ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 898-941

 ตอนที่ 898 ซื้อบ้าน


 แม้ว่าในตอนนี้คุณย่าจะทำตัวดีขึ้นมาบ้าง แต่เหมยเหมยก็ยังไม่ได้กลับมาพักที่บ้านตระกูลจ้าว เธอไม่อยากอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับคุณย่า พอเจอหน้าก็ต้องทักทาย ทั้งยังต้องทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน เธออึดอัดเป็นไหนๆ!


และก็เพราะคุณปู่โทรหาเกลี้ยกล่อมหลายต่อหลายสาย แต่ก็ต้องถูกเหมยเหมยปฏิเสธไป  สุดท้ายต้องให้จ้าวอิงหัวเป็นคนออกหน้าเอง ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมคุณปู่ ว่าไม่ต้องให้เธอกลับไปพักที่เขตมหา’ลัยแล้ว


“พวกเธอยังจะเรียนเต้นบัลเลย์อีกไหม?ครูของพวกเธอโทรมาถามตั้งหลายสายแล้ว”


สงมู่มู่วางสายไปอย่างไม่สบอารมณ์ หลายวันมานี้เขาคอยช่วยกันท่าไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ครูที่สอนบัลเล่ย์โทรมาจนน่ารำคาญ สอบถามว่าเหตุใดเหมยเหมยและเซียวเซ่อไม่มาเรียน ทำให้เหมยเหมยและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกละอายใจ


รู้สึกผิดต่อครูที่ตั้งใจดูแลจากใจจริง!


“นายโง่หรือไง แค่บอกว่าฉันกับเหมยเหมยคนหนึ่งแขนหัก อีกคนขาหัก แค่นั้นก็จบแล้วป่ะ!”


เซียวเซ่อเหลือบมองสยงมู่มู่ราวกับคนซื่อบื้อ จากนั้นใช้ช้อนตักไอศกรีมก้อนใหญ่ยัดเข้าปาก จะได้กินรับรสชาติเต็มคำ


สยงมู่มู่โมโหไม่น้อย เขาเองก็หยิบไอศกรีมออกมาจากตู้เย็นหนึ่งถ้วยใหญ่ และตักกินคำโต ๆ ติดต่อกันหลายคำ จากนั้นพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “ต่อไปนี้ถ้าฉันยังรับโทรศัพท์ให้พวกเธออีก ฉันก็จะไม่ใช้แซ่สยง…”


“ไม่ใช้แซ่สยงแล้วใช้แซ่อะไร? หรือไม่งั้นใช้แซ่จู…”


เซียวเซ่อต่อปากต่อคำ โดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง ยิ้มอย่างได้ใจที่รู้ว่าตัวเองพูดเรื่องอะไรไป ซึ่งเธอพึงพอใจเป็นอย่างมาก “จูมู่มู่ก็เพราะไปอีกแบบนะ ฮ่าๆๆ…”


สยงมู่มู่กัดฟัดแน่นและจ้องมองเซียวเซ่อที่มีท่าทีสนุกขำขัน เขาจึงกัดช้อนจนฟันกระทบดังกึกๆ   คิดเสียว่าเหมือนได้กัดเซียวเซ่อ


เหมยเหมยที่เห็นทั้งคู่กัดกันไปมาชินบ้างไม่ชินบ้าง เมื่อก่อนเธอยังคงพอช่วยเกลี้ยกล่อมบ้าง แต่ตอนนี้เธอคงต้องทำเป็นหูทวนลม


ทั้งสองศัตรูคู่รัก แค่เจอหน้าก็หยิกหยอก ทั้งรักทั้งแค้น อารมณ์เร่าร้อนดุเดือด…


เหมยเหมยนั่งพิงโซฟาอย่างเบื่อหน่าย พอจัดการเรื่องของหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกไปแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำเลย!


เหยียนหมิงซุ่นคงอยู่ในสนามฝึก ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะออกมาแล้วนัดเจอกันได้ เหมยเหมยใบหน้าแดงระเรื่อ เธอคิดว่าตัวเองเป็นดั่งสาววัยแรกแย้มที่เพ้อฝันเรื่องความรัก!


ต้องหาอะไรให้ตัวเองทำแล้วดีกว่า!


เหมยเหมยกรอกตาไปมา คิดแผนการอยู่ในหัว เบื่อหน่ายแบบนี้ต้องทำอะไร?


ใช้เงินไง!


เหมยเหมยคิดไปคิดมาก็ต่อสายไปยังโรงน้ำชาหวังปา เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าหากเขาไม่อยู่ มีเรื่องอะไรให้ติดต่อกับพี่เฉิง ช่วงกลางวันส่วนมากพี่เฉิงจะอยู่ที่โรงน้ำชา หากไปตามหาที่นั่นก็คงจะเจอ


“ลุงเฉิน หนูอยากซื้อเรือนสี่ประสาน[1] เล็กใหญ่ไม่ว่ากัน จำนวนไม่เกี่ยงค่ะ”


เหมยเหมยพูดตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม  แม้ว่าพี่เฉิงจะรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก บอกเพียงแค่ว่าถ้าได้เรื่องแล้วจะแจ้งไป


เซียวเซ่อถามขึ้นอย่างแปลกใจ “เธอจะซื้อบ้านไปทำไม? บ้านของฉันต่อให้เธออยู่ไปทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญหาอะไร”


เหมยเหมยกรอกตาใส่เธอ “อีกหน่อยถ้าฉันแต่งงานคงจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ ถึงฉันจะพอใจแต่แฟนฉันคงไม่พอใจหรอก อีกอย่างที่ฉันซื้อบ้านก็เพื่อลงทุน เซ่อเซ่อฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ถ้าเธอมีเงินก็ซื้อบ้านไว้ ฉันคิดคำนวณดูแล้ว บ้านเป็นอสังหาริมทรัพท์ที่ได้ผลตอบแทนมากสุดในช่วงเวลายี่สิบปีนี้ ถ้าเธอเชื่อฉันรับรองไม่มีผิดหวัง”


สยงมู่มู่หัวเราะเยาะไปพลาง “ล้มเลิกเถอะ แค่มีตำแหน่งก็มีบ้านได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปซื้อบ้านหรอก จ้าวเหมยฉันว่าเธอเงินเยอะเลยคันไม้คันมืออยากใช้ ไปซื้อของอร่อยๆ กินจะไม่ดีกว่าเหรอ  ไม่มีอะไรสู้กินให้อิ่มท้องได้หรอก”


เซียวเซ่อเองก็คิดแบบนั้นจึงยักไหล่แบบขอไปที “บ้านของฉันมีมากพอแล้ว ซื้อไปอีกทำไมเยอะแยะ ดื่มกินก็ไม่ได้”


“แล้วแต่พวกเธอละกัน อีกหน่อยถ้าฉันกินเนื้อ พวกเธออย่ามาอิจฉาก็พอ!” เหมยเหมยพูดอย่างไม่สบอารมณ์


เซียวเซ่อและสยงมู่มู่จ้องเธอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย และพูดขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง “เธอกินเนื้อแล้วกล้าที่จะไม่แบ่งฉันกินเหรอ? อยากโดนดีหรือไง!”


……………………………………..


[1] หรือเรียก ซื่อเหอเยวี่ยน คือบ้านทรงอาศัยทรงโบราณของจีน มีลักษณะล้อมรอบด้วยกำแพงทั้งสี่ด้าน โดยมีลานบ้านอยู่ตรงกลาง


ตอนที่ 899 ใจตรงกัน


 เหมยเหมยแคะหูอยู่ เจ้าเพื่อนยาก คลื่นเสียงที่กระทบใส่ ทำเอาขี้หูที่ถูกสั่งสมมานานหลายปีที่เธอเองก็พยายามแคะมาตลอดเต้นสะเทือนโผล่ออกมา


รู้สึกโล่งเชียว…


“ทำไม…อีกหน่อยจะร่วมมือมาแย่งฉันกินเหรอ พวกเธออยากเป็นดั่งจอมโจรแมนดารินหรือไง?” เหมยเหมยพูดขึ้นด้วยท่าทีเย้าแหย่


เซียวเซ่อและสยงมู่มู่ราวกับถูกแมงป่องต่อยก็มิปาน กระโดดเต้นพล่าน ต่างคนต่างหลบซุกเข้ามุมโซฟา พร้อมทั้งสบถคำว่า ‘ชิ’ ออกมาพร้อมกัน แสดงออกถึงการกระทำของอีกฝ่ายนั้นไม่ควรค่า


“อย่าเอาฉัน(เขา)มารวมกัน ภาพลักษณ์ของเจ้าหญิง(เจ้าชาย)คนนี้หายไปหมด!”


ทั้งคู่ต่างพูดประโยคเดียวกันขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง พูดง่ายๆ คือใจตรงกัน ขนาดนัดซ้อมกันยังไม่พร้อมเพรียงถึงเพียงนี้เลย


เหมยเหมยกลั้นขำไว้ไม่อยู่ นับว่าเป็นคู่รักคู่กัดกันจริงๆ!


“นี่แซ่เซียว(แซ่สยง) เธออย่าพูดเลียนแบบฉัน…”


ศัตรูคู่รักทั้งสองทำหน้าบูดบึ้ง จ้องอีกฝ่ายตาเขม็งด้วยความโมโห เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ใจตรงกันนี้…ช่างน่าขำขันนัก


“เธอป่วยหรือไง!”


ทั้งสองคนต่างพูดประโยคเดียวกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง เหมยเหมยและเจ้าเด็กอ้วนกลั้นขำไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะร่าพลางใช้ฝ่ามือกุมท้องเอาไว้


เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะต่อยกัน เหมยเหมยจึงรีบพูดขึ้นว่า “เซ่อเซ่อ เราไปเดินชอปปิ้งกันเถอะ เธอบอกว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ย่าของเธอไม่ใช่รึ?”


อีกสองวันจะเป็นวันเกิดภรรยาของอาจารย์เซียว ที่คบรอบสี่สิบปีบริบูรณ์ น้อยกว่าอาจารย์เซียวถึงสองรอบอายุ ซึ่งหล่อนมีอายุพอๆ กับพ่อของเซียวเซ่อ


ภรรยาคนนี้นับเป็นภรรยาคนที่สี่ของอาจารย์เซียว พูดตามความจริงภรรยาคนนี้เคยเป็นนักเรียนของเขามาก่อน จากนั้นเสนอตัวเป็นแบบวาดให้กับอาจารย์เซียว วาดมาวาดไปเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ขลุกไปอยู่ในผ้าห่มทั้งคู่


ในตอนนั้นอาจารย์เซียวยังไม่ได้หย่าขาดกับภรรยาคนที่สามเลย!


อีกอย่างคือภรรยาคนที่สามก็ไม่ได้ต่อกรได้ด้วยง่ายๆ เล่ากันว่าตอนนั้นเธออาละวาดจนวุ่นวายไปทั่วเมือง และแน่นอนว่าสุดท้ายแล้วคนที่ได้รับชัยชนะไปก็คืออาจารย์เซียว เขาได้ยกภาพวาดกองหนึ่งให้ภรรยาคนที่สาม จากนั้นจึงแต่งงานกับภรรยาคนปัจจุบันอย่างเบิกบานใจ และอยู่กินกันมาจนถึงตอนนี้


ที่เรียกว่าปัญญาชนคนเขียนวรรณกรรม อาจารย์นับว่าเป็นปัญญาชนที่ได้ยกเอาความ ‘วุ่นวาย’ ออกไปจากตัวด้วยความสำราญใจอย่างแท้จริง!


ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเซ่อและพ่อของเธอนั้นดูตึงเครียด แต่กับอาจารย์เซียวแล้วนับว่าไม่เลว ตั้งแต่เด็กเธอก็ตามติดอยู่ข้างๆ อาจารย์เซียวเพื่อเรียนวาดภาพ อาจารย์เองก็ให้ความสำคัญกับหลานสาวคนนี้อยู่ไม่น้อย เขาดีกับเธอมากกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก


ขออธิบายตรงนี้เล็กน้อย ลูกชายของอาจารย์นั้นมีหลายคน เซียวจิ่งหมิงเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนนั้น คนเล็กสุดนั้นมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเซ่อ และก็เป็นคนคนเดียวกับที่ภรรยาคนนั้นคลอด เป็นลูกหลงที่เขามีตอนอายุมาก


ภรรยาคนนี้ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน อายุมากกว่าเซียวเซ่อสี่ปี อายุรุ่นราวคราวเดียวกับโอหยางซานซาน หากตามที่เซียวเซ่อพูดล่ะก็ นับว่าสองคนนี้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นพอตัว หากพูดอย่างฝืนทนก็นับว่าสนิทสนมกันพอควร


เซียวเซ่อพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่ใช่งานวันเกิดของคุณปู่สักหน่อย ทำไมฉันจะต้องไปเสียเวลาเลือกของขวัญให้ด้วย? เดี๋ยวฉันเดินออกไปที่สวนดอกไม้ แล้วเลือกเก็บมาสักไม่กี่ดอกมัดรวมกันก็พอแล้ว”


เหมยเหมยบุ้ยปาก ดอกไม้ในสวนส่วนใหญ่ถูกกษัตริย์ทำลายเสียหมด จะเหลือดอกไม้ดีๆ ให้หรอ?


“เซ่อเซ่อควรจะเรียนรู้วิธีการแสดงออกต่อหน้าบ้าง ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นถึงภรรยาของปู่เธอ ไม่เห็นแก่หน้าเขาก็เห็นแก่คุณปู่เถอะ เธอคงไม่คิดจะทำลายหน้าตาของปู่เธอไปตลอดใช่ไหมล่ะ?”


เหมยเหมยพูดชักจูงเธอ ผู้หญิงอย่างเซียวเซ่อเป็นคนโผงผางเกินไปเมื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในตระกูลเซียวก็มักทำตัวเหมือนเป็นดั่งระเบิด ทำเรื่องที่ไม่น่ายินดีเอามาก ๆ


จริงๆ แล้วที่เห็นเซียวเซ่อเป็นแบบนี้ เหมือนว่าเธอนั้นจะได้รับชัยชนะ แต่ความเป็นจริงนั้นเธอเป็นผู้พ่ายแพ้ ชื่อเสียงของเซียวเซ่อไม่ดีนัก แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต่างมาปากญาติพี่น้องของเธอที่เป็นคนปล่อยข่าวทั้งนั้น


เซียวเซ่อกลับไม่สนใจเลยสักนิด หากว่าเธอสนใจต่อคำพูดถกเถียงของคนนอกจริง เธอจะใช้ชีวิตได้สง่างามแบบนี้หรือ?


สุดท้ายแล้วการไปเดินชอปปิงก็ไม่สำเร็จ เซียวเซ่อเองก็ไม่ได้ไปเก็บดอกไม้จากสวนจริงๆ เธอกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด จากนั้นลงมือวาดภาพอันงดงามด้วยตัวเอง เหมยเหมยที่เห็นก็ชมไม่หยุดปาก แต่ท่าทีของเจ้าเด็กอ้วนและสยงมู่มู่ดูแปลกไปบ้าง


……………………………………..


ตอนที่ 900 ภาพวาดที่ดี


ภาพที่เซียวเซ่อวาดนั้นเป็นภาพวิวธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่วาดด้วยสีสันหลากหลาย เหมยเหมยคาดไม่ถึงว่าแม้แต่จิตรกรรมตะวันตกเธอก็สามารถวาดมันให้โดดเด่นได้ ทั้งๆ ที่โดยทั่วไปไม่เคยเห็นเธอวาดเลย!


บนภาพวาดนั้นปรากฏชัดเจนว่าเป็นภาพวิวที่เจียงหนาน แม่น้ำสายเล็กที่มีน้ำใสแจ๋วและมีลักษณะคดเคี้ยวคล้ายกับงู สองฝากฝั่งแม่น้ำเป็นต้นหยางที่สูงตะหง่านเรียงราย และบานสะพรั่งด้วยดอกไม้ สายลมอ่อนๆ พัดพลิ้วปลิวไสว


บนพื้นผิวแม่น้ำเต็มไปด้วยใยฝ้ายสีขาวโพลนที่บินล่องลอยไปทั่วท้องนภา ให้ความรู้สึกชวนสัมผัส


สีสัน ฝีมือการวาด เค้าโครง…ต่างก็ไม่มีปัญหาใดๆ หากพูดถึงระดับฝีมืออย่างเดียว ภาพวาดภาพนี้นับเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ เพียงแต่…


“เซ่อเซ่อ ข้างแม่น้ำควรจะวาดต้นหลิวไม่ใช่หรือ?”


ไม่แปลกเลยที่เธอจะรู้สึกว่าภาพวาดภาพนี้มีสิ่งใดผิดปกติ!


หากพูดตามหลักการแม่น้ำสองฝากนั้นควรจะวาดเป็นต้นหลิวสิ ทำไมถึงกลายเป็นต้นหยางล่ะ?


วาดแต่งแต้มต้นหลิวที่โอนเอนพลิ้วไหวไปตามสายลมขึ้นมาอีกสองแถว จินตนาการเชิงศิลป์ของภาพวาดนั้นต้องสูงกว่าระดับทั่วไปขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นเป็นแน่!


เซียวเซ่อมองเธอแค่แวบเดียว ยกตราปั้มขึ้นมาพลางถอนหายใจ จากนั้นจึงกดตัวปั้มลงไปบนภาพวาด


“สำเร็จ ไม่ชอบต้นหลิว ต้นหยางสวยจะตายไป!”


เซียวเซ่อยกภาพวาดขึ้นมาชื่นชมอีกครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ในช่วงที่ผ่านมาเธอได้เรียนรู้บางอย่างจากตัวของเหมยเหมย บางครั้งการใช้มีดด้ามอ่อนแทงคน ผลลัพธ์นั้นร้ายแรงเสียยิ่งกว่าการใช้มีดจริงๆ เสียอีก!


ภาพวาดภาพนี้คุณย่าเลี้ยงจะต้องชอบแน่นอน!


เหมยเหมยจึงคิดเสียว่าเซียวเซ่อนั้นไม่ชอบต้นหลิว จึงไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงยังไงต้นหยางก็สวยงามไม่แพ้กันนี่!


อีกอย่างนี่ก็เป็นภาพวาดที่เซียวเซ่อวาดเองกับมือเลยด้วย เมื่อเทียบกับการไปเก็บเศษซากดอกไม้ในสวนมามัดรวมกันแล้ว นับว่านี่เป็นความจริงใจเสียยิ่งกว่า!


เพียงแต่หลังจากที่เหมยเหมยรู้ความหมายแฝงจากภาพวาดของเซียวเซ่อ เธอถึงได้รู้ว่า ต่อให้เซียวเซ่อได้หยิบเอาแจกันเซรามิคฝุ่นเขรอะจากห้องรับแขกไป ยังนับว่าดีกว่าภาพวาดภาพนี้เป็นร้อยเท่า!


สยงมู่มู่และเจ้าเด็กอ้วนแลกเปลี่ยนความคิดกันทางสายตา คิดไปคิดมาแต่ก็ไม่ได้เตือนสติเหมยเหมยที่ไม่ทันได้สังเกต


ถึงยังไงเรื่องวุ่นวายก็เป็นเรื่องของตระกูลเซียว เขาหวังแค่ดูความสนุกสนานก็เท่านั้น!


อีกอย่างเซียวเซ่อก็ไม่ได้วาดผิดนี่นา เพราะความจริงแล้วคุณย่านอกไส้นั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร!


บ้านของอาจารย์เซียวห่างจากบ้านของเซียวเซ่อไม่ไกล เป็นบ้านพักหลังใหญ่หลังหนึ่ง เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่อาจารย์เซียวได้ซื้อไว้ในสมัยสาธารณรัฐ เต็มไปด้วยสมาชิกจำนวนสิบกว่าชีวิตที่อาศัยอยู่รวมกัน ทุกคนต่างพึ่งพาเขาเพียงคนเดียว


ใครใช้ให้เขาแต่งงานกับภรรยาตั้งหลายคนกันล่ะ ทั้งยังมีลูกอีกหลายคนด้วย!


โชคดีที่ภาพวาดของอาจารย์เซียวนั้นได้ราคา หากขาดแคลนเงินก็แค่ขายภาพวาด ตรงจุดนี้เขาและลูกชายอย่างเซียวจิ่งหมิงเหมือนกันมาก ในตัวเขานั้นไม่มีความเป็นปัญญาชนที่มีจรรยาบรรณในการวาดภาพสักนิด ไม่ได้รักในสิ่งของพวกนี้มากกว่าเงินเลย!


ที่บ้านของอาจารย์เซียวในวันนี้ดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดต่างก็เป็นนักเรียน ลูกศิษย์ล้นหลามเต็มไปหมด!


เซียวเซ่อไปพร้อมกับเหมยเหมย จากตอนแรกเหมยเหมยไม่อยากไป แต่คุณหนูใหญ่เฝิงตั้งใจโทรเข้ามาไหว้วานให้เธอไปช่วยดูแลเซียวเซ่อด้วย ไปสร้างเรื่องวุ่นวายอีก


เหมยเหมยจึงตามมาด้วย แต่เธอและคุณหนูใหญ่เฝิงกลับไม่รู้ ว่าแผนการในครั้งนี้เซียวเซ่อจะทำทีเหมือนเป็นใบ้ ซึ่งอย่างน้อยก็สามารถสร้างความอลหม่านขึ้นได้!


คุณย่าเลี้ยงแซ่หู นามว่าหูเซียงหลาน หญิงวัยสี่สิบปียังคงความมีเสน่ห์ นับเป็นช่วงที่ลูกท้อกำลังสดใหม่ อีกทั้งหูเซียงหลานก็เป็นผู้หญิงสวย ชุดกี่เผ้าสีแดงสดรัดรูปนั้นยิ่งทำให้รูปร่างอวบอิ่มมีเสน่ห์ของเธอเป็นที่ล่อตาล่อใจจนอาจเป็นเหตุให้เกิดอาชญากรรมได้ เกรงว่าจะไม่มีใครต้านทานต่อเสน่ห์ของหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ได้


เหมยเหมยแอบลอบมองอาจารย์เซียวที่ยืนอยู่ข้างกายหูเซียงหลาน ในวัยหนุ่มนับว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่สง่างามมีความสามารถ แต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นชายชราผมขาวร่างกายหดเล็ก จะยังคงเหลือความสง่าได้อีกหรือ!


ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างกัน เหมยเหมยพลันนึกถึงท่อนหนึ่งในบทกวีอันมีชื่อ นั่นคือ…


ต้นดอกแพร์หนึ่งต้นสามารถกดต้นไห่ถางไว้ได้!


………………………………………..


ตอนที่  901 โดนสวมเขาก็สมน้ำหน้า


เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูของเซียวเซ่อ “ร่างที่แก่หงำเหงือกของคุณปู่เธอยังกำราบย่าเลี้ยงเธอไหวเหรอ?”


เซียวเซ่อกลอกตาใส่เธอแวบหนึ่งแล้วตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดมาก ถ้ากำราบได้สิแปลก ความจริง…”


พูดถึงตรงนี้สีหน้าของเซียวเซ่อก็ดูจริงจังขึ้นมาแล้วกระซิบข้างหูเหมยเหมยอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ “ฉันสงสัยมาตลอดว่าผู้หญิงคนนี้สวมเขาให้ปู่ฉัน”


เหมยเหมยก็เห็นด้วย หูเซียงหลันใบหน้าดูอิ่มเอิบดั่งลูกท้อสด ออร่าความเย้ายวนแพร่กระจายดูยั่วยวนจับใจ ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่อิ่มเอมกับชีวิตรัก แต่ปัญหาคือ–


อาจารย์เซียวที่แห้งเหี่ยวขนาดนี้จะเติมเต็มให้กับหูเซียงหลันได้อย่างไร?


กลัวว่ามันจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้หญิงคนนี้มากกว่า


เมื่อบ่อน้ำที่บ้านตัวเองเหือดแห้งก็ต้องอาศัยบ่อน้ำบ้านคนอื่นล่ะสิ!


“งั้นทำไมเธอไม่ให้เสี่ยวกัวสืบดูล่ะ?” เหมยเหมยไม่เข้าใจว่าทั้ง ๆที่เริ่มสงสัยแล้วแต่กลับเก็บงำไว้ไม่สืบหาความจริง นี่ไม่ใช่สไตล์การแก้ปัญหาของเซียวเซ่อ!


เซียวเซ่อยักไหล่ “คนที่โดนสวมเขาไม่ใช่พ่อฉันสักหน่อยฉันจะเปลืองเงินไปทำไม? อีกอย่างปู่ฉันหาเรื่องเอง เจ้าโลกน้อยใช้งานได้หรือเปล่าก็น่าจะรู้ตัวสิ โดนสวมเขาก็สมน้ำหน้าแล้ว!”


เหมยเหมยลูบจมูก เธอฟังแล้วก็คิดว่ามันสมเหตุสมผลดี!


“เซ่อเซ่อมาแล้วเหรอ!”


หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอเป็นรุ่นน้องดาวโรงเรียนอยู่โรงเรียนแห่งเดียวกับจ้าวเสวียเอ๋อร์ ชื่อเซียวเซียง และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซียวเซ่อ เพราะคุณพ่อของเซียวเซียงคือลูกชายคนโตของอาจารย์เซียว ลูกกับภรรยาคนแรกของเขา


ความจริงคุณย่าเซียวเซ่อเป็นภรรยาคนที่สองของอาจารย์เซียว โดยในเวลานั้นคุณย่าเซียวเซ่อไม่รู้ด้วยซ้ำ ในภายหลังเธอถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นเมียน้อยของคนอื่นแบบงง ๆ ความโกรธพุ่งปรี๊ดจนยกขาเตะอาจารย์เซียว ก่อนจะพาเซียวจิ่งหมิงกลับประเทศอังกฤษ


จึงเป็นเหตุผลที่เซียวเซ่อยังพอสนิทกับเซียวเซียงที่เป็นลูกของภรรยาคนแรกอยู่บ้าง ส่วนลูกภรรยาคนอื่นเธอไม่แม้แต่จะทักทาย


เซียวเซียงต้อนรับเหมยเหมยอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวคนนี้นิสัยร่าเริงเป็นกันเองและหน้าตาดี ตอนแรกเธอคิดว่าเซียวเซียงกับจ้าวเสวียเอ๋อร์จะรักกันเสียอีก แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า


วันนี้อากาศดีไม่น้อยเลยจัดโต๊ะฉลองวันเกิดกลางลานบ้าน กับข้าวถูกจัดส่งโดยร้านอาหารทั้งหมด แขกที่มาร่วมงานยังมาไม่ครบ แต่ก็มีหลายคนที่ยืนคุยกันตรงลานบ้านอยู่ก่อนแล้ว เซียวเซ่อพาเหมยเหมยไปเจออาจารย์เซียวพร้อมทั้งอวยพรวันเกิดให้


“คุณปู่ นี่เพื่อนสนิทของหนูจ้าวเหมย ภาพวาดของเธอคุณปู่ก็เคยเอ่ยปากชมมาก่อนแล้วด้วย” เซียวเซ่อพูดแนะนำ


อาจารย์เซียวยิ้มมองเหมยเหมยพร้อมทำหน้าชื่นชม บอกเหมยเหมยอย่าเกรงใจให้ทำตัวเสมือนอยู่บ้านตัวเอง


เหมยเหมยมอบของขวัญวันเกิดที่ซื้อลวก ๆในห้างสรรพสินค้าเป็นขนมทานเล่นจากหมู่บ้านเต้าเซียงและผ้าจากขนแกะอย่างดี รวมถึงผ้าพันคอผ้าไหมแท้ ของขวัญวันเกิดที่เลิศเลอขนาดนี้จะมีใครมาหาเรื่องตำหนิได้


เซียวเซ่อเองก็มอบของขวัญวันเกิดที่เธอเตรียมมาเป็นอย่างดี ที่เป็นภาพวาดแสนงดงาม…


“หนูไม่มีเงินซื้อของขวัญก็เลยวาดรูปเอง”


เซียวเซ่อเปิดภาพวาดที่ถูกห่อหุ้มมาอย่างดีออกเพื่อให้ความงดงามนี้ได้เฉิดฉาย ในบรรดาแขกเหรื่อนั้นมีหลายคนที่อยู่ในวงการเดียวกันต่างออกปากพูดชมภาพวาดนี้ไม่หยุด แต่หลายคนก็เริ่มมีสีหน้าท่าทีแปลก ๆ ทำท่าเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ยังปิดปากเงียบ


อาจารย์เซียวกวาดตามองโดยไม่ละเอียดนัก ใจจริงเขาอยากรับมาดูให้ละเอียดด้วยตัวเองแต่ก็มีแขกมาแทรกพอดีอาจารย์เซียวจึงต้องไปรับแขก ไม่ทันดูภาพวาดของเซียวเซ่ออย่างละเอียดเลยไม่รู้ว่ามีความผิดแปลกตรงไหน


เซียวเซ่อแลบลิ้นปลิ้นตาใส่หูเซียงหลันที่เปลี่ยนสีหน้าด้วยความเร็วแล้วพูดท้าทายเสียงเบาว่า “คุณผิดหวังเลยเหรอคะ? ฉันมีเงินถมไปแต่ฉันไม่อยากให้คุณมีความสุข แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้?”


หูเซียงหลันเองโกรธจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แต่ต่อหน้าแขกเธอต้องรักษาภาพลักษณ์หญิงที่สูงสง่าและอ่อนโยนจึงจำต้องฝืนยิ้ม อีกทั้งเขาเองก็ไม่อยากให้แขกคิดว่าเธอปฏิบัติไม่ดีกับเซียวเซ่อเลยเสนอให้คนเอาภาพวาดภาพนี้แขวนให้สูง ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็น


…………………………


ตอนที่ 902 เซียวเซ่อสุดยอด


หูเซียงหลันยังอุตส่าห์ยิ้มคุยกับเหล่าบรรดาแขกว่า “หลานสาวฉันกตัญญูมากเลยดูซิวาดรูปสวย ๆแบบนี้มาให้ฉันโดยเฉพาะ ฉันซาบซึ้งใจจริง ๆ”


หญิงที่มี ‘มารยา’ อย่างหูเซียงหลัน หรืออย่างหวงอวี้เหลียนและเหอปี้อวิ๋น ล้วนมีจุดเด่นเหมือนกันตรงที่ชอบเสแสร้งแสดงออกถึงความเป็นกุลสตรีผู้มีเมตตาสง่างามของพวกเธอ…ช่างเป็นเสื้อห่อหุ้มชั้นดีที่ฉาบปิดเบื้องหน้าไว้


เซียวเซ่อชินชากับการเสแสร้งของหูเซียงหลันมานานแล้ว เธอมองหูเซียงหลันที่พยายามโอ้อวดต่อหน้าแขกอย่างเฉยชา แต่มุมปากกลับกระตุกเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


หูเซียงหลันเพื่อที่จะแสดงออกว่ามีความรักและเมตตาต่อหลานสาวคนนี้ของเธอ เลยวางภาพวาดของเซียวเซ่อไว้ในที่ที่เตะตาที่สุดของห้องโถง เพียงแค่ก้าวเข้ามาในห้องโถง ใครไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น


เหมยเหมยรู้สึกว่าเซียวเซ่อยิ้มแปลก ๆ เหมือนมีความคิดที่ชั่วร้ายแต่เธอกลับไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ


“เซ่อเซ่อ ทำไมวันนี้เธอถึงดูเป็นเด็กดีขนาดนี้?” เหมยเหมยถามด้วยความฉงน


หากเป็นเมื่อก่อนเซียวเซ่อต้องมีสงครามน้ำลายกับหูเซียงหลันหลายยกแน่นอน วันนี้ว่าง่ายจนน่าเหลือเชื่อ


เซียวเซ่อแค่นเสียงที “ฉันไม่ใช่คนขี้โมโหสักหน่อย!”


ขั้นสูงสุดของการด่าคนก็คือคุณกำลังด่าคนนั้นแต่คนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าคุณกำลังด่าเธออยู่ แถมยังอวดไปทั่วอย่างได้ใจ นี่สิถึงเรียกว่าสุดยอด!


เซียวเซ่อก็คือคนที่สุดยอดแบบนั้นนั่นแหละ!


เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเซียวเซ่อผิดปกติ ยัยคนนี้ยิ้มจนน่าหวั่นใจ แถมยังเป็นรอยยิ้มที่เหมือนว่าทำสิ่งชั่วร้ายมาแล้วได้ใจ อย่าคิดจะปิดบังเธอเชียว!


แต่คำถามก็คือเมื่อกี้เซียวเซ่อทำสิ่งชั่วร้ายอะไรมา?


เธอนั่งกวาดตามองแขกที่เดินกันขวักไขว่อยู่ตรงที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายและยังเหลือบมองเข้าไปตรงห้องโถงอีกหลายที เห็นหูเซียงหลันยังพยายามแสดงบทบาทคุณย่าแสนใจดีโดยแนะนำภาพวาดตรงกำแพงให้แขก


เสียงชื่นชมของแขกลอยมาตามสายลม–


“ต้นหยางนี้วาดได้ดี น้ำก็วาดได้สวย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าวาดน้ำกับต้นหยางอยู่ด้วยกันแล้วจะดูสมดุลกันขนาดนี้ เยี่ยมไปเลย!”


……


เหมยเหมยฉุกคิดขึ้นได้ วาดน้ำกับต้นหยางอยู่ด้วยกัน?


อีกทั้งยังเป็นต้นหยางที่ผลิบานเต็มต้น บนผิวน้ำก็มีแต่กลีบดอกหยาง


โอ้แม่เจ้า!


เหมยเหมยเข้าใจในทันที ลูกตาแทบถลนออกมา รีบคว้าตัวเซียวเซ่อมาแล้วดุเสียงเบา “ทำไมเธอช่างกล้าขนาดนี้ คิดว่าคุณปู่เธอกับแขกคนอื่นโง่หรือไง?”


สมองที่ไม่ค่อยฉลาดอย่างเธอยังนึกความหมายของภาพวาดได้ อาจารย์เซียวกับแขกคนอื่นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านวงการศิลปะ พวกเขาแค่ดูแวบเดียวก็คงเข้าใจแล้ว


ด้วยตำแหน่งที่เตะตาขนาดนั้น แล้วแขกทุกคนก็ต้องเข้าไปคุยกับเจ้าของบ้าน แล้วแบบนี้อาจารย์เซียวจะรับไหวหรือ?


เซียวเซ่อยักไหล่อย่างไม่แยแส  “ฉันไม่ได้บอกให้เธอแขวนสูงขนาดนั้นสักหน่อย ใครใช้ให้เธอโง่เองล่ะ!”


“รีบไปเอาภาพลงมา ก่อนที่คุณปู่เธอจะจับได้”


เหมยเหมยว่าแล้วกำลังจะเข้าไปที่ห้องโถงแต่ก็ถูกเซียวเซ่อห้ามไว้


“ทำไมต้องเอาลงมา จับได้ก็จับได้สิ ฉันก็บอกว่าฉันวาดมั่ว ๆ  อย่างไรเสียวิชาภาษาจีนฉันก็ไม่เคยสอบผ่านอยู่แล้ว”


เซียวเซ่อทำท่าไม่สนใจสักนิด


ภาษาจีนของเธอไม่ดีใช่ว่าคนตระกูลเซียวจะไม่รู้สักหน่อย หูเซียงหลันยังพูดเยาะเย้ยเธออยู่บ่อยครั้ง แล้วถ้าเธอวาดรูปผิดก็พอเข้าใจได้นี่นา!


เหมยเหมยปวดหัวแทบตาย กัดฟันมองเพื่อนที่หน้าไม่อายตรงหน้า บทกลอนยุคสมัยถังซ่งยังท่องได้ขึ้นใจ ไหนยังจะเป็นเด็กอัจฉริยะที่เก่งด้านเขียนเรียงความ มีหน้ามาพูดต่อหน้าเธอว่าภาษาจีนของตัวเองไม่ดีอีกเหรอ!


เธออยากจะยกจานแตงโมบนโต๊ะกระแทกใส่หน้าเซียวเซ่อให้รู้แล้วรู้รอด!


“แล้วแต่เถอะ ยังไงคนโดนด่าก็ไม่ใช่ฉันสักหน่อย!”


สุดท้ายเหมยเหมยก็ปล่อยเลยตามเลย ฮ่องเต้ยังไม่ร้อนใจขันทีจะร้อนใจทำไม เธอจะกังวลแทนทำไมกัน สู้นั่งกินแตงโมดับไฟในใจหลาย ๆชิ้นดีกว่า!


แขกเริ่มทยอยมากันจนเกือบครบ ดูจากสีหน้าของพวกเขาร้อยละแปดสิบเก้าสิบต่างรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในภาพวาดนี้ เลยพากันส่งสายตาเห็นใจให้กับอาจารย์เซียว


สามีแก่กับภรรยาสาวไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับไหวจริง ๆ!


………………………………….


ตอนที่ 903 นกยูงตัวแก่


อาหารทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะ อาจารย์เซียวพูดไม่กี่ประโยคด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ ดูอารมณ์ดีไม่หยอก แน่นอนว่าในเวลานี้เขายังไม่ทันสังเกตเห็นภาพวาดภาพนั้น…


“เซ่อเซ่อ ทำไมพ่อเธอไม่มาล่ะ?” เหมยเหมยถามเสียงเบา


แม้ว่าเซียวจิ่งหมิงจะไม่ค่อยถูกกับพ่อของตัวเองแต่ก็ยังรู้จักถนอมน้ำใจกันอยู่บ้าง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นตระกูลดังนี่นา แถมยังมีสายตาตั้งหลายคู่คอยจับจ้องอยู่!


“รอใกล้ ๆกินเสร็จเขาจะต้องมาแน่ ๆ ตาแก่นี่เล่นตัวจะตาย เข้าร่วมงานฉลองทีไรก็ต้องมาเป็นคนสุดท้ายตลอด!” เซียวเซ่อทำหน้ารำคาญ


“ผมมาสายแล้ว…”


พูดไม่ทันขาดคำเขาก็มาในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพู และนั่นก็เป็นคุณเซียวจิ่งหมิงที่สะดุดตาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แถมยังมาสายเป็นคนสุดท้ายของงานอย่างที่ว่าจริง ๆ ช่างเป็นความสดใสที่ประกายแยงตาแขกทุกคนไปกันหมด


“วันนี้ดูเหมือนคุณนายเซียวสี่จะอารมณ์ดีไม่น้อย หน้าตาก็สดชื่นดี แต่ช่วงนี้คุณนายเซียวสี่กินดีเกินไปหรือเปล่า ผมเห็นว่าเอวของคุณหนาขึ้นอย่างน้อยครึ่งนิ้วแหนะ!”


