได้งั้นก็เสียที่ดักกุ้งกับหม้อปูไปเปล่าๆ
เมื่อเช้าตอนที่ชาร์คบอกว่าพวกเขาไม่มีลอบดักปูจับปูไม่ได้ ฉินสือโอวบอกว่าเขามีวิธี นั่นก็เพราะเขากวาดดูเขตทะเลแถบนั้นแล้วเห็นว่ามีคนโยนหม้อปูไว้
เหล่าชาวประมงตอนหลังก็เห็นลูกทุ่นพวกนั้นเลยโมโหขึ้นมาชั่วขณะ บูลด่ากราดออกมา “ไอ้พวกนี้มันก็อึดจริงๆ! แม้แต่เรือผีก็ไม่กลัวเลยเหรอ? ทำไมพวกมันไม่ไปเป็นทหารรับจ้างเสียเลย ต้องเป็นชายชาติทหารไม่กลัวตายแน่!”
ฉินสือโอวใส่กระสุนที่ปืนซุ่มยิง เขาชักปืนช้าๆ นีลเซ็นยืนแนะนำอยู่ข้างๆ “ถ้าหากเป็นการซุ่มยิงชั่วคราวโดยไม่มีผู้สังเกตการณ์ คุณต้องวิเคราะห์แรงลม ทิศทางลม อุณหภูมิ และความหนาแน่นของไอน้ำด้วยตัวเองก่อน แต่มักจะกลายเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสำคัญ…”
“หายใจเข้าออก จับจังหวะของตัวเองก่อน ให้ลมหายใจกำหนดจังหวะการเต้นของหัวใจ หาจังหวะที่คุณและปืนพอดีกัน นิ้วอย่าแข็งมาก ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เหนี่ยวไกเบาๆ ด้วยนิ้วของคุณไปเรื่อยๆ ต้องสอดคล้องกับจังหวะการหายใจของคุณด้วย…”
“ระยะห่างประมาณหนึ่งพันเมตร นี่คือระยะซุ่มยิงระยะไกล หากเป็นการต่อสู้จริงอย่าลงมือในระยะนี้ แต่ตอนนี้แค่เล่น เพราะฉะนั้นคุณตามสบายเลย ผมดูแล้ว ยกปากกระบอกปืนขึ้นสักสององศา โอเค ยิงเลย!”
“ปัง!” เสียงดังสนั่นดังขึ้น กระแสลมแรงก่อตัวขึ้นรอบปากกระบอกปืน หิมะรอบด้านละลายในพริบตา
บทที่ 915 กลุ่มเพื่อนเลวแห่งท้องทะเล
Ink Stone_Fantasy
เสียงปืนดังลั่น แต่ทุ่นลอยที่อยู่ไกลๆ ก็ยังคงลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลอย่างเดิม ไม่เป็นอะไรเลย
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะออกมา เขาผลักฉินสือโอวออกแล้วเปลี่ยนเป็นตัวเอง ฉินสือโอวเตือนเขาว่า “แรงเด้งกลับแรงมากเลยนะ แกระวังด้วย!”
“ฉันรู้ว่าทำอะไรอยู่ ฉันไม่ได้เพิ่งเคยเล่นปืนครั้งแรกเสียหน่อย ปืนบาร์เรตต์ก็เคยเล่นมาตั้งหลายปีไม่ใช่หรือไง?” เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาหมอบตัวลงบนท้ายเรือและเล็งไปที่ทุ่นลอยผ่านช่องว่างของรั้วกั้นที่วางกลับหัว
นีลเซ็นพูดขึ้นด้วยความนับถือ “นึกไม่ถึงเลยว่าเหมาเป็นคนเล่นปืนด้วย ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ปืนบาร์เรตต์ แรงเด้งกลับแรงเกินไป เสียงดังเกินไป แรงลมที่ปากกระบอกปืนแรงไป ผมไม่ถนัด”
หูของฉินสือโอวโดนเสียงปืนเมื่อครู่ทำให้อื้อไปหมด ยิงปืนซุ่มยิงโบลต์แอคชั่นต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันหู ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อแก้วหูและคอเคลีย หลังจากวางปืนลง เขากำลังลูบหูอยู่ช้าๆ ก็เลยไม่ได้ยินสิ่งที่นีลเซ็นพูด
เหมาเหว่ยหลงตั้งท่าตั้งนานก็ยังไม่ได้ยิงออกไป ฉินสือโอวเตะเขาไปหนึ่งทีด้วยความรำคาญ ปรากฏว่าเหมาเหว่ยหลงรำคาญกว่าเลยหันกลับมาพูดว่า “แกถ่ายรูปให้ฉันหรือยัง? อย่ามาโม้แสงแฟลชยังไม่สว่างเลย!”
