อยากกินไหมล่ะ 874-875

 บทที่ 874 ข้อดี

“ดังนั้นฉันจึงอยากบอกคุณว่าใครก็ตามที่ขอให้คุณลดน้ำหนักเพียงเพื่อรูปร่างที่ดีไม่ได้รักคุณจริงหรอกค่ะ เว้นแต่ว่าความอ้วนของคุณจะส่งผลต่อสุขภาพเท่านั้นแหละ” เจียงฉางซี่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างจริงจังหรือเคร่งขรึมเล็กน้อยเมื่อตอนที่เธอกล่าวเช่นนั้นออกมา


เฟิ่งตันอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่จนถึงที่สุดแล้วก็พูดไม่ออกขณะที่กำลังมองเจียงฉางซีที่กำลังพูดกับเธออย่างจริงจัง


“คิดดูสิ เมื่อตอนที่คุณอยู่กับเขาในตอนแรก คุณก็หนักเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนหลังเขากลับมาขอให้คุณลดน้ำหนัก สาเหตุก็เพียงเพราะเขารู้สึกว่าคุณไม่สวยพอหรือเขาไม่ได้รักคุณอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะเคยรักคุณมากขนาดไหนก็ตามทีเถอะ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รักคุณแล้ว” เจียงฉางซี่กล่าวอย่างเฉียบขาดและมั่นใจ


“แต่…” เฟิ่งตันอยากจะพูดอะไรสักอย่างโดยไม่รู้ตัว แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกเจียงฉางซี่ขัดจังหวะเสียก่อน


“ไม่มีแต่หรอกค่ะ ปกติพวกผู้ชายจะภูมิใจมากที่ทำให้แฟนสาวของเขาน้ำหนักขึ้นได้ซึ่งจะช่วยพิสูจน์ได้ว่าเขามีความสามารถ” เจียงฉางซี่พูดต่อไป “ผู้หญิงอย่างเราๆจะกินอาหารได้มากขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเราได้อยู่กับคนที่เรารัก ถ้าหากวันหนึ่งฉันอ้วนขึ้นมา ฉันจะต้องหาคนที่รักฉันแล้วฉันก็รักเขาด้วยค่ะ”


ด้วยหูอันเฉียบคมของหยวนโจว เขาสามารถได้ยินเสียงพวกเธอได้อย่างง่ายดายเชียวล่ะ ส่วนคำพูดของเจียงฉางซี่เขาเห็นด้วยกึ่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้มีคำพูดที่เป็นที่นิยมในอินเตอร์เน็ตบอกว่าคนที่รักคุณจริงๆจะสนใจว่าคุณจะรู้สึกหนาวหรือไม่ขณะที่คนที่แค่ชอบคุณเท่านั้นจะสนใจแต่ว่าคุณแต่งตัวสวยหรือไม่เพียงเท่านั้น


เมื่อตอนที่เขาอ่านเจอข้อความนี้เป็นครั้งแรก หยวนโจวก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา ทำไมเธอไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาๆแต่ยังดูดีเสียเลยเล่า? ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายของเขา เขาเดาว่าเธอคงตระหนี่ถี่เหนียวจนไม่อยากเสียเงินมากกว่า


ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นด้วยกับข้อความอีกครึ่งหนึ่ง แต่เขามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าเขาสามารถปล่อยให้แฟนสาวของเขากินเยอะๆทั้งยังมีสุขภาพดีไปพร้อมๆกันได้ด้วย


นั่นก็คือข้อดีโดยสิ้นเชิง เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยวนโจวก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า


“แม้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้คุณอ้วนขึ้นมาอีก แต่เขาก็จะไม่รังเกียจที่คุณอ้วนหรอกค่ะ เพราะสิ่งที่เขารักก็คือคุณหาใช่เนื้อหนังบนร่างกายของคุณ” เจียงฉางซี่ยักไหล่


“แน่นอนว่าตอนนั้นเขาย่อมต้องรักฉันอยู่แล้วค่ะ” เฟิ่งตันกล่าวอย่างดื้อแพ่งและจริงจัง


