อยากกินไหมล่ะ 868-869

 บทที่ 868 ลับมีด

ปกติแล้วบุรุษพยายามที่จะไม่ร้องไห้กันง่ายๆ นั่นหาใช่ว่าพวกเขากลัวผู้ใดมาพบเห็นตอนที่กำลังร่ำไห้แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่อาจยอมรับว่าตนเองกำลังร้องไห้อยู่ได้ หลิงหงเป็นคนที่เป็นห่วงเรื่องศักดิ์ศรีหน้าตาของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อเขาร้องไห้ทั้งอู๋ไห่กับหยวนโจวจึงถึงกับตกตะลึงไปเลย


พวกเขาต่างคาดหวังว่าหลิงหงอาจจะอารมณ์เสียเมื่อตอนที่กลับมา แต่พวกเขาไม่คาดว่าจะถึงขนาดนี้เลย ทั้งคู่ต่างรู้สึกตกตะลึง


หยวนโจวทำอะไรไม่ถูกทั้งยังไม่ทราบว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ส่วนอู๋ไห่นั้นจู่ๆเขาก็วิ่งออกไปจากร้าน เขาเข้าห้องน้ำสาธารณะที่คณะกรรมการจัดระเบียบแถวจัดสร้างขึ้นแล้วปิดประตูก่อนที่จะถอดเสื้อแจ็คเก็ตกับเสื้อยืดออกแล้วสวมกลับด้าน มันออกจะดูแปลกๆอยู่บ้างที่ต้องสวมเสื้อแขนยาวกลับด้าน แต่อู๋ไห่ไม่สนใจเลยสักนิดเนื่องจากเขาไม่เคยสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่แล้ว


หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่ร้านหยวนโจว เขาทำทุกอย่างๆเป็นขั้นเป็นตอนโดยใช้เวลาทั้งสิ้นห้านาที


ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลิงหงกำลังร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าเป็นอันมาก พูดกันจริงๆแล้วนอกจากช่วงวัยเด็กของเขาเมื่อตอนที่รู้ว่าน้องสาวของเขาเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เขาก็ไม่เคยเสียน้ำตามากขนาดนั้นมาก่อนเลย


แม้แต่หลิงหงเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ร่ำไห้ บางทีอาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อแปดปีที่แล้วกระมังที่ทำให้เขารู้สึกผิดเหลือคณานับ? อาจเป็นเพราะเขาเห็นผู้หญิงสวยสะดุดตาที่มีเพียงบุรุษอีกคนในสายตาของเธอเท่านั้นกระมัง? อาจเป็นเพราะเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้กระทำลงไปเมื่อสมัยเรียนกระมัง? อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้กระมัง? หรืออาจจะเป็นเพราะทุกๆสาเหตุรวมกันก็เป็นได้กระมัง?


หลิงหงไม่กลัวเสียหน้า จนถึงที่สุดแล้วเสียงของเขาก็เริ่มแหบจากการร้องไห้


หยวนโจวที่อยู่ข้างๆอ้าปากอีกครั้ง แต่เขากลับไม่สบโอกาสที่จะปลอบใจหลิงหงเลย สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือปิดประตูเพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นเข้า


“ปล่อยให้เขาร้องไห้เถอะ บุรุษทุกคนอาจจะอยากมีโอกาสที่จะได้ร้องไห้เช่นนี้สักครั้ง แต่ส่วนใหญ่กลับไม่เคยมีโอกาสเลย” อู๋ไห่กล่าวขึ้นมา


“ก็จริงนะ” หยวนโจวพึมพำ จากนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า “งั้นนายก็เป็นหนึ่งในนั้นสินะ?”


อู๋ไห่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉันสักหน่อย เมื่อตอนที่ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ ฉันก็จะร้องไห้มันออกมาตรงๆตอนอยู่ที่บ้านเสียเลย ฉันไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นเรื่องน่าอายสักแค่ไหน”


จู่ๆหยวนโจวก็รู้สึกได้ถึงข้อดีของการเป็นคนไร้ยางอาย เมื่อทุกคนเอาแต่สนใจว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก คนไร้ยางอายก็จะมีอิสระมากกว่าใครอื่นเสียอีก


