หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 880-882
บทที่ 880 ประกายดาบกับเงากระบี่!
เสียงปริแตกดังขึ้นจากร่างกายของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะต้านทานอย่างไรก็ไม่สามารถทานแรงกดดันได้โดยสมบูรณ์ ร่างกายของเขาเริ่มบิดงอผิดรูป แรงกดดันภายนอกนั้นรุนแรงเกินไปจนร่างกายของหวังเป่าเล่อเริ่มโอนเอนไปมา โชคดีที่ร่างนี้ไม่ใช่กายแท้ของเขา เป็นแค่ร่างสารัตถะ จึงเพียงบิดงอ ไม่ได้สิ้นลมหายใจไป
แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายร้ายแรง ภายใต้แรงกดดันนี้ เขามั่นใจว่าหากไม่หลบหนีออกไปให้เร็วที่สุด คงจะมีเวลาอย่างมากเพียงสิบนาทีเท่านั้นก่อนที่ร่างอวตารจะสลายไป
ข้าเปิดกระเป๋าคลังเก็บไม่ได้ ใช้พลังฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ก็ไม่ได้ บ้าจริง… แววดุดันฉายวาบขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม แต่เขาไม่ได้กังวลใจอะไร หวังเป่าเล่อรู้ว่าศึกครั้งนี้ถือเป็นการแย่งชิงอำนาจควบคุมจึงมีทางเลือกหลายทางที่สามารถเลือกทำได้
ทำลายเปลวเพลิงดารานิรันดร์ทิ้ง…แล้วเอาร่างหลักมาที่นี่ดีไหม ถึงจะทำเช่นนั้นได้ แต่ก็ยุ่งยากนิดหน่อย อย่างไรเสีย บริเวณนี้ก็ไม่ใช่ขอบนอกของดารานิรันดร์ ข้าต้องใช้เวลาไม่น้อยในการตามหาที่แห่งนี้ ผลกระทบที่ตามมาก็ค่อนข้างหนักหนา… หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็ตัดสินใจเลือกทางอื่น
ตื่นเถิด… หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังปราณในทันใด ขณะที่ใช้พลังปราณต้านแรงกดดันที่โถมมาจากทั่วทุกทิศ เขาก็ท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ ตัดสินใจลองเสี่ยงดูสักตั้ง ถ้าไม่สำเร็จก็ยังมีเวลาเหลือให้ทำลายตัวเอง!
ภัยอันตรายที่เขาเผชิญในครั้งนี้ถือว่าน่าพรั่นพรึงมากทีเดียว แต่เพราะชายหนุ่มมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ถึงร่างอวตารจะตายไปก็ไม่ส่งผลอะไรกับร่างหลัก
แต่…ถ้าไม่ได้จำเป็นจริงๆ หวังเป่าเล่อก็ไม่อยากแบกรับผลกระทบที่ตามมาจากการตายของร่างอวตาร อย่างไรเสียเมื่อร่างอวตารตาย ถึงมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายเขาทั้งหมด แต่ก็ยังส่งผลกระทบในบางส่วน นอกจากนี้ หวังเป่าเล่อยังไม่อยากเสียข้าวของในกระเป๋าคลังเก็บไป
ส่วนเจ้าเยี่ยเหมิง เจ้าอู๋น้อย และเจ้าลาที่อยู่บนเรือบินรบเวทในกระเป๋าคลังเก็บของหวังเป่าเล่อ ขอแค่ร่างหลักของเขาตื่นขึ้นได้ทันเวลา ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าจะสามารถส่งพวกเขาออกไปนอกขอบเขตการระเบิดในจังหวะระเบิดทำลายตัวเองสังหารผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาได้
แต่สิ่งที่ต้องทำให้ได้ก่อนคือปลุกร่างหลักให้ทันเวลาและหาจุดอ่อนให้เจอ โดยต้องอาศัยพลังธรรมชาติของขอบนอกดารานิรันดร์และระบุตำแหน่งร่างอวตารเพื่อช่วยในการทำเช่นนั้น
อาจจะยังไม่ถึงจุดนั้นก็ได้… หลังจากท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ แววเย็นเยียบก็ฉายขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ นอกจากเปลวเพลิงดารานิรันดร์แล้ว ไพ่ตายที่ยังเหลือก็มีแผ่นหยกที่ปรมาจารย์แห่งไฟลงคำสาปไว้ให้
เพราะเหตุนี้…แม้ร่างของเขาจะถูกกดพลังไว้ในฟองอากาศสีรุ้งให้ไม่สามารถขยับตัวได้ ขอแค่เปิดกระเป๋าคลังเก็บและหยิบฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ออกมาได้ ชายหนุ่มก็คิดว่าวิกฤตินี้ไม่ยากเกินกว่าจะรับมือไหว
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบทสวดแห่งเต๋าซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้ในตอนนี้ ว่าจะคลายผนึกและเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มปล่อยเคล็ดวิชาอื่นๆ ต่อได้หรือเปล่า
ความคิดทั้งหมดผุดขึ้นในหัวหวังเป่าเล่อในคราวเดียวขณะที่ฟองอากาศสีรุ้งหดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาปลดปล่อยพลังเข้าไปเสริมและควบคุมฟองอากาศ แรงกดดันมหาศาลด้านในนั้นเพียงพอที่จะทำให้ร่างของหวังเป่าเล่อบิดงอและตายได้
ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไร้ซึ่งความเมตตาปรานี เขาเกลียดหวังเป่าเล่อยิ่งกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวา ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเป่าเล่อ เขาคงไม่ต้องเสียร่างกายไปในศึกที่สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และระดับพลังยุทธ์คงไม่ตกลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับดาวพระเคราะห์ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังทำให้เขาไม่สามารถบรรลุขั้นการฝึกตนได้อีกในอนาคต
“ตายเสีย!” ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเปี่ยมไปด้วยแววความโกรธแค้นขณะร้องคำรามและปล่อยพลังปราณเพิ่มขึ้นไปอีกครั้ง ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังสั่นเทิ้มและบางส่วนของร่างกายเริ่มแหลกสลายไปจากการบิดงอ ดารานิรันดร์พลันสั่นไหวด้วยพลังจากจักรวาลอันไกลโพ้นที่จุติลงมา
พลังที่ว่ากล้าแกร่งยิ่งนัก แต่น่าแปลกที่นอกหวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว คนอื่นๆ ภายนอกดารานิรันดร์กลับไม่ได้สังเกตเห็นพลังที่ว่าเลย พวกเขาเห็นเพียงแค่ว่า…แสงของดารานิรันดร์อ่อนลงไปชั่วครู่เท่านั้น
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองฝั่งที่ปะทะกันอยู่ด้านนอกผงะไป ทว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่อยู่ในดารานิรันดร์ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตาเบิกกว้างเมื่อรู้สึกได้ถึงจิตใจที่สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ มันสั่นไหวตั้งแต่ส่วนลึกสุดในขั้วหัวใจราวกับกำลังกลับไปเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาและได้มาอยู่ต่อหน้าพลังของฟ้าดิน
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน เนื่องจากบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว จึงสัมผัสได้ถึงพลังฟ้าดินที่รุนแรงยิ่งกว่าจนกระอักเลือดสดๆ ออกมา
ร่างกายและดวงวิญญาณที่สั่นไหวของทั้งสองส่งผลต่อผนึก ภายใต้พลังของบทสวดแห่งเต๋า ผนึกก็คลายลงโดยไม่รู้ตัว…หากปล่อยพลังบทสวดแห่งเต๋าไปเรื่อยๆ ผนึกคงพังทลายลงอย่างแน่นอน
แต่…หวังเป่าเล่อรู้อยู่แล้วว่าพลังของบทสวดแห่งเต๋านั้นมาและจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังจุติลงมาและคลายผนึกลง ร่างกายของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลง แม้จะขยับร่างกายไม่ได้ตามปกติภายใต้แรงกดดันนี้ แต่ก็สามารถเปิดกระเป๋าคลังเก็บได้ด้วยสัมผัสสวรรค์ ส่วนควบคุมฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ในร่างกายได้เช่นกัน
เมื่อสัมผัสได้ว่าสามารถปลดปล่อยกระเป๋าคลังเก็บและฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ในร่างกายได้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างฉับไวและเรียกฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ออกมาโดยไม่ลังเลใจ
หลังจากนั้น เขาก็ยกมือขวาขึ้นโบกอย่างทุลักทุเล แสงสว่างพลันเปล่งออกมารอบร่างกาย ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ที่มีนิ้วมือเหลือเพียงสองนิ้วปรากฏขึ้นเหนือหัว หวังเป่าเล่อไม่นึกลังเล ปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาทันทีที่ฝ่ามือปรากฏขึ้นและควบคุมมันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ฝ่ามือสั่นไหวอย่างรุนแรงและ…พุ่งตรงไปยังฟองอากาศสีรุ้งด้านนอกร่างกายชายหนุ่ม!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กะทันหันเกินไปสำหรับผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวา ตอนนั้นเองระหว่างที่ทั้งสองกำลังตื่นตระหนก ฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ของหวังเป่าเล่อก็สัมผัสเข้ากับฟองอากาศสีรุ้งด้านนอกร่างกายที่อ่อนพลังลง
“จงระเบิด!” แววดุดันฉายวาบขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อขณะที่ร้องคำราม เขาไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อยขณะที่ตัดสินใจแน่วแน่และระเบิดทำลายนิ้วหนึ่งของฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์!
หลังจากเสียงของชายหนุ่มดังก้องไปทั่ว นิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ก็เปล่งแสงสุกสว่างก่อนจะระเบิดทำลายตัวเองในจังหวะต่อมา ปลดปล่อยพลังระดับดาวพระเคราะห์ปะทะเข้ากับฟองอากาศสีรุ้ง
เมื่อมองจากที่ไกลๆ นิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ในฟองอากาศนั้นเป็นเหมือนกระบี่คมที่หมายจะทำลายทุกสิ่ง!
