อยากกินไหมล่ะ 870-871
บทที่ 870 ลับมีดฟรี
ในขณะที่หยวนโจวมัวแต่ครุ่นคิดอยู่นั้น คุณเฉิงก็วางกล่องเอาไว้ข้างๆเนื่องจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ค่อนข้างกีดขวางการจราจรไปสักหน่อย
“ตุ้บ”
คุณเฉิงปลดกระดุมกล่องออกเผยให้เห็นมีดสวยหรูทั้งหกเล่มที่อยู่ข้างใน
มีดกลุ่มแรกที่หยวนโจวสังเกตเห็นเป็นมีดโกนที่มีขนาดเล็กและเบา ด้ามจับของมีดพวกนี้มีเนื้อไม้ตามธรรมชาติด้วย
มีอยู่สามเล่มที่ตัวมีดค่อนข้างบางทั้งยังมีคมมีดอันคมกริบ ในพวกนั้น มีดซางใช้หั่นเนื้อกับผัก มีดเพี่ยนใช้แล่เนื้อให้บางเฉียบ ส่วนมีดเหวินอู่ใช้แหวกเนื้อที่มีกระดูกอยู่ภายใน
ในพวกนั้น มีดซางเป็นมีดที่ใช้บ่อยที่สุด ด้ามจับมันแผล็บเห็นได้ชัดว่านี่คือด้ามจับที่ถูกใช้งานอยู่บ่อยครั้ง
“อาจารย์หยวน นี่คือมีดที่ผมใช้บ่อยที่สุดเลยครับ” คุณเฉิงชี้ไปที่มีดซาง
“อืม” หยวนโจวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก
มีดเล่มอื่นๆเป็นมีดปังตออีกสองเล่มอันประกอบไปด้วยมีดเลาะกระดูกกับมีดจิ่วเจียง ส่วนมีดเล่มสุดท้ายเป็นมีดปังตอแบบผสมผสานอันเป็นมีดที่ค่อนข้างธรรมดา
มีดจิ่วเจียงสามารถนำมาใช้จัดการกับอาหารทะเลและเนื้อสัตว์ได้จึงถูกนำมาใช้บ่อยครั้งมากเช่นเดียวกัน ด้ามจับของมีดเล่มนี้จึงมันแผล็บเช่นกัน
ส่วนมีดเลาะกระดูกผลิตขึ้นมาจากมีดเหล็กกล้าบริสุทธิ์ที่ทั้งหนักและคมกริบ สามารถหั่นแฮมจินฮัวให้เป็นสองซีกก็ยังได้เลย แต่นี่เป็นมีดที่กลับไม่ค่อยได้ใช้ในคอลเล็กชั่นของคุณเฉิง
“ถึงแม้ว่ามีดของผมจะไม่ดีเท่าของคุณ แต่พวกมันก็อยู่กับผมมาสองปีแล้ว ผมคุ้นกับพวกมันเสียแล้วล่ะครับ” คุณเฉิงกล่าวพลางมีรอยยิ้มซื่อๆและถ่อมตัวประดับบนใบหน้า
“อืม แต่ถึงเวลาต้องลับมีดแล้วล่ะ” หยวนโจวกล่าวหลังจากมองไปที่คมมีด
“ใช่แล้วครับ คุณพูดถูกเลยล่ะ ผมไม่ได้ลับมีดมาตั้งนานแล้ว” คุณเฉิงพยักหน้า
“วางลงมาได้เลยครับ พวกเราจะลับมีดกันล่ะ” หยวนโจวบอกให้คุณเฉิงวางกล่องลง
“โอ้ เดี๋ยวผมจะไปลับมีดเองทีหลังนะครับ” คุณเฉิงลองหยั่งเชิงดู
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่ดูก็พอแล้ว” หยวนโจวส่ายหน้า
“งั้นก็ได้ครับ” คุณเฉิงพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเหลือบมองหยวนโจวด้วยดวงตาคู่ที่ลุกโชนไปด้วยความตื่นเต้น เขากำลังรอคอยให้หยวนโจวเริ่ม เนื่องจากเขาเป็นแฟนตัวยงของหยวนโจว เขาจึงเชื่อว่าเถ้าแก่หยวนสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าฝีมือการลับมีดของเขาจะต่างไปจากผู้อื่นก็ตามที
