ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 895-900
บทที่ 895 แล่นรถลากเลื่อนหิมะ
Ink Stone_Fantasy
วันแรกของปีใหม่เต็มไปด้วยหิมะตกหนักที่พลิ้วไหวไปตามกระแสลม ฉินสือโอวออกกำลังกายยามเช้าได้สักพักหิมะก็ตกลงมาอย่างหนัก เกล็ดหิมะเทกระหน่ำลงมาเหมือนขนห่าน จนทำให้เขาต้องกลับมาที่วิลล่า
หู่เป้าฉงหลัวสัตว์พวกนี้ยังเล่นกันเอะอะปึงปัง พวกมันมีขนหนาสามารถต้านทานความหนาวเย็นได้ พอเล่นอยู่ในพื้นหิมะกลับทำให้รู้สึกสนุกสนานด้วยซ้ำไป
เชอร์ลี่ย์กับเด็กๆ อีกหลายคนเริ่มเล่นกันด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่ได้อยากเล่นหิมะ แต่เป็นเพราะหลังจากมีหิมะตกถึงจะใช้งานรถลากเลื่อนหิมะได้ พวกเขาอยากเล่นรถลากเลื่อนหิมะ ดังนั้นเป็นเพราะเห็นว่ามีหิมะตกตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ พวกเขาถึงได้ออกมาวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุขขนาดนี้
เพียงแต่ว่าหิมะตกลงมาอย่างหนัก พวกเขาเล่นต่อไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน จึงต้องวิ่งตัวเปียกกลับเข้ามากันทุกคน
ฉินสือโอวกำลังเตรียมอาหารเช้า ขณะที่กำลังทอดไข่เขาก็ตะโกนเรียกพวกเด็กๆ ให้กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ฤดูหนาวของนิวฟันด์แลนด์อากาศหนาวเหน็บ ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่นานวินนี่ก็ลุกขึ้นจากเตียง เธอหวีผมไปพร้อมๆ กับมองดูเกล็ดหิมะด้านนอกที่ตกลงมาเหมือนขนห่าน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันแรกของปีใหม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ พระเจ้าบันดาลหิมะตกหนักลงมาแบบนี้หมายความว่ายังไงกันนะ?”
“พายุหิมะกำลังมาแล้วไงล่ะ” ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญา
ใช้เวลาก่อนปีใหม่สองวันท่ามกลางหิมะตกหนัก รอจนถึงตอนที่หิมะหยุดตกในช่วงเย็นวันของถัดมา หิมะก็หนาถึงระดับหัวเข่าของผู้ใหญ่แล้ว
ฉินสือโอวดูข่าว ที่ราบสูงเดนเวอร์ของอเมริกาก็ประสบกับปัญหาการจู่โจมของพายุหิมะเช่นกัน เพราะไม่มีลมทะเลมาไล่เมฆครึ้มออกไป ภัยพิบัติจากหิมะของเมืองเดนเวอร์เลยร้ายแรงยิ่งกว่า หิมะตกหนักปิดล้อมทั้งเมืองไว้แล้ว มีหลายเขตชุมชนที่ไฟฟ้าและน้ำประปาถูกตัดขาดทั้งหมด
ขณะที่กำลังคุยกับกลุ่มลูกน้องเรื่องปัญหาจากพายุหิมะ เสียงโทรศัพท์ของฉินสือโอวก็ดังขึ้น พอลองมองดูก็พบว่าเป็นเบอร์แปลก เขากดรับสายด้วยความประหลาดใจแล้วถามว่า “ที่นี่คือฟาร์มปลาต้าฉิน ไม่ทราบว่านั่นใครครับ?”
“สวัสดีครับ โทษนะครับนั่นใช่คุณฉินสือโอวเจ้าของฟาร์มปลาต้าฉินใช่ไหมครับ? นี่คือสายจากสำนักงานผู้อพยพย้ายถิ่นฐานฝ่ายการจัดการดูแลผู้อพยพเชื้อสายจีน พวกเราอยากถามว่าหลังจากย้ายถิ่นฐานมาที่แคนาดา มีเรื่องไหนที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่าครับ?” เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์
พอฉินสือโอวได้ยินว่าที่แท้เป็นสายการบริการของสำนักงานผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน เขาจึงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง ว่าไม่ได้ไม่สบายใจอะไร
หลังจากคนในสายโทรศัพท์ถามไถ่อยู่สักพัก อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ไปแนะนำสถานการณ์การจำกัดขอบเขตและการจัดการดูแลผู้อพยพในปัจจุบัน และบอกเขาว่าบัตรประจำตัวผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรของเขากำลังจะหมดอายุ เขาต้องอัปเดตสถานภาพใหม่ในภายหลัง
ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาแล้ว บัตรใบเมเปิลของเขาจะหมดอายุได้ยังไงกัน? บัตรมีอายุตั้งสิบปีนะ เขาเพิ่งจะทำมาได้ไม่ถึงสองปีเอง
หลังจากนั้น คนที่เรียกตัวเองว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้อพยพย้ายถิ่นฐานก็เผยหางจิ้งจอกออกมา บอกกับเขาว่า “เพื่อรับประกันว่าจะยังสามารถรักษาสถานะผู้อพยพย้ายถิ่นฐานของคุณไว้ได้ ตอนนี้ผมแนะนำให้คุณโอนเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดาเข้าบัญชีสำนักงานผู้อพยพย้ายถิ่นฐานของพวกเราเพื่อเป็นเงินประกัน…”
ฉินสือโอวชะงักไปชั่วครู่ เขาบอกใบ้ให้นีลเซ็นไปเรียกเออร์บักมา หลังจากนั้นก็เปิดโหมดแฮนด์ฟรี
ทนายใหญ่ฟังอยู่ไม่กี่คำก็ยิ้มออกมา เขาถามว่า “ถ้าบัตรประจำตัวผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรหมดอายุแต่ไม่ไปทำใหม่ จะถูกปรับเงินเท่าไรเหรอ?”
คนคนนั้นชะงักไปชั่วครู่ แล้วจึงพูดอย่างคลุมเครือว่า “นั่นไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยครับ ผมแนะนำว่าคุณอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า”
ทนายใหญ่ไหวไหล่แล้วพูดว่า “สายโทรศัพท์ของพวกต้มตุ๋น ที่จริงแล้วถ้าบัตรประจำตัวผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรหมดอายุแล้วไม่ไปจัดการต่ออายุ จะไม่ถูกปรับเงิน เพียงแต่ว่าจะมีผลกระทบกับความปลอดภัยของบัญชีธนาคารกับบัญชีประกันสังคม”
ฉินสือโอวรู้สึกหดหู่ เขานึกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองแล้วจริงๆ ที่แท้ก็เป็นแค่พวกสิบแปดมงกุฎ
หลังจากนั้นนีลเซ็น เบิร์ดและคนอื่นๆ ยังไม่ยอมแพ้ ผ่านไปช่วงหนึ่ง นีลเซ็นก็ใช้โทรศัพท์ของตัวเองโทรกลับไปหาเบอร์นั้น รอจนทางนั้นรับสาย เขาค่อยเปิดแฮนด์ฟรีแล้วพูดเรื่องบัญชีผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน ส่วนเบิร์ดกับคนอื่นๆ ก็เดินไปเดินมาอยู่ข้างๆ ให้เสียงฝีเท้าทุ้มหนักดังเข้าไปในสายโทรศัพท์
คนในสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงฝีเท้าจึงรู้สึกระแวงขึ้นมา เขาถามกลับมาว่า “คุณ คุณอยากทราบเรื่องอะไรกันแน่…”
นีลเซ็นคิดว่าพอจะโอเคแล้ว จึงตะโกนออกมาว่า “หัวหน้าครับ ระบุพิกัดของแก๊งต้มตุ๋นพวกนี้ได้แล้ว แจ้งพี่ๆ หน่วยสวาต ให้ออกปฏิบัติการทันที ล้อมบริเวณที่พวกมันใช้ซ่อนตัวเอาไว้ แล้วจัดการพวกมันซะ!”