เขายอมรับข้อเสนอแนะของอู๋ไห่และไม่เข้าไปขัดจังหวะหลิงหง ในที่สุดหลิงหงก็อยู่ที่ร้านหยวนโจวตลอดค่ำนั้น แน่นอนว่าอู๋ไห่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน เขาได้แต่นั่งอยู่ข้างๆหลิงหงโดยไม่พูดอะไร


ส่วนหยวนโจวนั้น เขาเริ่มเตรียมวัตถุดิบของตัวเองเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำ บางครั้งแค่มีคนอยู่ด้วยก็เพียงพอแล้วล่ะ


ตอนค่ำพี่วั่นก็มาถึง เมื่อเธอเห็นดวงตาแดงก่ำของหลิงหงก็ทำให้เธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เธอไม่ได้พูดอะไรมากนักได้แต่บอกว่าคืนนี้พวกเขาน่าจะดื่มอะไรกันสักหน่อย


นั่นเป็นแผนที่ดีมากเชียวล่ะ แต่น่าเสียดายที่ที่หลังจากคืนนั้น พวกเขาก็พบว่าหลิงหง พี่วั่นและอู๋ไห่ต่างก็แพ้เดิมพันกันจนหมด แถมคนอย่างเฉินเหว่ยกับเจียงฉางซี่ก็ดันไม่อยู่แถวนี้เสียด้วย พวกเขารู้ว่าบรรดาลูกค้าจะมาดื่มคืนนี้แต่กลับไม่รู้จักพวกเขาดีพอ


ดังนั้นหลังจากผับปิด หยวนโจวจึงไปดื่มที่ผับของฟางเหิงพร้อมกับอู๋ไห่ พี่วั่นและหลิงหง


นับว่าเป็นเรื่องหาได้ยากที่จะเห็นหยวนโจวปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนั้น เขาดื่มกับพวกเขาแล้วกลับไปเมื่อทุกคนเริ่มเมาแล้ว


หยวนโจวหลับสนิทหลังจากดื่มแล้วตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น


หลังจากเวลาอาหารเช้า หยวนโจวไม่ได้เริ่มแกะสลักทันที ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาเริ่มตรวจสอบเครื่องใช้ในครัว


“ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องลับมีดพวกนี้แล้วล่ะ” หยวนโจวพึมพำขณะที่เขาตรวจสอบมีดไปทีละเล่มๆ


จากมีดหลายๆเล่มที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้ นอกเหนือไปจากมีดทำครัวที่ไม่ต้องลับคมแล้ว มีดเล่มอื่นๆก็ยังต้องลับคมอยู่ดี


แน่นอนว่าเจ้าระบบย่อมต้องเตรียมหินลับมีดมาให้เช่นกัน โดยหินลับมีดที่เตรียมมาให้มีอยู่ทั้งสิ้นแปดก้อน


หยวนโจวเริ่มยกมีดทั้งหมดและหินลับมีดออกไปข้างนอก ดูท่าแล้วเขาคงกำลังจะลับมีดเป็นแน่


“อีกอย่างนะเจ้าระบบ แกรู้เรื่องเกี่ยวกับโม่ซานเต้าระหว่างสถาปนาสาธารณรัฐหรือเปล่า?” จู่ๆหยวนโจวก็ถามขึ้นมา


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “จากบันทึกทั้งหลาย คนผู้นี้ต้องลับมีดถึงสามครั้งสามคราเพื่อให้ขั้นตอนการลับมีดเสร็จสมบูรณ์โดยไม่ต้องอาศัยมีดอีก”


“ใช่ เป็นเขานั่นแหละ แกมีเทคนิคการลับมีดของเขาไหม?” หยวนโจวพยักหน้าแล้วถามขึ้น


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “มี”


“เยี่ยมไปเลย ฉันรู้ว่าแกมีความสามารถนะเจ้าระบบ” หยวนโจวเอ่ยปากชื่นชมเจ้าระบบขึ้นมาก่อน


จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “ช่วยแสดงให้ฉันดูทีสิว่าเทคนิคลับมีดของเขาเป็นอย่างไรกันแน่?”


