องครักษ์เสื้อแพร 864-865

 ตอนที่ 864 เดินทางกลับขึ้นเหนือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทุกปีเทียนจินมีการค้าผ้าจำนวนมาก ที่เมืองซงเจียงก็มีสาขาร้านสามธารา พวกเขานับว่าเป็นผู้ชำนาญในพื้นที่


หมอที่เมืองซงเจียงส่งขึ้นเรือมาย่อมเป็นหมอมีชื่อ ว่ากันว่าเป็นหมอมีชื่อโด่งดังในเมืองหนานจิงในตอนนั้น พอชราแล้วจึงได้กลับมายังบ้านเกิด


หมอขึ้นเรือมาแล้วก็ตรวจชีพจรหวังทง ผลการตรวจก็เหมือนกับหมอที่อำเภอชิงผู่ ไม่มีผลถึงชีวิต แต่สุขภาพหลังถูกพิษ ต้องใช้เวลารักษาตัว จากนั้นก็มีของบางอย่างไม่อาจกินได้ ยังต้องดื่มยาขับพิษ ตำรับยากับหมอที่ชิงผู่ให้มาก็ไม่ต่างกัน


เช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนวางใจ ทหารติดตามหวังทงไปซื้อยาในเมือง  ตอนกลับมาก็ย่อมต้องมีคนต้มยา แม้สุขภาพผู้แทนพระองค์เป็นเช่นนี้ แต่งานในหน้าที่ยังต้องทำ


“ข้ามีหลักฐานจากเจ้าทุกข์มากมาย ลองสอบกับเอกสารเมืองซงเจียงก่อนละกัน!”


เรื่องที่ว่าจะจัดการตรวจสอบเรื่องที่ดินอย่างไรนั้น หวังทงก็บอกวิธีการ ขุนนางอำเภอหวาถิงและชิงผู่ เมืองซงเจียงไม่กล้ารอช้า นำเอกสารทุกอย่างมารวมรวมให้ตรวจ ตระกูลสวีเองย่อมมีหลักฐานส่งมาที่ทำการเช่นกัน


ใต้หล้าตรวจสอบที่ดิน ล้วนอาศัยสมุดบัญชีเกล็ดปลาในรัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่ที่ 8 ยามนั้นมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้งตรวจสอบที่ดินใต้หล้า  ที่ดินที่แอบซ่อนอยู่ก็ถูกตรวจพบหมด เมืองซงเจียงไม่มีคนกล้าแตะต้อง สมุดบัญชีเกล็ดปลาก็ย่อมเปลี่ยนใหม่หมด เมื่อก่อนเก่าแล้วก็เผาทำลายไป เหตุผลก็เพื่อป้องกันคนชั่วอาศัยช่องโอกาสก่อเรื่อง


ผลเช่นนี้ย่อมทำให้หลักฐานในมือข่งรั่วเหมยไร้ค่า จะว่าไป  หวังทงไม่ได้นำขุนนางด้านนี้มาโดยเฉพาะ จะมาสืบอันใดได้กัน


ข่าวนี้ไม่อาจปิดบังข่งรั่วเหมย พอข่งรั่วเหมยรู้ ก็ยิ่งเข้าใจในส่งที่หวังทงกล่าวไว้คราก่อน เอาแต่แอบอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน เป็นไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ที่เข้าไป ไม่รู้พูดอันใด ข่งรั่วเหมยจึงได้ออกมาปรนนิบัติหวังทงต่อ แต่หน้าตาก็ซูบซีดลงไปมาก


วันที่ 23 เดือนแปด ปีที่ 12 ในรัชสมัยว่านลี่ หวังทงอยู่อำเภอหวาถิง เมืองซงเจียงสองวัน ทุกวันหลับเสียมากกว่า แต่ก็มีออกไปเดินบ้าง อาหารก็กินได้มากขึ้น


ผลการตรวจสอบทั่วเมืองซงเจียงล้วนรู้กันทั่ว ตระกูลสวีเดิมที่หวังทงมาวันแรกทำเย็นชาใส่ แต่ทว่าอยู่ๆ ก็มาเยี่ยมกันเอิกเกริก ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่อาจสอบอันใดออกมาได้


“…….เรื่องตระกูลสวีรุกครองที่ดินนั้น ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ข้ากลับถึงเมืองหลวงแล้วก็จะรายงานฮ่องเต้ คืนความเป็นธรรมให้ตระกูลสวี ……”


“ผู้แทนพระองค์ให้ความเป็นธรรม  ตระกูลสวีเรารู้สึกซาบซึ้งยิ่งแล้ว!”