เซียวจิ่งหมิงยิ้มบาง ใบหน้าหล่อเหลาทำเอาแขกผู้หญิงในงานต่างมองเขาอย่างไม่ละสายตา


“นกยูงแก่…” เซียวเซ่อคีบกระดูกซี่โครงชิ้นหนึ่งแทะด้วยความขุ่นเคือง


เหมยเหมยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน คุณหนูเซียวตั้งฉายาให้พ่อของเธอไว้มากมายอย่างเช่น ขนวัว แตงกวาแก่ นกยูงแก่ ตาแก่จอมสำอาง…เป็นต้น สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือจะต้องเติมคำว่า ‘แก่’ลงท้ายทุกคำ ทั้งที่คุณเซียวยังดูหนุ่มและหล่ออยู่ หุ่นก็ดีเลิศ ห่างไกลจากคำว่า ‘แก่’ อยู่มากโข!


แม้หูเซียงหลันจะเกลียดสิ่งที่เซียวจิ่งหมิงพูดออกมาแต่ก็เผลอหยิกเอวตัวเองโดยไม่รู้ตัว แอบคิดในใจว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะไม่ทานข้าวเย็นอีกแล้ว


มิน่าเช้าวันนี้ตอนใส่กี่เพ้าตัวนี้ถึงรู้สึกคับ ทั้งที่ตอนลองเมื่อหนึ่งเดือนก่อนยังพอดีอยู่เลย


อาจารย์เซียวส่งสายตาตักเตือนให้ลูกชายว่าอย่าทำเกินเหตุ เซียวจิ่งหมิงไม่สนใจ เพียงแค่แหงนหน้าก็เห็นภาพวาดผลงานของลูกสาวเขาที่แขวนตรงกำแพงก็อดหัวเราะไม่ได้ และยังหัวเราะเกินจริงไปมาก


“ภาพวาดภาพนี้สวยไม่เบาเลยนะครับ เหมาะสมกับคุณนายเซียวสี่มาก ๆ เหมาะสมกันสุด ๆไปเลย!”


เซียวจิ่งหมิงชมไม่หยุดปากและพลันคิดว่าเดี๋ยวจะลองถามคุณพ่อว่าใครเป็นคนวาด คนที่น่าสนใจขนาดนี้เขาต้องทำความรู้จักให้ได้!


หูเซียงหลันหลงคิดว่าเซียวจิ่งหมิงกำลังชมความงามของเธอว่าเหมาะสมกับภาพอันสวยงามนี้เลยอดยิ้มอย่างได้ใจไม่ได้ แสร้งกล่าว “เซียวจิ่งหมิงดูไม่ออกหรือว่าเป็นฝีมือของลูกสาวตัวเอง? นี่เซ่อเซ่อให้ฉันเพื่อแสดงความกตัญญูโดยเฉพาะเลยนะ!”


โดยมีความหมายแฝงว่าพ่ออย่างเขายังสู้ลูกสาวไม่ได้เลย  ไม่รู้จักวาดภาพมาให้เป็นของขวัญบ้าง!


ภาพวาดของเซียวจิ่งหมิงราคาสูงล้นฟ้า ต่อให้แค่ระบายสีง่าย ๆเธอก็อยากได้สักรูป เผื่อวันหลังถ้าอาจารย์เซียวตายไปเธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปากท้องอีก!


เซียวจิ่งหมิงแค่ได้ยินว่าภาพวาดแสนวิเศษนี้เป็นฝีมือลูกสาวสุดรักก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชูนิ้วโป้งพูดชม “เซ่อเซ่อของผมมีพรสวรรค์จริง ๆ ดูการจรดปลายพู่กันนี่สิ แล้วก็การจัดวางและไล่สี เก่งกว่าผมเยอะเลย ที่วิเศษที่สุดก็คือความหมายแอบแฝง ตอนผมอายุเท่าเซ่อเซ่อยังสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ลูกสาวของผมเก่งจริง ๆ…”


แขกทุกคนต่างก้มหน้างุด ทนไม่ไหวจริง ๆ ไม่เคยเห็นใครแปลกพิลึกเท่าคนตระกูลเซียวมาก่อน แม้อาจารย์เซียวจะเป็นเศรษฐีรุ่นพ่อแต่ชีวิตส่วนตัวกลับยากที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาได้!


มิน่าเรื่องราวตระกูลเซียวถึงเป็นที่พูดคุยยามจิบน้ำชาของคนในเมืองหลวงมาโดยตลอด และยังไม่มีเรื่องไหนเทียบได้ เพราะมีข่าวให้ตลกขบขันเยอะเหลือเกิน!


เซียวเซ่อชอบใจคำชมจากพ่อตัวเอง สายตาเย็นยะเยือกอ่อนโยนขึ้นไม่น้อยพร้อมทั้งกระตุกยิ้มมุมปากบาง ๆ


ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดลูกสาวลูกชายของหูเซียงหลันมาช้า แล้วยังพาแขกมาด้วย  ทั้งยังเป็นคนคุ้นเคยอย่างดี!


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นรู้สึกว่าโลกกลมจริง ๆ มาร่วมงานฉลองวันเกิดก็เจอคนที่เกลียดได้ น่ารำคาญชะมัด!


……………………………..


ตอนที่ 904 คนที่เกลียดรวมตัวอยู่ด้วยกัน


คนคุ้นเคยที่ว่านั่นคือเหมยซูหาน อู่เยวี่ยแล้วก็โอหยางซานซาน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกับลูกชายและลูกสาวของหูเซียงหลัน ไม่รู้จริง ๆว่าพวกเขามารวมตัวกันได้อย่างไร โลกมันช่างแคบเสียจริง


ลูกสาวของหูเซียงหลันชื่อเซียวเวย หน้าตาคล้ายแม่ของเธอ ขนาดตัวไม่สูงมากแต่หุ่นอวบอั๋นน่าเย้ายวนใจ สัดส่วนโค้งเว้าหน้าหลังมีเพียบพร้อม หน้าตาสวย ดึงดูดสายตาผู้ชายได้เป็นอย่างดี


ลูกชายคนเล็กชื่อเซียวจิ่งสิงตัวสูงโปร่งผิวขาวสะอาดสะอ้าน ได้ข่าวว่าเขาดูเหมือนอาจารย์เซียวสมัยหนุ่ม ๆ  อีกทั้งยังมีความสามารถเพียบพร้อม และยังมีชื่อเสียงในวงการนักเขียนกับศิลปะอยู่บ้างจึงได้รับความรักจากอาจารย์เซียวอย่างล้นเหลือ


อู่เยวี่ยอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงที่กำลังได้รับความนิยม เธอมีผิวขาวและตัวสูงโปร่ง กระโปรงตัวนี้ขับให้เธอดูงามขึ้นไม่น้อย สวยกว่าตอนเพิ่งมาถึงเมืองหลวงอยู่มาก


เหมยเหมยสังเกตเห็นภายใต้ผมยาวของอู่เยวี่ยมีแสงสีเงินสะท้อนแวววับอยู่ตรงหูด้านขวาเธอพอดี นั่นน่าจะเป็นเครื่องช่วยฟัง เหมยเหมยยิ้มที่มุมปาก อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้โกหกเธอ การผ่าตัดของอู่เยวี่ยไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คุยกันไว้ เพราะคุณหมอแผนกการรักษาหูที่ดีที่สุดในประเทศคนนั้น ครึ่งชั่วโมงก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด…


ล้ม…


ล้มแรงเสียด้วย!


แขนขวากระดูกร้าวแตกจนแม้แต่มีดผ่าตัดยังถือไม่ไหว แล้วจะผ่าตัดได้อย่างไร?


แต่ในเวลานั้นอู่เยวี่ยถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดเสร็จสรรพ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมหมดแล้วแต่กลับเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น…


จึงต้องให้คุณหมอชื่อดังอีกคนมาแทน ถึงปกติคุณหมอคนนี้จะเก่งไม่แพ้กันแต่สุดท้ายก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี หรือบางทีอู่เยวี่ยอาจจะโชคไม่ดีมั้ง เลยทำให้การผ่าตัดไม่สำเร็จอย่างที่คาดคิดไว้


การได้ยินของอู่เยวี่ยกลับคืนมาเพียงร้อยละห้าสิบ ชีวิตปกติเลยต้องใช้เครื่องช่วยฟังและต้องไปตรวจเช็คอาการที่โรงพยาบาลทุกปีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อหูฝั่งซ้าย


เพราะความจริงแล้วเยื่อหูของเธอเองก็ไม่ดีมากเท่าไรเพียงแค่อาการยังไม่สาหัส หากไม่ให้ความสำคัญกับมัน หูทั้งสองข้างของเธอต้องเกิดปัญหาขึ้นภายหลังแน่


เหมยเหมยแค่คิดว่าในอนาคตอู่เยวี่ยอาจจะกลายเป็นคนหูหนวก เธอก็อารมณ์ดีขึ้นมากกว่าเดิม


สองพี่น้องเซียวเวยแนะนำเพื่อนให้พ่อแม่รู้จัก เหมยซูหานเป็นเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัยของเซียวเวย ทั้งคู่รู้จักกันตอนไปชมโรงเรียน พอได้คุยก็พบว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกันเลยสนิทกันมากกว่าเดิม เซียวเวยมีความรู้สึกดีต่อเหมยซูหานที่ดูดีมีสง่า จึงเชิญชวนเขาให้มาร่วมงานฉลองวันเกิดคุณแม่ของเธอ


ส่วนเหมยซูหานเองก็อยากไต่เต้าเข้าสู่สังคมชั้นสูงให้เร็วที่สุด เขาได้ยินว่าคุณพ่อเซียวเวยเป็นอาจารย์เซียวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแล้วจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า ย่อมต้องรับปากอย่างเต็มใจอยู่แล้ว


โอหยางซานซานนั้นเป็นเพื่อนของเซียวจิ่งสิง เซียวจิ่งสิงคงรู้สึกดีต่อโอหยางซานซานอยู่บ้างแหละ เพราะปกติก็เข้าหาอยู่บ่อยครั้ง


ช่วงก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องกับโอหยางซานซานเขาก็อยากช่วยให้เพื่อนเดินออกจากความมืด เลยเชิญโอหยางซานซานมาร่วมงานฉลองวันเกิดด้วย แต่โอหยางซานซานไม่อยากมาเพราะกลัวขายหน้าแต่หวงอวี้เหลียนกลับคะยั้นคะยอให้เธอมา


ทางจ้าวเสวียหลินไม่มีหวังแล้ว แม้เซียวจิ่งสิงจะเทียบจ้าวเสวียหลินไม่ได้ก็นับว่าเป็นลูกหลานของตระกูลดัง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกถัดมาที่ดีที่สุด หวงอวี้เหลียนจำต้องเลือกเซียวจิ่งสิง เลยให้ลูกสาวเข้าหาเซียวจิ่งสิงให้มาก


ส่วนรูปพวกนั้นของหวงอวี้เหลียน ตระกูลโอหยางได้ส่งคนเก็บกลับคืนไปหมดแล้ว อย่างไรเสียคนที่ควบคุมสื่อมวลชน ย่อมทำได้อยู่แล้วถ้าอยากปิดข่าวพวกนี้


ส่วนรูปต้นฉบับถึงหวงอวี้เหลียนเดาได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือเหมยเหมย แต่เหมยเหมยไม่มีทางส่งมอบให้อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับ จนท่านผู้เฒ่าโอหยางต้องเดินทางไปหาเจ้าตัวเองและได้จับเข่าคุยกับคุณปู่จ้าวอยู่หนึ่งชั่วโมงเต็ม


ภายหลังคุณปู่จ้าวแอบให้เหมยเหมยทำลายรูปถ่าย แต่เหมยเหมยก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี บอกแค่ว่าเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น


ของดีขนาดนี้เธอจะทำลายมันได้อย่างไร?


จากนี้ไปถ้าหวงอวี้เหลียนสงบเสงี่ยมเธอก็จะสงบเสงี่ยม แต่ถ้าหวงอวี้เหลียนยังกล้าเหิมเกริมเธอก็จะกระจายข่าวพวกนี้ของหวงอวี้เหลียนไปทั่วประเทศรวมไปถึงเรื่องของโอหยางซานซานด้วย


ทำให้สองแม่ลูกคู่นี้ไม่กล้าก้าวเท้าออกจากประตูบ้านได้อีก!


……………………


ตอนที่ 905 เธอมีเจตนาอะไร


อาจารย์เซียวรู้สึกประทับใจเหมยซูหานไม่น้อย เขาชอบเด็กวัยรุ่นที่ใฝ่เรียนแบบนี้ที่สุด เลยอดไม่ได้ที่จะคุยกับเขาไปหลายประโยค ด้านเซียวจิ่งสิงกับเซียวจิ่งหมิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน ช่างดูไม่เหมือนพี่น้องแต่กลับเหมือนพ่อลูกกันมากกว่า


เซียวจิ่งหมิงเงยหน้าชื่นชมผลงานของลูกสาวที่แขวนตรงกำแพงอีกครู่หนึ่งก็หัวเราะอย่างได้ใจ พยักหน้าน้อย ๆให้เซียวจิ่งสิงแล้วเตรียมตัวไปประจำที่นั่ง


เซียวจิ่งสิงมองภาพวาดที่แขวนตรงกำแพงแวบเดียวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มุ่นคิ้วถามหูเซียงหลันเบา ๆว่าใครเป็นคนให้


“เจ้าปีศาจเซียวเซ่อน่ะสิ  จิ่งสิงเมื่อกี้ลูกไม่ได้ยิน พี่สองของลูกชมภาพวาดของเจ้าปีศาจตัวนี้ยกใหญ่ เหอะ ไม่เคยเห็นใครหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะจะเอาใจพ่อของลูก แม่ไม่แขวนรูปของเจ้าเด็กปีศาจนั่นหรอก!”


หูเซียงหลันกดเสียงให้เบาลง ไม่คิดปกปิดความรังเกียจที่เธอมีต่อสองพ่อลูกเซียวจิ่งหมิงต่อหน้าลูกชาย


เซียวจิ่งสิงเอามือกุมหน้าผาก แม้แม่ของเขาจะใช้ชีวิตร่วมกับพ่อของเขามาหลายปีแต่ไม่ได้รับความรู้มาเลยสักนิด ยังไร้ความสามารถเหมือนเดิม!


ความหมายชัดเจนขนาดนี้กลับดูไม่ออก…


“พ่อเคยดูรูปนี้หรือยัง?” เซียวจิ่งสิงถาม


“เหลือบดูแค่แวบเดียว รูปนี้ทำไมเหรอ?” หูเซียงหลันยังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง พอเห็นสีหน้าของลูกชายก็จับความผิดปกติของรูปนี้ได้แล้ว


เซียวจิ่งสิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พูดเตือนแม่ที่ไร้ความสามารถของเขาไป “ดอกหยางที่ตกเต็มผิวน้ำ ทำไมแม่ไม่ลองคิดให้ดีล่ะ?”


เขาเองก็ไม่พอใจแม่ของตัวเองนัก ปกติก็ดูเจ้าเล่ห์ฉลาดเอาการแต่พอถึงเวลาสำคัญกลับตกม้าตาย อย่างน้อยก็เป็นถึงลูกของคุณครูแต่กลับถูกยัยเด็กปีศาจนี่ปั่นหัวหมุน


หูเซียงหลันได้ฟังคำเตือนของลูกชาย ครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก็เข้าใจในทันทีพลันสีหน้าก็เปลี่ยนไป


มิน่าตอนที่แขกชมรูปนี้ถึงมีสีหน้าแปลก ๆ เพราะพวกเขาเข้าใจความหมายที่แฝงไว้สินะ!


แล้วก็เมื่อกี้ที่เซียวจิ่งหมิงบอกว่าเธอเหมาะสมกับภาพวาดรูปนี้ เธอฟังแล้วยังนึกได้ใจอยู่ด้วยซ้ำ ตอนนั้นได้ใจขนาดไหนในตอนนี้หูเซียงหลันกลับรู้สึกอายปนโกรธมาก  อยากกลับไปที่ห้องแล้วไม่ปรากฏตัวต่อหน้าแขกอีก


คนตั้งมากมายเห็นภาพวาดภาพนี้ เธอยังมีหน้าอยู่ตรงนี้ต่อไปได้หรือ?


“สองพ่อลูกคู่นี้ต้องร่วมมือกันแน่ ๆ ให้ตายสิ แม่ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด!”


หูเซียงหลันกัดฟันกรอดด้วยความคับแค้นใจ


แน่นอนว่าเซียวจิ่งสิงเองก็แค้นใจที่เซียวเซ่อหยามแม่ของเขาต่อหน้าทุกคนซึ่งเท่ากับว่ากำลังหยามเขาอยู่ด้วย ในฐานะผู้อาวุโสกว่านับว่ายังพอมีอำนาจในการสั่งสอนหลานสาวอยู่บ้าง


เซียวจิ่งสิงอายุมากกว่าเซียวเซ่อเพียงสองปี ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มอายุน้อยแต่ก็มีความสุขุมรอบคอบ แต่พอโกรธกลับไม่ได้มีความรอบคอบเช่นเดิม


เขาไปปลดภาพวาดที่ห้องโถงใหญ่ลงแล้วเดินตรงดิ่งไปทางเซียวเซ่อ “เซ่อเซ่อ มาที่ห้องหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”


เหมยเหมยไม่รู้จักเซียวจิ่งสิงแต่เห็นเขาเดินมาด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร น่าจะเป็นศัตรูมากกว่ามิตรสหาย ได้แต่มองเขาอย่างระแวง


เซียวเซ่อกลับไม่แม้แต่จะเชยตามอง “ไม่ว่าง!”


“เซียวเซ่อ ฉันขอสั่งให้เธอตามมา!” เซียวจิ่งหมิงพูดเสียงดัง


แต่นั่นไม่มีผลต่อเซียวเซ่อ เธอยังแทะกระดูกซี่โครงต่อด้วยความเรียบนิ่งอย่างเอร็ดอร่อย การไม่มองเซียวจิ่งสิงสักนิดเดียวยิ่งทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม


ความโกรธมักทำให้คนเสียสติง่าย เซียวจิ่งสิงในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น เขาในตอนนี้แค่อยากสั่งสอนเซียวเซ่อที่บังอาจหยามแม่ของเขาหนัก ๆสักที


“เซียวเซ่อ เธอวาดรูปนี้มีเจตนาอะไร ในสายตาของเธอยังเห็นหัวแม่ฉันอยู่บ้างไหม?”


เซียวจิ่งสิงถือภาพวาดถามด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง เลยทำให้อาจารย์เซียวกับแขกคนอื่นสนใจทางนี้รวมถึงเหมยซูหานด้วย


เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นที่เขาเห็นเหมยเหมย เขาเลยเดินตรงไปหาอย่างดีใจ


ของขวัญวันเกิดเขายังไม่ได้ให้เหมยเหมยเลย วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ!


………………………..


ตอนที่ 906 ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาด


เหมยซูหานที่เพิ่งลุกขึ้นอู่เยวี่ยก็ลุกตาม สีหน้าเริ่มหวาดระแวงพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ


เธอในตอนนี้สูญเสียความมั่นใจอย่างเมื่อสองปีก่อนไปจนหมดสิ้น และยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยามเมื่ออยู่ต่อหน้าเหมยซูหาน


เพราะที่เธอมีกินมีใช้อยู่ในทุกวันนี้…เป็นเพราะเหมยซูหานทั้งนั้น ไม่ว่ายุคสมัยใด ฐานะการเงินกับความมั่นใจมักมาเป็นของคู่กัน


ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง


“พี่ซูหาน พี่จะไปไหน?” อู่เยวี่ยถามอย่างตื่นกลัว


เหมยซูหานมุ่นคิ้วน้อย ๆ ช่วงนี้การตื้อไม่ปล่อยของอู่เยวี่ยทำให้เขาเหนื่อยหน่ายใจ แต่เขาก็ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงแค่ยิ้มแล้วตอบ “ฉันเห็นเหมยเหมยเลยว่าจะไปทักทายหน่อย เธอนั่งอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน เป็นเด็กดีนะ”


ใจอู่เยวี่ยหล่นวูบ นางแพศยาจ้าวเหมยอีกแล้ว!


ทำไมไปไหนก็ต้องเจอเธอตลอด?


ถึงอู่เยวี่ยไม่พอใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า แล้วยังยิ้มอย่างน่ารักตอบกลับ “ฉันก็อยากทักทายเหมยเหมย พี่ซูหาน ฉันไปกับพี่ดีกว่า!”


เหมยซูหานขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาอยากจะปฏิเสธ แต่อู่เยวี่ยก็ลุกยืนแล้วโอบแขนเขาไว้อย่างสนิทสนมพร้อมพูดด้วยความน้อยใจว่า “อย่างไรเสียเหมยเหมยก็เรียกฉันว่าพี่สาวมาตั้งสิบสองปี ถึงเธอไม่อยากนับฉันว่าเป็นพี่ แต่ฉันเห็นเธอเป็นน้องสาวเสมอ”


เธอถอนหายใจน้อย ๆพูดเชิงคร่ำครวญ “แต่ตอนนี้เหมยเหมยเป็นถึงเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวแล้ว สถานะอย่างฉันเอื้อมไม่ถึงเธอหรอก!”


เหมยซูหานรีบพูดปลอบ “เหมยเหมยไม่ใช่คนแบบนั้น เยวี่ยเยวี่ยอย่าดูถูกตัวเองเลย”


โดนอู่เยวี่ยพูดหว่านล้อมขนาดนี้เหมยซูหานก็ไม่ได้พูดปฏิเสธออกจากปาก ได้แต่ปล่อยให้เธอโอบแขนตัวเองเดินไปหาเหมยเหมย


โอหยางซานซานที่นั่งอยู่ข้างพวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย อู่เยวี่ยคนนี้คือพี่สาวของจ้าวเหมย?


ดูเหมือนจะมีเรื่องบางอย่างอยู่นะ!


โอหยางซานซานพูดคุยกับเซียวเวยเสียงเบา ไม่กี่ประโยคก็พูดเข้าเรื่องเหมยซูหาน พอเทียบกับแม่ของเธออย่างหูเซียงหลัน เซียวเวยนับว่าห่างชั้นกว่ามาก  จึงถูกโอหยางซานซานหลอกถามความจริงได้อย่างง่ายดาย


ทางด้านเซียวจิ่งสิงที่โดนเซียวเซ่อกระตุ้นความโกรธเข้าก็หน้าตาถมึงทึงและระเบิดอารมณ์ออกมา


“เซียวเซ่อ เธอให้รูปนี้มันหมายความว่ายังไง?” เซียวจิ่งสิงชี้ถามด้วยน้ำเสียงดุดันอีกครั้ง


เซียวเซ่อเหลือบมองรูปในมือเซียวจิ่งสิงก่อนจะแสร้งถาม “รูปอะไรเหรอ?”


เซียวจิ่งสิงที่ใจร้อนระอุเพราะไฟโทสะ ต่อหน้าเขายังคิดจะแกล้งโง่อีก!


“เธอน่าจะจำรูปที่เธอวาดเองได้นะ? เธอให้รูปนี้กับแม่ฉันมันหมายความว่ายังไง? ในสายตาเธอยังเห็นหัวผู้ใหญ่อยู่ไหม?”


เซียวเซ่อคายกระดูกที่ถูกแทะเนื้อจนหมดสิ้นออกมาแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดปากลวก ๆ หันกลับไปมองรูปนั้นอีกแวบหนึ่งก่อนพูดเสียงเรียบ “ถ้าฉันไม่เห็นแม่ของนายในสายตา แล้วทำไมฉันต้องถ่อเอารูปนี้มาให้ด้วย สวนหลังบ้านก็มีดอกไม้ตั้งเยอะ แค่ตัดลวก ๆมาไม่กี่ดอกก็ได้แล้วมั้ง เซียวจิ่งสิงนายพูดแบบนี้ไม่กลัว…”


เซียวเซ่อแสร้งทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก คิดอยู่ครู่ใหญ่ก็ถามเหมยเหมย “สุภาษิตนั่นว่ายังไงนะ? ที่นิยามคนไร้ศีลธรรมแล้วพระเจ้าลงโทษเขา…”


เหมยเหมยปากกระตุกยิก ๆ เมื่อก่อนทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เลยว่าเซียวเซ่อเองก็ชอบเล่นละครเหมือนกัน!


เธอกลั้นเสียงหัวเราะไว้ แกล้งพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาด!”


เซียวเซ่อตบมือดังทีหนึ่งถึงหันไปพูดกับเซียวจิ่งสิงว่า “ใช่  ฟ้าผ่าสายฟ้าฟาดไง เซียวจิ่งสิงเดี๋ยวนายออกจากบ้านก็ระวังตัวหน่อยละกัน!”


หูเซียงหลันที่เร่งตามมาตะคอกเสียงดุ “เซียวเซ่อเธอพูดจาแบบนั้นกับอาของเธอได้ยังไงกัน? เรียกชื่อเต็มยศแบบนี้เธอยังมีมารยาทอยู่บ้างไหม? เซียวจิ่งหมิงแกไม่คิดจะสอนหน่อยหรอ!”


เซียวเซ่อเบิกตากว้าง พูดอย่างตรงไปตรงมา “เรียกชื่อแล้วทำไม? ฉันเรียกพ่อฉันก็เรียกชื่อเต็มยศ ชื่อก็มีไว้ให้เรียกไม่ใช่เหรอ!”


เซียวจิ่งหมิงพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ “ใช่ใช่ เซ่อเซ่อของผมเรียกชื่อผมแบบนี้มาตลอด บางครั้งก็เรียกผมว่าเหล่าเซียวแหนะ คุณนายสี่อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย!”


…………………….


 ตอนที่ 907 ปีศาจจิ้งจอก


หูเซียงหลันอัดอั้นอยู่ในใจ เธอแทบอยากตายที่โดนสองพ่อลูกหน้าไม่อายคู่นี้ยั่วโมโหเข้า แถมฝีปากก็ยังสู้พวกเขาไม่ได้ หูเซียงหลันหันไปมองทางอาจารย์เซียวอย่างน่าสงสาร


“เหล่าเซียว คุณดูพวกเขาสิ!”


หูเซียงหลันลากเสียงยาวคล้ายกำลังออดอ้อน เหมยเหมยอดลูบแขนไม่ได้ หูเซียงหลันเก่งเรื่องนี้จริง ๆสินะ อายุปูนนี้แล้วเสียงยังเหมือนสาวน้อยอยู่เลย


มิน่าอาจารย์เซียวถึงได้ยอมเสียชื่อเสียงเพื่อจะอยู่กับผู้หญิงคนนี้!


อาจารย์เซียวรับภาพวาดจากมือเซียวจิ่งสิงมากวาดตามองอย่างละเอียด ภายไม่กี่วินาทีก็รู้ความหมายแฝงอยู่ในนั้น สีหน้าแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดพลางตวัดตาไปมองเซียวเซ่ออย่างตำหนิ


“เซ่อเซ่อ รูปนี้มันอะไรกัน?”


สีหน้าของเซียวเซ่อก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ตอบกลับเสียงเรียบ “รูปของหนูทำไม? ฝีมือไม่ถึงหรือของขวัญของหนูน้อยไป? งั้นคุณปู่ก็เอารูปคืนหนูมา แล้วก็ให้เซียวจิ่งหมิงเอาอั่งเปาใหญ่ ๆให้สักก้อน”


เซียวจิ่งหมิงรีบพูดคล้อยตาม “ภาพของเซ่อเซ่อใช้ทองพันแท่งก็เอามาแลกไม่ได้ จะน้อยไปได้ยังไง? ถ้าคุณนายสี่ไม่ชอบก็เอารูปนี้มาให้ผมแล้วกัน ผมจะเอาไปแขวนไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของผม”


หูเซียงหลันโดนกระตุ้นให้โกรธอีกระลอก หันไปเรียกอาจารย์เซียวอีกทีด้วยเสียงที่ออดอ้อนกว่าเดิม


เซียวเซ่อขมวดคิ้วแน่นเป็นปมพลางมองหูเซียงหลันด้วยสายตาเย็นชา “คุณช่วยพูดดี ๆได้ไหม? อายุก็ขนาดนี้แล้วยังพูดจาเหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่สิ เหมยเหมย สามตัวอักษรนั่นว่ายังไงนะ? ศัพท์ที่นิยามผู้หญิงไม่ดีตอนพูดน่ะ…”


เหมยเหมยปากกระตุกอีกหน ยัยนี่เสพติดการแสดงละครแล้วหรือไง


แต่เธอก็ตอบอย่างให้ความร่วมมือ “ปีศาจจิ้งจอกหรือเปล่า?”


เซียวเซ่อพยักหน้า “ใช่ ปีศาจจิ้งจอก หูเซียงหลันตอนคุณพูดช่วยอย่าทำเหมือนปีศาจจิ้งจอกได้ไหม? ฟังแล้วฉันขนลุกซู่เลยรับไม่ได้”


หูเซียงหลันโกรธจนตัวสั่น เซียวจิ่งสิงทำหน้าถมึงทึงพลางตำหนิเสียงเข้ม “เซียวเซ่อเธอพูดจาอะไรกันเนี่ย?”


เซียวเซ่อหยักไหล่ให้อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันพูดภาษาคน นายฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?”


เหมยเหมยแสร้งบอก “เซ่อเซ่อ บอกแล้วว่าให้อ่านหนังสือเยอะ ๆก็ไม่ยอมอ่าน ตอนนี้พลาดท่าแล้วไง? ปีศาจจิ้งจอกไว้นิยามผู้หญิงชั่ว เธอเอามาว่าคุณนายเซียวสี่ได้ยังไง?”


เซียวเซ่อทำท่าเข้าใจทันที “แบบนี้นี่เอง ฉันหลงคิดว่าปีศาจจิ้งจอกเป็นศัพท์ที่มีความหมายดีซะอีก ผู้ชายชอบปีศาจจิ้งจอกกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมยังบอกว่าปีศาจจิ้งจอกเอาไว้นิยามผู้หญิงชั่วล่ะ? หรือว่าผู้ชายชอบผู้หญิงร้ายกันทั้งนั้น?”


ใบหน้าแขกต่างมีสีหน้าที่แปลกประหลาด อยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะ ได้แต่กลั้นไว้อย่างยากลำบาก


สีหน้าผู้ชายบางคนก็อึดอัดยิ่งกว่าใครเพราะเซียวเซ่อได้พูดความในใจของผู้ชายหลายคนออกมา


ก็ปีศาจจิ้งจอกมันน่าเย้ายวนดีไม่ใช่หรือ?


เซียวจิ่งหมิงเองก็มีสีหน้าอึดอัดเช่นกันเพราะลูกสาวชอบด่าผู้ช่วยเขาว่าปีศาจจิ้งจอก เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเซียวเซ่อจะไม่รู้ความหมายของคำว่าปีศาจจิ้งจอกได้อย่างไร แต่ลูกสาวชอบแกล้งหูเซียงหลัน คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว


ที่สำคัญที่สุดเขาเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่ชื่อหูเซียงหลันคนนี้เท่าไร


“คุณนายสี่อย่าถือสาเลย ถึงเซ่อเซ่อของผมจะฉลาดกว่าใครแต่ภาษาจีนความหมายมันกว้าง ยากจะเข้าใจ อย่าว่าแต่เซ่อเซ่อของผมเลย บางทีผมเองก็ยังงง บางครั้งเธอยังด่าผมว่าสารเลวด้วยซ้ำ!”


ความหมายก็คือคนเป็นพ่ออย่างเขายังไม่คิดเล็กคิดน้อย คนที่เป็นคุณย่าเลี้ยงอย่างเธอจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมกัน!


เพื่อช่วยลูกสาวพ้นจากความผิด  เซียวจิ่งหมิงเองก็นับว่าทุ่มสุดตัวแล้วถึงได้ยอมด่าตัวเอง


สิ่งที่เหมยเหมยไม่รู้คือช่วงก่อนหน้านี้เซียวเซ่อเรียกพ่อตัวเองว่าสารเลวจริง ๆ อยู่นานเลย!


หูเซียงหลันไม่ยอมถอย ชี้ไปที่ภาพวาดแล้วกล่าว “เหล่าเซียว คุณต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ฉันนะ!”


…………………………


 ตอนที่ 908 ไม่อยากปล่อยมือทั้งสองทาง


“เรื่องรูปไว้เลิกงานค่อยว่ากันอีกที หยุดทะเลาะกันได้แล้ว”


อาจารย์เซียวไม่อยากจัดการเรื่องครอบครัวต่อหน้าคนนอก เขาไม่อยากขายหน้าแต่เซียวเซ่อดันอยากให้เขาขายหน้า!


ใครให้หูเซียงหลันอยู่ไม่นิ่ง แล้วไปนินทาว่าร้ายเธอลับหลังล่ะ!


คิดว่าเธออยู่แต่บ้านไปวัน ๆเลยไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?


อย่าลืมว่าแม่ของเธอคือคุณหนูใหญ่เฝิงทำอาชีพอะไร สิ่งที่เธออยากรู้ ไม่มีสิ่งไหนที่เธอตามสืบไม่ได้ อดีตแค่ไม่อยากถือสาผู้หญิงคนนี้ก็เท่านั้นเอง!


เหตุผลที่เซียวเซ่อเกิดอยากจะถือสาเธอขึ้นมาก็เพราะหลายวันนี้เธอกำลังสนุกกับเหมยเหมย จู่ ๆก็คิดว่าการกลั่นแกล้งคนก็สนุกไม่หยอก!


ช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้สวรรค์ไง!


เซียวเซ่อชี้ไปที่ภาพวาดแล้วถามอย่างไม่ลดละ “คุณปู่ คุณปู่ต้องให้หูเซียงหลันพูดให้รู้เรื่องว่าภาพของหนูมันทำไม? หนูวาดไม่ดีพอหรือหาว่าหนูให้ของขวัญไม่เยอะพอ? คุณปู่ต้องให้เธอพูดให้รู้เรื่องต่อหน้าแขกทุกคน วันหลังเธอจะได้ไม่เอาหนูไปนินทาลับหลังอีก”


อาจารย์เซียวมองหลานสาวแวบหนึ่งด้วยสายตาที่รู้ดี เซียวเซ่อเป็นหลานสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เด็ก จะไม่รู้ระดับภาษาจีนของเซียวเซ่อได้อย่างไร?


สายตาของเขาดุดันขึ้นอีกนิด พูดเสียงนิ่ง “เซ่อเซ่อ ฟังปู่ ไว้หลังทานข้าวเสร็จเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน!”


เซียวเซ่อยังเคารพนับถืออาจารย์เซียวอยู่มากเลยยอมรามือตามคำสั่ง แค่นเสียงเบา ๆไปทีหนึ่ง “งั้นหนูฟังปู่ละกัน วันหน้าถ้าหนูได้ยินว่ามีคนนินทาหนูลับหลัง ปู่ต้องช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้หนูด้วย”


“ได้ ปู่จะทวงคืนความยุติธรรมให้!”


อาจารย์เซียวมองภรรยาแวบหนึ่งด้วยสายตาแฝงความนัย เขาเองเคยได้ยินมาบ้างกับพฤติกรรมนอกบ้านของหูเซียงหลัน เพียงแต่ตอนนี้เขาก็อายุมากแล้วมีหลายเรื่องที่ไม่มีแรงจะไปสนใจ กับแค่เรื่องเล็กที่ไม่กระทบกับตัวเขาเองโดยตรงเขาก็ทำเป็นปิดหูปิดตาไปซะ


มีใจอยากจะทำแต่ไม่มีแรงพอ!


เซียวเซ่อมองสองแม่ลูกหูเซียงหลันอย่างท้าทายครู่หนึ่งแล้วนั่งลงแทะกระดูกซี่โครงต่อ เดิมทีเซียวจิ่งหมิงจะกลับโดยไม่ร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย แต่เขาเป็นห่วงว่าลูกสาวจะโดนรังแกเลยยอมลดตัวนั่งลงทำเอาแขกทั้งหลายตกใจกันถ้วนหน้า


เพราะไม่เคยเห็นเซียวจิ่งหมิงทานข้าวนอกบ้านมาก่อนจริง ๆ!


เซียวจิ่งหมิงไม่กล้านั่งข้างเซียวเซ่อแต่เลือกไปนั่งอีกโต๊ะ ทำท่าพูดคุยกับแขกไปโดยไม่ขยับตะเกียบสักนิด เขาถูกฝึกมารยาทผู้ดีมาตั้งแต่เด็กเลยไม่ชินกับการต้องมาทานข้าวร่วมโต๊ะกับคนหมู่มากขนาดนี้ รู้สึกอึดอัดมากจริง ๆ


เหมยเหมยกระซิบข้างหูเซียวเซ่อเบา ๆ “พ่อของเธอดีกับเธอจริง ๆนะ เธออย่าทำหน้าเย็นชาตลอดสิ!”


แม้เซียวจิ่งหมิงจะเจ้าชู้และดูไม่น่าพึ่งพาได้อยู่บ้าง แต่กับลูกสาวเขาดีต่อเธอมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้ไม่ถูกกันได้อย่างไร!


เซียวเซ่อแค่นเสียงไปทีหนึ่งและไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่าแตงกวาแก่อย่างเคย สีหน้าผ่อนคลายลงไม่น้อย


ดูเหมือนการกระทำเมื่อสักครู่ของเซียวจิ่งหมิงได้สร้างความซาบซึ้งใจแก่เซียวเซ่ออยู่บ้าง


เหมยซูหานเดินเข้ามาหา ยิ้มเรียก “เหมยเหมย…”


เหมยเหมยหันขวับกลับไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย พยักหน้าด้วยความเย็นชา “มีธุระเหรอ?”