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมที่จะเริ่มลับมีดกันอยู่นั้น ผู้คนก็รู้สึกสับสนกับมีดมากมายหลายชนิดโดยสิ้นเชิง
“ฉันคิดว่าในอาหารจีน เชฟจะใช้มีดแค่เล่มเดียวเสียอีกนะ” บุรุษในเสื้อแขนยาวสีขาวกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ฉันก็ด้วย ฉันเห็นว่าเถ้าแก่หยวนใช้มีดทำครัวของเขาระหว่างที่กำลังแกะสลักน้ำแข็งด้วยล่ะ ทำไมคุณเฉิงถึงได้มีมีดเยอะมากขนาดนี้กันเล่า?” สตรีวัยกลางคนกล่าวขึ้น
“ที่จริงเถ้าแก่หยวนก็มีมีดเยอะเหมือนกันนะ” สตรีผู้มีสายตาเฉียบคมผู้หนึ่งกล่าวพลางชี้ไปที่มีดแถวหนึ่งที่จัดเรียงอยู่ข้างๆหยวนโจว
“คุณพูดถูกเลยล่ะ ผมดันมองข้ามเรื่องนั้นไปเสียได้เพราะผมมักจะเห็นเถ้าแก่หยวนใช้แค่มีดทำครัวเท่านั้นเอง” บุรุษในเสื้อยืดสีขาวกล่าวพลางพยักหน้า
หยวนโจวหยิบแปรงขึ้นมาแช่ภายใต้สายตาของทุกคนแล้วขัดหินลับมีดสองในสามส่วน
เขาทำให้หินลับมีดเปียกเพื่อเตรียมการลับมีด
ถึงแม้ว่าเทคนิคการลับมีดของหยวนโจวจะไม่ตรงตามตำราไปเสียทีเดียวก็ตามที แต่การลับมีดของเขาก็ลื่นไหลด้วยความเป็นธรรมชาติและราบลื่นไม่มีสะดุดแต่อย่างใด
เสียงลับมีดดังขึ้นกลางอากาศไม่หยุดเนื่องจากหยวนโจวเปลี่ยนมุมของมีดในมือโดยไม่ลังเล
หยวนโจวจะลับมีดแต่ละด้านเพียงแค่ห้าครั้งก่อนที่จะยกมีดขึ้นมาดู
หยวนโจวสายตาดีมากทีเดียวและด้วยการปรับเปลี่ยนที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้ เขาสามารถมองเห็นลวดลายที่เล็กมากๆบนใบมีดได้เลย โดยแต่ละลวดลายล้วนอยู่ในที่ที่ควรจะเป็น
ขวับ! หยวนโจวเปลี่ยนไปใช้หินลับมีดสีเหลืองอีกก้อนแล้วลับมีดต่อไป
คราวนี้เขาแค่หยุดหลังจากลับมีดไปอีกสองครั้ง รวมทั้งหมดแล้วลับมีดแค่เล่มเดียวไปถึง 14 ครั้ง คราวนี้เมื่อเขายกมีดขึ้นมาดู สีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว
หยวนโจวหาได้หยุดมือลงแต่อย่างใดไม่ เขาเปลี่ยนไปใช้หินลับมีดอีกก้อนที่เป็นสีน้ำเงินเทาหม่นซึ่งมีรูปทรงคล้ายลูกบาศก์อันทำให้หินลับมีดดูงามวิจิตรเป็นอย่างยิ่ง
คราวนี้หยวนโจวยังคงลับมีดต่อไปด้วยแรงที่น้อยลงไปมาก this time, with much lesser force behind it.
