ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 876-877

 ตอนที่ 876 หอความเป็นความตายของนิกายส...

 

หลังมือข้างหนึ่งของหลิ่วหมิงลูบแผ่วเบาซ่อนร่องรอยของฝักกระบี่ว่างเปล่าแล้ว เขาก็แหงนศีรษะมองยอดเขากระบี่หักที่ยังคงตั้งตระหง่านสูงเทียมเมฆเช่นเดิม แล้วก้มศีรษะกวาดสายตามองเศษซากกระบี่มากมายเบื้องล่าง ในใจอดไม่ได้ถอนหายใจ


ไม่รู้ว่าหากผู้อาวุโสหานผู้นั้นพบว่าตนประลองกับซากกระบี่ระดับกลางและระดับต่ำส่วนใหญ่ของที่แห่งนี้ไปครบรอบจนทำให้พลังจิตวิญญาณที่กระบี่เหล่านี้สั่งสมมาส่วนใหญ่หมดเกลี้ยงจะคิดอย่างไร


ในเมื่อวันนี้เขาหลอมลูกกลอนกระบี่สำเร็จแล้วย่อมไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก หลังจากเขาโคจรปราณเล็กน้อยก็หยิบยันต์เคลื่อนย้ายที่ส่องแสงขมุกขมัวแผ่นนั้นออกมาแล้วฉีกมันจนแหลกอย่างไม่ลังเลสักนิดทันที


ครู่ต่อมาแสงเรืองรองสีขาวสายหนึ่งก็สาดออกมาจากด้านในล้อมร่างกายของเขาไว้ จากนั้นเขาก็กลายเป็นแสงสีขาวสายหนึ่งหายไปจากเขากระบี่หัก


หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงภาพเบื้องหน้าฉับพลันพร่าเลือนไม่ชัดไปวูบหนึ่ง เมื่อเขามองเห็นสภาพรอบด้านชัดเจนอีกครั้ง ทันใดนั้นก็พบว่าตนอยู่ท่ามกลางหมู่เขา ไม่ใช่ค่ายกลที่เคลื่อนย้ายเข้าไปเมื่อตอนนั้น หนึ่งลี้กว่าด้านหลังถึงจะเป็นที่ตั้งของยอดเขากระบี่สวรรค์


ในเวลาเดียวกันนี้ลำแสงหลากสีสันหลายสายก็พุ่งรวดเร็วไปทางยอดเขากระบี่สวรรค์อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย


เขาเห็นเช่นนี้ในใจก็ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเดาได้คร่าวๆ ว่าสาเหตุที่คนเหล่านี้เร่งเดินทางมาน่าจะเกี่ยวข้องกับตน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดหรอกว่าการกระทำของตนที่เขากระบี่หักจะไม่มีใครรู้


แต่ในตอนนี้เขายังมีเรื่องมากมายต้องทำ การหลอมลูกกลอนกระบี่ครั้งนี้กินเวลาไปนานหลายปี เขาย่อมไม่ยากยุ่งวุ่นวายอะไรกับคนที่มาอีก


ดังนั้นหลิ่วหมิงจึงกระตุ้นวิชาลับภาพสัญลักษณ์อีกครั้งแล้วเก็บงำกลิ่นอาย ออกไปจากอาณาเขตของยอดเขากระบี่สวรรค์อย่างเงียบเชียบ ขี่เมฆอ้อมทางไปยังถ้ำที่พักของตนเอง


ใกล้ๆ กับห้องศิลาด้านหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายของเขากระบี่หัก ลำแสงหลากสีสันสายแล้วสายเล่าทยอยร่อนลงมา ในกลุ่มนั้นมีหลงเหยียนเฟยกับซาทงเทียนอยู่ด้วย


ชายหนุ่มผอมสูงผู้เฝ้าที่แห่งนี้ก็กำลังตะลึงเพราะปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่เกิดจากการหลอมลูกกลอนกระบี่ของหลิ่วหมิงเช่นเดียวกัน เวลานี้เห็นคนมากมายเช่นนี้รุมล้อมเข้ามายิ่งรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง


“ศิษย์น้องซุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าปรากฏการณ์ประหลาดน่าตะลึงเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้ใดทำให้เกิดขึ้น?” ศิษย์ยอดเขากระบี่สวรรค์ผู้เหยียบอยู่บนกระบี่หนาสีเหลืองคนหนึ่งมาถึงหน้าห้องศิลาก็เอ่ยถามเสียงดัง


จะว่าไปแล้วเนื่องจากศิษย์ผู้ฝึกฝนกระบี่ระดับแก่นแท้ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสเขากระบี่หัก ดังนั้นในหมู่ศิษย์ต่ำกว่าระดับผลึก ที่แห่งนี้จึงนับว่าเป็นสถานที่ซึ่งค่อนข้างเร้นลับทีเดียว


