ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 862-883

 บทที่ 862 ยินดีด้วย


ใบหน้าของโอหยางซานซานบวมเปล่งไปเสียหมด เขียวช้ำเป็นจ้ำๆ และม่วงเป็นจ้ำๆ บวมจนดูเหมือนหัวหมู


จ้าวเสวียหลินและพี่ชายคนอื่นๆ มองเหตุการณ์พลางสูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าปอด นี่เป็นฝีมือของน้องสาวผู้อ่อนโยนของพวกเขารึ?


จัดการได้โหดร้ายเกินไปมั้ง!


หวงอวี้เหลียนพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “รอยแผลบนตัวของซานซานมีเยอะกว่านี้ อา…อาสะใภ้เองก็เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าซานซานทำอะไรผิดไป ถึงได้ถูกเหมยเหมยตบตีได้อย่างโหดร้ายทารุณเช่นนี้?”


“เธอบอกว่าเหมยเหมยของเราทำก็ว่าตามนั้นได้งั้นหรือ? เธอมีหลักฐานอะไร?” จ้าวเสวียหลินพูด


โอหยางซานซานพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “จ้าวเหมยนั่นแหละที่เป็นคนทำ หล่อนและเซียวเซ่อตั้งใจไปเรียนเต้นรำที่ห้องเรียนเยาวชนนั่นก็เพื่อไปทำร้ายฉัน”


เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน “โอหยางซานซานเธออย่าเอาแต่พูดเพ้อเจ้อ เธอพูดอยู่เต็มปากว่าฉันเป็นคนตบตีเธอ เธอเอาหลักฐานมาสิ?”


“เพื่อนๆ ที่เรียนเต้นรำด้วยกันเห็นหมดแล้ว พวกเขาสามารถเป็นพยานให้ฉันได้”


“งั้นเธอก็เรียกพวกเขามาสิ ทำไมถึงไม่มีแม้แต่คนเดียวล่ะ? ไม่มีหลักฐานอย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่งั้นฉันจะถือว่าเธอพูดจาใส่ความฉัน!” เหมยเหมยมองเหยียดโอหยางซานซาน


เธอและเซียวเซ่อได้ยัดเงินให้กับเด็กๆที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในห้องนั้นคนละสิบหยวน ทั้งยังข่มขู่ให้พวกเธอเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่เช่นนั้นพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกสมรู้ร่วมคิด


เด็กผู้หญิงพวกนั้นใจเสาะกันมาก และยังอยากได้เงินของเธออีกด้วย จะมีคนกล้าออกหน้าได้ยังไง?


โอหยางซานซานถูกเหมยเหมยดักทางจนหมดคำพูด เพราะเธอเพิ่งนึกได้กะทันหันว่าเธอไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าจ้าวเหมยเป็นคนตบตีเธอ แม่เธอโทรไปหาเด็กๆ แต่ละคน ซึ่งทุกคนต่างบอกว่าไม่มีใครรู้เห็น ไม่มีใครกล้าที่จะแสดงตัวออกมา


“เธอนั่นแหละที่เป็นคนตบตีฉัน ไม่งั้นเธอจะไปเรียนเต้นรำได้ยังไง? เธอไปที่นั่นอย่างไม่บริสุทธิ์ใจ!” โอหยางซานซานตะโกนขึ้นอีกครั้ง


เหมยเหมยแค่นเสียงออกมา “ช่างน่าตลกสิ้นดี ห้องเรียนเยาวชนนั่นบ้านเธอเป็นคนสั่งเปิดหรือไง? อนุญาตให้โอหยางซานซานไปเรียนได้คนเดียว แต่ฉันไม่สิทธิ์ไปเรียนงั้นเหรอ? โธ่ๆ ตระกูลโอหยางของพวกเธอนี่ช่างยิ่งใหญ่จริงๆเลย!”


สยงมู่มู่หัวเราะร่าและพูดเยาะเย้ย “เหมยเหมยของพวกเราเต้นรำได้เก่งกว่าเธอเป็นร้อยเท่ายัยโอหยางซานซาน เธอดูตัวเธอเองสิ ฉันว่าอยู่ดี ๆ เธอคงเป็นบ้าแล้วก็สร้างบาดแผลให้ตนเองมากกว่า และตั้งใจจะให้เหมยเหมยของเราเป็นแพะรับบาป ทั้งหมดเป็นเพราะเธอริษยา เพราะเธอริษยาที่เหมยเหมยเต้นได้ดีกว่าเธอ!”


“ไม่ใช่นะ แม่คะ จ้าวเหมยเป็นคนตบตีหนูจริงๆ เธอใช้เท้าถีบหนู แถมยังจิกผมหนูด้วย และเธอก็ดึงเสื้อผ้าของหนูด้วย…ฮือออ…”


โอหยางซานซานร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมอกของหวงอวี้เหลียน เธอเสียใจอย่างที่สุด!


เหมยเหมยแสร้งทำเป็นเหมือนบริสุทธิ์ใจ จงใจตะโกนขึ้นว่า “ฉันไม่ใช่ผู้ชาย จะดึงเสื้อผ้าของเธอไปทำไม?”


จ้าวเสวียกงและคนอื่น ๆ ต่างก้มหน้างุด ช่วงไหล่สั่นขึ้นลงไม่หยุด น้องสาวพูดออกมาได้ตลกชะมัด เหมยเหมยหันไปมองหวงอวี้เหลียนที่มีท่าทีโกรธแค้นจนกัดฟันดังกรอดๆ เธอนั้นรู้สึกสะใจมาก


เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างเว่อร์วังอลังการอีกครั้ง ราวกับได้พบเจอกับเรื่องน่าตื่นเต้นใหม่ๆ “เธอคงไม่ได้ถูกพวกผู้ชายฉุดไปใช่ไหม? ดูสิทั้งดึงเสื้อผ้าของเธอด้วย พวกผู้ชายต้องมองว่าเธอรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับพันจินเหลียน[1]แน่เลย แค่เห็นก็ตื่นตาตื่นใจจนอยากจัดการกับเธอเสียให้ได้”


พอพูดจบเธอจึงพยักหน้าหงึกหงัก พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “เรื่องต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่ผู้ชายแค่คนเดียวด้วยนะ โธ่ๆ โอหยางซานซานในท้องน้อยๆ ของเธอมีเด็กทารกอยู่ด้วยหรือเปล่า? ยินดีด้วยนะ ตระกูลเธอจะสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาแล้ว!”


จ้าวเสวียกงและคนอื่นๆ พากันขำจนตัวงอท้องแข็งไปหมด โอหยางเซี่ยงหมิงและหวงอวี้เหลียนทำหน้าบึ้งตึงจนแทบจะพ่นไฟออกมาได้อยู่แล้ว หวงอวี้เหลียนจึงกัดฟันพูด “ซานซานของเรายังเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ จ้าวเหมยเธออย่าพูดจาไร้สาระนะ!”


……………………………………………..


[1] เป็นตัวละครหลักในนวนิยายจีนเรื่องบุปผาในกุณฑีทอง(金瓶梅) นับเป็นตัวร้ายที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัฒนธรรมจีน จนกลายเป็นที่เรียกเทพีประจำโสเภณีและโรงโสเภณี


บทที่ 863 เธอไม่ต้องขอบคุณฉันมากก็ได้


เหมยเหมยเองก็ขำจนช่วงท้องแทบแข็ง ที่แท้การเป็นเด็กเกเรทำตัวแย่ ๆ ก็สบายใจมากเหมือนกัน เมื่อก่อนสมองเธอคงถูกลาถีบไปแล้วจริง ๆ   ถึงเอาแต่ทำตัวเป็นดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยที่เชื่อฟัง!


แต่คิดได้ในตอนนี้ก็นับว่ายังไม่สาย!


เธอหัวเราะเยาะไปทีและพูดขึ้นว่า “คุณผู้หญิงโอหยางก็อย่าทำเหมือนตาบอดพูดจาไร้สาระสิคะ ดูสภาพของลูกสาวคุณสิ หนำซ้ำตัวเธอเองก็บอกอยู่ว่ามีคนดึงเสื้อผ้าของเธอ โถ่ ๆ เหมือนที่แสดงในทีวีเลยเนอะ คุณอย่าคิดว่าฉันเป็นแค่เด็กแล้วจะไม่เข้าใจอะไร!”


โอหยางซานซานตะโกนขึ้น “เสื้อผ้าของฉันถูกจ้าวเหมยดึง จ้าวเหมยเธอใส่ร้ายป้ายสี ฉันไม่เคยไปมาหาสู่กับพวกผู้ชายเลยสักนิด”


เหมยเหมยยักไหล่ และพูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “โอหยางซานซานสมองเธอมีปัญหาหรือไง? บอกแล้วไงว่าเรื่องทุกอย่างต้องมีหลักฐาน เธอเอาหลักฐานมาสิ ถ้าไม่มีหลักฐานเธอจะตะโกนพูดเพ้อเจ้ออยู่ทำไม!”


“เธอนั่นแหละที่เป็นคนดึง แม่คะ จ้าวเหมยเป็นคนทำ หนูไม่ได้โกหก เธอเป็นคนทำ…”


โอหยางซานซานตะโกนร้องไห้โหวกเหวกโวยวาย คำพูดไร้สาระของเหมยเหมยบีบรัดเธอไว้แน่น จนทำให้เธอสติของเธอเริ่มเลือนราง เอาแต่พูดว่าเหมยเหมยเป็นคนตบตีเธอ และยังดึงเสื้อผ้าของเธออีกด้วย


เหมยเหมยเบะปากใส่และจงใจพูด “ฉันว่าเป็นเธอเองมากกว่าที่เอาแต่ทำตัวเสเพลอยู่นอกบ้าน เลยทำให้พวกผู้ชายรังแกเอาได้ จากนั้นก็เลยเลือกที่จะโยนความผิดมาให้ฉันสินะ? โอหยางซานซานเธอคิดว่าคนในตระกูลของฉันจะเลอะเลือนเหมือนกับคุณย่างั้นรึ? สายตาของคุณปู่ฉันหลักแหลมจะตายไป  เธออย่ามาสร้างเรื่องบ้าบอแบบนี้ที่บ้านฉัน!”


คุณย่าสีหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม ยัยเด็กบ้านี่นับวันก็ยิ่งเกินไปแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดต่อหน้าคนนอกว่าเธอเป็นยายแก่สมองเลอะเลือน!


อีกเดี๋ยวคงต้องสั่งสอนเธอสักหน่อยแล้ว!


ความจริงคุณปู่นั้นเริ่มมั่นใจแล้ว มีแปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นที่บ่งบอกว่าหลานสาวของตนนั้นเป็นคนทำ เพียงแต่ตระกูลโอหยางหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ เขาเองคงไม่เข้าไปยุ่งอะไรมากนัก


“ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะ เซี่ยงหมิงนี่ไม่ใช่แค่ภรรยาที่นายสั่งสอนได้ไม่ดีพอ แต่ลูกสาวนายเองนายก็สั่งสอนเธอได้ไม่ดีพอด้วย ดูคำพูดโกหกพวกนี้สิ คิดว่าตระกูลจ้าวหลอกได้ง่าย ๆ นักหรือไง?”


คุณปู่ปรับโทนเสียงให้ดังขึ้นในประโยคสุดท้าย ราวกับเป็นเสียงกังวานของระฆัง  โอหยางเซี่ยงหมิงร่วมต่อสู้ในครั้งนี้อย่างไม่ได้สมัครใจนัก ในใจรู้สึกเหน็บหนาวเยือกเย็น


ในเวลานี้เขารู้สึกเสียใจที่เชื่อคำพูดของหวงอวี้เหลียน จนตนนั้นเลือกที่จะมาเรียกหาความยุติธรรมให้กับลูกสาว ซึ่งไม่มีหลักฐานอะไรอยู่เลย และไม่แปลกเลยที่ตระกูลจ้าวจะไม่ยอมรับ!


