ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 904-905

 ตอนที่ 904 ล่อค้างคาว

 

ทว่าหลัวเทียนเฉิงครุ่นคิดซ้ำไปมาก็ยังไม่กล้าอาสาเป็นผู้กล้า แม้เขาครอบครองร่างจิตวิญญาณตูเทียนอันร้ายกาจไม่ธรรมดา แต่จะต้านทานปีศาจอสูรที่รุมเข้ามามากมายเช่นนี้ก็ไม่ไหว ถึงเวลาบาดแผลยังไม่ทันหายก็คงถูกฉีกกระชากจนไม่เหลือเศษซากแล้ว


“ถ้าเช่นนั้นข้าทำเองก็แล้วกัน!”


ขณะที่ทุกคนนิ่งเงียบอยู่นั้น เสียงบุรุษเรียบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


ทุกคนได้ยินพลันหันไปมอง คนส่วนใหญ่ในดวงตาเต็มไปด้วยแววตาประหลาดใจ


ผู้ที่เอ่ยปากก็คือหลิ่วหมิง!


พวกหลัวเทียนเฉิง เวินเจิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย


“ศิษย์น้องหลิ่ว ถ้าเป็นเจ้า…”


ฉิวหลงจื่อเห็นว่าเป็นหลิ่วหมิง คิ้วก็ขมวดนิดๆ คล้ายลังเลอยู่บ้าง


“อืม ศิษย์น้องหลิ่วยินดีรับภาระหนักหนาครั้งนี้ก็เหมาะสม อย่างไรหากไม่นับข้ากับศิษย์น้องฉิวหลงจื่อ ในที่แห่งนี้เจ้าก็มีพลังแข็งแกร่งที่สุดแล้ว” จินเทียนชื่อพยักหน้าเหมือนกับไม่ผิดคาดนักที่หลิ่วหมิงจะก้าวออกมา


ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่สะดวกพูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้าตาม


สายตาของหลิ่วหมิงกวาดผ่านศิลารวมจิตวิญญาณกองนั้นด้วยหัวใจที่นิ่งสงบดุจผืนน้ำ


ศิลารวมจิตวิญญาณเหล่านี้สำคัญกับเขาเหลือเกิน ตอนนี้เพื่อเลื่อนระดับให้เร็วที่สุดและเพิ่มโอกาสน้อยนิดในการผนึกแก่นแท้ ต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่บ้างก็คุ้มค่า


ส่วนปีศาจค้างคาวเหล่านั้นด้านนอก ด้วยพลังของเขาและสมบัติหลายชิ้นในมือ แม้อยู่ท่ามกลางวงล้อม เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าตนเองจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย


“ในเมื่อศิษย์น้องหลิ่วอาสาเป็นผู้กล้าแล้ว งานก็ไม่ควรชักช้า รีบลงมือหน่อยเถิด!” จินเทียนชื่อมองฝูงค้างคาวที่เรียงแถวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้าแล้วหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาโยนให้หลิ่วหมิงทันที


“ได้”


หลิ่วหมิงคว้าขวดหยกไว้แล้วโยนแผ่นค่ายกลในมือคืนไป จากนั้นเขาจึงก้มศีรษะกวาดมองของในมือ


สิ่งที่เห็นคือขวดหยกสีเขียวทั้งใบ ตรงปากขวดมีจุกไม้อุดไว้แน่น ด้านบนมียันต์แผ่นหนึ่งปิดไว้ ไม่มีกลิ่นลอยออกมาสักนิด ดวงตาเขาเปล่งประกายเล็กน้อยแล้วสะบัดมือส่งปราณสีดำสายหนึ่งออกมาหอบศิลารวมจิตวิญญาณบนพื้นครึ่งหนึ่งเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วน


“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้าเพียงต้องเปิดปากขวดแล้วใช้พลังเวทกระตุ้นธาราลวงวิญญาณ ปีศาจอสูรค้างคาวเหล่านี้ก็จะถูกกลิ่นที่โชยออกมาของธาราลวงวิญญาณดึงดูด หลังจากศิษย์น้องล่อปีศาจค้างคาวเหล่านี้ไปแล้วให้ไปที่เขาศิลาดำซึ่งระบุไว้ในแผนที่ พวกเราจะไปรวมตัวกันที่นั่น” จินเทียนชื่อเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว


ขณะที่หลิ่วหมิงอ้าปากเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างนั่นเอง ในหูก็ได้ยินเสียงกระแสจิตของจินเทียนชื่อดังขึ้นอีก


“ศิษย์น้องล่อปีศาจค้างคาวค่อนครึ่งออกไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็จงคิดวิธีพาตัวเองหนีไป เอาชีวิตตนเป็นสำคัญ”


“ไม่เป็นปัญหา” หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายแล้วพยักหน้าตอบรับ


“ศิษย์น้องฉิว เจ้าก็ลงมือด้วย ช่วยข้าเปิดทางให้ศิษย์น้องหลิ่วไปจากที่นี่อย่างราบรื่น!” จินเทียนชื่อหันไปสั่งอีกคำหนึ่ง


