ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 886-894
บทที่ 886 หลอกกันแบบนี้เลยเหรอ?
Ink Stone_Fantasy
พอเรคพูดคำนี้ออกไป ฉินสือโอวก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เขารีบถามขึ้นมาว่า “ใช่ เรือขุนพลเคลย์ตัน ทำไมเหรอ เรือลำนี้มีปัญหาเหรอ?”
“พวกนาย ซ่าๆๆ ไม่มี? ซ่าๆๆ รอเดี๋ยว ซ่าๆๆ…” ไม่ได้ยินคำพูดต่อจากนั้นแล้ว ฉินสือโอวรู้ว่า นี่เป็นเพราะสัญญาณถูกรบกวน ครั้งที่แล้วบนเรือขโมยปลาของตระกูลมอร์รี่ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บนทะเล แต่อยู่บนท่าเทียบเรือของท่าเรือ สัญญาณไม่ควรจะเป็นอย่างนี้
รวมกับประโยคแรกเริ่มที่เรคพูดออกมา ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะไม่ได้รู้ปัญหาอย่างแน่ชัด แต่ในใจของเขาก็พอจะรู้อะไรบ้างแล้ว
เขาพาชาร์ค นีลเซ็น ซีมอนสเตอร์ แลนซ์ บูลแล้วก็เออร์บักมาด้วย เพื่อให้พวกชาวประมงช่วยตรวจสอบเรือ และถ้าเห็นว่าเหมาะสมแล้วคุณปู่จะได้ออกสัญญาได้เลยทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงเรียกคนใจนิ่งอย่างชาร์คมาอยู่ข้างๆ ตัว แล้วกระซิบเสียงเบาว่า “โทรศัพท์ไปหาแบล็คไนฟ์ ลงจากเรือไปโทรศัพท์ บอกให้พวกเขารีบมา พาพรรคพวกกับเอาเอกสารรับรองของพวกเรามาด้วย”
ชาร์คมีความรู้กับประสบการณ์ที่กว้างขวาง เขาเข้าใจนัยของฉินสือโอวได้ในทันที จึงแอบถามออกไปโดยไม่ให้ใครรู้ “มีปัญหาเหรอครับ? เรื่องเรือเหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า ชาร์ครอเรคอยู่ด้านล่าง หลังจากเรคมาถึงแล้ว เขาถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จะว่าไปแล้วเรือลำนี้ก็ดูแปลกๆ จริงๆ คาดไม่ถึงว่าบนเรือจะมีเครื่องรบกวนสัญญาณอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงโทรออกได้แล้ว
เรือใหญ่ลำนี้เมื่อดูจากด้านนอก ก็ดูมีพลานุภาพที่ไม่ธรรมดา หลังจากขึ้นมาบนเรือเมื่อกวาดตาดูอย่างคร่าวๆ ก็ถือว่าไม่เลว ดาดฟ้าเรือสะอาดสะอ้าน ราวเหล็กเคลือบสีป้องกันจนดูเงาวาวเหมือนกับผิวกระจก ติดตั้งและจัดวางอุปกรณ์ตกปลาได้อย่างเป็นแถวเป็นระเบียบ
แฮร์ริสันแนะนำของชิ้นต่างๆ บนเรือด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนฉินสือโอวก็พยักหน้ารับไม่หยุด ทว่าเขาเชื่อสายตาของตัวเองมากกว่า จึงสั่งให้พวกชาวประมงแยกกันไปตรวจดู
บนเรือมีกะลาสีเรือเชื้อสายอิตาลีร่างกายสูงใหญ่บึกบึนส่วนหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ ลมทะเลฤดูหนาวพัดมา คนพวกนี้สวมใส่ผ้ายีนผืนหนา และยังตั้งใจเปิดหน้าอกออก เผยให้เห็นขนหน้าอกสีดำเป็นหย่อมๆ ใบหน้ามืดครึ้ม ขาดก็แต่สลักตัวอักษรไว้บนใบหน้าว่า ข้าคือมาเฟีย!
แต่ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง ที่นี่คือท่าเรือนครเซนต์จอห์น ก่อนหน้านี้ในโทรศัพท์พวกเขาก็คุยกันอย่างดี ไม่ใช่การบังคับซื้อบังคับขาย แต่การที่มีกะลาสีเรือพวกนี้อยู่มันหมายความว่ายังไง ก็คล้ายว่าจะเป็นการยับยั้งป้องกันหรือเปล่า?
ชาวประมงไปตรวจสอบอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกของเรือประมง แต่กลับถูกพวกกะลาสีเรือขัดขวางเอาไว้ ชายหัวโล้นที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าบูลพูดด้วยท่าทางอึมครึมว่า
“อย่าทำให้พวกเราต้องทำงานล่าช้า เพื่อน ในนี้ไม่ใช่ที่ที่นายเข้าจะมาได้”
หันไปมองแฮร์ริสันกับกัปตันเรือ คนหลังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กะลาสีเรือของผมมีแต่พวกขี้หงุดหงิด แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าพวกคุณอยากจะดูอะไรก็บอกผม ผมจะพาพวกคุณไปดูเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดูห้องคนขับก่อนเถอะ” ฉินสือโอวไม่ได้ยืนกรานที่จะไปตรวจสอบเรือด้วยตัวเอง แต่แน่นอนว่า เขาจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
เรือใหญ่ขนาดแปดสิบกว่าเมตรสามารถพูดได้ว่าเป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งแล้ว พวกเขาเดินจากหัวเรือไปยังสะพานเรือที่อยู่ด้านหลัง ตลอดทางที่เดินมาฉินสือโอวรู้สึกพึงพอใจกับลักษณะภายนอกของเรือมาก
แต่หลังจากเข้ามาในห้องบังคับการตรงบริเวณสะพานเรือ ฉินสือโอวก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
ในเมื่อวางแผนว่าจะซื้อเรือใหญ่ ฉินสือโอวจึงศึกษาทำความเข้าใจความแตกต่างของเรือใหญ่กับเรือเล็กมาก่อนแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงห้องคนขับ แน่นอนว่าควรจะเรียกว่าห้องบังคับการเรือมากกว่า
โดยปกติแล้ว ห้องบังคับการเรือของเรือโดยสารกับเรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็กจะถูกวางไว้ที่บริเวณส่วนหน้าของเรือ แบบนี้จะทำให้มองออกไปได้ง่าย อย่างเช่นห้องบังคับการเรือของเรือฮาวิซทกับเรือแฟร์เวลที่อยู่ตรงปลายด้านหน้าของเรือ ใกล้กับดาดฟ้าเรือ
ส่วนห้องบังคับการเรือของเรือขนาดใหญ่จะอยู่ส่วนท้ายของบริเวณตรงกลาง เนื่องจากห้องเคบินเรืออยู่ตรงบริเวณด้านท้ายของส่วนกลาง ด้านบนห้องเคบินไม่เหมาะที่จะทำห้องแช่เย็น วางห้องบังคับการเรือไว้ด้านบนห้องเคบินจะสะดวกแก่การบังคับเรือ และช่วยให้ประหยัดปริมาตรบรรจุของเรือ
นอกจากนี้ เรือขนาดใหญ่จะต้องทำงานในมหาสมุทรน้ำลึก จะประสบกับคลื่นลมขนาดใหญ่ได้ง่าย เวลานี้หัวเรือจะสั่นสะเทือนรุนแรงที่สุดในระหว่างการเดินเรือ เป็นอันตรายต่อทั้งพนักงานผู้ขับเรือและอุปกรณ์การเดินเรือ
แต่ถึงแม้ว่าห้องบังคับการเรือจะอยู่ด้านหลังบริเวณตรงกลาง หลังจากประสบกับคลื่นลมก็จะยังสั่นสะเทือนอยู่เหมือนเดิม โครงสร้างของเครื่องมือจึงจำเป็นต้องแข็งแรงมากพอ เพื่อป้องกันไม่ใช้เสียการทรงตัว ป้องกันน้ำและป้องกันสนามแม่เหล็ก เป็นต้น ซึ่งมีเงื่อนไขอยู่เยอะมาก
หลังจากฉินสือโอวเข้ามาดูห้องคนขับ เรดาร์ หางเสือระบบอัตโนมัติ อุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมและอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ ก็มีอยู่ครบ เพียงแต่ว่าเป็นของที่เก่าเกินไป อีกทั้งเมื่อสังเกตดูอย่างละเอียด เครื่องมือเหล่านี้ก็มีการป้องกันที่ไม่แข็งแรงพอ ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการทำงานบริเวณทะเลลึกในระยะยาวได้
พวกชาวประมงเล่นเรือมาหลายสิบปี ซีมอนสเตอร์กับแลนซ์เคยเป็นต้นหนกับรองต้นหนมาก่อน ย่อมต้องคุ้นเคยกับของพวกนี้เป็นอย่างดี พอกวาดตามองพวกเขาก็เริ่มพากันส่ายหัว เห็นความไม่ชอบมาพากลได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรือไม่ใช่อุปกรณ์พวกนี้ ท่อเดินน้ำมัน ตัวเรือกับเครื่องยนต์ต่างหากที่เป็นจุดสำคัญ ถ้าเปรียบเรือเป็นร่างกายของคน ห้องเครื่องยนต์ก็จะเท่ากับหัวใจ ระบบท่อก็คือหลอดเลือดและระบบประสาท ส่วนตัวเรือก็คือกระดูกและกล้ามเนื้อ ถ้าชิ้นส่วนพวกนี้มีปัญหาไม่มาก แบบนั้นก็ยังใช้งานได้อยู่
หลังจากไปดูห้องเครื่องยนต์มาแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด ไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ออกมาจากโรงงานตั้งแต่เมื่อไร ป้ายยี่ห้อก็ไม่มี มีอัตรากำลังอยู่ที่เท่าไรก็ไม่รู้ เรือลำนี้คือขยะชัดๆ
ดังนั้นสีหน้าของฉินสือโอวจึงดูไม่ค่อยดีแล้ว แฮร์ริสันกับพรรคพวกเล่นตลกกับเขาแท้ๆ ทำให้เขาเสียเวลาไปเปล่าๆ!
เขาเดินออกมาจากห้องเครื่องยนต์ แฮร์ริสันยังคงถามเขาอย่างสนใจใคร่รู้ว่า “เพื่อน เป็นยังไงบ้างครับ เรือลำนี้ค่อนข้างใช้ได้เลยใช่ไหม? ซื้อมันไปเถอะ วันหนึ่งคุณจะรู้สึกว่าการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดอย่างแน่นอน!”
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มแล้วกำลังจะพูดออกมา ขณะนั้นก็มีคนเดินผ่านหัวเรือเข้ามา ซึ่งก็คือเรคกับชาร์คนั่นเอง
ก้าวฝีเท้าเร็วๆ เรคดึงฉินสือโอวมาอยู่ข้างๆ กัน จากนั้นจึงกระซิบกับเขาว่า “นายควรจะเล่าเรื่องเรือลำนี้ให้ฉันฟังก่อน! ให้ตายเถอะ นี่มันแก๊งต้มตุ๋น ฟัค เรือลำนี้มันคือเรือขยะชัดๆ ใช้งานไม่ได้โว้ย!”
ฉินสือโอวก็บอกกับเขาว่า “ไม่เป็นไร พวกเราก็แค่ไม่ต้องซื้อไง ฉันไม่เชื่อว่าอยู่ที่นครเซนต์จอห์นแล้วไอ้พวกนี้จะกล้าบังคับให้ซื้อหรอก พวกมันจะหลอกเราได้ยังไง?”
เรคจึงพูดด้วยความร้อนอกร้อนใจ “ไม่ นายไม่เข้าใจ พวกมัน…”
“คุณฉิน คุณจะซื้อเรือขุนพลเคลย์ตันไหมครับ? กรุณารีบตัดสินใจด้วยครับ” แฮร์ริสันเดินเข้ามาพูดกับเขา
ตัดสินใจกับผีน่ะสิ ฉินสือโอวพูดกับเขาอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ พวกเราไม่ซื้อ ขอโทษด้วยครับ”
แฮร์ริสันกลับไม่ได้พูดตื๊อต่อ เขายักไหล่แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ ดูท่าว่าพวกเราคงค้าขายกันไม่สำเร็จแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ตามที่เราตกลงกันไว้ คุณจะจ่ายค่าน้ำมันให้พวกเราครึ่งหนึ่งใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวก็ยักไหล่น้อยๆ เช่นกัน เขากล่าวว่า “ใช่ครับ รบกวนเอาใบเสร็จค่าน้ำมันให้ผมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะให้นักบัญชีของผมโอนเงินให้คุณ”
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ แฮร์ริสันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เขายื่นใบเสร็จที่เตรียมไว้มาให้ เมื่อฉินสือโอวเห็นจำนวนเงิน เขาก็หรี่ตาลงทันที ด้านบนเขียนตัวเลขจำนวนหนึ่งไว้อย่างชัดเจน 60,000C$ (HDF)
HDF คือตัวย่อของ heavy diesel fuel หมายถึงน้ำมันดีเซล
น้ำมันดีเซลสามารถแบ่งออกเป็น น้ำมันดีเซลเบา น้ำมันดีเซลกลางและน้ำมันดีเซลหนัก น้ำมันดีเซลเบาส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลสำหรับรถยนต์ รถแทรกเตอร์เครื่องยนต์ดีเซลความเร็วสูงต่างๆ แต่น้ำมันดีเซลกลางกับน้ำมันดีเซลหนักจะเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเรือ และเครื่องยนต์ดีเซลชนิดต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
น้ำมันดีเซลหนึ่งตันเท่ากับประมาณ 1200 ลิตร อิงจากราคาน้ำมันในแคนาดา ณ ตอนนี้ น้ำมันดีเซลหนักหนึ่งลิตรจะอยู่ที่หนึ่งแคนาดาโดยประมาณ นั่นหมายความว่า ครั้งนี้เรือขุนพลเคลย์ตันใช้น้ำมันดีเซลไปแล้วห้าสิบตัน?
จากแฮลิแฟกซ์มาถึงนครเซนต์จอห์น เรือประมงขนาดสองพันตันจะใช้น้ำมันดีเซลมากที่สุดหนึ่งตันในการเดินเรือหนึ่งครั้ง แล้วน้ำมันห้าสิบตันนี่มาได้ยังไง?
เรคยิ้มเจื่อนๆ ให้ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ เศรษฐีบ้านนอก คราวนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่าไอ้พวกแก๊งต้มตุ๋นอิตาลีชิงหมาเกิดมันหลอกคนยังไง?
บทที่ 887 ใครคือเจ้าแห่งปลา
Ink Stone_Fantasy
แฮร์ริสันกับพรรคพวกจ้องมองฉินสือโอวพร้อมกับแสยะรอยยิ้ม แววตาระคนหยอกล้อและความลำพองใจ แสดงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของคนอิตาลีออกมาอย่างถึงพระเดชพระคุณ
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เขาสะบัดใบเสร็จค่าน้ำมันในมือไปมาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เพื่อน ทำแบบนี้ไม่ถูกนะ เห็นแก่พระเจ้าเถอะ พวกคุณคงไม่อยากจะให้ผมจ่ายเงินสามหมื่นดอลลาร์หรอก ใช่ไหม?”
แฮร์ริสันแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “น่าเสียดายมากๆ ฉิน เพื่อนชาวจีนของผม ตอนนี้พระเจ้าช่วยคุณไม่ได้หรอก พวกเราต้องมีเกียรติแห่งการทำสัญญา ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวเก็บรอยยิ้มกลับมา แล้วถามเขาว่า “นี่พวกคุณเอาจริงเหรอ? จะแบล็กเมล์ผม?”
แฮร์ริสันโบกมือปัด หนึ่งในพวกเขาหยิบสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ที่พิมพ์เอาไว้แล้วออกมาจากในกระเป๋าใส่เอกสาร มีลายเซ็นที่มีชีวิตชีวาและมีพลังของฉินสือโอวอยู่ด้านบน หลังจากนั้นก็เอามาให้เขาดูแล้วพูดว่า “ดูสิ นี่ไม่ใช่การแบล็กเมล์สักหน่อย นี่คือเกียรติแห่งการทำสัญญา!”
สัญญาในตอนนั้นบอกไว้ว่าฉินสือโอวจะรับผิดชอบค่าน้ำมันครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าค่าน้ำมันครึ่งหนึ่งนั่นหมายถึงค่าน้ำมันของเรือที่ขับจากแฮลิแฟกซ์ไปถึงเซนต์จอห์นหรือค่าน้ำมันของเรือลำนี้หลังจากเติมน้ำมันเต็มถังแล้ว
แน่นอนว่าตอนนั้นฉินสือโอวถือว่ามันคือค่าใช้จ่ายจากแฮลิแฟกซ์มาที่นครเซนต์จอห์น นี่คือการคิดตามความเคยชิน
คนอิตาลีพวกนี้ใช้ประโยชน์จากการคิดตามความเคยชินของคนมาสร้างเป็นกับดัก เรคฝืนยิ้มให้ฉินสือโอวพร้อมกับแผ่มือออกแล้วพูดว่า “นายไม่ใช่คนแรกที่ถูกหลอกหรอก ฉิน ไอ้พวกชิงหมาเกิดพวกนี้หลอกคนมาไม่น้อยแล้ว”
ฉินสือโอวจึงถามเขาด้วยความกลัดกลุ้มว่า “พระเจ้า ที่นี่คือแคนาดานะ ไม่ใช่อิรักหรืออัฟกานิสถาน นายคงไม่ได้จะบอกฉันว่า คนแคนาดายอมถูกเอาเปรียบแบบนี้หรอกนะ? พวกเรามีศาล มีทนายนะ!”