“ลุงจ้าวอย่าโกรธไปเลย เรื่องนี้ผมไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจนเอง ผมจะพาพวกเธอกลับไปเดี๋ยวนี้ครับ”


โอหยางเซี่ยงหมิงจะเอาความกล้าจากไหนมาต่อกรกับตระกูลจ้าวได้ล่ะ เดิมทีเขาเป็นผู้ชายที่ระมัดระวังตัวเอามาก อายุยิ่งมาก ความกล้าก็ยิ่งน้อย คุณปู่ประกาศศึกขนาดนี้ เขาเองตกใจจนความกล้านั้นมลายหายไปหมดแล้ว ในขณะนี้จึงคิดได้เพียงแค่ว่าจะพาภรรยาและลูกสาวกลับไป


หวงอวี้เหลียนมองผู้ชายที่ไม่เอาไหนอย่างเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก็แค่คนโง่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ตอนนั้นทำไมเธอถึงได้ตาบอดนัก ทำไมถึงได้เลือกคนไร้ประโยชน์อย่างเขามาได้นะ!


เธอเองกลับนึกไม่บ้าง ในตอนนั้นชื่อเสียงของเธอป่นปี้แค่ไหน มีเพียงผู้ชายอย่างโอหยางเซี่ยงหมิงที่ยินยอมรับเธอมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ!


“ลุงจ้าว ฉันยังมีเรื่องที่อยากจะพูดอีก เรื่องที่ตบตีกันฉันจะไม่พูดถึง แต่ตอนนั้นจ้าวเหมยเธอบอกกับครูว่าจะพาซานซานกลับมาส่งที่บ้านใช่ไหม?” หวงอวี้เหลียนถามขึ้นอย่างมีเลศนัย


เหมยเหมยพยักหน้ายอมรับ “ใช่ค่ะ ฉันแค่เรียนรู้ที่จะทำความดีนี่คะ เห็นโอหยางซานซานก็อดที่จะนึกสงสารไม่ได้ จึงนึกใจดีไปส่งเธอกลับบ้าน คุณหญิงโอหยางไม่ต้องขอบคุณฉันมากเกินไปก็ได้ แต่ไหนแต่ไรมาฉันทำดีไม่เคยหวังผลตอบแทนอยู่แล้ว”


หวงอวี้เหลียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนทนกระทำการบุ่มบ่ามไป เธอจะต้องใจเย็นเข้าไว้ ไม่ควรจะโมโหเพราะถูกเด็กเหย้าแหย่


“แล้วเธอไปส่งซานซานถึงที่ไหน? ส่งถึงบ้านหรือเปล่า?”


เหมยเหมยเอียงหัวเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน ต่อให้อยากไปส่งก็ส่งไม่ได้ แต่ฉันก็เป็นคนดีพอจึงทำดีให้ถึงที่สุด เรียกสติโอหยางซานซานขึ้นมาได้ จากนั้นพาเธอไปส่งถึงป้ายรถเมล์”


เหมยเหมยแสดงท่าทีราวกับว่าเธอไม่ต้องขอบคุณฉันมากนักหรอก ไฟโทสะในตัวหวงอวี้เหลียนเดือดปุด ๆ และปะทุขึ้นมา รู้สึกถูกทิ่มแทงจนเจ็บอยู่ในอก


………………………………………….


บทที่ 864 ไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดจาไร้สาระ


โอหยางซานซานร้องตะโกนอย่างไม่พอใจ “เธอโกหก เธอไม่ได้ปลุกฉันให้ตื่นตั้งแต่แรก เธอทิ้งฉันไว้ตรงทางแยกบนถนนทางทิศตะวันออก เธอยัง…”


คำพูดหลังจากนั้นโอหยางซายซานก็หยุดเงียบลง เธอละอายที่จะพูดถึงสภาพการแต่งตัวของตัวเองในตอนนั้น รวมทั้งต้องพูดออกมาต่อหน้าของจ้าวเสวียหลินและคนอื่น ๆ ด้วย


“ฉันทำไมเหรอ? เธอคงไม่ได้จะบอกว่าฉันดึงเสื้อผ้าเธอจนหลุดหมดหรอกใช่ไหม?” เหมยเหมยยักไหล่ พร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงที่ขึ้นจมูกอย่างเยาะเย้ย


โอหยางซานซานทั้งอายทั้งโกรธยิ่งกว่าเดิม สถานการณ์ของเธอในตอนนั้นต่างอะไรกับการถูกดึงเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าละ?


เพียงแค่นึกถึงตอนที่ตัวเองนอนพิงอยู่ตรงทางแยกบนถนนทางทิศตะวันออก และถูกคนจำนวนมากห้อมล้อมจับจ้อง โอหยางซานซานก็ไม่อยากออกจากบ้านไปไหนอีกแล้ว


ออกไปข้างนอกก็คงจะถูกคนภายนอกหัวเราะเยาะใส่ เธอรับไม่ได้กับสายตาและคำพูดติฉินนินทาของคนพวกนั้น เธอยินยอมที่จะขังตัวเองไว้ในบ้าน ขังไปตลอดชีวิต!


หวงอวี้เหลียนโอบลูกสาวไว้ในอ้อมกอด เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ควรโกรธ การแก้แค้นสิบปีก็ไม่นับว่าสายไป!


ครั้งนี้เป็นเพราะเธอประมาทเกินไป ถึงได้ปล่อยให้ยัยเด็กชั่วจ้าวเหมยมาทำร้ายลูกสาวได้ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เธอจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!


ในตอนนี้การรักษาชื่อเสียงลูกสาวให้กลับคืนมานั้นสำคัญที่สุด ซานซานของเธอเป็นดั่งสาวงามผู้เลื่องลือ หญิงสาวผู้เลิศเลอของทุกคน ชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าเสียยิ่งกว่าหยกน้ำงาม จะปล่อยให้ยัยเด็กชั่วจ้าวเหมยมาทำลายไปได้อย่างไร!


เธอจะต้องให้ตระกูลจ้าวเป็นพยานให้ลูกสาวเธอ!


ให้จ้าวเหมยยอมรับต่อหน้าของทุกคนว่าเธอเป็นคนทำให้ซานซานต้องอับอาย เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะต้องให้สื่อเป็นคนป่าวประกาศอีกทาง ชื่อเสียงของซานซานจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม!


แต่ชื่อเสียงของจ้าวเหมยจะต้องเหม็นเน่าเสียยิ่งกว่าน้ำเน่าในคูคลอง!


นับว่าหมากเกมนี้หวงอวี้เหลียนวางหมากได้ดี แต่เธอกลับไม่ลองคิดดูว่าเหมยเหมยไม่ได้เป็นหุ่นเชิดในมือเธอ จะยอมตกปากรับคำง่ายๆ ได้เหรอ!


“จ้าวเหมยเธออายุยังน้อยแต่กลับพูดแต่เรื่องโกหก ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนทิ้งซานซานไว้ที่ทางแยกบนถนนทางทิศตะวันออก ทั้งยังทำให้เสื้อผ้าของซานซานยับยู่ยี่ ทำให้ซานซานต้องเป็นที่อับอายขายขี้หน้า เรื่องนี้เธอยังคิดที่จะปัดปฏิเสธอีกเหรอ?” หวงอวี้เหลียนตำหนิอย่างแรง


เหมยเหมยหัวเราะเยาะใส่  “สมแล้วที่พวกคุณเป็นแม่ลูกกัน พูดจาเหมือนกันไม่มีผิด คุณบอกว่าฉันพูดโกหก แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าคุณก็ไม่ได้โกหก แล้วโอหยางซานซานจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเธอเองก็ไม่ได้โกหก?”


เพียงไม่นานเหมยเหมยก็พูดเสริมขึ้น “ถึงยังไงคุณหญิงโอหยางก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง พูดจาหรือทำเรื่องอะไรก็อย่าให้เหมือนลูกของคุณที่สมองพิการ คุณอยากจะโยนความผิดให้ฉัน ถ้างั้นก็ขอให้คุณเอาหลักฐานมาสิคะ ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามากล่าวหาลอย ๆ หรือพูดจาเพ้อเจ้อที่บ้านฉัน!”


จ้าวเสวียหลินก็เห็นด้วยในทันที “น้องสาวผมพูดถูก คุณผู้หญิงโอหยางปากเอาแต่บอกว่าน้องสาวผมเป็นคนทำร้ายลูกสาวคุณ กรุณาเอาหลักฐานมายืนยันด้วย คุณไม่มีหลักฐานแต่ยังพูดจาไร้สาระเพื่อทำลายชื่อเสียงของน้องสาวผมอีก นี่คุณไม่เห็นตระกูลจ้าวของเราอยู่ในสายตาเลยหรือไง?”


หวงอวี้เหลียนอยากจะพูดต่อ แต่กลับถูกโอหยางเซี่ยงหมิงห้ามไว้เสียก่อน


ผู้ชายใจเสาะอย่างเขา ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องกับตระกูลจ้าวแต่อย่างใด อีกอย่างคือลูกสาวเขาก็ไม่ได้ถูกล่วงละเมิดจริง ๆ  โอหยางเซี่ยงหมิงจึงคิดว่าไม่ควรคิดที่จะสืบสาวเอาความอีกต่อไปอีก


เหตุใดจะต้องพาตัวเองไปมีเรื่องกับตระกูลจ้าวที่กำลังรุ่งเรืองโชติช่วงดุจดวงอาทิตย์เที่ยงวันในขณะนี้ด้วยเล่า!


หวงอวี้เหลียนเมื่ออยู่นอกบ้านเป็นดั่งหญิงใจงามที่ยกย่องสามีให้อยู่เหนือตน แม้ว่าเธอจะเกลียดความอ่อนแอของโอหยางเซี่ยงหมิงเป็นไหนๆ แต่เธอก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ จึงตัดสินใจออกไปจากบ้านตระกูลจ้าวพร้อมกับโอหยางเซี่ยงหมิง


หวงอวี้เหลียนที่ไม่ยินยอมเท่าไรนัก จึงได้รู้ว่าตนนั้นไม่อาจคาดหวังอะไรจากโอหยางเซี่ยงหมิงได้อีก แต่น่าเสียดายที่ช่วงไม่กี่วันมานี้คน ๆ นั้นออกไปทำงานต่างจังหวัด รอเขากลับมาก่อนค่อยเข้าไปหารือด้วย ให้เขาช่วยเอาชื่อเสียงของลูกสาวเธอกลับมาให้ได้ คนๆ นั้นจะต้องมีสักวิธีที่ทำได้แน่


ส่วนยัยเด็กชั่วจ้าวเหมยนั่น ก่อนหน้านั้นเธอคงอ่อนข้อให้เกินไป!


เธอจะต้องพูดกับคนๆ นั้น ให้เขาจัดการไปด้วยเสียทีเดียว ดีที่สุดคือทำให้จ้าวเหมยแพ้อย่างราบคราบและเสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่มีที่ยืนในเมืองหลวงเลยก็ยิ่งดี!


หวงอวี้เหลียนมั่นใจต่อชายคนรักของเธอเป็นอย่างมาก แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า คนที่เธอบอกว่าเป็นแค่เด็กแสบนั่น กำลังเรียกลมเรียกฝน และได้เตรียมพร้อมพายุฝนฟ้าคะนองระลอกใหญ่ไว้ให้กับเธอแล้ว!


……………………………………….


บทที่ 865 พูดทุกอย่างให้ชัดเจน


หวงอวี้เหลียนและคนอื่นๆ เพิ่งก้าวเท้าเดินออกไปได้ไม่นาน คุณย่าก็มีอาการกำเริบขึ้น


“เธอยืนอยู่ตรงนั้นเลยนะ” คุณย่าแผดเสียงร้องขึ้น


แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่ได้หลงเหลือความศรัทธาหรือเคารพต่อคุณย่าแต่อย่างใด แต่การรักษาหน้าก็ยังคงต้องทำ เธอจึงยืนอยู่อย่างเชื่อฟัง ยืนนิ่ง ใจจดใจจ่อไม่มีวอกแวก เรียบร้อยจนหาที่ติไม่ได้เลย แต่ในหัวของเธอนั้นกลับล่องลอยไปบนนภาแล้ว


คิดถึงฟ้า คิดถึงดิน คิดถึงดอกไม้ คิดถึงดอกหญ้า คิดถึงพี่หมิงซุ่น…


ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นวิ่งไปตามหาพ่อแม่บุญธรรมถึงไหนแล้ว หลายวันมานี้ไม่เห็นแม้แต่เงา เขานี่จริงๆเลย!


