หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 866-869

 บทที่ 866 แน่นอน!

 

หวังเป่าเล่อเป็นคนเช่นนี้เอง เขาจดบันทึกชื่อทุกคนที่เคยทำร้ายเขาไว้และหาทางล้างแค้นเมื่อใดก็ตามที่โอกาสจะอำนวย


แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้จ้องจะหาโอกาสล้างแค้นอยู่ตลอดเวลาแต่อย่างใด ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเคยพยายามจะฆ่าเขาก็จริง แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายอีกฝ่ายหรือทิ้งคนผู้นั้นไว้บนสนามรบโดยที่ไม่ช่วยเหลือแม้แต่น้อย


ความคิดของหวังเป่าเล่อตอนนี้พุ่งเป้าไปยังปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ในความเห็นของชายหนุ่ม ตัวเขาเองบัดนี้บรรลุขั้นปราณมาถึงระดับหนึ่ง นับว่าเป็นบุคคลสำคัญ การยึดติดอยู่กับความขัดแย้งในอดีตระหว่างตัวเขาและผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำนั้นไม่เป็นผลดีกับผู้ที่เพิ่งจะได้มีหน้ามีตานัก


คงจะไม่เป็นไรหากไม่มีใครเห็น แต่นี่มีคนเฝ้ามองอยู่มากมายเหลือเกิน ช่างมันเถิด อย่างไรเสียท่านบิดาผู้นี้ก็เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตา หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอและเมินใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำไปเสียสิ้น ชายหนุ่มเชื่อว่า ทุกคนควรจะได้รับโอกาสแก้แค้นคนที่กระทำผิดต่อตน แต่หากถูกสุนัขกัดก็ย่อมต้องไปทวงถามความรับผิดชอบจากเจ้าของสุนัขนั้น


นี่เป็นเหตุให้ชายหนุ่มคิดตก ผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องความขัดแย้งของเขากับสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็คือตัวปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเอง


ดูเหมือนว่าข้าจะปราดเปรื่องขึ้นมาก ในฐานะผู้นำของสหพันธรัฐในอนาคตและบุคคลสำคัญ นี่เป็นวิธีที่ข้าควรจะคิดและกระทำตน หวังเป่าเล่อพึงใจกับการใช้เหตุผลของตนเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นจึงหันไปจ้องที่ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พลางคิดไปว่าทำอย่างไรจึงจะสังหารปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้ แต่ประกายตามุ่งร้ายในสายตาของหวังเป่าเล่อคงจะชัดเจนเกินไป ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจึงเริ่มวิตกเมื่อมองเห็นแววตาของชายหนุ่ม


ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ดูลำบากใจไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ชายชราบอกตนเองว่าความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้นมาจากกลยุทธ์ของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำมากกว่าความล้มเหลวในการบุกสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ของพวกเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะกำลังเสริมทุกคนต่างก็แสดงอาการว่าเพิ่งจะได้ต่อสู้อย่างหนักมาเมื่อไม่นานนี้


แม้การมาถึงของกำลังเสริมจะไม่ใช่สัญญาณว่าประมุขสำนักพ่ายแพ้ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าศัตรูสามารถแบ่งกำลังมาช่วยก็เห็นได้ชัดว่าสงครามไม่ได้ดำเนินไปตามที่พวกเขาหวังไว้ เป็นไปได้มากว่าการต่อสู้เกิดยืดเยื้อหรือไม่ก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น


ความเป็นไปได้ที่จะเกิดหนึ่งในสองอย่างดังกล่าวขึ้นทำให้ผู้อาวุโสตื่นตัว ความคิดที่จะล่าถอยเริ่มผุดขึ้นมาในใจ ความรู้สึกอยากประวิงเวลาการต่อสู้ค่อยๆ เลือนหายไป เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาอีกครั้ง ส่งแรงกดดันระดับดาวพระเคราะห์ไหลบ่าท่วมสนามรบเพื่อจะรักษาระยะห่างจากคู่ต่อสู้เอาไว้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคงต้องยอมให้เขาถอยเมื่อสัมผัสได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


เพราะอย่างไรเสีย ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ไม่ได้รู้ถึงสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด พวกเขาต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน และปรมาจารย์สำนักก็ไม่อยากให้การต่อสู้ยืดเยื้อออกไป ทั้งตัวเขาเองและสำนักต่างต้องการเวลาพักฟื้น เพราะเหตุนั้น เมื่อสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังจะหนี เขาเองก็ถอยหนีเช่นกัน ก่อนจะเปิดช่องให้ศัตรูหนีได้ระหว่างการโจมตีระลอกต่อไปของตนเอง


ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ถึงโอกาสนี้ เขาจึงรีบถอยทันที และสร้างระยะห่างระหว่างตนเองกับปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำไปไกล


หวังเป่าเล่อมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้อาวุโสฝ่ายขวาตัดสินใจจะถอยหนี นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายกล้าก่อนที่ความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นในศีรษะ เขารู้แล้วว่าจะคิดบัญชีปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้อย่างไร


ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้าก็จะหนีเสียแล้วหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อลุกโชนขณะที่ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในใจ ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไป เร่งความเร็วข้ามสนามรบราวกับเป็นดาวหาง เขามุ่งหน้าไปหาปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พลางตะโกนลั่นไปตามทาง


“ท่านปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ข้าได้รับคำสั่งให้มาช่วยเหลือท่าน ข้าสาบานว่าจะสู้จนตัวตาย!” หวังเป่าเล่อคำรามแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีก เขายังไม่ได้ปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่ แต่ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขณะที่พุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายขวาด้วยหวังจะขัดขวางการหลบหนี!


เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม นัยน์ตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ส่องประกายแรงกล้า เขาไม่ได้กังวลเรื่องการมาของหวังเป่าเล่อเท่าใดนัก ในสายตาเขา ผู้ที่ยังไม่บรรลุระดับดาวพระเคราะห์ก็เป็นเพียงมดปลวก เขายกมือขวาแล้วซัดการโจมตีข้ามจักรวาลเข้าใส่หวังเป่าเล่อโดยไม่ได้ลดความเร็วจากการหนีลงเลย แต่กลับเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก ในเวลาเดียวกันนั้น ชายชราก็ส่งดวงจิตเทพออกไปสั่งให้ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทุกคนถอยเช่นกัน


ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเองก็ไม่ได้สนใจหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย เขาคิดอยู่กับตนเองว่าหวังเป่าเล่อไม่ควรจะเข้ามาสอดการต่อสู้นี้ แต่กระนั้น ชายหนุ่มก็มาที่นี่ในฐานะความช่วยเหลือจากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ไม่ว่าชายชราจะโกรธแค้นปรมาจารย์อีกสำนักเพียงใดที่ไม่ยอมมาช่วยด้วยตนเอง เขาก็ไม่อาจปฏิเสธหรือด่าทอการช่วยเหลือของหวังเป่าเล่อต่อหน้าบรรดาศิษย์ได้ ปรมาจารย์สำนักต้องแสดงท่าทีร่วมมือ เขายกมือขวาขึ้นก่อนสะบัดชายเสื้อ พลางมองไปมาราวกับว่ากำลังพยายามจะหยุดการถอยหนีของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ในความเป็นจริงแล้ว เขาออมแรงเอาไว้ ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาคือการเปิดช่องให้อีกฝ่ายหนีได้สำเร็จ


ผลก็คือ บรรดาศิษย์จึงมองเห็นว่าปรมาจารย์สำนักกำลังจะโจมตี และหวังเป่าเล่อก็กำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อหยุดการหลบหนีของผู้อาวุโสฝ่ายขวา พวกเขาจ้องมองเมื่อการโจมตีของผู้อาวุโสพุ่งผ่านจักรวาลไปกระแทกหวังเป่าเล่อ ส่งให้ชายหนุ่มตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงพร้อมกระอักเอาเลือดออกมากองใหญ่ก่อนจะกระเด็นถอยหลังไป เป็นภาพที่ทำให้ศิษย์จำนวนมากรู้สึกโมโห


“เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเรา!”


