อยากกินไหมล่ะ 888-889
บทที่ 888 ช่างไม้ชื่อดัง
“นายไม่กลับไปกินอาหารที่บ้านหรือไง? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่เล่า?” หยวนโจวถามขึ้นมาตามตรง
“อะฮ้า เดี๋ยวถึงเวลานายก็รู้เองแหละน่า” หลิงหงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกล่าวออกมา
“ฉันเข้าใจล่ะ” ทันทีที่หยวนโจวเห็นรอยยิ้มของหลิงหง เขาก็ไม่อยากถามอะไรเขาอีกแล้วจึงตอบไปง่ายๆ
ไข่ต้มชาสมุนไพรมักจะเสิร์ฟได้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาถามหลิงหงจบ หยวนโจวก็ตักไข่ต้มชาใส่จานใบเล็กๆ และทันใดนั้นเองเขาก็เติมน้ำซุปชาเต็มช้อนลงบนไข่ต้มชา
น้ำซุปชาเป็นน้ำตาลเข้ม แทรกซึมเข้าสู่ไข่ต้มชาผ่านรอยแยกของเปลือกไข่แล้วไหลลงสู่จานพร้อมๆกับไข่ขาวเนื้อเนียนนุ่ม
ส่วนก้นจานสีน้ำเงินแกมเขียวอ่อนครอบคลุมไปด้วยชั้นน้ำซุปชาสีน้ำตาลเข้มในทันทีซึ่งดูกระจ่างสดใสทั้งยังส่งกลิ่นหอมของชาอีกต่างหาก
“สมชื่อชาดำคีมุนแล้วจริงๆ ทั้งรสชาติและรูปลักษณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง” หลิงหงสุดกลิ่นหอมของชาเข้าไปลึกๆแล้วอดที่จะชื่นชมออกมาไม่ได้
ส่วนไข่ต้มชาสมุนไพรที่หยวนโจวเป็นคนเตรียมขึ้นมาไม่เพียงแต่จะรสชาติดีเท่านั้น แต่ยังมีรูปลักษณ์ที่เจริญตาอีกด้วย ส่วนเปลือกไข่ที่แตกออก น้ำซุปชาสีน้ำตาลเข้มก็จะแทรกซึมเข้าสู่รอยแยกในไข่ต้มชาขณะที่ต้มอยู่ ผลก็คือน้ำซุปชาทิ้งภาพสีน้ำตาลสวยงามเอาไว้บนไข่ขาวนั่นเอง
“ฉันมาที่นี่เพื่อมาตรวจสอบดูว่าวันนี้จะเป็นภาพอะไรต่างหากเล่า” ขณะที่กล่าวออกมาเช่นนั้น หลิงหงก็เริ่มปอกเปลือกไข่
“แคร่ก แคร่ก แคร่ก” หลิงหงใช้ตะเกียบเคาะเบาๆให้เปลือกไข่เปิดอ้าออกมาแล้วกำจัดเปลือกไข่ทั้งหมดพร้อมเยื่อหุ้มไข่ออกไปทันที
“ขอฉันดูหน่อยซิว่าเป็นอะไร” หลิงหงกลิ้งไข่ในจานไปมา
เส้นสีน้ำตาลเข้มขึ้นบนและลงล่างจนแลดูเหมือนเกลียวคลื่นขนาดมหึมาพร้อมๆไปกับการกลิ้งไข่ไปมา ใช่แล้วล่ะ วันนี้เป็นภาพมหาสมุทรนั่นเอง
“ฮ้า วันนี้ดูเหมือนมหาสมุทรเลยล่ะ” หลิงหงกลิ้งไข่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความพึงพอใจแล้วค่อยๆชื่นชมไปทีละหน่อย
อาจจะเป็นทั้งความชื่นชมและความอยากกินก็ได้ที่เป็นสาเหตุทำให้หลิงหงชอบมันมากเสียขนาดนั้น แน่นอนว่านั่นหาใช่จุดประสงค์ที่หลิงหงมากินไข่ต้มชาสมุนไพรในวันนี้หรอก อันที่จริงแล้ว เขากินเพื่อให้หลงเหลือกลิ่นหอมของชาเอาไว้จะได้ไม่ลืมเลือนรสชาติของชาดำคีมุนนั่นเอง