แม้หวังเป่าเล่อจะสามารถควบคุมทิศทางการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือได้ แต่ร่างของเขายังอยู่ในฟองอากาศสีรุ้งทำให้ได้รับผลกระทบไปด้วย ถึงจะมีเกราะสวรรค์พิพากษา ก็ไม่สามารถปกป้องร่างกายไม่ให้สั่นเทิ้มและกระอักเลือดออกมาได้
แต่เรื่องนี้ก็อยู่ในแผนของชายหนุ่มเช่นกัน ระหว่างที่ใช้แรงระเบิดทำลายตัวเองจากนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างให้ฟองอากาศสีรุ้ง เขายังยอมให้แรงระเบิดเข้าปะทะตนเอง ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้นภายใต้แรงกดดันในฟองอากาศสีรุ้ง ระหว่างที่แรงปะทะกระจายออกไป และขณะที่ร่างกายกำลังสั่นไหวและกระอักเลือดออกมา แววเย็นเยียบก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม ร่างกายของเขาพุ่งไปข้างหน้าในทันใดและตรงไปยังฟองอากาศสีรุ้งที่โดนนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ระเบิดใส่
ทว่า…แม้แรงระเบิดจากนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์จะแกร่งกล้า แต่ฟองอากาศสีรุ้งก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต้องทำการสังเวยเพื่อสร้างขึ้น เสียงสั่นสะเทือนฟ้าดินดังกึกก้อง ภายใต้พลังกล้าแกร่ง ฟองอากาศไม่ได้ทลายลง แต่…ปรากฏรอยแยกขึ้น!
ทันได้ที่รอยแยกปรากฏให้เห็น ฟองอากาศก็ฟื้นฟูสภาพอย่างรวดเร็ว ในจังหวะนั้นเอง บทสวดแห่งเต๋าก็เริ่มอ่อนพลังลง ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตอบโต้ในทันที สีหน้าของเข้าเปลี่ยนไปขณะที่พยายามกดต้านหวังเป่าเล่อไว้อีกครั้ง
“กลับเข้าไป!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาร้องคำราม ผนึกมือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าก่อนจะสั่นไหว
ทว่า…แม้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะตอบโต้อย่างรวดเร็วและมีเพียงรอยแยกรอยเดียวปรากฏขึ้นบนผนึก แค่นั้นก็ถือเป็นโอกาสของหวังเป่าเล่อแล้ว แววความคลั่งฉายชัดในดวงตาของชายหนุ่มขณะที่เขาเสี่ยงชีวิตพุ่งไปโจมตีพร้อมๆ กับผู้อาวุโสฝ่ายขวา โดยมีเพียงรอยแยกจากภายในและภายนอกฟองอากาศสีรุ้งกั้นไว้
ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนก็กระจายไปรอบๆ อีกครั้ง ถึงระดับพลังปราณของหวังเป่าเล่อจะไม่ธรรมดา เขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ นอกจากนี้ชายหนุ่มยังอยู่ภายในฟองอากาศ การเสริมพลังจากผู้อาวุโสฝ่ายขวาทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มรุนแรงและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกายของชายหนุ่มถูกผลักกลับไป แต่รอยยิ้มชั่วร้ายกลับผุดขึ้นที่มุมปาก นั่นเป็นเพราะว่า…ระหว่างที่ผู้อาวุโสมือจวาพยายามจะกดต้านเขาไว้ นิ้วมืออีกนิ้วของฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ก็ระเบิดตัวเอง!
เป้าหมายของมันไม่ใช่ผู้อาวุโสฝ่ายขวา แต่เป็น…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย!
บทที่ 881 สำแดงพลังเทพ!
จังหวะการโจมตีนั้นแม่นยำเป็นอย่างมาก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาพยายามกดต้านหวังเป่าเล่อ ทำให้เขาไม่สามารถกันได้ทันท่วงที ระหว่างที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวามีสีหน้าเหยเก นิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์นิ้วที่สองก็ระเบิดทำลายตัวเอง พลังจากแรงระเบิดส่งผ่านรอยแยกที่กำลังฟื้นฟูและพุ่งออกไปอย่างบ้าระห่ำ ตรงไปหา…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายที่กำลังหรี่ตา พยายามตอบโต้โดยการถอยหนี!
เขาคือเป้าหมายของหวังเป่าเล่อ ถึงจะใช้ทั้งบทสวดแห่งเต๋าและการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ ชายหนุ่มก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำลายฟองอากาศสีรุ้งและหลบหนีออกไปได้ ดังนั้น แผนตั้งต้นของเขาคือ…ใช้โอกาสจากการปะทะครั้งนี้ในการส่งนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ไปสังหาร…ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย!
ไม่ว่าจะทำให้บาดเจ็บหนักหรือสังหารอีกฝ่ายลงได้ ฟองอากาศสีรุ้งก็จะสูญเสียการเสริมพลังจากฝั่งหนึ่งไป ส่งผลให้พลังของมันลดทอนลง ขณะเดียวกัน เป้าหมายอีกอย่างของชายหนุ่มคือสังเกตว่าผู้อาวุโสหลบหนีไปทางใด!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ชั่วครู่ต่อมา แม้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะขัดขวางสุดกำลังที่มี ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายก็ยังต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากแรงระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ ร่างกายของผู้อาวุโสโดนแรงระเบิดปะทะจนกระอักเลือดสดๆ ออกมา กายเนื้อที่สร้างขึ้นใหม่พังทลายลงอีกครั้ง ครั้งนี้ส่งผลไปถึงดวงวิญญาณเทพ ระดับพลังปราณลดจากขั้นจิตวิญญาณอมตะเป็นขั้นเชื่อมวิญญาณ แม้จะถอยหนีและหลบได้อย่างฉิวเฉียด แต่ก็ยังโดนคลื่นความร้อนบนดารานิรันดร์เล่นงานจนดวงวิญญาณพร่าเลือน ระหว่างที่กรีดร้องลั่นอย่างเจ็บปวด เขาก็ถอนหนีไปยังจุดสูงสุดทางด้านซ้ายบน
ขณะเดียวกันนั้นเอง ฟองอากาศสีรุ้งก็คลายตัวและอ่อนพลังอย่างเห็นได้ชัด ขนาดของฟองอากาศขยายใหญ่ขึ้นมาก แรงกดดันที่ร่างกายหวังเป่าเล่อต้องแบกรับคลายลงไปเล็กน้อย
“หลงหนานจื่อ!” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อสามารถหลุดจากกับดักได้ ความกราดเกรี้ยวก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ระหว่างที่ร้องคำรามลั่น ผู้อาวุโสก็ปลดปล่อยพลังปราณอีกครั้ง พยายามกดต้านหวังเป่าเล่อที่อยู่ในฟองอากาศเอาไว้
แต่ก็สายไป…
“ตะโกนเรียกหาบิดาทำไม!” หวังเป่าเล่อหันไปยังทิศทางที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหลบหนีไป แววสังหารฉายวาบขึ้นในดวงตา ฟองอากาศอ่อนพลังลงระหว่างที่พูด ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นโบกอย่างรุนแรง…เรือบินรบมากมายพลันปรากฏขึ้นรอบๆ จากนั้น…เหล่าเรือบนรบก็ระเบิดทำลายตัวเองด้านนอกฟองอากาศ!
