ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 878-879
ตอนที่ 878 ชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่อธรรม
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แสงสีดำบนร่างหลิ่วหมิงฉับพลันเข้มขึ้น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงหมัดโจมตีน้ำแข็งแกร่งตรงหน้าแตกกระจุย แล้วกระตุ้นลำแสงพุ่งผ่านกลางเศษน้ำแข็งเต็มฟ้าไล่ตามรุ้งสีเงินที่อยู่ไกลๆ ไป
ทั้งสองคน คนหนึ่งไล่ตาม คนหนึ่งหนี ชั่วพริบตาเหาะออกไปหลายสิบลี้
เพียงแต่เห็นชัดว่าลำแสงของหลิ่วหมิงเร็วกว่าอยู่บ้าง ระยะห่างของทั้งสองคนจึงยิ่งใกล้เข้าไปทุกที ผ่านไปไม่นานระยะห่างก็เหลือไม่ถึงห้าสิบจั้ง
นักพรตจันทราอธรรมย่อมรับรู้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่พูดพร่ำอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาแล้วตั้งท่าเคล็ดวิชาอย่างเร็วไวในเวลาเดียวกัน
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ลำแสงของเขาฉับพลันฉายแสงสีเลือดแล้วพร่าเลือนวูบหนึ่ง จากนั้นแยกเป็นลำแสงห้าเส้นที่เหมือนกันทุกประการ พุ่งเร็วรี่ไปด้านหน้าห้าทิศทาง
ลำแสงแต่ละเส้นล้วนเหมือนจริงอย่างยิ่ง นอกจากนี้คลื่นพลังเวทที่แผ่ออกมาก็แทบจะเหมือนกัน
หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ยิ้มนิดๆ วงกระเพื่อมสีดำปรากฏขึ้นในดวงตา ใช้วิชาอนธการค้นวิญญาณ
หลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน เขาก็ใช้วิชาอนธการค้นวิญญาณออกมาได้ดั่งใจมากขึ้น จึงแยกแยะร่างจริงของนักพรตจันทราอธรรมออกแทบจะในทันที
เขาไม่หยุดเร่งพลังเวทในร่างแม้แต่น้อย ความเร็วเพิ่มขึ้นในฉับพลัน ไล่ตามเร็วรี่ไปหาลำแสงด้านซ้ายสุด พร้อมกันนั้นก็โบกมือ ปราณดำรอบร่างพลุ่งพล่าน มังกรหมอกสีดำยาวหลายจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกมาในพริบตาแล้วบินเร็วรี่เข้าไปหานักพรตจันทราอธรรม
แสงแวววาวสีเงินยวงเส้นหนึ่งลอยออกมาจากร่างนักพรตจันทราอธรรม หลังจากบินวนไปมาด้านหลังร่างรอบหนึ่ง มันก็ฟันมังกรหมอกสีดำกลายเป็นท่อนๆ ภายในสองสามครั้ง
ทว่าครั้งนี้ชั่วขณะที่ชะงักไป หลิ่วหมิงก็ตามมาทันแล้ว
“เจ้าหนูจะไล่ต้อนกันเกินไปแล้ว!”
นักพรตจันทราอธรรมคำรามโกรธเกรี้ยว สิบนิ้วบนสองมือแปรเปลี่ยนประหนึ่งวงล้ออยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นแสงแวววาวสีเงินยวงที่เขาเรียกออกมาก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าแล้วฟันเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายเย็นเยียบ ต่อยหนึ่งหมัดอันหนักหน่วงออกมา
เงาหมัดสีดำใหญ่เท่าโม่หมัดหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาปะทะกับแสงแวววาวสีเงินยวง
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น แสงแวววาวสีเงินยวงเผยร่างเดิมซึ่งก็คือดาบวงเดือนสีเงินเล่มหนึ่ง ถูกดีดหมุนคว้างพุ่งถอยกลับมา
ส่วนเงาหมัดสีดำยังคงพุ่งหวีดหวิวเข้าใส่นักพรตจันทราอธรรมโดยที่พลังไม่ลดลง
นักพรตจันทราอธรรมเห็นเช่นนี้ ม่านตาพลันหดเล็กลง ในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อจางๆ
แม้เขาพลังระดับแก่นเสมือนเช่นกัน ทั้งยังมีวิชามากมายและเชี่ยวชาญวิชาลับแยกร่างวิชาหนึ่ง แต่วันนี้เผชิญหน้ากับหลิ่วหมิงกลับพบอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่าจนอดไม่ได้ร้องตะโกนดังลั่นในใจว่าโชคร้าย