ถึงอย่างไรถ้าพลังไม่พอบุ่มบ่ามเข้าไปก็็็อันตรายยิ่งนัก


ชายหนุ่มผอมสูงได้ยิน กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุกอยู่ครู่หนึ่ง รีๆ รอๆ อย่างห้ามไม่ได้


เวลาสี่ปีกว่าที่ผ่านมาด้านในแดนลึกลับมีหลิ่วหมิงจากยอดเขาลั่วโยวผู้นั้นคนเดียว แต่ปรากฏการณ์ธรรมชาติน่าตะลึงที่ฝ่าผนึกมิติของเขากระบี่หักออกมานี่ คนผู้นี้เป็นคนทำจริงหรือ


ขณะที่ชายหนุ่มผอมสูงอึกอักอยู่นั่นเอง เงาคนก็ปรากฏเลือนรางขึ้นกลางท้องฟ้า บุรุษชุดผ้าไหม สวมกวานหยกแลดูเยาว์วัยอย่างยิ่งคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้า


ศิษย์ยอดเขากระบี่สวรรค์ที่นั่นเห็นคนผู้นี้ สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาค้อมกายคำนับบุรุษกวานหยกแล้วขานเรียกพร้อมกันเป็นเสียงเดียว “คารวะผู้ควบคุมยอดเขา!”


บุรุษผู้สวมกวานหยกก็คืออวี้เหิงเจินเหรินผู้ควบคุมยอดเขากระบี่สวรรค์นั่นเอง ในหมู่ผู้ควบคุมยอดเขามากมายในนิกายสายในเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เขาอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง แม้เป็นผู้ควบคุมยอดเขาแต่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าศิษย์ยอดเขากระบี่สวรรค์น้อยครั้งนัก


“ลุกขึ้นเถิด เรื่องที่นี่ข้ารับทราบแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องตระหนกตกใจ” อวี้เหิงเจินเหรินโบกมือแล้วเอ่ยขึ้นนิ่งๆ


ศิษย์ทั้งหลายตรงนั้นได้ยินก็พากันยืดตัวขึ้น พวกเขาสบตามองกันพักหนึ่ง ศิษย์ผู้เหยียบอยู่บนกระบี่สีเหลืองเล่มหนาผู้แลดูมีตำแหน่งในยอดเขากระบี่สวรรค์ไม่ต่ำต้อยก็ก้าวออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่งเอ่ยถามด้วยเสียงนอบน้อม “ขอบังอาจถามท่านผู้ควบคุมยอดเขา ปรากฏการณ์ประหลาดในที่แห่งนี้ที่แท้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”


อวี้เหิงเจินเหรินดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเรียบๆ


“เมื่อครู่ข้าตรวจสอบด้วยวิชาลับแล้ว มีคนเลี้ยงกระบี่บินพลังจิตวิญญาณของตนในสุสานกระบี่ที่เขากระบี่หักจนเกิดเป็นลูกกลอนกระบี่สำเร็จ ดังนั้นจึงชักนำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดินเช่นนี้”


“อะไรกัน เป็นปรากฏการณ์ของลูกกลอนกระบี่จริงๆ…นี่…ผู้อาวุโสท่านใดของยอดเขาเราหลอมลูกกลอนกระบี่สำเร็จหรือขอรับ?” ศิษย์ที่เหยียบอยู่บนกระบี่สีเหลืองเล่มหนาตะลึง จากนั้นเอ่ยถามบุรุษกวานหยกอย่างนอบน้อม


“คนผู้นี้หาใช่ผู้อาวุโสของยอดเขาเรา แต่เป็นหลิ่วหมิงแห่งยอดเขาลั่วโยว” อวี้เหิงเจินเหรินยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้น


“หลิ่วหมิง! คนผู้นี้หรือ!”


“ไม่ใช่คนของยอดเขากระบี่สวรรค์ของพวกเรา…”


ระยะนี้หลิ่วหมิงมีชื่อเสียงโด่งดังในนิกายยอดบริสุทธิ์ ศิษย์สายนอกหรือสายในล้วนรู้จักแทบทุกคน เมื่อได้ยินคำนี้ของบุรุษกวานหยกก็ประหนึ่งหินยักษ์ก้อนหนึ่งร่วงลงบนผิวบึงราบเรียบพาให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ฮือฮาดังระงมทันที


ซาทงเทียนที่ยืนอยู่ในหมู่คนได้ยินคำว่า ‘หลิ่วหมิง’ สองคำ ใบหน้าฉับพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด


แม้เขาหลอมกระบี่บินพลังจิตวิญญาณสำเร็จแล้ว แต่ยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นใจกับกระบี่รวมเป็นหนึ่ง หลิ่วหมิงกลับฝึกฝนจนสร้างลูกกลอนกระบี่ที่เล่าลือกันว่ามีเพียงผู้ฝึกฝนกระบี่ระดับแก่นแท้ถึงจะมีโอกาสแตะต้องสำเร็จแล้ว


ความห่างชั้นของทั้งสองคนยิ่งมากขึ้นทุกที!


