ท่านเทพมาแล้ว 89-100

 ตอนที่ 89

 

ใครให้เจ้าหาเรื่องส่งเดช?

สีหน้าท่าทางของนางสงบนิ่ง ใคร่ครวญอย่างระมัดระวังรอบหนึ่ง ดูว่าหางจิ้งจอกเขาจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่


ลู่ยาถูกนางมองขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ก็ขนคอลุกชัน ไม่เข้าใจว่าพูดความจริงออกไปแล้วทำไมนางยังจ้องเขาเช่นนี้อีก?


เป็นตัวนางเองที่ไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าเขาจงใจหลอกนางเสียหน่อย


ทั้งสองคนกำลังมองกันอย่างระแวดระวัง ม่านด้านนอกพลันถูกเลิกขึ้น ซ่างกวนสุ่นเดินเข้ามา “จิ้งจอกเฒ่ามาขอเข้าพบอยู่ตำหนักชั้นนอก” เขาพูดพลางชี้นิ้วโป้งออกไปด้านนอก จิ้งจอกน้อยถูกเขาหนีบไว้ใต้แขนราวกับไม้ฟืน มองมู่จิ่วอย่างอึ้งๆ


ลู่ยาจึงพูดขึ้น “ข้าจะไปดูเสียหน่อย!”


มู่จิ่วรีบชิงเอาจิ้งจอกน้อยมา แล้วอุ้มออกไป


ภายในตำหนักชั้นนอกซึ่งคั่นด้วยห้องเพียงห้องเดียว ราชาจิ้งจอกนั่งอยู่ที่นี่เกือบจะหนึ่งชั่วยามแล้ว


ถึงแม้ลู่ยาจะรังแกกันเกินไปนัก มู่หรงเส่าชิงก็ยังอยากจะเข้าไปสังหารเจ้าคนเลวทรามนั่นเสียหลายครั้ง เพราะเรื่องระฆังม่วงทองถูกทำลาย และเพราะอีกฝ่ายพูดเรื่องต้องทำลายพลังฤทธิ์สามหมื่นปีของเขา แต่จิ้งจอกน้อยอยู่ในมือลู่ยา ราชาจิ้งจอกอย่างไรก็ต้องลงมืออย่างระมัดระวัง จึงห้ามเขาไม่ให้หุนหันพลันแล่นแบบนี้


ดังนั้นไม่เพียงแต่ต้องยอมให้พวกนั้นอยู่ในวังซ่าน ยังต้องส่งยาลูกกลอนเสริมพลังเข้าไปในห้องมู่จิ่วไม่หยุด


แน่นอน เขายังไม่ลืมหาทุกโอกาสเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของลู่ยา


ระฆังม่วงทองไม่ใช่ของมีค่าที่ไร้จุดอ่อนอะไร ถึงแม้จะมีคนทำลายมันได้ ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนเก่งกาจยอดเยี่ยม แต่ลู่ยาแสดงตัวในรูปของซ่านเซียน ทั้งพลังฤทธิ์และวิชาที่เขาช่วยจิ้งจอกน้อยกลับมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเป็นเรื่องที่ซ่านเซียนจะทำได้


นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาหยุดทัพไม่ลงมือชั่วคราว


การเป็นลูกหลานของเทพสงคราม ทำให้เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าหากยังไม่รู้แจ้งเรื่องศัตรูก็ไม่ควรเข้าปะทะอย่างดุดัน ทำได้เพียงเอาชนะด้วยสติปัญญาเท่านั้น ดังนั้นเขาทานมื้อเช้าเสร็จก็หิ้วตะกร้าองุ่นเดินมาถึงที่นี่ตัวคนเดียว


“ได้ยินมาว่าแม่นางกัวฟื้นแล้ว คนแก่อย่างข้าจึงตั้งใจนำผลไม้สดมาให้นางชิมดู” ราชาจิ้งจอกยิ้มตาหยีแต่กลับเหมือนจิ้งจอกเฒ่าชั่วร้าย เขาส่งองุ่นให้มู่จิ่วพลางเหลือบมองจิ้งจอกน้อยในอ้อมอกนาง


ลู่ยาพูดเรียบๆ “เจ้าชิงไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อข้าสามารถแย่งมันมาจากมือเจ้า แน่นอนว่าต้องขโมยจิตจิ้งจอกมาได้ด้วย”


จิ้งจอกได้ยินสีหน้าก็ดำคล้ำ ทำหน้านิ่งเดินกลับมา


“คนแก่อย่างข้าเคยกล่าวว่าพวกเซียนสูงส่งพูดแล้วเชื่อถือได้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกลับกลอกไปมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คดีนี้จะคุยกันได้อย่างไร?”


“ถึงแม้ข้าจะกลับกลอก แต่ราชาจิ้งจอกกลับเป็นคนสองหน้า หากบุตรชายเจ้าไม่ได้รับโทษเสียบ้าง ข้าก็พร้อมที่จะรั้งอยู่ที่นี่!” ลู่ยายื่นมือไปรับชาที่ซ่างกวนสุ่นส่งมาให้จากด้านหลัง ราวกับเขาเป็นเจ้าของวังจิ้งจอกนี้ ส่วนราชาจิ้งจอกกลับเป็นผู้มาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินทอง


“ถึงแม้พวกเราจะมาทำคดี เป็นเจ้าหน้าที่เซียนไม่สะดุดตา แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้คนรังแกโดยเปล่าๆ ราชาจิ้งจอกเห็นว่าอย่างไร?”


ใบหน้าชราของราชาจิ้งจอกแดงเรื่ออยู่บ้าง “เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร! หรือว่าเทพเซียนตัวเล็กๆ อย่างเจ้าจะแข็งขืนต่อพวกเราชิงชิวอย่างถึงที่สุด?”


“ชิงชิวของเจ้าก็มิใช่ว่าแข็งขืนกับลัทธิฉ่านแล้วหรือไร ถึงแม้ข้าเพียงคนเดียวจะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ก็ยังไปเข้าร่วมกับพวกลัทธิฉ่านที่วิมานหลีเฮิ่นได้มิใช่หรือ? ข้าเพียงพูดกับพวกเขาว่า เราหอบเอาความจริงใจอย่างสูงสุดมาเพื่อชี้แจงแถลงไขกับชิงชิว ผลคือกลับถูกกลั่นแกล้งรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อว่าวิมานหลีเฮิ่นคงมีหลายคนนั่งไม่ติดที่”


“ฮึๆ เจ้าคิดว่าจะกดดันข้าได้หรือ?” ราชาจิ้งจอกยืนขึ้นมา ไพล่มือเดินอยู่เบื้องหน้าเขา “พวกเราชิงชิวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดร่วมเป็นร่วมตายกับเผ่าพันธุ์เทพโบราณ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงพวกเราบริวารของหนี่ว์วาทั้งสิบเผ่ารวมตัวกัน อย่าว่าแต่หนึ่งลัทธิฉ่านเลย ลัทธิเจี๋ยของทงเทียนเจี้ยวจู่ในปีนั้นก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้?”


“ลัทธิของทงเทียนเจี้ยวจู่อุดมการณ์เปิดกว้าง พวกลูกศิษย์ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ เอาตนเองเป็นที่ตั้ง พลังบำเพ็ญหมื่นปีแบบเดียวกันในร่างกลับมีอานุภาพกล้าแกร่งกว่ามาก หรือพวกเรายังต้องกลัวลัทธิฉ่านที่เป็นพวกไม่มีแก่นสารอีก?! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง!”


ราชาจิ้งจอกหรี่นัยน์ตาหงส์ยิ้มเยาะ ถึงแม้จะเป็นคนผอมมากคนหนึ่ง แต่ท่าทางวางก้ามใหญ่โตนั่นกลับทำให้คนยากที่จะดูแคลน


ลู่ยาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ คิดแล้วจึงพูด “เช่นนั้นก็มาลองดูกัน?”


พอสิ้นเสียงของเขา อากาศพลันมีปุยนุ่นนับพันหมื่นพุ่งไปรอบตัวราชาจิ้งจอก ปุยนุ่นนั้นไปได้ครึ่งทางก็กลายเป็นแสง ทำให้ราชาจิ้งจอกพลันเหมือนกับเม่นที่เปล่งแสงได้ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่สามารถสะบัดแสงนี้ออกไปได้แม้แต่นิดเดียว! ต่อมาแสงนั้นพลันหายไป เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาพลันเปลี่ยนไปเหมือนลู่ยาทั้งหมด!


กระจกสำริดที่อยู่เยื้องๆ ฝั่งตรงข้ามสะท้อนภาพของคนเสื้อขาว นี่ไม่ใช่เจ้าเซียนผู้น้อยนั่นหรือ?!


เขาตกใจมองไปทางลู่ยา เบื้องหน้าสายตาไหนเลยจะมีลู่ยาอีก? เห็นได้ชัดว่าเป็นราชาจิ้งจอกที่เหมือนกับตนเองทุกกระเบียดนิ้วนั่งอยู่


ราชาจิ้งจอกร่างนี้เหมือนจนเข้าขั้น แม้แต่ท่าทางหรี่ตายิ้มเยาะยังเหมือนตนเองราวกับเป็นคนเดียวกัน!


“เจ้า…”


สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก ชี้ลู่ยาอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี!


เขามีพลังฤทธิ์หนึ่งแสนสองแสนปี สามารถขนานนามว่าเป็นรัฐบุรุษอาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์เทพ กลับถูกเจ้าเด็กนี้บังคับสลับร่างได้?!


เขาทำได้อย่างไร!


“สมควรแล้ว! ใครให้เจ้าหาเรื่องส่งเดช!”


มู่จิ่วอยู่หลังราชาจิ้งจอกตัวปลอม หัวเราะจนเกือบจะหายใจไม่ทันแล้ว! ความคับแค้นใจตลอดหลายวันมานี้ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย ยังมีเรื่องอะไรที่สุขใจไปกว่าคนวางก้ามอวดเบ่งไม่เห็นคนอยู่ในสายตาอีกหรือ? ก่อนหน้านี้ในหกภพภูมิมีเพียงซุนหงอคงเท่านั้นที่หัวดื้อได้ขนาดนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะมีลู่หยาโผล่มาอีกคน!


เพียงหัวเราะจบนางก็ครุ่นคิด พ่อหนุ่มคนนี้ช่างเก็บเงียบไม่แย้มพรายแม้แต่น้อยจริงๆ…


“อาสุ่น ยังไม่ให้เซียนผู้มาจากสวรรค์ท่านนี้นั่งอีก?” ลู่ยาพูด ซ่างกวนสุ่นรีบนำเก้าอี้ไป ก่อนบังคับกดให้ราชาจิ้งจอกนั่งลง!


นั่งครั้งนี้ไม่ต้องบีบบังคับ ที่จริงเขาก็ยืนไม่ไหวแล้ว!


“เจ้าทำอะไรกับร่างของข้า?!” ราชาจิ้งจอกทั้งตกใจทั้งโกรธ ตั้งแต่เขาโตมาก็ไม่เคยประสบกับสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้มาก่อน เจ้าชั่วช้า!


“ข้าจะไปทำอะไรกับร่างเจ้าได้?”


ลู่ยาตอบเรียบๆ มือทั้งสองปัดเสื้อคลุมกษัตริย์บนร่างเบาๆ เลียนแบบวิธีพูดของเขา “คนแก่อย่างข้าเพียงแค่ทนไม่ได้แล้ว คิดจะจัดการพวกเจ้าหน้าที่เซียนเล็กๆ อย่างเจ้า! จะให้ทำลายพลังฤทธิ์สามหมื่นปีของลูกชายข้า? เจ้านี่ช่างดีแต่พูด! ใครก็ได้! ไปพาองค์ชายรองกับองค์หญิงเสวี่ยจีเข้ามา บอกเขาว่าข้าจับเซียนผู้น้อยที่ทำลายระฆังของเขาไว้ได้แล้ว!”


หมาป่าเฝ้ายามที่หน้าประตูอยู่ห่างออกไป ไหนเลยจะรู้ความจริง? รีบออกไปทันใด


มู่จิ่วรู้สึกว่ามีงิ้วดีให้ดู จึงรีบวางจิ้งจอกน้อยบนมือลู่ยา จากนั้นรีบไปด้านหลังของราชาจิ้งจอก ยืนเรียงแถวอยู่ข้างซ่างกวนสุ่น


เกือบจะพริบตาเดียว ด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังเข้ามา ตามด้วยเงาคน มู่หรงเส่าชิงม้วนตัวเข้ามาเหมือนกับลม หลังจากเห็นจิ้งจอกน้อยในอ้อมอกลู่ยา ก็เงื้อมือขึ้นตีไปที่ราชาจิ้งจอกซึ่งแนบก้นติดอยู่กับเก้าอี้ “ข้ายังคิดว่าความสามารถเจ้าล้นฟ้า ที่แท้ก็มีวันที่ตกอยู่ในเงื้อมมือข้า!”


……………………………………………………

 

 

 


ตอนที่ 90

 

เจ้าสัตว์เดรัจฉานนี่!

ราชาจิ้งจอกระเบิดอารมณ์แล้ว จึงยกมือขึ้นหยุดยั้งพลางพูด “ยั้งมือเดี๋ยวนี้! ข้าคือพ่อของเจ้า!”


มู่หรงเส่าชิงไหนเลยจะเชื่อ? พ่อของเขาพลังฤทธิ์ถึงสองแสนปีแล้ว หากต่อสู้กับไท่ซ่างเหล่าจวินก็ไม่รู้ว่าใครแพ้ใครชนะ ใครจะมีความสามารถปลอมแปลงเป็นเขาได้?


ในเมื่อเป็นแบบนี้ จึงยิ่งทุบตีอย่างเอาเป็นเอาตาย


ลู่ยาอุ้มจิ้งจอกน้อยที่กำลังหลับอยู่ ขณะเดียวกันก็เหมือนดูงิ้วสั้นแบบไม่ต้องเสียเงิน


พ่อที่เลี้ยงดูแต่ไม่สั่งสอนลูก อบรมจนลูกชายลูกสาวเกเรเช่นนี้ เขาไม่สั่งสอนตาเฒ่านี่จะให้สั่งสอนใคร?


“กล้าทำลายระฆังของข้า คนที่ข้าจะตีก็คือเจ้า!”


มู่หรงเส่าชิงพูดจบ หมัดหนึ่งก็อัดเข้าที่ท้องของราชาจิ้งจอก ราชาจิ้งจอกโกรธเกรี้ยวจนอยากจะยัดเขากลับเข้าไปในท้องแม่ใหม่! เจ้าเด็กสมควรตาย นี่คิดจะอัดพ่อตนจนตายหรือ? มู่หรงเส่าชิงประหยัดแรงในการใช้พลัง ด้วยอาศัยว่าเขาขยับไม่ได้ หมัดเหมือนกับหยาดฝนร่วงหล่น กระบวนท่าไม่กี่ท่าก็ทำให้ราชาจิ้งจอกจมูกเขียวหน้าช้ำแล้ว


ชื่อเสียงความใจแคบของมู่หรงเส่าชิงก็ไม่ใช่โอ้อวด ขณะที่ทุบตีจนราชาจิ้งจอกด่าทอถึงแม่ เขากวักมือเรียกผู้อารักขาหมาป่ามา “จับมันไปทรมาน ใช้มีดเหมันต์พันปีเฉือนกระดูกที่แท่นเมฆาน้ำแข็ง!”


ราชาจิ้งจอกได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยน “เจ้ากล้า!”


ตอนนี้ลู่ยากวาดสายตามองมู่หรงเสวี่ยจีอย่างเย็นชา พูดอย่างใจดีว่า “เจ้าถูกใจเจ้าเด็กนี่จนอยากได้เป็นนายสนมมิใช่หรือ? มิสู้ถามเขาว่ายินยอมหรือไม่? หากยินยอมก็พากลับไปห้องเจ้า หากไม่ยินยอมก็ให้พี่ชายเจ้าจัดการ”


ราชาจิ้งจอกได้ยินก็อยากจะให้อสุนีบาตผ่ามายังตนเองให้ตายไปเสีย!


มู่หรงเสวี่ยจีถูกใจให้เขาเป็นนายสยม แต่เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของนาง! มันกล้าให้นางพาพ่อแท้ๆ กลับห้องไปเป็นนายสนมโดยไม่กลัวผิดจารีต!


“ผิดจารีต? อา ไม่หรอก” ลู่ยามองความรู้สึกตอนนี้ที่เขียนอยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายอย่างสงบราบเรียบ “นี่เป็นเรื่องดี” สงสัยในตัวตนของเขาแล้วยังกล้าทำอย่างนี้อีก ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือไร? ลูกสาวลูกชายใครเลี้ยงคนนั้นก็รับกรรมเอาเอง!


“ไม่ผิด ไม่ผิด!” ตอนนี้เองมู่จิ่วกับซ่างกวนสุ่นก็โดดออกมา เอ่ยปากโน้มน้าวราชาจิ้งจอกอย่าง ‘สุดแรงใจ’ “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เจ้าก็ยินยอมไปเถอะ! ยังไงหากเจ้าไม่ยินยอมก็รักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว! มิสู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับองค์หญิงเสวี่ยจีเสียดีกว่า!”


ราชาจิ้งจอกถลึงตาใส่คนทั้งสอง เกือบจะกระอักเลือดพ่นไปบนหน้าพวกเขา!


“พวกเจ้าสองคนมันตาบอด ข้าบอกแล้วว่าข้าคือพ่อของพวกเจ้า!” ราชาจิ้งจอกบันดาลโทสะใส่พวกพี่น้องมู่หรงเส่าชิง กัดฟันลูบหน้า เพียงรู้สึกว่าเกียรติของทั้งชีวิตสูญสลายไปแล้ว!


แต่ไม่มีประโยชน์ พี่น้องทั้งสองไม่เชื่อมาแต่แรก!


“ใกล้จะตายอยู่แล้วยังหลอกลวงอีก! พี่รอง ตีอีก!” มู่หรงเสวี่ยจีก็โกรธแล้วเช่นกัน


แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าหล่อเหลากว่านี้ก็ไม่อาจปลอมตัวเป็นพ่อเฒ่าของคนอื่นได้หรอก?


มู่หรงเส่าชิงเงื้อหมัดขึ้นกำลังจะปล่อยออกไป


มู่จิ่วไม่ลืมเติมเชื้อเพลิงอยู่ด้านข้าง อย่างไรเขายิ่งตีหนัก กลับไปก็ต้องโดนพ่อของเขาตีหนักยิ่งกว่า ต่อให้เขาไม่โดนทำลายพลังฤทธิ์ก็คงไม่ได้รับผลที่ดีแน่นอน! นึกไม่ถึงว่าลู่ยาจะเก่งกาจฉลาดขนาดนี้ ความระแวดระวังภัยเล็กน้อยที่อยู่ในใจเมื่อครู่พลันถูกนางทิ้งไว้ด้านหลังเสียแล้ว!


“พอแล้ว! ข้ายอมแล้ว พอได้แล้ว!” ราชาจิ้งจอกประคองศีรษะปีนขึ้นมาจากพื้น คำรามขึ้นด้วยทนไม่ไหว เพียงแต่น่าเสียดาย เก้าอี้ที่ติดอยู่บนก้นทำให้ความยิ่งใหญ่ของเขาดูแล้วไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น


ลู่ยาเงยหน้ามองเขา “ยอมแล้ว?”


ราชาจิ้งจอกนั่งขึ้นมา กัดฟันพูด “เจ้าต้องการอะไร? คนแก่อย่างข้าจะมอบให้!”


“อ้อ” ลู่ยาดื่มชา กลับไม่ได้พูดต่อ


ราชาจิ้งจอกพูดต่อไป “ข้ารับปาก ไม่เพียงแต่จะทำคดีกับพวกเจ้าอย่างไร้เงื่อนไข ยังจะหยุดสังหารล้างเลือดตั้งแต่ตอนนี้!”