ขณะที่นักพรตจันทราอธรรมเตรียมจะใช้วิชาอื่นออกมา หลิ่วหมิงพลันสะบัดสองแขน แสงสีดำสาดออกมาจากบนร่าง ทันใดนั้นเงาหมัดสีดำที่จวนเจียนจะมาถึงนักพรตจันทราอธรรมก็ระเบิด
แสงสีดำผืนใหญ่แผ่ออกมาล้อมนักพรตจันทราอธรรมไว้ด้านในภายในพริบตา
พลังคุกมืดที่ก่อกวนจิตสัมผัสได้เป็นดาวข่มสำหรับผู้ฝึกฝนอย่างนักพรตจันทราอธรรม และเป็นสิ่งที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าวันตายของเขามาถึงแล้ว
หลังชั่วเวลาหนึ่งมื้อกินข้าวมิติคุกมืดก็สลายไป หลิ่วหมิงยังคงยืนโต้ลมอยู่กลางท้องฟ้า ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่ในมือหิ้วศีรษะของนักพรตจันทราอธรรมไว้
การโต้กลับก่อนตายของนักพรตจันทราอธรรมเมื่อครู่ทำให้เขาเสียลมปราณไปเล็กน้อย
แต่ทุกสิ่งล้วนคุ้มค่า ในรายชื่อความเป็นความตายศีรษะของเขามีมูลค่าถึงหนึ่งแสนหลายหมื่นแต้มคุณูปการ
หลิ่วหมิงเก็บศีรษะรวมถึงร่างของนักพรตจันทราอธรรมเข้าไปในอาวุธเวทเก็บของบนร่างตน แล้วพลิกมือกินโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่ง จากนั้นกลายเป็นลำแสงเส้นหนึ่งออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาไม่ได้กลับนิกายยอดบริสุทธิ์ แต่เลี้ยวเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้าไปหาเป้าหมายต่อไปตามข่าวสารที่ได้มาจากนิกาย
…..
ครึ่งเดือนให้หลัง บนท้องฟ้าเหนือบึงที่เต็มไปด้วยไอพิษแห่งหนึ่งบนแผ่นดินจงเทียน เงาดำสองร่างไล่ตามกันเร็วรี่ผ่านไป ทิ้งรอยจางๆ สองสายไว้กลางท้องฟ้า
ผู้ที่เหาะอยู่ด้านหน้าคือชายหนุ่มเยาว์วัยขนคิ้วสีขาว ทั่วร่างแสงสีดำกะพริบวูบวาบ ดูจากรูปหน้าและหูปุกปุยเหมือนจะไม่ใช่เผ่ามนุษย์
คนที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังเสื้อสีน้ำเงินสะบัดพลิ้วตามสายลม แน่นอนเขาคือหลิ่วหมิงนั่นเอง
“ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์น่าตาย ข้าเป็นถึงศิษย์สายตรงของจินเจินเหรินแห่งบึงหมื่นปี เจ้ากล้าไล่ล่าสังหารข้า เจ้าตายแน่ ตายแน่!” เสียงของชายหนุ่มคิ้วขาวที่เหมือนผู้หญิงอยู่บ้างคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ชายหนุ่มคิ้วขาวผู้นี้ก็เป็นคนที่มีรางวัลค่าหัวในรายชื่อความเป็นความตายสายในเช่นเดียวกัน เขาคือผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับผลึกขั้นปลายนามว่าไป๋เซิ่ง ค่าหัวหนึ่งแสนสองหมื่นแต้มคุณูปการ
หลิ่วหมิงหัวเราะหยันแล้วโบกมือ ทันใดนั้นแสงสีเงินก็กะพริบวิบวับบนแผ่นหลัง บนร่างปรากฏเสื้อเกราะอ่อนสีเงินตัวหนึ่ง พร้อมกันนั้นปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งก็ปรากฏตามออกมาแล้วกระพืออย่างรุนแรง
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น พายุหมุนล่องหนสองลูกยกร่างของหลิ่วหมิงทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นเท่าตัวในฉับพลัน เวลาไม่กี่ลมหายใจก็ไล่ตามชายหนุ่มคิ้วขาวทัน
แม้วาจาของชายหนุ่มคิ้วขาวจะดุดัน แต่เขาสัมผัสความแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงมาก่อนแล้ว บนหน้าจึงฉายแววพรั่นพรึง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงหวีดแหลมแสบแก้วหูออกมาจากปาก
แสงสีดำไหลเคลื่อนรวดเร็วบนร่างเขา จากนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา พร้อมกันนั้นบนแผ่นหลังของเขาก็ปรากฏปีกขนนกสีดำสนิทคู่หนึ่ง และสองมือก็กลายเป็นกรงเล็บเหล็กดำขลับแวววาวคู่หนึ่งด้วย