อู่เยวี่ยเองก็เรียกตามแต่เหมยเหมยไม่แม้แต่จะมองเธอ ท่าทางช่างเย็นชาเหลือเกิน


อู่เยวี่ยขอบตาแดงก่ำ มองไปทางเหมยซูหานอย่างน่าสงสาร


เหมยซูหานแสร้งทำเป็นไม่เห็น ระยะนี้เขาคิดทบทวนมาหลายวันจนในที่สุดเขาก็เข้าใจสักที ท่าทีแย่ ๆที่เหมยเหมยมีต่อเขาเมื่อก่อนหน้านี้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะอู่เยวี่ย


รักบ้านก็ต้องรักอีกาบนบ้านนั้นไปด้วย  แต่พอเกลียดบ้านขึ้นมาก็ต้องเกลียดอีกาไปด้วยเป็นธรรมดา เหมยเหมยเกลียดอู่เยวี่ย ฉะนั้นถึงได้พาลเกลียดคนรอบข้างอู่เยวี่ยไปด้วย มีความเป็นไปได้ที่เขาต้องมาตกที่นั่งลำบากก็เพราะอู่เยวี่ย


แม้จะคิดได้แล้วแต่เหมยซูหานก็ทำใจทอดทิ้งอู่เยวี่ยไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทุกครั้งที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วมักมีสายใยบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ สุดท้ายเขาก็ใจเหี้ยมไม่ลง


…………………….


ตอนที่ 909 บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณที่เลี้ยงดู


เหมยซูหานกลัวเหมยเหมยโกรธเลยแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายตาที่กำลังโอดครวญของอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยใจดิ่งวูบ เธอสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเหมยซูหานนั่นจึงทำให้เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก


เธอจะเสียเหมยซูหานไปไม่ได้!


นั่นยิ่งทำให้อู่เยวี่ยแค้นเหมยเหมยเข้าไส้ เพราะนางแพศยาคนนี้ ก่อนที่จะมาเมืองหลวงเหมยซูหานทั้งอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอแถมยังดูแลเป็นอย่างดี พอมาถึงเมืองหลวงและเห็นนางแพศยาจ้าวเหมยคนนี้เหมยซูหานก็เปลี่ยนไป


ถึงอู่เยวี่ยจะรู้สึกโกรธเกลียดแค่ไหนแต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า ยังคงยิ้มอ่อนโยนมองดูสง่างาม และทำให้เซียวจิ่งสิงชื่นชมเธอมากกว่าเดิม


พลางคิดว่าจ้าวเหมยไร้มารยาทอย่างที่ข่าวลือว่าจริง ๆ และไม่น่าจะมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ แต่น่าจะเป็นเพราะนิสัยเดิมของเธออยู่แล้ว


ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมอู่เยวี่ยถึงได้ดูสง่าอ่อนโยนใจกว้างแบบนี้ ทั้งที่ถูกเลี้ยงดูมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน


เหมยซูหานหงุดหงิดอยู่หน่อยที่วันนี้เขาไม่ได้พกของขวัญติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงได้มอบให้กับเหมยเหมยไปแล้ว


“เหมยเหมย ฉันยังไม่ได้สุขสันต์วันเกิดเธอเลย อาจจะอวยพรช้าไปแต่เธออย่าโกรธนะ!”


“ขอบคุณ!”


เหมยเหมยทำหน้าเรียบนิ่งแฝงด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย สร้างความปวดใจแก่เหมยซูหานอยู่ไม่น้อย


เขาอดกลั้นความปวดใจไว้พลางยิ้มกล่าว “ฉันซื้อตุ๊กตาตัวใหญ่ให้เธอตัวหนึ่ง เมื่อก่อนเธอชอบนอนกอดตุ๊กตาไม่ใช่เหรอ? เสียดายที่ฉันไม่ได้เอามาด้วย เหมยเหมยพักอยู่ที่ไหน ฉันจะเอาไปส่งให้”


“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันไม่ชอบนอนกอดตุ๊กตาแล้ว นายเอาไปให้คนอื่นเถอะ”


เหมยเหมยปฏิเสธเด็ดขาด เหยียนหมิงซุ่นซื้อตุ๊กตาให้เธอมากพอแล้ว วางจนเต็มไปทั้งเตียงทั้งโซฟา ไม่สนใจตุ๊กตาแค่ตัวเดียวของเหมยซูหานหรอก


อีกอย่างถ้าให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเธอนอนกอดตุ๊กตาที่ได้มาจากเหมยซูหาน เจ้าคนจิตใจคับแคบคนนี้ต้องหึงแน่ ๆ


เหมยซูหานใจหล่นวูบอีกครั้ง แม้แต่ของขวัญของเขาก็ไม่ยอมรับไว้แล้วหรือ?


“เหมยเหมย เธอไม่เห็นจะต้องปฏิเสธฉันขนาดนี้เลยนี่นา? ฉันแค่อยากให้ของขวัญวันเกิดเธอเท่านั้นเอง”


เหมยซูหานยิ้มเย้ยตัวเอง ในเมื่อพระเจ้าให้เขานึกถึงเรื่องราวในชาติที่แล้วได้ แล้วทำไมไม่ให้เหมยเหมยนึกได้ด้วยล่ะ?


ทำไมต้องให้พวกเขาลำบากตรากตรำกันขนาดนี้?


เหมยซูหานเรียกกำลังใจโดยไม่ย่อท้อ เขาไม่มีวันปล่อยมือจากเหมยเหมย!


ขอแค่มีความตั้งใจ ปัญหาทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี


เพียงแค่เขาใช้ความจริงใจเพิ่มขึ้นพันเท่าร้อยเท่า เหมยเหมยจะต้องใจอ่อนแน่ ๆ


พอเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยของเหมยซูหาน ทำเอาเหมยเหมยตาพร่าไปครู่หนึ่ง ราวกับเห็นภาพที่เหมยซูหานให้ของขวัญวันเกิดเธอเมื่อชาติที่แล้ว


ในชาติที่แล้วเหมยซูหานจะฉลองวันเกิดให้เธอทุกปีไม่เคยลืม และของขวัญวันเกิดก็คือตุ๊กตาทุกปี ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่และมีตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบต่างกันไป


ในตอนนั้นถึงขนาดว่าเธอมีห้องไว้สำหรับเก็บตุ๊กตาที่เหมยซูหานให้มาโดยเฉพาะจนเกลื่อนเต็มห้องไปหมด แทบจะกลายเป็นมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาอยู่แล้ว


เวลาอารมณ์ไม่ดีเธอจะไปที่ห้องนั้น ให้ตุ๊กตาเหล่านั้นอยู่เป็นเพื่อนและระบายความในใจกับพวกมัน นอกจากนั้นแล้วเธอก็ยังมีแมวสีส้มที่เธอเลี้ยง พวกนั้นล้วนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ


ไม่นานเธอก็ได้สติและตัดบท พูดเสียงเย็นชา “ฉันไม่สนิทอะไรกับนายอยู่แล้ว อีกอย่างนายคือลูกศิษย์ดีเด่นของอู่เจิ้งซือ ฉันก็ยิ่งเป็นเพื่อนกับนายไม่ได้”


อู่เยวี่ยอดพูดไม่ได้ “จ้าวเหมย ยังไงพ่อของฉันก็เลี้ยงเธอมาถึงสิบสองปี ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้?”


เซียวเวยที่กำลังคุยกับโอหยางซานซานไม่รู้เดินมาตั้งแต่เมื่อไรเอ่ยปากพูดทำนองเดียวกัน “นั่นสิ บุญคุณให้กำเนิดไม่สู้บุญคุณเลี้ยงดูนะ คุณหนูจ้าวทำไมถึงใจเหี้ยมได้ขนาดนี้นะ?”


…………………………


ตอนที่ 910 ไม่เกี่ยวกับฉัน


เหมยเหมยยังไม่ทันอ้าปากเซียวเซ่อก็พูดเสียงเย็นชา “เซียวเวยเธอไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาพูดแทรกทำไม?”


เซียวเวยไม่ได้สุขุมรอบคอบเหมือนเซียวจิ่งสิงน้องชายเธอ สีหน้าเย็นชาลงทันทีแล้วพูดเสียงตำหนิ “เซียวเซ่อเธอรู้จักเคารพผู้ใหญ่ให้เกียรติกันบ้างหรือเปล่า? เธอต้องเรียกฉันว่าคุณอา”


“ไม่รู้ ครูส่วนตัวไม่เคยสอนฉัน” เซียวเซ่อปฏิเสธคำขาด


เซียวเวยโกรธจนหางคิ้วตั้งขึ้น กำลังจะระเบิดอารมณ์แต่ดันถูกเซียวจิ่งสิงห้ามไว้


เซียวจิ่งสิงส่งสายตาให้เธอ แม้เซียวเวยเป็นพี่สาวแต่ปกติเธอเชื่อฟังคำของน้องชายอยู่แล้วเลยได้แต่หักห้ามใจไว้ ทำหน้าตึงยืนอยู่ข้าง ๆไม่ยอมไปไหน


เหมยซูหานดูเหมือนจะมีความรู้สึกพิเศษกับจ้าวเหมย ถึงเซียวเวยไม่ได้ฉลาดมากแต่สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้เธอรู้ว่าเหมยซูหานมีความรู้สึกพิเศษกับเหมยเหมย


ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก!


แน่นอนว่าคู่กรณีที่เธอไม่พอใจคือเหมยเหมย ไม่ใช่เหมยซูหาน


เซียวเวยคิดว่าต้องเป็นเหมยเหมยที่ยั่วเหมยซูหานก่อน ในแง่นี้เธอมีความคิดเหมือนผู้หญิงทุกคนที่ไม่เคยเอาผิดกับผู้ชายที่เป็นฝ่ายนอกใจก่อนเลยสักนิด


คู่กรณีที่สร้างความโกรธแก่เซียวเวยเปลี่ยนจากเซียวเซ่อมาเป็นเหมยเหมยทันที ดวงตาคู่โตถลึงใส่อย่างไม่คิดปิดบัง


ผู้หญิงที่แสดงอารมณ์ออกมาชัดเจนแบบนี้เหมยเหมยไม่เคยเก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว


เธอมองเหมยซูหานกับอู่เยวี่ยที่ยังยืนอยู่แวบหนึ่งแล้วหันไปมองเซียวเวยอีกแวบหนึ่งก็ยิ้มเยาะ หน้าตาของเหมยซูหานดึงดูดผู้หญิงได้ง่ายจริง ๆ แต่อนาคตของเซียวเวยคนนี้ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไรนัก!


ด้านหน้ามีอู่เยวี่ยจอมวางแผน ข้างหลังมีคนโรคจิตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อที่คอยจับตามองอยู่ คนอย่างเซียวเวยไม่พอให้สองคนนั้นเล่นด้วยซ้ำ!


“คุณเซียวไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังก็อยากให้ระวังคำพูดด้วย เดี๋ยวตอนที่ฟ้าผ่า ระวังคนชั่วอย่างคุณจะพลอย โดนผ่าไปด้วย”


เหมยเหมยพูดเสียงเรียบ เซียวเวยชะงักไปชั่วอึดใจหนึ่งเพราะไม่เข้าใจในความหมาย จนผ่านไปครู่ใหญ่ถึงเข้าใจจึงทำหน้าโกรธ อ้าปากกำลังจะพ่นคำด่าออกมา


เซียวจิ่งสิงคว้าเธอไว้แล้วถลึงตามองเธออย่างตักเตือนอีกครั้งหนึ่ง ยิ้มให้เหมยเหมย “ไม่รบกวนแล้ว เชิญคุณจ้าวตามสบาย”


เหมยเหมยแค่ยิ้มบาง ๆไม่ได้พูดอะไร เซียวจิ่งสิงคว้าแขนเซียวเวยที่ไม่พอใจให้เดินจากไป วันนี้งานฉลองวันเกิดคุณแม่ พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวแท้ ๆหากเป็นแกนนำป่วนงาน ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะโกรธขนาดไหน!


เหมยซูหานเองก็ห้ามอู่เยวี่ยที่กำลังโกรธจัดไว้ เผยยิ้มงดงามราวกับลมฤดูใบไม้ผลิ “เหมยเหมย คุณครูอู่เป็นครูที่มีบุญคุณต่อฉัน บุญคุณแค่น้ำหยดเดียวก็ต้องตอบแทนเป็นเท่าตัว ฉันทนเห็นครูที่มีบุญคุณกับฉันลำบากไม่ได้…”


กลุ่มแขกต่างพยักหน้าเห็นด้วยกันถ้วนหน้า รู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มผู้อ่อนโยนและสง่าอย่างเหมยซูหานคนนี้เป็นอย่างมาก


สมัยนี้เด็กที่รู้จักตอบแทนบุญคุณยิ่งจะน้อยลงเรื่อย ๆ!


เหมยเหมยมองเขาอย่างเย้ยหยัน กระตุกยิ้มมุมปากอย่างประชดประชัน “นายจะตอบแทนบุญคุณก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่ว่านายจะตอบแทนเป็นเท่าตัวหรือตอบแทนด้วยการแลกกับชีวิตตัวเองก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแม้แต่น้อย และเช่นกันฉันเองก็อยากขอร้องนายอย่าพาคนน่ารังเกียจคนนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก โดยเฉพาะตอนที่ฉันเพิ่งกินอิ่ม”


อู่เยวี่ยตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม  พลางมองเหมยซูหานอย่างน่าสงสารจับใจ แขกคนอื่น ๆก็เห็นใจเธอเช่นกัน ได้แต่คิดว่าเหมยเหมยทำเกินไป


เหมยซูหานมองใบหน้าที่เย็นชาของเหมยเหมยแล้วถอนหายใจยาว หันหลังเดินจากไปพร้อมอู่เยวี่ยที่ไล่ตามไปติด ๆ


เหมยเหมยมองแผ่นหลังอู่เยวี่ยด้วยสายตาเย็นชา หากไม่ใช่เพราะกลัวโดนจับได้เธอจะให้ฉิวฉิวฉี่รดตัวอู่เยวี่ยสักหน่อย


ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพลาดที่จะมาทำตัวชวนคลื่นไส้ต่อหน้าเธอเลย ช่างน่าสะอิดสะเอียนที่สุด!


เซียวเซ่อเลิกคิ้วให้เหมยเหมย หยิบกระดูกซี่โครงที่เธอเคยแทะจากบนโต๊ะแล้วใช้ลมปราณดีดออกไป แสงขาวผ่านวาบก่อนที่อู่เยวี่ยจะล้มหัวคะมำอยู่ที่พื้น


………………………


 ตอนที่ 911 อู่เยวี่ยที่โดนเหยียดหยาม


บริเวณพื้นลานหน้าบ้านของตระกูลล้วนถูกปูด้วยหินบลูสโตนสีเขียวอมน้ำเงินที่มีความคงทนแข็งแรง อู่เยวี่ยที่ล้มลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเรียกให้แขกคนอื่นในงานต่างหันมองมาทางเธอ


อู่เยวี่ยเจ็บจนลุกไม่ได้อยู่พักใหญ่ เหมยซูหานรีบโน้มตัวลงไปพยุงเธอขึ้นมา พอเธอเห็นดังนั้นเลยซบอยู่ในอ้อมแขนของเหมยซูหานราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ


ภาพที่เหมยเหมยเห็นสร้างความพอใจให้กับเขา ก่อนจะคีบกระดูกซี่โครงชิ้นโตใส่ถ้วยเซียวเซ่อ เหมยซูหานกับอู่เยวี่ยสนิทสนมกันสิถึงจะดี พอเฮ่อเหลียนเช่อเห็นเข้าจะได้หึงไง!


เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางปล่อยอู่เยวี่ยไปง่าย ๆแน่ แค่คิดว่าอู่เยวี่ยจะโดนเฮ่อเหลียนเช่อที่แสนโรคจิตแก้แค้น เหมยเหมยก็รู้สึกสบายไปทั้งตัวและก็คาดหวังอย่างบอกไม่ถูก…


อู่เยวี่ยเดินกะเผลก ๆกลับที่นั่ง บริเวณเข่ากับข้อศอกถลอกจนเลือดซิบและเจ็บจนเธอเหงื่อแตกพลั่กๆ


โอหยางซานซานที่นั่งอยู่ทางขวามือของเธอที่หันไปถามถึงความสัมพันธ์ของอู่เยวี่ยกับจ้าวเหมยจากเซียวเวยจนรู้เรื่อง ก็เริ่มทำการเปรียบเทียบในใจ พลางถามด้วยความเป็นห่วง “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”


อู่เยวี่ยแอบได้ยินเสียงกระซิบกระซาบแต่เพราะโอหยางพูดเสียงเบามากเธอเลยได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก เหมือนทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดและได้ยินเสียงอีกฝ่ายแต่กลับฟังไม่รู้เรื่องสักทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไร


โอหยางซานซานสังเกตเห็นสายตาที่ฉงนเล็กน้อยของอู่เยวี่ยเลยถามอีกรอบแต่เสียงยังเบาเหมือนเดิม หวงอวี้เหลียนสอนเธอมาตั้งแต่เด็กว่าจะต้องพูดจาเสียงเบา การพูดเสียงดังจะกระทบกับภาพลักษณ์ของสาวเรียบร้อย


อู่เยวี่ยลูบที่หูขวาโดยไม่รู้ตัว จึงพบว่าเครื่องช่วยฟังหายไป


มิน่าเธอถึงไม่ได้ยินเสียงของโอหยางซานซาน ไม่นานอู่เยวี่ยก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ล้มเมื่อสักครู่เลยรีบมองไปทางเหมยซูหานอย่างลนลาน “พี่ซูหาน …ของฉันหายไป”


อู่เยวี่ยชี้ไปที่หูข้างขวาของตัวเอง เครื่องช่วยฟังอันนี้นำเข้าจากต่างประเทศที่นอกจากจะมีขนาดเล็กกะทัดรัดยังสามารถจับเสียงได้เป็นอย่างดี ราคาย่อมสูงไปตามคุณภาพ


แน่นอนว่าสิ่งนั้นได้รับการสนับสนุนจากเหมยซูหาน หากเครื่องช่วยฟังหายเธอคงจะให้เหมยซูหานซื้ออันใหม่ให้อีกไม่ได้!


เหมยซูหานเองก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ล้มเมื่อสักครู่เลยกลับไปตามหาทั่วบริเวณที่ล้ม ไม่นานเขาก็หาเจอ มันกลิ้งตกไปอยู่ในดงดอกกุหลาบ


“รีบใส่สิ”


เหมยซูหานยื่นเครื่องช่วยฟังให้อู่เยวี่ยด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร จึงไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของอู่เยวี่ยเผยความโกรธเคืองเพราะถูกเหยียดหยามเพียงชั่ววูบ ไม่อย่างนั้นเขาจะพบว่า–


ที่แท้เด็กสาวที่น่ารักอ่อนโยนและใจดีในใจของเขาก็มีมุมที่น่าเกลียดเช่นนี้เหมือนกัน!


หากข้ามเหตุการณ์ภาพวาดเมื่อสักครู่ไปงานเลี้ยงฉลองของตระกูลเซียวก็ปิดฉากลงได้อย่างสมบูรณ์ แขกในงานเริ่มทยอยลากลับบ้าน ไม่นานลานบ้านที่เสียงครึกครื้นเมื่อสักครู่ก็เงียบสงัด เหลือเพียงจานและแก้วที่ถูกใช้แล้วรวมไปถึงเศษอาหารที่เหลือจากงาน


อาจารย์เซียวปรับหน้าให้ดูจริงจังเพื่อเตรียมจัดการกับปัญหาในครอบครัว


เดิมทีเหมยเหมยอยากไปรอที่ข้างนอกแต่ก็ไม่ไว้วางใจเซียวเซ่อ กลัวก็แต่ยัยเด็กคนนี้จะเถรตรงเหมือนยิงระเบิด ไม่รู้จักใช้ลูกไม้เล่ห์เหลี่ยม เกรงว่าจะเสียเปรียบเอาได้


“เหมยเหมยเป็นเพื่อนสนิทของเซ่อเซ่อ สนิทราวกับว่าใส่กางเกงตัวเดียวกัน ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องอยู่ด้วยอยู่แล้ว”


แต่เดิมเซียวจิ่งหมิงก็ต้องการอยู่เพื่อปกป้องลูกสาว แต่ผู้ช่วยของเขาที่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานกับเซียวจิ่งหมิงไม่กี่ประโยค น่าจะมีเรื่องด่วนสินะ เซียวจิ่งหมิงเลยต้องขอตัวกลับ


แต่ถือว่าเขาทุ่มเทแรงมามากแล้ว  และรู้ว่ายัยเด็กเหมยเหมยเป็นคนเจ้าเล่ห์  ไม่ต้องรออาจารย์เซียวออกปากไล่เขาก็เอ่ยปากก่อน


“เซ่อเซ่อ พิพิธภัณฑ์ศิลปะของพ่อมีเรื่องด่วนให้ต้องกลับไป มาจูบลาพ่อหน่อยเร็ว!”


เซียวจิ่งหมิงแค่พูดเล่น ๆ เขาไม่คาดหวังว่าลูกสาวตนจะจูบลาอะไรเขา แค่มาบอกลาเขาหน่อยก็ดีถมไปแล้ว


เพียงแต่–


เป็นยัยหนูเซียวเองที่ทำตัวผิดแปลกไปจากปกติกลับเขย่งปลายเท้าจูบแก้มเซียวจิ่งหมิงเบา ๆไปหนึ่งที


แม้จะแค่แตะเบา ๆแต่ก็พอที่จะทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง แน่นอนว่ารวมไปถึงหัวใจดวงแก่ ๆทว่าแข็งแรงของเซียวจิ่งหมิงด้วย!


……………………….


ตอนที่ 912 เหมยเหมยคนหน้าด้าน


เซียวจิ่งหมิงเดินตัวลอยกลับไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ถึงแม้จะเดินชนเสาไปถึงสามครั้งแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ แถมยังยิ้มอย่างมีความสุข


เซียวจิ่งหมิงที่เดินไปจนถึงหน้าประตูใหญ่ จู่ ๆก็วิ่งกลับมาตะโกนใส่อาจารย์เซียวเสียงดัง “พ่อต้องจัดการอย่างยุติธรรม ถ้าเซ่อเซ่อของผมโดนรังแก ผมไม่มีวันรามือแน่”


พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้ลูกสาวอีกครู่หนึ่งราวกับกำลังบอกว่า ‘ลูกสาวอย่าได้กลัวไป มีป่าปี๊อยู่ไม่มีใครกล้ารังแกหนูหรอก…’


เพียงแต่–


ยัยหนูเซียวกลับยืนกอดอกหันหลังให้เขาด้วยความเท่


ยัยหนูคนนี้กำลังนึกเสียใจภายหลัง…เมื่อกี้เธอต้องสมองพร่าเบลอไปแล้วแน่ ๆ ทำไมถึงจูบลาแตงกวาแก่นั่นไป?


หัวเธอต้องโดนช้างถีบเข้าแล้วแน่ ๆ!


เซียวเซ่อเมินเฉยต่อความรู้สึกอบอุ่นที่วาบขึ้นมากลางใจในตอนที่เธอกอดเซียวจิ่งหมิง รวมถึงความรู้สึกที่เหมือนเลือดในกายกำลังสูบฉีด


มันเป็นความรู้สึกทั้งสองแบบที่เธอไม่ชอบ เธอชอบความเย็นชากับความหนาวเหน็บและดื่มด่ำกับความโดดเดี่ยว


สิบปีก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ทำไมตอนนี้เธอถึงมีความรู้สึกแบบนี้ได้ล่ะ?


เซียวจิ่งหมิงไม่สนใจความเย็นชาของลูกสาวใบหน้ายังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากเตือนพ่อตัวเองเสร็จคุณศิลปินคนเก่งแสนบื้อคนนี้ก็เดินชนเสาอีกครั้งก่อนจากไป


โดยครั้งนี้ไม่ได้พุ่งตัวย้อนกลับมาอีก!


อาจารย์เซียวสีหน้าดูแย่เล็กน้อย เขาไม่ชอบเวลาที่จัดการกับปัญหาในครอบครัวแล้วมีคนนอกอยู่ด้วย หากไม่ใช่เพราะลูกชายบอกไว้ เขาต้องเชิญให้จ้าวเหมยออกไปรออยู่ข้างนอกเป็นแน่


หวังว่าจ้าวเหมยจะรู้มารยาท ไม่ต้องให้เขาเตือนก็ถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ แต่–


เหมยเหมยทำสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงแต่เธอที่รู้ว่ากำลังเผชิญกับสายตาดุดันของอาจารย์เซียวแต่ยังต้องทำตัวปกติ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้เลย


“จ้าวเหมย งานเลี้ยงเลิกแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่พ่อฉันจะจัดการกับปัญหาในครอบครัว เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทไปหน่อยเหรอ?” เซียวเวยพูดตำหนิ


เหมยเหมยยังเรียบนิ่งดังภูผาพลางตอบกลับอย่างใจเย็น “คุณลุงเซียวฝากฝังฉันไว้  เรื่องที่ถูกไหว้วานมาฉันคงผิดคำพูดไม่ได้”


ไฟโทสะของเซียวเวยปะทุขึ้นมาอีกรอบ ด่ากราด “เธอหมายความว่ายังไง? คิดว่าเราจะรังแกเซียวเซ่อหรือไงกัน?”


เหมยเหมยลูบจมูกหน่อย ๆ พลางอมยิ้มตอบ “ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นนะ…”


ทั้งที่เธอเป็นคนพูดเองนี่นา!


เห็นเซียวเวยโกรธจนหน้าดำหน้าแดงเพราะตัวเอง เหมยเหมยก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ก็เพราะยัยนี้เพิ่งช่วยอู่เยวี่ยมาสั่งสอนตัวเอง ตอนนี้เธอยังไม่หายโกรธเลย!


อาจารย์เซียวกระแอมเสียงไอทำให้ทุกคนยืนตัวตรงไม่กล้าโหวกเหวกโวยวายอีก เหมยเหมยที่เห็นดังนั้นก็ไม่กล้าทำตัวเสียมารยาท ยืนตัวตรงอยู่กับที่


“เซ่อเซ่อ หลานอธิบายให้ฟังหน่อยว่ารูปนี้มันยังไงกัน?”


อาจารย์เซียวชี้ไปที่ภาพวาดบนกำแพงด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร่งเร้าเท่าไร


“ก็แค่ภาพวาดภาพเดียว หนูไม่เข้าใจว่าภาพของหนูไม่ดีตรงไหน เหมยเหมยเธอรู้มั้ย?” เซียวเซ่อมองไปทางเพื่อนสนิท


เหมยเหมยส่ายศีรษะอย่างจริงจัง “ไม่รู้ ฉันว่ารูปนี้วาดได้ดีมาก เซ่อเซ่อฝีมือเธอเก่งขึ้นอีกขั้นแล้วนะ ดูการไล่สีอันนี้สิ แรงของพู่กัน การจัดภาพ…มันสมบูรณ์แบบมาก…เซ่อเซ่อ ฉันต้องขยันกว่านี้แล้ว ไม่งั้นฉันคงไล่ตามเธอไม่ทัน…”


เธอพูดยกยอปอปั้นเซียวเซ่อไม่หยุด ชื่นชมจนเกินจริง  ชมจนเซียวเซ่อหน้าบานเป็นดอกไม้หนึ่งดอก  เซียวเซ่อที่ไม่รู้สึกผิดสักนิดก็รับคำชมไว้แต่โดยดี


“จ้าวเหมยเธอแกล้งโง่ทำไม รูปนี้เซียวเซ่อกำลังประชดแม่ฉันอยู่ชัด ๆ คนตาบอดยังดูออกเลย” เซียวเวยแย้งขึ้นมาเสียงดัง


                                        ………………………………………………………………………….


ตอนที่ 913 สาวคนสำส่อน


ในเวลานี้เหมยเหมยทำได้เพียงแค่แกล้งโง่ให้ถึงที่สุด เธอแสร้งมองไปที่รูปอย่างสงสัย จ้องอยู่ครู่ใหญ่ถึงแบมืออย่างใสซื่อ “ฉันดูไม่ออกจริง ๆ ฉันดูซ้ายดูบนดูล่างก็ไม่รู้ว่าตรงไหนที่กำลังประชดคุณนายเซียวสี่”


เซียวเวยที่กำลังโกรธจึงหลุดปากออกมา “จ้าวเหมยเธอมันโง่ รูปนี้กำลังบอกว่าแม่ฉันเป็นคนสำส่อน…”


“อุ๊บ”


เซียวเซียงอดไม่ได้จึงเผลอหลุดอุทานออกมา ด้วยความที่พ่อแม่ของเธอเป็นคนสงบเสงี่ยมเลยรีบยิ้มเป็นเชิงว่าขอโทษให้อาจารย์เซียวก่อนจะถลึงตาดุใส่ลูกสาว เซียวเซียงเบะปากอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็กลับมาเบิกบานราวดอกไม้อีกครั้ง


รูปนี้ของเซียวเซ่อแก้แค้นได้สะใจจริง ๆ!


เหมยเหมยกับเซียวเซ่อเบิกตากว้างอย่างพร้อมเพรียงแล้วถามเซียวเวย “เธอดูออกได้ยังไงว่ากำลังหมายถึงคนสำส่อน?”


เซียวเวยชี้ไปที่รูปด้วยความโกรธแล้วตะคอกเสียงดัง “บนผิวน้ำมีแต่กลีบดอกหยาง ถ้านี่ไม่ได้กำลังสื่อว่าสำส่อนแล้วหมายความว่ายังไง? พวกเธอจะแกล้งโง่ทำไมอีก?”


เหมยเหมยยิ้มตอบกลับอย่างจริงใจ “คุณเซียว ฉันโง่จริง ๆ ดูไม่ออกจริง ๆ ว่ารูปนี้มันสื่อความหมายลึกซึ้งขนาดนั้น”


เซียวเซ่อเองก็ตอบกลับอย่างจริงใจ “ฉันก็แค่วาดไปอย่างนั้น แต่พวกเธอดูแล้วสื่อความหมายได้ขนาดนี้ เก่งจริง ๆ!”


เธอยกนิ้วโป้งให้เซียวเวย พร้อมขอรับคำสอนอย่างถ่อมตัว “สำส่อนหมายถึงยังไงเหรอ? เป็นคำที่ไม่ดีเหรอ?”


ความโกรธของเซียวเวยถูกอัดอั้นไว้กลางอก เธอใกล้จะบ้าตายเพราะยัยสองคนที่แกล้งโง่นี้อยู่แล้ว อยากจะเอาค้อนมาไล่ทุบให้รู้แล้วรู้รอด แต่คุณพ่อต้องไม่เห็นด้วยแน่ ๆ


หูเซียงหลันยิ่งโกรธมากกว่าเพราะรูปของเซียวเซ่อจี้จุดอ่อนของเธอพอดี เธอไม่ชอบได้ยินคนอื่นหาว่าเธอสำส่อนเป็นที่สุด บอกว่าเธอยั่วอาจารย์เซียว แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้นแต่เธอไม่มีวันยอมรับ


“เหล่าเซียวคุณดูสิ ฉันอยู่บ้านนี้ไปจะมีความหมายอะไรอีก? ไม่มีใครเห็นฉันเป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันสักคน…”


หูเซียงหลันปิดหน้าร้องไห้ท่าทางดูเสียใจจับใจ


เซียวเซ่อแค่นเสียงใส่ “อยู่ไปไม่มีความหมายยังหน้าด้านอยู่มาตั้งหลายปี?”


หูเซียงหลันถูกกระตุ้นความโกรธจนหยุดร้องไห้ ไม่สนใจว่าจะเสียภาพความเป็นหญิงอ่อนโยนต่อหน้าสามีอีกต่อไป หยิบไม้ขนไก่บนโต๊ะตวัดมาทางเซียวเซ่อ


“ไอ้เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่เคารพผู้ใหญ่!”


เดิมเหมยเหมยคิดว่าเซียวเซ่อจะหลบแต่ใครจะคาดคิดว่ายัยโง่นี้กลับไม่หลบแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เชิดมองอย่างไม่ยอมแพ้ ดูท่าทางจะยอมรับไว้แต่โดยดี


โอ้แม่เจ้า!


เหมยเหมยหลุดปากด่าว่า ‘โง่’ ไปทีแล้วก็รีบคว้าเซียวเซ่อให้หลบจากการจู่โจมของหูเซียงหลัน ก่อนตะคอกใส่หูเซียงหลัน “คุณนายเซียวสี่อย่าล่วงเกินเชียว  คุณย่าแท้ ๆของเซ่อเซ่ออยู่ประเทศอังกฤษ เรื่องสั่งสอนเป็นหน้าที่ของย่าแท้ ๆของเธอ คุณจะก้าวก่ายเรื่องนี้ทำไม!”


ว่าแล้วเธอก็ถีบเซียวเซ่อแรง ๆไปอีกทีพร้อมตะคอกเสียงต่ำ “เธอโง่หรือไง ถ้าโดนเมียน้อยตีเธอแบบนี้ ย่าแท้ ๆเธอต้องโกรธตายแน่ ๆ เธอเชื่อไหมล่ะ?”


เซียวเซ่อได้สติกลับมาทันที นั่นสิ เธอจะยอมโดนศัตรูของคุณย่าทำร้ายร่างกายได้อย่างไร?


ไม่ได้การแล้ว!


เซียวเซ่อที่เพิ่งได้สติก็ใช้ไหวพริบเล็กน้อยแย่งไม้ขนไก่จากหูเซียงหลันแล้วจงใจโยนออกไปให้หล่นลงในแจกันโบราณตรงมุมกำแพงอย่างแม่นยำ


ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่าขณะที่เหมยเหมยเอ่ยถึงคุณย่าแท้ ๆของเซียวเซ่อ สีหน้าอาจารย์เซียววูบไหวเล็กน้อย แววตายังสื่อความว่าคิดถึง ผู้หญิงที่เย่อหยิ่งคนนั้นเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่เขากำราบไม่ได้ และเป็นเรื่องที่เขาลืมไม่ลงจนชั่วชีวิต


“พอแล้ว คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ในเมื่อเซ่อเซ่อไม่ได้ตั้งใจเรื่องนี้ก็จบลงแค่นี้ จากนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามพูดถึงอีก”


อาจารย์เซียวตัดสินคำขาด ตัดสินว่ารูปที่สื่อด้วยความหมายประชดประชันนี้เป็นเพียงความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ


………………………


ตอนที่ 914 อ้าปากปุ๊บสุภาษิตมาปั๊บ


แม้หูเซียงหลันจะไม่พอใจและยังอยากจะชวนทะเลาะต่อแต่เพียงแค่อาจารย์เซียวถลึงตาใส่ หูเซียงหลันก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเสียงใดอีก ได้แค่ปิดปากเงียบมองเซียวเซ่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น


เซียวเซ่อฉีกยิ้ม “คุณปู่ยุติธรรม…”


อาจารย์เซียวมองเธอครู่หนึ่งด้วยสายตาที่ลึกซึ้งแล้วพูดเสียงเบา “หลานเข้ามาในห้องกับปู่ก่อน ปู่มีเรื่องจะคุยด้วย”


เซียวเซ่อยู่ปากใส่เหมยเหมยเป็นการบอกให้เธอรอตัวเองอยู่ข้างนอก ก่อนที่จะเดินตามหลังอาจารย์เซียวเข้าไปในห้องหนังสือ


เซียวเวยถลึงตาใส่เหมยเหมยอย่างนึกแค้นในใจ กล่าวด้วยเสียงค่อนแคะ “คุณจ้าวกับเซียวเซ่อดูสนิทกันดีนี่ คนประเภทเดียวกันมักอยู่ร่วมกันได้เพราะมีรสนิยมเหมือนกัน ฉันว่าเธอกับเซียวเซ่อก็คงพอ ๆกัน!”


เหมยเหมยยิ้มพูดตาหยี “ฉันกับเซ่อเซ่อเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน แล้วก็จะก้าวหน้าไปด้วยกันก็ต้องเป็นคนประเภทเดียวกันอยู่แล้ว แต่ก็น่าจะดีกว่าคุณเซียวสักนิดหนึ่ง”


เซียวเวยโกรธถึงขีดสุด รอบนี้เธอไม่ได้ระเบิดอารมณ์แต่กลับหัวเราะแทนแล้วพูดเสียงเย้ย “ฉันลืมไปเสียแล้วว่าคุณจ้าวโชกโชนด้านความรัก  ประสบการณ์ชีวิตก็ต้องมากกว่าฉันอยู่แล้ว ฉันถกเถียงกับเธอก็เหมือนกำลังหยามตัวเองอยู่สิ ดูท่ามันจะมากเกินไปสำหรับฉัน”


หูเซียงหลันไม่รู้จักเหมยเหมยย่อมไม่รู้ภูมิหลังของครอบครัวเหมยเหมยเลยถามลูกชายเสียงเบาว่าเกิดอะไรขึ้น


เหมยเหมยสีหน้าเยือกเย็น คำพูดเหล่านี้ต้องมาจากโอหยางซานซานแน่นอน เหอะ ผู้หญิงคนนี้ไม่สงบเสงี่ยมเลยจริง ๆ!


เธอปรายตามองเซียวเวยอย่างเยือกเย็นแล้วพูดพลางกลั้วหัวเราะ “คุณเซียวต้องรู้อย่างหนึ่งว่าถ้าคุณเป็นปรปักษ์กับฉันก็เท่ากับกำลังหยามตัวเอง โอหยางซานซานยังไม่อยู่ในสายตาฉันเลย ถ้าคุณเซียวมีสมองสักนิดก็น่าจะนอบน้อมกับฉันหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าทำฉันโกรธละก็ หึ…”


หูเซียงหลันที่ได้รู้สถานะของเหมยเหมยจากลูกชายก็สะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงข้างกายเซียวเซ่อจะเป็นคนใหญ่คนโตขนาดนี้!


ตระกูลเซียวต่อให้มีชื่อเสียงขนาดไหนก็เป็นเพียงตระกูลที่เอาดีในด้านศิลปะ มีเพียงแค่ชื่อเสียงธรรมดา ๆ แต่ไม่ได้มีอำนาจอภิสิทธิ์แต่อย่างใด แล้วจะไปกล้ามีปัญหากับตระกูลจ้าวที่กำลังได้ดิบได้ดีอยู่ได้อย่างไรล่ะ?


หูเซียงหลันถลึงตาใส่ลูกสาวแวบหนึ่งอย่างดุดันแล้วได้แต่ยิ้มเชิงขอโทษต่อเหมยเหมยว่าขอให้เธออย่าถือสากับเซียวเวย


เหมยเหมยแค่นเสียงเย็นกล่าว “คุณนายเซียวสี่สั่งสอนลูกสาวตัวเองให้ดีหน่อยนะคะ  อย่าพาคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้านง่าย ๆ เหมือนที่เขาว่าคบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล นอกเสียจากว่าคุณเซียวก็อยากเป็นเหมือนโอหยางซานซานที่เสื่อมเสียชื่อเสียงจนเลื่องลือไปทั่ว หรือว่าบางทีคุณเซียวก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว?”