ลู่ยาวางถ้วยชาลง


ราชาจิ้งจอกใกล้เสียสติแล้ว “ข้ารับปากอีกว่าจะจับลูกชายขังไว้สามเดือน จนถึงยามที่พวกเจ้าคลี่คลายคดีได้จึงค่อยสิ้นสุด!”


“แค่ขังไว้สามเดือนเท่านั้น?” ลู่ยายิ้มเยาะ “ที่แท้ก็มองคำพูดข้าก่อนหน้านี้เป็นการผายลมเสียแล้ว หากไม่ทำลายพลังฤทธิ์สามหมื่นปีก็อย่ามาพูดเงื่อนไขกับข้า!”


ราชาจิ้งจอกโกรธจนตัวสั่น ทางมู่หรงเส่าชิงเหมือนจะได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล ดวงตาทั้งคู่มองระหว่างเขากับลู่ยาสลับไปมา


“ข้า…ข้ารับปาก!” ราชาจิ้งจอกพ่นคำเหล่านี้ออกมา ช่างเรียกได้ว่าอดทนเพื่อการใหญ่จริงๆ


มู่หรงเส่าชิงอายุรวมแล้วสามหมื่นแปดพันปี ลดไปสามหมื่นปีก็เหลือเพียงแปดพันปี แต่ไม่เป็นไร ให้ผ่านด่านตอนนี้ไปได้ก่อนค่อยว่ากัน! ชิงชิวของเขาจะขาดแคลนของวิเศษอะไร? แค่พลังฤทธิ์สามหมื่นปี ผ่านไปแค่ไม่กี่ร้อยปีเขาก็ใช้ของวิเศษเพิ่มพูนกลับมาได้!


“ต้องลงนามสัญญา” ลู่ยาพูดพลางหยิบเอากระดาษ หมึก พู่กัน และแท่นฝนหมึกออกมาจากอก ก่อนดันไปที่เบื้องหน้าอีกฝ่าย “เขียนว่าพลังฤทธิ์สามหมื่นปีต้องทำลายทิ้ง และอนาคตภายในสามหมื่นปีนี้ห้ามใช้ของวิเศษช่วยฟื้นพลัง มิเช่นนั้นจะยินยอมรับสายอสุนีบาต ยังมีอีก จากนี้ไม่ให้ล่วงเกินเจ้าหน้าที่เซียนด้วย เขียนชัดเจนแล้วค่อยประทับตราหยก เรื่องก็ประมาณนี้”


“เจ้ากล้า!” มู่หรงเส่าชิงหน้าเปลี่ยนสี เหวี่ยงกำปั้นตรงไปทางลู่ยา


ลู่ยาไม่ได้ขยับแม้แต่นิด เขากลับถูกพลังซัดเข้าจนกระเด็น


ราชาจิ้งจอกมองพวกเครื่องเขียนอยู่นานพลันกระอักเลือด เมื่อไร้หนทางก็ได้แต่อดกลั้นความเจ็บทั้งร่าง หยิบพู่กันขึ้นเขียน


มู่หรงเส่าชิงเห็นตัวอักษรที่คุ้นเคย ใจก็สั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ?!”


“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!” ราชาจิ้งจอกทนไม่ได้แล้ว ยกมือขึ้นตบเส่าชิงไปทีหนึ่ง คล้อยหลังเสียง ร่างสวมเสื้อขาวของเขาก็กลับกลายมาเป็นเสื้อคลุมกษัตริย์ รูปลักษณ์เรือนร่างล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม


มู่หรงเส่าชิงตกใจจนหน้าถอดสี มู่หรงเสวี่ยจีมองดูลู่ยาในเสื้อขาวที่นั่งนิ่งอยู่บนท่อนไม้ เกือบจะหน้ามืดลงไปกองกับพื้น


เมื่อครู่คนที่พวกเขาทุบตีเป็นพ่อแท้ๆ ของพวกเขาจริงหรือ?


ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ย่ามันเถอะ!


พ่อของพวกเขากลับโดนเจ้าเด็กนี่ควบคุมเอาได้ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!


“เรียกคนมา! รีบจับองค์ชายรองไปขังไว้ ให้กินยากลืนพลังสามเม็ด!” ราชาจิ้งจอกยกเก้าอี้ขึ้น


หลังจากได้ยิน ผู้อารักขาหมาป่าเข้ามาเห็นสีหน้าเขาก็นิ่งอึ้งไป พลอยคิดถึงความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในห้องได้ ไหนเลยจะกล้าชักช้า รีบลากตัวมู่หรงเส่าชิงออกไป!


ราชาจิ้งจอกถลึงตาใส่มู่หรงเสวี่ยจีสองครา นางก็ประคองหน้าอันซีดเซียวถอยร่นออกไปอย่างไม่รู้ทิศทาง


“อาสุ่น รีบหาที่นั่งให้ราชาจิ้งจอก” ลู่ยาโบกมือพูดอย่างใกล้ชิดสนิทสนม


ราชาจิ้งจอกเห็นซ่างกวนสุ่นลากเก้าอี้มา ไหนเลยจะกล้านั่ง? กระโดดห่างออกไปไกล


“ไม่ว่าอะไรข้าก็รับปากเจ้าหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าควรส่งรุ่ยเอ๋อร์คืนมาให้ข้าได้แล้ว!” ราชาจิ้งจอกเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก พูดอย่างโกรธแค้น


ลู่ยาจึงส่งจิ้งจอกน้อยที่กำลังนอนกรนอยู่กลับไป


ราชาจิ้งจอกอุ้มเขาไว้ในอกพลางมองซ้ายมองขวา กำลังจะปลุกเขาขึ้นมา มู่หรงเสวี่ยจีที่เพิ่งจะออกไปกลับเข้ามาอีกทั้งใบหน้าซีดขาว “ท่านพ่อ! มีศิษย์ลัทธิฉ่านร้องด่าทออยู่ด้านนอกเขตพลัง! พวกเขากำลังรวบรวมพลังมุ่งทำลายเข้ามา!”


“ให้พวกมันไสหัวไป!” ราชาจิ้งจอกโกรธเกรี้ยวอย่างมาก มารดามันเถอะ เวลาไหนไม่มากลับมาเวลานี้! เห็นเขารังแกได้ง่ายหรือยังไง?


“ลัทธิฉ่าน?” ได้ยินคำนี้มู่จิ่วก็โดดออกมา “ไม่น่าเป็นไปไม่ได้กระมัง? หรือพวกเจ้าคิดจะเล่นตุกติกอะไรอีก?!”


คนของลัทธิฉ่านจะมาระรานชิงชิวได้อย่างไร?


พวกเขาสามารถฟ้องร้องต่อสวรรค์ให้กดดันลงมาเท่านั้น!


ศิษย์ลัทธิฉ่านแห่งสวรรค์ชั้นเก้ารู้ตัวว่าไม่สมควรจะต่อกรกับจิ้งจอก แต่ศิษย์ลัทธิฉ่านที่โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีความอดกลั้นแบบนี้?


เหล่าจิ้งจอกสามารถเตะพวกเขาออกไปได้ในพริบตาไม่ใช่หรือ?


…………………………………………………………………

 

 

 


ตอนที่ 91

 

มาครื้นเครงร่วมกัน

“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่ยาวางถ้วยชาลงถาม


“พลทหารหมีที่เฝ้าหน้าประตูบอกว่าผู้มาเยือนคือสำนักแห่งอาณาจักรจื่อจิว ก่อนหน้านี้ไม่นานสำนักของพวกเขาสูญเสียซ่านเซียนไปสองคน บอกว่าเป็นน้องสามที่สังหาร ที่จริงแล้วหนึ่งในสองคนนั้นแต่เดิมยังไม่ตาย แต่เมื่อคืนวานกลับถูกน้องสามตามไปสังหารถึงสำนัก ทั้งยังทลายจุดตันเถียนของเขาจนแหลกสลาย ตอนนี้จึงยกร่างไร้วิญญาณมายังประตูเพื่อล้างแค้น!”


มู่หรงเสวี่ยจีพูดอย่างรวดเร็ว


ฟากมู่จิ่วได้ยินว่ามีการสังหารซ่านเซียนไปสองคนก็ไม่ได้คิดอะไรนัก แต่ตอนได้ยินคำว่า ‘น้องสาม’ กลับอดที่จะอึ้งไปไม่ได้!


ตั้งแต่นางเข้าชิงชิวมาจนถึงบัดนี้ ยังไม่ได้เห็นหน้าของมู่หรงหลิวเย่เลย นางไปไหนกัน?


หลายวันก่อนตอนที่ลงไปโลกมนุษย์ นางกำลังตามล่าสังหารซ่านเซียนที่บาดเจ็บผู้หนึ่ง หรือนางจะตามจนเจอแล้ว?


“แบบนี้มีด้วยหรือ!” ราชาจิ้งจอกพูดด้วยความเดือดดาล “ข้าสูญเสียหลานไปสองตน รุ่ยเอ๋อร์ก็เกือบจะถูกสังหารตาย ข้ายังไม่ไปล้างแค้นที่วิมานหลีเฮิ่นเลย พวกมันช่างกล้าดีนัก มาร้องแรกแหกกระเชอถึงชิงชิว?!…ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไป เหล่าพลทหารออกไปรับศัตรู! มาหนึ่งสังหารหนึ่ง! สังหารได้ผู้หนึ่งข้าให้รางวัลครั้งหนึ่ง!”


“ราชาจิ้งจอก!” มู่จิ่วตื่นตระหนก รีบขวางทางข้างหน้าเขา “ท่านเพิ่งลงนามเป็นหลักฐานว่าจะไม่ไล่ล่าสังหารผู้บริสุทธิ์ ท่านกลับคำพูดไม่ได้!”


“เฮอะ! ข้าพูดไว้ว่าจะไม่ไล่ล่าสังหารผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้บอกว่าจะไม่สังหารคนรนหาที่ตายถึงหน้าประตู!” พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจะเดินออกประตูไป


ลู่ยาพูด “ช้าก่อน!”


อันที่จริงในใจราชาจิ้งจอกยังคงกลัวเขา จึงจำต้องหยุดหันกลับมา ลู่ยากล่าวต่อ “แล้วบุตรีคนที่สามบ้านเจ้าเล่า?”


ราชาจิ้งจอกชะงักไป


มู่จิ่วพูด “ใช่แล้ว! ควรรู้ให้ชัดแจ้งว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรก่อนเป็นอันดับแรก หลับหูหลับตาสังหารไม่ใช่การแก้ปัญหา!”


“มิสู้เปิดเขตพลังนำคนเข้ามาถาม แบบนี้ไม่เพียงแสดงออกถึงความเป็นกษัตริย์ ทว่ายังหลีกเลี่ยงไม่ให้ความเข้าใจผิดเพิ่มระดับลึกขึ้นด้วย รอท่านเรียกองค์หญิงหลิวเย่มาถามที่มาที่ไปให้ชัดแจ้งก่อน ค่อยจัดการเรื่องนี้ก็ไม่สายมิใช่หรือ? หากต้องการก่อเรื่องจริง แค่ศิษย์ลัทธิฉ่านไม่กี่คน พวกเขาจะหนีจากเงื้อมมือของท่านไปได้อย่างไร?”


นางไม่เอ่ยไกล่เกลี่ยไม่ได้ จิ้งจอกตนนี้ลงมือทีไรไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น!


ศึกสนามนี้หากเข้าต่อสู้กันจริง คดีนี้ของนางก็ไม่ต้องทำกันแล้ว


เลื่อนตำแหน่งเพื่อย้ายบ้านสะสมบุญกุศลอะไรคงได้กลายเป็นละอองน้ำไปแน่


ราชาจิ้งจอกลูบใบหน้าของตน สุดท้ายก็ฟังเข้าหูสักหลายส่วน อีกอย่างลู่ยาที่อยู่ด้านหลังนางทำท่าทางเหมือนหากเขากล้าพูดปฏิเสธก็จะถูกซ้อมอีกครั้งแน่ ไม่คุ้มที่เขาจะหาเรื่องใส่ตัว!


ดังนั้นจึงหมุนกายกลับมา ส่งเสียงพูด “ถ่ายทอดคำสั่งข้าไป นำตัวคนที่มาก่อเรื่องไปที่ตำหนักเก้าไสว และเรียกให้องค์หญิงสามรีบกลับวังทันที!”


ผู้อารักขาหมาป่าออกไปอย่างเร่งรีบ


ทางมู่หรงเสวี่ยจีมองลู่ยาที่ยืนชิดใกล้อยู่ข้างมู่จิ่วคราหนึ่ง ความโกรธพาดผ่านแววตา จากนั้นหมุนตัวออกจากตำหนักไป


ฟากประตูเมืองชิงชิว หัวชิงนำจีหมิ่นจวิน ผู้อาวุโสอีกสี่ท่าน และเหล่าศิษย์ยืนนิ่งอยู่นอกเขตพลัง


ชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์เทพสงครามอย่างจิ้งจอกเก้าหางไม่ใช่ของปลอม ไม่ต้องพูดถึงว่าทำลายเขตพลังนี้เลย เพียงแค่ส่งคนเข้าไปหนึ่งคนพวกเขาก็ไม่มีหนทางทำได้


แต่พวกเขารู้ว่าคนข้างในจะต้องส่งต่อข้อความไปถึงราชาจิ้งจอกแล้ว หากราชาจิ้งจอกสามารถออกมาได้นั่นคือดีที่สุด หากส่งคนมาสังหาร เช่นนั้นพวกเขาก็จะอาศัยโอกาสนี้ไปฟ้องคดีเลือดที่หลีเฮิ่นเทียน!


“เป็นอย่างไรบ้าง? โจมตีหรือไม่?” จีหมิ่นจวินรอมาครึ่งชั่วยาม ที่จริงก็อดกลั้นไม่ไหวแล้ว


แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยถูกดูแคลนแบบนี้มาก่อน นางคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรจื่อจิว และยังเป็นหัวเสินแห่งสำนักแรกพยับ สำนักผู้บำเพ็ญตนจะมีหัวเสินได้สักกี่คนกัน? อีกทั้งตอนนี้นางยังถูกคนสังหารสามีภายใต้จมูกของตนเองอีก!


นางกับหลินเซี่ยไม่นับว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันนัก พรสวรรค์ของหลินเซี่ยนั้นธรรมดา เขาสู่ขอนางเพราะต้องการจะได้รับการถ่ายทอดวิชาเฉพาะตน ในตอนแรกสุดนางหลงใหลในคำหวานของเขา บวกกับรูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่เลวนัก ดังนั้นจึงแต่งให้กับเขา แต่เวลาผ่านไปความมักมากของเขาก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมา นางก็หมดใจไปทีละน้อย


การเป็นสามีภรรยามาสามพันปี แต่เดิมความรู้สึกควรจะบ่มเพาะ แต่พวกเขากลับทำความรักที่มีในตอนแรกแหลกสลายไปในสายลมนานแล้ว


ภายหลังนางเพียงรับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรธิดาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าสี่ร้อยปีก่อนภรรยาลับของเขากลับแบกท้องโตขึ้นมาหาเขาถึงประตู!


นางแต่งในฐานะขององค์หญิงแห่งอาณาจักรจื่อจิว เขากลับดื้อด้านนัก! ในที่สุดแม้แต่นางก็หมดสิ้นความอดทน สุดท้ายความรักอันน้อยนิดก็หายไป นางวางยานังสวะนั่นจนตาย แต่เดิมลูกของแม่นั่นก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ แต่หัวชิงเต้าเหรินบอกว่าเป็นสายเลือดของตระกูลหลินจึงเก็บเขาไว้ เก็บไว้ก็เก็บไว้เถอะ! อย่างไรนางก็รังแกเขาได้ เอาไว้เสียดแทงประสาทของหลินเซี่ย!


เวลาสี่ร้อยปีนี้ ใบหน้านางไม่แสดงสีหน้าออกไป แต่ลับหลังนั้นกลับให้หลินเซี่ยเห็นว่าลูกชายแท้ๆ ของเขาถูกนางทรมานอย่างไรบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งผ่านไปแค่สี่ร้อยปี เขากลับตายเสียแล้ว! เพื่อให้ย้ำเตือนตัวเองทั้งชาติทั้งภพว่านางมีท่าทีต่อความเจ้าชู้มักมากของเขาอย่างไร นางจึงตั้งใจไม่สนว่าเขาจะสั่งสอนฝึกจิตลูกนอกสมรสนั่นเช่นไร และตั้งใจไม่ชำระล้างรากฐานวิญญาณของเด็กนั่นให้สะอาดด้วย!


นางยังไม่ได้ปลดปล่อยความแค้นสามพันปีนี้จนหมด จิ้งจอกแดงกลับมาชิงสังหารเขาเสียแล้ว!


ภายหลังนางจะเอาความโกรธแค้นนี้ไปลงกับใคร?


นางจะต้องชำระแค้นนี้ให้ได้!


ยังไงเบื้องหลังนางยังมีสำนักแรกพยับทั้งสำนัก ยังมีลัทธิฉ่านของไท่ซ่างเหล่าจวินทั้งลัทธิด้วย!


หากวันนี้ทำสงครามกัน ไท่ซ่างเหล่าจวินจะไม่ออกหน้าหรือไร?


“บุกเข้าไปเลยแล้วกัน!” คิดถึงตรงนี้ใจนางก็ร้อนรุ่ม


“เอ๊ะ มีคนออกมา!”


หัวชิงกำลังจะปลอบนางให้อย่ามุทะลุ ประตูเมืองชิงชิวก็เปิดออก มีพลทหารที่ดูน่าเกรงขามสองคนสะพายดาบล้ำค่าไว้ที่เอวเดินออกมา


“ราชาจิ้งจอกมีคำสั่ง เชิญเหล่าเซียนลัทธิฉ่านย้ายไปคุยกันที่ตำหนักเก้าไสว!”


พูดจบก็เดินมาหน้าเขตพลัง แหวกเป็นทางออกมาสายหนึ่ง ก่อนยืนอยู่สองข้างทาง


คนทั้งหมดต่างอึ้งไป ตามนิสัยของจิ้งจอกเก้าหางแล้วไม่ควรจะแสดงออกแบบนี้ ปกติไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เข้าสังหาร ตอนนี้พวกเขาเพียงนำคนมาหลายสิบคน ทางนั้นก็เปิดประตูต้อนรับอย่างเป็นมิตร?


“หรือว่าจะมีกลลวง?” เหลียงชิวฉานถาม


หัวชิงเต้าเหรินคิดแล้วพูดขึ้น “ไม่หรอก หากราชาจิ้งจอกต้องการทำร้ายพวกเราคงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องซับซ้อนแบบนี้ เข้าไปกันเถอะ!”