หลังจากสับเปลี่ยนหินลับมีดไปสี่ก้อนแล้ว การลับมีดเล่มหนึ่งก็เสร็จสิ้นลงในที่สุด
“ดูสิครับ” หยวนโจวยื่นมีดให้คุณเฉิง
“ครับ” คุณเฉิงก้มศีรษะแล้วรับมีดมาในทันที จากนั้นเขาก็เริ่มวิเคราะห์มันอย่างจริงจัง
อันที่จริงแล้ว นี่ก็คือมีดซางนั่นเอง มันมีคมมีดอันบางเฉียบจากการออกแบบ ก่อนที่หยวนโจวจะเอามันไปลับคมก็ดูเหมือนว่าจะคมมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หลังจากลับมีดแล้วกลับไม่ดูเป็นมันเงาอีกต่อไปแล้ว
“รู้สึกว่ามันจะคมขึ้น แต่กลับไม่เงาวับอีกแล้วล่ะครับ” คุณเฉิงกล่าวขึ้นมา
“ถึงจะเป็นมันเงาก็แค่ตอนที่ส่องเป็นเส้นตรงนับจากตรงนี้ไปเท่านั้นแหละ ลวดลายจะหายไปหมดเหลือเพียงแค่คมมีดที่แท้จริงเอาไว้เท่านั้นแหละ” หยวนโจวกล่าวขึ้น
เมื่อแสงสะท้อนจากวัตถุก็จะเกิดขั้นตอนที่เรียกกันว่าการสะท้อนแสง และถ้าหากพื้นผิวเรียบและเป็นมันเงาราวกับกระจก แสงก็จะสะท้อนที่มุมเดียวกับที่กระทบกับพื้นผิวอันส่งผลทำให้เกิดการสะท้อนที่ดูเหมือนเส้นตรง
หลังจากนั้นหยวนโจวก็ลับมีดทั้งหมดที่เขาใช้อยู่บ่อยๆ มีดแต่ละเล่มแสดงให้คุณเฉิงเห็นหลังจากลับคมแล้ว เห็นได้ชัดว่าหยวนโจวกำลังสอนเขาอยู่
ระหว่างนั้นหยวนโจวก็ยังคงท่าทีจริงจังเป็นอย่างยิ่งเอาไว้ เขาจริงจังมากเสียจนลืมเลือนสิ่งรอบตัวไปแล้วและต้องให้คุณเฉิงเตือนเขาว่าได้เวลาเตรียมอาหารกลางวันแล้ว
หยวนโจวในตอนนี้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหารอยากเรียนรู้ทุกสิ่งอย่าง
“อาจารย์หยวน ผมจะช่วยเก็บของพวกนี้ให้เองครับ คุณไปเตรียมวัตถุดิบเถอะครับ” คุณเฉิงยื่นข้อเสนอ
“ไม่เป็นไรครับ เก็บแค่มีดของคุณไปก็พอแล้วครับ” หยวนโจวกล่าวพลางยื่นมีดเล่มสุดท้ายให้คุณเฉิง
จากนั้นหยวนโจวก็รีบจัดการทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว เขาเคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วว่องไวเสียจนคุณเฉิงไม่มีโอกาสได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้เลยเสียด้วยซ้ำไป
ระหว่างที่กำลังลับมีดอยู่นั้น คุณเฉิงก็รีบลับมีดของตัวเองไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาทราบดีว่าหยวนโจวเป็นคนที่ยึดมั่นใจคำพูดของตัวเอง ในเมื่อหยวนโจวบอกให้คุณเฉิงไม่ต้องลับมีดก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
“ดูเหมือนว่าหลังจากกลับไปแล้วฉันคงได้แต่ต้องทดสอบเสียแล้วล่ะ” คุณเฉิงคิดในใจ
ถูกต้องแล้วล่ะ คุณเฉิงได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการดูหยวนโจวลับมีด ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องหาได้ยากที่เขาจะมีโอกาสมาสังเกตดูหยวนโจวทำงานจากระยะใกล้ถึงขนาดนี้ ยิ่งได้มาเรียนรู้แบบตัวต่อตัวยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่เลย