“ไอ้บ้า สร้างภาพ!” ฉินสือโอวด่าออกมา ได้แต่ล้วงมือถือออกมาแล้วถ่ายรูปให้เขาทุกมุมหลายรูป
พอแบบนั้นเหมาเหว่ยหลงถึงถือปืนอย่างพอใจ ดวงตาเขาเล็งทุ่นลอยสีแดงอันหนึ่งผ่านกล้องเล็ง จากนั้นก็เหนี่ยวไกปืนเบาๆ “…”
ฉินสือโอวถาม “ทำไมยังไม่ยิงอีกล่ะ?”
เหมาเหว่ยหลงมองเขาแบบเก้อๆ แล้วพูดขึ้น “เมื่อกี้ฉันเห็นว่าแรงที่แกเหนี่ยวไกไปไม่ค่อยแรง นึกไม่ถึงว่ามันจะแข็งขนาดนี้ ฉันกดไม่ลง!”
พอได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวถอยไปหลายก้าวทันที เขารู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเลยไปที่ด้านหลังของเหมาเหว่ยหลง ต่อให้ไม่น่าไว้ใจอย่างไร ปากกระบอกปืนก็คงไม่พลิกมาหนึ่งร้อยแปดสิบองศาหรอกนะ?’
เหมาเหว่ยหลงกดไกปืนแรงๆ เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นปืนก็ดีดตัวไปข้างหลังอย่างแรง เหมาเหว่ยหลงเกือบจะร้องไห้ “ให้ตาย โดนไหปลาร้าฉันแล้ว! ไหปลาร้าจะหักแล้ว!”
นีลเซ็นช่วยเขาบีบนวดไหล่แทบเป็นแทบตาย เหมาเหว่ยหลงเจ็บจนร้องโอดโอย แต่พอนวดไม่กี่ครั้งพริบตาเดียวก็ดีขึ้น เหมาเหว่ยหลงคืนปืนให้ฉินสือโอวอย่างหงุดหงิด แล้วพูดแบบไม่สบอารมณ์ “ไม่สนุกเลยสักนิด”
นีลเซ็นพูดอย่างแปลกใจ “ก็ไม่สนุกแน่อยู่แล้ว ปืนไรเฟิลไม่สนุกหรอกครับ ไม่อย่างนั้นทำไมในทีมถึงไม่มีใครอยากเป็นพลซุ่มยิงล่ะ? แต่ว่าคุณเล่นปืนมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “เขาเล่นในเคาน์เตอร์ สไตรก์กับครอสไฟร์มาหลายปีต่างหาก”
เหมาเหว่ยหลงนึกถึงเคาน์เตอร์ สไตรก์ที่ตัวเองถนัดแล้วพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “กลับไปเรามาเชื่อมอินเทอร์เน็ตเล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์กัน ฉันเอาแกตายแน่!”