ชายหนุ่มคิ้วขาวผู้นี้เผชิญหน้าอันตรายจึงกลายร่างเป็นสภาพกึ่งปีศาจ เขาเป็นผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชนิดหนึ่งจำพวกนกอินทรี
ร่างกายของเขาหักเลี้ยวกะทันหันกลางอากาศครั้งหนึ่ง กรงเล็บเหล็กสีดำสนิทสองข้างก็พร่าเลือนหายไป ทันใดนั้นแสงสีดำยาวหลายฉื่อแลดูคมกริบอย่างยิ่งก็พุ่งออกมาจากปลายกรงเล็บ ตะปบเร็วรี่เข้าใส่หลิ่วหมิง
ในใจหลิ่วหมิงลอบถอนหายใจ หากกระบี่ว่างเปล่าไม่ได้ถูกผนึกอยู่ เวลานี้แค่เรียกกระบี่บินออกมา เขามั่นใจเต็มร้อยว่าฟันครั้งเดียวก็คงสะบั้นกรงเล็บคมของชายหนุ่มคิ้วขาวคนนี้เป็นท่อนๆ ได้ ทว่าตอนนี้ได้แต่ใช้ลูกเล่นเล็กน้อย
ในใจเขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวที่มือไม่เชื่องช้าสักนิด หลังจากมือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา ปราณสีดำบนร่างก็พลุ่งพล่านกลายเป็นมังกรหมอกสีดำขนาดมหึมาสิบจั้งกว่าตัวหนึ่งกลางอากาศ โถมรวดเร็วเข้าใส่ชายหนุ่มคิ้วขาว
ชายหนุ่มคิ้วขาวดวงตาฉายแววยินดี ไม่มีใครรู้พลังของกรงเล็บเหล็กคู่นี้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
ได้ยินเสียงดัง “ฉึก” ครั้งหนึ่ง จุดที่แสงสีดำลึกล้ำแล่นผ่านสะบั้นมังกรหมอกสีดำเป็นหลายท่อนอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มคิ้วขาวในใจยินดียิ่งนัก ปีกทั้งคู่บนแผ่นหลังขยับกระพือหมายจะฉวยโอกาสหนีไป
เวลานี้เองมังกรหมอกสีดำที่ถูกหั่นเป็นหลายท่อนพลันระเบิดกลายเป็นเมฆสีดำเข้มผืนหนึ่ง เพียงชั่วครู่ก็ล้อมพื้นที่หลายสิบจั้งรอบตัวชายหนุ่มคิ้วขาวเข้าไปด้านใน
ชายหนุ่มคิ้วขาวรู้สึกว่าเบื้องหน้าดำมืด สี่ด้านแปดทิศล้วนเป็นปราณดำที่ดำสนิทประหนึ่งหมึกเต็มไปหมด สายตาถูกกั้นขวางทันที ในเวลาเดียวกันปีกบนแผ่นหลังก็ถูกปราณดำสายแล้วสายเล่าที่ไม่ทราบโผล่ออกมาจากที่ใดรัดพันไว้จนรู้สึกว่ากางไม่ออก
“ตาย!”
เงาคนพร่าเลือนวูบหนึ่ง หลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังชายหนุ่มคิ้วขาวประหนึ่งภูตพราย มือข้างหนึ่งสะบัดทันที แสงสีดำดุดันสายหนึ่งฟันเข้าใส่ลำคอของชายหนุ่มคิ้วขาว
“อย่าฝัน!”
ชายหนุ่มคิ้วขาวหัวใจจมดิ่งถึงที่สุดแล้ว เขารู้ว่าหมดหนทางจะโชคดีหนีรอด ทันใดนั้นจิตบ้าคลั่งสายหนึ่งจึงทะลักออกมา แสงสีดำบนร่างเจิดจ้าขึ้นในฉับพลัน
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
เสียงแหวกอากาศแหลมสูงดังขึ้น ขนนกสีดำสนิทนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดไปรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันร่างกายของชายหนุ่มคิ้วขาวก็พลันหดเล็กลงชั่วครู่ก่อนจะระเบิดตัวเอง
เวลานี้เองฝ่ามือที่มีเกล็ดสีม่วงเข้มอยู่ทั่วข้างหนึ่งก็พุ่งทะลุขนนกสีดำออกมาอย่างเงียบเชียบ เสียบจมลงไปในท้องน้อยของชายหนุ่มคิ้วขาว
ร่างกายของชายหนุ่มคิ้วขาวฉับพลันแข็งทื่อ แววตาค่อยๆ เลื่อนลอย การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดนิ่ง พลังเวทที่ก่อตัวขึ้นส่งเสียงระเบิดกึกก้องสลายไปในทันใด
เงาคนสั่นไหววูบหนึ่ง หลิ่วหมิงพลันปรากฏตัวเบื้องหลังชายหนุ่มคิ้วขาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นเขาก็สะบัดมือข้างหนึ่ง ประกายแสงเย็นเยียบฉายสว่าง ศีรษะของชายหนุ่มคิ้วขาวถูกฟันครั้งเดียวก็ร่วงลงมา
…..