ในใจซาทงเทียนราวกับถูกอสรพิษขย้ำจนแทบจะหายใจไม่ทัน มือกำหมัดแน่น กระทั่งเล็บก็กรีดฝ่ามือจนเป็นแผล เลือดไหลซึมออกมาก็ยังไม่รู้สึก


หลงเหยียนเฟยตกตะลึงอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน นางเกือบจะคิดว่าตนเองฟังผิด แต่จากนั้นก็ตระหนักถึงปัญหาเรื่องหนึ่งขึ้นได้ การหลอมลูกกลอนกระบี่จำต้องมีพลังเวทและพลังจิตมหาศาลอย่างที่สุดเป็นตัวหนุน โดยทั่วไปแล้วมีแต่ผู้ฝึกฝนกระบี่ระดับแก่นแท้ถึงจะเริ่มฝึกฝนได้ หรือหลิ่วหมิงจะเข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว!


ไม่ทันที่นางจะได้ถาม อวี้เหิงเจินเหรินก็เอ่ยต่อไปเรียบๆ


“ศิษย์หลานหลิ่วเข้านิกายสายในได้ไม่นาน แต่ไม่เพียงพลังมาถึงระดับแก่นเสมือน ห่างจากระดับแก่นแท้อีกเพียงก้าวเดียว วันนี้ยังหลอมลูกกลอนกระบี่สำเร็จอีก พวกเจ้าในฐานะคนรุ่นเดียวกันกับเขาต้องเข้มงวดกับตนเอง อย่าได้ทำลายชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของยอดเขากระบี่สวรรค์ในนิกายสายใน”


คนที่อยู่ที่นั่นได้ยินข้อมูลนี้ย่อมปั่นป่วนอีกหน


คนมากมายล้วนรู้ว่าตอนหลิ่วหมิงเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ระดับผลึกขั้นปลายเท่านั้น วันนี้เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบสามสิบปี เขาก็เข้าสู่ระดับแก่นเสมือนแล้ว อีกทั้งยังหลอมลูกกลอนกระบี่สำเร็จอีก ความเร็วอันน่าตะลึงเช่นนี้ ในประวัติศาสตร์ของนิกายยอดบริสุทธิ์เกิดกับบุคคลในตำนานผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นน่าตะลึงจำนวนหนึ่งเท่านั้น


หลิ่วหมิงย่อมไม่รู้ว่าเรื่องเล่าลือของเขาแพร่ไปในหมู่ศิษย์สายในรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดอีกครั้ง


เขาในเวลานี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับของถ้ำที่พัก ครุ่นคิดวางแผนการฝึกฝนขั้นต่อไป


วันนี้หลอมลูกกลอนกระบี่สำเร็จแล้ว ต่อจากนี้ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับเข้าสู่ระดับแก่นแท้ ในเมื่อตัดสินใจจะเข้าไปในทางปีศาจร้ายแล้ว ถ้าเช่นนั้นการสะสมแต้มคุณูปการก็เป็นภารกิจเร่งด่วน


การเข้าไปในทางปีศาจร้ายต้องใช้แต้มคุณูปการหนึ่งล้านแต้ม แต่เพื่อรับประกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด ก่อนเข้าไปตนอาจต้องไปหอเก็บคัมภีร์อ่านคัมภีร์เพิ่มอีกจำนวนหนึ่งแล้วยังต้องไปวิหารไท่เจินแลกของไว้จัดการสถานการณ์ฉุกเฉินอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อหักแต้มที่แจกจ่ายทุกปีซึ่งตนยังไม่ได้ไปรับ ก็ยังต้องการแต้มคุณูปการอีกราวหนึ่งล้านห้าแสนแต้ม ต้องรวบรวมให้ครบเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แรงกดดันไม่น้อยเลย


หลังเขาสงบใจโคจรลมปราณอยู่ในถ้ำที่พักสามวันก็ขี่เมฆมายังหุบเขาที่มีเขาล้อมอยู่สามด้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากหอเก็บคัมภีร์อย่างเงียบๆ


วิหารใหญ่สีดำทะมึนกินพื้นที่หนึ่งหมู่กว่าหลังหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ว่างซึ่งถูกหินเขียวค้ำฟ้าก้อนหนึ่งบดบังไว้ลึกเข้าไปในหุบเขา บนป้ายเหนือประตูใหญ่เขียนไว้ว่า “หอความเป็นความตาย”


เหมือนกับหอลี้ลับที่มีหอในกับหอนอกแยกกัน หอความเป็นความตายที่จริงก็แบ่งเป็นสายนอก กับสายในสองส่วนเช่นเดียวกัน