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมนั้น หลิงหงไม่มีหน้าที่ต้องมาคอยบอกสาเหตุแต่อย่างใด เขาแค่กินไข่ต้มชาสมุนไพรให้หมดแล้วรีบเดินออกจากร้านไป
เมื่อมองจากด้านหลังจะเห็นเขาวิ่งด้วยความสบายอกสบายใจ แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ยกเว้นหลิงหงที่มีท่าทีแปลกๆ กิจการในช่วงมื้อค่ำดีเช่นเคย ดังนั้นกิจการในช่วงเวลาเปิดให้บริการของผับจึงเป็นไปตามปกติ
เมื่อนึกถึงตู้ที่เขากำลังจะไปซื้อในวันถัดมาแล้ว หยวนโจวก็เข้านอนอย่างเป็นสุขแล้วหลับสนิทตลอดทั้งคืน
เช้าวันถัดมา หยวนโจวไม่ไปตลาดทันทีหลังจากมื้อเช้าสิ้นสุดลง แต่เขากลับเตรียมตัวที่จะไปซื้อตู้หลังเที่ยงวัน ถึงอย่างไรเขาก็มีเวลาเหลือเฟือในตอนบ่ายจึงสามารถทำเช่นนี้ได้
ดังนั้นเขาจึงขึ้นชั้นบนไปเตรียมข้าวของให้เรียบร้อยแล้วออกจากท้ายตรอกทันทีที่เวลาอาหารกลางวันสิ้นสุดลง
“ซุป ฉันจะออกไปข้างนอกนะ” หยวนโจวทักทายเจ้าซุปที่อยู่ตรงประตูหลังแล้วเดินจากไป
เขาเดินไปที่หัวมุมถนนแล้วหยุดเรียกรถแท็กซี่ก่อนที่จะบอกจุดหมายปลายทางของเขาให้คนขับได้ทราบ
“มะฮอกกานี เฟอร์นิเจอร์ซิตี้ครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา
“โอเค คุณจะไปซื้อเฟอร์นิเจอร์งั้นรึ?” คนขับพยายามที่จะคุยกับเขา
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
“เจ้าหนุ่ม เฟอร์นิเจอร์ที่นั่นแพงระยับเลยนะแถมคุณภาพยังไม่ดีอีกต่างหาก ทำไมคุณถึงไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้มะฮอกกานีที่นั่นเสียเล่า?” คนขับเริ่มการสนทนาขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นหยวนโจวพยักหน้า
“จริงเหรอครับ?” หยวนโจวมองคนขับแล้วถามออกไปซื่อๆ
“ผมรู้สึกว่าคุณดูคุ้นๆนะ” คนขับหันไปมองหยวนโจวแล้วจู่ๆก็กล่าวด้วยความสับสนก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ
“ไม่แปลกหรอกครับ ใครๆก็บอกว่าผมดูคุ้นๆทั้งนั้นแหละ คุณครับ งั้นผมจะสามารถหาซื้อเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีได้จากที่ไหนล่ะครับ?” หยวนโจวพยักหน้าแล้วกล่าวเบาๆ
“อืม อืม คุณดูคุ้นๆจริงๆ ผมไม่ได้โกหกคุณนะ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงระยะทางไกลๆหรอก ยังมีพวกต้มตุ๋นอยู่ที่นั่นอีกตั้งเยอะตั้งแยะเลยเชียวล่ะ” ความสนใจของคนขับเบนกลับมาที่เรื่องของหยวนโจว
“งั้นผมควรจะไปที่ไหนดีล่ะครับ?” หยวนโจวถามขึ้นมาตามตรง