ในสายตาของคุณเฉิง นี่นับได้ว่าเป็นการเรียนรู้แบบตัวต่อตัว
ระหว่างเวลาอาหารกลางวัน หยวนโจวล้างมีดทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มทำอาหาร
“อืม ตอนนี้รู้สึกว่าพวกมันดีขึ้นเยอะเลยแต่รู้สึกว่าควบคุมไม่ค่อยอยู่ ดูเหมือนว่าฉันยังต้องฝึกอีกเยอะเลย” หยวนโจวคิดพลางเปรียบเทียบความแตกต่างในช่วงก่อนและหลังการลับมีด
หยวนโจวทำอาหารได้ยอดเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อระหว่างมื้อกลางวันเช่นเคย หลังจากสิ้นสุดเวลาอาหารกลางวันลง หยวนโจวก็บอกให้คุณเฉิงรออยู่ก่อน
และเมื่อลูกค้าทุกคนกลับไปหมดแล้ว หยวนโจวก็เริ่มเตรียมลับมีดอีกครั้ง
คราวนี้หยวนโจวให้คุณเฉิงนำป้ายสำรองออกมา
ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้มีดของพวกเขาทั้งสองคนก็คมกริบแล้ว ถึงเวลาลับมีดให้ผู้อื่นบ้างแล้วล่ะ
ป้ายเพิ่งจะถูกนำออกมาแถมยังมีคนเดินเท้าไม่มากสักเท่าไหร่นักอยู่แถวนี้ ผู้ที่มองเห็นก็จะค่อยๆเดินเข้ามาและหลังจากเห็นป้ายแล้ว เขาก็รีบวิ่งออกไป
คนผู้นี้ก็คือเฉาจื่อซูรองชนะเลิศการประเมินสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนซึ่งเคยเป็นเชฟในร้านอาหารส่วนตัวของจางกวังอู่และตอนนี้เป็นหัวหน้าเชฟอยู่ที่ร้านซูที่โด่งดังไปทั่วประเทศนั่นเอง
เมื่อเฉาจื่อซูมาถึง ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรกับหยวนโจว เขาก็เห็นป้ายเข้าเสียก่อน
“ลับมีดฟรีงั้นรึ? น่าสนใจดีนี่นา” เฉาจื่อซูคิดพลางหันหลังเดินจากไป
บทที่ 871 นายแอบใช้น้ำมันของฉันสินะ
เฉาจื่อซูเป็นคนหัวล้าน ค่อนข้างเจ้าเนื้อและตัวสูงทีเดียว โครงร่างใหญ่โตของเขาทำให้เขาดูเหมือนคนที่มาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแทนที่จะเป็นคนที่มาจากเสฉวน
เขาสวมใส่ชุดธรรมดาๆทว่าเป็นชุดเครื่องแต่งกายสมัยราชวงศ์ถังอันแสนสง่างาม แต่เพราะชุดคับแน่นเกินไปจึงไม่ให้ความรู้สึกของผู้คงแก่เรียนแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาดูเหมือนนักแสดงศิลปะการป้องกันตัวที่แสร้งทำตัวเป็นผู้แก่เรียนอย่างไรอย่างนั้นเลย
อาจกล่าวได้ว่าเฉาจื่อซูดูเหมือนคนขายเนื้อมากกว่าเชฟเสียอีก
ถึงแม้ว่าร้านของเขาจะเป็นหนึ่งในสุดยอดร้านอาหารในเสฉวน แต่นานๆทีเฉาจื่อซูถึงจะเข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารในฐานแขกรับเชิญและแทบจะไม่ค่อยแสดงตัวต่อหน้าผู้คนเสียเท่าไหร่นัก ดังนั้นแม้แต่ตอนที่เขากำลังเดินอยู่บนถนนเถ่าซืออันเป็นถนนสายที่เต็มไปด้วยเหล่านักชิม ทว่ากลับไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคน
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเชฟที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในครัวของตนเองเท่านั้น
ถึงอย่างไรร้านซูอันเป็นร้านของเขาก็ตั้งอยู่ในเฉิงตูเช่นกัน แต่ร้านของเขาตั้งอยู่คนละที่กับร้านหยวนโจว พวกเขาอยู่ค่อนข้างห่างไกลกันมากทีเดียว
ในฐานที่เป็นหัวหน้าเชฟของร้านซู ปกติเฉาจื่อซูจะใช้เวลาไปกับการบันทึกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของอาหารตำหรับเสฉวน วันนี้จึงเขามาที่นี่เพราะมีธุระเป็นพิเศษ แต่ก่อนที่เขาจะได้แสดงตัวตนต่อหน้าหยวนโจว เขาก็ต้องกลับไปร้านซูเสียก่อน นั่นก็เพราะป้ายที่หยวนโจวตั้งเอาไว้หน้าร้านนั่นเอง
“อาจารย์ ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะครับ? ผมนึกว่าคุณจะไปลองชิมอาหารตำหรับเสฉวนที่แพงที่สุดในเสฉวนเสียอีก?” จ้าวน้อยผู้เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเฉาจื่อซูถามขึ้นมา
อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าร้านหยวนโจวจะแพง แต่ก็ยังมีร้านอื่นๆในเสฉวนที่แพงยิ่งกว่าเสียอีกอย่างเช่น ร้านซูที่ไม่ด้อยกว่าร้านหยวนโจวเลยในแง่ของราคา สำหรับร้านค้าเหล่านี้ นอกเหนือไปจากอาหารแล้ว สิ่งที่พวกเขานำเสนอก็คือบรรยากาศและการให้บริการนั่นเอง
ในแง่ของบรรยากาศ ร้านหยวนโจวก็นับว่าน่าพอใจและที่นั่นก็เป็นที่ยอมรับเรื่องการให้บริการเช่นกัน ดังนั้นในด้านอาหารตำหรับเสฉวน ร้านหยวนโจวจึงขึ้นชื่อในเรื่องอาหารตำหรับเสฉวนที่มีราคาแพงมากที่สุด
“ฉันเห็นเชฟหยวนให้บริการลับมีดก็เลยคิดจะลองดูซิว่าเขาจะสามารถลับมีดของฉันได้ไหม” เฉาจื่อซูกล่าวพลางลูบศีรษะล้านเลี่ยนพร้อมยิ้มออกมา
“ลับมีดงั้นเหรอครับ?” จ้าวน้อยพูดต่อ “อาจารย์ครับ มีดของคุณเป็นมีดที่ปรมาจารย์เฉียนเป็นคนตีขึ้นมา แล้วหยวนโจวจะสามารถลับคมมีดแบบนั้นได้อย่างไรกันล่ะครับ?”
จ้าวน้อยสรุป “ในความคิดเห็นของผม หยวนโจวไม่ได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่เขาควรจะทำเอาเสียเลย”
เมื่อเฉาจื่อซูได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็พลันขุ่นมัวขึ้นมาทันที
“เมื่อเชฟลับมีดของตัวเอง เขาก็จะควบคุมมีดได้ดีขึ้น แล้วจะไม่ถือว่าเขาไม่ได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่เขาควรจะทำได้ยังไงกัน?” เฉาจื่อซูตำหนิ “ยิ่งไปกว่านั้น ร้านของเชฟหยวนก็เหมือนกับร้านซูของเราตรงที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสุดยอดร้านอาหารของปีนี้ พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เชฟหยวนก็อยู่ในขั้นเดียวกับฉันแล้ว ในฐานที่เป็นลูกมือฝึกหัด นายจะไปเรียกชื่อเขาตรงๆได้ยังไงกันเล่า?”