“ของมันแน่อยู่แล้วค่ะ ไม่งั้นเขาจะอยู่กับคุณไปทำไมกันล่ะคะ?” เจียงฉางซี่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเฟิ่งตัน


เมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้อื่นแล้ว เฟิ่งตันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเธอก็เงียบไปสักครู่ อาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะเพียงจานเดียวยังส่งความร้อนออกมาอยู่นิดหน่อย


กลิ่นหอมของอาหารพุ่งเข้าสู่จมูกของเฟิ่งตันทีละน้อยทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจและผ่อนคลาย เธอลังเลอยู่สักครู่ก่อนที่จะกล่าวอะไรสักอย่างขึ้นมาอีกครั้ง


“ก็อาจจะใช่ค่ะ เขาคงไม่ได้รักฉันอีกแล้วล่ะ”


“เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ต่อไปคุณก็จะไม่รักเขาเช่นกัน” เจียงฉางซีกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ในสายตาของเธอนั้น มีเหตุผลแค่สองข้อเท่านั้นแหละที่ทำให้ไม่สามารถลืมคนรักเก่าได้ เหตุผลแรกก็คือเวลาไม่นานพอส่วนอีกคนที่เป็นคนรักใหม่ก็คงไม่ดีพอ


“แต่ว่าคนที่ปล่อยให้แฟนตัวเองอ้วนขึ้นถือว่าเขารักเธองั้นเหรอคะ? เขาไม่สนใจรูปร่างของเธอเลยงั้นหรือคะ?” เฟิ่งตันมักจะใส่ใจกับคำถามเช่นนี้อยู่เสมอ


“ฉันก็คิดว่างั้นนะคะ ถ้าคุณไม่เชื่อฉันล่ะก็ทำไมคุณไม่ลองถามเถ้าแก่หยวนที่ทำอาหารเก่งๆดูล่ะคะ?” เจียงฉางซี่เผยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแล้วโยนบอลมาให้หยวนโจว


เจียงฉางซี่เป็นคนที่มักจะวางตัวได้อย่างเหมาะสมอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะเล่าเรื่องตลกแต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นเลย ยกตัวอย่างเช่นหยวนโจวที่บังเอิญยืนอยู่ตรงโต๊ะยาวแบบโค้งและกำลังเสิร์ฟอาหารให้บรรดาลูกค้าอยู่ในตอนนี้


ในคราวนี้หยวนโจวจะสื่อสารกับบรรดาลูกค้าเป็นบางครั้งบางคราวและนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจียงฉางซี่กล่าวเช่นนั้นออกมา


“เถ้าแก่หยวน เรื่องนั้นจริงหรือเปล่าคะ?” เฟิ่งตันที่ได้รับการเตือนจากเจียงฉางซี่หันไปถามหยวนโจวทันทีโดยไม่รู้ตัว


“ผมสามารถ… ไม่ ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ เจียงฉางซี่ เธอเรียกฉันทำไมรึ?” ทันทีที่หยวนโจวตอบเธอ เขาก็อยากแสดงความคิดเห็นของตนเอง แต่จู่ๆเขาก็ชะงักไปทันทีแล้วค่อยพูดต่อ


ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวพบเจอปัญหาร้ายแรงเชียวล่ะ หากเขาแสดงความคิดเห็นออกไปก็มิเท่ากับเขาแอบฟังพวกเธอซุบซิบกันมาตลอดเลยหรือไง? เรื่องนั้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์เจ้าชายรูปงามของเขาโดยสิ้นเชิงเลยเชียวนะ


ดังนั้นหยวนโจวจึงเปลี่ยนคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ของตนเองด้วยความแยบยลขึ้นมาในทันที


“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ…” จู่ๆเฟิ่งตันก็มีท่าทีตอบสนองขึ้นมาและเล่าถึงใจความสำคัญในคำพูดของเจียงฉางซีให้เขาฟังแล้วถามเขาอีกครั้ง