ฉีกหน้ากากออกแล้ว แฮร์ริสันไม่สนใจแม้กระทั่งยางอายเขาหยิบสัญญาที่พิมพ์เอาไว้อีกหนึ่งฉบับออกมาสะบัดพร้อมพูดว่า “ขอโทษด้วยนะ พวกเรามีข้อตกลงร่วมกัน คนแคนาดาก็ต้องมีเกียรติต่อการทำสัญญา”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาขณะที่กำลังฉีกสัญญาที่อยู่ในมือ พร้อมกับพูดว่า “ฟัคยู ไอ้พวกอิตาลี ไปมีเกียรติต่อการทำสัญญากับแม่แกเถอะ!”
แฮร์ริสันหรี่ตาลง พูดว่า “โอ้ ไม่ๆๆ เพื่อน คุณคงไม่ได้คิดที่จะผิดสัญญาหรอกนะ?”
“ไม่มีสัญญา แล้วทำไมฉันถึงจะผิดสัญญาล่ะ?” ฉินสือโอวพูดอย่างเย็นชา “ที่ฉันไม่เอาผิดความขี้โกงของแก ก็ถือว่าเห็นแก่พระเจ้าแล้ว เข้าใจไหม?”
กะลาสีหัวโล้นคนที่ผลักบูลเป็นคนก้าวเข้ามาด้วยใบหน้ามืดครึ้มแล้วพูดว่า “ชัดเจนว่า คุณมหาเศรษฐี ก่อนที่คุณจะพูดคำนี้คุณคงไม่เคยสอบถามเบื้องหลังของพวกเรามาก่อน ถ้าคุณไม่อยากแหย่เจ้าแห่งปลาจากเกาะซิซิเลีย คุณก็ควรทำตัวให้มันดีๆ หน่อยนะ”
เกาะซิซิเลียของอิตาลีคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกของอำนาจเถื่อน ว่ากันว่ามาเฟียก็ก่อร่างสร้างตัวมาจากที่นี่ เพราะฉะนั้นที่กะลาสีหัวโล้นพูดชื่อสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะข่มขู่ฉินสือโอว
แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ เขายักไหล่แล้วตอกกลับไป “เจ้าแห่งปลา? แกบอกว่าใครเป็นเจ้าแห่งปลานะ?”
แฮร์ริสันจ้องเขาอย่างเย็นชา เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “ถ้าคุณเคารพกฎหมาย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เป็นคนดีที่เคารพกฎหมายและทำตามกฎเกณฑ์ ถ้าคุณคิดจะทำตัวคดโกง ก็คงต้องขออภัยด้วย แบบนั้นพวกเราต้องใช้กฎหมายของเกาะซิซิเลียมาคุยกับคุณแล้วล่ะ”
เออร์บักกระแอมไอออกมาหนึ่งครั้ง เขาโบกๆ มือแล้วกล่าวว่า “เพื่อนเอ๊ย ฉันว่าพวกนายเอาแต่มองข้ามผู้หลักผู้ใหญ่อย่างฉันมาตลอดเลย ฉันเป็นทนาย เป็นทนายของคุณฉินคนนี้”
เขาหันไปมองฉินสือโอว แล้วพูดกับเขาว่า “นายเซ็นสัญญาฉบับนี้ตั้งแต่เมื่อไร? ไม่รู้เหรอว่าก่อนเซ็นสัญญาจะต้องเอามาให้ฉันลองอ่านก่อนทุกครั้ง?”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ แล้วตอบกลับไปว่า “ใครจะคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกันล่ะครับ? ผมนึกว่าคนแคนาดาจิตใจใสสะอาด นึกว่าจะมีแต่คนดีๆ แบบชาร์คกับบูล”
ชาร์คกับบูลชนหมัดกัน พวกเขาพูดหยอกกันว่า “เฮ้ นายเป็นคนดีหรือเปล่า?”
แฮร์ริสันรู้สึกว่ามันแปลกๆ คนพวกนี้สบายใจเกินไปแล้ว ที่นี่ต้องเป็นสนามต่อสู้เจ้าถิ่นของเขาถึงจะถูก ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเหรอ?
เออร์บักส่ายหัวใส่แล้วพูดกับเขาว่า “นายเป็นเด็กที่คิดอะไรง่ายๆ จริงๆ เอาล่ะฉันขอถามหน่อย นายเซ็นลายเซ็นด้วยมือแล้วส่งแฟกซ์ไป หรือว่าใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เซ็นชื่อลงไปบนสัญญาอิเล็กทรอนิกส์?”
ฉินสือโอวยักไหล่ตอบว่า “ใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เซ็นชื่อไปครับ”
แฮร์ริสันมองดูทั้งสองคนเถียงกันด้วยความรำคาญ เขาพูดขัดขึ้นมาว่า “โอเค โอเค เพื่อนๆ ไม่ต้องคุยกันไร้สาระแล้ว พวกนายคิดจะไปฟ้องศาลกันใช่ไหม…”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” เออร์บักหยิบสัญญาฉบับนี้ขึ้นมาอ่าน แล้วพูดว่า “เพียงแต่ว่า คุณ ฉันขอโทษด้วยที่ต้องพูดอะไรสักหน่อย แต่สัญญาฉบับนี้ไม่มีผลทางกฎหมายหรอกนะ”
แฮร์ริสันยิ้มเย็น เขาตอบกลับมาว่า “เรื่องนี้พวกคุณจะพูดยังไงก็ได้ ผมเชื่อว่าศาลคงไม่คิดแบบนี้หรอก”
เออร์บักหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาปัดนิ้ว จากนั้นก็ยักไหล่แล้วพูดขึ้นมาว่า “ให้ตาย ไม่มีสัญญาณเหรอ? พวกนายปิดเครื่องรบกวนสัญญาณเถอะ ถ้าพวกเราคิดจะเรียกคนมา พวกนายก็ขวางไว้ไม่ได้หรอก”
แฮร์ริสันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เครื่องรบกวนสัญญาณอะไร…”
“ช่างเถอะ นายไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ก่อนหน้านี้ฉันดาวน์โหลดอีเมลฉบับนี้เอาไว้แล้ว เปิดตอนนี้เลยก็ได้” เออร์บักพูดจบแล้วจึงส่งมือถือไปให้แฮร์ริสัน จากนั้นจึงพูดต่อว่า “การขอความคุ้มครองทางกฎหมายเกี่ยวกับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ เห็นหรือยัง?”
พอแฮร์ริสันเห็นอีเมลที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ชะงักค้างไปแล้ว
ฉินสือโอวเตรียมตัวเปิดฉากต่อสู้แล้ว อย่างมากก็แค่เสียค่าปรับ ไม่เป็นไร เขามีเงิน แต่เขาทนฟังท่าทางการพูดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เขาจะฟาดพวกอิตาลีชาติสุนัขพวกนี้ให้เป็นบุญตาสักหน่อย
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนว่าจะดีขึ้นแล้ว?
ในตอนนี้เอง เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็ส่งเสียงคำรามพร้อมกับลอยผ่านมาจากบนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ตัวเครื่องสีแดงเปล่งแสงระยิบระยับอยู่กลางอากาศ ดูงดงามมาก
เปิดดูเนื้อหาด้านในโทรศัพท์อย่างละเอียด สีหน้าของแฮร์ริสันเปลี่ยนเป็นทดท้อใจขึ้นมาแล้ว หลังจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา เขาเก็บอารมณ์แล้วพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “แม่เอ๊ย ดูไม่ออกเลยว่าพวกนายเตรียมการมาดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกนายจะบอกว่าพวกนายจะคืนคำพูดแล้วปัดหนี้สินใช่ไหม?”
เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่บนบริเวณที่ว่างของท่าเรือ พอเปิดประตูออก ชายผิวสีรูปร่างบึกบึนก็กระโดดลงมา ต่อจากนั้นคนที่พากันลงมารวมแล้วมีทั้งหมดห้าคน หลังจากคนเหล่านี้ปรากฏตัวแล้วก็แยกย้ายกันไปดู ต่อจากนั้นก็บุกไปที่เรือขุนพลเคลย์ตันทันที
ฉินสือโอวถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นมัดกล้ามล่ำสันด้านในที่ถูกเสื้อสเวตเตอร์รัดรูปร่างเอาไว้ เขาพูดอย่างช้าๆ ไม่รีบไม่ร้อนว่า “ไม่ได้แค่จะพูดปัดหนี้สินนะ พวกแกอยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? ดีมาก ฉันไม่ได้จะให้เงินพวกแกแค่สามหมื่น แต่จะให้พวกแกหกหมื่น!”
นีลเซ็นกับพวกชาวประมงเข้าไปเผชิญหน้าด้วยยิ้มอย่างไม่ประสงค์ดี กะลาสีหัวโล้นจึงพูดอย่างเหยียดหยามว่า “พวกแกคิดว่า คนอย่างพวกแกจะเอาอะไรมาสร้างเรื่องใหญ่บนเรือของพวกเราได้?”
ฉินสือโอวชี้ไปทางด้านหลัง “ยังมีพวกเขาอีก”
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ทั้งห้าคนปีขึ้นมาบนเรือ กะลาสีคนหนึ่งเข้าไปขวางพวกเขาไว้ แบล็คไนฟ์วิ่งนำหน้าบุกเข้ามาก่อน พุ่งเข้ามาถึงข้างตัวกะลาสีทันที มือใหญ่ฟาดลงไปที่หัวของเขา กดกะลาสีคนนั้นลงกับพื้นได้ในทันที!
รวดเร็วและเด็ดขาด!
ด้านหน้าคือฉินสือโอวกับพรรคพวก ด้านหลังมีแบล็คไนฟ์ กับเบิร์ดเหล่าทหารรับจ้างทั้งห้า พวกคนอิตาลีถูกปิดล้อมไว้ตรงกลาง
แฮร์ริสันเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงตะโกนเสียงสูงออกมา เสียงภาษาอิตาลีลอยออกไปด้วยความโกลาหล กะลาสีที่กำลังจัดเก็บกวาดเรืออยู่ก็พากันวิ่งมาออกมาทั้งหมด
พวกเขาเตรียมตัวมารังแกฉินสือโอวเป็นอย่างดี ดังนั้นคนที่พามาด้วยจึงมีอยู่ไม่น้อย เป็นจำนวนยี่สิบกว่าคน
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ไม่ชายตามอง พวกเขาดึงเข็มขัดออกมา ฉินสือโอวนึกว่าพวกเขาจะหยิบเข็มขัดที่เป็นอาวุธพิเศษของกองทัพปลดปล่อยประชาชนออกมา แต่ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเขาหยิบออกมาคือกระบองเหล็กยืดได้
ค่อยๆ ดึงกระบองเหล็กออกมา แบล็คไนฟ์ถามกับฉินสือโอวว่า “บอส?”
ฉินสือโอวแสดงท่าทีบอกให้พวกเรารอก่อน หลังจากนั้นจึงเผยรอยยิ้มให้กับแฮร์ริสัน “ขอแนะนำตัวให้ฟังก่อนนะ ห้าคนที่อยู่ด้านหลังพวกแกเป็นทหารเก่าปลดประจำการจากหน่วยเดลตาของอเมริกา ขอถามอีกครั้ง ฟัคยู เมื่อกี้แกบอกว่าใครเป็นเจ้าแห่งปลานะ?”
บทที่ 888 ยังควรค่าแก่การซื้อ
Ink Stone_Fantasy
มีเพียงแต่กะลาสีหัวโล้นคนนั้นที่ยังมีความกล้าหาญเหลืออยู่บ้าง เขาหมุนตัวกลับไปต่อยแบล็คไนฟ์หนึ่งหมัดอย่างไม่เชื่อคำที่ฉินสือโอวพูด หลังจากนั้นก็ถูกแบล็คไนฟ์ตีจนล้มลงไปบนพื้น!
แบล็คไนฟ์เหวี่ยงกระบองเหล็กลงไปบนแขนของกะลาสีหัวโล้นหนึ่งที ต่อจากนั้นจึงก้าวเท้าเข้าไปจับกะลาสีหัวโล้นทุ่มแบบยูโด ‘ปัง’ กระแทกกับแผ่นเหล็กเสียงดังตรงหางเรือ
คนที่สังเกตการต่อสู้อยู่ต่างก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ฉินสือโอวรู้สึกเจ็บแทนกะลาสีหัวโล้น แบล็คไนฟ์ในตอนนี้ไม่มีความปรานีเลยจริงๆ
หลังจากแบล็คไนฟ์แสดงความสามารถออกมา แก๊งต้มตุ๋นชาวอิตาลีพวกนี้ก็เริ่มทำตัวดีขึ้น นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกผิดหวังมากๆ พวกคนขี้ขลาดที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า เป็นพวกที่ชวนให้คนรู้สึกดูถูกที่สุดแล้ว
ตอนแรกฉินสือโอวคิดว่าทั้งสองฝั่งจะใช้กำลังปะทะกัน เขาถึงกับให้เบิร์ดเอาหนังสือรับรองการเป็นทหารอาสาสมัครมาด้วย ดังนั้นขอแค่ไม่สู้กันจนถึงแก่ชีวิต ที่เหลือเขาก็แค่ไปจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจ
แต่ปรากฏว่าหลังจากโดนตีไปแล้วหนึ่งราย พวกคนที่เหลือก็พากันถดตัวเข้าหากันอย่างขี้ขลาดตาขาว แม้แต่จะมองดูฉินสือโอวตรงๆ ก็ยังไม่มีใครกล้าทำ!
“ฟัคยู!” ฉินสือโอวจิ้มหน้าอกของแฮร์ริสัน “แกคิดว่าฉันเป็นคนจีนแล้วจะจัดการได้ง่ายใช่ไหม? มาสิ ลองรังแกฉันดู พวกอันธพาลจากเกาะซิซิเลีย เข้ามาจัดการฉันสิ!”
แฮร์ริสันจะร้องไห้แล้ว ที่แฮร์ริสันพูดว่าเป็นเจ้าแห่งปลา เขาก็แค่ทำอวดเบ่งไปอย่างนั้น แต่ปรากฏว่าตอนนี้พวกเขาได้พบกับเจ้าแห่งปลาตัวจริงที่เก่งกาจเข้าให้แล้ว
เออร์บักเข้ามาจับฉินสือโอวไว้ แล้วพูดกับเขาว่า “ช่างมันเถอะ ฉิน ถือซะว่าพวกเรามาดูตัวตีนโตก็แล้วกัน ลดตัวไปยุ่งกับคนพวกนี้ ไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่นิดเดียว ใช่ไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวควักบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ออกมาแล้วพูดกับพวกคนอิตาลีว่า “พวกแกอยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? ฉันมีเงินนะ มาสิ ให้ตาย ขอแค่พวกแกกล้าลงมือกับฉัน ฉันจะพาพวกแกไปส่งเข้าไอซียูแน่! มาเอาค่ารักษาชีวิตสักล้านก่อนเป็นไง? ฉันจ่ายไหวนะ ฉันไม่รู้สึกกดดันแม้แต่นิดเดียว”
พวกคนอิตาลีรีบถอยไปข้างหลัง แม้กระทั่งไอ้โล้นก็ไม่กล้าซ่าแล้ว จึงหดตัวก้าวถอยไปด้านหลัง
แบล็คไนฟ์กระตุกคิ้ว เขายื่นมือออกไปจับขนหน้าอกหนาๆ ยาวๆ ของกะลาสีหัวโล้น กำลังจะอ้าปากพูด แต่ปรากฏว่าพอจับไว้ได้ขนสีดำก็ถูกดึงออกมาเป็นหย่อมใหญ่
ได้ยินเสียง ‘ซวบ’ ดังขึ้นมา ฉินสือโอวจึงหันหน้ากลับไปดู เขาเห็นแบล็คไนฟ์กำลังถือขนสีดำหย่อมหนึ่งอยู่ในมือ ส่วนกะลาสีหัวโล้นร่างกายบึกบึนคนนั้นก็กำลังกุมหน้าอกร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น
ฉินสือโอวตะลึงค้าง นายทหารคงไม่ได้กะจะฆ่าให้ตายหรอกใช่ไหม? ให้ตายเถอะแบล็คไนฟ์โหดเหี้ยมมากเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะกระชากขนหน้าอกไอ้เด็กดวงตกคนนั้น? นี่มันเจ็บปวดทรมาณมากพอแล้วจริงๆ!