สามเดือนให้หลัง ณ ใจกลางทะเลทรายที่มองไปไร้ขอบเขตอันรกร้างไร้ผู้คนทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินจงเทียน มีเสียงระเบิดดังกึกก้องออกมาเป็นระยะ ทำให้เนินทรายใกล้ๆ ราวกับถูกไถ มีร่องยาวเพิ่มขึ้นมาหลายสาย แล้วยังมีหลุมลึกมหึมาอีกหลายหลุม
ปรากฏการณ์ประหลาดนี้คงอยู่ครึ่งค่อนวันเต็มๆ ถึงหยุด
บริเวณที่ถูกเนินทรายสามลูกล้อมไว้แห่งหนึ่ง ศพไร้ศีรษะที่สวมชุดยาวสีขาวร่างหนึ่งกำลังทอดกายอยู่ในหลุมทรายใหญ่ยักษ์
ไม่ไกลจากด้านข้างหลุมทราย หลิ่วหมิงผู้สวมชุดสีน้ำเงินกำลังหอบหายใจหนัก มุมปากมีเลือดสายหนึ่งไหลออกมาอยู่รางๆ
มือขวาเขาหิ้วศีรษะที่ยังมีเลือดไหลโชกอยู่ศีรษะหนึ่งไว้ ผิวบนศีรษะมีปราณดำวนเวียนอยู่เลือนราง ดูจากบาดแผลตรงคอคล้ายกับว่าถูกพลังมหาศาลบางอย่างฉีกกระชากออกมาทั้งเป็น
บนศีรษะผูกเปียมากมายไว้จนเต็ม ใบหน้าดุร้ายน่าหวาดกลัว สองตาที่ไร้แววกำลังเบิกค้างมองไปเบื้องหน้า
คนผู้นี้ก็คือหมอผีสวรรค์ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายระดับแก่นแท้ในรายชื่อความเป็นความตายสายในของนิกายยอดบริสุทธิ์ผู้มีค่าหัวห้าแสนแต้มคุณูปการ
พลังของคนผู้นี้คลาดเคลื่อนจากข้อมูลที่นิกายให้มาอยู่บ้าง เขาเข้าสู่ระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว วิชาอันแข็งแกร่งหลายอย่างของหลิ่วหมิงล้วนถูกเขาข่มไปทีละอย่างๆ เพื่อสังหารคนผู้นี้ เขาก็บาดเจ็บเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
……
ครึ่งปีให้หลัง โม่ถัวอดีตศิษย์แกนนำแห่งหอหอเจ็ดชำนาญนิกายเทียนกงซึ่งถูกขับออกจากนิกายไปก็ถูกบุคคลลึกลับผู้หนึ่งสังหารใกล้ๆ กับทะเลบุปผาพิษอันลือชื่อของแผ่นดินจงเทียน หุ่นที่พลังไม่เป็นรองระดับแก่นเสมือนสามตัวของเขาถูกทำลายจนหมดในที่เกิดเหตุ
แปดเดือนให้หลัง นิกายโลหิตหยกซึ่งเป็นนิกายอธรรมแห่งหนึ่งก็ถูกคนบุกเข้าไปฆ่าล้างนิกายจนเกลี้ยงในคืนเดียว ผู้เฒ่าโลหิตหยกประมุขนิกายระดับแก่นแท้ขั้นต้นก็ถูกคนตัดศีรษะไปด้วย
ในระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งปี ผู้ฝึกฝนสายปีศาจและเผ่าปีศาจห้าหกคนถูกคนลึกลับสังหาร แล้วยังถูกคนตัดศีรษะไป ทิ้งไว้เพียงร่างไร้ศีรษะอยู่ในที่เกิดเหตุ
จุดร่วมของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้ก็คือพวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่อยู่ในประกาศล่าค่าหัวบนรายชื่อความเป็นความตายของนิกายยอดบริสุทธิ์
ในเวลาสั้นๆ ข่าวที่ว่านิกายยอดบริสุทธิ์มียอดฝีมือที่ร้ายกาจคนหนึ่งกำลังไล่ล่าสังหารผู้มีรางวัลค่าหัวในรายชื่อก็กระจายไปในหมู่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายอย่างรวดเร็ว
เล่าลือกันว่าดาวหายนะผู้นี้สังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายจนเสพติด ขอเพียงเห็นผู้ฝึกฝนสายปีศาจหรือเผ่าปีศาจก็จะลงมืออย่างไม่ลังเลสักนิด
ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายมากมายที่เคยขัดแย้งกับนิกายยอดบริสุทธิ์ฉับพลันเงียบหายประหนึ่งจักจั่นยามเหมันต์ พวกเขาต่างพากันเร้นกายไม่ปรากฏตัว กลัวว่าคนผู้นั้นจะมาหาถึงหน้าประตู
ชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปอีกครึ่งค่อนปี
วันนี้ในหุบเขาแห่งหนึ่งที่ถูกเขาล้อมอยู่สามด้านบนเทือกเขาหมื่นวิญญาณ หน้าวิหารหลังใหญ่ของหอความเป็นความตายสายใน ลำแสงสีดำสายหนึ่งร่อนลงมาอย่างเงียบเชียบ
หลังแสงสีดำกะพริบวูบวาบสอบสามหนแล้วสลายไปก็เผยให้เห็นร่างของคนด้านใน เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