เขาเป็นคนกลุ่มแรกในจีนที่เล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์ อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของปักกิ่งเกิดขึ้นค่อนข้างไว ปี 1999 หลังจากที่เคาน์เตอร์ สไตรก์เข้ามาในจีน เหมาเหว่ยหลงก็พก AK-47 และเอาเงินค่าขนมไปลงกับอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จนหมด เพราะฉะนั้นฝีมือเขาก็ไม่เลวจริงๆ แล้วยังเป็นกัปตันทีมของทีมรบหนึ่งในชมรมเคาน์เตอร์ สไตรก์ของมหาวิทยาลัยด้วย
สมัยมหาวิทยาลัย ฉินสือโอวไม่กล้าเล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์กับเหมาเหว่ยหลง เขาโหดร้ายเกินไปแล้ว พอหวนนึกถึงแล้วก็ชวนให้น้ำตาไหล
แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉินสือโอวนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขากวาดล้างพวกมีฝีมือชาวอเมริกันในไมอามีมาก่อน ก็เลยรับคำชวนของเหมาเหว่ยหลง พอขึ้นบกก็จะเล่นเคาน์เตอร์ สไตรก์กัน
หนึ่งพันเมตรนั้นไกลเกินไป พอห่างออกไปประมาณ 400 เมตร ฉินสือโอวก็ยิงปืนอีกครั้ง ความแม่นถึงเริ่มดูดีขึ้นหน่อย เขายิงถูกทุ่นลอยน้ำสองลูก…
ลากอวนไปสองชั่วโมงครี่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่าน่าจะได้เวลาแล้ว ชาร์คควบคุบเครื่องให้ดึงอวนขึ้นมา บนใบหน้าของเหล่าชาวประมงเผยสีหน้าตื่นเต้นตามเสียง ‘กึกๆ’ ของเครื่องยนต์ อวนนี้ได้มาไม่น้อยเลย
หลังจากที่ดึงอวนขึ้นมา ถุงตาข่ายทรงหยดน้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยปลาโอแถบที่มีรูปร่างสวยงาม ส่วนมากยาวประมาณแปดสิบเซนติเมตร ที่เล็กกว่านั้นก็ตัวค่อนข้างเล็ก เพราะตาของอวนลากที่ฉินสือโอวใช้ก็ค่อนข้างใหญ่ ปลาเล็กที่ยาวน้อยกว่าครึ่งเมตรก็เลยจับไม่ได้
ปลาโอแถบเป็นปลาทูน่าชนิดหนึ่ง ปลาทูน่าล้วนแล้วแต่สวยงามมากๆ ต่อให้เป็นคนนอกวงการอย่างเหมาเหว่ยหลง พอเห็นปลาทูน่ามากมายขนาดนั้นร่วงลงห้องแช่เย็นก็รู้สึกสะเทือนใจจนอดอุทานออกมาไม่ได้ “เป็นปลาทะเลที่สวยจริงๆ!”
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจจับปลา รู้สึกว่าฟาร์มปลาไม่ดีเท่าฟาร์มเกษตร ตอนนี้พอได้สัมผัสเสน่ห์ของการจับปลาก็เลยดูข้อมูลเกี่ยวกับปลาทูน่า ที่แต่ก่อนฉินสือโอวดาวน์โหลดไว้
อ่านไปเขาก็แปลกใจแล้วถามฉินสือโอวว่า “ที่อ่านข้อมูลดู จับปลาทูน่าเขาใช้เบ็ดลากกับอวนลอยกลางน้ำไม่ใช่เหรอ? ทำไมแกใช้อวนลากล่ะ?”