“แน่นอนว่าต้องเป็นตลาดขายส่งจินฟาอยู่แล้วล่ะครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นตลาดของสินค้าสารพัดสารเพ แต่คุณก็ยังสามารถหาร้านเฟอร์นิเจอร์ที่นั่นได้มากมายแถมยังมีคุณภาพยอดเยี่ยมอีกต่างหาก” คนขับกล่าวอย่างจริงจัง
“ตลาดขายส่งจินฟางั้นรึ?” หยวนโจวรู้สึกว่าเป็นชื่อที่ฟังดูคุ้นๆจึงพึมพำออกมา
“อืม นั่นแหละ คุณอยากไปที่นั่นไหมล่ะครับ? ผมจะได้เลี้ยวกลับไป” คนขับพยักหน้าแล้วถามขึ้นมา
“เอาล่ะครับ งั้นก็ไปตลาดขายส่งจินฟากันเถอะครับ” หยวนโจวกล่าว
“รับทราบครับ พวกเรากำลังจะไปจินฟากันตอนนี้ล่ะ” มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนขับ เขาเลี้ยวรถไปเรื่อยๆแล้วเข้าสู่ถนนอีกสายหนึ่ง
คนขับชอบชายหนุ่มที่รับฟังคำแนะนำของเขาผู้นี้เอามากๆจึงพูดคุยกับเขาเสียเยอะแยะ เขาเอาแต่คุยกับหยวนโจวเรื่องข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันไปตลอดทาง
และหยวนโจวก็ยังคงตอบไปเรื่อยๆ แต่ในใจเขากลับคิดอีกเรื่องหนึ่ง
“ช่างฝีมือที่ประธานโจวเคยพูดถึงดูเหมือนจะอยู่ในตลาดจินฟานี่นา” หยวนโจวกล่าวอยู่ในใจ
โจวซื่อเจี๋ยเคยเล่าให้หยวนโจวฟังว่าเขาเตรียมเฟอร์นิเจอร์ชุดหนึ่งให้เป็นสินเดิมของบุตรสาวของเขาและช่างฝีมือชราในตลาดจินฟาแห่งนี้ก็เป็นคนที่ทำขึ้นมาเองเชียวล่ะ
ถึงจะไม่ใช้ตะปูหรือไม้คันชั่ง เขาก็สามารถทำเฟอร์นิเจอร์ด้วยเทคนิคข้อต่อชนิดเจาะรูกับเดือยแบบดั้งเดิม หยวนโจวเคยค้นหาในอินเตอร์เน็ตและรู้มาว่าข้อต่อชนิดเจาะรูกับเดือยทั้ง 72 แบบถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันคนดังในอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนว่าไม่ว่าใครก็สามารถเชี่ยวชาญในงานฝีมือได้ด้วยลอกเลียนแบบโครงสร้าง แต่มีเพียงคนที่รู้จักวงการนี้เท่านั้นที่รู้ว่าช่างแสนยากลำบากมากเพียงใด
หยวนโจวไม่รู้เรื่องวงการงานไม้หรอก แต่เขาก็ไม่เคยดูถูกข้อต่อชนิดเจาะรูกับเดือยที่นับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวจีนเลยสักนิดเดียว
โจวซื่อเจี๋ยบอกว่าเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่ทำขึ้นมาล้วนแล้วแต่มีคุณภาพดีมากเชียวล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโต๊ะเครื่องแป้งที่ใช้ข้อต่อชนิดเจาะรูสามตัวกับเดือยเจ็ดตัว
อันที่จริงแล้ว หยวนโจวก็ไม่รู้หรอกว่าข้อต่อชนิดเจาะรูสามตัวกับเดือยเจ็ดตัวจะต่างจากที่เฮงุจิโชวสุดยอดสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่ใช้ข้อต่อชนิดเจาะรูกับเดือยกันไปทั่วจนเป็นที่ชื่นชมของต่างชาติอีกด้วย