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เนื่องจากเจ้านายยังไม่บรรลุภารกิจสำคัญจึงไม่สามารถเรียกดูเทคนิคได้”


“ภารกิจงั้นรึ? ฉันต้องทำภารกิจอะไรถึงจะได้มันเป็นรางวัลกันล่ะ?” หยวนโจวกดปุ่มเปิด


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ระดับของเจ้านายไม่พอที่จะเข้าถึงข้อมูลนี้ได้”


“มันเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรองหรือภารกิจที่ซ่อนอยู่กันล่ะเนี่ย?” หยวนโจวยังคงถามต่อไปโดยไม่ท้อใจแต่อย่างใด


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เจ้านายจะได้รู้ก็ต่อเมื่อภารกิจถูกกระตุ้นออกมานั่นแหละ”


“ถูกกระตุ้นออกมางั้นเหรอ? งั้นก็เป็นภารกิจที่ซ่อนอยู่งั้นสิ” หยวนโจวเข้าใจขึ้นมาทันที


เจ้าระบบยังคงเงียบไปโดยไม่ยืนยันอะไรออกมา


“เอาล่ะ ในเมื่อฉันไม่มีเทคนิคของโม่ซานเต้า ฉันก็ควรจะตั้งอกตั้งใจลับมีด้วยวิธีธรรมดาๆ” หยวนโจวชินเสียแล้วที่เจ้าระบบหายไปตามใจชอบ เขาจึงเปลี่ยนไปจดจ่อและเตรียมตัวเพื่อเริ่มขั้นตอนการลับมีด


ก่อนที่หยวนโจวจะได้เจ้าระบบมา เมื่อตอนที่เขากำลังเรียนและทำงานอยู่ที่โรงแรมระดับสามดาวแห่งหนึ่ง เขาก็รู้จักวิธีลับมีดแล้ว แต่เขาไม่เคยลับด้วยหินลับมีดจำนวนมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย


อาจกล่าวได้ว่าเชฟอาหารจีนทุกคนจะทราบวิธีลับมีดกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่พวกเขาจะไม่ลับมีดหลังจากฝีมือการทำอาหารดีขึ้นแล้วก็ตามที


เมื่อเรียนรู้วิธีการทำอาหาร หยวนโจวก็ต้องเรียนรู้วิธีลับมีด เขาไม่แน่ใจด้วยระดับของเขาในตอนนี้ถทอว่ามีฝีมือการลับมีดแล้วหรือไม่


เขานั่งลงบนเก้าอี้และหลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก


หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนรับสาย


“สายัณห์สวัสดิ์ครับ อาจารย์หยวน” คุณเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูซื่อๆ


“อืม ฉันจะลับมีดเย็นนี้แหละ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา


“โอเคครับ ผมจะไปทันทีเลย” คุณเฉิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น


“เอามีดมาด้วยนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้น


“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย” คุณเฉิงกล่าวขึ้นมา


“โอเค แค่นี้นะครับ” หยวนโจววางสาย


คุณเฉิงวางสายหลังจากหยวนโจวตัดสายไปแล้ว


“ฮ่าๆ ดูเหมือนอาจารย์หยวนจะนับฉันเป็นศิษย์แล้วนะ ยอดไปเลย” คุณเฉิงโบกไม้โบกมือด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งแล้วรีบกลับบ้านไปเอามีดของตนเอง


ใช่แล้วล่ะ ก่อนหน้านี้คุณเฉิงกำลังขับรถอยู่ เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาค่อยจอดรถตรงช่องเดินรถฉุกเฉินก่อนที่จะรับสาย


ถึงอย่างไรหยวนโจวก็เกลียดผู้ที่ฝ่าฝืนกฎจราจร คุณเฉิงตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี


ดังนั้นคุณเฉิงจึงเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามกฎจราจรทุกข้อ


เนื่องจากคุณเฉิงได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วที่จะปวารณาตัวเป็นศิษย์ของหยวนโจว แน่นอนว่าเขาย่อมทำทุกอย่างตามกฎของหยวนโจว นี่คือสิ่งที่เขาคิดว่าจำเป็นต้องทำ


หยวนโจวไม่ทราบเรื่องนั้นแต่อย่างใด แต่หลังจากเขาตัดสายไปแล้วก็ยังไม่ได้เริ่มลับมีด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาเริ่มวิเคราะห์ลายบนตัวมีด ด้านหลังมีดรวมไปถึงคมมีดเลยเชียวล่ะ


บทที่ 869 ลืมตัว

มีดทุกเล่มที่หยวนโจวนำออกมาเป็นมีดที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้เมื่อตอนที่ร้านเปิดครั้งแรก ถ้าเป็นมีดธรรมดาๆพวกมันก็คงต้องลับคมนานแล้ว แต่กลับเลื่อนเวลาออกไปได้เนื่องจากมีดที่เจ้าระบบจัดเตรียมเอาไว้ให้พวกนี้มีความทนทานมาก


ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่หยวนโจวจะลับมีกทุกเล่มในครัวของเขา


“เจ้าระบบเป็นผู้จัดเตรียมมีดทุกเล่มเอาไว้ให้ พวกมันต้องมีคุณภาพยอดเยี่ยมและทุกเล่มต้องมีคุณภาพดี โดยเกือบทุกลเมเป็นมีดที่ผลิตจากกลุ่มเดียวกันในโรงงานเดียวกันอีกต่างหาก” หยวนโจวได้ข้อสรุปหลังจากเขาได้วิเคราะห์มีดทุกเล่มแล้ว


ไม่ว่าจะเป็นระดับความคมหรือความกว้างของคมมีด ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับที่เหมาะสมแก่การหั่นวัตถุดิบทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังดูเหมือนกันไปหมดอีกต่างหาก


“มีดพวกนี้ยอดเยี่ยมไปเลยจริงๆ แต่กลับไม่เหมาะแก่การฝึกลับมีดเอาเสียเลย” หยวนโจวขมวดคิ้ว เขาตัดสินใจที่จะเตรียมพร้อมด้วยมีดธรรมดาๆก่อน เขาไม่สามารถเริ่มต้นด้วยมีดที่ลับได้ยาก


ขณะที่หยวนโจวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ผู้คนรอบตัวเขาก็เริ่มพูดคุยกันเอง


“วันนี้เถ้าแก่หยวนไม่แกะสลักน้ำแข็งงั้นเหรอ?”


“ใช่ นั่นอะไรน่ะ?”


“เขากำลังลับมีดอยู่น่ะสิ ออกจะชัดเสียขนาดนั้นแล้วแท้ๆ เห็นได้ชัดเลยว่านั่นคือหินลับมีดยังไงล่ะ”


“นายพูดแบบนี้ออกมาทำให้ฉันนึกขึ้นได้เลยว่าไม่ได้ยินใครมาให้บริการลับมีดเสียตั้งนานแล้วนะเนี่ย”


“ถูกต้อง ฉันรู้สึกเหมือนทุกวันนี้พวกเราจะได้ยินน้อยลงทุกทีแล้วนะ ยิ่งไปกว่านั้นคนขายยังไม่บริการลับมีดให้ด้วยล่ะ ทุกวันนี้พวกเราคงได้แต่โยนมีดเก่าๆทั้งหมดของเราทิ้งไปเท่านั้นแล้วกระมัง?”


ผู้คนเอาแต่คุยกัน แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้คุยกันเสียงดังเกินไปนักจนไปรบกวนหยวนโจวเข้า ทว่าเมื่อเขาได้ยินการสนทนาของพวกเขาเข้า เขาก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที


หยวนโจวเงยหน้าแล้วมองไปทางผู้คน เขาไม่เจอคุณเฉิงจึงกลับเข้าร้านไป


ตึก ตึก ตึก ทันทีที่เขาเข้าไปในร้าน เขาก็รีบขึ้นไปชั้นสอง


เขามุ่งหน้าไปที่ห้องของตัวเองแล้วเริ่มเขียนลงบนกระดาษด้วยปากกามาร์คเกอร์บนโต๊ะ


ขวับ! ขวับ! ขวับ! เขาเขียนอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยเสียงการเขียนลวกๆที่ดังสะท้อนอยู่ในห้อง


ไม่นานนักเขาก็เขียนจนเสร็จ เขาเขียนไปทั้งสิ้นสามบรรทัดและเป็นคำที่ค่อนข้างยาวทีเดียว ผู้คนได้แต่ต้องเดินเข้ามาใกล้ๆจึงจะสามารถอ่านสิ่งที่อยู่บนกระดาษได้


คำพวกนี้เขียนเอาไว้ว่า: ลับมีดฟรีครั้งละห้าเล่ม รอรับได้ในหนึ่งชั่วโมง]


“อืม น่าจะใช้ได้นะ” หยวนโจวมองดูกระดาษด้วยความพึงพอใจ


ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวตัดสินใจที่จะให้บริการลับมีดกับผู้คนที่นี่กันไปเลยฟรีๆ แบบนั้นเขาก็จะได้ฝึกฝีมือการลับมีดทั้งยังได้ฝึกลับมีดหลากหลายชนิดอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องกันเลยก็ว่าได้


ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินมาว่านานแล้วที่ไม่มีใครมาให้บริการลับมีดที่นี่


เมื่อหยวนโจวมาถึงชั้นล่าง คุณเฉิงก็มารออยู่ข้างนอกพร้อมกล่องไม้แล้ว


“อาจารย์หยวน ตอนนี้จะให้ผมทำอะไรครับ?” คุณเฉิงค่อยๆวางกล่องลงแล้วถามขึ้นมาหลังจากรับกระดาษกับโครงไม้จากหยวนโจว


“แปะกระดาษแผ่นนี้เอาไว้บนโครงไม้แล้ววางเอาไว้ข้างๆเลยครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้น


“ได้ครับ” คุณเฉิงพยักหน้าแล้วเริ่มทำงานทันที


ข้อดีอย่างหนึ่งของคุณเฉิงก็คือเขาไม่เคยถามมากเกินไป แต่เขาจะทำงานที่หยวนโจวมอบหมายให้เขาทันที


ในขณะที่คุณเฉิงกำลังทำงานอยู่นั้น หยวนโจวก็สวมผ้ากันเปื้อนแล้วนั่งลงบนม้านั่ง หลังจากเขาจัดชุดเครื่องแต่งกายสมัยราชวงศ์ฮั่นเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันกลับไปและพบว่าคุณเฉิงแปะกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้ว


“ถ้าคุณทำเสร็จแล้วก็มานี่เลยนะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา


“ครับ” คุณเฉิงพยักหน้าแล้วหยิบโครงไม้ขึ้นมาก่อนที่จะเดินเข้าไปหาหยวนโจว


“คุณได้เอามีดมาไหมครับ?” หยวนโจวถามขึ้น


“ครับ มีดที่ผมใช้อยู่เป็นประจำอยู่ที่นี่หมดแล้วครับ” คุณเฉิงกล่าวพลางยกกล่องของเขาขึ้นมาด้วย


“ขอผมดูหน่อยนะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นมา


ทันทีที่หยวนโจวกล่าวเช่นนั้น คุณเฉิงก็เปิดกล่องของเขาออกมาทันที


กล่องของคุณเฉิงเป็นสีน้ำตาลให้ความรู้สึกมั่นคงและน่าเชื่อถือ มันมีขนาดใหญ่พอๆกับกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆโดยมีความหนาถึง 12 เซนติเมตร ตรงด้านหน้าเป็นกระดุมสีเงินสองเม็ดและเมื่อมองผ่านๆ กล่องใบนี้กลับดูเหมือนมีวัตถุโบราณล้ำค่าบรรจุอยู่ภายใน


ใช่แล้วล่ะ สำหรับเชฟแล้ว มีดของเขาก็คือสมบัติล้ำค่าหายาก ไม่เพียงมีดพวกนี้จะเป็นเครื่องมือในการดำรงชีพของพวกเขาเท่านั้น แต่มีดพวกนี้ยังเป็นสหายที่จะคอยอยู่เคียงข้างพวกเขาไปจนถึงจุดสูงสุด


ดังนั้นถึงจะผ่านมานานนมแล้ว แต่บรรดาเชฟก็มักจะดูแลรักษามีดของพวกเขาเป็นอย่างดีอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่นหยวนโจวที่รักมีดทำครัวประหลาดของเขาเป็นอย่างยิ่ง


สำหรับดีนเชฟชื่อดังคนก่อนที่เขาได้พบเจอนั้น สาเหตุที่ทำให้หยวนโจวรู้สึกว่าเขาด้อยกว่าฉูเสี่ยวหาใช่เพราะฝีมือของเขาหรอก หากแต่เป็นทัศนคติของเขาต่างหากเล่า


อันที่จรองแล้ว ดีนเป็นเชฟชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศส แม้แต่ประธานโจวซื่อเจี๋ยก็ยังต้องจัดการมีดด้วยตนเองเลย นั่นช่างต่างจากดีนที่ปล่อยให้ผู้ช่วยของเขาเป็นคนจัดการมีดแทนเสียอย่างนั้น


นี่หาใช่สิ่งที่จะสามารถอธิบายได้ง่ายๆด้วยคำว่า “วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน”