ฉิวหลงจื่อตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด มือข้างหนึ่งตบฝักหนังสีเทาดูเก่าคร่ำคร่าใบหนึ่งข้างเอว ทันใดนั้นผิวของฝักหนังก็เปล่งแสงสีเทาก่อนที่กลางฝ่ามือเขาจะมีปราณกระบี่สีทองแสบตาส่องสว่างขึ้นมา


เวลานี้หลิ่วหมิงมองสองพี่น้องโอวหยางเหมือนตั้งใจแต่ก็เหมือนไม่ตั้งใจ


ดวงเนตรงามของโอวหยางเชี่ยนวูบไหว แต่สุดท้ายก็ยังไม่เอ่ยคำใดออกมา


กลับเป็นโอวหยางฉินด้านข้างที่เอ่ยออกมาคำหนึ่ง “รักษาตัวด้วย!”


หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ ให้สตรีทั้งสอง แต่ไม่เอ่ยอันใดมากเช่นเดียวกัน


“เปิด!”


ในเวลานี้เอง มือของจินเทียนชื่อก็ประหนึ่งวงล้อยิงเคล็ดวิชาออกมาหลายสิบสาย บนผิวม่านแสงสี่ชั้นของค่ายกลเบื้องหน้าส่องแสงจิตวิญญาณเจิดจ้า


จินเทียนชื่ออ้าปากพ่นลูกบอลแสงสีน้ำเงินลูกหนึ่งออกมา พร้อมกันนั้นสองมือพลันประกบกันเบื้องหน้าแล้วแยกออกซ้ายขวาช้าๆ


ลูกบอลแสงสีน้ำเงินสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่สีน้ำเงินสองข้างยืดออกมาจากด้านในจับบนค่ายกล


พร้อมกับที่จินเทียนชื่อท่องมนตร์ ผ่านไปครู่หนึ่งเกราะป้องกันของค่ายกลสี่ชั้นก็ถูกมือใหญ่สีน้ำเงินแหวกออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง


ค้างคาวกระหายเลือดด้านนอกตะลึงไปชั่วครู่ก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้นยินดี แย่งกันโถมเข้ามาในรอยแยกทันที


“ปีศาจร้าย เจ้าบังอาจ!”


เวลานี้เองฉิวหลงจื่อพลันตวาดเสียงดังก้อง แสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาจากมือฉับพลันระเบิดซัดไปสี่ด้านแปดทิศประหนึ่งวัตถุที่มีร่างกายในทันใด


เงากระบี่สีทองพร่ามัวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ หลังจากสั่นไหวครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่น่าขนลุกจำนวนมหาศาลก็โผล่ออกมา เงากระบี่มากมายถี่ยิบพุ่งเร็วรี่ผ่านรอยแยกออกไปพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ


ฉิวหลงจื่อประกบห้านิ้วเกิดเป็นสัญลักษณ์รูปกระบี่แล้วยิงเคล็ดกระบี่หลายสายออกไปอย่างเร็วไว เขาคำรามแผ่วเบาครั้งหนึ่ง เงากระบี่ทั้งหมดพลันประสานกลายเป็นเล่มเดียว ลำแสงสีทองขนาดใหญ่เส้นหนึ่งพุ่งดังหวีดหวิว


ชั่วขณะหนึ่งจิตกระบี่เย็นเยียบซัดสาดออกไปกลางอากาศ แสงสีทองแสบตาทำให้ศิษย์สายในที่มองดูอยู่พากันเปลี่ยนสีหน้าแล้วเพ่งมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า


ฟุบ!


ค้างคาวสิบกว่าตัวที่โถมเข้ามาในรอยแยกถูกลำแสงสีทองกลืนเข้าไปแล้วฟาดฟันจนกลายเป็นฝนโลหิตในพริบตา จากนั้นเงางูยักษ์สีทองยาวสามสิบกว่าจั้งที่ดูประหนึ่งมีชีวิตตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากในลำแสง


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ดวงตาพลันเปล่งประกาย ฉิวหลงจื่อไม่เสียทีที่เป็นศิษย์ลับ พลังของวิชากระบี่ในเวลานี้บริสุทธิ์น่าตะลึงขึ้นกว่ายามนั้นในวิหารวิญญาณกระบี่อีก


“จิตวิญญาณทองนองเลือด!”


ฉิวหลงจื่อตวาดเสียงดัง ขณะที่มือตั้งท่าเคล็ดกระบี่สะบัดอย่างรุนแรง


เงาของงูยักษ์สีทองเลื้อยวนสูงขึ้นไปบนฟ้ารอบหนึ่งแล้วอ้าปากกว้าง แสงสีทองดวงแล้วดวงเล่าพุ่งพรวดออกมา แสงรัศมีสีทองแสบตาส่องสว่างวูบวาบ ฉับพลันทันใดพวกมันก็กลายเป็นปราณกระบี่น่าขนลุกนับไม่ถ้วนฟาดฟันไปทุกทิศ


ชั่วเวลาเพียงสองสามลมหายใจ ค้างคาวกระหายเลือดร้อยกว่าตัวที่อยู่ใกล้รอยแยกก็ถูกฟันครั้งเดียวหายไปหมดสิ้น กลิ่นคาวโลหิตแสบจมูกอบอวล!