ในที่ทำการเมืองซงเจียง หวังทงเหมือนกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงจบลง สวีพานกับทุกคนก็คุกเข่าลงสรรเสริญ หลายอำเภอเมืองซงเจียงมีขุนนางมาคำนับ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่ขุนนางในที่นั้นสบตากันไปมา เผยท่าทีไม่แปลกใจกับผลที่ออกมา


มาอย่างเอิกเกริกใหญ่โต ยังมีข่าวแพร่มาอย่างนั้นอย่างนี้ ได้เห็นติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร หวังทงแล้วก็ไม่เท่าไร ไม่ใช่เพราะถูกตระกูลสวีซื้อตัว แต่เพราะถูกตระกูลสวีทำให้กลัว ถึงสุดท้ายยังถูกปกปิดความจริงผ่านไปได้ ช่างเป็นพวกไร้สามารถเสียจริง


***********


“ใต้เท้าหวัง  เมืองซงเจียงอุดมสมบูรณ์  มีทิวทัศน์แห่งสองแห่งที่ควรค่าแก่การไปชม ในเมื่อใต้เท้าเสร็จภารกิจผู้แทนพระองค์ ก็อยู่ต่ออีกสองสามวัน ให้ตระกูลสวีเราได้เป็นเจ้าบ้านดูแลท่านเป็นอย่างไร?”


เสร็จภารกิจ หวังทงก็เตรียมกลับ ยามนี้ทุกคนตระกูลสวีไม่ได้เห็นหวังทงเป็นศัตรูเหมือนตอนมาแล้ว ผลการตรวจเป็นที่พอใจของพวกเขา จากนั้นก็ย่อมเป็นเวลาแห่งการสร้างสายสัมพันธ์กับขุนนางสูงเช่นหวังทง


ท่าทีหวังทงเงียบขรึม ไม่ได้ตอบรับคำเชิญตระกูลสวี กล่าวเพียงว่าสุขภาพไม่ดี ต้องการกลับไปพัก ในเมื่อเสร็จภารกิจ ก็ไม่เสียเวลาอยู่ต่อแล้ว


ในเมื่อเป็นเช่นนี้  ตระกูลสวีก็ย่อมไม่รั้งไว้ เพียงส่งคนไปจัดการส่งมอบของขวัญ และส่งหมอมีชื่อไปดูแล เตรียมไว้ให้ตอนไปถึงหนานจิงได้มีพร้อม  จะได้ไม่ต้องเกิดความยุ่งยากหายาระหว่างเดินทางกลับ


พอถึงเมืองซงเจียง ทุกหน่วยในเมืองซงเจียงเคร่งเครียดมาก ตอนไปกลับผ่อนคลายมาก  ใต้เท้าผู้แทนพระองค์ผู้นี้ไม่ได้รับมือยากเหมือนที่ว่ากันเสียหน่อย  เป็นผู้รู้ความในวงขุนนางหลายส่วน รู้หลักการปิดตาข้างหนึ่งรับมือเช่นกัน


ขุนนางทั้งหมดล้วนไปส่งที่ท่าเรือ หวังทงฝืนกายออกมาขอบคุณ …….


ไต้เฟิ่งเสียนก็อยู่ในฝูงชนมองดูพวกหวังทงจากไป  ตระกูลสวีครั้งนี้ใช้จ่ายไปมาก ก็เรียกได้ว่าเจ็บตัวไม่น้อย แต่อย่างไรก็นับว่าเรื่องราวผ่านไปแล้ว คืนนี้เตรียมงานเลี้ยงไว้ขอบคุณทุกคน


ทุกคนดีใจอย่างมาก ไต้เฟิ่งเสียนกลับมาที่พักตนพักผ่อน จะว่าเหนื่อยก็ไม่เท่าไร แต่พอไต้เฟิ่งเสียนนั่งลง ก็เริ่มหลับตาคิดใคร่ครวญ


คนเช่นหวังทงในเมืองหลวงนี้ แดนใต้ก็มีข้อมูลละเอียด ข่าวมาไม่ขาด ในห้วงความคิดไต้เฟิ่งเสียนตอนนี้ ข่าวหวังทงกับพฤติกรรมทั้งหมดตั้งแต่ลงใต้มา เริ่มนำมาคิดให้ละเอียดอีกรอบ……


ฟ้ายังไม่ทันมืด ไต้เฟิ่งเสียนก็บอกว่าที่บ้านมีเรื่องด่วนต้องขอตัวก่อน รีบขึ้นเรือจากไป สวีพานก็มิได้รั้งไว้ เรื่องทั้งเรื่องนี้ เขาไม่เห็นว่าไต้เฟิ่งเสียนจะช่วยอะไรได้นัก และวันๆ ยังเอาแต่ห้ามทำโน่นทำนี่ ให้เอาแต่นิ่งเฉยไว้