บนป้ายรายชื่อของหอความเป็นความตายสายนอกมีเพียงผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่พลังต่ำกว่าระดับผลึก ส่วนบนรายชื่อความเป็นความตายของสายในล้วนเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้ายระดับผลึกจำนวนหนึ่งไปจนถึงระดับแก่นแท้


เทียบกันแล้วแต้มคุณูปการที่เป็นรางวัลของรายชื่อความเป็นความตายสายในย่อมมากกว่าอยู่บ้าง


หลังหลิ่วหมิงกลับมาจากหนานฮวง เขาบังเอิญได้ยินจากในตลาดของนิกายว่าหากต้องการได้แต้มคุณูปการอย่างรวดเร็วให้คิดถึงที่นี่


เนื่องจากวิหารใหญ่สีดำไม่ถูกแสงตะวันสัมผัสตลอดทั้งปี อีกทั้งรอบด้านยังรายล้อมด้วยหมอกบางสีดำจางๆ ชั้นหนึ่งจึงแลดูค่อนข้างลึกลับ


หลังหลิ่วหมิงสำรวจเล็กน้อยก็ยกเท้าเดินเข้าประตูใหญ่ของวิหารไป


ในห้องโถงใหญ่ของวิหารหลักว่างโล่ง มีเพียงหินจันทราหลายก้อนที่ฝังอยู่ในเพดานให้แสงสว่างเรืองๆ พอให้เห็นเค้าโครงของห้องโถงใหญ่ทั้งหมดอยู่เลือนราง


ในโถงขนาดราวหนึ่งร้อยกว่าจั้งตกแต่งเรียบง่ายอย่างยิ่ง นอกจากชั้นวางของไม้สีดำบูดเบี้ยวหลายตัวที่วางอยู่สองฝั่งก็คือแท่นศิลาสีเทาดำแท่นหนึ่งตรงกลาง


บุรุษวัยกลางคนชุดสีเทาผู้ไว้หนวดคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลังแท่นศิลา กำลังหนุนแขนข้างหนึ่งฟุบงีบอยู่


เสียงกรนเดี๋ยวดังเดี๋ยวเบาครั้งแล้วครั้งเล่าดังออกมาจากปากเขาเป็นจังหวะ สะท้อนก้องอ้อยอิ่งในห้องโถงไม่หยุด


บนหัวไหล่ของบุรุษชุดเทามีก้อนขนสีขมิ้นก้อนหนึ่งที่แลดูเหมือนแมวอ้วนตัวหนึ่งกำลังนอนหลับอุตุอย่างเกียจคร้านเช่นเดียวกัน


นอกเหนือจากนี้ที่นี่ก็ไม่มีศิษย์คนอื่นสักคน


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็พูดไม่ออกอยู่บ้าง แต่หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ยังก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านหน้า


คล้ายกับว่าได้ยินเสียงฝีเท้าของหลิ่วหมิง เสียงกรนคร่อกของบุรุษไว้หนวดจึงหยุดลง เขาขยี้ตาที่หรี่ปรือแล้วยืดตัวบิดขี้เกียจ หลังเงยหน้าขึ้นเห็นหลิ่วหมิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที


“ที่แห่งนี้คือหอความเป็นความตายสายใน ผู้ไม่มีธุระห้ามเข้า! เจ้ามารับภารกิจล่าค่าหัวหรือ”


“ใช่แล้ว ข้ามาที่นี่ครั้งแรก ไม่ทราบว่าจะรับภารกิจรายชื่อความเป็นความตายของสายในอย่างไร? เหมือนสายนอกหรือไม่?” หลิ่วหมิงไม่ถือสาท่าทีเย็นชาของเขา ระหว่างที่เดินไปยังแท่นศิลาต่อก็อ้าปากเอ่ยถามไปพลาง


“อ้อ ดูท่าก่อนหน้านี้คงเคยทำภารกิจรายชื่อความเป็นความตายของสายนอกมาสินะ ที่นี่กับสายนอกเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ เจ้ามาครั้งแรก มาดูรายชื่อความเป็นความตายก่อนค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย” บุรุษชุดเทามองหลิ่วหมิงอย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นจึงเปิดม้วนคัมภีร์สีเหลืองอ่อนวางลงบนแท่นศิลา


หลิ่วหมิงหยุดตรงหน้าแท่นศิลาแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้น ปราณดำสายหนึ่งม้วนออกไปดึงม้วนคัมภีร์เข้ามาอยู่ในมือจากนั้นเปิดม้วนคัมภีร์อ่านอย่างละเอียด


บนม้วนคัมภีร์บันทึกชื่อของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนแล้วคนเล่าไว้ ด้านหลังคือแต้มคุณูปการซึ่งเป็นค่าหัว แต่จำนวนคนบนนั้นไม่มาก มีเพียงสามสิบกว่าชื่อเท่านั้น


หลิ่วหมิงฉับพลันดวงตาทอประกาย แต้มคุณูปการที่เป็นค่าหัวบนนั้นมากมายไม่น้อยจริงๆ ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนที่น้อยที่สุดก็มีแต้มคุณูปการห้าหมื่น คนที่อยู่อันดับหนึ่งมีค่าหัวถึงสามล้านแต้มคุณูปการ!