ฉินสือโอวขี้เกียจจะอธิบายคำถามง่ายๆ แบบนี้ก็เลยโบกมือให้นีลเซ็นมาหาเพื่อให้เขาอธิบาย
นีลเซ็นฟังคำถามของเหมาเหว่ยหลงก็พูดยิ้มๆ “ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรคือเบ็ดลาก อะไรคืออวนลอยกลางน้ำ อวนลอยกลางน้ำทำลายทรัพยากรทางทะเลมากเกินไป กรมประมงไม่อนุญาตให้ใช้แล้ว ส่วนเบ็ดลากก็เป็นวิธีทั่วไปที่ใช้ตกปลาทูน่าจริง แต่เป็นปลาทูน่าฝูงเล็ก”
“โดยปกติปลาทูน่าจะไม่ค่อยมีฝูงใหญ่โผล่มา ต่อให้เป็นปลาโอแถบในแอตแลนติกเหนือก็แทบจะไม่มีฝูงใหญ่ปรากฏ ฉะนั้นจึงใช้เบ็ดลากบ่อยกว่า มันเป็นอุปกรณ์ตกปลาที่มีเป้า แต่พวกเราเจอปลาฝูงใหญ่ ใช้เบ็ดลากไม่ได้ อวนหนึ่งสามารถจับปลาได้สี่ห้าตัน แต่เบ็ดลากอย่างมากก็จับปลาได้ครั้งละสี่ห้าร้อยกิโลกรัม”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าที่มีแต่น้ำค้าง ที่จริงเขาก็ยังไม่เข้าใจ
หลังจากที่เก็บอวนปลา ฝูงปลาโอแถบนี้ก็หาอาหารได้อย่างวางใจแล้ว ฉินสือโอวไม่ลงอวนจับปลาฝูงเดียวกันซ้ำสอง แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็เพื่อปกป้องการฟื้นฟูทรัพยากรประมง
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างฟาร์มปลาเอกชนและเขตจับปลาสาธารณะ ของของฟาร์มปลาเอกชนเป็นของตัวเอง ให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลกำไร ไม่ใช่การทำการประมงโดยไม่คำนึงถึงผลระยะยาว
เรือประมงเข้าไปใกล้เขตทะเลที่มีหม้อปูอยู่ เหล่าชาวประมงใช้ตะขอเกี่ยวเอาทุ่นลอยขึ้นมา จากนั้นก็ถือโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เอาหม้อปูพวกนี้ลากขึ้นมาทั้งหมด
ชื่อเรียกเป็นทางการของหม้อปูก็คือลอบดักปู ที่ชื่อมีคำว่า ‘หม้อ’ ก็เพราะว่ารูปร่างหน้าตามันเหมือนกับหม้อ เพียงแต่ไม่ได้ทำจากเหล็ก แต่เป็นตาข่ายพันรอบโครงเหล็ก ดูๆ ไปก็เหมือนเต็นท์ที่โดนทับแบน
รัศมีปากลอบดักปูมักจะยาวประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง เวลาวางแนวนอนก็ดูเหมือนหม้อตาข่าย ที่ ‘ก้นหม้อ’ มีรูอยู่ด้วย ปูก็จะมุดเข้าไปตรงนี้ พวกมันไต่เข้าไปจากข้างนอกได้อย่างเดียว แต่กลับไม่สามารถไต่จากข้างในออกมาข้างนอกได้
เหมาเหว่ยหลงถามว่าทำไมถึงไต่ออกมาไม่ได้ ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้น “อีกครู่เดียวก็รู้เอง”
ทรัพยากรปูในฟาร์มปลายังคงอุดมสมบูรณ์อยู่มาก หลังจากที่งมหม้อปูพวกนี้ขึ้นมา ข้างในก็มีปูจำนวนแตกต่างกัน ไม่แค่ปูราชินีเท่านั้นยังมีปูสีน้ำตาลกรีนแลนด์ เป็นปูที่ดูปูดๆ พองๆ
ฉินสือโอวเอาหม้อปูวางไว้บนเรือ จากนั้นก็ดึงปูตัวหนึ่งมาไว้ข้างปากอวนปลา ในตอนนั้นปูตัวอื่นเห็นมันปีนขึ้นไปบนอวนก็ปีนตามขึ้นไป แถมพอไต่มาแถวปูตัวแรก พวกมันไม่ได้หาทางออก แต่ยื่นก้ามออกมาหนีบปูตัวนั้นไว้แล้วลากมันลงไป…
“นี่คือกลุ่มเพื่อนเลวอันดับหนึ่งของท้องทะเล ขอแค่ในหม้อปูมีปูสองตัวขึ้นไปก็จะไม่มีปูสักตัวที่หนีไปได้ ฉะนั้นถึงจะวางหม้อปูไว้นานๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าปูจะหนี” ฉินสือโอวกล่าว
…………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น