เซียวเวยอดแย้งไม่ได้ “เธอพูดเหลวไหล ซานซานไม่ใช่คนอย่างนั้น เธอจงใจใส่ร้ายเธอต่างหาก!”


เหมยเหมยยิ้มเย็นยะเยือก “หลักฐานล่ะ? คุณเซียวจะพูดอะไรก็ต้องเอาหลักฐานมาให้ฉันดูสิ อ้าปากพูดจาเหลวไหลอย่างนั้นฉันคงต้องให้ท่านผู้พิพากษาสั่งสอนคุณสักหน่อยแล้ว”


เซียวเซ่อเดินออกมาอย่างเท่โดยมีอาจารย์เซียวเดินตามหลังมา ดูท่าทางว่าจะเรียบร้อยดี


“อะไร? ใครพูดเหลวไหลอะไรกัน?” เซียวเซ่อถาม


เหมยเหมยส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร แค่อยากให้คุณนายสี่สอนลูกสาวตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้กัดคนอื่นไปทั่วเหมือนหมาบ้า”


เซียวเซ่อพูดจิกกัดต่อไปว่า “ผู้ใหญ่ไม่ดีเด็กก็ทำตาม ต้นไม้ต้นใหญ่ยังยืนไม่ตรงด้วยซ้ำแล้วต้นเล็ก ๆจะตรงได้ยังไง?”


เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกขำ ยักไหล่น้อย ๆพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ต้นไม้ต้นใหญ่สอนไม่ได้ก็ให้ผู้พิพากษาสั่งสอน สังคมในตอนนี้ก็เป็นสังคมที่มีกฎหมาย จะปล่อยให้คนพูดจาเหลวไหลได้อย่างไร!”


เซียวเซ่อพยักหน้า “ใช่ ใช้กฎหมายควบคุมถึงจะยุติธรรม คุณปู่คะ หนูไปแล้วนะ บ๊ายบาย!”


เธอโบกมือให้อาจารย์เซียวแล้วก้าวขายาวเดินออกมาตามด้วยเหมยเหมยที่ขอตัวลาเช่นกัน


ผ่านไปพักใหญ่–


หูเซียงหลันถึงกัดฟันกรอดพูด “เหล่าเซียว เซียวเซ่ออ้าปากปุ๊บก็มีแต่คำพูดสุภาษิตออกมา  เมื่อกี้เธอโกหกชัด ๆ!”


…..……………………


ตอนที่ 915 เหมยซูหานที่อยากแข็งแกร่งขึ้น


พวกเหมยเหมยที่เพิ่งจะเดินไปถึงลานหน้าบ้านได้ยินเสียงซักไซ้ของหูเซียงหลันก็อดหัวเราะไม่ได้


“ตอนนี้ไม่แกล้งโง่แล้วหรือไง?” เหมยเหมยถาม


เซียวเซ่อยิ้มพลางหัวเราะคิกคัก “แขกกลับไปหมดแล้วจะแกล้งโง่ทำไมอีก ปู่ฉันก็ใช่ว่าจะไม่รู้สักหน่อย”


คำสุภาษิตบทกลอนกวียุคถังที่เธอรู้ทั้งหมดล้วนถูกสอนโดยอาจารย์เซียว จะโกหกใครก็โกหกได้แต่โกหกอาจารย์เซียวไม่ได้


เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ “งั้นเธอก็ยังจะจงใจยั่วโมโหปู่เธออีก?”


เซียวเซ่อแค่นเสียง “ใครให้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่รู้จักให้เกียรติแบบนั้นล่ะ หาใครไม่หาดันไปหาปีศาจจิ้งจอกที่หน้าตาคล้ายย่าฉัน แล้วยังเป็นคนสำส่อนแบบนั้นอีก ยั่วยวนคนอื่นไปทั่ว”


เหมยเหมยฟังก็ได้แต่แปลกใจเลยรีบถามว่าเกิดเรื่องอะไร เซียวเซ่อเองก็ไม่คิดปิดบังเธอเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังจนเหมยเหมยส่ายหน้ารัว ๆ


ที่แท้ตอนนั้นที่อาจารย์เซียวยอมแต่งงานกับหูเซียงหลันโดยไม่สนใจชื่อเสียงที่จะเสื่อมเสียสาเหตุหลัก ๆก็เพราะหูเซียงหลันหน้าตาคล้ายคลึงกับคุณย่าเซียวเซ่อ


แน่นอนว่าหนึ่งคนผิวขาวอีกหนึ่งคนผิวเหลือง ต่อให้เหมือนกันแค่ไหนแต่ก็คงได้แค่นั้น


แต่สำหรับอาจารย์เซียวที่คิดถึงสาวในดวงใจจนเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายนั้น เพราะในยุคสมัยที่ยังไม่เปิดกว้างขนาดนี้  การได้เจอหูเซียงหลันนั้นสร้างความสุขให้แก่เขาจนไม่อาจจะถอนตัวได้จากรักอันร้อนแรงของหูเซียงหลัน ไหนจะลูกชายหญิงคู่หนึ่งอีก นับว่าเป็นภรรยาหนึ่งในสี่คนที่ใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างเขายาวนานที่สุด


เรื่องนี้หูเซียงหลันไม่มีทางรู้อยู่แล้ว หากเธอรู้ว่าตนเป็นเพียงตัวแทนของอีกคนก็คงจะไม่ได้ใจอย่างตอนนี้!


เซียวจิ่งหมิงเรียนศิลปะเหมือนเซียวเซ่อย่อมดูออกตั้งแต่แรกถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างหูเซียงหลันกับคุณย่า เซียวเซ่อจึงรู้สึกรังเกียจและไม่เคยทำดีต่อหูเซียงหลันเลย


โดยสาเหตุหลักก็เป็นเพราะหูเซียงหลันไม่สำรวม ฝันอยากให้อาจารย์เซียวยกมรดกทั้งหมดให้ลูกชายลูกสาวของเธอ แล้วมากันท่าพวกเซียวเซ่อราวกับโจรอีก  ทั้งยังใส่ร้ายป้ายสีพวกเขาไปทั่ว


หากเธอไม่เป็นแบบนี้เซียวเซ่อก็ไม่มีทางทำถึงขนาดนี้หรอก!


ความเคารพนับถือที่เหมยเหมยมีต่ออาจารย์เซียวลดฮวบลงพลางกล่าว “คุณปู่เธอชั่วจริง ๆ!”


“นั่นน่ะสิ ผู้ชายไม่มีคนไหนดีสักคน ย่าฉันเป็นคนบอก” เซียวเซ่อเห็นด้วยจากใจ


เหมยเหมยแย้ง “ก็ยังพอมีคนดีอยู่ พ่อฉันแล้วก็พี่หมิงซุ่นก็เป็นคนดี เซ่อเซ่อ อนาคตเธอต้องเจอผู้ชายที่ดีกับเธอแน่ ๆ”


เซียวเซ่อกลอกตาใส่เธอพร้อมทำหน้าเหมือนจะคัดค้าน


ทั้งคู่ที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูก็พบกับเหมยซูหานที่เดินปรี่เข้ามา แต่ข้างกายเขากลับไม่ได้มีอู่เยวี่ยอยู่ด้วย มีเพียงเขาคนเดียว ทำให้เหมยเหมยที่เพิ่งก้าวขาออกจากประตูโดนขวางทางไว้ทันที


“เหมยเหมย…”


“เหมยซูหาน ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายจริง ๆ นายเดินไปตามทางของนาย ฉันก็ไปตามทางของฉัน เราต่างไม่ได้เดินบนทางเส้นเดียวกัน”


เหมยเหมยตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาและหันหน้าเดินขึ้นรถกับเซียวเซ่ออย่างไร้เยื่อใยก่อนที่รถจะพุ่งตัวออกไป


เหมยซูหานยืนมองรถค่อย ๆ หายไปจากสายตานิ่ง ๆ แล้วลอบถอนหายใจเงียบ ๆโดยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดี


เขาไม่อยากกลับไปที่นั่น และยิ่งไม่อยากเจอคนที่ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนใจ


แต่เขาจำเป็นที่จะต้องกลับไปเพราะชีวิตของเขากับอู่เยวี่ยอยู่ในกำมือของผู้ชายคนนั้น แล้วก็เหมยเหมย…


หลังจากใช้เวลาอยู่กับชายคนนี้มาตั้งหลายวัน เหมยซูหานก็รู้เป้าหมายของเฮ่อเหลียนเช่อได้ในที่สุด และยังรู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลจ้าวนั้นกำลังร่อแร่ แค่ปู่ของเหมยเหมยล้ม ตระกูลที่แสนจะเฉิดฉายอย่างตระกูลจ้าวก็จะดับลงโดยทันที


ส่วนเหมยเหมยของเขา เป็นไปได้ว่า…


เหมยซูหานไม่กล้าคิดต่อ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันพอประเทศชาติล่มสลายครอบครัวแตกหัก เหล่าหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยต่อให้เป็นถึงเจ้าหญิงจะมีสักกี่คนที่มีจุดจบที่ดีกัน?


ไม่ได้ เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้!


เขาจะต้องปกป้องเหมยเหมย!


เฮ่อเหลียนเช่อคือทางลัดของเขา เพื่อเหมยเหมยเขาก็ต้องอยู่ข้างเจ้าโรคจิตคนนี้ต่อไป


……………………..


ตอนที่ 916 ยุให้รำ ตำให้รั่ว


อู่เยวี่ยกลับไปยังที่พักอย่างซึม ๆ เธอกับเหมยซูหานพักที่โรงแรมได้ไม่นานก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตสุดหรูหรา ซึ่งเป็นบ้านของผู้ชายที่แสนน่ากลัวคนนั้น มิหนำซ้ำเขายังส่งสามีภรรยาคู่หนึ่งมาดูแลเหมยซูหาน


เธอรู้สึกกระหายน้ำเลยไปหยิบน้ำเย็นในตู้เย็น เธอไม่กล้าชี้นิ้วสั่งสามีภรรยาคู่นั้นสักนิดเพราะสามีภรรยาคู่นั้นไม่ได้สนใจเธอ ทางที่ดีเธออย่าหาเรื่องดีกว่า


น้ำที่เย็นเข้ากระดูกก็ไม่สามารถดับไฟที่สุมอยู่ในอกของเธอได้


เหมยซูหานให้เธอกลับมาก่อน แต่ตัวเองกลับอยู่ต่อที่บ้านตระกูลเซียวเพียงเพราะอยากรื้อฟื้นความหลังกับนางแพศยาจ้าวเหมยนั่น!


จ้าวเหมย…


อู่เยวี่ยกัดฟันพึมพำชื่อนี้ด้วยความคับแค้นใจ


“ดอกเหมยน้อยกลับมาหรือยัง?” เสียงชายหนุ่มดังแว่วมาจากข้างนอกทำให้อู่เยวี่ยสะดุ้งเฮือก รีบลุกยืนก้มหน้าลง


เฮ่อเหลียนเช่อเดินเข้ามาเห็นอู่เยวี่ยเพียงคนเดียวก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ


แต่พอเขาได้เห็นอู่เยวี่ยที่ผ่านการขัดสีฉวีวรรณ ดวงตาก็ฉายแววสนอกสนใจขึ้นมา นี่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงครึ่งเดือนยัยบ้านนอกคนนี้ก็เปลี่ยนโฉมไปจากเดิม ดูทันสมัยขึ้นทันตา


ก็มีศักยภาพมากอยู่นี่นา!


หากเป็นตอนปกติเฮ่อเหลียนเช่ออาจจะสนใจในตัวอู่เยวี่ยอยู่บ้าง  แต่ในตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่กับแค่เหมยซูหาน ไม่คิดจะสนใจคนธรรมดาอื่น ๆอีก


เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ไม่เข้าใจ เดิมทีก็แค่อยากลองเปลี่ยนรสนิยมจึงเรียกเหมยซูหานมาเล่นสนุกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับโดนเจ้าดอกเหมยน้อยนี้ขโมยหัวใจไปแล้ว


ทั้งที่เหมยซูหานโตไปหน่อยและก็ไม่ได้หน้าตาดีที่สุดในบรรดาคนที่เขาเคยสนุกด้วยกันมา อีกทั้งจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยได้สัมผัสแม้กระทั้งมือด้วยซ้ำอย่าไปพูดถึงเรื่องอื่นเลย บอกตามตรงแม้แต่ตัวเขายังไม่อยากจะเชื่อที่เขาอดทนไม่ย่ำยีดอกเหมยน้อยที่เขาทั้งรักทั้งชัง


ก็เขาไม่อยากเห็นเหมยซูหานโกรธนี่นา!


เขากัดฟันแน่นด้วยความหมั่นไส้  ทุกครั้งที่เหมยซูหานเสแสร้งทำดีกับเขาหน่อยเขาจะดีใจเป็นอย่างมาก แค่ได้คุยกับเขาสักหน่อย ในหัวก็ไม่มีความคิดอื่น


หาเรื่องจริง ๆ!


แต่เขาก็ยังชอบอยู่ดี…


“ทำไมเหมยซูหานยังไม่กลับมา?”


เฮ่อเหลียนเช่อเดินมานั่งลงนิ่ง ๆ พลางมองอู่เยวี่ยที่ยืนก้มหน้าอย่างไม่สบอารมณ์


หากไม่ใช่เพราะกลัวเหมยซูหานโกรธเขาต้องไล่อู่เยวี่ยออกไปแน่ ๆ มีแค่เขากับดอกเหมยน้อยอยู่ด้วยกันดีจะตายไป


อู่เยวี่ยรู้สึกได้ถึงสายตาที่เริ่มเย็นยะเยือกขึ้นมาของเฮ่อเหลียนเช่อก็ตัวสั่นระริก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ


เธอรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบตัวเอง ฉะนั้นต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อเธอไม่กล้าแม้แต่จะคุยกับเหมยซูหาน และนั่นทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกิน นอกจากเธอต้องคอยกันพวกผู้หญิงแล้วยังต้องมากันผู้ชายอีกด้วย


เธอไม่เข้าใจจริง ๆ เฮ่อเหลียนเช่อหาผู้หญิงได้ทุกแบบ แล้วทำไมต้องมาแย่งเหมยซูหานกับเธอ?


อีกทั้งยังขี้หึงขนาดนี้อีก!


อู่เยวี่ยลอบมองเฮ่อเหลียนเช่อที่ตีหน้านิ่งแวบหนึ่งก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น แล้วพูดอย่างใจกล้าว่า “พี่ซูหาน…เอ่อ…” สายตาเฮ่อเหลียนเช่อเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิมจนอู่เยวี่ยรีบแก้คำ “เหมยซูหานไปเจอเพื่อนสนิทคนเก่า เป็นเด็กผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เหมยซูหานปฏิบัติกับเด็กผู้หญิงคนนี้พิเศษกว่าคนอื่น เธอชื่อจ้าวเหมย เมื่อก่อน…”


อู่เยวี่ยยิ่งเล่าก็ยิ่งลื่นไหลและแต่งเติมเรื่องให้เกินจริงไปมาก บอกว่าเหมยซูหานกับจ้าวเหมยต่างรักกันและความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งกว่าคู่รัก ที่เหมยซูหานไม่ยอมกลับมาก็เพราะมัวแต่ไปพลอดรักกับจ้าวเหมย


เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินดังนั้นจะไม่โกรธได้อย่างไร ความเยือกเย็นในแววตาเปรียบดังมีดเล่มคมที่กำลังทะลุทะลวงตัวอู่เยวี่ยไป


………………………


 ตอนที่ 917 ดอกเหมยน้อย


“เธอไม่ได้คิดอย่างอื่นกับเหมยซูหานเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเย็น


อู่เยวี่ยขนหัวลุกรีบส่ายศีรษะพูดคำที่ตรงข้ามกับความคิดในใจ “ไม่ ไม่แน่นอน คุณชายเช่อวางใจได้ เหมยซูหานดูแลฉันเพราะเห็นแก่พ่อของฉันเท่านั้น คนที่เขาชอบจริง ๆคือจ้าวเหมย”


ขอแค่เฮ่อเหลียนเช่อเชื่อคำของเธอ ด้วยความขี้หึงของเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องไปจัดการนางแพศยาจ้าวเหมยนั่นแน่!


ถึงตอนนั้นจ้าวเหมยอยากจะขอไว้ชีวิต อยากจะขอความตายก็คงไม่ได้อะไรมาทั้งนั้น  ดูสิว่าเธอจะยังมายั่วพี่ซูหานได้อย่างไรอีก!


เฮ่อเหลียนเช่อทำสีหน้ายากจะคาดเดาความคิด เขาไม่มีทางเชื่ออู่เยวี่ยอยู่แล้ว คุณชายเช่ออย่างเขาจะถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆมาจูงจมูกได้หรือ เขาต้องไปสืบหาความจริง


หากเขาสืบได้ว่าคนที่เหมยซูหานชอบจริง ๆคือจ้าวเหมย หึ ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำลายจ้าวเหมยให้สิ้นซาก!


ใครก็อย่าหวังจะแย่งของของเขาไปได้!


“ขึ้นไปอยู่ข้างบน ไม่มีอะไรก็อย่าลงมาเตร็ดเตร่ข้างล่าง”


เฮ่อเหลียนเช่อพูดด้วยความหงุดหงิด ต่อให้อู่เยวี่ยไม่ใช่คนในใจของเหมยซูหาน  แต่เขาก็รำคาญทุกครั้งที่เห็น อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ทันความคิดของอู่เยวี่ย


เหอะ คิดว่าจะปิดบังเขาได้งั้นเหรอ?


อู่เยวี่ยที่เหมือนได้รับการปลดปล่อยขึ้นไปชั้นบนอย่างหวาดระแวง เมื่อพ้นจากสายตาของเฮ่อเหลียนเช่อเธอถึงถอนหายใจยาว กลางฤดูร้อนอบอ้าวแบบนี้เธอกลับรู้สึกเย็นยะเยือกเหมือนอยู่กลางเดือนสิบสอง


เฮ่อเหลียนเช่อคงเชื่อคำพูดของเธอสินะ?


เขาจะทำอย่างไรกับจ้าวเหมย?


อยากเห็นจุดจบของนางแพศยานั่นจริง ๆ!


“ดอกเหมยน้อยกลับมาแล้วเหรอ? ร้อนมั้ย? มาดื่มน้ำแตงโมสักแก้วสิ…”


เสียงของเฮ่อเหลียนเช่อดังแว่วมาจากชั้นล่าง เป็นเสียงที่ถามด้วยความเป็นห่วงราวกับก้อนน้ำแข็งถูกหลอมละลายก่อนที่จะกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ น้ำเสียงช่างต่างจากที่พูดกับเธออย่างสิ้นเชิง


อู่เยวี่ยอดลูบแขนไม่ได้ อีกทั้งยังรู้สึกคลื่นไส้แต่ก็ไม่ได้ตรงกลับไปที่ห้องเพราะต่อให้รู้สึกคลื่นไส้ขนาดไหนเธอก็จะแอบฟัง เธออยากรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อได้ทำอะไรกับเหมยซูหานหรือเปล่า


“เธอมาทำอะไรที่นี่?”


ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบเดินหน้านิ่งเข้ามา สายตาที่มองเธอไร้แววตาเหมือนกำลังมองร่างคนไร้วิญญาณอยู่


อู่เยวี่ยสะดุ้งตกใจอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ คิดจะแก้ตัวแต่กลับพูดไม่ออกสักประโยคเดียว รีบกระเสือกกระสนหนีไปภายใต้สายตาอันเย็นชาของผู้ชายคนนี้


เฮ่อเหลียนเช่อเพิ่งยื่นน้ำแตงโมแก้วหนึ่งให้กับเหมยซูหาน ในเวลาเดียวกันผู้ชายคนนั้นก็เดินมากระซิบข้างหูของเขาไม่กี่ประโยค เฮ่อเหลียนเช่อกระตุกยิ้มที่มุมปากมองขึ้นไปชั้นบนแวบหนึ่งอย่างเย้ยหยัน


“ดอกเหมยน้อย…”


“อย่าเรียกฉันว่าดอกเหมยน้อย เรียกชื่อของฉัน”


เหมยซูหานขมวดคิ้วแน่นและพูดขัดเฮ่อเหลียนเช่อ แต่กลับยื่นมือรับน้ำแตงโมซึ่งทำให้เฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังจะโกรธยิ้มแฉ่งออกมาด้วยความดีใจในทันที


เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ดอกเหมยน้อยรับของกินจากมือของเขา!


คำโบราณว่าไว้ไม่มีผิดจริง ๆ ความจริงใจจะทำลายทุกสิ่ง น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน ต่อให้เหมยซูหานใจแข็งราวกับหินแล้วจะอย่างไรล่ะ?


สักวันหนึ่งเขาจะให้เหมยซูหานยอมนอนอยู่ใต้ร่างของเขาด้วยตัวเอง และยอมตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักของเขา!


“ไม่เรียกก็ไม่เรียก งั้นฉันเรียกเธอว่าซูหานดีไหม?”


สำหรับเหมยซูหานแล้วอารมณ์ของเฮ่อเหลียนเช่อช่างแปลกประหลาด ลูกน้องของเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคุณชายเช่อที่เล่นสนุกมาสิบกว่าปี ปกติไม่เคยทำหน้าดี ๆให้ใคร เวลาอารมณ์เสียยังเคยฆ่าคนมาแล้ว


แต่ในตอนนี้กลับโดนกำราบโดย ‘ผู้ชายแก่’ ที่ไม่นับว่าสดใหม่หรืออ่อนกว่าใด ๆ


เทียบกับผู้ชายที่เฮ่อเหลียนเช่อเคยเล่นมานั้นเหมยซูหานนับได้ว่าเป็นผู้ชายที่แก่แล้วจริง ๆ!


ถึงแม้คำว่าซูหานจะยังทำให้เหมยซูหานรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง  แต่ก็ยังดีกว่าดอกเหมยน้อยนั่นมาก เหมยซูหานจึงไม่ได้คัดค้าน สีหน้าก็ผ่อนคลายลงขึ้นมาก หายากมากที่ทั้งคู่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข


ตอนที่ 918 เศษเสี้ยวของความทรงจำ


เหมยซูหานคิดดูแล้วว่าจริง ๆในตอนนี้ต่อให้เขาหนีก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของเฮ่อเหลียนเช่อ หากเขายังแสดงอาการไม่ดีใส่ผู้ชายคนนี้ แล้วถ้าหากเฮ่อเหลียนเช่อหมดความอดทนเมื่อไรนั่นอาจจะไม่ใช่ผลดีสำหรับเขาแน่ ๆ


ในเมื่อหนีไม่พ้น ถ้าอย่างนั้นสู้ให้เขาคอยอยู่สังเกตการณ์ข้าง ๆเฮ่อเหลียนเช่อเลยยังดีกว่า


เชื่อว่าจากเศษเสี้ยวความทรงจำที่ปรากฏในฝันของเขานั้น เขาสามารถทำให้เฮ่อเหลียนเช่อไม่บังคับฝืนใจเขาได้


ต่อให้ตัวเขายังไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดแต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องลอง นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของเขา ไม่แน่เขาอาจจะแข็งแกร่งขึ้นก็ได้!


เหมยซูหานพยายามย้อนคิดถึงเศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านั้น ตามวันเวลาที่ผ่านไปเขาเริ่มนึกบางสิ่งบางอย่างของชาติที่แล้วได้บ้างเป็นครั้งคราว ช่วงนี้สิ่งที่ปรากฏล้วนเป็นหนังสือจิตวิทยา เขาอ่านมันทุกหน้าอย่างละเอียดและมีการบันทึกโน้ตไว้


ชาติที่แล้วเขาอ่านหนังสือจิตวิทยาชื่อดังของต่างประเทศมากมาย เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้ ณ ตอนนี้กลายเป็นคลังความรู้ของเขา ขอแค่เขาย้อนนึกดี ๆก็จะได้ความรู้ทุกอย่างกลับคืนมาโดยไม่มีข้อผิดพลาด


สำหรับอาการป่วยของคนประเภทเฮ่อเหลียนเช่อนั้นก็เคยถูกพูดถึงในหนังสือ เป็นอาการที่จิตปฏิเสธตัวตนและปฏิเสธสังคม ทำทุกอย่างที่อยากทำตามอำเภอใจ


ถึงแม้คนประเภทนี้ดูเหมือนจะใจกล้าไร้ขอบเขตและไม่มีท่าทีสนใจต่อใครหรือสิ่งใด แต่ในความเป็นจริงในหัวใจของพวกเขาล้วนมีปมในชีวิต หรือเรียกได้ว่าเป็นจุดที่อ่อนโยนที่สุด


ขอแค่เขาจัดการกับจุดอ่อนจุดนี้ของเฮ่อเหลียนเช่อได้ เฮ่อเหลียนเช่อก็จะต้องเชื่อฟังเขา


เหมยซูหานได้คิดถึงแผนการต่อไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้ว่านี่เป็นขั้นตอนที่ยาวนานและแสนจะเจ็บปวด แต่เขาจะต้องเข้มแข็งเพราะเขาอยากมีชีวิตที่ดี และอีกอย่างเขาก็อยากให้เหมยเหมยยังมีชีวิตต่อไป


“ฉันอยากให้อู่เยวี่ยกลับเมืองจิน ช่วยจัดการให้ทีได้ไหม?” เหมยซูหานแอบให้กำลังใจตัวเองพลางใช้น้ำเสียงปกติคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อ


เฮ่อเหลียนเช่อชะงักไปก่อนที่จะรู้สึกดีใจตามมาแล้วพยักหน้าตอบรับรัว ๆ “ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน้อย ฉันจะสั่งให้คนจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้ เดินทางได้ในวันพรุ่งนี้เลย”


และแล้ววันนี้ก็มาได้อย่างคุ้มค่าจริง ๆ!


ดอกเหมยน้อยของเขาคิดได้แล้วหรือนี่?


นอกจากจะทำตัวอ่อนโยนนุ่มนวลกับเขาแล้ว  ยังเป็นคนเสนอให้ส่งตัวอู่เยวี่ยที่น่ารำคาญกลับไปก่อน ฮ่า ๆไม่เลว เลย  เขาต้องสู้ต่อไปเพื่อให้ดอกเหมยน้อยโผเข้าหาอยู่ในอ้อมกอดด้วยตัวเองถึงจะดี!


เฮ่อเหลียนเช่อจินตนาการอย่างมีความสุข จู่ ๆเขาก็รู้สึกว่าการได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ตัวเองชอบโดยไม่ต้องทำสิ่งที่มักจะกันทำบ่อย ๆ เอาเข้าจริงแค่ได้คุยกันเฉย ๆก็ดีเหมือนกัน!


เหมยซูหานดื่มน้ำแตงโมไปก็แอบสังเกตเฮ่อเหลียนเช่อไป บางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ดีสินะ สีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อถึงดูผ่อนคลายมากไม่ได้เย็นยะเยือกเฉกเช่นปกติ แถมยังแฝงความอบอุ่นอยู่บ้างเล็กน้อย


ความจริงเฮ่อเหลียนเช่อที่ไม่ตีหน้านิ่งก็ดูสบายตาดี…


วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยก็ได้ข่าวว่าอู่เยวี่ยไปที่สนามบินโดยมีเหมยซูหานเป็นคนไปส่ง แต่เหมยซูหานไม่ได้ขึ้นเครื่อง มีเพียงอู่เยวี่ยที่กลับไปเพียงลำพัง


เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เหมยซูหานมาเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงก็ต้องอยู่ต่อ อู่เยวี่ยก็ไม่ใช่คนที่นี่สักหน่อย อย่างไรเสียเธอก็ต้องกลับเมืองจินอยู่แล้ว เพียงแต่แค่กลับเร็วไปหน่อยก็เท่านั้น


ถึงเหมยเหมยจะแปลกใจแต่ก็ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องพวกนี้ หลายวันมานี้เธอกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่!


เดิมทีเธออยากให้ลุงเฉินช่วยหาเรือนสี่ประสาน แต่พอเหยียนหมิงซุ่นรู้ก็ให้ลูกน้องของเขาช่วยตามหา คนพวกนี้ทำงานมีประสิทธิภาพ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันก็หาได้ตั้งหลายหลัง มีทั้งเล็กทั้งใหญ่มากกว่าสิบหลัง


เรือนสี่ประสานพวกนี้มีแค่สองหลังที่อยู่ในเขตเมืองนอกนั้นอยู่แถบชานเมือง ตอนนี้อาจจะดูไกลหน่อยแต่หากผ่านไปสักยี่สิบปี เมืองหลวงขยายเขตไปไกลถึงวงแหวนที่ห้าที่หกก็นับว่าอยู่เขตในเมืองแล้ว


บ้านราคาทองทั้งนั้น!


…………………


ตอนที่ 919 หนอนบุ้งกับกุนเชียง


“เอาหมดเลย!”


เหมยเหมยตบมือตกลงซื้อบ้านทั้งหมดตามสไตล์คนมีเงิน


“พรวด”


เซียวเซ่อที่กำลังดื่มน้ำแตงโมอยู่ไม่ทันปิดปาก ทำน้ำพุ่งใส่ตัวสยงมู่มู่ที่อยู่ข้างเธอจนเปียกชุ่ม ทำเอาสยงมู่มู่กระโดดลุกพรวดด้วยความโมโห


“เซียวเซ่อเธอจงใจใช่ไหม? เธอจะพ่นน้ำทำไมไม่พ่นไปตรง ๆ? ทำไมต้องโค้งกลับมาพ่นใส่ตัวฉันด้วย!”


สยงมู่มู่มองน้ำแตงโมบนตัวบนมืออย่างรังเกียจ สีแดงเหมือนสีเลือด แล้วยังเคยอยู่ในปากของปีศาจที่ไม่รู้ว่าเพศชายหรือเพศหญิงนี่อีก สยงมู่มู่โวยวายอย่างบ้าคลั่ง


แม้เซียวเซ่อรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดแต่ก็ทำท่าทางเหมือนว่า ‘สมน้ำหน้า’ แถมยังเถียงคอเป็นเอ็น “ข้างหน้าคือเหมยเหมย ฝั่งซ้ายคือเจ้าอ้วนน้อย ถ้าฉันไม่พ่นใส่ฝั่งขวาจะให้พ่นใส่ทางไหน? ใครให้นายมานั่งฝั่งขวาฉันล่ะ!”


สยงมู่มู่โกรธจนแทบกระอักเลือด เขากลอกตาใส่ไปทีแล้วหยิบน้ำแตงโมที่ดื่มไปแล้วครึ่งแก้วอมไว้ในปากคำโต สบโอกาสที่เซียวเซ่อไม่ทันระวังก็พ่นใส่เธอ


“ใครให้เธอมานั่งฝั่งซ้ายฉันล่ะ…”


สยงมู่มู่เองก็ทำหน้าราวกับสมน้ำหน้า น้ำแตงโมบนตัวเซียวเซ่อมีมากกว่าเขาจนเลอะไปถึงผม


“อา…สยงมู่มู่นายตายแน่…”


“…มาสิ…แน่จริงก็มาจับฉันสิ…ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว…อ๊าก…นี่เธอยังใช่ผู้หญิงอยู่ไหมเนี่ย ฉันถอดเสื้อผ้าแล้ว เธอโรคจิตหรือไง…รีบออกไปสิ…”


เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่มัวแต่วิ่งไล่จับกันอย่างไม่มีใครยอมใคร โดยไม่ทันระวังเซียวเซ่อก็ตามไปจนถึงห้องอาบน้ำ


“ตะโกนอะไร…อีกอย่างของนายที่เล็กยิ่งกว่าหนอนบุ้ง ให้ดูฟรี ๆฉันก็ไม่อยากดูหรอก เหอะ…”


เซียวเซ่อกอดอกมองท่อนบนที่เปลือยเปล่าและขาวราวกับไก่ต้มของสยงมู่มู่ด้วยมาดเท่ ๆ ดวงตากลับจ้องที่กึ่งกลางลำตัวของเขาพลางทำหน้ารังเกียจ


สยงมู่มู่จึงเปลี่ยนจากความอายเป็นความโกรธ  และโมโหตามมา…


ความโกรธมักทำให้คนเสียสติได้ง่ายโดยเฉพาะกับคนสองคนที่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่างคนอัจฉริยะกับคนโง่ อย่างพวกอัจฉริยะด้านความรู้แต่เป็นคนโง่ด้านความรัก  อารมณ์ผลีผลามมักจะทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในอารมณ์ชั่ววูบ


สยงมู่มู่ที่ถูกเซียวเซ่อยั่วโมโหเข้า ต่อให้ตายก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ ภายใต้ความโกรธเขาจึงปลดกระดุมกางเกง…แล้วถอด…


“ลืมตาดูให้ดี ของฉันใหญ่กว่าหนอนบุ้งใช่ไหมล่ะ?” เสียงตะคอกอย่างได้ใจเรียกให้เหมยเหมยกับเจ้าอ้วนน้อยที่อยู่ห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แล้วต่างมองหน้ากัน


นี่มันเรื่องอะไร?


อะไรที่ใหญ่กว่าหนอนบุ้ง?


เหมยเหมยเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ คงไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ?


สองคนนี้เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?


เซียวเซ่อจะรู้ได้อย่างไรว่าสยงมู่มู่จะถอดกางเกงจริง ๆ จนเธอเห็นทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง อีกทั้งดวงตาที่ผ่านการฝึกวาดรูปมาของเธอนั้นก็เริ่มวาดรูปร่างในหัวได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่คลาดเคลื่อนเลยสักนิดเดียว


แน่นอน…ว่าต้อง…ใหญ่กว่าหนอนบุ้งอยู่มาก…


ทำให้เธอต้องทึ่งกับสิ่งที่เห็น…


ไก่อ่อนตัวนี้ก็รูปร่างดีเหมือนกันนี่!


เซียวเซ่อเหลือบมองนิ่ง ๆด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ก็แค่นั้นแหละ ดีกว่าหนอนบุ้งนิดหน่อย…”


พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไปข้างนอกอย่างไร้อารมณ์ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นปลายหูที่กำลังแดงเถือกของเธอ


สยงมู่มู่ที่เพิ่งรู้สึกตัวทีหลังก็เริ่มเขินอาย เขาดึงกางเกงขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วตะคอกเสียงดังปานใจจะขาด “จะยังไงก็ดีกว่าทอมบอยอย่างเธอ ข้างหน้าแบนราบ เจ้าอ้วนยังดูมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าเธอด้วยซ้ำ…”


เจ้าอ้วนน้อยที่อยู่ ๆก็โดนพาดพิงตัวสะท้าน จากนั้นก็นึกโกรธแล้วพูดเสียงค้านไปยังทิศทางของห้องอาบน้ำ “สยงมู่มู่นายกับเซียวเซ่อหยอกเอินกันทำไมต้องลากฉันไปเกี่ยวด้วย? เดี๋ยวฉันจะโกรธแล้วนะ!”


“ใครหยอกเอินกับเจ้าทอมบอยนั่น? ฉันไม่ได้ตาบอดสมองเสื่อมสักหน่อย!” สยงมู่มู่รู้สึกโดนหยามอย่างถึงที่สุด


เซียวเซ่อที่เดินไปถึงครึ่งทางก็ย้อนกลับมาถีบประตูห้องอาบน้ำออก พลางพูดเสียงเย็นชาใส่หนุ่มรูปงามที่ใบหน้าบูดบึ้งประโยคหนึ่ง “กุนเชียงอย่างนาย ฉันมาหานายแล้วต่างจากคู่รักเลสเบี้ยนยังไง?”


ตอนที่ 920 รักกันเข่นฆ่ากัน


เหมยเหมยกับเจ้าอ้วนน้อยที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เซียวเซ่อช่างปากคอเราะราย  แถมยังมีพลังทำลายล้างยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูเสียอีก!


สยงมู่มู่ที่เขินปนโกรธรีบอาบน้ำจนเสร็จแล้ววิ่งออกมาทั้งที่ผมยังเปียกชุ่มน้ำหยดติ๋ง ๆลงบนพื้น เขาชี้ไปที่เซียวเซ่อที่นั่งดื่มน้ำแตงโมเงียบ ๆพลางตะคอกใส่ “กระดานซักผ้าอย่างเธอ ฉันคบกับเธอก็ไม่ต่างอะไรจากคู่รักเกย์เลยสักนิด!”


“งั้นวันหน้านายก็รักษาปณิธานนี้ไว้หน่อยนะ ถึงตอนนั้นอย่ามาหลงเสน่ห์ฉันเข้าล่ะ!”


เซียวเซ่อดื่มน้ำแตงโมรวดเดียวจนหมดแล้วเชิดปลายคางอย่างเย่อหยิ่ง ยกนิ้วก้อยใส่สยงมู่มู่ก่อนจะเดินไปอาบน้ำอย่างเท่!


ผ่านไปพักใหญ่สยงมู่มู่ถึงเข้าใจความหมายของเซียวเซ่อ อารมณ์โกรธพุ่งสูงจนกลายเป็นเสียงหัวเราะ “ฉันจะไร้สติไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่เหมือนผู้ชายเนี่ยนะ? ฉันสมองไม่ดีหรือตาบอดหรือไง?”


เขาคิด ๆดูแล้วยังไม่สะใจเลยตะโกนตามหลังเซียวเซ่อไป “ต่อให้โลกนี้เหลือแค่เราสองคน ฉันก็จะยอมบวชเป็นพระไม่มีวันไปหาทอมบอยอย่างเธอ!”


เซียวเซ่อชะงักกัดฟันกรอดแล้วหยิบส้มลูกสีเขียวบนโต๊ะเตี้ยข้าง ๆโยนใส่ตัวสยงมู่มู่เพื่อปิดปาก


“ถ้าโหวกเหวกโวยวายอีก ฉันจะทำลายกุนเชียงเล็กของนาย แล้วก็ส่งนายไปเป็นขันที!”


สยงมู่มู่เอามือปิดเป้าตามสัญชาตญาณ  เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง


อยู่ที่นี่นานไม่ได้!


ถ้าอยู่ต่อไปตระกูลสยงจะไม่เหลือทายาทให้สืบสกุลแน่!


เหมยเหมยมองคู่รักคู่กัดตรงหน้าอย่างนึกสนุก รักกันไปเข่นฆ่ากันไป ออร่าความรักกระจายเชียว!


ดูอย่างไรก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ!


หากจับคู่สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อได้ ในอนาคตสยงมู่มู่ก็ไม่มีทางไปชอบผู้ชายแล้ว!


เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งถูกใจ ถึงสยงมู่มู่จะใจแคบไปหน่อยอารมณ์ก็ประหลาดไปนิด แต่กลับเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง จะว่าไปเซียวเซ่อก็มีนิสัยเดียวกันเลยนี่นา ทั้งสองคนวัน ๆก็เอาแต่เปิดสงครามน้ำลาย ไม่มีใครยอมใครแต่ความจริงก็ต้องมีความผูกพันกันบ้างแหละ!


ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่มาหาเรื่องเธอหรือเจ้าอ้วนน้อยล่ะ!


“เหมยเหมย เธอจะซื้อบ้านพวกนี้หมดเลยเหรอ? ต้องใช้เงินเท่าไหร่เนี่ย!” เจ้าอ้วนน้อยคำนวณเงินในใจอยู่นานก็ผวากับตัวเลขมหาศาลที่คำนวณได้


โอ้แม่เจ้า เงินมากมายขนาดนี้เขาต้องเขียนกี่บทความกัน?


กลัวก็แต่เขียนจนแก่ก็หาไม่ได้เท่านี้น่ะสิ?


เหมยเหมยคำนวณมาแล้ว บวกกันทั้งหมดน่าจะหกแสนกว่าหยวน ในมือเธอมีเพียงหมื่นกว่าหยวนแต่เหยียนหมิงซุ่นต้องมีแน่ ๆ ตอนเที่ยงจะลองโทรไปปรึกษาเรื่องนี้กับเหยียนหมิงซุ่นดู


ตอนนี้อาจจะดูจะแพงไปเสียหน่อยแต่ในอนาคตต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้แล้ว!


คุ้มค่ายิ่งกว่าอะไร!


“ฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น แต่พี่หมิงซุ่นมี ฉันจะซื้อพร้อมกับเขา” เหมยเหมยอธิบาย คิด ๆแล้วเธอก็พูดเสริม “เสี่ยวเชาฉันจะบอกนายให้นะ อนาคตถ้านายมีเงินเหลือต้องซื้อบ้าน ห้ามเก็บเงินไว้ในธนาคาร ยิ่งเก็บก็ยิ่งจน”


เจ้าอ้วนน้อยเขียนไปอีกหลายบทความ ซึ่งมีบทความทั่วไปบ้างมีนิทานสำหรับเด็กบ้าง เขาส่งไปทั้งที่สำนักพิมพ์และนิตยสาร บางทีเขาอาจจะเกิดมาเพื่องานสายนี้โดยเฉพาะจริง ๆ อย่างน้อยก็มีแค่เพียงหนึ่งบทความที่ถูกตีกลับมา ส่วนบทความฉบับอื่นก็ถูกรับไว้หมด แค่เงินค่าต้นฉบับก็จำนวนไม่น้อยแล้ว!


อู่เชาพยักหน้ารับอย่างงง ๆ แม้จะรู้สึกว่าการซื้อบ้านเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากเขามากแต่เขาก็จดจำคำพูดของเหมยเหมยได้ขึ้นใจ


จึงเป็นเหตุผลที่ในอีกหลายปีให้หลังเมื่อเจ้าอ้วนน้อยดูโฉนดที่เป็นชื่อของตัวเองด้วยความพึงพอใจ เขาก็บอกได้แค่เพียงว่าขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเหมยเหมยมาในชีวิตเขา!


ส่วนสูงอาจจะไม่มากพอแต่ก็มีเงิน มีโฉนดบ้านในมือหลายหลัง เจ้าอ้วนน้อยที่แต่เดิมไม่มีความมั่นใจเท่าไรก็มีเสน่ห์ของลูกผู้ชายแผ่ออร่าสีทองกระจายออกมา  จนข้างกายของเขาไม่เคยขาดสาวงาม…


……………………….


 ตอนที่ 921 ฝันลามกที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่


ตอนที่เหยียนหมิงซุ่นรับสายโทรศัพท์ของเหมยเหมย  เหงื่อไหลไคลย้อยจนทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ


เมื่อก่อนเขาคิดมาตลอดว่าร่างกายของเขาแข็งแรงดีมาก แต่พอมาที่ศูนย์ฝึกถึงได้ค้นพบว่าที่นี่มีแต่พวกสัตว์ประหลาด ไม่ใช่คนสักนิด


พวกเขาสามารถทำทุกอย่างที่เกินขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย  ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของเขาเอง ตีเขาให้ตายก็ไม่เชื่อ ไหนจะกล้ามเนื้อของคนพวกนี้ที่แข็งเหมือนหินแกรนิตเสียอย่างนั้น ถ้าได้ระเบิดพลังขึ้นมาคงน่ากลัวไม่เบา


เวลานี้เหยียนหมิงซุ่นถึงเพิ่งรู้ว่าเหนือมนุษย์ยังมียอดมนุษย์ เหนือฟ้ายังมีฟ้าก็คราวนี้ ความหยิ่งยโสของเขาในตอนนี้โดนทุบจนกลายเป็นผงปลิวหายไปกับสายลม ทุกวันสามารถทำได้แค่เพียง ——


ฝึกซ้อม… ฝึกซ้อม…แล้วก็ฝึกซ้อม…


“พี่หมิงซุ่น…”


พอได้ยินเสียงใส ๆหวานจับใจในโทรศัพท์ ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียของเหยียนหมิงซุ่นก็หายไปในชั่วพริบตา


“เหมยเหมย คิดถึงพี่ใช่ไหม?” เขายิ้มและหยอกล้อแฟนสาวตัวน้อยของเขา ไม่ได้สนใจครูฝึกทหารที่ทำหน้าเย็นชาอยู่ข้างกายแม้แต่น้อย


“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวันแล้ว ขนาดฝันยังฝันถึงเลย แล้วพี่ล่ะคิดถึงฉันไหม?” เหมยเหมยกอดโทรศัพท์เอาไว้พูดเสียงเล็กเสียงน้อย ทำเอาคนที่หยุดอยู่ด้านหลังต่างก็หูผึ่ง ทุกคนต่างทำหูยืดหูยาว ถ้ากระชากโทรศัพท์มาได้สิดี!


“คิดถึงสิ เมื่อคืนฝันถึงเหมยเหมยด้วยนะ”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ปิดบังความคิดถึงที่มีต่อเหมยเหมยเลยแม้แต่น้อย


เมื่อคืนเขาฝันถึงเจ้าหญิงน้อยของเขาจริง ๆ อีกทั้งในฝันยังทำเรื่องที่ไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูดได้อีกต่างหาก จนต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำกลางดึกและโดนครูฝึกทหารพบเข้า…


ผลลัพธ์ก็คือวันนี้ครูฝึกทหารจึงเพิ่มการฝึกของเขาเข้าไปอีก เหตุผลก็คือ ——


ยังมีแรงไปฝันลามกแบบนั้น ชี้ให้เห็นว่ายังฝึกซ้อมไม่โหดพอ ต้องเพิ่มเข้าไปอีก!


เหยียนหมิงซุ่นแอบถามคนที่ฝึกซ้อมด้วยกันว่า ระดับไหนถึงเรียกว่าโหด คำตอบของคนพวกนี้ทำให้เขาตัวเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้า ——


อะไรแค่ไหนถึงเรียกว่าโหด?


ทำให้นายเหนื่อยเหมือนหมา แม้แต่หยางกุ้ยเฟยเปลือยกายปีนป่ายบนตัวนาย เลียของนาย นายก็ไม่แข็ง…


พอได้ยินคำพูดหวานซึ้งของคนรัก เหมยเหมยดีใจจนหน้าชื่นตาบาน  อารมณ์ของเหยียนหมิงซุ่นก็ดีมากเช่นกัน แต่เขากลับลืมไปเสียสนิทว่ามีครูฝึกทหารหน้าโหดอยู่ข้างกายเขา  ในใจจึงกำลังสบถด่าบุพการี ——เหอะ


อุตส่าห์เพิ่มการฝึกเข้าไปให้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะมีแรงจีบสาวอยู่อีก?


ตอนบ่ายจะเพิ่มของว่างแถมให้!


ให้ตาย…กันไปเลย!


“พี่หมิงซุ่น ฉันจะพูดกับพี่เรื่องหนึ่งนะ ฉันน่ะถูกตาต้องใจ……”


เหมยเหมยกระซิบกระซาบเรื่องที่เธออยากได้เรือนสี่ประสานนับสิบหลังมาไว้ในมือ เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ทันได้กระพริบตาก็พูดว่า “เหมยเหมยชอบก็ซื้อ พรุ่งนี้พี่จะเข้าไปจัดการด้วยกันกับเธอแล้วกัน”


“พี่หมิงซุ่นใจดีจริง ๆ ไม่เหมือนพี่ชายฉัน เขาเพิ่งจะด่าฉันว่าฉันเป็นลูกที่ล้างผลาญครอบครัว!” เหมยเหมยเบะปากฟ้อง จ้าวเสวียหลินที่อยู่ด้านหลังโมโหจนกัดฟันกรอด เด็กโง่อกตัญญูไม่สำนึกบุญคุณ เขาแค่กลัวว่าจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ต่างหาก!


อีกอย่างเอาบ้านมากมายขนาดนั้นไปจะมีประโยชน์อะไร?


กินก็ไม่ได้ใช้ก็ไม่ได้ ปล่อยมันถูกทิ้งไว้ว่าง ๆจนสกปรกหรือยังไง?


อันที่จริงที่จ้าวเสวียหลินปวดใจที่สุดก็คือเรื่องเงิน ตั้งหกแสนกว่า!


เขาโตขนาดนี้แล้ว แม้แต่เศษเสี้ยวของเงินหกแสนเขาก็ยังไม่เคยเห็น แต่น้องสาวตัวดีกลับพูดว่าจะใช้ก็ใช้ แถมยังซื้อบ้านพุพังมาหนึ่งหลัง เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ต่อให้มีเงินก็ไม่ควรผลาญขนาดนี้!


เหยียนหมิงซุ่นพูดจาหวานแหววกับเหมยเหมยอีกหลายประโยค ถึงจะวางสายไปอย่างอาลัยอาวรณ์ หันไปพูดกับครูฝึกทหารที่หน้าดำคร่ำเครียดว่า “พรุ่งนี้ผมอยากจะออกไปครับ”


“ฉันรับผิดชอบเฉพาะการฝึกอบรมเท่านั้น เรื่องการลาหรือขอพักต่าง ๆไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน”


ครูฝึกทหารพูดเสียงเย็นชา อยู่ดี ๆก็ตวาดลั่นว่า “เหยียนหมิงซุ่น แบกน้ำหนักสิบเอ็ดกิโลวิ่งสิบห้ากิโล ปฎิบัติ!”


เหยียนหมิงซุ่นด่าในใจ โคตร—— จะถึงเวลากินข้าวอยู่แล้วยังจะให้เขาแบกน้ำหนักวิ่งอีกสิบห้ากิโล ตั้งใจจะไม่ให้เขากินข้าวแล้วใช่ไหม!


ตอนที่ 922 เหนื่อยจะตายแล้ว


เหมยเหมยวางสายพลางยิ้มร่า คนที่อยู่ด้านหลังต่างพุ่งเข้ามา เซียวเซ่อถามขึ้นก่อน “คนแซ่เหยียนเห็นด้วยที่เธอจะซื้อบ้านผุ ๆพัง ๆพวกนั้น?”


“แน่นอน ฉันบอกแล้วว่าพี่หมิงซุ่นไม่คัดค้านอยู่แล้ว แต่พวกเธอก็ไม่เชื่อ!” เหมยเหมยเชิดหน้าอย่างน่ารักปนลำพองใจสุด ๆ


เซียวเซ่อยักไหล่ พูดสรุปว่า “ฉันว่านะเหมยเหมย เธอหาโอกาสเตะเหยียนหมิงซุ่นออกไปน่าจะดีกว่านะ แล้วก็หาคนที่ฉลาดมีเหตุผลจะดีกว่า เพราะตามวิธีการล้างผลาญครอบครัวแบบพวกเธอสองคน ฉันว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเธอจะต้องอดตายไม่มีอะไรจะกินแน่นอน!”


เหมยเหมยถลึงตาใส่ ฉุนกึกพูดว่า “พี่หมิงซุ่นเขาหาเงินเป็น พวกเธอนั่นแหละที่ต้องอดตาย ไม่ใช่ฉันหรอก!”


สยงมู่มู่มองเธออย่างดูถูก แล้วถอนหายใจพูดว่า “ต่อให้หาเงินได้เก่งแค่ไหนก็คงไม่พอต่อการล้างผลาญของคนอย่างเธอได้หรอก พระเจ้า พอจะซื้อก็ซื้อไปตั้งหกแสนกว่า แถมยังเป็นบ้านผุ ๆพัง ๆอีกต่างหาก เธอซื้อมาเล่นเป็นตัวต่อสร้างบ้านหรือไง!”


“นายยุ่งอะไรด้วย คอยดูนะวันหลังพวกเธอจะเห็นถึงความสามารถในการมองการณ์ไกลของฉัน ถึงตอนนั้นฉันจะกินเนื้อแสนอร่อยแล้วดูพวกเธอสั่งซุปกิน!” เหมยเหมยเชิดคางเล็กน้อยอย่างทะนงตัว


อย่างมากที่สุดก็สิบปีที่พวกปุถุชนคนธรรมดาอย่างพวกนี้จะต้องอิจฉาริษยาเธอจนน้ำลายไหลย้อย ต่อให้พวกเขาจะอยากกินแค่ไหนก็ไม่มีทางให้กินหรอก!


เพียงแต่เวลานี้ ——


พวกปุถุชนคนธรรมดาพวกนี้ต่างก็มองค้อนใส่เหมยเหมยอย่างดูถูกเหยียดหยาม แถมยังยกนิ้วน้อย ๆให้อีกด้วย!


เช้าวันต่อมาเขาเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ เหยียนหมิงซุ่นก็ขับรถมา สิบกว่าวันที่ไม่ได้เจอ เขาดูผอมไปเยอะ ผิวก็ดำคล้ำขึ้น ดูทั้งผอมทั้งดำ เหมือนเพิ่งทำไร่ไถนากลับมาจากบ้านนอกยังไงอย่างนั้น


“ฝึกหนักมากเลยใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่พักผ่อนที่บ้านเถอะ บ้านจะซื้อเมื่อไรก็ได้” เหมยเหมยมองดูอย่างปวดใจ


เหยียนหมิงซุ่นก็เหนื่อยอยู่บ้างจริง ๆ เมื่อวานครูฝึกทหารสมควรตายนั่นไม่รู้ว่าไปโดนอะไรทำให้สะเทือนใจมา เล่นเอาเขาเกือบตาย แม้แต่ครึ่งชีวิตที่เหลือก็เกือบจะไม่รอด


หากไม่ใช่ว่าเขามีความแข็งแกร่งและมุ่งมั่น วันนี้เขาอาจจะลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหวก็เป็นได้


“ไม่เป็นไร พวกเราไปดูบ้านกันเถอะ แล้วค่อยไปกินข้าว!”


เหยียนหมิงซุ่นพยายามทำตัวเองให้มีชีวิตชีวาอย่างสุดชีวิต ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมา แล้วครั้งต่อไปที่จะได้เจอเหมยเหมยก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไร เขาจะปล่อยให้วันดี ๆผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ยังไงกัน?


ต่อให้เหนื่อยก็ต้องทนไว้!


ที่เหยียนหมิงซุ่นไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาไปไม่นาน ครูฝึกทหารปีศาจก็ได้รับโทรศัพท์จากเฮ่อเหลียนชิง


“ไปแล้ว?”


ครูฝึกทหารตอบกลับอย่างเคารพนบนอบ “ใช่ครับ พักอยู่บนเตียงหนึ่งนาทีสี่สิบวินาที สุดท้ายก็ลุกขึ้น ไปแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกไป…”


มีเสียงหัวเราะเบา ๆดังผ่านโทรศัพท์ออกมา “พลังแห่งความรักนั้นยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ สามารถลุกจากเตียงหลังผ่านการฝึกของปีศาจอย่างคุณได้เหรอ? ฉันชักจะสนใจเจ้าหญิงน้อยแซ่จ้าวคนนี้เข้าให้แล้วจริง ๆ!”


เฮ่อเหลียนชิงนั่งอยู่ใต้เถาองุ่นที่ลานบ้านในฟาร์ม  โยกเก้าอี้ไม้อย่างสบาย ๆโดยมีโทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะหินถัดจากเก้าอี้ ข้าง ๆเขามีชายหนุ่มสองคนสวมเครื่องแบบทหารที่แผ่รังสีสังหารออกมา


“พรุ่งนี้เพิ่มการฝึกเข้าไปอีก ฉันอยากเห็นว่าขีดจำกัดของเขาอยู่ที่ระดับไหน” เฮ่อเหลียนชิงออกคำสั่ง


ครูฝึกทหารลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงรวบรวมความกล้าที่จะพูดว่า “ตอนนี้ปริมาณการฝึกฝนเกินกว่าร่างกายปกติของมนุษย์ที่จะรับได้แล้ว ถ้าคุณให้เพิ่มอีกร่างกายของเขาอาจจะเสียหายได้”


ที่พูดนี่ยังถือว่าแค่เบา ๆ ถ้าร้ายแรงก็น่าจะถึงขั้นต้องเตรียมงานศพ เขาก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นชายหนุ่มที่ยังอายุน้อยและกำลังเติบโตในอนาคตจะต้องกลายเป็นคนพิการทั้งที่อายุยังน้อย หรืออาจจะไปถึงขั้นตายตั้งแต่ยังเด็ก


เฮ่อเหลียนชิงอมยิ้มส่งเสียงหึเสียงเบา ครูฝึกทหารตัวสั่น เสียงหึอย่างเย็นชาราวกับดังมาจากนรกก็ไม่ปาน กระตุ้นความทรงจำอันเลวร้ายที่ไม่ได้เจอมานานขึ้นมาจึงไม่กล้าส่งเสียงใดอีก


…………………………………………..


ตอนที่ 923 หญิงงามเป็นเหตุ


เฮ่อเหลียนชิงพูดเย้ยหยัน “เมื่อไรกันที่นายเปลี่ยนเป็นคนใจอ่อนแบบนี้? หรือว่ามันนานเกินไปแล้วที่นายไม่ได้มาฝึกทหารกับฉันที่นี่?”


“ขอให้นายท่านได้โปรดลงโทษ!”


ครูฝึกทหารเหงื่อเย็นไหลเต็มหลังไปหมด หน้าผากมีเหงื่อไหลผุดออกมาเป็นเม็ด ๆ เขารู้สึกเสียใจที่ตัวเองใจอ่อนไปชั่วขณะ


“รอให้การฝึกของเหยียนหมิงซุ่นสิ้นสุดลง นายก็เข้ามารับการลงโทษด้วยตัวเอง!”


เฮ่อเหลียนชิงวางโทรศัพท์ ผู้ชายสองคนข้าง ๆไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหรือหายใจแรง  ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ยากที่จะเข้าใจได้ ตัวผอมขี้ก้างและยังเป็นผู้ชายที่ไม่มีกล้ามไม่มีแรง แต่กลับควบคุมความเป็นความตายของพวกเขาได้ แค่ชั่วพริบตาเดียวเศษซากกระดูกก็ยังไม่เหลือ


เพราะเขามีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมและวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับกองกำลังทหารหน่วยรบพิเศษในประเทศ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถฝึกกองกำลังทหารหน่วยรบพิเศษระดับโลกได้ คนอื่น ๆไม่มีใครสามารถทำได้


กองกำลังทหารหน่วยรบพิเศษอันดับหนึ่ง แน่นอนว่ามีถึงร้อย ถึงพัน จนไปถึงหมื่น…


กองกำลังทหารหน่วยรบพิเศษชั้นนำที่ประสบความสำเร็จโดยการฝึกอบรมของเฮ่อเหลียนชิง อีกทั้งยังกระจายอยู่ในเขตทหารที่สำคัญของประเทศ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขตทหารอื่นไม่กล้ามายุแหย่เฮ่อเหลียนชิง


แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เฮ่อเหลียนชิงได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีภาระ ไม่มีลูกไม่มีผู้หญิงมาเกี่ยวข้อง และยังไม่มีพี่น้องเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ


อีกทั้งเฮ่อเหลียนชิงก็มีอายุขัยที่จำกัด ร่างกายก็เสียหายไปหลายส่วน จะตายเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย!


สำหรับคนที่จะสามารถตายได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไม่มีคนรักอีก ใครจะมาเป็นห่วงเป็นใยคนไร้ประโยชน์แบบนี้กันล่ะ!


แต่มีเพียงแค่คนที่มีความสามารถอย่างพวกเขาที่อยู่ข้างกายเฮ่อเหลียนชิงเท่านั้นที่รู้ รู้ว่าคนไร้ประโยชน์คนนี้มีใจที่โหดเหี้ยมมากแค่ไหน เลือดเย็นมากเท่าใด และไร้ความปรานีมากขนาดไหน!


เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวที่เขามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ก็คือแก้แค้น ——


เพียงแต่น่าเสียดายศัตรูคู่อาฆาตของเฮ่อเหลียนชิงก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่าย ๆ อำนาจอิทธิพลของสองคนนี้สูสีกัน ต่างคนก็ต่างทำอะไรกันไม่ได้!


เฮ่อเหลียนชิงเอนกายอยู่ครู่หนึ่งก็พูดเสียงเย็นชาว่า “เอาข้อมูลของจ้าวเหมยมาให้ฉันดูสิ”


ลูกน้องจึงนำข้อมูลและรูปภาพมาอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเมื่อสิบสองปีที่แล้วก็ธรรมดาไม่มีอะไร แต่สองปีที่ผ่านมาค่อนข้างจะละเอียดขึ้นมาหน่อย แม้กระทั่งช่วงเวลาสั้น ๆก่อนหน้านี้ที่เหมยเหมยและเซียวเซ่อเจอเฮ่อเหลียนเช่อที่สโมสรก็ยังมี รวมไปถึงแผนการที่เธอใช้จัดการหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูก ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลจ้าว ทั้งหมดนั้นบันทึกไว้อย่างชัดเจนและละเอียดมาก


เฮ่อเหลียนชิงอ่านเสร็จอย่างรวดเร็ว มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะกลับมาอารมณ์ดีแล้ว คนข้างกายก็ผ่อนคลายลอบผ่อนลมหายใจเบา ๆ


“หลานสาวตระกูลจ้าวคนนี้น่าสนใจ น่าสนใจกว่าจ้าวหวายซานเยอะ ขอดูหน่อยสิว่าหน้าตาเป็นยังไง”


เฮ่อเหลียนชิงหยิบรูปภาพขึ้นมา น่าจะเป็นรูปที่แอบถ่าย แสงและมุมไม่ค่อยดีเท่าไร เป็นรูปที่ถ่ายตอนที่เธอและเซียวเซ่อไปชอปปิง  แม้จะดูสบาย ๆแต่ก็ยังมองออกว่าเป็นคนสวย


ดวงตาสดใสยิ้มไม่เห็นฟัน รอยยิ้มนั่นสามารถทำให้คนหยุดหายใจได้…


ถึงแม้ว่าอายุจะยังน้อย แต่กลับสามารถมองเห็นถึงความงามทรงเสน่ห์เมื่อโตขึ้นได้


 “หญิงงามเป็นเหตุ…”


เฮ่อเหลียนชิงพยักหน้า เข้าใจแล้วว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงได้ทำเพื่อเหมยเหมยอย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้ แม้แต่วีรบุรุษก็ยังมีจุดอ่อนนั่นคือแพ้เสน่ห์ของหญิงงาม เมื่อก่อนตัวเขาเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน!


นึกถึงหญิงงามที่ตายในอ้อมแขนของเขาคนนั้น ลมหายใจของเฮ่อเหลียนชิงก็เย็นขึ้น จนกระทั่งอากาศรอบข้างก็เย็นไปด้วยตามกัน  ผู้ชายสองคนข้างกายเขาก็สูดลมหายใจอันหนาวเหน็บนั้นเข้าไป


คิดไว้แล้วว่าพอนายท่านได้เห็นรูปภาพหญิงงามนี่แล้วจะสะเทือนใจ เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงเลือกรูปของเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวที่ค่อนข้างน่าเกลียดมา แต่…เฮ้อ…


“บอกเหยียนหมิงซุ่นหน่อย ตอนบ่ายให้เขาพาแฟนของเขามานั่งเล่นที่นี่ ฉันจะให้อั่งเปาก้อนโต ……”


เฮ่อเหลียนชิงพูดเสียงเบา มองไม่เห็นถึงความดีใจออกมาเลยสักนิด ผู้ชายทั้งสองรีบร้อนตอบรับ ในใจก็แอบเห็นใจจ้าวเหมยไปสามวินาที


นายท่านของเขาเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงสวย คิดไปว่าผู้หญิงยิ่งสวยเท่าไรความประพฤติก็ยิ่งแย่ เส้นทางความรักของเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวและเหยียนหมิงซุ่นกลัวว่าจะลำบากเอาเสียแล้ว!


ตอนที่ 924 ทำเรื่องที่ชอบทำ


ท้ายที่สุดแล้วเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยก็ไม่ได้ไปดูบ้าน ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนชิงจะมีอารมณ์แปลก ๆแต่คนที่เขาอบรมสั่งสอนมาทำเอาพูดไม่ออกจริง ๆเพราะทำงานได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือมากทีเดียว


บ้านที่คนพวกนี้เลือกมา ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปให้เสียเวลา เพียงแค่เอาเงินให้พวกเขาไปก็พอ พวกเขาจะต้องจัดการขั้นตอนต่าง ๆจนเสร็จเรียบร้อยแน่นอน


เหยียนหมิงซุ่นไปธนาคารเพื่อถอนเงิน บวกกับเงินที่เหมยเหมยให้ฉิวฉิวเก็บไว้ รวมกันในกระสอบหนา ๆหนัก ๆใบใหญ่หนึ่งใบ ซึ่งเป็นกระสอบข้าวที่ไม่เตะตา แล้วส่งให้ลูกน้องรับช่วงต่อไป


”คุณหมิง นายท่านให้คุณพาคุณหนูจ้าวกลับบ้านไปกินข้าว นายท่านยังเตรียมอั่งเปาก้อนใหญ่ไว้อีกด้วย…” ลูกน้องลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพูดความประสงค์ของเฮ่อเหลียนชิงออกมา


เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม เฮ่อเหลียนชิงมีเป้าหมายอะไรถึงได้อยากเจอเหมยเหมย?


“รู้แล้ว”


ลูกน้องรับเงินและจากไป เหมยเหมยเห็นเหยียนหมิงซุ่นสีหน้าท่าทางแปลก ๆก็หัวเราะแล้วถามว่า “เขาพูดว่านายท่าน คนนั้นคือพ่อบุญธรรมของพี่ใช่หรือไม่? เขาอยากเจอฉันเหรอ?”


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ใช่ ไม่รู้ทำไมอยู่ดี ๆถึงได้อยากเจอเธอ เหมยเหมยอย่ากังวลนะ เขาไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”


“ฉันไม่กังวลหรอก มีพี่หมิงซุ่นอยู่ด้วยเสียอย่าง!”


เหมยเหมยไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือเครียดเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เฮ่อเหลียนชิงคนนั้นจะวิปริตเหมือนกับเฮ่อเหลียนเช่อ เธอก็ไม่รู้สึกกลัว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เฮ่อเหลียนชิงและเหยียนหมิงซุ่นลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต่อให้เฮ่อเหลียนชิงมีความคิดที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ก่อนที่ความโกรธแค้นของเขายังไม่ได้ชำระ เฮ่อเหลียนชิงไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอน!


เหยียนหมิงซุ่นก็หัวเราะเหมือนกัน ต่จิตใจยังว้าวุ่นเป็นห่วง เขาไม่สามารถสงบเยือกเย็นได้เท่าเด็กน้อยนี่เลย!


“ขอเพียงแค่มีพี่อยู่ จะไม่มีใครทำร้ายเหมยเหมยแน่นอน!”


เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เป็นการรับประกันและคำมั่นสัญญา เป็นคำสาบานตลอดชีวิต…


“อืม…”


เหมยเหมยตอบกลับเสียงเบา หัวพิงอิงไหล่ของเหยียนหมิงซุ่นคลอเคลียอยู่แบบนี้


“เหมยเหมยอยากไปไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงเบา


“อยากไปที่เงียบ ๆ ที่ไม่มีคนมารบกวนพวกเรา…”


“ได้…”


ถูกใจเหยียนหมิงซุ่นพอดี นึกไปถึงเมื่อหลายวันก่อนตอนที่ฝึกซ้อมข้ามเมืองแล้วเห็นแม่น้ำเล็ก ๆที่นั้นเงียบสงบและร่มรื่น เหมาะสมที่จะไปพูดคุยกระหนุงกระหนิงกับคนรักในฤดูกาลแบบนี้


น้ำในแม่น้ำนั้นตื้นมาก เผยให้เห็นหินใต้แม่น้ำสีเหลืองอ่อน ไหลริน เสียงไพเราะเสนาะหู ฟังแล้วรู้สึกเย็นสบาย


ทั้งยังมีลมเบา ๆพัดผ่านเป็นครั้งคราวที่ทำเอารูสึกง่วงเหงาหาวนอนได้


ความร้อนทั้งหมดทั้งมวลก็มลายหายไป


เหมยเหมยเพิ่งจะเห็นก็ชอบที่นี่เข้าให้แล้ว เงียบสงบสวยงามและร่มรื่น เป็นสถานที่พักร้อนได้ดีจริง ๆ ฤดูใบไม้ผลิก็สามารถมาวาดภาพและเล่นว่าวที่นี่ได้!


เหยียนหมิงซุ่นปูเสื่อลงบนพื้น และปูทับด้วยเสื่อไม้ไผ่อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้เย็นสบายขึ้น หยิบของกินที่ซื้อตามข้างทางก่อนหน้านี้ออกมาแล้ววางลงไปทั้งหมด จากนั้นก็กอดผู้หญิงที่คิดถึงในฝันมาตลอด จูบร้อนแรงอย่างมืดฟ้ามัวดิน…


จูบครั้งนี้ไม่เหมือนกับสองครั้งก่อนหน้านี้ มันร้อนแรงกว่าหน่อย…


เพราะว่าในฝันเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าหญิงน้อยของเขาแล้ว ดังนั้นเวลานี้คนรักอยู่ข้างกายจริง ๆ ไหนเลยเขาจะยังอดทนไหว…


เหยียนหมิงซุ่นไม่ยินยอมที่จะหยุดเพียงแค่ที่เดียว ปากของเขาเคลื่อนมาที่ติ่งหู เลียเบา ๆที่ติ่งหูขาว ๆซึ่งไวต่อความรู้สึก ราวกับต้นนางอายก็ไม่ปาน…


ลิ้นของเขาเพิ่งจะสัมผัสโดน หญิงสาวก็สั่นไปทั้งตัวเหมือนกระต่าย จนตัวกลายเป็นสีชมพูที่แสนน่าดึงดูด ซึ่งมันทำให้เขาลุ่มหลง


“เหมยเหมย หูของเธอไวต่อความรู้สึกมากเลย…” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบอยู่ข้างหูของเธอ ไอร้อนทำเอาตัวเธอหลอมละลายกลายเป็นน้ำ เหมือนโดนฉีดยาชาไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้เลย


…………………………………………..


ตอนที่ 925 เม็ดมะยม


เหมยเหมยบิดตัวไปมา เธอรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก


“พี่หมิงซุ่น…เจ็บ”


ร่างที่บอบบางของเหมยเหมยบิดไปมาไม่หยุด วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีฟ้า เสื้อของเธอเป็นเสื้อคอวีค่อนข้างย้วย ยิ่งเธอบิดตัวไปมามากเท่าไหร่ บริเวณคอเสื้อยิ่งเผยให้เห็นถึงผิวขาวดุจหิมะของเธอมากเท่านั้น


แววตาของเหยียนหมิงซุ่นเคร่งขรึม ภาพในฝันของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง


ในฝันของเขาผิวของเหมยเหมยก็ขาวเช่นนี้แหละ หล่อนถูกเขาทับไว้โดยที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า


แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นแววตาที่เร่าร้อน เขาเริ่มหายใจแรงขึ้น เขาใช้แรงบีบตัวของเหมยเหมยแน่นจนเธอหายใจลำบาก


“เหมยเหมย เธอหวานมากเลยนะ หวานกว่าน้ำผึ้งเสียอีก”


“เจ็บค่ะ พี่หมิงซุ่นคะ เหมยเหมยเจ็บ”


ตอนนี้เธอไม่สามารถคิดอะไรได้อีกแล้ว หัวของเธอในตอนนี้เห็นเป็นภาพท้องฟ้าเมฆขาวที่ลอยห่างออกไปเรื่อย ๆ อีกทั้งร่างที่ลุกเป็นไฟของเหยียนหมิงซุ่นบนตัวเธอนั้นก็เหมือนจะเผาร่างของเธอทั้งเป็นชิ้น ๆ


เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกทรมานเช่นกัน ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เปรียบดั่งมังกรที่ถูกพันธนาการมานานนับพันปี ปรารถนาที่จะหลุดพ้นออกมา เพื่อบุกเข้าไปยังสรวงสวรรค์ที่รอคอยมานาน


“เรียกชื่อพี่” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เขามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา ร่างของหล่อนสั่นเกร็ง เม็ดเหงื่อพรมไปทั่วหน้าผาก


“พี่หมิงซุ่น”


น้ำเสียงของหญิงสาวราวกับกำลังออดอ้อนชายหนุ่ม เสียงของเธอกระตุ้นเขาได้ดีกว่ายาปลุกเร้าอารมณ์เสียอีก ตาของเหยียนหมิงซุ่นเริ่มแดง ตอนนี้เขาเหลือแต่ความหิวกระหายเท่านั้น


“ไม่ดื้อนะคะ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นเปรียบเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่พยายามปลอบโยนกระต่ายน้อยผู้ใสซื่อ เขาพรมจูบเธอตั้งแต่ริมฝีปากไปจนถึงใบหู แล้วไปที่คางจนถึงลำคอ


มือของเขาเริ่มซุกซน เขาสอดมือเข้ามาภายใต้เสื้อของหญิงสาว ค่อย ๆลูบไล้ขึ้นไปอย่างช้า ๆ


สมองของเหมยเหมยไม่สามารถสั่งการอะไรได้แล้วในตอนนี้ เธอสัมผัสได้ถึงมือที่กำลังลูบไล้ไปทั่ว มือคู่นั้นเปรียบเหมือนถ่านหินที่กำลังเผาไหม้ ไม่ว่าจะสัมผัสไปที่ใดก็ราวกับจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกแห่งหน


เร่าร้อน แผดเผาราวกับเป็นมังกรไฟ


เมื่อมือคู่นั้นสัมผัสไปถึงจุดที่ไวต่อสิ่งเร้า เหมยเหมยก็หัวแทบระเบิด


เธอเบิกตากว้าง จับมือที่ซุกซนของชายหนุ่ม ไม่ให้มือคู่นั้นของเขาล่วงล้ำไปมากกว่านี้


“ไม่ได้นะ พี่หมิงซุ่น ไม่นะ”


ถ้าเป็นตรงอื่นจับนิดจับหน่อยคงไม่เป็นไร แต่ตรงนั้น… ไม่ได้เด็ดขาด หน้าอกทรงเม็ดมะยมของเธอ


หน้าอายจัง


ถ้าจะจับก็ต้องรอให้มันใหญ่ขึ้นกว่านี้แล้วค่อยจับสิ


เหยียบหมิงซุ่นกลับไม่เข้าใจความหมายของเหมยเหมย เขาคิดว่าหล่อนคงอาย เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทำไมเขาถึงได้ใจร้อนถึงเพียงนี้


ถ้าทำให้เหมยเหมยตกใจกลัวขึ้นมาจะทำอย่างไร?


“เหมยเหมย ไม่ต้องกลัวนะ พี่รีบร้อนเกินไป พี่จะไม่จับอะไรมั่ว ๆอีก”


เหยียนหมิงซุ่นดึงมือของเขากลับไป ทุกสัมผัสนั้นอ่อนนุ่มกว่าผ้าแพรชั้นดี คล้ายกับนมที่หอมหวาน ยากที่จะละสัมผัสได้


“เหมยเหมย พี่ไปตรงนู้นครู่หนึ่งนะ เดี๋ยวกลับมา”


เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างรีบร้อน แล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไป สักพักเขามาซ่อนตัวอยู่ในป่า คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ใจของเขา


ตอนที่ 926 กระดากใจ


เหมยเหมยกลับคิดไปว่าเหยียนหมิงซุ่นมีตรงไหนที่ไม่สบาย รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตามไปอย่างเงียบ ๆเพราะว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังจิตใจร้อนรุ่มไม่สงบ และเขาไม่ได้ระแวงเหมยเหมยจึงทำให้ไม่รู้ว่าด้านหลังมีคนตามมา


ที่ป่าเล็ก ๆ ข้าง ๆริมแม่น้ำ ใบไม้เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ เหยียนหมิงซุ่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว เหมยเหมยหาอยู่พักหนึ่งก็หาไม่เจอ พอกำลังจะส่งเสียงเรียกกลับได้ยินเสียงหอบน่าสงสัย


เหมือนมีคนโดนปิดปาก เหมือนเสียงที่ขดซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม ยังมีเสียงกระชั้นถี่ ๆเป็นระยะ…


เหมยเหมยตามเสียงไป ไม่นานก็เห็นหลังของเหยียนหมิงซุ่น เสียงนั้นออกมาจากเขานั้นแหละ


เหยียนหมิงซุ่นตัวโก่งเบา ๆ มือขวากำลังขยับอย่างดุเดือด……


ตอนแรกเหมยเหมยยังไม่เข้าใจ แต่พอเธอนึกไปถึงความไม่ปกติของเหยียนหมิงซุ่นก่อนหน้านั้น ก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นกำลังช่วยตัวเอง…


เหมยเหมยเขินจนหน้าแดงไปหมด รีบผละตัวออกห่าง มองลงไปข้างล่างอย่างเขินอาย


เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงขยับมาจากด้านหลัง ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเป็นใคร เขาก็กระดากใจอยู่บ้าง แต่ลูกธนูที่ดึงไปแล้วจึงทำได้แค่ปล่อยไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน


ทุกครั้งหลังจากที่เขาจูบกับเหมยเหมยอย่างเร่าร้อน หรือเป็นตอนที่ฝันถึงเหมยเหมยในตอนกลางคืน เขาก็จะจัดการกับตัวเองแบบนี้ ใครให้ผู้หญิงของเขาเด็กเกินไปล่ะ!