ถึงอย่างไรฉูเสี่ยวก็เป็นถึงเชฟชื่อดังที่เติบโตในต่างประเทศ แต่ในระหว่างการประชุมแลกเปลี่ยนวิชาจีน-ญี่ปุ่นนั้นเอง เขาก็หิ้วกล่องเก็บมีดของตัวเองมาด้วย ผู้ช่วยของเขาเพียงแค่รับผิดชอบในการถือผ้ากันเปื้อนกับของจิปาถะต่างๆให้เขาเท่านั้น


เมื่อเป็นเรื่องของเครื่องครัวหยวนโจวจะหัวรั้นเอามากๆเชียวล่ะ นี่เป็นเพียงบางส่วนอันสืบเนื่องมาจากอุปนิสัยใจคอของเขาและบางส่วนก็สืบเนื่องมาจากประสบการณ์ที่ผ่านๆมาของเขาด้วย


เมื่อตอนที่เขาเคยเป็นผู้ช่วยในครัว หัวหน้าเชฟไม่เคยใช้มีดของโรงแรมเลย แต่เขากลับใช้มีดส่วนตัวของเขาเองและไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องมีดของเขาเป็นอันขาด เขาจะเช็ดทำความสะอาดมีดพวกนั้นด้วยตัวเอง ครั้งหนึ่งหยวนโจวบังเอิญไปแตะต้องมีดเล่มหนึ่งของเขาเข้าเลยถูกตำหนิไปครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว


นั่นคือตอนที่หยวนโจวกำลังพัฒนาแนวทางการใช้มีดในตอนนี้ บ่อยครั้งที่ความเคยชินที่หยั่งรากลึกอาจจะมาสาเหตุมาจากผู้อื่นที่อาจจะจดจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป


มีคำกล่าวว่ามีดทำครัวก็คืออาวุธที่เชฟใช้ทำอาหารและล่าสังหาร หากมีดไม่คมก็จะหั่นอะไรไม่เข้า ความสดใหม่ของวัตถุดิบจะแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน รสชาติของอาหารก็จะไม่กลมกล่อมและขั้นตอนการทำอาหารก็จะล่าช้าไปด้วย


พูดง่ายๆก็คือมีดที่ดีย่อมต้องคมด้วย นั่นจะช่วยให้หั่นวัตถุดิบได้ดี ปลดปล่อยกลิ่นรสของวัตถุดิบออกมาได้มากขึ้น


หยวนโจวบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบในการทำอาหาร เขาบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบมากเสียจนถึงขั้นที่เขาสามารถประดิษฐ์คิดค้นมีดหั่นเต้าหู้ขึ้นมาเพื่อสร้างกลิ่นของไผ่ที่สมดุล น่าเสียดายที่เขามองข้ามพื้นฐานของมีดไปซึ่งก็คือความคม เขาถูกมีดทำครัวประหลาดทำเอาเสียคนซะแล้ว


หลังจากเปิดร้านมาตั้งนาน เขากลับยังไม่เคยลับมีดเลย นี่คือการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ แม้ว่าเจ้าระบบจะมอบมีดที่มีความทนทานมากให้แล้วก็ตามที แต่เชฟก็ควรจะลับมีดของตัวเองบ่อยๆอยู่ดีนั่นแหละ


“พอมีรายการอย่างโรล เดียร์ บีฟและวิดีโอโปรโมทอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีจะทำให้ฉันพอใจกับความสำเร็จในตอนนี้ของตัวเองได้อย่างไรกันเล่า?” หยวนโจวเริ่มครุ่นคิด


ในที่สุดหยวนโจวก็ได้ข้อสรุปว่าเขาหาได้หลงลืมตัวไม่ แต่เขามองข้ามเส้นทางของตัวเองไปจริงๆ เขาพบว่าคนๆหนึ่งสามารถติดกับดักความคิดที่เขาทำได้ดีมากแล้วเอาเสียง่ายๆจนไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป อันที่จริงแล้วยังมีเรื่องให้ได้เรียนรู้กันอีกมากมายนัก


“ฉันยังสามารถพัฒนาได้” หยวนโจวพึมพำและตัดสินใจว่าเขาจะพร่ำพูดคำพวกนี้ซ้ำๆทุกเช้าที่ตื่นนอนเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในแต่ละวัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)