“งั้นคุณจะสนใจว่าต่อไปแฟนสาวของคุณจะกลายเป็นคนอ้วนไหมคะ เถ้าแก่หยวน? ถึงอย่างไรอาหารที่คุณทำก็อร่อยมากเหลือเกินละแฟนสาวของคุณไม่น่าจะผอมหรอกนะคะ” เฟิ่งตันถามด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง


คำถามจากเฟิ่งตันดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่อยู่ข้างๆขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะพวกสาวๆ


เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่หยวนโจวจะเปิดเผยมาตรฐานการเลือกคู่จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่พวกเธอจะต้องฟังเขาให้ดี ดังนั้นทุกคนจึงเงี่ยหูเตรียมตัวตั้งใจฟังเขาพูด


“ไม่ล่ะ ผมไม่สนใจหรอกครับ คงจะมีความสุขมากเชียวล่ะหากได้เห็นเธอกินอาหารของผมน่ะ” หยวนโจวกล่าวยืนยัน นั่นเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน


“แล้วถ้าเธออ้วนขึ้นและดูไม่สวยอีกต่อไปแล้วล่ะคะ?” เฟิ่งตันถามต่อไปโดยไม่ยอมจำนนต่อคำตอบของเขา


“ไม่เป็นไรหรอกครับ” หยวนโจวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จากข้อดีของเขา สถานการณ์ดังกล่าวย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นอันขาด


“แล้วถ้าเธอไม่มีความสุขเลยล่ะคะ?” เฟิ่งตันถามต่อไป


“ผมสามารถพาเธอไปออกกำลังด้วยกันได้ครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมาตามตรงอย่างรวบรัด “และหากเธออ้วนขึ้นก็จะไม่มีใครกล้ามาท้าทายผมอีกยังไงล่ะครับ”


จากนั้นเฟิ่งตันก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอนั่งอึ้งอยู่กับที่และเอาแต่มองเหม่ออยู่อย่างนั้น


ตรงกันข้ามเลย หญิงสาวทั้งสองคนทางด้านข้างที่ได้ยินหยวนโจวพูดเช่นนั้นกลับเริ่มสนทนากันด้วยความตื่นเต้น


“ว้าว! อย่างที่คิดเอาไว้เลย เถ้าแก่หยวนสมกับที่เป็นเจ้าชายรูปงามของฉันเลย เขาเข้าใจความรู้สึกของเรามากจริงๆ” ถังซีท่าทีสนับสนุนหยวนโจวขึ้นเป็นครั้งแรก


“ถูกเผงเลย ฉันชอบแฟนหนุ่มที่ไม่สนใจเรื่องความอ้วนของฉันแบบนี้จัง” หญิงสาวแสนน่ารักและตุ้ยนุ้ยเอามือเกยคางแล้วกล่าวอย่างมีความสุข


“เถ้าแก่หยวนเป็นคนดีจัง” หญิงที่มีอายุมากกว่าหน่อยกล่าวชื่นชมพลางอมยิ้มอย่างสงวนท่าที


ส่วนบรรดาลูกค้าชายต่างยกนิ้วหัวแม่มือให้หยวนโจวด้วยสีหน้าที่อ่านออกได้ง่ายๆเลยว่า “พวกเราไม่คิดเลยว่านายจะหลอกผู้หญิงได้เก่งขนาดนี้ สุดยอดไปเลย!”


เมื่อได้รับคำชมจากพวกเขา หยวนโจวก็รู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อตัดสินจากแววตาที่เปี่ยมความหมายแล้ว เขาก็ต้องดูใจเย็นและสงบนิ่งเข้าไว้ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับเข้าครัวไปทันที


เดิมทีเขาก็คิดว่าตัวเองหน้าหนาพอตัว แต่เอาเข้าจริงๆเขาก็ยังรู้สึกอายกับคำชมของผู้อื่นอยู่นิดหน่อย


“โชคดีที่ฉันสวมหน้ากากเอาไว้นะเนี่ย” หยวนโจวคิดว่าเขาต้องฝึกให้ตัวเองหน้าหนามากกว่านี้ เขายังไปไม่ถึงจุดหมายเลย ขอแค่หน้าหนาได้หนึ่งในสิบของอู๋ไห่ก็พอแล้วล่ะ