“ตึง!” นีลเซ็นยังพูดไม่ทันจบ ทางฝั่งนั้นก็วางสายโทรศัพท์อย่างแรง
เขาโบกโทรศัพท์ไปทางฉินสือโอว ทุกๆ คนพากันหัวเราะเสียงดังออกมา ชาร์คพูดยิ้มๆ ว่า “ฉันกล้าพนันได้เลยว่า ปีใหม่ของพวกมันไม่มีทางผ่านไปอย่างมีความสุขแน่ๆ อาจจะถึงกับต้องใช้เวลาอยู่บนรถของบริษัทรับย้ายบ้านเลยก็ได้”
“นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกสิบแปดมงกุฎแบบนี้น่ารังเกียจที่สุด!” พอพูดจบ ฉินสือโอวก็บันทึกเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ หลังจากนั้นจึงนำไปแจ้งกับพวกสำนักงานตำรวจนครเซนต์จอห์น
เชอร์ลี่ย์ที่สวมเสื้อหนังเหมือนกับลูกกวางตัวน้อยวิ่งเข้ามาข้างใน เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวกับคนอื่นๆ กำลังดื่มชาพูดคุยหัวเราะกันอย่างเฮฮา เธอก็กะพริบตาโตๆ ด้วยความสนใจใคร่รู้อยู่สักพัก เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่ได้กำลังคุยเรื่องสำคัญเธอจึงจูงมือฉินสือโอวให้เดินออกมาข้างนอกแล้วบอกกับเขาว่า “ฉิน คุณช่วยพวกเราปลอบปอหลัวหน่อยได้ไหมคะ? มันไม่ยอมลากรถลากเลื่อนหิมะให้พวกเราเลยค่ะ”
ฉินสือโอวลองหันไปดู พวกเด็กๆ เอาของขวัญคริสต์มาสที่เขากับวินนี่ให้มาประกอบกัน รถลากเลื่อนหิมะเทียมกวางเรนเดียร์สีแดงคันใหญ่จอดนิ่งอยู่บนสนามหญ้า
รถลากเลื่อนหิมะยาวประมาณสองเมตรครึ่ง คล้ายคลึงกันกับรถม้าอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ว่าเป็นแบบไม่มีหลังคา ด้านหน้าเป็นที่นั่งคนขับ ส่วนด้านหลังยังมีที่นั่งอยู่อีกสองแถว สามารถรับเด็กๆ ได้เจ็ดคนต่อครั้ง
ตัวรถตกแต่งอย่างหรูหรา ริบบิ้นหลากสีโบกสะบัดไปตามกระแสลม ประดับไฟสีสันต่างๆ บนที่นั่งมีเบาะหนังหนาๆ กับผ้าห่มรักษาความอบอุ่น ที่จับทั้งสองข้างมีถุงลมนิรภัยฉุกเฉิน ถ้ารถจะคว่ำ เพียงแค่กดปุ่มปุ่มเดียว ถุงลมนิรภัยก็จะเติมลมจนเต็มและห่อหุ้มคนในรถเอาไว้ ปลอดภัยมากๆ
กอร์ดอนกอดคอของปอหลัวเพื่อลากให้มันไปที่หน้ารถลากเลื่อนหิมะ ปอหลัวมันฉลาดมาก แค่เห็นพาวลิสถือบังเหียนเอาไว้ในมือมันก็รู้แล้วว่าคนชั่วพวกนี้คิดจะทำอะไร ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเข้าไปใกล้เด็ดขาด กอร์ดอนเรียกมิเชลให้เข้ามาช่วย แต่ก็ยังลากปอหลัวไปไม่ได้อยู่ดี
ฉินสือโอวเผลอหัวเราะออกมา ตอนนี้ปอหลัวโตขึ้นแล้ว อาศัยแค่เด็กไม่กี่คนถ้าลากแล้วไปสิถึงจะแปลก
เขาเดินเข้าไปตบหัวของปอหลัวเบาๆ แล้วช่วยมันจัดระเบียบขนอยู่สักพัก ระหว่างนั้นก็บอกให้วินนี่เตรียมผักกับผลไม้เอาไว้หนึ่งกะละมัง เขาหยิบออกมาป้อนปอหลัวครึ่งหนึ่ง แล้วเก็บส่วนที่เหลือเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นก็คล้องบังเหียนลงไปบนตัวมัน
ปอหลัวมองดูผักกับผลไม้อร่อยๆ ตาปริบๆ แล้วหันกลับไปมองรถลากเลื่อนหิมะอีกครั้ง ทันใดนั้นมันก็เข้าใจเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยน จึงยอมให้ฉินสือโอวกับชาร์คและคนอื่นๆ คล้องบังเหียนง่ายๆ
หู่จือกับเป้าจือกระโดดโลดเต้นเล่นกันอยู่ข้างๆ อย่างมีความสุข ฉินสือโอวจึงจับพลขับทั้งสองตัวมา แล้วคล้องบังเหียนให้พวกมันด้วยเช่นกัน เดิมทีรถลากเลื่อนหิมะคันนี้ต้องใช้กวางเรนเดียร์สี่ตัวมาลาก
ทีแรกฉินสือโอวอยากจะลากกวางอีกหนึ่งตัวมาเป็นพลขับ กวางตัวผู้ที่ร่างกายกลับมาแข็งแรงตัวนั้นก็ใช้ได้ แต่ปรากฏว่าปอหลัวกับกวางแดงหนุ่มตัวนั้นดันไม่ถูกกัน เข้าใกล้กันเมื่อไรก็จะยกเขาสู้กัน ฉินสือโอวลากพวกมันทั้งสองตัวออกจากกันอย่างยากลำบาก ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ปอหลัวออกแรงแค่ตัวเดียว
คล้องบังเหียนเสร็จแล้ว ฉินสือโอวขึ้นไปนั่งบนรถลากเลื่อนหิมะ จากนั้นก็ลองสะบัดบังเหียนดู ปอหลัวฉลาดมากๆ พอบังเหียนฟาดลงมาบนก้น มันก็สะบัดขาทั้งสี่ข้างแล้ววิ่งออกไปอย่างช้าๆ
หู่จือกับเป้าจือเห็นปอหลัววิ่ง เลยรู้สึกสนุกขึ้นมาจากนั้นจึงออกแรงวิ่งอย่างเต็มกำลังเช่นกัน เมื่อเป็นแบบนี้ความเร็วของรถลากเลื่อนหิมะจึงเพิ่มขึ้น
พอวนรอบฟาร์มปลาเป็นระยะทางสั้นๆ แล้ว ฉินสือโอวก็ขับกลับไปด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม เขาพูดขึ้นมาว่า “ไม่เลวเลย รู้สึกดีมากๆ มาเถอะ เหล่าคุณชายคุณหนูทั้งหลาย ไปเป็นซานตาคลอสกันเถอะ!”
วินนี่เดินออกมา ในมือของเธอถือกระดิ่งอยู่หลายอัน เธอติดกระดิ่งไว้ที่คอของปอหลัวกับหู่จือเป้าจือ เช่นนี้เมื่อรถลากเลื่อนหิมะออกตัว เสียงดังกังวานของกระดิ่งก็ดังกิ๊งๆ กิ๊งๆ ขึ้นมา…
บทที่ 896 กิจกรรมการช่วยเหลือ
Ink Stone_Fantasy
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ขอเพียงแค่หิมะยังไม่ละลาย ในเมืองแห่งนี้ก็จะมีเสียงดังกังวานของกระดิ่งดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ปอหลัวกับหู่จือเป้าจือลากรถลากเลื่อนหิมะไปทั่วเมือง พวกเด็กๆ ใช้เงินติดกระเป๋าที่สะสมไว้มาซื้อของขวัญชิ้นเล็กๆหลายชิ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกับหมวกสีแดงของซานตาคลอส ไปแจกจ่ายของขวัญให้กับเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน
ดังนั้นหลายวันต่อมา รถลากเลื่อนหิมะจึงกลายมาเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่น่าประทับใจของเมืองนี้อย่างคาดไม่ถึง ซีมอนสเตอร์ติดตั้งลำโพงขนาดเล็กไว้บนตัวรถ เช่นนี้หลังจากชาร์จแบตแล้ว เสียงเพลง ‘จิงเกิลเบล จิงเกิลเบล จิงเกิล ออล เดอะ เวย์’ ก็ดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
เชอร์ลี่ย์พวกเด็กๆ ทั้งสี่คนที่มีรถลากเลื่อนหิมะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในสายตาของเด็กๆ ในเมืองนี้ อิทธิพลของเรื่องนี้แผ่ขยายไปไกลถึงนครเซนต์จอห์น แน่นอนว่านี่เกิดจากความเบื่อหน่ายของแพรีส เธอถ่ายรูปไว้หลายใบแล้วหลังจากนั้นก็นำไปเขียนข่าว คิดไม่ถึงว่าหัวหน้ากองบรรณาธิการของเธอจะคิดว่าข่าวนี้มีความน่าสนใจ จึงให้รายงานข่าวนี้ออกไป
รูปภาพถูกถ่ายจากด้านข้าง ในตอนนั้นเพื่อที่จะช่วยเรื่องการประชาสัมพันธ์ แพรีสจึงให้เชอร์ลี่ย์มาเป็นคนขับ
เด็กสาวผมบลอนด์กอดปอหลัวที่มีขนสีทองทั่วร่างกายแย้มรอยยิ้มสดใสร่าเริง พูดได้ยากว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะรถลากเลื่อนหิมะเทียมกวางอูฐหรือเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่สวยงามของเด็กสาวที่ช่วยดึงดูดผู้อ่าน แต่ไม่ว่าอย่างไรข่าวนี้ก็ยังมีความโด่งดังอยู่พอตัว
ดังนั้นในฐานะที่เป็นเจ้าของรถลากเลื่อนเทียมกวางอูฐ เด็กๆ ทั้งสี่คนจึงกลายเป็นคนที่พวกเด็กๆ ในเมืองรู้สึกอิจฉาที่สุด พวกเขาก็อยากจะขับรถลากเลื่อนเหมือนกัน เพียงแต่ว่าปอหลัวไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนิสัยดี หลังจากที่มันจงใจลากรถให้คว่ำอยู่หลายครั้ง ก็ไม่มีเด็กคนไหนกล้าไปแหย่มันอีก
แท้จริงแล้วที่ปอหลัวยอมลากรถลากเลื่อนหิมะมาหลายวันขนาดนี้ ฉินสือโอวก็ต้องขอบคุณบรรพบุรุษแปดชั่วคนของเขาแล้ว พูดกันตามจริงตั้งแต่เลี้ยงเจ้าตัวนี้มา มันทำเรื่องที่มีประโยชน์แบบนี้อยู่ด้วยกันสองเรื่อง
อีกเรื่องหนึ่งย่อมเป็นเรื่องที่มันช่วยเฝ้าสวนผัก ปัจจุบันนี้ในฟาร์มปลามีลูกกวางอยู่สิบกว่าตัวกับลูกหมูอีกยี่สิบกว่าตัว ซึ่งหลายๆ ครั้งเจ้าพวกนี้คิดจะมุดเข้าไปในโรงเรือนเพาะปลูกเพื่อแอบกินผักสดอยู่เสมอๆ
ถ้ามีแค่เด็กๆ ทั้งสี่คนที่ขับรถลากเลื่อนหิมะ แบบนั้นปอหลัวก็ยังเต็มใจที่จะวิ่งลากรถไปทั่วทุกที่ ฉินสือโอววิเคราะห์ว่านี่มีสาเหตุมาจากการที่ทุกคนพากันล้อมดูมัน ปอหลัวจึงรู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นเป็นที่จับตามอง ดังนั้นมันถึงได้ยอมวิ่งไปทั่วทุกหนแห่ง โดยปกติเวลามันวิ่งออกไปข้างนอกผู้คนจะเอาแต่ปฏิบัติกับมันเหมือนว่ามันเป็นเนื้อย่างก้อนหนึ่ง
หลังจากหิมะตกมาแล้วสองวัน เมฆครึ้มก็ถูกลมทะเลพัดไปสู่แถบพื้นที่ทางตอนใต้ของอเมริกาแล้ว นครเซนต์จอห์นจึงได้มีอากาศดีติดต่อกันมาหลายวัน
ดังนั้นเมื่อหิมะละลาย สัตว์ป่าบนภูเขาก็สามารถลงมาข้างล่างได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ฮานี่ย์เคยปรึกษากับฉินสือโอวเรื่องแผนรับมือ พวกเขาต้องซื้อหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์มาเลี้ยงสัตว์ป่าเหล่านี้ หญ้าที่จัดซื้อมาจากออนแทรีโอเมื่อปีก่อนส่งมาถึงตั้งนานแล้ว เพียงแต่จำนวนสัตว์ที่ลงมาจากภูเขาก่อนหิมะตกไม่นับว่ามีมากนัก จึงไม่ได้นำมาใช้งานสักที
หลังหิมะตกหนักคราวนี้ จึงทำให้สัตว์ป่าที่ลงมาจากภูเขามีจำนวนมากขึ้น
ฮานี่ย์มาหาฉินสือโอว เพื่อหารือกันว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง
ฉินสือโอวเองก็ได้ทำเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน เพียงแต่ว่าในมือของเขามีลูกน้องที่มีความสามารถอยู่ แบล็คไนฟ์บอกกับพวกเขาว่า “ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ก็เหมือนกับการสู้รบนั่นล่ะครับ อันดับแรกต้องไปสืบดูเส้นทางที่พวกสัตว์ป่าลงมาจากภูเขาก่อน ลองดูว่าพวกมันมักจะไปปรากฏตัวที่ไหน หลังจากนั้นพวกเราค่อยเอาหญ้าไปวางเพื่อลองหยั่งเชิงดุ ถ้าพวกมันยอมกิน แบบนั้นเรื่องนี้ก็คลี่คลายแล้ว”
ทหารสอดแนมที่ดีที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์พาฉินสือโอวกับฮานี่ย์และคนอื่นๆ บินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือเมืองนี้ บินรอบเทือกเขาเคอร์บัลเพื่อสอดแนมเส้นทางที่สัตว์ป่าลงมาจากภูเขา
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือแคนาดา ต่างก็ประกาศนโยบายว่าไม่อนุญาตให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ในการล่าสัตว์ป่า ของสิ่งนี้มันขี้โกงจริงๆ พอบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็สามารถมองเห็นทุกสิ่งบนพื้นดินได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง โดยเฉพาะในตอนนี้ที่บนพื้นดินมีแต่หิมะหนาๆ ขอแค่มีร่องรอยของเหล่าสัตว์ป่าเท่านั้นก็สามารถตรวจพบได้แล้ว
ในครั้งนี้ ฉินสือโอวนับว่าได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่ หมาป่าสีเทา กวางเรนเดียร์ กวางอูฐ กวางมูส กวางหางขาว กวางแดง แพะภูเขา หมูป่า แมวป่า ตัวแบดเจอร์ จิ้งจอก กระต่ายป่าและสัตว์ป่าที่มีปีกชนิดต่างๆ บนเทือกเขาเคอร์บัลมีอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ
เฮลิคอปเตอร์ออกสอดแนมเป็นวันที่สอง คาดไม่ถึงว่าฉินสือโอวจะได้เห็นหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่กำยำบึกบึนตัวหนึ่งอยู่ที่กึ่งกลางภูเขา!