ข้าไม่เชื่อว่าจะทำลายฟองอากาศโง่ๆ นี่ไม่ได้! ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแววดุดันเพราะการระเบิดทำลายตัวเองจากภายในนั้นแม้จะส่งผลต่อฟองอากาศได้ดีเยี่ยม แต่ก็ส่งผลต่อหวังเป่าเล่อเช่นกัน
อย่างไรเสีย แม้เขาจะสามารถคุมเรือบินรบเวทและปลดปล่อยพลังได้ถึงร้อยละเก้าสิบในการระเบิดทำลายตัวเองด้านนอก ก็ยังมีแรงปะทะบางส่วนส่งมาถึงเขา ยิ่งมีเรือบินรบเวททำลายตัวเองมากเท่าใด แรงปะทะหลังจากระเบิดก็มากขึ้นเท่านั้น
แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สนใจ ชายหนุ่มปล่อยเรือบินรบเวทออกมากว่าห้าสิบลำพร้อมร้องคำรามสั่งการให้เรือบินรบเวทระเบิดทำลายตัวเองในจังหวะที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาพยายามจะกดต้านเขาไว้อีกครั้ง
แม้เรือบินรบเวทระเบิดตัวเองแต่ละลำจะมีพลังเพียงร้อยละสิบของเรือบินรบเวทปกติ แต่พลังระเบิดรวมจากเรือรบห้าสิบกว่าลำนั้นแข็งแกร่งมาก เสียงสั่นสะเทือนดังกึกก้อง ฟองอากาศสีรุ้งสั่นไหว และนั่นเป็นเพียงแค่ระลอกแรกเท่านั้น…
ระลอกที่สอง สาม และสี่ตามมาอย่างรวดเร็ว…ชายหนุ่มส่งเรือบินรบออกมาระเบิดเรื่อยๆ เหมือนว่ามีเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองเก็บอยู่ในกระเป๋าคลังเก็บไม่จำกัด แม้ร่างกายจะแทบแหลกสลาย แต่ความดุดันของหวังเป่าเล่อก็ทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาสั่นกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
ไม่ว่าจะพยายามกดต้านไว้อย่างไร ผู้อาวุโสก็ไม่สามารถหยุดยั้งรอยแยกมากมายไม่ให้ปรากฏขึ้นบนฟองอากาศสีรุ้งได้! ฟองอากาศนั้นต้องทานทนพลังจากบทสวดแห่งเต๋าและการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์ ซึ่งเท่านี้ก็ยากเกินกว่าจะรับไหวแล้ว ทำให้ไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันเวลา
รอยแยกปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ทำท่าเหมือนจะพังทลายลงขณะที่หวังเป่าเล่อส่งเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองออกมาเป็นระลอกที่แปด ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ฉายแววคลุ้มคลั่งขณะจ้องมองหวังเป่าเล่อ จากนั้นจึงถอยหนี ราวกับว่าพร้อมจะล้มเลิกการขัดขวางชายหนุ่ม
การกระทำของผู้อาวุโสทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ลดลง แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็ดูมืดมนขณะก่นด่าอยู่ในใจ
เจ้านี่รู้แผนที่แท้จริงของข้า… หวังเป่าเล่อหรี่ตา รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็เพิ่มจำนวนเรือบินรบและสั่งระเบิดอย่างรวดเร็ว จริงๆ แล้ว…ชายหนุ่มเหมือนไม่ได้สนใจว่าจะเสียเงินไปเท่าไหร่ภายใต้สีหน้าดุดัน การแสดงออกเมื่อครู่นั้นเป็นการแสร้งทำเกินจริงไปกว่าครึ่ง เพราะหวังเป่าเล่อรู้อยู่แล้วว่าตนไม่สามารถทำลายฟองอากาศสีรุ้งได้ในทันที พื้นที่ด้านในฟองอากาศนั้นไม่สามารถรองรับเรือบินรบเวทจำนวนมากเกินไปได้ ถ้ายังฝืนส่งเรือรบออกมา ร่างกายของเขาจะไม่สามารถทนพลังจากการระเบิดของเรือรบได้
ดังนั้นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องทำคือการถ่วง ไม่ใช่ถ่วงเวลา…แต่เป็นถ่วงรั้งผู้อาวุโสฝ่ายขวาเอาไว้ หวังเป่าเล่อจะปล่อยให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาออกจากบริเวณฟองอากาศไม่ได้ เพราะจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายสร้างผนึกเพิ่มได้!