“อย่าคิดมากไปเลยค่ะ คืนนี้ฉันจะเลี้ยงเบียร์คุณเองนะ พักนี้เบียร์ของเถ้าแก่หยวนอร่อยสุดยอดไปเลยเชียวล่ะ ทำไมไม่มีแก้วเสียเล่า?” เมื่อเห็นเฟิ่งตันมองเหม่อ เจียงฉางซี่ที่อยู่ข้างๆก็กล่าวขึ้นมาทันที


“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันจะรับคำเชิญอันแสนมีน้ำใจของคุณได้อย่างไรกันคะ?” เฟิ่งตันตอบแล้วโบกมือด้วยความละอายใจขึ้นมาในทันที


ใช่แล้วล่ะ เจียงฉางซี่กับเฟิ่งตันรู้จักกันระหว่างมื้ออาหารและพวกเธอก็ไม่เคยติดต่อกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนเลย แน่นอนว่าพวกเธอย่อมไม่สนิทพอที่จะดื่มเบียร์ด้วยกันได้


แน่นอนว่าเฟิ่งตันย่อมรู้สึกละอายใจอยู่นิดหน่อย แต่เธอรู้ว่าเจียงฉางซี่พูดออกมาเช่นนั้นก็เพื่อตัวเธอเอง เพราะฉะนั้นเฟิ่งตันจึงไม่ปฏิเสธเธอทันที


แน่นอนว่าเบียร์ของหยวนโจวก็เป็นสาเหตุที่สำคัญยิ่ง เธอหวังที่จะได้มาลองลิ้มรสชาติอยู่นานแล้วแต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสเสียที


“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ ฉันก็มักจะเลี้ยงเหล้าคนอื่นอยู่บ่อยๆน่ะ ฉันรู้สึกดีที่ได้ดื่มร่วมกับคนอื่นๆ ยังไงวันนี้ก็มาดื่มด้วยกันเถอะนะคะ” เจียงฉางซี่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก


“งั้นก็ได้ค่ะ คราวหน้าฉันขอเป็นคนเลี้ยงก็แล้วกันนะคะ” เมื่อเห็นเจียงฉางซีดูมีท่าทีจริงจังมากเสียขนาดนั้น เฟิ่งตันก็ไม่หลบเลี่ยงคำเชิญอีกต่อไป เธอจึงพยักหน้าตอบตกลง


ในที่สุดเมื่อพวกเธอนัดหมายกันแล้ว เวลาอาหารค่ำก็สิ้นสุดลง โชคดีที่อาหารและจานบนโต๊ะยังอุ่นอยู่


พวกเธอทั้งสองคนยังคงคุยกันไปพลางยิ้มกันไปพลางจนหมดเวลาอาหาร ในตอนนั้นเอง พวกขี้เมาก็มาถึงแล้ว


บทที่ 875 ศัตรูคู่อาฆาต

หลังจากหมดเวลาเปิดให้บริการของผับลงแล้ว เซินหมินก็เป็นผู้รับผิดชอบในการปิดร้าน หยวนโจวจึงมีเวลาว่างพอที่จะยกน้ำซุปที่เขาเตรียมขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปท้ายตรอก


ได้เวลาให้อาหารเจ้าซุปแล้วล่ะ


“การมีความรักจะช่วยลดน้ำหนักได้งั้นเหรอ? ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยว่ามันจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องได้หรือเปล่านะ น่าเสียดายที่ฉันก็ยังโสดเหมือนแกเลย” หยวนโจวบ่นพึมพำกับเจ้าซุปที่กำลังดื่มน้ำซุปอยู่


“โฮ่ง” เจ้าซุปแหงนหน้ามองหยวนโจวด้วยความสงสัยก่อนที่จะดื่มน้ำซุปต่อไป


เมื่อเหลือน้ำซุปอยู่ครึ่งชามเช่นเคย เจ้าซุปก็จะเห่าสองครั้ง จากนั้นเจ้าสุนัขตัวสีเหลืองก็จะมากินน้ำซุป


