ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 888-889
ตอนที่ 888 วิชาพันธสัญญามาร
ปีศาจพันมายาเห็นว่ามีหวังแล้ว บนใบหน้าจึงเค้นรอยยิ้มออกมาอีก เขากำลังจะเอ่ยเงื่อนไขออกมาอีก ทันใดนั้นด้านหลังก็มีคลื่นไหวกระเพื่อม เงาดำยาวเรียวเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วแทงเข้าใส่แผ่นหลังของเขาโดยที่เขาไม่ทันระวังประหนึ่งสายฟ้าแลบ ซัดเขาเซไปข้างหน้าทันที พร้อมกันนั้นบนแผ่นหลังก็มีสีดำเข้มลอยออกมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นคาวที่แผ่ออกมา
“อ้าก!”
ปีศาจพันมายาร้องอย่างเจ็บปวด แสงสีดำบนร่างส่องสว่างก่อตัวเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่งในพริบตาแล้วฟาดรุนแรงออกไป
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง เงาดำที่ปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าด้านหลังถูกมือใหญ่ของเขาโจมตีทั้งที่กั้นกลางด้วยอากาศจนปลิวออกไป
เงาดำยาวเฟื้อยนี้เห็นชัดว่าคือหางโค้งยาวเส้นหนึ่ง ผู้ที่ถูกฟาดปลิวออกไปไม่ใช่แมงป่องกระดูกแล้วยังจะเป็นใครได้อีก?
“เจ้า! ถึงกับแอบสั่งให้อสูรเลี้ยงลอบจู่โจม ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!” ปีศาจพันมายามองมาทางหลิ่วหมิงอย่างเคียดแค้น ความรู้สึกชาหนึบแผ่ขยายจากแผ่นหลังอย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าพิษของแมงป่องกำลังแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
เขารีบกระตุ้นพลังเวทในร่างสร้างปราณดำชั้นหนึ่งเป็นเกราะปกป้องแผ่นหลัง ปราณดำไหลเคลื่อนอย่างเร็วไว สุดท้ายจึงฝืนกดปราณพิษไว้ได้
หลิ่วหมิงกลับมีสีหน้าตกตะลึง จากนั้นเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ผู้ที่ลอบจู่โจมปีศาจพันมายาคือเซียเอ๋อร์ก็จริง แต่เขาไม่ได้สั่ง
เขาเพ่งจิตสื่อสารกับแมงป่องกระดูกที่ถูกโจมตีปลิวออกไปเล็กน้อยจึงเข้าใจได้คร่าวๆ
เมื่อครู่เซียเอ๋อร์ไม่ทันระวังถูกปีศาจพันมายาซัดปลิวออกไปต่อหน้าหลิ่วหมิงจึงคิดแค้นอยู่ในใจ ดังนั้นนางจึงฉวยช่องว่างที่ปีศาจพันมายาสนทนากับหลิ่วหมิงอยู่แอบเข้ามาหาอย่างเงียบเชียบและลอบจู่โจมดั่งอสนีบาต
ส่วนเนื้อหาที่ปีศาจพันมายากับหลิ่วหมิงสนทนากัน เซียเอ๋อร์กลับไม่ได้สนใจ
หลังจากหลิ่วหมิงเข้าใจต้นสายปลายเหตุก็ถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นสายตาก็เย็นเยียบขึ้นมา เขายกมือขึ้นสะบัดอย่างไม่มีความลังเลใดๆ อีก ปราณดำบนร่างพลุ่งพล่านทะลักออกมา
ปีศาจพันมายาเห็นการเคลื่อนไหวของหลิ่วหมิง ขณะที่โกรธจัดก็พรั่นพรึงอยู่บ้าง ระหว่างที่พยายามกดการแพร่กระจายของพิษต่อก็เผยสีหน้าดุร้ายออกมาในเวลาเดียวกัน เขาอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงบนธงกระดูก
หลังจากธงกระดูกสีดำดูบซับโลหิตบริสุทธิ์ไปก็ถูกย้อมเป็นสีเลือดแดงก่ำอย่างรวดเร็ว มันส่องแสงกะพริบทว่าไม่ขยายใหญ่ขึ้น กลับหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าฝ่ามือ
ปีศาจพันมายาอ้าปากอย่างเร็วไวอีกครั้งจากนั้นสูดธงกระดูกสีเลือดเข้าไปในปากทันที เขากัดธงกระดูกดังกรอบจนแหลกแล้วกลืนลงไปในคำเดียว
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น!