หากเขารั้งผู้อาวุโสไว้กับตนเอง ก็จะสามารถหลบออกไปได้ตอนที่ฟองอากาศแตก จากนั้นก็จะปล่อยความเร็วเต็มพิกัด ทะยานหนีออกไปนอกดารานิรันดร์โดยให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาคอยไล่ตามมา
เขารู้ทิศทางที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายหลบหนีออกไปแล้ว พื้นที่ตอนบนซ้าย…น่าจะเป็นจุดอ่อนของพลังธรรมชาติ!
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อโจมตีผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายไป
แต่แผนการทั้งหมด…กลับต้องเปลี่ยนไปเมื่อผู้อาวุโสฝ่ายขวาล่วงรู้แผนการของเขาเข้า
“เจ้าเล่ห์นัก!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาถอยหนีไปพร้อมแววสังหารที่ฉายวาบขึ้นในดวงตา ตอนนี้เขารู้ข้อผิดพลาดของตนเองแล้ว จริงๆ แล้วเขาจะตอบให้เร็วกว่านี้ก็ได้ แต่ก็เจอการกระทำต่างๆ ของหวังเป่าเล่อเข้ามาขวาง ทั้งพลังจากบทสวดแห่งเต๋า การที่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเป็นหรือตาย และการระเบิดทำลายตัวเองของนิ้วมือระดับดาวพระเคราะห์รวมถึงเรือบินรบเวทที่ตามกันมาอย่างต่อเนื่อง พอผสานเข้ากับการที่หวังเป่าเล่อจะหลุดออกมาได้ ก็ยิ่งทำให้ชายชราทำตามแผนของชายหนุ่มตามสัญชาตญาณโดยพยายามเสริมพลังให้กับฟองอากาศอย่างบ้าคลั่ง
แต่เขาก็มีทางเลือกอื่นนอกจากการเสริมพลังผนึก ตัวเลือกที่ว่าคือ…สร้างผนึกเพิ่มรอบๆ ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังทำลายฟองอากาศสีรุ้ง ซึ่งจะทำให้สามารถขังชายหนุ่มไว้ได้ไม่จำกัดครั้ง!
ทว่า…ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตอบโต้ช้าเกินไปเล็กน้อย ผู้อาวุโสไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตั้งผนึกที่สองขึ้น ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ฉายแสงวาบขณะตั้งผนึกมือด้วยมือขวาระหว่างที่กำลังถอยหนีและชี้รอบๆ เจ็ดครั้ง!
ผู้อาวุโสปล่อยไอร้อนจัดจากดารานิรันดร์ออกมาเล็กน้อยทุกครั้งที่ชี้ หากมองดารานิรันดร์ว่าเป็นอสูรร้าย การกระทำของผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นการปลุกอสูรที่ว่า เขาตั้งใจจะยั่วอสูรร้ายให้โกรธ แต่จะยั่วให้โกรธจัดไม่ได้เพราะต้องคุมมันให้อยู่ในระดับที่ตนเองสามารถทนได้ไหว
พลังรุนแรงพลันพัดกระจายไปทั่วหลังจากผู้อาวุโสชี้ผนึกมือออกมา สร้างความปั่นป่วนให้พื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมพลังลมสุริยะที่เกิดจากความร้อนสูงจัดด้วย
เมื่อเขาชี้ผนึกมือครั้งที่เจ็ด แรงสั่นสะเทือน เปลวเพลิง และไอความร้อนสูงก็เริ่มก่อตัวรวมกันก่อนจะระเบิด ส่งผลถึงพายุที่พัดอยู่ด้านบน สร้างความปั่นป่วนให้ที่แห่งนี้หนักขึ้นไปอีก จุดอ่อนเดิมที่พวกเขาสามารถใช้หนีได้รับการเสริมพลังไปด้วยเช่นกัน!
ผู้อาวุโสฝ่ายขวารู้ว่าตนเองไม่มีเวลาตั้งผนึกให้สมบูรณ์ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจใช้ไอความร้อนและความปั่นป่วนบนดารานิรันดร์เพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหว นอกจากจะทำให้หวังเป่าเล่อไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว ยังลบจุดอ่อนตรงขอบสุดของดารานิรันดร์ที่มีอยู่ได้ด้วย นอกจากนี้สัมผัสสวรรค์ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากพายุสุริยะทำให้ไม่สามารถขยายออกไปได้ ส่งผลให้…การหลบหนีออกจากดารานิรันดร์เป็นไปได้ยาก
อย่างไรเสียดารานิรันดร์ก็ไม่ใช่ดาวเคราะห์ทั่วไปที่ขอแค่ทะยานขึ้นไปสูงจนหลุดจากระบบสุริยะก็จะเข้าสู่ห้วงจักรวาลได้ ดารานิรันดร์นั้นมีชั้นป้องกันจากพลังธรรมชาติ ต้องรอให้เวลาผ่านไป จุดอ่อนจึงจะปรากฏขึ้นและเปิดโอกาสให้เหาะออกไปจากพื้นที่ได้ สำหรับพื้นที่อื่นๆ นั้น…หากสัมผัสเข้าก็จะตายทันที!