เขาจัดเสื้อผ้าบนร่างแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในประตูวิหาร
ตอนที่ 879 ปีศาจพันมายา
ในหอความเป็นความตายยังคงมืดสลัววังเวงดังเช่นวันวาน
“โอ๊ะ ศิษย์หลานหลิ่วนี่เอง ครั้งนี้ผ่านไปนานครึ่งค่อนปีเชียวนะถึงกลับมา” บุรุษวัยกลางคนสวมชุดสีเทาคนหนึ่งในห้องโถงใหญ่เห็นหลิ่วหมิงเดินเข้าประตูใหญ่มาก็หัวเราะฮ่าๆ เข้ามาต้อนรับทันที
แมวดาวสีขมิ้นบนหัวไหล่เขาเหลือบมองหลิ่วหมิงอย่างเกียจคร้านแล้วอ้าปากหาว
“ผู้อาวุโสเจียงมากพิธีไปแล้ว” หลิ่วหมิงยิ้มแล้วเอ่ยประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงสีดำสว่างกลางฝ่ามือ ห่อผ้าเปื้อนเลือดห่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา
เมื่อสายตาของชายวัยกลางคนชุดเทากวาดผ่านห่อผ้าในมือ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้าง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงเรืองรองสีเทาพลันม้วนออกไปรับห่อผ้ามา
ท่าทีของคนผู้นี้เปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่หลิ่วหมิงมาราวฟ้ากับดิน
แต่นี่ก็เป็นเรื่องสมควร ภายในสองปีหลิ่วหมิงสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่ถูกตั้งค่าหัวมาหลายปีไปถึงห้าหกคน จนชายวัยกลางคนชุดเทาในฐานะผู้อาวุโสที่ดูแลหอความเป็นความตายของสายในได้รับคำชื่นชมจากนิกายมาครั้งหนึ่งแล้ว
ในเวลานี้เองชายวัยกลางคนชุดเทาก็เปิดห่อผ้าในมือออก จึงเห็นว่าด้านในคือศีรษะโชกเลือดที่บนศีรษะล้านเลี่ยน มีรอยธูปจี้สองแถวคล้ายกับเป็นพระรูปหนึ่ง
“นี่…นี่มันหลวงจีนฉางจี้ภิกษุลามกแห่งเกาะเสี้ยนคงเขตหนานไห่! คนผู้นี้พลังบรรลุจุดสูงสุดของระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว เขาอาศัยอยู่ในเขตหนานไห่มานาน ไม่มีความชั่วใดไม่กระทำ เพราะมีนิสัยรอบคอบขี้ระแวง นิกายยอดบริสุทธิ์กับนิกายเทียนกงร่วมกันประกาศล่าตัวมาเกือบร้อยปีก็ไม่มีใครสังหารเขาได้มาตลอด ศิษย์หลานหลิ่วฝีมือดีจริงๆ!” ชายวัยกลางคนชุดเทาดวงตาเป็นประกายจากนั้นก็เอ่ยอย่างยินดียิ่ง
“คนผู้นี้เจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง ข้าเสียเวลามากนักถึงบีบให้เขาจนมุมได้” หลิ่วหมิงเอ่ยนิ่งๆ
จะว่าไปแล้วที่สังหารหลวงจีนฉางจี้ผู้นี้สำเร็จได้เพราะวิชาอนธการค้นวิญญาณมีส่วนช่วยอย่างมาก เขาไล่สังหารคนผู้นี้มานานหลายเดือนเต็มๆ ถึงตามหาจนพบว่าคนผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ในนิกายแห่งหนึ่งที่เขตหนานไห่
หนึ่งปีมานี้ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายในรายชื่อความเป็นความตายแต่ละคนเหมือนจะรู้ข่าวจึงพากันเก็บซ่อนร่องรอย อยากจะหาพบสักคนลำบากยิ่งกว่าเดิม ส่วนข้อมูลที่นิกายมีให้ก็น้อยนิด หลายครั้งเมื่อเขาไล่ตามร่องรอยในข้อมูลไป ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านั้นก็หนีไปไกลโพ้นไม่เหลือร่องรอยแล้ว
นี่ก็ไม่แปลก แผ่นดินจงเทียนกว้างใหญ่ไพศาล แค่สองเขตเล็กๆ ก็ห่างกันหลายหมื่นลี้ แม้โดยสารเรือหยกจันทราและใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ยังเสียเวลาไม่น้อย
นับแต่นี้ต่อไปจะเก็บแต้มคุณูปการจากรายชื่อความเป็นความตายคงยากเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ภิกษุลามกคนนี้ลำดับในรายชื่อความเป็นความตายค่อนไปทางต้นๆ นิกายมีรางวัลให้สามแสนแต้มคุณูปการ” ชายวัยกลางคนชุดเทาสำรวจศีรษะอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อยืนยันว่าเป็นตัวหลวงจีนฉางจี้แน่นอนแล้วถึงเก็บไป