หลังจากที่คุณย่าด่าออกไปไม่กี่ประโยค ก็พบว่าเหมยเหมยนั้นไม่ได้ฟังเธอพูดตั้งแต่แรก แต่กลับกำลังตกอยู่ในภวังค์ ในขณะนี้ไฟโทสะของเธอได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า คุณย่าได้ยื่นมือออกไปเพื่อหวังจะหยิกใบหูของเธอ


จ้าวเสวียหลินพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยืนขวางด้านหน้าของเหมยเหมยเพื่อเป็นที่กำบัง พอมือของคุณย่าจะสัมผัสโดนตัวของจ้าวเสวียหลิน จึงดึงกลับอย่างฉับพลัน เธอจึงหันมาจ้องมองเหมยเหมยอย่างดุดัน


“เสวียหลินแกถอยออกไป วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนยัยเด็กบ้านี่ให้ได้ กล้าไปพูดกับคนนอกว่าฉันแก่เลอะเลือน และยังจะไปทำร้ายร่างกาย และดึงกระชากเสื้อผ้าคนอื่นอีก ไม่สนขือสนแปอะไรเลย!” คุณย่าด่าทอด้วยความโกรธเคือง


เหมยเหมยพูดประชดประชัน “หวงอวี้เหลียนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของย่าเหรอ โอหยางซานซานเป็นหลานสาวแท้ของคุณย่า พวกหล่อนเป็นคนนอกเสียที่ไหนกัน? คุณย่าสนิทกับพวกหล่อนจะตายไป พวกหล่อนบอกว่าหนูตบตีและดึงเสื้อผ้า  คุณก็เชื่อตามเขาไปเสียหมด หนูบอกว่าหนูไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ ไม่ว่ายังไงคุณย่าก็ไม่ยอมเชื่อ ถ้าคุณไม่ได้แก่จนเลอะเลือนแล้วจะเรียกอะไร?”


คุณย่าโกรธจนหน้าเขียว หายใจหอบถี่ราวกับเครื่องสูบลม แต่ร่างกายยังคงตระหง่านไม่มีล้มลง


เหมยเหมยช่วยฟื้นร่างกายให้เธอได้ดีจนเกินไป ต่อให้เธออยากจะแกล้งเป็นลมก็ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้!


แม้ว่าคุณปู่เองจะไม่พอใจที่คุณย่านั้นไม่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ แต่เขาได้ยินคำพูดของหลานสาวและรู้สึกว่าไม่เข้าหูนัก จึงได้ตำหนิออกไป “เหมยเหมย ทำไมพูดอะไรแบบนั้นล่ะ!”


เหมยเหมยเถียงกลับ “หนูจะพูดแบบนี้ หนูพูดภาษาคนอยู่”


นับแต่นี้ต่อไปใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดจะมาสร้างความไม่เป็นธรรมให้เธออีก ไม่สนว่าจะเป็นคุณปู่หรือคุณย่า เพราะเธอไม่เคยติดหนี้ตระกูลจ้าวเลย


มีสิทธิ์อะไรที่ต้องมาทำเรื่องไม่เป็นธรรมกับเธอ!


ไม่ง่ายนักกว่าที่คุณย่าจะปรับอารมณ์กลับมาคงที่ได้ เธอชี้หน้าเหมยเหมยพร้อมกับต่อว่าอย่างโมโห “ตาแก่ฟังดูสิ ตอนนี้ยัยเด็กบ้านี่ปีกกล้าขาแข็งนัก แม้แต่คุณก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา ต่อไปนี้อย่าหวังว่ายัยเด็กนี่จะกตัญญูต่อพวกเราอีกเลย!”


เหมยเหมยหัวเราะเยาะและพูดขึ้น “คุณย่าพูดอะไรก็ต้องรักษาน้ำใจหน่อยสิคะ ถ้าหากว่าหนูไม่กตัญญูรู้คุณพอ ตอนนี้คุณจะสารมารถกระโดดโลดเต้นได้แบบนี้หรอ? รวมทั้งเรื่องที่ลุงสองและลุงสามได้เลื่อนขั้น พวกคุณอย่ามาพูดกับฉันว่าเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวของพวกเขา มีบางเรื่องที่หนูไม่อยากจะพูดหรอก แต่พวกคุณกลับบีบให้หนูต้องพูดมันออกจนได้”


เธอหยุดนิ่งไปสักพัก จากนั้นกวาดสายตามองท่าทีของทุกคนในตระกูลจ้าว คุณปู่มีสีหน้าเคร่งขรึม ส่วนคุณย่ายังคงทำหน้าบึ้งตึง เธอจึงหัวเราะเยาะไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมา


“แต่ไหนแต่ไรมาหนูว่านอนสอนง่าย ใครดีกับหนู หนูก็ดีตอบเป็นสิบเท่า ใครร้ายกับหนู หนูก็จะร้ายกลับไปเป็นสิบเท่าเหมือนกัน สำหรับตระกูลจ้าวหนูถามตัวเองตลอดว่าเมตตาช่วยเหลือมามากพอแล้ว แต่แล้วหนูได้รับอะไรตอบแทน? หวงอวี้เหลียนที่ไม่รู้มาจากไหนกลับเอาหนูไปนินทาสร้างข่าวลือเสียๆ หายๆ กล่าวหาคนอื่นอย่างตามใจชอบ แต่คุณย่าคนดีของหนูกลับเป็นดั่งผู้ช่วยฆาตกร คุณปู่ก็เอาแต่ให้ท้ายคุณย่า ในบ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะช่วยหนูสักคน!”


โทนเสียงของเหมยเหมยดังขึ้นเรื่อยๆ เหมยเหมยรู้สึกผิดหวังกับตระกูลจ้าวจริงๆ คุณย่าแก่แล้วเลอะเลือนไม่เป็นไร แต่พอถึงตอนนี้ดูท่าว่าคุณปู่เองก็ไม่ใช่คนที่ดูฉลาดนัก


เธอจะต้องวางแผนให้กับตัวเองเสียก่อนถึงจะถูก กับเรื่องที่จะทำให้ตระกูลจ้าวยิ่งใหญ่นั้น ยกให้จ้าวอิงหัวเพียงคนเดียวไม่ดีกว่ารึ!


อย่างน้อยจ้าวอิงหัวก็เป็นคนเดียวที่ดีกับเธอด้วยใจจริง!


คุณปู่รู้ดีว่าเหมยเหมยหมายถึงแหล่งน้ำและใบชาดีๆ พวกนั้น เธอไม่ได้พูดผิดไปเลย น้ำและชาดีๆ นั่น ไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายของเขาและยายแก่ดีขึ้นมากกว่าเดิม และยังทำให้ตระกูลจ้าวก้าวข้ามอำนาจยิ่งใหญ่นั้นไปได้


สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นเพราะคุณงามความดีของหลานสาว!


คำพูดของเหมยเหมยราวกับไม้ตีกลองที่ตีตรงกลางใจของคุณปู่อย่างรุนแรงและหนักหน่วง!


…………………………………………


 บทที่ 866 นับจากนี้ไปต่างคนต่างอยู่


แม้ว่าคุณปู่จะรู้ดีว่าเหมยเหมยพูดถูกทั้งหมด แต่เขากลับรู้สึกว่าคำพูดของเหมยเหมยฟังแล้วเสียดหูเกินไป รู้สึกไม่ค่อยลื่นหูนัก


ครอบครัวเดียวกันมีสุขร่วมกัน มีทุกข์ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เหตุใดจะต้องแบ่งแยกชัดเจนขนาดนั้นด้วย!


แม้ว่าคุณปู่จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้หลานสาวตนกำลังโมโหจนเลือดขึ้นหน้า พูดอะไรไปก็ไม่เข้าหู ยังไงรอให้หลานสาวอารมณ์เย็นลง เขาค่อยหาทางพูดกับหลานสาวด้วยเหตุผล


เหมยเหมยจะต้องเข้าใจแน่!


แต่คุณปู่กลับลืมไปแล้วว่าในบ้านยังมีคุณย่าจอมเลอะเลือน!


คุณย่าที่ได้ฟังคำพูดของเหมยเหมยก็รู้สึกว่ามันไม่น่าฟังสักเท่าใด ยิ่งทำให้ไฟโทสะปะทุมากขึ้น จึงพูดตำหนิ “แกสร้างเรื่องให้กับครอบครัวตัวเองแล้วจำเป็นต้องมาพูดซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ด้วยหรือ? แกนี่มันชอบทวงบุญคุณ ทำไมถึงได้ใจแคบแบบนี้!”


เดิมทีเหมยเหมยรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป เพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดเกินไป แต่พอได้ยินคำพูดพวกนั้นของคุณย่า ความรู้สึกละอายใจที่ก่อขึ้นมาในใจเหล่านั้น กลับมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง


“ถ้าคุณย่าจะพูดแบบนี้ล่ะก็ งั้นหนูคงต้องพูดอะไรกับคุณย่าเสียหน่อย หนูพึ่งมาเป็นคนในตระกูลจ้าวได้เพียงแค่สองปี คุณย่าจะไม่ชอบหนูก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะถึงยังไงความรู้สึกมันก็เกิดขึ้นได้ด้วยการสร้างมันขึ้นมา”


“แต่ก็เหตุผลเดียวกัน ความรู้สึกที่หนูมีต่อตระกูลจ้าวก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเช่นกัน เรื่องน้ำแร่และชาเมื่อสองปีก่อนนั้น ต่อไปนี้หนูจะไม่พูดถึงมันอีก นับจากนี้ไปคุณย่าก็อย่าถือเอาอำนาจความเป็นผู้ใหญ่มาสั่งสอนหนูอีก พวกเราต่างคนต่างอยู่!”


เหมยเหมยที่ได้ระบายอารมณ์จบ  ก็ไม่ได้นึกสนใจคุณย่าที่เริ่มหายใจถี่ขึ้นอีกครั้ง


ในตอนนี้พูดทุกอย่างให้มันชัดเจนไปเลยก็ดีเหมือนกัน จากนี้ต่อไปจะได้ไม่ต้องระวังตัวต่อหน้าเธออีก!


คุณย่าโมโหกับคำพูดที่ไร้หัวใจของเหมยเหมย อะไรคือต่างคนต่างอยู่? ยัยเด็กบ้านี่คิดจะก่อกบฏหรือไร?


“แก…แกไปหัดมาจากไหนเรื่องไม่เชื่อฟังเนี่ย? พ่อแม่เธอสั่งสอนมาแบบนี้หรือไง?” คุณย่าด่าทอด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง


เหมยเหมยเบื่อหน่ายที่จะตอบคำถาม จึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ


คุณย่าจึงก่นด่าอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายประโยค ซึ่งเหมยเหมยก็ไม่ได้โต้ตอบเธอแต่อย่างใด เธอทนฟังจนเริ่มรู้สึกรำคาญ จึงพูดขึ้นอย่างโมโห “เมื่อสิบสองปีก่อนหนูใช้แซ่อู่ ตอนนั้นที่หนูได้รับความเจ็บปวดความทุกข์ทรมาน ไม่มีพวกคุณแม้แต่คนเดียวที่จะออกมาช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากทะเลแห่งความขมขื่นนั่น แล้วตอนนี้มีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องจากหนู?”


