ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 865-873

 บทที่ 865 ราชาหมาป่าน้อยผู้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

Ink Stone_Fantasy

เห็นหลัวปอได้พบกับพ่อแม่ ใจของฉินสือโอวก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเหมือนกัน


ถึงแม้ว่าตั้งแต่เมื่อก่อนจนกระทั่งตอนนี้ ฉินสือโอวมักจะแกล้งหลัวปอเป็นประจำ แต่นั่นเป็นเพราะมันเด็กที่สุด ทั้งยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่วินนี่รักที่สุด ใสซื่อที่สุด เวลาแกล้งก็สนุกที่สุด


อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี ฉินสือโอวก็มีความรู้สึกผูกพันกับหลัวปอเหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่หยั่งรากลึก ถ้าใครมาทำร้ายหลัวปอ เขาไม่มีทางยอมเลิกราด้วยดีแน่ๆ ใครจะมาขโมยหลัวปอไป เช่นนั้นก็ต้องรับความเดือดดาลของเขาให้ได้


แต่มีเพียงผัวเมียหมาป่าขาวเท่านั้น ที่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะนี่คือพ่อแม่ของหลัวปอ ในความเป็นจริงพวกเขานับว่าขโมยลูกคนอื่นมาด้วยซ้ำ


วินนี่จับฉินสือโอวไว้แน่น เธอถามเขาอย่างกระสับกระส่ายว่า “ทำยังไงดี? ที่รัก ทำยังไงกันดี? พวกมันจะเอาหลัวปอไปไหม? ไม่ๆๆ! พวกมันทำอย่างนี้ไม่ได้นะ หลัวปอเป็นลูกสาวของฉัน เป็นลูกของฉัน! ฉันดูแลมันมาจนโต!”


ฉินสือโอวโอบกอดเธอไว้แน่น เขาปลอบเธอว่า “ใจเย็นๆ หน่อยนะครับ ที่รัก ให้พวกมันตัดสินใจกันเองดีไหมครับ? พวกเราทำหน้าที่พ่อแม่อย่างเต็มที่แล้ว พวกเราปฏิบัติกับหลัวปออย่างเต็มที่ด้วยความรัก แต่มันอยู่ในเผ่าพันธุ์หมาป่าขาว…”


“แต่ แต่เธอเป็นลูกสาวของฉันนะ ถ้าเธอจากฉันไป แล้วฉันจะทำยังไง?” วินนี่ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว


ความรักก็เป็นเช่นนี้ ยืนหยัดในความคิดของตัวเองและเห็นแก่ตัว


ฉินสือโอวบอกเธอว่า “ความชอบคือความหลงใหล แต่ความรักคือการควบคุมความรู้สึก วินนี่ ถ้าคุณรักเธอ คุณต้องเคารพเธอ ลองคิดดูสิ ถ้าลูกของเรา วันดีคืนดีถูกคนอื่นอุ้มไป แบบนั้นคุณจะรู้สึกยังไงครับ?”


วินนี่ตอบเขาอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ไม่ ฉันกำลังจะแตกสลายแล้ว จะเป็นแบบนี้ไม่ได้…”


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกหมาป่าขาวมองเห็นทั้งสองคนแล้ว ทว่าพวกมันก็ยังแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ ยังคงดูเชิงอยู่อย่างสงบนิ่ง


เพียงแต่ว่าการมาถึงของทั้งสองคนก็ยังมีผลกระทบอยู่ หลัวปอยิ่งก้าวเท้าวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม และในบางครั้งสองผัวเมียหมาป่าขาวยังหันกลับมา ดวงตาของพวกมันส่องประกายแสงแวววาวสีเขียวเป็นมันท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด


ฉินสือโอวสามารถสัมผัสได้ถึง ความริษยาและความแค้นเคืองของสองผัวเมียหมาป่าขาวที่มือต่อเขาอย่างเต็มเปี่ยม


ในที่สุดการคุมเชิงก็จบลง หมาป่าขาวตัวหนึ่งก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วส่งเสียงออกมาเบาๆ หลัวปอถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ต่อจากนั้นก็ก้าวเข้าไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวทันที มองดูพ่อแม่ที่ไม่อยากอยู่ห่างกันไกลแล้วจึงส่งเสียงอ่อนนุ่มออกมาเช่นกัน “ฮู้วๆ โฮ่ง!”


เสียงเห่าของหลัวปอกลับไม่ใช่เสียงเห่าแท้ๆ ของหมาป่า มีเสียงเห่าแบบหมาบ้านอยู่เล็กน้อย ซึ่งมักจะใช้เสียง ‘โฮ่งๆ’ ลงท้าย


ไม่ต้องสงสัยเลย สำหรับหมาป่านี่เป็นความอับอายอย่างหนึ่ง


ผัวเมียหมาป่าขาวเข้าใจสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ พวกมันหันหัวกลับมาด้วยความรู้สึกยากลำบาก แล้วมองมาที่ฉินสือโอวกับวินนี่ พร้อมกับขยับก้าวเท้าเข้ามาข้างหน้าแล้วเข้าใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ


หู่จือกับเป้าจือที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นหิมะก็ลุกขึ้นมาทันทีทันใด ใบหูใหญ่ตั้งตรงขึ้นมา ขนสีทองชี้ขึ้นทั่วทั้งตัว เกล็ดหิมะร่วงลงมาด้านบน ทำให้พวกมันดูเหมือนมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหัน


ก่อนหน้านี้หนึ่งปี ลูกสุนัขแลบราดอร์กับลูกหมีสีน้ำตาลสู้กันกับผัวเมียหมาป่าขาวอย่างสูสี ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว หู่จือกับเป้าจือไม่ใช่ลูกสุนัขแลบราดอร์อีกต่อไป พวกมันอาจจะมีจิตใจที่ยังอ่อนวัย ทว่าประสิทธิภาพร่างกายของพวกมันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้พอสวมควรแล้ว


ฉินสือโอวเชื่อว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหู่จือหรือเป้าจือ พวกมันแค่ตัวเดียวก็สามารถรับมือสองผัวเมียหมาป่าขาวได้!


ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถปะทะกัน ขณะที่ผัวเมียหมาป่าขาวส่งเสียงคำรามคุกคามฉินสือโอวกับวินนี่ออกมา เงาร่างหนึ่งก็เข้ามาขวางพวกมันทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลัวปอเบิกถลึงตาดวงโต ขวางทางที่หมาป่าขาวจะเข้าไปหาฉินสือโอวกับวินนี่


สองผัวเมียหมาป่าขาวเข้าใจความหมายของมัน จึงแหงนหน้าส่งเสียงคำรามออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงนั้นไม่โหดร้าย เพียงแต่ฟังดูเศร้าโศก!


ฉินสือโอวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่คนไหนที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ต่างก็รู้สึกเป็นทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ลูกของตัวเองแท้ๆ แต่เพื่อคนอื่นแล้วกลับโกรธเคืองพ่อแม่


วินนี่มองดูด้านหลังของหลัวปอที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างเลื่อนลอย เธอดึงแขนของฉินสือโอวเอาไว้ แล้วบอกกับเขาด้วยอารมณ์ที่กำลังซึมเศร้าว่า “พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ คุณพูดถูก ควรจะให้ลูกสาวของพวกเราเลือกเอง ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะพวกเรา”


เธอมองหลัวปอด้วยความอาลัยอาวรณ์ แล้วหันกลับมาพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไปกันเถอะค่ะ ที่รัก ถ้าพวกเรายังอยู่ที่นี่ จะมีแต่หลัวปอที่รู้สึกลำบากใจที่สุด พ่อแม่ของเธอไม่ชอบพวกเรา ตัวเลือกของหลัวปอยากเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะต้องมองดูพ่อแม่ของเธอทำร้ายเรา หรือต้องทำร้ายพ่อแม่ของเธอเอง…”


แต่ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่า ในช่วงเวลานี้วินนี่คือคนที่ใจสลายที่สุด


ทว่าออกมาก่อนก็ดีเหมือนกัน ฉินสือโอวกอดวินนี่ไว้พร้อมกับหมุนตัวเดินออกไปอย่างช้าๆ หู่จือกับเป้าจือจ้องมองผัวเมียหมาป่าขาวอย่างระแวดระวัง เริ่มส่งเสียงคำรามด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มออกมาจากในลำคอ ดวงตาเต็มไปด้วยแววตาดุร้าย ที่พร้อมจะโจมตีแล้ว


ฉินสือโอวผิวปากเรียกหู่จือกับเป้าจือกลับมา เขาเชื่อว่าถ้ามีหลัวปอ คู่ผัวเมียหมาป่าขาวไม่มีทางทำร้ายพวกเขาแน่


หลังจากกลับมาถึงวิลล่า วินนี่ก็นั่งอยู่ที่ประตูมองออกไปไกลๆ อยู่ตรงนี้ไม่สามารถมองเห็นครอบครัวหมาป่าขาวได้ แต่เธอก็ไม่ยอมออกห่าง ยังรอผลสรุปอยู่อย่างดื้อรั้น


ฉินสือโอวบอกวินนี่ให้ระวังเรื่องลูกในท้อง วินนี่จึงจูบเขาแล้วบอกกับเขาว่า “ฉันรู้ค่ะ ที่รัก ฉันแค่รู้สึกว้าวุ่นนิดหน่อย ดูสิ ฉันยังแข็งแรงดีไม่มีปัญหา ลูกก็สบายดี เขากำลังนอนหลับอยู่อย่างเงียบๆ ไงคะ”


อีวิลสันกำลังจะเข้านอนแล้ว มองดูท่าทางเงียบเหงาของวินนี่ เขาลองคิดๆ ดู แล้วจึงเดินเข้าไปในครัวเพื่ออุ่นนมวัวมาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ส่งให้วินนี่พร้อมกับพูดว่า “ดื่มมันแล้ว ก็จะมีความสุขขึ้น ก็จะทำให้หลับสบายแล้ว”


วินนี่จับมืออีวิลสันเอาไว้ เธอแย้มรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณนะ อีวิลสัน แค่เห็นนายฉันก็มีความสุขแล้ว”


อีวิลสันหัวเราะแหะๆ เขาเข้าไปอยู่ด้านหน้าของวินนี่แล้วพูดเข้ามาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ดูให้เต็มที่เลย”


มีอีวิลสันอยู่เป็นเพื่อน รวมถึงหู่เป้าฉง ปอหลัวกับมาสเตอร์ก็เข้ามาใกล้ ความรู้สึกของวินนี่จึงดีขึ้นมาก เธอกอดราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่ง่วงจนสัปหงกเอาไว้ แล้วคุยกับฉินสือโอวเกี่ยวกับเรื่องชีวิตสมัยก่อนของเธอ


“ฉันเคยเก็บหมาซามอยด์มาเลี้ยงหนึ่งตัว ตอนนั้นฉันกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น หลังจากนั้นฉันก็ตั้งชื่อให้เธอว่าจูดี้…”


พอฟังมาถึงตรงนี้ฉินสือโอวก็เริ่มยิ้มออกมา วินนี่รู้จักโครงเรื่องของสัตว์เลี้ยงชื่อดังนั่นเอง ตั้งชื่อให้แบบนี้ เป็นชุดที่เรียงต่อกันลงมา


ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ชื่อ ‘จูดี้’ มีความหมายพิเศษสำหรับสุนัข เทียบเท่า ‘เบอร์นาร์ด มอนต์โกเมอรี’ สำหรับทหารอังกฤษทั่วไป นี่เป็นเพราะหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ลอนดอนของประเทศอังกฤษเคยจัดพิธีมอบรางวัลรูปแบบใหม่ เพื่อมอบรางวัล ‘เหรียญกล้าหาญสูงสุด’ ให้สุนัขทหารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ‘จูดี้’


สุนัขตัวนี้เคยร่วมรบกับทหารอังกฤษเพื่อทำสงครามกับทหารญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออก และได้ช่วยทหารกองร้อยทั้งหมดเอาไว้ ต่อมากองร้อยของพวกเขาถูกทหารญี่ปุ่นจับเป็นเชลย แต่มันกลับทิ้งโอกาสที่จะหนีเอาชีวิตรอด แล้วเข้าไปในค่ายเชลยศึกพร้อมกันกับเหล่าบรรดาเจ้าของ


กองทัพญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม ความน่ากลัวของค่ายเชลยศึกเป็นอันดับหนึ่งในโลก เชลยศึกจำนวนมากรู้สึกว่าไม่มีความหวังในการใช้ชีวิตจึงพากันฆ่าตัวตาย เชลยศึกที่ฆ่าตัวตายจะตำหนิกล่าวโทษค่ายเชลยศึกไม่ได้ นี่เป็นบรรทัดฐานนานาชาติ ดังนั้นกองทัพญี่ปุ่นจึงชอบบีบคั้นให้พวกเชลยศึกฆ่าตัวตายมากที่สุด


จูดี้ที่อยู่ในค่ายกักกันเชลยศึก เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ทหารในค่ายเชลยศึกจึงค่อยๆ พากันถือเอามันเป็นแบบอย่าง จนกองทัพญี่ปุ่นถึงกับตัดสินโทษประหารให้แก่มัน เพื่อสร้างความระทมทุกข์ให้กับเหล่าเชลยศึก


แต่ต่อมา กองกำลังหลักฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกในฝั่งเอเชียตะวันออก แล้วเริ่มปลดปล่อยค่ายเชลยศึก จูดี้จึงหนีจากความตายมาได้ด้วยความโชคดีอย่างไม่คาดคิด ในที่สุดก็กลับไปถึงอังกฤษ กองทัพบกอังกฤษจึงตั้งใจมอบเครื่องหมายอิสริยาภรณ์ให้มันเพื่อเป็นรางวัลสำหรับทุกสิ่งที่มันทำในช่วงสงคราม


หลังจากจูดี้ตายแล้ว ทหารกองร้อยเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่ถึงกับลดธงประจำกองทัพลงเพื่อมัน อีกทั้งเจ้าของยังจารึกเกียรติประวัติของมันไว้บนป้ายบนหลุมศพว่า “สุนัขที่มีความโดดเด่นเปรียบดั่งนักรบผู้กล้า สิ่งที่มันมอบให้กับมนุษย์มีอยู่มากมายเกินกว่าสิ่งที่มันได้รับ”


บทที่ 866 ปาร์ตี้ร้อนแรงในหน้าหนาว

Ink Stone_Fantasy

ที่ฉินสือโอวรู้จักสุนัขที่ชื่อว่า ‘จูดี้’ ตัวนี้ เป็นเรื่องหลังจากที่เขามาแคนาดาแล้ว แคนาดาถือเป็นประเทศสหพันธ์รัฐ ถึงแม้ว่าจักรวรรดิอังกฤษจะขาดอำนาจในการปกครองไป แต่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การผสมกลมกลืน จึงแพร่กระจายของหลายอย่างในประเทศอังกฤษไปทั่วแคนาดา


ทว่าชาวอังกฤษทำไม่ถูกต้อง เวลาพวกเขาพูดถึงสุนัขที่ชื่อว่าจูดี้ตัวนี้ จะมีบางสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพูดออกไป นั่นก็คือสุนัขตัวนี้เป็นสุนัขพันธุ์ท้องถิ่นของประเทศจีน


สุนัขพื้นบ้านสามารถกลายมาเป็นสุนัขทหารที่เป็นที่รู้จักที่สุดในระดับนานาชาติ หลังจากได้รู้เรื่องนี้ฉินสือโอวจึงรู้สึกภาคภูมิใจมาก ดังนั้นพอวินนี่พูดถึงจูดี้เขาจึงยิ้มออกมา เขายังรู้จักสุนัขตัวนี้มากกว่าวินนี่เสียอีก


เห็นเขายิ้ม วินนี่จึงตีเขาด้วยความไม่พอใจหนึ่งที คิ้วโค้งสวยได้รูปยกสูงขึ้น เธอพูดอย่างไม่พอใจว่า “ห้ามยิ้ม! นี่เป็นเรื่องที่จริงจังมาก คนนิสัยไม่ดี! ฟังฉันเล่าต่อสิ ถึงยังไงฉันก็ชอบจูดี้มาก เธอเป็นเด็กดี…”


“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” ฉินสือโอวถามผสมโรงไปกับเธอ


วินนี่รู้สึกเศร้าโศกขึ้นมา เธอพูดด้วยความระทมทุกข์ว่า “ต่อมามีอยู่วันหนึ่ง ฉันพาเธอไปเดินเล่น แต่อยู่ๆ เธอก็ร้องเรียกคนคนหนึ่งขึ้นมา แล้วปรากฏว่าคนนั้นคือเจ้าของของเธอ! ฉันเลี้ยงจูดี้มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ฉันอาบน้ำป้อนอาหารให้เธอกินทุกๆ วัน แถมยังคุยกับเธอด้วย แต่หลังจากได้เจอเจ้าของแล้ว เธอก็วิ่งหนีไปทันที!”