เบิร์ดกลัวว่าทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัส จึงเข้ามาดึงแบล็คไนฟ์เอาไว้ แบล็คไนฟ์เจ็บใจเป็นอย่างมาก เขาชูขนสีดำขึ้นมาแล้วร้องตะโกนว่า “ฟัค! ไอ้พวกแก๊งต้มตุ๋น! นี่มันเป็นของปลอม! ขนหน้าอกของพวกมันเป็นของปลอม!”
ฉินสือโอวเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผิวบริเวณหน้าอกของชายหัวโล้นร่างกายสูงใหญ่คนนั้นเป็นรอยแดง ทว่าไม่มีรอยแผลกับรอยเลือด ขนหน้าอกพวกนี้เป็นของที่เขาติดไว้เพื่อทำให้ดูโหดเหี้ยมดุร้าย…
คู่ต่อสู้แบบนี้ไม่มีค่าเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้ายังสู้กับพวกเขาต่อไปจะเป็นการดูถูกพวกนายทหาร ฉินสือโอวจึงพูดกับเออร์บักอย่างจนปัญญาว่า “ช่างมันเถอะ แจ้งตำรวจเถอะครับ ปล่อยให้พวกตำรวจมาจัดการเรื่องนี้เถอะ”
พอได้ยินว่าจะแจ้งตำรวจ พวกคนอิตาลีก็พากันลนลานขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว แฮร์ริสันเข้ามาจับเข้าไว้แล้วพูดกับเขาว่า “ไม่เอาน่า เพื่อนชาวจีนของเรา บางทีอาจจะเกิดความเข้าใจผิดระหว่างพวกเรานิดหน่อยใช่ไหมล่ะ?”
“เข้าใจผิดบ้านแกสิ” ฉินสือโอวผลักแฮร์ริสันออกด้วยความรังเกียจ กล่าวว่า “ฉันจะไม่รังแกพวกแก เรื่องนี้พวกเราจะแค่แจ้งความเท่านั้น แต่ฉันไม่ได้จะให้แกมาเล่นลูกไม้อะไรกับฉันหรอกนะ!”
แฮร์ริสันตีหน้าเศร้าพูดกับเขาว่า “ไม่ๆๆ พวกเราไม่ได้จะเล่นลูกไม้อะไร ที่จริงพวกเราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ เท่านั้น แค่อยากจะหลอกเอาเงินมาประทังชีวิต ที่บ้านของพวกเรามีเมียมีลูกให้ต้องดูแล คุณต้องเป็นผู้อพยพแน่ๆ คุณต้องรู้อยู่แล้วว่าผู้อพยพมีชีวิตที่ลำบากขนาดไหน พวกเราถูกบีบบังคับต่างหากล่ะ”
ฉินสือโอวมองละครปาหี่ของนักต้มตุ๋นพวกนี้ออกหมดแล้ว อย่างแรกก็เล่นละครตบตาไปก่อน ถ้าหลอกไม่สำเร็จก็วางท่าเป็นอันธพาล ถ้าวางท่าเป็นอันธพาลไม่ได้ค่อยทำตัวน่าสงสารเรียกร้องความเห็นใจ จะปล่อยให้คนแบบนี้ทำตามใจไม่ได้ ต้องแจ้งตำรวจ ให้ตำรวจมาตรวจสอบ นี่นับว่าเป็นคดีฉ้อโกงแล้ว
ตำรวจแคนาดาไม่เหมือนตำรวจที่จีน พวกเขาไม่มีทางเล่นปาหี่ให้ปรับความเข้าใจกันเองอะไรแบบนั้น ขอแค่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าทำผิดกฎหมาย ก็จะไม่มีการลูบหน้าปะจมูกอย่างแน่นอน
ยิ่งฉินสือโอวสามารถเข้าไปแจ้งกับแฮมเล็ตไว้ล่วงหน้าได้ด้วยแล้ว ท่านนายกเทศมนตรีที่เพิ่งจะกลับมารับตำแหน่งอีกครั้งจะต้องยินดีที่จะแสดงทักษะทางด้านกฎหมายให้ประชาชนในพื้นที่ได้เห็นอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าตัวเองแกล้งทำตัวน่าสงสารไปก็ไม่มีประโยชน์ แฮร์ริสันจึงกัดฟันพูดว่า “คุณฉิน เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเรามาคุยกันดีกว่า พวกเราจะขายเรือให้คุณ ขายให้คุณราคาต่ำๆ…”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ ตัดคำที่เขาจะพูด “ล้อฉันเล่นหรือเปล่า? ถึงตอนนี้ยังอยากจะขายเรือให้ฉันอยู่อีกเหรอ? ฉันจะซื้อกลับไปทำอะไร? เอาไปจอดเทียบท่าทำเป็นของที่ระลึกเหรอไง?”
แฮร์ริสันยิ้มไปพร้อมกับเขา “ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว คุณฉิน คุณก็เห็นแล้ว ว่าเรือของพวกเราลำนี้มีแค่เครื่องยนต์กับอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ในห้องบังคับการเรือเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยนใหม่ ในความเป็นจริงส่วนนอกของเรือลำนี้ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น มันแทบจะไม่เคยไปทะเลที่อยู่ไกลจากแผ่นดินเลยด้วยซ้ำ แผ่นเหล็กทุกแผ่นล้วนแต่สมบูรณ์แบบ คุณแค่ต้องใช้เงินเปลี่ยนเครื่องยนต์กับติดตั้งอุปกรณ์ใหม่เล็กน้อย มันก็จะกลายเป็นเรือดีๆ ลำหนึ่งแล้ว”
ไม่ปล่อยโอกาสให้ฉินสือโอวได้พูด แฮร์ริสันพูดด้วยความรวดเร็วว่า “แล้วผมก็รู้ด้วยว่า คุณจะรีบออกทะเลใช่ไหมล่ะ? คุณต้องการเรือสักลำอย่างเร่งด่วนเลยใช่ไหม? ผมรู้ว่าคุณมีเงิน แต่ถ้าคุณจะต่อเรือลำใหม่ แบบนั้นต้องใช้เวลาครึ่งปี แต่ถ้าปรับแต่งเรือลำนี้ใหม่ แค่สองเดือนก็ใช้ได้แล้ว! ใช่แล้ว ใช้เวลาแค่สองเดือน!”
พอพูดจบ แฮร์ริสันก็จ้องมองฉินสือโอวด้วยความกระวนกระวายใจ
แบบนี้ ฉินสือโอวก็ยังแอบใจเต้นอยู่นิดหน่อยจริงๆ วินนี่ท้องได้สี่เดือนกว่าๆ แล้ว ยังมีเวลาอีกห้าเดือนก่อนจะคลอด ช่วงหนึ่งเดือนก่อนที่วินนี่จะคลอดลูกและภายในหนึ่งปีหลังคลอดลูกแล้ว ตอนนั้นเขาแทบจะอยู่ห่างจากบ้านไม่ได้เลย
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าปีต่อไปเขาออกทะเลไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นแผนการเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกก็จะล่าช้าออกไปครึ่งปี
เมื่อเห็นว่ามีโอกาสให้ฉกฉวยลงมือได้ แฮร์ริสันจึงรีบพูดต่อว่า “พูดกันตรงๆ เถอะ คุณฉิน นี่เป็นเรือดีๆ ที่พวกเราได้มาจากยูเครน เดิมทีเรือลำนี้ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานของเรือรบ เพียงแต่คุณก็รู้ว่า ยูเครนขาดแคลนเงินทุน ไม่กี่ปีมานี้มีอะไรพวกเขาก็ขายทิ้งหมด พวกเราเลยอาศัยช่วงจังหวะนี้ถึงได้เรือลำนี้มา”
“แต่ว่าน่าเสียดายมาก ที่สภาพการเงินของพวกเราก็ไม่ได้ดีเหมือนกัน หลังจากซื้อเรือลำนี้มาก็ไม่มีเงินที่จะเอามาติดตั้งอุปกรณ์ให้เทียบเทียมกันกับตัวตนของมัน แต่ถ้าอยู่ในมือคุณมันจะแตกต่างกัน คุณมีเงินมีอำนาจเป็นคนใหญ่คนโต ไม่ใช่หรอกเหรอ?”
“ผมกล้ารับประกันเลยนะ คุณฉิน คุณไม่มีทางได้เจอกับเรือที่มีตัวเรือมีความแข็งแรงโดดเด่นยิ่งกว่าเรือขุนพลเคลย์ตันอีกแล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณจะให้เพื่อนคุณที่รู้เรื่องนี้มาลองดูก็ได้ ผมไม่ได้โกหก!”
ฉินสือโอวเงียบไปสักพัก เขาไปหาเรค แล้วถามเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับเรือลำนี้
ไม่เสียแรงที่เรคเป็นผู้รอบรู้แห่งมหาสมุทรนครเซนต์จอห์น เขายืนยันคำพูดของแฮร์ริสัน บอกว่าเปลือกนอกของเรือลำนี้ดีมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงล่อให้คนมาติดกับไม่ได้มากขนาดนั้น
ฉินสือโอวให้เรคไปหาเพื่อนที่เป็นวิศวะกรในอู่ต่อเรือมาทำการตรวจสอบเรือลำนี้ ผลสุดท้ายเต็มไปด้วยเรื่องดีๆ เรือลำนี้มีระดับความแข็งแกร่งของตัวเรือที่สูงมาก สูงยิ่งกว่าเรือที่ผลิตออกมาจากอุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนทุกลำ
เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ฉินสือโอวก็ไปหาพวกคนอิตาลี ยัดบุหรี่ให้แฮร์ริสันหนึ่งมวนแล้วพูดกับเขาว่า “เอาล่ะ บอกราคาฉันมา พวกแกจะขายตัวเรือของเรือลำนี้เท่าไร? ฉันต้องการราคาเดียวเท่านั้น ถ้าพวกแกไม่เอาก็ไปขี่มอเตอร์ไซค์ตำรวจ RCMP เถอะ”
พอพูดเรื่องธุรกิจ แฮร์ริสันก็ฟื้นคืนความฉลาดหลักแหลมของเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว เขาชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว แต่พอเห็นสีหน้าของฉินสือโอวที่เปลี่ยนไป ปากเขาก็พูดออกมาว่า “สามล้านห้าแสน!”
“สามล้าน ถ้าไม่อยากขายก็ช่างมันแล้ว จะเอาราคานี้เท่านั้น!” ฉินสือโอวกล่าว
บทที่ 889 บูลน้อย
Ink Stone_Fantasy
สามล้าน ในที่สุดพวกอิตาลีก็ยอมประนีประนอม แล้วขายเรือลำนี้ให้กับฉินสือโอว
ถึงแม้ว่าตอนนี้แฮร์ริสันจะรู้สึกกลัวฉินสือโอว แต่เมื่อคุยเรื่องธุรกิจเขาก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียวเหมือนกัน เขายอมให้ฉินสือโอวแจ้งตำรวจให้มาจับพวกเขาไปสอบสวน แต่จะไม่ยอมขายเรือใหญ่ยูเครนลำนี้ในราคาต่ำเด็ดขาด
ที่เขายอมตกลงขายในราคาสามล้าน เป็นเพราะฉินสือโอวไม่ยินดีที่จะซื้อเครื่องยนต์กับอุปกรณ์จับปลาในห้องบังคับการเรือมา รวมถึงหางเสือระบบอัตโนมัติกับจีพีเอสและอุปกรณ์การสื่อสารผ่านทางดาวเทียมด้วย เขารับปากว่าจะคืนให้พวกอิตาลีทั้งหมด
เขาเชื่อว่าต่อให้พวกอิตาลีใช้ของพวกนี้ ก็ยังเอาไปหลอกขายได้หลายแสนอยู่ดี
หลังจากซื้อเรือแล้ว ฉินสือโอวก็ติดต่อไปยังทางด้านอุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอน ให้พวกเขารับหน้าที่ติดตั้งชุดเครื่องยนต์ครบวงจร หางเสือ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยและวงจรทำความเย็น นอกจากนี้ต้องปรับปรุงห้องโดยสารของลูกเรือ ห้องกิจกรรม ห้องทานอาหารและห้องเคบินต่างๆ ของเรืออีกด้วย
เขาจะเปลี่ยนเรือลำนี้ให้กลายเป็นเรือประมงที่มีความหรูหรา
นอกจากลำเรือกับตัวถังน้ำมันของเรือ ก็แทบจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด อีกทั้งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทางด้านโพไซดอนได้ประมาณการค่าใช้จ่ายขั้นต้นไว้คร่าวๆ ว่า จะต้องใช้เงินสองล้านถึงสามล้าน!
แต่เวลาที่ได้จะเร็วกว่า มากที่สุดก็แค่สองเดือนครึ่ง พอดีกับที่ฉินสือโอวจะกลับจีนไปฉลองปีใหม่พอกลับมาถึงก็สามารถมารับเรือได้เลย
เมื่อมองแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดนหลอกอย่างเดียว แต่ยังได้รับผลสำเร็จมาด้วย ในที่สุดเขาก็มีเรือประมงจับปลาน้ำลึกลำแรกแล้ว นี่เป็นเรือใหญ่ขนาดแปดสิบกว่าเมตร ที่เป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ในมหาสมุทรของเขา!
เมื่อจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เทศกาลคริสต์มาสก็กำลังจะมาถึง ฉินสือโอวกำลังเตรียมตัวจะจัดเทศกาลคริสต์มาสของปีนี้อย่างคึกคัก ปีที่แล้วไปฉลองที่บ้านของวินนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ฉลองเทศกาลคริสต์มาสในพื้นที่ของตัวเอง
แต่ปรากฏว่า บูลก็มาหาเขา แล้วเกาหัวพูดกับเขาว่า “กัปตัน ผมจะขอลาหยุด ประมาณหนึ่งสัปดาห์ครับ”
ฉินสือโอวจึงถามเขาว่า “ไปทำอะไรเหรอ? ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วน มาขอลาพักอีกทีตอนหลังเทศกาลคริสต์มาสจะดีที่สุด”
“ไม่ได้ครับ กัปตัน วันกำหนดคลอดของแอนนาอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส!” บูลยิ้มอย่างซื่อๆ “ผมต้องอยู่กับเธอ เธอใกล้จะคลอดแล้วนะครับ”
ฉินสือโอวชะงักไปทันที เขาถามบูลด้วยความประหลาดใจว่า “แอนนา? แอนนาท้องเหรอ? โอ้ นายเคยบอกฉันแล้ว ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย! ฟัค ให้ตายเถอะความจำฉัน ฉันกลายเป็นตาแก่แล้ว ฉันอาจจะมีภาวะโรคสมองเสื่อมก็ได้! พระเจ้า บูล นายนี่มัน…”
จะโทษว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้ บูลเคยเล่าให้เขาฟังคร่าวๆ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และปกติแอนนาจะไม่ได้มาที่ฟาร์มปลา บูลก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลา พวกเขามีบ้านอยู่ในเขตพื้นที่อาศัยหนึ่งหลัง
ฉินสือโอวต้องยอมให้ลางานอย่างง่ายๆ อยู่แล้ว เขาบูลพักเป็นเวลาครึ่งเดือน ให้เขาอยู่บ้านกับลูกกับภรรยาดีๆ นี่เป็นลูกคนแรกของบูล อีกทั้งบูลก็อายุไม่น้อยแล้ว แก่กว่าเขาตั้งสองปีแน่ะ
หลังจากอนุมัติวันลาแล้ว ฉินสือโอวก็ถามเขาว่า “ติดต่อโรงพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง? เตรียมตัวทั้งหมดไว้ยังไงบ้าง? เพื่อน ฉันขอถามหน่อย ตอนนี้นายยังขาดอะไรอยู่ไหม? ถ้ามีความจำเป็นอะไรก็บอกฉัน ฉันจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่”
วินนี่พูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เรียบร้อยแล้วค่ะ ที่รัก บูลเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันเคยไปตรวจที่นครเซนต์จอห์นพร้อมกันกับแอนนา เธอแข็งแรงดีมาก อีกไม่นานบูลก็จะมีเจ้าชายตัวน้อยน่ารักๆ แล้ว”
“ไม่หรอกครับ นายหญิง เขาไม่ใช่เจ้าชายน้อย เขาเป็นลูกวัวน้อยครับ” บูลพูดยิ้มๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ผมร้อนใจอยากต้อนรับเขาไวๆ แล้ว พระเจ้า ผมนึกภาพไม่ออกเลย ชีวิตข้างหน้าจะต้องสวยงามมากจริงๆ”
ฉินสือโอวเข้าไปกอดกับบูล ออกแรงตีหลังเขาแล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ใช่แล้ว จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ แน่นอนเพื่อน นายมีลูกชายแล้วคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ”
ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกของบูลได้เป็นอย่างดี เขากำลังจะกลายเป็นพ่อคนแล้ว สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ความรู้สึกนี้มันพิเศษมากจริงๆ และยังสุดยอดมากๆ ด้วย
วันกำหนดคลอดของแอนนาคือหนึ่งวันก่อนเทศกาลคริสต์มาส ฉินสือโอวใช้เรือแฟร์เวลพาเธอไปส่งที่นครเซนต์จอห์น ชาวประมงร่วมกันแสดงพลัง พวกเขาหลายคอยอยู่ข้างๆ บูล
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ แสดงความรักใคร่ฉันมิตรของพวกเขาออกมา เหล่าทหารรับจ้างร่วมมือกันสร้างกระท่อมหลังเล็กขึ้นมาหนึ่งหลัง ฉินสือโอวเห็นพวกเขาทำกระท่อมที่เด็กๆ น่าจะชอบ ใจของเขาก็กระตุกขึ้นมา เขาเรียกทุกคนมาหาแล้วพูดว่า “เพื่อนๆ พวกนายดูสิ ฟาร์มปลาของพวกเรามีที่ว่างมากมายขนาดนี้ ทำไมพวกเราไม่สร้างสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ สักแห่งกันล่ะ?”