“ข้าเข้าใจหลงหนานจื่อผิดไป…ข้าไม่รู้เลยว่าเขากำลังเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเรา!” ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างก็เต็มตื้นไปด้วยอารมณ์


อีกด้านหนึ่ง หวังเป่าเล่อ…ก็รู้สึกภูมิใจอยู่เงียบๆ ขณะที่บ้วนเลือดออกมาจากปาก การโจมตีระดับดาวพระเคราะห์ที่เขารับไปนั้นไม่ได้รุนแรงอะไรเลย ชายหนุ่มรับได้สบายใจมาก ส่วนเลือดนั้นเขาก็ตั้งใจบ้วนออกมาเพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น หวังเป่าเล่อแสร้งทำสีหน้าบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามที่ดังกว่าเก่าออกมาขณะล่าถอย


“ท่านปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ข้ามีเรือบินรบเวทอยู่จำนวนหนึ่ง เป็นผลิตผลของทรัพยากรที่ข้าสั่งสมมานานปี ข้าจะระเบิดพวกมันให้หมดเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน แต่เรือบินรบเวทก็เป็นสินค้าราคาแพงยิ่ง ข้าขอให้ท่านปรมาจารย์โปรดชดใช้เงินให้ข้าหลังจากการต่อสู้นี้ด้วย!” หวังเป่าเล่อพูดจบก็ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบคำ เขาหันหลังไปคำรามแล้วยกมือขวาขึ้น ก่อนจะดึงเรือบินรบเวทสองลำที่ได้มาจากสุสานหลวงแล้ว


เขวี้ยงไปใส่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาทันที


“จงระเบิด!”


เรือบินรบเวททั้งสองลำระเบิดทันที ส่งคลื่นพลังวิญญาณไหลบ่าออกไป ภาพของการระเบิดส่งความตื่นตะลึงเข้าไปในใจของศิษย์ที่รายล้อมอยู่ทุกคน


“สวรรค์ เขาระเบิดเรือบินรบเวทของตัวเอง!”


“หลงหนานจื่อ…ไม่เพียงแต่เอาชีวิตเข้าแลกเท่านั้น แต่ยังเอาทุกอย่างที่มีมาเสี่ยงอีกด้วย!”


ในสายตาของพวกเขา หวังเป่าเล่อขณะนี้กำลังใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจะช่วยเหลือ ทว่า…แม้ว่าเรือบินรบเวทสองลำจะดูล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แม้แต่น้อย เป็นเหตุให้ทั้งผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างก็ไม่ค่อยจะใส่ใจนัก ข้างผู้อาวุโสนั้นโบกมือเพียงครั้งเดียวก็หยุดแรงระเบิดเอาไว้ได้สิ้น เขาบอกได้เลยว่าแรงระเบิดตัวเองของเรือบินรบเวทสองลำนั้นค่อนข้างจะอ่อนแอ เขาไม่ได้หยุดล่าถอยแต่อย่างใด ฝ่ายปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เมื่อเห็นว่าบรรดาศิษย์ปลาบปลื้มกับการเสียสละของหวังเป่าเล่อเพียงใด เขาก็ไม่อาจปฏิเสธข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายได้ ชายชรายังสัมผัสได้ว่าแรงระเบิดของเรือบินรบเวทนั้นอ่อนแอ แต่กระนั้น ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ตอบอย่างรวดเร็วด้วยถ้อยคำรวบรัด


“แน่นอน!”


แววตาซาบซึ้งสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อเมื่อได้ยินว่าปรมาจารย์สำนักยอมตกลง ขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยังเมินแรงระเบิดจากเรือบินรบเวทและถอยหนีต่อไปนั้น หวังเป่าเล่อก็คำรามและโบกมือ ครั้งนี้ชายหนุ่มหยิบเรือบินรบเวทออกมาสี่สิบลำแล้วเขวี้ยงเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายขวาพร้อมๆ กัน


ผู้อาวุโสถึงกับตะลึง ศีรษะมึนชาเพราะความตกใจ เขาอาจไม่ใส่ใจเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองสองลำได้ แต่สี่สิบลำ…เรือบินรบเวทเหล่านั้นทุกลำต่างก็มีพลังมหาศาลไหลบ่าออกมา คลื่นความตกใจไหลไปทั่วกายชายชรา แม้ว่าจะอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์…แต่ต่อหน้าเรือบินรบเวทระเบิดตัวเองสี่สิบลำ ในขณะที่เหนื่อยล้าถึงเพียงนี้ และในขณะที่จิตใจคิดถึงแต่เรื่องการหนีเท่านั้น ความมุ่งมั่นของผู้อาวุโสจึงเริ่มถดถอยลง


คนที่ตกใจเสียยิ่งกว่าก็คือปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ตาของเขาเบิกโพลงขึ้นมาในทันที ความตกตะลึงและสับสนทะลักล้นท่วมใจ ชายชรานึกถึงคำสัญญาเรื่องการชดใช้เงินแล้วก็ตัวสั่นด้วยความกลัว


ความตื่นตกใจนั้นล้นปรี่อยู่ในใจของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ปรมาจารย์สำนัก และผู้ฝึกตนรอบๆ กาย หวังเป่าเล่อคำราม


“จงระเบิดเดี๋ยวนี้!”


ทันใดนั้นเอง…เรือบินรบเวทสี่สิบลำที่ชายหนุ่มเก็บมาจากสุสานหลวงก็ระเบิดขึ้น คลื่นพลังงานทะลักล้นออกมาท่วมจักรวาล แล้วแปรสภาพเป็นพายุหมุนจำนวนมากที่พุ่งเข้าทำลายบริเวณโดยรอบ!


แม้ว่าการทำลายตัวเองของเรือบินรบเวทแต่ละลำจะปล่อยพลังงานออกมาได้เพียงหนึ่งในสิบของพลังจริงเท่านั้น แต่เมื่อรวมพลังกัน การทำลายตัวเองของเรือบินรบเวทสี่สิบลำก็ไม่อาจดูเบาได้ พายุหมุนที่เกิดจากแรงระเบิดนั้นทำเอาผู้อาวุโสฝ่ายขวาหน้าซีดเผือด เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้บาดเจ็บเพิ่ม ขณะที่พยายามสกัดกั้นพลังทำลายล้างของพายุหมุนไปพร้อมๆ กัน


จักรวาลส่งเสียงครืนสนั่นขณะที่ผู้อาวุโสพยายามจะควบคุมพายุ ผู้อาวุโสฝ่ายขวารู้สึกได้อีกครั้งว่าเรือบินรบเวทเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่เขาคาดการณ์ไว้ เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชายชราจึงทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะมีแววตามุ่งร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาที่กวาดไปมองหวังเป่าเล่อ สำหรับเขาแล้ว หวังเป่าเล่อเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ก็ดันไปได้เรือบินรบเวทไม่ได้มาตรฐานเหล่านั้นมาแล้วเอามาใช้ทำให้เขาปั่นป่วนได้ ผู้ที่กระทำเช่นนี้สมควรต้องตายแล้ว!


