ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 874-885

 บทที่ 874 กิจการใหม่

Ink Stone_Fantasy

ช่วงเวลาอาหารเที่ยง เรื่องที่จะช่วยสัตว์ป่าบนเขาเคอร์บัลที่ประสบภัยยังไง กลายมาเป็นประเด็นร้อน คนทั้งกลุ่มกำลังทานหม้อไฟร้อนๆ อยู่ การถกเถียงเป็นไปอย่างดุเดือด บูลกับนีลเซ็นถึงกระทั่งทะเลาะกัน จนถึงขั้นว่านีลเซ็นเงื้อหมัดออกมา


เพราะฝูงกุ้งมังกรอยู่รวมกัน ดังนั้นหย่อนกรงตาข่ายจับกุ้งลงไปแค่ห้าหกชั่วโมง ก็เริ่มยกขึ้นมาข้างบนได้แล้ว ตามปกติต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนหรืออาจจะนานกว่านั้น


คราวนี้ใช้บริเวณที่วาฬระเบิดเป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณรอบๆ ภายในพื้นที่ไม่กี่กิโลเมตร ล้วนแต่เป็นทุ่นลอยน้ำหลากสีสัน เมื่อสักครู่ฉินสือโอวเพิ่งจะสั่งให้ทิ้งกรงตาข่ายลงไปในน้ำกว่าแปดร้อยอัน


บูลใช้ตะขอเกี่ยวกับทุ่นลูกบอลลอยน้ำที่กำลังลอยไปตามคลื่นทะเลด้วยความแม่นยำ หลังจากดึงเชือกมา เขาก็ถอดทุ่นออก แล้วนำเชือกไปแขวนไว้บนรอกไฟฟ้า ชาร์คที่อยู่ในห้องขับเรือรับข้อมูลไปแล้ว พอเริ่มเปิดมอเตอร์ เชือกก็ถูกดึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


น่านน้ำผืนนี้ไม่นับว่าเป็นทะเลน้ำลึก ระดับความลึกแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้น ดังนั้นแค่ครู่เดียวก็สามารถดึงกรงตาข่ายจับกุ้งออกมาได้แล้ว ด้านในมีกุ้งมังกรขนาดแตกต่างกันอยู่ห้าหกตัว ตัวใหญ่มีขนาดประมาณสามสิบเซนติเมตรกว่าๆ ตัวเล็กมีขนาดแค่สิบกว่าเซนติเมตรเท่านั้น


ตัวที่มีขนาดกว่าสามสิบเซนติเมตรคือล็อบสเตอร์สีรุ้ง เปลือกปรากฏให้เห็นสีสันแวววาวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ เพิ่งเห็นกุ้งแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงพากันร้องด้วยความประหลาดใจขึ้นมาทันที “เป็นกุ้งมังกรที่สวยมาก! พระเจ้า นี่ต้องเป็นกุ้งมังกรที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติแน่ๆ!”


พวกชาวประมงมองอย่างตั้งความหวัง พูดอธิบายพร้อมๆ กับหัวเราะฮ่าๆ บูลจับล็อบสเตอร์สีรุ้งตัวนี้เอาไว้แล้วโยนลงไปในน้ำ รวมถึงกุ้งมังกรตัวเล็กที่มีขนาดไม่ถึงตามที่กำหนดลงไปในน้ำด้วย


ตามข้อกำหนดของกรมประมงแคนาดา กุ้งมังกรที่สามารถเข้าสู่ตลาดได้จะต้องมีขนาดใหญ่กว่าครึ่งปอนด์ กระทั่งกุ้งมังกรที่เลี้ยงใบบ่อเพาะพันธุ์เอกชน ก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้


เห็นบูลทิ้งล็อบสเตอร์สีรุ้งลงไป แบล็คไนฟ์ก็ถึงกับตะลึงงัน เขาร้องออกมาว่า “นายทิ้งมันลงไปเหรอ? ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม? หรือสายตาฉันเสียไปแล้ว? นายทิ้งกุ้งมังกรขนาดมหึมามูลค่ามหาศาลลงไป?”


บูลจึงพูดยิ้มๆ ว่า “เพื่อน ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม? อีกห้านาทีนายค่อยมาบ่นฉันอีกที”


พวกชาวประมงใส่ปอกหนังไว้บนก้ามกุ้งอย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นจึงโยนมันเข้าไปในกล่อง แบล็คไนฟ์เข้ามาช่วยทำงาน แต่ปรากฏว่าพอเขายื่นมือออกไป กุ้งมังกรตัวโตก็โบกก้ามใหญ่ๆ ของมันโดยพลัน ทำท่าทางเหมือนจะหนีบมือเขาไว้


โชคดีที่แบล็คไนฟ์มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว เขาหดมือเข้ามาทันที ในตอนนี้ก้ามของกุ้งมังกรอยู่ติดกันกับปลายนิ้วของเขาที่ปิดเข้าหากัน ส่งเสียง ‘แก๊ก’ ออกมาอย่างดุร้าย ถ้างับโดนนิ้วมือคน คาดว่าคงจะตัดนิ้วคนออกมาได้หนึ่งนิ้วอย่างง่ายดาย


พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่ได้ปรับเปลี่ยนคุณภาพเนื้อของมันให้ดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีกำลังการสู้รบของมันอีกด้วย ตอนนี้สัตว์พวกนี้จึงองอาจกล้าหาญเป็นอย่างมาก


หนึ่งกรงจับกุ้งมังกรที่มีขนาดเหมาะสมได้ห้าตัว สามารถพูดได้ว่าเป็นผลการเก็บเกี่ยวที่งดงาม บรรดาชาวประมงมีความสุขจนผิวปากออกมา แน่นอนว่าต้องเป็นเพลงดินแดนแห่งซิลเวอร์เบิร์ช บทเพลงเก่าแก่ของชาวอินเดียนแดงที่ถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา เพื่อสรรเสริญผลเก็บเกี่ยวที่ได้ผลดี


กรงที่ถูกงมขึ้นมาต่อจากนั้น ก็มีล็อบสเตอร์สีรุ้งที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แบล็คไนฟ์เข้าใจแล้วว่า กุ้งมังกรชนิดนี้ไม่ใช่การกลายพันธุ์ที่จะปรากฏขึ้นนานๆ ครั้ง ทว่าเป็นสินค้าพิเศษของฟาร์มปลา


ทำงานมาจนถึงตอนพลบค่ำ กรงตาข่ายจับกุ้งก็งมขึ้นมาได้แค่ครึ่งเดียว ของชนิดนี้วางง่ายแต่งมขึ้นมายาก เนื่องจากตอนงมขึ้นมาจะต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เชือกพันกัน


จะปล่อยกรงตาข่ายจับกุ้งค้างคืนไว้ไม่ได้ หน้าหนาวลมทะเลพัดแรงในตอนกลางคืน ถ้าปรากฏคลื่นใต้น้ำขึ้นมา จะทำให้เกิดความยุ่งยาก ดังนั้นจึงต้องฝ่าลมทะเลที่หนาวเหน็บเพื่อเก็บกรงตาข่ายต่อไป


ฉินสือโอวเตรียมเบียร์อุ่นกับโกโก้ร้อนและเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เอาไว้แล้ว พวกชาวประมงนำขึ้นมาบนเรือ พวกทหารรับจ้างก็นำขึ้นมาบนเรือเช่นกัน แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ผลัดกันพักผ่อนผลัดกันทำงาน


ทำงานอยู่อย่างนี้มาจนถึงตีสอง กรงจับกุ้งถึงได้ถูกงมขึ้นมาทั้งหมด ในห้องแช่แข็งของเรือประมงมีแต่กุ้งมังกรตัวใหญ่ท่าทางดุร้าย จำนวนมากถึงสิบตันเต็มๆ


ตามราคาตลาดในตอนนี้ ราคากุ้งมังกรแบรนด์ต้าฉินที่ประมาณการไว้ล่วงหน้าอยู่ที่ประมาณสองร้อยดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งปอนด์ ดังนั้นนี่จึงเป็นรายได้มูลค่าสี่แสนดอลลาร์แคนาดา


หลังจากกลับมาถึงท่าเรือ พวกชาวประมงยังต้องนำกุ้งมังกรย้ายเข้าไปไว้ในห้องแช่เย็น ดังนั้นพอทำงานเสร็จฟ้าก็สว่างแล้ว


ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความแข็งแรงกำยำอย่างพวกชาวประมง แต่ตอนนี้พวกเขาเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวแล้ว ฉินสือโอวจึงให้พวกเขาหยุดพักหนึ่งวัน วันนี้พักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยทำงาน


เขาโทรศัพท์ไปหาบัตเลอร์ ให้บัตเลอร์ส่งเครื่องบินมาเอากุ้งมังกรไป เพื่อเตรียมตัวเปิดกิจการสาขานิวยอร์ก


แผนการเปิดร้านสาขานิวยอร์กเริ่มขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ที่นี่คือฐานที่มั่นของบัตเลอร์ ดังนั้นเขาแทบจะไม่ต้องเปลืองแรงเลือก แค่กลับไปโทรศัพท์ก็สามารถหาสถานที่ที่เหมาะกับการทำร้านได้ เพียงแค่ตกแต่งร้านก็ใช้ได้แล้ว


บัตเลอร์นั่งเครื่องบินมาที่ฟาร์มปลา พอลงมาจากเครื่องบิน ลมหนาวที่พัดเข้ามาปะทะหน้าทำให้ชายผิวสีไว้หนวดลืมตาไม่ขึ้น เขาดึงฉินสือโอวไว้พร้อมกับพูดเสียงดังว่า “ฟัค ทำไมแคนาดาของพวกคุณมันถึงได้หนาวขนาดนี้?”


ฉินสือโอวกล่าวว่า “คุณดวงไม่ดีเองน่ะ พระเจ้าไม่ได้ให้คุณมาในวันที่อากาศดีๆ วันนี้มีกระแสลมหนาวพัดผ่านแดน ผมไม่ได้บอกคุณแล้วเหรอ ว่าให้ใส่เสื้อผ้ามาหนาๆ หน่อยน่ะ? คุณนี่ซื่อบื้อจริงๆ ดันใส่เสื้อกันลมมานี่นะ? ข้างในเสื้อกันลมคืออะไร? พระเจ้า เสื้อกั๊ก?!”


“ที่จริงผมไม่ได้วางแผนว่าจะใส่เสื้อกันลมมา ผมกลัวว่าถ้าใส่เสื้อกั๊กแล้วคุณจะไม่รู้ว่าผมมา” บัตเลอร์ร้องตะโกนออกมาว่า “เร็วๆๆ เข้า เตรียมกาแฟให้ผมหน่อย ผมขอแบบร้อนๆ เลยนะ!”


วินนี่ชงกาแฟไว้ตั้งนานแล้ว ตอนที่เธอประคองท้องเดินเข้ามา บัตเลอร์ก็รีบยืนขึ้นพูดกับเธอว่า “วินนี่ ผู้หญิงที่น่ารัก คุณนั่งลงเถอะ คุณเป็นคนที่ฉินรักนะ ผมปล่อยให้คุณเหนื่อยไม่ได้หรอก”


วินนี่เม้มปากยิ้มพูดกับเขาว่า “ฉันเป็นผู้หญิงบอบบางที่ไหนกันล่ะคะ? มาเถอะค่ะ ลองชิมองุ่นแช่แข็งดู แต่แน่นอนว่าคุณต้องทำให้ระบบย่อยของคุณอุ่นก่อนนะ ถ้าคุณกินเลยตอนนี้ ฉันคิดว่าตัวคุณต้องกลายเป็นน้ำแข็งแน่นอน”


องุ่นของฟาร์มปลาดูดซับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไว้ มีความสามารถในการต้านทานการเกาะตัวเป็นน้ำแข็งที่แข็งแกร่งมาก หนาวจนกลายเป็นน้ำแข็งแบบนี้ แต่ยังมีใบของต้นองุ่นบางส่วนที่ปรากฏเป็นสีเขียว ด้านบนแข็งตัวจนลูกองุ่นยังไม่เน่า กระทั่งเนื้อด้านในก็กลายเป็นน้ำแข็ง


บัตเลอร์ดื่มกาแฟอยู่ด้านข้างเตาผิง พอหันหลังเขาก็พบกับใบหน้าดุร้ายของเต่าที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ เลยตกใจจนสะดุ้งขึ้นมาทันที เขาจึงร้องขึ้นมาว่า “นี่ตัวอะไร?”


เขาร้องตะโกนจนทำให้ราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่กำลังนอนหมอบอยู่ในผ้าห่มข้างๆ เตาผิงตกใจกลัว ราชาเจ้าป่าลืมตาอย่างสะลึมสะลือเพราะความง่วงขึ้นมามองเขา หลังจากนั้นมันก็ตกใจจนขวัญเสีย ลักษณะท่าทางแบบชายผิวสีที่ไว้หนวดเต็มหน้าของบัตเลอร์มีอำนาจยับยั้งอย่างแท้จริง


ลูกแมวป่าปีนออกมาจากในผ้าห่มอย่างยากลำบาก หางเล็กๆ หนีบอยู่ข้างล่างก้น มันวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหาวินนี่ แค่ไม่กี่ครั้งก็ปีนขึ้นไปถึงบนไหล่ของเธอ ในคราวนี้มันถึงหยุดตัวลงแล้วพินิจดูบัตเลอร์อย่างละเอียด


ฉินสือโอวบอกว่าบัตเลอร์ตื่นตูมเกินไป ตกใจเต่าอัลลิเกเตอร์จนกลายเป็นแบบนี้


บัตเลอร์รู้สึกน้อยใจอย่างถึงที่สุด เมื่อก่อนมาสเตอร์มักจะซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าด้านนอกตลอด เขาจึงได้เจอมันเป็นครั้งแรก อีกทั้งเจ้านี่ยังตัวใหญ่ขนาดนี้ เป็นแค่เต่าจริงๆ เหรอ? แล้วดูท่าทางแล้ว ทำไมถึงได้เหมือนกับจระเข้อยู่หน่อยๆ เลยล่ะ?


มาสเตอร์ส่ายหัวอย่างหยิ่งยโส มันนอนหมอบอยู่ในน้ำ หลบซ่อนตัวต่อไป บัตเลอร์ในสายตาของมันก็เหมือนกับฉงต้า ที่มีพลังเพียงห้า[1]


พอรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ บัตเลอร์จึงเริ่มเหงื่อออกเล็กน้อย ซึ่งช่วยกำจัดความหนาวเย็นบนร่างกายออกไป เขาหยิบองุ่นขึ้นมาสองลูก ตาเป็นประกายขึ้นมาเขากินหมดไปแล้วหนึ่งพวงด้วยความรวดเร็ว จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “รสชาติสุดยอดมาก ทั้งหวานทั้งกรอบ อีกทั้งลูกองุ่นพวกนี้ยังมีกลิ่นหอมสดชื่นอยู่ด้วย สุดยอดมากจริงๆ”


ฉินสือโอวพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “แล้วถ้าเอาเข้าไปขายในร้านค้าล่ะ?”


บัตเลอร์จึงยักไหล่แล้วพูดกับเขาว่า “ไม่ ฉิน ผมยอมรับว่านี่เป็นผลไม้ที่ดีมาก แต่พวกเราต้องทำร้านอาหารทะเลที่ขายแต่อาหารทะเลโดยเฉพาะ เชื่อผมเถอะ มีธุรกิจบางอย่างที่ต้องตั้งใจดูแลแค่อย่างเดียว…”


“ผมหมายถึงว่า ผมสามารถบุกเบิกธุรกิจใหม่ได้” ฉินสือโอวพูดอย่างคนมีเล่ห์เหลี่ยมจัด


……………………………………………..


[1] มีพลังเพียงห้า หมายความว่า เป็นศัตรูที่อ่อนแอมากๆ


บทที่ 875 เพื่อนเก่าที่น่าสนใจ

Ink Stone_Fantasy

บัตเลอร์มองฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ แล้วถามเขาขึ้นมาว่า “ธุรกิจใหม่อะไรเหรอ?”


ฉินสือโอวตอบว่า “ผมอยากเปิดร้านอาหารทะเลในเมืองใหญ่ของแคนาดา เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ จะต้องทำให้เป็นร้านระดับมิชลินสามดาวได้อย่างแน่นอน”


บัตเลอร์พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาร่วมมือกันเถอะ? ไอเดียนี้ไม่เลวเลย อาหารทะเลของพวกเรารวมกับเชฟชั้นนำระดับโลก จะต้องกลายเป็นตำนานได้แน่!”


ฉินสือโอวยักไหล่ด้วยความรู้สึกเสียดายแล้วบอกกับเขาว่า “ผมมีคู่ค้าแล้วล่ะ เพื่อน พวกเรามุ่งเน้นไปที่ธุรกิจขายอาหารทะเลไม่ดีกว่าเหรอ? ผมว่าแค่ขายอาหารทะเล คุณก็หาเงินได้ไม่น้อยแล้วนะ?”


ธุรกิจคือธุรกิจ มิตรภาพก็คือมิตรภาพ หากจะร่วมมือกับบัตเลอร์เพื่อเปิดร้านอาหาร ฉินสือโอวจะสามารถพึ่งพาอะไรเข้าได้?


ความคิดเรื่องการผูกขาดขายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินเป็นของบัตเลอร์ แถมเขายังมีลู่ทาง ดังนั้นทั้งสองคนจึงร่วมมือกันได้


ทว่าพอเปลี่ยนมาเป็นธุรกิจร้านอาหาร ผลประโยชน์จากลู่ทางของบัตเลอร์กลับมีไม่มาก ถ้าอย่างนั้นทำไมฉินสือโอวยังต้องไปร่วมมือกับเขากันล่ะ?


ซึ่งนี่ก็เป็นแนวคิดของชาวอเมริกาเช่นกัน ไม่มีผลประโยชน์แล้วทำไมฉันจะต้องร่วมมือกับนายด้วยล่ะ? กระทั่งพระเจ้ายังไม่ให้ทานอย่างไร้เหตุผล จากเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล อดัมกับคาอินยังต้องถวายธัญญาหารกับเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงไว้ให้กับพระเจ้าก่อนถึงจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า


ฉินสือโอวพูดเรื่องโอวหยางไห่ให้เขาฟังคร่าวๆ บอกว่าเขาวางแผนจะร่วมมือกันกับเพื่อนร่วมชาติคนนี้


บัตเลอร์ยักไหล่น้อยๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยอย่างเฉลียวฉลาด เขารู้ว่าตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจนี้ไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่มีแต้มต่อที่จะให้กับฉินสือโอว


ที่ฉินสือโอวอยากเปิดร้านอาหารทะเล ก็เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเอาไข่ทุกฟองไปใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ผลเก็บเกี่ยวของฟาร์มปลาจะเอาแต่ส่งขายเป็นวัตถุดิบอย่างเดียวมันน่าเสียดายเกินไป คงไม่สู้เป็นฝ่ายแปรรูปเอง โดยเฉพาะกับพวกวัตถุดิบระดับสูง


อีกทั้ง ที่ฟาร์มปลายังปลูกองุ่นไว้มากขนาดนั้น และเขายังวางแผนว่าจะซื้อฟาร์มเกษตรอีกหนึ่งผืนมาปลูกผลไม้ชนิดอื่น ถ้าปลูกต้นผลไม้มากขนาดนั้นคงจะปล่อยให้สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ ไม่ได้แล้ว หากเขาเปิดร้านอาหารเองหนึ่งร้าน ส่งผลไม้พวกนี้ไปที่ร้านอาหาร ก็สามารถทำให้เป็นอาหารแนะนำของร้านได้เช่นกัน


พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำได้แทบจะทุกอย่าง ไม่เพียงแต่ปรับปรุงคุณภาพของสัตว์ทะเลให้ดีขึ้น แต่สิ่งมีชีวิตบนพื้นดินก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน


ถ้าดูจากข้อนี้ ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งมีชีวิตบนพื้นดินมีวิวัฒนาการมาจากใต้ท้องทะเล ไม่อย่างนั้นพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจะต้องไม่มีผลกระทบกับพวกมันจึงจะถูกต้อง


ไปนิวยอร์กครั้งนี้ ฉินสือโอวกับบัตเลอร์เดินทางไปด้วยกัน นอกจากจะต้องไปตัดริบบิ้นร้านอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินสาขาใหม่แล้ว เขายังมีอีกหนึ่งรายการที่ต้องทำ นั่นก็คือการไปรับเครื่องประดับไข่มุกสีดำที่เขามอบให้ร้านแฟล็กชิพสโตร์ของทิฟฟานี่แอนด์โคออกแบบให้


ครั้งนี้เขาส่งไข่มุกสีดำให้ร้านแฟล็กชิพสโตร์ของทิฟฟานี่แอนด์โคไปทั้งหมดหนึ่งพันกว่าเม็ด แต่ครั้งที่แล้วเขาส่งให้แค่สามร้อยเม็ด เพื่อออกแบบชุดเครื่องประดับเทพีแห่งรัตติกาลให้กับวินนี่ ฉินสือโอวคิดว่าครั้งนี้น่าจะออกแบบออกมาได้ดียิ่งกว่าเดิม


ฉินสือโอวส่งไข่มุกสีดำมาให้บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคตั้งแต่เดือนกันยายน ยังคงเป็นลีฟ ไดม์เลอร์หัวหน้านักออกแบบที่เป็นคนมาต้อนรับเขา ในตอนนั้นหลังจากได้เห็นไข่มุกสีดำหนึ่งพันเม็ด ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่มีประสบการณ์และรอบรู้อย่างลีฟ ก็ยังอดที่จะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้


เธอเคยเล่าให้คนภายนอกฟังเรื่องจำนวนไข่มุกสีดำสามร้อยเม็ดเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดที่เธอเคยเห็น แต่ปรากฏว่าในตอนนั้นเธอคิดแบบหัวเก่าเกินไป ตอนนี้ไข่มุกสีดำหนึ่งพันเม็ดปรากฏออกมาตรงหน้าเธอแล้ว


คุณภาพแทบจะไม่ด้อยไปจากไข่มุกสีดำสามร้อยเม็ดเมื่อครั้งที่แล้วเลย


ลีฟเคยพูดกับฉินสือโอวว่า ใช้เวลาแค่สองเดือนก็สามารถออกแบบให้เป็นรูปร่างขึ้นมาได้แล้ว ทางทิฟฟานี่แอนด์โคจะระดมนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุดภายใต้การบริหารงาน ให้มาออกแบบไข่มุกสีดำเพื่อเป็นสิทธิพิเศษให้กับฉินสือโอว


ตอนนี้มาถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม ผ่านระยะเวลาที่ตกลงกันไว้มานานแล้ว ฉินสือโอวจึงโทรศัพท์ไปหา ลีฟบอกกับเขาว่าออกแบบเสร็จแล้ว เขาสามารถเข้ามาดูได้ตามสะดวก


เพียงแต่ว่าฉินสือโอวต้องดูแลวินนี่ เลยยังไม่ได้ไปที่นิวยอร์ก แต่ถึงยังไงงานประมูลก็จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เขาจะรีบร้อนไปทำไมกัน?