“ขอโทษครับอาจารย์ ผมผิดไปแล้ว” จ้าวน้อยกล่าวขอโทษซ้ำๆ
“ในฐานที่เป็นเชฟ นอกจากความรอบรู้ในฝีมือของตัวเองแล้ว นายต้องรู้จักมีมารยาทด้วย เชฟหยวนไม่ใช่คนที่ลูกมือฝึกหัดอย่างนายจะสามารถตัดสินได้ตามใจชอบ อย่าพูดแบบนี้อีกเชียวนะ” เฉาจื่อซูกล่าวอย่างเข้มงวด “อย่าให้ผู้อื่นนึกได้ว่าคนของร้านซูช่างไร้มารยาทเอาได้”
จ้าวน้อยไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดของตัวเอง
เนื่องจากเฉาจื่อซูมีงานรัดตัว เขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไรอีก หลังจากจัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปร้านหยวนโจวอีกครั้ง
จ้าวน้อยเหลือบมองไปทางแผ่นหลังที่ห่างออกไปของเฉาจื่อซู่จนเฉาจื่อซู่ลับสายตาไป สีหน้าไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
ถ้าหากหยวนโจวมาเห็นจ้าวน้อยเข้าล่ะก็เขาคงเรียกออกมาว่าผู้ช่วยเชฟด้วยความประหลาดใจเป็นแน่ ถูกต้องแล้วล่ะ จ้าวน้อยเคยเป็นผู้ช่วยเชฟในโรงแรมที่หยวนโจวเคยทำงานอยู่มาก่อน
ถึงแม้ว่าเฉาจื่อซูจะถูกเรียกว่าจ้าวน้อย แต่อันที่จริงเขาอายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว จากผู้ช่วยเชฟไปสู่ลูกมือฝึกหัดอาจจะดูเหมือนว่านี่เป็นการลดขั้น แต่ก็อีกนั่นแหละนะ ต้องพิจารณาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนด้วย
ร้านซูเป็นร้านที่ก่อตั้งมานานทั้งยังขึ้นชื่อว่าเรื่องอาหารตำหรับเสฉวนอันดับหนึ่ง ผู้ที่จบการฝึกงานที่นี่จะมีสถานะที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากมายสักเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้วหากไม่ใช่เพราะมีคนที่จ้าวน้อยรู้จักล่ะก็เขาคงไม่ได้รับการตอบรับให้เข้ามาฝึกงานที่นี่หรอก
เมื่อตอนที่เจ้าน้อยเคยเป็นผู้ช่วยเชฟอยู่นั้น หยวนโจวยังเป็นแค่พนักงานจิปาถะอยู่เลย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูถูกหยวนโจว แต่ยังไงเสียเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าอยู่ดีนั่นแหละ เขากลายเป็นลูกมือฝึกงานด้วยความยากลำบากยิ่ง โดยคิดว่าเขาจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตในไม่ช้า
แต่เขากลับพบว่าหยวนโจวขึ้นสู่จุดสูงสุดไปเสียแล้ว ทั้งยังกลับกลายเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกับเฉาจื่อซูอีกต่างหาก
จ้าวน้อยจะไปยอมรับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า?
“ถึงเวลาก็จะได้รู้กันเองแหละ” จ้าวน้อยบ่นพึมพำ
เขารู้สาเหตุที่เฉาจื่อไปเยือนร้านหยวนโจวอยู่หรอกนะ
เขากำลังเชิญชวนหยวนโจวให้มาแลกเปลี่ยนวิชาเหมือนกับแต่ละครั้งที่ไปเยือนร้านอื่นๆเพื่อลองชิมอาหารไม่มีผิดเลย
เมื่อถึงทีของหยวนโจว เขาก็จะได้มองเห็นหยวนโจวได้ชัดถนัดตา
ต้องยอมรับว่าการเสนอชื่อของโจวซื่อเจี๋ยมีส่วนช่วยผลักดันร้านหยวนโจวให้กลายเป็นจุดสนใจมากทีเดียว การคัดเลือกสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนประจำปีจะถูกจัดขึ้นเป็นการภายในและในฐานที่เป็นประธานสมาพันธ์เชฟแห่งประเทศจีน โจวซื่อเจี๋ยย่อมมีสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อร้านอาหารขึ้นมา
นอกจากนี้ประธานสมาคมตำหรับอาหารเสฉวนก็ได้รับสิทธิ์เสนอชื่อร้านมาชื่อหนึ่ง บรรณาธิการใหญ่ของฟู้ดดิสคัฟเวอรีด้อก นิตยสารอาหารรายใหญ่ที่สุดในเสฉวนก็มีสิทธิ์เสนอชื่อหนึ่ง โปรดิวเซอร์ของกิจกรรมเองก็ได้รับสิทธิ์เสนอชื่อหนึ่งและคนอื่นๆก็เช่นกัน โดยทั้ง 10 ร้านจะเข้าสู่รอบคัดรอบต่อไป