ฝูงค้างคาวดวงตาสีโลหิตด้านนอกหุบเขาที่เดิมทีคิดจะพุ่งผ่านรอยแยกเข้ามาเห็นภาพนี้ก็ทยอยส่งเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว หยุดพุ่งเข้ามาทันที


ตอนนี้เองจินเทียนชื่อจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัด ยันต์สีเงินแผ่นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปก่อนจะกลายเป็นลูกบอลแสงสีเงินลูกหนึ่งพร้อมกับเสียงอสนีบาตคำรน มันพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วหายวับไป


ครู่ต่อมากลางฝูงค้างคาวนอกรอยแยกก็บังเกิดระลอกคลื่น ลูกบอลแสงสีเงินปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าแล้วระเบิดออกพร้อมแสงสว่างวาบ กลายเป็นอสนีบาตเส้นหนาจำนวนมากพุ่งรวดเร็วออกไปสี่ด้านแปดทิศ


เสียงบึ๊มดังสนั่น ศพค้างคาวดำเกรียมนับไม่ถ้วนร่วงหล่นจากท้องฟ้า


ฝูงค้างคาวที่แต่เดิมล้อมอยู่ชั้นแล้วชั้นเล่าถูกอสนีบาตนับไม่ถ้วนที่ถักทอเป็นผืนกำจัดจนกลายเป็นทางเส้นหนึ่ง


หลิ่วหมิงที่เตรียมตัวมานานแล้วขยับร่างเพียงครั้งเดียวก็พลันกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง ทะลวงผ่านรอยแยกบนเกราะป้องกันของค่ายกลเข้าไปในทางเส้นนั้นในพริบตา ทั้งยังฉวยโอกาสที่ปีศาจค้างคาวใกล้ๆ ยังไม่ทันตอบสนองพุ่งหายวับออกไป


“ดี!”


ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็โล่งอก มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชาอีกครั้ง


แสงสีทองเจิดจ้าสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าฉับพลันม้วนตัวกลับเข้ามาตรงกลางประหนึ่งวาฬดูดน้ำ พร้อมกันนั้นเงางูยักษ์สีทองที่แสงจิตวิญญาณบนผิวหม่นแสงอยู่บ้างก็แหงนหน้าขึ้นฟ้ากรีดร้องคำราม ร่างกายหมุนควงครั้งหนึ่งแล้วพุ่งเข้าไปในรอยแยกด้านล่าง ระหว่างทางก็กลับกลายเป็นกระบี่บินสีทองบางประหนึ่งปีกจักจั่นอีกครั้ง จากนั้นพุ่งหายวับเข้าไปในฝักกระบี่สีเทาข้างเอวของฉิวหลงจื่อ


แทบจะในเวลาเดียวกับที่ฉิวหลงจื่อเก็บกระบี่บินกลับไป จินเทียนชื่อก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัด มือยักษ์สีน้ำเงินสองข้างที่แหวกเปิดค่ายกลอยู่พังทลายเสียงดังกึกก้องกลายเป็นประกายแสงสีน้ำเงินจุดแล้วจุดเล่า


รอยแยกบนเกราะป้องกันของค่ายกลประสานสนิทในชั่วพริบตา


ในที่สุดปีศาจค้างคาวกระหายเลือดด้านนอกหุบเขาที่เดิมทีถูกปราณกระบี่ของฉิวหลงจื่อข่มไว้ก็ได้สติกลับมา พวกมันจำนวนไม่น้อยกรีดร้องเสียงแหลมพากันหมุนตัวไล่ตามหลิ่วหมิงไปทันที


ตัวที่นำหน้ามาย่อมเป็นปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับผลึกทั้งสองตัว พวกมันกระพือปีกค้างคาวยาวราวสิบจั้งโถมเข้ามาพร้อมกับอ้าปากกว้าง ลำแสงสีเลือดสองสายพุ่งเร็วรี่นำไปก่อน


หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน ปราณดำพลุ่งพล่านทะลักออกมา ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่ง ครู่ต่อมาคนก็ปรากฏตัวตรงที่ว่างห่างจากลำแสงสีเลือดที่พุ่งมาสิบกว่าจั้ง


ปีศาจค้างคาวระดับผลึกสองตัวกรีดร้องเกรี้ยวกราด พายุปีศาจสีเลือดบนร่างพัดโหมอีกครั้ง แสงสีเลือดยาวครึ่งฉื่อผุดจากกรงเล็บคมสองข้างพุ่งเร็วรี่ไล่ตามไปยังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่


ปราณดำบนร่างหลิ่วหมิงเข้มขึ้น ทั้งร่างกลายเป็นเส้นสีดำเหาะหนีไปอีกด้านหนึ่งของหุบเขา สลัดปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับผลึกสองตัวด้านหลังทันที


ในเวลาเดียวกันนี้ยันต์บนขวดหยกสีเขียวในแขนเสื้อเขาก็ถูกเขาฉีกออกเงียบๆ ปราณดำสายหนึ่งทะลักออกมาหุ้มปากขวดไว้