พอมาถึงนิวยอร์ก ทิฟฟานี่แอนด์โคก็ส่งรถลีมูซีนคันหนึ่งมารับฉินสือโอว สไตล์การทำงานของร้านจำหน่ายสินค้าลักซ์ชัวรีก็คือความยิ่งใหญ่ ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดีของนิวยอร์กเป็นสนามบินขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ทว่าผู้ที่สามารถใช้รถลีมูซีนมารับคนได้กลับมีอยู่ไม่มาก


ขณะขึ้นรถฉินสือโอวได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แอร์โฮสเตสในสนามบินแอบคุยกันว่านี่เป็นเสี่ยใหญ่จากที่ไหนกัน ถึงมาด้วยเที่ยวบินพิเศษ แถมตอนขึ้นรถยังเป็นรถหรูอีกต่างหาก


ดีว่าพวกเธอไม่รู้ว่าเครื่องบินที่ฉินสือโอวนั่งมาลำนั้น คือเครื่องบินโดยสารมือสองที่ปรับแต่งให้กลายเป็นเครื่องบินขนส่งสินค้า ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางพูดคุยกันด้วยความชื่นชมยินดีอย่างนี้แน่


รถลีมูซีนเป็นรถหรูก็จริง ทว่าบริษัทให้เช่ารถยนต์แทบจะทุกที่ในอเมริกาที่มีขนาดใหญ่หน่อยก็มีรถแบบนี้กันทั้งนั้น ใช้เงินนิดหน่อยก็ทำวางท่าได้แล้ว


เพียงแต่ว่าฉินสือโอวมีลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ จุดนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก จึงทำให้คนคิดว่ารถลีมูซีนคันนี้เป็นของเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่รถที่เช่ามา


ตอนที่ฉินสือโอวลงมาจากรถ ชายอายุราวๆ ห้าสิบปีท่าทางสุภาพมีมารยาทคนหนึ่งเป็นคนช่วยเปิดประตูให้เขา หลังจากนั้นเขาจึงกอดทักทายลีฟ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “การต้อนรับของพวกคุณไม่ขาดตกบกพร่องเลย ผมได้รับการดูแลจนรู้สึกทึ่งมากจริงๆ”


ลีฟยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ไม่หรอกค่ะ การต้อนรับของพวกเราค่อนข้างรีบร้อน สำหรับการรับรองลูกค้าระดับคุณ ไม่ว่าพวกเราจะส่งรถที่หรูหราขนาดไหนออกไป ก็ไม่ดีพอทั้งนั้น”


พอพูดจบ เธอก็แนะนำชายสูงวัยท่าทางสุภาพที่เพิ่งเปิดประตูรถเมื่อสักครู่ให้เขารู้จัก “อย่างเช่น คุณวินเซนต์ ทิฟฟานี่ผู้อำนวยการของเราที่ยืนยันว่าจะเปิดประตูรถให้คุณ ท่านคิดว่าคนอื่นคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก”


ฉินสือโอวใจเต้นขึ้นมาทันที ชายสูงวัยที่ดูสุภาพมีมารยาทคนนี้ เป็นถึงผู้กุมบังเหียนของอาณาจักรสินค้าหรูหราพวกนี้เลยเหรอ? เจ้าของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคมาเปิดประตูรถให้ตัวเอง พูดกันตามความเป็นจริงฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ


วินเซนต์ ทิฟฟานี่ค้อมศีรษะให้ฉินสือโอวอย่างมีมารยาท หลังจากนั้นจึงยื่นมือออกมาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สำหรับลูกค้าที่พวกเราให้ความเคารพ ผมคิดว่าการที่ผมทำแบบนี้เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว”


นกเค้าแมวมาถึงบ้าน ถ้าไม่มีผลประโยชน์คงไม่มาหรอก ฉินสือโอวจับมือกับวินเซนต์ ในใจของเขาก็รู้สึกระแวดระวังขึ้นมา บริษัททิฟฟานี่แอนด์โควางท่านอบน้อมมากจริงๆ นี่ต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ เขาต้องระวังตัวเอาไว้ถึงจะดีที่สุด


หลังจากเข้ามาในร้านทั้งสองฝ่ายก็พูดคุยกันตามมารยาทอยู่สักพัก วินเซนต์กับฉินสือโอวเริ่มการสนทนาด้วยเรื่องผลงานศิลปะ จนมาถึงเรื่องการเลี้ยงลูก


แบบนี้ฉินสือโอวยิ่งรู้สึกระแวงขึ้นไปใหญ่ ฝ่ายตรงข้ามทำการบ้านมาแล้ว รู้ว่าเขากำลังจะมีงานศิลปะเข้าร่วมการประมูลแถมยังรู้ว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคน เรื่องที่คุยกันก็มีแต่เรื่องที่เขาสนใจ


สำหรับบริษัททิฟฟานี่แอนด์โค ฉินสือโอวเป็นลูกค้าคนสำคัญ ค่าออกแบบไข่มุกสีดำชุดนี้ เฉพาะเงินมัดจำครั้งก่อนก็จ่ายมาตั้งสี่แสนแล้ว วันนี้ถ้าเขาพอใจสไตล์การออกแบบ เช่นนั้นเขาก็จะโอนเงินจำนวนที่เหลืออยู่ คาดว่าหนึ่งล้านก็คงไม่พอ


เมื่อพินิจพิจารณาแบบนี้ การที่เจ้าของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคมาให้การต้อนรับด้วยตัวเองจึงถือเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือ นี่ไม่พอที่จะให้เจ้าของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคทำท่าทางนอบน้อมหรอกหรือเปล่า? ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่เจ้าของฟาร์มปลา ไม่ใช่ประธานาธิบดีของอเมริกา


ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คุยกันได้สักพัก ทั้งสองฝ่ายก็ตัดเข้าสู่ประเด็นหลัก วินเซนต์พูดขึ้นมาว่า “คุณฉิน ผมมีเรื่องจะขอความกรุณา ไม่ทราบว่าคุณพอจะพิจารณาดูได้หรือไม่ ไข่มุกสีดำที่พวกเราออกแบบให้คุณ ประกอบไปด้วยเครื่องประดับห้าชุดกับอีกสิบชิ้น เครื่องประดับพวกนี้คุณสามารถเข้าไปดูได้เลยทันที”


“แต่ว่า ในนั้นมีเครื่องประดับหนึ่งชุดที่เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าหนึ่งท่าน ไม่ทราบว่าคุณสนใจที่จะลองพูดคุยกับเข้าดูหน่อยไหมครับ?”


ฉินสือโอวเคยเห็นแบบร่างของเครื่องประดับมาก่อนแล้ว เครื่องประดับชุดใหญ่ชุดเล็กทั้งห้าชุด มีขนาดแตกต่างกัน เครื่องประดับชุดที่ล้ำค่าที่สุดคือชุดที่มีข้อกำหนดไม่ต่างจากเทพีแห่งรัตติกาลของวินนี่มากนัก ใช้ไข่มุกสีดำจำนวนสองร้อยสี่สิบกว่าเม็ด ส่วนชุดที่ใช้ไข่มุกสีดำน้อยที่สุดมีอยู่แปดสิบสองเม็ด นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับชิ้นเดี่ยวอีกสิบชิ้น


เมื่อวินเซนต์พูดแบบนี้ เขาคงจะปฏิเสธไม่ได้ จึงตอบกลับไปว่า “ได้ครับ ขอถามหน่อยผมจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนคนนั้นเมื่อไรครับ?”


ได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ วินเซนต์ก็แย้มรอยยิ้มขึ้นมา แล้วบอกกับเขาว่า “ทันทีเลยครับ เขาเฝ้ารอโอกาสนี้มานานแล้ว ที่จริงเขาน่าจะเป็นเพื่อนเก่าของคุณนะครับ ได้เจอกันกับเพื่อนเก่า คงจะน่าสนุกมากแน่ๆ”


บทที่ 876 ซื้อน้ำใจ

Ink Stone_Fantasy

ลีฟออกไปข้างนอกแล้วหนึ่งรอบ แล้วกลับมาที่ห้องรับแขกวีไอพีอีกครั้ง เธอเป็นคนออกไปเปิดประตูเอง อีกทั้งด้านหลังประตูยังมีเสียงกังวานใสดังขึ้นมา “ให้ผู้หญิงเป็นคนเปิดประตูให้ ผมเสียมารยาทเกินไปแล้วจริงๆ”


ก่อนหน้านี้วินเซนต์บอกว่าคนที่ต้องการซื้อเครื่องประดับเป็นเพื่อนเก่าของเขา ฉินสือโอวจึงเดาว่าอาจจะเป็นอาฟิฟทายาทผู้มีอิทธิพลชาวอาหรับเอมิเรตส์ เจ้าหมอนี่ชื่นชอบการสะสมสินค้าหรูหราเป็นพิเศษ


แต่ปรากฏว่าพอได้ยินเสียงว่าเป็นสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษแบบชาวลอนดอนแท้ๆ ถ้าเช่นนั้นคงไม่ใช่อาฟิฟอย่างแน่นอน ฉินสือโอวฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร แต่เป็นเพื่อนที่เขารู้จัก คนที่สามารถใช้สำเนียงการพูดที่ดัดจริตแบบนี้ได้ มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น


ซึ่งก็คือเจ้าชายพระองค์หนึ่ง เจ้าชายฮันรี!


ใช่จริงๆ ทันใดนั้นใบหน้าเหมือนม้าหนุ่มก็ปรากฏขึ้นมา หนุ่มเนื้อทองอันดับหนึ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองของบรรดาโสเภณีทั่วโลกในขณะนี้ เจ้าชายฮันรี เฮนรี ชาลส์ อัลเบิร์ต เดวิด


เฮนรีมีรูปร่างสูงใหญ่ เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากการเป็นทหาร ตัวสูงตระหง่าน ลักษณะนิสัยที่ไม่ยอมแพ้หรือท้อถอย ถ้าไม่ใช่เพราะมีใบหน้าแบบม้า ฉินสือโอวคิดว่าเขาคงจะหล่อสูสีกันกับตัวเองแล้วล่ะ


ต้องขอบคุณหน้าม้าแบบดั้งเดิมของราชวงศ์อังกฤษ ในด้านความหล่อเฮนรีจึงด้อยกว่าท่านชายฉินอยู่ไม่น้อย


ทว่าส่วนสูงของเฮนรีมีมากกว่าฉินสือโอวอยู่มาก ตอนที่ทั้งสองคนกอดทักทายกัน ท่านชายฉินจึงรู้สึกเหมือนพี่ชายกำลังกอดน้องชายอยู่


“ฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ครั้งนี้ได้เจอกันที่ร้านทิฟฟานี่แอนด์โค ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์มากจริงๆ” เฮนรีพูดด้วยความกระตือรือร้น ไม่มีมาดของเจ้าชายเลยแม้แต่นิดเดียว นี่แตกต่างกับตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกที่ท่าเรือบาสก์อยู่เล็กน้อย


ที่ท่าเรือบาสก์ ฉินสือโอวกับเฮนรีเคยเข้าร่วมงานชุมนุมกับงานแถลงข่าวอยู่หลายครั้ง ทว่าทั้งสองคนคุยกันไม่มาก เนื่องจากฐานะทางสังคมที่แตกต่างกัน ในตอนนั้นเจ้าชายฮันรีถือว่าฉินสือโอวเป็นเพียงกัปตันของเรือประมงลำเล็กๆ เท่านั้น


เศรษฐีและผู้ดีชนชั้นสูง ถึงแม้จะพูดคุยกับคนขอทานก็ยังต้องรักษากิริยาท่าทางของตัวเองเอาไว้ แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาให้ความสำคัญกับฝ่ายตรงข้าม พวกเขาเพียงแต่ได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีก็เท่านั้น


ครั้งนี้ ฉินสือโอวในสายตาของเฮนรีมีฐานะสูงขึ้นมาบ้างแล้ว มูลค่าของเครื่องประดับพวกนี้ไม่น้อยเลย นอกจากนี้วินเซนต์ยังเคยเล่าเรื่องชุดเครื่องประดับเทพีแห่งรัตติกาลให้เขาฟังอีกด้วย


สามารถใช้เครื่องประดับเทพีแห่งรัตติกาลเพื่อเอาอกเอาใจแฟนสาวได้ จะเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ เชียวหรือ


ทั้งสองคนดูเหมือนกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันมานาน นั่งอยู่บนโซฟาติดกัน พากันหัวเราะพร้อมกับเริ่มคุยกันเรื่องฟุตบอล เรื่องบาสเกตบอล คุยกันเรื่องกิจกรรมการกุศลกับสภาพอากาศในตอนนี้


วินเซนต์กับลีพมักจะพูดแทรกเข้ามาไม่กี่ประโยคเพื่อนำหัวข้อการสนทนา นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขา คนที่เจอกันเป็นครั้งที่สองย่อมต้องพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนมอยู่แล้ว


คุณชายฉินอดที่จะดูถูกตัวเองไม่ได้ ตัวเขากลายมาเป็นคนเสแสร้งขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ? นี่ไม่ใช่ชายหนุ่มชาวจีนที่จริงใจตรงไปตรงมาและเรียบง่ายคนนั้นเลย


แค่แป๊บเดียวหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องเครื่องประดับ วินเซนต์ก็ถามด้วยความระมัดระวังว่า ไข่มุกสีดำมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหน


ฉินสือโอวตอบเขาอย่างเป็นธรรมชาติว่า “มาจากฟาร์มปลาของผมเองครับ ผู้อำนวยการ คุณอาจจะไม่รู้ว่า ที่ฟาร์มปลาของผมมีกระแสน้ำกัลฟ์สตรีมไหลผ่าน หลังจากนั้นเลยกลายเป็นนาหอยนางรมลอย โดยเฉลี่ยแล้ว ทุกๆ ปีจะสามารถผลิตไข่มุกสีดำได้หนึ่งพันถึงสองพันเม็ด”


“คุณภาพแบบนี้เลยเหรอคะ?” ลีฟถามขึ้นมาทันที


“ใช่แล้วครับ คุณภาพแบบนี้นี่แหละ”


ถ้าฉินสือโอวเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้หอยนางรมลอยอย่างจริงๆ จังๆ เช่นนั้นในหนึ่งปีผลิตไข่มุกจำนวนพันเม็ดหรือน้อยกว่าบ้างเล็กน้อยก็เป็นเรื่องง่ายดาย โดยเฉพาะในช่วงที่หอยนางรมลอยกำลังแพร่พันธุ์อยู่


แต่เขามีวิธีที่ทำให้ผลิตได้มากยิ่งกว่า อย่าว่าแต่ปีละหนึ่งพันสองพันเม็ดเลย หนึ่งหมื่นเม็ดก็เป็นไปได้ เพียงแต่ว่าแบบนั้นของก็จะไม่มีมูลค่าแล้ว


ของหายากจึงจะเป็นของที่มีคุณค่า


ตลาดสินค้าหรูหรากว้างใหญ่ขนาดนั้น ไข่มุกสีดำหนึ่งหมื่นเม็ดกับสองพันเม็ดทำให้เขาทำเงินได้ไม่ต่างกันมากนัก


วินเซนต์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขาจึงถามด้วยความสนใจใคร่รู้ว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจที่จะขายไข่มุกให้กับเราไหมครับ? พวกเรายินดีให้ราคาเท่ากันกับราคาประมูล”


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำพูดตามมารยาทเท่านั้น รับซื้อไข่มุกสีดำจะเหมือนกับนำไปประมูลได้เหรอ? เพียงแต่ว่าการประมูลต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกับเงินภาษี ถ้าขายให้กับทิฟฟานี่แอนด์โคจะสามารถรักษาเงินพวกนี้เอาไว้ได้


สำหรับฉินสือโอว ความคิดที่ดีที่สุดคือ การนำไข่มุกสีดำส่งให้ร้านเครื่องประดับระดับสูงอย่างทิฟฟานี่แอนด์โค หลังจากออกแบบจนได้เป็นเครื่องประดับแล้วค่อยนำไปประมูล


อย่างเช่นไข่มุกสีดำหนึ่งพันเม็ด ถ้าขายเป็นไข่มุกเฉยๆ จะขายได้มากที่สุดแค่สิบล้านดอลลาร์แคนาดา แต่ตอนนี้หลังจากออกแบบจนเป็นเครื่องประดับ แล้วนำไปประมูลต่อ ฉินสือโอวคาดว่าน่าจะขายได้ถึงห้าสิบล้านเลย


นี่เป็นเพียงเหตุการณ์ในอุดมคติเท่านั้น ในการประมูลอาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างการประมูลไม่สำเร็จขึ้นมาได้ เนื่องจากการซื้อสินค้าหรูหราไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปกับการประมูลอย่างไม่คุ้มค่า คนรวยก็ไม่ใช่พวกใช้เงินอย่างสิ้นคิด


ฉินสือโอวคิดมาดีแล้ว ไข่มุกสีดำที่ฟาร์มปลาผลิตออกมา เขาไม่สามารถแบ่งขายหรือนำไปออกแบบเพื่อเข้าประมูลทั้งหมดได้ เขาต้องการหาคนมาร่วมมือกัน


พอวินเซนต์พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจึงตอบไปว่า “หลังจากนี้ผมต้องการหาคนมาร่วมมือกัน ท่านผู้อำนวยการ ถ้าจะสร้างแบรนด์ขึ้นมาหนึ่งแบรนด์ ผมคิดว่าแบบนี้ผมคงจะได้ผลสำเร็จมากยิ่งกว่าเดิม”


พอเป็นแบบนี้วินเซนต์จึงไม่ได้รับคำอะไรต่อไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แบรนด์ลักซ์ชัวรีชั้นนำขายอะไรน่ะเหรอ? ก็ชื่อเสียงกับแบรนด์ไง ถ้าจะเปิดแบรนด์ขึ้นมาใหม่ นั่นคือเรื่องใหญ่แล้ว ต้องปรึกษาหารือร่วมกันกับคณะกรรมการบริหาร ถึงแม้ว่าวินเซนต์จะเป็นผู้อำนวยการ แต่เขาก็ไม่กล้าตกปากรับคำ


เจ้าชายฮันรีฟังทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันอย่างมีความอดทนอยู่โดยตลอด ต่อมาเรื่องที่คุยกันจบไปแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ผมอยากซื้อเครื่องประดับสไตล์คลาสสิคบาโรกชุดนั้น ฉิน คุณว่าผมพอจะมีโอกาสนั้นไหม?”