มันคือหมีสีน้ำตาลโคโลราโด คาดว่าน่าจะสูงสักสองเมตรกว่าๆ เต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลสว่างโชติช่วงทั่วทั้งตัว ร่างกายกำยำสูงใหญ่ เดินไปตามเส้นทางอย่างกำแหงองอาจ ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับฉงต้าไหม แต่หมีสีน้ำตาลตัวนี้กลับไม่ได้จำศีลในช่วงฤดูหนาว
หมีสีน้ำตาลตัวนี้ระแวดระวังตัวและฉลาดเฉียบแหลมเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่ามันเคยถูกมนุษย์ทำร้ายมาก่อน พอได้ยินเสียงแผดร้องของเฮลิคอปเตอร์ มันก็รีบขยับมือเท้ามุดเข้าไปในป่าทันที อีกทั้งก่อนที่มันจะมุดเข้าไปในป่าไม้มันยังได้กลิ้งตัวไปบนพื้น หลังจากถูกหิมะปกคลุมทั่วทั้งตัวแล้วก็หายไปจากสายตาของทุกๆ คน
“เป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก มันมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว” เบิร์ดพูดด้วยรอยยิ้ม
ด้านฉินสือโอวก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมา เขากล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นปีนี้นักท่องเที่ยวมาที่นี่หลังจากเข้าฤดูใบไม้ผลิ ก็ต้องเตือนพวกเขาให้ระวัง อย่าให้เจอกับหมีสีน้ำตาลจนเกิดเรื่อง หมีตัวใหญ่ขนาดนี้ ปืนสั้นในมือของพวกไกด์นำเที่ยวคงไม่มีประโยชน์”
เบิร์ดบอกกับเขาอย่างไม่ค่อยใส่ใจว่า “สบายๆ หน่อยครับ บอส คุณคิดมากเกินไปแล้วครับ คุณคิดว่าหมีสีน้ำตาลคือตัวอะไร? นักเชือดเหรอครับ? หรือไทแรนโนซอรัส? ไม่ใช่ครับ พวกมันเป็นสัตว์ที่ระมัดระวังตัวมาก นอกจากจะหิวจนตายลาย ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่มองหาพวกมนุษย์แล้วก็ไม่มีทางออกโจมตีก่อนด้วย ถ้ามันมองเห็นมนุษย์อยู่กันเป็นกลุ่ม ต่อให้หิวสักแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเริ่มโจมตีก่อนอย่างแน่นอน”
ฉินสือโอวลองคิดๆ ดูก็เห็นว่าถูกต้อง เปิดการท่องเที่ยวมาได้ปีกว่าๆ แล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีนักท่องเที่ยวบังเอิญพบกับหมีสีน้ำตาลที่ไหนเลย เห็นได้ชัดว่าพวกหมีสีน้ำตาลคงจะหลีกเลี่ยงกลุ่มมนุษย์
สอดแนมอยู่หลายวัน ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ได้รับผลสำเร็จมากที่สุด เป็นเพราะพวกเขาค้นพบแพะภูเขาโอเรียมนอสฝูงหนึ่งที่ยอดเขา!
เมื่อก่อน ตอนที่ฉินสือโอวกับวินนี่ขึ้นมาเที่ยวเล่นบนภูเขาก็เคยบังเอิญเจอกับแพะภูเขาโอเรียมนอสมาก่อน แต่ได้เจอแค่สองตัวเท่านั้น คราวนี้เป็นฝูงเล็กๆ หนึ่งฝูง มีตั้งเจ็ดแปดตัวแหนะ
แพะภูเขาโอเรียมนอสเป็นทรัพยากรสัตว์ป่าที่มีความล้ำค่ามาก เนื่องจากมีคุณภาพเนื้อที่ดีมากๆ เพียงแค่ถูกมนุษย์พบเจอก็จะถูกจับฆ่า ทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดาต่างก็มีข้อบังคับห้ามไม่ให้ซื้อขายและห้ามไม่ให้ล่าแพะภูเขาโอเรียมนอส กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่ายังได้เพิ่มพวกมันลงไปในรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครองอีกด้วย ทว่าสถานการณ์การล่าจับก็ยังเกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ
คนส่วนใหญ่แยกแพะภูเขาโอเรียมนอสกับแพะภูเขาไม่ได้ จึงมักจะยิงมันเพราะความเข้าใจผิด อีกทั้งหลังจากพบว่าพวกมันคือแพะภูเขาโอเรียมนอสก็ยังมีคนบางส่วนที่พยายามจะตามจับตามฆ่าพวกมันยิ่งกว่าเดิม คนส่วนใหญ่ไม่ได้ฆ่าแพะภูเขาโอเรียมนอสเพื่อนำไปขาย แต่จะลักลอบนำกลับไปทานที่บ้าน
แพะภูเขาโอเรียมนอสเป็นเนื้อที่อร่อยที่สุดในบรรดาสัตว์ป่าอเมริกาเหนือ มีฐานะเท่ากันกับไก่ป่าเฮเซลในบรรดาสัตว์ปีก
แพะภูเขาโอเรียมนอสฝูงเล็กฝูงนี้ความเคลื่อนไหวอยู่ในจุดที่สูงและชันที่สุดของเทือกเขาเคอร์บัล ซึ่งพวกมันต้องอาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้นถึงจะปลอดภัย เพราะนอกจากพวกมนุษย์แล้ว นักล่าชนิดอื่นๆ อย่างหมาป่าแมวป่าก็ให้ความสนใจกับพวกมันมากๆ อยู่เหมือนกัน
อาหารของเหล่าแพะภูเขาโอเรียมนอสคือแห้วหมู พืชจำพวกเฟิร์น พืชไบรโอไฟต์ ไลเคน กิ่งไม้กับใบไม้ชนิดต่างๆ ความต้องการต่ออาหารไม่สูง เมื่อก่อนมันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่เลวเท่าไร แต่ฤดูหนาวปีนี้มาเร็วเกินไป ไม้พุ่มกับพวกวัชพืชต่างก็แข็งตายหมดแล้ว อีกทั้งบนกิ่งไม้ยังเต็มไปด้วยหิมะ เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าพวกมันจะทำให้ท้องอิ่มก็ยากแล้ว
กิจกรรมการช่วยเหลือเริ่มจากแพะภูเขาโอเรียมนอส พวกมันยอมอดตายแต่จะไม่ยอมลงเขาเด็ดขาด เพราะพวกมันรู้ว่า หากรอดชีวิตอยู่บนภูเขาสูงชันก็แค่ต้องหิวโหย แต่ถ้าลงเขาไปเมื่อไร ถ้าอย่างนั้นพวกมันจะไม่เหลือชีวิตรอดแล้ว…
บทที่ 897 ลู่ทางหารายได้เล็กๆ
Ink Stone_Fantasy
เฮลิคอปเตอร์ออกบินมาสองวัน พอจะตรวจสอบลู่ทางที่บรรดาสัตว์ป่าใช้เพื่อลงมาจากภูเขาได้อย่างแน่ชัดแล้ว ท้ายที่สุดพวกมันจะมารวมตัวกันในบริเวณรอบๆ ทะเลสาบเฉินเป่า ที่นั่นมีวัชพืชน้ำที่เติบโตแม้ในฤดูหนาว สามารถกินเป็นอาหารได้
เทศบาลจ้างงานชาวเมือง ให้ขับรถกระบะแล้วนำเอาหญ้าที่ซื้อมาไปแจกจ่ายไว้ที่ทะเลสาบเฉินเป่าในหลายจุด กวางเรนเดียร์ที่กำลังหิวโหยลงมากินหญ้าเป็นพวกแรก หญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์มีรสชาติดีและชวนกินยิ่งกว่าหญ้าบนภูเขา พอกวางเรนเดียร์ได้กินไปหนึ่งครั้งหลังจากนั้นก็มีครั้งที่สอง ครั้งที่สามตามมา
เมื่อเห็นแบบนี้ กวางฝูงอื่นจึงพากันทำตาม พวกมันก็มากินหญ้าเหมือนกัน อีกทั้งพวกหมาป่าสีเทายังซ่อนตัวอยู่ระหว่างทางที่ฝูงกวางกับพวกหมูป่าเดินทางกลับ เพื่อคอยจ้องหาโอกาสโจมตี เนื่องจากมีจำนวนน้อย ดังนั้นจึงมีผลกระทบไม่มาก
ฉินสือโอวให้เทศบาลยืมเฮลิคอปเตอร์ เพื่อใช้สังเกตสภาพการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าบนภูเขา
หิมะเริ่มละลาย จนทำให้พื้นที่ของฟาร์มปลาบางส่วนกลายเป็นกองเลน ไม่ต้องพูดถึงไก่เป็ดห่านที่มีจำนวนมหาศาล หลักๆ แล้วคือฝูงหมูป่ากับฝูงกวาง ที่พากันวิ่งวุ่นและถ่ายไปทั่วฟาร์มปลา เหยียบย่ำพื้นหิมะจนมันเละเทะไปหมด
ฉินสือโอวเลี้ยงฝูงลูกหมูป่ากับฝูงลูกกวางอย่างอิสระ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ลูกหมูป่ากับลูกกวางยังไม่เท่าไร แต่ในนั้นยังมีหมูป่าขนาดกลางกับกวางโตเต็มวัยอยู่ด้วย สัตว์พวกนี้ทั้งกินเก่งทั้งขับถ่ายไม่เป็นที่ ทำให้ฟาร์มปลาสกปรกเละเทะ
แต่กลับเป็นฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นที่เกิดตามป่าต่างหากที่ทำตัวค่อนข้างดี โดยปกติแล้วพวกมันจะไม่เข้ามาในฟาร์มปลา ตอนกลางวันพวกมันจะลอยอยู่บนผิวทะเลเพื่อจับปลา ส่วนตอนกลางคืนก็จะมุดกลับเข้าไปในป่าเล็กเพื่อพักผ่อน ไม่ทำให้ฉินสือโอวต้องทุกข์ใจ อีกทั้งยังทำให้เขาได้กินไข่นกด้วยซ้ำไป
หลังจากหิมะตกลงมาประมาณสัปดาห์กว่าๆ ในที่สุดฉินสือโอวที่เห็นฟาร์มปลามีร่องรอยสกปรกเละเทะยุ่งเหยิงปนกันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
สัตว์ป่าพวกนี้กลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง วันๆ เอาแต่วิ่งเล่นตีกันอยู่ข้างนอก อยู่ดีกินดียิ่งกว่าตอนอยู่บนภูเขา ไม่ต้องกังวลว่าศัตรูตามธรรมชาติจะจู่โจม ซึ่งทำให้พวกมันอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวตะโกนเรียกชาร์คกับซีมอนสเตอร์มา แล้วบ่นให้พวกเขาฟังว่า “ไม่ไหวแล้ว เพื่อน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปฉันทนไม่ไหวแน่ ไล่ไอ้พวกนี้ให้กลับไปที พวกมันจะทำลายฟาร์มปลาของฉันแล้ว!”