ครู่ต่อมาในขวดหยกก็อบอวลไปด้วยกลิ่นประหลาด ดมดูเหมือนกลิ่นไม้จันทร์อยู่บ้าง แต่ก็มีกลิ่นคาวอยู่ด้วยเล็กน้อย


กลิ่นนี้สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว นอกจากประหลาดอยู่บ้างก็ไม่ให้ความรู้สึกอื่นใดอีก แต่หลังจากปีศาจค้างคาวทั้งหลายที่ไล่ตามหลังมาสูดเข้าไป ดวงตาสีเลือดกลับโชนแสง ทอประกายแสงสีเลือดอันละโมบออกมาทันทีราวกับมองเห็นของที่ปรารถนาอย่างที่สุด


ค้างคาวกระหายเลือดเหล่านั้นที่ไล่ตามติดหลิ่วหมิงอยู่ฉับพลันเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างมากในทันใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีศาจค้างคาวระดับผลึกสองตัวที่นำอยู่ด้านหน้า แสงสีเลือดในดวงตาส่องสว่าง พายุปีศาจบนร่างเข้มทึบกลายเป็นเมฆสีโลหิตสองแถบ ไล่ตามมาเร็วรี่ประหนึ่งอสนีบาตจวนเจียนจะไล่ตามหลิ่วหมิงทัน


“ได้ผลจริงๆ!”


ดวงตาหลิ่วหมิงทอประกายวูบหนึ่ง เขาไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา แสงสีเงินส่องสว่างบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อสีเงินกางออกในทันใด เพียงกระพือแรงๆ ครั้งเดียว ทั้งร่างก็พร่าเลือนหายวับไปห่างหลายสิบจั้ง ดึงระยะห่างจากฝูงค้างคาวด้านหลังอีกครั้งแล้วเริ่มวนรอบหุบเขาอย่างห่างๆ หนึ่งรอบใหญ่


ขณะที่เขากระตุ้นพลังเวท ธาราลวงวิญญาณในขวดหยกก็ส่งกลิ่นหอมเข้มขึ้นเรื่อยๆ เขาเหาะไปถึงตรงไหน ค้างคาวกระหายเลือดตรงนั้นก็เหมือนแมลงวันได้กลิ่นคาวเลือด พากันเลิกโจมตีชั้นจำกัดในหุบเขาแล้วหมุนตัวไล่ตามเขามา


หลิ่วหมิงเหาะวนรอบหุบเขาอย่างเร็วไวได้ครึ่งรอบกว่าเท่านั้น ฝูงค้างคาวกระหายเลือดที่ล้อมหุบเขาอย่างแน่นขนัดอยู่แต่เดิมก็ถูกกลิ่นของธาราลวงวิญญาณล่อเข้ามาแปดเก้าในสิบส่วน


เวลานี้ห่างไปร้อยกว่าจั้งหลังร่างเขา ปีศาจค้างคาวสีดำแดงรวมตัวกันประหนึ่งก้อนเมฆขนาดมโหฬารอย่างที่สุด ทำให้คนไม่น้อยในหุบเขาเห็นแล้วตกใจอย่างยิ่ง


พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหากหลิ่วหมิงพาดพลั้งหรือพลังเวทขาดตอนสักนิดเดียว ไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งลมหายใจก็คงจะสาบสูญไปจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง กระทั่งเศษซากสักนิดก็ไม่เหลือไว้


คนที่มีมิตรไมตรีอันดีกับหลิ่วหมิงเช่นพี่น้องโอวหยางเผยสีหน้ากังวลออกมาอย่างห้ามไม่ได้


“พอประมาณแล้ว…” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงที่กำลังกระพือปีกสีเงินโบยบินอยู่ก็เอ่ยพึมพำขึ้น หลังจากแยกทิศทางเล็กน้อย เขาก็แหวกท้องฟ้ามุ่งออกไปไกลทันที


แทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองเหนือศีรษะเขาพลันเกิดคลื่นไหวกระเพื่อม พร้อมกับที่แสงสว่างมืดหม่นลง ค้างคาวยักษ์ขนาดยี่สิบกว่าจั้งตัวหนึ่งแหวกท้องฟ้าเข้ามา มันก็คือค้างคาวกระหายเลือดระดับแก่นแท้ตัวนั้น!


ปีศาจอสูรตัวนี้จ้องหลิ่วหมิงอย่างละโมบ แต่ในดวงตากลับยังคงกระจ่างใสอยู่เสี้ยวหนึ่ง พริบตาที่ปรากฏตัวกรงเล็บยักษ์ทั้งสองข้างพลันกลายเป็นเงากรงเล็บนับไม่ถ้วนตะปบลงมาหาหลิ่วหมิงจากทั่วทุกสารทิศ

 

 

 


ตอนที่ 905 สลัดหลุด

 

หลิ่วหมิงเผชิญหน้ากับการโจมตีที่มาเยือนกะทันหัน แต่เหมือนเขาคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว เขาเพียงแค่นเสียงหยันทีหนึ่ง ร่างกายท่ามกลางปราณสีดำพลันสั่นไหวกลายเป็นเงามายาสีเงินดำที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการสี่ร่าง พุ่งหายวับไปสี่ทิศ หนีพ้นจากเงากรงเล็บที่ห้อมล้อมในพริบตา