“เจ้าหมาใจดำ” ฉินสือโอวพูดเออออไปกับเธอ


วินนี่หันกลับมากอดฉินสือโอวไว้ ใบหน้าของเธอยังคงมองไปทางพื้นหิมะที่อยู่ด้านนอกรอคอยให้เงาร่างสีขาวเล็กๆ นั้นวิ่งกลับมาด้วยความกังวล


รอจนถึงเที่ยงคืน หลัวปอก็ยังไม่กลับมา


วินนี่จะร้องไห้แล้วจริงๆ ฉินสือโอวจึงต้องโอบกอดเธอให้เธอขึ้นไปนอนข้างบนก่อน เขาเรียกพวกหู่จือ เป้าจือ เสี่ยวหมิงเข้ามาในห้องนอนกันทั้งหมด ลูกแมวป่าที่เพิ่งมาถึงก็ถูกยัดไว้ในอ้อมกอดของวินนี่ แบบนี้วินนี่ถึงนอนหลับได้


ช่วงเช้าตรู่ ขณะที่ฉินสือโอวยังนอนหลับอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องแหลมดังขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาตกใจจนสะดุ้ง เขาฟังออกมาว่าเป็นเสียงของวินนี่ พอพลิกตัวไปดูถึงได้เห็นว่าในผ้านวมเหลือเพียงราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่กำลังนอนหงายท้องหลับสบาย ส่วนวินนี่กลับไม่อยู่ให้เห็นแล้ว


เขาฟาดมือลงไปบนก้นของราชาเจ้าป่าซิมบ้าเบาๆ เจ้าเด็กชั่วไม่สำนึกบุญคุณเลยจริงๆ เขารีบสวมเสื้อผ้าอย่างลนลานแล้ววิ่งลงไปข้างล่างทันที ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องดีใจของวินนี่ดังขึ้นมา “โอ้ พระเจ้า ขอบคุณนะคะ! โอ้ที่รัก ฉันรักเธอจริงๆ…”


ฉินสือโอวเดินมาถึงหัวบันไดแล้วลองมองดู หลัวปอกำลังนั่งอยู่ตรงประตู ตาโต ‘หลุกหลิก’ กลอกไปมา ตอนนี้วินนี่กำลังกอดมันอยู่ เธอแทบจะถูมันเข้าไปข้างในร่างกายของเธอแล้ว


ขนสีขาวบนตัวของหลัวปอมอมแมมเล็กน้อย มีคราบโคลนติด อยู่ไม่น้อย เหมือนว่าเมื่อคืนได้ตามพ่อแม่วิ่งไปไหนมาสักที่


เพียงแต่ว่า ในที่สุดมันก็กลับมาแล้ว


วินนี่กอดหลัวปอเอาไว้สักพัก ต่อจากนั้นเธอก็จับมันแกว่งไปมา หัวของหลัวปอถูกแกว่งไกวจนเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง ลูกตาของมันสั่นจนแทบจะถลนออกมา


ฉินสือโอวเข้ามาลูบหัวของมัน มันดิ้นหนีจากอ้อมกอดของวินนี่ด้วยความเร่งรีบ เพราะพอวินนี่จูบหน้าผากมันเสร็จ เธอก็จะแกว่งคอมันต่อ!


หลัวปอกลับมาได้ สำหรับวินนี่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ


นี่คือลูกของเธอ ปีที่แล้วตอนที่หลัวปอมาถึงมันไม่ใช่ราชาหมาป่าโลโบ นั่นคือหัวไชเท้าน้อยหนึ่งหัว ฉินสือโอวยังจำได้ว่า เดือนแรกวินนี่จะกอดมันนอนอยู่ทุกคืนวัน เธอจะตื่นขึ้นมากลางเด็กเพื่อป้อนนมและพามันไปฉี่


ไม่ต่างอะไรกับการดูแลเด็กหนึ่งคน


วินนี่กังวลว่าหลัวปออาจจะจากไปอีก แต่หลังจากนั้นตลอดหลายวัน หลัวปอก็ยังอยู่ที่ฟาร์มปลาอย่างเชื่อฟังเป็นอย่างดี


เพียงแต่บางครั้งในตอนพลบค่ำ มันจะมองไปทางเทือกเขาเคอร์บัลอย่างเลื่อนลอย เกิดอะไรขึ้นคืนนั้น ฉินสือโอวก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ครอบครัวหมาป่าขาวคงจะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว


เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนก็มีหิมะตกลงมาสองครั้งแล้ว หิมะครั้งที่สองยังตกติดต่อกันถึงสองวันสองคืน ในที่สุดเหล่าสัตว์ป่าก็ไม่มีอาหารให้กิน ยังพากันทยอยลงมาจากภูเขาเพื่อหาอาหาร เมื่อไม่นานมานี้ก็ปรากฏเหตุการณ์ความขัดแย้งของคนในเมืองกับสัตว์ป่าสองฝูงขึ้น


อากาศดีแล้ว จึงตัดสินใจที่จะจัดปาร์ตี้ โรงพยาบาลชุมชนของเมืองถูกเปิดขึ้นแล้ว เขาจึงอยากต้อนรับลาร่ากับโอดอมสักหน่อย


เขาตะโกนบอกข่าวตามช่องวิทยุสาธารณะบอกว่าถึงตอนนั้นให้ทุกคนที่สนใจมาที่ฟาร์มปลาของเขา เขาจะหาพื้นที่ว่างในฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดเพื่อจัดงานปาร์ตี้ครั้งนี้ เนื่องจากที่นั่นเคยเป็นบ้านของโอดอมมาก่อน


วันสุดท้ายของต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี อีกทั้งพวกบิลลี่กับเบลคก็จะมาที่นี่ จึงเลือกจัดปาร์ตี้ในช่วงเวลานี้


ครั้งนี้คนมาเข้าร่วมค่อนข้างมาก ฉินสือโอวกับบรรดาชาวประมงจึงต้องเตรียมตัวล่วงหน้า หน้าหนาวอากาศหนาวมาก แน่นอนว่าควรจะจัดงานปาร์ตี้ตอนค่ำภายในอาคาร แต่ชาร์คเสนอความคิดเห็นหนึ่งขึ้นมา นั่นคือการจัดอาหารค่ำรอบกองไฟ งานเลี้ยงรอบกองไฟสไตล์ชนพื้นเมืองอเมริกัน แม้จะเป็นภายนอกอาคารก็สามารถจัดได้


ที่ฟาร์มปลาไม่มีพื้นที่ว่างภายในอาคารที่ใหญ่พอ และเขาก็เชิญนักท่องเที่ยวให้มาเข้าร่วมงานปาร์ตี้ด้วย ดังนั้นคาดว่าคนที่จะมาเข้าร่วมงานน่าจะมีอย่างน้อยสองร้อยกว่าคน ภายในอาคารแข่งบาสเกตบอลยังจุจำนวนคนเท่านี้ไม่ไหว ไม่มีทางเลือกแล้ว พวกเขาต้องจัดงานนอกอาคารเท่านั้น


ส่วนเรื่องอากาศหนาว? ใครสนกันล่ะ? จุดไฟขึ้นมาหน่อย ดื่มเหล้าเข้าไปอีกนิด ให้ทุกคนเริ่มคลั่งขึ้นมาก็พอแล้ว


หนึ่งวันก่อนหน้า มีผู้คนในเมืองส่งไม้สน ไม้เมเปิล ไม้คอนวูดมาเป็นจำนวนมาก ชาวประมงหาที่สำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำบนชายหาดไว้เรียบร้อยแล้ว ขุดหลุม ทรงกลมไว้หนึ่งเส้น ร่องกว้างหนึ่งลึกยี่สิบกว่าเซนติเมตร ฟืนทั้งหมดถูกโยนลงไปข้างใน


ฮิวจ์คนน้องขับรถกระบะมาส่งกวางเรนเดียร์กับหมูป่าอย่างละสองตัว พร้อมกับบอกว่า “สดๆ ทั้งนั้นเลยนะ ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ฉันกับเพื่อนๆ เจอเจ้าพวกนี้ที่ลงมาจากเขาตอนที่กำลังเฝ้ายาม ปังๆ ฉันจัดการพวกมัน เลยเอามาส่งให้นายนี่แหละ”


ฉินสือโอวเห็นว่ามีกวางเรนเดียร์หนึ่งตัวที่มีเขาอยู่สิบง่าม จึงพูดกับเขาว่า “เฮ้ กวางเรนเดียร์นี่ตัวใหญ่แฮะ เหลือไว้ให้ฉันทำผลงานศิลปะหัวกวางได้ไหม?”


ฮิวจ์คนน้องถามเขาว่า “นายชอบเหรอ? ถ้าอย่างนั้นรอให้ฉันไปขอมาจากคนเผ่าซูบนเทือกเขาร็อกกีมาสักอันแล้วกัน ในเผ่าของพวกเขามีแต่หัวกวางใหญ่เขาสิบสี่ง่ามทั้งนั้น”


คาร์สันส่งแพะภูเขาตัวอ้วนมาให้หนึ่งตัว บอกว่านี่มาจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของเพื่อนเขา เขารู้ว่าจะจัดงานเลี้ยง เลยตั้งใจซื้อส่งมาให้หนึ่งตัว ให้ทุกๆ คนได้ลองชิมว่ารสชาติของเนื้อแพะเป็นยังไง


ต่อจากนั้นก็ทยอยตามมาเรื่อยๆ และยังมีชาวเมืองส่งของอย่างอื่นเช่น ไก่ป่าเฮเซล กระต่ายขั้วโลกเหนือ ห่านเทาปากดำ เป็ดป่า พวกอาหารป่าที่มีอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง อย่างไก่เป็ดห่าน โอดอมก็จัดหาวัวตัวใหญ่มาให้ครึ่งตัว ลากมาจากโรงฆ่าสัตว์โดยตรง


ชาวแคนาดาไม่ค่อยสนใจอาหารป่าเท่าไรนัก ก่อนหน้านี้ไม่นานยังเคยมีข่าวหนึ่งที่ว่าร้านอาหารแห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์นเห็นที่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงล่ากวางมาหนึ่งตัวเพื่อจะทำอาหาร


แต่ปรากฏว่า ร้านอาหารแห่งนี้กลับถูกลูกค้ารายงานต่อทางการ ตำรวจกับกระทรวงสาธารณสุขก็มาตรวจสอบในห้องครัวและพบว่ามีร่องรอยการจัดการกวางป่าอยู่จริง จึงสั่งปิดร้านอาหารแห่งนี้


สำหรับชาวแคนาดาแล้ว อาหารป่าที่ไม่ถูกตรวจโรคและจัดการมาก่อนเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัย กินไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้สถานการณ์แบบนี้ที่เกาะแฟร์เวลเปิดกว้างแล้ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนมีความสนใจต่อของพวกนี้มาก


ฮิวจ์คนน้องส่งกวางกับหมูป่ามาให้ ก็เพื่อเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว คนท่องถิ่นแบบพวกเขาไม่กินของพวกนี้


เริ่มตั้งแต่ช่วงบ่าย ก็เริ่มมีคนกระจัดกระจายกันมาถึงฟาร์มปลา เป็นนักท่องเที่ยวไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะนี่เป็นงานปาร์ตี้ที่ไม่ต้องเสียเงิน สามารถมาเข้าร่วมได้ตามสบาย แน่นอนว่าไกด์นำเที่ยวเองก็แนะพวกเขาเป็นนัยๆ ว่า ให้ทุกคนนำของขวัญติดไปด้วย ถึงยังไงไปกินฟรีดื่มฟรีคงไม่ดีเท่าไร


บทที่ 867 ติดไฟขึ้น

Ink Stone_Fantasy

จัดปาร์ตี้แบบนี้ โต๊ะอาหารที่ต้องใช้จึงมีจำนวนมากจนน่ากลัว คุณลุงฮิคสันช่วยสนับสนุนมาจำนวนหนึ่ง ผับดาราประกายก็ช่วยสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่ายังมีเบียร์อุ่นกับไวน์องุ่นทุกชนิดและเหล้าขาวจีนอีกด้วย


หลังหิมะตก อากาศไม่เลวเลย อุณหภูมิในตอนกลางวันพอใช้ได้ ถึงยังไงก็ยังเป็นต้นฤดูหนาวอยู่ หลังกระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนือผ่านแดนมา พระอาทิตย์ยังลอยสูงส่องสว่างอยู่ด้านบน รวมกับที่บริเวณรอบๆ เกาะแฟร์เวลคือมหาสมุทร น้ำทะเลความร้อนจำเพาะต่ำ ระดับอุณหภูมิลดลงได้ช้า จนช่วงพลบค่ำก็นับว่าอากาศยังไม่หนาวมากนัก


บิลลี่เคยเป็นราชาของไนต์คลับมาก่อน หลังจากมาถึงฟาร์มปลาเมื่อตอนบ่าย เขาก็ยุ่งอยู่กับการทดสอบชุดอุปกรณ์ดีเจ หลังจากทดสอบเสร็จแล้วถึงได้พูดอย่างจนปัญญาว่า “ฉิน พวกเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อย่าเอาแต่เล่นเลย พวกเราต้องทำงานนะ โอเคไหม?”


ฉินสือโอววางโต๊ะลง แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “แล้วยังไงต่อ? งมเรือโจรสลัดเสร็จแล้วเหรอ?”


พอพูดถึงเรือโจรสลัด บิลลี่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นการกู้เรือที่เกินความคาดหมายจริงๆ! ให้ตายสิ ในเรือโจรสลัดพวกนั้นมีของดีอยู่ไม่น้อยเลย แต่น่าเสียดายที่อับปางอยู่ในทะเลมานานเกินไป ที่ยังมีมูลค่าก็ไม่มากแล้ว ถ้ากู้ขึ้นมาตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน…”


“หนึ่งร้อยปีก่อน สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นเสมือนไฟโหมไหม้ เว้นแต่ว่าเราจะขุดขีปนาวุธกับรถถังขึ้นมาได้ นอกจากนั้นก็มีแต่อึหมาแล้ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นรับคำต่อ ฉินสือโอวหันหัวกลับไป พบกับเบลคและแบรนดอนที่เดินเข้ามาพร้อมกัน


แบรนดอนขับรถเก๋งมาหนึ่งคัน พอเปิดออกก็พบว่าด้านในมีแฮมอยู่เป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวถามเขาว่า “นี่คืออะไร?”


“อาหารของชาวเอสกิโม แฮมเนื้อนก ถึงเวลาก็ลองชิมดูสิ รสชาติสุดยอดจริงๆ” แบรนดอนพูดยิ้มๆ


พอวินนี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเขาพูด เธอจึงพูดแก้ว่า “ชาวอินูเปียต ไม่ใช่ชาวเอสกิโม ขอบคุณค่ะ”


แบรนดอนยักไหล่ กล่าวว่า “คุณก็รู้นี่ ว่าที่คุณแม่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเรียกพวกเขาแบบนั้น เพื่อนกันตลอดไปไง ใช่ไหมล่ะ?”


ชื่อเรียกชาวเอสกิโมมีนัยของการดูถูกเหยียดหยาม ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการคือชาวอินูเปียต แน่นอนว่า ที่แคนาดามีการเหยียดชาติพันธุ์จนเป็นเรื่องปกติ


ทั้งสี่คนกำลังยืนคุยกัน พวกชาวประมงก็เริ่มจุดไฟด้วยฟืนในร่องลึกทรงกลม พวกเขาเทน้ำมันก๊าดลงไปด้านบน หลังจากจุดไฟเปลวเพลิงก็ลุกโชน อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น บริเวณโดยรอบของสถานที่จัดงานเลี้ยงยามค่ำคืนตกอยู่ท่ามกลางไฟลุกโหม


บรรดานักท่องเที่ยวร้องเสียงแหลมขึ้นมา ในมือแทบจะมีกล้องถ่ายรูปกันทุกคน พากันถ่ายรูปไว้สารพัด


หลังจากนั้นนีลเซ็นก็ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เดินเข้ามา หยิบเบียร์สองขวดแล้วกำลังจะจากไป ทว่าฉินสือโอวดึงเขาเอาไว้ แล้วถามเขาว่า “นายจะไปไหน?”


“ผมจะไปเข้าเวรครับ บอส”


ฉินสือโอวมองเขาอย่างไม่เชื่อใจ เขาเปิดวิทยุสื่อสารเพื่อถามว่า “แบล็คไนฟ์ วันนี้ใครเข้าเวร?”