ตอนนั้นเอง…ชายชราก็ส่งจิตสังหารไปทางหวังเป่าเล่อก่อนจะพุ่งเข้าไปโจมตี หวังเป่าเล่อส่งสายตามุ่งร้ายหมายขวัญกลับไปให้ผู้อาวุโสก่อนจะยกมือขวาขึ้น…


ท่ามกลางเสียงดังสนั่นลั่นจักรวาล เรือบินรบเวทสองร้อยลำปรากฏขึ้นรอบกายชายหนุ่ม!


“บัดซบ…” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เบิกตาโพลงก่อนจะรีบถอยทันที

 

 

 


บทที่ 867 ปฏิบัติการนกนางแอ่นดำหรือนี่

 

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่ตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ความจริงแล้ว…เมื่อหวังเป่าเล่อหยิบเรือบินรบสองร้อยลำออกมาและระเบิดทิ้งนั้น กองทหารอันดับหนึ่งของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และบรรดาศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างนิ่งงันกันไปหมด โดยเฉพาะฝ่ายหลังถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยซ้ำ


หากเป็นพวกเขาที่เป็นฝ่ายมาให้ความช่วยเหลือ ก็คงต้องให้ความสำคัญกับการเอาชีวิตตนเองรอดเป็นอันดับแรก พวกเขาคงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่นเป็นแน่ และพวกเขาก็คงไม่ระเบิดเรือบินรบล้ำค่าทิ้งเล่นๆ ด้วย


แต่หวังเป่าเล่อทำทั้งสองอย่าง การกระทำของชายหนุ่มทำเอาบรรดาศิษย์ประทับใจเป็นอย่างมาก บางคนไม่ได้สนใจแรงระเบิดอันอ่อนแอของเรือบินรบเวทมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ จากนั้น…เมื่อหวังเป่าเล่อโบกมือดึงเรือบินรบเวทออกมาอีกสี่สิบลำ ก็ทำเอาคลื่นความรู้สึกอันเอ่อท้นไหลท่วมใจของศิษย์ทุกคน ในวินาทีนั้น ทุกอย่างช่างดูเกินจริงไปหมด


เพราะอย่างไรเสีย…ต่อให้สามสำนักใหญ่รวมพลังกัน พวกเขาก็คงหาเรือบินรบเวทมาได้แค่สี่สิบลำเท่านั้น หวังเป่าเล่อดึงเรือบินรบเวทออกมาสี่สิบลำในคราวเดียวแถมยังระเบิดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แม้ว่าพลังทำลายจะไม่รุนแรงเท่าที่คาดหวังไว้ แต่ก็ถือว่ารุนแรงพอประมาณ…แต่ถึงอย่างไร ทุกคนก็แทบไม่เชื่อสายตา พวกเขาต่างพากันคิดว่าตนเองประสาทหลอนไป


และขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่นั่นเอง หวังเป่าเล่อก็…ดึงเรือบินรบเวทออกมาอีกสองร้อยลำ ขณะนั้น ความเกินจริงของสถานการณ์ทำเอาทุกคนสับสนจนออกมาทางสีหน้า กระทั่งผู้ที่รู้สึกตัวเร็ว ซึ่งรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและเจ้าหวังเป่าเล่อน่าจะกำลังวางแผนอะไรสักอย่างอยู่ก็ยังงงงวย เพราะ…แม้ว่าพลังทำลายตนเองของเรือบินรบเวทจะเบากว่าที่คาดไว้ แต่มันก็ไม่ได้ลดความน่าเหลือเชื่อของการที่ชายหนุ่มดึงเรือบินรบเวทออกมาสองร้อยลำในทีเดียวไปได้ นี่นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


ผู้ที่ตกตะลึงที่สุด มากไปกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหนีตายลนลาน ก็คือปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ดวงตาของชายชราแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ความคิดปั่นป่วนเสียงดังสนั่น แถมยังมีสีหน้าลนลานเสียจนต้องกระโจนออกมาพร้อมตะโกนว่า


“หลงหนานจื่อ พอแล้ว…”


ชายชราพูดช้าเกินไป เพราะในวินาทีเดียวกันนั้น เรือบินรบเวทสองร้อยลำที่หวังเป่าเล่อหยิบออกมาก็พุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะระเบิดขึ้นพร้อมกัน แรงระเบิดนั้นรุนแรงเท่ากับการโจมตีจากเรือบินรบเวทยี่สิบลำพร้อมๆ กัน แม้ว่าผู้อาวุโสจะอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ก็ไม่สำคัญ การโจมตีนั้นส่งเขาลอยละล่องออกไป เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากปาก ความคับแค้นและเดือดดาลแผดเผาอยู่ในแววตาขณะที่ชายชราพยายามโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อลดแรงกระแทกจากการระเบิด พลางส่งเสียงคำรามลั่นพร้อมถอยหนีไปด้วย


ปรมาจารย์สำนักเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็วขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาล่าถอย เขาเองก็โกรธเกรี้ยวอยู่ในใจเหมือนกัน ความคิดเรื่องสัญญาที่ให้ไว้กับหวังเป่าเล่อและการที่ชายหนุ่มดึงเรือบินรบเวทจำนวนมหาศาลออกมาหลังจากนั้นทำให้โทสะในใจชายชราพลุ่งพล่าน แต่กระนั้นเขาก็ยังเป็นปรมาจารย์ของสำนัก ขณะนี้เมื่อมีโอกาส เขาจึงเก็บงำความโกรธเคืองเอาไว้ในใจ ก่อนจะปล่อยพลังเทพออกมาและส่งการโจมตีไปใส่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทันที


การที่ชายชราตัดสินใจปล่อยศัตรูไปนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้การต่อสู้นี้ยืดเยื้อออกไป และเพราะเขาไม่มั่นใจในความสามารถของตนเองว่าจะสังหารหรือทำให้ศัตรูบาดเจ็บสาหัสได้ ดังนั้นแทนที่จะลากการต่อสู้ออกไป ปรมาจารย์สำนักจึงต้องการจบมันเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าตอนนี้…สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว


มีเสียงดังก้องจักรวาล สายฟ้าฟาดอยู่เปรี้ยงปร้าง และสายลมหวีดเสียงดังลั่นขณะที่ชายชราโจมตี ผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่จนตรอกกระอักเอาเลือดออกมาอีกคำรบหลังจากที่รับการโจมตีเข้าไป เขานึกโกรธเกรี้ยวอยู่ภายใน ชายชราไม่เคยบาดเจ็บถึงเพียงนี้แม้ว่าจะปะทะกับปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำอยู่ก่อนหน้านั้น การปรากฏตัวขึ้นของหวังเป่าเล่อนั่นเองที่ทำให้เขาต้องมาบาดเจ็บอยู่เช่นนี้


“ข้าขอสาบานว่าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาคำรามลั่นชนิดที่แทบจะคุมโทสะเอาไว้ไม่อยู่ เขายังคงถอยหนีอย่างสิ้นหวังเพราะเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บ โทสะแรงกล้าฉายชัดอยู่บนแววตา ชายชราไม่ได้เกลียดชังอะไรปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเป็นการส่วนตัว ความเกลียดแค้นของเขาในตอนนี้มุ่งไปยังหวังเป่าเล่อเท่านั้น


“เจ้าน่ะหรือจะฆ่าข้า มาลองดูหน่อยเป็นไร!” หวังเป่าเล่ออารมณ์เสียขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มจ้องอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบก สนามรบทั้งหมดเงียบงันไปทันที


เรือบินรบเวทกว่าเจ็ดร้อยลำปรากฏขึ้นทันที เรือบินรบเหล่านั้นบดบังจักรวาลเอาไว้จนทั่ว ภาพอันน่าประทับใจทำให้ผู้คนทั้งสนามรบส่งเสียงฮือฮาดังสนั่น


ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังถอยหนีอยู่นั้นชะงักงันกันไปสิ้น ผู้ฝึกตนจากกองทหารอันดับหนึ่งของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็ตื่นตะลึงเช่นกัน ทุกคน รวมทั้งพ่อบ้านและเทพธิดาหลิงโยวล้วนมีสีหน้าว่างเปล่า ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็นิ่งสนิทอยู่กับที่ นัยน์ตาเบิกโพลง…


ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งอึ้งมองดูภาพของเรือบินรบเวทกว่าเจ็ดร้อยลำนั้น!