พอไต้เฟิ่งเสียนกลับถึงที่พักในเมืองซูโจว ก็รีบเก็บรวบรวมทรัพย์สิน พาครอบครัวหาตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าไต้เฟิ่งเสียนก็มิใช่ตัวละครเอกอันใด เขาไปไหนแล้วอย่างไร หายตัวไปแล้วอย่างไร ไม่มีผู้ใดอยากจะสนใจ


**************


ตอนเรือผ่านเมืองซูโจว เรื่องที่เกิดที่หมู่บ้านเชียนเติงเจิ้นทำให้ขุนนางเมืองซูโจวรู้สึกเสียหน้า เส้นทางกลับของผู้แทนพระองค์ อย่างไรก็ต้องมาปลอบถามสักหน่อย ให้คำตอบหวังทง


“…….นอกเมืองพบศพพระอ้วนสองรูป มีคนจำได้ว่าพวกเขาก็คือคนสนิทของเจ้าโจรพระวัดผู่หยวนคนนั้น ดูจากสภาพพวกเขาแล้ว ก็เหมือนว่ามีคนแทงจากด้านหลัง ที่ตรอกปลาแห้งมีคนจำได้ว่าพระอ้วนสองรูปนี้ก็คือพระที่เข้าไปในบ้านของนางผู้นั้น……”


นี่เป็นเรื่องที่หวังทงจากเมืองซูโจวไปสั่งเอาไว้ นับว่าขุนนางเมืองซูโจวโชคดี ถึงกับมีคำตอบมาได้


พระสองรูปนี้คือมือสังหาร ผลก็ไม่ได้ยากอะไร หลังบอกข่าวข่งรั่วเหมย ข่งรั่วเหมยก็มิได้ดีใจอันใด


“ครอบครัวน้องหลู สิบกว่าปีมานี้คิดจะล้มตระกูลสวี แต่สุดท้าย ทั้งครอบครัวต้องหมดสิ้น ตระกูลสวียังคงอยู่ ช่างน่าสงสารจริง”


ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์รู้จังหวะแทรกวาจา หวังทงไม่คิดอยากคุยเรื่องนี้ จึงได้แต่ตอบนิ่งๆ ว่า


“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรกล่าว วันหน้าอย่าได้กล่าวอีก”


ตอนนี้ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนกับตอนขาไป ขากลับเรียกได้ว่าสงบสุขกว่ามาก ทว่าครั้งนี้ไม่ได้ไปหนานจิง แต่มุ่งไปคลองส่งน้ำที่เมืองซูโจวโดยตรง ล่องตามคลองส่งน้ำไปเมืองเจิ้นเจียง ข้ามแม่น้ำกลับตอนเหนือ


ไปพักที่ตันถูเมืองเจิ้นเจียงสองวัน เพราะข่าวจากนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรจางเหลียนเซิงเมืองหนานจิงว่าสองคนนั้นเป็นคนที่หลี่จื๋อส่งมา พร้อมกับคำให้การ ส่งมาถึงมือหวังทง


หวังทงยังไม่ลงใต้ ก็มีคนลอบโยนจดหมายเข้าจวนชนชั้นสูงเมืองหนานจิงว่าหวังทงครั้งนี้มาเพื่อจัดการชนชั้นสูงแดนใต้  รับคำสั่งมาจัดการกำราบให้อ่อนแอ ทำให้ทั่วหนานจิงเคร่งเครียด  เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ทว่าหวังทงแข็งแกร่งมาก ชนชั้นสูงเมืองหนานจิงเป็นดังเสือกระดาษ ทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นกระแสคลื่นลมใหญ่


หวังทงย่อมรู้ว่ามีผู้บงการเบื้องหลัง คิดไม่ถึงว่าจะจับตัวได้ สำหรับเขาแล้ว สองคนนี้พูดอันใดก็ไร้ค่า สำคัญคือได้รู้ว่าคนบงการคือหลี่จื๋อ


นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว  ฉีอู่ที่นำข่าวชัยชนะตอนเหนือไปแจ้งแก่ชีจี้กวงก็เร่งเดินทางกลับจากทางใต้มาถึง เขามารออยู่หนานจิงได้หลายวันแล้ว พอได้ยินว่าหวังทงถึงเมืองเจิ้นเจียงก็ตามมาสมทบ