สองตาของค้างคาวยักษ์ทอประกายสีเลือด ทันใดนั้นมันก็กรีดร้องเสียงแหลมอย่างเกรี้ยวกราด แสงสีเลือดที่แผ่ออกมารอบร่างรวมกันเป็นก้อน ขดขมวดกลายเป็นลูกบอลแสงสีเลือดลูกหนึ่งดัง “ฟึบ” จากนั้นก็ระเบิดตัวเอง


แสงสีเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดออกไปสี่ด้านแปดทิศพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ กระทั่งปีศาจค้างคาวบางส่วนที่ไล่ตามติดอยู่ด้านหลังก็ถูกลูกหลงไปด้วย พวกมันพากันกรีดร้องโหยหวน เพลิงสีเลือดประหลาดลุกไหม้บนร่างร่วงลงมาจากท้องฟ้า


เงาดำที่หนีไปไกลสามร่างถูกแสงสีเลือดทะลุผ่านในพริบตาแล้วสลายกลายเป็นปราณดำหายไป


มีเพียงร่างเดียวที่ปราณดำรอบร่างฉับพลันลุกโหม ก่อตัวเป็นเกราะแสงสีดำชั้นหนึ่งปกป้องทั้งร่างเอาไว้


ฟึบ ฟึบ ฟึบ!


แสงสีเลือดสิบกว่าสายทยอยโจมตีบนเกราะแสงแต่ไม่มีเสียงพลังเวทกระแทกอย่างที่คาด แสงสีเลือดกลับส่องสว่างวูบหนึ่งผสานเข้าไปในเกราะแสง


ร่างกายของหลิ่วหมิงเย็นวาบ เขารู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานประหลาดสายหนึ่งแทรกเข้ามาจากด้านนอกเกราะแสงสีดำแล้วหายวับไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้แขนขาของเขาแข็งทื่อทันที กระทั่งการโคจรของพลังเวทในร่างก็เริ่มติดขัดด้วย


“แย่แล้ว!”


หลิ่วหมิงตกตะลึง ในใจขบคิดเร็วไว เขากำลังจะโคจรวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬเต็มกำลังเพื่อขับพลังงานสายนี้ออกไป ทว่าเวลานี้เองภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนบนหัวไหล่เขาก็พลันส่องสว่าง แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งลอยโถมเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว


พลังงานเย็นยะเยือกประหนึ่งน้ำแข็งหลอมละลายราวกับพบเปลวไฟ ชั่วพริบตาก็ถูกพลังของภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนกลืนกิน


รอดพ้นจากอันตรายได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้ทำให้หลิ่วหมิงยินดีอยู่ในใจ ร่างกายขยับเล็กน้อยเพียงครั้งเดียวก็ฟื้นกลับคืนสภาพเดิม ไม่รู้สึกว่าการโคจรพลังเวทเชื่องช้าแต่อย่างใด


ความมหัศจรรย์ของภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนนี้เหนือกว่าที่เขาคาดไว้มากมายนัก นอกจากเก็บซ่อนกลิ่นอายได้แล้วยังครอบครองพลังที่กลืนกินสรรพสิ่งได้อีกด้วย พลังเช่นนี้ช่วยเขาคลี่คลายภัยร้ายมาได้หลายครั้งแล้ว


ในแดนลึกลับประตูสวรรค์เมื่อตอนนั้น พวกต่างเผ่า เผ่าหนอนผีเสื้อที่หน้าตาเหมือนตะขาบตัวนั้นที่เหมือนจะถูกเรียกว่า ‘จู๋เสิน’ อะไรสักอย่างก็ด้วยเช่นกัน ซึ่งต่อมาเขาค้นหาข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ ของนิกายแต่ก็ไม่พบเงื่อนงำอันใด


ในใจหลิ่วหมิงครุ่นคิดเรื่องราวเหล่านี้อย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายกลับไม่กล้าเคลื่อนไหวชักช้าแม้สักนิด มือข้างหนึ่งขยับตั้งท่าเคล็ดวิชาดึงพลังเวทออกมา เพิ่มความเร็วจนถึงระดับสูงสุดกลายเป็นเส้นยาวสีดำสลับเงินเส้นหนึ่งเหาะไปยังขอบฟ้าไกลในทันที


ปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับแก่นแท้เห็นลำแสงสีดำบินห่างออกไปไกลทุกทีจึงกรีดร้องแหลมอย่างเกรี้ยวกราดที่สุด ปีกค้างคาวยักษ์ทั้งสองข้างพร่าเลือนวูบหนึ่งก็กลายเป็นพายุปีศาจสีดำแดงสายหนึ่ง ไล่ตามเร็วไวไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ด้อยไปกว่าหลิ่วหมิง


ปีศาจค้างคาวกระหายเลือดตัวอื่นส่วนใหญ่ยังตามติดอยู่หลังร่างเขาเหมือนเมฆดำก้อนใหญ่ที่เพียงพอบดบังภูเขาไปได้เกินครึ่งลูก ถาโถมไปยังทิศทางที่หลิ่วหมิงหนีไป


ปีศาจค้างคาวส่วนน้อยในนั้นที่ตามกลุ่มใหญ่ไม่ทันหมุนตัวบินกลับไปยังกลุ่มค้างคาวที่ล้อมโจมตีค่ายกลในหุบเขาอยู่


ทว่าเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปสั้นๆ ปีศาจค้างคาวที่อยู่ในหุบเขาก็เหลือเพียงไม่ถึงสามส่วนของจำนวนเดิม อีกทั้งยังมีแต่ระดับของเหลวจิตวิญญาณ


“ดี!”