“เรือ…เรือบินรบ…เหล่านี้ หากรวมเข้ากับกองเรือเมื่อครู่… ก็ร่วมๆ หนึ่งพันลำแล้วไม่ใช่หรือ”


“นี่ต้องเป็นภาพลวงตาที่ศัตรูสร้างขึ้นเป็นแน่…”


“นี่มันเรือบินรบเวทแน่หรือ”


ความเงียบงันเข้าปกคลุมสนามรบอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะถูกกลบด้วยความโกลาหลขนานใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เริ่มขนหัวลุกซู่ และไม่อาจหยุดเสียงหึ่งๆ ดังอยู่ในศีรษะได้ ราวกับว่าถูกสายฟ้านับแสนเส้นผ่าลงมาพร้อมๆ กัน ชายชราไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะต้องมาพบสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้…


มีความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจ นั่นก็คือการวิ่งหนี!


เขารู้ดีว่าแม้เรือบินรบเวทแต่ละลำจะไม่ได้ทรงพลังนัก แต่ในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้ พลังทำลายร่วมของเรือบินรบเวทกว่าเจ็ดร้อยลำอาจจะทำให้ทั้งกายและวิญญาณของผู้อาวุโสถูกทำลายได้หากไม่ระวังตัว ไหนจะยังมีปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำให้รับมืออีก สัญญาณอันตรายส่งเสียงดังสนั่นขึ้นในใจของผู้อาวุโสเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มต่อสู้มา ชายชราปลดปล่อยพลังปราณออกมาทั้งหมดแล้วหันหลังหนีโดยทิ้งศิษย์ร่วมสำนักเอาไว้เบื้องหลัง


“คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อคิดอย่างย่ามใจ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงลั่น ชายหนุ่มคงจะวิ่งไล่ตามไปหากไม่ใช่เพราะใครบางคนที่ตอนนั้นตื่นกลัวเสียยิ่งกว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ใครคนนั้นรู้สึกราวกับว่าถูกผ่าด้วยสายฟ้าจำนวนนับล้านเส้น คนผู้นั้นก็คือ…ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ หากไม่ใช่เพราะมีจิตใจอันมั่นคง ชายชราคงทรุดตัวลงร้องไห้ไปแล้ว


ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคำรามออกมาก่อนที่หวังเป่าเล่อจะได้จู่โจม


“หลงหนานจื่อ ได้โปรดหยุดไล่ตามทีเถิด ผู้บัญชาการกองทหารทุกหน่วย ปกป้อง…ปกป้องหลงหนานจื่อเอาไว้!” ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำตะโกนคำสั่งออกมาดังลั่น จากนั้นจึงเร่งความเร็วเต็มฝีเท้าตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปราวกับเป็นคนบ้า เขากลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว หวังเป่าเล่ออาจระเบิดเรือบินรบเวทเพิ่ม…หากเป็นเช่นนั้น ชายชราก็คงไม่สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายให้ชายหนุ่มได้ต่อให้ต้องขายสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำทั้งสำนักก็ตาม


ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ส่งกำลังเสริมอะไรมากันแน่ เจ้าบ้านี่พยายามจะทำลายข้าหรืออย่างไร ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำสบถอยู่ในใจ ขณะที่เร่งความเร็วขึ้นไปอีกเพื่อไล่ตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาไป ชายชราทำกระทั่งวิ่งตัดหน้าหวังเป่าเล่อเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มมีโอกาสไล่ตามผู้อาวุโสฝ่ายขวาไปด้วยตนเอง


ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเริ่มฟื้นตัวกันแล้วในตอนนั้น จากความตื่นตะลึงในตอนแรก พวกเขาก็เข้าไปล้อมหวังเป่าเล่อเอาไว้เพื่อพยายามปกป้อง อันที่จริงแล้ว พวกเขาต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและตื่นตระหนก การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดเกินไป เคลื่อนไหวพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้สำนักถูกทำลายหรือล้มละลายได้


“สหายร่วมสำนักเต๋าหลงหนานจื่อได้โปรดออมมือด้วย ข้าขอขอบคุณที่ท่านให้ความช่วยเหลือ!”


“สหายร่วมสำนักเต๋าผู้ทรงเกียรติแข็งแกร่งยิ่งแล้ว ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตอนนี้ทำได้เพียงวิ่งหนีหางจุกก้น เราไม่ควรจะลดตัวลงไปไล่ตาม”


“ใช่แล้วขอรับ สหายร่วมสำนักเต๋าหลงหนานจื่อ บุญคุณต่อสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พวกเราติดหนี้ท่านแล้ว!”


หวังเป่าเล่อแอบหดหู่และเศร้าใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินผู้คนรอบกายพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มจ้องมองออกไปไกล ขณะที่ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและผู้อาวุโสฝ่ายขวาของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หายไปจากคลองจักษุ ก่อนจะทอดถอนใจ จากนั้นหลังจากที่ฝูงชนเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ชายหนุ่มก็เก็บเรือบินรบเวทกลับไป


“ช่างเล็กน้อยนัก กับแค่เรือบินรบเวทไม่กี่ลำ พวกเจ้าจะโวยวายไปทำไมกัน ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ อีกอย่างหนึ่ง ข้าช่วยพวกเจ้าเอาชนะสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ มีความชอบใหญ่หลวงนัก” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเอง บรรดาผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะรอบกายพากันจ้องมองขณะที่ชายหนุ่มเก็บเรือบินรบเวทเข้ากระเป๋า ในระหว่างที่ผู้อาวุโสฝ่ายขวาสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์วิ่งหนีไปไกล เมื่อนั้นเองที่พวกเขาพากันถอนใจด้วยความโล่งอก บ้างก็ยกมือประสานคารวะแล้วเดินจากไป แต่สงครามก็ยังคงดำเนินต่อ แม้ว่าศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากจะล่าถอยไปแล้วก็ตาม คนเหล่านี้ไม่มีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์นำทัพแล้วจึงสูญเสียจิตใจที่จะต่อสู้ เป็นโอกาสอันดีให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำในการโจมตีกลับ


สนามรบกลายมาเป็นโรงเชือด กองกำลังสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ล่าถอยเป็นการใหญ่ขณะถูกโจมตีและสังหารล้มตายเป็นใบไม้ร่วง


หวังเป่าเล่อทอดถอนใจก่อนจะเลิกสนใจผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ที่หนีไป นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกายก่อนจะหรี่ลงขณะที่จ้องมองศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บนสนามรบ ประกายแห่งการเข่นฆ่าฉายวาบขึ้นในแววตาขณะที่ชายหนุ่มคิดจะใช้โอกาสนี้พัฒนาวิชาดวงเนตรปีศาจ แต่จู่ๆ ก็มีประกายตาหนึ่งปรากฏขึ้นบนดวงตาเขา หวังเป่าเล่อหันศีรษะไปยังปลายด้านหนึ่งของสนามรบอย่างปุบปับ


ตำแหน่งนั้นมีศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งชายและหญิงอยู่หลายสิบคน ทุกคนบาดเจ็บและกำลังล่าถอยอย่างสิ้นหวัง รอบกายพวกเขาคือศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่กำลังไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด


ในบรรดาศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมี…ร่องรอยพลังวิญญาณที่แม้จะเจือจางแต่ก็คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง!