แน่นอนว่ายังมีอีกทางหนึ่งที่สามารถใช้ออกจากดารานิรันดร์ได้ นั่นคือการใช้วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายกับดารานิรันดร์อีกดวงเป็นรากฐาน ซึ่งจะทำให้ออกจากดารานิรันดร์ได้โดยไม่ต้องสนใจชั้นป้องกันจากพลังธรรมชาติ
การกระทำของผู้อาวุโสฝ่ายขวาจึงเป็นการตัดช่องทางหลบหนีของหวังเป่าเล่อ นอกจากนั้น ถึงดารานิรันดร์จะเป็นสถานที่อันโหดร้าย แต่เขาก็เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ทุกสิ่งยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ แต่หวังเป่าเล่อไม่ได้มีระดับการฝึกตนอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ ชายหนุ่มจึงจะได้รับผลกระทบในจุดนี้มากกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวา
ขอแค่เจ้านั่นออกไปไม่ได้ ข้าก็มั่นใจว่าจะสังหารไอ้ระยำนั่นได้ ดูแล้วมันน่าจะใช้ไพ่ตายไปเกือบหมดแล้วด้วย!
บทที่ 882 หุ่นเชิดระดับดาวพระเคราะห์!
อาจกล่าวได้ว่าถึงแม้ผู้อาวุโสฝ่ายขวานั้นตอบโต้ช้าเกินไปเล็กน้อย แต่หลังจากที่เขาใจเย็นลง การตัดสินใจและการกระทำของผู้อาวุโสก็ถือเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ทันทีที่หวังเป่าเล่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็พลันเหยเก จุดอ่อนที่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเผยให้เห็นเมื่อครู่ไม่น่าจะคงอยู่อีกต่อไปในสภาพพายุสุริยะเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีทางหยุดการกระทำของผู้อาวุโสฝ่ายขวาได้ จิตสังหารแผ่ไปทั่วร่างของเขาในบัดดล ที่ทำได้ในตอนนี้มีเพียงปลดปล่อยพลังปราณอีกครั้งและขยายรอยแยกบนฟองอากาศสีรุ้งให้กว้างขึ้นด้วยการระเบิดของเรือบินรบเวท รอยแยกขยายใหญ่จนได้ยินเสียงปริแตก ทันใดนั้น ฟองอากาศก็แตก!
จังหวะที่ฟองอากาศแตก ร่างของหวังเป่าเล่อก็กลายเป็นหมอกพุ่งออกจากฟองอากาศที่แตกร้าว เมื่อกลับมารวมตัวใหม่ด้านนอกอีกครั้ง ชายหนุ่มก็เรียกเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองกว่าร้อยลำออกมา ขณะที่กองเรือบินรบมุ่งไปทางผู้อาวุโสฝ่ายขวา หวังเป่าเล่อกลับเลือกที่จะพุ่งไปอีกทางโดยไม่ลังเลใจ
ตอนนี้ชายหนุ่มเหลือเรือบินรบเวทประมาณสามร้อยลำในกระเป๋าคลังเก็บ หลังจากหลบหนีออกจากฟองอากาศได้ หวังเป่าเล่อก็ปล่อยเรือบินรบออกมาจำนวนมากและสั่งการให้ระเบิด เขาไม่ได้ทำไปเพราะต้องการขัดขวางผู้อาวุโสฝ่ายขวา นั่นเพราะการระเบิดทำลายตัวเองของเรือรบกว่าร้อยลำไม่มีทางขัดขวางผู้อาวุโสฝ่ายขวาได้
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือ…ทำให้พลังที่ปั่นป่วนของดารานิรันดร์และพลังของดวงอาทิตย์แกร่งกล้าและรุนแรงขึ้นไปอีก ชายหนุ่มต้องการทำให้ดารานิรันดร์ที่เป็นดังอสูรร้ายโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่สามารถรับมือได้ไหว!
นี่เป็นหนทางเดียวที่หวังเป่าเล่อคิดออก!
เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ชายหนุ่มตกเป็นรอง เขาจึงตั้งใจจะพลิกให้เป็นรองเหมือนกันทั้งสองฝ่าย วิธีนี้…จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง!
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่กำลังจะพุ่งทะยานออกไปพลันหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเห็นกองเรือบินรบ ดวงตาฉายแววมืดหม่น ที่รู้สึกหม่นหมองไม่ใช่เพราะระดับพลังปราณหรือพลังยุทธ์ของหวังเป่าเล่อ แต่เป็นเพราะ…การที่ชายหนุ่มสามารถคิดหาแผนการได้อย่างรวดเร็ว
แสดงให้เห็นว่าหลงหนานจื่อที่เผชิญหน้ากับเขาอยู่นั้นเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง ขณะเดียวกันก็เป็นคนดุดันเช่นกัน หากผู้ฝึกตนเช่นนี้ยังมีชีวิตอยู่ ใครหน้าไหนมาทำลองดีชายหนุ่มเข้าคงต้องปวดหัวหนักเป็นแน่
จิตสังหารในใจผู้อาวุโสฝ่ายขวาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เขาจะปล่อยให้คู่ต่อสู้เช่นนี้หนีรอดออกไปไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้ว เมื่อใดที่อีกฝ่ายบรรลุไประดับดาวพระเคราะห์ เมื่อนั้นชายหนุ่มจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อตนเองในอนาคต
คิดได้เช่นนั้น ดวงตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ฉายแววอาฆาต แม้จะอยู่ภายใต้ไอความร้อนสูงที่พัดกระจายไปทั่วดารานิรันดร์ พายุที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ และเบื้องหน้าที่ไม่เห็นอะไรนอกจากแสงจากเปลวเพลิง เขาก็ยังร้องคำรามลั่นและออกไล่ล่าตามหวังเป่าเล่อไป!