หลิ่วหมิงพยักหน้า มือข้างหนึ่งหยิบป้ายแสดงตัวตนที่เอวส่งไปให้ ชายวัยกลางคนหยิบกระบองน้อยสีเงินแท่งหนึ่งออกมา มือซ้ายตั้งท่าเคล็ดวิชา ทันใดนั้นแสงสีเงินสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในป้ายแสดงตัวตน
หลิ่วหมิงรับป้ายมาสำรวจมองแต้มคุณูปการด้านในเล็กน้อย เขาสะสมมาได้เก้าแสนหลายหมื่นแต้มแล้ว แต่ยังห่างจากหนึ่งล้านห้าแสนแต้มอยู่อีกไม่น้อยจึงอดไม่ได้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
แม้แต้มคุณูปการของรายชื่อความเป็นความตายสายในจะสูงกว่าสายนอกอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับพลังของเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นพรวดพราด แต้มเหล่านี้ก็แลดูน้อยไปอยู่บ้าง
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ รายชื่อความเป็นความตายของสายในเดิมทีก็มีไว้ให้ศิษย์สายในระดับผลึกขึ้นไป แม้ศิษย์สายนอกอยากรับก็ไม่มีคุณสมบัติ
“ดูจากสีหน้าของศิษย์หลานหลิ่ว เหมือนจะต้องการแต้มคุณูปการของนิกายจำนวนไม่น้อยอย่างเร่งด่วนสินะ?” ชายวัยกลางคนชุดเทาเห็นสีหน้าของหลิ่วหมิงก็พลันยิ้มแล้วถามขึ้นมา
“ผู้อาวุโสเจียงพูดไม่ผิด ข้าต้องการแต้มคุณูปการของนิกายไม่น้อยเพื่อธุระเรื่องหนึ่งจริงๆ” หลิ่วหมิงตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบังเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้นก็พอดี ข้ามีคนที่ถูกตั้งค่าหัวคนหนึ่ง รางวัลสามแสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการ คนผู้นี้เคยสังหารโหลนของผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์คนหนึ่งของนิกายเราเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้อาวุโสท่านนั้นจนปัญญาด้วยกฎของรายชื่อความเป็นความตายทำให้ไม่อาจลงมือเองได้ จึงเคยสัญญาไว้ว่าหากศิษย์นิกายเราสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนนั้นได้ เขาจะให้แต้มคุณูปการสมทบอีกหนึ่งแสนแต้ม” ชายวัยกลางคนชุดเทาเอ่ยช้าๆ
“สี่แสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการ! ผู้อาวุโสเจียงโปรดบอกรายละเอียดด้วย!” หลิ่วหมิงสูดลมหายใจดังเฮือก หัวใจเต้นแรงทันที
“คนผู้นั้นนามว่าเฟ่ยอี๋ เป็นผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่อยู่เพียงลำพังผู้หนึ่ง สองร้อยกว่าปีก่อนฝึกฝนจนบรรลุระดับแก่นแท้ ชำนาญวิชามายา เล่าลือกันว่าคนผู้นี้ครอบครองร่างจิตวิญญาณพันมายาที่หายากอย่างที่สุด แปลงกายได้ดั่งใจ มีฉายาในหมู่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายว่า ‘ปีศาจพันมายา’” ชายวัยกลางคนชุดเทาเห็นหลิ่วหมิงเหมือนจะสนใจอย่างยิ่งก็ล้วงคัมภีร์หยกเล่มหนึ่งออกมาจากตัว
“แต่นิกายไม่อาจสืบหาร่องรอยที่แน่ชัดของคนผู้นี้ได้ ในนี้คือข่าวเกี่ยวกับ ‘ปีศาจพันมายา’ ที่ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ผู้นั้นส่งคนไปเก็บรวบรวมจากทั่วทุกสารทิศในช่วงหลายสิบปีมานี้ ฉบับคัดลอกชุดหนึ่งเก็บไว้ที่ตัวข้ามาตลอด หากศิษย์หลานสนใจรับภารกิจนี้น่าจะช่วยเจ้าได้บ้าง” ชายวัยกลางคนชุดเทาเอ่ยเรียบๆ แล้วโยนคัมภีร์หยกมาให้
“เช่นนั้นก็ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่ง ภารกิจนี้ข้ารับไว้แล้ว” หลิ่วหมิงยื่นมือรับคัมภีร์หยกไปแล้วประสานมือเอ่ยอย่างแน่วแน่