“เอ๋!”


ในรายชื่อความเป็นความตายมีชื่อคนที่เขาคุ้นเคยอย่างยิ่งคนหนึ่งเข้ามาในสายตา

 

 

 


ตอนที่ 877 นักพรตจันทราอธรรม

 

“เซียนหงส์ดำ พลังระดับผลึกขั้นกลาง ฉากหน้าเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้าย แต่ความจริงเป็นศิษย์ของตระกูลมู่หรงแห่งแปดตระกูลใหญ่ เคยร่วมมือกับพรรคพวกระดับผลึกอีกคนหนึ่งทำร้ายผู้อาวุโสระดับแก่นแท้คนหนึ่งของยอดเขาเร้นยอดจนบาดเจ็บหนัก ค่าหัวแปดแสนแต้มคุณูปการ”


“สตรีนางนี้เดิมทีอยู่อันดับสองบนรายชื่อความเป็นความตายของนิกายนอก แต่หลังจากนางเข้าสู่ระดับผลึกขั้นปลายเมื่อหลายสิบปีก่อนย่อมไม่เหมาะจะปล่อยไว้ที่สายนอกอีกต่อไป” บุรุษชุดเทาเหล่ตามองหลังจากนั้นอธิบายนิ่งๆ


หลิ่วหมิงพยักหน้า


เขาเคยประมือกับสตรีคนนี้ที่แดนลึกลับประตูสวรรค์ พลังของนางก้าวหน้าขึ้นมาก มีวิชามากมายอย่างที่สุด รับมือยากจริงๆ


สายตาเขาวนเวียนไปมาอยู่บนชื่อของสตรีนางนี้เนิ่นนาน แต่ในที่สุดก็ผละออกไป


แม้เขาตาวาวกับแต้มคุณูปการแปดแสนแต้ม แต่ก็รู้ว่าเซียนหงส์ดำไม่เพียงเป็นศิษย์ตระกูลมู่หรง แต่เหมือนจะเป็นศิษย์แกนนำด้วย ไม่ต้องพูดถึงสังหาร แค่ตามหาร่องรอยของนางก็ไม่ง่ายแล้ว อีกอย่างพี่ชายของนางก็ไม่ใช่ธรรมดา


“ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่ร้ายกาจของศาสตร์แห่งปีศาจและมาร ไม่เพียงพลังสูงส่งแข็งแกร่งแต่ยังอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หากเจ้าไปตามหาเพียงลำพัง เกรงว่าสิบปีก็คงตามหาไม่พบสักคน” บุรุษชุดเทาฉับพลันเอ่ยเปลี่ยนประเด็น


“ขอท่านโปรดชี้แนะ” หลิ่วหมิงได้ยินก็วางม้วนคัมภีร์ในมือลงแล้วประสานมือเอ่ยขึ้น


“คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เคยทำร้ายศิษย์นิกายเรา ดังนั้นนิกายจึงส่งคนไปสืบร่องรอยของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้อยู่ตลอด หากเจ้าอยากได้แต้มคุณูปการจากรายชื่อความเป็นความตายจริงๆ ข้าแนะนำผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่รู้ร่องรอยส่วนใหญ่อยู่แล้วให้เจ้าได้” บุรุษชุดเทาเสนอขึ้นมา


“หากได้เช่นนั้นย่อมดียิ่ง” หลิ่วหมิงได้ฟังก็ดีใจมาก


แม้เขาไปหอเป๋ยโต่วสอบถามร่องรอยของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้ได้เช่นกัน แต่หลวงจีนกระดูกแห้งก็เป็นตัวอย่างอยู่นั่น


หอเป๋ยโต่วซื้อขายให้ทั้งสองด้าน ด้านนี้เขาซื้อข่าวสาร ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าด้านนั้นจะขายข่าวของเขาแก่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านั้นทันที


ตัวเขาตอนนี้ยังถูกนิกายปีศาจลี้ลับประกาศตามล่าอยู่ เกรงว่าเท้าแรกของตนเพิ่งออกจากหอเป๋ยโต่ว ด้านหลังก็คงมีผู้ฝึกฝนชั่วร้ายแห่เดินทางมาเอาชีวิตตนแล้ว


ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากติดต่ออะไรกับหอเป๋ยโต่วอีก


“นิกายให้ข้อมูลผู้ฝึกฝนชั่วร้ายได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ทั้งยังไม่อาจรับประกันความแม่นยำของข่าว ทุกสิ่งเจ้าต้องจัดการเอง” บุรุษชุดเทาพยักหน้านิดๆ เอ่ยขึ้น