ชาร์คไหวไหล่บอกกับเขาว่า “นี่เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากจริงๆ ดูสิ พอเราจับพวกมันกลับไป แบบนั้นลูกกวางกับลูกหมูป่าก็ต้องได้ขยับตัวบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน”
“และอีกอย่าง หมูป่าที่โตแล้วก็อาจจะรังแกลูกกวาง กวางที่โตเต็มวัยก็อาจจะแกล้งลูกหมูป่า ถึงยังไงระหว่างพวกมันก็จะทะเลาะกันจนเกิดความวุ่นวายอยู่ดี” ซีมอนสเตอร์พูดเสริม
พอฉินสือโอวลองนึกดูก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขนาดอยู่ในสภาวะแวดล้อมด้านนอกที่กว้างขวางขนาดนี้พวกมันยังตีกัน ถ้าพาพวกมันไปไว้ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่คับแคบ จะต้องยิ่งตีกันวุ่นวายแน่
ขณะที่กำลังคิดว่าจะแก้ไขปัญหายังไง ฮิวจ์คนน้องก็เข้ามาหา เขาเข้ามาในฟาร์มปลาแล้วโบกมือตะโกนว่า “เฮ้ บอสที่รัก วันนี้ว่างหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวจึงถามเขาว่า “ถ้ามากินข้าวก็ว่าง แต่ถ้ามายืมเงินก็ไม่ว่าง”
ฮิวจ์คนน้องควักกระเป๋าตังค์ออกมาตบแปะๆ พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “โอ้เย้ ตอนนี้ฉันเป็นหนึ่งในคนที่มีเงินเยอะที่สุดบนเกาะแฟร์เวล ดังนั้นนายไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้มายืมเงิน แต่จะเอาเงินมาให้นายต่างหาก”
ฉินสือโอวนึกว่าเขาล้อเล่น แต่ปรากฏว่าพอเข้าไปในวิลล่า ฮิวจ์คนน้องก็หยิบสมุดสำหรับทำบัญชีเล่มหนึ่งออกมาส่งให้เขา บอกเขาว่าข้างในคือรายการบัญชีของปีที่แล้วทั้งปี ให้ฉินสือโอวลองตรวจสอบดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเขาจะได้แบ่งผลกำไรให้กับฉินสือโอว
ตอนนี้ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชนเผ่าซูเป็นหนึ่งในร้านค้าที่เพียบพร้อมด้วยศักยภาพที่สุดในเมือง ที่ฮิวจ์คนน้องบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีเงินมากที่สุดในเมืองนี้กลับไม่ใช่การคุยโวแต่อย่างใด ร้านค้าแห่งนี้ทำเงินให้เขาได้ไม่น้อยเลยจริงๆ
ซื้อผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นของชาวอินเดียนแดงมาขายต่อเป็นธุรกิจที่ทำกำไรอย่างมหาศาล สำหรับคนในเมืองแล้วผลิตภัณฑ์จากเทือกเขาร็อกกี้ยังนับว่าเป็นของที่แปลกใหม่ แล้วนับประสาอะไรกับนักท่องเที่ยวชาวจีนล่ะ?
โสมอเมริกา ของป่าแห้ง ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ทำจากหนังสัตว์ทุกประเภท งานศิลปะเครื่องเงินเครื่องทองและงานฝีมือ เกลือครึ่งกิโลกรัมสามารถนำไปแลกกับโสมอเมริกาได้หนึ่งหัว ฮิวจ์คนน้องสามารถปิดราคาขายได้ห้าร้อยดอลลาร์แคนาดา แถมยังไม่โดนต่อราคาอีกด้วย!
สมุดทำบัญชีถูกทำขึ้นอย่างง่ายๆ ซึ่งประกอบไปด้วยต้นทุนที่ซื้อสินค้าเข้ามากับรายรับที่ได้จากการจำหน่ายสินค้า ฮิวจ์คนน้องไม่ได้มีการศึกษาที่สูงเท่าไรนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำสมุดบัญชีอย่างง่ายๆ แต่แบบนี้ก็ยิ่งทำให้ตรวจสอบได้ง่าย
ฉินสือโอวไม่สนใจรายได้ เดิมทีนี่เป็นธุรกิจที่เกิดจากความคิดที่บังเอิญนึกขึ้นมาได้ ซึ่งมีฮิวจ์คนน้องเป็นคนคอยดูแลจัดการอยู่โดยตลอด เขาเชื่อใจชายหนุ่มคนนี้ เนื่องจากในที่ที่เป็นเกาะปิดอย่างเมืองแฟร์เวลแห่งนี้ ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ฮิวจ์คนน้องเองก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเงินตรา ความเป็นไปได้ที่จะบิดเบือนงบบัญชีจึงมีอยู่น้อยมาก
ถึงแม้ว่าบัญชีจะถูกทำขึ้นอย่างง่ายๆ ทว่าฉินสือโอวก็ยังรู้สึกปวดไข่ตอนอ่านดูอยู่ดี วินนี่จึงแนะนำเขาว่า “คุณควรหานักบัญชีส่วนตัวได้แล้ว ที่จริงจากบิลที่คุณจ่ายให้กับบริษัทบัญชีดีลอยท์ทุกไตรมาส ก็เพียงพอที่จะให้คุณจ้างนักบัญชีเก่งๆ สักคนแล้ว”
ฮิวจ์คนน้องบอกว่า “จ้างนักบัญชีมาทำงานให้ที่ร้านขายของชำของพวกเราด้วยสิ ให้เขามาช่วยจดบัญชีที พระเจ้า ทำบัญชีทุกวันมันยากยิ่งกว่าทำสแลมดังค์ซะอีก ถ้าไม่ใช่เพราะมีพี่ชายฉันคอยช่วย ฉันคงเป็นเนื้องอกในสมองไปนานแล้ว”
เออร์บักที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ พับหนังสือพิมพ์อย่างเงียบๆ แล้วส่งมันให้กับฉินสือโอว ด้านบนเป็นข่าวเกี่ยวกับมหกรรมการจัดหางาน ที่รัฐบาลเมืองนครเซนต์จอห์นจัดขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการมีงานทำ
หลังจากตรวจดูบัญชีของร้านขายของชำ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองต้องจ้างพนักงานบัญชีสักคนแล้วจริงๆ
เขาประเมินร้านขายของชำไว้ต่ำเกินไป รายรับของปีที่แล้วที่ฮิวจ์คนน้องบันทึกไว้เป็นจำนวนเงินแปดแสนสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา เศษที่เหลือเขาขี้เกียจคำนวณจึงตัดทิ้งไป ฉินสือโอวก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน
นี่ไม่ใช่เงินทุนจำนวนน้อยๆ แล้ว ซึ่งมีนัยว่าร้านขายของชำมีรายได้รวมเดือนละเจ็ดหมื่นเต็มๆ บริษัทเล็กๆ บางแห่งในนครเซนต์จอห์นก็มีรายได้เท่านี้ และเช่นเดียวกันกับการออกเรือขนาดหนึ่งพันตันลำหนึ่ง รายรับที่ได้ก็เป็นเงินประมาณเท่านี้
นอกจากนี้ยังมีร้านผลิตภัณฑ์อาวุธที่เขาร่วมทุนกับซาโกร พอลองนับดูแล้ว ฉินสือโอวก็พบว่าตัวเองมีธุรกิจอยู่ไม่น้อยเลย
ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ทีมของฉินสือโอวกับฮิวจ์คนน้องจะแบ่งเปอร์เซ็นต์กันห้าสิบห้าสิบ รายรับของปีที่แล้วอยู่ที่แปดแสนสองหมื่น ทว่านี่คือรายได้รวมที่ยังไม่หักค่าใช้จ่าย กำไรสุทธิจะอยู่ที่เจ็ดแสน ซึ่งเขาจะได้ส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวนสามแสนห้าหมื่น
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงเซ็นชื่อลงไปในข้อตกลงการจ่ายเงินปันผลที่เออร์บักเป็นคนร่างกำหนด ฮิวจ์คนน้องติดต่อธนาคารเพื่อโอนเงินให้ฉินสือโอวเรียบร้อยแล้ว เขาตบหน้าตักตัวเองแล้วพูดว่า “ดูสิ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเราถึงได้เกลียดนายทุนนัก นายแย่งเงินของพวกเราไปหมดแล้ว!”
ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนตบไหล่เขาแปะๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ผู้คนอาจจะเกลียดนายทุน แต่พวกเขายังมีคนที่เกลียดยิ่งกว่านั้นอีกนะ นายรู้ไหมว่าใคร?”
“ใคร?”
“ก็พ่อค้าหน้าเลือดที่เอาของมาขายเกินราคาจริงอย่างนายไงล่ะ!”
คนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นของชนเผ่าซูไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยว ร้านขายของชำของฮิวจ์คนน้องมีชื่อเสียงในนครเซนต์จอห์นแล้ว คนในท้องถิ่นหลายคนก็มาซื้อของที่นี่เช่นกัน”
ตามประเพณีของชาวจีน ฉินสือโอวบอกให้ฮิวจ์คนน้องอยู่ทานอาหารด้วยกันที่นี่ ประจวบกับที่เขากำลังรำคาญลูกหมูป่าที่ทำตัวน่าปวดหัวพวกนั้นอยู่พอดี มื้อเย็นฉินสือโอวเลยจับมันมาย่างหนึ่งตัว
ฮิวจ์คนน้องทานเนื้อเข้าไปคำใหญ่ เขาพูดงึมงำๆ กับฉินสือโอวว่า “ฉันขอให้นายจ้างนักบัญชีมาสักคนเถอะ นี่ฉันจริงจังนะ เพราะฉันกะว่าจะขยายลู่ทางสักหน่อย”
ฉินสือโอวถามเขาว่า “นายคิดจะทำอะไรเหรอ?”
ฮิวจ์คนน้องกลืนเนื้อหมูลงไปอย่างยากลำบาก หลังจากกลืนลงไปได้แล้วก็ถอนหายใจออกมา “ฉันเจอของที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างเลย อย่างเช่นฟันฉลามที่ขัดเงาจนกลายเป็นมีดจากเกาะไอซ์ไฟเออร์ที่เปิดร้านขายอยู่ที่นี่ ฉันอยากรับซื้อสินค้าของพวกเขามาขาย ยักษ์ใหญ่มาร่วมมือกันถึงจะชนะกันทั้งคู่ ใช่ไหมล่ะ?”