เส้นทางขากลับ หนานจิงส่งกองทหารพันนายมาส่ง ทว่าหวังทงยังคงใช้กองกำลังหลักจากผู้คุ้มกันตนเองอารักขา ยามนี้ล้วนจัดการป้องกันแบบยามอยู่ทุ่งหญ้านอกด่านแล้ว รอบนอกชั้นสองเป็นพวกเมี่ยวลั่งจากทะเลสาบไท่หู


แม้เมี่ยวลั่งพึ่งจะมาสวามิภักดิ์ได้ไม่นาน แต่ก็นำครอบครัวและทรัพย์สินมาด้วย ก็นับว่าเป็นการประกันได้ว่าจะมาอยู่กับหวังทงแน่แล้ว  และแม้คิดร้าย ก็คงไม่ปล่อยให้มาอยู่ข้างกายหวังทงในยามที่ยังตรวจสอบประวัติไม่เรียบร้อยเป็นแน่


พิธีเลี้ยงต้อนรับง่ายยามพวกหวังทงจากตันถูเข้าสู่คลองส่งน้ำ กลับตอนเหนือ ยามนี้ผืนน้ำกว้างมาก อากาศเริ่มเย็นแล้ว


เพื่อความปลอดภัย เมืองเจิ้นเจียงจึงได้ส่งเรือมาให้หวังทงพิเศษหนึ่งลำ นี่เป็นความประสงค์ดี แต่ทว่าหวังทงกลับปฏิเสธ ท้องที่ก็มิได้ดึงกัน แล้วแต่หวังทง


**************


ผืนน้ำกว้าง เรือแล่นไม่หยุด ขบวนหวังทงแล่นมาไม่นาน ก็มีเรือแล่นตามมา เป็นเรื่องปกติบนผืนน้ำ ไม่มีคนคิดจะสนใจ


ในห้องหวังทงตอนนี้มีแต่ซาตงหนิง คนอื่นล้วนไปรออยู่ด้านนอก หวังทงตั้งแต่ผ่านเมืองฉางโจวมาก็เอาแต่เงียบไปพูดน้อยมาก มักจะครุ่นคิดหน้าตาเคร่งเครียด พอผ่านแม่น้ำมา หวังทงจึงได้เริ่มคิดจัดการ ทุกคนแม้ว่าไม่เข้าใจ แต่ก็รับคำสั่ง


“ตามสื่อชีเข้ามา เจ้าออกไปรอข้างนอก!”


พอสื่อชีเข้ามา ซาตงหนิงก็ออกไป หวังทงนั่งกล่าวเบาๆ ว่า


“เจ้าอยากเป็นขุนนางมาตลอด แต่ทางข้าไม่มีตำแหน่งให้เจ้า ร้อนใจใช่หรือไม่?”


สื่อชีกำลังจะกล่าว หวังทงก็กล่าวอีกว่า


“นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรซานตงต่งช่วงสี่ทำเรื่องที่ข้าไม่ชอบมากมาย ข้าอยากเปลี่ยนเขาออกนานแล้ว เปลี่ยนคนที่ใช้งานได้มาแทน”


อยู่ๆ เปลี่ยนประเด็น ทำให้รู้สึกงงไม่น้อย หวังทงกล่าวเบาๆ ว่า


“สองปีก่อนเคยมีมือสังหารจากมณฑลซานซีลงมือกับข้า ครั้งนี้มือสังหารยังมาจากมณฑลซานซีอีก ยังเป็นหลี่จื๋อส่งคนไปโยนจดหมายก่อความวุ่นวายอีก หลี่จื๋อเป็นศิษย์จางซื่อเหวย จางซื่อเหวยตอนนี้ไว้ทุกข์อยู่เมืองผูโจว มณฑลซานซี ข้าจะส่งเจ้าไปเมืองผูโจว เจ้ารู้ว่าควรทำอันใดไหม?”


สื่อชีปฏิกิริยาไว อึ้งไปครู่ก็คุกเข่าถามขึ้น


“ไม่ทราบว่าท่านโหวต้องการให้ทำถึงขั้นใด?”


“หลายครั้งส่งมือสังหารมาล้วนคิดจะสังหารคนทั้งนั้น!”


ได้ยินหวังทงตอบ สื่อชีโขกศีรษะกล่าวว่า


“ท่านโหววางใจ ข้าน้อยรู้แล้วว่าจะจัดการอย่างไร”


หวังทงพยักหน้า พ่นลมหายใจกล่าวว่า


“กลับมาย่อมมีรางวัล  เจ้าไปเรียกซาตงหนิงกับเมี่ยวลั่งมาหน่อย!”