ทันใดนั้นไอหมอกสีแดงดำก็พวยพุ่งออกมาจากในร่างของปีศาจพันมายาแล้วหุ้มทั้งร่างของเขาเข้าไปด้านในอย่างเร็วไว
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจพลันรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาเพ่งสายตามอง
เห็นเพียงใจกลางหมอกสีแดงดำนี้บรรจุไอปีศาจบริสุทธิ์อันเข้มข้นไว้ มีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมาจากกลางไอหมอกแต่ไม่รู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทันใดนั้นไอหมอกสีแดงดำก็ไหลเคลื่อนอย่างรุนแรงแล้วหมุนวนแผ่วเบาล้อมรอบร่างปีศาจพันมายาไว้ จากนั้นก็จมหายเข้าไปในร่างเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้งประหนึ่งวาฬยักษ์ดูดน้ำ
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ตั้งแต่ต้นจนจบกินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
หลังจากหลิ่วหมิงเห็นหน้าตาของปีศาจพันมายาชัดอีกครั้ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้
เส้นผมสีดำของอีกฝ่ายรวมถึงดวงตาทั้งสองข้างล้วนกลายเป็นสีแดงดุจโลหิต ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าของร่างเดิม บนผิวหนังก็ปรากฏลวดลายมารสีดำประหลาดดวงแล้วดวงเล่าแผ่อยู่ทั่ว เส้นเลือดเต้นกระตุกไม่หยุดอยู่ใต้ผิวหนัง แลดูดุร้ายยิ่งนัก
สองแขนของเขากลายเป็นกรงเล็บผีสีดำ ปลายนิ้วมีเล็บแหลมยาวที่ทอประกายมืดมัวงอกออกมา ส่วนสองขาก็กลายเป็นอุ้งเท้าอินทรีสีดำสนิท
ปีศาจพันมายาในเวลานี้ไม่เพียงมีไอปีศาจซึ่งบริสุทธิ์และเข้มข้นวนเวียนอยู่รอบร่าง แรงกดดันจิตวิญญาณบนร่างก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เกือบหนึ่งเท่ากว่า
“ตอนนี้ข้าผสานธงพันธสัญญามารพันวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกับกายเนื้อแล้ว วิชาพันธสัญญามารเสร็จสมบูรณ์ เจ้าหนู เจ้าเอาชีวิตมาเสีย!” ปีศาจพันมายาสองมือกำแน่นเป็นหมัดแล้วแหงนหน้าหัวเราะดังลั่น
หลิ่วหมิงสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเลิกคิ้วเรียว สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าค่อยๆ กลับมานิ่งสงบดังเดิม
“ข้าจะให้เจ้าชดใช้ที่ดูถูกผู้อื่น!”
ปีศาจพันมายาเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะอย่างโกรธจัด เขาก้าวพรวดไปข้างหน้า ยื่นมือตะปบอากาศ ไอปีศาจหนาทึบรอบร่างรวมตัวกันกลายเป็นกรงเล็บยักษ์สีแดงดำขนาดสิบกว่าจั้งข้างหนึ่งแล้วตะปบรุนแรงเข้าใส่หลิ่วหมิง
จุดที่กรงเล็บมารตวัดผ่าน ทิ้งรอยสีดำลึกเส้นหนึ่งไว้กลางอากาศประหนึ่งจะฉีกมิติบริเวณใกล้ๆ ให้ขาดออก
ใบหน้าของหลิ่วหมิงยังคงเรียบเฉย แต่พลังเวทในทะเลจิตวิญญาณภายในร่างกลับรวมตัวกันไปที่เหนือหัวไหล่ขวา ท่ามกลางปราณดำที่วนล้อม บนแขนปรากฏเกล็ดสีม่วงเข้มขึ้นมาชั้นหนึ่ง
“ไปตายเสีย!”
ปีศาจพันมายาส่งเสียงน่าขนลุกออกมา ขณะที่กรงเล็บมารอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไม่ถึงสองสามจั้งนั่นเอง บนผิวก็พลันมีอัคคีมืดสีดำชั้นหนึ่งผุดออกมา ปราณมืดประหลาดสายหนึ่งแผ่ออกมาพร้อมกับที่เพิ่มพลังขึ้นอีกหลายส่วน
ในเวลานี้เองหลิ่วหมิงก็ยกแขนขวาขึ้น เหวี่ยงฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างดุดัน มังกรหมอกห้าตัวโถมออกมาบินวนกลางอากาศแล้วก่อตัวเป็นมือใหญ่สีดำสนิทขนาดสิบกว่าจั้งข้างหนึ่ง ปะทะกับมือมารที่ปีศาจพันมายาเสกออกมาเสียงดังสนั่นในทันใด
“บึ๊ม” เสียงทุ้มหนักราวกับไม้ผุหักโค่นดังขึ้นกลางอากาศ!