สถานการณ์การจำหน่ายมีดของเกาะไอซ์ไฟเออร์กลับไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ หลักๆ แล้วเป็นเพราะพวกเขามีแค่มีดบางส่วน แต่ยังขาดสินค้าชนิดอื่นๆ นักท่องเที่ยวน้อยมากที่จะเจาะจงไปเที่ยวที่ร้านค้าแบบนั้น
ฉินสือโอวคิดว่าไอเดียของฮิวจ์คนน้องก็ไม่เลวเหมือนกัน จึงสนับสนุนความคิดของเขา แล้วบอกว่าถ้าเขาเตรียมตัวจะเปิดลู่ทางนี้ เดี๋ยวฉินสือโอวจะไปพบนายกเทศมนตรีเมืองกาบีลาเพื่อพูดคุยเรื่องการรับซื้อสินค้า
บทที่ 898 ซ่อมแซมฟาร์มเลี้ยงสัตว์
Ink Stone_Fantasy
กระทั่งขาของยุงยังนับเป็นเนื้อ รายได้จากร้านขายของชำทำให้ฉินสือโอวรู้สึกมีความสุขไปตลอดทั้งเย็น เขากำลังวางแผนว่าจะจะใช้เงินก้อนนี้ยังไงดี ขยายร้านขายของชำให้กว้างขึ้นอีกหน่อยก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เลยใช่ไหม?
ทว่าหลังจากตื่นเช้าวันถัดมา อารมณ์ดีๆ ของเขาก็ไม่มีเหลืออยู่แล้ว
วิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเหมือนที่ทำเป็นประจำ พอวิ่งไปได้รอบหนึ่ง ฉินสือโอวกลับรู้สึกแปลกๆ ทำไมไม่ค่อยเห็นลูกหมูป่ากับฝูงกวางเท่าไรเลยล่ะ? ไม่สินี่ไม่ถูกต้อง โดยปกติตอนเช้าจะเห็นพวกมันพากันวิ่งพล่านไปทั่ว
เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ ฉินสือโอวมองออกไปไกลๆ ก็มองไม่เห็นลูกสัตว์ป่า เขานึกถึงสวนผักขึ้นมาโดยพลัน จากนั้นจึงออกไปที่นั่นด้วยความเร่งรีบ
ปรากฏว่า ห่างออกมาไกลๆ เขาก็พบว่า ผ้าใบของสวนผักได้ขาดออกจากกันแล้ว…
พอเขาตามรอยโหว่ของผ้าใบเข้าไปดูก็ถึงกับตะลึงตาค้างไปทันที ผักสดและเบอร์รีในสวน เหมือนโดนพายุทอร์นาโดบุกเข้าโจมตี ผักจำพวกผักกาดขาว ผักปวยเล้งกับกะหล่ำปลีถูกแทะจนเละเทะไปหมด แตงกวา มะเขือเทศ ต้นกล้ามะเขือเทศถูกเหยียบย่ำเสียหายอย่างรุนแรง มันเทศและมันฝรั่งก็ถูกขุดขึ้นมาจากในพื้นดินเช่นกัน
พวกลูกหมูป่ากับลูกกวางนอนกรนอยู่บนพื้นอย่างอิ่มอกอิ่มใจกับหน้าท้องตุงๆ ของพวกมัน คาดว่าในโรงเรือนเพาะปลูกยังอบอุ่นอยู่ พวกมันถึงไม่ยอมปีนออกไปแต่พากันอยู่ที่นี่ต่อ
ฉินสือโอวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที แล้วปอหลัวล่ะ? ทำไมไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้? มันไม่ได้เฝ้าสวนผักอยู่ตลอดหรอกเหรอ?
ปอหลัวหาพื้นที่ที่สะอาดๆ นอนอยู่ด้านนอกสวนผัก เมื่อฉินสือโอวมองเห็นมันอารมณ์โกรธอย่างรุนแรงของเขาก็ค่อยๆ หายไป สัตว์เลี้ยงของเขาตัวนี้กำลังเหน็ดเหนื่อยมาก คล้ายกับว่าขนสีทองบนตัวไม่ได้เจิดจ้าเหมือนที่เคยเป็นประจำแล้ว ในขณะนี้มันกำลังหลับลึก ที่มุมปากยังมีน้ำลายไหลออกมาเหมือนเด็กเล็กๆ อีกต่างหาก
หลายวันที่ผ่านมา ปอหลัวต้องแบกรถลากเลื่อนหิมะวิ่งทั้งในเมืองและนอกเมือง คนที่ได้หน้าคือพวกเด็กๆ ปอหลัวต่างหากล่ะที่ต้องเหนื่อย
ฉินสือโอวส่ายหัว เขากลับไปที่วิลล่าแล้วใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกับพวกชาวประมง เขาต้องไล่สัตว์ป่าพวกนี้ให้กลับเข้าไปในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ปล่อยเลี้ยงอย่างอิสระไม่ได้แล้ว อย่างมากที่สุดก็ต้องแบ่งพื้นที่เลี้ยงสัตว์
หลังจากเบิร์ดตรวจดูสวนผัก เขาก็กลับมาบอกว่า “พวกที่ฉีกผ้าใบจนขาดไม่ใช่ลูกหมูป่ากับลูกกวาง แต่เป็นกวางโตเต็มวัย แน่นอนว่าบางทีก็อาจจะเป็นหมูป่าที่ตัวค่อนข้างใหญ่หลายตัวก็ได้ ดังนั้นผมขอแนะนำ ให้พวกเราซ่อมแซมฟาร์มเลี้ยงสัตว์สักหน่อยดีกว่าครับ”
“เปิดประตูทางใต้กับทางด้านหลังของฟาร์มไว้ฝั่งละหนึ่งบาน ความสูงครึ่งเมตร แบบนี้ทำให้ลูกกวางกับลูกหมูป่าสามารถเข้าออกได้ตามสบาย แต่กวางกับหมูป่าตัวใหญ่จะออกไปไม่ได้”
ฉินสือโอวได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกโอเคเหมือนกัน ลูกกวางกับลูกหมูป่าตัวไม่ใหญ่มากไม่มีความสามารถที่จะก่อการได้ ปล่อยเลี้ยงไว้ด้านนอกก็ไม่ทำให้สกปรกร้ายแรง ทำให้เกิดความทรุดโทรมแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แต่ความขัดแย้งของฝูงกวางกับฝูงหมูป่ามาจากลูกสัตว์ป่า พวกมันต่างก็เป็นสัตว์ใหญ่ที่รังแกสัตว์เล็กจนทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นมา ดังนั้นขอแค่สัตว์ตัวเล็กสามารถวิ่งหนีออกไปได้ แบบนั้นความขัดแย้งก็จะลดน้อยลงเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้แล้ว หลังจากนี้ถ้ามีฝนมีหิมะตกตลอดจนอากาศหนาวในตอนกลางคืน ลูกสัตว์ป่าก็จะสามารถกลับเข้าไปในฟาร์มได้เองอีกด้วย
ซ่อมแซมฟาร์มเลี้ยงสัตว์ได้ง่ายมากๆ ใช้เหล็กเส้นเชื่อมกันเป็นรั้ว ตัดด้านล่างให้มีขนาดเล็กกว่าครึ่งหนึ่ง ก็ออกมาเป็นประตูขนาดเล็กแล้ว
ประจวบเหมาะพอดี ผ่านไปแค่วันสองวัน แม่หมูเบอร์กเชียร์ที่ตั้งท้องก็คลอดลูกหมูออกมาแล้ว มีทั้งหมดสองครอก ครอกหนึ่งสิบสี่ตัวอีกครอกสิบห้าตัว เป็นลูกหมูสีดำเงาวาวทั้งหมด
โดยทั่วไปแล้ว แม่หมูที่คลอดลูกครอกแรกจะมีลูกค่อนข้างน้อย แต่ว่าหมูพันธุ์ท้องถิ่นจะมีความสามารถให้การออกลูกที่ดีกว่าหมูที่เกิดจากหมูมียี่ห้อ เนื่องจากพวกมันเติบโตได้ช้า เลยต้องรักษาขนาดของเผ่าพันธุ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ ดังนั้นพวกมันจึงต้องมีความสามารถในการแพร่พันธุ์ที่แข็งแกร่ง
แม่หมูเริ่มคลอดในตอนกลางคืน ขณะที่กำลังเข้าเวรยามแบล็คไนฟ์ได้ยินเสียงแม่หมูร้องเสียงดัง เขานึกว่ามีสัตว์ป่าบุกเข้ามา จึงถือปืนวิ่งเข้าไปหา หลังจากนั้นก็ได้เห็นลูกหมูสีดำหลายตัวที่กำลังนอนดิ้นร้องฮึมฮัมๆ อยู่บนกองฟาง
แบล็คไนฟ์บอกให้ฉินสือโอวรู้แล้ว เหมือนกับว่านัดกันไว้ แม่หมูดำทั้งสองตัวถึงได้คลอดลูกออกมาพร้อมกัน เมื่อเป็นแบบนี้งานของฉินสือโอวก็เริ่มยุ่งขึ้นมาแล้ว เขาเตรียมซุปปลาไว้ให้แม่หมู เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกายให้กับพวกมัน
ทำงานตั้งแต่ห้าทุ่มมาเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ลูกหมูครอกหนึ่งถึงจะคลอดออกมาได้สำเร็จ
ในตอนนี้แม่หมูกินแค่ซุปอย่างเดียวก็อิ่มท้อง มีปริมาณน้ำนมเพียงพอ เหล่าลูกหมูเข้ามารวมกันอยู่ใต้ท้อง แล้วดูดนม ‘จ๊วบๆๆ’
“เป็นภาพที่น่ารักมากๆ” เชอร์ลี่ย์ที่พอตื่นนอนแล้วก็รีบวิ่งมาดูลูกหมูพูดขึ้นมาว่า “ลูกหมูน่ารักมาก ไม่ขี้เหร่ ไม่สกปรกเหมือนหมูที่โตแล้ว”
ที่จริงหมูบ้านพวกนั้นไม่ได้สกปรก ฉินสือโอวเปิดคูน้ำเล็กๆ ให้ไหลผ่านฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วงจะมีน้ำไหลอย่างไม่ขาดสาย พวกมันจะหาวิชพืชในน้ำกับงมปลางมกุ้งตัวเล็กๆ ขึ้นมากิน ซึ่งก็เท่ากับว่าพวกมันได้อาบน้ำตลอดทั้งวัน
ขณะที่ฉินสือโอวมองดูลูกหมูพวกนี้ ในใจของเขารู้สึกปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก ต่อไปนี้นับว่ามีหมูให้ทานแล้ว
กอร์ดอนแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เขากลืนน้ำลายพร้อมกับถามว่า “พวกเราควรจะฉลองเรื่องนี้สักหน่อยไหม?”
“ฉลองยังไง?” มิเชลถาม “จัดปาร์ตี้เหรอ? แต่พวกเราจะเข้าร่วมงานด้วยไม่ได้นะ เพราะพวกเราดื่มเหล้าไม่ได้”
กอร์ดอนหัวเราะเหอะๆ ตอบกลับไปว่า “จัดปาร์ตี้กับผีน่ะสิ เพื่อนๆ ให้คุณลุงฮิคสันมาย่างลูกหมูให้กินสักตัวไง แบบนี้ถึงใช่หมูหัน ใช่ไหม ฉิน?”