และหยวนโจวก็ไม่รู้ด้วยว่ามีช่างฝีมือน้อยลงเรื่อยๆแล้วที่จะสามารถทำเฟอร์นิเจอร์ด้วยข้อต่อชนิดเจาะรูกับเดือยเท่านั้น
โจวซื่อเจี๋ยคิดจะบอกหยวนโจวเกี่ยวกับเรื่องช่างฝีมือชราผู้นี้เมื่อตอนที่จู่ๆเขาก็พบว่าราวแขวนดอกไม้ในร้านหยวนโจวดูสวยมากทีเดียว
หยวนโจวยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่เลยเมื่อตอนที่พวกเขามาถึงที่หมายแล้ว
“เอี๊ยด…” รถยนต์จอดตรงทางเข้าตลาดจินฟาทันที
หลังจากจ่ายเงินแล้ว หยวนโจวก็ลงจากรถแล้วเดินออกไป และก่อนที่คนขับแท็กซี่จะออกรถไป เขาก็เปิดกระจกรถแล้วสกัดหยวนโจวเอาไว้ “เจ้าหนุ่ม เข้าไปตรงทางเข้าแล้วเดินตรงไปอีกสองซอย จากนั้นก็เข้าไปได้เลย ถนนสายนั้นเต็มไปด้วยคนขายเฟอร์นิเจอร์เลยเชียวล่ะแถมราคายังถูกแล้วก็ประหยัดอีกด้วย”
“ขอบคุณครับ” หยวนโจวพยักหน้า
“ด้วยความยินดี แต่คุณดูคุ้นๆจริงๆเลยนะ” หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว คนขับก็ปิดกระจกรถแล้วออกรถไป
จินฟาเป็นตลาดขายส่งที่ครอบคลุมมากทีเดียว ไม่ได้มีเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์เท่านั้น แต่ยังมีประตูไม้ กระเบื้องเซรามิก วอลเปเปอร์และอื่นๆด้วย สินค้าทางด้านในมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการตกแต่งเสียมากกว่า
หยวนโจวเดินผ่านถนนไปอีกสองสายแล้วเตรียมมองหาช่างฝีมือที่โจวซื่อเจี๋ยเอ่ยถึง
โจวซื่อเจี๋ยแค่บอกหยวนโจวว่าช่างฝีมือผู้นี้มีแซ่ว่าเหลียนแถมไม่ได้บอกที่ตั้งร้านมาอีก แต่เขาบอกว่าหยวนโจวย่อมรู้ได้เองว่าเป็นช่างไม้ตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นช่างฝีมือผู้นี้เลยเชียวล่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกของชรามีความแตกต่างอย่างไรกันที่ทำให้สามารถรู้ได้ว่าเป็นเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น? ถึงอย่างไรหยวนโจวก็เป็นคนธรรมดาๆและเขาก็หาได้แจ่มแจ้งในเรื่องต่างอย่างเช่นแคลลัสแต่อย่างใด
“เขาดูเหมือนท่อนไม้เลยหรือไง?” หยวนโจวคอยเฝ้าสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนระหว่างที่กำลังเดินไปข้างหน้า
ด้วยสายตาอันเฉียบคม หยวนโจวจึงสามารถมองเห็นผู้คนในร้านต่างๆได้แม้ว่าเขาจะไม่เข้าไปก็ตามที และบางครั้งหยวนโจวก็จะยืนอยู่ตรงประตูสักพักแล้วคอยเฝ้าสังเกตผู้คนทางด้านในอย่างละเอียด