สี่แสนห้าหมื่นแต้มคุณูปการช่างยั่วยวนใจยิ่งนักอย่างแท้จริง ขอเพียงมีร่องรอยแม้สักนิด เขาอาศัยวิชาอนธการค้นวิญญาณอย่างมากก็คงใช้เวลาไม่กี่เดือนถึงครึ่งปี เขาไม่เชื่อว่าจะตามหาที่อยู่ของปีศาจพันมายาคนนั้นไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลิ่วหมิงก็ขอตัวออกจากหอความเป็นความตายอย่างรวดเร็ว จากนั้นขี่เมฆตรงกลับไปถ้ำที่พักในยอดเขาลั่วโยวอย่างไม่หยุดพัก
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
เมื่อเขาเดินเข้ามาในถ้ำที่พัก หญิงสาวผู้สวมชุดตาข่ายสีดำคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาต้อนรับอย่างเร็วไว เซียเอ๋อร์นั่นเอง
สองปีนี้ขณะไล่ล่าสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายในรายชื่อความเป็นความตายอยู่ข้างนอก เขาไม่ได้พาอสูรเลี้ยงสองตัวไปไว้ข้างกาย เหตุผลประการหนึ่งเพราะหลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน เขาเชื่อมั่นว่าจะทำภารกิจรายชื่อความเป็นความตายสำเร็จได้โดยไม่ต้องอาศัยคนอื่นช่วย อีกประการหนึ่งก็เพราะครั้งก่อนหลังจากหัวบินกลืนกินภูตระดับแก่นแท้ตนนั้นลงไปก็อยู่ในสภาวะหลับลึกมาตลอด เขาจึงต้องทิ้งเซียเอ๋อร์ไว้ดูแลมัน
“ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ช่วงนี้มีคนมาเยี่ยมเยียนไหม?” หลิ่วหมิงเอ่ยปากถามขึ้น
“ตอนนี้นายท่านเป็นคนดังของนิกายสายใน ช่วงนี้ย่อมมีคนมาเยี่ยมเยียนไม่น้อย แต่เพราะนายท่านไม่อยู่ ส่วนใหญ่จึงทิ้งข้อความไว้เท่านั้น” เซียเอ๋อร์เอ่ยพลางแบมือส่งยันต์ถ่ายทอดเสียงสิบกว่าแผ่นให้หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงขานรับเบาๆ แล้วรับมาสำรวจทีละแผ่น
ศิษย์สายในจำนวนหนึ่งเป็นผู้ฝากยันต์ถ่ายทอดเสียงเหล่านี้ไว้ เนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายคลึงกันคือแสดงความต้องการจะผูกมิตร ในนั้นยังมีศิษย์หญิงหลายคนใช้ถ้อยคำลอบสื่อความหมายชื่นชมหลิ่วหมิงอีกด้วย
หลิ่วหมิงส่ายศีรษะ เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง สัญญาหมั้นระหว่างเขากับเจียหลานในนิกายสายในน่าจะไม่มีผู้ใดไม่รับรู้ ศิษย์หญิงเหล่านี้ใจกล้ามากทีเดียว
เขาขยี้ยันต์ถ่ายทอดเสียงเหล่านี้ไปจากนั้นหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงสีฟ้าอ่อนแผ่นหนึ่งที่อยู่ด้านล่างสุดขึ้นมา หลังอ่านผ่านๆ บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แผ่นนี้เจียหลานเป็นคนฝากไว้
จะว่าไปแล้วเขากับสตรีนางนี้ก็ไม่ได้พบหน้ากันมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
หลิ่วหมิงแทรกจิตสัมผัสเข้าไปในยันต์ถ่ายทอดเสียง หลังผ่านไปครู่หนึ่งก็มีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
เจียหลานฝากข้อความไว้ในยันต์ถ่ายทอดเสียงเพียงไม่กี่คำ เนื้อหาส่วนใหญ่บอกว่ากำลังจะเก็บตัวฝึกฝนเพื่อเริ่มทะลวงคอขวดระดับผลึกขั้นปลาย
สำหรับพรสวรรค์ของเจียหลาน ความเร็วระดับนี้ก็นับว่าปกติ สุดท้ายสตรีนางนี้กำชับทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งให้หลิ่วหมิงระวังให้มากยามออกไปฝึกวิชาข้างนอก
หลิ่วหมิงวางยันต์ถ่ายทอดเสียงลง บนใบหน้าปรากฏสีหน้าหลากหลายอารมณ์ปนเปกัน ชั่วครู่ให้หลังก็อดไม่ได้หัวเราะจืดเจื่อน
เจียหลานใช้คำเช่นนี้ ก็คือถือว่าตนเป็นคู่รักฝึกฝนของเขาประมาณหนึ่งแล้ว
เขาใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกใดๆ กับสตรีผู้นี้อย่างสิ้นเชิง อย่างไรสตรีนางนี้ก็นับว่าเข้ามาอยู่ในโลกของเขาตั้งแต่วันนั้นที่เขาก้าวเข้าสู่พิธีเปิดจิตวิญญาณแห่งนิกายปีศาจ แล้วยังติดตามเขาจากอวิ๋นชวนมาจนถึงจงเทียน