เครื่องประดับห้าชุดห้าสไตล์ แบ่งออกเป็นสไตล์สไตล์คลาสสิค สไตล์อเมริกาใต้ สไตล์จีนและสไตล์ชนเผ่าจำนวนสองชุด


สไตล์คลาสสิคเป็นเครื่องประดับที่ค่อนข้างเก่าแก่ตามแบบประเพณีดั้งเดิม เป็นตัวแทนเครื่องประดับไข่มุกสไตล์บาโรกของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 เครื่องประดับประเภทนี้ส่วนมากมักจะเป็นที่นิยมของบรรดาชนชั้นสูงชาวยุโรป เนื่องจากเมื่อก่อนจะจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในพระราชสำนักของอังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์และสวีเดนโดยเฉพาะ


ฉินสือโอวมองดูเครื่องประดับชุดนี้จากรูปภาพ ใช้ไข่มุกทั้งหมดสองร้อยสี่สิบสองเม็ด มีส่วนผสมเป็นโลหะมีค่าอย่างทองคำและทองคำขาว


ในเครื่องประดับชุดนี้ เครื่องประดับชิ้นหลักทุกชิ้นล้วนแต่เป็นไข่มุกสีดำชั้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และมีความตระการตาทั้งนั้น อัญมณีที่โดดเด่นมีค่ามากกว่าแร่โลหะ สีสันแตกต่างกันอย่างเด่นชัด นำความสมมาตรมาใช้ในการออกแบบ ลายเส้นวกวนจนทำให้เกิดรูปทรงแบบเครือเถาวัลย์ ออกแบบอย่างละเอียดอ่อนและถี่ถ้วน คลาสสิคดั้งเดิม มีกรรมวิธีประดิษฐ์ที่ละเอียดเกลี้ยงเกลาและลึกล้ำ มีกลิ่นอายของความโอ่อ่าหรูหราและความล้ำค่าเป็นอย่างมาก


เดิมทีเครื่องประดับชุดนี้ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาชนชั้นสูงชาวยุโรปหรือไม่ก็ตระกูลใหญ่ๆ พวกนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเจ้าชายฮันรีพูดถึงความต้องการที่จะซื้อมันขึ้นมา ฉินสือโอวจึงบอกกับเขาว่า “ไม่มีปัญหาครับ ใต้ฝ่าพระบาท มันถูกเตรียมไว้สำหรับคนระดับพระองค์อยู่แล้ว”


เมื่อได้รับการรับรองจากฉินสือโอว รูปหน้าทรงม้าของเจ้าชายฮันรีก็ยิ้มแย้มออกมาอย่างเบิกบาน “ที่จริงแล้ว ผมตั้งใจจะมอบให้กับวิลเลียมพี่ชายของผม พวกคุณก็รู้ เขากำลังจะแต่งงานแล้ว และเครื่องประดับของเจ้าสาวก็ยากที่จะทำให้รู้สึกพึงพอใจได้”


ฉินสือโอวถึงบางอ้อในทันที เป็นเรื่องจริงสินะ เขาจำได้เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะเห็นข่าว ที่รายงานว่าราชวงศ์อังกฤษกำลังจะจัดงานแต่งงานครั้งใหญ่ เจ้าชายวิลเลียมกำลังจะแต่งงานกับลูกสาวของนักธุรกิจชนชั้นกลางคนหนึ่ง


“ขอถามหน่อยนะ เครื่องประดับชุดนี้ราคาเท่าไรเหรอ?” เจ้าชายฮันรีถาม


ฉินสือโอวยักไหล่แล้วตอบกลับไปว่า “ผมว่าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ พระองค์คงจะคุยกันกับวินเซนต์มาแล้ว เขาน่าจะเคยพูดถึงมูลค่าของเครื่องประดับชุดนี้มาก่อนแล้วใช่ไหมล่ะครับ? ที่ผมรู้คือ เครื่องประดับชุดนี้มีมูลค่าเก้าล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าพระองค์ต้องการ ผมจะให้ราคาแปดล้านแปดแสนดอลลาร์สหรัฐ เลขแปดเป็นเลขมงคลของคนจีน เพื่อเป็นการอวยพรให้กับวงศ์ตระกูลของพระองค์”


บทที่ 877 มิตรภาพเล็กๆ ของเจ้าชาย

Ink Stone_Fantasy

ที่จริงแล้วถ้าสามารถหาทางสร้างความสัมพันธ์กับราชวงศ์อังกฤษได้ แบบนั้นฉินสือโอวจะมอบเครื่องประดับชุดนี้ให้เจ้าชายฮันรีฟรีๆ เลยก็ยังได้ เงินไม่กี่ล้านดอลลาร์แคนาดา ไม่อยู่ในสายตาของเขาหรอก


แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ตอนนั้นเจ้าชายฮันรีอาจจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่หลังจากนั้นจะต้องมองว่าเขาเป็นไอ้โง่อย่างแน่นอน ฉินสือโอวลดราคาให้เล็กๆ น้อยๆ เท่านี้ก็ได้รับความรู้สึกซาบซึ้งจากเจ้าชายฮันรีแล้ว และเขาคงไม่คิดว่าฉินสือโอวเป็นแค่คนโง่ที่มีเงินเยอะ


การตั้งราคาของฉินสือโอวนับว่ามีความพิถีพิถัน เจ้าชายฮันรีรักและผูกพันกับพี่ชายมาก งานแต่งงานครั้งใหญ่ของพี่ชายเขาต้องมอบของขวัญที่มีคุณค่ามากพอให้สักหนึ่งชิ้น ราคาไม่ถึงเก้าล้านดอลลาร์แคนาดา เมื่อคิดเป็นเงินปอนด์จะเท่ากับสี่ล้าน


อีกทั้งเดือนกันยายนของปีนี้ เจ้าชายฮันรีเพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุครบ 30 ปีของตัวเอง ตามพินัยกรรมของเจ้าหญิงไดอานาแม่ของเขา เขาจะได้รับมรดกมูลค่า 10 ล้านปอนด์ และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่อปีที่เพิ่มขึ้นจากสองปีที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วฮันรีจึงได้รับมากกว่าวิลเลียมพี่ชายของเขา


ของขวัญมูลค่าสี่ล้านปอนด์ เขาสามารถมอบให้ได้อยู่แล้ว


ถึงอย่างไรก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของราชวงศ์อังกฤษ เจ้าชายฮันรีเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมลังเล เขาไม่ได้พูดต่อราคาอะไร หลังจากฉินสือโอวพูดจบ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “โอเค ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของคุณนะ เพื่อน พรุ่งนี้ผมจะให้ที่ปรึกษาทางการเงินของผมโอนเงินให้คุณ ตกลงไหมครับ?”


พอฉินสือโอวจับมือกับเขา การซื้อขายครั้งนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น


วินเซนต์จึงพูดขึ้นมาอย่างมีความสุขว่า “เยี่ยมยอด ฉิน ธุรกิจคุณไปได้สวย ส่วนเฮนรีก็ได้ของขวัญที่มีมูลค่าไปแล้วหนึ่งชุด พวกเราควรจะฉลองกันสักหน่อยไหม? ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นคนเตรียมมื้อค่ำเองนะครับ”


ความสุขของเขาไม่ใช่เพราะแค่ยินดีที่ฉินสือโอวกับเจ้าชายฮันรีได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่เป็นเพราะบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคจะได้รับผลประโยชน์จากการค้าขายในครั้งนี้ เขาเปรียบเสมือนคนกลาง ตามสัญญาของเขากับฉินสือโอว ถ้าขายเครื่องประดับผ่านร้านทิฟฟานี่แอนด์โค ฉินสือโอวจะต้องจ่ายค่านายหน้าจำนวนสิบสองเปอร์เซ็นต์


หรือพูดอีกอย่างว่า วินเซนต์ได้รับรายได้หนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดาโดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย


อย่าดูแคลนรายได้จำนวนนี้ เพราะกำไรสุทธิต่อปีของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคอยู่ที่ประมาณแปดสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น


การวางท่าของเจ้าชายแห่งอังกฤษก็มาดใหญ่เช่นนี้ เจ้าชายฮันรีมีบอดี้การ์ดกล้ามล่ำเอวหนาติดตามมาด้วยสี่คน ว่ากันว่าพวกเขาแต่ละคนเป็นทหารปลดประจำการจากหน่วย SAS ฉินสือโอวเห็นท่าทางองอาจกล้าหาญไม่มีใครเทียบได้ของพวกเขาจึงรู้สึกสนใจขึ้นมา เขาถามนีลเซ็นที่ติดตามมาด้วยกันว่า “คนพวกนี้เป็นยังไงบ้าง?”


นีลเซ็นกล่าวว่า “คุณอยากถามด้านไหนล่ะครับ? พวกเขาเป็นหน่วยคุ้มกันมืออาชีพ ด้านนี้คนที่ฟาร์มปลาของเราสู้พวกเขาไม่ได้หรอกครับ”


ฉินสือโอวถามต่อว่า “กำลังสู้รบโดยรวมล่ะ เทียบกันแล้วเป็นยังไง?”


นีลเซ็นจึงตอบเขาว่า “ผมอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ถ้าเป็นเบิร์ดก็ไม่มีปัญหา กำลังการต่อสู้โดยรวมของเบิร์ดน่าจะเหนือกว่าพวกเขาทั้งสี่คน แต่อย่างแบล็คไนฟ์คิดว่าน่าจะไม่ไหวครับ พวกเขาเป็นแค่ทหารรับจ้างทั่วๆ ไปเท่านั้น แต่อัจฉริยะในหน่วย SAS ทุกคน มีแต่ทหารรับจ้างระดับสูงกันทั้งนั้น”


ชื่อเต็มของหน่วย SAS คือหน่วยรบพิเศษทางอากาศแห่งกองทัพอังกฤษ เป็นทหารกองทัพบกกองกำลังพิเศษอันดับหนึ่งของยุโรป และยังเป็นหน่วยรบประจำการพิเศษแห่งแรกของโลก


ส่วนใหญ่แล้วหน่วย SAS จะเป็นผู้บุกเบิกกลยุทธ์พิเศษสมัยใหม่ พวกเขาเป็นแบบอย่างของหน่วยรบพิเศษทั้งหมดในยุคปัจจุบัน มีชื่อเสียงในด้านการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จในเวลาอันสั้นได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันเป็นหน่วยรบพิเศษที่มีอัตราความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่สูงที่สุด


หน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็นหน่วยซีลและหน่วยเดลตาของกองทัพเรือสหรัฐ นี่อาจจะเป็นเพราะสิ่งชวนเชื่อของหนังฮอลลีวูด แน่นอนว่าทั้งสองหน่วยมีความเก่งกาจอย่างแท้จริง เบิร์ดเองก็เป็นทหารปลดประจำการจากหน่วยเดลตา ที่มีความสามารถอย่างเหนือชั้น


เพียงแต่ว่า หน่วยรบพิเศษทั้งสองล้วนแต่มีเงาของหน่วย SAS อยู่ทั้งคู่ นอกจากนี้แล้วหน่วย SAS ยังเป็นหน่วยรบพิเศษที่เป็นที่ได้รับการยอมรับว่ามีความแข็งแกร่งที่สุด


แน่นอนว่า ทหารชาวอเมริกาไม่ยอมรับเรื่องนี้ พวกเขาคิดว่ากองทัพเรือก็สามารถเทียบพละกำลังกับหน่วย SAS ได้ เนื่องจากกองกำลังพิเศษของอเมริกาแทบจะทั้งหมดเคยผ่านสงครามขนาดใหญ่และการปะทะขนาดย่อมมานับไม่ถ้วน หน่วยรบพิเศษของอังกฤษสัมผัสกับการสู้รบที่แท้จริงมาน้อยเกินไป ข้อนี้ส่งผลกระทบกับกำลังสู้รบอยู่มาก


เจ้าชายฮันรีมีบอดี้การ์ดตามมาสี่คนถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่ต้องการลักพาตัวเขาหรือฆ่าเขา


วินเซนต์จองร้านอาหารไว้แห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่ได้รางวัลมิชลินสามดาว เขาจองร้านอาหารช่วงเย็นทั้งร้าน เพื่อให้บริการเจ้าชายฮันรีกับฉินสือโอว


ครั้งก่อนที่ได้เจอเจ้าชายฮันรีที่ท่าเรือบาสก์ ฉินสือโอวยังรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอยู่เลย ถึงยังไงเมื่อก่อนตอนที่เขาได้เห็นเจ้าชายพระองค์นี้ ก็มีแต่ในทีวีหรือไม่ก็บนคอมพิวเตอร์ อยู่ๆ ได้เจอตัวเป็นๆ จึงยากที่จะไม่รู้สึกตกใจ


ครั้งนี้ไม่มีสภาพจิตใจแบบนั้นอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะทัศนคติที่ไม่ชอบแก่งแย่งกับผู้อื่นของเขา การรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเจ้าชายฮันรีจึงเป็นไปอย่างสบายๆ ทั้งยังเล่นมุกกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และลองถามว่าเขาสามารถไปเปิดหูเปิดตากับงานแต่งงานครั้งใหญ่ของเจ้าชายวิลเลียมได้หรือไม่


เพราะเคยเป็นทหารมาก่อน จึงทำให้เจ้าชายฮันรีมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียและจริงใจตรงไปตรงมา เขาตอบกลับไปว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าผมเชิญคุณในฐานะเพื่อนสนิท แบบนั้นไม่มีปัญหาแน่ แต่พูดกันตามตรงนะเพื่อน งานแต่งงานของราชวงศ์ไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ใช่งานแต่งของวิลเลียม ผมคงจะแอบหนีไปแน่ๆ”


ฉินสือโอวเชื่อเรื่องนี้ คนคนนี้ดื้อรั้นมากเกินไปจริงๆ เทียบกับเขาแล้ว ก็เหมือนกับวัยรุ่นหลังยุค 90 ของจีนที่ซอยผมแบบร็อกๆ กับเด็กอนุบาลเรียบร้อยๆ นั่นเอง


ในระหว่างนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็พูดคุยถึงเรื่องนี้เช่นกัน ฉินสือโอวบอกว่าตอนที่สวมเครื่องแบบฟาสซิสต์เข้าร่วมงานชุมนุมคุณดูองอาจมากจริงๆ เจ้าชายฮันรีจึงฝืนยิ้มออกมา บอกว่าตอนนั้นเขายังเป็นเด็กอายุน้อย ถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ


“แต่ว่าผมก็ไม่รู้สึกเสียใจนะ นั่นก็เป็นความทรงจำที่ดีมากเหมือนกัน คนจีนแบบพวกคุณพูดว่าเยาว์วัยและโง่เขลา ถ้าวัยเด็กของผมกับวิลเลียมไร้ความตื่นเต้นแบบนั้น ถึงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างแท้จริง” เจ้าชายฮันรีพูดด้วยรอยยิ้ม


ฉินสือโอวก็ตอบเขาไปว่า “ใช่แล้วครับ ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พวกเราคนจีนยังมีคำพูดที่ว่าคนเราหากไม่ใช้ชีวิตอย่างใจความเยาว์วัยก็สูญเปล่า เพื่อความเยาว์วัยที่ผ่านไปแล้วของพวกเรา มาเถอะครับ พวกเราดื่มให้หมดแก้ว!”


“หมดแก้ว!”


มื้ออาหารค่ำไม่ได้ใช้เวลานาน ทานอาหารไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็คุยกันตามอัธยาศัย เจ้าชายฮันรีย่อมต้องเป็นตัวละครหลักอยู่แล้ว เขาเล่าเรื่องไร้สาระที่เขาทำในลอนดอน เล่าประสบการณ์ตอนที่เขาเป็นทหารอยู่ที่อิรัก ฉินสือโอวเริ่มรู้จักเจ้าชายหน้าม้าขึ้นมาบ้างแล้ว ความรู้สึกด้านดีที่มีต่อเขาก็เพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน


พอทานอาหารเสร็จ ฉินสือโอวกลับมาที่โรงแรมที่บัตเลอร์เป็นคนช่วยเขาจอง วันต่อมาเป็นวันเปิดกิจการของร้านอาหารทะเลต้าฉินสาขานิวยอร์ก เขาจึงรีบออกไปตั้งแต่เช้า


บัตเลอร์เลือกที่ตั้งของร้านไว้ในย่านบรุกลินของนิวยอร์ก นี่คือเขตที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดาห้าเขตหลักของบิ๊กแอปเปิลซิตี้แห่งนี้ มีประชากรทั้งหมดสองล้านห้าแสนคน มากกว่าประชากร 95% ในเมืองของประเทศอเมริกา


เมืองบรุกลินตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะแมนแฮตตัน ทะเลล้อมรอบทั้งสามด้าน มีท่าเรือที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก สามารถขนส่งอาหารทะเลได้อย่างสะดวกสบาย


อีกทั้งย่านนี้ยังมีชื่อเล่นว่าเป็นเขตเมืองแห่งต้นไม้ เมืองของครอบครัวและเมืองแห่งโบสถ์ เมื่อเทียบกับแมนแฮตตันเมืองหลวงของโลกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ที่นี่ยังมีกลิ่นอายของความเป็นท้องถิ่นอยู่เล็กน้อย สภาพแวดล้อมเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า และยังมีตลาดที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าอีกด้วย


ร้านสาขายังคงเป็นอาคารหลังเล็กหนึ่งหลัง มีทั้งหมดสองชั้น ห้องใต้ดินกว้างขวางเป็นพิเศษ เมื่อตรงนี้เคยเป็นที่เก็บเนื้อสัตว์ของร้านขายวัตถุดิบทำอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากปรับเปลี่ยนเล็กน้อยก็ทำหน้าที่เป็นห้องแช่เย็นและสามารถจัดโชว์อาหารทะเลได้ดีมาก


บทที่ 878 เปิดกิจการอย่างเฟื่องฟู

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเรียกรถไปที่ร้านสาขา บัตเลอร์จัดการงานได้อย่างน่าประทับใจมาก ข่าวการเปิดร้านตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์นิวยอร์กเดลินิวส์ เขาเหมาหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อโปรโมตอาหารทะเลต้าฉิน ที่ให้การชื่นชมว่านี่เป็นอาหารทะเลที่สะอาดที่สุด และมีคุณค่าทางโภชนาการที่สุดในโลก


บัตเลอร์ยังได้เชิญสมาคมความปลอดภัยด้านอาหารและโภชนาการมาทำการตรวจสอบ จนได้รับคำแถลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร รับรองว่าอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทที่คล้ายคลึงกันถึงสองเท่า เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่สุด


ฉินสือโอวซื้อหนังสือพิมพ์มาหนึ่งฉบับ เพื่ออ่านข้อมูลเกี่ยวกับอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ขณะที่กำลังอ่านไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยกับสิ่งนี้ คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย อุดมไปด้วยวิตามินและจุลธาตุ ช่วยเสริมไอคิว เสริมการต้านทานโรค เพิ่มภูมิคุ้มกัน พวกนี้ล้วนแต่เป็นจุดเด่นของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินทั้งสิ้น


ได้เห็นของสิ่งนี้ ฉินสือโอวก็นึกถึงใบปลิวโฆษณาตามมุมถนนที่บ้านเกิดของเขาขึ้นมา ของพวกนี้ก็คือต้นท้อเซียน ที่สามารถรักษาได้ทุกโรคนั่นเอง


หน้าประตูร้านมีช่อดอกไม้วางอยู่เต็มไปหมด ฉินสือโอวลองมองดู มีไม่น้อยที่เป็นช่อดอกไม้ที่ส่งมาจากคนดัง อย่างเช่นนักบาสเอ็นบีเอชื่อดังบางส่วนจากทีมนิวยอร์กนิกส์ กับนักกีฬาเบสบอลทีมนิวยอร์กแยงกี้ที่มีชื่อเสียงบางส่วน รวมถึงดาราฮอลลีวูดอย่างสการ์เลตต์ โจแฮนสันและดาราคนอื่นๆ บัตเลอร์บุกเบิกคอนเนคชั่นทางการค้าได้อย่างกว้างขวางมากจริงๆ


เห็นฉินสือโอวโผล่หน้ามาแล้ว บัตเลอร์ที่กำลังพูดคุยกับกลุ่มคนวัยกลางคนก็รีบเดินเข้ามาหาเขาทันที จากนั้นจึงพูดขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจ “เพื่อน ลองเดาดูสิ ว่าวันนี้กิจการของเรามีผลประกอบการเท่าไร?”


“สองล้านดอลลาร์สหรัฐ?” ฉินสือโอวพูดเล่นๆ


บัตเลอร์ชะงักงัน ถามเขากลับมาว่า “นายเห็นบิลแล้วเหรอ? พวกเราคาดการณ์ไว้ว่าผลประกอบการน่าจะอยู่ประมาณนี้ ตอนนี้กุ้งมังกรถูกสั่งซื้อไปเกือบสี่พันปอนด์แล้ว!”


ครั้งนี้ถึงคราวของฉินสือโอวที่ต้องตะลึงงันบ้างแล้ว เขาถามขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก “วันหนึ่งมีจำนวนจำหน่ายถึงสองล้านจริงๆ เหรอ? นี่ล้อเล่นหรือเปล่า? แล้วกุ้งมังกรก็ถูกสั่งซื้อไปสี่พันปอนด์แล้ว?! คนนิวยอร์กวางแผนว่าจะกินกุ้งมังกรเป็นอาหารหลักกันหรือยังไง?!”


บัตเลอร์ยักไหล่น้อยๆ เขาทำท่าจนปัญญาพร้อมกับพูดว่า “ทำไงได้ ผมเชิญผู้จัดการร้านอาหารใหญ่ๆ ทุกร้านให้มาลองชิมกุ้งมังกรของพวกเราดู หลังจากนั้นใบสั่งสินค้าก็ไหลทะลักมาแล้ว ฮ่าๆ พวกเราจะรวยกันแล้ว เพื่อน!”


พอพูดมาถึงตอนท้าย ชายผิวสีก็กอดฉินสือโอวหนึ่งที แล้วเขย่าตัวเขาเหมือนกับที่วินนี่จับหลัวปอโยกไปมา เพียงแต่ว่าเขาเขย่าตัวฉินสือโอวไม่เบาแรงเลย


ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุดเช่นกัน ผลประกอบการนี้แทบจะเป็นกำไรสุทธิทั้งหมด ส่วนใหญ่แล้วจะหักค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟค่าใช้จ่ายในการดูแลออกไป ส่วนมากจะอยู่ที่วัตถุดิบ ซึ่งตอนนี้ค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวของเขามีราคาที่ต่ำมาก


เลือกเวลาเปิดกิจการไว้ตอนสิบเอ็ดโมง มีคนดังจากทุกวงการที่มาด้วยตัวเองหรือไม่ก็ส่งผู้ช่วยมาเพื่อมอบคำอวยพรกับช่อดอกไม้อย่างไม่ขาดสาย ร้านอาหารและโรงแรมที่มีระดับค่อนข้างสูงแทบจะทุกแห่ง ต่างก็ส่งคนมาแสดงความยินดีกับการเปิดกิจการของร้านขายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน


สิบเอ็ดโมงเช้า นางแบบผมบลอนด์ตาฟ้ารูปร่างสูงเพรียวสองคนยืนถือริบบิ้นอยู่หน้าประตูทางเข้าร้าน ฉินสือโอวกับบัตเลอร์เดินอยู่บนพรมแดงด้วยใจที่รู้สึกฮึกเหิม อีกทั้งบริเวณรอบๆ ก็มีสื่อมวลชนที่เชิญมา แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสว่างจ้า ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนพรมแดงในงานรับรางวัลออสการ์จริงๆ


ตัดริบบิ้นเปิดงาน เสียงยิงปืนเอาฤกษ์เอาชัยดังก้องกังวาน แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานเปิดกิจการก็พากันปรบมือขึ้นมา มือทั้งสองข้างของบัตเลอร์กับฉินสือโอวประสานเป็นกำปั้นที่หน้าอกพร้อมกับน้อมคำนับไปรอบๆ ด้าน ใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกด้านเพื่อพลิกแพลงแสดงท่าทางอวดความฉลาด


สมาคมนักธุรกิจชาวจีนในนิวยอร์กก็ส่งคนมาเช่นกัน หลังจากตัดริบบิ้นเสร็จชายวัยกลางคนที่มีสำเนียงแบบทางใต้ก็เข้ามาหาฉินสือโอว พร้อมกับแนะนำตัวว่าเป็นรองประธานสมาคมนักธุรกิจชาวจีนในนิวยอร์ก เขาถามฉินสือโอวว่าสนใจที่จะเข้าสมาคมนักธุรกิจชาวจีนไหม


ฉินสือโอวกล่าวคำขอโทษแล้วบอกว่าเขาเป็นคนแคนาดา อาจจะไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมสมาคมนี้


รองประธานสมาคมชื่อตู้ซั่นก็ยิ้มน้อยๆ พูดกับเขาว่า “นี่ไม่เป็นปัญหา ที่สำคัญคือคุณทำธุรกิจอยู่ที่นิวยอร์ก สมาคมนักธุรกิจชาวจีนของพวกเราเป็นสมาคมที่จะช่วยเหลือพวกเราด้วยกันเอง มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเราชาวจีน ดังนั้นถ้าคุณสนใจ ก็สามารถสอบถามทำความเข้าใจดูได้”


ในเมื่อเขาพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉินสือโอเลยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าถ้าอย่างนั้นผมขอเข้าสมาคมด้วย ค่าสมาชิกแค่ปีละหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ฉินสือโอวไม่สนใจเศษเงินพวกนี้หรอก เข้าสมาคมนักธุรกิจชาวจีนก็ดีเหมือนกัน จะได้เข้าสังคมใหม่ๆ บ้าง


ตู้ซั่นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่สมาคมนักธุรกิจชาวจีนหมายมั่นไว้คือฟาร์มปลาต้าฉินที่มีฉินสือโอวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นักธุรกิจชาวจีนครอบครองอัตราส่วนขนาดใหญ่ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หากสามารถหลีกเลี่ยงบัตเลอร์เพื่อทำการเชื่อมต่อกับฉินสือโอวได้โดยตรง เช่นนั้นพวกนักธุรกิจชาวจีนก็จะสามารถประหยัดเงินได้เยอะแล้ว


แต่ในความเป็นจริงตู้ซั่นคิดเยอะเกินไป ฉินสือโอวไม่มีทางจัดส่งสินค้าให้พวกเขาโดยตรง ในตอนนั้นโอวหยางไห่ก็เคยยกคำขอร้องแบบนี้ขึ้นมา เขาก็ไม่ได้ตอบตกลง แล้วนี่นับประสาอะไรกับนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก?