คุณปู่มีสีหน้าละอายใจ ในตอนนั้นนับว่าตระกูลจ้าวทำผิดต่อหลานสาว ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานนับสิบสองปี ถ้าตอนนี้ลักษณะนิสัยของหลานสาวอาจแปลกไปบ้างก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ


คุณย่านั้นยังคงโมโหไม่หาย เมื่อได้ฟังคำพูดของเหมยเหมย ยิ่งทำให้เธอก่นด่าอย่างไม่พอใจขึ้นมาอีก “ตอนนั้นก็เป็นเพราะไม่รู้ไม่ใช่หรือไง  พอรู้แล้วแกก็ยังต้องทนทุกข์อีกเหรอ!”


เหมยเหมยไม่ได้ต้องการจะพูดอะไรกับคุณย่าอีกต่อไป แก่แล้วก็ยิ่งเลอะเลือนช่างไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อเอาเสียเลย อีกอย่างความดื้อรั้นแบบนี้คงใช้ชีวิตอยู่ได้เพียงแค่วงล้อมหรือขอบเขตของเธอเพียงเท่านั้น ไม่มีทางเข้าใจคำพูดจากคนนอกที่ตักเตือนหรอก


ที่แท้ก็เป็นดั่งคำว่ากาลเวลาพิสูจน์คน ตอนแรกเธอคิดแค่ว่าคุณย่านั้นเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เป็นคุณย่าผู้อ่อนโยนที่ไม่มีใครเทียบได้!


เหมยเหมยหัวเราะเยาะให้กับตัวเธอเอง และพูดขึ้น “ถ้างั้นต่อไปนี้ก็ขอให้คุณย่าทำเหมือนไม่รู้อะไรต่อไปเถอะค่ะ!”


คุณย่ายังไม่ทันเข้าใจว่าที่เธอพูดหมายถึงอะไร แต่คุณปู่นั้นกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้ มันทำให้หัวใจของเขายิ่งจมดิ่งลึกลงไป


นี่หลานสาวของเขาต้องการจะห่างเหินกับตระกูลจ้าวหรือนี่!


คุณปู่หันไปจ้องคุณย่าตาเขม็ง  ยังคิดที่จะพูดจาอ่อนโยนกับเหมยเหมยอีกสักนิด แต่เหมยเหมยกลับไม่ได้ต้องการที่จะฟังอีกแล้ว เธอพูดกับคุณปู่ได้ไม่กี่คำ ก็เลือกที่จะหมุนตัวกลับแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเซียว


ในเวลานี้ เธอไม่ต้องการเห็นหน้าคนในตระกูลจ้าว!


“ตาแก่ ทำไมคุณถึงได้ปล่อยให้เหมยเหมยไปแบบนั้นล่ะ วันๆไปอาศัยอยู่บ้านคนอื่นแบบนั้นได้ที่ไหนกัน ไหนจะยังมีเรื่องของซานซานอีก ฉันยังไม่ได้ถามให้ชัดเจนเลย ยัยเด็กบ้านี่…” คุณย่าอยากออกไปตามตัวเหมยเหมยกลับมา


“เธอหยุดได้แล้ว!”


คุณปู่ลากคุณย่ากลับมาด้วยไฟโทสะที่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตะโกนใส่เธอด้วยความขุ่นเคือง


…………………………………………….


บทที่ 867 การโต้ตอบของหวงอวี้เหลียน


จ้าวเสวียหลินเดินตามหลังน้องสาวของตนไป ช่วงเวลานี้เขาไม่กล้าจะส่งเสียงพูดใด ๆ ออกมา คำพูดเมื่อครู่ของเหมยเหมยทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่ที่มีมากกว่านั้นคือความเสียใจ


ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้น้องสาวเขากลับบ้าน แต่คนในบ้านกลับทำให้เธอต้องผิดหวังเสียใจ!


ทั้งหมดเป็นเพราะเขาที่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเป็นพี่ที่ดีได้ และไม่อาจปกป้องน้องสาวได้!


จ้าวเสวียหลินเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนั้น เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ แข็งแกร่งถึงขั้นที่ใครหน้าไหนก็ไม่อาจกล้าที่จะเข้ามารังแกคนในครอบครัวของเขาได้ และยิ่งไม่กล้าที่จะรังแกน้องสาวของเขาอีกด้วย


“เหมยเหมย เธอเป็นคนตบตียัยแม่หมีสีน้ำตาลนั่นใช่ไหม?”


สยงมู่มู่เดินข้ามาใกล้ ด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ อย่างมีลับลมคมใน


เหมยเหมยมองเขาแค่แวบเดียวก็รู้ถึงความหมายที่แอบแฝงอยู่ จึงส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ “ไม่ใช่ ฉันจะไปตบตีหล่อนทำไม?”


ในเมื่อตอนที่อยู่ต่อหน้าหวงอวี้เหลียนเธอไม่ได้ยอมรับออกไป ถ้างั้นต่อหน้าของสยงมู่มู่ จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆก็ไม่ควรจะยอมรับออกไป เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มีแค่เธอกับเซียวเซ่อที่รู้ก็เพียงพอแล้ว


สยงมู่มู่ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ เขากลอกตาไปมาอยู่หลายครั้ง พร้อมกับหัวเราะเหอะๆ


“รู้แล้วรู้แล้ว เหมยเหมยไม่ได้เป็นคนทำ เป็นยัยแม่หมีสีน้ำตาลนั่นที่ไปมีเรื่องข้างนอกเอง เฮ้อ วันนี้ได้ระบายอารมณ์ช่างดีเสียจริง ๆ ยัยแม่หมีสีน้ำตาลก็มีวันนี้ด้วย!”


เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะสบถอย่างได้ใจ พร้อมกับกระดิกนิ้วไปทางสยงมู่มู่ ส่วนสยงมู่มู่นั้นก้มหน้าลงอย่างเชื่อฟัง เหมือนลูบหัวลูกสุนัข โดยเธอนั้นลูบหัวของเขาอย่างเบามือ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเบา “หลังจากนี้จะยังมีโอกาสได้ระบายอารมณ์อีกเยอะ นายอยู่เฉยๆรอดูละครฉากใหญ่ได้เลย!”


“ละครฉากใหญ่อะไร?” สยงมู่มู่ถามอย่างตื่นเต้น


“ความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้!”


สีหน้าของเหมยเหมยนั้นคาดเดาได้ยาก สยงมู่มู่นึกหมั่นเขี้ยวเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเธอได้เลย


เซียวเซ่อเองก็ตามมาลูบหัวเขาไปครั้งหนึ่ง พร้อมกับพูดเยาะเย้ย “เด็กน้อยจะถามมากไปทำไม นายทำตัวเป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้านไปเถอะ!”


สยงมู่มู่ไม่ยอมถอยให้เซียวเซ่อง่ายๆ ทั้งสองเถียงกันไปมาคนละประโยคสองประโยค ฟาดฟัดกันด้วยคำพูด ต่างคนต่างไม่ยอมให้กัน ช่างดูครึกครื้นไม่น้อย


วันถัดมา เซียวเซ่อได้โทรไปหาลูกน้องของคุณเฝิงต้า เพื่อสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับโอหยางซานซาน ซึ่งก็ไม่เกินที่เหมยเหมยคาดเดาไว้ เหตุการณ์เมื่อวานของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลโอหยาง หลังจากที่ถูกคนพาไปทำร้ายก็ถูกปล่อยทิ้งไว้บนถนน เป็นประเด็นให้ถกเถียงกันไปทั่วทั้งเมืองหลวง จนได้กลายเป็นบทสนทนาในวงน้ำชาไปเสียแล้ว


โดยเฉพาะสามัญชนคนชั้นล่างตามท้องตลาด พวกที่ชอบติฉินนินทาของคนในสังคมชั้นสูงนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับพวกเขามาก พวกเรื่องราวคาวหวานหลากสีแบบนี้ยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ


พวกเขากระพือกระจายข่าวออกไปอย่างสุดแรง ร่วมถึงช่วยกันราดน้ำมันเพิ่มสักนิด เติมน้ำส้มสายชูเพิ่มสักหน่อย ทำให้เรื่องราวที่เกิดนั้นยิ่งน่าสนใจ และทำให้คนอื่นๆ ได้รับอรรถรสอย่าถึงใจ


แต่สำหรับข่าวฉาวของเหมยเหมยก็เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เรื่องราวได้ถูกข่าวด่วนข่าวร้อนของโอหยางซานซานกลบไว้จนมิด ทุกคนต่างสนใจข่าวคาวชู้สาวของลูกสาวตระกูลโอหยางมากกว่า


ถึงอย่างไรข่าวลือของเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวก็นับเป็นเพียงแค่ข่าวที่ไร้ซึ่งหลักฐาน ไร้ซึ่งข้อเท็จจริง แต่เรื่องราวของโอหยางซานซานนั้นมีผู้พบเห็นเป็นจำนวนไม่น้อยเลย!


นับว่าเป็นความจริงไปเกือบแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว!


“เหมยเหมยเธอนี่เยี่ยมไปเลย ทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้” เซียวเซ่อพูดด้วยความตื่นเต้น ด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ


เหมยเหมยหัวเราะด้วยความมั่นใจ การที่เธอสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ช่างทำให้รู้สึกดีไม่น้อย เพียงแต่เธอรู้ดีว่าหวงอวี้เหลียนจะต้องไม่ยอมนั่งอยู่เฉยแน่


“พวกเราอย่าพึ่งดีใจไป หวงอวี้เหลียนจะต้องเอาคืนแน่ พวกเราต้องอยู่เงียบๆ รอดูความเคลื่อนไหวไปก่อน” เหมยเหมยนิ่งขรึมและพูดขึ้น


ในมือเธอนั้นมีเรื่องราวความเป็นจริงอยู่มาก มีอะไรให้ต้องกลัวล่ะ คนที่ต้องกลัวควรจะเป็นหวงอวี้เหลียนและโอหยางซานซาน


ชักอยากจะเห็นเหตุการณ์ที่พวกหล่อนถูกทุกคนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยราวกับหนูข้างถนนซะแล้ว!


ไม่ต้องรีบ ละครฉากเด็ดเพิ่งจะเริ่มขึ้น เธอจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับยัยชั่วทั้งสองนั่นเอง!


การโต้ตอบของหวงอวี้เหลียนถือว่ามาได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ หนังสือพิมพ์บางฉบับก็พาดหัวข่าวออกมา และข่าวที่ว่ายังเป็นข่าวที่แย่งความสนใจไปได้ไม่น้อย เพียงแค่กางหนังสือพิมพ์ ก็สามารถให้ความสนใจไปที่ข่าวนั้นได้เป็นอย่างดี


……………………………………………


บทที่ 868 เตรียมการขั้นที่สองได้แล้ว


แน่นอนว่าข่าวนั้นบอกข้อเท็จจริงที่จะช่วยล้างมลทินแทนโอหยางซานซาน  ใช้ตำแหน่งที่สำคัญขนาดนี้มาช่วยล้างความผิดให้กับลูกสาวของตนโดยเฉพาะ ดูเหมือนว่าโอหยางเซี่ยงหมิงนั้นจะรักใคร่โอหยางซานซานไม่น้อยเลย


แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่โอหยางเซี่ยงหมิงทราบว่าไข่มุกเม็ดงามที่เขาคอยประคบประหงมไว้นั้นไม่ใช่ลูกสาวของตน แต่ควรจะเรียกตัวเขาว่าคุณปู่นั้น ความรู้สึกของเขาจะเป็นเช่นไร?


หวังว่าในอนาคตอันใกล้นั้นใจของเขาจะเข้มแข็งมากพอ และสามารถยืนหยัดอยู่ได้!