นีลเซ็นพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นว่า “บอสพูดถูก ใช่แล้ว พวกเราก็อาจจะมีลูก ถ้าฟาร์มปลามีสนามเด็กเล่นสักแห่ง มันจะเป็นเรื่องที่ดีขนาดไหน?”
“แล้วก็ยังมีสวนดอกไม้ด้วย” เออร์บักพูดด้วยอารมณ์คึกคัก “วินนี่รอสวนดอกไม้ของนายจนดอกไม้ของเธอแห้งเหี่ยวไปแล้ว!”
พอพูดถึงเรื่องนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกละอายใจอยู่บ้างเหมือนกัน ตอนแรกฤดูใบไม้ผลิปีนี้เขาคิดว่าจะบุกเบิกที่ว่างเพื่อทำสวนดอกไม้สักแห่ง แต่เป็นเพราะไร่องุ่น เรื่องนี้เลยล่าช้าออกไป
ต่อให้เออร์บักไม่เตือน ฉินสือโอวก็จำได้ เขาจึงพูดไปว่า “สวนดอกไม้ต้องรอจนน้ำแข็งบนพื้นดินละลายหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก่อนครับ ผมจะสร้างสวนดอกไม้ขนาดใหญ่แน่นอน สร้างไว้ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงนั่นแหละครับ วางโครงการว่าจะทำให้ทุกส่วนของฟาร์มปลาแห่งนั้นกลายเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่”
“แต่ว่า” เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “นี่จะไม่ขัดแย้งกันใช่ไหม? พวกเราก็สร้างมันให้เป็นสนามเด็กเล่นเล็กๆ ได้ด้วย”
แบล็คไนฟ์กับคนอื่นๆ คุ้นชินกับความลำบากของการทำงานพวกนี้ จึงพากันเตือนเขาว่า “นี่จะเป็นการก่อสร้างครั้งใหญ่เลยนะครับ”
ฉินสือโอวก็ยืนกรานว่า “แต่เพื่อเด็กๆ ทั้งหมดมันก็คุ้มค่า ไม่ใช่เหรอ?”
ทุกๆ คนพากันพยักหน้า เมื่อเจ้านายออกคำสั่งแล้ว พวกเขาแค่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาก็พอ
วันที่ 22 ฉินสือโอวให้เหล่าทหารรับจ้างหยุดพัก ครอบครัวของพวกเขาอยู่ที่อเมริกากันทั้งนั้น จะได้ให้พวกเขากลับไปอยู่กับครอบครัว อีกทั้งยังให้เงินเดือนล่วงหน้าสองเดือนไว้กับพวกเขาอีกด้วย พวกนายทหารจะได้รับประกันได้ว่าตัวเองมีเงินมีทองอย่างมั่งคั่ง
แบล็คไนฟ์บอกว่าพวกเขาควรจะแบ่งกันกลับเป็นกลุ่มถึงจะดีที่สุด ป้องกันไว้เผื่อจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
ฉินสือโอวโบกมือปัด บอกกับพวกเขาว่า “ไม่จำเป็นหรอก เพื่อน ช่วงเทศกาลคริสต์มาส กระทั่งซานต้ายังเลือกที่จะฉลองเทศกาล ใครจะมาสร้างความวุ่นวายให้ฟาร์มปลาของพวกเราในเวลานี้กัน? ที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้ใครมากมายขนาดนั้น ใช่ไหมล่ะ?”
บีบีซวงก็คิดว่าพวกเขาควรจะผลัดกันกลับเป็นกลุ่มจะดีกว่า “ในความเป็นจริงนะครับบอส เมื่อก่อนตอนที่พวกเราเป็นทหารหรือทหารรับจ้าง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีโอกาสฉลองวันคริสต์มาสกับที่บ้านมาก่อน ครอบครัวของพวกเราก็ชินแล้ว พวกเราวิดีโอคอลหาพวกเธอก็พอแล้ว”
ฉินสือโอวตบแขนของพวกนายทหารพร้อมกับพูดว่า “เอาล่ะๆ ฟังฉันนะ ตอนนี้พวกนายไม่ใช่ทหารแล้ว กลับบ้านไปดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกนายเถอะ!”
เขาพอใจกับนายทหารทั้งห้าคนเป็นอย่างมาก เบิร์ดพูดถูกแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะอายุกับพรสวรรค์ พวกเขาถึงไม่ได้เป็นนายทหารระดับสูงที่ต่อสู้อยู่ในสนามรบอีกต่อไป ทว่า วันเวลาสอนให้พวกเขารู้จักกับภาระหน้าที่ ความซื่อสัตย์ที่พวกเขามีต่อฟาร์มปลาและการทำงานถึงจะเป็นสิ่งที่ฉินสือโอวต้องการ
ในความเป็นจริงแล้ว ฟาร์มปลาไม่ได้มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยหรืออันตรายอะไร พวกชาวประมงอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ชาวประมงกันแทบจะทุกคน พวกเขาอยู่ที่ฟาร์มปลาเพื่อฉลองวันคริสต์มาส นอกจากนี้เบิร์ดกับนีลเซ็นก็ไม่กลับบ้าน เบิร์ดไม่มีครอบครัวเหลืออยู่แล้ว ส่วนนีลเซ็นก็มักจะกลับบ้านเป็นปกติอยู่แล้ว
คืนวันที่ 24 คือคืนวันคริสต์มาสอีฟ ไฟทุกดวงในฟาร์มปลาได้เปิดขึ้น ส่องแสงจนฟาร์มปลาขนาดใหญ่สว่างราวกับเวลากลางวัน
ท้องฟ้าด้านนอกมีดอกไม้ไฟสีสันสวยสดส่องสว่างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ฉินสือโอวพาเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ที่เหลือมาจุดดอกไม้ไฟเล่นที่สนามหญ้า ขณะที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา พอเห็นว่าเป็นบูล เขาก็รีบกดรับสายโทรศัพท์ทันที
“กัปตัน พระเจ้าคุ้มครอง ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกครับ! เป็นลูกวัวที่ทั้งซนทั้งแข็งแรง เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ! ฟาร์มปลาของพวกเราได้เด็กผู้ชายเพิ่มมาอีกแล้วครับ!”
บทที่ 890 คริสต์มาสครั้งที่ 2
Ink Stone_Fantasy
วันคริสต์มาสอีฟเป็นวันที่สำคัญมาก โดยทั่วไปแล้วทุกครอบครัวจะมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อรับเอาความสุขจากความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของครอบครัว ครอบครัวที่มีคนเยอะหน่อย จะถึงขั้นจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองจำพวกงานเต้นรำสวมหน้ากาก
ในฟาร์มปลามีคนอยู่เยอะพอสมควร เดิมทีฉินสือโอวคิดจะจัดงานเต้นรำสวมหน้ากาก แต่ต่อมาเขาก็พบว่าที่จริงแล้วทุกๆ คนแค่อยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ จากการนั่งดื่มเบียร์พูดคุยกันเพียงเท่านั้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่ง
บรรดาชาวประมงผ่านช่วงอายุที่จะเล่นสนุกไปแล้ว ทว่าพวกเด็กๆ ยังโปรดปรานสิ่งนี้อยู่ พวกเขาเลยยิ่งชอบที่ได้จุดดอกไม้ไฟเล่น เพราะในเวลาปกติไม่มีโอกาสได้เล่นของแบบนี้
ในช่วงฤดูหนาวของนิวฟันด์แลนด์ ท้องฟ้าจะมืดเร็วมาก เริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ดอกไม้ไฟแจ่มจรัสกับเสียงแหลมสูงปรากฏขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือเกาะเล็กๆ แห่งนี้
นี่ทำให้ลูกสัตว์ป่าในฟาร์มปลาตกใจจนขวัญเสีย พวกมันพากันวิ่งหนีไปซ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ฝูงกวางและฝูงหมูป่าต่างก็มุดกลับเข้าไปในฟาร์มเลี้ยงสัตว์อย่างเชื่องๆ พวกสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มนิ่งสงบกว่ามาก พวกมันรวบรวมลูกไก่ลูกเป็ดลูกห่านที่อยู่กระจัดกระจายอย่างตื่นตระหนกเอาไว้ใต้ปีก แล้วพากันเข้านอน
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของคืนวันคริสต์มาสคือการจัดกิจกรรมในโบสถ์ พิธีมิสซาในคืนคริสต์มาส
โบสถ์ที่เกาะแฟร์เวลเป็นนิกายโปรเตสแตนต์ จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับพิธีมิสซาเท่าไรนัก โดยทั่วไปแล้วคริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์จะให้ความสำคัญกับพิธีนี้เป็นพิเศษ ฉินสือโอวไม่ค่อยรู้เรื่องความแตกต่างระหว่างนิกายโรมันคาทอลิก นิกายออร์ทอดอกซ์และนิกายโปรเตสแตนต์ เขาแค่ตามมาดูความสนุกสนานเท่านั้น คนอื่นทำอะไรเขาก็ทำแบบนั้น
อาหารมื้อค่ำเริ่มขึ้นตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงตอนหกโมงเย็น วินนี่เรียกพวกเด็กๆ ที่จุดดอกไม้ไฟเล่นอยู่ตรงสนามหญ้าให้พากันกลับมา หลังจากนั้นทุกๆ คนก็เริ่มลงมือรับความเพลิดเพลินจากอาหารค่ำที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ในมื้อนี้
ฉินสือโอวรอจนเด็กๆ เข้ามานั่งแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเธออยากพูดอะไรสักหน่อยไหม? กับมิแรนด้า ฟอกส์แล้วก็วินนี่ ฉันว่าพวกเธอน่าจะเห็นแล้วว่าพวกเขาเตรียมอาหารมื้อนี้ด้วยความยากเย็นขนาดไหน ใช่ไหมล่ะ?”
เขารู้สึกขอบคุณพี่สาวของภรรยากับแม่ยายจริงๆ ตอนแรกพวกเธอจะกลับไปฉลองคริสต์มาสกันทั้งครอบครัว พี่สาวภรรยาของเขาแต่งงานออกไปแล้ว เธอควรจะไปพบพ่อกับแม่ของอาร์ม็องเพื่อฉลองวันเทศกาลถึงจะถูก
แต่หลังจากวินนี่ตัดสินใจที่จะอยู่ฉลองวันคริสต์มาสที่ฟาร์มปลา มิแรนด้ากับฟอกส์และคนอื่นๆ เลยตัดสินใจที่จะอยู่ฉลองที่นี่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเพราะพวกเขาอยากจะอยู่ดูแลวินนี่
ตอนนี้วินนี่ฟื้นคืนความสัมพันธ์กับที่บ้านได้พอสมควรแล้ว อย่างน้อยๆ สองพี่น้องวินนี่กับฟอกส์ก็สามารถนั่งดูซีรี่ส์เรื่องเดอะบิกแบงทีออรี ด้วยกัน แล้วหัวเราะเสียงดังออกมาได้
เชอร์ลี่ย์ พาวลิส กอร์ดอนกับมิเชลลุกยืนขึ้นยืน แล้วเข้าไปจูบหน้าผากมิแรนด้า ฟอกส์กับวินนี่ทีละคน นี่คือการอวยพรของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง
ฉินสือโอวให้พวกเขาเข้ามาจูบหน้าผากตัวเองเช่นกัน แต่เชอร์ลี่ย์กลับอุ้มราชาเจ้าป่าซิมบ้าแล้วเข้ามาใกล้ๆ
หลังจากราชาเจ้าป่าซิมบ้ากินอิ่มและได้รับความอบอุ่น ในที่สุดมันก็เริ่มอวบอ้วนขึ้นแล้ว ขนยาวยุ่งเป็นกระเซิงแผ่ออกทั่วทั้งตัว ดูอวบๆ อ้วนๆ ใบหน้ากลมเล็กเตรียมพร้อมที่จะออดอ้อนขอความรักอยู่ตลอดเวลา พอเชอร์ลี่ย์อุ้มมันมาอยู่ตรงหน้าฉินสือโอว มันก็รีบทำท่าออดอ้อนพองแก้มกลมๆ เหมือนลูกโป่งขึ้นมาทันที
ฉินสือโอวบีบแก้มกลมเล็กของมันเล่น เขาพูดอย่างจนปัญญาว่า “ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้านี่เป็นแมวป่าหรือแมวในคาเฟ่? มันควรจะอาศัยทักษะในการล่าเหยื่อของมันเพื่อหาอาหารไม่ใช่เหรอ?”