หลังจากตัดริบบิ้นแล้วจึงเริ่มต้นธุรกิจอย่างเป็นทางการ พนักงานส่งสินค้าเริ่มยุ่งอยู่กับงาน กล่องใส่อาหารทะเลแต่ละกล่องถูกขนขึ้นไปบนรถที่จอดอยู่ด้านนอกหลายครั้ง


อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจากนิวยอร์ก ร้านอาหารในนิวยอร์กต่างก็รู้ถึงความร้ายกาจของร้าน หลังจากบัตเลอร์ถอนอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินออกจากนิวยอร์ก จนมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่ลูกค้าบางส่วนของร้านอาหารไฮเอนด์เกิดความไม่พอใจขึ้น


อาหารทะเลทั่วไปกับอาหารทะเลที่ได้รับการปรับปรุงจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน มีรสชาติที่แตกต่างกันเกินไป ฉินสือโอวรู้สึกละอายที่จะนำของทั้งสองสิ่งมาเปรียบเทียบกัน เพราะแบบนั้นจะเป็นการรังแกกันเกินไป


รถบรรทุกสินค้าคันเล็กที่มาซื้ออาหารทะเลทำให้ถนนหน้าร้านเกิดการติดขัด กรมตำรวจนิวยอร์กจึงต้องส่งตำรวจจราจรทีมหนึ่งเพื่อออกมาเคลียร์ถนนและรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยเฉพาะ


ฉินสือโอวได้เห็นฉากใหญ่อย่างนี้เป็นครั้งแรก เขายืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองออกไปยังรถขนสินค้าแบบตู้กระบะที่อยู่นอกขอบเขตสายตา พร้อมกับถอนหายใจแล้วพูดว่า “น่าเหลือเชื่อจริงๆ ที่อาหารทะเลของเราได้รับความนิยมถึงขั้นนี้!”


บัตเลอร์จึงอธิบายกับเขาว่า “นี่ไม่มีอะไรที่เข้าใจได้ยากเลย เพื่อนเอ๊ย ตอนนั้นผมได้ทำการทดลองตลาดในนิวยอร์ก หลังจากนั้นก็ถอนตัวออกมา เลยกลายเป็นกลยุทธ์กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ตอนนี้พวกเรากลับมาแล้ว ชาวนิวยอร์กเลยต้องรีบสั่งซื้อตั้งแต่เนิ่นๆ อีกอย่างนะ เมืองบิ๊กแอปเปิลเป็นศูนย์กลางของโลกใบนี้ เป็นที่ที่ไม่ขาดแคลนเงินตราที่สุด”


พนักงานฝ่ายจัดซื้อกับคนส่งของเดินเข้าๆ ออกๆ ถึงจะเป็นร้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง แต่กลับเกิดภาพเหตุการณ์ที่มีผู้คนเบียดเสียดกันอย่างแน่นหนา ฉินสือโอวอยากลองไปดูสภาพของอาหารทะเล ทว่าเบียดกันอยู่สักพักก็ยังเดินได้ไม่ทั่วร้าน


แต่บัตเลอร์ก็พูดถูก ชาวนิวยอร์กร่ำรวยกันจริงๆ อาหารทะเลราคาสูงจนไม่สมเหตุสมผล ทว่าสถานการณ์การขายก็ยังมีอุปทานไม่พอตอบสนองกับอุปสงค์


ฉินสือโอวนึกว่ากำหนดราคาของกุ้งมังกรไว้ที่สองร้อยดอลลาร์แคนาดา ราคาบนตลาดคงไม่เกินปอนด์ละหนึ่งร้อยดอลลาร์แคนาดาไปมากเท่าไรนัก แต่ปรากฏว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดอะไรเรียบง่ายเกินไป ที่นิวยอร์ก กุ้งมังกรของเขาขายได้ถึงปอนด์ละสามร้อยดอลลาร์สหรัฐ กุ้งมังกรขนาดกำลังพอดีหนึ่งตัว มีราคาอยู่ที่หนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐ!


ได้เห็นราคาแบบนี้ ฉินสือโอวจึงส่ายหัวอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่ตลอดเวลา ราคาเปิดของกุ้งมังกรอยู่ที่หนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งตัว ถ้าอย่างนั้นหลังจากร้านอาหารปรุงเสร็จแล้วราคาของมันจะอยู่ที่เท่าไรกัน?


บัตเลอร์มองออกว่าเขากำลังคิดอะไร จึงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ ฉิน คุณไม่ควรเอาแต่อยู่ที่เกาะปิดเล็กๆ แห่งนั้นนะ ออกมาลองมองดูเยอะๆ ออกมาลองเดินดูเยอะๆ แล้วคุณก็จะไม่ตื่นตูมอย่างนี้แล้ว”


ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “ขอร้องล่ะเพื่อน ยุคนี้เป็นช่วงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจนะ ไม่ใช่ว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสมีหลายครอบครัวที่กินไก่งวงกับกุ้งมังกรไม่ได้หรอกเหรอ?”


บัตเลอร์กล่าวว่า “แล้วยังไงล่ะ? พวกเราไม่ได้ทำธุรกิจทั่วๆไปนะ นิวยอร์กมีมหาเศรษฐีอยู่ตั้งกี่แสนคน พวกเราค้าขายกับพวกเขาก็พอแล้ว”


หลังจากช่วงบ่ายโมง พนักงานฝ่ายจัดซื้อก็ลดน้อยลงแล้ว บัตเลอร์พอจะมีเวลาว่าง จึงเข้ามาอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “ที่จริงวันดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ หรอกนะ ร้านอาหารพวกนี้มีความสามารถในการเก็บสต๊อกอาหารทะเลกันทั้งนั้น ในหนึ่งสัปดาห์พวกเขาจะมาซื้อมากที่สุดสองรอบ ดังนั้นถ้าเข้าใจผลประกอบการของเรา ผมกลัวว่าต่อไปคงจะลดลงไปสักครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ”


บทที่ 879 ภาพในอนาคตที่แสนงดงาม

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวไม่สนใจที่จะอยู่รับมือกับลูกค้าด้านล่าง เนื่องจากเขาไม่รู้จักคนที่มาซื้อเลยสักคน ไม่เหมือนกับบัตเลอร์ ด้านบัตเลอร์เองก็มีคนที่เขาไม่รู้จักเหมือนกัน ทว่าคนคนนี้คลั่งไคล้การเข้าสังคมโดยกำเนิด คนที่ไม่รู้จักคุยกันแค่สองคำขึ้นไปก็เริ่มรู้สึกคุ้นเคยทันที


มีพนักงานฝ่ายจัดซื้อของร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่เดิมทีแค่อยากจะลองมาดูสถานการณ์เฉยๆ แต่หลังจากบัตเลอร์ทำความสนิทสนมกับพวกเขาแล้ว ด้วยการโจมตีอย่างมีคารมคมคายของเขา ขณะที่กำลังจะกลับคนเหล่านี้ก็มักจะซื้ออาหารทะเลกลับไปด้วยหนึ่งล็อต


บัตเลอร์เป็นพนักงานส่งเสริมการขายโดยกำเนิด เขารักการพูดคุยกับคนอื่นๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่คู่ค้าของฉินสือโอวคือเขาไม่ใช่ตระกูลมอร์รี่ เจ้าหมอนี่ชอบการพูดคุยทั้งยังคุยเก่ง และยังเชี่ยวชาญเรื่องการสร้างความสัมพันธ์อีกด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนผิวสี ทว่าในสังคมระดับบนเขาก็ได้รับการต้อนรับมากๆ เช่นกัน


ฉินสือโอวรู้ตัวว่าไม่มีความสามารถด้านนี้ เขาจึงนั่งเล่นเกม CSOL ในคอมพิวเตอร์ที่ชั้นบนอย่างซื่อๆ ระดับความรวดเร็วการตอบสนองของเส้นประสาทของเขาว่องไวมาก ปืนเอดับเบิลยูพีกระบอกเดียวก็ฆ่าพวกวัยรุ่นอเมริกาจนมีสภาพหลังจบศึกอย่างน่าอนาถ เล่นเกมรอบการแข่งขัน 100 คน เขาสามารถเอาชนะได้ถึง 90 คน


ในที่สุดพวกไก่อ่อนของอเมริกาก็ถูกเขาทารุณจนทนไม่ไหวอีกต่อไป เอาแต่ใช้คำว่า ‘BUG’ อย่างไม่หยุดไม่หย่อน คนพวกนี้รวมถึงเพื่อนร่วมทีมของฉินสือโอวเอง ยืนกรานว่าเขาโกง ทั้งยังพากันคุกคามเขาถ้าเขาไม่ไสหัวออกไปก็จะพากันไปรีพอร์ตเพื่อปิดไอดีของเขา


ฉินสือโอวเกลียดคนพวกนี้ที่สุด พอเล่นไม่ชนะก็หาเหตุผลแล้วถือว่าตัวเองถูกต้อง เขาเลยเข้าไปในแมทช์การแข่งขันระดับสูง การแข่งขันประเภทนี้มีมอนิเตอร์ป้องกันการโกง เขายังใช้แค่ปืนเอดับเบิลยูพีอยู่เหมือนเดิม คุณชายฉินฆ่าเหล่าศัตรูจนมีสภาพน่าอนาถอีกครั้ง


ผู้เล่นในการแข่งขันระดับสูงล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งนั้น พวกเขาจะไม่พูดว่าฉินสือโอวโกงอย่างแน่นอน มีแต่จะแสดงความนับถือ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ทักแชตส่วนตัวเพื่อมากราบคารวะเขาให้เป็นอาจารย์ มีคนส่งรูปถ่ายของตัวเองมา ทั้งยังเป็นสาวผมบลอนด์ที่เซ็กซี่ร้อนแรงมากๆ อีกด้วย


สาวๆ พวกนี้เป็นนักแคสต์เกม CS ด้วยกันทั้งนั้น พวกเธอไม่เพียงแต่ชอบเล่นเกมนี้ แต่ยังแต่งคอสเพลย์ด้วย


ด้วยเหตุนี้พอฉินสือโอวเปิดดูรูปภาพ ภาพที่ปรากฏออกมาจึงเป็นทหารหญิงหลากหลายสไตล์ นั่นสวมกระโปรงสั้นสีเทา นั่นก็ท่อนขาอวบขาวเหมือนหิมะ กางเกงขาสั้นสีเขียวตัวจิ๋ว ไหนจะรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตรนั่นอีก เคี่ยวกรำจนร่างกายเขาทรมานไปหมดแล้ว


บัตเลอร์มายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็เข้ามาถามเขาว่า “เฮ้ เพื่อน ที่แท้คุณก็ชอบแบบนี้เองเหรอ? โอเค คืนนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณอยากจะลองลิ้มรสชาติของทหารหญิงสักหน่อยไหมล่ะ?”


เมื่อพูดจบ ชายผิวสีจึงยักคิ้วไปมา พร้อมกับส่งสายตามีเลศนัยให้ฉินสือโอว


ฉินสือโอวตกใจจนเกือบตาย ฟ้ามืดลงแล้ว เมื่อสักครู่เขามัวแต่เล่นเกมจนขี้เกียจไปเปิดไฟ อีกทั้งวันนี้บัตเลอร์ยังสวมสูทสีดำอีกต่างหาก แบบนี้พอเขามายืนไม่ให้สุ้มให้เสียงอยู่ด้านหลัง แล้วแบบนี้ฉินสือโอวจะมองเห็นเขาได้ยังไงกันล่ะ?


เขาเอามือทาบหน้าอกตัวเอง ฉินสือโอวพูดกับเขาอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “คุณช่วยเคาะประตูก่อนเข้ามาได้ไหม? ผมตกใจแทบตายแล้ว เพื่อน ผมตกใจจนแทบแย่แล้วจริงๆ! ไม่น่าล่ะในข่าวที่ผมเห็นเมื่อก่อน ถึงได้บอกว่าคนผิวสีแบบพวกคุณมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนกลางคืนสูงที่สุด มองเห็นได้ยากจริงๆ!”


บัตเลอร์ก็พูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “ผมเคาะประตูแล้ว คุณจดจ่อกับภาพโป๊ของผู้หญิงอยู่ตรงนี้มากเกินไปต่างหาก แบบนั้นจะโทษผมได้เหรอ? แล้วอีกอย่าง คุณก็เพิ่งเหยียดสีผิวด้วย!”


ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “โอเค เพื่อน ถือว่าผมผิดเอง แต่ผมดูภาพโป๊ที่ไหนกันล่ะ! นี่เป็นรูปภาพปกติโอเคไหม? แล้วก็ ผมเหยียดสีผิวตรงไหนกัน? ในข่าวบอกอย่างนี้จริงๆ นะ”


ทั้งสองคนคุยกันพร้อมกับตีกันไปด้วย บัตเลอร์เห็นว่าฉินสือโอวเล่นเกม CS จนได้เจอสาวสวย เขาเลยรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที เขาลงมือออกทักษะบ้างเหมือนกัน ลองดูว่าเขาจะจัดการชีวิตในค่ำคืนนี้ได้ไหม


ทว่านี่เป็นการแข่งขันระดับสูง และเป็นเพราะความเก่งกาจของฉินสือโอว ยอดฝีมือในสนามเลยพากันแห่เข้ามาผสมโรงด้วย


ดังนั้นพอบัตเลอร์ลงเล่น ฉินสือโอวก็ถึงกับอดเอามือปิดหน้าไว้ไม่ได้ ถูกทารุณจนน่าเวทนาเกินไปแล้ว!


เล่นไปได้ไม่กี่ตา บัตเลอร์ก็ทิ้งเมาส์ไม่เล่นต่อแล้ว ฉินสือโอวนั่งยินดีกับความเดือดร้อนของเขาอยู่ข้างๆ เขารับคีย์บอร์ดกับเมาส์มา นักฆ่าหมายเลข 47 กลับมาอีกครั้งแล้ว!


“โอเค ถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว เพื่อน ไม่ต้องเล่นแล้ว อย่ามากระตุ้นกระเพาะน้อยๆ ของผม โอเคไหม?” บัตเลอร์พูดกับเขาด้วยความโกรธขึ้งขุ่นเคือง


ฉินสือโอวยิ้มแล้วกดออกจากเกม จากนั้นจึงถามเขาว่า “แล้วเย็นนี้พวกเรากินอะไรกัน?”


บัตเลอร์ยุ่งกับงานทั้งวัน เมื่อสักครู่อยากจะเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย แต่ดันถูกรังแกอย่างน่าเวทนา ดังนั้นพอได้ยินที่ฉินสือโอวพูด เขาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วพูดด้วยความขี้เกียจว่า “ไม่หิว ไม่กิน!”


ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “อย่าเป็นแบบนี้สิ เพื่อน ความพ่ายแพ้เล็กๆ น้อยๆ แค่นี้คุณก็รับไม่ได้แล้วเหรอ? เอาล่ะ ผมจะบอกข่าวดีให้คุณฟังหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ผลิตปลาทูน่าได้แล้ว ฟาร์มปลาของผมมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินอยู่จริงๆ เป็นยังไง ให้ส่งมาให้คุณสักหน่อยไหม?”


พอพูดถึงธุรกิจหรือพูดถึงเรื่องการหาเงิน บัตเลอร์ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เขาพลิกตัวขึ้นมานั่ง แล้วพูดอย่างสนใจใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง “ปลาทูน่าครีบน้ำเงินต้องนำเข้าสู่ตลาดอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฟาร์มปลาของนายมีปลาทูน่าครีบเหลืองหรือไม่ก็ปลาทูน่าตาโตไหม?”


มีก็มีอยู่ เพียงแต่ว่าปลาทูน่าครีบเหลืองยังเล็กเกินไป ถึงแม่ว่าจะคอยรดราดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน แต่นั่นยังต้องใช้เวลาอีกสี่ห้าปีถึงจะนำไปขายได้ เพราะว่าปลาทูน่าครีบเหลืองที่นำออกจากทะเลได้ต้องมีน้ำหนักตั้งหนึ่งร้อยกิโลกรัมโน่น


ฉินสือโอวจึงยักไหล่ด้วยความเสียดาย แล้วพูดขึ้นมาว่า “แต่ในฟาร์มปลาของฉันมีปลาโอแถบนะ ปลาโอแถบล่ะได้ไหม?”


บัตเลอร์ถูริมฝีปากล่างไปมาแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ปลาโอแถบก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ปลาสดชนิดนี้เก็บรักษายาก พวกเราทำปลาโอแถบแห้งเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมช่วยติดต่อร้านขายเครื่องจักรให้คุณ พอกลับไปคุณค่อยเริ่มทำปลาโอแถบแห้ง”


สามารถพูดได้ว่าปลาโอแถบเป็นรากฐานของอาหารญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นวัตถุดิบพื้นฐานของ ‘น้ำซุป’ สำหรับอาหารคาวทุกเมนู อย่างเช่นซุปปลา ก็ยังสามารถทานโดยไม่ต้องผ่านการปรุงอาหารได้อีกด้วย


ในอาหารญี่ปุ่น มักจะพบเห็นปลาโอแถบแห้งที่ใช้เป็นของตกแต่งอาหารญี่ปุ่นเมนูต่างๆ เช่นโอโกโนมิยากิ ต้มผักโขม เต้าหู้เย็นกับอาหารญี่ปุ่นทุกชนิด สามารถใช้มันเพื่อให้อาหารมีรสชาติที่สดอร่อยยิ่งขึ้น


ตอนนี้วิธีการกินแบบนี้เป็นที่นิยมตั้งแต่ญี่ปุ่นมาจนถึงอเมริกาเหนือแล้ว ปลาโอแถบแห้งล้วนแต่เป็นที่ต้องการของตลาดอเมริกาและแคนาดา เพราะตามแบบดั้งเดิม รสชาติต่างๆ จะมีเพียงหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ขม ห้ารสชาติเท่านั้น แต่ปลาโอแถบแห้งมีรสหวานแบบพิเศษ รสนิยมในโลกของคนผิวชาว รสชาติแบบนี้ถูกยกให้เป็นรสชาติที่หกนอกเหนือจากรสชาติทั้งห้า


ชีวิตในสังคมปัจจุบัน นับวันการใช้สารปรุงแต่งอาหารก็ยิ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวอเมริกาชอบสิ่งที่เป็นธรรมชาติแท้ๆ ปลาโอแถบแห้งกับปลาโอแถบบดหยาบ หรือก็คือน้ำซุปปลาโอแถบเป็นเครื่องปรุงรสที่มาจากธรรมชาติ จึงเริ่มได้รับความนิยมจากผู้คน


บัตเลอร์หวังว่าร้านอาหารทะเลจะสามารถคัดสิ่งเก่าๆ เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ออกมาได้เรื่อยๆ ปลาโอแถบแห้งจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่จะเปิดตัวในยุคต่อไปได้ เขาลองวางแผนดูแล้ว พอฉินสือโอวกลับไปเตรียมการ แบบนี้เมื่อถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็สามารถเปิดตัวสินค้าได้แล้ว


ท้ายที่สุดเขาคิดจินตนาการถึงเรื่องต่างๆ อยู่สักพัก เขาคาดหวังที่จะทำให้อาหารทะเลต้าฉินกลายเป็นอุตสาหกรรมอาหารของเมืองบิ๊กแอปเปิล และสามารถจัดงานแถลงข่าวได้ทุกครั้งที่เปิดตัวสินค้าชนิดใหม่


ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ค่อนข้างจะทำตามอุดมคติเกินไปหน่อย แต่เขาจะขัดบัตเลอร์ก็ไม่ได้ ชายผิวสีคนนี้ต้องการกำลังใจเป็นแรงขับเคลื่อน


ยังไม่ทันจะได้ออกไปทานมื้อค่ำ พวกพนักงานก็พากันสั่งฟาสต์ฟูดมาทานกันแล้ว ฉินสือโอวทานพิซซ่ากับแฮมเบอร์เกอร์กับพวกเขาด้วย เขาเป็นเด็กที่มาจากชนบท จึงสามารถทานได้ทั้งอาหารมื้อใหญ่และอาหารตามสะดวก ดังนั้นถ้าเป็นการทานอาหารเดลิเวอรี เขาสามารถทานได้เอร็ดอร่อยยิ่งกว่าพวกพนักงานเสียอีก


เวลาสี่ทุ่ม ร้านอาหารทะเลปิดแล้ว พนักงานแคชเชียร์ดำเนินการจัดทำสถิติ ผลประกอบการของวันนี้ เป็นมูลค่าสามล้านแปดแสนสี่หมื่นดอลลาร์สหรัฐอย่างน่าตกใจ เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ตั้งครึ่งหนึ่ง!


ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากกุ้งมังกรที่ขายออกไปแล้วกว่าห้าพันปอนด์ นี่เท่ากับเงินสองล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีปลาค็อดแบบต่างๆ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทะเลตัวแบน ปลาลิ้นหมา ปลากะพงทะเล สาหร่ายทะเลชนิดต่างๆ พวกนี้ล้วนแต่เป็นสินค้าราคาสูงทั้งสิ้น


บทที่ 880 ปลาโอแถบต้องเผายังไง

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวไม่ใช่คนขี้เหนียว สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือทุกๆ คนหาเงินได้ด้วยกัน วันต่อมาเขากลับจากนิวยอร์กแล้ว แต่ก่อนกลับ เขาได้ให้ซองแดงกับพนักงานทุกคนในร้านคนละซอง ตั้งแต่สองพันดอลลาร์ไปจนถึงห้าพันดอลลาร์แตกต่างกันไป


บัตเลอร์คิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องทำ เพราะนี่คือสิ่งที่พวกพนักงานควรจะทุ่มเททำอยู่แล้ว ปลายปีพวกเขาจะได้รับเงินปันผลกำไรส่วนหนึ่ง จึงไม่ควรให้โบนัสตอนนี้


แต่ฉินสือโอวก็ยืนยันที่จะทำ เขาคิดเอาไว้แล้วว่า ตอนนี้ที่บริษัทเขาเป็นคนจัดหาสินค้า การขายเป็นส่วนของบัตเลอร์ พนักงานก็มีบัตเลอร์เป็นคนดูแลทั้งหมด เขาต้องสร้างความประทับใจให้กับพนักงานบ้าง ให้พวกเขาได้รู้ว่าใครคือบอสใหญ่ของบริษัท


พูดง่ายๆ ก็คือ เขาให้ซองแดงกับพนักงาน เพื่อซื้อใจคนเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นถ้ามีใครสร้างความวุ่นวาย เขาก็หวังว่าจะมีคนบอกให้เขารู้


บัตเลอร์ทำงานอย่างเฉียบขาดรวดเร็ว ขาข้างหนึ่งของฉินสือโอวเพิ่งจะเหยียบเกาะแฟร์เวล พอจะเหยียบขาอีกข้างก็มีเรือส่งสินค้าลำหนึ่งขับเข้ามาส่งเครื่องทำปลาโอแถบแห้งจำนวนสองชุด


ฟาร์มปลาแห่งแรกในฝั่งตะวันตกของฟาร์มปลาต้าฉินมีโกดังร้างอยู่ ไม่รู้ว่าเจ้าของฟาร์มปลาคิดจะใช้ทำอะไร โกดังมีขนาดใหญ่ เหมือนกับสนามกีฬาในร่มหลังหนึ่ง


ครั้งที่แล้วที่จัดงานปาร์ตี้ต้อนรับโอดอม ฉินสือโอวก็เคยคิดที่จะใช้มันมาก่อน เพียงแต่ว่าโกดังถูกปล่อยร้างมานานเกินไป ยังไม่เคยถูกใช้งานเลย จึงไม่สามารถทำความสะอาดด้านในได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทำได้แค่ล้มเลิกไปอย่างนั้น


ครั้งนี้ต้องรับเครื่องจักร เลยได้ใช้งานโกดังพอดี ฉินสือโอจ้างบริษัทรับทำความสะอาดมา ใช้เวลาสองวันถึงจะจัดเรียงของด้านในได้อย่างเป็นระเบียบ


ภายในโกดังไม่มีของที่สามารถใช้งานได้ ส่วนใหญ่จะเป็นไม้กระดานกับท่อนไม้อะไรพวกนั้น อยู่ที่จีนของพวกนี้มีราคา แต่ที่แคนาดาโดยเฉพาะที่เกาะแฟร์เวลของพวกนี้ไม่มีมูลค่าอะไร


นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์การเกษตรอยู่ไม่น้อย ฉินสือโอวลองค้นๆ ดู เจ้าของฟาร์มปลาคนก่อนอาจจะอยากบุกเบิกทำฟาร์มเกษตรไว้ในฟาร์มปลา ในกลุ่มอุปกรณ์การเกษตรมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นอะไหล่สำรองของรถที่ใช้สำหรับทำการเกษตร


หลังจากไปร่วมงานแต่งงานของเยียนเฟยกับซ่งจินเหมยในเดือนตุลาคม เหมาเหว่ยหลงก็พาตั๋วตั่วกับหลิวซูเหยียนไปฮันนีมูนที่ออสเตรเลีย เพิ่งจะกลับมาเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน


ได้รับสายโทรศัพท์จากฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลงจึงรีบมาที่นี่ พอฉินสือโอวมองเห็นเขาก็ถึงกับงงค้างขึ้นมาทันที “เวร แกไปออสเตรเลียหรือไปแอฟริกา? ตอนนี้แกดำกว่าบัตเลอร์อีก ตอนกลางคืนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้า แกก็ล่องหนได้แล้ว!”


เหมาเหว่ยหลงพูดกับเขาด้วยความคับแค้นใจว่า “ช่างหัวแกเถอะ ใครจะรู้ล่ะว่าออสเตรเลียจะร้อนมากขนาดนั้น แถมรังสียูวียังแรงขนาดนั้นอีก? แต่ฉันว่านี่ก็ไม่เลวนะ แบบนี้เรียกดำเหรอ? ตาหมาไทเทเนียมอัลลอยด์ 24k ของแกมันบอดแล้ว นี่เรียกว่าผิวแทน…”


“ฉันไม่คุยเรื่องไร้สาระกับแกดีกว่า ผิวของหลานฉันคงไม่ได้กลายเป็นสีแทนเหมือนกันหรอกใช่ไหม?” ฉินสือโอวรู้สึกเป็นห่วงเด็กน่ารักๆ อย่างตั๋วตั่ว


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะแหะๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ผิวของเธอเป็นสีน้ำตาล…”


“ฟัคยู!” ฉินสือโอวรู้สึกสงสารตั๋วตั่วแล้ว


หลังจากทำความสะอาดโกดังเรียบร้อยแล้ว ยังต้องทาสีกับตกแต่งและปรับปรุงอย่างง่าย อย่างน้อยๆ ต้องซ่อมแซมรอยรั่วบนหลังคาให้ดีก่อน เรื่องนี้ปล่อยให้ซีมอนสเตอร์เป็นคนจัดการ เขาทำงานพวกนี้ได้อย่างคล่องแคล่วชำนาญ ช่วยฉินสือโอวประหยัดเงินไปได้ไม่น้อยเลย


ทำงานมาได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถึงจะเอาเครื่องทำปลาโอแถบแห้งเข้าโกดังได้


ปลาโอแถบแห้งเรียกอีกอย่างว่าปลาไม้ฟืน เนื่องจากของสิ่งนี้เหมือนกันกับไม้ฟืน ที่แห้งมาก แถมยังมีลายเส้นและมีสีเหลืองอ่อนอีกต่างหาก


โดยทั่วไปแล้ว ประโยชน์ใช้สอยของปลาโอแถบก็คือการนำมาทำปลาโอแถบแห้ง ปลาทูน่ามีโปรตีนและไขมันมากเกินไป ถึงแม้จะรู้จักความอร่อยเมื่อทานเนื้อมันแบบดิบๆ มาตั้งนานแล้ว แต่เนื้อของพวกมันจะเสียได้ง่ายมาก


ปลาโอแถบแห้งเก็บรักษาได้ดี ปลาแห้งคุณภาพดีสามารถเก็บไว้ได้ถึงห้าปีโดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยนไป คนญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้นวิธีนี้ขึ้นมา อีกทั้งของสิ่งนี้ในภาษาญี่ปุ่นยังเขียนว่าคัตสึโอะ ซึ่งหมายถึงชัยชนะจากการต่อสู้และความกล้าหาญ


เดิมทีในสมัยสงครามของญี่ปุ่น ปลาโอแถบแห้งก็เป็นหนึ่งในเสบียงทหาร หากศึกษาภาพวาดซามูไรในยุคนั้น จะเห็นได้ว่าเหล่าซามูไรมักจะห้อยโล่กำบังอันเล็กๆ ไว้ที่เอว ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือปลาโอแถบแห้งที่ถูกทำให้กลายเป็นแผ่นกลมอีกทั้งของสิ่งนั้นยังสามารถใช้เป็นโล่ป้องกันได้จริงๆ…


แน่นอนว่า คุณประโยชน์ของปลาโอแถบแห้งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการนำมาทำเป็นเสบียงเพื่อเตรียมการรบ ในตอนที่ซามูไรไม่มีอะไรให้ทานก็สามารถใช้มันเพื่อประทังชีวิตได้


วิธีบริโภคในครัวเรือนของอาหารชนิดนี้ โดยทั่วไปแล้วจะนำไปต้มให้สุกก่อนแล้วค่อยย่างให้แห้ง จนปริมาณความชื้นลดลงต่ำกว่า 10% หลังจากนั้นจะเหมือนกับเนื้อตากแห้ง อย่างแรกต้องเก็บรักษาให้มันแห้งต่อไปและต้องเก็บในที่ร่ม แล้วรอจนมันขึ้นรา


หลังจากปลาโอแถบแห้งขึ้นราก็จะสามารถทานได้แล้ว ราสีฟ้าอ่อนด้านนอกเป็นใยเชื้อราชนิดหนึ่งที่สามารถทานได้ มันเป็นสิ่งที่ติดมากับปลาแห้ง การแพร่พันธุ์ของมันสามารถยับยั้งไม่ให้มีราชนิดอื่นที่เป็นอันตรายได้


ทว่าปัจจุบันนี้เป็นยุคของเครื่องจักร ปลาโอแถบแห้งที่ทำด้วยมือจะทั้งแห้งช้า ทั้งทำให้ได้คุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอกัน ปลาโอแถบแห้งที่ไหลเวียนอยู่ในตลาด ต่างก็ผลิตด้วยเครื่องจักรทั้งสิ้น


โรงงานของเครื่องผลิตปลาโอแถบแห้งส่งช่างเทคนิคมีอายุมาหนึ่งคน บัตเลอร์มีความสามารถค่อนข้างมาก โรงงานแห่งนี้จึงไม่กล้าทำให้เขาไม่พอใจ ช่างเทคนิคจะอยู่ที่นี่จนกว่าปลาแห้งล็อตแรกออกมาจากเตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ


โดยรวมแล้วฉินสือโอวถือว่าเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว หลังจากประกอบเครื่องจักรเสร็จแล้ว เขาก็เข้าไปศึกษาวิธีใช้จากนายช่าง


เครื่องจักรชุดนี้มีความซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยส่วนใหญ่ๆ สี่ส่วน ส่วนแรกคือเตาต้มกลั่น เลาะก้างปลาโอแถบ เอาเครื่องในออกแล้วใส่ลงไป จากนั้นก็นึ่งจนสุก แบบนี้โปรตีนจะแข็งตัว ทำให้เริ่มเน่าเปื่อยได้ยาก


ต่อจากนั้นก็วางปลาที่นึ่งสุกไว้ในเครื่องหมุนเหวี่ยงที่ดูคล้ายกันกับถังปั่นของเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ นี่เป็นการกำจัดน้ำขั้นตอนแรก หลังจากสะบัดน้ำกับน้ำจากเนื้อสัตว์แล้ว ขนาดตัวของปลาโอแถบจะหดลงมายี่สิบเปอร์เซ็นต์


หลังจากนั้น ยังต้องนำเข้าไปอบในเตาอบให้แห้ง ขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานที่สุด ต้องใช้เวลาถึงสิบกว่าวัน  สภาพแวดล้อมในเตาอบมีอุณหภูมิสูงและแห้ง ทึบแสงและมีลมพัดเร็ว ทำให้ปลาโอแถบเป็นปลาแห้งที่เหมือนกับฟืน


ขั้นตอนสุดท้าย คือการแปรสภาพ ปลาโอแถบแห้งไม่สามารถนำเข้าสู่ตลาดโดยที่มีสภาพเหมือนฟืนที่เป็นแท่งๆ ได้ แบบนั้นจะทำให้คนทานได้ยังไง?  ดังนั้นเครื่องมือที่ใช้ในขั้นตอนนี้ จึงเป็นเครื่องมือทำนองเดียวกันกับเครื่องมิลลิ่ง คล้ายกันกับมีดเหมือนกันกับมีดเหลาดินสอที่เหลาปลาโอแถบแห้งให้มีลักษณะเหมือนกับขี้เลื่อย


ปลาโอแถบแห้งที่ทำให้เป็นแบบนี้มีชื่อเรียกอยู่หนึ่งชื่อ เรียกว่า ‘ฮอนคาเระบูชิ’ เรียกตามกรรมวิธีแปรรูปที่แตกต่างกัน และจะมีอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘อาระบุชิ’


อาระบุชิมีวิธีทำที่ง่ายกว่าฮอนคาเระบูชิ หลังจากนึ่งสุกแล้วก็นำไปรมควัน จนมีลักษณะเหมือนปลาแห้งรมควัน เช่นนี้ในเนื้อปลาจะยังมีส่วนผสมของน้ำอยู่เล็กน้อย ทานเข้าไปแล้วรสสัมผัสของเนื้อจะค่อนข้างอ่อนนุ่ม สามารถกินเป็นกับแกล้มเหล้าได้


ฮอนคาเระบูชิจะค่อนข้างแห้ง นำไปทำได้แค่ซุปหรือไม่ก็ทำเป็นอาหารจำพวกข้าวคลุกเพื่อรับประทาน แน่นอนว่า ฮอนคาเระบูชิมีราคาที่สูงยิ่งกว่า เนื่องจากของสิ่งนี้มีความพิถีพิถันมากกว่า ครึ่งกิโลกรัมสามารถทานได้ถึงหนึ่งเดือน


ทดลองใช้เครื่องจักรอยู่สักพักก็เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร พอฉินสือโอวโบกมือ ชาร์คก็จะพาคนขับเรือฮาวิซทออกทะเลทันที ทำสัญลักษณ์ระบุตำแหน่งของฝูงปลาโอแถบก่อน หลังจากนั้นจึงจับขึ้นมาทำเป็นเนื้อปลาโอแถบแห้ง


ชาร์คแนะนำกับฉินสือโอวว่า “บอส ถ้าต้องการจับปลาโอแถบ พวกเราต้องไปที่มหาสมุทรแปซิฟิกถึงจะดีที่สุด ฟาร์มปลาของพวกเราจะมีปลาโอแถบอยู่เท่าไรกัน? โดยเฉพาะในปัจจุบันที่อุณหภูมิน้ำต่ำขนาดนี้ ถึงจะมีปลาโอแถบ แต่ก็คงหนีไปฟลอริดาแล้วหรือเปล่าครับ?”


ปลาโอแถบเป็นปลาที่ว่ายน้ำไปเรื่อยๆ ปลาทูน่าทั้งหมดต่างก็เป็นปลาที่ว่ายน้ำไปทั่วทุกที่เช่นกัน พวกมันว่ายน้ำตามอาหารแล้วระดับอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง


แต่ฉินสือโอวรู้ว่า การปรับเปลี่ยนจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้ฝูงปลาโอแถบในฟาร์มปลาได้รับความทนทานต่ออุณหภูมิได้แข็งแกร่งยิ่งกว่า ตอนนี้ที่ฟาร์มปลายังมีปลาโอแถบฝูงใหญ่อยู่จริงๆ


แต่แน่นอนว่า ปลาฝูงนี้ยังไม่เพียงพอกับอุปทานตลาดอเมริกาเหนือ ฉินสือโอวจะไปน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีปลาโอแถบ เพียงแต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้


บทที่ 881 รมควันปลาได้

Ink Stone_Fantasy

ประกอบเครื่องจักรขึ้นมาแล้ว ยังมีร้านที่เป็นช่องทางจำหน่ายในไมอามีและนิวยอร์ก ฉินสือโอวจะผลิตปลาโอแถบแห้งแค่เล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ ต้องรู้ว่าสายการผลิตทั้งสองสายนี้ ในหนึ่งวันสามารถจัดการปลาโอแถบได้ถึงหนึ่งตัน!


ความเก่งกาจของการผลิตสินค้าสมัยใหม่ขึ้นอยู่กับกระบวนการใช้เครื่องจักรกลอย่างเต็มรูปแบบ อุปกรณ์ชุดนี้มีมูลค่าแปดแสนดอลลาร์ ใช้แค่แรงงานมือในการนำปลาโอแถบมาวางไว้บนสายพาน งานส่วนที่เหลือเครื่องจักรจะรับหน้าที่ทำงานเอง


นายช่างบอกกับฉินสือโอวว่า “คุณครับ เครื่องอบแห้งของเราเป็นเครื่องจักรระดับสูงที่สุด ไม่เพียงแต่สามารถทำปลาโอแถบแห้งได้อย่างเดียว แต่ยังสามารถทำปลาแห้งชนิดอื่นได้อีกด้วย คุณควบคุมระดับความแรงของลมกับระดับกำลังการอบได้เอง ไม่ว่าปลาแห้งชนิดไหนก็ทำได้ทั้งนั้น”


ยังไม่ได้ออกทะเลไปจับปลาโอแถบ ฉินสือโอวผิวปากเรียกชาร์คแล้วพูดกับเขาว่า “นายไปที่ห้องแช่เย็นหน่อย ฉันจำได้ว่ามีปลาแมคเคอเรลอยู่บางส่วนใช่ไหม? ลองชิมรสชาติของปลาแมคเคอเรลแห้งหน่อยแล้วกัน”


ชาร์คขับฟอร์ดเอฟ 650 ที่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจออกไปข้างนอกรอบหนึ่ง แล้วกลับมาที่นี่ ในกระบะรถมีปลาแมคเคอเรลที่กลายเป็นน้ำแข็งอยู่หลายกล่อง


นายช่างมองดูรถกระบะซูเปอร์ทรัคที่ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นราวกับไดโนเสาร์แรปเตอร์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ให้ตายเถอะพวกคนรวย รถคันนี้มันสุดยอดจริงๆ แต่พวกคุณกลับเอามันมาใช้ทำงานเนี่ยนะ? มันควรจะได้ไปวิ่งโชว์อยู่บนถนนต่างหาก”


ฉินสือโอวเดินๆ ไปพร้อมกับหันหน้ามาพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่หรอก นี่ก็แค่กระบะคันหนึ่ง ต้องใช้มันทำงานสิ”


ปลาแมคเคอเรลในกล่องถูกสับหัวกับหางออก หลังจากนั้นจึงนำไปแช่แข็งได้สักช่วงหนึ่งแล้ว จับขึ้นมาเมื่อเดือนกรกฎาคม แล้วจึงเก็บสต๊อกไว้ในห้องแช่เย็นมาโดยตลอด


ฤดูกาลตกปลาชนิดนี้อยู่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน พวกมันไล่จับสัตว์จำพวกหมึกกับปลาและกุ้งตัวเล็กๆ เพื่อเป็นอาหาร ปลาแมคเคอเรลที่จับขึ้นมาในเดือนกรกฎาคมล้วนแต่เป็นสินค้าคุณภาพดี เนื้อของพวกมันจะมีความอร่อยนิ่มนวลที่สุด


ตอนที่จับขึ้นมาได้ฉินสือโอวก็เคยคิดที่จะนำออกไปจำหน่ายเช่นกัน แต่ดันนึกเรื่องอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินขึ้นมาได้ก่อน จึงได้แต่เก็บมันเอาไว้ในห้องแช่เย็น แล้ววางแผนไว้ว่าจะนำมาขายในช่วงฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิ


ปลาแมคเคอเรลเป็นปลาอพยพในทะเลน้ำอุ่นใกล้ชายฝั่ง ฤดูหนาวอากาศหนาวเกินไป พวกมันจะออกจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแล้วไปที่น่านน้ำบริเวณเส้นศูนย์สูตร ช่วงเวลานี้จะได้ราคาดีที่สุด ปลาแมคเคอเรลคุณภาพดีหนึ่งตัว สามารถขายได้หลายพันดอลลาร์


ในมหาสมุทรมีสิ่งของล้ำค่าอยู่นับไม่นับถ้วน ไม่ใช่แค่ปลาทูน่าเท่านั้นที่มีมูลค่า


แน่นอนว่า ปลาแมคเคอเรลที่ขายได้หลายพันดอลลาร์ ไม่ใช่ปลาที่มีขนาดไม่ถึงครึ่งเมตรพวกนั้น แต่เป็นปลาใหญ่ที่มีความยาวถึงหนึ่งเมตรครึ่งและมีน้ำหนักถึงห้าสิบกิโล


ปลาที่ชาร์คเอาออกมาจากห้องแช่เย็น มีขนาดราวๆ ครึ่งเมตร น้ำหนักประมาณสองกิโลครึ่งถึงสามกิโล นี่เป็นปลาแมคเคอเรลขนาดเล็ก


ผลการเก็บเกี่ยวปลาแมคเคอเรลเมื่อก่อน จะถูกแบ่งตามขนาดตัว ใช้กล่องเล็กใหญ่ที่มีขนาดแตกต่างกันในการบรรจุหีบห่อ ปลาชนิดนี้ไม่เหมือนกับปลาทั่วๆ ไป ยิ่งตัวโตมันก็จะยิ่งอร่อย ส่วนเนื้อปลาตัวเล็กกลับไม่นุ่มละเอียดและมันอร่อยพอด้วยซ้ำ


มองดูปลาตัวอ้วนที่ถูกสับหัวกับหางทิ้ง ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ เพื่อน ทำไมคนแคนาดาถึงไม่ชอบกินหางปลากันล่ะ?”