พูดจบเขาก็เดินเข้าประตูไปก่อน


เหลียงชิวฉานเห็นแล้วรีบเดินตามหลังไป แต่นางกลับอดเพิ่มความระแวดระวังไม่ได้ เห็นเพียงหลังจากเข้าประตูเมืองมาแล้ว ภาพที่เห็นสมกับที่เรียกว่าอาณาเขตเซียนแต่โบราณกาล ทุกที่ไม่เพียงสวยงาม ชาวบ้านในเมืองแต่ละคนยังมีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มีปีศาจที่เปลี่ยนร่างยังไม่สมบูรณ์ทำงานอยู่หน้าบ้านมากมาย แล้วพวกเขายังรู้จักพรวนดินปลูกผักกันด้วย


เดินแบบนี้เข้าไปหลายสิบลี้ ข้ามผ่านเนินเตี้ยๆ สามเนิน ก็ถึงรอบนอกของวังจิ้งจอก


วังจิ้งจอกนี้สร้างได้งดงาม แต่เทียบกับอาคารในโลกมนุษย์แล้วกลับไม่เหมือนกันอย่างมาก ส่วนใหญ่สร้างจากหิน เสริมด้วยวัสดุจากไม้ เหลียงชิวฉานอายุเพียงเก้าร้อยปี พบเจอมาไม่เยอะ เดินมาตามทางก็ยังแอบตื่นตาตื่นใจ


พลทหารสองคนเปิดประตูนำพวกเขาตรงไปยังด้านหน้าตำหนักเก้าไสวแห่งวังจิ้งจอก ครั้นเข้าไปในวัง ภาพของเสาคานที่อยู่รอบล้วนประดับตกแต่งด้วยเงินทองและหินมีค่าจนละลานตาไปหมด ทั้งยังมีหินหยกสีขาวที่ปูไว้บนพื้นทำให้เบื้องหน้าสว่าง! ยังไม่ทันได้ดูจนพอ บนยอดหินสูงราวสามจั้งตรงหน้าก็มีคนร้องขึ้นมา “สำนักแรกพยับแห่งอาณาจักรจื่อจิว หัวชิงเต้าเหรินและคณะมาถึงแล้ว…”


…………………………………………………………………..

 

 

 


ตอนที่ 92

 

ไม่ชอบที่ข้าเนื้อหนังมังสาน้อย?

ตำหนักที่อยู่บนยอดชั้นหินเริ่มปรากฏ ผู้อารักขาหมาป่าสูงราวแปดเก้าฉื่อถือกระบี่เดินออกมาราวสิบกว่าตัว แยกออกเป็นสองฝั่งหน้าประตูตำหนัก ยังมีกลองที่ใหญ่กว่าโต๊ะกลมตั้งอยู่หน้าประตูกับมือกลองที่แข็งแรงดุจไท่ซาน!


เพียงแค่หมากนี้ ก็ทำให้คนหมดความมั่นใจไปสามส่วน ถึงแม้จีหมิ่นจวินจะเกิดมาในราชวงศ์ มาถึงที่นี่กลับกลายเป็นเหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุง ไม่รู้ว่ามือทั้งสองควรจะทิ้งตัวลงหรือกำไว้ดี แต่ก่อนนางยังเข้าใจไปว่าชิงชิวเป็นเพียงแค่ที่ทุรกันดาร มาถึงตอนนี้ เทียบกับอาณาจักรจื่อจิวของพวกนางแล้วกลับยิ่งใหญ่กว่าไม่ใช่แค่หลายเท่า!


เมื่อเข้าไปด้านใน เห็นทั้งตำหนักเต็มไปด้วยของมีค่าที่แม้แต่ชื่อก็เรียกไม่ถูก หลังคาโค้งสูงไม่อาจเอื้อม ยังมีรูปปั้นสิงสาราสัตว์นานาพันธุ์อยู่รอบด้าน หัวชิงสีหน้าเคร่งขรึม ประสานมือทำความเคารพราชาจิ้งจอกที่นั่งอยู่สูงขึ้นไป “เจ้าสำนักหัวชิงจากสำนักแรกพยับแห่งอาณาจักรจื่อจิว ขอเข้าพบราชาจิ้งจอก” พูดจบก็มองไปที่พวกมู่จิ่วทั้งสามคนทางด้านข้าง


มู่จิ่วได้ยินคำว่าสำนักแรกพยับแห่งอาณาจักรจื่อจิวก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ สำนักแรกพยับไม่ใช่สำนักที่หลินเจี้ยนหรูสังกัดอยู่หรือ? ทำไมถึงเป็นพวกเขา? หลินเจี้ยนหรูล่ะ? นางรีบเงยหน้าขึ้นมองลงไปข้างล่าง ไม่พบหลินเจี้ยนหรู กลับพบใบหน้าที่คุ้นเคย เป็นเหลียงชิวฉานที่เคยมีเรื่องกับนางที่ประตูสวรรค์แดนใต้ตอนนั้น!


ที่แท้ก็เป็นพวกเขา!


แสดงว่าที่หลินเจี้ยนหรูเร่งร้อนกลับไปสำนักก็เพราะเรื่องนี้!


ตอนนี้เหลียงชิวฉานมองนางคราหนึ่ง แต่เพียงประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็นิ่งไป ก่อนจ้องนางอีกคราและจับกระบี่ข้างเอวแน่น


จอมวางท่ายังคิดจะทะเลาะกับนางที่นี่หรือ?


มู่จิ่วตัดสินใจไม่สนใจนางไปก่อน หันหน้าไปมองลู่ยา ใบหน้าเขายากแท้หยั่งถึง ไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่ตอนสายตาของนางพาดผ่าน เขาก็ผ่อนคลายสีหน้าลง ดึงนางมาอยู่ด้านข้างเบาๆ จากนั้นก็มองลงไปด้านล่าง


มู่จิ่วใบหน้าพลันซับสีเลือด ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เขาจะทำอะไรกัน?


เขากลับไม่เปลี่ยนสีหน้า กระทั่งแม้แต่สายตายังไม่กระเพื่อมไหว เพียงกระซิบเบาๆ ข้างหูนาง “เป่ยหมิง[1]มีปลาลายทองสดๆ กินแล้วบำรุงร่างกายอย่างมาก กลับไปข้าทำให้เจ้าสักหลายตัว เจ้าจะได้กินเสริมเนื้อหนังมังสา”


ใบหน้ามู่จิ่วราวกับมีเลือดสูบฉีดออกมา


หรือว่าไม่พอใจที่นางเนื้อหนังมังสาน้อย?


ไม่สิ! นางจะเนื้อหนังน้อยแล้วเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย!


คิดๆ แล้วยังไงก็ยืนห่างจากเขาสักหน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้ติดโรคบ้า


ตอนที่นางกับลู่ยาแอบร้องงิ้วกันอย่างลับๆ ราชาจิ้งจอกส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา ก่อนที่พวกหัวชิงจะเดินเข้ามาในตำหนัก เขาใช้เวทรักษาบาดแผลเสร็จแล้ว เช่นนี้ความน่าเกรงขามจึงยังคงอยู่ เขากวาดสายตามองไปข้างล่างคราหนึ่ง มองอยู่ระดับประตูตำหนักขณะเอ่ยวาจา “ไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร?”


“พวกเราต้องการพบมู่หรงหลิวเย่!” จีหมิ่นจวินชิงตอบก่อน “สามีข้าหลินเซี่ยตายด้วยน้ำมือนาง ข้าต้องการถามต่อหน้านางว่าแท้จริงแล้วสามีข้ากับนางมีความแค้นอันใดต่อกัน! มีความแค้นใดกับชิงชิวของท่าน!”


“เจ้ามีหลักฐานอะไรยืนยันว่าเป็นบุตรสาวข้าทำ?” ราชาจิ้งจอกเค้นเสียงเย้ย


“นี่ไงหลักฐาน!” จีหมิ่นจวินชูขนจิ้งจอกนั้นขึ้นมา กัดฟันพูด “ตอนสามีข้าตายมีขนจิ้งจอกนี้ตกอยู่ที่ริมหมอน หากราชาจิ้งจอกยืนยันได้ว่าไม่ใช่ของมู่หรงหลิวเย่ ข้าจีหมิ่นจวินจะกลับทันที! และยังจะขอขมาพวกเจ้าชิงชิวด้วย!”


ราชาจิ้งจอกมองดูขนสีแดงเพลิงในมือนาง อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาลุกขึ้นเดินลงจากชั้นหยก เมื่อเข้าไปมองใกล้ๆ สีหน้าก็หนักอึ้งอย่างหยุดไม่ได้ ใต้ผืนฟ้านี้จิ้งจอกแดงมีไม่มากนัก สีผมสีขนของลูกสาวเขา เขาก็สามารถดูออกได้ ขนจิ้งจอกนี้ไม่ใช่ของปลอม


“หลิวเย่ล่ะ?” เขาถาม


ขันทีเสือดาวเดินขึ้นมาข้างหน้าก่อนพูด “กำลังกลับมาแล้วขอรับ”


ราชาจิ้งจอกตอบรับในลำคอ


จีหมิ่นจวินพบเห็นร่องรอยบางอย่าง เห็นสถานการณ์แล้วจึงพูด “มู่หรงหลิวเย่สังหารสามีข้าอย่างไร้เหตุผล ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ราชาจิ้งจอกก็ต้องมีวิธีจัดการ!”


ราชาจิ้งจอกหน้านิ่งมองนาง ยิ้มเยาะเอ่ยว่า “ชิงชิวของข้าสังหารศิษย์ลัทธิฉ่านไปไม่น้อยจริง แต่ศิษย์ลัทธิฉ่านของเจ้าก็สังหารคนของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกไปมิใช่หรือ? ถึงตอนนี้ฆาตกรที่ลงมือในชิงชิวของข้าก็ยังหาตัวไม่พบ เจ้าพูดแต่ละคำก็บอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่พวกเจ้าทำ? เจ้าคิดจะทวงคืนความเป็นธรรม ก็ยืนยันให้ได้ก่อนว่าตนเองไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย!”


จีหมิ่นจวินถูกขวางจนไร้คำพูดตอบโต้


มู่จิ่วประเมินพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง เดินไปตรงหน้าจีหมิ่นจวินก่อนกล่าว “สามีของเจ้าคือใครในสำนักแรกพยับ? เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือขององค์หญิงหลิวเย่? ถึงแม้พวกเจ้าจะเก็บขนจิ้งจอกมา จะยืนยันได้อย่างไรว่าเป็นนาง?”


จีหมิ่นจวินเห็นว่าเป็นเด็กสาวหน้าละอ่อน ก็ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา เหลือบมองแล้วแค่นเสียงเหยียด “ข้าไม่พูดกับเจ้า!”


ลู่ยาที่อยู่ข้างบนยิ้มเย็น “เจ้าก็ยังต้องพูด นางคือเจ้าหน้าที่เซียนจากหน่วยลาดตระเวนที่สวรรค์ส่งมาทำคดีนี้ หากไม่ใช่เพราะนาง เกรงว่าแม้แต่ประตูนี้พวกเจ้าก็อย่าได้คิดจะเข้า”


คนของสำนักแรกพยับล้วนมองมา


ลู่ยาไม่หลบไม่เลี่ยง เสื้อคลุมบนร่างขยับพลิ้วแม้ไร้ลม นัยน์ตาราวกับรวมดวงดาวนับหมื่นพันไว้ คนแบบนี้ ถึงแม้จะยืนอยู่ในมุม ถึงแม้จะไม่พูด ก็ไม่มีทางทำให้คนละเลยได้


คำพูดของเขาทำให้จีหมิ่นจวินสั่นสะเทือน ถึงแม้นางมักจะถือตัวว่ามีฐานะเชื้อพระวงศ์สูงส่ง และเพราะมีวิมานหลีเฮิ่นอยู่เบื้องหลังจึงกล้ามาก่อเรื่องที่ชิงชิวแบบนี้ แต่สำหรับสวรรค์แล้วกลับยังกลัวอยู่หลายส่วน มิเช่นนั้นแล้ว แต่ละสำนักคงไม่กระตือรือร้นในการส่งลูกศิษย์เข้ารับเกณฑ์ทหารหรอก


นางเม้มปากแน่น ความร้ายกาจสลายหายไปหลายส่วน ช่วยไม่ได้ที่ต้องมีมารยาทกับมู่จิ่ว “สามีข้ากับศิษย์พี่สามที่ตายไปถูกจิ้งจอกแดงทำร้าย นี่คือคำพูดที่เขาบอกด้วยตนเองตอนกลับมา! และศิษย์ของสำนักเรายังมีคนเห็นด้วยตาว่าจิ้งจอกแดงพูดว่าต้องการจะตามสังหารเขา ข้ากับชิงชิวไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่มีเหตุผลที่จะพูดจาส่งเดช ยิ่งไปกว่านั้นยังมีขนจิ้งจอกนี้เป็นหลักฐาน…”


“ศิษย์สำนักเจ้าเห็นด้วยตาตนเอง?” มู่จิ่วขมวดคิ้ว “คือใคร?” คงไม่บังเอิญขนาดนั้น!


“หลินเจี้ยนหรู” จีหมิ่นจวินได้ยินนางถามแบบนี้ก็สงสัย “หรือเจ้าหน้าที่เซียนรู้จัก?”


มู่จิ่วไม่ได้ตอบนาง ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความสนใจ “แสดงว่าสามีของเจ้าคือหลินเซี่ย?”


หมายความว่าผู้หญิงตรงหน้าคือแม่ของจีหย่งฟาง คู่ชีวิตคนแรกของหลินเซี่ยที่ทำให้หลินเจี้ยนหรูมีชีวิตราวกับอยู่ในน้ำเดือดตลอดสี่ร้อยปีที่ผ่านมานี้?


พูดกันตามตรง นางไม่เห็นด้วยกับเรื่องมือที่สาม และสนับสนุนฐานะของภรรยาที่ถูกต้องอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ตั้งแต่รู้ถึงความเป็นอยู่ของหลินเจี้ยนหรู นางก็ไม่อาจใช้ความคิดสามัญมาพิจารณาสามีภรรยาชั่วช้าอย่างหลินเซี่ยและจีหมิ่นจวินได้ แม่ของหลินเจี้ยนหรูตั้งครรภ์เขา นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางยินดีเป็นมือที่สาม ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่หลินเซี่ยหรือ? แน่นอนว่าเรื่องศีลธรรมต่ำช้าเช่นนี้ก็ไม่พูดถึงแล้ว


สรุปคือจีหมิ่นจวินจะหาเรื่องเอาเป็นเอาตายกับหลินเซี่ย ใครก็ไม่อาจติฉินนางได้ แต่นางกลับมาทำร้ายแม่ลูกแบบนี้จะนับเป็นอะไรเล่า? พวกเขาแม่ลูกเป็นผู้รับเคราะห์ ทว่าคนที่ก่อเรื่องไม่ใช่เจ้าเลวทรามหลินเซี่ยนั่นหรือ? ถ้าเก่งจริงนางควรถีบเจ้าคนแซ่หลินทีหนึ่งหรือจับเขาตอนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!


“เจ้ารู้จักสามีข้า?” จีหมิ่นจวินฉับพลันระแวดระวังขึ้นมา ใช้สายตาที่เหมือนดูปีศาจจิ้งจอกกวาดมองนาง


…………………………………………………………………………….


[1] เป่ยหมิง คือ ทะเลแห่งหนึ่งที่แสงส่องไม่ถึง

 

 

 


ตอนที่ 93

 

 อกใหญ่ก็ดี

โดย

Ink Stone_Romance

มู่จิ่วตอบนิ่งๆ “ไม่รู้จัก”


และพูดอีก “ข้าพลันรู้สึกว่าสิ่งที่ราชาจิ้งจอกพูดก็ถูกนัก ชิงชิวมีคนได้รับบาดเจ็บก่อน และมีหลักฐานแสดงว่าศิษย์ลัทธิฉ่านเป็นผู้ลงมือ ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีหลักฐานยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ฆาตกรหรือไม่? หากสามารถยืนยันได้ ข้าก็จะรับเป็นธุระให้ท่าน หากชิงชิวสังหารคนจริง จะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด”


จีหมิ่นจวินหน้านิ่งทันที หาหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่พวกเขา? จะเป็นไปได้อย่างไร!


เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ร่องรอยของพวกหลินเซี่ยล้วนสืบหาไม่ได้แล้ว ถึงแม้จะหาร่องรอยพบ ซ่านเซียนคนหนึ่งอย่างเขาไปๆ มาๆ เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ไม่พอให้คนเชื่อมิใช่หรือ?


รู้เพียงพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!


แต่ก็ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ความสัมพันธ์ของสวรรค์กับวิมานหลีเฮิ่นนั้นใกล้ชิดดุจเหล็กกล้า ในเมื่อเป็นเจ้าหน้าที่เซียน ทำไมถึงได้ช่วยชิงชิวพูดเล่า?


“หากหาไม่พบ ก็ทำได้เพียงรอองค์หญิงหลิวเย่กลับมาค่อยว่ากัน” มู่จิ่วทำตามหน้าที่ “คดีนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเป็นเพียงตัวแทนรับผิดชอบคดีฆาตกรรมของชิงชิวเท่านั้น แต่เพราะคดีนี้เกี่ยวพันกับข้อพิพาทกับลัทธิฉ่าน ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์อยู่ฟัง”


พูดจบนางก็ถอยกลับไปข้างลู่ยา


นางไม่คิดจะร้องขอความเป็นธรรมแทนหลินเจี้ยนหรู นี่เป็นเรื่องในครอบครัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เห็นว่าเขาต้องการให้นางสอดมือเข้ายุ่ง


รู้ว่าเรื่องเป็นประมาณไหนก็พอแล้ว


“เรียนราชาจิ้งจอก องค์หญิงหลิวเย่กลับถึงวังแล้ว!”


นางเพิ่งจะพูดก็มีผู้อารักขาหมาป่าเข้ามารายงาน


ต่อมาเงาร่างสีแดงก็พาดผ่าน คนงามใบหน้าเย็นชาเจือความหยิ่งยโสเดินเข้ามา


“ใครเรียกหาข้า?”


นางกวาดสายตามองในห้อง สายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของมู่จิ่ว จากนั้นก็กวาดมองมาทางเหล่าสำนักแรกพยับที่แต่งกายอย่างศิษย์ลัทธิฉ่าน


“สามีข้าหลินเซี่ยตายด้วยเงื้อมมือเจ้าใช่หรือไม่!” จีหมิ่นจวินยกขนจิ้งจอกในมือขึ้นมาอีกครั้ง มองดูแล้วเหมือนหมอยาที่เที่ยวหลอกขายของคนอยู่ริมถนน “ขนนี้เป็นของเจ้าใช่หรือไม่?!”


มู่หรงหลิวเย่มองดูขนนั้นพลางร้องเฮอะ “คนที่ข้าสังหารมีเยอะ ใครจะรู้ว่าสามีเจ้าคือหอมต้นไหน?”


จีหมิ่นจวินใบหน้าแดงก่ำ “พวกเจ้าเคยพบซ่านเซียนสองคนที่เกาะเป่ยอี๋ คนหนึ่งถูกเจ้าสังหารที่นั่น อีกคนบาดเจ็บหนัก สามีข้าคือคนที่บาดเจ็บหนักคนนั้น! คืนก่อนหน้าสำนักของพวกเราเกิดไฟไหม้อย่างไม่มีสาเหตุ และระหว่างไฟไหม้นั้นสามีข้ากลับตายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว! พวกเราพบสิ่งนี้ที่ริมหมอนเขา เจ้ากล้าพูดรึว่านี่ไม่ใช่ของเจ้า?!”


มู่หรงหลิวเย่ขมวดคิ้ว


มู่จิ่วรีบเดินไปข้างหน้า พูดว่า “เป็นพ่อของหลินเจี้ยนหรูคนที่คราวก่อนอยู่ด้วยกันกับข้า นี่คือแม่เลี้ยงของเขา!”


มู่หรงหลิวเย่แต่เดิมไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อได้ยินว่าหลินเจี้ยนหรูคือลูกชายของหลินเซี่ยคนที่นางเคยไล่ล่าสังหารมาก่อน ริมฝีปากที่พูดจาฉะฉานเหมือนคมมีดก็เผยอขึ้นมา “ที่แท้ก็เป็นคนนั้น! ข้าคิดจะสังหารเขาแต่ไม่มีเวลา หลายวันมานี้องค์หญิงเสียนอวิ๋นแห่งมหาเทพตงหัวจัดงานวันเกิด ข้าไปเป็นแขกที่เผิงไหล ไหนเลยจะมีใจไปหาเรื่องพวกเจ้า!”