ขณะเดียวกันนั้นเอง ด้านนอกดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ บนสนามรบระหว่างสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ และสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้กำลังดำเนินมาถึงจุดเดือด ขณะที่พวกเขาโจมตี ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็รู้สึกคลางแคลงใจขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ…ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมาก
ขณะที่การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ทั้งสองฝั่งเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น ปรมาจารย์เต๋าใหม่ที่ประมือกับผู้อาวุโสฝ่ายขวาอยู่กลับรู้สึกชัดเจนยิ่งกว่า
ปรมาจารย์มหาทัณฑ์รู้สึกคลางแคลงใจหนักขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าใหม่ถอยกลับก่อนจะร้องคำรามลั่นและจ้องผู้อาวุโสฝ่ายขวาจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้าน่ากลัว
“เจ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสฝ่ายขวา เจ้าเป็นใครกันแน่!”
ทันใดที่พูดจบ ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็หัวเราะขึ้น
“ดูออกด้วยสินะ แต่ก็สายไปแล้ว!” สิ้นเสียงของประมุขสำนัก ผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่อยู่ด้านข้างเขาก็ยกมือซ้ายโบกผ่านใบหน้าตนเอง ทันใดนั้น แสงก็ส่องออกมาจากร่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปของเขา ครู่ต่อมา…เงาที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสฝ่ายขวา แต่เป็นหญิงชราหน้าไร้อารมณ์ ตรงหว่างคิ้วมีหนอนสีดำที่ฝังร่างกว่าครึ่งในตัวของนางอยู่ หนอนนั้นดิ้นไปมา เหมือนจะความคุมความคิดและการกระทำทั้งหมดของหญิงชราไว้!
ทันทีที่หญิงชราปรากฏตัว ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และปรมาจารย์เต๋าใหม่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่สามารถเก็บความกังวลของตนเองเอาไว้ได้เมื่อแผนการทั้งหมดไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ส่วนปรมาจารย์เต๋าใหม่ร้องลั่นขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ
“สหายแห่งเต๋าอู๋อวิ๋น!”
หญิงชราคนนั้น…คือปรมาจารย์สำนักผนึกผังดาวหกแฉก ในการต่อสู้ครั้งก่อน สำนักผนึกผังดาวหกแฉกถูกทำลายจนสิ้นซาก มีข่าวลือว่านางหายตัวไปหลังจากหลบหนี แต่เมื่อนางมาปรากฏตัวเช่นนี้ก็หมายความว่า…นางไม่ได้หายตัวไป แต่ถูกจับเป็นและหลอมให้กลายเป็นเหมือนหุ่นเชิด!
แท้จริงแล้ว หญิงชราจากสำนักผนึกผังดาวหกแฉกนั้นเป็นไพ่ตายของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หลังจากจับนางไปในการต่อสู้ครั้งก่อน ประมุขสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ตัดสินใจผนึกนางไว้และส่งกลับไปที่ประตูภูเขาของอารยธรรมครามทองคำ เขาตั้งใจจะใช้วงแหวนปราณของประตูภูเขาเพื่อใช้กระบวนเวทหลอมนางโดยเปลี่ยนนางให้กลายเป็นโอสถระดับดาวพระเคราะห์ หากทำเช่นนั้น เมื่อกินเข้าไปและปล่อยให้โอสถออกฤทธิ์ ระดับพลังปราณจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หากผู้ฝึกตนคนอื่นได้กิน ก็มีโอกาสสูงมากที่ผู้ฝึกตนคนนั้นจะบรรลุไประดับดาวพระเคราะห์
แม้วิธีนี้จะไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมและมีข้อเสียมากมาย แต่ก็เป็นวิธีที่จะทำให้ผู้ฝึกตนได้ครอบครองพลังยุทธ์ระดับดาวพระเคราะห์
แต่ติดปัญหาตรงที่ว่า…ตอนที่พวกเขาตกเป็นรอง โดยเฉพาะเมื่อผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายได้รับบาดเจ็บหนัก ทำให้สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถพาหญิงชราไปที่ประตูภูเขาได้ หมายความว่าย่อมไม่สามารถใช้ประตูภูเขาหลอมนางเป็นโอสถได้ เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้างสมองนางทิ้ง หลอมนางเป็นหุ่นเชิด และใช้แมลงเวทเข้าควบคุม เปลี่ยนนางให้กลายเป็นกำลังเสริม
แผนของเขาคือเปลี่ยนรูปลักษณ์ของหุ่นเชิดตัวนี้ให้กลายเป็นผู้อาวุโสฝ่ายขวา นอกจากจะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดแล้ว ยังทำให้คนเช่นหลงหนานจื่อและปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่นึกสงสัยเกี่ยวกับแผนสังหารหลงหนานจื่อและทำให้แผนการเป็นไปอย่างราบรื่น เขาแค่ต้องสังหารหลงหนานจื่อและเหออวิ๋นจื่อก็เพียงพอที่จะครองอำนาจเหนือดารานิรันดร์ทั้งหมด
เมื่อเป็นเช่นนั้น การเปิดใช้งานการเคลื่อนย้ายของดารานิรันดร์จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าต้องสำเร็จเช่นนั้นแน่เพราะผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาลงมือจัดการหลงหนานจื่อด้วยตนเองและยังใช้งานฟองอากาศสีรุ้งอีก ดังนั้นจะต้องเป็นไปอย่างราบรื่นแน่นอน ทั้งสองไม่น่าจะใช้เวลานาน หลังจากผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวาสังหารชายหนุ่มเสร็จ พวกเขาก็จะกลับมาร่วมสู้ต่อ
และเมื่อทั้งสองกลับมา สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะมีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์สามคนและกึ่งระดับดาวพระเคราะห์หนึ่งคน ซึ่งจะสามารถเอาชนะสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้อย่างง่ายดาย หากพวกเขาทำได้สำเร็จ ศึกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็จะจบลงอย่างรวดเร็ว!