“ขอบคุณที่ชี้แนะ ไม่ทราบเวลานี้นิกายหาร่องรอยของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนใดพบบ้าง?” หลังจากหลิ่วหมิงเอ่ยขอบคุณก็ถามทันที


บุรุษชุดเทายกหัวไหล่ขึ้นเล็กน้อย ก้อนขนสีเหลืองบนนั้นก็บิดตัวแล้วยกใบหน้าแบนๆ ขนาดใหญ่ขึ้นมา ที่แท้มันเป็นแมวดาวสีเหลืองตัวหนึ่ง


หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ตอนที่ดวงตาของแมวมองมา เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดเล็กน้อยแต่พริบตาเดียวก็หายไป


บุรุษชุดเทายื่นมือไปตบหัวแมวดาวสีเหลืองเบาๆ ดวงตาแมวดาวหรี่ปรือ ส่งเสียงร้องดังม้าวทีหนึ่ง จากนั้นอ้าปากพ่นลูกบอลแสงสีเหลืองลูกหนึ่งออกมา


หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง ลูกบอลแสงก็แตกกระจายกลายเป็นม่านแสง ด้านบนมีอักษรตัวเล็กมากมาย


“ตอนนี้มีแค่เจ็ดคนนี้” บุรุษชุดเทาแววตานิ่งสงบเอ่ยเสียงเรียบ


หลิ่วหมิงมองแมวดาวสีเหลืองอย่างประหลาดใจจากนั้นสายตาก็จับบนม่านแสง


บนนั้นมีข่าวของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเจ็ดคน พลัง ชาติกำเนิด ร่องรอยเป็นต้น ล้วนบันทึกไว้ค่อนข้างละเอียด


เจ็ดคนนี้ล้วนเป็นคนที่อันดับค่อนไปทางด้านหลังของรายชื่อความเป็นความตาย สี่คนระดับผลึกขั้นปลาย คนหนึ่งระดับแก่นเสมือน สองคนที่เหลือพลังระดับแก่นแท้


“ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างยิ่ง ข้าน้อยจดจำไว้หมดแล้ว” หลิ่วหมิงจดจำข้อมูลบนม่านแสงไว้ในสมองแล้วพยักหน้าเอ่ยขึ้น


“อ้อ ขอเตือนเจ้าสักประโยค กฎของที่นี่เหมือนกับที่สำนักนอก จำไว้ว่าต้องนำศีรษะของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายกลับมาด้วย” บุรุษชุดเทาเอ่ยคำพูดนี้จบก็ไม่สนใจหลิ่วหมิงอีก เขาหาวแล้วฟุบลงไปบนแท่นศิลานอนหลับกรนคร่อกๆ อีกครั้ง


“ผู้เยาว์ขอตัว” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ประสานมือให้แล้วหมุนตัวก้าวยาวออกจากห้องโถงใหญ่ไป หลังจากแสงสีดำใต้เท้าส่องสว่างก็ขี่เมฆบินไปทางนอกหุบเขา


ในห้องโถงใหญ่ แมวดาวตัวโตสีขมิ้นลงจากหัวไหล่บุรุษชุดเทามาบนแท่นศิลา เดินอยู่บนนั้นแผ่วเบา บุรุษชุดเทาฉับพลันลืมตาขึ้น เขายื่นมือลูบหลังแมวเบาๆ หลายครั้งแล้วถอนหายใจเสียงแผ่วเบา เอ่ยพึมพำกับตนเองว่า


“ไม่ได้แจกรางวัลมาสองสามปีแล้ว หวังว่าเจ้าหนูคนนี้จะมีความสามารถจริงๆ ไม่ได้ไปตายเปล่าอีกคน…อย่างน้อยเอากลับมาได้สักศีรษะก็ยังดี มิเช่นนั้นข้าคงไม่มีอะไรไปอธิบายกับนิกาย”


หนึ่งเดือนให้หลัง


ในเทือกเขาอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งห่างจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณสามหมื่นกว่าลี้ มีตลาดขนาดเล็กแห่งหนึ่งสร้างอยู่บนสันเขา


ตรงทางเข้าของตลาดเวลานี้มีเงาคนผอมสูงสีเทาขมุกขมัวทั้งร่างคนหนึ่งกำลังก้าวไวๆ อย่างรีบร้อนเดินออกมา


ศีรษะกับร่างกายของคนผู้นี้ล้วนถูกผ้าสีเทาพันไว้อย่างแน่นหนา มองเห็นหน้าตาไม่ชัด เผยออกมาเพียงดวงตาคมกริบคู่หนึ่ง หลังกวาดสายตามองรอบด้านอย่างเร็วไว เงาร่างก็พุ่งวูบหนึ่งกลายเป็นแสงสีเทาสายหนึ่งบินออกไปไกลอย่างรวดเร็ว