ไม่ใช่แค่ปลาแมคเคอเรล แต่ยังมีปลาทูน่าด้วย เวลาที่ชาวแคนาดาขายปลาพวกนี้ก็จะหั่นหางทิ้งทั้งหมด ถึงจะไม่เอาเครื่องในออก แต่หางต้องตัดทิ้งไปให้หมด


เบิร์ดยักไหล่น้อยๆ แล้วถามเขาว่า “หางปลามีอะไรอร่อยกันล่ะครับ? เนื้อก็เยอะไม่พอ”


ฉินสือโอวใช้ภาษาจีนพูดขึ้นมาว่า “ที่บ้านเก่าของพวกเรามีคำพูดประโยคหนึ่ง ที่ว่าบนเขามีกวางกับนกกระทา มหาสมุทรมีปลาแมคเคอเรลหอมล้ำ อีกทั้งส่วนที่หอมที่สุดของปลาแมคเคอเรลก็คือหางของมัน”


ชาร์คพูดไปพร้อมกับขนกล่องลงมา  “ไม่นะ บอส ในหางปลามักจะมีปริมาณโลหะหนักเกินมาตรฐานที่กำหนด แต่ปลาที่พวกเราขายเป็นปลาที่เหมาะกับเด็กแล้วก็ผู้หญิง”


ฉินสือโอวกำลังจะนำปลาวางลงไปบนสายพาน นายช่างก็แนะนำเขาว่า “ไม่ๆ เถ้าแก่ รอก่อนครับ ต้องรอจนน้ำแข็งละลายก่อน คุณอยากจะทำปลาแห้งหรือปลารมควันครับ? ถ้าทำปลาแมคเคอเรลรมควัน แบบนั้นจะทำให้รสชาติอร่อยจนพระเจ้าน้ำลายไหลเลยล่ะ”


เครื่องจักรถูกออกแบบมาเพื่อทำปลาโอแถบแห้ง สามารถผลิตปลาแห้งได้สองรสชาติคืออาระบุชิและฮอนคาเระบูชิ อาระบุชิคือปลารมควัน และปลาแมคเคอเรลก็เหมาะกับการทำปลารมควันจริงๆ


วางปลาแช่แข็งแต่ละกล่องไว้ด้านนอกโกดัง ฉินสือโอวให้ชาร์คจัดคนให้ รอจนน้ำแข็งละลายจากนั้นต้องรีบลงมือทำปลารมควัน เขากลัวว่าอุณหภูมิเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนอย่างกะทันหัน จะทำให้คุณภาพของเนื้อปลาเสื่อมคุณภาพ


กำลังเตรียมตัวออกทะเลไปจับปลาโอแถบ บิลลี่ก็เข้ามาหาแล้วถามว่า “เครื่องประดับของนายทำเสร็จแล้ว แล้วเอากลับมาจากนิวยอร์กหรือยัง?”


ฉินสือโอวนึกว่าเขาเป็นห่วงเรื่องการประมูล จึงพยักหน้าแล้วเอารูปที่เก็บไว้ในโทรศัพท์ให้เขาดู บิลลี่สังเกตดูอย่างละเอียด พอดูเสร็จแล้วก็พูดกับเขาว่า “ขายให้ฉันสักชุดสิ?”


“นายจะซื้อเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างงงงัน “มันจำเป็นด้วยเหรอ?”


คนอย่างเขาค่อนข้างทึ่ม และค่อนข้างให้ความสำคัญกับจังหวะและคุณภาพชีวิต แต่จะสวมจะใส่อะไรเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มอบเครื่องประดับให้วินนี่ช้าจนป่านนี้หรอก


บิลลี่พูดว่า “ต้องจำเป็นอยู่แล้ว เพื่อน นี่คือเครื่องประดับจากไข่มุกสีดำนะ ไข่มุกสีดำแท้ๆ ฉันยังไม่เคยเห็นไข่มุกที่มีคุณภาพดีขนาดนี้มาก่อนเลย คืนนั้นที่พวกเราดื่มเหล้าอยู่กับเบลคแล้วก็แบรนดอน พวกฉันสามคนก็เคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะซื้อคนละชิ้น?”


ฉินสือโอวจำได้ คืนที่ดื่มเหล้าคืนนั้น บิลลี่และคนอื่นๆ พูดอย่างนี้จริงๆ ทว่าเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะว่าในตอนนั้นทุกๆ คนพากันดื่มเหล้าแล้ว บนโต๊ะเหล้ามักจะเป็นเรื่องล้อเล่นกับคำพูดเพื่อเข้าสังคมซะส่วนใหญ่ เขาจึงนึกว่าพูดกันเล่นๆ


บิลลี่อธิบายว่า “ไม่ได้มีแค่ฉันที่จะซื้อ เบลคกับแบรนดอนก็จะซื้อเหมือนกัน นี่เป็นไข่มุกสีดำของแท้ มีประกายของไข่มุกจากธรรมชาติ เหมาะกับการนำมามอบเป็นของหมั้นให้กับว่าที่ภรรยาในอนาคตที่สุด”


ก่อนหน้านี้ที่คุยกันกับวินเซนต์ ลีฟและคนอื่นๆ พวกเขาคุยกันเรื่องสินค้าลักซ์ชัวรี ทว่าพูดถึงเรื่องสินค้าทำสำเร็จเลย ไม่ได้คุยกันเกี่ยวกับตัวไข่มุกสีดำเท่าไรนัก


อีกทั้ง ตามที่ฉินสือโอวรู้มา ทุกๆ ปีทั่วโลกสามารถผลิตไข่มุกสีดำได้ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นเม็ดกว่าๆ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าของสิ่งนี้นอกจากจะนำมาทำเป็นสินค้าหรูหรา นอกเหนือจากนั้นก็จะมีมูลค่าไม่มากแล้ว


เห็นได้ชัดว่า ความเข้าใจของเขามันผิด


บิลลี่ไม่ได้ไปดูเครื่องประดับไข่มุกสีดำเลยทันที หลังจากที่เขาเห็นรูปภาพแล้ว เขาก็โทรศัพท์หาเบลคกับแบรนดอน นัดพวกเขาให้เข้ามาคุยกัน ทั้งสองคนบอกว่าจะมาถึงวันนี้เลย บิลลี่เลยรอทั้งสองคนก่อน


ฉินสือโอวเก็บเครื่องปรุงเพื่อเตรียมตัวทำปลารมควัน ปลารมควันที่ตลาดอเมริกาเหนือรู้จัก ไม่เหมือนกันกับปลารมควันที่เขารู้จัก


ปลารมควันของแคนาดาคล้ายกันกับเนื้อตากแห้ง แค่อย่างรมควันง่ายๆ ก็ใช้ได้แล้ว และก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรสชาติอีกด้วย เนื่องจากปลารมควันพวกนี้ไม่ใช่สำหรับทานเลยทันที แต่เป็นวัตถุดิบเหมือนกันกับอาหารทะเล ต้องนำไปทำอาหารเพื่อแปรรูปอีกที


ฉินสือโอวคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เขาใช้ประโยชน์จากช่องว่างของเนื้อปลาแมคเคอเรลที่ละลายน้ำแข็งแล้ว หากะละมังพลาสติกใบใหญ่มาหลายๆ ใบ แล้วเทซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชูกับน้ำแล้วก็เหล้าทำอาหารลงไป จากนั้นจึงเพิ่มน้ำเชื่อมเมเปิลกับต้นหอมกระเทียมขิงสับ


รอจนน้ำแข็งในเนื้อปลาละลายแล้ว เขาก็ให้พวกชาวประมงนำปลาที่หั่นเป็นท่อนๆ มาหมักไว้ในกะละมัง หลังจากนั้นเขาก็ลองคิดๆ ดูแล้วถามว่า “ปาร์ตี้ครั้งที่แล้ว ยังมีเนื้อกวางกับเนื้อหมูอยู่ใช่ไหม? โอเค เอามาหมักด้วยกันเถอะ”


สีหน้าของนายช่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง “เพื่อน เดี๋ยวอีกหน่อยปลาพวกนี้จะขึ้นไปอยู่บนสายพานนะ!”


ฉินสือโอวโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับพูดว่า “ใช้เสร็จแล้วเดี๋ยวค่อยล้างก็ได้ไม่ใช่เหรอ เรื่องง่ายๆ!”


ลองคิดๆ ดูแล้ว เขาก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “หม้อนึ่งชั้นแรกของเครื่องจักรเป็นแบบปิดใช่ไหม? ดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเรายังต้องหมักอยู่อีกล่ะ? เทเครื่องปรุงลงไปนึ่งข้างในก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”


นายช่างมีเหงื่อเย็นๆ อยู่เต็มหน้า เขาพูดพึมๆ พำๆ ว่า “เพื่อที่จะกินปลารมควัน พวกคุณถึงกับทุ่มเทขนาดนี้เลยเหรอ?”


เขามีลางสังหรณ์ว่า ในเงื้อมมือของฉินสือโอว อายุการใช้งานของเครื่องจักรอาจจะไม่ถึงช่วงเวลาตามประกาศที่พวกเขาได้คาดการณ์ไว้ ต่อให้เป็นรถหุ้มเกาะที่ถูกเอามาทำแบบนี้ ก็คงจะทนรับไม่ไหวเช่นกัน


บทที่ 882 คิดดีคือพระเจ้า

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวบอกให้บิลลี่อยู่ทานปลารมควันด้วยกันตอนเย็น บิลลี่ตบท้องเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันต้องอยู่ต่อแล้วล่ะ สำหรับฟาร์มปลาของนาย ความทรงจำที่ฝังลึกที่สุดสำหรับฉันก็คือเรื่องอาหาร อาหารอร่อยๆ”


ครึ่งปีหลังของปีนี้ พอไม่มีอะไรทำบิลลี่ก็จะมาทานข้าวฟรีที่ฟาร์มปลา เขาคอยชี้แนะคนของกรมทรัพยากรธรณีแห่งชาติที่กำลังบุกเบิกฟอสซิลในทะเลสาบเฉินเป่าอยู่โดยตลอด แต่เขาไม่ได้กลับไปไมอามีมากนัก


ช่วงบ่าย ฉินสือโอวยกเก้าอี้ผ้าใบมาวางไว้ที่หน้าทางเข้าประตูเพื่อที่จะคุยกับบิลลี่ แต่ปรากฏว่าพอลากเก้าอี้ออก ลูกแมวป่าก็ ‘ฟึบ’ วิ่งเพ่นพ่านออกมาทันที กระดิกขนหูน้อยๆ พวกนั้นที่อยู่บนหู มันนอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ ทุกสัดส่วนบนใบหน้ากลมเล็กดูมีความสุข


ฉินสือโอวกลอกตาใส่ เขาจับหนังบริเวณหลังคอของมันแล้วยกขึ้นมา จากนั้นพอผิวปากออกไป หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเข้ามาอย่างมีความสุขทันที พวกมันมองดูลูกแมวป่าแล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปาก


ลูกแมวป่าตกใจจนตัวโยน มันพลิกตัวอย่างปราดเปรียว ขนนุ่มลื่นเป็นประกายทั่วทั้งตัว พร้อมกับที่ฉินสือโอวไม่ได้จับมันไว้แน่นๆ ดังนั้นมันจึงดิ้นหนีไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ปีนตามแขนของฉินสือโอวไปอยู่บนไหล่ของเขา


หู่จือกับเป้าจือเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของฉินสือโอว เมื่อเห็นว่าลูกแมวป่ากล้าที่จะขึ้นไปนั่งอยู่บนไหล่ของพ่อ พวกมันก็ร้องคำรามด้วยความไม่พอใจทันที


วินนี่เดินออกมาแล้ว ในมือของเธอถือโทรศัพท์เอาไว้พร้อมกับพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ไม่ต้องเห่าแล้ว พวกแกสองตัวมานี่สิ มาดูสิว่านี่คือใคร?”


เมื่อสักครู่เธอกำลังจะชำระสะสางรูปภาพในมือถือ เลยพบรูปภาพที่น่าสนใจอยู่หลายรูป ในนั้นมีหนึ่งใบ ที่เป็นรูปลูกสุนัขตัวผอมร่างกายอ่อนแอสองตัวที่กำลังจ้องบิสกิตหนึ่งชิ้นที่อยู่ในพื้นโคลนจนน้ำลายไหล


ฉินสือโอวเข้ามาลองดูใกล้ๆ วินนี่มือไวจริงๆ เขาจำไม่ได้ว่าครั้งแรกที่ได้เจอหู่จือกับเป้าจือ วินนี่ถ่ายรูปนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไร


ใช่แล้ว รูปภาพใบนี้บันทึกภาพเหตุการณ์ตอนที่เขาได้เจอกับพวกสุนัขแลบราดอร์เป็นครั้งแรกเอาไว้ ในตอนนั้นลูกสุนัขแลบราดอร์ไม่ได้ดูน่ารัก พวกมันทั้งผอมทั้งอ่อนแอแถมร่างกายยังเจ็บป่วยอีกต่างหาก


หู่จือกับเป้าจือเข้ามาดูใกล้ๆ หน้าจอโทรศัพท์ หลังจากนั้นก็เอียงหัวใส่กันเพราะความงงงวย ต่อจากนั้นพอจำได้แล้วพวกมันก็พากันดันหัวเข้าไปในอ้อมกอดของวินนี่


วินนี่มีใบหน้าที่อบอุ่นอ่อนโยน เธอกอดสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเอาไว้พร้อมกับจัดแต่งขนให้กับพวกมัน


บิลลี่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวจึงเล่าเรื่องเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ก่อนที่เขาจะรับสุนัขมาเลี้ยงให้เขาฟัง


วินนี่ส่งรูปให้บิลลี่ดู หลังจากบิลลี่ได้เห็นแล้วเขาก็อุทานด้วยความตื่นตะลึงว่า “พระเจ้า ใครจะคิด ว่าลูกหมาตัวผอมร่างกายอ่อนแอ ตัวสกปรกมอมแมมแบบเจ้าสองตัวนั้น จะโตมาเป็นสุนัขพันธุ์ดีแบบนี้?”


ฉินสือโอวดึงเก้าอี้ผ้าใบออก หู่จือกับเป้าจือก็กระโดดขึ้นมาด้านบน คนหนึ่งคนกับสุนัขสองตัวนั่งอิงแอบอยู่ด้วยกัน วินนี่ถ่ายรูปไว้อีกครั้ง เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พูดว่า “ในอนาคต พวกเราค่อยมาดูรูปนี้อีกที แบบนั้นต้องรู้สึกวิเศษมากแน่ๆ เลยค่ะ”


บิลลี่กำลังมองดูครอบครัวที่แสดงความรักกันต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วยความอิจฉา สุดท้ายเขาก็บ่นพึมพำออกมาว่า “โธ่ ฉันอยากหาเมีย ฉันอยากแต่งงาน! ฉันก็อยากเป็นพ่อคนเหมือนกัน!”


ฉินสือโอวพูดหยอกเขาว่า “ใครเคยบอกฉันกันนะ ว่าในเวลาที่เหมาะสม พระเจ้าจะส่งคนที่ใช่มาให้น่ะ?”


บิลลี่บอกกับเขาว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าจะส่งผู้หญิงที่ใช่มาให้ฉัน ฉันเชื่อว่าท่านแค่กำลังยุ่งเกินไปเท่านั้น ถ้ามีเวลาว่าง ท่านจะต้องส่งผู้หญิงน่ารักๆ มาให้ฉันแน่ๆ และฉันก็จะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น”


ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ เรือสปีดโบ๊ทลำเล็กหนึ่งลำก็ฝ่าลมโต้คลื่นเข้ามาใกล้กับฟาร์มปลา แล้วจอดเทียบอยู่บนท่าเรืออย่างช้าๆ


ฉินสือโอวชี้เรือสปีดโบ๊ทแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ดูสิ เพื่อน นั่นพระเจ้าส่งผู้หญิงมาให้นายแล้วหรือเปล่า?”


ในความเป็นจริงย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว นี่คือเรือสปีดโบ๊ทของแบรนดอน บางครั้งเขากับเบลคจะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่ฟาร์มปลา แต่บางครั้งก็จะนั่งเรือสปีดโบ๊ทมา


เป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อจากนั้นคนที่กระโดดจากเรือสปีดโบ๊ทขึ้นมาบนท่าเรือก็คือเบลค ส่วนแบรนดอนก็สวมแว่นตากันแดดอันใหญ่เดินตามมาอยู่ด้านหลัง


ฉินสือโอวชนหมัดกับทั้งสองคน เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายมาได้จังหวะพอดีเลย เพื่อน ฉันทำปลารมควันไว้ ปลาแมคเคอเรลชั้นหนึ่ง คืนนี้ต้องกินให้อร่อยเลยนะ”


ปลารมควันทำได้ไวกว่าปลาโอแถบอบแห้ง นึ่งจนสุก สะบัดน้ำออก ต่อจากนั้นก็นำไปอบอย่างง่ายๆ หลังจากนั้นก็เอาออกจากเตาได้แล้ว


นีลเซ็นใช้ตะขออันเล็กแขวนปลารมควันเอาไว้ เนื้อปลาสีขาวเหมือนหิมะถูกรมควันจนกลายเป็นเหลืองทอง ฉีกเนื้อปลาออก เนื้อปลาด้านในเป็นสีเหลืองอ่อน มีสีน้ำตาลเข้มที่อยู่ติดๆ กัน นี่คือสีของซอสถั่วเหลืองและเครื่องปรุงรสต่างๆ


ฉินสือโอวยกปลารมควันขึ้นมาหนึ่งชิ้น เนื้อปลาละเอียดเกลี้ยงเกลาอีกทั้งยังนุ่มนวล ฉีกเนื้อปลาเป็นแผ่นๆ แล้วใส่เข้าไปในปาก รสชาติหอมอร่อย!


ถ้าเทียบกันแล้ว เนื้อกวางกับเนื้อหมูป่ารมควันจะแห้งกว่ากันมาก เพราะขาดไขมัน ของพวกนี้เหมาะสำหรับทำปิ้งย่าง ไม่เหมาะกับการอบ


ปลารมควันที่ออกมามีน้ำหนักหนึ่งร้อยถึงสองร้อยกิโลกรัม ฉินสือโอวทานไม่หมดอยู่แล้ว เขาจึงนำบางส่วนไปวางไว้บนรถ เอาเข้าไปส่งให้โอดอม ครอบครัวฮิวจ์ แล้วก็ยังมีคุณลุงฮิคสันกับคนอื่นๆ


โอดอมกำลังตรวจร่างกายให้บาทหลวงกริมม์อยู่พอดี เขาพยักหน้าให้ฉินสือโอวแล้วบอกให้เขารอก่อนสักครู่ หลังจากช่วยบาทหลวงชราสวมเสื้อเรียบร้อยแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีอะไรครับ พระเจ้าคุ้มครองคุณพ่ออยู่ แค่กระแสลมหนาวมาเร็วเกินไปหน่อย หลอดลมของคุณพ่อเลยรับไม่ไหวเท่าไร ผมจะจัดเตรียมยาให้คุณพ่อสองกล่อง กินเข้าไปก่อนนอน หนึ่งสัปดาห์ก็กลับมาสบายดีเหมือนเดิมแล้วครับ”


บาทหลวงชราลุกยืนแล้วทำเครื่องหมายกางเขนอยู่ที่หน้าอกด้วยความศรัทธา หลังจากนั้นก็หยิบจี้ไม้กางเขนขึ้นมาจูบแล้วพูดว่า “ขอบคุณพระเจ้า!”


ฉินสือโอวพูดกับเขาเล่นๆ ว่า “ไม่ใช่ครับ คุณพ่อ คุณพ่อต้องขอบคุณคุณหมอโอดอมครับ”


บาทหลวงชรามองหน้าเขาอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับพูดว่า “แน่นอน พ่อต้องขอบคุณคุณหมอ แล้วก็ต้องขอบคุณลูกด้วย ฉิน ลูกๆ เป็นคนที่ดีมาก แต่ในบทสรุปสุดท้าย พ่อต้องขอบคุณพระเจ้า เพราะท่านบันดาลให้ลูกกับคุณหมอโอดอมมาที่เมืองนี้”


ฉินสือโอวลองคิดๆ ดู เขารู้สึกว่าหลักเหตุผลของบาทหลวงชราก็ถูกต้องอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับบิลลี่ที่คิดว่าจะรอพบกับผู้หญิงที่ใช่ ถึงยังอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่ความคิดที่ถูกต้อง


เขาลองเล่าความคิดของบิลลี่ให้บาทหลวงชราฟัง บาทหลวงชราก็บอกกับเขาว่า “วันพรุ่งนี้พ่อจะลองไปคุยกับเด็กคนนั้น พระเจ้าคือพ่อผู้มีเมตตา แต่ท่านไม่ใช่แม่นม ท่านช่วยเหลือแต่คนที่พึ่งพาตัวเองได้เท่านั้น!”


ฉินสือโอวมอบปลารมควันให้บาทหลวงไปหนึ่งชุดแล้วเช่นกัน บาทหลวงชราหัวเราะเหอๆ พูดว่า “เป็นปลาที่ไม่เลวเลย ขอบใจนะ ฉิน ลูกเป็นคนดี ขอให้พระเจ้าคุ้มครองลูกตลอดไป”


ฉินสือโอวจึงล้อเล่นเล็กๆ น้อยๆ ว่า “นี่เป็นของที่พระเจ้าสั่งให้ผมมอบให้คุณพ่อครับ”


บาทหลวงชรายักไหล่แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าสั่งให้ลูกมอบมันให้กับพ่อจริงๆ ฉิน พ่อรู้ว่าลูกไม่ใช่ชาวคริสต์ พ่อไม่ใช่พวกคลั่งศาสนา แต่พ่อหวังว่าลูกจะเข้าใจ ฉิน ความเชื่อของพวกเราไม่เคยเกิดความขัดแย้งมาก่อน”


เมื่อพูดจบ บาทหลวงชราก็นำมือไปวางไว้บนหน้าผากของฉินสือโอว แล้วพูดกับเขาว่า “ลูกของพ่อ ลูกเชื่อเรื่องการคิดดีไหม? ลูกเชื่อไหมว่า การทำดีจะได้รับผลตอบแทนที่ดี?”


ฉินสือโอวกล่าวว่า “ใช่ครับ ผมเชื่อว่าคนดีจะยิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข”


เขาคิดแบบนี้จริงๆ การทำสิ่งต่างๆ กับการเป็นคนที่มีจิตใจรู้บาปบุญคุณโทษ จะทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น


บาทหลวงชราแย้มรอยยิ้มอย่างมีเมตตา “ที่จริงแล้ว พระเจ้าก็คือความคิดดีในจิตใจของเรานั่นเอง ลูกของพ่อ หากมีจิตที่คิดดี ลูกกับพ่อต่างก็มีพระเจ้าอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น”


ฉินสือโอวพยักหน้าเพื่อบ่งบอกว่าว่าเขาได้รับการสั่งสอนแล้ว บาทหลวงชราจึงตบไหล่ของเขาด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นก็ถือปลารมควันเดินจากไปอย่างมีความสุข


หลังจากคุยกันกับโอดอมไปแล้วหลายประโยค ฉินสือโอวก็ขับรถไปที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน เขาเตรียมปลารมควันมาให้ชายชราเยอะที่สุด น่าจะประมาณยี่สิบกว่ากิโลได้


เขาคิดว่าตาเฒ่าจะต้องดีใจมากแน่ๆ แต่ปรากฏว่าหลังจากเข้าไปข้างในแล้ว เขาก็พบว่าสีหน้าของตาเฒ่านั้นเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม


บทที่ 883 เหมาะกับการหมักไวน์มากๆ

Ink Stone_Fantasy

ด้วยมูลเหตุจากพายุหิมะ เส้นทางการท่องเที่ยวเมืองแฟร์เวลจึงหดตัวลง ในฤดูหนาวจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนักท่องเที่ยวบางส่วนที่มาจากทางใต้ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับอากาศหนาวเย็นของแคนาดา


ด้วยเหตุนี้ ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันในตอนนี้จึงมีคนอยู่ไม่มากนัก มีแค่นักท่องเที่ยวจำนวนบางตาที่กำลังคุยกันเสียงเบา


ฉินสือโอวนึกว่าตาเฒ่ารู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องการค้า เขาจึงพร้อมแย้มรอยยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณลุงครับ คุณน่าจะพอใจแล้วไม่ใช่เหรอ? ปีนี้ได้ผลกำไรมาเต็มๆ น่าจะไม่เลวเลยไม่ใช่เหรอครับ?”


คุณลุงฮิคสันพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “แน่นอน ค้าขายได้ไม่เลวเลยจริงๆ นายพูดถึงเรื่องนี้ทำไม? จะยืมเงินเหรอ?”


พูดจบ ตาเฒ่าก็ยิ้มออกมา ชัดเจนว่าเขากำลังหยอกฉินสือโอวเล่น


ฉินสือโอวกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงได้ดูกลัดกลุ้มขนาดนี้ล่ะครับ? ทำใจให้สบายหน่อยครับ ออกไปข้างนอกไปลองดูเกาะสีขาวสวยๆ ที่เต็มไปด้วยหิมะ เป็นทิวทัศน์ที่ทำให้คนรู้สึกประทับใจได้มากจริงๆ!”


ตาเฒ่ากลอกตาบนแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม นายเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันไม่ได้กลุ้มใจเรื่องธุรกิจ แต่ฉันกลุ้มใจเพราะไวน์ของฉันต่างหาก! นายก็รู้นี่ ไอซ์ไวน์ของฉันเป็นของที่ดีที่สุดในเมืองนี้มาโดยตลอด หลายๆ คนก็ชอบไวน์ของฉัน แต่ให้ตายเถอะ ปีหน้าฉันอาจจะจัดหาไอซ์ไวน์ให้ทุกๆ คนไม่ได้แล้ว”


“ทำไมล่ะครับ?” ฉินสือโอวถาม เขาเข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ


คุณลุงฮิคสันฟุบลงไปตรงหน้าโต๊ะแคชเชียร์แล้วพูดด้วยความกลัดกลุ้มว่า “ปีนี้กระแสลมหนาวกับหิมะมาเร็วเกินไป ให้ตายเถอะ องุ่นยังไม่ทันจะสุกเต็มที่ ก็ถูกแช่แข็งแล้ว คงเอาไปหมักเป็นไวน์ไม่ได้”


ไม่ได้มีแต่ทางด้านคุณลุงฮิคสันที่พบกับสถานการณ์อย่างนี้ สภาพอากาศผิดปกติทั่วทั้งแคนาดา กระแสลมหนาวพัดกวาดไปตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ช่วงแรกๆ องุ่นของออนแทรีโอก็มีปริมาณการผลิตที่ลดลงเช่นกัน คาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมเหล้าองุ่นของแคนาดาคงจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก


ขณะที่กำลังบ่นๆ อยู่ คุณลุงก็หยิบไอซ์ไวน์ขึ้นมาหนึ่งขวด เปิดฝาออกรินให้ฉินสือโอวหนึ่งแก้วแล้วพูดกับเขาว่า “ถือโอกาสตอนที่ยังดื่มได้เถอะ เด็กน้อย ดื่มให้เต็มที่เถอะ ดื่มวันนี้ในตอนที่ยังมีเหล้าดื่มได้อยู่ ถูกไหม?”


ฉินสือโอวจิบไวน์เข้าไปหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าคุณอยากหมักไวน์ ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดูองุ่นของผมดีกว่าไหมครับ เมื่อเร็วๆ นี้ผมไปสำรวจไร่องุ่นมา ผมเห็นว่าองุ่นของผมถึงจะออกลูกไม่เยอะ แต่ลูกองุ่นก็อิ่มเอิบ คุณภาพก็ดูเหมือนจะไม่เลวเลย”


ตาเฒ่ายักไหล่น้อยๆ ไม่ได้เก็บคำพูดของเขามาใส่ใจ เขารู้ว่าปีนี้องุ่นของฟาร์มปลาต้าฉินออกผลเป็นฤดูกาลแรก องุ่นแบบนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาหมักไวน์ อีกทั้งฟาร์มปลายังอยู่ใกล้กับชายฝั่งทะเล น่าจะประสบภัยอย่างรุนแรงยิ่งกว่าสิถึงจะถูก


ในตอนนี้คุณลุงฮิคสันเพิ่งจะสังเกตเห็นปลารมควันที่ฉินสือโอวเอามา เขาใช้มือหยิบขึ้นมาดู ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ใครเป็นคนรมควันปลานี่? แห้งพอดีเลย ระดับความร้อนของไฟก็ดีมาก”


เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ แค่ดูจากภายนอกก็พอจะประมาณสภาพของปลารมควันได้แล้ว


หลังจากนั้นตาเฒ่าก็ฉีกมันออกมาหนึ่งชิ้น ความรู้สึกประหลาดใจบนใบหน้าก็มีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เขาพูดพึมๆ พำๆออกมาว่า “เนื้อปลานุ่มขนาดนี้เลยเหรอ? ยังมีความเหนียวอยู่นิดหน่อย นี่เป็นผลจากการรมควัน แต่ทำไมเนื้อปลาถึงได้นุ่มขนาดนี้? แทบจะไม่มีกลิ่นคาวเลย กลิ่นหอมอร่อยเข้มข้นขนาดนี้ ให้ตายเถอะ นี่ดีกว่าปลารมควันที่ฉันทำเองเสียอีก ฮ่าๆ”


ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ตัวเองแล้วพูดว่า “นี่คือปลารมควันที่พวกเราทำด้วยเทคนิคเฉพาะตัวครับ คุณถึงกับบอกว่าดีกว่าของที่คุณทำเลยเหรอ? โอ้ ไม่อยากจะเชื่อเลย”


ตาเฒ่ากล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องจริง นายต้องเชื่อว่าปลารมควันที่ฉันทำเป็นปลารมควันที่อร่อยที่สุด…”


ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ลูกค้าโต๊ะเดียวของทั้งร้านก็พากันจากไปแล้ว ก่อนจะไปยังได้ให้ทิปตาเฒ่าไว้ยี่สิบดอลลาร์ ตาเฒ่าไม่ปล่อยให้พวกเขาเสียเงินไปเปล่าๆ จึงมอบขาปูย่างให้พวกเขาไปหนึ่งชุด พร้อมกับบอกพวกว่าเอาไปอุ่นสักหน่อยก็ทานเป็นของกินเล่นตอนกลางคืนได้แล้ว


ลูกค้าออกจากร้านไป ฉินสือโอวเองกำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน ตาเฒ่าอยากจะรั้งให้เขาอยู่ทานข้าวด้วยกัน แต่เขาบอกไปว่าที่บ้านยังมีแขกอยู่


ตาเฒ่าเก็บชามบนโต๊ะอาหารอย่างฉับไว จากนั้นก็พูดว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันไปบ้านนายด้วยดีกว่า ฉันว่าเย็นวันนี้นายน่าจะขาดพ่อครัวอาหารตะวันตกไปหนึ่งคนแน่ๆ”


ฉินสือโอวไม่ปฏิเสธ พอดีกับที่หลังจากวินนี่ท้องก็ไม่ได้ทำอาหารตะวันตกแล้ว ถ้าคุณลุงฮิคสันยินดีที่จะช่วยก็เป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว


แน่นอนว่า เขาต้องพาคุณลุงแวะไปดูองุ่นของเขาด้วยอยู่แล้ว เขาคิดว่าน่าจะนำมาหมักไวน์ได้ อาจจะเป็นเพราะออกผลเป็นล็อตแรกทำให้มีคุณภาพแค่ทั่วๆ ไป แต่ยังไงก็ดีกว่าองุ่นของคุณลุงที่กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้วหรือเปล่า?


ฉินสือโอวเปิดประตูรถให้ตาเฒ่าขึ้นไป แต่ปรากฏว่าชายชราเข้าไปในโรงจอดรถเพื่อขับรถคันโปรดของเขาออกมา เขาลดกระจกรถลงแล้วตบประตูรถตัวเองเบาๆ จากนั้นก็พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ฉันขับเพื่อนเก่าคันนี้ของฉันไปจะสะดวกกว่า”


คุณลุงฮิคสันมีรถกระบะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมือง ซึ่งก็คือฟอร์ดเอฟ 150 ในตอนนี้นั่นเอง


ฟอร์ดเอฟ 150 เป็นรถกระบะที่คลาสสิคที่สุดของอเมริกาเหนือ รุ่นแรกสุดเกิดขึ้นในปี 1948 หลังจากนั้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ มันเกิดการพัฒนามายี่สิบรุ่นแล้ว ถ้าเปรียบรถฟอร์ดเอฟ 150 เป็นครอบครัว ถ้าเช่นนั้นก็จะต้องเป็นตระกูลที่ใหญ่มากจริงๆ


รถฟอร์ดเอฟ 150 รุ่นของคุณลุงฮิคสันเป็นกระบะรุ่นที่หกที่เข้าสู่ตลาดในปี 1973 เทียบกับปัจจุบันแบบรถดูเรียบง่ายและคลาสสิคมาก ทว่ามีความทนทานที่ดีมาก ที่จริงแล้วฟอร์ดเอฟ 150 เป็นรถกระบะที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟอร์ด มันทนทานต่อการใช้งาน ใช้เหล็กชุบสังกะสีปริมาณมาก จึงสามารถป้องกันการผุพังและป้องกันไม่ให้เก่าลงได้


ตาเฒ่าขับรถเข้ามาในพื้นหิมะ เสียงร้องคำรามของเครื่องยนต์ยังทุ้มต่ำมีพลัง เหมือนกับวัวแก่ที่มีแข็งแรงบึกบึน พอจะเห็นได้ว่าฮิคสันรักและทะนุถนอมรถคันนี้เป็นอย่างมาก สีเคลือบรถเรียบลื่น และรักษาทุกๆ ส่วนได้อย่างดีเยี่ยม


ฉินสือโอวเดินเข้าไปหาแล้วหมอบอยู่ตรงหน้าต่างรถ พูดว่า “รถคันนี้สภาพดีเลยทีเดียว อากาศหนาวขนาดนี้แต่แค่แป๊บเดียวก็สตาร์ทติดแล้ว น่าตกใจจริงๆ”


ตาเฒ่าจึงพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เพื่อนเก่าของฉันคันนี้เคยไปขั้วโลกเหนือมาแล้ว ตอนเป็นหนุ่มพวกเราบุกป่าฝ่าดงไปทั่วทั้งพรมแดนแคนาดาไปด้วยกัน มันเป็นตาแก่ที่ทั้งดื้อรั้นและแข็งแกร่ง”


“เหมือนกับคุณเลย”


“ฮ่าๆ พูดถูกแล้วไอ้หนู ก็เหมือนตาแก่อย่างฉันนี่ล่ะ!”


มองไกลๆ รถคันนี้ดูเหมือนจะรักษาสภาพได้ไม่เลว แต่เมื่อมองใกล้ๆ จะพบบางส่วนที่เริ่มไม่ดีแล้ว เดิมทีที่บริเวณหน้ารถจะมีเหล็กกระจังหน้ารถสีเงินอยู่สองเส้น ตรงกลางระหว่างเหล็กกระจังหน้ารถคือเส้นอะลูมิเนียมที่ทอดตัวไปตามแนวขวาง ตอนนี้เหล็กกระจังหน้ารถพวกนั้นบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว


นอกจากนี้ โลโก้ของบริษัทที่ติดอยู่หน้ารถตั้งแต่แรก คือตัวอักษรสี่ตัวที่เขียนว่า ‘FORD’ ตัวอักษรสี่ตัวนี้ควรจะมีขนาดเล็กมากๆ ถึงจะถูก แต่ตอนนี้กลับเป็นตัวอักษรใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามาเปลี่ยนเอาทีหลัง


สตาร์ทๆ ติดเครื่องรถ เมื่อไม่มีปัญหาอะไร ตาเฒ่าจึงเดินเครื่องรถยนต์นำไปก่อน ฉินสือโอวตามอยู่ด้านหลัง ถ้ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทันที


รถขับเข้ามาในฟาร์มปลา แต่ไม่ได้ไปที่วิลล่าก่อน คุณลุงฮิคสันตามฉินสือโอวตรงไปที่ไร่องุ่น


ไร่องุ่นทอดตัวติดกันหลายร้อยหมู่ สำหรับไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่แท้จริงแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ได้น่าชื่นชมมากพอ แต่สำหรับไร่ส่วนบุคคล นี่ก็นับว่ามีขนาดใหญ่มากพอแล้ว


ตอนนี้ไร่องุ่นไม่มีความเขียวขจีของฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงแล้ว องุ่นแต่ละพวงห้อยอยู่บนเครือเถาวัลย์อย่างเหี่ยวแห้ง


ใบองุ่นร่วงหลุดไปตั้งนานแล้ว ถึงจะยังเหลือใบที่ยังไม่ร่วงอยู่ แต่ก็เหี่ยวเฉาจนกลายเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล เมื่อลมทะเลพัดมามันก็โบกสะบัดอย่างอ่อนแรง ดูท่าว่าใช้เวลาไม่นานคงจะร่วงลงมาแล้ว


แน่นอนว่า ไร่องุ่นในตอนนี้ไม่ได้แห้งเฉาจนกลายเป็นสีเหลืองทั้งหมด แต่ยังมีองุ่นแดง องุ่นเขียวและองุ่นดำที่สะบัดตามลมเป็นระลอก เพิ่มความสวยงามให้กับใบไม้ที่แห้งเหี่ยวได้หลายส่วน


ฉินสือโอวเด็ดองุ่นแดงติดมือมาหนึ่งลูก เย็นยะเยือกและสดกรอบ เวลาเคี้ยวให้ความรู้สึกเหมือนมีระเบิดน้ำแข็งขนาดเล็กระเบิดอยู่ในปาก หวานเย็นสดชื่นมาก


เขาให้คุณลุงฮิคสันลองชิมดู คุณลุงจึงเด็ดองุ่นพันธุ์รีสลิ่งมาหนึ่งลูก


รีสลิ่งเป็นองุ่นที่ใช้สำหรับหมักไวน์โดยเฉพาะ ถ้ากินเข้าไปเฉยๆ ด้วยเปลือกที่หนา เนื้อที่มีอยู่น้อย ให้น้ำไม่มาก มีผลขนาดเล็ก รสชาติจึงไม่ได้ดีอะไรนัก


เพียงแต่ว่าหลังจากคุณลุงฮิคสันทานลูกองุ่นไปแล้วกลับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบิกบาน เขามองฉินสือโอวอย่างตกตะลึงแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ องุ่นของนายดีมากๆ เหมาะกับการหมักไวน์มากๆ!”


บทที่ 884 เล็งเรือประมงลำใหญ่

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเด็ดมาหนึ่งลูกกะว่าจะลองชิมดู แต่เมื่อมองดูองุ่นแดงลูกใหญ่ที่อยู่ข้างๆ กันอีกครั้ง เขาก็ทิ้งองุ่นรีสลิ่งไปอย่างไม่ลังเลเลย ถึงยังไงเขาคงไม่เข้าใจอยู่ดี


ใช้หมักไวน์ ชิมไปก็เสียเปล่า สู้เขาทานลูกองุ่นแช่แข็งอย่างง่ายๆ ก็ไม่ได้


คุณลุงฮิคสันถามเขาอย่างมีความสุขว่า “นายไม่สนใจจริงๆ เหรอ? ถ้านายไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะขับรถมาเด็ดองุ่นเลยนะ นายก็รู้ ฉันไม่อยากพลาดฤดูกาลที่ดีที่สุดในการหมักไวน์”


ฉินสือโอวแผ่มือออก บอกเป็นนัยว่าให้เขาทำตัวตามสบาย เนื่องจากเมื่อก่อนเขาได้ยินมาว่า ลูกองุ่นที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เหมาะกับการหมักไอซ์ไวน์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมพวกอุปกรณ์กับถังหมักไวน์ไว้


ทีแรกเขาวางแผนไว้ว่าจะหมักองุ่นพวกนี้ไว้ในพื้นดินให้มันเน่าเพื่อเอาไปทำปุ๋ย แต่ในเมื่อตาเฒ่าบอกว่าสามารถนำไปหมักไวน์ได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะถือโอกาสแสดงน้ำใจไปเลยแล้วกัน


ให้องุ่นเขาไป แบบนี้ปีหน้าเขาก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อไอซ์ไวน์แล้ว


หลังจากได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากฉินสือโอว คุณลุงฮิคสันก็แย้มรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาเด็ดองุ่นกาแบร์เนโซวีญงออกมาทานไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย


ในที่สุดฉินสือโอวก็ห้ามแรงดึงดูดที่อยู่ในใจไว้ไม่ได้ เขาจึงเด็ดองุ่นมาใส่ปากบ้าง มันไม่ได้เปรี้ยวอย่างที่คิดไว้


ทว่ารสชาติไม่อร่อยอย่างถึงที่สุด เพราะโดยทั่วไปองุ่นชนิดนี้จะมีรสฝาดเล็กน้อย


องุ่นหมักไวน์เป็นสายพันธุ์ที่เปรี้ยวมาก กาแบร์เนโซวีญงกับรีสลิ่งไม่นับว่าเป็นอย่างนั้น เนื่องจากองุ่นทั้งสองสายพันธุ์มีปริมาณน้ำตาลและสภาวะเป็นกรดค่อนข้างมาก ทำให้รสชาติเกิดการผสมผสานกัน รสชาติจึงไม่ได้หวานหรือเปรี้ยวมาก


นี่ถึงจะเป็นองุ่นหมักไวน์ที่ดี ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นที่มีปริมาณน้ำตาลและความเป็นกรดอยู่อย่างเต็มอิ่ม ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่หมักออกมาจะมากกว่า 12% ระดับความเปรี้ยวจะต่ำกว่า 3.5 โดยธรรมชาติแล้วจะสามารถใช้ความหนาแน่นของไวน์เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ได้รับผลกระทบจากแบคทีเรียจนเกิดความเสียหายได้


นอกจากนี้ ในเปลือกกับเมล็ดขององุ่นทั้งสองชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยแทนนิน ซึ่งก็คือสารกันบูดจากธรรมชาติ ส่วนที่ฉินสือโอวคิดว่ามันฝาด ก็เป็นเพราะผลกระทบของแทนนิน


ตอนเป็นหนุ่มคุณลุงฮิคสันเคยทำงานในไร่องุ่นมาก่อน ตอนนี้ที่ยืนอยู่ในไร่องุ่นของฉินสือโอว เขาจึงนึกถึงเรื่องในอดีตเมื่อครั้งยังเยาว์วัย


ในช่วงเวลาระหว่างนั้นยังถอนหายใจยาวๆ อย่างต่อเนื่อง อยู่ในไร่องุ่นเป็นเวลานาน ฉินสือโอวจึงทำได้แค่มองดูสภาพการเจริญเติบโตขององุ่นไปพร้อมกับเขา


“นายรู้ไหม ตอนที่ฉันอายุประมาณยี่สิบปี พ่อของฉันอยากให้ฉันเรียนเพื่อเป็นเชฟ แต่ฉันเกลียดงานนี้มาก ฉันเกลียดชีวิตที่หยุดนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง”


“ดังนั้น ฉันเลยแอบไปที่รัฐออนแทรีโอ ร่อนเร่พเนจรอยู่ที่นั่นระยะหนึ่ง จากนั้นก็มีเจ้าของไร่องุ่นจิตใจดีคนหนึ่ง รับเข้าไปทำงาน นายคงจินตนาการไม่ออกหรอกว่าฉันรู้สึกยังไงที่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่บนไร่องุ่นขนาดใหญ่กว่าหมื่นเอเคอร์เป็นครั้งแรก และนายคงคิดไม่ถึงเช่นกันว่าครั้งแรกที่ได้เห็นถังหมักไวน์ห้าร้อยถังวางอยู่ด้วยกัน ฉันมีความรู้สึกยังไง”


“ในตอนนั้น พวกเราไม่มีทีวีกับอินเทอร์เน็ต ความเข้าใจที่ฉันมีต่อโลกภายนอก ล้วนแต่เป็นเรื่องคุยโวจากพวกชาวประมงกับพวกกะลาสีทั้งสิ้น สรุปได้ว่า ตอนที่ฉันเดินทางไปออนแทรีโอในครั้งนั้น เป็นการเปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่สำหรับฉันเลยล่ะ”


“หลังจากนั้น ฮู่ ฉันก็เคยอยากเปิดไร่องุ่นสักผืน แล้วก็หมักไวน์ จัดงานเลี้ยงค็อกเทล คบค้าสมาคมกับคนในสังคมชั้นสูงอะไรแบบนั้น แต่หลังจากนั้นฉันก็คิดได้ แล้วกลับมาที่เกาะ มาเป็นพ่อครัวอ้วนๆ เตี้ยๆ”


คุณลุงฮิคสันจับท่อนไม้ท่อนหนึ่งเอาไว้ขณะเดียวกันก็พูดอย่างผ่อนคลายคล้ายว่ากำลังรำลึกความหลังอยู่ สายตาจับจ้องอยู่ที่เครือเถาวัลย์ ทว่าใจของเขาบินออกไปยังดินแดนที่อยู่ไกลออกไป


ฉินสือโอวถามเขาว่า “คิดได้เหรอ? คิดอะไรได้เหรอครับ?”


ตาเฒ่าพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คิดได้ว่าคนที่คิดอะไรง่ายๆ อย่างฉัน เหมาะกับการอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่ผู้คนมีความคิดไม่ซับซ้อนแบบนี้เท่านั้น คิดได้ว่าสังคมชั้นสูงถึงจะดูแล้วมีหน้ามีตา แต่ในความเป็นจริงการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น กลับไม่มีความสุข”


ทั้งสองคนคุยกันเสร็จแล้วจึงกลับไปที่รถ แล้วขับกลับไปที่ประตูทางเข้าวิลล่า


พอรถจอด บิลลี่ก็ผิวปากขึ้นมา แล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “เฮฟวี่  ฮาล์ฟ ตัน ฉิน นายไปโรงงานขยะมาเหรอ? ถ้าไม่อย่างนั้นนายไปหาของเก่ารุ่นคุณปู่แบบนี้มาจากไหน?”