หวังไว้เหลือเกินว่าเวลาจะผ่านไปเร็วกว่านี้หน่อย แบบนั้นเขาจะได้แต่งงานกับเหมยเหมย ไม่ต้องพึ่งพานิ้วมือของตัวเองอีกแล้ว!


แต่อีกใจหนึ่งเขาก็หวังให้เวลาผ่านไปช้า ๆหน่อย เพราะว่าตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอ เขากลัวว่าตัวเองจะปกป้องผู้หญิงของเขาไม่ได้!


เหยียนหมิงซุ่นเร่งความเร็วของมือ ในที่สุดเขาก็ระงับความปรารถนาภายในได้ชั่วคราว เขาเดินออกมาจากป่าไปล้างทำความสะอาดที่แม่น้ำ


เหมยเหมยได้ยินเสียงเดินมาจากด้านหลัง ใบหน้าก็ร้อนผ่าวโดยไม่มีสาเหตุ การกระทำเมื่อครู่ของเหยียนหมิงซุ่นเหมือนกับในหนังเลย เล่นซ้ำอยู่ในหัวสมองของเธอไม่หยุด เดี๋ยวเร็ว…เดี๋ยวช้า…แนบชิด…


น่าอายจริง ๆ!


“คิดอะไรอยู่?”


เหยียนหมิงซุ่นกอดหญิงสาวที่ก้มหัวเอียงอายจากด้านหลัง แล้วดึงเธอมาอยู่ตรงหว่างขาของตัวเอง เอาคางเกยไว้บนไหล่ของเธอราวกับกอดทั้งโลกเอาไว้


เหมยเหมยพลิกตัว นวดคลึงคางสีเขียวคล้ำที่มีหนวดเส้นสั้น ๆ เมื่อครู่ตอนที่จูบเธอก็ทิ่มเธอจนคันจั้กจี้ไปหมด


เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่รักความสะอาดพิถีพิถันเรียบร้อยเป็นที่สุด อีกทั้งยังมีความรับผิดชอบ


เมื่อก่อนเขาจะติดกระดุมเม็ดแรกของเสื้อเชิ้ตอย่างมิดชิดอยู่ตลอด คางก็สะอาดสะอ้านอยู่เสมอ


แต่ตอนนี้กลับมีตอหนวดสั้น ๆโผล่ออกมา แสดงให้เห็นว่าคงจะเหนื่อยมากจริง ๆ


“พี่อยู่ที่ค่ายคงฝึกซ้อมอย่างยากลำบากมากเลยใช่ไหม?”


ทั้งสองมือของเหมยเหมยโอบคอของเหยียนหมิงซุ่นไว้ ถามเสียงเบาเต็มไปด้วยความปวดใจ


“ยังดี ที่พี่สามารถฝืนทนรับได้อยู่…”


เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเบาลงเรื่อย ๆ ไม่นานก็เป็นเสียงหายใจลึกยาว ๆ เขาหลับไปทั้งที่ยังกอดเหมยเหมยอยู่แบบนี้


เหมยเหมยจะร้องก็ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออก แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือความปวดใจ นี่ต้องเหนื่อยมากขนาดไหนเนี่ย!


เธอเหยียดร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นออกให้เขานอนราบบนเสื่อ จากนั้นก็แบมือและเท้าออกเพื่อให้เขาสามารถนอนหลับได้สบายขึ้น ไม่ว่าเธอจะเคลื่อนไหวอย่างไร เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ตื่นขึ้นมา นอนหลับสนิทเหมือนตาย


อันที่จริงเธอไม่รู้เลยว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มาก่อน แต่เป็นเพราะว่าเหมยเหมย เขาถึงได้หลับสนิทอย่างวางใจ และยังได้รับความอบอุ่นอ่อนโยนของแฟนสาวอีกด้วย


แต่ถ้าหากคนที่แตะเขาคือคนแปลกหน้า เหยียนหมิงซุ่นก็จะตื่นขึ้นทันที และมีอีกร้อยวิธีในการจัดการกับอีกฝ่าย


มองใบหน้าซีดเซียวของเหยียนหมิงซุ่นแล้วเหมยเหมยก็ปวดใจอีกครั้ง เธอนึกขึ้นได้จึงหันหลังกลับไป แล้วให้ฉิวฉิวที่กำลังสวาปามอย่างตะกละอยู่อีกด้านหนึ่ง หยิบขวดยาหญ้าวิเศษที่เคยแช่แล้วออกมา


…………………………………………..


ตอนที่ 927 ชำระของสกปรกในร่างกาย


สองปีก่อนหญ้าวิเศษที่ฉิวฉิวเอามาถูกเธอใช้น้ำจากภูเขาซีซานนำมาแช่ ก็เหมือนกับแช่ยาดองนั้นแหละ น้ำที่แช่ออกมาเป็นสีเขียวเข้ม เธอหยิบขวดแก้วใสที่ใส่นั้นออกมา


ถึงแม้ว่าทุก ๆปีคุณปู่คุณย่าจะใช้สิ่งนี้ฟื้นฟูร่างกาย แต่ก็ใช้น้อยมาก ผ่านมาสองปีแล้วก็ยังมีอยู่เต็มขวด


เหมยเหมยเทน้ำจากกาน้ำรินใส่แก้ว และหยดยาสามหยด หลังจากนั้นก็เขย่าเบา ๆผสมยาและชาให้เข้ากัน เธอคิดจะเอาให้เหยียนหมิงซุ่นดื่ม


เมื่อก่อนเธอมองว่าร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นแข็งแรง อายุก็ยังน้อย ไม่จำเป็นต้องบำรุงร่างกายอะไรมากมาย แต่ตอนนี้เขาต้องฝึกซ้อมอย่างลำบากลำบน ถ้าไม่ดูแลให้ดีกลัวว่าร่างกายจะทรมานจนรับไม่ไหว


“ร่างกายของนายผู้ชายน่ะแข็งแกร่งมาก ยาน้ำสามารถเพิ่มพลังได้ สามวันดื่มครั้งต่อเนื่องกันครึ่งปี ชำระของสกปรกในร่างกายออกมาและมีประโยชน์ต่อเขามาก” อยู่ดี ๆฉิวฉิวก็พูดขึ้นมา


เหมยเหมยรู้สึกลำบากใจ “ตอนนี้ฉันกับพี่หมิงซุ่นไม่สามารถเจอกันได้บ่อย ๆ ไม่มีวิธีการใดควบคุมแบบนั้นได้เลย!”


ฉิวฉิวกลอกตามองบนใส่เธออย่างดูถูก คายขวดหยกขนาดเท่าหัวนิ้วมือออกมาจากปาก มีความชุ่มชื่นทะลุออกมา มันคือไขมันแกะหยกขาวชั้นดีที่ถูกแกะสลักเรียบร้อยแล้ว


“นี่คือขวดหยกชั้นดี สามารถรักษาคุณสมบัติของยาได้หนึ่งเดือน ถ้าหนึ่งเดือนคงจะหาเวลามาเจอกันได้สักครั้งแล้วละมั้ง?” ฉิวฉิวพูดอย่างหงุดหงิด


ดูจากอารมณ์รักกันปานจะกลืนกินของนายผู้ชายและนายผู้หญิงแล้ว ถ้าลองไม่ให้พวกเขาเจอกันหนึ่งเดือนจะเป็นไงนะ?


ท่านชายฉิวอย่างเขาเอาไข่พนันเลย รับรองว่าทนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ทั้งสองคนจะต้องหาวิธีมาเจอกันจนได้แหละ!


เหมยเหมยหน้าชื่นตาบาน รับขวดหยกมาแล้วก็เพิ่มยาน้ำไปอีกสามหยด เตรียมป้อนให้กับเหยียนหมิงซุ่น


เธอคิดแล้วคิดอีกจึงดื่มน้ำเข้าไปคำใหญ่ แล้วจูบลงที่ริมฝีปากของเหยียนหมิงซุ่น เพื่อให้น้ำไหลเข้าไปข้างใน


แบบนี้ถึงจะไม่หกออกมา!


ยาน้ำของเธอล้ำค่าหายากมากเลยนะ!


แม่คุ๊ณ เธอสามารถรอจนผู้ชายของเธอตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยดื่มก็ได้ ทั้งไม่ยุ่งยากและไม่เปลืองด้วย ทำไมจะต้องรีบร้อนให้ตอนนี้ด้วยนะ!


เหยียนหมิงซุ่นที่กึ่งหลับกึ่งตื่นรับรู้ได้ถึงร่างกายอ่อนนุ่มของหญิงสาวที่โน้มตัวเข้ามา ใบหน้ายิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมเย็นของหญิงสาว แถมยังมีลมหายใจอุ่น ๆอีกด้วย


อันที่จริงหัวสมองของเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ตื่นดี เขารู้ว่าเหมยเหมยกำลังจะทำอะไร แต่เขาขยับไม่ได้แม้กระทั่งนิ้วมือ ทำได้แค่เพียงเป็นฝ่ายโดนกระทำไปแบบนี้


ตอนที่ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและหวานของหญิงสาวแนบกับริมฝีปากของเขา เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ร่างกายทั้งหมดรู้สึกราวกับลอยอยู่ในอากาศสบาย ๆ…


ชอบที่เหมยเหมยแอบซุ่มโจมตีเขาแบบนี้จริง ๆ ดูท่าแล้ววันหลังเขาคงจะแกล้งหลับไปอีกหลายครั้ง!


จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีน้ำที่ทั้งเย็นและหวานในปากของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นชาธรรมดา แต่เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมและหวานซึ่งหวานกว่าน้ำทั้งหมดที่เขาเคยดื่มมา


หรือว่าสาเหตุจะเป็นเพราะเหมยเหมยป้อนให้เขาดื่ม?


แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เหมือนกับมีความอบอุ่นพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ทั้งอ่อนแรง ทั้งชาแต่ก็อบอุ่น…ร่างกายก็พลันอ่อนเปลี้ยเพลียแรง


ครั้งนี้เขาหลับลึกไปเลยจริง ๆ หายใจลึกและยาว


มีลมพัดผ่านมาเบา ๆ เหมยเหมยอดหาวไม่ได้จึงให้ฉิวฉิวและฉาฉาเฝ้ายาม เธอหลับอิงแอบอยู่ข้าง ๆเหยียนหมิงซุ่น


หลับครั้งนี้เป็นการหลับที่สนิทมาก ๆ เป็นการหลับที่ดีที่สุดในช่วงสิบเก้าปีที่ผ่านมา ความเจ็บปวดและกล้ามเนื้อที่ตึงอยู่ก็มลายหายไป และความรู้สึกเมื่อยล้าและง่วงนอนของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง กำลังวังชาของเขาดีขึ้นมากจนเขาสามารถฆ่าวัวได้เลยทีเดียว


เหยียนหมิงซุ่นมองนาฬิกาที่ข้อมือ ตกใจยกใหญ่ เขาหลับไปเกือบจะสี่ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เลยเวลาบ่ายไปแล้ว


เขาหันไปมองเหมยเหมยข้างกายที่ยังหลับปุ๋ย ท่าทางการหลับของหญิงสาวช่างสวยงามเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ในชีวิตจริง ทำให้เขาอดไม่ไหวอยากจะเข้าไปจูบ


เหยียนหมิงซุ่นเอื้อมมือไปปัดแก้มของหญิงสาว แต่ทันใดนั้นก็พบว่ามีโคลนสีดำเปลื้อนที่แขนของเขาแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถซ่อนจากดวงตาอันเฉียบแหลมของเขาได้


ตอนที่ 928 ชายหนุ่มรูปงามอาบน้ำ


เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปเช็ดเบา ๆก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเหงื่อมันหยาดเยิ้ม  เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะก่อนที่เขาจะออกมาเขาล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มันจะสกปรกได้อย่างไรกัน?


เขายกแขนขึ้นเล็กน้อย กลับพบว่านอกจากแขนของเขาที่อื่น ๆก็มันเยิ้มเช่นกัน อีกทั้งคอและส่วนอื่นของร่างกายของเขาก็เป็นเช่นกัน เหยียนหมิงซุ่นจะทนได้อย่างไร เขาเตรียมจะไปอาบน้ำที่ริมแม่น้ำ โชคดีที่เขาเตรียมเสื้อผ้าไว้ในรถเพื่อเอาไว้ผลัดเปลี่ยน


เหยียนหมิงซุ่นที่เพิ่งจะลุกขึ้น ก็ค้นพบว่าร่างกายของตัวเองเปลี่ยนไป ——


ความยืดหยุ่นคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น พละกำลังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย…


ขนาดไปถึงขั้นที่ได้ยินเสียงลมที่พัดผ่านใบหู มีเสียงของกิ่งก้านและใบไม้ที่ร่วงหล่นในป่า เมื่อถูกลมพัดผ่านเบา ๆก็มีเสียงซ่า ๆดังแว่วผ่านมาด้วย…มันชัดเจนราวกับว่ามันดังอยู่ข้างหูของเขา


ไหนจะสายตาของเขาอีก ที่เขาสามารถเห็นฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ เห็นยุงป่าที่หยุดอยู่บนต้นหลิว เขายังสามารถเห็นแม้กระทั่งว่ายุงมีกี่เท้า ขนบางบนเท้าและยังมีปลายแหลมที่ด้านหน้าของยุงอีก……


เวลานี้เหยียนหมิงซุ่นถึงได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนไปของร่างกายตัวเอง เพียงแค่หลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้เหมือนการชำระร่างกายดั่งจอมยุทธ์ที่พรรณนาเอาไว้ในนิทานปรำปรายังไงอย่างนั้นเลยล่ะ?


เขานึกถึงน้ำชาที่เหมยเหมยป้อนให้ตอนหลับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านั้นยังนึกว่าเป็นเพราะเหมยเหมยป้อนด้วยตัวเองถึงได้หวานขนาดนั้น แต่ดูท่าแล้วน้ำชานั่นคงมีความลับซ่อนอยู่!


เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางเหมยเหมยที่ยังหลับอยู่ ความลับของเด็กน้อยช่างมีเยอะเสียจริง!


แต่เขาก็ดีใจมาก ที่เด็กน้อยกำลังเผยความลับทีละนิดทีละนิดให้เขารู้ หมายความว่าความสำคัญของเขาในใจของเหมยเหมยก็มากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว


มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นเหยียดยกขึ้น เขาไปหยิบเสื้อผ้าบนรถเพื่อมาเปลี่ยน และไปที่แม่น้ำเพื่ออาบน้ำ เขามองหาที่ที่สามารถมองเห็นเสื่อที่ปูไว้ได้ แบบนี้ถึงจะอาบน้ำได้อย่างสบายใจ แถมยังให้เหมยเหมยได้รับลมสบาย ๆอีกด้วย


พอเขาถอดเสื้อผ้าก็พบว่าด้านในของเสื้อเชิ้ตสีขาวมีส่วนหนึ่งกลายเป็นสีดำอ่อน แม้แต่บนหนังศีรษะก็ด้วย จึงขึ้นฝั่งเด็ดหญ้าป่าที่ถูเป็นฟองช่วยทำความสะอาดได้


สมัยเด็ก ๆตอนที่อาศัยอยู่กับคุณยาย เด็ก ๆที่นั่นจะใช้หญ้าป่าชนิดนี้มาอาบน้ำสระผม ไม่เพียงแต่สามารถสระผมให้สะอาดได้ แต่ยังมีกลิ่นหอมจาง ๆด้วย


เหยียนหมิงซุ่นไปได้ไม่นานเท่าไร เหมยเหมยก็ตื่นขึ้นมามองไปรอบ ๆอย่างสับสนงงงวย แล้วก็พบว่าเหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างกายหายไปแล้ว ใจก็พลันตื่นตระหนก


“ลุกลี้ลุกลนอะไร? คนรักของเธอไปอาบน้ำที่แม่น้ำแล้ว อยากจะดูชายหนุ่มรูปงามอาบน้ำหรือไม่เล่า?”


ฉิวฉิวพูดล่อลวง ระยะนี้คุณชายชอบดูหนังสือการ์ตูนที่จ้าวอิงหัวพกติดตัวกลับมาจากตอนไปทำงานที่โพ้นทะเลทั้งหมด ในมิติของมันมีวางอยู่เป็นกองพะเนิน เดิมทีฉิวฉิวยังถือว่าประพฤติตัวดีอยู่บ้าง


แต่หลังจากที่ดูหนังสือการ์ตูนพวกนั้น เขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นฉิวฉิวจอมลามก ทุกวันนี้เลยเอาแต่พูดคำศัพท์ที่ทำให้คนต่างเอือมระอาอยู่แบบนั้น


เหมยเหมยถลึงตาใส่ฉิวฉิวที่น้ำลายไหล กัดฟันพูดว่า “ห้ามนายดู มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ดูพี่หมิงซุ่นได้!”


ฉิวฉิวสะบัดหางไปมาด้วยความแค้นใจ ทำหน้ามุ่ยตะโกนด้วยความไม่พอใจว่า “ใจแคบขี้เหนียวที่สุด ฉันไม่ใช่เพศหญิงเสียหน่อย ทุกคนต่างก็เป็นของสาธารณะ ดูนิดดูหน่อยก็ใช่ว่าจะเสียหาย!”


ถึงแม้ว่าจะบ่นพึมพำ แต่ฉิวฉิวก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้านาย กัดเมล็ดสนอยู่บนพื้นอย่างเชื่อฟัง วางแผนไว้ว่าตอนกลางคืนจะแอบไปหาแม่หนูสวย ๆที่เพิ่งรู้จัก พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตเสียหน่อย แล้วก็จินตนาการถึงอนาคตกันสักพัก และยังคิดที่จะถือโอกาสขโมยจูบปากเล็ก ๆนั่นอีก…


เหมยเหมยค่อย ๆย่องเบา ๆมาที่ริมแม่น้ำ แม้จะอยู่ไกลไปก็สามารถเห็นถึงร่างกายที่เปลือยเปล่าของเหยียนหมิงซุ่นได้ เขาใส่เพียงแค่กางเกงใน กำหญ้าป่าอยู่ในมือแล้วถูตัวไม่หยุด


เธอกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้…เซ็กซี่ชะมัด


…………………………………………


ตอนที่ 929 สาวน้อยลามก


เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลังมานานแล้ว ยิ่งตอนนี้สัมผัสที่ห้าและการได้ยินของเขาดีราวกับเรดาร์ ต่อให้เหมยเหมยแปลงร่างบินมาเขาก็สามารถได้ยินเช่นกัน


เขากระตุกยิ้มที่ริมฝีปากอย่างชั่วร้าย แกล้งทำเป็นไม่รู้ถึงการเคลื่อนไหวด้านหลัง และยังคงถูร่างกายอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งเขายังตั้งใจทำอย่างช้า ๆอีกด้วย


ช้า ๆจากบนลงล่าง ถูที่กล้ามเนื้อด้านหลังทีละน้อย…ทุกครั้งที่ขยับแขน ลายกล้ามเนื้อที่งดงามบนร่างกายก็ขยับขึ้นลงเหมือนกับเต้นรำยังไงอย่างนั้น กระเพื่อมไปมา…


…เซ็กซี่มาก…


เซ็กซี่กว่าเดวิดอีก!


เหมยเหมยกลืนน้ำลายอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เสียงเล็ก ๆน้อย ๆก็เข้ามาในหูของเหยียนหมิงซุ่นอย่างชัดเจน เขายิ่งยิ้มอย่างชั่วร้ายเข้าไปใหญ่


นี่เด็กน้อยกำลังพอใจในรูปร่างเขาเอามาก ๆใช่ไหม?


ชอบจนกลืนน้ำลายแล้ว!


การถูตัวของเหยียนหมิงซุ่นยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ สโลโมชั่นหยั่งกับในภาพยนตร์ ถูซ้ำแล้วซ้ำอีกจนทำเอาเหมยเหมยจ้องตาไม่กระพริบ หิวกระหายเหลือทน


คาดไม่ถึงเลยว่าเหยียนหมิงซุ่นพอถอดเสื้อผ้าจะเซ็กซี่ได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังดูแข็งแรงบึกบึน ดูดีกว่าตอนใส่เสื้อผ้าเยอะเลย


สายตาของเหมยเหมยมองลงมาเรื่อย ๆ แนวเส้นกล้ามเนื้อส่วนเอวสัดส่วนสวยสมบูรณ์แบบ มาถึงสามเหลี่ยมคว่ำใต้เอว เธอกลืนน้ำลายอีกครั้ง และมองลง…แล้วลงอีก…ไม่มีอะไรแล้ว…


กางเกงในบังเอาไว้!


ไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง!


เหมยเหมยรู้สึกเสียดายจนถอนหายใจ อาบน้ำทำไมยังจะต้องใส่กางเกงในล่ะ?


ช่างเกินความจำเป็นเสียจริง ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นตอนนี้หัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด เด็กน้อยของเขาทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้เนี่ย อีกทั้งยังเป็นสาวน้อยลามกอีกด้วย!


เขาไม่ได้ยั่วยวนต่อไปอีก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่สนุกมากในการหยอกล้อเหมยเหมยของเขา แต่เขากลับทรมานมากกว่า ถ้าเขายังปล่อยให้เหมยเหมยแอบดูต่อไป กลัวว่าเขาจะต้องเข้าไปที่ป่าอีกครั้ง


เห็นเหยียนหมิงซุ่นทำท่าทางเหมือนจะเช็ดตัวแล้ว เหมยเหมยเลยรีบร้อนย่องกลับไป แล้วแสร้งทำเป็นเพิ่งตื่น


ถ้าให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเมื่อครู่เธอแอบดูเขาอาบน้ำล่ะก็ คงขายหน้าแย่!


แม่คุณเอ๊ย พี่หมิงซุ่นของเธอรู้นานแล้ว และเขายังยั่วยวนเธออีกด้วยแหนะ!


เหยียนหมิงซุ่นกลับมาทั้งตัวเปียกชุ่ม บนตัวมีกลิ่นหอมของหญ้าเขียวจาง ๆและยังมีกลิ่นสะอาด ๆของน้ำอีก เขาเห็นหญิงสาวแสร้งทำท่าทางขยี้ตา ก็อยากจะหัวเราะอย่างอดไม่ได้


“เหมยเหมยเพิ่งจะตื่นเหรอ?”


“อืม…พี่หมิงซุ่น พี่ไปอาบน้ำมาเหรอ?”


เหมยเหมยแสร้งทำเป็นหาว ทำหน้าเหมือนเพิ่งตื่น แสร้งจนเหมือนว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ


“เพิ่งไปอาบน้ำมา เมื่อครู่ร่างกายของพี่มีน้ำมันลื่น ๆประหลาดโผล่ขึ้นมา” เหยียนหมิงซุ่นพูดไปแล้วก็สังเกตสีหน้าท่าทางของเหมยเหมยไปด้วย กลับเห็นดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับ ก็ยิ่งแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองเดา


เหมยเหมยคิดแล้วก็หยิบขวดหยกออกมาจากกระเป๋าเป้ ส่งให้กับเหยียนหมิงซุ่นพลางพูดว่า “น่าจะเป็นเพราะฉันให้พี่กินยาน้ำอันนี้ ยาน้ำนี้ทำจากสมุนไพรที่ฉันบังเอิญขึ้นไปเจอบนภูเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน เหตุผลที่สุขภาพร่างกายของคุณปู่คุณย่าของฉันดีขึ้นมาก ก็เป็นเพราะว่าดื่มยาพวกนี้แหละ”


เหยียนหมิงซุ่นคาดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะพูดกับเขาตรง ๆ ตกตะลึงเล็กน้อยแล้วก็หัวเราะราวกับดอกไม้ที่ผลิในฤดูใบไม้ผลิ


“เหมยเหมยป้อนยาให้พี่ตอนไหนกัน?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจถามขึ้น


หญิงสาวหน้าแดงก่ำ ก้มหัวตอบอย่างเขินอายว่า “ก็ตอนที่พี่หลับอยู่…”


“ตอนที่พี่หลับอยู่เหรอ เหมยเหมยป้อนพี่ยังไงล่ะ? พี่จำได้ว่าพวกเราไม่ได้พกช้อนมาด้วยนะ!”


เหยียนหมิงซุ่นแสร้งทำเป็นตกใจ ก้มหัวขยับเข้าใกล้หูของหญิงสาว กลิ่นหอมของไอน้ำและกลิ่นหญ้าผสมกับลมหายใจของฮอร์โมนผู้ชายที่พุ่งเข้าไปในจมูกเป็นพัก ๆ


หอมมาก…แล้วก็ชวนน่าหลงใหลมาก…


เหมยเหมยเขินจนต้องตีมือเขา เสียงน่ารักตำหนิเขาว่า “กรอกใส่เลย ฉันใช้แก้วกรอกใส่เข้าไปเลยต่างหาก!”


เหยียนหมิงซุ่นรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงต่อไปอีก เพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะเขินจนกลายเป็นความโกรธ แล้ววันหลังจะไม่จูบเขาอีกต่อไป แบบนั้นไม่คุ้มเลยสักนิด


ตอนที่ 930 ลูบหัวด้วยความเอ็นดู


ทั้งคู่ก็แสดงความรักหวานหยดย้อยอยู่ริมแม่น้ำครู่ใหญ่ ๆ พระอาทิตย์ค่อย ๆตกลับขอบฟ้าไป พวกเขาถึงเตรียมตัวกลับบ้าน


เหมยเหมยกำชับวิธีการใช้ยาน้ำไปว่า “สามวันดื่มหกหยด นี่คือจำนวนของหนึ่งเดือน พี่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยนะ!”


เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกของหญิงสาว พูดยิ้ม ๆว่า “มีแม่บ้านตัวน้อยอย่างเธออยู่ พี่จะลืมได้ยังไงกัน!”


เหมยเหมยมองค้อนเขาอย่างน่ารัก ตัวเองก็อดไม่ได้จึงหลุดหัวเราะออกมาเหมือนกัน


เหยียนหมิงซุ่นรับขวดหยกมาเก็บเอาไว้อย่างดี เมื่อครู่เหมยเหมยบอกถึงความเป็นมาของยาน้ำนี้แล้ว แต่เขารู้ว่าคำพูดพวกนี้คงจริงครึ่งโกหกครึ่ง


แต่ผลลัพธ์ของยาน้ำนี้ไม่ต้องสงสัยเลย เขาเพิ่งจะได้รับประสบการณ์มาแล้วด้วยตัวเอง


แต่ว่ายาสมุนไพรนี้คงไม่ใช่เหมยเหมยหาเจอบนเขาด้วยตัวเองแน่นอน ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดล่ะก็ ——


เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองฉิวฉิวในกระเป๋าเป้ของเหมยเหมยที่กำลังกัดถั่ววอลนัทแวบหนึ่ง ความเป็นมาของเจ้านี่ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ!


ตอนกลางคืนวันนั้นที่สโมสร ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉิวฉิวและฉาฉากัดเฮ่อเหลียนเช่อไปทีหนึ่งแล้วล่ะก็ พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถหนีออกมาได้อย่างสบายๆ เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปลูบหัวของฉิวฉิวเบา ๆแล้วหยิบช็อกโกแลตออกมาจากในกระเป๋าเม็ดหนึ่ง ปอกเปลือกกระดาษน้ำตาลออกแล้วส่งเข้าปากของฉิวฉิว


ฉิวฉิวตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งช็อกโกแลตละลายในปาก มันถึงเพิ่งจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา…


แม้จ้าวโว้ย นายผู้ชายเพิ่งจะลูบหัวมันด้วยความรักและเอ็นดู!


อีกทั้งยังป้อนช็อกโกแลตให้มันอีก!


ทำไมมันถึงได้ซาบซึ้งใจขนาดนี้?


มันดูถูกตัวเองเกินไปหรือเปล่า?


เหยียนหมิงซุ่นไหนเลยจะรู้ว่าแค่ลูบหัวกับป้อนช็อกโกแลตธรรมดาให้มัน เจ้าหมอนี่จะถึงขั้นคิดไปไกลขนาดนั้น ช่างเป็นดราม่าควีนตัวน้อยเสียจริง!


ฟาร์มที่เฮ่อเหลียนชิงอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ ขับรถประมาณสิบกว่านาทีก็ถึง ของขวัญซื้อไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วมีเพียงผลไม้เท่านั้น


เพราะว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ


“อย่าเครียด เขาไม่ทำอะไรเธอหรอก มีพี่อยู่!”


เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบใจเหมยเหมยที่มีอาการตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ มือสองข้างบีบแน่น ร่างกายก็ตึงเครียดไปหมด ดูแล้วน่าสงสารเสียจริง


เหมยเหมยพยักหน้า แต่เธอก็ยังทำหน้าตึงเครียด ร่างกายไม่รับการควบคุมจากสมองของเธอเลยนี่นา!


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะอย่างจนปัญญา ก้มหัวลงไปพูดลวนลามข้างหูของเธอเบา ๆว่า “อยากให้พี่จูบใช่ไหมเธอถึงจะผ่อนคลาย?”


เหมยเหมยตัวสั่น แล้วก็ส่ายหน้าระรัว  “ไม่ต้องไม่ต้อง…อีกเดี๋ยวฉันก็ผ่อนคลายแล้ว…”


พระเจ้า นี่มันกลางถนนนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ถนนใหญ่แต่ข้าง ๆถนนก็มียังเกษตรกรสองถึงสามคนเลยนะ ถ้าหากให้พวกเขาเห็นเข้าละก็เธอจะมีหน้าที่ไหนไปเจอเล่า?


แต่ถึงแม้ว่าปากจะพูดไปแบบนั้น ร่างกายของเธอยังคงตึงเครียดอยู่ กำมือแน่น เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าผากถอนหายใจ ตึงเครียดแบบนี้เขามองจนเหนื่อยแทนแล้วแต่ก็จนปัญญา ต้องใช้ไม้ตายซะแล้ว ——


“เหมยเหมย เมื่อครู่เธอแอบดูพี่อาบน้ำใช่หรือไม่?”


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงต่ำ พ่นลมหายใจร้อน ๆไปที่หูขาวๆของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า สีแดงแผ่กระจายอย่างรวดเร็วจากใบหู…แก้ม…ใบหน้า…ไปทั่วทั้งตัว


“มีที่ไหน…พี่พูดมั่วแล้ว ฉันไม่ได้แอบดูพี่อาบน้ำนะ…เปล่าเลย…พี่ข่วยขับรถให้มันตั้งใจหน่อย พี่ดูข้างหน้ามีวัวอยู่นะ  แล้วยังจะไม่ดูทางอีกอีก!”


เหมยเหมยตะโกนเสียงดังและยังสั่งให้เหยียนหมิงซุ่นหมุนพวงมาลัย เพื่อเบี่ยงหลบวัวสีเหลืองแก่ ๆที่เดินไปตามถนน แล้วถึงจะพิงเบาะด้วยความสบายใจพลางพรูลมหายใจออกมา


ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองแอบดูผู้ชายอาบน้ำแน่นอน!


เวลานี้เธอยังไม่ค้นพบว่าตัวเองเอนตัวด้วยความเกียจคร้าน ไม่ได้มีความตึงเครียดและความกังวลเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว


เฮ่อเหลียนชิงยังพักอยู่ใต้เถาองุ่น การนอนกลางวันเมื่อครู่เป็นการนอนที่ไม่ค่อยดีงามเสียเท่าไร ผู้หญิงในฝันคนนั้นปรากฎตัวออกมาอีกแล้ว ทั้งร่างมีแต่เลือดสีแดงสด…


“นายท่าน คุณหมิงและคุณหนูจ้าวมาแล้ว ให้ผมส่งพวกเขาไปห้องรับแขกไหมครับ?” ลูกน้องถาม


“ไม่ต้อง พาพวกเขามาที่นี่!”


สีหน้าของเฮ่อเหลียนชิงดุดัน  น้ำเสียงเย็นชา ลูกน้องแอบมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาแทนเหมยเหมยอย่างอดไม่ได้


………………………………………….


 ตอนที่ 931 บุคคลอันใกล้ตาย


ในช่วงเวลาที่เหมยเหมยได้เห็นวิวที่สวยงามของสวนฟาร์มบ้านไร่ในชนบทแห่งนี้ ความตื่นเต้นภายในใจก็ได้สงบลง และความรู้สึกกลัวที่มีต่อเฮ่อเหลียนชิงก็คลายลงไปมาก


ฤๅษีที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างสันโดษนั้น ไม่ได้เป็นเพราะไม่แยแสต่อชื่อเสียงเงินทองหรือลาภยศ แต่อาจเป็นการวางแผนระยะยาวโดยไม่รับหวังผลตอบแทน เฉกเช่นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างจูกัดเหลียง[1]


แต่คนอย่างเฮ่อเหลียนชิงนั้นกลับทำที่อยู่อาศัยของตนเองให้กลายเป็นเป็นฟาร์ม และมันก็ดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมแถวนั้น แต่นั่นไม่ได้เป็นความคิดที่ถ่ายทอดออกมาจากจิตใจแต่อย่างใด ความจริงแล้วนิสัยใจคอของคนเรามักจะถูกถ่ายทอดออกมาจากหลายสิ่งหลายอย่างให้ได้เห็น ดั่งเช่น ภาพวาด หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัย


ที่แห่งนี้เป็นฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิง สิ่งที่ทำให้เหมยเหมยสัมผัสและรับรู้ได้มากที่สุด นั่นคือการที่เจ้าของฟาร์มได้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรจริง ๆเสียแล้ว อีกทั้งเขายังทุ่มเทอย่างหนักในการบริหารจัดการกับฟาร์มแห่งนี้


เธอสัมผัสได้ถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านั้น  และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอรู้สึกสงบลง


เธอได้บอกความรู้สึกภายในใจของตัวเองให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง และนั่นก็ทำให้เขาแสดงท่าทีบางอย่างก่อนที่จะนิ่งไป จากนั้นถึงได้ยื่นมือไปลูบที่ศีรษะของเธอ พร้อมทั้งฝืนยิ้มและเอ่ยขึ้น “ความรู้สึกของเธอช่างไวเสียจริง ๆ”


ให้เหมยเหมยเข้าใจผิดไปแบบนั้นแหละดีแล้ว อีกสักพักหากเธอได้พบกับเฮ่อเหลียนชิงจะได้ช่วยลดความกลัวที่อาจจะทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะกินข้าว


คนอย่างเฮ่อเหลียนชิงที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น ทั้งยังจัดการโดยไม่เลือกวิธี จะเป็นดั่งฤๅษีที่ไม่แยแสต่อชื่อเสียงเงินทองหรือลาภยศแล้วใช้ชีวิตอย่างชาวบ้านชาวไร่ไปได้อย่างไร?


ฟาร์มแห่งนี้เขาตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นแค่ฉากบังหน้าต่อนายใหญ่และคนอื่น ๆก็เท่านั้น และยังต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิดเหมือนกับเหมยเหมย เพื่อลดความระแวงที่มีต่อตัวเขาลง


เหมยเหมยได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากเหยียนหมิงซุ่น จิตใจจึงสงบนิ่งมากกว่าเดิม จังหวะเท้าที่ก้าวเดินดูคล่องแคล่วมากขึ้น อีกทั้งยังดูสุขุมเป็นอย่างมาก


“คุณชายหมิง คุณท่านให้คุณและคุณหนูจ้าวไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ท่านรอพวกคุณอยู่ที่นั่น” มีคนเดินเข้ามาบอก


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็จูงมือเหมยเหมยเดินไปยังสวนดอกไม้หลังบ้าน


ในความเป็นจริงเรียกว่าสวนผักน่าจะเหมาะสมมากกว่า เพราะในสวนแห่งนี้ปลูกแต่ผักสด ซึ่งมีแต่ต้นหอม ขิง กระเทียม ผักกุยช่าย และพืชไม้เลื้อยจำพวกแตงขึ้นชื่อต่าง ๆ ปลูกเต็มไปทั่วทั้งพื้นที่ ทั้งยังออกดอกออกผลเต็มไปหมด


ภายใต้ชั้นวางที่เต็มไปด้วยองุ่น เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังหันหลังให้กับพวกเขา โดยมีคนยืนขนาบอยู่ด้านข้าง เมื่อมองเห็นพวกเขาจึงก้มตัวลงแล้วกระซิบที่ข้างหูของเฮ่อเหลียนชิง เฮ่อเหลียนชิงจึงค่อย ๆ หันกลับมา


บุคคลที่ใกล้ตาย…


นี่คือความรู้สึกเดียวที่เหมยเหมยมีต่อเฮ่อเหลียนชิง ผอมจนดูไม่ได้ ผิวขาวซีดทะลุปรุโปร่ง จนทำให้เห็นถึงเส้นเลือดสีเขียวจาง มิหนำซ้ำอากาศร้อนแบบนี้ยังใส่เสื้อคลุมตัวบางอีก ช่างดูไร้ซึ่งชีวิตชีวา


“คุณพ่อ นี่คือเหมยเหมย” เหยียนหมิงซุ่นแนะนำ


เหมยเหมยทำความเคารพด้วยความนอบน้อมอย่างรวดเร็ว “ลุงเฮ่อเหลียน สวัสดีค่ะ!”


เฮ่อเหลียนชิงตีหน้านิ่ง น้ำเสียงแหลมสูงเปล่งออกมา “ใครให้เธอเรียกฉันว่าลุง เรียกคุณท่าน!”


เหมยเหมยร่างกายสั่นเทิ้ม พอรู้สึกตัวจึงขยับเข้าใกล้เหยียนหมิงซุ่น เฮ่อเหลียนชิงเห็นดังนั้นก็ยิ่งโมโห กลางวันแสก ๆ ต่อหน้าคนจำนวนมากยังกล้ากอดกันตัวเป็นเกลียว


“ยืนให้มันตรง ๆหน่อย” เป็นอีกครั้งที่ตะโกนออกไป


เหมยเหมยยืดตัวยืนตรงด้วยความตกใจ ในหัวของเธอนั้นรู้สึกไม่พอใจต่อเรื่องที่เกิดอยู่นี่เอามาก


เมื่อครู่หัวสมองของเธอต้องถูกเจ้าฮิปโปถีบจนเลอะเลือนไปแล้วแน่ ๆ


แม่เจ้า ฤๅษีตัวจริงที่ไม่แยแสต่อชื่อเสียงเงินทองหรือลาภยศที่ไหนกันล่ะ เป็นแค่ไอ้คนบ้าชัด ๆ


“คุณกินดินปืนเข้าไปหรือไง? ทำไมต้องดุเหมยเหมยด้วย?”