“แอร์แบ็คกับแซ็กครับ บอส”


ฉินสือโอวชี้นิ้วใส่นีลเซ็น ปรากฏสีหน้าไม่ค่อยดีออกมา


นีลเซ็นเลยทำได้แค่ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “แพรีสก็มาแล้วเหมือนกัน ผมเชิญเธอให้มาร่วมงานปาร์ตี้ของพวกเรา แต่คุณก็รู้ใช่ไหมล่ะครับบอส ผมจะพาเธอมาที่แบบนี้ได้ยังไง? นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับการเดต ผมเลยเลือกที่จะเดตในอพาร์ตเมนต์ของพวกเรา”


“ฟัคยู นายพาเธอขึ้นเตียงแล้วเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างยากที่จะเชื่อ


นีลเซ็นยิ้มกรุ้มกริ่มต่อ พร้อมกับพูดว่า “ยังครับ แต่คืนนี้ก็น่าจะประมาณนั้นมั้ง?”


ฉินสือโอวตบไหล่เขาแปะๆ แล้วพูดด้วยความเลื่อมใสว่า “นายนี่มันร้ายกาจจริงๆ พลทหาร แต่ก็ระวังหน่อยแล้วกัน อย่าให้ถึงแก่ชีวิตล่ะ”


พอล้อเล่นเสร็จ ฉินสือโอวก็ให้ชาร์ครีบทำอาหารให้นีลเซ็นพยายามทำให้พิถีพิถันสักหน่อย ตอนนี้ถ้าการ์เซียยังอยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับเจ้าหญิงสโนวไวท์ เขาก็คงทำให้ได้


นีลเซ็นกับแพรีสมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ฉินสือโอวคิดว่าใช้เวลาอีกไม่นานทั้งสองคนก็จะมีข่าวดีให้ได้สมหวังแล้ว กระทั่งงานแต่งก็อาจจะจัดก่อนเขากับวินนี่


ในวิลล่า ตู้อบทั้งห้าตู้ทำงานพร้อมกัน ข้างในคือซี่โครงแกะ ซี่โครงวัวชิ้นใหญ่ นอกจากนี้เตาอบที่สั่งทำมาก็กำลังหมุนอยู่เช่นกัน ข้างในมีไก่เป็ดห่านกับกระต่ายขั้วโลกเหนือ ในระหว่างนั้นบูลต้องเข้ามาตรวจดูกล่องวงจรไฟฟ้าอยู่บ่อยๆ เพราะกลัวสวิตช์ตัดกระแสไฟ


สิ่งที่บรรดานักท่องเที่ยวอยากทานคือเนื้อหมูป่าย่างกับบาร์บีคิวเนื้อกวาง โดยปกติพวกเขาจะหาซื้อของพวกนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากช่วงฤดูหนาว เพื่อที่จะรักษาสภาพแวดล้อมของเทือกเขาเคอร์บัล กวางกับหมูป่าที่ล่ามาได้มีอยู่น้อยมาก


โอดอมพาลาร่ามาด้วยกัน ฉินสือโอวกอดทักทายทั้งคู่ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับครับ ยินดีต้อนรับ คุณหมอดีเด่น คุณพยาบาลที่น่านับถือ ตอนนี้พวกคุณคือบุคคลที่เป็นที่ต้อนรับที่สุดบนเกาะแห่งนี้แล้ว”


ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่เกิดอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยอย่างโรคหวัดได้ง่ายที่สุด เนื่องจากกระแสลมหนาวและหิมะของปีนี้มาเร็วเกินไป ดังนั้นผู้ป่วยจึงเยอะขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีแต่ปัญหาเล็กน้อย แต่เมื่อก่อนถ้าอยากตรวจไข้ ก็ต้องไปที่นครเซนต์จอห์น


หลังจากโรงพยาบาลชุมชนของโอดอมเปิดให้บริการจึงสะดวกสบายมากขึ้น บรรดานักท่องเที่ยวก็สามารถไปหาหมอได้ ไม่ได้จ่ายค่าลงทะเบียนมากมายเท่าไรนัก


ตอนนี้โอดอมเป็นบุคคลที่ได้รับการต้อนรับที่สุดในเมืองอย่างแท้จริง หมอกับทนาย เดิมทีก็เป็นอาชีพที่ค่อนข้างได้รับความเคารพในแคนาดาอยู่แล้ว อีกทั้งโอดอมยังสามารถทำงานได้หลายอย่างทั้งด้านศัลยกรรม สูตินรีเวชวิทยาและทันตกรรม เขาล้วนแต่ชำนาญงานเป็นอย่างดี


ลาร่านำเค้กข้าวไรย์ที่เธออบเองมาด้วย เค้กชิ้นเล็กหลากรสชาติ ฉินสือโอวผิวปากขึ้นมา เชอร์ลี่ย์ก็วิ่งเข้ามารับเค้ก เธอกล่าวขอบคุณลาร่า แล้วจึงเดินเอาเค้กไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวทำข้าวผัดน้ำมันหมูที่เป็นที่นิยมมากๆ ไว้ ก่อนจะทานสิ่งนี้ ต้องนำถาดรองที่ทำจากเหล็กไปอังไว้บนไฟเสียก่อน เนื่องจากน้ำมันหมูแข็งตัวได้ง่าย เพียงแต่พอเขาลองสังเกตความรู้สึกดูแล้วกลับพบว่า สิ่งที่ทุกคนให้การต้อนรับไม่ใช่รสชาติของข้าวผัด แต่เป็นความเพลิดเพลินขณะที่นำไปอุ่นร้อนเองต่างหาก


คุณครูที่โรงเรียนก็มางานเลี้ยงแล้วเช่นกัน เชอริล แฮรี่คุณครูหน้าอกบึ้มที่เคยเป็นคนรักในฝันของเหมาเหว่ยหลง ฟอกส์และวินนี่กำลังคุยกันอย่างออกรส เบลคมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มชั่วเดินเข้าไปหาเพื่อทักทาย แต่ปรากฏว่าโดนวินนี่ด่าตะเพิดออกไปแทน


เบลคเดินกลับมาด้วยความคับแค้นใจ เขาพูดว่า “ผู้หญิงตอนท้องนี่น่ากลัวชะมัด ฉิน ฉันไม่รู้ว่านายทนวินนี่ได้ยังไง เธอไล่ฉันออกมาซะอย่างนั้นน่ะ?! โอ้ พระเจ้า! วินนี่ที่อ่อนโยนหายไปไหนซะแล้ว?”


ฉินสือโอวขี้เกียจจะสนใจคุณชายเพลย์บอยคนนี้ เขาถามบิลลี่ว่าคิดยังไงกับเชอริล แฮรี่ ยังไม่ก้าวออกจากห้วงอารมณ์ของความพ่ายแพ้ในการไล่ตามหวงเจียเจียเลย


บิลลี่จึงพูดอย่างเฉื่อยๆ ว่า “เธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้ฉัน”


เบลครีบพูดขึ้นมาว่า “แต่ฉันมีลางสังหรณ์ ที่บอกฉันว่าเธอคือผู้หญิงที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้ฉันนะ”


แบรนดอนจึงยิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วพูดกับเขาว่า “สัตว์ตัวเมียที่สวยหน่อย ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้นายทั้งหมดนั่นแหละ”


เชอร์ลี่ย์ถือจานสีเหลืองทองใส่ซี่โครงแกะย่างมาให้พวกเขาสองสามจาน แต่กลับไม่มีของเบลค เบลคถามเธอว่าแล้วของฉันล่ะ เชอร์ลี่ย์จึงยักไหล่น้อยๆ บอกเขาว่า “นี่เป็นแกะตัวเมียสวยๆ คุณทำใจกินมันลงเหรอคะ?”


ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ที่เหลือพากันหัวเราะเสียงดังออกมา เบลคเลยต้องเดินไปหยิบเอง


ที่บิลลี่และคนอื่นๆ มาที่นี่ในครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะบอกผลลัพธ์ของการกู้ซากเรืออับปาง ใบแสดงรายการกองใหญ่ นอกจากเครื่องเสาหัวเรือไม้จันทน์แดงกับเหรียญเงินเหรียญทอง ก็ยังมีกาน้ำ จานใส่อาหาร อุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหารที่ทำมาจากเครื่องเงินเครื่องทองและอาวุธที่มีมูลค่า


บริษัทประมูลของตระกูลเบลคทำการประเมินราคาไว้แล้ว ของล็อตนี้มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา ส่วนสำคัญเป็นเครื่องเสาหัวเรือของไม้จันทน์แดงอันนั้นที่มีความล้ำค่ามากจริงๆ พวกผู้มีอิทธิพลชาวตะวันออกกลางกับมหาเศรษฐีชาวยิวต่างก็แสดงความสนใจและหมายมั่นที่จะได้มันมา


บทที่ 868 วาฬระเบิด

Ink Stone_Fantasy

เปลวไฟลุกโชนอยู่ตลอด อีกทั้งความสนุกของงานเลี้ยงรอบกองไฟสไตล์อินเดียนแดงแบบนี้จะอยู่ที่เปลวไฟในร่องที่ลุกลามออกไปอย่างต่อเนื่อง


ขณะที่ทุกๆ คนกำลังดื่มเหล้าและทานเนื้อกัน ก็ยังมีงานอื่นให้ทำอยู่อีก อย่างแรกคือต้องล้อมร่องไฟเป็นวงรอบนอก ต่อจากนั้นจึงเปิดร่องเป็นรูปกางเขนเพื่อเชื่อมต่อกับวงกลมรอบนอก หลังจากเชื่อมต่อกันแล้ว จากนั้นจึงวางไม้สนที่มีน้ำมันก๊าดลงไป แล้วจุดไฟเผาอีกครั้ง


ร่องพวกนี้ค่อยๆ ขยายกว้างออกไป ในตอนท้ายพอทุกคนดื่มกินจนอิ่มหนำสำราญเตรียมตัวจะแยกย้ายกันไป พื้นที่ที่สามารถขยับเดินได้ก็มีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว


นี่ค่อนข้างอันตราย ถ้ามีใครดื่มเหล้ามากเกินไปจนไม่ระวังแล้วตกลงไป แบบนั้นอาจจะถูกไฟเผาจนได้รับบาดเจ็บ แต่นี่คือจุดประสงค์ของชาวอินเดียนแดง เวลาที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงแบบนี้ พวกเขาจะพากันกระดกเหล้าอย่างบ้าคลั่ง เพื่อทดสอบความกล้าหาญและความยับยั้งชั่งใจของนักรบผู้กล้าในชนเผ่า


นอกจากนี้ ที่ฉินสือโอวจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ยังมีรายการหายไปหนึ่งรายการ ซึ่งก็คือการเดินลุยไฟด้วยเท้าเปล่า


ท้ายที่สุดขณะที่เปลวไฟมอดลงไปพอประมาณแล้ว ด้านในร่องที่ขุดไว้ก็จะเหลือถ่านไม้หลังการเผาไม้หลายๆ ก้อน ชาวอินเดียนแดงที่เก่งกาจที่สุดจะเดินเท้าเปล่าผ่านด้านบนไปหนึ่งรอบ สามารถเดินได้ครบหนึ่งรอบถึงจะเก่งกาจที่สุด แน่นอนว่าสำหรับผู้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ถึงจะสวมรองเท้าก็ยังไม่กล้าเดินขึ้นไป


เมื่อทุกๆ คนกินดื่มเที่ยวเล่นเสร็จและแยกย้ายกันไปแล้ว พวกผู้หญิงเลยอยู่ช่วยจัดเก็บสถานที่ด้วยความสมัครใจ ส่วนผู้ชายอีกหลายคนก็ใช้ทรายมากลบร่องที่ขุดไว้ ใช้ของที่มีอยู่ในพื้นที่มาจัดการปัญหาในพื้นที่ งานเลี้ยงรอบกองไฟแบบนี้ ขอแค่มีสถานที่ที่เหมาะสม ก็จะได้รับการต้อนรับยิ่งกว่าปาร์ตี้ทั่วไปภายในอาคาร


โอดอมดื่มเหล้าไปไม่น้อย ก่อนกลับเขากอดฉินสือโอวไว้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ พร้อมทั้งบอกกับเขาว่านี่เป็นปาร์ตี้ที่สนุกที่สุดตั้งแต่เขาเรียนจบมา ฉินสือโอวบอกเขาว่ากำลังในการสู้รบของนายอ่อนแอเกินไปแล้ว พอถึงฤดูร้อนจะให้นายได้ลองสัมผัสกับเทศกาลใหญ่ของเกาะแฟร์เวลดู


ตื่นเช้าในวันถัดมา เขาออกกำลังกายยามเช้าอยู่สักพัก ก็มีสายโทรศัพท์ทางไกลจากประเทศจีนโทรเข้ามาหนึ่งสาย หลังจากฉินสือโอวกดรับโทรศัพท์ เสียงของต้วนเหล่ยก็ดังขึ้น “เสี่ยวฉินฉันลองคิดๆ ดูแล้ว น่าจะเปิดร้านอาหารที่อำเภอของเราได้ ที่นี่เรายังไม่มีร้านอาหารทะเลคุณภาพสูง ดังนั้นกำไรที่จะได้น่าจะสูงพอดูเลยเหมือนกัน”


ที่ฉินสือโอวอยากเปิดร้านอาหารที่จีน ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากหาเงินได้เยอะๆ เพียงแต่ว่ากุ้งกับปลาในบ่อของที่บ้านก็เคยถูกพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนส่งเสริมการพัฒนาการมาก่อน จะนำไปขายเหมือนกับกุ้งกับปลาทั่วไปก็คงจะน่าเสียดาย พี่สาวกับพี่เขยก็ไม่ได้มีกิจการอะไร ให้พวกเขาลองทำร้านอาหารคงจะดีกว่า


ทว่าเขายังขาดคอนเนคชันกับการติดต่อในฝั่งอำเภอของเขาอยู่ การเปิดร้านอาหารในประเทศจีน ต้องเปิดช่องทางทุกด้านทั้งการพาณิชย์ทั้งด้านภาษีและด้านการเงินถึงจะดี ไม่อย่างนั้นก็รอวันเจ๊งแล้วเซ้งร้านเถอะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีคนในอำเภอที่สามารถรับผิดชอบดูแลจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างครอบคลุมสักหนึ่งคน


คนที่เขาเลือกคือต้วนเหล่ย เขาคิดว่าต้วนเหล่ยคนนี้ค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ


ในเมื่อต้วนเหล่ยยอมตกลงร่วมมือด้วยแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ลงทุน ฉินสือโอวลองปรึกษากับเขาดู ต้วนเหล่ยจะรับหน้าที่หาหัวมุมที่เหมาะสม พอถึงเวลานั้นค่อยให้ฉินสือโอวกลับมาดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไรทั้งสองฝ่ายก็จะเริ่มลงทุนแล้ว


หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่าๆ ฉินสือโอวไม่ได้ติดต่อกับภายนอก และจัดการดูแลฟาร์มปลาของตัวเองอย่างจดจ่อตั้งใจ


หน้าหนาวอุณหภูมิน้ำค่อนข้างเย็น ทว่าฟาร์มปลากลับไม่ได้รับผลกระทบ ฝูงปลายังคงอยู่ที่ฟาร์มปลาต่อ เนื่องจากรายการอาหารของพวกมันถูกฟาร์มปลาโอบล้อมไว้หมดแล้ว สาหร่ายทะเลที่ปลาเล็กกินมีแค่ของฟาร์มปลาที่สดและนุ่มที่สุด ปลาเล็กที่ปลาใหญ่อยากกิน ก็มีแค่ที่ฟาร์มปลาเท่านั้นที่อ้วนพีนุ่มหนึบที่สุด ดังนั้นฝูงปลาจึงไปไหนไม่ได้แล้ว


แต่ที่ฟาร์มปลาแห่งอื่น ผลการเก็บเกี่ยวของผลิตภัณฑ์กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฤดูหนาวราคาปลาสดเพิ่มสูงขึ้น บัตเลอร์จึงเริ่มวางแผนเปิดร้านสาขาร้านแรกแล้ว


อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินครอบครองไมอามีได้สำเร็จ ตอนนี้ร้านอาหารและโรงแรมที่ค่อนข้างมีระดับในไมอามี จะใช้อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน เมื่อก่อนบัตเลอร์จะมารับอาหารทะเลสองครั้งต่อสัปดาห์ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสามหรือถึงกระทั่งสี่ครั้ง!


ตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วง แค่อาหารทะเลฉินสือโอวก็มีเงินเข้าบัญชีเกินกว่ายี่สิบล้านดอลลาร์แคนาดา ไม่ทันรู้ตัว ในบัตรธนาคารของเขาก็มีเงินทุนถึงห้าสิบล้านแล้ว รอจนงานประมูลฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง เงินทุนมากกว่าร้อยล้านก็ไม่เป็นปัญหา


เป็นลูกหมูกับลูกกวางในฟาร์มปลาต่างหากที่น่าเป็นห่วง หลังจากมาถึงฟาร์มปลาพวกมันก็มีความสุขมากทีเดียว เพราะที่ฟาร์มปลามีหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์ ที่คุณภาพดีกว่าหญ้าบนภูเขา พวกมันจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน


แต่พอกินอิ่ม ปัญหาก็ตามมาแล้ว เจ้าพวกนี้ตีกันแทบจะทุกวัน!


ฝูงกวางตีกันเอง หมูป่าตีกันเอง กวางตีกันกับหมูป่า ทั้งยังตีกันกับห่านขาว ฉินสือโอวเลยต้องฝึกหู่จือกับเป้าจือให้กลายเป็นสุนัขต้อนแกะ ตอนนี้หน้าที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับสุนัขแลบราดอร์คือการลาดตระเวนฟาร์มปลาเพื่อตรวจดูว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นหรือไม่


ช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ฉินสือโอวนึกขึ้นมาได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้โทรศัพท์หาที่บ้าน เขาจึงโทรศัพท์ไปหาพ่อกับแม่


พอรับโทรศัพท์ พ่อของฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างดีใจว่า “ลูกชาย เพื่อนของแกคนที่ขายรถเข้ามาหาที่บ้าน บอกว่าพวกแกวางแผนจะร่วมหุ้นกันเปิดร้านอาหารในอำเภอใช่ไหม? ถ้าเป็นแบบนั้น ให้ฉันกับแม่แกไปช่วยไหมล่ะ?”


ต้วนเหล่ยทำงานอย่างเฉียบขาดรวดเร็ว ระยะเวลาห่างจากคุยโทรศัพท์กันครั้งที่แล้วแค่หนึ่งสัปดาห์กว่าๆ เขาก็หาที่ตรงหัวมุมได้แล้วห้าที่ให้ฉินสือโอวกลับไปดู ก็จะสามารถตกแต่งร้านแล้วเตรียมตัวเปิดกิจการได้แล้ว


ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อกับแม่ไปแล้วจะทำอะไรได้? พากันทำบ่อปลาให้ดีก็พอแล้วครับ อาหารทะเลของแคนาดาเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเฉยๆ ผมส่งใช้การขนส่งทางอากาศส่งอาหารทะเลไปที่จีนบ่อยๆ ไม่ได้อยู่แล้วหรือเปล่า? แบบนั้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก็เยอะเกินไปแล้ว แค่ของในบ่อปลาของพวกเราก็พอ”


พ่อฉินได้ยินแบบนี้จึงรู้สึกลังเลขั้นมา กล่าวว่า “อันนี้น่ากลัวว่าจะไม่ได้นะ บ่อปลาของพวกเรา จะจัดหาปลากับกุ้งได้มากแค่ไหนกัน?”


ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายพร้อมกับพูดว่า “ถ้าขนาดเล็กเกินไป ก็ขยายให้มันกว้างสิ แม่น้ำไป๋หลงกว้างใหญ่ขนาดนั้น ล้อมทั้งหมดเอาไว้ กุ้งปูปลาที่เลี้ยงไว้อย่าว่าแต่จัดหาให้ร้านอาหารระดับอำเภอได้เลย ถึงระดับเมืองเอกของมณฑลก็ไม่มีปัญหา!”


พอโทรศัพท์หาที่บ้านแล้ว ฉินสือโอวก็นอนลงกำลังจะไปลาดตระเวนฟาร์มปลาสักรอบ แต่ปรากฏว่าชาร์คมาหาเขาเสียก่อน แล้วบอกกับเขาว่า “บอส ในเมืองขอให้คุณเข้าไปหาหน่อย มีซากวาฬปรากฏขึ้นบนชายหาดของเมือง ค่อนข้างอันตรายเลย”


ฉินสือโอวจึงถามกลับไปว่า “ซากวาฬ? เกิดอะไรขึ้น? วาฬตายเพราะเกยตื้นเหรอ?”


เขาพูดไปพร้อมกับสวมเสื้อคลุมเดินออกไปข้างนอก ปรากฏว่าในทุ่งหญ้าที่ห่างออกไป กวางแดงขาเป๋ตัวหนึ่งกำลังแบกหมูป่าขนาดกลางสองตัวไว้บนบ่า มีกวางแดงตัวเมียอีกสี่ตัวยืนอยู่ทางด้านหลังอย่างขลาดๆ


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา กวางตัวผู้ขาเป๋ตัวนี้คือตัวที่ถูกหู่จือกระโจนใส่จนล้มขาหักในตอนนั้น หลังจากบรรดาชาวประมงลากมันมาถึงฟาร์มปลา ปรากฏว่ากวางตัวเมียสี่ตัวที่เหลือก็ตามมาที่นี่เช่นกัน


ในตอนนั้นความสามารถของกวางตัวผู้ตัวนี้ทำให้ฉินสือโอวอดที่จะรู้สึกนับถือไม่ได้ ถ้าเขามีความสามารถแบบนี้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถเลี้ยงภรรยาระดับวินนี่ได้สี่คนเลยเหรอ?


แต่ผ่านมาสักระยะ เขากลับรู้สึกกลุ้มใจกับกวางตัวผู้ตัวนี้จนแทบทนไม่ไหว สู้เก่งเกินไปแล้ว และแน่นอนว่าสามารถพูดได้ว่ามันปกป้องลูกได้ดีเกินไป หมูป่า กวางชนิดอื่นๆ กับห่านขาวถ้าเข้ามาใกล้กวางตัวเมีย มันจะรีบตั้งเขาขึ้นตรงแล้วเข้าไปจัดการทันที


หู่จือกับเป้าจือจะต้องจับตาดูกวางแดงตัวนี้เป็นเวลาหนึ่งในสี่ส่วนของเวลาตลอดทั้งวัน


เห็นท่าว่ากวางแดงกำลังจะตีกันกับลูกหมูป่าอีก ฉินสือโอวจึงผิวปากออกไป หู่จือกับเป้าจือก็พากันร้องคำรามพร้อมกับวิ่งเข้ามา


ทุกวันนี้หู่จือกับเป้าจือเป็นความน่าเกรงขามหนึ่งเดียวสำหรับสัตว์ป่าที่อยู่ในฟาร์มปลา เมื่อได้ยินเสียงคำรามของพวกมัน ทันใดนั้นกวางแดงกับหมูป่าก็พากันวิ่งหนีอย่างสุดฝีเท้า กวางตัวผู้ตัวนั้นยังวิ่งกะโผลกกะเผลกหนีไปอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาด


ฉินสือโอวขับรถพาชาร์คกับนีลเซ็นไปที่ท่าเรือในเมือง พอลงจากรถ ก็พบกับสัตว์ประหลาดยักษ์สีน้ำเงินเข้มที่นอนอยู่บนชายหาด รถตำรวจของเมืองจอดอยู่ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล มีตำรวจหลายนายกำลังคาบบุหรี่ขณะที่กำลังดึงเส้นกั้นที่เกิดเหตุของตำรวจอยู่


“ฟัค! หาเรื่องตายเหรอ!” ชาร์คเห็นตำรวจคาบบุหรี่ไว้ในปากเลยตวาดออกมา


บทที่ 869 ซากศพอันตราย

Ink Stone_Fantasy

ที่นอนอยู่บนชายหาดคือวาฬสีน้ำเงินตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมาก ตอนนี้ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งน่ากลัว มีบางส่วนที่มองลักษณะเดิมของมันไม่ออกแล้วยิ่งทำให้ดูเหมือนกับสัตว์ประหลาด


วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ว่ากันว่ามันสามารถโตจนมีความยาวถึงสี่สิบเมตร ฉินสือโอวไม่เคยเห็นวาฬที่มีขนาดยาวเท่านั้นมาก่อน วาฬสีน้ำเงินที่ยาวที่สุดที่เขาเคยเจอก็แค่ยี่สิบเมตรเท่านั้น ตอนที่ได้เห็นเขายังตะลึงไปชั่วขณะ เขาถูกปลุกเร้าจนใจเต็มไปความห้าวหาญ จึงตัดสินใจว่าจะเป็นเทพโพไซดอน


นั่นเป็นเรื่องตั้งแต่ประมาณห้าเดือนก่อน ฉินสือโอวกับนีลเซ็นพบวาฬสีน้ำเงินยักษ์พร้อมกัน หลังจากนั้นเขากลับไม่ได้พบสัตว์ชนิดนี้อีกเลย


ได้เห็นวาฬสีน้ำเงินที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ ไม่ใช่ว่าจะสามารถพบเห็นได้ตามใจต้องการ นี่เกี่ยวข้องกับอาหารของพวกมันด้วย


ปากของวาฬสีน้ำเงินเวลาอ้าออกนั้นใหญ่โตยิ่งกว่าอุโมงค์รถไฟเสียอีก ทว่าพวกมันกลับไม่สามารถกินปลาใหญ่ได้ ที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือมันสามารถกินได้แค่กุ้งแดงกับสัตว์ชั้นเซฟาโลพอดเท่านั้น ดังนั้นมันจึงใช้ชีวิตอยู่ในซีกโลกใต้เสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากซีกโลกใต้มีทรัพยากรกุ้งอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นสิ่งที่เลี้ยงดูพวกมันได้


วาฬสีน้ำเงินตัวนี้มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าตัวที่ฉินสือโอวเคยเจอ ความยาวมากถึงยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเมตรเต็มๆ บนพื้นผิวลำตัวปรากฏให้เห็นเป็นสีเทาน่าเกลียด ส่วนหลังมีลายเส้นเล็กสีอ่อนอยู่ด้านบน ส่วนบริเวณอกมีลายจุดสีขาว ลายเส้นกับลายจุดพวกนี้ ตอนนี้บวมพองออกมาอย่างรุนแรง


ถ้าไม่สังเกตดูให้ดี ก็จะมองแยกแยะไม่ออกแล้วว่าลักษณะของวาฬสีน้ำเงินที่แท้จริงแล้วเป็นยังไง ทั้งตัวของมันบวมเป่งอย่างถึงที่สุด ดูเหมือนกับลูกบอลยักษ์ที่ถูกเป่าจนถึงขีดสุด


เดิมทีบนตัวของวาฬสีน้ำเงินมีร่องรอยพับขนาดมหึมาถึงยี่สิบกว่าแถว บนท้องมีรอยจีบอยู่ทั่วทั้งบริเวณ ทว่าตอนนี้กลับไม่เห็นรอยจีบแล้ว ผิวหนังเรียบลื่นเหมือนหนังฟอก ตำรวจนายหนึ่งกำลังยกเท้าขึ้นไปไว้บนตัวมันแล้วลองเตะๆ หนังของมันบุ๋มเข้าไป ต่อจากนั้นก็นูนกลับขึ้นมาในทันที


พอชาร์คเห็นภาพเหตุการณ์นี้เขาก็ร้องตะโกนออกไปทันที “เฮ้ เพื่อน ถ้านายอยากตายก็อย่าให้มันลำบากมาถึงพวกเราสิ! ออกห่างจากมันหน่อย อย่าไปโดนตัวมัน! แล้วก็ ไอ้พวกสิงห์อมควัน รีบดับบุหรี่ซะ!”


นายตำรวจคนหนึ่งหัวเราะฮ่าๆ เสียงแล้วพูดกับเขาว่า “ชาร์ค เพื่อนเก่า นายจริงจังเกินไปแล้ว พวกเราไม่ได้ไม่เคารพซากศพของวาฬสีน้ำเงินตัวนี้…”


“ฟัคยู เดวิส! ฉันไม่สนว่านายจะเคารพหรือไม่เคารพของพวกนี้ รีบออกห่างจากมัน! มันระเบิดได้นะโว้ย! ตอนนี้มันก็คือระเบิดเวลาลูกหนึ่ง!” ชาร์คตะโกนลั่น


พวกตำรวจไวต่อคำว่า ‘ระเบิดเวลา’ มาก พอชาร์คพูดออกไปแบบนี้ พวกเขาก็ถอยออกมาไกลเลยทันที สารวัตรโรเบิร์ตดึงมวนบุหรี่ออก แล้วเข้ามาถามว่า “หมายความว่ายังไง ระเบิดเวลา?”


ชาร์คถอนหายใจแล้วตอบเข้าว่า “เจ้าพวกซื่อบื้อ ฉันได้ยินว่าตำรวจมีแต่คนที่จบมหาวิทยาลัยมา แต่ความรู้ทั่วไปง่ายๆ แบบนี้ทำไมถึงไม่รู้?”


ฉินสือโอวรู้ว่าเรื่องที่ชาร์คพูดหมายความว่าอะไร ถ้าซากวาฬพองบวมขึ้นมา มันค่อนข้างอันตรายมากจริงๆ


ตอนยังมีชีวิตอยู่วาฬจะกินอาหารอยู่โดยตลอด ในกระเพาะกักเก็บอาหารจำนวนมากไว้ตลอดเวลา หลักๆ แล้วคือกุ้งปูหมึกและสัตว์ไฟลัมครัสเตเชียน ของพวกนี้หลังจากถูกวาฬย่อยแล้วจะสร้างก๊าซมีเทน ไฮโดรเจนซัลไฟด์รวมถึงก๊าซชนิดต่างๆ ขึ้นมา


ดังนั้นวาฬจึงต้องลอยขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อถ่ายเทอากาศทุกๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่เพียงแต่เป็นการหายใจ แต่ยังต้องพ่นก๊าซมีเทนพวกนี้ออกมาด้วย


และก่อนวาฬจะตาย ถ้าหากมันเคยระบายก๊าซที่ลุกไหม้ได้พวกนี้ออกไปแล้วพอดี แบบนั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ามันยังไม่ได้ระบายก๊าซพวกนี้ออกไป แบบนั้นก็ถือว่าอันตรายแล้ว


หลังจากวาฬตาย ระบบกับอวัยวะภายในจะเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว แบคทีเรียจะสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นการแยกสลายโปรตีนในร่างกายของพวกมันก็จะทำให้เกิดก๊าซในปริมาณมาก เมื่อก๊าซเหล่านี้ผสมเข้ากับก๊าซที่สามารถลุกไหม้ได้ จะทำให้ความดันในช่องท้องและลำไส้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง


หากจัดการอย่างไม่ถูกต้อง มันก็จะระเบิดออกมา!


วาฬสีน้ำเงินตัวใหญ่ความยาวยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดเมตร แน่นอนว่า ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่วาฬสีน้ำเงินต้องไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่านี้แน่ๆ มากที่สุดก็น่าจะยี่สิบเมตร หลังจากมันตายแล้วร่างกายถูกก๊าซทำให้ขยายใหญ่ขึ้นจึงได้มีขนาดที่ใหญ่มากถึงขนาดนี้


แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ถ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ระเบิดขึ้นมา เช่นนั้นคนที่อยู่ข้างๆ มันคงไม่มีชีวิตรอดต่อไปได้อีกแล้ว


พอชาร์คกับฉินสือโอวอธิบายเรื่องนี้ให้พวกตำรวจฟังแล้ว โรเบิร์ตจึงฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “นี่พวกนายตั้งใจพูดให้มันดูน่ากลัวหรือเปล่า? เจ้านี่สามารถระเบิดได้ด้วยเหรอ?”


ฉินสือโอวจึงเสิร์ชหาข่าววาฬระเบิดบางส่วนจากอินเทอร์เน็ตให้เขาดูทันที ตัวที่ระเบิดใกล้กับตอนนี้ที่สุดคือเมื่อปีที่แล้ว ซากวาฬหัวทุยตัวหนึ่งซัดขึ้นมาบนชายหาดหมู่เกาะแฟโร นักชีววิทยาคนหนึ่งดำเนินการผ่าตัดในที่เกิดเหตุ แต่ปรากฏว่าวาฬเกิดระเบิดขึ้นมา นักชีววิทยากับนักวิจัยกลุ่มย่อยของเขา ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก!


“ดูสิ หลังจากซากศพของวาฬหัวทุยตัวนี้พองบวมแล้วมีขนาดแค่สิบสี่เมตร แล้ววาฬสีน้ำเงินตัวนี้มีขนาดใหญ่แค่ไหน พวกคุณวัดดูกันได้เอง” ฉินสือโอวพูดพร้อมกับชี้ไปที่ข้อมูลสถิติหลังการรายงานข่าว


โรเบิร์ตมองดูอย่างตะลึงงันอยู่สักพัก จากนั้นจึงหันกลับมาตะโกนว่า “ไอ้พวกลูกหมาหน้าโง่! รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! ขึงเส้นกั้นเขตเส้นแล้วก็รีบไสหัวออกไป! ฟัค โรมิโอ ทำไมนายยังสูบบุหรี่อยู่อีก? ฉันขอสั่งให้นายดับบุหรี่ภายในสองวินาที! ไม่อย่างนั้นฉันจะเอามวนบุหรี่ยัดใส่รูตูดนาย!”