ช่วงที่รถฟอร์ดเอฟ 150 กำเนิดขึ้น เป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์น้ำมันพอดี เพื่อที่จะบรรลุมาตรฐานการป้องกันสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษ รถรุ่นนี้จึงถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเพียง 1023 กิโลกรัม ด้วยเหตุนี้ คนบางส่วนเลยเรียก รถฟอร์ด F-150 ว่า “เฮฟวี่  ฮาล์ฟ ตัน”


น้ำหนักทั้งหมดของตัวรถรุ่นนี้เกินครึ่งตันมาแค่นิดเดียวเท่านั้น


“เคารพคุณปู่หน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะเตะก้นนายเอานะ!” คุณลุงฮิคสันหลังจากลงรถแล้วก็ตะโกนลั่นขึ้นมา


เบลคกับแบรนดอนพากันหัวเราะเสียงดังออกมาทันที บิลลี่เองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน เขาพูดว่า “ไม่เอาแบบนี้สิครับ คุณลุง ใครจะไม่รู้จักรถที่ดังที่สุดบนเกาะแฟร์เวลกันล่ะครับ? ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ”


ตาเฒ่าโบกมือปัด พูดว่า “เรื่องของนายเถอะ ไอ้หนู รถที่ดังที่สุดบนเกาะแฟร์เวลคือรถพอร์ช 918 ของฉินต่างหาก ไม่ใช่ไอ้แก่รถของฉัน”


พวกบิลลี่จับมือกันกับคุณลุงฮิคสัน ด้านวินนี่ก็เข้ามากอดทักทายกันกับเขา ชายชราตบหลังเธอเบาๆ อย่างประคบประหงมแล้วพูดกับเธอว่า


“เย็นนี้ฉันจะทำอาหารที่ทั้งอร่อยทั้งมีคุณค่าทางสารอาหาร วินนี่ เดี๋ยวฉันต้องอบรมฉินหน่อย เขาปล่อยให้เธอผอมไปหมดแล้ว”


“พระเจ้า พูดได้ถูกต้องจริงๆ ค่ะ” มิแรนด้าเดินออกมาพร้อมกับพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม


พ่อแม่ของวินนี่พอใจกับลูกเขยอย่างฉินสือโอวมาก เริ่มตั้งแต่การพบกันครั้งแรกของพวกเขา


ความรักของฉินสือโอวที่มีต่อลูกสาวของพวกเขาไม่มีอะไรให้ติเลยแม้แต่นิดเดียว


อาหารตะวันตกของฮิคสันยอดเยี่ยมมากจริงๆ ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึงเกาะแฟร์เวลเขาก็รู้สึกอย่างนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะไม่เคยทานอาหารตะวันตกแบบดั้งเดิม


แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกำลังกายกำลังใจที่คุณลุงใส่ลงไปในอาหารทุกจาน


เมนูหลักของอาหารมื้อนี้คือปลารมควัน วิธีการทำปลารมควันในเมนูอาหารตะวันตกพบเห็นได้ค่อนข้างน้อย ทว่าคุณลุงทำออกมาถึงห้าเมนูด้วยกัน ปลารมควันทอดกับโรสแมรี ปลารมควันราดซอสเกรวี่หวาน ปลารมควันน้ำแข็งกรีนแลนด์ ขนมปังพาสเตลสอดไส้ปลารมควันแบบดังเดิมและปลารมควันย่าง


ขณะที่กำลังทานอาหาร ฉินสือโอวก็ถามฮิคสันว่าสนใจที่จะรับตำแหน่งดูแลห้องครัวของร้านอาหารมิชลินระดับสามดาวไหม ตาเฒ่ายิ้มจนตาหยีเขากำลังกอดแขนมองดูพวกเขาทานอาหาร พอได้ยินที่ฉินสือโอวพูด เขาก็ส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ ฉิน ที่ของฉันคือเกาะแฟร์เวล ฉันควรอยู่ที่นี่ จนกว่าร่างกายของฉันกลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับมัน ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”


พอทานอาหารค่ำเสร็จ ฉินสือโอวก็ไปส่งตาเฒ่ากลับร้านอาหารก่อน หลังจากนั้นจึงพาทั้งสามคนเข้าไปในห้องใต้ดิน แล้วหยิบเครื่องประดับออกมา ให้พวกเขาทั้งสามคนเลือก


พวกเขาทั้งสามคนต่างก็พากันเลือกชุดเครื่องประดับ เครื่องประดับที่เหลืออยู่สี่ชุดถูกซื้อไปสามชุดแล้ว ฉินสือโอวลดราคาให้พวกเขา โดยใช้พื้นฐานราคาที่บริษัททิฟฟานี่แอนด์โคแนะนำมา ลดราคาไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ก็นับว่าเป็นราคาที่ยุติธรรมมากแล้ว


เครื่องประดับทั้งสามชุดทำให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้นมายี่สิบล้านดอลลาร์แคนาดา ถ้านำขึ้นไปประมูล ไม่แน่ว่ารายได้ส่วนนี้อาจจะมากกว่านี้เป็นเท่าตัว ในทุกๆ ปีจะมีการซื้อขายแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของไข่มุกสีดำที่ผลิตออกมาในงานประมูล


ชุดเครื่องประดับที่เหลืออยู่อีกหนึ่งชุด เบลคจะนำไปส่งให้กับงานประมูล นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับอีกสิบชิ้นที่ยังไม่ถูกจับจอง ฉินสือโอวให้วินนี่เลือกเครื่องประดับสองชิ้นไปมอบให้กับแม่กับพี่สาวของเธอ ให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ส่วนอีกแปดชิ้นที่เหลือก็ให้เบลคเอาไปด้วยแล้วเหมือนกัน


เช่นนี้เมื่อรวมกับรายได้จากการจำหน่ายปลา จำนวนเงินในบัตรของฉินสือโอวก็สูงถึงมาตรฐานที่แปดสิบล้านอีกครั้ง


พอมีเงินก็อยากใช้เงิน วันต่อมาฉินสือโอวประชุมกันกับพวกชาวประมง พอเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของปีที่จะถึงนี้ พวกเขาจะรีบบุกเข้าจู่โจมมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อจับปลาโอแถบ ปลากระโทงสีน้ำเงิน ปลาดอลลี่ ปลาจานและปลาเพลซ ถึงยังไงทรัพยากรปลาในมหาสมุทรแปซิฟิกที่อุดมสมบูรณ์ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ต้องเก็บเกี่ยวขึ้นมาทั้งสิ้น


ดังนั้นเรือประมงขนาดเล็กอย่างเรือฮาวิซทจึงไม่เหมาะกับการใช้สอยระดับนี้แล้ว สัตว์ทะเลหลายร้อยตัน จะไปโคลงๆ เคลงๆ อยู่ตามชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไม่ได้


มันไม่เพียงพอที่จะหมุนเวียนไปยังสนามรบต่างๆ ในทะเลลึกอย่างมหาสมุทรแปซิฟิก คลื่นยักษ์แค่ลูกเดียวก็สามารถซัดมันคว่ำได้แล้ว


ที่ฉินสือโอวอยากจะซื้อ คือเรือใหญ่อย่างน้อยสองพันตัน!


บทที่ 885 เรือขุนพลเคลย์ตัน

Ink Stone_Fantasy

ในสถานที่เล็กๆ อย่างเกาะแฟร์เวล วิธีการคิดคำนวณเวลาของฉินสือโอว ก็คือวันเทศกาล


เฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าไปแล้ว นั่นหมายความว่าเดือนพฤศจิกายนกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว และถ้าฉลองเทศกาลคริสต์มาสเสร็จ นั่นหมายความว่าปีนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว


เทศกาลคริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว


หลังจากที่ฉินสือโอวตัดสินใจซื้อเรือประมงลำใหญ่ เขาก็ดำเนินการติดต่ออุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนทันที จะต่อเรือประมงแบบบูรณาการรุ่นใหม่ขนาดสองพันตัน แบบนั้นจะต้องใช้เงินราวๆ แปดล้านดอลลาร์แคนาดา แต่รัฐบาลจะสงเคราะห์เงินอุดหนุนให้ประมาณเจ็ดแปดแสนดอลลาร์แคนาดา


แคนาดามีเงินอุดหนุนสำหรับอุตสาหกรรมประมงเป็นจำนวนมาก การลงทุนในหนึ่งปีในฟาร์มปลาของฉินสือโอว อาศัยแค่เงินอุดหนุนก็ได้เงินคืนมาแล้วหนึ่งในแปดส่วน ช่วงหลายปีมานี้เศรษฐกิจไม่ดี แต่เมื่อก่อนแคนาดามีสภาพเศรษฐกิจที่ดีมาก เรือประมงเดินสมุทรขนาดใหญ่จะได้รับเงินอุดหนุนถึงหนึ่งในห้าส่วน


สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกพึงพอใจได้ยากก็คือ ถ้าจะต่อเรือลำใหม่ จะต้องใช้เวลาหกเดือนถึงจะเสร็จ!


ใช้เวลาหกเดือน! รอให้ต่อเรือเสร็จตอนนั้น คาดว่าน่าจะเข้าสู่ฤดูห้ามจับปลาของแคนาดาพอดี!


แลนซ์จึงช่วยฉินสือโอวเสนอความคิด ว่าให้ซื้อเรือประมงมือสองมาหนึ่งลำ ถ้าไปหาถูกคน ตรวจสอบสภาพเรือแล้วว่าไม่มีปัญหา แบบนั้นเรือประมงมือสองอาจจะเหมาะมากกว่าเรือประมงลำใหม่


งานนี้ต้องใช้นายหน้า ฉินสือโอวค้นหาในเว็บไซต์เรือประมงของแคนาดา เว็บไซต์เกี่ยวกับเรือของอเมริกาเหนือกับเว็บไซต์อื่นๆ อยู่หลายวัน เห็นเรือมาแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยลำ แต่ก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจ


ที่จริงในช่วงสองปีนี้มีการโอนย้ายเรือประมงอยู่เยอะมาก ธุรกิจการประมงไม่ดี เรือประมงเดินสมุทรยิ่งทำได้ยากเป็นพิเศษ เนื่องจากความผันผวนอย่างรุนแรงระหว่างประเทศ การทำงานในมหาสมุทรที่อยู่ไกลอาจจะต้องประสบกับเหตุการณ์ความรุนแรง หากบริษัทประมงประสบปัญหานั้นสักครั้ง แบบนั้นจะเป็นคราวที่ต้องเสียเงินจำนวนมหาศาล


เรือประมงที่ฉินสือโอวดูพวกนี้ ถ้าไม่ได้มีขนาดที่ไม่เหมาะสม ก็เก่าและผุพังเกินไป สรุปว่าดูมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมจนใกล้ถึงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว ฉินสือโอวก็ยังไม่เจอเรือที่เหมาะๆ เสียที กว่าจะหาเรือเดินสมุทรขนาดหนึ่งพันห้าร้อยตันที่ท่าเรือเชอร์ชิลเจอหนึ่งลำ แต่ปรากฏว่าพอโทรศัพท์ไป เรือลำนั้นก็เพิ่งจะถูกขายให้คนอื่น…


แต่ในช่วงระยะนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลสำเร็จอะไรเลย ฉินสือโอวรู้จักบริษัทคนกลางในอินเทอร์เน็ตอยู่บางส่วน เขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์กับข้อมูลความต้องการเอาไว้ ต่อให้ต้องเสียเงินค่านายหน้าเพิ่ม แต่ขอแค่ได้เจอเรือประมงที่เหมาะสมกับความต้องการก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ


ช่วงกลางเดือนเกือบจะถึงปลายเดือนธันวาคม ในที่สุดฉินสือโอวก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนายหน้าคนหนึ่ง ฝ่ายนั้นมีชื่อว่าแฮร์ริสัน หลังจากฉินสือโอวรับสายโทรศัพท์แล้วเขาก็พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณฉินเป็นคนจีนใช่ไหมครับ? สวัสดีครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้คุยกัน ผมจำได้ว่าคุณอยากได้เรือประมงขนาดประมาณสองพันตันใช่ไหมครับ?


ฉินสือโอวตอบเขาไปว่า “ใช่ครับ ประมาณสองพันตัน ขอเรือที่มีสมรรถนะที่ดีหน่อยนะครับ ผมวางแผนไว้ว่าปีหน้าจะลองไปที่มหาสมุทรแปซิฟิก”


“ว้าว ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญจริงๆ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังอยากจะเปลี่ยนมือเรือประมงของเขาอยู่พอดี นั่นเป็นเรือสภาพดีแน่ๆ ใช้งานมาได้แค่สี่ปีเท่านั้น มีชื่อว่า ‘เรือขุนพลเคลย์ตัน’ คุณลองเสิร์ชดูในอินเทอร์เน็ตก็ได้ครับ เป็นเรือที่ดีลำหนึ่งอย่างแน่นอน”


ขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์ ฉินสือโอวก็เรียกนีลเซ็นให้เข้ามาหา แล้วบอกให้เขาค้นหาเรือขุนพลเคลย์ตันบนเว็บไซต์ของกรมประมงดู


เป็นอย่างที่นายหน้าขายเรือบอกไว้ เรือลำนี้เพิ่งจะลงน้ำเมื่อสี่ปีก่อนจริงๆ อีกทั้งจำนวนครั้งที่ออกทะเลก็ยังไม่มาก กัปตันเรือก็ดูท่าทางเหมือนจะรักและทะนุถนอมเรือเป็นอย่างดี


ถ้าดูจากข้อมูลของขนาดและอุปกรณ์เรือที่ให้มา เรือลำนี้ก็ถือว่ามีความเหมาะสม มีขนาดทั้งหมดสองพันสองร้อยตัน และถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นเรือประมงปลาทูน่า แต่ก็สามารถปรับแต่งให้กลายเป็นเรือที่ใช้อวนลากกับอวนล้อมจับได้ ทั้งยังดูทันสมัยมาก จับสัตว์จำพวกหมึกก็ทำได้เช่นกัน


อ่านข้อมูลเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มใจเต้นขึ้นมานิดๆ เขาถามว่า “แล้วเรือลำนี้ราคาเท่าไรครับ?”


แฮร์ริสันนายหน้าขายเรือกล่าวว่า “เพื่อนของผมหวังว่าจะขายในราคาสี่ล้านห้าแสน แต่คุณก็รู้ ขอแค่พวกเราตกลงกันได้ ราคาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วใช่ไหมล่ะครับ? ขอแค่ค่าคนกลางของผมไม่มีปัญหาอะไร ผมก็จะช่วยคุยให้คุณอย่างดีเลย”


ราคาไม่นับว่าแพงเลยจริงๆ ฉินสือโอวจึงบอกกับเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ส่งข้อมูลของเรือลำนี้มาให้ผมแล้วกัน ผมขอคิดดูก่อน โอเคไหมครับ?”


แฮร์ริสันตอบรับอย่างกระตือรือร้น “ถ้าคุณรู้สึกสนใจจริงๆ ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่มาลองดูเลยล่ะครับ? หรือจะให้เพื่อนของผมไปที่ท่าเรือของคุณไหม? พวกเราอยู่ที่แฮลิแฟกซ์ คุณอยู่ที่นครเซนต์จอห์นใช่ไหมครับ? พวกเราอยู่ใกล้กันมาก สะดวกมากๆ”


จัดการด้วยความกระตือรือร้นขนาดนี้ ทั้งยังไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว ฉินสือโอวจึงตอบตกลงออกไปตรงๆ ถ้าอย่างนั้นก็มาเจอกันหน่อยแล้วกัน


ในตอนท้ายแฮร์ริสันพูดกับเขาว่า “ฉิน ต้องขอพูดกันให้เคลียร์ตั้งแต่แรกนะ เรือใหญ่แบบนี้เดินทางจากแฮลิแฟกซ์ไปถึงนครเซนต์จอห์น ถึงยังไงก็ต้องใช้น้ำมันดีเซล ถ้าตกลงซื้อขายกันได้ แบบนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน แต่ถ้าการซื้อขายครั้งนี้ไม่สำเร็จ คุณต้องรับภาระค่าน้ำมันครึ่งหนึ่ง หรือคุณจะบินมาดูที่แฮลิแฟกซ์ก็ได้นะครับ”


ค่าน้ำมันครึ่งหนึ่งก็เป็นเงินแค่ไม่กี่ดอลลาร์ ฉินสือโอวบอกกับเขาว่าไม่มีปัญหา ให้เขาเป็นคนมาที่นี่เถอะ


ต่อจากนั้นอีกฝ่ายก็ส่งสัญญาอิเล็กทรอนิกส์มาทันที เป็นสัญญาเกี่ยวกับค่าน้ำมัน ฉินสือโอวเห็นข้อมูลของเรือลำนี้ในอินเทอร์เน็ต ระยะเวลาลงน้ำไม่ถึงห้าปี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ จำนวนครั้งที่ออกทะเลก็ไม่มาก ทั้งยังซื้อประกันอยู่โดยตลอด ดูเหมือนจะเป็นเรือที่ดีมาก เขาจึงเซ็นยินยอมลงไป


แฮลิแฟกซ์เป็นเมืองประจำรัฐและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐโนวาสโกเชีย เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐต่างๆ ของชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และยังเป็นท่าเรือน้ำลึกธรรมชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ไม่กลายเป็นน้ำแข็งที่ลึกที่สุดในโลก ได้สมญานามว่าเป็น “ประตูสู่ตอนเหนือ” ของทวีปอเมริกา


ขับจากแฮลิแฟกซ์ตรงมาทางทิศเหนือ ก็จะเป็นนครเซนต์จอห์น อีกฝ่ายก็จริงใจมากๆ หลังจากนั้นหนึ่งวันครึ่งก็โทรศัพท์เข้ามา บอกว่าเรือขับมาถึงนครเซนต์จอห์นแล้ว


ฉินสือโอวพาเออร์บักกับชาร์คและคนอื่นๆ ไปที่ท่าเรือของเมือง เขาโทรศัพท์บอกเรค บิ๊กฟุตไว้ล่วงหน้า บอกให้เขาช่วยพาเพื่อนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรือประมงขนาดใหญ่ ให้มาช่วยเขาดูหน่อย


ทุกๆ คนขับเรือมาถึงท่าเรือนครเซนต์จอห์นแล้ว ไม่ต้องออกแรงอะไรก็หาร่องรอยของเรือขุนพลเคลย์ตันเจอ เรือประมงจอดเทียบท่าอยู่บนท่าเรือหมายเลขสอง ด้านนอกทาสีดำป้องกันการผุกร่อน แสงแดดฤดูหนาวตกกระทบลงบนตัวเรือ ปรากฏให้เห็นพลานุภาพที่แข็งแกร่งและความยิ่งใหญ่ของเรือ


ฉินสือโอวตั้งใจบอกให้ชาร์คขับเรือเล็กขับผ่านข้างๆ เรือประมงลำใหญ่ เขาวัดขนาดด้วยสายตาความยาวของเรือใหญ่ลำนี้อยู่ระหว่างแปดสิบเมตรถึงแปดสิบห้าเมตร บำรุงรักษาได้ไม่เลวจริงๆ สีป้องกันการผุกร่อนไม่ได้มีความเสียหาย ตัวเรือราบรื่น ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุและไม่เคยถูกดัดแปลงให้เกิดความรู้สึกไม่สบอารมณ์ ถ้าดูจากภายนอกฉินสือโอวรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก


หลังจากขึ้นฝั่ง เขาโทรศัพท์ไปหาแฮร์ริสัน ชายวัยกลางคนแต่งตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยประมาณสี่ห้าคนก็เข้ามาหาพวกเขา ทั้งสองฝ่ายจับมือแนะนำตัวกัน ได้พบกับเจ้าของตัวจริงแล้ว


คนพวกนี้เป็นชาวอิตาลี แฮร์ริสันมีอายุประมาณสี่สิบกว่าปี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแบบประจบ ดูแล้วเหมือนจะเป็นนักธุรกิจที่เป็นมิตรมาก ชุดสูทเรียบตรง สวมเสื้อโค้ทเอาไว้ด้านนอก ดูเหมือนกับพนักงานของบริษัทประกันภัย


หลังจากได้เจอกันกับฉินสือโอวแล้ว แฮร์ริสันก็เอ่ยชมเรือขุนพลเคลย์ตันอย่างออกนอกหน้า บอกว่าฉินสือโอวได้ของที่มีราคาถูกแล้ว ทั้งยังได้เรือดีๆ ที่หาได้ยากในตลาดตอนนี้


ฉินสือโอวเป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงพูดออกไปว่า “ถ้าเรือลำนี้ดีอย่างที่คุณพูดจริงๆ แบบนั้นผมคงจะไม่ขอต่อราคาหรอกครับ ราคาสี่ล้านห้าแสน ผมจะซื้อมันไว้เอง โอเคไหมครับ?”


แฮร์ริสันกับคนที่ร่วมทางมาด้วยกันก็ยิ้มออกมาทันที ชายวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นกัปตันเรือโบกมือปัดพร้อมกับพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญตามสบายเลยนะครับ คุณจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นด้านไหนๆ ของเรือลำนี้ ก็สมบูรณ์แบบทั้งนั้น!”


ขณะที่กำลังจะขึ้นเรือ เรค บิ๊กฟุตที่รีบพาเพื่อนมาด้วยกัน ก็โทรศัพท์มาหาเขา “ฉิน นายอยู่ที่ไหน? ขอโทษด้วยนะ ที่พวกเรามาสาย เอาอย่างนี้นะ นายบอกชื่อเรือที่นายจะซื้อมา เดี๋ยวฉันให้คนบนท่าเรือพาฉันไป”


“ชื่อเรือขุนพลเคลย์ตัน” ฉินสือโอวกล่าว


แต่ปรากฏว่าพอเขาพูดชื่อนี้ออกไป เรคก็นิ่งอึ้งไปทันที เขาถามกลับมาว่า “เรือขุนพลเคลย์ตัน? เฮ้ย นายมั่นใจไหมว่าใช่เรือขุนพลเคลย์ตันเวรนั่นจริงๆ?!”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)