เหยียนหมิงซุ่นที่เห็นก็รู้สึกสงสาร จึงเอาตัวมาบังหน้าเหมยเหมย จากนั้นก็จ้องเฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่พอใจ


เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเย้ยหยัน จากนั้นชี้หน้าเหมยเหมยและพูด “คบหาผู้หญิงสำส่อนแบบนี้  ระวังจะถูกสวมเขาเข้าให้ล่ะ เลิกกันตอนนี้ยังไม่ถือว่าสาย วันหลังฉันจะหาคนที่ดีกว่านี้มาให้แก”


เหมยเหมยที่ได้ยินดังนั้นจึงโมโหขึ้นมา คนสำส่อนนี่อะไรกัน?


ไหนจะสวมเขาให้อีก?


“คุณพูดจาไร้สาระ ตาข้างไหนของคุณที่มองว่าฉันเป็นคนสำส่อนล่ะ ห๊ะ? แล้วฉันไปสวมเขาให้พี่หมิงซุ่นตอนไหน? พูดออกมาให้ชัดเจน เมื่อไหร่ที่ไหนกับใคร?”


เหมยเหมยดันเหยียนหมิงซุ่นออกไปอย่างทันที ไฟโทสะขนาดใหญ่ที่กำลังลุกโชนเปล่งเสียงคำรามใส่เฮ่อเหลียนชิง


ฝูงลูกเจี๊ยบที่กำลังเสาะหาแมลงอย่างสำราญใจในสวนด้านหลังต่างพากันตกใจ…


……………………………………………………………………


[1] เป็นที่รู้จักในนามของ ขงเบ้ง โดยมีฉายาว่า มังกรหลับ โดยในช่วงปลายราชวงค์ฮั่นหรือหลังราชวงค์ฮั่นของจีน ได้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธนาการของพระเจ้าเล่าปี่ในตำแหน่งสมุหนายกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งจ๊กก๊ก อีกทั้งยังมีความสามารถในด้านการเมือง การทูต นักปราชญ์ วิศวกร และได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นคนสำคัญ อาทิ โคมลอยและระบบชลประทาน


ตอนที่ 932 เกลียดการแสดงความรักที่สุด


 บรรดาลูกน้องของเฮ่อเหลียนชิงต่างตกใจอ้าปากค้างจนแทบจะหุบปากไม่ลง


แม่เจ้าโว้ย เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวช่างใจกล้าจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าตะโกนใส่หน้านายท่านแบบนี้!


ครั้งสุดท้ายที่มีคนโง่เขลาตะโกนใส่หน้านายท่านเช่นนี้ หญ้าบนหลุมศพคงถูกสายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดพาไปหลายต่อหลายครั้งแล้วล่ะ!


เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตกใจสุดขีด  เขาพยายามจะรั้งเหมยเหมยเอาไว้


แต่คนที่ฆ่าได้หยามไม่ได้อย่างเหมยเหมยมีหรือที่จะยอม กลับกันเธอกลับยิ่งตะโกนใส่ “ปล่อยฉันนะ วันนี้จะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง เขามีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายว่าฉันเป็นคนสำส่อน? ทั้งยังบอกว่าฉันกำลังสวมเขาอีก คิดว่าฉันฟังสำนวนจีนไม่ออกหรือไง?”


ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอและเซียวเซ่อเพิ่งไปจัดการกับหูเซียงหลันมา คนสำส่อนคำนี้เปรียบเสมือนชนวนก็มิปาน เพียงฉับพลันก็สามารถจุดประกายสายฟ้าแห่งความเกรี้ยวกราดของเหมยเหมยได้


เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่มีท่าทีราวกับแม่เสือด้วยสายตาเหลือเชื่อ อายุไม่มาก แต่ไฟโทสะกลับไม่น้อยเลย!


“แม่สาวน้อยช่างเข้าใจไม่น้อยเลยนี่!”


เหมยเหมยสบถไปที “คำพูดที่คนอื่นกำลังด่าฉันอยู่ หากว่าฉันไม่เข้าใจก็คงโง่จนต้องไปซื้อเต้าหู้สักก้อนมาแล้วชนให้ตายเสียแล้วล่ะ!”


เฮ่อเหลียนชิงกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ชี้ไปยังโต๊ะหินด้านข้างและเอ่ยขึ้น “ชนเต้าหู้ก้อนหนึ่งคงไม่ตาย ไม่งั้นเธอก็ลองพุ่งชนโต๊ะหินสิ หากว่ายังไม่ตายอีกฉันจะให้คนมาช่วยเหยียบซ้ำให้!”


สำหรับบุคคลตรงหน้าแล้ว หากพูดถึงการฆ่าคนก็คงเหมือนกับการเชือดไก่ ไม่สิ ง่ายกว่าการเชือดไก่เสียอีก ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองด้วยซ้ำ!


ความรู้สึกหนาวเหน็บได้ทะลักขึ้นมาจากใจ ในเวลานี้เธอถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา ชายผู้นี้ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น!


“น้ำไม่ได้เข้าสมองของฉันสักหน่อย ทำไมฉันจะต้องโง่แล้วพุ่งชนโต๊ะหินด้วย…”


เมื่อครู่ยังมีความกล้าทะลุฟ้า เพียงชั่วขณะก็หดหายไปเสียแล้ว เหมยเหมยหดตัวถอยไปอยู่ด้านหลังของเหยียนหมิงซุ่นด้วยร่างกายอันสั่นเทา


ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องที่ชายผู้นี้เป็นพ่อของเฮ่อเหลียนเซ่อไปเสียได้?


ต่อให้ไม่ใช่พ่อแท้ ๆแต่นั่นก็เพียงพอที่จะเลี้ยงให้เฮ่อเหลียนเช่อมีท่าทีวิปริตแบบนั้นได้ จะเห็นได้ว่าเฮ่อเหลียนชิงเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก!


มิหนำซ้ำในตอนนี้เธอยังเหยียบอยู่ในเขตพื้นที่ของเขาเสียด้วย ชายวิปริตผู้นี้อาจจะฆ่าเธอให้ตาย แล้วทุบเศษกระดูกจนไม่เหลือซาก…ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเอาไปทำเป็นปุ๋ยให้กับผักในสวนของเขาก็ได้…


เหมยเหมยที่มีจินตนาการเหลือล้นนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัวจนยืนโอนเอนไปมา เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นจึงนึกขำ จากนั้นจึงยื่นมือเข้าไปประคองตัวเธอเอาไว้


เมื่อครู่ยังดุร้ายราวกับแม่เสือสาว แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวเสียแล้ว


เฮ่อเหลียนชิงที่เห็นท่าทีไม่เอาไหนของเหมยเหมย จึงสบถออกไปอย่างเยาะเย้ย ซึ่งเขาเองก็เบื่อที่จะเย้าแหย่เธอแล้วด้วย จึงได้เรียกให้คนมาจัดโต๊ะอาหาร


“ไม่ต้องกลัวนะ คุณพ่อแค่ตั้งใจจะทำให้เธอตกใจก็เท่านั้นเอง”


เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบาเพื่อเป็นการปลอบใจเหมยเหมยที่มีท่าทีอกสั่นขวัญผวา ช่างน่าสงสารเสียจริง แถมอากาศก็ยังร้อนอบอ้าวจนเหงื่อไหลไคลย้อย


“แต่เขาบอกว่าเขาไม่ยอมให้ฉันกับพี่คบกัน ทั้งยังบอกว่าจะแนะนำคนที่ดีกว่าให้ด้วย…” เหมยเหมยพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ


เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเส้นทางความรักระหว่างเธอและเหยียนหมิงซุ่นนั้น ต้องพบเจอกับหินก้อนแรกที่กีดขวาง อีกทั้งยังคาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนชิง


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ คุมโทนเสียงให้เบาลงและพูด “ต่อให้จิ่วเทียนเสวียนนี่[1]ลงมายังโลกมนุษย์ ก็ไม่ดีเท่าเหมยเหมย พี่ไม่ต้องการใครหน้าไหน ต้องการแค่เธอ…”


เหมยเหมยรู้สึกเบาใจขึ้นในทันที เพียงฉับพลันความรู้สึกกลัวก็ได้มลายหายไป จากนั้นจึงส่งยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างงดงาม


เฮ่อเหลียนชิงขมวดคิ้วแน่น ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่คู่รักหนุ่มสาวทำเหมือนรอบข้างไร้ผู้คน เห็นเขาเป็นคนตายแล้วหรือไง?


ออดอ้อนออเซาะต่อหน้าเขาแบบนี้ จีบกันอยู่ได้ แถมเสียงพูดเสียงเบาขนาดนั้น จงใจที่จะไม่ให้เขาได้ยินใช่ไหม?


“กลางวันแสก ๆ แบบนี้พูดจาให้มันเสียงดังฟังชัดหน่อย ทำทีลับ ๆล่อ ๆ แล้วก็อย่าอยู่ใกล้กันให้มาก ตัวติดกันขนาดนี้มันใช้ได้ที่ไหน!”


เฮ่อเหลียนชิงออกปากตำหนิ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือการแสดงความรักต่อหน้าเขา มิหนำซ้ำยังเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ มันทำให้เขาย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นทุกครั้ง


ในช่วงเวลานั้น เขาและผู้หญิงคนนั้นก็เป็นดั่งคู่รักที่ฟ้าประทานมา ซึ่งใคร ๆต่างก็พากันอิจฉามิใช่หรือ?


…………………………………………………………….


 ตอนที่ 933 กินเนื้อเสริมสร้างเนื้อ


เหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นจำต้องถอยห่างจากกันเล็กน้อย เธอหันหน้ากลับมาพร้อมทั้งยกมือบังหน้าเอาไว้ จากนั้นก็ทำหน้าตลกเพื่อเย้าหยอกเหยียนหมิงซุ่นและลูกน้องคนอื่น ๆ


เฮ่อเหลียนชิงจึงสบถเสียงขรึมไปที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่เร่งให้คนยกสำรับข้าวปลาอาหารมาวางให้ครบ นับว่าประสิทธิภาพในการทำงานของพ่อครัวประจำฟาร์มแห่งนี้มีสูงมาก เพราะไม่นานอาหารกลิ่นหอมตลบอบอวลหน้าตาน่ารับประทานก็ถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะหิน


ที่เห็นก็เป็นเพียงแค่เมนูประจำบ้านธรรมดาทั่วไป อาทิ ต้มจืดหมูมะระ ผัดวุ้นเส้นใส่ไข่ ต้มฟักกระดูกหมู ผัดผักบุ้งกระเทียมสับ กุยช่ายผัดฟักทอง ผัดเผ็ดหอยขมหลัวซือ[2] ปลาซิวทอดกรอบ และยังมีไก่นึ่งชามใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วสารทิศ


“ผักพวกนี้ปลูกกันเองในฟาร์ม คุณหนูจ้าวทานให้อร่อยนะครับ” ชายวัยกลางคนที่ยกสำรับอาหารเข้ามาวาง ได้ส่งยิ้มให้พร้อมกับพูดบอกกล่าว


“หอมมากเลย ขอบคุณค่ะ!” เหมยเหมยขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มให้


เมื่อเทียบกับเฮ่อเหลียนชิง ทุกคนในฟาร์มแห่งนี้ต่างแสดงออกถึงความรักใคร่กลมเกลียว สนิทชิดเชื้อราวกับเทวดาลงมาจุติ!


“พี่หมิงซุ่น เจ้าหอยขมนี่อร่อยมาก ปลาซิวทอดนี่ก็อร่อย ทั้งหอมทั้งกรอบ พี่กินเยอะ ๆสิ”


จากตอนแรกที่ยังมีความเก้อเขินอยู่บ้าง อีกทั้งตรงหน้าของเธอนั้นยังมีชายแก่วิปริตคนหนึ่งที่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมไร้ชีวิตชีวาราวกับซากศพอยู่ด้วย!


แต่อาหารเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจของคนเราได้ เพียงชั่วพริบตาอาหารอันโอชะพวกนี้ก็ได้ทำให้เหมยเหมยลบเลือนความกลัวไปได้ จนกล้าที่จะลงมือกิน


“ซู้ด…”


การดูดหอยขมเป็นสิ่งที่เหมยเหมยถนัดที่สุด เป็นเพราะที่บ้านเกิดของเหยียนซินหย่านั้นชื่นชอบการกินหอยขมเป็นไหน ๆ นับว่าเป็นอาหารที่จะต้องมีอยู่ในแทบทุกมื้อของอาหาร


เหยียนซินหย่าเองก็ชอบทำเมื่ออยู่ที่บ้าน ครั้งแรกที่กินเธอยังต้องใช้ไม้จิ้มฟันเป็นตัวช่วย แต่ในตอนนี้เธอสามารถดูดออกมาได้อย่างง่ายดาย


ใช้ตะเกียบคีบส่วนปลายของก้นหอยขม ปากชิดพอดีกับตำแหน่งปากหอย ปลายลิ้นกดต่ำ ออกแรงดูดเล็กน้อย เนื้อหอยขมก็จะค่อย ๆหลุดออกมา จากนั้นค่อยใช้ฟันกัดลำไส้ที่อยู่ติดกับเนื้อส่วนปลายให้ขาด เนื้อหอยขมที่แสนอร่อยก็จะเข้ามาในปากได้อย่างง่ายดาย


หนึ่งวินาทีต่อหนึ่งตัว ไม่มีหอยขมแม้แต่ตัวเดียวที่เธอดูดไม่ออก


“อร่อยจริง ๆ พี่หมิงซุ่นไม่กินเหรอ? อร่อยมากเลยนะ”


เหมยเหมยดูดกินต่อกันนับสิบกว่าตัว เผ็ดจนปากเล็ก ๆของเธอแดงเจ่อ สูดปากเผ็ดซี๊ด แต่ยิ่งกินก็ยิ่งได้อรรถรส


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้กระตือรือร้นกับการกินหอยขมสักเท่าไหร่ เขาไม่ชอบที่เนื้อหอยขมมีน้อยเกินไป จานใหญ่ขนาดนั้นมีเนื้อให้กินแค่นิดเดียว มันเสียเวลา


“ไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ เธอซดน้ำแกงด้วยสิ ระวังจะเป็นร้อนในล่ะ”


เหยียนหมิงซุ่นตักต้มมะระให้เหมยเหมยหนึ่งถ้วย อมยิ้มและจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่กินอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ชอบกินหอยขมแต่กลับชอบที่จะมองเหมยเหมยกิน


โดยเฉพาะจังหวะที่ปากเล็ก ๆของสาวน้อยขยับและดูดเบา ๆอยู่แบบนั้น เขายิ่งรู้สึกว่ามันน่ามองเป็นพิเศษ ทั้งยังอดคิดไม่ได้ว่าหากหอยขมนั่นเป็นปากของตนก็คงจะดี!


เหมยเหมยซดน้ำแกงไปหนึ่งถ้วย พร้อมกับคีบน่องไก่ส่งให้เหยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่นกินเนื้อเยอะ ๆล่ะ”


เฮ่อเหลียนชิงตีหน้านิ่งขรึม น่องไก่ทั้งหมดมีแค่สองชิ้น ชิ้นหนึ่งให้ชายหนุ่มไป แน่นอนว่าอีกหนึ่งชิ้นเธอก็คงจะกินเอง


นี่เห็นว่าเขาได้ตายไปแล้วหรือไง?


แน่นอนว่าความจริงเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับน่องไก่เลย เพราะการกินอาหารในแต่ละวันก็มีขีดจำกัดอยู่แล้ว ต่อให้อาหารจะถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะอยู่ตรงหน้าของเขา ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยเรียกน้ำย่อยให้เขาได้เลย


เพียงแต่ภาพที่เหมยเหมยกำลังกินหอยขมอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ กลับกระตุ้นต่อมเรียกน้ำย่อยของเขาขึ้นมาเล็กน้อย เขานึกอยากลองชิมหอยขมตัวเล็กนี่ดูว่าจะมีรสชาติอย่างไร


เหมยเหมยที่คีบน่องไก่ไว้หนึ่งชิ้น ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรวบรวมเอาความกล้าออกมา แล้วคีบน่องไก่ที่เหลืออีกหนึ่งชิ้นวางลงในจานของเฮ่อเหลียนชิง


ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ เธอต้องใจกว้างหน่อย ไม่ควรใจแคบจนเกินไป!


“คุณก็ทานเนื้อเยอะ ๆนะคะ ทานอะไรก็บำรุงส่วนนั้น หากกินเนื้อเข้าไปแน่นอนว่าต้องเสริมสร้างเนื้อ!”


เฮ่อเหลียนตกตะลึงอยู่ไม่น้อย การกระทำของเหมยเหมยนั้นดูเกินคาดไปจากความคิดของเขา


เขาเบะปากใส่ไปที เธอต้องจงใจเล่นละครให้เหยียนหมิงซุ่นดูแน่ ๆ เป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่มักจะเล่นละครเก่ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวย ๆนั้นนับว่าเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เกิด


แต่ถึงอย่างไรเขาก็กัดกินน่องไก่เข้าไปหนึ่งคำ เนื้อไก่ที่ถูกนึ่งจนเกือบเปื่อยกำลังดี แทบจะไม่ต้องเคี้ยวอะไรให้มากก็สามารถกลืนเข้าไปได้เลย


……………………………………………


[1] เป็นเทวนารีที่ปรากฏแต่โบราณกาลตามความเชื่อปรัมปราของจีนและเป็นที่นิยมบูชาในลัทธิเต๋าตามตำนานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทวนารีผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ทั้งเก้าชั้น


[2] หอยชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภท หอยขมหรือหอยจุ๊บ


ตอนที่ 934 อาการเบื่ออาหาร


อาหารของฟาร์มแห่งนี้เป็นอาหารที่อ่อนนุ่มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเฮ่อเหลียนชิงไม่ชอบทานอะไรเลย และเขายังมีอาการเบื่ออาหารชนิดรุนแรง ซึ่งมันเรื้อรังมานับหลายปี


เดิมทีผู้ป่วยที่มีอาการเบื่ออาหารรุนแรงอย่างเขา ในตอนนี้บนหลุมศพคงมีหญ้าแห้งขึ้นเต็มไปหมดอย่างแน่นอน


แต่ใครใช้ให้ประเทศนี้ทนเห็นเฮ่อเหลียนชิงตายไม่ได้กันล่ะ เพราะงั้นข้างกายของเขาจึงมีทีมแพทย์ประจำตัวที่คอยประจำการอยู่ในทุกช่วงเวลา หน้าที่เดียวของพวกเขาก็คือการคิดค้นวิธีการที่จะทำให้เฮ่อเหลียนชิงนั้นมีชีวิตที่ยืนยาว


ไม่กี่ปีมานี้อาการของเขาก็เบาลงไปเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะตัวเขาเองนั่นแหละที่ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ!


เขามักจะฝืนใจตัวเองให้กินอาหารอ่อนพวกนั้น แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น หากมากไปก็จะทำให้อาเจียน สิ่งที่ช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สำคัญของเขา นั่นก็คือการที่เขายังคงต้องพึ่งยาบำรุง


เฮ่อเหลียนชิงกัดน่องไก่เข้าไปหนึ่งคำ กลิ่นเนื้อที่ห่างหายไปนานได้แทรกซึมไปทั่วทั้งช่องปาก ต่อมรับรสที่ไม่ได้ทำงานมานานได้รับรู้ถึงรสชาติแสนอร่อยของเนื้อไก่ จากนั้นจึงส่งสัมผัสแสนอร่อยของเนื้อไก่ไปยังเปลือกสมองของเขา เพียงแต่…


ส่วนเปลือกสมองของเขานั้นกลับทำให้รสชาติที่แสนอร่อยนี้เปลี่ยนเป็นรสชาติที่น่าสะอิดสะเอียนไปโดยอัตโนมัติ จนกลายเป็นความรู้สึกผะอืดผะอมชวนอ้วกขึ้นมา


เฮ่อเหลียนชิงไม่อยากแสดงด้านที่อ่อนแอของตนต่อหน้าเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่น จึงฝืนทนต่อความรู้สึกสะอิดสะเอียนด้วยการกลืนเนื้อไก่ลงไป ท่าทีของเขาดูแย่ลงไปมากกว่าเดิม


ลูกน้องของเขาจึงรีบถามด้วยเสียงเบา ๆว่าให้หยิบกระโถนมาให้ไหมครับ เฮ่อเหลียนชิงส่ายหน้าปฏิเสธ


“ไม่ต้อง คีบหอยขมมาให้ฉันหน่อย”


เห็นภาพที่เหมยเหมยนั่งกินราวกับผีจอมหิวโหย รสชาติหอยขมคงจะไม่เลวนัก!


ลูกน้องของเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะออกอาการดีใจ หลายปีมานี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่คุณท่านบอกเองว่าต้องการทานอาหาร!


เขารีบคีบหอยขมหลายตัวมาวางบนจานใบเล็ก จากนั้นวางลงตรงหน้าของเฮ่อเหลียนชิง “คุณท่าน ให้ผมแคะเนื้อออกมาให้ไหมครับ?”


“ไม่ต้อง ฉันจะดูดกินเอง!”


เอาเข้าจริงนี่นับว่าเป็นการกินหอยขมครั้งแรกของเฮ่อเหลียนชิงเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เขาเป็นคนทางเหนือจึงไม่เคยกินของพวกนี้ แต่เขากลับคิดว่าคงดูดไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก ไม่เห็นหรือว่าจ้าวเหมยดูดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย!


หรือคิดว่าเขาจะสู้แม่เด็กคนนี้ไม่ได้?


แต่ในจังหวะที่เขาคีบหอยขมตัวเล็ก ๆ ลื่น ๆขึ้นมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆเพียงแค่ส่งเข้าปากก็เกิดเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้นหนึ่งครั้ง และนั่นคือเสียงหอยขมที่หล่นล่วงและหมุนติ้ว ๆกลิ้งลงสู่พื้น…


เฮ่อเหลียนชิงหน้าแข็งทื่อ เหลือบมองไปทางเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นแค่แวบเดียว ยังดีที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ จึงไม่เห็นว่าเขาได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า


และอีกครั้งที่เขาคีบหอยขมตัวเล็กขึ้นมา คีบไว้แน่นโดยใช้พละกำลังทั้งหมดที่เขามีอยู่


เฮ่อเหลียนชิงยิ้มใส่เจ้าหอยขมอย่างได้ใจ แล้วก็ส่งหอยขมเข้าปาก ลอกเลียนแบบท่าทีของเหมยเหมย โดยใช้ปากออกแรงดูด…ไม่มีเนื้อ…จากนั้นก็ออกแรงดูดอีกครั้ง…


ดูดจนแสบร้อนที่มุมปาก ทำให้เขาเกิดอาการสำลักจนไอ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว น้ำหูน้ำตาไหลพราก แต่นั่นกลับช่วยลดอาการผะอืดผะอมตอนกินเนื้อไก่นั้นไปได้จนหมด


ลูกน้องของเขาจึงรีบตักน้ำแกงมาให้เขาถ้วยหนึ่ง เฮ่อเหลียนชิงยกขึ้นดื่มราวกับว่านั่นเป็นน้ำวิเศษที่ช่วยชุบชีวิตก็มิปาน เขาดื่มแกงชามนั้นไปจนหมด ถึงทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง


แต่เขากลับไม่รู้ตัวเองว่าเมื่อครู่เขาได้ดื่มแกงถ้วยเล็กเข้าไป และยังดื่มมันจนหมดอีกด้วย


ข้างตัวของเฮ่อเหลียนชิงมีลูกน้องสองคนยืนอยู่ พวกเขาได้ผลัดกันส่งความตื่นเต้นผ่านทางสายตา แต่ท่าทียังคงสงบนิ่งดังเดิม ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้นและยังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม


เหมยเหมยก็กินหอยขมตัวเล็กเข้าไปอีกหลายสิบตัว มันเผ็ดร้อนจนทนไม่ได้ จึงซดน้ำแกงเข้าไปอีกเกินครึ่งถ้วย จากนั้นจึงคีบกินอาหารอื่นเข้าไปด้วย ฉับพลันเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย


“กับข้าวพวกนี้อร่อยนะคะ แต่ดูเละไปหน่อย เหมาะกับการทำให้คนชรากินเป็นที่สุด!”


เธอไม่ได้กินอาหารอย่างอื่นอีก ถึงแม้ว่ารสชาติจะไม่เลวนักแต่ความเป็นจริงคือมันเละเกินไปจนแทบไม่ต้องเคี้ยว ก็เหมือนกับโจ๊กหูหู่ที่ทำจากแป้งข้าวโพด ต่อให้อร่อยแค่ไหนแต่ตอนนี่เธอก็ไม่ได้ป่วยสักหน่อย


เฮ่อเหลียนชิงกลอกตามองเหมยเหมยไปทีหนึ่ง ไม่รู้จักการพูดเอาเสียเลย อะไรคือคำว่าเหมาะที่จะทำให้คนชรากิน อาหารที่ทำจนเละแบบนี้สิถึงจะมีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย!


หอยขมที่ใช้เวลาอันเนิ่นนานก็ยังไม่อาจจะเอาชนะได้ และนั่นก็กระตุ้นให้เฮ่อเหลียนชิงรู้สึกอยากที่จะเอาชนะขึ้นมา เขาจึงอดทนต่อความเผ็ดที่ลำคอเอาไว้ จากนั้นคีบหอยขมขึ้นมาแล้วออกแรงดูด


ในที่สุดก็ดูดออกมาได้ แม้แต่ลำไส้ก็ยังหลุดออกมาด้วยนะ


…………………………………………………….


ตอนที่ 935 อร่อย อร่อย


ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมยเหมยเห็นเข้าพอดี จึงรีบพูดห้ามเสียงดัง “นั่นส่วนตูดมันกินไม่ได้ สกปรก!”


เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังได้ใจอยู่นั้น พอรู้สึกตัวจึงรีบคายเนื้อหอยขมที่มีลำไส้ติดอยู่ออกมาจากปาก


เนื้อหอยขมเล็กเท่าขนาดเล็บมือ แต่ไส้กลับขดเป็นก้อน


“ลำไส้กินไม่ได้ ข้างในมีเชื้อโรคอยู่มาก พอเราดูดมันออกมาต้องกัดทิ้ง กินได้เฉพาะเนื้อส่วนหน้า นี่ กินเหมือนหนูแบบนี้”


เหมยเหมยมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่เคยกินหอยขมมาก่อน จึงหวังดีทำเป็นตัวอย่างให้กับเขา ดูดเบา ๆ เพียงเล็กน้อยเนื้อหอยขมก็ออกมา เธอใช้ฟันกัดไว้ และยังทำให้เขาได้เห็นส่วนของลำไส้ที่อยู่ด้านในของเปลือกหอย


“กินแบบนี้ค่ะ ถ้าหากคุณดูดไม่ออก ก็ใช้ไม้จิ้มฟันแทงออก นี่ แทงแบบนี้ ง่ายมาก ๆเลยล่ะ”


เหมยเหมยหยิบไม้จิ้มฟันที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งก้าน ใช้มันแทงเอาฝาเปลือกหอยออก และเสียบลงไปในเนื้อหอย จากนั้นใช้แรงเพียงเล็กน้อยเพื่อแคะมันออกมา พร้อมกับตัดส่วนลำไส้เข้ากับส่วนคมของขอบเปลือกหอยให้ขาด เพียงเท่านี้เนื้อหอยขมก้อนกระจิ๋วก็เสียบคาอยู่บนไม้จิ้มฟันแล้ว


เธอวางเนื้อหอยขมไว้ในจานของเฮ่อเหลียนชิง พร้อมทั้งอมยิ้มพูดว่า “คุณลองลิ้มรสดูสิคะ อร่อยมากเลยนะ แต่ช่วงนี้เนื้อหอยขมไม่ค่อยอร่อย ช่วงที่อร่อยที่สุดเป็นช่วงหนึ่งเดือนก่อนถึงวันเช้งเม้ง ที่บ้านเกิดของแม่ฉันมีกรรมวิธีในการทำเนื้อหอยขม(เช้งเม้ง) และเนื้อห่าน(พันธุ์จีน) เนื้อทั้งแน่นทั้งนุ่ม กินได้ทุกวันอย่างไม่รู้เบื่อเลยล่ะ”


เฮ่อเหลียนชิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบไม้จิ้มฟันในจานขึ้นมา และกัดเข้าที่เนื้อหอยขมก้อนเล็ก ๆนั่น แล้วเคี้ยวอยู่ในปากอย่างช้า ๆ


แววตาของลูกน้องข้างตัวเขามีแต่ความกังวล จับจ้องไปที่ปากของเฮ่อเหลียนชิงโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา


ขอบคุณสวรรค์ แม้ว่าเฮ่อเหลียนชิงจะเคี้ยวได้ช้ามาก และเคี้ยวอยู่นานสองนาน แต่ในที่สุดเขาก็กลืนเนื้อหอยลงไป และยังมีท่าทีสงบนิ่งเอามาก


บรรดาลูกน้องต่างลอบถอนหายใจกันไปพลาง พร้อมทั้งรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง


นึกไม่ถึงว่าคุณท่านจะชอบทานเนื้อหอยขม ต่อไปนี้ต้องบอกให้ในห้องครัวทำให้ทุกวัน ขอแค่คุณท่านเต็มใจที่จะกิน ต่อให้เป็นนกแพนกวินจากขั้วโลกใต้ พวกเขาก็จะพยายามหามันมาให้ได้


“อร่อยใช่ไหมค่ะ? ดูดกินเองยิ่งอร่อย ต่อให้อยากหยุดก็หยุดไม่ได้”


เหมยเหมยมองแววตาที่ตื่นเต้นของลูกน้องทั้งสองด้วยความแปลกใจ แค่กินเนื้อหอยขมเองไม่ใช่หรือ ไม่ได้กินเนื้อปลาฉลามสักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น?


เฮ่อเหลียนชิงมองเธอแค่แวบเดียว ในเวลานี้เหมยเหมยได้เริ่มดูดกินหอยขมอีกครั้ง เสียงซู้ด ๆดังเข้ามาในโสตประสาทหูอยู่ตลอดเวลา ฟังแล้วก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบในใจ และยิ่งทำให้น้ำลายสอไปทั่วปาก


สิบกว่าปีมาแล้ว นับว่าเป็นครั้งแรกที่ความอยากอาหารของเขาทำงานได้แข็งขันขนาดนี้ และสิ่งที่กระตุ้นเขานั้นกลับเป็นแค่หอยขมจานใหญ่ที่ไม่เข้าตานัก


เป็นอีกครั้งที่เขาคีบหอยขมตัวหนึ่งขึ้นมา และไม่ได้ใช้ไม้จิ้มฟันอีก แต่เลือกที่จะดูดมันอีกครั้ง สองสามครั้งแรกยังคงเก้ ๆ กัง ๆอยู่บ้าง แรงที่ใช้ควบคุมยังไม่ดีพอ และมักจะดูดเอาลำไส้ออกมาด้วยตลอด แต่พอดูดไปหลาย ๆครั้ง เขาก็สามารถควบคุมแรงดูดได้


แต่ความเร็วของเขายังคงช้าอยู่ ในขณะที่เขาออกแรงดูดได้เพียงหนึ่งตัว เหมยเหมยนั้นสามารถดูดได้สี่ถึงห้าตัว เขาเห็นดังนั้นจึงรู้สึกคันปากอยากทำได้อย่างนั้นขึ้นมา


“อิจฉาเหรอคะ? กว่าฉันจะทำได้เนี่ยฝึกวิชามานับสองปีเลยนะ แม่ของฉันดูดออกมาได้เร็วกว่านี้อีก แม้แต่เสียงดูดก็ไม่มีให้ได้ยินด้วยล่ะ”


เหมยเหมยรับรู้ถึงสายตาอิจฉาริษยาของฝ่ายตรงข้ามอย่างเฮ่อเหลียนชิง จึงรู้สึกได้ใจเป็นอย่างมาก ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกเฮ่อเหลียนชิงด่าเมื่อครู่นั้นได้หายไปจนหมด และยังจงใจทำท่าทางประกอบให้ช้าลง ดูดหอยขมต่อหน้าของเฮ่อเหลียนชิงด้วยความสำราญ


เหยียนหมิงซุ่นเห็นดังนั้นจึงนึกขำขึ้นมา และตักน้ำแกงหนึ่งถ้วยส่งให้กับเหมยเหมย พร้อมทั้งพูดกับเฮ่อเหลียนชิง “หอยขมมีรสเผ็ดเล็กน้อย พ่ออย่าทานแค่อย่างเดียว ต้องทานกับข้าวหรือแกงด้วย”


เหมยเหมยยัดข้าวคำโตใส่ปากเคี้ยวตุ่ย ๆจนแก้มเขยื้อน พยักหน้าให้กับเฮ่อเหลียนชิงไม่หยุด ไม่ง่ายนักที่จะกลืนข้าวลงท้องได้ พอกลืนลงไปได้จึงเอ่ยออกมา “เนื้อหอยขมเหมาะกับข้าวสวยที่สุดแล้ว ทุกครั้งที่กินหอยขมหนูจะกินข้าวเพิ่มอีกหนึ่งจาน”


พูด ๆอยู่ก็ตักข้าวคำโตใส่ปาก ตอนกลางวันเอาแต่นอนอยู่กับเหยียนหมิงซุ่น ไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย ปล่อยให้ท้องว่างอยู่ตั้งนานสองนาน


เฮ่อเหลียนชิงได้แต่กลืนน้ำลายไม่หยุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แค่เห็นสาวน้อยคนนี้ทานข้าวตนก็รู้สึกตะกละตะกลามขึ้นมาทันที ภายในปากก็เปลี่ยนไปจนรับรู้รสชาติได้ กระเพาะอาหารที่หยุดทำงานมาหลายสิบปีก็กลับมาขยับเขยื้อนอีกครั้ง


ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่จะไม่กระตุ้นสมองของเขาเลย มันบอกกับเขาว่า…


อร่อย…อร่อย…


……………………………………………………


ตอนที่ 936 แอบกระทำลับหลัง


เฮ่อเหลียนชิงซดน้ำแกงไปครึ่งชามแต่ก็ยังรู้สึกหิวอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเรียกลูกน้องที่อยู่ข้างตัว “ตักข้าวให้ฉันอีกครึ่งจาน”


“ครับ!”


ลูกน้องของเขาใช้ความอดทนเป็นอย่างมากที่จะสามารถควบคุมความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ แล้วตักข้าวใส่ในจานเล็กครึ่งหนึ่ง และวางลงตรงหน้าเฮ่อเหลียนชิง


“พี่หมิงซุ่น ข้าวสวยนี่อร่อยมากเลย ต่อให้ไม่มีกับข้าวฉันก็สามารถกินหมดได้เป็นจาน ๆแน่ะ”


เหมยเหมยไม่ได้พูดเกินความจริง ข้าวที่ฟาร์มแห่งนี้เม็ดแน่นขาวใส มันเงา เหมือนดั่งเม็ดไข่มุกก็มิปาน แถมยังให้รสชาติที่หวานและเหนียวอยู่ในปาก ชีวิตทั้งสองภพชาติของเธอรวมกันก็ยังไม่เคยได้กินข้าวที่มีรสชาติอร่อยขนาดนี้เลย


เธอกินข้าวในจานนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว และใช้สองมือยกชามไปตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่นพร้อมกับพูดจาออดอ้อน “ฉันยังอยากกินอีก…”


ทุกครั้งที่เหมยเหมยออดอ้อน ปลายเสียงนั้นจะลากยาวมาก และยังพูดซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คนฟังรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง จะพูดปฏิเสธอะไรก็พูดไม่ออก


แน่นอนว่าเป็นแค่เฉพาะกับผู้ชาย…


และเป็นกับผู้ชายทุกคนยกเว้นแค่เฮ่อเหลียนชิง


เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นที่วุ่นวายอยู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่เงียบ ๆ และหัวเราะร่าราวกับคนโง่เสียสติ เขาจึงหัวเราะเยาะในใจ


เหอะ อีกหน่อยรอให้ถูกสวมเขา ถึงเวลานั้นแกจะต้องร้องไห้!


ในเมื่อเรียกเขาว่าพ่อแล้วจะยังไงก็ต้องคอยเป็นห่วง และต้องคอยช่วยหาลูกสะใภ้ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม ใจกว้าง ดูแลครอบครัว และมีเหตุผลให้กับลูกชาย ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นหน้าที่ของเขา


ในอีกสองสามวันหลังจากนี้ค่อยให้คนไปเสาะหาหญิงสาวในเมืองหลวงที่มีอายุเหมาะสม แล้วเขาเองก็จะคอยช่วยคัดสรรให้


วัยรุ่นจะไปเข้าใจอะไร มองเพียงแค่รูปลักษณ์หน้าตาไม่ดูความสามารถ แต่กลับไม่รู้ว่าการหาภรรยาสักคนโดยอาศัยเฉพาะแค่หน้าตานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพิจารณา ความประพฤติต่างหากที่จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้หญิงที่มีแค่ความสวยงามแบบนั้นยิ่งไม่ควรขอแต่งงานเป็นที่สุด!


เหยียนหมิงซุ่นตักข้าวให้เหมยเหมยอีกครึ่งจาน “กินให้มันน้อย ๆหน่อย เดี๋ยวก็อิ่มจนจุกอีกหรอก”


เหมยเหมยส่งยิ้มหวานให้เขา ราดน้ำแกงลงไปในข้าวเล็กน้อย คลุกเคล้าด้วยช้อน “ข้าวราดน้ำแกงอร่อยที่สุดแล้ว”


เธอทำเสียงฮึดฮัดและยัดข้าวคำโตเข้าปากอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงคีบหอยขมขึ้นมาดูดกิน เหยียนหมิงซุ่นคีบเอาน่องไก่ในจานตนไปวางไว้ในจานของเหมยเหมย


“กินน่องไก่นี่เข้าไปด้วย อย่าเอาแต่กินหอยขมอย่างเดียว เผ็ดขนาดนี้ไม่ดีต่อกระเพาะ”


เหมยเหมยกัดน่องไก่ไปครึ่งหนึ่ง ที่เหลือส่งกลับคืนไปให้กับเหยียนหมิงซุ่นอีกครั้ง พร้อมกับยิ้มตาหยีให้เขา “เรากินกันคนละครึ่งนะ”


เหยียนหมิงซุ่นเองก็ยิ้มตาม พลางสอดมือลงไปใต้โต๊ะและกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ พร้อมทั้งเขี่ยบนฝ่ามือของเธอไปด้วย


เหมยเหมยจึงยื่นขาออกไปเหยียบเบา ๆที่เท้าของเขา


ทั้งคู่ต่างคิดว่าไม่มีใครรู้เห็นจึงนึกสนุกอยู่แบบนั้น แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านั้นได้อยู่ในสายตาของเฮ่อเหลียนชิงทั้งหมด


“อะแฮ่ม…”


เฮ่อเหลียนชิงกระแอมออกมาเสียงดัง “กินข้าวก็คือกินข้าว รักษากฎหน่อย มือเท้าอยู่ให้มันดี ๆด้วย!”