พลังนั้น…อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณเท่านั้น แต่กลับมีต้นกำเนิดคล้ายคลึงกับหวังเป่าเล่อยิ่งนัก มันคือ…ดวงจิตเทพร่างอวตารของชายหนุ่ม ซึ่งได้มอบให้เหล่าสหายเอาไว้ก่อนที่ตัวเขาจะจากโลกมนุษย์มา และเมื่อพวกเขาจะจากไปเพื่อเริ่มปฏิบัติการนกนางแอ่นดำนั่นเอง!

 

 

 


บทที่ 868 สาวน้อยนางนี้ไม่ใช่คนเลว!

 

ย้อนไปตอนนั้น หวังเป่าเล่อกังวลว่าขณะที่สหายของเขากำลังทำภารกิจ ดวงจิตเทพร่างอวตารของเขาจะถูกค้นพบโดยคนนอก ซึ่งทำให้พวกเขาต้องประสบปัญหาและเกิดอันตรายโดยไม่จำเป็น เพราะเหตุนั้น ชายหนุ่มจึงตัดการเชื่อมต่อกับร่างอวตารเหล่านั้นไป เพื่อให้สหายอยู่กันอย่างอิสระและสามารถซ่อนตัวได้มากเท่าที่ต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกค้นพบตัวได้


สำหรับจุดอ่อนนั้น ดวงจิตเทพเปรียบเสมือนสายน้ำที่ไม่มีต้นตอ มันจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าขั้นปราณของหวังเป่าเล่อจะแข็งแกร่งขึ้น จึงทำให้มันยังอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณเท่านั้น


สิ่งที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ตอนนี้ทำเอาวิญญาณของเขากระตุก เขารีบพลิกกายอย่างไม่รอช้าและพุ่งตัวไปยังตำแหน่ง ที่มีคลื่นรบกวนจากดวงจิตเทพแผ่ออกมา!


จะเป็นใครกันนะ เจ้าเยี่ยเหมิง หลินเทียนหาว หลี่อู๋เฉิน หลิวต้าวปิน หรือจินตั้วหมิง


ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะจากโลกมนุษย์มาในคราวนั้น สหพันธรัฐกำลังจะเริ่มทำแผนชื่อ “ปฏิบัติการนกนางแอ่นดำ” อย่างลับๆ แผนนั้นถือเป็นความลับสุดยอด มีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่ล่วงรู้ และด้วยสถานะของหวังเป่าเล่อในสหพันธรัฐ แน่นอนว่าเขาเองก็ย่อมรับรู้แผนนั้นเช่นกัน


ชายหนุ่มจำได้ชัดเจนว่ามีเอกสารลับที่บอกถึงการหายตัวไปอย่างปริศนาซึ่งเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเวลาติดต่อกันหลายปีในหลายต่อหลายสถานที่บนโลก


ตัวอย่างเช่น บิดาของหลินเทียนหาว เจ้านครศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้หายตัวไปก่อนสงครามอสูรของโลกมนุษย์ในคราวนั้น หลังจากที่กลับมาระดับปราณของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเคย แถมยังได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถยิ่งใหญ่


มีผู้คนหลากหลายกลุ่มที่เป็นเช่นนี้ จั่วอี้เซียน ผู้ที่หวังเป่าเล่อได้พบมาก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น อันที่จริงแล้ว สหพันธรัฐเองก็เข้าใจเรื่องของเซี่ยไห่หยางผิดไปเช่นกันก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดไปเองว่าชายหนุ่มเป็นหนึ่งในบรรดาคนที่หายตัวไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ทำให้สหพันธรัฐหันมาสนใจใกล้ชิด ไม่เพียงเท่านั้น เป็นเพราะผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจำนวนหนึ่งจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ นอกจากจะเข้าไปปล้นต้นกำเนิดดาราจากดาวพุธแล้ว ยังปล่อยเชื้อโรคปริศนาห้อมล้อมบริเวณนั้นเอาไว้อีกด้วย


ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้สหพันธรัฐหันมาสนใจเรื่องความปลอดภัยของตนมากขึ้น และหลังจากที่ควบรวมกับสำนักวังเต๋าไพศาลแล้ว พวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก แถมยังตื่นตัวเรื่องอารยธรรมที่อยู่ในระบบดาวเคราะห์โดยรอบอีกด้วย เมื่อเรื่องทั้งหมดมารวมกัน แผน “ปฏิบัติการนกนางแอ่นดำ” ก็ถูกสร้างขึ้นจากความร่วมมือของสำนักวังเต๋าไพศาล


พวกเขาส่งบรรดาศิษย์ของสหพันธรัฐที่ไว้ใจได้จำนวนมากส่วนหนึ่งไปยังสถานที่ที่มีผู้คนหายตัวไป ศิษย์อีกส่วนหนึ่งถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากสหพันธรัฐ ขณะที่พวกเขาได้รับโอกาสจากโลกภายนอก ก็ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมรอบนอกกลับไปยังสหพันธรัฐด้วย จากนั้นจึงเข้าไปแฝงตัวเป็นสายลับอยู่ในอารยธรรมต่างโลก


ด้วยกำลังของสหพันธรัฐแต่เดิม แผนนี้คงยากจะสำเร็จ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากสำนักวังเต๋าไพศาล ทุกๆ อย่างจึงดำเนินไปได้ด้วยดี


และเพราะหวังเป่าเล่อกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาในฐานะบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในสหพันธรัฐในตอนนั้น ก็สร้างร่างอวตารขึ้นมาจำนวนหนึ่งก่อนจะมอบให้บรรดาสหายรักของเขาเอาไว้


แต่ชายหนุ่มไม่ได้คาดฝันว่าจะสัมผัสได้ถึงดวงจิตเทพที่ได้มอบให้ไปก่อนหน้านี้บนสนามรบระหว่างสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ สิ่งนี้ทำให้เขากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะหวังเป่าเล่อรู้ดีว่ามีคนเพียงสองประเภทเท่านั้นที่จะมีดวงจิตเทพของเขาอยู่ได้!


หนึ่งก็คือ บรรดาสหายรักที่เขาได้มอบดวงจิตเทพให้ก่อนหน้านี้!


อีกหนึ่งก็คือคนที่มือเปื้อนเลือดสหายรักของเขาเหล่านั้น และได้ขโมยดวงจิตเทพไป!


หวังเป่าเล่อหน้าถอดสี ก่อนที่จะพลิกตัวแล้วพุ่งออกไปราวกับเป็นสายฟ้าฟาดผ่านจักรวาล มุ่งตรงไปยังตำแหน่งของดวงจิตเทพที่สัมผัสสวรรค์ของเขาตรวจเจอ


ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ไกลจากตำแหน่งของดวงจิตเทพนั้นนัก และด้วยระดับปราณปัจจุบันของหวังเป่าเล่อ ทุกสิ่งจึงเกิดขึ้นในพริบตา เมื่อเงาของเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าของผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังถอยหนีอย่างต่อเนื่อง


การปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อทำให้วิญญาณของผู้ฝึกตนจากทั้งสองฝ่ายสั่นไหว เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จะรู้สึกเช่นนั้น แต่สำหรับศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำนั้น…เห็นได้ชัดว่าการที่ชายหนุ่มหยิบเรือบินรบเวทออกมานับพันลำทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขามีอำนาจและสถานะอันยิ่งใหญ่ แทบจะกล่าวได้ว่าทุกคนมองเห็นเขาเป็นระดับดาวพระเคราะห์ไปแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มมาถึงจึงล้วนใจสั่นไปตามๆ กัน


“ศิษย์พี่หลงหนานจื่อ!”