ในเนื้อข่าวนี้ได้เขียนบรรยายถึงโอหยางซานซานเมื่อครั้งวัยเยาว์ว่าเป็นคนมีคุณธรรม และมีความดีเด่นในทุกด้าน เป็นเด็กผู้หญิงที่เพียบพร้อมสวยสง่าของทุกคน และบทความได้ชื่นชมโอหยางซานซานจนเกินเหตุถึงขั้นที่ว่าคนอย่างเธอมีอยู่เพียงแค่บนฟากฟ้า หาไม่ได้บนโลกมนุษย์


 โดยสรุปก็คือทั้งหวาเซี่ยนี้ไม่มีหญิงสาวคนไหนที่จะเป็นเลิศเทียบเท่ากับผู้หญิงอย่างโอหยางซานซานได้อีก


หญิงสาวผู้สง่างามและมีคุณธรรมถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเธอไม่มีทางทำเรื่องฉาวโฉ่ที่ทำลายชื่อเสียงของเธอเองได้ ในบทความบอกไว้เพียงแค่ว่าโอหยางซานซานถูกพวกต่ำทรามใส่ร้าย เป็นเพราะตัวเธอนั้นเก่งเกินไป จึงมักถูกเพื่อนในห้องที่ใจดำอำมหิตใส่ร้ายป้ายสี


นั่นเป็นเพราะโอหยางซานซานใจดีจนเกินไป ดังนั้นการใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องชั่วช้าของเด็กนักเรียนพวกนั้นจึงทำสำเร็จได้ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็เช่นกัน คนที่ใส่ร้ายเธอนั้นเป็นนักเรียนสองคน แต่ในบทความนั้นไม่ได้ระบุถึงฐานะของเหมยเหมยและเซียวเซ่อ หวงอวี้เหลียนไม่ได้กล้าถึงเพียงนั้น


สรุปแล้วคือหวงอวี้เหลียนนั่นสั่งให้บรรดานักข่าวตีพิมพ์ข่าวโอ้อวดจนดูเพ้อเจ้อเกินจริง ว่าต้องเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร สุดท้ายแล้ว…


นึกไม่ถึงว่าหวงอวี้เหลียนจะกล้าเปิดเผยผลวินิจฉัยจากแพทย์ ซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับโอหยางซานซานว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวคนโตของหวงฮวาจริงหรือไหม


เหมยเหมยที่ได้เห็นอักษรตัวโตที่ถูกพิมพ์ลงบนผลการวินิจฉัย แทบหลุดพ่นเสียงหัวเราะออกมา


หวงอวี้เหลียนนี่โง่เหมือนหมาที่ลนลานกระโดดข้ามกำแพงเสียจริง เรื่องโง่เง่าขนาดนี้ยังกล้าที่จะทำ!


เหมือนเป็นการยิ่งอยากปกปิด แต่กลับกลายเป็นการเปิดเผยให้คนทั้งโลกได้รับรู้ไม่ใช่หรือ!


การกระทำที่อยากจะปกปิดความชั่วเช่นนี้ มีแต่จะทำให้คนอื่น ๆ ต่างเข้าใจว่าโอหยางซานซานนั้นถูกล่วงละเมิดจริง ๆ อย่างที่มีคำพูดหนึ่งที่บอกไว้ว่ากินปูนร้อนท้อง หากว่าพวกเธอนั้นบริสุทธิ์ใจจริง ทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลย จะกลัวไปทำไมว่าคนอื่นจะรู้เข้า


ทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ ปกปิดนั่นนี่ ไม่ใช่คนร้ายก็เป็นดั่งหัวขโมย ซึ่งนั่นบ่งบอกได้ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลโอหยางมีเรื่องราวอื้อฉาว!


เหมยเหมยยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น ที่แท้หวงอวี้เหลียนก็มีดีเท่านี้เอง เรื่องราวต่าง ๆ เพิ่งจะเริ่มต้น แต่เธอกลับทำมันเละเทะไปเสียแล้ว!


แม้ว่าตัวเธอนั้นจะรู้ดีว่าถ้าใส่ใจต่อสิ่งไหนมักจะเป็นเหตุให้ต้องวุ่นวาย แต่เป็นเพราะเรื่องต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นกับลูกสาวสุดที่รักของเธอ ดังนั้นเธอจึงยินยอมที่จะทอดทิ้งความสงบที่เคยมีมา และตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมนัก


เป็นเพราะตัวเธอไม่ได้คาดหวังต่อสิ่งใด และเป็นเพราะไม่ได้ให้ความสนใจในชื่อเสียง ไม่ได้ให้ความสนใจต่อญาติพี่น้อง เพราฉะนั้นเธอจึงไม่ได้กลัวอะไรเลย!


“ฉันว่ายัยหวงอวี้เหลียนนี่ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ  ทำไมไม่บอกออกไปตรงๆ เลยล่ะว่าลูกสาวหล่อนน่ะเป็นจิ่วเทียนเสวีนหนี่[1]ลงมาจุติบนโลกมนุษย์!” ไฟโทสะในตัวเซียวเซ่อปะทุขึ้น เธอไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย


เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “จิ่วเทียนเสวียนหนี่แล้วจะทำไม ก็เหมือนเดิมอยู่ดี เซ่อเซ่อ พวกเราต้องเตรียมการแผนที่สองได้แล้วนะ”


“ลุยเลย!”


เซียวเซ่อขยับเข้าใกล้เธอด้วยความตื่นเต้น ทั้งคู่พูดเจื้อยแจ้วกันอยู่สักพัก จากนั้นจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม ที่แท้การทำเรื่องชั่วร้ายด้วยกัน เลยทำให้รู้ว่าพวกเขาก็นับว่ารู้ใจกันยิ่งนัก!


จ้าวเสวียหลินก็ได้เห็นบทความในข่าวนั้นแล้ว แต่เขากลับให้ความสนใจต่อน้องสาวของตนและเซียวเซ่อที่ส่งเสียงร้องดั่งปีศาจน้อย เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทั้งสองสาวนั้นกำลังคิดแผนการชั่วร้ายอยู่


เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกเหมยเหมยมองข้ามราวกับว่าเป็นคนนอก เขาเองก็อยากจะช่วยเหลือหรือทำอะไรให้น้องสาวได้บ้าง เพียงแต่เขาที่กำลังจะอ้าปากพูด…


“พี่คะ ความหวังดีของพี่หนูรับเอาไว้แล้ว อนาคตของพี่จะต้องสดใส พี่ไม่ควรจะมาแปดเปื้อนด้วยปัญหาส่วนตัวที่เป็นด้านมืดนี้!”


เหมยเหมยปฏิเสธจ้าวเสวียหลินไป เรื่องราวเหล่านี้เธอไม่ต้องการให้จ้าวเสวียหลินเข้ามาติดบ่วงไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอไม่ไว้ใจ แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย


อีกอย่างจ้าวเสวียหลินยังมีอนาคตอันสดใสรออยู่ และแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้พี่ชายมารับรู้ในสิ่งที่เธอทำลงไป เธอหวังเพียงว่าในใจของทุกคนในครอบครัวเธอจะยังคงรักษาความงดงามนั้นไว้ดังเดิม!


……………………………………………


[1] เทวนารี ซึ่งเป็นความเชื่อตามปรัมปราของชาวจีนและเป็นที่นิยมบูชาในลัทธิเต๋า


บทที่ 869 ความคิดถึงที่เกินปริมาณสามารถทำลายทุกอย่างได้


เหมยเหมยเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกเพื่อสร้างข่าวลือ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน เป็นสายจากบุคคลที่หายตัวไปหลายวันอย่างเหยียนหมิงซุ่น


“เหมยเหมย ฉันอยู่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลเซียว”


เหมยเหมยส่งเสียงร้องไปที วางหูโทรศัพท์แล้ววิ่งหน้าตั้งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกระเบิด ทำให้เซียวเซ่อและจ้าวเสวียหลินตกใจไปพร้อมๆ กัน แต่พอมองหาเหมยเหมยกลับไม่เห็นแม้แต่เงา อะไรที่ทำให้เธอต้องตื่นเต้นขนาดนั้น?


เหยียนหมิงซุ่นยืนพิงอยู่ตรงท้ายรถ มองดูประตูใหญ่ของตระกูลเซียวด้วยความคุ้นเคย ในเวลานี้เขาคิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้ฝันไป แต่เขาได้กลับมาแล้วจริงๆ !


อีกทั้งเรื่องราวไม่กี่วันมานี้ก็ไม่ใช่ความฝัน และเป็นเรื่องราวเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น


แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังคงเป็นเหยียนหมิงซุ่น แต่เขานั้นกลับมาพร้อมด้วยฐานะอื่น …


นั่นคือลูกบุญธรรมของเฮ่อเหลียนชิง และพี่น้องของเฮ่อเหลียนเซ่อ


ในความเป็นจริงนั้น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทราบถึงฐานะที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนชิง มองจากภายนอกก็ดูเหมือนจะเป็นแค่คนที่ไม่ชอบแกร่งแย่งชิงดีกับใคร รวมทั้งเป็นผู้ป่วยที่เข้าขั้นวิกฤต แต่เขากลับยังสามารถออกปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์ได้ และยังสามารถออกคำสั่งกับทหารหน่วยพิเศษในกองทัพ…


และยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ทำให้คนเกรงกลัวจนพูดไม่ออก เหยียนหมิงซุ่นรู้ดีว่าชายวัยกลางคนที่มีสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายอย่างเขา ต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


และตระกูลจ้าวนั้นเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย เพียงแต่เขาเองยังคิดแปลกใจ ตระกูลที่มีชื่อเสียงเลื่องชื่อในเมืองหลวงเหตุใดถึงไม่มีตระกูลเฮ่อเหลียนอยู่


เรื่องนี้เขาเคยถามกับพี่เฉิงมาแล้ว แต่พี่เฉิงก็ไม่ได้ตอบอะไรเขา บอกเพียงแค่ว่าอีกหน่อยเขาจะค่อย ๆ เข้าใจไปเองทีละน้อย


แต่พี่เฉิงยังได้พูดอีกหนึ่งประโยคขึ้นมา ของบางอย่างมีคนจงใจที่จะวางมันไว้ตรงหน้าเพื่อเป็นการดึงดูดสายตาผู้คน เพียงแต่ของล้ำค่าจริง ๆ นั้นกลับถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้


เหยียนหมิงซุ่นที่ได้ฟังก็เข้าใจในทันที หากตามที่คาดไว้ ตระกูลจ้าวนับเป็นดั่งของที่ถูกวางไว้ตรงหน้าเพื่อดึงดูดสายตา แต่ตระกูลเฮ่อเหลียนนั้นเป็นของล้ำค่าที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด


ในตอนนี้ของลำค่าตัวจริงได้กลายเป็นพ่อบุญธรรมของเขาไปแล้ว และถือว่าเป็นที่พึ่งพิงที่คอยสนับสนุนเขา


จู่ ๆ ก็ได้มีที่พึ่งพิงอันใหญ่โต ความรู้สึกของเหยียนหมิงซุ่นนั้นราวกับกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ จนถึงตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง


“พี่หมิงซุ่น!”


น้ำเสียงที่เฝ้าคำนึงถึงมาตลอดได้ปรากฏให้ได้ยินจากหน้าประตู ทุกวันคืนเฝ้าคะนึงห่วงหานางสตรีผู้เลอโฉม…


ไม่สิ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโมโห ใจของเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังล่องลอยได้ถูกลากกลับมาดังเดิม ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นเหมยเหมยแต่งตัวแปลกประหลาด


เสื้อผ้าสีดำสนิท ไม่เหมาะกับตัวเธอเลยสักนิด ยังมีกางเกงขากว้างตัวใหญ่นั่นอีก ไหนจะใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยหมวกอย่างมิดชิด ทำไมดูไปดูมาเหมือนกับพวกอันธพาลตามท้องถนนเสียได้ เจ้าหญิงตัวน้อยผู้งดงามของเขาไปไหนเสียเล่า?


“เหมยเหมยนี่เธอตั้งใจจะออกไปทำอะไร?”


เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึงอยู่หลายวินาที จากนั้นจึงรีบสาวเท้าเดินไปข้างหน้า และอุ้มเหมยเหมยให้ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ พร้อมกับออกรถในทันที เมื่อจ้าวเสวียหลินตามออกมา จึงเห็นเพียงแค่ตัวรถที่พุ่งทะยานออกไป รวมทั้งยังถูกตัวเขม่าควันรถที่พ่นกระจายใส่เต็มใบหน้า


เหมยเหมยเองก็รู้สึกแปลกใจ เหยียนหมิงซุ่นไปซื้อรถมาตอนไหน?