เหมยเหมยดึงเท้ากลับอย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นเองก็รีบชักมือกลับและเริ่มทานอาหารกันอย่างจริงจัง เหมยเหมยกินเนื้อไก่ที่ได้กัดไปเมื่อครู่ ดวงตาเป็นประกายวาววับ


พูดขึ้นอย่างมีความสุข “เนื้อไก่ก็อร่อยแหะ พี่หมิงซุ่นกินเยอะ ๆหน่อยสิ เนื้อไก่มีสารอาหารมากที่สุดแล้ว”


เธอจัดการกับน่องไก่ในชามอย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมทั้งคีบตับไก่มาอย่างสำราญใจ กินด้วยความเอร็ดอร่อย และมองฝั่งตรงข้ามที่มีเฮ่อเหลียนชิงนั่งกลืนน้ำลายอยู่


เหตุใดแม่สาวน้อยผู้นี้กินอะไรเข้าไป ก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันอร่อยมากเป็นพิเศษ…


อยากกินมาก…


เฮ่อเหลียนชิงเองก็ตักน้ำแกงมาราดบนข้าว คลุกเคล้าเพื่อให้ข้าวแช่ในน้ำแกง พอตักเข้าปากไปสักพัก กลับไม่ได้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก เขาลองเคี้ยวดู…กินข้าวคำแรกหมดแล้ว…ไม่ได้อ้วก


เขาดูดกินหอยขมอีกครั้ง พร้อมกับทานข้าว ในที่สุดเขาก็กินข้าวชามเล็กหมดไปโดยไม่รู้ตัว หลอดอาหารและกระเพาะอาหารที่เหือดแห้งมานานกลับมารู้สึกเบิกบานอีกครั้ง และนั่นยังช่วยเสริมสร้างพละกำลังให้เขามากยิ่งขึ้น


ร่างกายดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก!


………………………………………………..


ตอนที่ 937 คนโปรดคนใหม่


ภายใต้แรงดึงดูดของเหมยเหมย เฮ่อเหลียนชิงไม่เพียงกินข้าวหมดไปถึงครึ่งชาม ยังกินน่องไก่ก่อนหน้านั้นเข้าไปอีกเกินกว่าครึ่งโดยไม่อ้วกออกมาแม้แต่น้อย


ภายใต้ความพยายามของพวกเขาทั้งสอง หอยขมจานนั้นก็ถูกจัดการไปจนเกลี้ยง เหลือเพียงแค่หอม ขิง กระเทียมและพริก


เหมยเหมยกินข้าวหมดไปหนึ่งชามกับอีกครึ่ง และยังกินเนื้อไก่กับหอยขมเข้าไปอีกไม่น้อย กินอิ่มจนพุงกางจนถึงกับเรอออกมาเสียงดังถึงสามครั้งติด


“อิ่มมาก…เอ๊อะ…”


เธอลูบวนที่หน้าท้อง รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ครั้งแรกที่มาเป็นแขกก็กินจนพุงกางขนาดนี้ อีกสักพักเฮ่อเหลียนชิงต้องบอกว่าเธอไม่มีความเกรงใจเป็นแน่


แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาเองก็อิ่มจนพุงกาง…


กระเพาะอาหารที่หยุดทำงานมาหลายสิบปี จู่ ๆ กลับยัดอาหารเข้าไปตั้งมากมาย จนสุดท้ายก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เมื่อเฮ่อเหลียนชิงเกิดอาการปวดท้องขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดออกมา เขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าของเหยียนหมิงซุ่นและคนอื่น ๆ


“บอกให้ในครัวต้มชาที่ช่วยย่อยมาให้ที” เหยียนหมิงซุ่นเห็นถึงความผิดปกติของเฮ่อเหลียนชิงจึงออกคำสั่ง


ชาช่วยย่อยนั้นใช้เวลาต้มอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ถูกยกเข้ามาให้ เฮ่อเหลียนชิงและเหมยเหมยต่างก็ถูกบังคับให้ดื่มเข้าไปคนละแก้ว สรรพคุณถือว่าไม่เลวเลย ใช้เวลาไม่นานอาการปวดท้องก็หายไป


“คุณชายหมิง บ้านซื้อได้เพียงแค่ห้าหลัง ที่เหลือนั้นคนอื่นไวกว่าจึงได้ไปก่อน”


ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามารายงาน ในแววตาฉายแววความไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่ได้จัดการธุระให้สำเร็จจึงเกรงว่าจะถูกคุณท่านลงโทษเอาได้


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น พลางถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น


“เพราะบ้านเหล่านั้นไม่ได้มีคนกลางคนเดียวกัน ช่วงเช้าพวกกระผมเข้าไปซื้อกับคนกลางคนแรกเป็นจำนวนห้าหลัง ที่เหลืออีกหกหลังนั้นเป็นของคนกลางอีกคน ซึ่งในตอนเช้าพวกกระผมได้ทำเรื่องซื้อขายบ้านห้าหลังนั้นเอาไว้แล้ว และตอนบ่ายก็ได้นัดจ่ายเงินกับอีกคนไว้ แต่พอตกบ่าย คนกลางที่ขายบ้านกลับโทรมาหาเพื่อแจ้งว่าบ้านได้ถูกคนอื่นซื้อไปแล้ว หนำซ้ำยังบอกอีกว่าตัวเขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ” ลูกน้องตอบ


“ทำไมถึงไม่มีทางเลือกล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะไปที


ลูกน้องคนนั้นมองเฮ่อเหลียนชิงแวบหนึ่งอย่างมีลับลมคมใน พร้อมกัดฟันพูด “เพราะว่าคนที่ซื้อบ้านเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อ”


เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังหลับตาพักเหนื่อยก็ลืมตาขึ้นมาในทันที แล้วหันไปมองยังลูกน้อง “พูดมาตั้งแต่ต้นจนจบสิ”


ลูกน้องยิ้มให้กับตัวเองด้วยความขมขื่น รู้อยู่แล้วว่าหากคุณท่านได้ยินชื่อเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องเป็นแบบนี้


เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนนับว่าเป็นเขตหวงห้ามของคุณท่าน ใครหน้าไหนก็ไม่อาจพูดถึงได้


“คนที่ซื้อบ้านไปนั้นไม่น่าจะเป็นตัวของเฮ่อเหลียนเช่อเอง แต่คงมีความสัมพันธ์กันแบบผิวเผิน เพราะตัวเขานั้นได้ใช้อำนาจคุกคามต่อคนกลาง คนกลางจึงจำต้องขายบ้านไป”


“คนที่ซื้อบ้านเป็นใครมาจากไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถาม


“เหมยซูหาน ว่ากันว่าเป็นคนโปรดคนใหม่ของเฮ่อเหลียนเช่อ ที่เอาแต่โอนอ่อนผ่อนตามเขาไปเสียหมด”


เหมยเหมยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพียงแค่ได้ยิน ‘คนโปรดคนใหม่’ คำนี้ก็รู้สึกว่ามันไม่น่าฟังเอาเสียเลย


แม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะข้องเกี่ยวพัวพันกับเหมยซูหานในทุก ๆอย่าง  แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้เขาถูกผู้ชายคนหนึ่งคอยเลี้ยงดู มิหนำซ้ำยังเป็นพวกวิกลจริตอีกด้วย


อยู่ร่วมกับคนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ เปรียบเสมือนการไต่เชือกเหล็กบนหน้าผาสูงใหญ่ก็มิปาน หากไม่ระวังก็สามารถร่วงตกลงมาจากหน้าผาได้ กระดูกอาจจะถูกบดเป็นผงธุลี


เฮ่อเหลียนชิงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่น่าฟังนัก เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าเหมยซูหานเป็นใคร


ถึงอย่างไรช่วงโปรโมชั่นของความสัมพันธ์นั้นอย่างมากก็แค่เพียงครึ่งปี แต่เขาสนใจศักดิ์ศรีของตัวเองมากกว่า


บัดนี้ลูกชายของเขาต้องเสียหน้าให้กับเด็กเลี้ยงในสังกัดของเฮ่อเหลียนเช่อ ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่อาจกล้ำกลืนมันลงไปได้


“มีเพียงไอ้ลูกเวรนั่นที่เที่ยวไปใช้อำนาจบาตรใหญ่แบบนั้นได้เหรอ? นี่ฉันอบรมสั่งสอนพวกแกให้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์หรือ? อับอายขายขี้หน้าเป็นที่สุด!”


เฮ่อเหลียนชิงดูท่าจะเป็นเพราะพึ่งกินจนอิ่มจึงอารมณ์ดี น้ำเสียงดังขึ้นกว่าปกติมากจนทำให้แสบหู แก้วหูก็สั่นสะเทือนดังวิ้ง ๆระงม


เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดหูไว้ พลันใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม


คงจะไม่วางมวยกันขึ้นมาหรอกใช่ไหม?


ตอนที่ 938 ถอยออกมาตั้งหลัก


เฮ่อเหลียนชิงทำให้บรรดาลูกน้องตกใจจนอกสั่นขวัญผวาจนต้องเอ่ย “เพราะคุณชายหมิงสั่งมา หากอยู่นอกบ้านก็ไม่ควรทำเรื่องเป็นที่จับตามองมากจนเกินไป พวกเราไม่กล้า…”


“เพี้ยะ”


เฮ่อเหลียนชิงใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะหิน เหมยเหมยที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกเจ็บไปทั่วฝ่ามือแทน


“ไร้สาระสิ้นดี ไม่ควรให้ถูกจับตามองงั้นเหรอ? ปกติฉันพูดว่ายังไง เจอหน้าไอ้ลูกเวรนั่นต้องจัดการจนถึงที่สุด พวกแกมันไร้ประโยชน์ พวกแกทำให้ฉันอับอายขายขี้หน้าไปเสียหมด ไอ้ลูกเวรนั่นกับไอ้จิ้งจอกเฒ่า ป่านนี้พวกมันคงดื่มเหล้าฉลองอย่างมีความสุขอยู่ที่บ้านไปแล้ว…แค่ก ๆ ๆ…”


เฮ่อเหลียนชิงหน้ามีเลือดฝาดขึ้นสีแดงและยังไอออกมาอย่างรุนแรง จนร่างกายโค้งงอเป็นกุ้งฝอย ไอ ‘แค่ก ๆ’ ไม่หยุด ไอราวกับจะเอาปอดออกมาก็มิปาน


“พ่ออย่าโกรธเลย เรื่องนี่ผมผิดเอง เป็นเพราะผมให้พวกมันจัดการอย่างเงียบ ๆ…”


เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไปลูบหลังให้เฮ่อเหลียนชิงพลางนึกโทษตัวเอง เขานึกไม่ถึงว่าเรื่องราวความแค้นระหว่างเฮ่อเหลียนชิงและเฮ่อเหลียนเช่อจะลึกซึ้งได้ถึงเพียงนี้ ราวกับความแค้นนั้นลึกเท่ากับทะเลสีเลือด


“เพี้ยะ!”


เฮ่อเหลียนชิงฟาดมือลงไป รอยสีแดงสดจากนิ้วมือทั้งห้าปรากฏอยู่บนใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่น


 เหมยเหมยร้อนรนจนแทบจะยั้งตัวไม่ให้พุ่งเข้าไปไม่ได้ แต่เธอรู้ดีในเวลาแบบนี้เธอไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ แล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้…


เธอมองรอยนิ้วมือที่ปรากฏบนใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเจ็บปวด ความรู้สึกในท้องเธอนั้นได้จัดการลงทัณฑ์ทรมานทั้งสิบแปดแห่งแมนจู[1] กับเฮ่อเหลียนชิงไปจนครบทุกอย่างแล้ว


“แกไม่รู้เรื่องอะไร แล้วสั่งการไปเพื่อ?”


“ผมผิดไปแล้ว ขอรับคำชี้แนะจากพ่อด้วย!”


เหยียนหมิงซุ่นคุกเข่าพร้อมกับก้มหัวให้ด้วยความเคารพ ไม่แสดงออกถึงความไม่พอใจแม้แต่น้อย เป็นเพราะเขารู้ว่าตนเองทำผิดจริง ๆ ถูกตบก็นับว่าสมควรแล้ว


เฮ่อเหลียนชิงที่เห็นเหยียนหมิงซุ่นยังคงมีท่าทีเคารพ ความโกรธที่กำลังปะทุก็ลดลงไปบ้าง


“ฉันขอบอกแกไว้ในตอนนี้เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงหรือที่แห่งไหนก็ตาม แกอยากจะถอยให้ใครก็ได้ แต่มีเพียงแค่สองคนที่ต่อให้แกต้องตายก็ไม่ควรถอย นั่นคือหนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อ จำได้แล้วใช่ไหม?”


“จำได้ครับ ถ้าเจอกับสองคนนี้แค่ครึ่งก้าวก็ห้ามถอย!” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงดังฟังชัด


เฮ่อเหลียนชิงพยักหน้าเล็กน้อยพึงพอใจที่เหยียนหมิงซุ่นยังเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เขาจึงเอ่ยปากสั่งสอนอีกครั้ง “อีกอย่างต่อไปนี้ถ้าออกไปข้างนอกไม่ควรจะถ่อมตัวอะไรอีก คนของฉันไม่ควรจะถ่อมตัว ฉันเป็นถึงระดับนี้แล้วยังจะให้ถ่อมตัวอะไรอีก? อย่าให้คนอย่างฉันต้องอับอายขายขี้หน้าอีก!”


“ครับ!”


เหยีนหมิงซุ่นและคนอื่น ๆต่างขานรับอย่างพร้อมเพรียง


“คุณท่าน ผมจะพาคนไปจัดการเอาบ้านพวกนั้นคืนมาเดี๋ยวนี้แหละครับ!” ลูกน้องคนเมื่อครู่กำหมัดไว้แน่น คิดเพียงแค่อยากล้างแค้นความอัปยศนี้


เหยียนหมิงซุ่นคิดไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ย “พ่อครับ ผมคิดว่าเราไปแย่งเอาบ้านมาในตอนนี้ดูจะไม่เหมาะสมนัก ครั้งหน้าถ้าเป็นที่อื่นเราค่อยสั่งสอนเฮ่อเหลียนเช่อไม่ดีกว่าหรือครับ”


เฮ่อเหลียนชิงเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา เพื่อเป็นสัญญาณว่าให้เขาพูดต่อ


“สำหรับศัตรูแล้วเราไม่ควรถอยให้แม้แต่คืบเดียว แต่ด้วยเหตุนี้เราควรถอยกลับมาเพื่อตั้งหลักเสียก่อน จุดอ่อนเพียงชั่วคราวไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอที่แท้จริง ในเมื่อบ้านหกหลังนี้หลุดไปอยู่ในมือของเฮ่อเหลียนเช่อแล้วก็ปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน พวกเราค่อยหาจังหวะกับเรื่องอื่น เพื่อสั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบ ให้พวกเขาเจ็บปวดเสียเลือดมากกว่านี้”


เหยียนหมิงซุ่นพูดความคิดเห็นของตนออกมา แน่นอนว่าเขาเองก็โกรธที่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อตัดหน้าแย่งไป แต่จะเอาคืนด้วยวิธีนี้มันไม่ได้มีผลดีอะไรเลย ยอมปล่อยให้เฮ่อเหลียนเช่อได้ใจไปก่อน แล้วอีกหน่อยค่อยสั่งสอนคนวิปริตอย่างมัน


อุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของเฮ่อเหลียนเช่อนั้นมีอยู่มากราวกับขนวัว อยากจะจัดการคนหนุนหลังเขานั้นง่ายเพียงนิดเดียว!


มาชิงบ้านทั้งหกหลังของเขาไป เขาจะทำให้เฮ่อเหลียนเช่อสำรอกออกมาให้มากกว่านั้น!


เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความชื่นชม เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับทหารมาตั้งแต่เด็ก  สิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นพูดนั้นเขาเข้าใจดี เมื่อครู่เป็นเพียงเพราะอารมณ์โมโหปะทุขึ้นมาจึงทำให้เขาทนไม่ได้


หากว่าเขาเป็นเพียงแค่คนที่ไม่รอบคอบสักแต่จะทำ จะยังต่อกรกับหนิงเฉินเซวียนมานานหลายปีและยังมีชีวิตอยู่ต่อมาถึงตอนนี้ได้เหรอ


“ได้ งั้นเรื่องนี้ก็ยกให้แกจัดการ ภายในหนึ่งเดือนฉันจะต้องได้เห็นข่าวดี!”


เหยียนหมิงซุ่นส่งเขาขึ้นบันได เฮ่อเหลียนชิงเดินลงพื้นมาได้อย่างง่ายดายพลางยู่ปากไปทางบรรดาลูกสมุนให้ช่วยประคองเขากลับเข้าห้อง ทิ้งไว้เพียงเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงเพียงสองคน


……………………………………………………….


ตอนที่ 939 ความภาคภูมิใจของลูกผู้ชาย


เหมยเหมยสะกิดเหยียนหมิงซุ่น พร้อมกับเอ่ยปากถาม “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพ่อของพี่คิดแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว!”


เหยียนหมิงซุ่นกลั้นขำไม่อยู่ ซึ่งเขาเองก็คิดเช่นนั้น และถ้าเป็นเช่นนั้นดูท่าว่าเขาจะถูกตบฟรี ๆเสียแล้ว


เหมยเหมยประคองแก้มของเขาเอาไว้ด้วยความสงสาร พร้อมเอ่ยอย่างโมโห “คนคนนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ต่อไปนี้พี่หมิงซุ่นต้องระวังตัวหน่อย จะพูดจะจาอะไรก็อยู่ให้ห่างจากเขา แล้วก็หลีกเลี่ยงช่วงที่เขากำลังประสาทกินและวิ่งไล่ตบคนแบบนี้อีก”


“ไม่ควรพูดจาแบบนี้ พ่อเขาสั่งสอนพี่ก็ถูกแล้ว เป็นพี่เองที่ไม่ควรสั่งลูกน้องทำงานถ่อมตัวเงียบ ๆเช่นนั้น มันคือความผิดของพี่เอง” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย


“แต่เมื่อกี้พี่บอกว่าถอยมาตั้งหลักไม่ใช่เหรอ?”


เหมยเหมยไม่เข้าใจ ซึ่งระดับมันสมองของเธอนั้นมีขีดจำกัด จึงยากที่จะทำความเข้าใจกับเรื่องราวทางยุทธวิธีที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้


เหยียนหมิงซุ่นหยิกแก้มของเธอเบา ๆ หัวเราะพร้อมกับเอ่ย “ถอยมาตั้งหลักเป็นแค่วิธีการแก้ปัญหา หลักจากที่ปัญหานั้นเกิดขึ้นแล้ว แต่ในระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้นจะใช้วิธีการอ่อนแอไม่ได้เพราะนั่นจะทำให้พ่อเสียหน้า”


เหมยเหมยที่ได้ยินดังนั้นเหมือนว่าจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ หัวคิ้วผูกกันจนแทบจะเป็นก้อน เหยียนหมิงซุ่นที่เห็นเข้าจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันไม้คันมือ เลยเลือกที่จะหยิกไปบนแก้มเธออีกหลายครั้ง และพูดขึ้นอย่างนึกสนุก “เหมยเหมยไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก เรื่องนอกบ้านน่ะให้เป็นเรื่องของพี่ เธอแค่รับผิดชอบ…เป็นภรรยาให้พี่ก็พอแล้ว…”


ประโยคหลังจากนั้นเขากระซิบที่ข้างหูของเหมยเหมย ไออุ่นเป่ารดที่ใบหน้าของเธอจนร้อนผ่าว จึงฟาดมือไปที่เขาด้วยความเขินอาย ทำหน้านิ่งพร้อมกับเอ่ยด่าเขา “เกลียดนัก…”


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะร่าอย่างได้ใจ จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามากอด พร้อมทั้งแบกเธอขึ้นหลัง เสียงร้องปนหัวเราะของหญิงสาวดังแว่วไปไกล…


เฮ่อเหลียนชิงที่อยู่ในห้องก็พลอยได้ยินไปด้วย เขารู้สึกแค่ว่าหนวกหู จึงอดไม่ได้ที่จะด่าออกไป “ผิดผีผิดประเพณี!”


ลูกสมุนข้างกายต่างก็มุ่ยปากไปตาม ๆกัน คู่หนุ่มสาวหยอกเย้ากันนับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป อย่างคุณท่านนี่เรียกว่าพยายามหาเรื่องติเตียนชัด ๆเลย!


เฮ่อเหลียนชิงที่เพิ่งกินอิ่มก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย หนังตาก็เกิดการประท้วงขึ้น และยิ่งนับเป็นเรื่องดีสำหรับลูกน้องของเขา ความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อเหมยเหมยยิ่งเพิ่มขึ้น เขาอุ้มเฮ่อเหลียนชิงไปยังห้องน้ำก่อน เพื่อทำการชำระล้างร่างกาย จากนั้นค่อยอุ้มขึ้นเตียง


“พรุ่งนี้แกไปบอกคนพวกนั้นว่าให้ไปเก็บรวบรวมข้อมูลและภาพถ่ายของผู้หญิงที่มีอายุระหว่างสิบห้าถึงยี่สิบปีในบรรดาตระกูลที่พอจะมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมา ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว”


ดวงตาของเฮ่อเหลียนชิงกึ่งหลับกึ่งตื่น พอพูดจบเขาก็หลับลงอย่างง่ายดาย ทำให้ลูกน้องที่คอยปรนนิบัติยู่ข้างกายเขาร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้


หลายปีมานี้คุณท่านของเขาไม่ได้เข้านอนมานานแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเหมยเหมยขึ้นรถ จากนั้นคนทั้งคู่ก็พลอดรักกันอยู่พักใหญ่ แสงยามเย็นได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นแสงสลัวของดวงจันทร์ที่โผล่พ้นปลายยอดของต้นหลิว มืดสลัว ๆช่างเป็นค่ำคืนที่เหมาะสำหรับการพบปะของคู่รัก


เหมยเหมยถูกจูบจนแทบไม่มีอากาศหายใจ หากผ่านค่ำคืนนี้ไป เธอและเหยียนหมิงซุ่นก็จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกหลายวัน ไม่อยากห่างกันเลย!


“เป็นเด็กดีล่ะ อีกไม่กี่วันพี่จะขอลาหยุดเพื่อมาหาเธอ…หืม”


เหยียนหมิงซุ่นกอดเธอที่นั่งอยู่บนหน้าขา โดยไม่กล้าทำอย่างอื่น มือทั้งสองข้างทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นเขาคงต้องได้รบกวนมือทั้งห้านิ้วอีก


“อืม…”


เหมยเหมยพิงอกเขาอย่างเชื่อฟัง มือเล็ก ๆของเธอลูบนั่นลูบนี่ไปมาอย่างเบื่อหน่าย ทุก ๆสัมผัสของเธอ ทำให้เหยียนหมิงซุ่นนั้นยากเกินจะห้ามใจไหว เขาข่มใจกดมือเล็ก ๆที่อยู่ไม่เป็นสุขนั้นไว้


“พี่จะไปส่งเธอที่บ้านตระกูลเซียว ส่วนเรื่องบ้านไม่ต้องรีบหรอก อีกหน่อยพี่จะเอามันมาคืนเธอให้ได้” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยรับปาก


“ไม่ได้คืนก็ไม่เป็นไร พวกเราไม่จำเป็นต้องมีเรื่องกับเฮ่อเหลียนเช่อเพราะเรื่องแบบนี้ ฉันขอแค่ให้พี่ปลอดภัย…”


เหมยเหมยส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมให้เหยียนหมิงซุ่นไปแย่งบ้านคืน มีแค่ห้าหลังเธอก็พอใจแล้ว ที่เหลืออีกหกหลังไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ


แต่เธอไม่เข้าใจเรื่องของความภาคภูมิใจของลูกผู้ชาย โดยเฉพาะคู่ต่อสู้อย่างเฮ่อเหลียนเช่อและเหมยซูหาน เหยียนหมิงซุ่นจะยอมแพ้ง่าย ๆได้อย่างไร?


…………………………………………………..


[1] วิธีการทรมานนักโทษของชาวแมนจู แห่งราชวงศ์ชิง ประกอบด้วยการถลกผิวหนัง การตัดเอว การใช้รถดึงแยกร่าง การตัดอวัยวะทั้งห้า การแล่เนื้อเถือหนัง การตัดหัวประจาน การต้มทั้งเป็น การตัดอวัยวะสืบพันธุ์ การตัดเท้า การฝังเข็มอาบยาพิษ การฝังทั้งเป็น การดื่มยาพิษ การแทงไส้ทะลุลำไส้ การหั่นแยกร่าง การหักกระดูก การกดตะกั่ว การหวีเนื้อด้วยเหล็ก และสุดท้ายคือการควักมันสมอง


ตอนที่ 940 บ้านทองคำ


เหมยซูหานมองโฉนดของบ้านทั้งหกหลังที่อยู่ตรงหน้า บนโฉนดต่างเขียนเป็นชื่อของเขาทั้งหมดจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ และนั่นทำให้เฮ่อเหลียนเช่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆมองจนตาค้าง


หลังจากที่ดอกเหมยน้อยของเขาได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ยิ้มก็ยังน่ามองแต่ยิ่งยิ้มก็ยิ่งน่ามอง!


รู้สึกคันยุบยิบในใจ ราวกับมีหนอนผีเสื้อมุดอยู่ข้างใน…


“ขอบคุณนะ อาเช่อ!”


เหมยซูหานหันหน้ามาหาเฮ่อเหลียนเช่อ พร้อมพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ครั้งนี้เขารู้สึกว่ามันมาจากใจจริง ๆ ไม่ใช่ความรู้สึกจอมปลอมเลยสักนิด


เฮ่อเหลียนเช่อฉีกยิ้ม เผยให้เห็นฟันเรียงสวย ขาวจนสะท้อนไฟได้


“ขอบคุณอะไรกัน ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ต่อไปนี้อยากได้อะไรให้มาบอกกับฉัน นอกจากดวงดาว พระจันทร์และพระอาทิตย์ที่อยู่บนฟ้านั่น ของอย่างอื่นฉันสามารถหาซื้อมาให้ได้ทั้งหมด!”


เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้พูดโอ้อวดแต่อย่างใด สำหรับความร่ำรวยและอำนาจที่เขามีอยู่นั้น มันคือความจริงที่เขาสามารถซื้อของทุกอย่างบนโลกนี้ได้


เหมยซูหานหัวเราะเสียงเบา พร้อมทั้งพูดปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม “ฉันเอาของพวกนั้นมาตั้งมากมายก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณนายด้วยนะอาเช่อ!”


หากครั้งนี้ไม่เป็นเพราะคนกลางคนนั้นไม่ยอมขายบ้าน เขาคงไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเฮ่อเหลียนเช่อหรอก สำหรับคนคนนี้เขาไม่อยากติดหนี้ไปมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่เฮ่อเหลียนเช่อต้องการเขาให้ไม่ได้!


ใจของเขาให้เหมยเหมยไปแล้ว…


เฮ่อเหลียนเช่อกลับคิดว่าเหมยซูหานไม่เชื่อในคำพูดของเขา จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ได้โกหกนายนะ มีอะไรที่นายอยากได้อีก ฉันจะซื้อมาให้นายเอง!”


เหมยซูหานขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าจะคลุกคลีกับเฮ่อเหลียนเช่อมาได้ไม่นาน แต่เขาเองก็พอจะคาดเดานิสัยใจคอของคนคนนี้ได้


โมโหร้ายอย่างไร้เยื่อใย มองชีวิตคนเป็นเพียงแค่เศษหญ้า ทำอะไรตามอำเภอใจและทำอะไรตามอารมณ์  เพียงแค่อารมณ์ดี เฮ่อเหลียนเช่อนั้นสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง


แต่ถ้าเขาอารมณ์เสียล่ะก็ เขาก็สามารถทำลายทุกอย่างได้เช่นกัน


ทำให้ต้องร้องขอชีวิต ร้องขอความตาย!


“นายกินข้าวหรือยัง? ฉันต้มบะหมี่ให้ดีกว่า!”


เหมยซูหานไม่ต้องการจะมีเรื่องกับเฮ่อเหลียนเช่อ แล้วก็ไม่ต้องการจุดฉนวนระเบิดของเขา จึงจำต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และยกเรื่องอาหารการกินขึ้นมาแทน


เฮ่อเหลียนเช่อถูกดึงให้เปลี่ยนความสนใจไป “ได้ ฉันอยากกินบะหมี่หมูสับใส่ผักดองที่นายทำครั้งก่อน ทำมาเยอะ ๆ หน่อยล่ะ พวกเราจะได้กินด้วยกัน”


เหมยซูหานยิ้มบางส่งให้ เขาจัดการเก็บโฉนดที่อยู่บนโต๊ะให้เข้าที่ แล้วตรงเข้าไปทำอาหารในห้องครัว


เขารู้สึกอารมณ์ดีจริง ๆ จังหวะฝีเท้าเบาตามลงไปด้วย เศษซากในความฝันได้บอกเขาไว้


เมื่อผ่านไปอีกสิบกว่าปี บ้านหกหลังในมือของเขาก็จะกลายเป็นบ้านทองคำหลังใหญ่ อีกทั้งพื้นที่ทำเลดีขนาดนี้ มีเงินมากมายแค่ไหนก็ซื้อมันไม่ได้


ขอเพียงแค่เขาได้ครอบครองบ้านทองคำทั้งหกหลังนี้ วันข้างหน้าต่อให้ไม่ทำอะไรเลยก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร้ซึ่งความกังวล และยังสามารถทำให้เหมยเหมยมีชีวิตที่ดีได้ราวกับเจ้าหญิง


และแน่นอนว่าเป้าหมายของเขาไม่ได้มีเพียงแค่เท่านี้ เขาจะต้องแข็งแกร่งให้มากกว่าที่เป็น บ้านทั้งหกหลังนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เขาจะต้องได้รับมากกว่านี้!


เฮ่อเหลียนเช่อเองก็รับรู้ได้ถึงความหวังดีของเหมยซูหาน เขาจึงฉีกยิ้มให้ พลางกวักมือเรียกลูกน้องให้เข้ามาเพื่อถาม “ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”


“เงียบสงบไม่มีข่าวคราวเลยครับ” ลูกน้องเอ่ยตอบ


เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้วแน่น พลางบ่นพึมพำกับตัวเอง “ไม่ใช่สิ ไอ้แก่นั่นจะยอมอยู่นิ่งเหรอ? หรือว่ามันใกล้จะตายแล้ว? ทางนั้นส่งคนเข้าไปได้หรือยัง?”


“ส่งเข้าไปไม่ได้ครับ การ์ดป้องกันหนาแน่นมาก คนของเราเข้าใกล้สวนฟาร์มนั้นเพียงแค่นิดเดียวคนของพวกมันก็เห็นแล้วครับ เช่นเดียวกันคนของฝั่งนั้นก็ไม่อาจบุกเข้ามาหาเราได้ครับ”


เฮ่อเหลียนเช่อลูบคาง ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะพูดขึ้น “โธ่เอ๊ย สิบปีก่อนก็บอกว่าไอ้แก่นั่นใกล้ตาย จนป่านนี้แล้วยังไม่ตายเลย”


……………………………………………………….


ตอนที่ 941 อารมณ์ไม่แน่ไม่นอน


ลูกน้องคิด ๆแล้วก็พูดขึ้น “คุณชายเช่อ ผมค้นพบเรื่องใหม่”


“ว่ามา!” เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตามอง


ลูกน้องตัวสั่นระริกรีบตอบกลับไป “วันนี้ตอนที่ไปซื้อบ้าน นายหน้าบอกว่าคนที่จะซื้อชื่อว่าคุณชายหมิง เมืองหลวงมีคนชื่อคุณชายหมิงตั้งแต่เมื่อไรกัน? อีกอย่างคุณชายหมิงคนนี้ยังบงการคนทางนั้นได้ด้วย”


เฮ่อเหลียนเช่อหรี่ตาลง แววตาดุดันกล่าวเสียงเย็นชา “เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมไม่รีบบอก?”


ลูกน้องตกใจกลัวจนรีบคุกเข่าลงกับพื้นพลางตอบเสียงสั่นเครือ “ผมยังไม่รู้แน่ชัดเลยไม่กล้ารายงานคุณชายเช่อ คุณชายเช่อได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!”


เฮ่อเหลียนเช่อยกขาถีบอีกฝ่ายทีหนึ่งด้วยความโกรธแล้วตะคอกด่าว่า “รีบไปสืบดูว่าคนที่ชื่อคุณชายหมิงเกี่ยวอะไรกับตาแก่นั่น? ให้ตายสิ กล้าเรียกคุณชายกับหมาแมวข้างทาง? ตาแก่นั่นต้องจงใจต่อกรกับฉันแน่ รีบไปสืบมา ฉันจะเอามันให้ตาย!”


“ครับ…ครับ…”


ลูกน้องพยักหน้ารัวด้วยความหวาดผวาเพราะกลัวจะไปกระตุ้นความโกรธคนคนนี้เข้า ไม่อย่างนั้นไม่รอดแน่


“อะไรกัน? พวกเขาทำงานไม่ได้ดั่งใจเหรอ? อย่าโกรธไปเลย รีบกินบะหมี่เถอะ ถ้าเย็นแล้วไม่อร่อยนะ!”


เหมยซูหานยกถ้วยบะหมี่ร้อนได้ที่เข้ามา แค่ดูก็รู้ว่าตอนนี้เฮ่อเหลียนเช่อกำลังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆเลยขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่ได้


เฮ่อเหลียนเช่อรีบเก็บสีหน้าพลางเตะลูกน้องไปให้ไกลตัว ลูกน้องถอยออกจากห้องอย่างผวาและลอบถอนหายใจ นึกขอบคุณเหมยซูหาน หากคืนนี้ไม่ได้เขาช่วยไว้ ต่อให้เขามีชีวิตรอดก็คงไม่พ้นโดนซ้อมปางตาย


“บะหมี่ที่ซูหานต้มอร่อยจริง ๆ หอมมาก…”


เฮ่อเหลียนเช่อทานคำโตและชมไม่หยุดปาก เขาชอบบะหมี่ที่เหมยซูหานต้มมากจริง ๆเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำของเขา


เขาจำได้ว่าในวัยเด็กมีคนเคยต้มบะหมี่ผักดองเค็มใส่เนื้อให้เขามาก่อน รสชาติแบบนี้เลย เป็นรสชาติที่คนอื่นไม่อาจทำได้ มีเพียงเหมยซูหานที่ทำแล้วเขาชอบ เขาทานมันได้ทุกวันไม่มีเบื่อ


“ชอบก็กินเยอะๆหน่อย หลังจากนี้นายอยากกินอีกก็บอกฉันนะ” เหมยซูหานยิ้มบอก


เฮ่อเหลียนเช่อเงยหน้ามองเหมยซูหานที่อยู่ท่ามกลางไอร้อนแวบหนึ่ง เป็นความรู้สึกพร่ามัวที่มองไม่ค่อยชัดแต่กลับทำให้เขารู้สึกสงบ ความสงบที่ไม่ต้องการสิ่งใด


ตัวเขายังนึกแปลกใจ เอาตัวเหมยซูหานมาเพราะความคึกคะนองชั่ววูบแต่กลับมีเซอร์ไพรส์ให้เขามากมาย และเริ่มจับจองพื้นที่ในใจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ


“นายเองก็กินสิ…”


เฮ่อเหลียนเช่อคีบบะหมี่พุ่งมาที่ปากเหมยซูหานแล้วมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ


เดิมทีเหมยซูหานไม่อยากทานเพราะเขาไม่ชินกับการถูกป้อน  โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายคนหนึ่งด้วย แต่พอเขาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเฮ่อเหลียนเช่อนั้นก็ใจอ่อนยวบ อ้าปากรับเส้นบะหมี่


“ฉันกินข้าวเย็นมาแล้ว นายกินเถอะ” เหมยซูหานกลืนเส้นบะหมี่ที่เคี้ยวในปากลงท้องด้วยหลากหลายความรู้สึก


เฮ่อเหลียนเช่อฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนก้มหน้าทานบะหมี่คำโตเสียง ‘ซู๊ด ๆ’ ไม่นานก็ทานบะหมี่ถ้วยใหญ่หมดจนไม่เหลือแม้แต่น้ำซุป


“อร่อย…เอิ๊ก…”


เฮ่อเหลียนเช่อตบท้องเบา ๆอย่างพึงพอใจพร้อมทั้งเรอออกมา สีหน้ายิ้มแย้มลดความเย็นชาลงได้มากทีเดียว


เหมยซูหานลังเลอยู่นานก็ทำใจดีสู้เสือกล่าวขึ้น “ฉันอยากเลือกบ้านหลังหนึ่งที่ซื้อวันนี้แล้วตกแต่งใหม่ เปิดเทอมก็อยากจะย้ายไป…”


เห็นเฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าเย็นชาลงจึงรีบอธิบายยกใหญ่ว่า “ฉันชอบวิวทางนั้น ทางนี้ฉันไม่ค่อยชอบ”


เฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนสีหน้าทันที “ได้สิ นายอยากอยู่หลังไหนฉันจะส่งคนไปปรับตกแต่งให้ รับรองว่าจะให้เหมือนหลังใหม่ ถึงตอนนั้นเราย้ายไปอยู่ด้วยกัน ฉันอยู่ได้ทุกที่ ไม่เลือกมากหรอก!”


เหมยซูหานมองเฮ่อเหลียนเช่อที่คุยจ้อไม่หยุดด้วยท่าทีเรียบนิ่งแล้วลอบถอนหายใจเบา ๆ


หรือว่าเขากับเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องเกี่ยวพันกันเช่นนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ?



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)