ฉินสือโอวสังเกตดูซากวาฬสีน้ำเงินตัวนี้ ตอนนี้มันบวมขึ้นมาเหมือนกับลูกบอลหนึ่งลูก ร่างกายส่งกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนท่อระบายน้ำออกมา นีลเซ็นบอกว่านี่คือกลิ่นของไฮโดรเจนซัลไฟด์ ถ้าเข้มข้นสักหน่อย แค่ก้นบุหรี่หนึ่งอันก็สามารถติดไฟได้ แล้วก็จะทำให้เกิดการระเบิด!


คนที่พบซากวาฬเป็นคนแรกคือไกด์นำเที่ยวคนหนึ่ง เขาถูกโรเบิร์ตสอบสวนจนได้ความว่า เขาตื่นขึ้นมาที่ท่าเรือเพื่อตรวจสอบเรือท่องเที่ยวเมื่อตอนตีห้าครึ่ง ก็พบกับวาฬตัวนี้ที่ถูกคลื่นทะเลซัดขึ้นมาบนชายหาด


วาฬตัวนี้ตายมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว อาจจะตายในทะเลลึก ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีลมทะเลพัดอยู่ตลอด ซากศพของมันมีแก๊สจึงลอยขึ้นมาถึงผิวน้ำ สุดท้ายก็ขึ้นมาเกยอยู่บนชายฝั่ง


ตอนนี้ไกด์นำเที่ยวยังค่อนข้างตกใจจนตัวสั่นไม่หาย เขาพูดว่า “ผมไม่รู้ว่ามันจะระเบิดไหม แต่อยู่ให้ห่างจากมันหน่อย เพื่อน ดูสิ นี่คือที่ผมถ่ายไว้เมื่อเช้า แค่สองชั่วโมงครึ่ง มันก็ขยายขึ้นเป็นวงกลมแล้ว!”


ฉินสือโอวเข้าไปดูหน้าจอโทรศัพท์ ด้านบนมีรูปรูปหนึ่ง ในตอนนั้นวาฬสีน้ำเงินมีขนาดเล็กกว่าตอนนี้อยู่เล็กน้อย


ได้เห็นภาพแบบนี้ โรเบิร์ตกับฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็รีบพากันขับรถให้ห่างออกไปจากซากวาฬประมาณสองร้อยเมตร


หลังจากฮานี่ย์ แรมโบ้ ตัวแทนนายกเทศมนตรีของเมืองทราบข่าวก็ได้รายงานไปยังสำนักงานประมงนครเซนต์จอห์นแล้ว การตายของวาฬไม่ใช่เรื่องเล็ก แคนาดาไม่อนุญาตให้ล่าวาฬกับฉลาม หากพบการตายของวาฬก็ต้องดำเนินการสอบสวน ให้ทราบถึงสาเหตุการตายอย่างชัดเจน เพื่อค้นหาผู้รับผิดชอบ


หลังจากคนของสำนักงานประมงทราบว่าซากศพวาฬสีน้ำเงินบวมขึ้น ก็รีบเตือนพวกเขาทันที บอกว่าไม่ต้องเข้าไปมุงดูและอย่าเข้าไปทำการวิจัย หากซากวาฬบวมขึ้นจะเป็นอันตรายมาก ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญจากโทรอนโตหรือออตตาวาให้เข้ามาจัดการ


ในตอนนี้บริเวณรอบๆ ท่าเรือคึกคักขึ้นมาแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวที่ได้เห็นซากศพวาฬเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะวาฬสีน้ำเงินที่ตอนนี้มีขนาดใหญ่มาก ทั้งยังประหลาดมากอีกต่างหาก แน่นอนว่า อย่าว่าแต่บรรดานักท่องเที่ยวเลย พวกชาวเมืองเองก็ไม่เคยเห็นฉากเหตุการณ์อย่างนี้เช่นกัน


ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงค่อยๆ ทยอยกันเข้ามา พอถึงช่วงเที่ยงคนที่มาดูซากวาฬตัวนี้อาจมีสี่ร้อยถึงห้าร้อยคน แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปสว่างขึ้นจนเป็นผืนแผ่น มันสว่างจ้าจนแทบจะทำให้คนตาบอด


ฉินสือโอวไปหาโรเบิร์ต แล้วพูดกับเขาว่า “แบบนี้ไม่ได้ เพื่อน ทุกคนอยู่ใกล้เกินไปแล้ว คุณให้คนของคุณลากเส้นกั้นเขตออกไปให้ไกลกว่าเดิมอีกหน่อยเถอะ”


โรเบิร์ตยิ้มแหยขณะที่กำลังใช้มือดึงเข็มขัดบนพุงบวมเบียร์ของเขา แล้วพูดด้วยความเก้อเขินว่า “นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว ฉิน นายก็รู้ว่าพวกเราต่างก็มีครอบครัว พวกเรา…”


“ฟัคยู! พวกคุณเป็นตำรวจนะ!” ฉินสือโอวอดที่จะขัดคำพูดเขาไม่ได้ เจ้าโง่นี่ขี้ขลาดจริงๆ


บทที่ 870 ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว

Ink Stone_Fantasy

สารวัตรของเมืองอย่างโรเบิร์ต ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ


แน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องธรรมดา ถึงยังไงก็เป็นคนที่มีครอบครัว เขามาเป็นตำรวจเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว ไม่ได้อยากจะกลายเป็นนักสืบเชอร์ล็อก โฮล์มส์หรือฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่อะไร คนที่ตายเร็วมักจะเป็นพวกนักสืบกับฮีโร่ แถมฮีโร่ที่ตายแล้วก็จะถูกเรียกว่าผู้เสียสละ เพียงแต่โรเบิร์ตไม่อยากเป็นผู้เสียสละก็เท่านั้น


ตำรวจนายอื่นๆ ของเมืองก็มีความคิดที่คล้ายๆ กัน หลังจากพวกเขารับรู้ถึงความน่ากลัวของซากศพวาฬแล้ว ก็พากันอยู่ห่างออกไปไกลๆ ฉินสือโอวบอกให้พวกเขาไปดึงเส้นกั้นเขต ตำรวจแต่ละนายกลับโบกมือปัดขึ้นมาพร้อมกันอย่างกับกระต่ายพลังงานไฟฟ้า


“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณพาฝูงชนออกมาให้ห่างหน่อยได้ไหม?” ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญา


นายตำรวจคนหนึ่งควักปืนออกมาด้วยท่าทีสบายๆ จากนั้นก็ลั่นไกยิงปืนขึ้นไปบนฟ้า “ปัง!”


โรเบิร์ตจึงเตะเข้าไปที่เอวของตำรวจนายนั้น พร้อมทั้งตวาดว่า “ใครให้ใช้นายยิงปืน? ฟัคยู!”


นายตำรวจคนนั้นก็พูดด้วยความรู้สึกน้อยใจว่า “แต่ตอนนี้มันวุ่นวายขนาดนี้แล้วนะครับ ไม่ยิงปืนก็คงทำให้คนพวกนี้ตกใจกลัวไม่ได้”


แท้ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้คนมีท่าทีแนบชิดสนิทกลมเกลียวกันดี ด้านหน้ามีคนเปิดทาง ด้านหลังมีคนมุงล้อม แต่พอเสียงปืนดังขึ้น ด้วยการสั่งการของจิตใต้สำนึกผู้คนจำนวนมากจึงลงไปนั่งยองๆ อยู่กับพื้น อีกทั้งคนอื่นๆ ก็ทำตาม พากันลงไปนั่งยองๆ อยู่กับพื้นเช่นกัน ทำให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นมามากกว่าเดิม


โรเบิร์ตมองนายตำรวจคนนั้นด้วยสายตาคับแค้นใจดั่งตีเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ แล้วด่าเขาไปว่า “แต่นายเคยคิดมาก่อนหรือเปล่า? ว่าจะทำยังไงถ้ายิงปืนจนทำให้ซากวาฬตัวนี้ระเบิดขึ้นมา?”


ฉินสือโอกลอกตามองบน โรเบิร์ตไปที่รถตำรวจเพื่อเปิดลำโพงเครื่องขยายเสียง เขาเล่าถึงอันตรายที่แฝงเร้นอยู่กับซากศพของวาฬ พร้อมกับขอร้องให้ผู้คนพากันออกห่างจากซากวาฬอย่างน้อยสองร้อยเมตร พวกเขาดึงเส้นกั้นเขตไว้บนตำแหน่งที่ห่างออกมาสองร้อยเมตร ถ้าข้ามเข้าไปจะจับใส่กุญแจมือแล้วพาตัวไปซะ


วิธีนี้ได้ผลดีมาก ผู้คนจำต้องพากันถอยออกมา เพราะบรรดาตำรวจก็เอากุญแจมือออกมาแสดงให้เห็นแล้วจริงๆ


เวลาบ่ายสี่โมงเย็น เฮลิคอปเตอร์สีเขียวใบไม้ลำหนึ่งก็บินเข้ามา บนเฮลิคอปเตอร์มีสัญลักษณ์การวิจัยทางทะเลอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกผู้เชี่ยวชาญมาถึงแล้ว


เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในบรรดาห้าหกคนที่ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์มีชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินนำลงมา เขาสวมใส่แว่นตากรอบกระดองเต่า ชายชราคนนี้มีกลิ่นอายของนักวิชาการอยู่มาก หลังจากนั้นตอนที่เขาแนะนำตัวกับโรเบิร์ต เขาบอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญที่กรมประมงเชิญให้มาทำงาน และบอกว่าเขาเป็นศาสตราจารย์ของคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทางทะเลมหาวิทยาลัยโทรอนโต


ขณะที่ฉินสือโอวกำลังพูดคุยกับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับซากวาฬ เสียงใสๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “คุณฉินเจ้าของฟาร์มปลาใช่ไหมคะ?”


พอได้ยินเสียงตะโกน ฉินสือโอวจึงหันกลับไปดู ก็พบกับนักศึกษาสาวร่างสูงผอมบางคนหนึ่งที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เขาอยู่


มองดูผิวเผินเขาค่อนข้างรู้สึกงงงวย เหมือนจะเป็นผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักนะ? ดังนั้นเขาจึงลองมองดูอย่างละเอียด อืม ผู้หญิงคนนี้สวยมากๆ รูปร่างดีมีทรวดทรงองเอว ต้นขาอวบอัดเรียวยาวใต้กางเกงออกกำลังกายดึงดูดสายตาได้ดีเป็นอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อและผิวขาวนุ่ม ผมสวยเป็นมันวาวดูนุ่มลื่น เวลายกยิ้มขึ้นมาดวงตากลมโตจะหรี่ลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ดูมีเสน่ห์มาก แต่เขาไม่รู้จักนี่สิ


สีหน้าท่าทางงงงวยของเขาชัดเจนเกินไป ผู้หญิงคนนั้นจึงสังเกตเห็นได้ง่ายๆ เธอเผยสีหน้าเศร้าสร้อยออกมาแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณฉินเจ้าของฟาร์มปลา ฉันคือทิญา รูสลาน ลูกหลานทหารกองทัพแดงมาจากเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน พวกเราเคยเจอกันเมื่อปีที่แล้ว คุณลืมไปแล้วเหรอคะ?”


ฉินสือโอวนึกขึ้นมาได้ทันที ฤดูร้อนปีที่แล้วผู้หญิงคนนี้กับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมาปาร์ตี้ปิ้งย่างบาร์บีคิวที่ฟาร์มปลาของเขา ตอนนั้นเธอยังได้ป้อนเหล้าให้หู่จือเป้าจือกินอีกด้วย ที่สุนัขแลบราดอร์ติดเหล้าก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้แหละที่ทำให้เป็นแบบนั้น


เห็นสีหน้าที่เหมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้ของทิญา ฉินสือโอวก็ยิ้มอย่างเก้อเขินออกมาแล้วพูดกับเธอว่า “ขอโทษด้วย ผมไม่ได้ลืม แต่ผมจำได้ว่าคุณเรียนวรรณกรรมภาษาจีนไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมคุณถึงได้ตามอาจารย์ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาหาพวกเราที่นี่ล่ะ?”


ได้ยินฉินสือโอวพูดถึงคณะวิชาที่ตัวเองเรียนเมื่อก่อนหน้านี้ ใบหน้างดงามของนักศึกษาสาวก็เปลี่ยนเป็นมีความสุข เธอจึงบอกกับเขาว่า “ใช่ค่ะ วรรณกรรมภาษาจีน เมื่อก่อนฉันเรียนอันนี้ แต่หลังจากมาที่ฟาร์มปลาของคุณ ฉันก็พบว่ามหาสมุทรมีความน่าสนใจกว่ามาก หลังจากกลับไปที่มหาวิทยาลัยฉันเลยเปลี่ยนไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทางทะเลแทนค่ะ”


ดูเหมือนว่าทิญาสนอกสนใจที่จะคุยกับฉินสือโอวมากๆ เพียงแต่ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกหาเธอเสียก่อน เธอจึงต้องรีบวิ่งกลับไปทำงาน


ฉินสือโอวเห็นพวกเขาเข้าไปใกล้ซากวาฬตัวนี้ เขาจึงเข้าไปเตือนด้วยความหวังดีว่า “เฮ้ ทิญา ระวังหน่อยนะ เจ้านี่มันระเบิดได้นะ”


นักศึกษาสาวหันกลับมาโชว์รอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่มีกลิ่นอายความสดใส พร้อมกับตอบเขากลับไปว่า “ขอบคุณในความเป็นห่วงของคุณนะคะ เพื่อความหวังดีนี้ ฉันจะระวังให้ดีเลยค่ะ”


ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มกลับไป แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ สักอย่าง


ศาสตราจารย์พาลูกศิษย์หลายคนเดินเข้าไปด้านหน้าซากวาฬเพื่อถ่ายรูปและสังเกตดูซากวาฬอย่างละเอียด ทิญาหยิบหลอดทดลองบางส่วนจากในกล่องที่เธอถือติดตัวออกมาเพื่อเก็บตัวอย่าง ท่าทางคล่องแคล่วชำนาญมาก


ฉินสือโอวกลัวว่าเจ้านี่จะระเบิด เลยยื่นคอออกไปมองอย่างหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ตรงนั้น กลุ่มของศาสตราจารย์ทำงานกันอย่างใจเย็น นี่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมาในใจ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหยียดหยามตำรวจอย่างพวกโรเบิร์ตไปด้วย


ขณะที่กำลังมองดูอยู่ ก็มีคนเข้ามาดึงแขนเขา และฉินสือโอวหันกลับไปดู ก็พบกับเชอร์ลี่ย์ที่ใช้ดวงตาโตๆ ของเธอจ้องเขาอยู่ทางด้านหลัง


“เฮ้ สวีทฮาร์ท ทำไมเธอไม่ไปโรงเรียนล่ะ มาที่นี่ทำไมกัน?” ฉินสือโอวถามอย่างงงัน


เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเจตนาไม่ดีแล้วถามเขาว่า “คุณกลัวอะไรเหรอคะ?”


ฉินสือโอวตอบเธอกลับไปว่า “แน่นอนสิ เด็กน้อยนี่ ซากวาฬตัวนี้มันระเบิดได้นะ ฉันกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บไง”


เชอร์ลี่ย์ยักไหล่พูดว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ พวกเราอยู่ห่างตั้งขนาดนี้”


“ถ้าอย่างนั้นเธอตอบฉันมาหน่อย ว่าทำไมเธอถึงโดดเรียนแล้วมาที่นี่?”


“หนูไม่ได้โดดเรียนสักหน่อย คุณครูวิชาการศึกษาธรรมชาติพาพวกเรามาดูซากวาฬสีน้ำเงินแต่ก็ทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ น่าเสียดายจริงๆ เลย” เชอร์ลี่ย์แผ่มือออกขณะที่กำลังพูด


ฉินสือโอวจึงพยักหน้ารับ พร้อมทั้งบอกกับเธอว่า “ความปลอดภัยต้องมาก่อน”


เชอร์ลี่ย์แบะๆ ปาก ตาโตกวาดขึ้นลง ใช้สายตาแปลกประหลาดสังเกตดูเขาอย่างละเอียด


ฉินสือโอวถูกเธอมองจนรู้สึกขนลุก เขาจึงถามเธอว่า “เป็นอะไรไป? ฉันกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วเหรอ?”