เดิมทีหลัวปอนอนหมอบอยู่ที่ใต้เท้าของวินนี่ พอเห็นว่าซิมบ้าทำท่าทางออดอ้อน มันก็แสยะปากด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหู่จือกับเป้าจือก็ลุกขึ้นมายืนสองขาเกาะอยู่ที่เข่าของฉินสือโอว แหงนหน้าขึ้นชนซิมบ้า ไม่ยอมให้มันอ้อนได้สำเร็จอย่างเด็ดขาด
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ฉินสือโอวและทุกๆ คนในครอบครัวจึงพากันเข้าเมืองไปร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์ กิจกรรมนี้แบ่งออกเป็นสองรอบ จัดขึ้นในช่วงสามทุ่มถึงสี่ทุ่มหนึ่งครั้ง และในเวลาเที่ยงคืนยังมีพิธีมิสซาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง และนี่ถือเป็นไฮไลท์ของคืนวันคริสต์มาส
ตอนที่พวกเขาขับรถมาถึงโบสถ์ ด้านในมีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่นแล้ว บริเวณหน้าประตูมีศาสนิกชนผู้มีความศรัทธายืนอยู่หลายคน
มีบาทหลวงกริมม์เป็นผู้นำทำพิธีมิสซา ฉินสือโอวพาวินนี่เข้าไปส่งด้านใน พวกเขาเหลือที่นั่งแถวหน้าไว้ให้หญิงตั้งครรภ์แล้ว ด้านข้างยังมีที่ว่างอีกหนึ่งที่ เดิมทีมีไว้เพื่อแอนนาภรรยาของบูล แต่เป็นที่แน่ชัดว่าเธอมาไม่ไหว ดังนั้นฉินสือโอวจึงนั่งลงไปบนที่นั่งนั้นแทน
บาทหลวงกริมม์ยืนอยู่ด้านหน้าแท่นบูชา มือข้างหนึ่งของเขาถือคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็วางไว้ที่หน้าอก แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “…เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้พวกเรารอคอยความสุขจากการไถ่บาปในทุกๆ ปี ในค่ำคืนนี้พวกเรารู้ว่า พระผู้เป็นเจ้าจะลงมาไถ่บาปให้พวกเรา พรุ่งนี้เช้าเราจะได้พบกับพระสิริของพระองค์ ทุกชีวิต จะได้พบกับความช่วยเหลือจากพระเจ้าของเรา…”
เมื่อบาทหลวงอ่านคำเทศนาในโบสถ์ออกมาได้สักพัก ศาสนิกชนที่อยู่ด้านล่างก็พากันอ่านตาม ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เขาเองก็อ่านตามคนอื่นๆ เช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความศรัทธา แต่ในกาลเทศะเช่นนี้ เห็นได้อย่างแจ่มแจ้งว่าการเคารพความเชื่อของทุกๆ คนก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน
สี่ทุ่มครึ่ง เมื่อพิธีมิสซาสิ้นสุดลงแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่พากันกลับบ้าน แต่ยังมีผู้คนอีกส่วนหนึ่งที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างบางตา เพื่อรอส่วนสำคัญของงาน ซึ่งก็คือพิธีมิสซาเที่ยงคืน
เล่ากันว่าพิธีมิสซาเที่ยงคืนของวาติกัน สามารถดึงดูดผู้ที่มีใจศรัทธาให้ไปร่วมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้มากถึงสี่หมื่นห้าหมื่นคน ถึงเวลานั้นจะมีละครเวทีที่ทำการแสดงเกี่ยวกับเรื่องเล่าจากพระคัมภีร์ อีกทั้งยังมีพระสันตะปาปาที่จะสวดภาวนาให้ผู้ที่มีความศรัทธาทั่วโลก
พิธีมิสซาเที่ยงคืนของเมืองนี้มีความเรียบง่ายกว่ามาก ทว่าในตอนเริ่มต้นก็จะมีละครเวทีเช่นกัน เป็นการแสดงฉากที่พระเยซูทรงประสูติในคอกม้า
หลังจากนั้นคณะนักร้องประสานเสียงก็นำชาวเมืองร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าผู้อำนวยพร ในตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มถอยไปชิดข้างหลังแล้ว เขาร้องเพลงนี้ไม่ได้ หากยืนอยู่ด้านหน้าคงไม่สบายใจนัก เขาไปยืนเป็นผู้ชมอยู่ด้านหลังน่ะดีแล้ว
ต่อมา เป็นช่วงเวลาที่บาทหลวงกริมม์จะควบคุมการทำพิธี พิธีมิสซาใหญ่แบบนี้จะต้องมีเนื้อหาใจความหลัก บาทหลวงกริมม์ทำการปาฐกถาเป็นเวลาสั้นๆ เขาเล่าเรื่องที่ได้พูดคุยกับฉินสือโอวหลังจากที่ได้พบกันกับเขาที่โรงพยาบาลชุมชนเมื่อก่อนหน้านี้ บรรยายถึงมุมมองเรื่อง ‘คิดดีคือพระเจ้า’
นิกายออร์ทอดอกซ์จะไม่สามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้ เนื่องจากนิกายออร์ทอดอกซ์จะเน้นหนักว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่อยู่สูงสุด แต่นิกายโปรเตสแตนต์ไม่จริงจังเรื่องนี้ สิ่งที่นิกายโปรเตสแตนต์ให้ความสำคัญคือโซลา ฟีเด (ความเชื่อเท่านั้น) และเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นบาทหลวงได้
หลังจากการปาฐกถาสิ้นสุดลง ทุกๆ คนก็ร้องท่วงทำนองกลอนและอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลต่อ เพื่อเป็นการสวดภาวนาให้กับครอบครัว ให้กับเพื่อนพ้อง และเพื่อบรรดาพี่น้องศาสนิกชนผู้ที่มีจิตศรัทธาทุกคน
ขณะที่บาทหลวงกริมม์กำลังสวดภาวนาเขาตั้งใจเอ่ยถึงฉินสือโอวโดยเฉพาะ โดยเขาได้สวดภาวนาให้กับฉินสือโอวและฟาร์มปลาของเขา ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย
ในเวลาเที่ยงคืน พิธีมิสซาครั้งใหญ่สิ้นสุดลง ณ ตอนนี้เทศกาลคริสต์มาสก็มาถึงพอดี พอบาทหลวงกริมม์โบกแขน ฆราวาสที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำก็เริ่มลั่นระฆังโบสถ์
เสียงดังกังวานของระฆังดังไปทั่วเกาะ นำพาการให้อภัย คำอวยพร ความเบิกบานใจและความสุขส่งไปทั่วทุกมุมเมือง
หลังจากกลับมาแล้ว ฉินสือโอวบอกให้พวกเด็กๆ พากันเข้านอน ส่วนเขากับวินนี่และเออร์บักจะอยู่เตรียมของขวัญ
พวกเด็กๆ เล่นกันด้วยความคึกคักมาทั้งวัน บวกกับกฎเกณฑ์การพักผ่อนที่ถูกเลี้ยงดูมาในเวลาปกติ ในเวลานี้พวกเขาจึงพากันง่วงจนทนไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว หลังจากกลับมาพอล้มตัวลงบนเตียงนอนก็เข้าสู่ห่วงนิทราทันที
ฉินสือโอวนำของขวัญชิ้นเล็กที่เตรียมไว้ใส่เข้าไปในถุงเท้าตรงหัวเตียงของพวกเขา หากของขวัญมีขนาดใหญ่เกินไปจนยัดไม่เข้า เขาก็จะใส่กุญแจดอกหนึ่งลงไปแทน แล้วนำกล่องของขวัญไปแขวนไว้บนต้นคริสต์มาสที่หน้าประตูทางเข้า
ช่วงเช้าเป็นเวลาสำหรับการแกะของขวัญ เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอกๆ ฉินสือโอวกับวินนี่มอบของขวัญด้วยกัน พวกเขามอบเครื่องประดับไข่มุกสีดำให้มิแรนด้ากับฟอกส์คนละชิ้น และมอบเบ็ดตกปลาคาร์บอนไฟเบอร์ให้มาริโอ้หนึ่งคัน
ของขวัญที่มอบให้เด็กๆ ค่อนข้างมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นของที่ฉินสือโอวกับวินนี่ช่วยกันคิด ของที่พวกเขามอบให้กับพาวลิสคือบังเหียนหนึ่งเส้น มอบเบาะนั่งที่ทั้งเบาและสบายให้แก่เชอร์ลี่ย์หนึ่งอัน มอบฐานรองรถลากเลื่อนหิมะให้กอร์ดอนหนึ่งคัน ส่วนของขวัญสำหรับมิเชลแน่นอนว่าต้องเป็นเฟรมรถลากเลื่อนหิมะ
สิ่งของเหล่านี้เมื่อประกอบกันขึ้นมา ก็จะได้รถลากเลื่อนหิมะหนึ่งคัน
ฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเสียดาย เขาพูดขึ้นมาว่า “น่าเสียดายที่ไม่มีหิมะตกในวันคริสต์มาส แต่หลังจากหิมะตกหนักสักครั้ง ฉันว่าพวกเธอคงจะได้ใช้มันแล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ว่า ฉิน พวกเราจะไปหากวางเรนเดียร์มาจากไหนล่ะ? กวางเรนเดียร์ที่ฟาร์มปลายังเล็กเกินไป พวกมันลากรถไม่ไหวหรอก”
ฉินสือโอวมองไปที่ปอหลัวที่กำลังกินหญ้าด้วยความเบื่อหน่าย ปอหลัวเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดระแวง มันรู้สึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้นแล้วอยู่เนืองๆ…
บทที่ 891 เทศกาลวันปีใหม่
Ink Stone_Fantasy
ในวันคริสต์มาส หลังจากแกะของขวัญและทานอาหารเช้าแล้ว ฉินสือโอวก็พาวินนี่ไปที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ในนครเซนต์จอห์นเพื่อไปเยี่ยมแอนนากับลูกของเธอที่เพิ่งจะลืมตาดูโลก
บูลอดหลับอดนอนมาหนึ่งคืนแล้ว เส้นเลือดในดวงตากระจายตัวกันอย่างหนาแน่น ทว่าจิตใจของเขากลับรู้สึกฮึกเหิมเป็นอย่างมาก พอฉินสือโอวและคนอื่นๆ มาหา เขาก็พาทุกๆ คนไปดูลูกเลย
ฉินสือโอวนำอาหารเช้าที่เตรียมมาส่งให้กับบูล ให้เขาทานข้าวเช้าก่อน บูลกลืนโจ๊กปลิงทะเลเอื้อกๆ เข้าไปอย่างตะกละตะกลาม วินนี่จึงพูดขัดเขาไว้ว่า “เฮ้ พระเจ้า คุณกินอาหารที่เราเตรียมไว้ให้แอนนาอยู่นะ”
บูลเบิกตาโตด้วยความงงงัน วินนี่แย้มรอยยิ้มออกมา “เมอร์รีคริสต์มาส ที่จริงพวกเราแค่ล้อเล่นน่ะ พวกเราเอาโจ๊กมาเยอะมาก ส่วนของแอนนาก็เอาเข้าไปส่งให้แล้วล่ะ”
“ตอนนี้ผมสูญเสียการความสามารถในการตัดสินใจว่าอะไรจริงไม่จริงไปแล้ว พวกคุณพูดยังไงก็เอาตามนั้นนั่นแหละครับ” บูลพูดอย่างคลุมเครือ “ผมอยากจะพาพวกคุณไปหาบูลน้อยจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เขาเยี่ยมยอดมากจริงๆ”
เด็กน้อยนอนหลับฝันหวานอยู่ในตู้อบสำหรับเด็กแรกเกิด ตัวอ้วนตุ๊ต๊ะ อวบอ้วนอุดมสมบูรณ์ พยาบาลคนหนึ่งกำลังสวมผ้าอ้อมให้เขาอยู่ อีกทั้งที่มือและเท้าของเขายังมีสิ่งของหลายอย่างติดอยู่ มีสายที่กำลังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางการแพทย์
สภาพภูมิอากาศในฤดูหนาวของแคนาดามีอากาศหนาวเหน็บ ก่อนที่เทคโนโลยีการทำคลอดสมัยใหม่จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ทารกแรกเกิดมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงจนน่ากลัว ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการป้องกันสำหรับทารกแรกเกิดที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
บูลแนบหน้าลงไปกับกระจกมองดูด้านในตาปริบๆ ฉินสือโอวยื่นมือออกไปดึงเขาไว้ แล้วถามว่า “ตั้งชื่อให้ลูกหรือยัง?”
ไม่ต้องรอให้บูลพูด เขาก็ยกนิ้วมือขึ้นมาแล้วบอกว่า “อย่าบอกฉันนะ ว่าชื่อของเขาคือเวเบอร์ เบนจามินจูเนียร์ เวเบอร์สัน เบนจามิน หรือว่าเวเบอร์ เบนจามินเดอะเซกเคินด์ เชื่อฉันเถอะ อย่าเอาอย่างชาร์คกับซีมอนสเตอร์เลย”
ชาร์คเจ้าหมอนั่นตั้งชื่อให้ลูกตัวเองว่าชาร์คน้อย ส่วนซีมอนสเตอร์มีชื่อจริงว่าคราเคน เขาเลยตั้งชื่อลูกชายว่าคราเคนจูเนียร์ (คราเคนน้อย) มันซะเลย…
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์เพื่อนร่วมชะตากรรมหันมาสบตากัน แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไม่นะ บอส พวกเรามีความสามารถในการตั้งชื่อให้เด็กๆ ที่สูงมาก ชื่อของลูกๆ เราน่ะดีมากแล้วครับ”
พวกชาวประมงเป็นคนเสียงดังกันทั้งนั้น พอพวกเขาเริ่มอ้าปากพูด นางพยาบาลก็เดินออกมา จ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชากับใบหน้าถมึงทึงแล้วพูดว่า “เงียบหน่อยค่ะ ดูที่ผนังสิคะ”
บนผนังมีเครื่องตรวจวัดระดับเดซิเบลของเสียงอยู่หนึ่งอัน ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว ที่โรงพยาบาลชุมชนก็มีเครื่องแบบนี้เหมือนกัน
พวกชาวประมงยิ้มแล้วยักไหล่ใส่กัน ฉินสือโอวลากบูลที่กำลังมองดูลูกชายอย่างอาลัยอาวรณ์ออกมา ทุกๆ คนเดินออกมาจากห้องพักโรงพยาบาล เมื่อออกมาถึงด้านนอก ก็บอกเป็นนัยว่าพวกชาวประมงอยากจะพูดอะไรก็พูดได้แล้ว
บูลพูดอย่างกระวีกระวาดร้อนใจว่า “กัปตัน คุณพูดถูก เจ้าสองคนนั้นน่ะตั้งชื่อเอาตามอำเภอใจ! ลูกวัวน้อยของผมจะใช้ชื่อเรียบๆ แบบนั้นได้ยังไง? ที่จริงแล้ว ชื่อของเขาคือคริสต์มาส เวเบอร์ เบนจามินครับ”
คริสต์มาส เทศกาลคริสต์มาส?
ฉินสือโอวรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง อากาศภายนอกอาคารในฤดูหนาวที่แคนาดาช่างหนาวเหน็บจริงๆ เขาแสดงความรู้สึกเลื่อมใสให้กับความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อของบูล ชื่อนี้ตั้งได้เหมาะเจาะกับเทศกาลจริงๆ!
เด็กเกิดในคืนก่อนวันคริสต์มาส ถ้าจะตั้งชื่อนี้ให้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ทุกๆ คนพากันผิวปากแซว อีกทั้งชาร์คยังพูดด้วยความอิจฉาว่า “ให้ตายเถอะ ทำไมไอ้ลูกกระต่ายที่บ้านถึงไม่เกิดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสกันนะ?”
เบิร์ดส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “โชคดีนะ ถ้าลูกของบูลเกิดตอนช่วงเทศกาลอีสเตอร์ แบบนั้นน่าจะวุ่นวายแล้วแน่ๆ”
อีสเตอร์ เวเบอร์ เบนจามิน? ฉินสือโอวลองคิดอยู่ในใจ ชื่อนี้มันน่าฉิบหายจริงๆ!
หลังจากเทศกาลคริสต์มาสไม่กี่วัน วันปีใหม่ก็มาถึงแล้ว
เนื่องจากบรรยากาศงานเทศกาลของวันคริสต์มาสยังไม่ผ่านพ้นไป บรรยากาศวันปีใหม่ของเมืองเลยยังดีอยู่มาก ตัวแทนนายกเทศมนตรีฮานี่ย์กับร้านเหล้าดวงดาวเปล่งประกายร่วมมือกันจัดกิจกรรมหนึ่งในบาร์ขึ้นมา
เทศบาลเมืองรับผิดชอบค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ส่วนที่บาร์จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของเรื่องขนมและสถานที่ หน้าจอ LED ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตอนที่แฮมเล็ตได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมื่อครั้งที่แล้วก็ถูกนำมาใช้เช่นกัน ตั้งอยู่ที่ประตูทางเข้าบาร์ ด้านบนมีเวลาที่กำลังนับถอยหลังอยู่
แบล็คไนฟ์กับพวกทหารคนอื่นๆ กลับมาที่ฟาร์มปลาก่อนวันปีใหม่ ฉินสือโอวไปรับพวกเขา และพูดกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มว่า “มาได้ทันเวลาพอดี เพื่อน คืนนี้ที่เมืองของเรามีกิจกรรม พวกนายเตรียมตัวพบกับการสู้รบครั้งใหญ่เถอะ”
บีบีซวงกับแบล็คไนฟ์เป็นคู่หูอยู่เคียงข้างกัน เขาทำท่าชกหมัด แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “สู้ยังไงครับ?”
“ดื่มเหล้า! ดื่มให้เต็มที่กันเถอะ!”
ฟาร์มปลาเป็นดั่งเขาไท่ซานเป่ยโต่วของเมืองนี้ พวกคนหนุ่มจึงมักจะไม่ค่อยชอบใจฉินสือโอวกับพรรคพวก เพราะรู้ว่าในด้านความร่ำรวยและความสามารถ พวกเขาไม่มีทางเอาชนะฉินสือโอวได้ จึงมักจะจัดการกับเขาตอนดื่มเหล้า
เดิมทีเจ้าโง่พวกนี้อยากจะข่มฉินสือโอวด้วยเรื่องกีฬา อย่างบาสเกตบอล เบสบอล ฮอกกี้น้ำแข็งและรักบี้ แต่ปรากฏว่า ในการแข่งขันบาสเกตบอลหลายสนามเมื่อปีที่ผ่านมา ฉินสือโอวดันเล่นเอาซะพวกเขารู้สึกกลัว กลัวจนไม่มีใครกล้าพูดถึงกีฬาชนิดไหนอีก
เทศกาลวันปีใหม่เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน ประมาณสี่โมงเย็นกว่าๆ ฉินสือโอวก็พาทุกๆ คนตะบึงออกไปแล้ว ทว่าวันนี้อากาศย่ำแย่เกินไป เมฆครึ้มปกคลุมอย่างหนาแน่น เหมือนว่าบนท้องฟ้าถูกถมดำไว้หนึ่งชั้น เลยไม่เห็นพระอาทิตย์…
เมื่อมาถึงในเมือง ฉินสือโอวรัดเสื้อโค้ตเข้าหากันแล้วพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ฟัค ทีแรกก็อยากจะดูพระอาทิตย์ตกเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ แต่ดันไม่มีให้เห็นซะแล้ว”
ในระหว่างนั้นอยู่ๆ เขาก็นึกประโยคหนึ่งจากหนังที่เคยดูขึ้นมาได้ ทุกครั้งที่กล่าวลา คงดีที่สุดถ้าจะพยายามให้มากหน่อย พูดให้เยอะขึ้น เพราะนั้นอาจจะเป็นประโยคสุดท้าย มองให้มากขึ้น เพราะอาจจะได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย
พิลึกจนยากที่จะเข้าใจจริงๆ ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาแล้ว อาจจะเป็นเพราะเขามีอายุมากขึ้นอีกปีแล้วก็ได้
เขารู้สึกว่านี่เป็นประโยคคำพูดที่ดีมากๆ เลยแปลมันแล้วพูดออกไป แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ หันมาสบตากัน เขาถามชาร์คอย่างเบาๆ ว่า “ช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ บอสก็อ่อนไหวเหมือนผู้หญิงแบบนี้?”