ตอนที่ 865 เจ้าใช่ว่าคิดแก้แค้นแทนผู่หยวนหรือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังหวังทงประสบเหตุลอบสังหาร เมี่ยวลั่งกลัวมากจริงๆ เขาทรยศมาเป็นพวกหวังทง ย่อมต้องล่วงเกินตระกูลสวีเมืองซงเจียง หากหวังทงตายไป ไม่มีคนคุ้มครองเขา เขาไม่มีที่ไปไม่ต้องพูดถึง แดนใต้นี้แม้ที่อยู่ยังไร้ที่จะอยู่  แดนใต้ตระกูลสวีไม่ใช่พวกมีใจเมตตาอารีอันใด


พอหวังทงตื่นมา เมี่ยวลั่งจึงได้ลอบถอนหายใจ ทว่าการตรวจสอบตระกูลสวีที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองใดนี้ ไม่อาจทำให้ตระกูลสวีสะเทือนได้  แดนใต้นี้ยังคงไม่อาจอยู่ต่อ ตามหวังทงกลับไปทางเหนือก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว


แต่เมี่ยวลั่งก็เป็นพวกสร้างตัวมาอย่างโชกโชน ย่อมต้องรู้สึกว่าหวังทงระวังเขาอยู่ อันนี้ก็ยากจะเลี่ยง ตนเองอยู่ๆ ตัดสินใจมาขอสวามิภักดิ์ หวังทงไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อทั้งหมด แต่นานวันเข้าคงได้เห็น วันหน้าค่อยว่ากัน


อยู่ๆ หวังทงเรียกมาพบในห้องเรือ เมี่ยวลั่งใจเต้นโครมครามยิ่ง รู้สึกรอคอยอยู่ เชื่อใจหรือไม่ ก็ต้องดูนายท่านคุยกับเจ้าเท่าไร ใช้หรือไม่ใช้เจ้า ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี


เห็นซาตงหนิงที่เข้ามาพร้อมเขาแล้ว ในใจเมี่ยวลั่งก็บอกไม่ถูก หวังทงเดิมอายุน้อย ทหารข้างกายก็ล้วนอายุน้อย  ตนเองอายุ 30-40 ขอแค่ความสงบสุขก็พอ คิดจะแสดงสามารถโดดเด่นก็คงไม่ง่าย


ซาตงหนิงกลับกังวล ไม่ค่อยได้เห็นหวังทงเช่นนี้ หวังทงอายุไม่มาก เห็นแล้วเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุ แต่อย่างไรก็มีชีวิตชีวาดี พอประสบเหตุลอบสังหาร ร่างกายอ่อนแอลงไม่ว่า หากเขายังเงียบขรึมไปมาก ทำให้หลายคนรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไร


สองคนเดินเข้าไปในห้อง มองไปยังหวังทงที่คลุมเสื้อคลุมนั่งอยู่ ไม่รู้ว่าคิดอันใดอยู่ สองคนคำนับ หวังทงไม่มีปฏิกิริยา เมี่ยวลั่งกับซาตงหนิงยืนคำนับนอบน้อม รอคำสั่ง


“เมี่ยวลั่ง เจ้าอยู่ ๆ มาขอสวามิภักดิ์เพื่อขอมีชีวิตสงบสุข ช่างยากจะเชื่อได้จริงๆ !”


คิดไม่ถึงว่าหวังทงจะกล่าวเช่นนี้ ในใจเมี่ยวลั่งหนาวเหน็บทันที มองซ้ายมองขวาตามสัญชาตญาณ มือซาตงหนิงกระชับดาบแน่น แม้ว่าเมี่ยวลั่งดูแล้วไม่มีพิษมีภัย แต่หากหวังทงสั่งการ เขาก็ย่อมฟันทิ้งอย่างไม่ลังเล เมี่ยวลั่งคิดไปคิดมา ก็ได้แต่คุกเข่าลงบนพื้นเรือ ร้องไห้กล่าวว่า


“ท่านโหว ข้าน้อยมีใจคิดภักดีราชสำนัก ท่านโหวโปรดพิจารณาด้วย!”


หวังทงหรี่ตามอง กล่าวต่อเสียงเรียบว่า


“ข้าได้ยินมาจากวงการพวกเจ้าว่า คนนอกคิดมาเข้าเป็นพวกต้องก่อคดี พอก่อคดีแล้วจึงจะเป็นพวกเดียวกันได้ จึงจะเชื่อถือไว้ใจได้ พวกคนที่เจ้าสังหารวันนั้น ผู้จะรู้ได้ว่าเป็นพวกโจรกระจอกที่ไปหามาจากข้างนอกหรือไม่ ไม่อาจอ้างอิงได้!”