เชอร์ลี่ย์ชี้ไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังเดินไปข้างหลังแล้วถามว่า “เธอเป็นใครคะ? เมื่อกี้หนูเห็นว่าพวกคุณดูเหมือนจะสนิทกันมาก แถมยังพูดว่าเพื่อความหวังดีของคุณเธอเลยจะระวังตัวให้ดีอีก? พระเจ้า น้ำเน่าดีจริง!”


พอพูดจบ เด็กสาวก็ทำเป็นตัวสั่น เสื้อทีเชิ้ตบนอกก็สั่นขึ้นมาทันที คลื่นลูกเล็กๆ ก็สั่นกระเพื่อมน้อยๆ


ฉินสือโอวกลอกตาใส่เธอหนึ่งที แล้วพูดกับเธอว่า “เธอสนใจเรื่องนี้ทำไมกัน?”


เชอร์ลี่ย์เห็นว่าเขาไม่ตอบคำถามตรงๆ จึงเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เธอพูดขึ้นมาอีกว่า “พวกคุณแอบเป็นกิ๊กกันอยู่หรือเปล่า? หนูมาตามดูคุณเพื่อพี่วินนี่! ตอนนี้พี่วินนี่จะคลอดเบบี๋แล้ว คุณจะทำเรื่องที่ผิดต่อเธอไม่ได้!”


หลังจากทิญาและคนอื่นๆ เก็บตัวอย่างกับทำการตรวจสอบเสร็จแล้วก็พากันเดินกลับมา ศาสตราจารย์ไปหาโรเบิร์ตกับฮานี่ย์ตัวแทนนายกเทศมนตรี ส่วนนักศึกษาสาวก็มาหาฉินสือโอว แล้วพูดกับเขาว่า “ก่อนหน้านี้คุณเป็นคนบอกให้ทุกคนออกห่างจากซากวาฬ ใช่ไหมคะ? ฉันต้องขอบอกว่า คุณทำได้ดีมากๆ เลยค่ะ”


เชอร์ลี่ย์แบะปากสีแดงสด ใช้สายตาไม่เป็นมิตรเหมือนสัตว์ป่าตัวน้อยๆ จ้องมองนักศึกษาสาว โดยเฉพาะทรวดทรงเว้าโค้งของเธอ


ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไวต่อความรู้สึกมาก แค่แป๊บเดียวทิญาก็สังเกตเห็นความไม่เป็นมิตรในสายตาของเชอร์ลี่ย์ เธอมองๆ ดูเด็กสาว ในดวงตาปรากฏความรู้สึกตื่นตะลึงอย่างเลี่ยงไม่ได้


เด็กสาวเป็นเหมือนดอกไม้ตูมที่ค่อยๆ ผลิบานอย่างช้าๆ ทั่วทั้งร่างกายเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความมีชีวิตชีวา เหมือนกับแอปเปิลเขียว ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของรสเปรี้ยวฝาดเฝื่อน


ฉินสือโอวไม่สนใจเรื่องทะแม่งๆ ระหว่างผู้หญิงสองคน เขาถามขึ้นมาว่า “ตอนที่เจ้านี่ระเบิดขึ้นมาจะมีอานุภาพยังไงบ้าง?”


“อานุภาพของมันรุนแรงมากค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ด้อยไปกว่าดินระเบิดทีเอ็นที” นักศึกษาสาวพูดอย่างจริงจัง


บทที่ 871 เชิญผู้เชี่ยวชาญ

Ink Stone_Fantasy

ตามรายงานของกองทัพ ขีปนาวุธนิวเคลียร์มักจะเท่ากับทีเอ็นทีหลายหมื่นตัน ผู้คนจำนวนมากจึงดูแคลนพลานุภาพของทีเอ็นที คิดว่าถ้าไม่ถึงตันก็ไม่มีประโยชน์อะไร


แต่ในความเป็นจริงดินระเบิดชนิดนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก แค่หนึ่งกิโลกรัมก็มีอานุภาพที่น่าหวาดกลัวมากพอแล้ว!


ถ้าทีเอ็นทีหนึ่งกิโลระเบิดขึ้นมาจะทำให้เกิดพลังทำลายล้างมากแค่ไหนน่ะเหรอ? จากมุมมองทางวิชาการ ทีเอ็นทีหนึ่งกิโลสามารถทำให้เกิดพลังงานสี่ล้านสองแสนจูล แล้วพลังงาน 1 จูลมันขนาดไหนน่ะเหรอ? โดยคร่าวๆ จะสามารถเคลื่อนย้ายสสารขนาด 100 กรัมไปได้หนึ่งเมตร


ถ้าลองคำนวณในทางกลับกัน เท่ากับว่าพลังงานที่ทีเอ็นทีหนึ่งกิโลกรัมปล่อยออกไปจะสามารถเคลื่อนย้ายสสารจำนวนหนึ่งกิโลกรัมไปได้ไกล 420 กิโลเมตร หรือก็คือสสาร 100 กิโลกรัมสามารถเคลื่อนที่ ไปได้ถึง 4.2 กิโลเมตร!


นี่คืออาวุธสงครามที่แท้จริง กระสุนระเบิดแรงสูง 76 มม. หนึ่งลูกจะบรรจุทีเอ็นทีได้ประมาณหนึ่งกิโลกรัม สามารถแปรสภาพอาคารหนึ่งหลังให้กลายเป็นซากปรักหักพังได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งระเบิดมือหนึ่งลูกจะบรรจุดินระเบิดได้ประมาณ 50 กรัม ในซากวาฬตัวนี้ ตอนนี้มีระเบิดมือกำลังเตรียมการระเบิดอยู่ยี่สิบลูก


หากวาฬระเบิดขึ้นมา ถ้าจากระยะที่พวกตำรวจอยู่ห่างจากมันเมื่อก่อนหน้านี้ เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนั้นคงมีแต่ต้องสร้างสุสานให้พวกเขาเท่านั้น แม้แต่ร่างกายที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ก็คงจะหาไม่เจอ


พอรู้เรื่องนี้ ฉินสือโอวกับพวกตำรวจต่างก็รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง ต่อจากนั้นผู้คนจึงแพร่กระจายข่าวนี้ออกไป บอกให้ทุกๆ คนพากันระวังตัว และต้องไม่เข้าไปใกล้ซากวาฬตัวนี้เด็ดขาด


ฉินสือโอวรู้สึกขอบคุณคำเตือนของศาสตราจารย์กับทิญาและคนอื่นๆ มาก ด้านเชอร์ลี่ย์ก็ถามขึ้นมาอย่างไม่ค่อยอยากยอมแพ้ว่า “พี่เรียนเรื่องอาวุธเหรอคะ?”


ทิญาก้มตัวลงแล้วยื่นมือไปถูแก้มพองๆ สีชมพูของเชอร์ลี่ย์ เธอยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพูดว่า “ไม่ใช่ พี่สาวเรียนภาษากับสมุทรศาสตร์”


เมื่อถูกถูแก้ม เด็กสาวจึงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่รู้ได้ยังไงคะ ว่าวาฬระเบิดมีพลังเท่ากับดินระเบิดทีเอ็นทีหนึ่งกิโลกรัม? เดาเองเหรอคะ? ตั้งใจพูดให้คนกลัวหรือเปล่าเถอะ”


ทิญาจึงพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ใช่นะ อาจารย์ของพี่เป็นคนพูด ที่จริงพี่ยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอก ถ้าหนูคิดว่าอาจารย์พี่พูดผิด จะให้พี่เชิญท่านมาอธิบายสักหน่อยไหม?”


เชอร์ลี่ย์ทำเสียงขึ้นจมูกแสดงความไม่พอใจ เธอไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกันกับศาสตราจารย์ จะไปจ้องจับผิดเขาทำไมกันล่ะ?


เธอกระทืบเท้าอย่างโกรธๆ เชอร์ลี่ย์หมุนตัวเดินหนีออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนฉินสือโอวก็คุยเรื่อยเปื่อยกับทิญาไม่กี่ประโยคก็แยกจากกัน


เขาตามเด็กสาวไป แล้วถามว่า “เธอจะไปไหน? ดูเสร็จแล้วพวกเธอยังต้องกลับไปเรียนด้วยเหรอ?”


เชอร์ลี่ย์พูดกับเขาเสียงดังว่า “นี่มันเย็นมากแล้วค่ะ หนูเลิกเรียนไปตั้งนานแล้ว!”


ฉินสือโอวเห็นว่าท่าทางที่กำลังโกรธจัดของเธอดูน่าสนใจ เขาจึงหัวเราะเหอะๆ พร้อมกับยื่นมือออกไปหยิกแก้มของเธอ แล้วพูดว่า “โมโหอะไรอีกแล้ว? ฉันกับคุณทิญาแค่เคยเจอกันมาก่อนเฉยๆ ดูเธอสิ ทำอย่างกับว่าฉันแอบหากิ๊กลับหลังพี่วินนี่เสียอย่างนั้น”


เขาสามารถสัมผัสได้ว่า เด็กสาวมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาอยู่เล็กน้อย ทว่าความรู้สึกดีๆ แบบนี้ ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายหญิง เด็กสาวกับพวกพาวลิสต่างก็โตเกินกว่าวัย ในตอนที่ฝนตกลงมาครั้งนั้น ฉินสือโอวพาพวกเขากลับมาที่วิลล่า ให้ที่พักที่ปลอดภัยกับชีวิตที่ไว้วางใจได้ ในตอนนั้นมันจึงส่งผลต่อความรู้สึกของพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้


ตอนนั้นเด็กสาวอาจจะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของเขา แต่หลังจากเวลาผ่านมานานแล้ว ความรู้สึกของเด็กสาวจึงเริ่มเลือนราง จนคิดว่าความรู้สึกขอบคุณคือความรัก


เด็กสาวไร้เดียงสากลับไม่ได้รู้เลยว่าความรักคืออะไร พวกเธอคิดว่าการที่รู้สึกชอบผู้ชายคนหนึ่งก็คือความรัก ทว่ารักคือภาระหน้าที่ ก็เหมือนกับทุกครั้งที่วินนี่คอยต้มซุปแก้แฮงค์รอเขากลับมาเวลาที่เขาออกไปดื่มเหล้า


ฉินสือโอวไม่ได้ตั้งใจจะแสดงอะไรออกไป เขารู้ว่า เวลาคือครูที่ดีที่สุด มันจะสั่งสอนให้เด็กสาวแยกแยะระหว่างมิตรภาพ ครอบครัวและความรัก


ในความเป็นจริง หลังจากบำรุงร่างกายจนโตตามทันวัยแล้ว เชอร์ลี่ย์ก็ได้เปลี่ยนจากลูกเป็ดขี้เหร่มาเป็นหงส์ขาว กลายเป็นหญิงสาวที่สวยงามอย่างโดดเด่น กอร์ดอนเคยแอบบอกกับเขาว่า เชอร์ลี่ย์เป็นคนที่ได้รับความนิยมที่สุดในโรงเรียนประถมแกรนท์ เด็กผู้ชายต่างก็อยากเป็นแฟนเธอกันทั้งนั้น


ฉินสือโอวเองก็ชอบผู้หญิงสวยๆ แบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเขาแค่รู้สึกชอบเฉยๆ เพราะความสวย ความไร้เดียงสา จิตใจที่ดีงามและความบริสุทธิ์ของเชอร์ลี่ย์ต่างหากที่ทำให้รู้สึกชอบ นี่เป็นคนละเรื่องกันกับความรัก คนที่เขารักคือวินนี่ นี่เป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก


หลังจากกลับมาถึงวิลล่า ฉินสือโอวจึงลองค้นอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ที่ปรึกษาของทิญาที่มาที่นี่ในครั้งนี้ เขามีชื่อว่ามิสเตอร์แซนเดอร์ส วอร์ตัน


พอลองค้นหาถึงได้รู้ว่าแซนเดอร์ส วอร์ตันเป็นคนที่เก่งมาก เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาทางทะเล และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพันธุวิศวกรรมในระดับนานาชาติ โครงการวิจัยของเขายังถึงขั้นว่าเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์!


ที่เก่งกาจที่สุดก็คือ แซนเดอร์ส วอร์ตันไม่ใช่คนคงแก่เรียนที่มีดีแค่เรื่องทางวิชาการอย่างเดียว เขามีการศึกษาแค่ระดับปริญญาตรี หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้วเขาก็ทำการวิจัยพื้นฐานทางชีววิทยาทางทะเลมาโดยตลอด ต่อมาถูกมหาวิทยาลัยโทรอนโตเชิญกลับมารับตำแหน่งเดิม ตอนนี้เขาจึงเป็นศาสตราจารย์คนเดียวของมหาวิทยาลัยที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีที่สอนนักศึกษาระดับปริญญาเอก


เดิมทีเขาแค่อยากค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแซนเดอร์ส วอร์ตันเล่นๆ เฉยๆ ตอนนี้พอเห็นว่าชายผู้ทรงคุณวุฒิเก่งกาจขนาดนี้ ฉินสือโอวก็เริ่มใจเต้นขึ้นมาแล้ว


ในฟาร์มปลาของเขามีแต่ชาวประมงที่มีความรู้นอกรีต พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องการจับปลา แต่หลังจากศึกษาปัญหาสายพันธุ์ในมหาสมุทรพวกเขาก็พากันหลับหูหลับตาคว้าอุตลุดแล้ว อย่างเช่นเมื่อก่อนตอนที่สาหร่ายทะเลเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ใต้ทะเลขาดแคลนแคลเซียม แต่พวกเขากลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น


ถ้าไม่ใช่เพราะภูเขาไฟ เดิมทีฟาร์มปลาคงจะประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ พอถึงเวลาสาหร่ายทะเลก็คงจะตายลงเป็นจำนวนมาก บทเรียนที่ธรรมชาติมอบให้กับมนุษย์มันร้ายแรงถึงขนาดนั้นนั่นเอง!


ในตอนนั้นฉินสือโอวเคยคิดว่า ฟาร์มปลาจำเป็นต้องจ้างนักวิจัยถึงจะพอไหว แต่กลับไม่มีผู้เข้าคัดเลือกที่เข้าตาเลย เขาเองก็กังวลว่าความลับของตัวเองจะถูกเผยออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เริ่มแผนการว่าจ้าง แต่ตอนนี้มีผู้เข้าคัดเลือกที่มีความเหมาะสมปรากฏตัวออกมาแล้ว


สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกสนใจจริงๆ คือฉากเมื่อตอนบ่ายที่ฉินสือโอวนำบรรดานักศึกษาเข้าไปใกล้ซากวาฬ ผู้อาวุโสมีสีหน้าเรียบเฉย ฝีเท้ามั่นคง เขารู้ถึงอานุภาพของซากวาฬระเบิดมากที่สุด ทว่าเขากลับเป็นคนที่ควบคุมจิตใจให้เยือกเย็นได้อย่างแท้จริง


นั่นเป็นเพราะเขามีแผนในใจอยู่แล้ว เขารู้ว่าซากวาฬตัวนี้เป็นเพียงแค่ภูเขาไฟเยลโล่สโตนลูกหนึ่ง หากระเบิดขึ้นมาแล้วจะน่ากลัวมาก ทว่ามันจะยังไม่ปะทุออกมาเป็นเวลาชั่วคราว


ท่าทางเหมือนมีเสียงฟ้าร้องภายในใจแต่มีใบหน้าราวกับทะเลสาบที่นิ่งสงบแบบนั้น สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกนับถือเขามากๆ


พอคิดดังนั้นแล้วก็ลงมือทำทันที ช่วงเย็นฉินสือโอวไปสอบถามโรงแรมที่พักของพวกศาสตราจารย์ วันต่อมาหลังจากออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จแล้ว เขาก็สวมชุดสูทที่มีความเหมาะสมแล้วไปที่โรงแรม


ขณะที่เขาเข้ามาข้างใน ศาสตราจารย์ผู้อาวุโสกำลังถือหมวกคาวบอยใบหนึ่งเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก พอเห็นเช่นนี้ฉินสือโอวจึงรีบเข้าไปทักทาย เขาพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ ศาสตราจารย์วอร์ตัน สวัสดีครับ”


ศาสตราจารย์อาวุโสแย้มรอยยิ้มอบอุ่น เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “สวัสดี เพื่อน คุณมาหาทิญาเหรอ?”