จุดที่ฝ่ามือสองข้างสัมผัสกัน ปราณดำดุร้ายแผ่เป็นวงพุ่งกระจายออกไปสี่ด้านแปดทิศแทรกสลับกับอัคคีมืดดวงแล้วดวงเล่า
สองฝ่ายยื้อกันอยู่กลางอากาศชั่วขณะ ท่าทางสูสีคู่คี่
ทันใดนั้นเหนือหัวไหล่ของหลิ่วหมิงก็ส่องแสงสีน้ำเงิน เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งลอยออกมาแล้วทอประกายระยิบระยับ จมลงไปในมือใหญ่สีดำที่เกิดจากวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬอย่างเร็วไว
มือใหญ่สีดำฉับพลันมีแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่งปกคลุม หลังจากส่องสว่างเล็กน้อย แรงดูดมหาศาลสายหนึ่งก็โถมบ้าคลั่งออกมาจากกลางฝ่ามือ หลังจากส่งเสียงดัง “ฟึบ” ก็ดูดอัคคีมืดฝั่งตรงข้ามทั้งหมดเข้าไป
มือใหญ่สีดำราวกับได้กินอาหารเสริม พริบตาเดียวก็ส่องสว่างขยายพรวดขึ้นหลายเท่าจนมีขนาดถึงยี่สิบกว่าจั้ง บนผิวเปล่งแสงสีน้ำเงินสว่าง
ปีศาจพันมายาเห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงหน้าถอดสี ปากตะโกนเสียงประหลาดคำหนึ่ง สองมือกดลงเบื้องล่าง กระตุ้นให้ฝ่ามือมารมหึมาทอแสงสีดำเรืองๆ บนผิว อัคคีมืดกองโตทำท่าจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันยิ้นหยัน ห้านิ้วออกแรงกำอากาศ ทันใดนั้นห้านิ้วของมือใหญ่สีดำก็พลันหุบเข้าหากันด้วย
ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปัง” ทีหนึ่ง!
มือมารสีดำบดขยี้มือมารของปีศาจพันมายาจนแหลกสลายเป็นปราณดำสายแล้วสายเล่าลอยกระจายออกไปอย่างเชื่องช้า
ปีศาจพันมายาถูกแรงสะท้อนของวิชาจนร่างกายสะเทือนอย่างรุนแรง พ่นเลือดคำหนึ่งออกมา
“ไม่…เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นถึงฝ่ามือมืดมารลี้ลับที่สร้างขึ้นมาจากพลังแห่งพันธสัญญามาร จะถูกเจ้าทำลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร!” ปีศาจพันมายาตกตะลึง ชั่วครู่ให้หลังถึงได้สติกลับมา เขาตวาดด้วยความตกตะลึงและเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด สองตาที่แดงดั่งโลหิตเต็มไปด้วยแววตาบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงหัวเราะร่า พลางกระตุ้นเคล็ดวิชาในมือ ปราณดำบนร่างพวยพุ่งออกมา มือยักษ์สีดำที่กำเป็นหมัดอยู่กลางอากาศกางออกช้าๆ แล้วคว้าเข้าไปด้านหน้าตรงที่ปีศาจพันมายาอยู่อีกครั้ง
ปีศาจพันมายาเห็นภาพนี้พลันหน้าถอดสี เขากัดฟัน สองมือตะปบอากาศอย่างต่อเนื่อง
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
เงากรงเล็บสีดำแดงขนาดหนึ่งจั้งกว่าข้างแล้วข้างเล่าปรากฏรอบตัวปีศาจพันมายามากมายถึงสิบกว่าข้าง ทั้งหมดตะปบอย่างรุนแรงเข้าใส่มือยักษ์สีดำ
หลิ่วหมิงคิ้วขมวด ปากท่องมนตร์อย่างรวดเร็วแล้วสะบัดมือ ทันใดนั้นแสงสีน้ำเงินก็ส่องสว่าง เคล็ดวิชาสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในมือใหญ่สีดำ
“มอ” เสียงวัวกู่ร้องดังลอยมา
ใจกลางฝ่ามือยักษ์สีดำมีแสงสีน้ำเงินฉายสว่าง เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งลอยออกมาจากตรงกลาง เมื่อกีบเท้าสี่ข้างขยับ มันก็กลายเป็นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไป
เงาว่องไวปานสายฟ้าลากเงาเลือนรางเส้นแล้วเส้นเล่าทิ้งไว้เบื้องหลัง ประหนึ่งมีแสงอสนีบาตสีน้ำเงินหลายสายพุ่งทะลวงผ่านท้องฟ้าไป
พริบตาเดียวแสงสีน้ำเงินก็แล่นผ่านเงากรงเล็บสีดำแดงทั้งหมด เช่นเดียวกับเมื่อครู่ อัคคีมืดบนมือมารทั้งหมดหายไปในพริบตา
เงาวัวสีน้ำเงินคำรามแผ่วเบาอีกครั้งก็บินวนกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วบินพุ่งกลับไปหาหลิ่วหมิง
ห้านิ้วของฝ่ามือยักษ์สีดำสั่นน้อยๆ คลื่นล่องหนสายแล้วสายเล่าก็โถมออกมากำจัดมือมารสีดำแดงซึ่งสูญเสียอัคคีมืดที่สนับสนุน จนพวกมันกลายเป็นปราณดำผืนใหญ่ลอยกระจายหายไป
“ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้…” ปีศาจพันมายาเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบพร่า
หลิ่วหมิงสะบัดแขนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฝ่ามือยักษ์สีดำตบเสียงดังกึกก้องเข้าใส่ปีศาจพันมายา
เสียงเปรี้ยงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน!