เชอร์ลี่ย์รีบเข้ามาดึงหูกอร์ดอนไว้ด้วยความรวดเร็ว แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “ทำไมต้องเป็นนายที่พูดอะไรแบบนี้ให้เสียบรรยากาศทุกครั้งเลย? กอร์ดอน นายมีความสามารถพิเศษในการทำให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนได้ในพริบตาเดียวใช่ไหม?”
“นี่เรียกว่ารัศมีแห่งการเสียดสี ตอนเล่นเกมฉันก็เคยใช้สกิลนี้มาก่อน ค่าความเกลียดของมอนสเตอร์รุนแรงมาก” ชาร์คจูเนียร์มองดูที่ผิดรูปผิดร่างของกอร์ดอนพร้อมทั้งพูดอย่างคึกคะนอง
กอร์ดอนขอให้วินนี่ช่วยผดุงความยุติธรรม วินนี่จึงเขกมะเหงกเขาหนึ่งครั้งอย่างจนปัญญา เชอร์ลี่ย์ส่งสายตาเตือนให้เขาระวังตัว หลังจากนั้นถึงได้ยอมปล่อยหูของเขา
เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหมูถูกหมูป่ากับฝูงกวางเผลอเหยียบตาย ฉินสือโอวจึงแยกพวกหมูบ้านออกมา และยังป้อนซุปปลาให้แม่หมูกินอีกด้วย
ซุปปลาช่วยเสริมสร้างร่างกายได้มาก ออกลูกในฤดูหนาวจะทำให้แม่หมูได้รับบาดเจ็บค่อนข้างมาก หมูสองตัวนี้เพิ่งจะออกลูกครอกแรก คาดว่าน่าจะมีน้ำนมไม่เพียงพอ กินซุปปลาเพื่อบำรุงร่างกายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
แคนาดามีการควบคุมสัตว์ที่เคร่งครัดมาก ในฟาร์มปลามีลูกหมูเกิดมาสองครอก ฉินสือโอวต้องรายงานไปยังสำนักตรวจสอบโรคของนครเซนต์จอห์น พวกเขาลองมาตรวจสอบดูแล้ว เมื่อเห็นว่าหมูพวกนี้ไม่มีความสามารถที่จะแพร่กระจายเข้าไปในป่าถึงสามารถเพาะพันธุ์ต่อไปได้
ทำงานมาแล้วครึ่งสัปดาห์ ฟาร์มถึงเพิ่งจะซ่อมเสร็จ ฝูงกวางกับฝูงหมูป่าถูกต้อนเข้าไปขังไว้แล้ว ต่อไปนี้จะไม่สามารถออกไปก่อกรรมทำชั่วข้างนอกได้อีก
ลูกหมูกับลูกกวางออกปฏิบัติการอย่างไม่พลาด หลังจากถูกขังไว้พวกมันก็มุดออกมาจากประตูเล็กทันที พวกมันเสพติดการกินผักสดในสวนแล้ว หลังจากออกมาก็พากันวิ่งกระหืดกระหอบด้วยความดีใจออกไปทันที
สิ่งที่รอต้อนรับพวกมันอยู่คือเครื่องบินบก หลังจากที่พบว่าอาณานิคมของตัวเองถูกหยามเกียรติปอหลัวก็รู้สึกโมโหมาก พลั่วที่อยู่บนหัวบินขึ้นด้านบนครั้งแล้วครั้งเล่า เชิญให้บรรดาลูกหมูป่ากับลูกกวางได้เพลิดเพลินกับความสนุกสนานจากการบินฟรีๆ
อีกทั้งเบิร์ดยังพูดถูก ลูกหมูกับลูกกวางไม่มีฟันที่แหลมคมหรือเขาขนาดใหญ่ที่จะนำมาฉีกผ้าใบพลาสติกให้เปิดออก ความอันตรายของพวกมันต่อสวนผักมีอยู่น้อยมาก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินสือโอวกับเออร์บักก็ได้พาคนอื่นๆ มาช่วยกันลงแรงครั้งใหญ่เพื่อจัดการสวนผักที่มีสภาพเละเทะให้กลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฉินสือโอวเป็นหวัดครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่แคนาดา
อุณหภูมิข้างในและข้างนอกโรงเรือนเพาะปลูกแตกต่างกันเกินไป ฉินสือโอวต้องเข้าๆ ออกๆ อยู่หลายครั้ง เมื่ออยู่ด้านในมักจะมีเหงื่อออกทั่วทั้งตัวแล้วอยู่ๆ ก็ต้องออกไปรับปะทะกับอากาศหนาวด้านนอกเป็นประจำ หลังจากนั้นไม่กี่ครั้ง เขาก็ต้านทานการโจมตีของไวรัสไม่ไหว จนทำให้ต้องเป็นหวัด!
ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงตั้งแต่ช่วงพลบค่ำ กระดูกอ่อนยวบ แถมมือและเท้าก็ยังรู้สึกชา ในตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ เพราะตั้งแต่หลังจากได้รับการปรับเปลี่ยนจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เขาก็คิดว่าตัวเองทนทานต่อสารพัดโรค
แต่พอถึงช่วงดึก วินนี่กลับเริ่มมีไข้ก่อนเขา ส่วนตัวเขาก็รู้สึกคัดจมูกหายใจไม่สะดวก จึงรีบวัดอุณหภูมิร่างกาย พอตรวจวัดถึงได้รู้ว่าแย่แล้ว วินนี่มีไข้สูงถึง 38 องศา เขาก็เริ่มมีไข้เล็กน้อยแล้วเหมือนกัน!
บทที่ 899 ไวรัสที่แข็งแกร่งที่สุด
Ink Stone_Fantasy
ถ้าเขาเป็นหวัดแค่คนเดียว ฉินสือโอวคงไม่แคร์ เพราะเขารู้จักสุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี อีกทั้งยังแข็งแรงมาก หวัดแค่เล็กน้อยอดทนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ผ่านไป แต่เมื่อทำให้วินนี่ติดไข้แถมยังป่วยหนักกว่าตัวเอง แบบนั้นจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
วินนี่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ กำลังอยู่ในช่วงเดือนที่หกซึ่งเป็นข้อต่อสำคัญของการตั้งครรภ์ และเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด
อย่ามองว่าเป็นแค่ไข้หวัด เชื้อไวรัสหวัดที่มีความรุนแรงหน่อยสามารถทำให้หญิงมีครรภ์แท้งได้
เมื่อเห็นตัวเลขที่ออกมาบนเทอร์มอมิเตอร์วัดไข้ ฉินสือโอวก็รีบโทรศัพท์ไปปลุกนีลเซ็นกับเบิร์ด บอกให้พวกเขาเตรียมรถเพื่อเข้าไปหาโอดอมในเมือง
โรงพยาบาลชุมชนของเมืองนี้มีแพทย์กับพยาบาลแค่อย่างละคนเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีความสามารถที่จะทำงานได้ตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง แต่โอดอมกับลาร่าต่างก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชน หากมีเคสฉุกเฉินก็สามารถรับมือได้
ระหว่างทางฉินสือโอวโทรศัพท์ไปหาโอดอม นายแพทย์หนุ่มหล่อรับโทรศัพท์อย่างงัวเงีย เขาถอนหายใจแล้วถามว่า “เพื่อน คุณเอาแต่ถามว่าผมว่าผมมีเคล็ดลับอะไรถึงรักษาหุ่นไม่ให้อ้วนได้ ดูสิ พอนอนถึงกลางดึกก็ถูกคนลากขึ้นมาจากเตียงเป็นประจำ แล้วแบบนี้ผมจะอ้วนขึ้นได้ยังไงกันล่ะ?”
ทางด้านฉินสือโอวกำลังกระวนกระวายอย่างถึงที่สุด เขาจึงร้องขึ้นมาว่า “ไม่ต้องพูดเล่นแล้ว เพื่อน ผมกำลังจะเป็นบ้าแล้ว!”
“เย้ เย้ ผมรู้ ผมรู้ว่าคุณจะเป็นบ้าแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะล้อเล่นกับคุณทำไมล่ะ? ผ่อนคลาย ผ่อนคลายหน่อย แค่ไข้หวัดเอง จากที่คุณเล่าอาการมาน่าจะเป็นไข้หวัดที่เกิดจากไวรัส ผมจัดการได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วง” โอดอมค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ
รถเอสยูวีจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาลชุมชนอย่างรวดเร็วและปลอดภัย เบิร์ดยักไหล่แล้วพูดว่า “บอส มาตรฐานการขับขี่ของทหารปลดประจำการก็ไม่เลวเลยใช่ไหมครับ? สองนาทีสี่สิบวินาที เป็นยังไงบ้างครับ?”