เห็นฉินสือโอวทำสีหน้าประหลาดใจหน่อยๆ เขาก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้อายุมากจนตาลายนะ เมื่อวานนี้พอทิญามาถึงที่เกาะเธอก็เข้าไปคุยกับคุณก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นผมเลยคิดว่าความสัมพันธ์ของคนหนุ่มสาวน่าจะไม่เลวเลย”


คราวนี้ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาแล้วเช่นกัน เพียงแต่ว่าเป็นยิ้มที่จืดเจื่อน เขาตอบกลับไปว่า “เข้าใจผิดแล้วครับ ศาสตราจารย์ ผมกับเธอแค่เคยเจอกันมาก่อนเท่านั้น แล้วผมก็มีภรรยาแล้วด้วยครับ ที่จริง ศาสตราจารย์ ผมมาหาคุณต่างหาก”


“ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกันนะครับ ผมมีฟาร์มปลาอยู่ที่หนึ่ง เป็นฟาร์มปลาที่ใหญ่ที่สุดของนิวฟันด์แลนด์ แต่ฟาร์มปลาของผมไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบดูแลโดยตรง ดังนั้นบางครั้งจึงเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น ตอนนี้หลังจากได้รู้จักคุณแล้ว ผมเลยอยากเชิญคุณให้มาทำงานที่ฟาร์มปลาของผม”


เขารู้ว่าคนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งสองด้านทั้งด้านการปฏิบัติจริงและทางด้านทฤษฎีอย่างแซนเดอร์ส เป็นดั่งขนมหวานในสายตาของเจ้าของฟาร์มปลากับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกแห่ง หากอยากจะเชิญเขามาคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวที่จะใช้ความบริสุทธิ์ใจเพื่อทำสงครามยืดเยื้อมาก่อนแล้ว


แต่ปรากฏว่าพอฟังที่เขาพูด แซนเดอร์สก็กล่าวกับเขาอย่างง่ายๆ ว่า “ไม่มีปัญหา แต่ในหนึ่งปีผมอาจจะมีเวลามาอยู่ที่ฟาร์มปลาของคุณแค่ครึ่งเดียวนะ ถ้าคุณคิดว่านี่ไม่เป็นปัญหา ก็พูดเรื่องเงินเดือนกับสวัสดิการเลยแล้วกัน”


บทที่ 872 ระเบิดวาฬ

Ink Stone_Fantasy

เมื่อเสียงของแซนเดอร์สเล็ดลอดออกมา ฉินสือโอวก็พูดคำพูดที่เขาเตรียมไว้อย่างดีออกไป “ได้โปรดอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธเลยครับ ศาสตราจารย์วอร์ตัน ผมคิดว่าคุณลองไปดูฟาร์มปลาของผมก่อนสักหน่อยดีกว่า ผมว่าคุณน่าจะรู้สึก รู้สึก รู้สึก.. คุณพูดว่ายังไงนะครับ คุณตกลงเหรอ?”


ฉินสือโอวตกตะลึงตาค้าง เขาเตรียมตัวรับมือกับคำปฏิเสธของแซนเดอร์สมาแล้ว เตรียมคำพูดชักชวนแซนเดอร์สไว้แล้วบางส่วน ดังนั้น รอจนแซนเดอร์สเปิดปาก เขาก็พูดเป็นต่อยหอยเพื่อชักชวนศาสตราจารย์อาวุโสท่านนี้


แต่ปรากฏว่า เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? พอเขาเอ่ยปากเชิญ แซนเดอร์สก็ตอบรับที่จะไปทำงานที่ฟาร์มปลาของเขาเลยงั้นเหรอ?


ในช่วงเวลานี้ฉินสือโอวรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่ารู้สึกสนุกเสียอีก เขาสับสนไปหมดแล้ว ถึงขนาดว่าก้มหัวมองดูตัวเอง ทว่าก็ไม่พบท่าทางมีอำนาจเผด็จการอย่างที่เขาว่ากัน ถ้าอย่างนั้นทำไมแม้กระทั่งสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ข้ามชาติชั้นนำบางแห่งถึงเชิญแซนเดอร์สไปไม่ได้ แต่เขาแค่เปิดปากก็สำเร็จแล้ว?


เขาต้องมีกลิ่นอายของอำนาจเผด็จการอยู่แน่ๆ อาจจะเป็นเพราะเล่นกับมาสเตอร์มานานแล้ว เขาถึงได้เผลอมองข้ามสิ่งนี้ ไป ฉินสือโอวทำได้แค่หาคำอธิบายให้กับตัวเองแบบนี้


แซนเดอร์สหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ที่จริงแล้วที่มาเกาะแฟร์เวลเพื่อจัดการกับซากวาฬครั้งนี้ ผมขอมาแทนคนอื่นเอง เพราะว่าบาลซักคุยโวถึงฟาร์มปลาของคุณไว้อย่างน่าอัศจรรย์สุดๆ ผมเลยอยากจะมาหาประสบการณ์สักหน่อย”


คราวนี้ฉินสือโอวถึงได้นึกออกในฉับพลัน ดูท่าว่าบาลซักจะมีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จด้วย ก่อนหน้านี้เขาลืมไปหมดแล้ว บาลซักที่ซ่อนความสามารถของตัวเองไว้ภายใต้ท่าทีสงบเสงี่ยมในตอนนั้น เขาเป็นถึงประธานของเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์หมายเลขสอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสิ่งมีชีวิตทางทะเลของแคนาดา และยังเป็นรองอธิการบดีและคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทางทะเลมหาวิทยาลัยโทรอนโต


บาลซักกับแซนเดอร์สไม่เพียงรู้จักกันเท่านั้น แต่ยังเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน


ในเมื่อแซนเดอร์สตอบตกลงที่จะมาเป็นผู้เชี่ยวชาญรับเชิญของฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงเสนอเงื่อนไขสวัสดิการและเงินเดือนให้กับเขา เงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์แคนาดาต่อสัปดาห์ ระยะเวลาที่อยู่ที่ฟาร์มปลาจะได้เงินเพิ่มวันละสี่ร้อย ถ้าผลงานวิจัยประสบความสำเร็จ แซนเดอร์สจะได้ส่วนแบ่งผลกำไร 15% จากการคิดค้นเทคโนโลยี


เงินเดือนและสวัสดิการพวกนี้เออร์บักเป็นคนช่วยเขาเขียนขึ้นมา บอกว่าเงินเดือนของนักวิจัยระดับแนวหน้าของอเมริกาเหนือที่เขาเคยศึกษามา ก็ไม่ต่างจากแบบนี้เท่าไรนัก


แซนเดอร์สตอบตกลงอย่างสบายใจ แล้วบอกให้เขาเตรียมสัญญาไว้ หลังจากเขาจัดการซากปลาวาฬตัวนี้แล้ว ถึงจะมาหาฉินสือโอวเพื่อเซ็นสัญญา


ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ลมสายหนึ่งก็พัดพาเอากลิ่นหอมเข้ามา ทิญาเดินเข้ามาจากด้านนอกของประตู เธอยกกล่องข้าวในมือขึ้นพร้อมกับพูดยิ้มๆ ว่า “ดูสิคะ ศาสตราจารย์ ฉันเตรียมเค้กช็อกโกแลตที่เพิ่งอบจากเตาใหม่ๆ มาให้คุณด้วย อ้าว ฉิน สวัสดีค่ะ ดีใจจังที่ได้เจอคุณตั้งแต่เช้าแบบนี้”


รอยยิ้มของทิญามีความเป็นชีวิตชีวาอยู่ โดยเฉพาะเมื่อมีประกายของแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา รอยยิ้มของเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยพละกำลังที่สามารถทำให้คนอื่นๆ รู้สึกแบบเดียวกัน


แซนเดอร์สรับกล่องอาหารมาอย่างลิงโลด “รสชาติต้องดีสุดยอดมากแน่ๆ เมื่อคืนวานฉันก็ได้กลิ่นเค้กช็อกโกแลต เริ่มรู้สึกร้อนใจอยากลองชิมมันเร็วๆ แล้วสิ อ้อ ยังมีชาดำอีกหนึ่งแก้ว น่าเสียดาย ที่รีบมาเร็วเกินไป เลยไม่ได้เอามาด้วย”


ฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาอย่างถูกช่วงเวลาว่า “ถ้าอย่างนั้นศาสตราจารย์ไปทานอาหารเช้าที่ฟาร์มปลาของผมดีกว่าไหมครับ? พระเจ้าทรงทราบว่า ผมมีชาดำคุณภาพดีอยู่หลายกล่องเลย ถ้าคุณได้ลองลิ้มรสดูสักหน่อย แบบนั้นผมจะรู้สึกเป็นเกียรติมาก”


เค้กช็อกโกแลตคุณภาพดีที่สุด มีชื่อว่าเค้กซาเช่ทอร์ต เป็นสมบัติประจำชาติของประเทศออสเตรีย ในศตวรรษที่ 18-19 มีเพียงชนชั้นสูงกับเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถดื่มด่ำความสุขจากเค้กนี้


แน่นอนว่าร้านเค้กในเมืองนี้คงไม่มีร้านไหนสามารถทำเค้กซาเช่ทอร์ตได้ ของสิ่งนี้เป็นเค้กช็อกโกแลตก็จริง แต่ทว่ามันมีส่วนผสมลับโดยเฉพาะ มีเพียงร้านเบเกอรี่ออสเตรียชั้นสูงบางส่วนเท่านั้นที่จะรู้ส่วนผสมของมัน นี่เหมือนกันกับโคล่า ทุกๆ ประเทศต่างก็มียี่ห้อเครื่องดื่มประเภทโคล่าอยู่นับไม่ถ้วน ทว่ารสชาติของแบรนด์โคคาโคล่าก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


เค้กช็อกโกแลตทั้งหอมทั้งหวาน รสชาติอร่อยเต็มคำ ตัวช็อคโกแลตมีรสขม อีกทั้งยังมีรสเลี่ยนอยู่เล็กน้อย จึงทำให้เค้กก้อนนี้มีรสชาติที่ดีมากๆ


แซนเดอร์สมองดูเค้กในมือของตัวเอง เขาพยักหน้าแล้วตอบว่า “โอเค บอส งั้นผมคงต้องรบกวนคุณสักหน่อยแล้วล่ะ”


ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาขับรถคาดิลแลควันพาทั้งสองคนเข้ามาที่วิลล่า


พวกเด็กๆ กำลังเตรียมตัวไปโรงเรียน เชอร์ลี่ย์เห็นทิญาเดินลงมาจากรถ อารมณ์บนใบหน้าเล็กๆ ก็เปลี่ยนจากฟ้าใสเป็นเมฆครึ้ม


ทิญาสังเกตเห็นเชอร์ลี่ย์ จึงเข้าไปกอดเธออย่างสนิทสนมกลมเกลียว พร้อมกับพูดว่า “สาวน้อย กระโปรงผ้ากำมะหยี่สีเหลืองลูกเป็ดของหนูสวยจังเลย วันนี้หนูต้องเป็นราชินีตัวน้อยๆ ของโรงเรียนแน่ๆ”


เชอร์ลี่ย์พูดพึมพำเสียงเบาว่าเธอเป็นราชินีอยู่แล้ว จำเป็นต้องให้คุณมาเอาใจด้วยเหรอ?


กอร์ดอนจ้องมองเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาพูดเบาๆ ว่า “เฮ้ เชอร์ลี่ย์ เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เขาทำท่าแปลกๆ กับเธอไหม บางที เขาอาจจะเป็นแม่ของเธอ…”


“ไปให้พ้น!”


“หรืออาจจะเป็นพี่สาวก็ได้ อ้อ พี่สาวไง ดึงหูฉันอีกแล้วนะ เธอปล่อยฉันนะ เชอร์ลี่ย์ ปล่อยฉัน ฉันจะโมโหแล้วนะ อย่าบังคับให้ฉันต้องโมโหนะ!”


“มาสิ ก็ลองโมโหดูสิ”


“พาวลิส มิเชล รีบโมโหเร็ว! เจส เห็นแก่ความเป็นพี่น้องนะ ช่วยๆ กันหน่อย…”


พวกเด็กๆ วิ่งเล่นทะเลาะกันไปจนถึงหน้าประตู พอรถบัสจมูกโตขับเข้ามา พวกเขาก็พากันเดินขึ้นรถไปอย่างมีความสุข เริ่มต้นใช้ชีวิตอีกวัน


ทิญามองดูพวกเด็กๆ กลุ่มนั้นด้วยความอิจฉา ฉินสือโอวจึงถามเธอว่า “คุณมองอะไรอยู่เหรอครับ?”


นักศึกษาสาวยักไหล่น้อยๆ แล้วตอบเขากลับไปว่า “ดูสิคะ ว่าพวกเขาสดใสและไร้เดียงสาขนาดไหน ชีวิตสำหรับพวกเขาแล้วก็มีแต่ความสุข”


ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขากล่าวว่า “แล้วคุณไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกเหรอครับ?”


ทิญาแย้มรอยยิ้ม เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเข้าไปในวิลล่าพร้อมกันกับแซนเดอร์ส


ตอนที่กำลังดื่มชา ฉินสือโอวก็ถามแซนเดอร์สถึงความคิดเห็นเรื่องการจัดการซากวาฬ แซนเดอร์สจึงบอกว่าเขาคิดที่จะระเบิดมัน “หาเรือมาหนึ่งลำ แล้วลากมันไปบนทะเลอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็ระเบิดเจ้านั่นซะ ตอนนี้ในร่างกายของมันเต็มไปด้วยก๊าซเผาไหม้กับแบคทีเรีย มีเพียงแค่มหาสมุทรเท่านั้นที่จะสามารถรองรับมันได้”


หลังจากนั้นแซนเดอร์สก็เสนอความคิดเห็นนี้ให้กับฮานี่ย์ตัวแทนนายกเทศมนตรีฟัง บนเกาะมีเรืออยู่แล้ว แต่เป็นกังวลตรงที่จะเอาเชือกไปมัดไว้กับหางปลาได้ยังไงนี่สิ


งานนี่พวกตำรวจควรจะเป็นคนทำ ทว่าโรเบิร์ตเอาแต่กลุ่มกำลังไร้ความสามารถมา ไม่มีใครกล้าทำสักคน พวกเขากลัวตัวเองจะถูกระเบิดตายกันทั้งนั้น


มันมีอานุภาพเท่ากันกับดินระเบิดทีเอ็นทีหนึ่งกิโลกรัมเลยนะ ถ้ามันระเบิดขึ้นมา แม้กระทั่งกระดูกก็คงไม่เหลือ!


แซนเดอร์สหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ เขาอธิบายว่าผิวหนังของวาฬมีความเหนียวทนทานเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้จะยังไม่ระเบิดออกมา


อีกทั้ง รูจมูกของวาฬยังสามารถถ่ายเทอากาศได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ก๊าซไวไฟกำลังถูกขับออกมาผ่านทางโพรงจมูก มีเพียงแค่กาวเหนียวจากเนื้อโพรงจมูกที่เน่าเปื่อยปิดกั้นเอาไว้ ทำให้ก๊าซระบายออกมาไม่ได้เท่านั้นถึงจะเกิดการระเบิดขึ้นมา


เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกตำรวจถึงได้ยอมเอาบ่วงเชือกไปผูกไว้กับหางของซากวาฬที่ตอนนี้บวมอืดขึ้นมาแล้ว


เรือเริ่มสตาร์ทเครื่อง วาฬจึงค่อยๆ ถูกลากลงไปในมหาสมุทร ในร่างกายของมันเต็มไปด้วยก๊าซ หลังจากลงไปในมหาสมุทรแล้วจึงดูเหมือนกับลูกบอลยางที่กำลังลอยอยู่บนผิวน้ำ และไม่มีทางที่จะจมลงไป


ฉินสือโอวจะนำซากวาฬไปจัดการที่ฟาร์มปลาของเขาเอง ฮานี่ย์กับโรเบิร์ตย่อมรู้สึกยินดีเป็นธรรมดา เพราะพวกเขากลัวว่าเจ้าสิ่งนี้จะทำให้เกิดมลภาวะปนเปื้อน จนทำให้ฟาร์มปลาสาธารณะของเมืองแปดเปื้อนไปด้วย ถึงยังไงนี่ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการท่องเที่ยว


เมื่อมาถึงด้านข้างฟาร์มปลาแกธเธอริง นีลเซ็นกำลังแบกปืนเอดับเบิลยูพีนอนหมอบอยู่บนหางเรือ พอยิงปืนออกไป เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้นมา ซากวาฬตัวนั้นระเบิดออกทันที!