เมี่ยวลั่งกลับลืมแสร้งร้องไห้ เงยหน้าอึ้งไปมองหวังทง วาจานี้เขาย่อมเข้าใจ แต่ใช่วาจาที่ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร  ติ้งเป่ยโหวควรกล่าวหรือ?


หวังทงกล่าวต่อว่า


“เมี่ยวลั่ง ได้ยินว่าเจ้ากับพระผู่หยวนสัมพันธ์ไม่เลว ราวพี่น้องหรือ?”


“ไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน ท่านโหว ข้าน้อยเอาชีวิตทั้งครอบครัวเป็นประกัน ข้าน้อยกับผู่หยวนนั่นเพียงพบหน้าไม่กี่ครั้ง ส่วนตัวร่วมมือกันไม่กี่เรื่อง ไม่เคยคบหาอันใด ผู่หยวนเป็นโจร ข้าน้อยเคยเป็นขุนพลราชสำนัก ในใจก็ยังคิดไว้ตัวอยู่ จะไปคบหาได้อย่างไร…”


“ผู่หยวนถูกพวกตระกูลสวีหักหลัง จนถูกข้าจับลงโทษ ในใจเจ้าเคียดแค้นนัก ต้องการแก้แค้นให้สหาย ดังนั้นจึงอาศัยจังหวะกลางดึกรวบรวมคนบุกเข้าตระกูลสวี สังหารคนโรงบ้านพวกเขา สังหารตระกูลสวีล้างตระกูล”


เมี่ยวลั่งตาโต  เรียบเรียงวาจาทั้งหมด เขาเริ่มฟังเข้าใจหวังทง ที่หาว่าตนสนิทกับพระผู่หยวนจึงคิดหาทางแก้แค้นแทน……


หวังทงไม่ได้สนใจปฏิกิริยาเขา หากกล่าวต่อว่า


“เรือถึงกลางน้ำแล้ว คิดจะลงจากเรือก็คงไม่ได้ ที่คลองส่งน้ำข้ามีกิจการไม่น้อย ต้องการคนก็ไปจัดการหาเอาที่นั่นได้”


สองวาจาเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน เมี่ยวลั่งโขกศีรษะ สีหน้ากลับไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนเมื่อครู่ ครุ่นคิดพักหนึ่งก็กล่าวว่า


“ท่านโหวกล่าวได้ถูกต้อง ทว่าข้าน้อยรู้มาว่าตระกูลสวีเองมีคนห้าร้อยสามารถรวบรวมกำลังมาได้ทันที และละแวกจวนยังมีกองทหาร หากจวนต้านทานไว้ได้ แล้วทางการส่งคนมาก็คงยุ่งยากใหญ่ ไม่ปิดบังท่านโหว คนข้าน้อยตอนนี้สามารถพาไปได้ก็ 170 คน เกรงว่า……”


“บนท้องทะเลก็มีโจรทะเล  ตามคนที่สู้เป็นมาช่วยเจ้าสัก 300-400 ก็น่าจะหาได้ ในเมื่อไม่ขาดแคลนเงินทอง ก็เอาเงินไปจ้างคนมา อย่างไรก็ต้องหามาหลายร้อยหน่อย ซาตงหนิงเป็นใครเจ้ารู้ไหม?”


หวังทงกล่าวอยู่ เมี่ยวลั่งย่อมไม่รู้ หวังทงอธิบาย กล่าวว่า


“ซาตงหนิงคือบุตรชายคนโตซาต้าเฉิง เขาสามารถช่วยเจ้ารวบรวมชาวท้องทะเลได้ ขอเพียงลำเลียงคนจากทางน้ำไปอำเภอหวาถิงได้ก็พอ เรื่องนี้ต้องให้เจ้าคิดหาทาง!”


“ที่แท้บุตรชายท่านซา  เสียมารยาทแล้วๆ ……”


พอได้ยินว่าเป็นบุตรชายคนโตซาต้าเฉิงผู้ทรงอิทธิพลแห่งท้องทะเล เมี่ยวลั่งก็คำนับทันที หวังทงกลับขัดขึ้น ถามซาตงหนิงว่า


“เอาเงินไปให้พอ เจ้าเคยเรียกกำลังชาวท้องทะเลได้เท่าไร?”