จินเทียนชื่อมองเมฆดำทะมึนที่เคลื่อนออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ตรงขอบฟ้า ทันใดนั้นใบหน้าก็เผยสีหน้าพึงพอใจ มือใช้เคล็ดวิชาต่อเนื่องหลายท่า ดวงตาเพ่งสมาธิ ปากตวาดคำหนึ่งออกมา


“ระเบิด!”


แผ่นค่ายกลในมือจินเทียนชื่อกับอีกสามคนปริแตกตอบรับเสียงตวาดทันที เกราะแสงค่ายกลสี่ชั้นในหุบเขาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดกะทันหันกลายเป็นลำแสงเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งเร็วรี่ไปสี่ด้านแปดทิศ


ปีศาจค้างคาวที่เหลืออยู่ด้านนอกหุบเขาถูกลำแสงเหล่านี้ทะลวงผ่าน พวกมันหลายร้อยตัวถูกฉีกเป็นชิ้นในทันที ปีศาจค้างคาวกระหายเลือดที่เหลือพ่ายแพ้ไม่เป็นกระบวน ส่งเสียงกรีดร้องหวาดผวาดังระงม


“ฉวยจังหวะตอนนี้ รีบไปเร็ว!”


ฉิวหลงจื่อออกคำสั่ง จากนั้นมือก็ตั้งท่าเคล็ดกระบี่อีกครั้ง ทั้งร่างพุ่งขึ้นฟ้าไปทันที


ฟึบๆ !


ปราณกระบี่สีทองนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากฝักกระบี่สีเทาที่แลดูเก่าคร่ำครึ สะบั้นปีศาจค้างคาวระดับของเหลวจิตวิญญาณหลายตัวที่ขวางอยู่หน้าสุดเป็นชิ้นๆ


คนที่เหลือก็พากันเหาะขึ้นจากพื้น แสงพลังเวทหลากสีสันหลายสิบสายผุดขึ้นตรงนั้นตรงนี้ กวาดล้างปีศาจค้างคาวระดับของเหลวจิตวิญญาณที่เหลืออย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด


คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลผู้โดดเด่นในหมู่ศิษย์สายในระดับผลึกของนิกายยอดบริสุทธิ์ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อก็สังหารปีศาจค้างค้าวที่เหลือจนเกลี้ยงแล้วพุ่งออกจากหุบเขาแหวกท้องฟ้ามุ่งไปยังทิศทางหนึ่งได้ครบทุกคน


“พี่เชี่ยน ดูท่าทางท่านกังวลกลัดกลุ้มเช่นนี้ เป็นห่วงหลิ่วหมิงผู้นั้นหรือ?” ด้านในลำแสงโอวหยางฉินเหลือบมองโอวหยางเชี่ยนด้านข้างแล้วเอ่ยขึ้นคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม


“ฉินเอ๋อร์ พูดเหลวไหลอะไร! ก็แค่คนผู้นี้รับปากตระกูลไว้ว่าจะปกป้องความปลอดภัยของพวกเราสองคน หากตายไปเช่นนี้จะยกประโยชน์ให้เขาเกินไปแล้ว” โอวหยางเชี่ยนมองโอวหยางฉินอย่างตำหนิครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเร็วไว


“ก็ได้ พี่สาวคนดีของข้า ไม่ต้องรีบร้อนอธิบาย พลังของเจ้าหนูหลิ่วหมิงคนนี้สูงส่งยากหยั่งถึง ไม่มีทางเป็นอะไรไปหรอก!” ไม่รอให้โอวหยางเชี่ยนพูดจบ โอวหยางฉินก็แย้มยิ้มงดงามเอ่ยขัด จากนั้นเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน


โอวหยางเชี่ยนเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ร้องเหอะเสียงหวานครั้งหนึ่งแล้วตามไปเช่นเดียวกัน


……


ขณะที่ผู้คนของนิกายยอดบริสุทธิ์หนีออกจากหุบเขาได้อย่างราบรื่น ห่างไปหมื่นลี้ในทิศตรงกันข้ามกับทุกคน เหนือเทือกเขากับสายธารทอดยาวแห่งหนึ่ง หลิ่วหมิงกำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วกลางลำแสงสีดำ


ห่างไปไม่กี่ร้อยจั้งหลังร่างเขา เมฆสีดำทะมึนก้อนโตยังคงตามติด ปีศาจค้างคาวประหลาดมากมายในนั้นดวงตาสองข้างแดงก่ำไล่ตามติดไม่ลดละอย่างบ้าคลั่ง