นี่เป็นละครที่น่าดูฉากหนึ่ง การระเบิดของร่างวาฬไม่ใช่เปลวไฟที่แผ่กระจายไปทั่วทิศ แต่เป็นภาพที่โอ่อ่าสง่างาม ภาพเหตุการณ์ของเลือดเนื้อที่บินขึ้นไป ทำให้นักท่องเที่ยวที่รับชมอยู่บนฝั่งระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พากันนั่งยองๆ ด้วยความรู้สึกคลื่นไส้


ลมทะเลพัดเอากลิ่นอายของความเหม็นเน่าเข้ามา ส่งกลิ่นเหม็นจนทานทนได้ยาก พอๆ กันกับไข่เน่า ผู้ชมต่างก็ใช้มือปิดจมูกทยอยกันวิ่งออกไป ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าได้รับการแก้ปัญหาแล้ว


บทที่ 873 ความขัดแย้งของการฆ่าและเลี้ยง

Ink Stone_Fantasy

หลังจากแซนเดอร์สได้รับการว่าจ้างให้มาทำงานที่ฟาร์มปลา เขาจะยังไม่สามารถเข้าทำงานได้ทันที เพราะเขาต้องกลับไปส่งมอบงานให้กับคณะของมหาวิทยาลัยก่อน หลังจากนั้นจึงจะพานักเรียนมาทำงานที่ฟาร์มปลา


นี่เป็นผลประโยชน์แฝงอย่างหนึ่ง ฉินสือโอวจ้างแซนเดอร์สแค่คนเดียว แต่ว่าเขายังพานักศึกษาระดับปริญญาเอกมาสองคนกับนักศึกษาปริญญาโทอีกบางส่วน คนพวกนี้เท่ากับแรงงานของฟาร์มปลาที่ไม่ต้องเสียเงินจ้างเอง อีกทั้งผลงานการวิจัยก็ยังเป็นของฟาร์มปลา


แต่อย่าดูแคลนคนพวกนี้ หากสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโทรอนโตระดับปริญญาโทหรือไปไกลจนถึงปริญญาเอกได้ อย่างน้อยๆ คนพวกนี้จะต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านชีววิทยาทางทะเลอยู่บ้าง


การระเบิดวาฬ สำหรับฟาร์มปลาถือว่ามีผลดีอยู่ด้วย กุ้งมังกรที่อยู่รอบๆ ก็จะได้กินอาหารมื้อใหญ่อย่างเต็มอิ่ม


เมนล็อบสเตอร์มีลักษณะการกินที่หลากหลายมาก ซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยก็เป็นหนึ่งในอาหารที่พวกมันโปรดปรานที่สุด ของสิ่งนี้อาจจะดูสกปรก แต่มันขัดขืนไม่ได้ วิ่งหนีก็ไม่ได้ อีกทั้งโปรตีนและไขมันเน่าในเนื้อที่เน่าเปื่อยก็ย่อยได้ง่ายกว่า เพราะมีแบคทีเรียอยู่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งนับว่าเป็นอาหารที่ไม่เลวเลยเหมือนกัน


ฝูงกุ้งมังกรเริ่มปฏิบัติการด้วยความรวดเร็ว พวกมันล้อมเข้ามาจากทั่วทุกทิศจนมาถึงน่านน้ำบริเวณที่ทำการระเบิดวาฬ ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ซากวาฬสีน้ำเงินขนาดความยาวกว่ายี่สิบเมตรก็ถูกจัดการจนหมด


ถ้าใครเป็นโรคกลัวรูแล้วลองลงไปดูใต้น้ำในเวลานี้ คงจะอาการกำเริบอย่างแน่นอน


ตอนนี้ตลาดกุ้งมังกรถูกพังทลายไปแล้ว ผ่านการบริโภคไปแล้วหนึ่งปีกุ้งที่เก็บไว้ในสต๊อกถูกขายออกไปจนเกือบหมดแล้ว อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ยังเป็นวันขอบคุณพระเจ้ากับเทศกาลคริสต์มาส ชาวแคนาดาและอเมริกาพากันทานกุ้งมังกรในทั้งสองเทศกาลนี้ ดังนั้นกุ้งมังกรจึงเป็นสินค้าที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า


เมื่อเร็วๆ นี้กรมประมงของประเทศจีนกำลังเจรจากับแคนาดาและอเมริกา เพื่อทุ่มตลาดนำเข้ากุ้งมังกรจากจีน ใช่แล้ว ทุ่มตลาด กรมประมงจะหยิบฉวยโอกาสฉ้อโกงรัฐบาลอเมริกาและแคนาดาเอาไว้ ปล่อยให้พวกเขาวางท่ากำแหงกันไปก่อน


อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน เมื่อก่อนยังไม่ได้ใช้ไพ่กุ้งมังกรใบนี้ เพราะไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น แค่อาหารทะเลทั่วๆ ไปก็เพียงพอที่จะเปิดตลาดในไมอามีแล้ว


แต่ตอนนี้บัตเลอร์อยากจะเปิดร้านสาขา จึงจำเป็นต้องมีลูกเล่น ซึ่งลูกเล่นนั้นก็คือกุ้งมังกร เพียงแต่เป็นแค่เมนล็อบสเตอร์ไม่ใช่ล็อบสเตอร์สีรุ้ง


ล็อบสเตอร์สีรุ้งเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเรือประมง หลังจากบัตเลอร์ได้เห็น ยังนึกว่าของพวกนี้คือกุ้งสวยงามชนิดใหม่ แต่หลังจากทานเข้าไปเขาก็อุทานออกมาด้วยความตื่นตะลึงทันที ของพวกนี้เก็บไว้เก็งกำไรทีหลัง จะต้องได้ผลกำไรมูลค่าสูงแน่ๆ


กุ้งมังกรของฟาร์มปลาแบ่งออกเป็นสองชนิด ชนิดแรกคือพวกที่ติดเชื้อแบคทีเรียในตอนนั้นหลังจากซึมซับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปจึงวิวัฒนาการมาเป็นล็อบสเตอร์สีรุ้ง กุ้งมังกรชนิดนี้มีปริมาณค่อนข้างน้อย ในฟาร์มปลาที่ใหญ่ขนาดนี้แต่กลับมีอยู่แค่ไม่กี่หมื่นตัวเท่านั้น


ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากคือเมนล็อบสเตอร์ธรรมดาๆ เมื่อก่อนตอนที่ฉินสือโอวเลี้ยงลูกกุ้งเขาก็ได้เพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปไม่ยั้ง พวกมันสามารถมีชีวิตรอดภายใต้การโจมตีของแบคทีเรียได้ ทว่าเปลือกของพวกมันไม่ได้มีสีสันงดงามเหมือนท้องฟ้าในยามค่ำคืน แต่เป็นสีธรรมดาๆ ทั่วไปเท่านั้น


ฉินสือโอวอ้างกับคนภายนอกว่าเป็นการกลายพันธุ์บางส่วนในถิ่นเดียวกัน เขาใช้รายงานการวิจัยที่บาลซักทิ้งไว้ให้ บอกกับบัตเลอร์ว่า ล็อบสเตอร์สีรุ้งคือกุ้งมังกรธรรมดาที่โครงสร้างเปลือกเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใต้การกระตุ้นของเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่


เปลือกของล็อบสเตอร์สีรุ้งมีความแข็งแกร่งมากกว่ากุ้งมังกรธรรมดา แบบนี้จึงสามารถลดความเสียหายได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้ตอนนี้ยังมีไคทินอยู่ในเปลือก ซึ่งสามารถยับยั้งเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ในกุ้งมังกรได้


ทุกวันนี้กุ้งมังกรในฟาร์มปลาอยู่อาศัยรวมๆ กัน ทั้งยังสามารถผสมพันธุ์กันหลังจากนั้นก็ดำเนินการสืบพันธุ์ได้ด้วย เพราะพวกมันไม่ได้เกิดการแบ่งแยกทางสายพันธุ์ระหว่างกันและ ยังเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันอยู่ ดังนั้นเวลาจับขึ้นมา จะจับพวกมันขึ้นมาได้พร้อมกันเป็นธรรมดา


แบบนี้จะสามารถอำพรางเรื่องการปรากฏตัวของล็อบสเตอร์สีรุ้งได้


การระเบิดของวาฬดึงดูดฝูงกุ้งมังกรมาไว้ที่น่านน้ำบริเวณเดียว พวกชาวประมงเดินเรือออกทะเล เก็บรวบรวมกรงตาข่ายจับกุ้งบนเกาะทั้งหมด แล้วทิ้งลงไปในน้ำด้วยกัน เพื่อเตรียมจับกุ้งมังกรเป็นบริเวณกว้าง หลังจากนั้นจึงส่งไปที่นิวยอร์ก


ร้านจัดส่งอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ถูกเปิดขึ้นที่นิวยอร์ก


เชื่อมต่อไมอามีเข้ากับนิวยอร์กได้เสร็จสมบูรณ์ เช่นนั้น เส้นทางของร้านอาหารระดับสูงตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ก็จะถูกเชื่อมทะลุถึงกันแล้ว


เรือประมงลอยออกไปสู่ทะเลของฟาร์มปลา ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ เขาพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ดูสิ ว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดไหน ตอนนี้ของปีที่แล้ว เพราะได้ไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เลยทำให้พวกเราได้รู้จักกัน ตอนนี้พวกเรากลายเป็นสหายร่วมรบที่ขาดกันไม่ได้ซะแล้ว”


บูลหัวเราะแหะๆ เขายิ้มอย่างซื่อๆ พร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณลิขิตของพระเจ้า กัปตัน ถ้าไม่ได้เจอคุณ พูดกันจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเน่าตายไปตั้งแต่ตอนไหน!”


“เหมือนวาฬสีน้ำเงินตัวนั้นน่ะเหรอ?” แบล็คไนฟ์พูดหยอกล้ออย่างยิ้มๆ


บูลพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า “ใช่แล้ว เหมือนวาฬสีน้ำเงินตัวนั้น!”


ล้อกันเล่นเสร็จ กรงตาข่ายจับกุ้งแต่ละอันก็ถูกโยนลงไปในทะเล บนเรือฮาวิซทบรรจุกรงตาข่ายจับกุ้งอยู่เต็มลำ ด้านหลังกำลังลากเกาะล่องแก่ง ส่วนด้านบนก็วางกรงตาข่ายจับกุ้งสูงๆ เอาไว้ แบบนี้จะช่วยเก็บประสิทธิผลได้


กรงตาข่ายจับกุ้งลงไปในทะเล ฉินสือโอวถูมือทั้งสองข้างที่หนาวจนเกือบจะแข็งพร้อมกับพูดว่า “หน้าหนาวปีนี้หนาวจริงๆ ฟัค ใครสักคนไปตรวจดูเตาไฟฟ้าหน่อย อีกเดี๋ยวพวกเราไปกินหม้อไฟกันเถอะ”


“อากาศแบบนี้ ไม่มีอะไรเหมาะกว่ากินหม้อไฟแล้วล่ะ” พวกชาวประมงพูดด้วยรอยยิ้ม


ชาร์คที่โผล่หัวออกมาจากห้องขับเรือก็ตะโกนออกมาว่า “บอส นายกเทศมนตรีฮานี่ย์กำลังตามหาคุณครับ ”


ฉินสือโอวไปที่ห้องขับเรือ ตัวแทนนายกเทศมนตรีฮานี่ย์ถามว่าเขาอยู่บ้านไหม เขาจึงตอบไปว่าตอนนี้กำลังจับกุ้งมังกรอยู่ที่ทะเล ถามว่าเขามีเรื่องอะไร


ฮานี่ย์ตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก คืออย่างนี้นะ คุณก็เห็นใช่ไหม อากาศเปลี่ยนแปลงไป นับวันยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ สัตว์บางส่วนกับนกบนภูเขาหาอาหารไม่ได้ เลยต้องลงมาจากภูเขา ทำให้เกิดการปะทะกับชาวเมืองได้ง่าย ผมขอถามหน่อยนะ คุณพอจะมีวิธีแก้ปัญหาไหม?”


ชาร์คพูดแทรกขึ้นมาว่า “ให้พวกผู้ชายพกปืนไปด้วยทุกคน ขึ้นเขาไปจัดการพวกมันสักรอบ”


“นี่เป็นไอเดียเน่าๆ เป็นไอเดียที่เน่ามาก เน่าเหมือนไข่ที่ย่าของฉันเก็บเอาไว้ในหลุมใต้ดินมาแล้วสองปี” ฮานี่ย์พูดอย่างไร้ความปรานี เขาเป็นผู้ชายที่มีนิสัยอ่อนโยน เกลียดสงครามและการฆ่าล้าง และยังเป็นสมาชิกผู้ต่อต้านการทำสงครามคนหนึ่ง


ฉินสือโอวเคยไตร่ตรองถึงปัญหานี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีหรอก เพียงแต่ว่ายังไม่มีวิธีดีๆ ก็เท่านั้น ฝูงกวางกับฝูงหมูป่ายังพอจัดการได้ เพราะพวกมันกินหญ้า พวกเราไปออนแทรีโอเพื่อซื้อหญ้าเลี้ยงสัตว์มาส่วนหนึ่ง สุ่มกองไว้ที่ตีนเขา ก็พอจะคลี่คลายวิกฤตการณ์ไปได้บ้าง”


“นี่ต้องใช้เงินนะ”


ฉินสือโอวกลอกตาอย่างจนปัญญา เขากล่าวว่า “ฟังนะ ท่านนายกเทศมนตรี อาจจะมีวิธีที่ไม่ต้องใช้ต้องใช้ทั้งความรุนแรงแล้วก็ไม่ต้องใช้เงินอยู่ เพียงแต่ว่าผมนึกวิธีนั้นไม่ออก”


ฮานี่ย์ลองไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นมา  “โอเค ที่จริงผมก็เคยคิดจะทำแบบนี้เหมือนกัน รายได้ของเมืองมาจากการท่องเที่ยว สัตว์ป่าพวกนี้ก็มีส่วนช่วยเหลือกิจการการท่องเที่ยวเหมือนกัน ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเราจะต้องตอบแทนพวกมันบ้างแล้ว”


ชาร์คไม่เข้าใจวิธีการแบบนี้ เขาส่ายหัวแล้วเดินออกไปจากห้องขับเรือ พูดพึมๆ พำๆ ว่า “คนใจบุญผู้ยิ่งใหญ่!”


พวกสัตว์ปีกจะค่อนข้างยุ่งยาก พวกมันไม่กินหญ้า แต่กินเบอร์รีกับปลาและกุ้ง ทะเลสาบเฉินเป่ากลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว แบบนั้นจะต้องซื้อเรือตัดน้ำแข็งมาสักลำอย่างนั้นน่ะเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!


ทั้งสองคนคุยกันอยู่สักพัก สุดท้ายจึงทำได้แค่ทุบน้ำแข็งขุดเจาะทะเลสาบ เพื่อให้สัตว์จำพวกนกได้มีโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป


ตอนนี้ตัดสินใจไว้เท่านี้ก่อน ฉินสือโอวไปที่ดาดฟ้าเรือ พวกชาวประมงก็กำลังคุยกันเรื่องนี้อยู่ บูลส่ายหัวแล้วพูดว่า “ที่ราบแพร์รีกับรัฐออนแทรีโอกำลังพากันฆ่าหมูป่ากับกวางกันทั้งนั้น แต่พวกเรากลับคุ้มครองพวกมันไว้ นี่มันน่าขำจริงๆ”


นีลเซ็นก็พูดขึ้นมาว่า “เงินพวกนั้น ฉันแนะนำว่าน่าจะลองเอาไปช่วยคนไร้บ้านในนครเซนต์จอห์นดูก็ไม่เสียหายนะ พวกเขาใช้ชีวิตในช่วงฤดูหนาวอย่างลำบากเหมือนกัน”


ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “ช่างมันเถอะ เพื่อนเอ๊ย มองอนาคตไกลๆ สิ ฉันถามพวกนายหน่อยว่า ถ้าบนภูเขาไม่มีสัตว์ป่า แล้วแบบนั้นจะยังเป็นภูเขาอยู่ไหม?”


“นักท่องเที่ยวขึ้นไปบนภูเขา ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าหมูป่ากับกวางป่าอยู่แล้ว”


“แต่ล่าไก่ป่ากับกระต่ายป่าได้ ล่ามัสค์แร็ตได้ ล่าสัตว์อื่นๆ ได้อีกตั้งหลายอย่าง อีกทั้งทุกสัปดาห์ยังมีโควตาของหมูป่ากับกวางป่า นี่ยังไม่พออีกเหรอ?”


พวกชาวประมงลองคิดๆ ดู ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หมูป่ากับกวางป่าเป็นสัตว์อันตรายสำหรับรัฐอื่น แต่เป็นสิ่งทำเงินสำหรับเกาะแฟร์เวล เหมือนกันกับปลาคาร์ฟเอเชีย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)