หยวนโจวอยู่ตามลำพังตัวคนเดียวจึงไม่มีใครออกมาทักทายเขา ถึงอย่างไรเขาดูไม่เหมือนคนที่จะมาซื้อของทีละมากๆ
ดังนั้นหยวนโจวจึงสามารถคอยเฝ้าสังเกตถนนอยู่เงียบๆได้ มีคนในถนนสายเฟอร์นิเจอร์ไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ทว่าก็ยังเต็มไปด้วยเสียงดังมากอยู่ดี นี่ก็เป็นเพราะเสียงเครื่องจักรที่สามารถได้ยินเป็นบางครั้งบางคราวนั่นเอง
หลู่ปัน (鲁班) เป็นบรรพชนแห่งช่างไม้ทั้งมวล เขาเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือทั้งหลายของช่างไม้มากว่าหลายพันปีมาแล้ว
บทที่ 889 อาหารที่เขาเคยได้ยินชื่อมาก่อน
ขณะที่หยวนโจวกำลังตั้งใจมองหาช่างไม้ที่โจวซื่อเจี๋ยเอ่ยถึงอยู่นั้นก็มีเสียงดุด่าดังชัดเจนขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึกทึกครึกโครม
“แกเป็นหมูหรือไง? ต้องให้ฉันบอกอีกสักกี่ครั้งกันว่าทำแบบนี้ไม่ได้? ทิ้งไปแล้วทำใหม่ซะ” เสียงดุด่าดังเสียจนได้ยินอย่างชัดเจน
“แม่งเอ้ย อาหารที่แกกินเข้าไปทั้งหมดเอาไว้เลี้ยงสุนัขได้หลายปีเลยไม่ใช่หรือไง?
“ไสหัวไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”
“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดหวังให้แกสืบทอดวิชาช่างต่อจากฉัน”
หยวนโจวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อตอนที่ได้ยินเสียงดังขึ้น เสียงดังมากเสียจนหยวนโจวอดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้นตอของเสียง
ระยะห่างเกินไป ดังนั้นหยวนโจวจึงต้องเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวจนกว่าเขาจะพบว่าเสียงดังขึ้นมาจากร้านที่มีนามว่ามู่เซิง
ร้านนี้เป็นร้านที่น่าสนใจเนื่องจากการตกแต่ง ส่วนร้านข้างเคียงได้รับการออกแบบในสไตล์โบราณไม่ก็สมัยใหม่ จริงๆแล้ว พวกมันยังเป็นอาคารที่สร้างขึ้นด้วยซีเมนต์และทาสีไม้เสียส่วนใหญ่ แต่สำหรับร้านที่มีนามว่ามู่เซิงมีสิ่งที่ค่อนข้างแตกต่างออกไป ของตกแต่งในร้านที่ทำขึ้นมาจากไม้ประกอบไปด้วย กรอบประตู หัวติดประตูและสิงโตไม้ทั้งสองข้างประตู
มันเป็นอาคารไม้ขนานแท้เหมือนกับบ้านผู้มีอันจะกินในสมัยโบราณ ด้วยสายตาอันเฉียบคมของหยวนโจว เขาสามารถรับรู้ได้ว่าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งด้านในล้วนแล้วแต่ทำขึ้นมาจากไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณภาพไม้ที่มีลายเนื้อไม้สวยงาม
“แกไม่มีสมองหรือไงหรือว่าสมองของแกเป็นแค่ก้อนดินไปเสียแล้ว? ฉันเคยบอกแกให้ทำโต๊ะแบบนี้งั้นรึ?”