เพียงแต่จำนวนของปีศาจค้างคาวเหล่านี้เทียบกับตอนแรกที่เขาหนีออกมาจากหุบเขาเห็นชัดว่าน้อยลงไปราวสองในสามส่วน ปีศาจค้างคาวที่พลังไม่ถึงระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นปลายในฝูงถูกสลัดทิ้งไปกลางทางนานแล้ว


ทันใดนั้นเงาร่างสีแดงคล้ำมหึมาร่างหนึ่งก็พุ่งปานสายฟ้าออกมาจากกลางฝูงค้างคาว ปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับแก่นแท้ตัวนั้นนั่นเอง


มันขยับไม่กี่ครั้งก็ย่นระยะห่างเข้ามาใกล้หลิ่วหมิงได้ไม่น้อย จากนั้นก็พลันอ้าปาก


เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นพร้อมกับที่แสงสีเลือดยาวสิบกว่าจั้งพุ่งออกมา เพียงแวบเดียวก็มาถึงด้านหลังหลิ่วหมิงไม่ไกล


หลิ่วหมิงคล้ายจะรู้ล่วงหน้า เขาพลันต่อยหนึ่งหมัดไปด้านหลังโดยที่ไม่หันศีรษะกลับไปสักนิด ปราณดำบนร่างทะลักออกมาก่อนที่เงามังกรหมอกสีดำตัวหนึ่งจะคำรามพุ่งออกมาจากหมัด


เสียงเปรี้ยงดังขึ้นครั้งหนึ่ง!


เงามังกรปะทะกับแสงสีเลือดแล้วพังทลายพร้อมกัน แสงสีเลือดกับปราณสีดำที่สอดแทรกด้วยคลื่นพลังเวทรุนแรงพุ่งเร็วรี่ไปสี่ด้านแปดทิศ


เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นครั้งหนึ่ง!


ปีศาจค้างคาวระดับแก่นแท้กางปีกทั้งสองข้างออก มันพุ่งวูบเดียวออกจากกลางหมอกสีดำกับแสงสีเลือดที่แผ่เต็มท้องฟ้า ย่นระยะห่างเข้ามาใกล้หลิ่วหมิงอีกหลายส่วน


หลังจากหลิ่วหมิงกวาดจิตสัมผัสไปด้านหลังครั้งหนึ่งก็สูดลมหายใจลึกแล้วหมุนตัวในฉับพลัน สองแขนพร่าเลือนอีกครั้ง เงาหมัดสีดำถี่รัวกระหน่ำโจมตีเข้าใส่ปีศาจค้างคาวระดับแก่นแท้ดุจเม็ดฝน พลังน่าตะลึงอย่างที่สุด


ปีศาจค้างคาวคล้ายจะหวั่นเกรงเงาหมัดเหล่านี้อยู่บ้าง ปีกค้างคาวกางออก โฉบหลบเงาหมัดถี่รัวไปประหนึ่งสายลม


แม้หลิ่วหมิงจะลงมือบีบให้ปีศาจค้างคาวระดับแก่นแท้ถอยไปได้ แต่การหยุดชะงักชั่วครู่นี้กลับทำให้ปีศาจค้างคาวกระหายเลือดด้านหลังไล่ตามเข้าใกล้มาไม่น้อย เขาย่อมไม่กล้ารั้งรอนาน ปีกเนื้อสีเงินบนแผ่นหลังฉับพลันกระพือหลายหน กลายเป็นลำแสงสีดำสลับเงินสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าจากไปไกลอีกครั้ง


ค้างคาวยักษ์ระดับแก่นแท้ด้านหลังกับฝูงปีศาจตัวอื่นยังคงไล่ตามติดไม่เลิกรา


หลิ่วหมิงอาศัยปีกสองข้างที่สร้างจากเคล็ดวิชาเกราะอสูรกับการต่อยหมัดเสียงดังกึกก้องไปด้านหลังเป็นระยะ ฝั่งหนึ่งไล่ตาม ฝั่งหนึ่งหนีเช่นนี้จนมาถึงท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสีดำขลับซึ่งมองไปไร้ที่สิ้นสุดแห่งหนึ่ง


ตอนนี้เขาล่อปีศาจค้างคาวเหล่านี้ออกมาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปแล้ว


ระยะเวลายาวนานเช่นนี้เพียงพอให้คนอื่นหนีไปได้แล้ว


หลิ่วหมิงเหวี่ยงหมัดอีกครั้ง ปราณดำหลายสายพุ่งออกมาบีบปีศาจค้างคาวระดับแก่นแท้ด้านหลังให้ถอยไป เขาพลิกมือครั้งหนึ่งเรียกยันต์แหวกมิติแผ่นหนึ่งออกมาทันที หลังจากบนใบหน้าปรากฏสีหน้าตัดใจไม่ลงจางๆ เขาก็ขยี้จนแหลกในพริบตา


เสียง “ฟุบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!