ปีศาจพันมายาตกตะลึงและพรั่นพรึง สองแขนสะบัด ลำแสงสีดำสนิทเส้นหนึ่งก็พุ่งรวดเร็วออกมาจากมือ ต้านฝ่ามือยักษ์ที่ร่วงลงมาเอาไว้
“อ้าก อ้าก…”
เมื่อครู่เขาใช้วิชาลับพันธสัญญามารอย่างต่อเนื่องจึงเสียพลังเวทไปค่อนข้างสาหัส เวลานี้เขาแหงนหน้าคำราม กล้ามเนื้อบวมเป่งทั้งร่างขยับรีดเร้นพละกำลังทุกหยาดหยดในร่างถึงต้านฝ่ามือยักษ์ที่ร่วงลงมาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
สายตาหลิ่วหมิงเปล่งประกาย ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งพลันปรากฏตัวเบื้องหลังปีศาจพันมายาประหนึ่งภูตพราย
จากนั้นแผ่นหลังของเขาก็ทอแสงสีเงิน หนวดของปีศาจสมุทรแปดขาเส้นหนึ่งยื่นออกมา
หนวดของปีศาจสมุทรสะบัดเล็กน้อยก็กลายเป็นฝ่ามือสีเงินข้างหนึ่ง แสงสีเงินส่องสว่างกลางอากาศ หลังจากส่งเสียงดัง “ฟึบ” ฝ่ามือก็ลากรอยสีเงินอ่อนเป็นทางยาวพุ่งทะลวงผ่านท้องน้อยของปีศาจพันมายาในพริบตา
เหตุพลิกผันครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วดั่งเหยี่ยวโฉบกระต่าย ตั้งแต่ต้นจนจบเวลาผ่านไปเพียงลมหายใจเดียว!
เฟ่ยอี๋ผู้มีฉายาว่าปีศาจพันมายาก้มศีรษะมองตรงท้องน้อยอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อทะเลจิตวิญญาณถูกแทงทะลุ แสงสีดำบนร่างก็หม่นแสงลงอย่างรวดเร็วทันที ร่างกายหดเล็กลงอย่างช้าๆ ประหนึ่งลมรั่ว
“เปรี้ยง” ฝ่ามือยักษ์สีดำกลางอากาศร่วงลงมาพร้อมกับพลังที่จะทำลายทุกสิ่ง
ผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่กำแพงเมืองที่อยู่ห่างไปหลายร้อยจั้งก็ยังสั่นสะเทือนหนักหน่วง ฝุ่นควันนับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทั่วทุกสารทิศ บนผืนดินมีหลุมลึกมหึมาหลุมหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ตรงก้นหลุมมีร่างคนสีเลือดร่างหนึ่งทอดกายอยู่
เมื่อฝุ่นควันสลายไปสิ้น ในที่สุดร่างกายปีศาจพันมายาก็ปรากฏชัด แต่ทั้งร่างกลายเป็นเลือดเนื้อเละเทะแน่นิ่ง กระดูกก็เหมือนจะแตกหักจนนับไม่ถ้วน
หลิ่วหมิงร่อนลงข้างกายเขาช้าๆ ด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
“เป็น…ไปไม่ได้…ข้าฝึกวิชาพันธสัญญามารสำเร็จแล้ว…จะแพ้ได้อย่างไร…”
ร่างกายของปีศาจพันมายาประหนึ่งกระสอบขาด เขาขยับได้เพียงเล็กน้อย หลังจากเอ่ยออกมากระท่อนกระแท่นก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็ส่งเสียงอึกอักในลำคอ พูดคำใดออกมาไม่ได้อีกต่อไป
“แม้ข้าไม่รู้ว่าวิชาพันธสัญญามารที่ว่านี้แท้จริงคือสิ่งใด แต่คิดว่าน่าจะเป็นวิชาลับพันธสัญญาที่คล้ายคลึงกับการเซ่นสังเวยของสายปีศาจสินะ ถึงวิชาลับชนิดนี้จะร้ายกาจ แต่ก็ทำร้ายกายเนื้อไม่น้อย นอกจากนี้เห็นชัดว่าไอปีศาจไม่เข้ากับร่างกายของเจ้า เจ้ามีร่างพันมายาแท้ๆ แต่กลับไม่ฝึกฝนวิชามายา น่าเสียดายอย่างแท้จริง” หลิ่วหมิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววเยาะหยัน
เพิ่งเอ่ยจบ เขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัด แสงสีดำเส้นหนึ่งแล่นผ่านไปพร้อมกับที่ศีรษะของปีศาจพันมายาถูกฟันลงมา
ตอนที่ 889 สังหารปีศาจ
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง
ปราณดำสายหนึ่งก็หุ้มศีรษะคนที่ร่วงลงบนพื้นไว้ วิญญาณของเขายังไม่ทันหนีออกมาก็ถูกขังไว้ด้านในจากนั้นก็ถูกหลอมละลายกลายเป็นความว่างเปล่า