“เช่นนั้นแล้วขนจิ้งจอกนี่คืออะไร!” จีหมิ่นจวินออกจากจื่อจิวน้อยมาก เพราะอยู่ในอาณาจักรนางสามารถเพลิดเพลินกับการปรนิบัติอย่างดี มาวันนี้เห็นจิ้งจอกแดงที่อยู่ตรงหน้าไม่เห็นนางอยู่ในสายตา นางรู้สึกได้รับความดูแคลนอย่างใหญ่หลวง! “หรือมันจะบินจากเผิงไหลไปถึงสำนักแรกพยับของเรา?!”


มู่หรงหลิวเย่ยิ้มเยาะ แหงนหน้ามองยอดหลังคาโค้งเหนือศีรษะ “องค์หญิงอย่างข้าเป็นสัตว์เทพ ขนร่วงไม่กี่เส้นก็เป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยไม่ใช่หรือ? ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเจ้าตามหลังก้นข้าแล้วเก็บมันมา มาวันนี้กลับมาป้ายสีข้า! ทว่า…” พูดถึงตรงนี้ นางก็เหลือบมองพลางเอ่ยอย่างดูแคลน “ถึงแม้เป็นข้าสังหารก็ไม่มีอะไรแปลกประหลาด หากไม่ใช่เพราะข้ากลับมาเหนื่อย แม้แต่พวกเจ้าข้าก็จะสังหารเสียวันนี้!”


“เจ้าบอกปัดอย่างโจ่งแจ้ง?!” จีหมิ่นจวินสีหน้าเขียวคล้ำแล้ว


“จำเป็นด้วยหรือ?” มู่หรงหลิวเย่รุกเข้าไปตรงหน้านาง ร่างสูงทำให้หน้าอกใหญ่ของนางกดดันจนจีหมิ่นจวินถอยร่นไปสองก้าว “ข้าสังหารก็คือข้าสังหาร ไม่ใช่ข้าทำ เรื่องนี้ข้าก็ไม่แบกรับ หรือว่าข้าจำเป็นต้องโกหกพวกเจ้าด้วย?”


มู่จิ่วมองอกอวบอิ่มนั่น เพิ่งได้รู้ว่าที่แท้รูปร่างดียังมีประโยชน์แบบนี้อยู่ด้วย…


จีหมิ่นจวินโกรธจนตัวสั่น หันกลับไปหาหัวชิง


หัวชิงก้าวออกมาพูด “ในเมื่อองค์หญิงยอมรับว่าขนนี้เป็นของท่าน และพูดว่าขนจิ้งจอกนี้เป็นพวกเราเก็บมา ขอบังอาจถามท่าน พวกเราสามารถเก็บขนจิ้งจอกที่เป็นกลุ่มเรียบร้อยแบบนี้ได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ของพวกเราเห็นท่านเอ่ยปากว่าต้องการตามสังหารศิษย์น้องด้วยตาตนเองก็เป็นเรื่องจริง หรือว่านอกจากองค์หญิงแล้ว บนโลกนี้ยังมีใครเก็บขนจิ้งจอกที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้ จากนั้นก็ส่งมาสำนักแรกพยับเพื่อป้ายสีได้อย่างประจวบเหมาะ?”


“คำถามเหล่านี้พวกเจ้าควรคิดหนทางหาคำตอบเองมิใช่หรือ? คนที่ตายก็ไม่ใช่คนของข้า ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”


พูดมีเหตุผล…


หากกล่าวว่าข้อเด่นของมู่หรงเส่าชิงคือจิตใจคับแคบ ข้อเด่นของมู่หรงเสวี่ยจีคือนิยมชมชอบชายหนุ่ม เช่นนั้นข้อเด่นของมู่หรงหลิวเย่ย่อมต้องเป็นทำให้คนอกแตกตายโดยไม่สนใจ คำพูดของนางเพียงเอ่ยออกไป สักสิบคนย่อมต้องอยากจะระเบิดอารมณ์ แต่ก็จำต้องอดทนอดกลั้นไว้จนกลายเป็นปลาปักเป้า


มู่จิ่วเห็นจิ้งจอกแดงกลับตอบโต้แบบนี้ จึงไม่ส่งเสียง ถอยไปสองก้าว


แน่นอนว่านางไม่เชื่อว่าจิ้งจอกแดงสังหารหลินเซี่ย ไม่ต้องพูดถึงว่าองค์หญิงเผ่าพันธุ์เทพไม่จำเป็นต้องโกหกเพื่อปกปิดความผิดเลย พูดเพียงหากนางไปสำนักแรกพยับจริง ด้วยนิสัยแบบนั้นของนางจะไม่ทำลายทั้งสำนักก่อนค่อยจากไปหรือ? สำหรับพวกเขาแล้ว สังหารหลักร้อยกับสังหารหลักสิบมีอะไรแตกต่างกัน?


ดังนั้นนางจึงสงสัยว่าแท้จริงแล้วขนจิ้งจอกนี้มาอยู่ในมือจีหมิ่นจวินได้อย่างไร


แต่ถึงแม้จิ้งจอกแดงจะไม่ได้สังหารหลินเซี่ย ก็สังหารซ่านเซียนอีกคนในสำนักพวกเขา แบบนี้แล้วก็ไม่อาจนับได้ว่านางถูกปรักปรำ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นที่แน่นอนอีกว่าหลินเซี่ยถูกนางทำร้ายบาดเจ็บ


ดังนั้นจึงเกี่ยวพันไปถึงความตั้งใจแรกที่มาชิงชิวของมู่จิ่วด้วย


“ราชาจิ้งจอก! หรือนี่จะเป็นท่าทางของพวกท่านชิงชิว?” กำลังคิดว่าจะชี้นำเรื่องนี้อย่างไร หัวชิงที่นิ่งมาตลอดก็อดกลั้นความโกรธไม่ไหว คิดดูว่าต่อหน้าศิษย์น้องและลูกศิษย์ทั้งหลาย เกียรติเจ้าสำนักของเขาถูกทำลายจนดูไม่ได้!


ราชาจิ้งจอกสอดมือในแขนเสื้อเดินเข้ามา ยักไหล่พูดว่า “ลูกสาวข้าก็พูดไม่ผิด หลักฐานพวกเจ้าไม่เพียงพอ เจ้าจะให้พวกข้ารับได้อย่างไร? คงไม่ใช่เพียงว่าพวกเจ้าหยิบขนจิ้งจอกออกมา ให้ศิษย์ในสำนักพูดสร้างหลักฐาน พวกเราก็ต้องแบกรับเรื่องนี้แล้ว? เจ้าหน้าที่เซียนทำคดีอยู่ที่นี่ มีอะไรร้องเรียนก็ไปถกเหตุผลกับพวกเขา!”


มู่จิ่วกำลังอยากดูเรื่องครึกครื้น คิดไม่ถึงว่าจิ้งจอกเฒ่าจะโยนเรื่องมาให้นาง มู่จิ่วลอบด่าเขาไปและกำลังจะรับมา ไหนเลยจะรู้ว่าจีหมิ่นจวินยังเร็วกว่านางนัก พุ่งตัวออกมา “อ้อมโลกกันขนาดนี้ ที่แท้พวกเจ้าไม่คิดจะปิดบัญชีนี้! วันนี้พวกเรานำร่างไร้วิญญาณมาด้วย หากพวกเจ้าไม่ทำอะไร ข้าก็จะเผาร่างที่กลางวังใหญ่ของพวกเจ้านี่!”


นำร่างไร้วิญญาณเข้ามาเดิมทีก็เป็นการลบลู่แล้ว เผาศพยิ่งไม่ต้องพูดถึง!


แล้วพวกเขายังกล้าโจมตีชิงชิว!


ราชาจิ้งจอกพลันหน้าเปลี่ยนสี “เจ้ากล้า!”

 

 

 


ตอนที่ 94

 

สวัสดีเจ้าสิบสาม

โดย

Ink Stone_Romance

เป็นธรรมดาที่จีหมิ่นจวินจะไม่กล้า แต่เป้าหมายของนางคือสร้างเรื่องให้ใหญ่ ตัวเองต้องลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร รอจนเรื่องราวขจรขจายไปทั่วทั้งสี่ทะเลแปดทิศ ผู้คนทุกที่ก็จะมายืนอยู่ข้างนางซึ่งถูกรังแก หากเรื่องใหญ่พอแล้ว สะเทือนไปถึงเทพทั้งสี่เหนือสวรรค์นั้นยิ่งดี วังจิ้งจอกมีของวิเศษมากมายขนาดนี้ ถึงพวกนั้นจะชดใช้คืนไม่ไหว อย่างไรก็ต้องชดใช้ของวิเศษอันมีค่าแก่พวกนางสักหลายชิ้น!


ตัวนางเองยังไม่สำเร็จเป็นเซียน มีลูกชายหนึ่งลูกสาวสอง ถึงนางจะไม่คิดแทนตัวเองก็ต้องคิดแทนพวกเขา ตอนนี้หัวชิงเต้าเหรินอยู่ขั้นเจินเซียน รอจนถึงขั้นจินเซียนเมื่อใด ตามกฎแล้วเขาจะต้องสละตำแหน่งเจ้าสำนัก อย่างไรลูกชายของจีหมิ่นจวินก็ต้องเป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป…


ดังนั้นวันนี้ นางต้องนำของวิเศษหลายชิ้นกลับไปเตรียมให้ลูกชายจีหย่งชางสำหรับการเลื่อนขั้น!


“หากราชาจิ้งจอกยังบิดพลิ้วไม่ยอมรับ ข้าก็กล้า!”


นางมองหัวชิงที่อยู่ข้างๆ คุยกับป๋ายจิ้ง


ก่อนมานางทิ้งจิตต้นกำเนิดไว้ที่สำนัก ถึงแม้วันนี้จะทิ้งชีวิตไว้ที่ชิงชิว พ่อของนางก็สามารถใช้เวทช่วยนางกลับมาได้!


นางไม่กลัว!


บรรยากาศในตำหนักใหญ่พลันเคร่งเครียดขึ้นมา


ใจมู่จิ่วเด้งมาอยู่ที่คอ คนแซ่จีผู้นี้และเหล่าสำนักแรกพยับเสียสติไปแล้วหรือไร? ต่อให้ทำเพื่อถามหาความยุติธรรมให้หลินเซี่ย แต่พวกเขาจำเป็นต้องทำเรื่องให้ถึงทางตันขนาดนี้เลยหรือ? กำลังรนหาที่ตายชัดๆ!


นางมองไปทางราชาจิ้งจอก ทางนี้ยิ่งหนักกว่า! อากาศรอบตัวราชาจิ้งจอกเคลื่อนไหวเล็กน้อย ไอสังหารออกมาแล้ว!


“ราชาจิ้งจอกโปรดระงับโทสะ!”


นางรีบพุ่งเข้าไปขวาง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับมีมือเล็กขาวผ่องอ่อนนุ่มคว้านางไว้ จิ้งจอกแดงสายตาเย็นชาดึงนางกลับมาทางนี้ “ไม่เกี่ยวกับเจ้า อยู่เฉยๆ!”


ตอนนางพูดคำนี้ มู่จิ่วรู้สึกท้องฟ้าเปลี่ยนสี แสงสีขาวแยงตาเหมือนกับหมวกใบใหญ่พลันออกมาจากมือราชาจิ้งจอก พริบตาเดียวก็ปกคลุมคนทั้งหมดของสำนักแรกพยับ!


สีหน้าของพวกหัวชิงซีดขาว แม้พวกเขาจะมีพลังบำเพ็ญต้านทาน แต่เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงดูออกว่ากระบวนท่านี้ของราชาจิ้งจอกอำมหิตขนาดไหน แม้แต่โต้ตอบกลับยังไม่ทัน กลุ่มคนทั้งหมดล้วนล้มลงไป เพียงชั่วพริบตาก็ตาแข็งปากอ้าค้าง เลือดไหลจากหูและจมูก ร้องครวญครางกลิ้งอยู่บนพื้น!


ราชาจิ้งจอกยังอยากลงมืออีก แต่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เงาร่างขาวบนบัลลังก์กลับบินเข้ามา ค่อยๆ เปลี่ยนแสงสีขาวนี้ให้ไร้รูปร่าง ต่อมาแขนเสื้อพลันเปลี่ยนเป็นปากถุงขนาดใหญ่ ควบคุมราชาจิ้งจอกให้หยุดนิ่งไม่ไหวติง!


“เจ้า! เจ้า…”


ราชาจิ้งจอกเห็นภาพในถุงนี้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยน! จากนั้นลู่ยาเอื้อมมือไปปิดปากเขาไว้ ทำให้พูดคำที่เหลือไม่ออกอีก!


เขาพูดไม่ออกไม่ได้แสดงว่าในใจจะไม่ตื่นตกใจ ในแขนเสื้อกว้างใหญ่นี้คืออะไร? คือทะเลเมฆอันไร้ขอบเขต! ทะเลเมฆนี้ราวกับเก็บจักรวาลไว้ทั้งจักรวาล เมฆแต่ละก้อนที่ลอยละล่องบางครั้งราวกับเป็นทะเลคลั่งม้วนตัว บางครั้งราวกับเป็นม้านับหมื่นพุ่งทะยาน แปรเปลี่ยนไปตลอด งดงามตระการตายิ่ง! เมฆทุกก้อนที่นี่ล้วนรวบรวมพลังบำเพ็ญหลายหมื่นพันปีไว้ และเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ไม่หมดไม่สิ้น!


ตามที่เขารู้ บนผืนฟ้าใต้พิภพนี้ เสื้อคลุมที่มีพลังโอบอุ้มสรรพสิ่งได้เช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียว! คือเสื้อเซียนทอเมฆที่หนี่ว์วาใช้เวลาสามพันหกร้อยปีทอขึ้นมาเองกับมือ!


แต่เสื้อเซียนทอเมฆของนางกลับทอขึ้นเพื่อลู่ยาเต้าจู่ศิษย์น้องรัก…


หนี่ว์วาเอ็นดูลูย่าถึงขนาดไหน? แม้แต่ตอนแรกที่ปฐมวิญญาณสั่งให้นางสร้างมนุษย์ นางล้วนสร้างขึ้นตามแบบลู่ยา เพื่อเป็นการขอบคุณเขา นางจึงทอเสื้อนี้ขึ้นด้วยตนเอง ดังนั้นผู้ที่ใส่เสื้อนี้ทำให้มู่หรงเส่าชิงอัดเขาจนเกือบตาย และเกือบทำให้ลูกสาวนำเขากลับห้องไปหลับนอนด้วย นอกจากลู่ยาแล้วจะยังเป็นใครไปได้?!


ไม่ผิด! เป็นคนเลวนั่น!


ราชาจิ้งจอกมองใบหน้าลู่ยาที่อยู่ใกล้อย่างมาก อยากจะเป็นลมเล็กน้อย…


เขาต้องไม่ทันระวังไปล่วงเกินไท่สุ้ย[1] หรือไม่ก็ไปล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ท่านใดเข้า จึงทำให้เขาโชคร้ายมาพบกับลู่ยา!


เขายังเข้าใจไปว่าฝันร้ายในวัยเยาว์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะกลับมาจริงๆ!


“เข้าไปค่อยพูด!”


ลู่ยาชักมือกลับ หนีบเขาเดินเข้าไปตำหนักด้านในอย่างรวดเร็ว


มู่หรงหลิวเย่คิดจะตามไป เดินไปได้ครึ่งทางกลับถูกพลังลมปราณที่ประตูดันกลับไป


ราชาจิ้งจอกเข้ามาถึงตำหนักด้านใน ใบหน้ายังคงซีดขาว


ลู่ยาไพล่มือเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา มุมปากยกขึ้น พูดว่า “เจ้าสิบสาม สบายดีรึ”


สองขาของราชาจิ้งจอกสั่น คุกเข่าลงไปดังตึง “ท่าน ท่านผู้อาวุโสมาได้อย่างไร…”


สิบสามคือลำดับของเขาในเหล่าสัตว์น้อยตอนนั้นที่วังของหนี่ว์วา แต่ไหนแต่ไรพ่อหนุ่มลู่ยาคนนี้ไม่เรียกชื่อของผู้อื่น เพียงให้แขวนป้ายตัวเลขคนละอันไว้ที่คอ เสียงเรียกสิบสามนี้ออกมา เขาก็รู้ว่าไม่ผิดแน่นอน


คิดกลับไปก่อนหน้าว่าตนยอมตามใจให้เจ้าเด็กน้อยเส่าชิงจัดการอีกฝ่ายอย่างไร หนังศีรษะก็ลุกชันขึ้นมาแล้ว! ด้วยนิสัยของลู่ยา ไม่ได้ไปยั่วเขาแหย่เขา เขายังคิดหาวิธีเล่นงานเจ้า แต่เส่าชิงขังเขาไว้ในคุกหินให้เป็นอาหารของหลิวกวง จากนั้นยังใช้ระฆังคิดจะทำลายเขา ลู่ยาจะไม่พลิกชิงชิวของพวกตนหรือ?


พลังบำเพ็ญสามหมื่นปีของเส่าชิงถูกทำลายก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว!


ใจเขาเต้นแรง แหงนหน้าขึ้นเสียงสั่นเครือ “สิบสามมีตาไร้แวว ดูไม่ออกว่าท่านซือจู่มา รู้ตนเองว่าผิดไม่อาจให้อภัย เพียงร้องขอต่อท่านช่วยละมืออันสูงส่ง ปล่อยพลเมืองชิงชิวไปสักครั้ง เหลือที่อยู่อาศัยให้พวกเขา พวกเขาต่างก็บริสุทธิ์…”


หากจะฆ่าจะแกงเขาล้วนยอมรับ อยากฆ่าเส่าชิงเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร สิ่งสำคัญคือเหล่าปีศาจในอาณาจักรต้องรักษาไว้ ไม่อาจโชคร้ายกันไปหมดเพราะเขาได้


ลู่ยายิ้มเยาะ ไพล่มือนั่งลงไปที่บัลลังก์ ปัดเสื้อคลุมก่อนพูด “ตอนนี้กลับแข้งขาอ่อนแรง ก่อนหน้านี้เจ้าทำอะไรลงไป?”


ราชาจิ้งจอกเอ่ยอึกๆ อักๆ “ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านแต่แรกมิใช่หรือ”


“หากเจ้าพูดแบบนี้ หมายความว่าไม่มีฐานันดรศักดิ์ก็ไม่อาจร่วมมือทำงานกับราชาจิ้งจอกได้หรือ?” ลู่ยารินชาลงถ้วยชาหยกแบบมีฝาปิด ยกขึ้นดื่ม “ตอนเจ้ายังเล็กทำไมข้าถึงดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะโอ้อวดได้ขนาดนี้ ข้าจำได้ว่าเจ้ายังเป็นผู้ติดตามเหล่าซาน (ลำดับสาม) แห่งตระกูลป๋าย? ตอนนี้มีอำนาจแล้ว ยืดอกได้เต็มที่ แม้แต่เจ้าหน้าที่เซียนก็กล้ารังแก?”


ราชาจิ้งจอกปาดเหงื่อที่มุมหน้าผากออก ฝืนพูด “ขอบคุณท่านที่ยังจำเรื่องของสิบสามได้”


จุดใต้ตำตอเข้าเสียแล้ว! ตอนแรกที่สระน้ำฮั่น ตนรู้สึกว่าเขาคุ้นตาอยู่ ควรจะจำได้มิใช่หรือ! เขาก็บอกแล้วว่าฝึกพลังสายเสวียนคง และยังสามารถหลอมจิตต้นกำเนิดช่วยจิ้งจอกน้อยได้ ทำไมตัวเองถึงได้โง่ขนาดนี้ ไม่เชื่อว่าตัวลู่ยาท่องมาถึงที่นี่? ทีนี้ละงามหน้า เขาตกลงไปในก้นหลุมจนออกมาไม่ได้แล้ว!