ยันต์สีขาวมากมายถี่ยิบปรากฏขึ้นบนความว่างเปล่าใกล้ตัวหลิ่วหมิง พวกมันหมุนรวดเร็วรอบหนึ่งก่อตัวเป็นค่ายกลยันต์สีขาวจางๆ รอบด้านแล้วส่งเสียงแผ่วเบาออกมาก่อนจะทำงานด้วยตนเอง


ปีศาจค้างคาวระดับแก่นแท้ด้านหลังเห็นภาพนี้ก็สะบัดปีกสองข้างทันที รอบร่างฉับพลันมีปราณปีศาจสีดำแดงดวงแล้วดวงเล่าผุดออกกลายเป็นศรสีดำแดงพุ่งดังฟึบไปเบื้องหน้า


หลิ่วหมิงทำเหมือนไม่เห็นศรสีดำแดงที่พุ่งมาถึงด้านหลังร่าง แสงสีขาวรอบด้านค่ายกลส่องสว่างขึ้นวูบหนึ่ง เขาก็หายไปกับความว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอยจากไกลๆ


ศรสีดำแดงมากมายถี่ยิบแล่นผ่านค่ายกลยันต์โจมตีจนเกิดรูนับร้อยนับพันในพริบตา ค่ายกลยันต์กลายเป็นละอองแสงสีขาวพังทลายสลายตาม ทันใดนั้นไกลออกไปก็ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีกต่อไป


ปีศาจค้างคาวระดับแก่นแท้เห็นภาพนี้ก็หยุดยิ่ง แรกสุดมันตกตะลึง จากนั้นก็แหงนหน้าคำรามอย่างดุร้ายเกรี้ยวกราดเป็นที่สุด อากาศสั่นสะเทือนจนปีศาจค้างคาวตัวอื่นที่ตามติดมาด้านหลังทั้งหมดบินเฉซ้ายเฉขวาไปพักหนึ่ง!


ในเทือกเขาแห่งหนึ่งห่างออกไปหลายร้อยลี้ แสงสีขาวสว่างขึ้นวูบหนึ่ง กลางท้องฟ้าปรากฏเงาคนผู้หนึ่งที่บนแผ่นหลังมีปีกสองข้างและมีปราณดำหุ้มอยู่ทั่วร่าง


หลิ่วหมิงนั่นเอง!


“ฟู่…ในที่สุดก็สลัดหลุดแล้ว”


หลิ่วหมิงตั้งร่างมั่นคงได้ก็แผ่จิตสัมผัสออกไปหลายสิบลี้รอบด้าน หลังจากไม่พบร่องรอยปีศาจค้างคาวกระหายเลือด สีหน้าก็ผ่อนคลายแล้วเป่าลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมา


จะว่าไปแล้วธาราลวงวิญญาณนี่ก็ร้ายกาจอย่างแท้จริง ปีศาจค้างคาวกระหายเลือดเหล่านั้นได้กลิ่นก็ตามติดเขาเหมือนตังเม หากไม่ใช่เพราะยันต์แหวกมิติ เขาก็คงไม่มีหนทางอื่นสลัดหลุดอย่างสิ้นเชิงได้จริงๆ


ในใจเขาครุ่นคิดเช่นนี้แล้วสะบัดแขนเสื้อ ปราณดำม้วนออกมาพร้อมกับที่ขวดน้อยสีเขียวหยกใบหนึ่งลอยออกมา


หลังจากเขากวาดจิตสัมผัสครั้งหนึ่งก็พบว่าธาราลวงวิญญาณเหลืออยู่เพียงราวครึ่งขวดเท่านั้น


หลิ่วหมิงคิ้วขมวดแล้วดีดนิ้วครั้งหนึ่ง จุกไม้ชิ้นหนึ่งลอยออกมาปิดบนปากขวดอย่างแม่นยำใหม่อีกครั้ง จากนั้นเขายกมือขึ้นส่งยันต์แผ่นหนึ่งไปแปะไว้ด้านบนถึงปิดกั้นกลิ่นในขวดได้อย่างสมบูรณ์


หลิ่วหมิงยกมือข้างหนึ่งขึ้นกวัก เขาคว้าขวดหยกมาไว้ในมือแล้วตรวจสอบเล็กน้อย หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหาแน่นอนแล้วถึงเก็บมันเข้าไปในแหวนย่อส่วน จากนั้นก็พลิกมืออีกครั้งเรียกแผนที่ออกมาเหมือนเตรียมตัวจะดูสักหน่อย


แต่ในเวลานี้เองฉับพลันนั้นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายเบาบาง หลิ่วหมิงตื่นตระหนก ปีกสองข้างบนแผ่นหลังหุบลง ร่างกายพุ่งถอยหลังออกไปประหนึ่งลูกธนู


ฟึบ!


ประกายแสงเย็นเยียบเรียวเล็กอย่างที่สุดสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วผ่านจุดที่เขาเพิ่งยืนอยู่เมื่อครู่ไปแล้วโจมตีลงบนหน้าผาใกล้ๆ เสียงแผ่วเบาดังขึ้นครั้งหนึ่ง พริบตาเดียวมันก็จมเข้าไปด้านใน ทิ้งเอาไว้เพียงรูขนาดเล็กเท่ารูเข็มรูหนึ่ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)