หยวนโจวครุ่นคิดอยู่สักครู่เมื่อเห็นเช่นนี้ “บ้าเอ้ย ฉันลืมไปว่าแกมีเพื่อนแล้วนี่นา ดี”


“ดีมาก แกมันหมาทรยศ ลาก่อน เจ้าหมาาทรยศ” หยวนโจวกล่าวแล้วกลับเข้าร้านไป


“ทรยศกันทั้งสองตัวเลย” หยวนโจวบ่นพึมพำแล้วขึ้นชั้นบนเพื่อเตรียมตัวที่จะเริ่มอ่านหนังสือ


ใช่แล้วล่ะ เขากำลังเตรียมตัวเพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องไปร้านซูแล้ว


เอกสารที่หยวนโจวได้รับให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารจานเด็ดของเฉาจื่อซูและรายละเอียดติดต่อของเขา


แน่นอนว่ารายละเอียดติดต่อย่อมต้องยืนยันวันที่และเวลามาด้วย นับเป็นเรื่องหาได้ยากที่หยวนโจวจะโทรหาใครสักคน เขาตัดสินใจที่จะไปเยือนร้านซูพรุ่งนี้ตอนบ่ายสามโมง


แน่นอนว่าการไปเยือนในช่วงเวลาดังกล่าวย่อมไม่ไปขัดขวางกิจการของทั้งสองร้าน หยวนโจวพินิจพิเคราะห์ออกมาก่อนที่จะกำหนดเวลา


“ฉันล่ะสงสัยจังเลยว่าพรุ่งนี้ฉันจะได้กินอาหารจานเด็ดของเฉาจื่อซูสักกี่จานกันนะ” ความรู้สึกคาดหวังเต็มเปี่ยมอยู่ภายในใจของหยวนโจว


หยวนโจวอ่านหนังสือต่อไปแล้วผ่อนคลายจนกระทั่งเซินหมินปิดร้านแล้วออกไปขึ้นรถประจำทางก่อนที่เขาจะเริ่มไปอาบน้ำแล้วเข้านอน


หยวนโจวนอนหลับสนิทเช่นเคย รุ่งเช้าเขาก็ตื่นมาออกกำลังกายแล้วเปิดร้าน เขาทำทุกอย่างตามปกติและไม่มีใครรู้ว่าวันนี้เขามีนัด


เมื่อเวลาอาหารกลางวันสิ้นสุดลง คุณเฉิงก็ถามเขาถึงเรื่องนั้นขึ้นมา


“อาจารย์หยวน วันนี้คุณจะไปเยือนร้านซูไหมครับ?” คุณเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าขัดอกขัดใจ


“อืม” หยวนโจวพยักหน้า


“คุณอยากให้ผมไปด้วยไหมครับ?” คุณเฉิงถามอย่างเอาจริงเอาจัง


หยวนโจวไม่ตอบคำถามในทันที เขาหันไปมองคุณเฉิงด้วยท่าทีสงสัย


ใช่แล้วล่ะ เขาสงสัยเพราะปกติคุณเฉิงจะต้องหาข้ออ้างไปด้วยกันแทนที่จะมาถามว่าจะให้เขาไปด้วยไหม


หยวนโจวเข้าใจความลังเลที่ปรากฏบนใบหน้าของคุณเฉิงจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาตอบตามตรงว่า “ไม่ต้องหรอกครับ”


“โอเค งั้นผมจะพาคุณไปส่งที่นั่นก็แล้วกันนะครับ ผมรู้จักทางไปพอดี” คุณเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วยื่นข้อเสนอขึ้นมา


อันที่จริงแล้วคุณเฉิงไม่อยากไปร้านซูเลยสักนิดเดียว


“ผมจะขึ้นรถแท็กซี่ไปครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา


“ไม่ได้นะครับ ผมสมควรต้องขับรถไปส่งคุณที่นั่น” คุณเฉิงกล่าวด้วยความเบิกบานใจ


“ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกครับ คุณไม่ใช่ลูกศิษย์ของผมเสียหน่อย” หยวนโจวพูดซ้ำ