“คารวะศิษย์พี่!”


ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำแห่กันเข้ามาทักทายเขา แต่หวังเป่าเล่อเมินคนเหล่านี้ไปหมด ชายหนุ่มกวาดตามอง ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สิบกว่าคนที่ดูหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง


คนเหล่านี้รู้ดีว่าจะต้องตายอย่างแน่นอน หากหวังเป่าเล่อไม่มา พวกเขาก็ยังมีหวังที่จะหนีรอด แต่ตอนนี้ ความขมขื่นและสิ้นหวังที่เจืออยู่ในน้ำเสียงแค่นหัวเราะของพวกเขากลับชัดเจนขึ้นมา ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็สับสนเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยากรู้ว่าท่ามกลางสนามรบอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ เหตุใดหลงหนานจื่อผู้แข็งแกร่งจึงได้เลือกพวกเขา


นั่นเพราะ…ในบรรดาพวกเขาสิบกว่าคนนั้น คนที่ระดับปราณสูงสุดอยู่เพียงขั้นจุติวิญญาณเท่านั้น


ขณะที่ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคารวะหวังเป่าเล่อและศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รู้สึกสิ้นหวัง สายตาอันเกรี้ยวกราดของหวังเป่าเล่อก็กวาดผ่านฝูงชน ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่สตรีนางหนึ่งในหมู่ผู้ฝึกตนสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!


สตรีนางนั้น…มีหน้าตาพอใช้และรูปร่างก็ไม่เลว แม้ว่านางจะไม่ได้สวยงามหมดจด แต่ก็ยังสะดุดตาอยู่บ้าง หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงคลื่นรบกวนจากดวงจิตเทพของเขาบนกายนางได้อย่างชัดเจน คลื่นรบกวนนี้เจือจางและยากที่คนนอกจะสัมผัสได้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ หากไม่ตั้งใจมองหาก็คงจะหาไม่พบเช่นกัน


เพราะอย่างไรเสีย การเชื่อมต่อระหว่างดวงจิตเทพและหวังเป่าเล่อก็ถูกตัดขาดไปแล้ว ในแง่หนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้มันเป็นสมบัติเวทไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มสัมผัสถึงมันได้โดยบังเอิญ เขาก็อาจหามันไม่พบด้วยซ้ำ หวังเป่าเล่อจึงต้องพยายามค้นหามันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจ แต่สตรีนางนี้หน้าตาไม่คุ้นเอาเสียเลย ชายหนุ่มจึงต้องค้นตัวนางให้แน่ใจเพื่อจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คงไม่ใช่ที่นี่


หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ในขณะเดียวกันผู้ฝึกตนสตรีสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็จ้องหน้าเขาด้วยใบหน้าซีดขาว มีความโศกเศร้าและสิ้นหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางรู้สึกได้ถึงสายตาของหวังเป่าเล่อ สายตานั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าไม่อาจจะเก็บซ่อนความลับใดๆ เอาไว้ได้


ตอนนั้นเอง…ขณะที่ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่ายต่างวิตกกังวลถึงขีดสุด หวังเป่าเล่อก็หัวเราะขึ้นมา ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นก่อนจะกำอย่างแรง คลื่นพลังลูกใหญ่ยักษ์ถูกปล่อยออกมาและเข้าห้อมล้อมสตรีนางนั้นไว้ไม่ให้เวลานางได้ขัดขืน เขาไม่ได้จับนางใส่ไว้ในกระเป๋าคลังเก็บ แต่เก็บนางเอาไว้ในเรือบินรบเวทในกระเป๋าคลังเก็บเพื่อป้องกันไม่ให้นางได้รับอันตรายขณะที่อยู่ในกระเป๋าคลังเก็บของเขา


หลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็หันกลับและกำลังจะจากไป ชายหนุ่มมองเห็นความสับสนใจแววตาของผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่าย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็ฉงนที่หวังเป่าเล่อจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวและจับตัวผู้ฝึกตนสตรีจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไป


หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอ ชายหนุ่มคิดว่าการอธิบายคงไม่ช่วยอะไร ต่อให้สุภาพสตรีคนนั้นเป็นหนึ่งในสหายรักของเขาจริงๆ หวังเป่าเล่อพูดอย่างใจเย็น


“สาวน้อยนางนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าจะพานางกลับไปเพื่อเป็นร่างพาหนะ ส่วนพวกที่เหลือ…ฆ่าให้เรียบ!” เมื่อพูดจบ หวังเป่าเล่อก็หันหลังและจากมา ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเข้าโจมตีอีกครั้งด้วยสีหน้าแปลกแปร่ง เกิดการชุลมุนอย่างรุนแรงขึ้นในทันที และหลังจากนั้นไม่นาน…ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีไว้ได้และล้มตายกันไปจนหมด


มาถึงจุดนี้ การต่อสู้ก็อาจนับได้ว่าจบแล้ว ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์พยายามหนีทุกวิถีทาง และแม้ว่าจะมีคนตายไปมากมาย ผู้ฝึกตนราวครึ่งหนึ่งก็หนีออกมาจากสนามรบได้สำเร็จ ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำทำให้การรุกรานข้ามอารยธรรมต้องหยุดลงชั่วคราว


แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงการเริ่มต้นของสงครามเท่านั้น ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกลับมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน ชายชราไม่สามารถจัดการกับผู้อาวุโสฝ่ายขวาได้ หลังจากที่ไล่ตามไปประมาณหนึ่งเขาจึงตัดสินใจยอมแพ้ และหลังจากที่กลับมาถึง ปรมาจารย์ก็จงใจหลบหน้าหวังเป่าเล่อ ในฐานะผู้ให้ความช่วยเหลือและผู้มีบุญคุณต่อสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ สถานะของหวังเป่าเล่อขณะนี้จึงพิเศษยิ่ง


โดยเฉพาะเมื่อคิดว่ากองทหารอันดับสูงรวมไปถึงพ่อบ้านต่างมองว่าหวังเป่าเล่อเป็นผู้นำของตน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเมื่อชายชรากลับมาถึงและปลดผนึกลง เขาก็ติดต่อปรมาจารย์มหาทัณฑ์ทันที และได้เรียนรู้ถึงความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อจากอีกฝ่าย ทำเอาวิญญาณของปรมาจารย์เต๋าใหม่ครามทองคำสั่นไหว ดังนั้นแม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดใจเพียงใด ชายชราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะยิ้มและเอ่ยขอบคุณ


“สหายร่วมสำนักเต๋าหลงหนานจื่อ ข้าขอขอบคุณมาก!” ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำฝืนยิ้มและพูดอย่างสุภาพ หวังเป่าเล่อเองก็ยิ้มแย้มแจ่มใสยิ่ง


“ฮะฮ่า พวกเราเป็นพันธมิตรกันนะ! ท่านปรมาจารย์จะเกรงใจมากไปแล้ว แต่…ท่านจะช่วยจ่ายเงินชดเชยให้กับความเสียหายของข้าได้หรือไม่ เรือบินรบเวทของข้าทั้งสองร้อยลำ…ข้าต้องจำกัดจำเขี่ยอย่างมากกว่าจะได้มาแต่ละลำ…”


ตอนนั้นเองปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม ขณะที่ชายชราคุกรุ่นอยู่ในใจ ใบหน้าของเขาก็กระตุกไปด้วย ในใจของเขากำลังคำรามและก่นด่าไอ้บัดซบหวังเป่าเล่อที่จ้องจะทำกำไรจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้…

 

 

 


บทที่ 869 ข้าจ่ายให้เจ้าไม่ไหว!