เพียงแต่ทุกครั้งที่คิดถึงคำว่าฝึกฝนคู่ ในใจเขาก็มักจะปรากฏเงาร่างชุดขาวที่งามสง่าแต่เย็นชาประหนึ่งน้ำแข็งร่างหนึ่งขึ้นมาเสมอ
“เยี่ย…”
ท้ายที่สุดหลิ่วหมิงก็ถอนหายใจแล้วสะบัดแขนเสื้อ ยันต์ในมือฉับพลันสลายกลายเป็นละอองแสงสีฟ้า
เซียเอ๋อร์เห็นเช่นนี้ก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเรียบร้อยไม่รบกวนเขา
หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกหลายครั้ง ในที่สุดก็กดอารมณ์ประหลาดในใจลงไปได้ สีหน้ากลับมานิ่งสงบแล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องลับด้านข้าง เขาสำรวจสภาพของเฟยเอ๋อร์ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยชุดเขียวยังหลับใหลไม่มีสิ่งใดผิดปกติแม้แต่น้อยก็สั่งเซียเอ๋อร์หลายประโยคก่อนจะจากไป
หลิ่วหมิงกลับมาถึงในห้องลับก็หยิบคัมภีร์หยกที่ชายวัยกลางคนชุดเทาแห่งหอความเป็นความตายมอบให้เขาออกมา จากนั้นแนบมันลงบนหน้าผากแล้วศึกษาอย่างละเอียด
ในคัมภีร์หยกมีเนื้อหาไม่มาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข่าวต่างๆ นานาเกี่ยวกับ ‘ปีศาจพันมายา’ ผู้นี้ ตัวอย่างเช่นชาติกำเนิดของคนผู้นี้ เขาเป็นศิษย์ของผู้ใด เคยปรากฏตัวที่ไหนบ้างเป็นต้น แต่สิ่งที่บันทึกไว้ล้วนกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังหลิ่วหมิงอ่านอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็หาสิ่งที่มีประโยชน์อยู่บ้างในนั้นพบ
เขาครุ่นคิดอยู่ในห้องลับอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ดวงตาค่อยๆ เปล่งประกาย มีแผนการคร่าวๆ แผนการหนึ่งสำหรับตามหาปีศาจพันมายาแล้ว
“เซียเอ๋อร์ ออกไปครั้งนี้ เจ้าตามไปด้วยกันกับข้าเถิด” หลิ่วหมิงเดินออกจากห้องลับแล้วบอกกับเซียเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตู
แมงป่องกระดูกมีสัมผัสและพลังควบคุมธาตุดินยอดเยี่ยม ในแดนลึกลึบประตูสวรรค์เคยช่วยเขาเอาไว้ ครั้งนี้ตามหาปีศาจพันมายาบางทีอาจใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน
“รับคำสั่ง นายท่าน!” เซียเอ๋อร์ได้ยินก็เอ่ยขึ้นอย่างทั้งตกใจทั้งยินดี เพราะพันธะวิญญาณ เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์จึงไม่ค่อยอยากแยกจากหลิ่วหมิงนัก
ทว่าจากนั้นดวงหน้างามของเซียเอ๋อร์ก็เงยขึ้นแล้วเอ่ยอย่างลังเลอยู่บ้าง “แต่นายท่าน ทิ้งเฟยเอ๋อร์ไว้ที่ถ้ำคนเดียว…จะเหมาะหรือ?”
“ไม่เป็นไร ก่อนไปข้าจะเปิดชั้นจำกัดที่ปกป้องถ้ำทั้งหมดไว้ จะได้ไม่มีคนเข้ามากวนการฝึกฝนของเฟยเอ๋อร์ อย่างไรที่นี่ก็คือนิกายยอดบริสุทธิ์!” หลิ่วหมิงส่ายศีรษะแล้วเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
เซียเอ๋อร์ฟังแล้วก็วางใจ ร่างกายบิดทีหนึ่งพลันกลายเป็นเงาสีดำสายหนึ่งเหาะเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ
ต่อจากนั้นหลิ่วหมิงก็ไม่ได้รั้งอยู่ที่ถ้ำนาน เขาเดินออกไปอย่างรวดเร็วแล้วท่องมนตร์ยิงเคล็ดวิชาหลายสายลงบนป้ายของถ้ำที่พัก
ประตูใหญ่ของถ้ำที่พักมีแสงสีน้ำเงินอ่อนชั้นแล้วชั้นเล่าครอบทับด้านบน ชั้นจำกัดป้องกันด้านในทำงานทั้งหมด
หลังทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น เขาถึงขยับร่างกาย เท้าเหยียบเมฆสีดำกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งมุ่งหน้าไปยังวิหารส่งตัวของนิกาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น