ร้านที่ได้รับการเสนอชื่อส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของหยวนโจวในฐานหน้าใหม่ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องได้รับคำเชิญให้มาแลกเปลี่ยนวิชาอยู่แล้วล่ะ
เฉาจื่อซูให้ความสนใจกับเรื่องมารยาทมาก ดังนั้นเขาจึงต้องออกไปเชิญหยวนโจวด้วยตัวเอง
เฉาจื่อซูมาถึงร้านหยวนโจวอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง เขาจึงสามารถแทรกตัวไปอยู่หน้าผู้คนได้
หยวนโจวจวนจะลับมีดเล่มที่สิบเสร็จแล้ว
“เชฟหยวน ช่วยดูมีดเล่มนี้ให้ทีสิ ต้องลับคมหรือยัง?” เฉาจื่อซูกล่าวขึ้นมา
หยวนโจวยืดเส้นยืดสายเบาๆ เมื่อต้องคงท่าเดิมเอาไว้ระหว่างลับมีดหลังจากนั้นย่อมต้องเริ่มปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่แล้ว หลังจากยืดเส้นยืดสายแล้ว หยวนโจวก็เงยหน้าขึ้นมา
กล่องของเฉาจื่อซูดึงดูดความสนใจของหยวนโจวขึ้นมาทันที
จากคุณภาพของกล่อง ตัวกล่องเองค่อนข้างมีราคามากอยู่แล้ว แน่นอนว่ามีดที่อยู่ด้านในย่อมต้อมเป็นมีดที่ยอดเยี่ยมคู่ควรแก่กล่องใบนี้
“ครับ เปิดกล่องให้ผมดูหน่อยนะครับ” หยวนโจวกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้าไปมอง ทว่าสายตากับตรึงติดอยู่ที่กระเป๋า
เฉาจื่อซูหาได้ใส่ใจแต่อย่างใดไม่ ถึงอย่างไรก็มีเชฟแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถละสายตาไปได้หลังจากที่ได้เห็นกระเป๋ามีดของเขา
ขวับ! เฉาจื่อซู่เปิดกล่องออก ด้านในมีมีดแถวหนึ่งจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีดแต่ละเล่มจะมีเครื่องหมายพิเศษสลักเอาไว้ด้านหลังเป็นรูปมังกร
“มีดดีนี่นา” หยวนโจวกล่าวขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นมีดที่ยอดเยี่ยมทีเดียวล่ะ” เฉาจื่อซูพยักหน้าพลางยิ้ม ตอนนี้ศีรษะล้านเลี่ยนของเขายิ่งเงาวับมากยิ่งขึ้น
“ยังไม่ต้องลับคมหรอกครับ มันยังใช้ได้อยู่เลยแถมยังคมมากอีกต่างหาก” หยวนโจวกล่าวแล้วเงยหน้ามองเฉาจื่อซูในที่สุด
หยวนโจวไม่ใช่คนโง่ มีคนมาขอให้ลับมีดที่ยอดเยี่ยมออกขนาดนี้ย่อมต้องมาที่นี่เพราะมีธุระเป็นแน่แท้ มิฉะนั้น คนที่มีมีดเช่นนั้นย่อมไม่มาสุ่มถามเรื่องลับมีดของตัวเองแบบนั้นหรอก
“ฮ่าฮ่า เชฟหยวนสายตาดีจริงๆ ผมเฉาจื่อซูจากร้านซูนะครับ” เฉาจื่อซูหัวเราะแล้วแนะนำตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” หยวนโจวถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นคุณเฉิงคืนมีดให้ผู้คนและรับมีดเล่มใหม่จากทางหางตา
“ครับ ผมมาที่นี่เพื่อเชิญเชฟหยวนเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อมิตรภาพ ถึงอย่างไรเราทั้งคู่ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสุดยอดร้านอาหาร คงจะเป็นเรื่องดีหากเราได้รู้จักกันเสียก่อน” เฉาจื่อซูกล่าวพลางยื่นเอกสารให้
“ได้สิครับ” หยวนโจวตอบตกลงทันที เขานึกถึงภารกิจของเจ้าระบบขึ้นมาได้ทันทีเมื่อได้ยินชื่อร้าน
“เชฟหยวนเป็นคนเปิดเผยจริงๆเลยนะครับ ยอดไปเลย พอถึงเวลาพวกเราจะได้คุยรายละเอียดกันอีกที งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ” เฉาจื่อซูกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะยกกล่องแล้วจากไป
หลังจากเฉาจื่อซูกลับไปแล้ว หยวนโจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขายังคงลับมีดให้ผู้อื่นต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น