หลิ่วหมิงเหลือบตามองศีรษะด้านในปราณสีดำ แม้บนใบหน้าเขาจะมีเลือดไหลโชก แต่ก็ยังมองเห็นหน้าตาคร่าวๆ อยู่ เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมที่ดวงตาสองข้างลึกโหลผู้หนึ่ง
“นี่คงจะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของปีศาจพันมายา แม้อยู่ต่อหน้าผู้คนมีพันมายาหมื่นโฉมหน้า แต่หลังจากตายไปเท่านั้นถึงจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแก่ผู้คนได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเรื่องหนึ่ง”
หลิ่วหมิงพึมพำประโยคหนึ่งจากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ ในใจแล้วสลัดความคิดนี้ทิ้งไป
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นกวัก ทันใดนั้นศีรษะของปีศาจพันมายาก็ถูกปราณดำม้วนเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วนทันที
“นายท่าน…”
แสงสีเหลืองส่องสว่างขึ้นบนพื้น เซียเอ๋อร์โผล่ออกมา เวลานี้ชุดตาข่ายสีดำบนร่างนางขาดวิ่นอยู่บ้าง สีหน้าก็ซีดเผือด หน้าอกพองยุบนิดๆ ดูท่าคงจะเป็นเพราะเมื่อครู่ถูกไอปีศาจของปีศาจพันมายาทำร้ายบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ได้บาดเจ็บถึงลมปราณ
“ไม่เป็นไรนะ?” หลิ่วหมิงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“คิกคิก เมื่อครู่ข้าฉวยโอกาสที่คนผู้นี้ไม่ระวังแทงเขาแรงๆ ครั้งหนึ่ง ได้ช่วยนายท่านแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” เซียเอ๋อร์มองศพไร้ศีรษะของปีศาจพันมายาแล้วเงยใบหน้าสะสวยขึ้นมา เอ่ยราวกับจะขอคำชม
ในใจหลิ่วหมิงถอนหายใจ แต่ปากกลับเอ่ยชมเชย
“ใช่แล้ว ต้องขอบคุณเซียเอ๋อร์ที่ช่วยเหลือถึงสังหารเขาได้อย่างราบรื่น”
เซียเอ๋อร์ได้ยินก็ยิ้มร่าทันที
หลิ่วหมิงเหล่ตามองทีหนึ่งแล้วสะบัดมือยิงปราณสีดำสายหนึ่งออกมาอีกครั้ง รัดแหวนหยกขาววงหนึ่งบนนิ้วหัวแม่มือของปีศาจพันมายาขึ้นมาไว้บนมือ
แหวนวงนี้ดูเหมือนทำมาจากหยกธรรมดา แต่แผ่คลื่นพลังเวทคลุมเครือออกมา
เขาเพ่งจิตแล้วปล่อยจิตสัมผัสแทรกเข้าไป
เมื่อกวาดจิตสัมผัสเล็กน้อยครั้งหนึ่งก็พบว่าแหวนหยกวงนี้เป็นอาวุธจิตวิญญาณเก็บของชิ้นหนึ่งจริงๆ มิติด้านในมีขนาดถึงหลายสิบจั้ง ด้านในเก็บโอสถ หินแร่ อาวุธจิตวิญญาณและของอื่นๆ ไว้ไม่น้อย
หลิ่วหมิงกวาดสายตาสำรวจของเหล่านี้ผ่านๆ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป
แสงสีทองสว่างขึ้นบนฝ่ามือ จากนั้นคัมภีร์หยกเก่าแก่ที่ส่องประกายสีทองอ่อนเล่มหนึ่งก็โผล่ออกมา สิ่งนี้ก็คือคัมภีร์ที่ปีศาจพันมายาเรียกออกมาตอนควบคุมมหาค่ายกลโปรดสัตว์ก่อนหน้านี้
เขาแนบมันกับหน้าผากแล้วแทรกจิตสัมผัสเข้าไปทันที เขามีสีหน้าตะลึงในทันใดจากนั้นก็กลายเป็นยินดียิ่งนัก สิ่งที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์หยกก็คือวิธีควบคุมค่ายกลเขาพระสุเมรุโปรดสัตว์นั่นเอง
แต่ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่เหมาะแก่การศึกษาอย่างละเอียด เขาจึงเก็บคัมภีร์หยกรวมถึงแหวนหยกขาวไปทันที
แทบจะในพริบตาที่หลิ่วหมิงทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น เสียงแหวกอากาศก็ดังมาจากขอบฟ้าไกลออกไป พวกผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่สวมชุดยาวสีแดงสี่คนฉับพลันร่อนลงมา
สายตาของทั้งสี่คนกวาดมองทันที!