หลังออกห่างจากตลาดสามสิบกว่าลี้ เหนือป่าหนาทึบบนเขาผืนหนึ่ง ทันใดนั้นลำแสงสีเทาก็หยุดจากนั้นส่องแสงรัศมีสว่างจ้า ส่งเสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่งแล้วระเบิดกลายเป็นแสงสีเทาสายแล้วสายเล่ากระจายไปรอบด้านหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย


เนิ่นนานหลังจากนั้นสูงเหนือป่าที่ตีนเขาไปราวหมื่นจั้งก็เกิดลายกระเพื่อมวงหนึ่ง บุรุษชุดเทาปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า สายตากวาดมองรอบด้านอย่างสงสัย


ป่าบนภูเขาเงียบสงบ เสียงแมลงกับนกร้องดังขึ้นไม่ขาดหู ช่างสงบสุขอย่างแท้จริง


“รู้สึกไปเองหรอกหรือ” บุรุษชุดเทาพึมพำประโยคหนึ่ง ในใจโล่งอกเล็กน้อยกำลังจะหมุนตัวจากไป


ครู่ต่อมาสีหน้าของคนผู้นี้ก็เปลี่ยนไปในทันใด หัวไหล่ขยับทีหนึ่ง ร่างกายก็พลันพร่าเลือนพุ่งเร็วรี่ออกไปไกล


เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง แสงสีดำคมกริบสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งทะลุผ่านร่างคนชุดเทาอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า


หยาดโลหิตปรากฏทันที!


แสงสีเทาสว่างวาบ คนชุดเทาปรากฏร่างห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ตรงหน้าอกมีรอยแผลแคบยาวเส้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เลือดเนื้อพลิกเปิด เลือดทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง เพียงชั่วครู่ก็ซึมชุ่มผ้าสีเทาบนร่างเขา


ยังดีที่เขาปฏิกิริยาตอบสนองไวอย่างที่สุด มิเช่นนั้นหากการโจมตีครั้งนี้เบี่ยงไปอีกเพียงนิดก็คงเป็นตำแหน่งของหัวใจ


คนชุดเทาจ้องตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด


ตรงนั้นมีบุรุษชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าเขาซีดเหลือง ท่าทางเหมือนเจ็บป่วย ปราณดำสายแล้วสายเล่าล้อมรอบร่าง


“ท่านคือผู้ใด? เหตุใดต้องซุ่มจู่โจมข้าที่นี่?” คนชุดเทาเอ่ยถามเสียงเย็นเยียบ ในเวลาเดียวกันนี้มือของเขาก็ลูบบาดแผลตรงหน้าอกแผ่วเบา ปราณสีเทาสายแล้วสายเล่าวนล้อมบนบาดแผล ชั่วพริบตาเลือดก็หยุด


“นักพรตจันทราอธรรม ศิษย์แกนนำของนิกายมารเงาสวรรค์ สิบห้าปีก่อนปล้นฆ่าศิษย์สายในของนิกายยอดบริสุทธิ์สามคนที่ช่องเขามังกรนอกตลาดทะเลสาบมังกรใต้ สิบเอ็ดปีก่อนก็ข่มขืนฆ่าศิษย์หญิงสายนอกคนหนึ่งของนิกายยอดบริสุทธิ์ ข้าพูดไม่ผิดสินะ?” บุรุษชุดสีน้ำเงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“เหอะ ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของนิกายยอดบริสุทธิ์ คิดจะเอาหัวของข้าไปรับรางวัลของนิกายสายในใช่ไหม? ฮ่ะๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่!” แม้คนชุดเทาบาดเจ็บด้วยมือของบุรุษชุดสีน้ำเงินไปแล้ว แต่เขาเหมือนจะมั่นใจอย่างยิ่ง ไม่เผยความขลาดกลัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับหัวเราะหยัน


บุรุษชุดสีน้ำเงินย่อมคือหลิ่วหมิง เขาใช้เวลากว่าครึ่งเดือนติดตามข่าวที่นิกายมอบให้จนในที่สุดก็ตามหาร่องรอยของคนชุดเทาหรือนักพรตจันทราอธรรมพบแล้วสะกดรอยตามตลอดทางมาจนถึงที่แห่งนี้


หลิ่วหมิงได้ยินก็หัวเราะแผ่วเบา เขาหมุนตัวประหนึ่งสายฟ้าแลบแล้วยกมือสะบัดในเวลาเดียวกัน ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกจากมือพุ่งเข้าใส่อากาศว่างเปล่าไม่มีคนจุดหนึ่ง


“ปัง!” เสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น!