 

ปรมาจารย์สำนักอยากจะตบหวังเป่าเล่อให้ตายคามือ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาทำไม่ได้ ชายชรารู้สึกว่า…เขาอาจจะสู้ไม่ไหวนั่นเอง


ความเศร้าโศกเข้าครอบงำใจจักรพรรดิสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ จนชายชราทำใจยิ้มต่อไปไม่ได้ เขาหันหลังให้บรรดาศิษย์อยู่ขณะที่จับหวังเป่าเล่อพร้อมกัดฟันแน่น


“ต่อให้ข้าขายสำนักทิ้งไป ข้าก็คงไม่มีเรือบินรบเวทให้เจ้าสองร้อยลำหรอก อย่าให้มันมากนักเลยหลงหนานจื่อ!”


“ข้าหลั่งเลือดเพื่อสำนักของท่านแถมยังมาที่นี่โดยไร้ซึ่งความกลัว ข้ามาเพื่อช่วยเหลือโดยไม่กลัวผลที่จะตามมา แล้วท่านจะบอกว่าข้าขอมากไปอย่างนั้นหรือ ท่านจะเบี้ยวหรืออย่างไร” หลังจากที่ได้ยินถ้อยคำของปรมาจารย์ หวังเป่าเล่อก็ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าหากเขาต่อสู้กับปรมาจารย์มหาทัณฑ์ขึ้นมาจริงๆ เขาจะถอยหนีทันหรือไม่ แต่หากเป็นปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เขาคิดว่าอาจจะรังแกคนผู้นี้ได้ในระดับหนึ่ง


หวังเป่าเล่อยิ่งโกรธขึ้นไปอีก ก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง


“นี่หรือสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ หลังจากที่ได้รู้ว่าพวกท่านตกอยู่ในอันตราย ตัวข้าหลงหนานจื่อผู้นี้ ผู้ที่อยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะเท่านั้น ก็ขออนุญาตปรมาจารย์มหาทัณฑ์มาช่วยด้วยตัวเอง แม้ว่าการเดินทางนั้นจะยาวนานและข้ารู้ดีว่าอาจจะมีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เก่งๆ อยู่ที่นี่ แม้ว่าคนในสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำของท่านจะพยายามสังหารข้าและจับกุมข้าอยู่หลายครั้งหลายหนในอดีต แม้ว่าท่านจะดูถูกและทำให้ข้าขายหน้านับครั้งไม่ถ้วน ข้าก็ยัง…”


“ข้าก็ยังเลือกที่จะมาหยิบยืมมือให้การช่วยเหลือ ข้านำกองทหารของข้าและจิตวิญญาณอมตะทั้งสิบสองมาด้วย แต่นี่คือสิ่งที่ข้าได้ตอบแทนอย่างนั้นหรือ คือถูกบอกว่าคำขอของข้านั้นเกินเลยไป!” ถ้อยคำอันเปี่ยมด้วยโทสะของหวังเป่าเล่อดังก้องไปทั่วและทำให้ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่กำลังเก็บกวาดสนามรบอยู่นั้นต้องหยุดทันที


และหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น แม้ว่าปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจะมีสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัวเพียงใด เสียงอันดังก้องของชายหนุ่มก็ยังคงดังต่อไปไม่ขาดสาย


“หลังจากที่ข้ามาถึงที่นี่ ข้าก็ช่วยผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเอาไว้โดยเร็วที่สุด เขาเองก็เคยอยากจะสังหารข้ามาก่อน แต่ข้าทำเช่นใด ข้าก็เลือกที่จะลืมความบาดหมางส่วนตัวและมองภาพใหญ่กว่า! เพราะข้ารู้ว่าพวกเราต่างก็เป็นชาวอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วยกันทั้งสิ้น พวกเราจะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน และในเวลานี้ พวกเราต้องละทิ้งความบาดหมางส่วนตัว เพราะเราต้องลุกขึ้นสู้ ทั้งเพื่ออารยธรรมและความอยู่รอดของตัวเราเอง!


“แต่สิ่งที่ข้าได้กลับมานั้นหรือ ก็คือการที่ท่านบอกว่าข้าขอมากเกินไป!”


เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่ยืนรายล้อมอยู่ก็นิ่งไปสนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ทีได้แต่ยืนหลุบศีรษะต่ำ บรรดาผู้ฝึกตนระดับสูงในกองทหารที่ยืนอยู่ข้างกายหวังเป่าเล่อย่อมเข้าข้างเขาอยู่แล้ว ในเวลานั้น แววตาเย็นเยียบของพวกเขาทุกคนล้วนพุ่งเป้าไปยังปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเช่นพ่อบ้านและเทพธิดาหลิงโยวเองก็ขยับเข้ามายืนหลังหวังเป่าเล่อเช่นกัน


ทั้งร่องรอยบาดแผลและความเหนื่อยล้าบนตัวของผู้มาช่วยเหลือทุกคนก็ดูจะเป็นการประท้วงอย่างเงียบๆ เช่นกัน แม้ว่าจะอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี


“หลังจากที่ข้าช่วยเหลือผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ข้าก็เห็นว่าท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าจึงพุ่งออกมาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตบข้าเสียจนกระอักเลือก แม้ว่าจิตวิญญาณอมตะเช่นข้าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ข้าหลบหนีหรือไม่เมื่อต้องปะทะกับฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ ข้าตัวสั่นด้วยความกลัวหรือเปล่า ข้าอดทน แต่สิ่งที่ข้าได้รับตอบแทนคือท่านที่บอกว่าข้าขอมากเกินไป!


“ข้าเสี่ยงชีวิตรับแรงตบจากระดับดาวพระเคราะห์ เมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะหนี ข้าก็ใช้เรือบินรบเวทของตัวเองอย่างไม่สนใจผลที่จะตามมา แม้ว่าข้าจะเจ็บปวดสักเพียงใด แต่ข้าก็ระเบิดเรือบินรบเวทเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล เพื่อจะมอบโอกาสให้ท่านได้ไปสังหารผู้อาวุโสฝ่ายขวา ข้าทำเช่นนั้นเพื่อจะรับประกันชัยชนะอันยิ่งใหญ่ให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ! แต่ตอนนี้ เมื่อท่านชนะแล้ว ข้าก็หมดประโยชน์อย่างนั้นหรือ”


“นี่หรือคือสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ของข้ามาช่วยเหลือ โดยต้องลากร่างที่อ่อนล้ามาถึงนี่แล้วเสี่ยงชีวิต ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำขอรับ ไม่มีใครคิดว่าการฝึกปราณเป็นเรื่องง่าย ไม่มีใครได้ทรัพยากรในการฝึกปราณมาจากฟ้าเปล่าๆ ปลี้ๆ ข้าหลงหนานจื่อผู้นี้ ก็เสี่ยงชีวิตเก็บสะสมทรัพยากรเพื่อหลอมเรือบินรบเวทของตนเอง และข้าก็ทำลายพวกมันทิ้งเพื่อช่วยรักษาสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำของท่าน ท่านพูดเองว่าจะชดใช้คืนให้ ข้าไม่มีสิ่งใดจะพูดกับการที่ท่านคืนคำ แต่ท่านกล้ามากที่มาหาว่าข้าขอมากเกินไป!” เมื่อพูดถึงจุดนี้ หวังเป่าเล่อก็โมโหจนตัวสั่น ขณะที่น้ำเสียงเปี่ยมโทสะของเขาดังก้องออกไป มันก็พาให้ทุกคนที่ได้ยินต่างเอนเอียงมาเข้าข้างเขา


“สิ่งเดียวที่ข้าคนนี้ทำเกินเลยไป ก็คือการเลือกที่จะมาที่นี่และช่วยเหลือท่าน!” ประโยคสุดท้ายนี้เปี่ยมพลังยิ่ง ศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต่างก็พากันอับอาย เพราะอย่างไรเสีย…นี่ก็เป็นเรื่องจริง!