“ผมรู้ครับ ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยดีที่มาเรียนรู้ทักษะของคุณเปล่าๆเลยอยากจะทำอะไรให้คุณบ้าง อย่าห้ามผมเลยนะครับ” คุณเฉิงคุ้นเคยกับการบอกปัดของหยวนโจวแล้ว เขายังคงยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง


“ก็ได้” หยวนโจวตอบตกลง


ในความคิดเห็นของเขา อันที่จริงแล้วคุณเฉิงได้เรียนรู้ทักษะมามากมายแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการสั่งสอนเลยก็ตามที


นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้หยวนโจวมักจะเรียกคุณเฉิงมาดูเขาตอนทำอาหาร


“ดีเลย ไปเปลี่ยนชุดเถอะครับ ผมจะรออยู่ที่นี่แหละ” คุณเฉิงกล่าวขึ้นมา


“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำ หลังจากเขาหยิบตะเกียบกับช้อนแล้วก็ลงไปชั้นล่าง


“ไปกันเถอะครับ” หยวนโจวเดินนำหน้าแล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังสี่แยกถนน


เห็นได้ชัดเลยว่านับตั้งแต่ร้านหยวนโจวมีชื่อเสียงขึ้นมา สภาพเศรษฐกิจของถนนสายนี้ก็กลับมาคึกคักดังเดิมตามด้วยความเฟื่องฟูของทั้งเขต


ข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนของเรื่องนี้ก็คือฝั่งตรงข้ามของถนนเถ่าซือมีลานจอดรถขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ธุรกิจลานจอดรถแห่งนี้ดีมากเลยทีเดียว อย่างเช่นลานจอดรถในย่านการค้าก็จะเต็มไปด้วยยวดยานพาหนะทุกวัน


คุณเฉิง หลิงหงและเจิ้งเจียเหว่ยผู้จัดการของอู๋ไห่ต่างได้ที่จอดรถอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่พึ่งพาอาศัยเส้นสายของหลิงหง


ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถจอดรถได้อย่างง่ายดายเมื่อใดก็ตามที่พวกเขามากินอาหารที่ร้านหยวนโจว


ตอนนี้หยวนโจวกับคุณเฉิงกำลังมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถเนื่องจากรถยนต์ของคุณเฉิงจอดอยู่ที่นั่น


“อาจารย์หยวน ผมจะไปเอารถก่อนนะครับ โปรดรอสักครู่” คุณเฉิงกล่าวขึ้นหลังจากมองไปที่ถนน


“โอเค ระวังตัวด้วยนะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้น


“ไม่ต้องห่วงครับ ผมเป็นคนขับที่รอบคอบมากเชียวล่ะ” คุณเฉิงพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นมา


หยวนโจวไม่ตอบ เขาพยักหน้าแล้วคุณเฉิงก็ออกไป


หลังจากคุณเฉิงออกไปแล้ว หยวนโจวก็บ่นพึมพำด้วยความสงสัยว่า “ฉันสงสัยจังเลยว่าวันนี้คุณเฉิงเป็นอะไรกันแน่ เขาดูไม่อยากไปเยือนร้านซูเอาเสียเลย”


ใช่แล้วล่ะ คุณเฉิงเป็นคนที่เข้าใจได้ง่าย ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะไม่ได้ถามเรื่องนั้นออกไป แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีนั่นแหละ


ถึงอย่างไรแต่ก่อนคุณเฉิงก็จะใคร่ครวญทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อให้เขาสามารถติดตามหยวนโจวไปได้แม้ว่าหยวนโจวกำลังจะไปที่ไหนสักแห่งที่เขาไม่อยากจะไปก็ตามที แน่นอนว่าเขาจะทำเรื่องทั้งหมดโดยไม่รบกวนหยวนโจวแต่อย่างใด


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หยวนโจวเห็นคุณเฉิงไม่อยากไปที่ไหนสักแห่ง อันที่จริงแล้ว คุณเฉิงกับร้านซูก็ให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าซุปกับเจ้าแมวที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของมันนั่นแหละ