ขณะที่หยวนโจวกำลังคอยเฝ้าสังเกตร้านค้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่นั้นก็มีบุรุษที่แต่งกายด้วยเสื้อและกางเกงสีดำจากทางด้านในหันหลังให้หยวนโจวแล้วชี้ไปยังบุรุษอีกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาพลางตะคอกเสียงดังด้วยความเดือดพล่านอีกครั้งหนึ่ง โต๊ะที่เขาเอ่ยถึงเป็นโต๊ะรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบโบราณสำหรับแปดคน จากการตัดสินของหยวนโจว โต๊ะฝีมือใช้ได้เชียวล่ะ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะตำหนิอะไรดี
“ต้องเป็นเขาแน่ๆ” ในที่สุดหยวนโจวก็เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมโจวซื่อเจี๋ยถึงได้บอกว่าเขาจะรู้เองทันทีที่ได้เจอช่างไม้เหลียน อันที่จริงแล้วก็รู้ได้ไม่ยากนักหรอก เขาก็คือคนที่อุปนิสัยแข็งกระด้างและเสียงดังมากที่สุดอย่างไรเล่า
เมื่อสักครู่ตอนที่ชายชราหันกลับมา เขาแต่งกายด้วยเสื้อและกางเกงสีดำซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผ้าที่กันสิ่งสกปรก ชายชรามีผมสีดอกเลาและหลังโกง ข้อนิ้วมือของเขาทั้งใหญ่และหนา ตาโปนและปากยกสูง เมื่อตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เขาเป็นคนที่เข้มงวดและใช่ว่าจะสามารถเข้ากับใครได้ง่ายๆ
จริงๆแล้วใบหน้ายังบูดบึ้งอยู่หน่อยๆด้วย แต่เพียงแวบแรกที่ได้เห็น หยวนโจวก็รู้ได้เลยว่าเขาคือช่างไม้ที่โจวซื่อเจี๋ยเอ่ยถึงนั่นเอง
นี่เป็นเพราะสีหน้าเคร่งขรึมตอนที่เขาดุด่าบุรุษอีกคนนั่นแหละ ความแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับคนธรรมดาช่างห่างไกลกันคนละโลก ในสายตาของหยวนโจว โต๊ะตัวนั้นจัดว่าไม่เลวเลยจริงๆในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกและความคงทน
แต่กลับถูกชายชราวิพากษ์วิจารณ์เสียจนดูไร้ค่าไปเลย คนที่ถูกด่าทอเองก็ได้แต่ก้มหน้าแล้วตั้งใจฟังชายชราอย่างเอาจริงเอาจัง แม้ว่าเสียงของเขาจะค่อนข้างแหลมแสบแก้วหูก็ตามที ไม่มีใครคิดว่าการถูกดุด่าอย่างหนักเป็นเรื่องที่น่ากลัวหรอก เรื่องที่แย่กว่านั้นก็คือเมื่อตอนที่ไม่มีใครสนใจที่จะดุด่าต่างหากเล่า เพื่อเรียนรู้งานฝีมือจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกมือฝึกหัดจะไม่ถูกดุด่าว่ากล่าว
เมื่อชายชราหันหน้ามาเห็นหยวนโจว เขาก็หาที่นั่งอย่างกระฟัดกระเฟียดโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี เขาไม่สนใจหรอกว่าท่าทางฉุนเฉียวของตนเองจะส่งผลต่อกิจการอย่างไรแล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าหยวนโจวจะเป็นลูกค้าของตนหรือไม่
“สวัสดีครับ คุณใช่ช่างไม้เหลียนหรืออาจารย์เหลียนหรือเปล่าครับ?” หยวนโจวเอ่ยปากพูดอย่างกระตือรือร้น