ร่องรอยการต่อสู้บนพื้นดินใกล้ๆ คล้ายกำลังบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้อันรุนแรงและแสนสั้นเมื่อครู่แก่พวกเขา ในดวงตาพวกผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่ล้วนฉายแววตาหวาดกลัวจางๆ
พวกเขามองจากไกลๆ เห็นว่าการต่อสู้ที่นี่จบลงแล้วถึงกล้าเข้ามา
“ผู้อาวุโส…” ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่จับจ้องหลิ่วหมิงที่อยู่ในหลุมลึก สีหน้าหลากหลายอารมณ์อย่างที่สุด
บนศพไร้หัวยังคงสวมอาภรณ์มังกรทองห้าเล็บตัวนั้น ความจริงกระจ่างแก่สายตาแล้ว
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนนี้คือปีศาจพันมายา แม้ไม่ทราบว่าเหตุใดเขาต้องปลอมตัวเป็นจักรพรรดิแคว้นเจียง แต่คนผู้นี้ถูกสังหารแล้ว เรื่องหลังจากนี้ยกให้พวกเจ้าเก็บกวาดกันเอง ครั้งนี้ข้าเดินทางมาเพื่อศีรษะของเขาเท่านั้น” หลิ่วหมิงมองผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่ครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ พร้อมกันนั้นปราณดำก็ม้วนออกมารอบร่าง เสื้อผ้าปลิวสะบัดทั้งที่ไม่มีสายลม
“เมื่อครู่พวกข้าเอ่ยวาจาล่วงเกินผู้อาวุโส โปรดอภัยด้วย! ผู้อาวุโสกำจัดผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนนี้ให้แก่แคว้นเจียงของพวกเรา พวกข้าย่อมซาบซึ้งไม่มีวันหมดสิ้น เพียงแต่ไม่ทราบว่า…ผู้อาวุโสจะแจ้งนามสักหน่อยได้หรือไม่?” ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่เห็นหลิ่วหมิงกำลังจะจากไปก็รีบเอ่ยปากขึ้นมา
วังหลวงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ วันนี้จักรพรรดิตัวจริงเป็นตายยังไม่ทราบ อยู่หนใดก็ไม่รู้ ความผิดของพวกเขาทั้งสี่ที่รับผิดชอบอารักขาย่อมไม่เบา หากผู้อาวุโสตระกูลเจียงถามขึ้นมาแล้วกระทั่งชื่อของอีกฝ่ายเขาก็ยังไม่รู้ เกรงว่าคงมีโทษหนักเป็นเท่าตัว
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ส่งกระแสจิตบอกชื่อกับเขาอย่างนิ่งสงบ หลังจากนั้นจึงกระตุ้นเคล็ดวิชาในมือ ปราณดำโอบล้อมรอบร่างของเขากับเซียเอ๋อร์แหวกท้องฟ้ามุ่งออกไปไกล
พวกผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่สี่คนแสดงสีหน้านอบน้อมเฝ้ามองจนแสงสีดำหายลับไปจากขอบฟ้า จากนั้นจึงหันศีรษะกลับมามองผืนดินระเนระนาด ทุกคนล้วนเงียบงันไร้วาจา
“เก็บศพของคนผู้นี้ให้เรียบร้อยแล้วพลิกเมืองหนานหลูค้นหาเจียงหลีตัวจริงทันที แล้วก็แจ้งเรื่องนี้กับเหล่าผู้อาวุโสที่เซี่ยสุ่ยจวีในทันทีด้วย” ครู่หนึ่งให้หลังก็ยังคงเป็นผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่ทำลายความเงียบ เอ่ยปากสั่งสามคนด้านหลังขึ้นมาก่อน
สามคนที่เหลือได้ยินก็ขานรับแยกย้ายกันไปทำงานในทันใด
บนใบหน้าของผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด หลังจากนั้นก็ถอนหายใจ
เพราะเรื่องปีศาจพันมายา ไม่ว่าจะเป็นในตระกูลหรือในหมู่มนุษย์ธรรมดาทั่วทั้งแคว้นเจียงก็ล้วนปั่นป่วนกันไม่น้อย สุดท้ายถึงขั้นทำให้ผู้ฝึกฝนระดับสูงในนิกายและตระกูลของแคว้นรอบด้านแคว้นเจียงตื่นตัวไปด้วย พวกเขาร่วมกันออกหน้าร่างกฎจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยของจักรพรรดิมนุษย์
แน่นอนเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง
ในเวลานี้หลิ่วหมิงกลายเป็นลำแสงสีดำออกจากเมืองหนานหลูไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
หนึ่งชั่วยามให้หลัง หลิ่วหมิงก็ร่อนลงบนหน้าผาแห่งหนึ่งบนเทือกเขาอีกา
ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว หลิ่วหมิงสะบัดมือส่งแสงสีดำสายหนึ่งออกไปขุดถ้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่งบนหน้าผา หลังจากวางชั้นจำกัดง่ายๆ ชั้นหนึ่ง แล้วเข้าไปนั่งข้างใน
วันนี้ต่อสู้ดุเดือดและตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่องทำให้เขาเสียทั้งพลังเวทและพลังจิตไปมากมาย ส่วนเซียเอ๋อร์ที่พลังเวทไม่เพียงพอก็เข้าไปพักในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว
หลังจากหลิ่วหมิงพลิกมือเรียกโอสถเม็ดหนึ่งออกมากินลงไปก็เริ่มเคลื่อนพลังเวท โคจรลมปราณช้าๆ
เวลาผ่านไปถึงสามวันเต็มๆ เขาถึงลืมตาขึ้น แม้พลังเวทในร่างยังไม่ฟื้นกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ฟื้นกลับมาแปดเก้าส่วนไม่ไกลจากสิบส่วนแล้ว
เขาพลิกมือข้างหนึ่งเรียกคัมภีร์หยกเก่าแก่เล่มนั้นที่พบในแหวนหยกขาวของปีศาจพันมายาออกมาทันที จากนั้นแนบกับหน้าผากศึกษาอย่างละเอียด
ในนี้ไม่เพียงบันทึกคำแนะนำเกี่ยวกับค่ายกลพระสุเมรุโปรดสัตว์ไว้อย่างละเอียด ยังมีวิธีควบคุมอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย
เดิมทีหลิ่วหมิงก็สนใจศาสตร์ค่ายกลอย่างยิ่งอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ายกลโบราณที่ตกทอดมาจากยุคโบราณ
สิ่งที่เป็นโอกาสหายากยิ่งกว่าก็คืออุปกรณ์วางค่ายกลชุดนี้ยังคงเก็บรักษาในสภาพสมบูรณ์มาจนถึงวันนี้ ขอเพียงศึกษาให้ทะลุปรุโปร่งก็ใช้งานได้ทันที
การที่เฟ่ยอี๋ปีศาจพันมายาผู้นั้นหนีได้ยาวนานเช่นนี้โดยที่ไม่มีคนของนิกายใหญ่สังหารได้ นอกจากพลังของตัวเขาที่ไม่อ่อนแอกับวิชาพันมายาที่ร่างกายครอบครองอยู่ สาเหตุที่สำคัญกว่านั้นก็คืออุปกรณ์ค่ายกลที่มีความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ชุดนี้
เนิ่นนานหลังจากนั้นหลิ่วหมิงถึงดึงจิตสัมผัสออกมาจากในคัมภีร์หยก บนใบหน้าเห็นชัดว่ามีสีหน้าเปรมปรีดิ์ยากจะอดกลั้น
จากบันทึกบนคัมภีร์หยก มหาค่ายกลโปรดสัตว์ชุดนี้มาจากนิกายสายพุทธแห่งหนึ่งในยุคโบราณ อุปกรณ์การวางค่ายกลของมหาค่ายกลน้อยยิ่งนัก ต้องการเพียงแผ่นค่ายกลสี่แผ่นกับธงค่ายกลแปดผืนที่ใช้ร่วมกัน
วิธีวางค่ายกลก็ไม่ซับซ้อน เพียงฝังแผ่นค่ายกลกับธงค่ายกลไว้ใต้ดินตามวิธีที่ถูกต้องแล้วใช้หินจิตวิญญาณระดับสูงฝังไว้ตรงดวงตาค่ายกล มอบพลังเวทที่เพียงพอให้มหาค่ายกลทั้งหมด เท่านี้มหาค่ายกลก็ทำงานเป็นปกติได้แล้ว อีกทั้งยังกระตุ้นมหาค่ายกลให้เปลี่ยนรูปแบบเป็นค่ายกลที่ต่างออกไปด้วยธงค่ายกลหลักสองผืนได้อีกด้วย
มหาค่ายกลโปรดสัตว์ชุดนี้นอกจากจะสืบทอดเอกลักษณ์ในด้านความแข็งแกร่งของค่ายกลสายพุทธมาแล้ว เมื่อค่ายกลเปลี่ยนรูปก็ยังเปลี่ยนไปมีพลังในการกักขังและสังหารอีกหลายรูปแบบ เพียงพอกักขังศัตรูคนใดที่อยู่ต่ำกว่าระดับดาราพยากรณ์ที่ตกลงมาในค่ายกลได้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือค่ายกลนี้มีคุณสมบัติพิเศษในด้านข่มภูตผีวิญญาณร้าย เสียงสวดภาษาสันสกฤตที่ดังออกมาจากในค่ายกลทำให้ผีร้ายที่ถูกขังอยู่ด้านในกลับไปเกิดได้
ทว่าหากต้องการให้ค่ายกลนี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ได้มากที่สุด จำต้องมีสองคนควบคุมมหาค่ายกลพร้อมกัน นอกจากนี้จำต้องมีทักษะเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับหลิ่วหมิง ตัวเขาเองมีพรสวรรค์ในการแบ่งสมาธิทำสองอย่างในเวลาเดียวกันอยู่แล้ว อีกทั้งพลังจิตก็ยังเหนือกว่าคนธรรมดา แล้วยังมีหนอนพลังจิตเสริมส่งอีก เขาย่อมรับผิดชอบสองบทบาทในเวลาเดียวกัน ควบคุมค่ายกลได้อย่างแน่นอน