หากหวังเป่าเล่อไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้…ก็คงไม่จบเช่นนี้เป็นแน่ พวกเขาคงจะยังต่อสู้อยู่ และทั้งพวกเขาเองและสหายร่วมสำนักเต๋ารอบข้างก็อาจจะกลายเป็นศพกันไปหมดแล้วก็ได้


เพียงแต่ว่า…แม้ว่าจะมีความคิดนี้อยู่ในหัว แต่ก็ยังมีอีกความคิดหนึ่งด้วย นั่นก็คือ…พวกเขาจ่ายไม่ไหว


พวกเขาจะไปหาเรือบินรบเวทสองร้อยลำมาจากที่ใดกัน…อีกทั้งเรือบินรบเวทที่หวังเป่าเล่อใช้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีคุณภาพเท่าใดนัก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดได้ เพราะหากพูดไปตอนนี้ก็จะฟังดูเนรคุณ


การกดดันทางศีลธรรมเช่นนี้หวังเป่าเล่อเรียนมาตั้งแต่ครั้งที่ยังอยู่ในสหพันธรัฐ การนำมาใช้ที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์นี้ก็เห็นว่าได้ผลไม่แพ้กัน


สีหน้าของปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำบิดเบี้ยว ชายชราตอนนี้อารมณ์เสียสุดขีดแต่ก็ไม่มีทางให้บ่น ในที่สุดเขาก็ต้องกัดฟัน ยกมือขวาขึ้นโบก ลำแสงเจ็ดลำปรากฏขึ้นบนอวกาศเบื้องหลังเขาทันที


หลังจากที่ลำแสงห้าลำสลายหายไป เรือบินรบเวทจริงๆ ห้าลำก็มาปรากฏขึ้น สามลำมีพลังเท่าขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น ลำหนึ่งชั้นกลาง และอีกลำหนึ่ง…มีรูปร่างคล้ายจระเข้ คลื่นพลังแทรกแซงที่มันปล่อยออกมานั้นเทียบเท่าขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย


สำหรับลำแสงอีกสองลำ ลำหนึ่งเป็นกระบี่เหาะเหิน อีกลำหนึ่งเป็นหอก สมบัติเวททั้งสองชิ้นนั้นอยู่ในระดับสูงเอาการ แม้ว่าจะไม่ถึงขึ้นอาวุธเทพ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าอาวุธเวทระดับเก้าของหวังเป่าเล่อไปไกลและเป็นสมบัติเวทในระดับดาวพระเคราะห์


“หลงหนานจื่อ ข้าจะจ่ายคืนให้เจ้าด้วยของเหล่านี้ก่อน…” ปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกัดฟันพูดออกมาทีละคำอย่างยากเย็น ชายชราพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บกดความเจ็บใจเอาไว้


หวังเป่าเล่อกะพริบตา ชายหนุ่มมองเห็นว่าปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกำลังใกล้จะถึงจุดเดือดเต็มทน แม้ว่าเขาจะยังไม่พอใจนัก แต่หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่าหากสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำยังคงอยู่ พวกเขาก็ไม่สามารถจะหนีการเป็นหนี้ตนเองไปได้ อย่างดีที่สุด ชายหนุ่มก็สามารถมาเรียกร้องเงินคืนได้อีกสองสามครั้ง ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงยกมือขวาขึ้นโบก เก็บเรือบินรบเวทห้าลำและสมบัติเวททั้งสองไปหมด


ข้าขาดทุน เสียเรือบินรบเวทไปตั้งสองร้อยลำ ได้กลับคืนมาแค่ห้าลำกับสมบัติเวทสองชิ้น ข้าจะรับเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน หวังเป่าเล่อมีสีหน้าเศร้าสร้อยแต่รู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ เรือบินรบเวทขยะสองร้อยลำ ที่ทำได้เพียงทำลายตัวเอง แลกได้เรือบินรบเวทจระเข้ลำนั้นซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่าเรือบินรบเวทร้อยลำมา หากคิดในแง่นี้ การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็ค่อนข้างคุ้มทีเดียว


เมื่อคิดว่าเขาได้เปรียบแล้วในทางบัญชี หวังเป่าเล่อก็คิดว่าหรือจะให้ปรมาจารย์ร่างใบชำระหนี้ขึ้นมา แต่เมื่อเห็นโทสะที่กำลังจะระเบิดในดวงตาของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ได้แต่ลอบถอนใจ


เอาเช่นนี้ก็ได้ ข้านี่ก็ใจอ่อนเกินไป ท่านไม่ต้องเขียนใบชำระหนี้ให้ข้าหรอก เพราะท่านก็คงหนีข้าไม่พ้นอยู่นั่นเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ยิ้มออกมาได้ ก่อนจะยกมือประสานไปทางปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ


“ข้าน้อยขอบคุณท่านปรมาจารย์ อ่า…หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้าในอนาคต โปรดเรียกใช้งานได้เลย ข้าจะมาที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”


“ข้าจ่ายเจ้าไม่ไหวหรอก ลาก่อน!” ปรมาจารย์สะบัดแขนเสื้อ ก่อนจะหันหลังกลับ และเดินจากไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง


หวังเป่าเล่อไม่ใส่ใจอารมณ์ฉุนเฉียวของปรมาจารย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำแม้แต่น้อย หลังจากที่โบกมือลาศิษย์สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำคนอื่น ชายหนุ่มก็เดินกรีดกรายนำผู้ฝึกตนจากกองทหารลำดับสูงที่มีสีหน้าแปลกแปร่งพากันเดินขึ้นเรือบินรบแล้วก็จากมา


การรบครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จักรวาลในเขตของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้เข้าสู่ช่วงพักซ่อมแซมสั้นๆ ศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หนีออกจากอาณาเขตของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำได้ก็ได้รับคำสั่งจากประมุขสำนักหลังจากออกมานอกบริเวณที่ถูกปิดผนึกซึ่งการสื่อสารไหลลื่นขึ้น พวกเขาจะมุ่งหน้าไปตั้งหลักที่บริเวณใกล้เคียงกับดาวเอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ราชวงศ์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้การนำขององค์ชายทั้งสามก็ไปรวมกันบริเวณนั้นเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสองขั้วเรียบร้อย


ฝ่ายหนึ่งเป็นสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ


แม้ว่าฝ่ายแรกจะรวมตัวกันได้แต่ก็เสียหายอย่างหนัก ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายบาดเจ็บหนัก และแม้ว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะหนีออกมาได้สำเร็จก็ยังได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงการรุกรานรอบแรกเท่านั้น ในภาพรวมแล้ว พวกเขายังได้เปรียบอยู่มากนัก


และฝ่ายหลัง…ก็กำลังมุ่งเน้นการสร้างและซ่อมแซมวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ของทั้งสองสำนัก หลังจากที่พวกเขามารวมตัวกันหลังการศึกครั้งแรก ด้วยวิธีนี้ ต่อให้ทั้งสองสำนักไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน พวกเขาก็สามารถเดินทางในพริบตาและร่วมมือกันสู้ได้


ขณะที่การต่อสู้ดำเนินมาสู่ช่วงของการตั้งหลัก หวังเป่าเล่อก็นำกองทหารของตนและทุกๆ คนจากกองทหารอันดับหนึ่งกลับมาสู่สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ข่าวผลงานของชายหนุ่มที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกระจายไปทั่วแล้ว แต่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้และไม่ได้ถามอะไร เขาเลือกจัดงานต้อนรับหวังเป่าเล่ออย่างยิ่งใหญ่แทน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)