จากนั้นชายชราผู้นี้ก็เพียงแค่นั่งมองไปทางหยวนโจว แววตาของชายชราค่อนข้างแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ม่านตาของเขากลมมากทีเดียว แต่ส่วนของตาขาวกลับมีสีเหลืองและเส้นเลือดอยู่ประปราย รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูน่าหวาดกลัวจริงๆยามที่เขาจ้องมองหยวนโจวด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
หยวนโจวหาได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด พวกเขาเอาแต่จ้องมองกันแบบนั้นก่อนที่ชายชราจะตอบขึ้นมา
“คุณก็คือหยวนโจว” ชายชรากล่าวด้วยความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักหยวนโจว
“ครับ ผมเองแหละ สวัสดีครับ ช่างไม้เหลียน” หยวนโจวทักทายเขาอย่างสุภาพ
“มาหาผมมีเรื่องอะไรงั้นรึ?” ชายชรามองหยวนโจวแล้วถามตามตรงโดยไม่เปลี่ยนท่านั่งแต่อย่างใด
“ผมอยากทำตู้ซักใบครับ มันเป็นตู้ใบเล็กๆแต่ใช้ใส่สิ่งของได้เยอะเป็นพิเศษ พอดีห้องเล็กน่ะครับ ผมก็เลยอยากให้บรรจุสิ่งของได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นผมจึงมาให้คุณช่วยน่ะครับ” ตอนที่เขาพูดเช่นนั้นออกมาค่อนข้างสุภาพมากทีเดียว คำอธิบายเยอะไปหน่อยแต่กลับชัดเจนมากเกินพอเลยเชียวล่ะ
“ฉันไม่ได้ทำเฟอร์นิเจอร์เองมาตั้งนานแล้วนะ” ช่างไม้เหลียนบ่นพึมพำ
เขามองหยวนโจวแต่ไม่ได้พูดเสียงดัง เขาเงียบไปราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
แม้ว่าหยวนโจวจะได้ยินช่างไม้เหลียนบ่นกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าชายชรากำลังคุยกับเขาอยู่หรือไม่จึงไม่ได้ตอบกลับไป เขาได้แต่รอฟังคำตอบอยู่เงียบๆ
“เจ้าหนุ่ม โจวซื่อเจี๋ยบอกให้มาที่นี่งั้นรึ?” ช่างไม้เหลียนเอ่ยปากถามขึ้นมา
“ประธานโจวแค่เล่าให้ผมฟังว่ามีสุดยอดช่างไม้อยู่ในตลาดจินฟาครับ” เมื่อเจอเรื่องทำนองนี้นานๆเข้า หยวนโจวก็ชักจะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว เขาไม่ได้ปฏิเสธตรงๆแต่กลับเลือกใช้อีกวิธีหนึ่งมากล่าวปฏิเสธ
“เจ้าคนหลอกลวงโจวจอมน่ารำคาญผู้นี้มักจะทำเรื่องให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่วายเลยสิน่า” ช่างไม้เหลียนบ่นพึมพำต่อไปพร้อมสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือไปจากนั้น เขายังเรียกโจวซื่อเจี๋ยว่าเจ้าคนหลอกลวงโจวจอมน่ารำคาญแทนชื่ออีกต่างหาก คงจะต้องมีเรื่องราวระหว่างพวกเขาอย่างแน่นอน แต่หยวนโจวพบว่าไม่เหมาะสักเท่าไหร่นักที่จะถามถึงเรื่องนั้นขึ้นมา
แต่โชคดีที่ช่างไม้เหลียนไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่หยวนโจว
จู่ๆร้านก็ตกอยู่ในความเงียบและไม่มีผู้ใดเข้ามาข้างในไปสักพักหนึ่ง แม้แต่บุรุษร่างผอมสูงที่เดิมทีดูเหมือนเจ้าของร้านก็ยังหลบอยู่หลังประตูแผ่นป้ายชื่อร้านและไม่ยอมออกมาตอนที่เขาเห็นว่าหยวนโจวเริ่มคุยกับช่างไม้เหลียน
ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่หยวนโจวกับช่างไม้เหลียนอยู่ในร้านเท่านั้น หยวนโจวยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบายๆในขณะที่ช่างไม้เหลียนก็นั่งอยู่ตรงนั้น