ซาตงหนิงลังเลครู่หนึ่ง โขกศีรษะกล่าวว่า


“ข้าน้อยมีคนรู้จักเดิมอยู่ไถโจวกับหนิงปอ ตระกูลสวีเช่นนี้เป็นงานมีเงินทอง ย่อมอยากมาด้วยไม่น้อย”


หวังทงพยักหน้า กล่าวอีกว่า


“เอาจากบนเรือไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนไปเอาร้านเราระหว่างทาง ทั้งหมดสี่หมื่นกว่าตำลึง พวกเจ้าเอาไปใช้ได้!”


พอได้ยินตัวเลขเช่นนี้ ซาตงหนิงยังดี เมี่ยวลั่งถึงกับคุกเข่าทรุดลงกับพื้น เสียงดังกล่าวว่า


“ข้าน้อยจะต้องจัดการงานให้ท่านโหวอย่างดี ขอท่านโหววางใจ!”


“ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าทำอันใด ข้าวันนี้นอนทั้งวัน พวกเจ้ารู้ใช่ไหม?”


เมี่ยวลั่งกับซาตงหนิงรับคำ เมี่ยวลั่งรับคำง่ายดาย ก็เพราะหวังทงให้ประโยชน์ใจกว้างมาก เงินสื่หมื่นตำลึงตัวเลขขนาดนี้  บอกว่าให้ก็ให้  ทำงานใช้เงินก้อนโตใจกว้างขนาดนี้ วันหน้าติดตามจะเสียเปรียบได้อย่างไร?


ซาต้าเฉิงเป็นระดับใด  รวบรวมชาวท้องทะเลที่เดียวก็ได้เกือบหมื่นคน คนเช่นนี้ส่งลูกชายมาติดตามหวังทง ตนเองจะลังเลอันใดอีก สามารถมีโอกาสได้แสดงผลงาน เรียกว่าฟ้าประทานโอกาสอันดีให้แล้ว


วาจาหวังทงไม่ได้เอ่ยเรื่องหนึ่งก็คือสมบัติตระกูลสวี นี่ย่อมเป็นเงินทองก้อนมหาศาล เรื่องนี้หวังทงไม่เอ่ย ใช่ว่าทุกคนจะร่ำรวยถ้วนหน้าหรอกหรือ


“แดนใต้อาจมีข่าวลือ พระผู่หยวนถูกสังหาร เจ้ามังกรทะเลสาบไท่หูโมโหมาก สมคบกับโจรสลัดบนท้องทะเลจัดการสั่งสอนตระกูลสวี…….”


หวังทงกล่าวต่อ สองคนฟังอย่างนอบน้อม


แม่น้ำแยงซีเกียงมีคนจากเหนือลงใต้ จากตะวันตกไปตะวันออก เรือแต่ละลำแล่นสวนกันไปมา ไม่มีคนสนใจว่าเรือหวังทงจะมีเรือแล่นแยกออกมา ถึงกับไม่มีคนสนใจว่าหวังทงมีเรือหลายลำหายไป


สื่อชีนำคนไปทำงานด่วนที่เมืองเหลียวโจว ซาตงหนิงไปไห่โจวทำงานเช่นกัน นี่เป็นคำตอบให้ภายใน บรรดาทหารติดตามอารักขาหวังทงชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว ไม่เกี่ยวกับตนเอง ย่อมไม่ถามให้มากความ


***************


เส้นทางขากลับช้ามาก สุขภาพหวังทงฟื้นตัวได้ไม่เลว  แต่ก็ยังไม่ดีนัก เดินเร็วไม่ได้  ขุนนางท้องที่ที่ผ่านทางมาก็ล้วนส่งหมอมีชื่อมาตรวจอาการ


พอเข้าสู่เขตซานตง ก็วันที่ 5 เดือนเก้าแล้ว  ตามความเร็วในการเดินทางเช่นนี้  เร่งเดินทางจากเส้นทางน้ำกลับเมืองหลวง เรื่องที่หวังทงประสบในแดนใต้ต่างๆ หวังทงได้เขียนฎีกาส่งคนม้าด่วนไปเมืองหลวงแล้ว เรื่องใหญ่เช่นนี้ หูตาในเมืองหลวงที่ส่งมาหาข่าวแดนใต้ล้วนส่งข่าวไปแล้ว


ตอนหวังทงถึงเมืองจี่หนิง เมืองหลวงก็มีราชโองการมาถึง เมืองฉางโจว เมืองซูโจว เมืองซงเจียง ผู้ว่าถูกปลดหมดสิ้น นายอำเภอก็ถูกสั่งจำคุก  ทหารในพื้นที่กับขุนนางที่ดูแลปราบปรามโจรก็ถูกลงโทษหนัก กรมอาญาและสำนักองครักษ์เสื้อแพรส่งเจ้าหน้าที่ลงใต้สืบคดีนี้