“ใช่ ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ออกมา? พระเจ้า พวกเราพบเจอเรื่องคอขาดบาดตายมาตั้งมาก แต่ก็ไม่พูดแบบนี้…”
“แต๋วเกินไปแล้ว!”
“ฟัคยู!” ฉินสือโอวชูนิ้วกลางให้พวกทหารทั้งกลุ่ม เอาเถอะ บรรยากาศของความเจ็บปวดไม่เหลืออยู่แล้วล่ะ
หลังจากนั้นคนก็ค่อยๆ เยอะขึ้น ทุกคนยังไม่ได้เริ่มดื่มเหล้า แต่กำลังพูดคุยกันขณะที่กำลังดูการถ่ายทอดสดจากโทรอนโต อากาศที่โทรอนโตไม่เลวเลย อย่างน้อยๆ ก็มีพระอาทิตย์
พระอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆ ตกลงอย่างช้าๆ หน้าจอเปลี่ยนเป็นสีดำขึ้นมา รอจนกล้องวิดีโอทางฝั่งตะวันตกไม่มีแสงสว่างเหลืออยู่แล้ว หลังจาดนั้นพลุก็ถูกจุดขึ้น ที่นครเซนต์จอห์นที่อยู่ห่างออกไปก็เช่นกัน พลุสีสันสวยสดหลากหลายแต่ละดอกพุ่งขึ้นมาอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า!
ฉินสือโอวบุกตรงเข้ามาในบาร์เหล้าทันที ฮิวจ์คนน้องเข้ามาถามเขาว่า “ฉิน วันนี้จะดื่มอะไร?”
หู่จือกับเป้าจือเบียดคนที่อยู่บริเวณรอบๆ เข้ามา ฮิวจ์คนน้องจึงจ้องเขาแล้วพูดขึ้นมาว่า “พระเจ้า นายเอาหมามาด้วยเหรอ? ว่ากันว่าพาหมามากินเหล้า พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเลยใช่ไหม?”
พอพูดจบ ฮิวจ์คนน้องก็เอาขวดเบียร์ที่อยู่ในมือยัดไปในปากของหู่จือเพื่อที่จะป้อนเบียร์ให้มันดื่ม ฉินสือโอวผลักเขาออกไปแล้วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “ฟัคยู ห้ามเอาเหล้าให้ลูกฉันกิน!”
หู่จือแลบลิ้นเลียปากไปมา มันไม่ปฏิเสธรสชาติของแอลกอฮอลล์หรอก
ฉินสือโอวใช้มือทั้งสองข้างหนีบหู่จือกับเป้าจือไว้ข้างละตัวแล้วส่งพวกมันให้กับวินนี่ บอกให้เธอดูพวกมันทั้งสองตัวไว้ดีๆ ก่อนจะเดินจากไปเขายังได้ขู่พวกมันไว้ว่า “ห้ามวิ่งไปทั่ว เข้าใจไหม? ถ้าวิ่งไปทั่วอีกเดี๋ยวจะโดนขี้เมาจับต้มกิน!”
หู่จือกับเป้าจือส่ายหางอย่างมีความสุข พวกมันพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของวินนี่ไม่หยุดเพราะอยากจะตามฉินสือโอวไป
ฉินสือโอวเดินมาถึงเคาท์เตอร์บาร์ เขาหยิบเบียร์ออกมาแล้วพูดว่า “แบล็คไนฟ์ พวกนายเป็นทัพหน้า จัดการไอ้เวรพวกนี้ให้ฉัน!”
แบล็คไนฟ์พูดยิ้มๆ ว่า “ดูพวกเราสิ ใครจะเข้ามาก่อน? มาดื่มกับฉันหน่อย!”
ฮิวจ์คนน้องยกขวดเบียร์ขึ้นมา เขาร้องตะโกนว่า “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ละทิ้งเปลือกนอกจอมปลอมพวกนั้นทิ้งไป แล้วแสดงด้านที่บ้าคลั่งของพวกเราออกมาเถอะ คืนนี้ ไม่เมาไม่กลับ ไมเคิล นายไปก่อนเลย ไม่ต้องกลัว จัดการเลย!”
“ฟัคยู แลร์รี แกโกรธแค้นอะไรฉัน?!” หนุ่มผมบลอนด์คนหนึ่งชะงักงันหลังจากนั้นค่อยตะโกนด่าเขาขึ้นมา
บทที่ 892 ฆ่า 3 2 1
Ink Stone_Fantasy
ขวดเบียร์ขวดแล้วขวดเล่าถูกยกขึ้นมา ในตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มเห็นความบ้าคลั่งของชาวอเมริกาเหนือในช่วงงานรื่นเริงแล้ว
ทุกคนพากันดื่มเหล้า ดีเจถูแผ่นเสียงส่งดนตรีเร้าอารมณ์ออกมา ทุกๆ คนส่ายสะบัดร่างกายและขวดเหล้าในมืออย่างบ้าคลั่ง แชมเปญ เบียร์และไวน์แดง สาดกระจายไปทั่วพื้นและทั่วตัว หลังจากนั้นก็กระดกเข้าไปในปาก…
คนที่มาเข้าร่วมงานเทศกาลจะหาคนมาดื่มเหล้าด้วยกันตามอัธยาศัย แต่มีกติกาอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือต้องไปดื่มกับคนที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์เป็นอันดับแรก ถ้านั่งลงไปแล้ว ก็ต้องยอมถูกคนอื่นๆ มอมเหล้า
ก็เหมือนกับการต่อสู้บนเวที ในช่วงเวลานี้เคาน์เตอร์บาร์ของร้านเหล้ากลายมาเป็นเวทีการประลองแล้ว ใครขึ้นไปนั่งคนนั้นก็คือเจ้ามือ พวกคนบ้ากลุ่มหนึ่งผลัดเปลี่ยนกันลงสนามไปดื่มเหล้า จนสู้กับฤทธิ์เหล้าไม่ไหวแล้วค่อยลงมาเปลี่ยนคนขึ้นไปใหม่
แบล็คไนฟ์เข้าไปนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เป็นคนแรก เขาหัวเราะเสียงดังพร้อมทั้งพูดกับฉินสือโอวว่า “ฮ่าๆ บอส คอยดูผมนะ ผมจะประเดิมให้ฟาร์มปลาค่ายทหารของพวกเราอย่างดีเลย!”
ฮิวจ์คนน้องแกว่งขวดเบียร์บัดไวเซอร์หนึ่งขวด เขาถลันเข้ามาจนล้มลงไปบนตัวแบล็คไนฟ์แล้วร้องตะโกนขึ้นมาว่า “คืนนี้นายตายแน่! ตายแน่ๆ!”
แบล็คไนฟ์ขอแก้วเบียร์ใบใหญ่มาสองใบ เป็นแก้วเบียร์ขนาดสองลิตร เขาเทเบียร์ลงไปในแก้วครึ่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เทไวน์แดงกับเหล้าขาวจีนลงไปอย่างละแก้ว เทแยกลงไปในแก้วทั้งสองใบจนเต็ม
เขาคว้าเอาของตัวเองขึ้นมาหนึ่งแก้ว แบล็คไนฟ์มองดูพวกขี้เหล้าบริเวณรอบๆ ที่กำลังบ้าคลั่งอย่างทะนงองอาจแล้วถามขึ้นมาว่า “ใครจะสู้กับฉัน?”
ฮิวจ์คนน้องรีบชี้ไปหาชายหนุ่มชื่อไมเคิลที่เขาเสนอไว้เมื่อก่อนหน้านี้ แล้วตะโกนว่า “ไมเคิล! มาสิ!”
ต่อจากนั้น ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็พากันร้องเรียกชื่อเขา “ไมเคิล! ไมเคิล! ไมเคิล!”
หนุ่มผมบลอนด์เอามือลูบหน้าอย่างคนที่กำลังตกที่นั่งลำบาก เขาด่าฮิวจ์คนน้องว่า “ฟัคยู ฟัค! ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ ไอ้ชั่วแบบแกควรไปตายซะ! ฉันจะต้องเอาคืนแน่ๆ!”
แบล็คไนฟ์ยกแก้วใบใหญ่ ‘เอื้อกๆๆ’ กระดกแอลกอฮอล์ข้างในลงไปจนหมด ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาทันที ในระหว่างนั้นเสียงเชียร์ของพวกเขาดังจนสามารถกลบเสียงดนตรีของดีเจได้
ไมเคิลกับฮิวจ์คนน้องด่ากันอยู่สักครู่ หลังจากนั้นเขาก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นมาทันที เขากระดกมันเข้าไปในปากด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าอย่างถึงที่สุด
ใช้เวลาไปทั้งหมดหนึ่งนาทีกว่าๆ ไมเคิลถึงเพิ่งจะดื่มเหล้าพวกนี้หมด ฉินสือโอวรู้สึกเป็นทุกข์แทนเขาจริงๆ…
หลังจากเขาดื่มเสร็จแล้ว เสียงเชียร์ก็ยิ่งดังกังวานชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม ไมเคิลกระแทกแก้วเบียร์ลงไปบนเคาน์เตอร์ เขาชี้ไปที่แบล็คไนฟ์แล้วร้องตวาดลั่นขึ้นมาว่า “นาย ไสหัวไป ฉันจะ ฉันจะนั่ง…ฟัค! โอ้ก!”
มีคนมาลากไมเคิลออกไปแล้ว ฮิวจ์คนน้องเอามือปิดตาไว้พร้อมกับร้องว่า “โอ้ พระเจ้า ให้อภัยคนบาปคนนี้ด้วย ช่วยวิญญาณของเด็กดวงซวยคนนี้ด้วยเถอะ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง! ใครจะเป็นคนต่อไป?!”
“แลร์รี ไอ้ลูกหมา แกนั่นแหละที่ต้องเป็นคนต่อไป!” มีคนบางคนตะโกนขึ้นมา
ฮิวจ์คนน้องลุกขึ้นยืนพูดอย่างยืนหยัดเพื่อความถูกต้องว่า “ฉันเป็นผู้บัญชาการ เจ้าพวกโง่ ถ้าไม่มีฉันคอยออกคำสั่งแล้วพวกแกจะชนะได้ยังไง…”
“พวกเราไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะ! ฮิวจ์คนน้อง แกไปเลย!”
“ฮิวจ์คนน้อง! ฮิวจ์คนน้อง! ฮิวจ์คนน้อง!”
ฮิวจ์คนน้องที่เอาแต่ทำตัวอวดดีตะลึงตาค้างไปแล้ว เขากำลังจะหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง แต่ดันถูกคนอื่นใช้ปลายเท้าเตะก้นออกมาซะก่อน โซซัดโซเซออกมาอีกสองก้าวก็จนชนเข้ากับเคาน์เตอร์บาร์แล้ว
แบล็คไนฟ์จับเขาไว้ ทั้งยังยิ้มอย่างเจตนาไม่ดี “นายอยากได้ลูกระเบิดน้ำลึก? หรือว่าอยากได้ทุ่นระเบิดน้ำ? หรือว่าจะเอาหัวกระสุนนิวเคลียร์สักลูกดีล่ะ?”
ลูกระเบิดน้ำลึกคือเบียร์ผสมไวน์แดง เบียร์ผสมเหล้าขาวจีนคือทุ่นระเบิดน้ำ ถ้าเอามาผสมกันทั้งหมดก็จะเป็นหัวกระสุนนิวเคลียร์
ฮิวจ์คนน้องยิ้มแหยแล้วพูดว่า “ไม่เอาแบบนี้สิ แบล็คไนฟ์ เพื่อนรัก พวกเราอยู่กันดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ? เริ่มจากเบียร์เถอะนะ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป…”
มีคนเอาถังเบียร์เข้ามาให้ ฉินสือโอวจึงพูดหยอกว่า “เอาสิ เริ่มจากเบียร์ ดื่มเบียร์เถอะ ระหว่างนั้นไม่อนุญาตให้พักหายใจนะ ใครพักหายใจคนนั้นต้องดื่มใหม่อีกถัง”
ฮิวจ์คนน้องมองดูฉินสือโอว แล้วพูดอย่างลอยๆ ว่า “โอ้ พระเจ้า ได้โปรดกางอ้อมแขนของท่านด้วยครับ ผมจะได้ขึ้นไปพบท่านแล้ว!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา พวกเขาปล่อยให้ฮิวจ์คนน้องเมาจริงๆ ไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีคนคอยสร้างบรรยากาศการดื่มเหล้าให้คึกคัก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนคอยสั่งการ แต่ก็เป็นคนที่เหมาะจะเป็นผู้ดำเนินรายการ
ระหว่างดื่มเหล้าย่อมต้องมีกิจกรรมให้ทำ คนที่อยู่บนเกาะคือพวกชาวประมง แล้วพวกชาวประมงจะแข่งอะไรได้ล่ะ? ในอาคารจะจับปลาหรือยิงปลาก็ไม่ได้ ทำได้แค่แข่งงัดข้อกัน
นี่ก็ต้องมีเจ้ามือเช่นกัน จะมีคนเข้ามานั่งที่หน้าโต๊ะก่อน ส่วนคนอื่นๆ ก็เข้ามาท้าแข่ง คนที่แพ้จะต้องดื่มเบียร์หนึ่งขวด คนชนะก็ต้องนั่งเป็นเจ้ามือต่อ คนสุดท้ายที่ชนะจะได้เป็นจักรพรรดิของงานรื่นเริงในค่ำคืนนี้
เป็นจักรพรรดิของงานรื่นเริงก็มีข้อดีอยู่ ในตอนสุดท้ายเขาจะสามารถเลือกผู้หญิงที่สวยที่สุดมาเป็นราชินีแห่งงานรื่นเริงได้ พอถึงตอนนั้นพวกเขาจะได้แอบพูดคุยสร้างความสัมพันธ์กัน
ฉินสือโอวมองดูคาร์สันตัวอ้วนตุ๊ต๊ะที่กำลังนั่งเป็นเจ้ามืออยู่ แล้วบริหารข้อมือและร่างกายเพื่อเตรียมตัวท้าสู้
ตามที่คาดการณ์ไว้ ด้วยพละกำลังที่ถูกพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น รวมถึงความอดทนและพลังที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของเขา ในการแข่งขันงัดข้อแบบนี้ต่อให้เขาอดทนจนถึงตอนสุดท้ายก็ไม่มีปัญหา
ที่เขาต้องการจะแข่งเกมนี้ เป็นเพราะฉินสือโอวอยากจะหลบเลี่ยงการดื่มเหล้า แบล็คไนฟ์โดนล้มไปแล้ว คนที่เข้าไปรับคำท้าต่อจากนั้นอย่างชาร์คกับเบิร์ดก็ล้มไปแล้วเช่นกัน ส่วนตอนนี้ยังมีนีลเซ็นที่กำลังเตรียมตัวออกโจมตีอยู่
อีกทั้งเป้าหมายสูงสุดของผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็คือฉินสือโอว พวกเขาไม่ได้พอใจแค่เพราะพวกทหารออกมาสู้ แต่อยากจะให้ฉินสือโอวออกมาดื่มเหล้าต่างหาก
ฉินสือโอวไม่ได้คออ่อน แต่เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนมอมอย่างโง่ๆ
วอร์มร่างกายอยู่สักพัก ฉินสือโอวก็เข้ามานั่งตรงข้ามคาร์สันที่กำลังพูดพล่ามอยู่ตรงนั้น “ไอ้หนุ่ม ใจกล้าจริงนะ! นายคิดจะแหย็มกับฉันเหรอ? เอาล่ะๆ ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องส่งนายไปเจอกับซาตานแล้ว ขอให้พระเจ้าช่วยกอบกู้วิญญาณของนาย ขอ…”
“ฟัคยู เร็วสิวะ! คาร์สัน ไอ้คนลิ้นยืดลิ้นยาว หุบปากแล้วตั้งใจเล่นโอเค? พวกเรารอที่จะได้มอมเหล้าฉินไม่ไหวแล้ว!” ใครบางคนเตะเก้าอี้ของคาร์สันจากทางด้านหลังเข้าให้หนึ่งที
คาร์สันหันกลับไปด่า แล้วหลังจากนั้นก็ยกแขนขึ้นมาตั้งท่ารอ
ฉินสือโอวยื่นแขนออกไปแล้วเช่นกัน เรื่องนี้จะไม่พูดก็ไม่ได้ แขนของพวกเขาทั้งสองคนมีขนาดความหนาแตกต่างกันอย่างมาก นี่คือความแตกต่างโดยธรรมชาติระหว่างคนผิวเหลืองและคนผิวขาว โดยเฉพาะคนอย่างคาร์สันที่เป็นลูกหลานของชาวไวกิ้ง ที่มักจะมีร่างกายสูงใหญ่บึกบึนด้วยแล้ว
ในส่วนของพละกำลังของฉินสือโอว พวกคนในเมืองไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก มีแต่กลุ่มคนที่เล่นบาสเกตบอลด้วยกันกับเขาเท่านั้นแหละที่รู้ว่า พละกำลังที่เขาเผยออกมาบนสนามบาสเกตบอลนั้นน่ากลัวมาก
แต่ว่ากีฬาบาสเกตบอลไม่ได้อาศัยแค่พละกำลังอย่างเดียว ดังนั้นคนที่ให้ความสนใจกับเขาจึงมีอยู่ไม่มาก
หลังฉินสือโอววางแขนลงไป เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นมาว่า “มีใครอยากจะวางเดิมพันไหม?”
คุณลุงฮิคสันเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดว่า “ฉันจะเป็นเจ้ามือเอง มีใครอยากวางเงินไหม? ฉินกับคาร์สัน พาวเวอร์คิงแห่งตะวันออกกับเฮอร์คิวลิสตะวันตก…”
ฉินสือโอวพูดขัดเขาขึ้นมาว่า “เอาอย่างนี้ไหมครับ ลุง พวกเราไม่ต้องลงเงิน แต่เดิมพันกันด้วยเบียร์ดีกว่า ถ้าแพ้ต้องดื่มเบียร์ มาเดิมพันกันว่าจะลงเบียร์กี่ขวด คนชนะจะได้ขวดเบียร์เปล่าๆ พอถึงคราวที่เขาต้องดื่มเบียร์ ก็ใช้ขวดเปล่ามาลดหย่อนได้”
นี่เป็นความคิดที่ดี เมื่อก่อนคนในเมืองนี้อยู่กับความจนมานานแล้ว ถึงแม้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงิน พวกเขาก็ยังไม่อยากเข้าร่วมเท่าไรนัก แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเบียร์แล้วละก็…
“ฉันขอพนัน สองขวด ฉินแพ้คาร์สันชนะ!”
“สองขวด คาร์สันชนะ!”
“ฉันด้วย สองขวด คาร์สันแกต้องชนะได้แน่!”
“ฉินต้องแพ้แน่ๆ ไอ้เด็กดวงซวย!”
สองขวดเป็นจำนวนสูงสุดที่ลงได้ ไม่อย่างนั้นถ้าพนันสองร้อยขวดก็ไม่มีใครดื่มได้อยู่แล้ว แบบนั้นก็เท่ากับกลืนคำพูดแล้วล่ะ
คุณลุงฮิคสันชำนาญเรื่องการนับบัญชี เขามีความจำที่ดีอย่างเหนือชั้น เขาทำร้านอาหารมาทั้งชีวิต เขาไม่เคยคิดเงินผิดเลยสักครั้ง ถ้าใครอยากสั่งอะไรก็บอกกับเขาได้เลย เขาไม่มีทางทำมาผิดแน่
การเดิมพันเสร็จสิ้นแล้ว ฉินสือโอวยิ้มน้อยๆ แล้วถามว่า “มีคนลงว่าผมจะชนะกี่คน?”
ฮิคสันยักไหล่น้อยๆ บอกกับเขาว่า “น่าเสียดายมาก ฉิน มีแค่ฮิวจ์คนน้องที่พนันว่านายจะชนะ”
ฉินสือโอวลองหันไปมอง ฮิวจ์คนน้องขยิบตาให้เขา แล้วพูดว่า “จัดการฆ่าพวกมันเลย!”
“โอเค เส้นทางแห่งการฆ่า เริ่มต้นขึ้นแล้ว 3 2 1!”
บทที่ 893 โอบกอดปีใหม่
Ink Stone_Fantasy
คุณลุงฮิคสันปรับท่าทางให้ทั้งสองคน คาร์สันกับฉินสือโอวมีวงแขนที่ไม่ต่างกันมาก แต่มัดกล้ามใหญ่บึกบึน ความหนาของชั้นไขมันที่ทั้งหนักทั้งหนา ดูแล้วน่าจะใหญ่กว่ากันมากกว่าหนึ่งรอบ
คาร์สันเลิกคิ้วใส่ฉินสือโอว เผยรอยยิ้มร้ายให้กับเขาพร้อมกับพูดว่า “ฉิน ฉันอนุญาตให้นายใช้ทั้งสองมือเลย ถ้านายกลัวว่าจะแพ้อย่างน่าอนาถเกินไป ฉันก็รับได้ถ้านายจะทำอย่างนั้น”
ผู้คนในบริเวณรอบๆ ต่างก็ร้องเสียงแหลมส่งเสียงเย้าหยอกออกมาตามๆ กัน มีทั้งคนผิวปากแซว และแน่นอนว่าก็มีคนที่ตบไหล่ฉินสือโอวเพื่อปลอบใจเขาอยู่ด้วย ทุกๆ คนกำลังล้อเล่นอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ควรเก็บมาใส่ใจจนเกินไป
ถ้าจริงจังก็เท่ากับแพ้แล้ว
พอจวนจะเริ่มการแข่งขัน คาร์สันก็เริ่มแสดงกลอุบาย ‘ยุทธศาสตร์การเหยียดหยามศัตรูและกลยุทธ์การให้ความสำคัญกับศัตรู’ ออกมา เขาสูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วเบ่งกล้ามเนื้อส่วนแขนขึ้นมา รอจนคุณลุงฮิคสันโบกมือให้สัญญาณแล้วบอกว่า ‘เริ่มได้’ จากนั้นเขาก็ร้องคำรามเพื่อเบ่งพลัง!
“สู้ คาร์สัน จัดการ…”
“ลุยๆๆ! คนขาวลูกหลานไวกิ้ง…”
“ฉิน นายจบ…”
“ฟัค!”
เสียงร้องคำรามของคาร์สันยังไม่ทันได้เปล่งออกมาจนจบ อีกทั้งเสียงเชียร์ของชาวเมืองที่กำลังชมการต่อสู้อยู่รอบด้านก็ถูกตะโกนออกมาได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ปรากฏว่าพวกเขาก็ได้ยินเสียงทึบๆ ดัง ‘ปัง’ ขึ้นมา แขนของคาร์สันถูกฉินสือโอวกดไว้บนโต๊ะ ส่วนเสียงทึบๆ ที่ดังขึ้นมาก็เกิดจากกำปั้นที่กระแทกเข้ากับโต๊ะนั่นเอง
“ฟะ ฟัค!”
มีแค่คำนี้ที่ถูกเปล่งออกมาจนจบคำ คำพูดของคนอื่นๆ ต่างก็ถูกเสียงทึบๆ ดัง ‘ปัง’ ตัดขาดไปแล้ว
หลังจากนั้น รอบๆ พื้นที่ที่ล้อมชมการแข่งงัดข้อก็เงียบเป็นเป่าสาก ในบาร์เหล้าที่กำลังสนุกสนานกันอย่างบ้าคลั่งยิ่งทำให้เหตุการณ์นี้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง จนถึงขั้นทำให้คนอื่นๆ หันมามองด้วยความประหลาดใจ
ฉินสือโอวยืดเส้นที่คออยู่สักพัก กระดูกสันหลังส่วนคอส่งเสียง ‘กร๊อบๆ’ ออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนปรมาจารย์ผู้เป็นที่สุดแห่งยุค “คนต่อไป!”
ฮิวจ์คนน้องเข้ามานวดกล้ามเนื้อไหล่ให้ฉินสือโอว พูดกับเขาว่า “ทำได้ดี เพื่อน จัดการได้สวยมาก! มา ฉันจะเป็นโค้ชให้นายเอง พวกเราจะร่วมมือกันกวาดล้างนครเซนต์จอห์น!”
ความเงียบงันในช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านไป หลังจากนั้นก็มีเสียงบ่นที่ดังขึ้นมาเหมือนกระแสน้ำ พวกชาวประมงล้อมคาร์สันไว้ตรงกลาง จากนั้นค่อยเริ่มพูดจาเหยียดหยามเขา “ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้แกเพิ่งจะเอากับเมียมาสองรอบหรือไง? มือไม้ถึงได้อ่อนขนาดนี้?”
“ฉันว่านะคาร์สัน เพื่อน แกเป็นโรคกระดูกอ่อนใช่ไหม? ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนอ่อนเท่าแกมาก่อนเลย!”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องบอกใครว่าเป็นลูกหลานของชาวไวกิ้งนะ อย่าทำให้บรรพบุรุษต้องขายหน้าเลย!”
มีคนเข้ามานั่งตรงข้ามกับฉินสือโอวอีกครั้ง เป็นชาวประมงหุ่นล่ำสัน ชื่อว่าชิลเดรส ว่ากันว่านอกจากเขาจะเป็นทายาทชาวไวกิ้งแล้ว เขายังมีเชื้อสายของชาวสลาฟอีกด้วย ตัวใหญ่เอวหนา ขนาดตัวใกล้เคียงกันกับซีมอนสเตอร์
ฮิวจ์คนน้องชี้ไปที่ทุกๆ คนแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบนั่งเลย ไปดื่มก่อน! ชิล ไอ้เวร ฉันจำได้แม่นเลย แกพนันไว้สองขวดนี่ ใช่ไหม? เอ้าดื่มๆๆ!”
“ดื่มก็ดื่มวะ” ชิลเดรสทำเสียงฮึดฮัด แล้วรับเอาเบียร์สองขวดมากระดกลงไป ทั้งยังกระดกลงไปพร้อมกันทั้งสองขวดอีกต่างหาก ท่าทางองอาจของเขาเอาชนะความรู้สึกชื่นชมของผู้ชมรอบๆ ได้ และยังทำให้บรรดาชาวเมืองเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างเต็มที่
คุณลุงฮิคสันส่งเบียร์แต่ละขวดๆ ออกไป ท้ายที่สุดก็หันไปถามคาร์สันว่า “ครั้งนี้นายจะร่วมเดิมพันไหม?”
คาร์สันที่อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจึงพูดว่า “แน่นอน เมื่อกี้ฉันแค่มือไม้อ่อนไปหน่อยเท่านั้น ให้ตายเถอะ ฉินเป็นคนฉลาด เขาถนัดเรื่องการจู่โจมอย่างฉับพลัน ถ้าไม่ใช่เพราะลอบโจมตีฉัน ฉันไม่มีทางแพ้…”
“อย่าหยุมหยิมเหมือนผู้หญิงเลย พูดมา นายพนันว่าใครจะชนะ?” คุณลุงฮิคสันพูดด้วยความรำคาญ
“แน่นอนว่าต้องเป็น ฉิน!” คาร์สันพูดอย่างเด็ดขาด
คนอื่นๆ ต่างก็ตะลึงงัน จ้องมาที่เขาแล้วถามว่า “ใครนะ? นี่แกเมาแล้วใช่ไหม?”
คาร์สันยิ้มแหย แต่ยังยืนยันที่จะเดิมพันข้างฉินสือโอวอย่างหน้าไม่อาย เขาอาจจะหาเหตุผลหาข้ออ้างให้กับตัวเองได้ แต่จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เขาที่เป็นคู่ต่อสู้ย่อมรู้ดีที่สุด เขาน่ะแพ้อย่างราบคาบเลย!
เมื่อสักครู่เขากำลังกัดฟันหาทางล้มฉินสือโอวอยู่ แต่ปรากฏว่าพละกำลังที่แขนของคู่ต่อสู้ส่งออกมา ทำให้เขาไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่นิดเดียว!
เขารู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะฉินสือโอวกินยาโด๊ปเข้าไป ก็ต้องเป็นเพราะชายที่อยู่ตรงข้ามมีเทคนิคการส่งพลังลึกลับของชาวตะวันออก อย่างเช่นพวกหมัดหนึ่งนิ้ว หรือหมัดหยงชุนอะไรทำนองนั้น คาร์สันเป็นคนรู้มาก มีประสบการณ์อย่างกว้างขวาง เขาก็เคยได้ยินของพวกนี้มาเหมือนกัน
คนทั้งกลุ่มโห่ร้องใส่เขา ชิลเดรสพูดอย่างเหยียดหยามว่า “เมื่อกี้ที่ถูกฉินกดไว้กับโต๊ะ ไม่น่าจะใช่แขน แต่น่าจะเป็นสมองของเขาหรือเปล่า? สมองเขาคงจะได้รับการกระทบกระเทือนไปแล้วแน่ๆ!”
คาร์สันไม่พูดอะไรออกมา พวกแกรนหาที่ตายเองนะ ฉันจะรอดูพวกแกแล้วกัน
คราวนี้เกมพนันพอจะดูดีขึ้นมาหน่อย ฝั่งที่เดิมพันว่าฉินสือโอวชนะเพิ่มมาเป็นสองคนแล้ว
หลังจากนั้นพอคุณลุงฮิคสันโบกมือ การแข่งขันก็เริ่มขึ้น!
ชิลเดรสออกแรงจากจุดแกนกลาง ลายเส้นกล้ามเนื้อบนแขนนูนพองขึ้นมาอย่างแน่นหนา ดูเหมือนกับนักกล้ามไม่มีผิด…
“ปัง!” เสียงทึบๆ ดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เพียงแต่ว่าคราวนี้เสียงไม่ได้ดังขึ้นมาตั้งแต่ตอนเริ่มการแข่งขัน ชิลเดรสดันไว้ได้สองวินาที
ฉินสือโอวยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ แล้วหันไปพูดกับฮิวจ์คนน้องว่า “นวดต่อเลยโค้ช!”
ฮิวจ์คนน้องถึงกับกลืนน้ำลาย หลังจากนั้นก็พูดว่า “ฉันรู้ว่านายเก่ง เพื่อน แต่นายเก่งยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก!”
ในตอนนี้คนทั้งกลุ่มตะลึงตาค้างไปแล้ว เมื่อสักครู่อาจจะพูดได้ว่าคาร์สันยังไม่ทันเตรียมตัว อาจจะพูดได้ว่าฉินสือโอวโชคดี แต่กับชิลเดรสครั้งนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ทุกๆ คนหันไปมองชิลเดรส คนหลังเต็มไปด้วยความรู้สึกทดท้อผิดหวัง จึงร้องขึ้นมาว่า “แม่งเอ๊ย ฉินแม่งคือทีเร็กซ์ในร่างคน!”
“ไม่ต้องหาเหตุผลให้ตัวเองหรอก เอ้านี่!”
คุณลุงฮิคสันส่งเบียร์ขวดแล้วขวดเล่าออกไปอย่างใจเย็น ‘อึกๆๆ’ ผู้คนรอบๆ ก็แหงนหน้ากระดกเบียร์ต่อ
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ห้าวินาทีต่อจากนั้นก็ ‘ปัง’ “นวดต่อ คนต่อไป!”
“นี่แม่งเรื่องบ้าอะไรกัน! ฉันไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลหรอกโว้ย ฉันจะแข่งเอง! ไอ้พวกอ่อน ไสหัวไป!”
‘ปัง’ “นวดต่อ คนต่อไป!”
“ซี้ด!” เสียงสูดอากาศเย็นๆ ดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านเหล้าที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ถึงเสียงดนตรีของดีเจกับเสียงร้องตะโกนของผู้คนจะจ้อกแจ้กจอแจแค่ไหน ก็ไม่สามารถกลบเสียงซี้ดปากสูดอากาศหนาวเย็นพวกนี้ได้ แถมยังมีคนพูดขึ้นมาเล่นๆ ว่า “มีใครเปิดเครื่องสูบลมหรือเปล่า?”
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็เหมือนกับนั่งตกปลาบนเรือท่ามกลางพายุ บรรดาชาวเมืองลงสู่สนามทีละคนๆ อย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากนั่งอยู่บนม้านั่งได้ไม่กี่วินาทีก็ต้องลงไป ส่วนคนที่มุ่งดูอยู่รอบๆ ก็พากันดื่มเบียร์
ตามข้อกำหนด เจ้ามือสามารถหยุดพักได้ห้านาทีโดยไม่ต้องต่อสู้ห้าครั้งติดต่อกัน เวลาส่วนใหญ่ของฉินสือโอวจะอยู่กับความเพลิดเพลินจากการนวดของฮิวจ์ พวกชาวเมืองที่มามุงดูแทบจะพากันคลั่งแล้ว ถึงขั้นว่ามีคนลองหยิกต้นขาตัวเองดูเลยด้วยซ้ำ
“คืนนี้ฉันต้องดื่มเยอะเกินไปแล้วแน่ๆ ส่วนตอนนี้ก็คือภาพลวงตา!”
“แม่งเอ๊ย ฟัค พระเจ้า นี่เจอผีจริงๆ แล้วหรือยังไง?”
“ฉินแม่งเป็นทีเร็กซ์ในร่างคนหรือเปล่า? ไม่มีใครเอาชนะพวกเราได้หมดทุกคนหรอก!”
“ปัง!” “คนต่อไป!”