“บอกตามตรงเลยนะ ผมไม่ได้ทำเฟอร์นิเจอร์มานานแล้ว แถมยังไม่ค่อยได้ฝึกมือไม้เลยด้วย” วิธีการที่ช่างไม้เหลียนใช้พูดชักจะจริงจังมากขึ้นทุกที
“อาจารย์เหลียนครับ ผมเชื่อในฝีมือของคุณนะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมาทันที “และประธานโจวก็เคยบอกว่าคุณเป็นช่างไม้ที่เก่งที่สุดในประเทศจีนเชียวนะครับ”
เนื่องจากเล่าเรื่องคำชมของโจวซื่อเจี๋ยให้ฟัง ช่างไม้เหลียนหยักยิ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อว่าโจวซื่อเจี๋ยจะแอบชมเชยเขาลับหลัง
จะว่าไปแล้วโจวซื่อเจี๋ยก็ไม่ค่อยได้พูดถึงเขาสักเท่าไหร่นักหรอก แต่กลับถ่ายภาพโต๊ะเครื่องแป้งของบุตรสาวเอาไว้ พูดตรงๆก็คือมันสวยมากเสียจนแม้แต่พวกโต๊ะเครื่องแป้งราคาแพงระยับพวกนั้นก็ไม่อาจเทียบกันได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นทุกวันนี้ยังมีคนน้อยมากที่จะมีความเชี่ยวชาญในเทคนิคข้อต่อชนิดเจาะรูกับเดือย แน่นอนว่าไม่นับสิ่งที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะได้มาเจอช่างฝีมือชื่อดังและนอกเหนือไปจากนั้น สิ่งที่จะใส่ลงในตู้ก็ล้วนแล้วแต่ล้ำค่ายิ่ง ดังนั้นหยวนโจวจึงอยากได้เฟอร์นเจอร์ชิ้นนั้นเอามากๆเลยล่ะ
หยวนโจวเอ่ยปากชื่นชมออกมาตรงๆเสียจนช่างไม้เหลียนแทบสำลักไปในทันที เขาหยุดไปสักครู่แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เรื่องทำตู้น่ะไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่ผมมีเงื่อนไขข้อนึง”
ช่างไม้เหลียนสังเกตสีหน้าของหยวนโจวเป็นพิเศษตอนที่เขากล่าวเช่นนั้นออกมา เมื่อเขาเห็นหยวนโจวเอาแต่สงบนิ่ง เขาก็ชักไม่พอใจขึ้นมาหน่อยๆจึงหยุดไปสักครู่เพื่อรอให้หยวนโจวพูดออกมาก่อน
“เงื่อนไขอะไรงั้นเหรอครับ?” เมื่อเห็นท่าทางของช่างไม้เหลียนแล้ว หยวนโจวก็พลันเข้าใจขึ้นมาในทันทีจึงถามออกไป
“เจ้าหนุ่ม เป็นเชฟชื่อดังไม่ใช่หรือไง? ผมเคยได้ยินชื่ออาหารจานนั้นมาก่อน แต่ผมยังไม่เคยเห็นหรือกินดูเลย ถ้าคุณสามารถทำให้ผมกินได้ล่ะก็ผมสัญญาว่าจะทำตู้ให้คุณฟรีๆก็ได้เลยเอ้า” ช่างไม้เหลียนดูค่อนข้างมั่นใจทีเดียวตอนที่กล่าวออกมาเช่นนั้น
“ผมสามารถรับรองได้เลยว่าตู้จะออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่คุณก็ต้องรับรองด้วยว่าอาหารจานนี้จะต้องทำให้ผมพึงพอใจเช่นกัน”
เขาพูดราวกับว่าค่อนข้างแน่ใจว่าหยวนโจวไม่สามารถทำได้หรอก
“มันคืออะไรเหรอครับ?” หยวนโจวขึ้นอย่างไร้ความกังวล เขาเตรียมพร้อมอยู่ในใจแล้ว
ด้วยฝีมือและความรู้อันมากมายในตอนนี้ของหยวนโจวทำให้เขาสามารถทำอาหารได้มากกว่าสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวการแข่งขันทำอาหารแต่อย่างใด
“ถั่วสามสี คุณเคยได้ยินไหมล่ะ?” ช่างไม้เหลียนกล่าวขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น