ราชาจิ้งจอกชะงักเล็กน้อย เหลือบตาขึ้นมองสีหน้าลู่ยา พูดอีกว่า “ท่านจู่ซือลงมายังโลกคราวนี้ ปลอมตัวมาเพื่อเยี่ยมเยียนหรือ?”


ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่สอดมือเข้ายุ่งในหกภพ แต่กลับมีหน้าที่ปกปักรักษา หรือว่าเขาสังหารศิษย์ลัทธิฉ่านไปหลายคน จึงทำให้เทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ตกใจไปด้วย?


“ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น”


ลู่ยายกขาข้างหนึ่งขึ้นวางบนบัลลังก์ มือประคองท้ายทอย มองไปยังดอกบัวทองนอกหน้าต่างใต้ชายคาพลางพูด “พูดง่ายๆ ข้าแค่มาช่วยพลลาดตระเวนคลี่คลายคดีของพวกเจ้าชิงชิว แต่เดิมข้าไม่คิดออกหน้า ดูสิว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไร ทว่านับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าคิดร่วมมือก็ต้องร่วมมือ ไม่คิดร่วมมือก็ต้องร่วมมือ”

 

 

 


ตอนที่ 95

 

ราชากับผู้ติดตาม

โดย

Ink Stone_Romance

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” ราชาจิ้งจอกรีบแสดงความภักดี “ตั้งแต่เล็กจนโตสิบสามไม่มีเรื่องใดที่กล้าต่อต้านท่านซือจู่ มีท่านเป็นตัวแทนชิงชิว เป็นโชคที่สิบสามร้องขอก็ไม่อาจขอมาได้ จะไม่ร่วมมือได้อย่างไร? สิบสามจะเรียกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามา!”


ในเมื่อตัวเขามาทำคดี ทำไมไม่แสดงฐานันดรศักดิ์ออกมาเร็วหน่อย? เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องมากมาย ตนก็ไม่ต้องถูกตีด้วยมิใช่หรือ?


แต่กับคนแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรน่าพูด เขาเลือกรับกรรมอย่างเงียบๆ


“ช้าก่อน!” ลู่ยาละสายตากลับมา พูดว่า “ข้ายังพูดไม่จบ เจ้ารีบร้อนอะไร?”


เขานิ่งไปอีกครั้ง


ลู่ยาเดินมาด้านหน้าเขา นิ้วเคาะลงไปบนมงกุฎประดับหินห้าสีบนศีรษะ “ฐานะของข้าไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ นอกจากเจ้าแล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามรู้เรื่องนี้ มิเช่นนั้นแล้วเจ้าอย่าคิดว่าคดีนี้จะทำสำเร็จอย่างราบรื่น”


ราชาจิ้งจอกประคองมวยผมนิ่งอึ้งไป “คนที่ท่านพามาสองท่านนั้นก็ไม่รู้?”


“เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ลู่ยาพูด “ยุ่งแค่คนของตนเองพอ ภรรยาลูกชายลูกสาวเจ้าก็ไม่อาจบอก รู้คนหนึ่งข้าจะตีเจ้าหนึ่งครั้ง!”


ราชาจิ้งจอกตัวสั่น รีบคุกเข่าลงสาบาน “ตระกูลมู่หรงสาบานต่อสวรรค์ หากผิดคำสัตย์ ขอให้โดนอสุนีบาตห้าสาย!”


ลู่ยาเคาะศีรษะเขา “ต้องพูดว่าเป็นอสุนีบาตเสวียนคงห้าสาย”


ราชาจิ้งจอกฝืนใจสาบานตนอีกรอบ


ลู่ยาจึงปล่อยเขาไป พูดขึ้น “ตอนนี้เจ้าทำให้คนในตำหนักสงบลงก่อน ให้พวกเขากลับสำนักแรกพยับไป จากนั้นค่อยมาลงมือเรื่องคดีของพวกเจ้ากัน”


ราชาจิ้งจอกตอบรับ ก่อนเอ่ย “ในเมื่อท่านรับปากจะตามสืบหาฆาตกรแทนสิบสาม ทำไมไม่ตรงไปวิมานหลีเฮิ่นแทนสิบสาม แล้วให้เหล่าจวินมาให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้? มีเขาออกหน้า จิตจิ้งจอกของบุตรชายก็สามารถหาคืนกลับมา เพียงจิตจิ้งจอกกลับมา คนอื่นที่สังหารไปสิบสามให้ชดใช้คืนด้วยเงิน เรื่องอื่นล้วนไม่คิดเล็กคิดน้อย”


“จะได้อย่างไร?” ลู่ยาพูด “ผู้นำทำคดีนี้ไม่ใช่ข้า เป็นอาจิ่ว นางต้องฝึกฝนเพื่อเลื่อนขั้น หากเรื่องอะไรก็เป็นข้าที่ช่วยเจ้า นางจะยังฝึกฝนได้อย่างไร?”


ราชาจิ้งจอกประหลาดใจจนเบิกตากว้าง ลู่ยาที่เขาเคยรู้จักแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นใครหน้าไหนอยู่ในสายตา…นอกจากอาจารย์ เหล่าศิษย์พี่ชายหญิงเขาคิดจะเล่นงานใครก็เล่นงาน ร้ายแบบไม่มีขอบเขต มาวันนี้กลับคิดแทนเช่นนั้นเช่นนี้เพื่อเด็กสาวคนเดียว? ซ้ำยังพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่านางจะเลื่อนขั้นอย่างไร?


เขาอดถามไม่ได้ “ทำไมท่านไม่ให้นางเลื่อนขั้นโดยตรงเลย?”


ส่งคนธรรมดาขึ้นเป็นเซียน สำหรับลู่ยาแล้วเป็นเรื่องสบายๆ ไยต้องสิ้นเปลืองแรงขนาดนี้?


หรือเขาตั้งใจใช้โอกาสนี้เกี้ยวสาว?


“ไม่ได้” ลู่ยาขมวดคิ้ว แสงเทียนทาบทับในดวงตาเขาจนเป็นประกาย “ข้าสำรวจรากฐานวิญญาณนางแล้ว นอกจากบุญกุศลไม่พอ รากฐานวิญญาณของนางยังค่อนข้างบอบบาง ความบริสุทธิ์ของรากฐานวิญญาณนางข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนกับรากฐานวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดที่มีอยู่ตอนก่อนเบิกฟ้าผ่าพิภพ ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ดังนั้นจึงไม่สามารถกระทำโดยส่งเดชได้”


“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย?” ราชาจิ้งจอกไม่เคยได้ยินมาก่อน


ลู่ยาพยักหน้ามองเขา “นางเป็นเจ้าหน้าที่เซียน มีจิตใจดีคิดจะแก้ไขปัญหาหนักหนาแทนพวกเจ้าจึงได้มา เจ้าต้องเกรงใจนางหน่อย!”


“แน่นอน แน่นอน! สิบสามไม่กล้าล่วงเกินแม่นางกัว” ราชาจิ้งจอกก้มตัวลงถึงพื้น


ทางด้านตำแหน่งด้านนอก ไม่เพียงแค่มู่หรงหลิวเย่ที่รู้สึกสับสน ใจมู่จิ่วก็ขึ้นมาจุกอยู่ที่คอแล้ว


เมื่อครู่ที่ลู่ยาลงมือไปนั้นอยู่ในการคาดเดาของนาง เขาต้องไม่อาจยอมให้ราชาจิ้งจอกฆ่าล้างผลาญต่อหน้าต่อตาเป็นแน่ แต่นางกังวลว่าเขาจะต้านทานราชาจิ้งจอกไว้ได้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงเขาจะลงมือ แต่ยังพาราชาจิ้งจอกเข้าไปตำหนักด้านในโดยตรง…พละกำลังแบบนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจะมีได้


นางรู้สึกได้รางๆ ว่าความเย่อหยิ่งที่ลู่ยาแอบซ่อนไว้ค่อยๆ เผยออกมา


ความอดกลั้นยากลำบากก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพียงผลลัพธ์ที่เขาตั้งใจควบคุมให้เกิด คนข้างกายนางคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่?


นางรู้สึกสับสนอยู่บ้าง ไม่รู้ว่ากังวลหรือใคร่รู้ พวกหัวชิงที่ด้านล่างกลับเพิ่งฟื้นคืนสติจากความตกใจเมื่อครู่!


ถึงแม้ราชาจิ้งจอกใช้กระบวนท่าออกมาดูเรียบๆ ไม่พิสดาร แต่แรงกดดันที่พวกเขาสัมผัสได้กลับใหญ่หลวง ศิษย์ระดับล่างหลายคนรวมทั้งเหลียงชิวฉานต่างก็ต้านทานไม่ได้ กระอักเลือดออกมาหลายครา! หากช้ากว่านี้ไปสักหน่อย พวกเขาเหล่านี้ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่แน่!


ครั้นคิดดูว่าเมื่อครู่ราชาจิ้งจอกถูกกระตุ้นให้โกรธอย่างไร ผู้คนต่างก็ถลึงตาใส่จีหมิ่นจวินโดยไม่รับฟังคำอธิบาย หากนางไม่หลับหูหลับตาพูดจากดดัน ราชาจิ้งจอกอาจจะไม่ลงมือ มิใช่ว่านางรนหาที่ตายหรือไร? ในใจเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตามนางมาก่อเรื่องคราวนี้ เพียงแค่ความสามารถนั้นของราชาจิ้งจอก วันนี้พวกเขาคงพึ่งบุญของมหาเทพเซียนสักคนหนึ่งถึงได้ไม่ถูกฆ่าตาย!


ทางด้านจีหมิ่นจวินไม่ได้เห็นความโกรธของพวกเขาอยู่ในสายตา เพราะในใจนางมีเป้าหมายอยู่ แต่อันตรายในพริบตาเมื่อครู่ นางกลับหวาดกลัวอย่างแท้จริง


ผู้คนต่างคนต่างความคิด เห็นราชาจิ้งจอกกับลู่ยาคนหนึ่งนำคนหนึ่งตามเดินออกมา แม้ราชาจิ้งจอกจะเดินอยู่ข้างหน้า ก้าวย่างกลับดูแล้วเหมือนใจไม่สงบ ความเป็นราชาที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ไม่มาก แต่ลู่ยาที่เดินอยู่ข้างหลังกลับรักษาจิตใจสงบนิ่งไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ


มู่จิ่วเห็นท่าทางแบบนี้แล้วก็เหม่อลอยไปบ้าง นางเกิดความรู้สึกผิดๆ ขึ้นมาว่าลู่ยาต่างหากถึงจะเป็นราชาผู้กวาดล้างโลก และราชาจิ้งจอกเป็นเพียงผู้ติดตามเท่านั้น…


“เรื่องสังหารคนในสำนัก รอเจ้าหน้าที่เซียนทำคดีของพวกเราชิงชิวเรียบร้อยก่อน ข้าค่อยให้คำตอบแก่พวกเจ้า แต่ละท่านเชิญกลับไปทำใจสงบรอข่าวคราวก่อน” ราชาจิ้งจอกเดินถึงขั้นบันไดหยกแล้วจึงพูด


ส่วนลู่ยาเดินกลับมาอยู่ข้างมู่จิ่ว


มือคู่หนึ่งแต่เดิมไพล่อยู่ด้านหลัง แต่เห็นนางขมวดคิ้ว จึงยกมือขึ้นมานวดให้ ทำราวกับไม่มีใครอยู่ข้างๆ


มู่จิ่วสั่นสะท้านอย่างไร้เหตุผล ราวกับไม่เคยแตะโดนตัวเขามาก่อน


จีหมิ่นจวินที่อยู่ด้านล่างคิดจะพูดอะไร หัวชิงกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน “ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เซียนต้องทำคดีนานเท่าไหร่?”


“สามเดือน”


มู่จิ่วถูกซ่างกวนสุ่นสะกิดเตือน จึงรวบรวมสติมองไป “หลังจากนี้สามเดือน ถ้าราชาจิ้งจอกไม่ไปหาพวกเจ้า ให้พวกเจ้ามาหาเขา หากเขากลับคำพูด พวกเจ้าก็มาหาพวกข้าพลลาดตระเวนกัวมู่จิ่ว หลินเจี้ยนหรูก็รู้จัก อ้อ ใช่แล้ว!” พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดไป ก่อนกวาดสายตามองจีหมิ่นจวิน กล่าวว่า “หลินเจี้ยนหรูก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เซียนผู้ทำคดีนี้ มีเรื่องอะไร พวกเจ้าก็ขอคำชี้แนะจากเขาได้เหมือนกัน”


นางเพียงแต่พ่นคำบอกเล่าออกไปด้วยใจสับสนเท่านั้น ไหนเลยจะคาดเดาได้ว่าจีหมิ่นจวินฟังแล้วใบหน้าสูบฉีดแดงก่ำ หลินเจี้ยนหรูก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เซียนที่ทำคดีนี้ แสดงว่าเขามีสิทธิที่จะสอบสวนพวกตนหรือ? เจ้าลูกนอกสมรสนั่น!


“ไปเถอะ!” หัวชิงพูดเร่ง


พูดพลางประสานมือให้ราชาจิ้งจอก จากนั้นก็นำเหลียงชิวฉานและพวกออกไป


จีหมิ่นจวินกัดฟันถลึงตาใส่มู่จิ่ว ก่อนหมุนตัวจากไป


“หญิงคนนี้ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?” มู่หรงหลิวเย่ขมวดคิ้วพูด


“ไม่ได้ใหญ่มาจากไหน” มู่จิ่วมองออกไปนอกตำหนัก “เป็นเพียงแค่กบในกะลา”

 

 

 


ตอนที่ 96

 

คู่หมั้นของข้า

โดย

Ink Stone_Romance

ตอนที่พวกจีหมิ่นจวินเพิ่งออกจากวังจิ้งจอก หลินเจี้ยนหรูก็เพิ่งถึงน้ำพุวิญญาณเซียน


นี่เป็นโอกาสอันดีงามให้เขาตรวจสอบรากฐานวิญญาณของตนเอง


เขาคิดไม่ถึงว่าจีหมิ่นจวินจะกล้าไปหาเรื่องถึงชิงชิว และยังนำศพของหลินเซี่ยไปด้วย ก่อนไปหัวชิงถามเขาว่าจะไปหรือไม่ แน่นอนว่าเขาไปไม่ได้ เขาไม่มีหน้าไปพบมู่จิ่ว หากจีหมิ่นจวินไปครั้งนี้แล้วกระทบถึงความคืบหน้าของคดี แบบนั้นแล้วเขาแทบไม่มีทางจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้นางฟังได้


และเขารู้ หากเขาอยู่ในเหตุการณ์ ตอนเผชิญหน้ากันจีหมิ่นจวินต้องใช้เขาเป็นโล่กำบังแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นแล้วเรื่องราวต้องยิ่งซับซ้อนขึ้นแน่นอน


เขาอ้างว่าจะรั้งอยู่ทำความสะอาดหอไว้ทุกข์ จึงได้รับความเห็นชอบจากหัวชิง ในความเป็นจริงหัวชิงไม่วางอำนาจ เขาปฏิบัติต่อเหล่าศิษย์พี่น้องในสำนักอย่างดียิ่ง เป็นธรรมดาที่จะพอใจว่าหลังจากหลินเซี่ยตายยังมีคนทำเรื่องเพื่อระลึกถึงเขา โดยเฉพาะเมื่อคนๆ นี้คือหลินเจี้ยนหรูซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ใช้แซ่หลิน


หลังมื้ออาหารเที่ยงเขาก็แอบมาถึงที่นี่ สถานที่นี้ไม่ใช่เขตหวงห้ามอะไร ไม่มีคนคุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ


ที่บอกว่าแอบๆ เพราะเขาต้องการหลบเลี่ยงหูตาผู้คน มิเช่นนั้นแล้วหากการกระทำของเขาเล็ดลอดไปถึงสายตาจีหย่งฟาง จะทำให้เกิดการคาดเดาที่ไม่เป็นผลดีได้โดยง่าย


ด้านล่างผนังหินมีตาน้ำขนาดใหญ่เท่าลำไม้ไผ่


มือของเขาสั่นเทา หยดเลือดลงไปสองหยด เลือดค่อยๆ กระจายตัวไป และอ่อนจางลงจนละลายรวมไปกับน้ำพุ…แต่ตอนที่มันเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนแล้วกลับไม่เปลี่ยนไปอีก…รากฐานวิญญาณไม่สะอาดน้ำจะเป็นสีแดง!…แสดงว่าสิ่งที่เหลียงชิวฉานพูดเป็นเรื่องจริง? ตอนนั้นที่จีหมิ่นจวินชำระล้างรากฐานวิญญาณให้เขา ที่แท้ก็ไม่ได้ชำระล้างให้หมดจด?


ชีพจรเขาอ่อนแรงเล็กน้อย


นี่คือเรื่องจริง…


และแสดงว่าเขาที่แต่เดิมไม่ได้รับการสั่งสอนวิชาเซียนจากอาจารย์ จะยิ่งห่างไกลจากการบำเพ็ญเพียรไปอีกหนึ่งก้าว?


มือของเขาค้ำอยู่ริมตาน้ำ มองสีแดงที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่นาน สายตาพลันเปลี่ยนไปเหี้ยมเกรียม นิ้วทั้งสิบอัดเข้าไปในหินข้างน้ำพุ!


เหลียงชิวฉานยังมีหน้ามาพูดว่าเขาลืมบุญคุณ เขาได้รับบุญคุณอะไรจากสำนักแรกพยับ เขาต้องทดแทนคุณอะไรกับพวกนั้น?!


น้ำพุสะท้อนใบหน้าอันโหดเหี้ยมของหลินเจี้ยนหรู เขาเบือนหน้าออก หมุนตัวนั่งลงบนพื้น ยื่นมือไปหยิบมหาโอสถทองที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเล็กออกมา


แต่เดิมเขาคิดว่ากลับสวรรค์ไปก่อนค่อยกินมัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว


เขาอ้าปากนำมันเข้าไปในลำคอ ฉับพลันรู้สึกเพียงความเย็นสบายผ่านลงคอไป ความเย็นสบายนี้ผ่านห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวง[1] มุ่งตรงเข้าสู่จุดตันเถียน เหมือนกับมังกรน้ำแหวกว่ายไปทุกทิศอยู่ในร่างหลายรอบ จากนั้นความเร็วก็เพิ่มขึ้น กลายเป็นกระแสน้ำอุ่นแตกตัวเข้าไปในเส้นชีพจรเหรินและเส้นชีพจรตู๋…


เขาจำได้ชัดเจนว่าหลังจากหลินเซี่ยกินยานี้แล้วใบหน้าก็สงบนิ่ง ทำไมพอเป็นเขาถึงได้ปะทุรุนแรงขนาดนี้?


เขาก้มหน้าลงมองเลือดที่ไหลออกจากจมูกและมุมปาก กัดฟันทนต่อความเจ็บที่เกิดตามเส้นชีพจรทั่วร่าง…เขารู้ พลังของเขาอ่อนเกินไป แบกรับยาที่ล้ำลึกขนาดนี้ไม่ไหว…


หลังจากหัวชิงไปแล้ว ในที่สุดวังจิ้งจอกก็สงบลง


กลางคืนราชาจิ้งจอกจัดงานเลี้ยงต้อนรับมู่จิ่ว ซ่างกวนสุ่น และลู่ยาที่วังซ่าน แน่นอนว่าประเด็นสำคัญคือเพื่อลู่ยา ถึงแม้นางจะถูกยกย่องให้เป็นแขกคนสำคัญ ลู่ยากลับนั่งอยู่ข้างซ้ายของนาง จิ้งจอกเฒ่าเดี๋ยวก็ส่งสัญญาณให้สาวใช้เข้ามาเติมสำรับให้ลู่ยา เดี๋ยวก็ส่งสัญญาณให้พวกนางรินเหล้าให้เขา ถึงนางโง่กว่านี้ก็ดูออก


นี่มันคนละคนกับผู้ที่หยิ่งยโสเชิดจมูกขึ้นฟ้าก่อนหน้านี้!