ฉินสือโอวมองดูผู้คนรอบๆ ด้วยสายตาหยอกล้อ แขนของเขาเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ถ้าจะให้รับมือกับคนพวกนี้ที่สูญเสียความมั่นใจไปแล้วอีก แบบนั้นก็ไม่เป็นปัญหา
ในตอนนี้อยู่ๆ ก็มีคนร้องตะโกนขึ้นมาว่า “เร็วๆๆ เริ่มนับถอยหลังแล้ว! รีบมาหน่อยสิ มาเถอะ ปีใหม่! โอบกอดปีใหม่! ให้พวกเราได้โอบกอดปีใหม่อีกปี!”
ฉินสือโอวตกตะลึง เขามองดูโทรศัพท์ ตอนนี้เป็นเวลา 11.59 นาทีแล้ว กำลังจะถึงปีใหม่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!
คนทั้งหมดยังพอเดินไปหาบันไดได้ พวกเขาวิ่งโซซัดโซเซออกไป แต่ยังมีคนดวงซวยบางพวกที่ต้องนอนหงายอยู่บนพื้น พวกเขาถูกขวดเบียร์ซัดจนล้มลง คนพวกนี้ไม่ยอมเชื่อเขาเลยจริงๆ เอาแต่พนันว่าฉินสือโอวจะแพ้…
บนหน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าประตูร้านเหล้า ตัวเลขสีขาวสะอาดเริ่มนับเวลาถอยหลัง “10 9 8 7…”
หลังจากนั้นผู้คนทั้งหลายก็ร้องตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “6 5 4! 3! 2! 1!!! สุขสันต์วันปีใหม่!”
“ปุ้งๆๆ!” พลุสีสันสวยสดแต่ละดอกๆ ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ปีใหม่เริ่มต้นแล้ว!
บทที่ 894 รับมือได้ยาก
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวรู้ว่า ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปีเขาก็ไม่มีทางลืมค่ำคืนที่สว่างสดใสคืนนั้น พวกคนขี้เหล้าเมามายไม่ได้สติแต่ยังคงรู้สึกคึกคักตื่นเต้นที่อยู่รอบๆ ตัวเขา มีผู้หญิงที่รักเขาอย่างลึกซึ้งอยู่ข้างๆ กันกับเขา ท้องฟ้าด้านบนมืดมิด แต่กลับมีพลุหลากสีสันที่สวยงามอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้ ส่งเสียงดังและกระจายตัวอยู่ด้านบน…
ในตอนท้ายสิ่งที่อยู่เป็นเพื่อนพวกเขา คือบทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงของสกอตแลนด์ เพลง Auld lang syne (มิตรภาพอยู่ยั้งยืนยง) บางทีในตอนนั้นนี่อาจจะฝากฝังความคิดให้ดีเจว่า เพื่อนๆ เอ๊ย ขอให้มิตรภาพของพวกเราอยู่ยั่งยืนยง!
ก่อนจะเที่ยงคืน ฉินสือโอวแทบจะไม่ได้กินเหล้าเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หลังจากปีใหม่มาถึงแล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับในเนื้อเพลงนั้น ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มให้สะใจ!
เพลงมิตรภาพอยู่ยั่งยืนยง ถูกร้องสลับอยู่โดยตลอด ฉินสือโอวยกขวดเบียร์ขึ้นและโอบกอดทุกๆ คน ขณะเดียวกันก็กระดกเบียร์เข้าไปอย่างบ้าคลั่ง คนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ในตอนท้ายมีคนที่ได้สติอยู่กี่คนฉินสือโอวก็ไม่รู้แล้ว เพราะตัวเขาก็เมาแล้วเหมือนกัน
วันแรกของปีใหม่ ฉินสือโอวถูกเสียงโห่ร้องดีใจของเชอร์ลี่ย์กับเด็กๆ อีกหลายคนปลุกให้ตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นมาขยี้ตาที่กำลังสะลึมสะลือด้วยความง่วงนอนพร้อมกับดึงผ้าม่านออกแล้วมองออกไปข้างนอก ด้านนอกยังมืดอยู่เล็กน้อย แต่ก็สว่างไสว เพราะโลกที่ถูกประดับด้วยแสงสีเงินกลับมาถึงอีกครั้งแล้ว
เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ กำลังวิ่งเล่นกันอยู่บนสนามหญ้า ฝูงสัตว์ตัวน้อยก็เข้าไปร่วมเล่นด้วยแล้วเช่นกัน ใบหูใหญ่ๆ ของหู่จือเป้าจือส่ายสะบัดลอยขึ้นไม่หยุด วิ่งไปวิ่งมาอยู่บนพื้นหิมะอย่างมีความสุข ฉงต้ายืนอยู่บนสนามหญ้าอย่างเซื่องซึม ส่วนพวกเด็กๆ ก็เล่นกันอยู่รอบๆ มัน
ฉินสือโอวลองมองดูเวลา ก็เห็นว่าเพิ่งจะหกโมงเช้า เขานวดขมับแล้วลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ
วินนี่กำลังหลับสบาย เมื่อคืนเธอน่าจะนอนดึกกว่าเขาแน่ๆ ลูกแมวป่าซิมบ้านอนหมอบอยู่บนหมอนของวินนี่ ใบหน้าเล็กแต่อ้วนกลมเต็มไปด้วยความสุขและแสดงออกถึงความสบาย ดูแล้วน่าจะมีความสุขยิ่งกว่าวินนี่เสียอีก
นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่พอใจมาก ขี้เกียจเกินไปแล้ว แกเป็นแมวป่านะ แมวป่าเจ้าแห่งขุนเขาตัวน้อย ทำตัวขี้เกียจขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
เมื่อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ใช้แรงกำลังที่รวดเร็วจนตั้งตัวรับไม่ทันจับราชาเจ้าป่าซิมบ้าเอาไว้ อาศัยช่วงที่มันยังไม่ตื่นเต็มตาลากมันออกมาจากห้องนอน
เขาลงมาข้างล่างแล้ววิ่งตรงไปข้างนอกประตูทันที ฉินสือโอวโยนราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่กำลังตื่นขึ้นมาพร้อมกับตัวที่สั่นเทิ้มลงไปบนพื้นหิมะ ในตอนนี้มันมีความคล่องแคล่วขึ้นมาแล้ว พอร่วงลงไปถึงพื้น มันก็หมุนตัวกลางอากาศ ต่อจากนั้นก็สับเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
ซิมบ้าวิ่งได้เร็วพอ แต่มันยังเด็กเกินไป ปรากฏว่าพอมันออกวิ่งก็มีสิ่งหนึ่งเข้ามาขวางมันเอาไว้ จนทำให้ตัวมันดีดกลับออกมา
เมื่อตาโตบ้องแบ๊วจ้องมองดู ราชาเจ้าป่าซิมบ้าก็พบกับท่านราชาหมาป่าตัวน้อยที่กำลังมองมันด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
คนเขาไม่ได้ตั้งใจจะชนตัวเองสักหน่อย ซิมบ้าแบะปาก คิดจะวิ่งอ้อมราชาหมาป่าขาว
เวลาที่เผชิญหน้ากับหู่จือเป้าจือฉงต้ากับมาสเตอร์ ราชาหมาป่าอาจจะเป็นแค่หัวไชเท้าอันน้อยๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับลูกแมวป่าที่ตัวโตขึ้นมาแค่นิดเดียว ราชาหมาป่าที่อายุใกล้จะถึงหนึ่งขวบก็นับว่าเป็นพี่ใหญ่แล้ว
ฟาดอุ้งเท้าลงไปหนึ่งป้าบ หลัวปอฟาดลูกแมวป่ากลับมาบนพื้นหิมะ หู่จือกับเป้าจือก็ถลันเข้ามาสะบัดกีบเท้าตะกุยกองหิมะขึ้นมา ‘ขวับๆๆ’ แค่ไม่กี่ครั้งก็ฝังลูกแมวป่าไว้ได้แล้ว
ลูกแมวป่าปีนขึ้นมาอย่างซวนเซ มันมองหน้าหู่จือเป้าจืออย่างไม่พอใจพร้อมกับอ้าปากส่งเสียงร้องคำรามออกมา
หู่จือกับเป้าจือกำลังอยู่ในช่วงที่ดื้อซนและชอบสร้างความวุ่นวายที่สุดของสุนัขแลบราดอร์ พอเห็นว่าเจ้าตัวน้อยกล้าคำรามใส่ตัวเอง พวกมันก็ทำท่าจะพากันกระโจนเข้าไปหาลูกแมวป่า
ต้าป๋ายทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว มันวิ่งเข้ามาขวางหู่จือกับเป้าจือ ด้วยท่าทางเหมือนกับว่ากำลังปกป้องลูกตัวเองอยู่
เห็นแก่หน้าฉงต้า หู่จือกับเป้าจือเลยไม่ได้ทำให้ต้าป๋ายต้องลำบาก พวกมันสะบัดหิมะที่ติดอยู่บนขนด้วยความคับแค้นใจ หลังจากนั้นก็พากันไปเล่นต่อ
ลูกแมวป่าเกาะติดอยู่ข้างตัวต้าป๋าย มันร้องใส่ฉินสือโอวด้วยความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่ามันโทษว่าเป็นความผิดของฉินสือโอวที่ลากมันออกมาจากหมอนใบอุ่น
ฉินสือโอวเพียงแต่หวังว่าลูกแมวป่ากับพวกสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ในบ้านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันบ้าง อย่าเอาแต่ทำตัวออดอ้อนขอความรักอะไรพวกนั้นเลย เขายกซิมบ้าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอามันไปวางไว้ตรงหน้าหลัวปอ เรียกหู่เป้าฉง ต้าป๋ายกับปอหลัวมา จะได้ให้พวกมันอยู่ด้วยกันอย่างเป็นมิตร
ตอนนี้เหล่าสัตว์เลี้ยงนิสัยเสียหมดแล้ว หรืออาจจะพูดได้ว่าพวกมันฉลาดก็ได้ ต่อหน้าฉินสือโอว สัตว์เลี้ยงพวกนี้อยู่กันอย่างดีเหมือนพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน หู่จือเป้าจือช่วยซิมบ้าเลียเกล็ดหิมะที่อยู่บนขนออกไปอย่างสนิทสนม อีกทั้งฉงต้ายังให้มันนอนหมอบอยู่บนไหล่ของตัวเองอีกด้วย
แต่พอฉินสือโอวเดินออกไป เหล่าสัตว์เลี้ยงก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ฉงต้าสะบัดไหล่จนซิมบ้าตกลงมา หู่จือเป้าจือกับหลัวปอก็ล้อมมันไว้ทั้งสามด้าน ซิมบ้ามองไปที่ต้าป๋ายอย่างน่าสงสาร ทางด้านต้าป๋ายก็อยากจะช่วยมันเหมือนกัน แต่ติดตรงที่มันถูกปอหลัวขวางไว้นี่สิ
พึ่งใครไม่ได้ก็ต้องพึ่งตัวเองแล้ว ราชาเจ้าป่าซิมบ้าตัดสินใจที่จะพึ่งพาตัวเอง อุ้งเท้าทั้งสี่ข้างของมันมีขนนุ่มๆ อยู่อย่างหนาแน่น แบบนี้จะช่วยให้มันเดินบนพื้นหิมะได้โดยที่ไม่จมลงไป ดังนั้นมันจึงสะบัดอุ้งเท้า แล้วกระโจนฝ่าวงล้อมออกไปเหมือนลูกบอลขนกลมๆ ลูกหนึ่ง
หู่จือเป้าจือหันหลังกลับแล้วไล่ตามไป ทว่าซิมบ้าฉลาดเฉียบแหลมมาก มันทำท่าวิ่งตรงไปข้างหน้า แต่วิ่งออกไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็หมุนตัวกลับทันที มันวิ่งถลันหายวับไปถึงใต้ต้นเมเปิล แล้วปีน ‘ฟึบๆ’ เหมือนลิงขึ้นไปถึงบนต้นไม้
หลังจากนั้น ราชาเจ้าป่าซิมบ้าก็นั่งลงบนกิ่งไม้ที่แตกแขนงออกมาแล้วมองลงไปดูด้านล่าง หู่เป้าฉงหลัวยืนอยู่ใต้ต้นไม้อย่างงงงัน ไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ
ตัวโอพอสซัมเวอร์จิเนียสามารถปีนต้นไม้ได้ เพียงแต่ว่าต้าป๋ายจะสร้างความลำบากให้กับลูกแมวป่าได้ยังไงกันล่ะ? ฉงต้าหันไปมองเพื่อนรักด้วยหวังว่าเพื่อนจะช่วยเอาลูกแมวป่าลงมาให้ตัวเอง ต้าป๋ายจึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วกระโดดโลดเต้นเข้าไปเล่นกับครอบครัวกระรอกดินที่เพิ่งจะปีนออกมา
มองดูสีหน้าจนปัญญาของพวกหู่เป้าฉงหลัว ราชาเจ้าป่าซิมบ้าก็เริ่มรู้สึกลำพองใจขึ้นมาแล้ว ไล่ตามฉันต่อสิเจ้าพวกชั่ว! ลูกแมวป่าลำพองใจจนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ซิมบ้าอ้าปากส่งเสียงคำรามแบบลูกแมวป่าออกมา “อี๊!”
ร้องคำรามออกมาได้ไม่กี่ครั้ง ซิมบ้าหันหน้ากลับไป แต่ปรากฏว่ามันก็ต้องสะดุ้งตกใจจนเกือบจะตกลงลงไปใต้ต้นไม้ มันพบว่าข้างหลัง มีกระรอกแดงอเมริกาเหนือปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
ต้นเมเปิลเป็นอาณาเขตของเสี่ยวหมิง แต่ลูกแมวป่ากลับกล้าพาตัวเองขึ้นมาโดยไม่ได้รับเชิญ เสี่ยวหมิงจึงรู้สึกว่าตัวเองต้องแสดงความน่าเกรงขามออกมาบ้างแล้ว
โชคดีที่ฉินสือโอวกลับมาได้ทันเวลาพอดี พอเขาเห็นเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายกำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบนด้วยความคาดหวังอยู่ที่ใต้ต้นไม้เขาก็รู้แล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เขาเข้ามาตีก้นพวกมันทีละตัว ฉินสือโอวผิวปากเรียกลูกแมวป่าให้ลงมาข้างล่าง แล้ววางมันลงบนไหล่กว้างๆ ของฉงต้า เขาเอ่ยเตือนมันว่า “ถ้าน้องตกลงมาก่อนถึงเวลาอาหารเช้า วันนี้จะไม่มีข้าวให้กิน!”
ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ผลิ ฉงต้าคงไม่คำกลัวขู่ อย่างแย่ที่สุดมันก็แค่ดำน้ำลงไปจับปลาจากในทะเลมากิน แต่ในฤดูหนาวปลาเเซลมอนแปซิฟิกต่างก็กลับไปวางไข่ในแม่น้ำกันหมดแล้ว บนภูเขาก็ไม่มีเบอร์รีให้กิน นอกจากที่บ้านมันก็หาอาหารไม่ได้แล้วจริงๆ
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็วิ่งย่ำหิมะไปออกกำลังกายตอนเช้า ฉงต้านั่งอยู่บนพื้นหิมะอย่างทำอะไรไม่ได้ เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาช้าๆ ฉงต้าทั้งรู้สึกทุกข์ใจและเศร้าสร้อย มันไม่ได้สะบัดขนไล่เกล็ดหิมะด้วยซ้ำ เพียงแต่หันหน้าไปจ้องตากันกับซิมบ้าที่อยู่บนไหล่อย่างขุ่นเคือง
หู่จือกับเป้าจือจับไหล่ของมันเอาไว้เพื่อที่จะยืนขึ้นไปกัดซิมบ้า ฉงต้าจึงยกอุ้งเท้าปัด ผลักสุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวลงไปบนพื้นหิมะ ไสหัวไปเถอะพวก พวกแกอยากให้ฉันไม่มีข้าวกินหรือไง?
ปอหลัวกับหลัวปอก็เข้ามาแย่งตัวซิมบ้าเช่นกัน ฉงต้าผลักพวกมันออกด้วยความโมโห หลังจากนั้นก็กลับเข้าไปในวิลล่า เจ้าชั่วพวกนี้เอาเอาแต่ทำร้ายฉัน ไม่อยากเล่นกับพวกมันแล้ว!
ฉงต้ารู้จักนิสัยของซิมบ้าดี พอกลับเข้ามาข้างในมันจึงหวังว่าซิมบ้าจะปีนลงมาเอง ทว่าซิมบ้ากลับรู้สึกว่าขนของหมีก็อบอุ่นอย่างน่าประหลาด เลยนอนหมอบอยู่บนตัวของฉงต้า ไม่ยอมลงไปข้างล่างแล้ว
อ้ายพวกชั่ว พวกแกทั้งหมดเป็นศัตรูกับฉัน! ฉงต้าเริ่มไม่มีความสุขจริงๆ แล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น