เธอก้มหน้ามองสำรวจตัวเอง พร้อมกับหัวเราะอย่างได้ใจ “ฉันเหมือนผู้ชายไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยความลุ่มหลง ส่งยิ้มจางๆให้เธอและพูดขึ้นว่า “ไม่เหมือน ผู้ชายที่ไหนจะเสียงเพราะขนาดนี้ ”


ในใจของเหมยเหมยหวานเจี๊ยบราวกับได้ดื่มน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เธอจ้องเขาด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด แต่ปากกลับพูดออกไปว่า “พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อนเสียจริง!”


เหยียนหมิงซุ่นขับรถมาถึงโรงน้ำชาหวังปา โรงน้ำชาแห่งนี้เป็นรังเก่าของพี่เฉิง ซึ่งเจ้าของตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังก็คือพี่เฉิงนั่นเอง มาถึงที่นี่แล้วจะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกลัวใครได้ยิน


นับว่าในตอนนี้เขาและพี่เฉิงเป็นดั่งตั๊กแตนที่ยืนอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน และในเวลานี้สามารถเชื่อใจได้แล้ว


“พี่หมิงซุ่น หลายวันมานี้พี่หายไปไหนมา? โทรศัพท์ก็ไม่รับสักสาย ฉันร้อนใจจะตายอยู่แล้ว…”


เหยียนหมิงซุ่นได้พาเหมยเหมยมายังห้องวีไอพี ประตูยังไม่ทันได้ปิดสนิท เขาก็ผลักเหมยเหมยให้ติดเข้าที่กำแพง ปิดปากเล็กๆ ของเธออย่างไม่มีหยุดพัก เพื่อระบายความคิดถึง!


…………………………………………….


บทที่ 870 ลูกท้อดิบๆก็อร่อย


คำถามมากมายที่เหมยเหมยมีอยู่นั้นได้ถูกความเร่าร้อนของเหยียนหมิงซุ่นสกัดคืนกลับไป เธอยืนพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง สองมือจับประคองเข้าที่เอวอันผอมเพรียวแต่แข็งแกร่ง ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนแทบยืนไม่อยู่


รสจูบของเหยียนหมิงซุ่นนั้นราวกับพายุสายฝนกระหน่ำก็มิปาน หล่นร่วงลงมาบนริมฝีปากของเธอ บนคิ้ว บนดวงตา และบนใบหน้า… รุกรามไปถึงช่วงกกหูของเธอ และช่วงลำคอ…


ความเร่าร้อนนั้นมีมากเสียยิ่งกว่าความร้อนระอุของเปลวไฟ ซึ่งเกือบจะทำให้เหมยเหมยหลอมละลายไปได้ เธอไม่แม้แต่จะคิดไตร่ตรอง…


พนักงานประจำโรงน้ำชาได้ยกโถน้ำชาพร้อมกับเดินขึ้นตึกมาด้วยความรื่นเริง ผู้ที่มาเยือนเป็นถึงแขกวีไอพีของเจ้านาย เขาจะต้องต้อนรับให้ดีเสียหน่อย เพียงแต่…


เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู เด็กเสิร์ฟก็ชะงักฝีเท้าลง ใช่ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มวัยแรกแย้มที่ไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไร ความเคลื่อนไหวอันอบอุ่นภายในห้องนั้น เขาแค่ได้ยินก็รับรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น


เด็กเสิร์ฟได้หยุดฝีเท้าลงด้วยความสนใจใคร่รู้ ทำหูผึ่งแอบฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พลางลอบถอนหายใจอย่างปลง ๆ


โถ่ ความเคลื่อนไหวในนั้นช่างรุนแรงนัก ไม่ใช่ว่าแค่ครู่เดียวก็ทำเป็นเรื่องอย่างว่านั่นเลยใช่ไหม?


เพียงแต่ความชื่นชอบของลูกค้าวีไอพีของเจ้านายนี่ช่างพิเศษนัก ทั้ง ๆ ที่รูปร่างหน้าตาดูเป็นคนมีความสามารถ แต่กลับชอบเด็กหนุ่มที่ดูไม่เข้าท่านัก เมื่อครู่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคนที่ลูกค้าวีไอพีลากแขนขึ้นตึกไปนั้นเป็นเด็กชายวัยสิบสี่สิบห้าปี


เขาได้ยินมาตั้งแต่แรกแล้วว่าในสังคมของพวกชายหนุ่มนั้นเล่นรักกับพวกผู้หญิงจนเบื่อหน่าย ความนิยมที่เกิดขึ้นคือการเที่ยวเล่นกับพวกโสเภณีชาย ดูเหมือนว่าข่าวลือนี้จะเป็นเรื่องจริง!


ที่แท้พวกผู้ชายที่มีเงินก็ยังคิดไม่ได้ ทางน้ำดี ๆ มีให้เดินก็ไม่เดิน แต่คิดจะเดินในทางที่แห้งแล้ง ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ!


เด็กเสิร์ฟส่ายหน้าไปมาแล้วเดินลงมาชั้นล่าง แต่กลับเห็นเข้าว่าเจ้านายตนได้มาถึงแล้ว จึงตั้งอกตั้งใจเข้าไปให้การต้อนรับในทันที


“แล้วเขาล่ะ?” พี่เฉิงชี้ไปยังรถจอดอยู่ในสวนแล้วถามขึ้น


เด็กเสิร์ฟชี้ไปยังด้านบนของร้าน แล้วพูดด้วยเสียงเบา “เจ้านายอย่าพึ่งขึ้นไปเลย คุณลูกค้าวีไอพีพาโสเภณีชายขึ้นไปทำธุระอยู่ด้านบน อีกสักพักคุณค่อยขึ้นไปจะดีกว่า”


พี่เฉิงคิ้วกระตุกไม่หยุด โสเภณีชาย?


เหยียนหมิงซุ่นมีความชอบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


ภายในห้องวีไอพี เหยียนหมิงซุ่นโอบอุ้มเหมยเหมยที่ร่างกายอ่อนปวกเปียก คางของเธอเกยไว้ตรงไหล่ของเขา ทั้งคู่ต่างไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะเอ่ย เพียงแค่ร่วมแบ่งปันความเงียบที่หาได้ยากให้แก่กัน


ไม่ง่ายเลยกว่าที่เหยียนหมิงซุ่นจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้สงบนิ่งได้ จากนั้นก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “ถ้าเหมยเหมยโตให้ไวกว่านี้ก็คงจะดี!”


แน่นอนว่าเหมยเหมยเข้าใจประโยคนี้ดี เมื่อครู่การตอบสนองจากสรีระร่างกายของเหยียนหมิงซุ่น เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง เธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย


เหตุใดถึงไม่ให้เธอกลับมาเกิดในช่วงอายุยี่สิบปี?


สิบแปดปีก็ได้นี่!


ตอนนี้ด้วยกระดูกร่างกายเล็กน้อยเพียงนี้ แม้แต่จะจูบอย่างเร่าร้อนกับแฟนยังนับว่ามีขีดจำกัด เหมยเหมยจึงก้มหน้าลงและมองดูสิ่งที่นูนขึ้นมาตรงหน้าเพียงเล็กน้อย เมื่อวานเธอยังแอบหัวเราะเยาะเซียวเซ่ออยู่เลย ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ดีกว่าว่างไจ่เสียวหมั่นโถวมากกว่าหน่อยเอง


“ฉันไม่โตพี่ก็จูบได้อย่างเมามันไม่แพ้กันนี่!”


เหมยเหมยกรอกตามองบนใส่เหยียนหมิงซุ่นไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้รังเกียจที่เธอยังเล็ก แต่เมื่อครู่นี้กัดอย่างออกรสออกชาติดีทีเดียว!


เหยียนหมิงซุ่นชอบท่าทีตอนเจ้าเด็กแสบโมโหเขา ทั้งดูเอาแต่ใจและดูสวย มองยังไงก็ไม่มีเบื่อ เขายื่นนิ้วออกไปดีดเนื้อตรงส่วนจมูกของเด็กสาว จากนั้นอุ้มเหมยเหมยขึ้นมาแล้วพานั่งลง โดยไม่ยินยอมที่จะปล่อยมือออก ได้แต่กอดไว้อยู่แบบนั้น


อีกไม่กี่วันเขาก็จะต้องไปเขตฝึกซ้อมแล้วเขาทำใจห่างเธอไม่ได้จริงๆ !


“ลูกท้อดิบ ๆ นั้นก็มีความอร่อยของมันอยู่ พอสุกแล้วก็มักจะได้รสชาติที่ดีขึ้นกว่าเดิม!”


เหยียนหมิงซุ่นพลันนึกถึงคำพูดที่โอหยางปินพูดในหอประชุม จึงพูดโพล่งออกมาอย่างไม่คิด


เหมยเหมยกระพริบตาปริบ ๆ ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ถึงเข้าในใจความหมาย เธอทั้งเขินอายและพาลโมโหไปด้วย จากนั้นก็มุดเข้าหาอกและฟัดเหยียนหมิงซุ่น ส่วนเหยียนหมิงซุ่นนั้นก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด ทำเพียงแค่หัวเราะร่า และปล่อยให้เธอนึกทำอย่างใจชอบ


พอก่อความวุ่นวายได้สักพัก หมวกบนหัวของเหมยเหมยก็หลุดลง เส้นผมราวไยไหมแตกกระจาย ปกคลุมทั่วใบหน้า


เหยียนหมิงซุ่นจึงช่วยรวบผมแทนเธอ พลางหัวเราะและถามออกมา “เหมยเหมยแต่งตัวแบบนี้ต้องการจะไปขอข้าวใครกินเหรอ?”


…………………………………………


ตอนที่ 871 ความยินดีของเหยียนหมิงซุ่น


เหมยเหมยมองค้อนเขาอย่างน่ารักและฮัมเพลงเบา ๆ “แค่ไปขออาหาร”


”เด็กขอทาน……” เหยียนหมิงซุ่นจิ้มหน้าผากของเธอ


เหมยเหมยส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก้มตัวกระซิบข้างหูของเขาพูดหยอกล้อว่า “เมื่อครู่พี่ยังเพิ่งจะจูบเด็กขอทานอยู่เลยนะ?”


เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วขึ้น แย่แล้ว คาดไม่ถึงว่าเด็กน้อย ชักจะเอาใหญ่แล้ว กล้าที่จะลวนลามเขาเสียด้วย


เหยียนหมิงซุ่นที่รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาดึงเหมยเหมยไว้ แล้วกัดริมฝีปากของเธออย่างแรงหนึ่งที แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจพร้อมพูดว่า “ชอบกัดเด็กขอทานน้อยมากกว่า”


เหมยเหมยลูบปากตัวเองอย่างเจ็บปวด แล้วถลึงตาใส่ไปที ไอ้คนนิสัยไม่ดี ยิ่งนานวันจะยิ่งร้ายกาจเกินไปแล้วจริง ๆ ……


ทั้งสองคนตีกันอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงพนักงานร้านน้ำชายืนเรียกอยู่หน้าประตู เหยียนหมิงซุ่นให้เขาเข้ามา เหมยเหมยเกิดอาการขวยเขิน คิดอยากจะผละออกมาจากอ้อมกอดของเขา แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับโอบเอาไว้แน่น เธอจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด


“พี่รีบปล่อยฉันนะ  มันจะทำให้คนที่เห็นลำบากใจเสียเปล่า ๆ นะ” เหมยเหมยพูดอย่างโมโห


เหยียนหมิงซุ่นสงบนิ่งเหมือนภูเขา “ไม่เป็นไร พนักงานเขาไม่กล้ามองเยอะหรอก”


ตอนนี้เหมยเหมยถึงได้ค้นพบว่า เหยียนหมิงซุ่นที่ไม่ได้พบเจอมาหลายวันเหมือนมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเหมือนจะสุขุมเด็ดเดี่ยวขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วก็ยิ่งดูเข้มแข็งมากขึ้นด้วย……


พนักงานโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มเดินเข้ามา ไม่ได้มองไปทางด้านข้าง รินน้ำชาให้พวกเขา แถมยังรู้ใจหยิบถ้วยน้ำชามาเพียงใบเดียว เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างชื่นชม คนที่พี่เฉิงสั่งสอนฝึกฝนช่างรู้งานเสียจริง ๆ


 “นายออกไปก่อนเถอะ มีอะไรเดี๋ยวฉันจะเรียกนายเอง”


เหยียนหมิงซุ่นพูดเบา ๆ พนักงานก็ตอบรับอย่างเคารพนอบน้อม เดินออกไปอย่างเงียบเชียบ แถมยังปิดประตูให้อีกด้วย


พอพนักงานออกไปแล้ว เหมยเหมยถึงเงยหน้าออกมาสังเกตมองสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ  นับว่าเป็นห้องที่หรูหราเป็นเอกลักษณ์มาก มองแล้วรู้เลยว่าเจ้าของร้านน้ำชาต้องเป็นคนที่มีรสนิยม


อีกทั้งร้านน้ำชาร้านนี้ก็ตั้งอยู่ในซอยใจกลางเมืองที่คึกคักที่สุด ภายนอกดูเล็กคับแคบ แต่ข้างในกลับสวยงามเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง แถมพื้นที่ก็ใหญ่มาก


คล้ายเรือนสี่ประสานที่อยู่ย่านใจกลางเมืองอันคึกคัก  และมีพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ ผ่านไปอีกสิบปีก็เป็นเหมือนกับภูเขาทอง ซึ่งอิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นล้วนต้องใช้ทองคำมาแลกเท่านั้น!


คิดถึงชาติที่แล้วเรือนสี่ประสานในเมืองหลวงราคาพุ่งสูงมาก ทำเอาเหมยเหมยใจเต้น รอจัดการเรื่องของหวงอวี้เหลียนเสร็จก่อน เธอจะไปดูบ้านพวกนี้รวบรวมเก็บไว้ดีกว่า ซื้อตอนนี้ยังไม่แพง ถ้ารอผ่านไปอีกสองสามปีก็คงไม่ง่ายขนาดนี้แล้ว


“เหมยเหมยคิดอะไร? ดื่มชาหน่อย ชาที่นี่ไม่เลวเลย”


เหยียนหมิงซุ่นเอาชาที่เย็นชืดจ่อที่ปากของเหมยเหมย เธอดื่มไปครึ่งถ้วย เหลือไว้อีกครึ่งให้เหยียนหมิงซุ่นดื่มต่อ แล้วรินเติมไว้เพื่อรอให้เย็น


“พี่หมิงซุ่น หลายวันมานี้พี่ไปไหนมา? เอ๊ะ……มือของพี่เป็นอะไรมาเหรอ?”


เหมยเหมยค้นพบว่าบนมือและแขนของเหยียนหมิงซุ่นมีรอยแผลที่เพิ่งสมานตัวกันอยู่หลายที่ เห็นได้ชัดว่าเป็นแผลใหม่ รอยแผลยังแดงอยู่ เธอเลยจับมือเหยียนหมิงซุ่นไว้อย่างปวดใจ


เหยียนหมิงซุ่นดึงมือกลับมาดูโดยไม่ยี่หระ แล้วพูดปลอบใจว่า “ก็แค่แผลถลอกนิดหน่อยเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องของพี่อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน  เธอบอกพี่ก่อนว่าใส่แบบนี้วางแผนว่าจะทำอะไร?”


เหมยเหมยก็ไม่ได้ปกปิด  จึงเล่าเรื่องที่หวงอวี้เหลียนใส่ความเธอให้ฟัง “ฉันกับคุณย่าทะเลาะกัน และฉันจะไม่กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวอีกแล้ว ตอนนี้ฉันเลยพักอยู่ที่บ้านของเซ่อเซ่อ”


เหยียนหมิงซุ่นมองออกถึงความเจ็บปวดภายใต้การแสดงออกว่าไม่เป็นไรของหญิงสาว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา ว่าเหมยเหมยมีความปรารถนาดีและห่วงใยต่อครอบครัวมากขนาดไหน


ตระกูลจ้าวทำให้เขาผิดหวังมากเกินไปแล้ว!


ตระกูลจ้าวเป็นแบบนี้จะพูดเรื่องปกป้องเหมยเหมยได้อย่างไร?


คำพูดของพี่เฉิงวันนั้นดังขึ้นข้างหูของเขาอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกดีอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้ที่ตอนนี้เขาได้อยู่เหนือกว่าแล้ว


ตอนนี้เขาเป็นถึงลูกบุญธรรมของเฮ่อเหลียนชิง ขอแค่เขาทำตัวดี ๆ เขาจะสามารถสู้ชนะเฮ่อเหลียนเช่อได้แน่ ๆ แล้วก็สามารถปกป้องเหมยเหมยของเขาได้!


…………………………………………


ตอนที่ 872 เหมยเหมยที่โม้อย่างลำพองใจ

โดย

Ink Stone_Romance

เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบใจว่า “เหมยเหมยอย่าทุกข์ใจไปเลย วันหลังก็ไม่ต้องไปใส่ใจพวกเขาแล้ว เธอยังมีพ่อแม่ ยังมีพี่นะ”


เหมยเหมยพยักหน้า พูดอย่างโมโหว่า “อืม ฉันก็คิดแบบนี้แหละ ปิดเทอมคราวหน้าฉันก็จะไม่มาเมืองหลวงอีกแล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้ม ไม่มาเมืองหลวงนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก จ้าวอิงหัวมีสถานะเป็นลูกชายของตระกูลจ้าว ถ้าเวลาปกติไม่กลับก็ได้ แต่ถ้าเทศกาลตรุษจีนคงหนีไม่พ้น


“เหมยเหมยแค่รู้แก่ใจตัวเองก็พอแล้ว ให้จำคำของพี่ไว้ให้ดี ๆ ไม่ว่าใครก็ตามอย่าไปหลงเชื่อ นอกจากตัวของเธอเอง แม้แต่พ่อแม่ของเธอก็อย่าไปเชื่อมาก”


เหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้แม้กระทั่งจ้าวอิงหัวคู่สามีภรรยาก็ไม่อาจเชื่อได้สนิทใจแล้ว แม้สองคนนี้ไม่มีทางทำร้ายเหมยเหมยแน่นอน   แต่ก็ยากที่จะรับประกันว่าพวกเขาจะไม่โดนคนหลอกใช้ อาจทำให้ความหวังดีกลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายได้


เหมยเหมยเชื่อฟังคำพูดและยอมที่จะทำตามคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น ต้องพูดว่าบนโลกใบนี้คนที่สามารถทำให้เธอทุ่มเทความเชื่อใจได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็มีเพียงแค่เหยียนหมิงซุ่นเท่านั้น


ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่น เธอถึงได้กล้าวางใจได้อย่างแท้จริง  ไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน และแสดงด้านที่ดีและไม่ดีของตัวเองออกมาได้ทั้งหมด เว้นแต่เรื่องฉิวฉิว


“พี่หมิงซุ่น พี่รู้ไหมว่าฉันแก้แค้นยังไง……”


เหมยเหมยเล่าเรื่องเมื่อวานที่เธอลงโทษโอหยางซานซานอย่างลำพองใจ เธอเล่าโดยไม่ปิดบังเลยสักนิด แต่กลับลืมเลือนไปบ้างนิดหน่อย ——


เหยียนหมิงซุ่นมองเด็กน้อยที่ดูลำพองใจบนชัยชนะอย่างสนใจ สองปีก่อนอยู่ดี ๆ อู่เยวี่ยก็มีกลิ่นตัว ทำร้ายอู่เยวี่ยจนดูไม่จืด ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะรู้สึกว่ากลิ่นตัวจะมากะทันหันไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร แต่ตอนนี้ดูแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเด็กน้อยคนนี้นี่เอง!


แน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกว่าที่เหมยเหมยทำแบบนี้เป็นสิ่งผิดก กลับกันเขายังดีใจเสียด้วยซ้ำ สองปีก่อนเหมยเหมยไม่ยินยอมที่จะบอกเรื่องราวจริง ๆ กับเขาโดยตรง แต่ตอนนี้กลับกล้าที่จะพูดออกมาแล้ว


แสดงให้เห็นว่าในใจของเด็กน้อย เขาน่าไว้วางใจและน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ !


ที่แท้เด็กสาวที่ทำให้คนอื่นอับอายก็คือเธอนี่เองแม่สาวน้อยร้ายกาจ!” เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่หนังสือพิมพ์บนโต๊ะพูดหยอกล้อ


เหมยเหมยแค่นเสียงหึออกมา  “หวงอวี้เหลียนยังคิดที่จะล้างมลทินให้ลูกสาวของเธอ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ฉันยังมีอุบายหลังจากนี้อีก”


“ไหนพูดมาให้ฟังสิ ดูหน่อยว่าเหมยเหมยของพี่เก่งมากขนาดไหน” เหยียนหมิงซุ่นแสดงท่าทางแคะหูเตรียมฟัง ทำเอาเหมยเหมยมองบนใส่ แต่เธอก็แสดงท่าทีชอบใจอย่างรวดเร็ว


“ฉันรู้ความลับใหญ่มากมาหนึ่งเรื่อง หวงอวี้เหลียนและลูกเลี้ยงของเธอโอหยางปินมีความสัมพันธ์ชู้สาวกัน อีกทั้งโอหยางซานซานก็ไม่ใช่ลูกสาวของโอหยางเซี่ยงหมิง แต่เป็นหลานสาวของเขา เธอคือปีศาจร้าย!”


เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง  เรื่องที่อยู่ตรงหน้านี้เขารู้มานานแล้ว แต่เรื่องที่โอหยางซานซานเป็นลูกสาวของโอหยางปินเขานึกไม่ถึงจริง ๆ สองคนนี้ช่างใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้   ไม่เพียงแต่ทำเรื่องผิดศีลธรรม ยังกล้าคลอดปีศาจร้ายออกมาอีก!


เขามองพินิจพิจารณาไปบนชุดสีเทาอึมครึมไม่เตะตาที่เธอใช้ปลอมตัวอยู่หลายครั้ง ในใจพลันรู้ในทันที  จึงพูดยิ้มๆว่า “ดังนั้นเธอก็เลยวางแผนไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อเรื่องนี้?”


“ใช่ ฉันอยากจะให้ทุกคนรู้ว่าหวงอวี้เหลียนเป็นคนแบบไหน ให้เธออยู่บ้านตระกูลโอหยางต่อไปไม่ได้” เหมยเหมยยอมรับ


เหยียนหมิงซุ่นอยากจะเตือนสติเธอว่าเรื่องคงไม่ง่ายขนาดนั้น เหมยเหมยดูออกว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เลยหยิบจดหมายซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ ส่งให้กับเหยียนหมิงซุ่น แต่ก็แย่งกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบรูปถ่ายออกมา ใช้มือปิดส่วนสำคัญของหวงอวี้เหลียน ถึงจะยื่นให้เหยียนหมิงซุ่นดู


”นี่ ฉันน่ะมีหลักฐานนะ ถึงตอนนั้นฉันก็เอารูปภาพพวกนี้พิมพ์ออกมาเป็นพันเป็นหมื่น ให้ขอทานทั้งเมืองส่งเป็นใบปลิว ดูว่าหวงอวี้เหลียนยังจะพูดอะไรดี ๆ ได้อีก”


เหยียนหมิงซุ่นมองเพียงแค่แวบเดียวก็รู้ว่าผู้ชายผู้หญิงโป๊เปลือยบนรูปภาพคือหวงอวี้เหลียนและโอหยางปิน คนที่ถ่ายรูปมีความสามารถที่เหนือชั้นมาก และความใจกล้าของสองคนนี้ก็มีมากพอสมควร แม้กระทั่งผ้าม่านก็ยังไม่ปิด รูปภาพถ่ายที่ชัดเจนกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว


เพียงแต่ในไม่ช้าสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อย ยื่นมือไปปิดตาของเหมยเหมย และพูดอย่างโมโหว่า “เหมยเหมยไม่ต้องดูแล้ว!”