แม้ชายชราจะคำนวณทุกอย่างมาอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังประเมินหวังเป่าเล่อต่ำไป เขาไม่ได้คาดการณ์ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในการวางกับดักฟองอากาศสีรุ้งของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและผู้อาวุโสฝ่ายขวา!
แต่ชายชรายังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนดารานิรันดร์ทำให้มั่นใจไปเช่นนั้น ปรมาจารย์มหาทัณฑ์และปรมาจารย์เต๋าใหม่ครามทองคำเองก็ไม่รู้เช่นกัน พวกเขาจึงถอยหนีไปด้วยจิตใจที่สั่นคลอนและใบหน้าถอดสี ไม่นึกอยากสู้ต่อ
พวกเขามั่นใจว่าถึงพลังยุทธ์ของหวังเป่าเล่อนั้นเกือบจะเทียบเท่าระดับดาวพระเคราะห์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ชายหนุ่มจะหลบหนีออกมาได้สำเร็จและเอาชีวิตตัวเองให้รอดได้จากการถูกวางกับดักและตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง
ระหว่างที่การต่อสู้อยู่ในสภาพคุมเชิงกันอยู่ ทางด้านดารานิรันดร์ หวังเป่าเล่อกำลังปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัดจนกลายเป็นสายรุ้งเส้นยาวตามหาพื้นที่พิเศษเพื่อใช้ในการผ่านออกไป แต่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ไล่ตามหลังมาก็ปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัดเช่นกัน ผู้อาวุโสฝ่ายขวานั้นอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์จึงเร็วกว่าชายหนุ่มเล็กน้อย แม้บนดารานิรันดร์แห่งนี้จะคุกรุ่นไปด้วยไอร้อนและมีพายุกระหน่ำใส่พื้นที่เป็นครั้งคราวก็ยังส่งผลกระทบต่อผู้อาวุโสน้อยกว่าหวังเป่าเล่อ
ด้วยเหตุนี้ จะเห็นได้ว่าร่างหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หวังเป่าเล่อเรื่อยๆ เมื่อร่นระยะเข้ามาใกล้ชายหนุ่มในระยะไม่ถึงสามร้อยเมตร แววเย็นเยียบก็ฉายขึ้นในตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาขณะยกมือขวาขึ้นตั้งผนึกมือชี้ไปตรงแผ่นหลังของหวังเป่าเล่อ
เปลวหมอกสีแดงพวยพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขาทันใดที่ชี้มือ จากนั้นก็มารวมกันที่ปลายนิ้ว ก่อนจะกลายร่างเป็นนางแอ่นโลหิตบินตรงไปหาหวังเป่าเล่อ ทิ้งสายรุ้งสีโลหิตไว้เบื้องหลัง มันบินผ่านระยะทางสามร้อยเมตรในชั่วพริบตาจากนั้นก็ระเบิดเมื่อเข้าไปใกล้ สร้างหมอกหนาสีโลหิตเข้าเขมือบชายหนุ่มเหมือนดังปากขนาดยักษ์
หากเป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะทั่วไป พวกเขาคงตายในทันทีเมื่อแตะโดนตัว เพราะพลังสวรรค์ที่กระจายออกมานั้นแฝงไปด้วยแรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ด้วยแรงกดดันนี้ พลังปราณของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะทั่วไปจะเกิดอาการปั่นป่วน จนอาจทำให้ผู้ฝึกตนที่อ่อนแอตายได้
แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว พลังดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะทำเช่นนั้นได้ ในจังหวะที่หมอกสีโลหิตตรงเข้ามาเขมือบเขา เกราะมหาจักรพรรดิก็ปรากฏบนร่างพร้อมเสียงดังสนั่น รูปลักษณ์อันดุดัน เส้นผมที่พัดปลิว และอาวุธเทพที่มือขวาทำให้ชายหนุ่มเป็นดังเทพแห่งสงครามไปชั่วขณะ เมื่อปลดปล่อยเคล็ดวิชาดวงเนตรปีศาจ ดวงเนตรปีศาจขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง แล้วพอปลดปล่อยพลังทั้งหมดเรียบร้อย หวังเป่าเล่อที่ทะยานอยู่กลางอากาศก็พลันหันหลังกลับและฟาดฟันเข้าใส่หมอกสีโลหิตที่เคลื่อนเข้ามาใกล้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น