ส่วนความเชี่ยวชาญในทักษะค่อยๆ ฝึกฝนเอาในแดนมายาของดวงตามายาก็ได้
เวลาผ่านไปอีกเกือบครึ่งวัน หลิ่วหมิงถึงลุกขึ้นยืนเงียบๆ เขาเก็บคัมภีร์หยกเข้าไปในแหวนย่อส่วนอย่างระมัดระวัง สีหน้ากลับมาสงบดังเดิม
กล่าวได้ว่ามหาค่ายกลชุดนี้เป็นผลพลอยได้ประการหนึ่งจากการเดินทางครั้งนี้ แต่เวลาชั่วครู่ชั่วยามไม่อาจจะศึกษาให้ถ่องแท้ได้
สำหรับเขาแล้วภารกิจเร่งด่วนยังคงเป็นการรวบรวมแต้มคุณูปการให้เพียงพอ หลังจากนั้นเข้าไปฝึกปรือในทางปีศาจร้ายเพื่อค้นหาโอกาสน้อยนิดที่จะเข้าสู่ระดับแก่นแท้
ชั่วครู่ให้หลัง เรือหยกแวววาวที่ถูกหุ้มด้วยแสงรัศมีสีขาวน้ำนมลำหนึ่งก็ลอยขึ้นจากกลางเขาร้าง หายลับไปยังขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
ครึ่งเดือนกว่าให้หลัง ในหอความเป็นความตายสายในบนเทือกเขาหมื่นวิญญาณ
ผู้อาวุโสเจียงเดิมทีกำลังนั่งว่างอยู่ในวิหารหลังใหญ่อันว่างเปล่า หยอกล้อกับแมวดาวสีขมิ้นที่ตามติดเขาเป็นเงาตัวนั้น หลังจากเห็นหลิ่วหมิงเขาก็หัวเราะร่าลุกขึ้นมาทันที
“ศิษย์หลานหลิ่ว ไม่พบกันนาน วันนี้เดินทางมา หรือว่าจะสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนไหนได้แล้ว? หรือว่า…”
ผู้อาวุโสเจียงพูดได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นสายตาก็เหล่ไปเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหลิ่วหมิง เขาคล้ายจะตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลิ่วหมิงไม่เอ่ยคำใด แต่มือข้างหนึ่งลูบแหวนย่อส่วนในมือ ในมือพลันมีห่อผ้าสีฟ้าห่อหนึ่งเพิ่มขึ้นมาแล้วโยนไปให้
แขนเสื้อของผู้อาวุโสเจียงสะบัดจนแขนเสื้อกางออกกว้าง เขารับห่อผ้าสีฟ้าไว้ในมือ หลังจากนั้นวางลงบนแท่นศิลาแล้วเปิดออกดู ศีรษะโชกเลือดศีรษะหนึ่งปรากฏออกมา
สายตาของผู้เฒ่าเป็นประกาย เขาจ้องมองศีรษะจากบนจรดล่างอยู่ชั่วครู่แล้วพลิกมือข้างหนึ่งเรียกกระจกทองแดงสีเหลืองขมุกขมัวขนาดเท่าฝ่ามือบานหนึ่งออกมาทันที
แสงสีเหลืองสายหนึ่งครอบศีรษะไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งสายตาของผู้อาวุโสเจียงก็ค่อยๆ เปล่งประกาย
“ดี! ยอดเยี่ยม! นี่คือศีรษะของปีศาจพันมายาที่มีความชั่วยาวเป็นหางว่าวคนนั้น! ศิษย์หลานหลิ่วมีความสามารถยอดเยี่ยมจริงแท้ เวลาไม่กี่เดือนก็สังหารผู้ฝึกฝนชั่วช้าที่เจ้าเล่ห์อย่างที่สุดคนนี้ได้ หากเล่าลือออกไป ศิษย์หลานจะต้องชื่อเสียงเลื่องลืออีกครั้งแน่”
“ข้าเพียงโชคดีหาร่องรอยของคนผู้นี้พบ ประจวบเหมาะเคราะห์ดีถึงสังหารเขาลงได้ ผู้อาวุโสเจียงชมเกินไปแล้ว” หลิ่วหมิงส่ายหน้า ตอบอย่างถ่อมตัว
ผู้อาวุโสเจียงหัวเราะพลางเก็บกระจกทองแดงกับศีรษะของปีศาจพันมายาไป
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หยิบป้ายประจำตัวของศิษย์สายในส่งไปให้อย่างคุ้นเคยยิ่งนัก
“รางวัลตามรายชื่อความเป็นความตายของปีศาจพันมายาคือสามแสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการ บวกกับหนึ่งแสนแต้มจากผู้อาวุโสนิกายเรา ทั้งหมดสี่แสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการ” ในมือผู้เฒ่าเปล่งแสงสีทอง กระบองสั้นสีทองแท่งหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขาแล้วแตะเบาๆ บนป้ายประจำตัวของหลิ่วหมิง ส่วนปลายด้านหน้าเกิดแสงสีขาววิบวับ
หลิ่วหมิงรับป้ายกลับไป ใช้จิตสัมผัสกวาดรอบหนึ่งก็พบว่าแต้มคุณูปการในนั้นสะสมมาได้หนึ่งล้านสามแสนกว่าแต้ม ห่างจากหนึ่งล้านห้าแสนอีกไม่ไกลแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น