ฉินสือโอวประคองวินนี่ขึ้นมา เขาบ่นพึมพำว่า “กลับไปแล้วค่อยชมนาย”
วินนี่ช่วยเขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ทั้งยังพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องร้อนใจหรอกนะคะ ฉันไม่เป็นไร แค่ไข้หวัดเอง ดูสิคุณเป็นกังวลจนเหงื่อออกเต็มหัวแล้ว”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มแล้วตอบเธอว่า “ผมไม่ได้ร้อนใจหรอกนะ ที่รัก นี่เป็นเพราะพิษไข้น่ะ ผมว่าท่าทางผมก็ไม่ค่อยดีแล้วเหมือนกัน”
ตอนที่พวกเขามาถึง ลาร่ากำลังเปิดประตูอยู่พอดี เธอรับวินนี่เข้ามาแล้วให้วินนี่คาบปรอทวัดไข้ไว้ในปากหนึ่งอัน จากนั้นก็หยิบมาให้ฉินสือโอวอีกหนึ่งอัน แล้วพูดว่า “มาเถอะ มีเตียงที่เพิ่งจะฆ่าเชื้อโรคไปสองเตียงอยู่พอดี พวกคุณสองคนนอนแยกกันนะ”
ทีแรกอาการหวัดของฉินสือโอวยังไม่เท่าไร แต่ปรากฏว่าพอเขาเริ่มรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ในช่วงเวลาสั้นๆ อาการหวัดก็เพิ่มทวีขึ้นยิ่งกว่าเดิม เมื่อลองวัดอุณหภูมิของร่างกายดู ทางฝั่งเขามีไข้สูงถึง 38.5 องศาแล้ว
ภายใต้อุณหภูมิร่างกายแบบนี้ กิจกรรมของเอนไซม์ในร่างกายจะลดลงเป็นอย่างมาก คนคนหนึ่งต้องไม่มีกำลังวังชาถึงจะถูก ทว่าฉินสือโอวยังมีท่าทางปกติมาก เขามองไปที่วินนี่ด้วยความกระวนกระวายใจ และวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ลาร่าเดินเข็นรถเข็นเข้ามา เมื่อลองตรวจดูรูม่านตาและสีเยื่อบุช่องปากของฉินสือโอว เธอก็พูดอย่างค่อนข้างประหลาดใจว่า “สุขภาพร่างกายของคุณดีมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรู้ว่าเทอร์มอมิเตอร์วัดไข้ของฉันไม่ได้มีปัญหา ฉันต้องคิดว่าอุปกรณ์ทำงานผิดพลาดแล้วแน่ๆ”
โอดอมเริ่มจัดการให้กลูโคส หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสมีอานุภาพรุนแรงกว่าหวัดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียอยู่มาก แต่หลังจากลาร่าตรวจดูสภาพร่างกายของฉินสือโอว เธอก็เปลี่ยนแผนการรักษาให้กับเขา แล้วฉีดยาปฏิชีวนะให้หนึ่งเข็ม
หลังจากนั้นประมาณสิบกว่านาที โอดอมก็เดินเข้ามา ฉินสือโอวถามเขาว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
โอดอมบอกให้เขานั่งลง แล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ผ่อนคลายหน่อยเพื่อน นี่แค่หวัดนะโอเคไหม? ถ้าแค่นี้ผมยังรับมือไม่ได้ แบบนั้นก็คงไม่ต้องใส่เสื้อผ้าชุดนี้อีกต่อไปแล้ว”
เขากางเสื้อกาวน์ของตัวเองให้ฉินสือโอวดู หลังจากนั้นก็พูดขึ้นต่อ “จัดการให้กลูโคสกับคนรักของคุณแล้ว คิดว่าคืนนี้เธอคงพักต้องอยู่ที่นี่ กลับไปเตรียมเสื้อผ้ามาให้เธอหน่อยเถอะ เรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ฉินสือโอวอยากจะอยู่กับวินนี่ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขามีเชื้อไวรัสอยู่กับตัว จึงต้องยอมกลับไปก่อน
เช้าวันถัดมา ฉินสือโอวรู้สึกว่าจมูกของเขาเริ่มมีน้ำมูกไหล แต่ว่าอุณหภูมิของร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพปกติแล้ว นอกจากนี้ก็ไม่มีอาการป่วยอย่างอื่นอีก
ทว่าเบิร์ดและนีลเซ็นกลับเริ่มไม่สบายแล้ว สองคนนี้ก็เป็นนายทหารที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นอย่างมาก ปรากฏว่าพอพวกเขาไปส่งฉินสือโอวกับวินนี่มาหนึ่งรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มจามและสูดน้ำมูกซ้ำแล้วซ้ำอีก
เวลาอาหารเช้า นีลเซ็นไปหาฉินสือโอวอย่างหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา แล้วพูดกับเขาว่า “บอส ต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ท่านสร้างของพวกนี้มาทำไมกัน? เชื้อไวรัสหวัดของคุณรุนแรงมากจริงๆ รุนแรงยิ่งกว่าเชื้อไวรัสเอชไอวีเสียอีก!”
เบิร์ดถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นก็จามออกมาอีก เออร์บักจึงถามเขาอย่างประหลาดใจว่า “พวกนายก็ติดด้วยเหรอ?”
เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว เออร์บักก็รีบกลับไปหาหน้ากากอนามัยมาหนึ่งกองเลยทันที เขาสวมให้เด็กๆ คนละอัน บอกพวกเขาว่าวันนี้ไม่ต้องกลับมานอนที่นี่ ให้ไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์กับพวกชาร์คแทน
ไวรัสหวัดในครั้งนี้ดุร้ายมากจริงๆ ถ้าเออร์บักคิดว่าแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ นั่นก็คงจะง่ายดายเกินไปแล้ว เพียงไม่นานชายชราก็เริ่มจามและมีน้ำมูกไหลแล้วเช่นกัน อีกทั้งหลังจากเลิกโรงเรียนเด็กๆ ทุกคนก็เริ่มปรากฏอาการป่วยจากไข้หวัด
เหมือนกับประกายไฟที่ไหม้ลามไปทั่วทุ่ง เมื่อเกิดประกายไฟที่เริ่มจากฉินสือโอว เปลวเพลิงลูกใหญ่ก็โหมไหม้ขึ้นมา เพียงไม่นานก็ลุกท่วมไปทั่วทั้งฟาร์มปลา
ในช่วงวันสองวันนี้ ในถังขยะของฟาร์มปลาเต็มไปด้วยกระดาษสั่งน้ำมูก ชาร์คไปซื้อยาแก้หวัดมาหนึ่งกองเพื่อแจกจ่ายให้กับทุกๆ คน เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม่งเอ๊ย ถ้ามนุษยชาติจะสูญสิ้นเพราะความเจ็บป่วย ก็ต้องเป็นเพราะไข้หวัดแน่ๆ!”
เชอร์ลี่ย์ปรับรูปทรงของหน้ากากอนามัย ให้เหล่าสัตว์เลี้ยงอย่างหู่เป้าฉงหลัวใส่เช่นกัน แม้กระทั่งซิมบ้าก็ใส่หน้ากากอนามัยไซส์เล็กๆ วิ่งไปวิ่งมาเหมือนนักฆ่าสวมหน้ากาก
ฉินสือโอวเลยให้พวกชาวประมงลาหยุดไปเลย ทุกคนไม่ต้องออกทะเลแล้ว ถึงยังไงฟาร์มปลาในช่วงฤดูหนาวก็ไม่มีงานอะไรอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าหน้าหนาวเป็นเวลาที่ดีที่จะจับปลาค็อดและกุ้งมังกรกับปู ทางฝั่งบัตเลอร์มีปริมาณการจำหน่ายปลาค็อดกับกุ้งมังกรที่ดีมาก จึงมักจะเร่งรัดให้พวกเขาจับขึ้นมาเยอะๆ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาจะไปจับได้ยังไงกัน?
ฉินสือโอวเป็นคนที่หายเร็วที่สุด มีไข้ตอนกลางคืน วันต่อมามีน้ำมูก แต่ต่อจากนั้นก็หายดีแล้ว อาการเจ็บป่วยอะไรก็ไม่มี
อาการหวัดของเออร์บัก กับเชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ค่อนข้างรุนแรง ฉินสือโอวจึงต้องเขียนใบลาป่วยให้กับพวกเด็กๆ เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเชอร์ลี่ย์ก็พากันดีใจ วันๆ เอาแต่เล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ในห้อง
ให้กลูโคสอยู่สองวันวินนี่ก็หายดีแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย ฉินสือโอวจึงให้วินนี่พักอยู่ที่บ้านของคุณลุงฮิคสันไปก่อนเป็นการชั่วคราว ตาเฒ่ารู้สึกยินดีมาก เขาบอกว่าฟาร์มปลาของพวกนายกลายเป็นแหล่งไวรัสไปแล้ว ปีนี้เชื้อไวรัสหวัดรุนแรงมากจริงๆ
ร้ายแรงจริงๆ ไม่ใช่แค่ฟาร์มปลาต้าฉินที่ประสบกับการทำลายล้างของเชื้อไวรัสหวัด ที่รัฐออนแทรีโอร้ายแรงยับเยินยิ่งกว่านี้ ในฐานะที่เป็นรัฐที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในแคนาดา จุดสำคัญของการโจมตีจากเชื้อไวรัสหวัดในครั้งนี้จึงอยู่ที่นั่น
รุนแรงถึงระดับไหนน่ะเหรอ? สนามเจ้าภาพของทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ ทีมโทรอนโตแร็ปเตอร์ที่อยู่ที่โทรอนโต ปรากฏว่านักบาสจำนวนสิบห้าคนของพวกเขา มีเก้าคนที่ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันเพราะไข้หวัด ในหนึ่งสัปดาห์หกคนที่เหลือต้องแข่งถึงสามรอบ และถูกทีมอื่นโจมตี!
สถานการณ์ที่นิวฟันด์แลนด์ยังไม่แย่มาก พื้นที่กว้างใหญ่ประชากรเบาบาง คนป่วยเป็นไข้หวัดไม่เยอะ การติดเชื้อจึงไม่ได้ก่อตัวขึ้นขนาดใหญ่
เช่นนี้แล้วบรรดาชาวประมงจึงไม่สามารถออกทะเลได้เนื่องจากเป็นหวัด และถึงอย่างไรลมทะเลก็แรงขนาดนั้น ถ้าอาการหวัดเล็กน้อยการเป็นไข้หวัดรุนแรงต้องแย่แล้วแน่ๆ ฉินสือโอวเลยพาอีวิลสันออกทะเลด้วยตัวเอง
อีวิลสันมีสุขภาพร่างกายเหมือนดั่งสัตว์ร้ายอย่างแท้จริง เขากับฉินสือโอวอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เป็นคนคนเดียวที่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสหวัด ฉินสือโอวถามเขาว่าเขาไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? เขาชะงักไปชั่วครู่ แล้วบอกว่าช่วงนี้มีความอยากอาหารค่อนข้างมาก อยากกินอะไรเยอะๆ หน่อย
หลังจากนั้นฉินสือโอวเลยไม่ได้สนใจอะไรเขาอีกแล้ว คนที่มื้อหนึ่งทานพิซซ่าได้ตั้งห้าชั่งแถมยังทานเนื้อหมูได้อีกสองชั่ง บอกว่าเขาเป็นหวัดก็คงไม่มีใครเชื่อ
บทที่ 900 ผลิตไข่มุกดำจำนวนมาก
Ink Stone_Fantasy
“เพิ่งจะหายหวัดก็จะออกทะเลแล้วเหรอครับ?” ชาร์คถามอย่างแปลกใจ “ไม่จำเป็นหรอกมั้งครับบอส? ที่จริงทุกอย่างที่ฟาร์มก็ปกติดี ฤดูหนาวมีคลื่นลูกโตเป็นครั้งคราว ไม่มีใครมาขโมยปลาที่ฟาร์มเราหรอก ผมว่าบอสน่าจะพักอีกสักหน่อยนะครับ”
ฉินสือโอวไม่ได้จะไปลาดตระเวนฟาร์มปลาจริงๆ หรอก เขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ พอดีกับที่ถือโอกาสตอนเหล่าชาวประมงออกทะเลไปกับเขาไม่ได้ ก็ไปจัดการกับเรื่องนี้เสียเลย
เรื่องที่เขาจะทำก็คือฝังแกนกลางให้หอยนางรมลอย และเพิ่มความเร็วในการผลิตไข่มุกของพวกมัน
ตั้งแต่มีข่าวลือเกี่ยวกับเรือผีชื่อฟลาวเวอร์ฟอกซ์ ที่ฟาร์มปลาก็เงียบสงบลง จำนวนเรือขโมยปลาก็ลดลง แต่กลับมีคนไม่น้อยที่นั่งเรือมาในแถบทะเลรอบๆ นั้นเผื่อว่าจะได้เจอเรือผี
ฉินสือโอวกังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้น ช่วงเดือนกว่ามานี้ก็ไม่ได้ให้เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ออกโจมตีอีก ถ้าเกิดหลุดพิรุธจนคนสงสัยก็แย่สิ
พอไม่มีเรือขโมยปลา ปัญหาใหญ่ที่สุดของฟาร์มปลาต้าฉินก็คลี่คลายแล้ว ทีนี้เรื่องที่ฉินสือโอวต้องกังวลก็มีอยู่ไม่กี่เรื่อง
ไม่ได้ดูฟาร์มปลามานานช่วงหนึ่งแล้ว ตอนนี้ฉินสือโอวควบคุมให้จิตสำนึกโพไซดอนลงทะเลไปเพื่อถ่ายพลังโพไซดอนให้พืชน้ำสาหร่ายและเหล่าสัตว์ทะเลเลอค่า ก็ถือว่าเป็นงานเบา
พอแล่นเรือเข้าสู่ทะเล ฉินสือโอวก็เงยหน้ามองท้องฟ้า สภาพอากาศไม่เลว หิมะไม่ตกแล้ว
หู่จือเป้าจือตามมาบนเรืออย่างเคย คราวนี้ฉงต้าก็มาด้วย ตั้งแต่พบว่าตัวเองว่ายน้ำได้ ฉงต้าก็กล้ามากขึ้น ไม่กลัวทะเลอีกแล้ว
ฉินสือโอวเหวี่ยงเบ็ดลงทะเล ไม่นานก็ได้ปลาแฟงค์ทูธ เนื้อของปลาชนิดนี้เด้งมากๆ เขาดึงปลาขึ้นมาทำความสะอาด แล้วใช้เตาย่างก่อนจะยื่นให้ฉงต้า
ฉงต้าใช้อุ้งเท้าอ้วนประคองส่งเข้าปาก หู่จือกับเป้าจือได้กลิ่นหอมเลยเบียดเข้ามาขอส่วนแบ่งด้วย ปรากฏว่าฉงต้าก็รีบกลืนปลาลงคอทันที
ปลาตัวโตน้ำหนักสามสิบกว่ากิโลกรัม เคี้ยวสองทีก็กลืน ‘เอื๊อก’ ลงไป
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ตกหมึกกล้วยได้ตัวหนึ่ง เขาทาซอสเล็กน้อยแล้วเอาไปย่างในเตาจนสุกดีแล้วเอามาแบ่งเป็นหลายชิ้นให้หู่จือกับเป้าจือ ฉงต้าเลียหน้าตัวเองอยากกินด้วย หู่จือกับเป้าจือใช้อุ้งเท้ากดหมึกกล้วยไว้ ไม่ยอมแบ่งให้ฉงต้า
เรือค่อยๆ แล่นเข้าไปในเขตแนวปะการัง ฉินสือโอวนำเอากล่องเหล็กที่เตรียมไว้ออกมา ใช้เอ็นตกปลามัดไว้ก่อนจะปล่อยลงน้ำบนแนวปะการังอย่างระมัดระวัง
ในกล่องเหล็กนั้นมีไข่มุกอยู่ แน่นอนว่าเป็นไข่มุกขาวที่ธรรมดาที่สุด สิ่งนี้ไม่ได้มีมูลค่าอะไร ฉินสือโอวซื้อมาจากอินเทอร์เน็ต จ่ายไปสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดาก็ซื้อมาจากเน็ตได้ห้ากิโลกรัม!