ลู่ยาต้องมีที่มาที่ไปแน่นอน


และยังเป็นที่มาที่ไปที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก


นางใจลอยไปบ้างเพราะการรู้แจ้งในครั้งนี้ ตอนยกแก้วขึ้นมา ลู่ยาคีบเอาเนื้อท้องปลาส่งให้นาง “ปลานี้ถึงแม้จะสู้ปลาลายทองที่ข้าบอกไม่ได้ แต่ก็ไม่เลวทีเดียว เจ้ากินให้มากหน่อย”


คนทั้งโต๊ะมองมา


นางอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว เขากลับพูดอย่างราบเรียบ “นี่คือคู่หมั้นของข้า”


ราชาจิ้งจอกสำลักเหล้าออกทางจมูก แม้ว่าราชินีจิ้งจอกก็ตกใจ แต่ยังถลึงตาใส่สามีอย่างไม่พอใจคราหนึ่ง


มู่จิ่วเกือบจะกระอักเลือดแล้ว…


แต่นางยังไม่ทันหาคำพูดแก้ต่างที่เหมาะสมให้ตนเอง ราชาจิ้งจอกก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ยกเรื่องคดีจิ้งจอกน้อยถูกทำร้ายขึ้นมา รอจนงานเลี้ยงนี้เลิกรา ทุกคนย้ายไปที่ห้องหนังสือ ยามที่มู่จิ่วเสนอแนะ ครอบครัวจิ้งจอกเฒ่าล้วนมากันหมดแล้ว รวมถึงจิ้งจอกน้อยที่ถูกซ่างกวนสุ่นอุ้มไว้ด้วย


จนตอนนี้มู่จิ่วถึงค่อยหลุดออกมาจากความอับอายที่ลู่ยาสร้างไว้ให้


แต่เดิมคิดจะมาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐานและสืบหาเบาะแส เพียงแต่ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ ในเมื่อตอนนี้ราชาจิ้งจอกยินยอมร่วมมือทำคดีด้วย เป็นธรรมดาที่สามารถจะเร่งรีบทำงานให้ลุล่วง จากนั้นเร่งกลับไปที่เรือน มู่เสี่ยวซิงอยู่คนเดียวที่ลานจื่อหลิง ไม่รู้ว่านางถูกคนรังแกหรือไม่


มู่จิ่วให้จิ้งจอกน้อยเล่าเรื่องที่โดนทำร้ายอีกรอบ


จิ้งจอกน้อยยังคงต้องอาศัยจิตจิ้งจอกของลู่ยาถึงจะตามหาจิตต้นกำเนิดกลับมาได้ ตอนนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนได้ แต่การพูดกลับชัดเจนอย่างมาก และเรื่องราวที่เขาเล่ามาไม่ต่างกับตอนนั้นที่ลู่ยาใช้พลังเรียกขึ้นมาให้ดูแม้แต่น้อย


ที่แท้วันนั้นฆาตกรอ้างว่าพี่สาวของเขาพบอันตรายอยู่ที่ริมแม่น้ำนอกชิงชิว เขาร้อนใจเรื่องพี่สาว เพราะแต่ไหนแต่ไรไม่เคยโดนคนหลอกมาก่อน จึงไม่คิดอะไรมาก เดินตามพวกเขาออกนอกเมืองไป


ลู่ยาถาม “เจ้ายังจำได้ไหม บนร่างของฆาตกรมีอะไรพิเศษหรือไม่?”


มู่หรงรุ่ยเจี๋ยคิดๆ ก่อนพูดว่า “หลังจากข้าหมดสติไป ก่อนจิตจิ้งจอกจะออกจากร่าง ได้ยินพวกเขาพูดว่าต้องกลับสวรรค์”


“กลับสวรรค์?” มู่จิ่วอึ้งไป


ในเมื่อเป็นคนของลัทธิฉ่านและยังกลับสวรรค์อีก หรือว่าจะเป็นคนของวังหลีเฮิ่น?


“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาตั้งใจปั่นหัว?” นางถาม


“ข้าคิดว่าไม่ใช่” มู่หรงรุ่ยเจี๋ยนั่งบนเก้าอี้ครุ่นคิด ขมวดคิ้วเสียจนเหมือนก้อนเนื้อนูนออกมา “เพราะพวกเขาพูดอย่างเร่งร้อน และน้ำเสียงก็เคร่งเครียดมาก แม้กระทั่งพูดถึงซิงจวินอะไรด้วย ถึงแม้ข้าจะได้ยินไม่ชัด แต่ก็แน่ใจได้ว่าพวกเขามาจากสวรรค์”


สายตาของเจ้าตัวน้อยกระจ่างใสและมั่นใจ ไม่พูดโกหก


มู่จิ่วฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดสติก็กลับคืนมาเล็กน้อย เทพเซียนในสวรรค์ไม่ใช่หยวนจินก็คือซิงจวิน ไม่ใช่ซิงจวินก็คือเจินเหริน แต่ซิงจวินที่สามารถใช้ยันต์หลบหนีได้กลับมีไม่มาก!


“ที่แท้ไม่เพียงแต่เป็นคนของลัทธิฉ่าน ยังเป็นคนของวิมานหลีเฮิ่น!” ราชาจิ้งจอกได้ยินถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสะบัดแขนเสื้อ “เฮอะ! คราวนี้ข้าจะดูว่าไท่ซ่างเหล่าจวินจะชดใช้คืนให้ข้าอย่างไร!”


พูดถึงลำดับรุ่นแล้ว ไท่ซ่างเหล่าจวินเป็นศิษย์ของหงจวิน ราชาจิ้งจอกเป็นหลานจิ้งจอกเก้าหางของหนี่ว์วา ลำดับรุ่นห่างกันไม่เท่าไหร่ แต่หากพูดถึงศักดิ์ฐานะแล้ว ฐานะของอาณาจักรชิงชิวเปรียบกับไท่ซ่างเหล่าจวินแล้วไม่ได้ต่ำกว่า สืบคดีมาจนถึงตรงนี้ ไท่ซ่างเหล่าจวินควรจะให้คำอธิบายแก่ชิงชิว


แต่ติดขัดที่มีเทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งอยู่ เขาจึงหยุดยั้งความตั้งใจที่จะขึ้นไปบนสวรรค์


มู่จิ่วคิด ก่อนพูด “ไม่ทราบว่าอีกสองตระกูลที่ถูกทำร้ายสถานการณ์เป็นอย่างไร?”


ราชาจิ้งจอกสั่งให้คนไปนำเจ้าของเรื่องราวทั้งสองเข้ามา


ที่แท้อีกสองตระกูลยังคงเป็นญาติของจิ้งจอกเก้าหาง ยังนับว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ จิ้งจอกน้อยสองตัวที่ตายไปไม่โชคดีเหมือนมู่หรงรุ่ยเจี๋ย อายุของพวกเขายิ่งน้อยกว่า คนหนึ่งยังไม่ทันสำเร็จมีจิตจิ้งจอก คนหนึ่งจิตจิ้งจอกถูกทำลาย ไม่มีใครสามารถช่วยได้แล้ว

 

 

 


ตอนที่ 97

 

งานอดิเรกประหลาด

โดย

Ink Stone_Romance

ตอนที่โดนทำร้ายตัวใหญ่มีอายุเพียงสองพันปี ส่วนตัวเล็กยังอยู่ในผ้าห่อทารก ของวิเศษต่างๆ ข้างกายล้วนโดนขโมยไป และไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ลู่ยายังคิดให้พวกเขานำผมนำเล็บมาให้ดู แต่เพราะเรื่องเกิดขึ้นนานจนถูกฝังไปแล้ว จึงไม่มีร่องรอยให้ตาม แต่คิดดูแล้วคงหนีไม่พ้นใช้วิธีการเดียวกัน


มู่จิ่วบันทึกของวิเศษที่หายไปทั้งหมด นับดูแล้วมีสิบกว่าชิ้น ยังไม่รวมจิตจิ้งจอกของมู่หรงรุ่ยเจี๋ย


และแต่ละชิ้นต่างก็เป็นของวิเศษที่มีค่า ของที่หายไปจากเขาเนินอารามก็ไม่อาจเปรียบได้กับของเหล่านี้ หรือว่าคนพวกนี้จะมาเพราะต้องการสิ่งของมีค่าจริงๆ?


แต่เขาจะรวบรวมของมีค่ามากมายขนาดนี้ไปทำอะไร? เขามีเป้าหมายอะไร?


นางมองมู่หรงหลิวเย่ “ช่วงนี้องค์หญิงออกไปข้างนอกบ่อย เคยได้ยินว่าในสามภพมีการเคลื่อนไหวอะไรประหลาดหรือไม่? อย่างเช่นมีคนบำเพ็ญตนเลื่อนขั้นเดินผิดทาง เข้าสู่วิถีมารอะไรแบบนั้น?


มู่หรงหลิวเย่ขมวดคิ้ว “เจ้าสงสัยว่าจะมีคนอาศัยของวิเศษบำเพ็ญวิถีมาร?”


มู่จิ่วหมายความตามนั้น แต่นางกลับไม่อาจแน่ใจได้ “จริงๆ แล้วรวบรวมของวิเศษไปมากขนาดนี้ นอกจากเอาไปทำของที่ยิ่งยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นแล้ว ก็ต้องเข้าสู่วิถีมาร ข้าไม่เคยได้ยินว่าบนสวรรค์มีคนอยากจะสร้างของวิเศษอันยอดเยี่ยมขึ้น และถึงแม้พวกเขาต้องการทำ ก็สามารถขอได้อย่างเปิดเผย ถึงขั้นต้องสังหารคน แน่นอนว่าไม่ธรรมดาแล้ว”


ในสองพันปีนี้ หลิวหยางทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจถ่ายทอดความรู้มากมายให้นาง เพียงแต่นางเลือกจำแต่เรื่องที่สนใจ เรื่องที่ไม่สนใจก็ทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ นางค้นพบว่าความรู้ที่ตนเองซึมซับไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ยังมากกว่าคนทั่วไปเป็นอย่างมาก อย่างเช่นนางไม่เพียงรู้ว่าของวิเศษของเซียนสามารถช่วยให้กลายเป็นมารได้ ทว่ายังเข้าใจประโยชน์ของของวิเศษธาตุทองในโลกนี้สักแปดส่วน


แต่นางพูดเรื่องเหล่านี้กับพวกหลิวเย่ ในสายตาพวกเขากลับมีท่าทีตกใจอยู่บ้าง


“ไม่มี” หลิวเย่พูดเสียงนิ่ง “ข้าไม่ได้ยินมาก่อน โลกปีศาจหลังจากทงเทียนเจี้ยวจู่พ่ายแพ้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก ในภพทั้งสามหากมีคนหรือปีศาจกลายเป็นมาร หวนหลางเจวี๋ยจิ้งแห่งสวรรค์ชั้นเก้าทางตะวันตกต้องเคลื่อนไหวแล้ว”


ในความเป็นจริง หวนหลางเจวี๋ยจิ้งเป็นจักรวาลเล็กๆ ที่ถูกควบคุมโดยโลกปีศาจ มักจะมีคนฝึกตนเป็นมาร หวนหลางเจวี๋ยจิ้งก็จะฟาดอสุนีบาตลงมา พูดโดยทั่วๆ ไปแล้ว หากสวรรค์เป็นสถานที่มีอำนาจสูงสุดในโลกมนุษย์ เซียน และเทพแล้วละก็ หวนหลางเจวี๋ยจิ้งก็เป็นสถานที่มีอำนาจสูงสุดในโลกวิญญาณ ปีศาจ และมาร หลายปีมานี้เพราะการพ่ายแพ้ของทงเทียนเจี้ยวจู่ โลกปีศาจจึงสงบราวกับไม่มีอยู่


ไม่มีการเคลื่อนไหว แสดงว่าหลังม่านก็ไม่ใช่ปีศาจหรือมารแล้ว


แต่คนผู้นี้รวบรวมของวิเศษเหล่านี้ไปเพื่ออะไร?


“เช่นนั้นทุกคนรู้หรือไม่ว่าใครมีปัญหากับวิมานหลีเฮิ่น?” นางถามอีก หากว่าสองเรื่องข้างบนล้วนไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นตามการคาดเดาของลู่ยาในตอนแรก คนผู้นี้ต้องการสร้างความบาดหมางให้แต่ละเผ่าพันธุ์กับลัทธิฉ่าน


“เฮอะ หลายปีมานี้ลัทธิฉ่านล่วงเกินผู้คนไปมาก! ในสามภพยื่นมือลงไปจับก็ย่อมจับได้กำมือใหญ่ ยังต้องถามอีก?” ซ่างกวนสุ่นกระฟัดกระเฟียดพูด


ราชาจิ้งจอกเอ่ย “พวกเราชิงชิวกับสวรรค์ไปมาหาสู่กันน้อย ข่าวคราวเหล่านี้ไม่ค่อยชัดแจ้งมากนัก แต่ซ่างกวนเหล่าชี (ลำดับที่เจ็ดแห่งซ่างกวน) พูดมาก็มีเหตุผล ลัทธิฉ่านมีศัตรูอยู่ข้างนอกมาก ใครต่างก็ไม่กล้าพูดว่าเป็นใคร แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเราชิงชิวก็ต้องสืบให้กระจ่าง!”


มู่จิ่วพยักหน้า


เรื่องแบบนี้เกิดกับใครล้วนต้องโกรธแค้น การแก้แค้นหลังจากนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ขอเพียงอย่าขัดขวางการทำคดีของนางก็พอ


ไต่ถามเรื่องราวมาถึงจุดนี้ โดยพื้นฐานก็ถือว่าจบแล้ว


หลังจากเลิกการประชุม นางก็เตรียมกลับสวรรค์


ราชาจิ้งจอกรับปากว่าหากพวกนางมีปัญหาอะไรสามารถมาได้ตลอด และรับปากว่าช่วงนี้จะไม่หาเรื่องกับลัทธิฉ่าน ถึงแม้สายตาของมู่หรงเสวี่ยจีที่มองมายังคงเหมือนกับใบมีด แต่คนอื่นที่เหลือทั้งหมดนับได้ว่ามองพวกนางเป็นเพื่อนแล้ว


ก่อนมู่หรงหลิวเย่จะไปยังหันกลับมาพูดกับมู่จิ่ว “ได้ยินว่าสองวันมานี้ในชิงชิวเจ้าได้รับความลำบากไม่น้อย?”


มู่จิ่วถอนหายใจ


หลิวเย่ยิ้มพลางพูด “ข้าบอกเจ้าไว้นานแล้วว่าพี่รองของข้าสายตาคับแคบ ยากจะต่อกร ทำตามอำเภอใจตนเองมาตลอด ยิ่งพวกเจ้าดึงดันขนาดนี้ เป็นธรรมดาที่จะกระตุ้นให้เขาโกรธ ส่วนพี่สาวคนที่สองของข้าก็ไม่เลว เพียงแค่มักมาก เจ้าไม่ต้องสนใจนางหรอก”


“แต่ข้ากลับชอบนิสัยไม่กลัวตายของเจ้า ตอนนั้นที่ชานเมืองต้าหนิงข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าหน้าที่เซียนเล็กๆ จะมีความกล้าขนาดนี้ ต้องรู้ไว้นะ เรื่องเหล่านี้ที่เจ้าก่อ คนระดับพลังฤทธิ์อย่างเจ้าคงตายไปไม่รู้กี่รอบแล้ว”


มู่จิ่วอับอาย นางไม่ตายที่จริงก็เป็นเพราะความเหนื่อยยากของลู่ยามิใช่หรือ?


“เพียงแต่ชอบก็ส่วนชอบ เรื่องต้องแบ่งแยกกันพูด” หลิวเย่พูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อเจ้ารับผิดชอบทำคดีนี้ ก็เท่ากับว่าพวกเราเอาความหวังทั้งหมดฝากฝังไว้กับเจ้า เจ้าอย่าทำให้เราผิดหวัง เพียงแค่เจ้าช่วยพวกเราสืบหาฆาตกรที่แท้จริง นำจิตจิ้งจอกของน้องสี่กลับมา ข้ามู่หรงหลิวเย่ต้องให้ประโยชน์แก่เจ้าแน่นอน”


“นี่เป็นหน้าที่ของข้าน้อย ไม่อาจหวังการตอบแทนจากองค์หญิง” มู่จิ่วพยักหน้า


นางแอบลอบถอนหายใจ จนถึงวันนี้ก็นับว่าได้พูดกันด้วยเหตุผลแล้ว


หลิวเย่พยักหน้า จากนั้นก็จากไป


เช้าวันถัดมา มู่จิ่วเตรียมไปกล่าวลาราชาจิ้งจอก คิดไม่ถึงว่าราชาจิ้งจอกกลับมาที่ตำหนักของพวกเขาด้วยตนเอง


หลังจากมาแล้วก็ยิ้มตาหยีทักทายนาง จากนั้นก็ลากลู่ยาเข้าไปห้องด้านใน


มู่จิ่วทำได้เพียงแอบมองดู ราชาจิ้งจอกกลับเลื่อนม่านมาบังไว้!


มู่จิ่วตกใจ ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดถึงเรื่องที่ลู่ยาพูดถึงจิ้งจอกเงินกับเหล่าลิ่ว (ลำดับที่หก) แห่งตระกูลจิ้งจอกขาวเหอเจ๋อ…


ประเพณีของตระกูลมู่หรงคงไม่ใช่ชายรักชายกระมัง?!


ในม่าน ราชาจิ้งจอกรินชาให้ลู่ยาด้วยตนเอง จากนั้นส่งพัดของตนเองขึ้นไป ค้อมตัวพูด “ท่านจู่ซือตอนนี้ต้องไปแล้ว หลายปีมานี้สิบสามไม่ได้ใกล้ชิดกับท่าน พลันรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่ท่านจะจากไป…” เขาพูดสะอึกสะอื้นพลางเช็ดดวงตา ท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวนี้ช่างแตกต่างกับสองวันก่อนนัก


ลู่ยากำมือขวามองเขาเล่นงิ้วอยู่นาน พูดว่า “มีอะไรก็พูดมา!”


ราชาจิ้งจอกรีบหยุดเสียงร้องไห้ ยิ้มพูด “สิบสามเพียงต้องการขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง สิบสามอยากขอให้ท่านรับรุ่ยเอ๋อร์เป็นศิษย์…”


“รับศิษย์?” ลู่ยาหันหน้ามาเหลือบมองเขา “ข้าคงฟังไม่ผิด?” รู้จักเขามาหลายปี อีกฝ่ายเคยเห็นเขารับศิษย์มาก่อนหรือ?


ราชาจิ้งจอกหน้าเสีย “ท่านดูเจ้าสี่น้อยบ้านข้าถูกทำร้ายจนเป็นแบบนี้ หากขาดจิตจิ้งจอกของท่านไป แม้แต่ฟื้นขึ้นมาก็ทำไม่ได้ ถ้าสามารถตามหามันกลับมาได้ก็คงดี หากหาไม่พบ เขาจะมีเพียงเส้นทางแห่งความตายให้เดินแล้วมิใช่หรือ? ในเมื่อท่านผู้อาวุโสยื่นมือเข้ามาทำคดีนี้แล้วก็ไม่อาจไม่สนใจข้า หากท่านละมือไม่ยุ่ง สิบสามจะไม่ร้องไห้จนตายหรือไร?”