ชนชั้นสูงกับขุนนางใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเมืองหนานจิงก็ถูกราชโองการสอบ ตามรายงานข่าวของสำนักรักษาความสงบในเมืองหลวง ตอนหวังทงอยู่แดนใต้ รวมทั้งข่าวที่ถูกลอบสังหารมายังเมืองหลวง ขุนนางบัณฑิตได้โจมตีพฤติกรรมเหิมเกริมขูดรีดท้องที่ของหวังทงตอนลงใต้แล้ว  ต่อมาเกิดเหตุเช่นนี้เรียกได้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์


ฎีกาแรกสุดถูกพักไว้ ต่อมายื่นฎีกาว่าสวรรค์ลงทัณฑ์ ฮ่องเต้จัดการปลดขุนนางบัณฑิตทั้งหมด เบาที่สุดก็ตำหนิ หนักก็ลดตำแหน่งส่งไปที่อื่น


หลังหวังทงเข้าสู่เมืองไหวอัน เมืองหลวงก็ส่งคนเดินสารมาตลอด ทางหนึ่งพวกเขามาเพื่อถ่ายทอดพระกระแสรับสั่งฮ่องเต้ว่านลี่ พระดำรัสปลอบขวัญจากฮ่องเต้ อีกทางหนึ่งก็เพื่อกลับไปรายงานอาการบาดเจ็บของหวังทง


ฮ่องเต้ว่านลี่ทรงใส่พระทัยนั้นแสดงออกกระจ่างชัด ทำให้ใต้หล้าได้เห็นความปรองดองของพระองค์กับขุนนางคนสนิท


หวังทงไม่มีภัยถึงชีวิต ทว่าทำให้ร่างกายอ่อนแอลง จากเมืองจี่หนิงถึงเมืองหลินชิงระยะทางสั้นๆ หวังทงถึงกับเป็นหวัด ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นคนป่วย ต้องการปรนนิบัติดูแล


เมืองหลินชิงจึงส่งจวนใหญ่มาให้พัก ให้หวังทงพักผ่อนที่นี่ หากเป็นที่อื่น การมอบจวนให้ย่อมทำให้ประชาไม่พอใจ แต่ที่เมืองหลินชิง ใกล้กับเทียนจิน ไม่รู้ว่ามีคนเท่าไรต้องการทำการค้าที่เทียนจิน อาศัยเทียนจินร่ำรวย


ได้ยินหวังทงต้องการใช้เรือนพัก คหบดีเมืองหลินชิงย่อมมอบอภินันทนาการให้ เกรงก็แต่หวังทงไม่พัก


**************


หวังทงถึงเมืองหลินชิง  ฮ่องเต้ว่านลี่ส่งหมอหลวงมาถึง มาพร้อมกับคนจากเทียนจิน มีคนมาตรวจและยังได้ทำงาน สองอย่างไม่เสียการ


เทียบกับเมื่อก่อนที่ยุ่งทั้งวันแล้ว หวังทงตอนนี้ว่างมาก ทว่าการพักรักษาตัวทั้งวันก็มีแต่นอนพักกับกินยา พอถึงวันที่ 20 เดือนเก้า จึงนับว่าร่างกายฟื้นคืนเต็มที่ จึงตามฉีอู่มาถาม


ตนรบมีชัยชนะเหนือเมืองกุยฮว่าเฉิง เหมือนทำให้สถานการณ์แผ่นดินหมิงบนตอนเหนือเปลี่ยนทิศทาง แม่ทัพดังเช่นชีจี้กวงจะให้คำวิจารณ์อย่างไร ในใจหวังทงก็อยากรู้มาก


“แม่ทัพชีกล่าวว่า ปราบเมืองกุยฮว่าเฉิงได้ รักษาการณ์อยู่ที่นั่น เท่ากับตอกตะปูกลางใจพวกนอกด่านแน่นหนา วันหน้าค่อยๆ กลืนกินพวกนอกด่านที่เหลือทางตะวันออกและตะวันตกดังหนอนไหมกินใบหม่อนช้าๆ ……แม่ทัพชียังบอกว่า ชัยชนะนี้ยิ่งใหญ่หากเป็นแม่ทัพอายุ 50 มีชัยเช่นนี้ จบศึกคงได้เสวยสุข แต่ท่านโหวอายุยังน้อย มีบรรดาศักดิ์เช่นนี้ ฝ่าบาทก็อายุยังน้อย วันหน้ายังอีกยาวไกล เกรงว่าท่านโหวคงยุ่งยากไม่น้อย……”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)