เงาคนกลางท้องฟ้าพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง หลังจากนั้นเงาคนชุดสีเทาที่แต่งตัวเหมือนกันอีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวเดินโซเซออกมา


ผ้าสีเทาที่หุ้มบนร่างเขาปลิวกระจุยไปรอบด้าน เผยให้เห็นร่างของนักพรตซูบผอมที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงร่างหนึ่ง


ในเวลาเดียวกันนี้คนชุดเทาที่ยืนอยู่ที่เดิมด้านหน้าไม่ขยับก็ส่งเสียงดัง “ฟู่” แล้วกลายเป็นปราณสีเทาสายหนึ่งลอยหายไป


“วิชากลายร่างเงาของนิกายมารเงาสวรรค์น่าสนใจอยู่บ้างจริงๆ แต่น่าเสียดายยิ่งนัก หากเจ้าเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่งที่สร้างร่างแยกที่แท้จริงออกมาได้ บางทีอาจหลอกข้าได้ แต่เงามายาเช่นนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้า!” หลิ่วหมิงแสยะยิ้มแล้วหัวเราะหยัน มือทำท่าเคล็ดวิชาไม่หยุดแม้แต่น้อย ปราณดำบนร่างแยกออกไปส่วนหนึ่งแล้วก่อตัวกลายเป็นมังกรหมอกสีดำยาวหลายจั้งตัวหนึ่งราวกับมีจิตวิญญาณ มันพุ่งเข้าใส่นักพรตซูบผอมอย่างดุร้ายพร้อมเสียงมังกรกู่ร้อง


มังกรหมอกรวดเร็วอย่างที่สุด มันพุ่งวูบเดียวก็มาถึงด้านหลังของนักพรตจันทราอธรรม


นักพรตจันทราอธรรมตะโกนก้อง มือข้างหนึ่งจี้ดัชนีออกมา แสงสีดำจุดหนึ่งพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากหมุนติ้วเร็วรี่รอบหนึ่งก็ขยายจนมีขนาดเท่าลูกโม่ ขวางมังกรหมอกเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด


เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น


มังกรหมอกโถมลงบนแสงสีดำ ทันใดนั้นปราณดำก็พลุ่งพล่านซัดออกไปสี่ด้านแปดทิศอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางดูเหมือนตัดสินแพ้ชนะไม่ได้


ใจกลางแสงสีดำ แผ่นฟันเฟืองชิ้นหนึ่งส่งเสียงดังลั่นออกมาระหว่างที่หมุนกรีด มันแผ่แสงรัศมีแสบตาประหนึ่งเข็ม แม้จะเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นหนึ่งที่นักพรตจันทราอธรรมเรียกออกมาอย่างฉุกละหุก แต่ดูแล้วพลังก็ไม่น้อยเลยทีเดียว


แม้มังกรหมอกสีดำที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมาจะก่อตัวขึ้นจากพลังเวทแต่มันดุจดั่งมีชีวิต ก่อตัวจนเหมือนของจริงอย่างยิ่ง ต่อให้ฟันเฟืองที่ส่องแสงสีดำดูเหมือนจะบีบมังกรหมอกให้ถอยหลังไม่หยุด แต่กลับสะบั้นมันขาดไม่ได้แม้แต่น้อย เมื่อโรมรันกันพักหนึ่งก็ถูกมันล้อมไว้อย่างแน่นหนา


หลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน พลังเวทของหลิ่วหมิงไม่เพียงเพิ่มขึ้นมาก ความล้ำลึกของพลังเวทก็เหนือกว่าก่อนหน้านี้อยู่ไกลโข วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬท่าเดียวกัน แต่พลังเทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย


ในเวลานี้เอง เสียงพยัคฆ์คำรามก็ดังสนั่นจนแก้วหูแทบดับ!


หมัดยักษ์ที่มีหัวพยัคฆ์สีดำใหญ่โตหุ้มไว้หมัดหนึ่งพุ่งมาถึงใบหน้าของนักพรตจันทราอธรรมด้วยพลังดุดัน ส่งเสียงดังกึกก้อง!


นักพรตจันทราอธรรมเห็นเช่นนี้ ในที่สุดบนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย เขากัดฟัน สะบัดมือส่งยันต์สีฟ้าอ่อนสามแผ่นออกมาประจันหน้ากับหมัดหัวพยัคฆ์ขนาดยักษ์ทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็ตบยันต์สีเทาอีกแผ่นหนึ่งลงบนร่าง แสงจิตวิญญาณสีเทาส่องสว่างรอบร่างวูบหนึ่งก็กลายเป็นรุ้งน่าตะลึงสีเทาที่พร่ามัวไม่ชัดสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกไปไกลทันที กระทั่งฟันเฟืองที่ส่องแสงสีดำก็ไม่ทันได้เก็บกลับไป


เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!


ยันต์สีฟ้าอ่อนสามแผ่นฉับพลันระเบิดออก สายลมเย็นยะเยือกสายหนึ่งพัดหวีดหวิวมาพร้อมเศษน้ำแข็งประหนึ่งพายุหมุน แช่แข็งเงาหมัดหัวพยัคฆ์สีดำไว้กับที่อย่างรวดเร็วแล้วขวางเบื้องหน้าหลิ่วหมิงไว้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)