“ดีนัก!” ลู่ยาพยุงร่างขึ้นนั่ง “ปีศาจจิ้งจอกอย่างเจ้า ช่วยไปเรื่องหนึ่งเจ้ากลับกล้าข่มขู่ข้า!”


“ที่ไหนกัน สิบสามอาศัยที่ท่านเอ็นดูข้าออดอ้อนท่านต่างหาก!” ราชาจิ้งจอกพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นประจบสอพลอ “เจ้าสี่น้อยบ้านเราทั้งน่ารักและเชื่อฟัง รูปร่างหน้าตาก็สวยงาม เป็นที่รักของคนทั้งบ้าน ต้องไม่ทำให้ท่านรำคาญใจแน่นอน ผู้อาวุโสของพวกเรายังพูดว่าในสามแสนปีถึงจะมีจิ้งจอกทองตัวหนึ่ง หากท่านรับเขาไว้ ไม่มีอะไรต้องเสียแน่!”

 

 

 


ตอนที่ 98

 

ทำเรื่องหนึ่งแทนข้า

โดย

Ink Stone_Romance

ลู่ยาหัวเราะเยาะเย้ย ก่อนยืนขึ้น “หลายปีก่อนตงหัวคิดจะให้ข้ารับเส้าเฮ่าบ้านตระกูลเขาข้ายังไม่รับปาก! ย่าเจ้าเถอะ เป็นจิ้งจอกอายุบำเพ็ญเพียงไม่กี่พันปีก็คิดจะเอาเปรียบข้าหรือ?”


ตอนแรกสุด สัตว์น้อยกลุ่มนั้นข้างกายหนี่ว์วาเขาไม่ต้องตาสักตัว เจ้าจิ้งจอกเหม็นโฉ่นี่กลับกล้าหาญนัก ส่งลูกชายที่สูญเสียจิตจิ้งจอกไปแล้วมา นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เขาดูแลความเป็นตายของจิ้งจอกน้อยหรือ? ยังไงก็เกาะติดอยู่กับเขาแล้ว ไม่ว่าผลของคดีจะออกมาเป็นอย่างไร จิ้งจอกน้อยเป็นศิษย์ของเขา ความเป็นความตายของเด็กน้อยเขาเป็นคนดูแล!


ช่างเป็นตาเฒ่าที่มีเล่ห์เหลี่ยมนัก!


ไม่สิ ทำไมเรียกเขาว่าตาเฒ่าไปได้? อีกฝ่ายอายุเพียงสองแสนปี หากเขาแก่แล้ว ตนเองมิยิ่งแก่กว่าหรือ?


“แต่ผู้อาวุโสของพวกเรากับท่านจู่ซือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน!” ราชาจิ้งจอกพูดโน้มน้าวอย่างไม่ลดละ “หากท่านยอมรับปากสิบสาม ภายหลังสิบสามจะเชื่อฟังท่านทุกประการ!”


“พูดแบบนี้แสดงว่าตอนนี้เจ้ายังไม่ซื่อสัตย์ต่อข้า?” สายตาของลู่ยาเหมือนใบมีดส่งไป


“แน่นอนว่าไม่ใช่!” ราชาจิ้งจอกรีบพูด “หากข้ากล้าไม่ซื่อสัตย์ต่อท่าน จะเอาลูกตนเองส่งให้ท่านหรือ?”


ลู่ยาส่งสายตาเป็นนัยว่าเขารู้จักพูด จากนั้นมองพู่ดอกไม้ที่ห้อยลงมาจากคานของวัง ผ่านไปครู่หนึ่งพลันพูดขึ้นมา “หากให้รับไว้ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้”


ราชาจิ้งจอกเงยหน้าขึ้นทันที


ลู่ยาหันกลับมา เดินถึงหน้าเขาจึงพูด “แต่เจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งแทนข้า”


ราชาจิ้งจอกพูดอย่างตื่นเต้น “เชิญท่านพูด!”


ลู่ยาลูบคาง กดเสียงต่ำพูด “เจ้าต้องไปหาศิษย์พี่รองข้า นำกระดิ่งหุนหยวนมาให้ข้า ห้ามไม่ให้เขารู้ และดีที่สุดคือห้ามไม่ให้ใครอื่นรู้เลย”


ตาทั้งคู่ของเขามองราชาจิ้งจอกอย่างลึกล้ำ สายตาแสดงถึงการครุ่นคิด


ราชาจิ้งจอกขมวดคิ้ว “กระดิ่งหุนหยวน? ที่ท่านเอ้อร์จู่ซือ?” เขารวบรวมความคิด รู้สึกว่าต่อหน้าหุนคุนแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกว่าจะทำให้สำเร็จ จึงพูด “เพียงแค่นำมันมา ท่านก็จะรับปาก?”


“ไม่ผิด” ลู่ยาพยักหน้า “เจ้าเพียงแค่นำมันมาให้ข้า ข้าก็จะรับ”


ราชาจิ้งจอกกระตือรือร้น “รับทราบ! เช่นนั้นอีกไม่กี่วันนี้ข้าจะไปเยี่ยมท่านเอ้อร์จู่ซือ!”


ลู่ยายิ้มอย่างพอใจ “เด็กดี”


มู่จิ่วอยู่ด้านนอกเห็นพวกเขาแต่ละคนเดินยิ้มน้อยๆ ออกมาก็อดใจสั่นไม่ได้


ระหว่างทางกลับนางไม่ได้พูดอะไรเลย จนใกล้ถึงประตูสวรรค์แดนใต้แล้วนางจึงรวบรวมความกล้าถามเขา “เอ่อ จิ้งจอกเงินกับเหล่าลิ่วตระกูลจิ้งจอกขาวเหอเจ๋อแท้จริงแล้วมีเรื่องอะไรกัน?”


ลู่ยาร้องอ้อ พูดว่า “แต่ก่อนมีคนพูดว่าซู่เกาบุตรลำดับที่หกของตระกูลจิ้งจอกงดงามหาใดเปรียบ เอามาเทียบกับเส่าชิง เส่าชิงไม่เชื่อ จึงแอบไปที่เหอเจ๋อเพื่อพิสูจน์จริงเท็จ ผลคือทั้งสองชอบพอกัน ทำให้ราชาจิ้งจอกโกรธจนไปจับเส่าชิงกลับมาจากเหอเจ๋อ จากนั้นก็บังคับให้ตระกูลจิ้งจอกขาวส่งซู่เกาไปให้จักรพรรดิจื่อเวย”


ใจของมู่จิ่วเต้นมาถึงคอแล้ว ที่แท้ตระกูลมู่หรงก็มีความชอบพิสดารแบบนี้…


พูดเช่นนี้เมื่อครู่ที่พวกเขาทั้งสองเข้าไปแล้วยังดึงม่านปิด แท้จริงก็ไม่ปกติแล้ว?


ลู่ยาคนนี้! นางยังเข้าใจไปว่ารสนิยมทางเพศเขาปกติเสียอีก!


หลังจากเข้าประตูสวรรค์แดนใต้ก็มุ่งตรงกลับไปยังหอวิหคแดง บางทีอาฝูคงดมกลิ่นพวกเขาได้ กัดขากางเกงเสี่ยวซิงลากไปยังประตูลานบ้าน


เสี่ยวซิงกำลังยุ่งอยู่กับการต้มเนื้อให้เขา เดิมทีไม่คิดจะไป แต่กลัวว่ากางเกงจะถูกกัดจนเสียหาย จึงวางตะหลิวลงแล้วออกไป เพิ่งถึงต้นท้อในลานบ้าน ก็เห็นมู่จิ่วกับลู่ยาเดินตามกันเข้ามา! “เสี่ยวซิง! อาฝู!” มู่จิ่วพุ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น มือหนึ่งกอดตัวหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อิ่นเสวี่ยรั่วที่เรือนทางใต้ตกใจ


“กลับมาแล้วหรือ” นางพูด ท่าทางยังนิ่งสงบแบบเดิม


แต่มู่จิ่วชินนานแล้ว อย่างไรขอเพียงแค่เป็นคนดี มีโลกทัศน์ปกติ เจ้าชอบหยิ่งผยองขนาดไหนนั่นก็คือเรื่องของเจ้า! ดังนั้นจึงตอบนางกลับไป “ใช่แล้ว! ไปนานหน่อย รู้สึกราวกับออกไปครึ่งเดือนเลย!”


มุมปากอิ่นเสวี่ยรั่วยกขึ้น เหมือนกับยิ้มน้อยๆ


ทักทายกันเรียบร้อย เสี่ยวซิงกำลังจะลากมู่จิ่วเข้าเรือนไปดื่มชา พลันหันหน้าไปเห็นด้านหลังยังมีคนประสานแขนเสื้อมองนางไม่หยุด จึงอดถามไม่ได้ “นี่คือใคร?”


“อ้อ ซ่างกวนสุ่น” มู่จิ่วหันไปมองเล็กน้อย จากนั้นก็ชี้ไปทางเรือนตะวันออก เอ่ยว่า “ซ่างกวนสุ่นอยู่กับอาฝูแล้วกัน”


“อะไรนะ?!” ซ่างกวนสุ่นกำลังจะทำท่ารังเกียจใส่ มู่เสี่ยวซิงกลับชิงกระโดดขึ้นมาก่อน “ลานบ้านของพวกเรายังมีคนมาอีก?!”


และยังเป็นนกเหม็นโฉ่ที่มองนางเป็นลูกเจี๊ยบอีกด้วย? เข้าใจผิดหรือไม่? มู่จิ่วคิดจะเปลี่ยนลานจื่อหลิงนี่เป็นสวนสัตว์หรือ!


“นี่ กระต่าย เจ้าต้องรังเกียจแขกขนาดนี้เลย?” ซ่างกวนสุ่นประท้วงขึ้นมา “สถานที่โกโรโกโสของพวกเจ้าเช่นนี้ ห้องครัวของบ้านพวกเราห้องเดียวยังใหญ่กว่า หากไม่ใช่เพราะข้าต้องสืบคดีเขาเนินอาราม เจ้าเชิญข้าข้าก็ไม่มา!”


พูดจบก็หมุนตัวเข้าเรือนทางตะวันออกไป


ถึงแม้อาฝูจะมีคำสั่งของมู่จิ่วอยู่ แต่เห็นอาณาเขตถูกครอบครอง ก็ยังอดไม่ได้เดินตามเข้าไป


แต่ละคนกลับเรือนตนเองไป ลู่ยาต้องการอาบน้ำ เสี่ยวซิงรินชาให้มู่จิ่ว มู่จิ่วเลี่ยงไม่ได้ที่จะถามเรื่องหลายวันที่ผ่านมานี้


ทั้งหมดนับว่าดี แต่ก็ยังมีการก่อกวน


เสี่ยวซิงพูด “เจ้าไปวันที่สอง คนแซ่หยางก็มาหาเรื่องถึงที่แล้ว ขวางอยู่หน้าประตูจนแม้แต่ข้าจะไปฟ้องที่หน่วยจัดการเรื่องทั่วไปก็ยังไปไม่ได้ ภายหลังแม่นางอิ่นกลับมา ด่าทอนาง จากนั้นก็พูดว่าจะไปแจ้งที่หน่วยให้จางเหยี่ยนซิงจวินมาจัดการ คนแซ่หยางจึงค่อยยอมจากไปพร้อมกับพูดด่า”


“นางช่างไม่ยอมวางมือจริงๆ” มู่จิ่วพูด ก่อนถาม “อาฝูไม่อยู่หรือ?”


“เขาน่ะ พอเจ้าออกไป ทุกวันก็เอาแต่หมอบอยู่บนเตียงเจ้า นอกจากตอนกินข้าวแล้วก็ขดตัวอยู่ไม่ยอมย้ายที่ ตอนคนแซ่หยางมาเขากำลังกรนอยู่ในห้อง ภายหลังข้ากับคนแซ่หยางทะเลาะกันเขาถึงออกมา แต่ในมือคนแซ่หยางกลับมีกระบี่อยู่ เขาก็เลยไม่กล้าเข้าไป”


เสี่ยวซิงทำหน้าตึงบ่นอาฝู


ไม่กล้าเข้าไป?


มู่จิ่วรู้สึกสงสัย นางเห็นด้วยตาตนเองตอนที่อาฝูต่อกรกับมู่หรงหลิวเย่ เพียงแค่ความสามารถนั้นของเขา ถึงคนแซ่หยางถือกระบี่มาสักสิบคนก็ต่อกรกับเขาไม่ได้กระมัง? ทำไมถึงได้กลัวกระบี่ด้ามเดียวของคนแซ่หยาง? แต่เสี่ยวซิงไม่พูดโกหกแน่ เช่นนั้นหรือว่าความสามารถของเขาต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมพิเศษถึงจะแสดงออกมาได้?


ทางนี้เพิ่งพูดจบ นอกประตูพลันมีเงาร่างขาวก้าวเข้ามา ลู่ยามาแล้ว


ต่อมาอาฝูกับซ่างกวนสุ่นก็วิ่งตามกันมา


ที่พูดว่าวิ่ง นั่นเป็นเพราะอาฝูกำลังไล่ตาม น่าสงสารองค์ชายเจ็ดซ่างกวนที่ปกติเป็นคนองอาจทระนง แต่ต้องเข้าไปจับแขนเสื้อลู่ยา หลบอยู่ข้างหลังเขาอย่างไม่คิดชีวิต


อาฝูหมอบอยู่บนพื้น มองดูซ่างกวนสุ่นที่โผล่ศีรษะครึ่งเดียวออกมาจากหลังลู่ยา ในลำคอยังส่งเสียงคำราม


“เกิดอะไรขึ้น?” มู่จิ่วยืนขึ้นมา


ซ่างกวนสุ่นพูด “ข้าเพียงเก็บกวาดกระดูกที่อยู่บนเตียงออกไปเท่านั้น เขาก็คำรามใส่ข้า!”


“ใครให้เจ้าไปยุ่งกับกระดูกของเขา? อาฝูเขาชอบเอาของกินไปไว้ในรัง” เสี่ยวซิงเหลือบมองเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี


เรื่องราวยุ่งวุ่นวายของคนในบ้าน นางไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 99

 

คืนเดียวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

โดย

Ink Stone_Romance

“สกปรกไปแล้ว!” ซ่างกวนสุ่นเด้งตัวขึ้นมา “จะนอนกันอย่างไร?”


“เจ้านอนบนพื้นก็หมดปัญหาแล้ว?” เสี่ยวซิงหน้านิ่ง หอบชุดผ้าห่มโยนให้เขา


เขาถูกยอกย้อนจนพูดไม่ออก ครั้นมองดูอาฝู เจ้าเสือขาวก็เอียงหัว บนใบหน้ามีความได้ใจ


มู่จิ่วยืนขึ้นมา “พวกเจ้าตามสบายนะ ข้าต้องไปที่หน่วยอีก”


หลิวจวิ้นเพิ่งกลับมาที่หน่วยพอดี กำลังรินชาแหงนหน้าดื่ม


มู่จิ่วมาถึงก็ร้องเรียกเขา ทำให้เขาเกือบสำลักจนปอดหลุดออกมา!


“เจ้าเด็กบ้า เจ้าคิดจะแย่งตำแหน่งข้าหรือ!” หลิวจวิ้นรับผ้าเช็ดหน้าที่นางส่งมาให้ด้วยความฉุนเฉียว มองนางอย่างโกรธเคืองคราหนึ่ง


มู่จิ่วหัวเราะคิกคักพลางนั่งลงตรงโต๊ะหนังสือฝั่งหนึ่ง พูดว่า “ข้ามารายงานความคืบหน้าในการไปชิงชิวครั้งนี้” พูดจบ นางก็นำม้วนคดีที่จัดการเสร็จแล้วเมื่อคืนส่งให้เขา แล้วกล่าวเสริมรายละเอียดอีกเล็กน้อย “จากปากคำของจิ้งจอกน้อย คนที่สังหารเขาเป็นคนของสวรรค์ และยังเป็นไปได้ว่าจะเป็นซิงจวินสักคน ไม่รู้ว่าใต้เท้ามีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยคนนี้หรือไม่?”


เขาเป็นเทพอาวุโสบนสวรรค์แล้ว เป็นธรรมดาที่จะรู้ชัดกว่าคนมาใหม่อย่างนางมาก


แต่หลิวจวิ้นไม่ได้ตอบในทันที หลังจากพลิกดูเนื้อหาในหน้ารายงานที่นางเขียนมาแล้ว เขากลับเอ่ยอย่างสงสัย “ในเมื่อมู่หรงรุ่ยเจี๋ยสูญเสียจิตจิ้งจอกไปแล้ว ทำไมยังฟื้นขึ้นมาได้?”


“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบชัดเจน เหล่าจิ้งจอกเก้าหางก็เหมือนไม่รู้ชัดเช่นกัน” มู่จิ่วพูด ช่วงเวลานั้นนางกำลังสลบไสลอยู่พอดี จิ้งจอกน้อยฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าตื่นอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ นางไม่ได้ใส่ใจจะสืบค้นเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อสังเกตดูจากความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของลู่ยากับราชาจิ้งจอกแล้ว เรื่องนี้สักแปดส่วนต้องเกี่ยวพันกับลู่ยา


หลังจากไปชิงชิวครั้งนี้ ยามพบเรื่องที่ไม่เข้าใจหรือน่าตกใจ ตอนนี้นางล้วนเคยชินกับการเพ่งเล็งไปที่ลู่ยาเสียแล้ว


ความจริงที่เขาแสดงออกให้เห็นต่างจากสิ่งที่มู่จิ่วรับรู้มาก ก่อนหน้าตอนอยู่ที่สวรรค์ยังไม่รู้สึก แต่เมื่อกลับมาจากการเดินทางซึ่งคล้ายการผจญภัยคราวนี้ ในสายตาของนางทั้งร่างเขาราวกับเต็มไปด้วยปริศนา


พูดง่ายๆ คือ ท้ายที่สุดแล้วเขากับจิ้งจอกเฒ่าจะมีความสัมพันธ์กันพิเศษหรือไม่นั้นไม่สนใจได้ แต่เรื่องฐานะอย่างไรนางก็ต้องทำให้ชัดเจน


หลิวจวิ้นปิดม้วนคดีลง ขมวดคิ้วนิ่งสงบอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ในเมื่อเกี่ยวพันกับสวรรค์ เช่นนั้นยากจะรับประกันเรื่องกำแพงมีหู เรื่องที่เกิดขึ้นที่ชิงชิวแม้แต่ตัวอักษรเดียวเจ้าก็ห้ามแพร่งพรายออกไป ส่วน ‘ซิงจวิน’ ที่เจ้าพูดถึง ข้าจะคอยช่วยเจ้าสอดส่อง ตัวเจ้าเองระวังอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นพอ”


เขาไม่ได้สอบถามเรื่องจิ้งจอกน้อยตื่นขึ้นมาให้ลึกลงไป คิดแล้วประสบการณ์เขาคงมาก เรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้คงเห็นมาเยอะแล้ว จึงไม่ทำให้ตกใจ


“ขอบคุณใต้เท้าที่เตือน” มู่จิ่วพยักหน้า ก่อนพูดอีก “ใช่แล้ว ซ่างกวนสุ่นก็ตามพวกเรากลับมา เขาคิดจะสืบสวนเรื่องคดีบนเขาเนินอารามไปด้วย และยังอยู่ด้วยกันกับอาฝู ดังนั้น…”


“นั่นเป็นเรื่องของพวกเจ้า!” หลิวจวิ้นพูด “สรุปคือในสามเดือนนี้เจ้าแค่คลี่คลายคดีที่ว่าให้ข้าก็พอแล้ว เมื่อเช้าคนของวังโตวลวี่ก็มาอีก พวกผู้เฒ่านี่จับจ้องพวกเราอยู่ตลอด กลัวว่าเราจะอู้งาน!”