ใช่แล้วล่ะ ศัตรูตามธรรมชาติของเจ้าซุปก็คือเจ้าแมวจรจัดนั่นเอง เจ้าแมวสีส้มที่แสนจะปราดเปรียวและแข็งแรงช่างดุร้ายเป็นอันมาก


หยวนโจวเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างเจ้าซุปกับเจ้าแมวด้วยตนเองมาแล้ว


ขณะที่หยวนโจวกำลังคาดเดาอยู่ในใจนั้น คุณเฉิงก็มาจอดรถอยู่ตรงหน้าหยวนโจว


“ขึ้นรถเลยครับ อาจารย์หยวน” คุณเฉิงรีบลงจากรถมาเปิดประตูให้หยวนโจว


“คราวหน้าผมเปิดประตูเองก็ได้ครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้น


“ได้ครับ ได้ครับ ไว้คราวหน้าผมค่อยให้คุณเปิดประตูนะครับ” คุณเฉิงกล่าวพลางยิ้มกว้าง แน่นอนว่าคราวหน้าเขาก็ตั้งใจที่จะเปิดประตูให้หยวนโจวอยู่ดีนั่นแหละ


หยวนโจวไม่กล่าวอะไรอีกแล้วเข้าไปนั่งในรถ


ร้านหยวนโจวกับร้านซูอยู่คนละเขตกัน ร้านซูตั้งอยู่ตรงถนนเคอหัว และในการจะไปถึงที่นั่นได้ พวกเขาต้องข้ามสะพานทั้งสองแห่ง ถึงแม้ว่าคุณเฉิงจะไม่ได้เร่งความเร็วแต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักกว่าจะไปถึง


รถยนต์หยุดลงตรงหน้าอาคารสูงหลายชั้นแห่งหนึ่ง


“อาจารย์หยวน ร้านซูอยู่ด้านหลังอาคารสูงหลายชั้นหลังนี้ มันเป็นอาคารสามชั้นแถมร้านยังมีการออกแบบที่ดูโบร่ำโบราณทำให้สังเกตเห็นได้ง่ายด้วยครับ” คุณเฉิงกล่าวขึ้น


“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วเปิดประตู


“อาจารย์หยวน…” คุณเฉิงอ้าปากแต่เขาก็เริ่มลังเลขึ้นมาอีก ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบประโยค เขาก็ถูกหยวนโจวขัดจังหวะ


“กลับบ้านดีๆนะครับ” หยวนโจวกล่าวแล้วปิดประตู


หยวนโจวรู้ว่าคุณเฉิงอยากจะพูดอะไร เขาเพียงแค่รู้สึกละอายใจที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างอาจารย์ของตนก็เท่านั้นเอง แต่เนื่องจากหยวนโจวได้บอกคุณเฉิงไปแล้วว่าคุณเฉิงหาใช่ลูกศิษย์ของเขาไม่จึงหาต้องใส่ใจเรื่องนั้นแต่อย่างใด


“ลาก่อนครับ อาจารย์หยวน เสร็จแล้วโทรหาผมได้เลยนะครับ ผมจะมารับคุณเอง” คุณเฉิงขึ้นรถแล้วกล่าวออกมา


“ไม่ต้องหรอกครับ กลับไปเถอะ” หยวนโจวโบกมือแล้วปฏิเสธ


คุณเฉิงมองหยวนโจวเดินผ่านไปก่อนที่เขาจะออกรถไป


หากเขายังจอดรถอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่แคล้วได้ใบสั่งแหงๆ


ด้านหน้าของตัวอาคารเป็นจัตุรัสกลางเมืองขณะที่ลานจอดรถตั้งอยู่ชั้นใต้ดินทางด้านขวาของอาคาร ดังนั้นย่อมไม่เหมาะสมนักที่จะมาจอดรถอยู่ในจัตุรัสกลางเมือง


หยวนโจวเดินข้ามจัตุรัสกลางเมืองไป ทางด้านข้างเป็นทางเดินที่มีป่าไผ่ซ่อนตัวอยู่ค่อนข้างมาก ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งจะมาถึงแต่ต้นไผ่ที่มีกลับเขียวชอุ่มมากเสียแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)