แน่นอนว่าไข่มุกพวกนี้ไม่มีมูลค่า ขนาดก็เล็กมาก ปกติจะนำมาทำสร้อยไข่มุกแบบที่วางขายตามแผงลอย ทุกเมืองที่ติดทะเลของแคนาดาล้วนมีขายเป็นกอง เอามาล่อนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
แต่สำหรับฉินสือโอวเจ้าสิ่งนี้ก็มีประโยชน์เพียงพอ อย่างไรเขาก็แค่เอามาเป็นแกนกลาง เอามาทำไข่มุกดำเทียม
ไข่มุกมีวิธีจำแนกมากมาย วิธีหนึ่งคือจำแนกตามสาเหตุการผลิต แบ่งเป็นไข่มุกแบบมีแกนกับไข่มุกแบบไม่มีแกน
ไข่มุกแบบไม่มีแกนเกิดจากผิวหนังชั้นนอกของแมนเทิลของหอยได้รับความระคายเคือง ส่วนหนึ่งทำการขยายเซลล์แล้วเกิดการแยกตัว และหลังจากนั้นก็ห่อหุ้มวัสดุอินทรีย์ที่หลั่งออกมาเอง ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ฝังลงในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแมนเทิลกลายเป็นถุงไข่มุก และสุดท้ายก็กลายเป็นไข่มุก
ส่วนไข่มุกแบบมีแกนเกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในแมนเทิล อย่างเช่นพวกเม็ดทราย ปรสิต หลังจากเกิดการระคายเคือง เซลล์ผิวหนังจะเข้าสู่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันแมนเทิลโดยยึดสิ่งแปลกปลอมเป็นศูนย์กลาง
เซลล์ผิวชั้นนอกของแมนเทิลส่วนที่ฝังลงไปก็จะขยายเซลล์จนกลายเป็นถุงไข่มุก เซลล์ถุงไข่มุกจะหลั่งสารมุกออกมา และถูกขับออกมาสะสมห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมเป็นชั้นๆ จนเกิดเป็นไข่มุกแบบมีแกน
ไข่มุกแบบไม่มีแกนราคาสูงกว่าแบบมีแกนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะขบวนการผลิตใช้เวลานานกว่าและยากกว่า
ที่ฉินสือโอวจะทำก็คือไข่มุกแบบมีแกน ทำด้วยฝีมือคน แน่นอนว่านี่ต่างจากไข่มุกเลี้ยง เพราะฉะนั้นไข่มุกที่เขาทำออกมาถึงเรียกว่าไข่มุกเทียม
ก่อนหน้านี้เขาเคยหาเทคโนโลยีไข่มุกเลี้ยงเทียมบนเน็ต เทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมมากในออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระบวนการค่อนข้างซับซ้อน คนงานจะตัดเอาเซลล์เยื่อบุผิวจากแมนเทิลของหอยมุกแล้วฝังลงในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแมนเทิลพร้อมกับแกนที่คนงานเตรียมไว้
การฝังชิ้นเนื้อเยื่อต้องพึ่งเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแมนเทิลให้สารอาหาร ขยายเซลล์รอบๆ แกนเทียมอย่างรวดเร็ว จึงจะสามารถกลายเป็นถุงไข่มุก หลั่งสารมุกออกมาและกลายเป็นไข่มุกแบบมีแกนด้วยฝีมือมนุษย์
ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์จะมานั่งตัดเซลล์เยื่อบุผิว เขาใช้ทางลัด หลังจากที่กล่องเหล็กที่ใส่ไข่มุกร่วงลงสู่แนวปะการังก็ล้มลงทันที เม็ดไข่มุกกลิ้งออกมาจากกล่อง
หลังจากนั้นเขาก็หาปลาหมึกขนาดประมาณฝ่ามือตัวหนึ่ง บนหนวดของปลาหมึกมีปุ่มดูด ทีนี้ก็ดูดไข่มุกมาเม็ดหนึ่ง หาหอยนางรมลอยตัวหนึ่งแล้วบังคับให้มันเปิดฝา จากนั้นก็เอาไข่มุกใส่ลงไปก่อนจะถ่ายพลังโพไซดอน
ประสาทรับรู้ของหอยนางรมลอยไวมากๆ โดยเฉพาะยิ่งได้พลังโพไซดอนไปแล้ว พวกมันยิ่งใจร้อนอยากโตไวๆ ปรากฏว่ารู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างจึงย้ายมันไปที่แมนเทิลแล้วหลั่งสารมุกออกมาห่อหุ้มไว้
อย่างมากหนึ่งเดือนก็จะมีไข่มุกดำแล้ว แถมไข่มุกจะต้องกลมมันเงาอย่างแน่นอนด้วย
ฉินสือโอวทำตามขนาดของหอยนางรมลอย ตัวใหญ่ก็ใส่สิบกว่าถึงยี่สิบเม็ด ตัวเล็กก็ใส่เม็ดสองเม็ด เม็ดไข่มุกเล็กๆ เป็นพันถูกเอาใส่ในหอยนางรมลอยไปแบบนั้น
มองดูหอยนางรมลอยที่กระจายอยู่รอบๆ ฉินสือโอว อุทานในใจ ช่องทางหาเงินของเขาไม่น้อยเลยจริงๆ เปลี่ยนอุดมการณ์ดีกว่า จะเป็นโพไซดอนไปทำไม เป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกไปเลยดีกว่า
คิดได้แบบนั้น ฉินสือโอวก็นึกดูถูกตัวเอง คนมีเป้าหมายจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้มันเป็นจริง ในขณะที่คนไร้เป้าหมายจะมีเป้าหมายใหม่ไปเรื่อยๆ แบบนี้เขาช่างไม่มีอุดมการณ์เอาเสียเลย จะมีเงินมากมายไปทำไมล่ะ? ไม่ได้ ต้องเป็นโพไซดอน!
เขาเพิ่มความมุ่งมั่นให้กับอุดมการณ์ของตัวเอง บนโลกนี้มีคนรวยมากมาย แต่มีสักกี่คนที่มีพลังวิเศษ? และอีกอย่างพลังวิเศษของเขายังแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ด้วย!
เขาจะควบคุมทะเล เป็นเจ้าสมุทรทั้งเจ็ด ฉันจะเป็นราชาแห่งท้องสมุทร!
ฉินสือโอวหันหน้าเข้าทะเลด้วยความมุ่งมั่นที่เดือดพล่าน เขากระจายพลังโพไซดอนออกไป และถ่ายพลังมากมายให้กับแถบทะเลแนวปะการังที่หอยนางรมลอยอาศัยอยู่ แบบนี้จะสามารถเร่งเวลาเก็บเกี่ยวเข้ามาได้
จิตสำนึกโพไซดอนลาดตระเวนไปรอบๆ แม้จะเป็นฤดูหนาวแต่สิ่งมีชีวิตแถบแนวปะการังก็ยังคงมีการเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ความเร็วในการขยายพันธุ์ของโพลิปก็ลดลงไม่น้อย
ในตอนที่ว่ายไปเรื่อยๆ จู่ๆ ฉินสือโอวก็พบปูราชินีปรากฏตัวอยู่ก้นทะเล
ปูราชินีเป็นอีกชื่อของปูหิมะ เป็นสัตว์ทะเลชนิดต่อไปที่ฉินสือโอวตั้งใจจะเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ตอนนี้จำนวนในฟาร์มปลาไม่เยอะ เขารู้สึกว่าไม่เยอะมาตลอด
แต่ว่า หลังจากที่พบฝูงปูราชินี เขาก็ลาดตระเวนต่อไปก่อนจะต้องประหลาดใจ
ให้ตายเถอะ ปูราชินีมีไม่เยอะไม่ใช่เหรอ? ทำไมแถบทะเลตั้งกว้างตรงนี้มีแต่เจ้านี่เต็มไปหมดเลย?!
ปูราชินีจำนวนมากเกาะกลุ่มกันไต่ไปในท้องทะเล ตัวเล็กมีขนาดเพียงเล็บมือ ส่วนตัวใหญ่กลับมีขนาดใหญ่พอๆ กับจาน คาดว่าน่าจะน้ำหนักประมาณสองถึงสามกิโลกรัม
สองสามกิโลกรัมอาจดูไม่เยอะ แต่ขาของปูราชินีนั้นยาวมาก ต่อให้เทียบปูแมงมุมญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ตอนที่พวกมันยืดขาออกมาก็น่ากลัวพอตัว!
ฉินสือโอวมองดูฝูงปูตัวโตที่กำลังอพยพอย่างประหลาดใจ พวกมันคิดจะไปไหนกัน?!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น