คิดแล้วก็โกรธ ฝาถ้วยชาในมือถูกเขาบีบจนแหลกไป


มู่จิ่วรีบพูด “เช่นนั้นข้าไปแล้ว!”


ออกจากระเบียงทางเดิน มุ่งตรงไปยังประตูใหญ่ เดินผ่านสวนเห็นไม้ดอกหลากสีสันอยู่เต็ม จึงอดไม่ได้นึกถึงครั้งแรกที่เข้าหน่วยแล้วพบเจอกับสายตาเย็นชาของหลิวจวิ้น รวมทั้งหลินเจี้ยนหรูที่ช่วยนางจากวงล้อมและยังกระซิบพูดคุยกับนางที่นี่ ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเขากลับมาหรือยัง?


ในใจคิดแบบนี้ จึงก้าวเท้าขึ้นกลับหอวิหคแดง ตรงไปลานสนเขียวทางทิศตะวันออก


ตอนนี้เป็นเวลาเข้ากะ ในลานบ้านเงียบสงบอย่างมาก


มู่จิ่วมาที่นี่น้อยนัก นางดูในลานบ้านก่อนเคาะประตู “มีใครอยู่หรือไม่?”


เงียบไปครู่หนึ่ง หน้าต่างเรือนของหลินเจี้ยนหรูเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวเหี่ยวแห้ง และหลังจากสายตาปะทะเข้ากับมู่จิ่ว หน้าต่างนี้ก็ปิดลงทันใด!


“หลินเจี้ยนหรู?”


มู่จิ่วไม่รู้ว่าตนเองจำผิดหรือไม่ แต่ใบหน้านั้นทำให้นางตกใจ นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนมุ่งเดินไปทางทิศใต้ ยื่นมือไปผลักประตู แต่มันกลับลงกลอนไว้!


“หลินเจี้ยนหรู เปิดประตู!”


มู่จิ่วตบบานประตู ไม่รู้ทำไมนางถึงแน่ใจว่าคนข้างในคือหลินเจี้ยนหรู! ไม่เจอกันไม่กี่วัน ทำไมเขาถึงซูบผอมขนาดนั้น? เกิดอะไรขึ้นที่สำนักแรกพยับ? นางร้อนใจอยากรู้


เสียงตะโกนร้องดังต่อเนื่องอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดประตูก็เปิดออก หลินเจี้ยนหรูยืนยิ้มให้นางอยู่ตรงประตู “เจ้ามาได้อย่างไร”


รอยยิ้มนี้ของเขากลับทำให้นางเปลี่ยนสีหน้า! หลินเจี้ยนหรูที่แต่ก่อนสดใสกระปรี้กระเปร่า เหมือนสนเขียวที่ตั้งตรงไม่โค้งงอ แต่เขาในตอนนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว? แก้มที่แต่ก่อนสมบูรณ์กลับซูบตอบลงไป รอบดวงตาทั้งสองมีเงาดำใหญ่โอบล้อม ใบหน้าซีดเซียวราวกับคนตาย…แม้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นร่างยังโอนเอน!


“นี่เจ้าเป็นอะไร?” มู่จิ่วรีบเข้าเรือน ยื่นมือไปจับชีพจรเขา


เขาชักมือออกไป พูดว่า “ไม่มีอะไร แค่โต้รุ่งหลายคืนเท่านั้น”


“โต้รุ่ง?” ฮ่า คิดว่านางเป็นเด็กสามขวบหรือ? นางไม่พูดพร่ำทำเพลงจับแขนเขาไว้ มือหนึ่งจับชีพจร การตรวจดูครั้งนี้ทำให้นิ้วของนางเกือบหลุดจากข้อมือเขา! มีพลังแข็งแกร่งขุมหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในร่างของหลินเจี้ยนหรู พุ่งเข้ามาจนนางที่ไม่ได้เตรียมรับมือป้องกันไว้ไม่ทัน!


พูดกันตามปกติ พลังของคนผู้หนึ่งจะเพิ่มตามการบำเพ็ญหรือค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นโดยทั่วไปจะไม่ปรากฏเหตุการณ์สูญเสียการควบคุมพลังฤทธิ์ให้เห็น แต่พลังนี้ในร่างกายของหลินเจี้ยนหรูราวกับเป่าลูกโป่ง ในเวลาไม่กี่วันกลับเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า พลังบำเพ็ญอันน้อยนิดของเขาจะควบคุมได้อย่างไร?


พลังบำเพ็ญควบคุมพลังฤทธิ์ไม่ได้ มันจึงเคลื่อนไหวส่งเดชไปมาทุกทิศในร่าง สุดท้ายก็กลายเป็นเหมือนกระแสพลังที่หมุนวนในใจกลางพายุ กลืนกินเลือดลมในตัวเขาไป รูปร่างที่เหมือนกับศพเดินได้เกิดจากการผลสะท้อนกลับของพลังนี่!


“ทำไมเจ้าถึงมีพลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้?” มู่จิ่วผลุงตัวยืนขึ้นมา


“เจ้าไม่ต้องถาม” หลินเจี้ยนหรูยืนขึ้น บางทีการเคลื่อนไหวอาจจะรุนแรงไป ตอนเขาหมุนตัวจึงยังโงนเงน


มู่จิ่วเดินไปข้างหน้า มองเขาแน่นิ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าที่สำนักแรกพยับ?”


“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่ต้องถาม!” อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน ร่างกายจึงล้มลงไปกับพื้น รูจมูกมีเลือดไหลออกมาสองสาย เขาพลิกกายขึ้นนั่งให้ดี ยกมือขึ้นลูบหน้า มองจุดด่างดำที่หลังมือ จากนั้นมองดูนางที่ยืนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ค้ำยันเก้าอี้ลุกขึ้นมา “ขอโทษ”


เขาไม่อยากใส่อารมณ์กับนาง


ในโลกใบนี้ นางเป็นคนหนึ่งที่เขาไม่คิดจะหยาบคายใส่ที่สุด


แต่เขาก็ไม่ยินยอมให้นางเห็นตนเองในสภาพดูไม่ได้แบบนี้ นี่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองตกต่ำและสกปรก ไม่มีหนทางเยียวยา


“หากข้าไม่ถาม จากนั้นก็ดูเจ้าถูกพลังกลืนกินจนตายเช่นนี้หรือ?” มู่จิ่วโกรธบ้างแล้ว มือขวาเร็วดุจสายฟ้า พริบตาเดียวก็สกัดจุดบนร่างเขาเจ็ดแปดจุด “บอกข้ามาก่อน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มิฉะนั้นข้าจะส่งเจ้าไปหาใต้เท้าหลิว ให้เขาตรวจสอบชีพจรของเจ้าอย่างชัดเจน!”


หลินเจี้ยนหรูขยับไม่ได้ ยืนอยู่ระหว่างอากาศกับนางอยู่นาน ก่อนจะหลุบตาลง

 

 

 


ตอนที่ 100

 

มีคนใกล้จะตาย

โดย

Ink Stone_Romance

“ข้าสังหารหลินเซี่ยแล้ว”


“อะไรนะ?!”


มู่จิ่วแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินความจริงตรงๆ เช่นนี้ก็ยังตกตะลึง!


“หลินเซี่ยถูกจิ้งจอกชิงชิวทำร้าย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เจ้าสำนักใช้มหาโอสถทองอันมีค่าของสำนักกับเขาเพื่อรักษาจิตต้นกำเนิด ข้าอาศัยตอนไม่มีคนในห้อง เข้าไปบีบบังคับเอามหาโอสถทองมา จากนั้นกลัวเขาจะแพร่งพรายเรื่องจริง จึงทำลายจุดตันเถียนของเขาจนแหลกละเอียด ภายหลังข้าทิ้งขนของจิ้งจอกแดงที่นอกต้าหนิงนั้นไว้ริมหมอน แล้วกินมหาโอสถทองเข้าไป สภาพจึงกลายเป็นแบบนี้”


เขาเอ่ยพลางมองไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง


มู่จิ่วสับสนอยู่นานถึงค่อยรวบรวมสติกลับมาได้ ที่แท้เขาเป็นคนสังหารหลินเซี่ย ไม่ใช่มู่หรงหลิวเย่จริงๆ เขากลับหลอกทุกคน จากนั้นยังโยนเรื่องไปให้ชิงชิว!


“ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้?” มู่จิ่วยืนขึ้นมา “เจ้ารู้ไหมว่าทำอย่างนี้เกือบจะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดไหน?!” นางรับได้เรื่องที่เขาเอาคืนสำนักแรกพยับ แต่นางรับไม่ได้ที่เขาสังหารคนแล้วยังป้ายสีผู้อื่น แบบนี้มิใช่ต่ำช้าเกินไปหรือ? เช่นนี้ต่างกับพวกจีหย่งฟางเหลียงชิวฉานที่รังแกเขาอย่างไร?


“ข้าเป็นแบบนี้มาแต่แรก”


เขาตอบเรียบๆ จากนั้นก็ละสายตากลับมาบนใบหน้านาง “ข้าเป็นคนที่หากไม่ถึงเป้าหมายจะไม่หยุดมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยหวังเรื่องปีนถึงตำแหน่งสูงแค่ไหน และก็ไม่เคยคิดจะเป็นเทพเซียนที่ยอดเยี่ยม ข้าเพียงแต่ต้องการความสามารถบางอย่างเพื่อช่วยแม่ข้า จากนั้นก็เลื่อนเป็นเซียนแล้วออกจากสำนักแรกพยับ”


“แต่ความจริงกับสิ่งที่หวังผิดกันนัก บนโลกใบนี้มักมีคนบางคนไม่ต้องการให้ทางเดินชีวิตแก่ข้า ข้าฝากความหวังทั้งหมดไว้กับการเลื่อนขั้น แต่ความจริงกลับตีแสกหน้าข้าโดยพลัน เพื่อกลั่นแกล้งข้า เพื่อกลั่นแกล้งข้าให้หลินเซี่ยดู ตอนนั้นที่จีหมิ่นจวินชำระล้างรากฐานวิญญาณให้ข้า นางจงใจไม่ชำระล้างให้สะอาด ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ข้าจึงหยุดอยู่ที่ขั้นจู้จี”


“ข้าก็เป็นคน ข้ากล้ำกลืนความเกลียดแค้น ยอมรับการดูหมิ่นดูถูกจากสำนักแรกพยับมาตลอดสี่ร้อยปี ไม่ใช่เพราะว่าข้าเป็นพวกไร้ค่าโดยกำเนิด แต่เพราะข้ามีความมุ่งมั่นของตน ข้ารู้ดีว่าข้ามผ่านพวกเขาไม่ได้ จึงเลือกได้เพียงแค่อดทน แต่คราวนี้ข้าไม่คิดจะทนแล้ว รากฐานวิญญาณของข้าไม่สะอาด ไม่รู้ปีไหนเดือนไหนจึงจะสามารถเลื่อนขั้น ข้าช่วยแม่ข้าไม่ได้ แล้วยิ่งไม่มีทางทำให้นางมีชาติต่อไปที่สงบ”


ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าของเขาราบเรียบ เหมือนกับกำลังเล่าเรื่องๆ หนึ่งอยู่ แม้แต่ความเศร้าโศกยังต้องมองลึกเข้าไปในสายตาจึงจะรู้ได้


มู่จิ่วอดไม่ได้เดินขึ้นไปข้างหน้า “ดังนั้นเจ้าเลยสังหารเขาด้วยความเกลียดชัง?”


“ไม่ใช่ด้วยความเกลียดชัง” เขาส่ายหน้า “หากความเกลียดชังของข้าชัดเจนขนาดนี้ ข้าก็อาจจะอยู่มาไม่ถึงวันนี้ พวกจีหมิ่นจวินวางใจให้ข้าอยู่ข้างกาย เพราะมองว่าข้าเป็นสวะไร้ค่า ในสี่ร้อยปีของการขัดเกลานั้น ความเกลียดของข้าได้ถดถอยไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอกที่ทำให้ข้าลงมือสังหารเขา”


“ถ้าเช่นนั้นเพราะเหตุใด?”


มู่จิ่วไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่บ้าง นางยอมรับว่านางไม่เคยผ่านประสบการณ์ซับซ้อนแบบหลินเจี้ยนหรู บางครั้งจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา แต่เพื่อความแค้นแล้วยอมละทิ้งความเป็นคน แบบนี้ดีแล้วจริงหรือ? สังหารหลินเซี่ย สร้างความบางหมางระหว่างชิงชิวและแรกพยับ เขารู้หรือไม่ว่าหากหลังจากนี้ชิงชิวสืบพบ ผลลัพธ์ของเขาจะออกมาน่าเศร้าขนาดไหน?


“หลินเซี่ยกับทั้งสำนักแรกพยับให้ข้าเพียงแค่ความเจ็บปวดและความอัปยศ มาวันนี้มหาโอสถสามารถรักษาจิตต้นกำเนิดของข้าไว้ได้พันปี ทำไมต้องพลาดโอกาสดีๆ เล่า? ข้าสังหารหลินเซี่ยเพราะหากไม่สังหารเขา รอจนเขาตื่นขึ้นมาต้องชี้ตัวข้าแน่ ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องตนเอง ข้ายังคิดจะยืนหยัดต่อไป ตัวข้าอดทนมาสี่ร้อยปีแล้ว ไม่อาจวางมือไปแบบนี้ได้!”


“แต่เดิมเขาก็ติดค้างชีวิตแม่ข้า วันนี้ได้ใช้คืนแล้ว ไม่นับว่าอยุติธรรม”


เลือดสดๆ ไหลออกมาจากจมูกของเขาอีก สายตาของเขาดูแล้วพร่าเลือนอยู่บ้าง


มู่จิ่วทำใจให้นิ่ง รีบนั่งลงไป ลองใช้พลังฤทธิ์ช่วยเขาบรรเทา แต่กลับไม่มีประโยชน์! พลังกล้าแกร่งนี้เกือบจะเข้าใกล้พลังที่แต่เดิมนางมีอยู่ ยามนี้นางยังถูกผนึกพลังไปหนึ่งพันปี จะทำให้ทุเลาลงได้อย่างไร?


นางขมวดคิ้วแน่น ถามเขาอีก “เรื่องนี้เจ้าได้บอกคนอื่นไปหรือไม่?”


เขาส่ายหน้า “ข้าจะบอกคนอื่นได้อย่างไร?”


พูดจบเขาก็โอนเอน ปิดดวงตาแน่นก่อนเปิดออก “เกรงว่าข้าคงไม่มีทางทำคดีนี้กับเจ้าได้แล้ว ถึงแม้หวังว่าจะได้เข้าร่วมด้วยอย่างมาก มู่จิ่ว ข้ายอมรับว่าตอนแรกที่เข้าหาเจ้า นอกจากจะรู้สึกขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าแล้ว ยังถูกใจความสามารถของเจ้า ข้าคิดจะติดตามเจ้า สร้างผลงานอยู่บนสวรรค์และเลื่อนตำแหน่ง ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจขนาดนี้ต้องประสบความสำเร็จแน่ แต่ตอนนี้ข้ากลับทำไม่ได้แล้ว”


“หยุดพูดมากได้แล้ว” มู่จิ่วจิตใจสับสน “ข้าจะไปตามลู่หยามาช่วยเจ้า เขาต้องมีวิธีแน่!”


“อย่าไป!” หลินเจี้ยนหรูจับนางไว้ ถอนหายใจ จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเลือด มองนางพลางเอ่ยว่า “อย่าไป”


“ทำไม?”


“…ไม่มีอะไร”


มู่จิ่วงุนงง ถึงแม้บางครั้งลู่หยาใจร้ายไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็เป็นคนที่น่ารักมาก นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธ


หลินเจี้ยนหรูมองนาง อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายก็ผินหน้าไป จากนั้นยิ้มบางๆ “ที่จริงข้าก็ไม่ได้สาหัสขนาดนั้น ทนอีกหน่อยเดี๋ยวก็ดี เมื่อคืนก็เป็นแบบนี้ ภายหลังเลือดจะหยุดไปเอง”


เขาไม่ชอบลู่ยา เพราะรังเกียจที่จะเห็นคนผู้นั้นยืนข้างนางในฐานะคู่หมั้นด้วยท่าทางหยิ่งผยอง


ถึงแม้จะเป็นเรื่องโกหก เขาก็ไม่ชอบ


มู่จิ่วมองเขา ฉับพลันมือก็ฟาดลงไปที่หลังคอเขา รอจนเขาสลบล้มลงไปกับพื้น นางจึงชักเท้าออกจากประตูไป!


ลู่ยาอาบน้ำเสร็จ และกำลังอาบแดด


ผมสีดำเปียกชื้นรวบไว้อย่างลวกๆ เท้าหนึ่งพาดไว้บนราวจับ มือหนึ่งเก็บดอกท้อ ท่าทางยามทอดกายอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวทำให้เขาดูแล้วงดงามราวกับภาพวาด ผีเสื้อหลายตัวบนต้นไม้ต่างเข้าแถวหยุดอยู่ที่กิ่งไม้ คล้ายมองเขาจนเหม่อลอย


มู่จิ่วกลับไม่มีเวลาชื่นชมภาพความงามนี้ นางรีบร้อนพุ่งเข้ามา เห็นคนที่นางตามหากำลังนั่งอยู่ใต้ระเบียง ก็ตรงเข้าไปด้านหน้าเขา “รีบตามข้ามา มีคนกำลังจะตายแล้ว!”


ลู่ยาถูกนางดึงให้ลุกขึ้น จากนั้นเดินอย่างสง่างามไปถึงลานสนเขียวทางตะวันตก


หลินเจี้ยนหรู? ลู่ยาดิ้นหลุดจากมือนาง หมุนศีรษะคิดจะกลับไป


มู่จิ่วรีบดึงเขากลับมา “เจ้าไปดูหน่อย คนเขากินยาผิด พลังหมุนโคจรอยู่ทั่วต้าโจวเทียน (มหาจักรวาลในร่างกาย) ใกล้จะตายแล้ว!”


ลู่ยากำลังจะพูด กลางอากาศพลันมีเมฆครึ้มค่อยๆ ก่อตัว ลมกรรโชกตามมา และรวมตัวอยู่บนอากาศทางใต้อย่างช้าๆ เขาจึงหยุดเท้าลง จากนั้นร่างกายก็สั่นวูบไหว กระโดดเข้าไปในห้องหลินเจี้ยนหรูอย่างรวดเร็ว!


หลินเจี้ยนหรูที่สลบอยู่บนพื้นในห้อง ปากจมูกยังคงมีเลือดไหล มือเท้าทั้งสี่กำลังสั่นเทา แม้แต่ลมหายใจยังมีราวกับไม่มี!


“พลังเขาปั่นป่วนกระตุ้นด่านเคราะห์อสุนีบาต นี่คือการฝืนเลื่อนขั้นแล้ว!” เขาพูด


“ฝืนเลื่อนขั้น?” มู่จิ่วตกใจ “ท่าทางเขาแบบนี้จะเลื่อนขั้นอย่างไร? นี่ถึงตายเลยไม่ใช่หรือ?!”


ลู่ยาไม่พูดอะไร ยื่นมือออกมาหยุดหน้าหลินเจี้ยนหรู ต่อมาเหนือศีรษะก็มีอสุนีบาต ตามมาด้วยแสงสายฟ้าฟาดลงมาที่หลังมือเขา! แสงสายฟ้านี้ช่างแยงตา เปรียบกับด่านเคราะห์อสุนีบาตที่มู่จิ่วเคยเจอมาแล้วยิ่งแสบตาและแปลกประหลาดมากกว่า ทำให้นางมองแล้วต้องยกมือขึ้นมาป้องกันดวงตาไว้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)