ของสกปรกขนาดนี้ อย่าให้ดวงตาของเด็กน้อยแปดเปื้อนจะดีกว่า!


……………………………………….


ตอนที่ 873 ห้ามดู


 เหมยเหมยดึงมือของเหยียนหมิงซุ่นออกอย่างเอือมระอา  ชี้ไปที่โอหยางปินพูดอย่างเหยียดหยามว่า “คนขี้หื่นแบบนี้ ให้ดูฟรียังไม่อยากดูเลย ฉันกลัวเป็นตากุ้งยิง”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างพอใจ เห็นเหมยเหมยบังตัวหวงอวี้เหลียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ตั้งใจหยอกเล่นว่า “เหมยเหมยเธอทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรม มีแต่เธอที่ดูได้ แต่พี่ห้ามดูงั้นหรอ?”


เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาอย่างแรง พูดอย่างโหด ๆ ว่า “ดูอะไร? มีอะไรน่าดูฮะ มีแต่ไขมันทั้งนั้นแหละ อ้วนอย่างกับหมู ห้ามดู!”


ถ้าอยากดูวันหลังก็สามารถดูได้แค่ของเธอเท่านั้น!


แน่นอนว่าต้องหลังจากที่เธอโตก่อน ตอนนี้สัดส่วนยังเหมือนเด็กเล็กขนาดเท่าหมั่นโถวเล็ก ๆ อยู่เลย เธอยังเอามาโชว์โอ้อวดไม่ได้


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะจนเจ็บท้องจะตายอยู่แล้ว เด็กน้อยของเขาทำไมน่ารักได้ขนาดนี้!


“ได้ พี่ไม่ดู……วันหลังดูแต่ของเหมยเหมย……” ประโยคหลังเหยียนหมิงซุ่นพูดใกล้ ๆ หูของเหมยเหมย พูดด้วยเสียงเบา น้ำเสียงยั่วเย้านิดหน่อยแถมยังมีความคาดหวังรอคอยนิด ๆ


‘ตู้ม’


เลือดทั้งตัวพุ่งขึ้นมาบนหัวและไหลลงมาอีกครั้ง ทั้งตัวของเธอเหมือนกับกุ้งโดนต้มสุกยังไงอย่างนั้น แดงซ่านไปทั้งตัว เหมือนกับเลือดจะออกมาก็ไม่ปาน ในใจกลับกรีดร้องเสียงดังก้อง……


เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ใช่คนที่อ่านใจคนได้เสียหน่อย?


ทำไมถึงได้รู้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่?


เหยียนหมิงซุ่นมองคนที่รีบหดตัวลีบเล็กแทบไม่ทันอย่างขบขัน หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาเหมือนนกที่กำลังกลัวจนหัวหด หญิงสาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกเสียจริง   ถ้าแสดงออกมาก็กระตือรือร้นมากกว่าผู้ชาย แต่พอเขินอายขึ้นมากลับเหมือนกับต้นนางอายเสียอย่างนั้น เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาอย่างรุนแรง


ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เขายังไม่ได้พูดอะไรเลย!


แค่เพียงคำพูดในใจของเขาเท่านั้นเอง……


“เหมยเหมยรีบยืดตัวขึ้นมา เล่าแผนการให้พี่ฟังสิ” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะแล้วดึงเหมยเหมยที่แกล้งตายขึ้นมา


เหมยเหมยถลึงตาใส่เขา ดื่มชาทั้งแก้วจนหมดถ้วย ถึงจะพูดแผนการของเธอออกมาได้ เดิมเธอก็อยากใช้ประโยชน์จากเรื่องกลิ่นตัวเหม็น ๆ


เพราะว่าโอหยางซานซานเป็นมารหัวขนที่สวรรค์ไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้ว


ประโยคนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ถึงอย่างไรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนบนโลกต่างก็พูดกันแบบนี้ คนที่เชื่อก็มีมากมาย ดังนั้นเธอก็จะเอาเรื่องกลิ่นตัวเหม็น ๆ ที่เกิดขึ้นกะทันหันของโอหยางซานซานนี่แหละ พูดให้กลายเป็นเรื่องที่สวรรค์ตักเตือนนังลูกที่เกิดจากชู้


พูดแบบนี้แน่นอนว่ามันดูน่าเหลวไหลมาก แต่แล้วมันจะเป็นอย่างไร?


ขอแค่เพียงมีคนเชื่อก็พอแล้ว!


ที่สำคัญที่สุดก็คือโอหยางเซี่ยงหมิงจะต้องเชื่อแน่นอน รอเขารู้ว่าลูกสาวสุดที่รักของตัวเองเป็นมารหัวขนที่เกิดจากลูกชายและภรรยาของเขา ความโกรธอย่างรุนแรงในใจของเขา น่าจะร้อนระอุยิ่งกว่าแรงระเบิดภูเขาไฟอีกมั้ง!


เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่หน้าบานเป็นกระด้งอย่างชื่นชม ผู้หญิงของเขายอดเยี่ยมขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!


“ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เหมยเหมยของพี่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นชมเชยไม่หยุด เหมยเหมยภูมิใจจนส่งเสียงฮึอย่างทะนงตัว ดวงตาเป็นประกายวาววับ เธอรู้อยู่แล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นจะต้องให้การสนับสนุนเธอ


“เหมยเหมยเพียงแค่บงการอยู่ในบ้านก็พอแล้ว เรื่องวิ่งเต้นมอบให้เป็นหน้าที่พี่ไปทำเถอะ พี่จะต้องช่วยเธอทำอย่างเหมาะสมถูกใจแน่นอน”


เหยียนหมิงซุ่นตัดใจให้เหมยเหมยไปเผชิญอันตรายด้วยตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เขามีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างใหญ่หลวง เป็นธรรมดาที่ควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์สักครั้งหนึ่ง


เหมยเหมยเห็นใบหน้าท่าทางของเขาที่เชื่อมั่นในตัวเธอ ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงแต่กำชับให้เขาระวังตัวหน่อยก็เท่านั้น รูปภาพของโอหยางซานซานเธอไม่ได้หยิบออกมา เมื่อวานได้สั่งสอนโอหยางซานซานไปพอสมควรแล้วล่ะ


ตอนนี้ศัตรูคนสำคัญของเธอก็คือหวงอวี้เหลียน ส่วนโอหยางซานซาน ขอเพียงแค่เธอเชื่อฟังเป็นเด็กดี รูปภาพพวกนี้เธอก็จะไม่เอาออกมาอีกเลยตลอดชีวิต แต่ถ้าหากเธอยังไม่เชื่อฟังกันล่ะก็ อย่ามาหาว่าเธอไม่เกรงใจก็แล้วกัน!


ส่วนสำหรับคนที่ดิ้นพล่านอยู่ไม่เป็นสุข จุดอ่อนในมือก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากเช่นกัน!


นั่งอยู่ในอ้อมกอดของเหยียนหมิงซุ่นเหมยเหมยรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตัวของเหยียนหมิงซุ่นร้อนราวกับไฟ ร้อนจนเธอก็ร้อนขึ้นมาด้วย ต่อให้อุ้มฉาฉาก็ไม่มีประโยชน์


“ฉันอยากจะลงไป ร้อนจะตายอยู่แล้ว”


เหมยเหมยส่งเสียงออดอ้อนเบา ๆ ดิ้นเต้นไปมาอย่างไม่เป็นสุขอยู่บนขาของเหยียนหมิงซุ่น ดิ้นเต้นจนดวงตาของคนบางคนยิ่งเคร่งขรึมลงเรื่อย ๆ ร่างกายก็ยิ่งร้อนรุ่มขึ้นไปอีก


…………………………………………


ตอนที่ 874 จินตนาการอันกว้างไกล


เหยียนหมิงซุ่นสูดลมหายใจเข้า แล้วใช้แรงล็อคตัวเหมยเหมยไว้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า: “เหมยเหมยอย่าขยับ…”


เจ้าปีศาจน้อยตัวนี้ ดูท่าชาติที่แล้วเขาคงทำกรรมอะไรไว้กับเธอจริง ๆ


เขาคงต้องไปฝึกฝนมาอย่างจริงจังสักที ไม่เช่นนั้นเจ้าปีศาจน้อยตัวนี้คงจะได้ทรมานเขาอยู่ร่ำไป เขากลัวเสียจริงว่าวันหนึ่งเขาจะทนไม่ได้อีกต่อไป


เหมยเหมยขยับตัวไปโดนแท่งแข็ง ๆ อะไรบางอย่าง หล่อนตกใจจนตัวแข็งไม่กล้าขยับ รีบซุกหน้าเข้าไปในอกของเหยียนหมิงซุ่น ในหัวของหล่อนเอาแต่จินตนาการไปถึงภาพของแท่งแท่งนั้น


อันนี้ช่วยไมได้จริง ๆ มันเป็นธรรมชาติของจิตรกร เวลาจิตรกรไม่ว่าจะเห็นสิ่งสิ่งใด ความรู้สึกแรกก็จะต้องคิดว่า จะวาดมันออกมาอย่างไร ฉะนั้นเวลาสัมผัสโดนสิ่งของอะไรบางอย่าง แน่นอนก็ต้องคิดว่าของสิ่งนั้นมีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร


ในตอนนี้เหมยเหมยกำลังคิดฟุ้งซ่าน แน่นอนว่าเธอเคยเห็นแท่งนั้นของพวกผู้ชาย แต่ไม่ใช่ของเหมยซูหาน เพราะเธอกับเหมยซูหานไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น ครั้งแรกและครั้งเดียวคือตอนที่ไฟดับในความมืด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น


เธอเคยเห็นมันในภาพวาดสมัยเรเนสซองส์  สมัยนั้นนิยมวาดภาพเปลือยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพหญิงหรือชาย ล้วนแล้วแต่เปลือยทั้งนั้น ไม่เปลือยทั้งตัว ก็เปลือยครึ่งตัว


อีกทั้งยังมีพวกรูปปั้น ส่วนนั้นของผู้ชายมักจะถูกปั้นโดยประณีต ดูมีพลังน่าเกรงขาม เธอก็เห็นพวกนั้นมาไม่น้อย


เหมยเหมยลองจินตนาการถึงแท่งที่สัมผัสโดนบั้นท้ายของเธอเมื่อครู่ รู้สึกว่ามันค่อนข้างใหญ่ หน้าเธอแดงขึ้นอีกครั้ง แต่ในหัวของเธอกลับหยุดคิดเรื่องนั้นไม่ได้เลย มันจะเซ็กซี่เหมือนกับของรูปปั้นเดวิดไหมนะ


หรือว่าจะน่าดึงดูดสายตาเหมือนกับลูกกระเดือกของพี่หมิงซุ่นนะ


เหมยเหมยยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอาย ยิ่งคิดยิ่งเห็นภาพชัดเจน เธอรู้สึกรำคาญตัวเอง พยายามบังคับตัวเองไม่ให้คิดต่อไป คิดแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ในหัวจะคิดภาพไม่ดีของพี่หมิงซุ่นได้อย่างไรกัน


ไม่สมควรเลยจริง ๆ


แต่ว่า——ดูเหมือนสมองจะไม่ฟังคำสั่งการของเธอเลยแม้แต่น้อย


เหมยเหมยพยายามคิดถึงภาพไข่ผัดมะเขือเทศ แต่สมองเจ้ากรรมดันจินตนาการมะเขือเทศเป็นแครอท แล้วค่อย ๆเปลี่ยนแครอทเป็น….


ไม่ได้ ไม่ได้ !


เหมยเหมยส่ายหัวอย่างแรง เธออยากจะลบภาพพวกนั้นออกจากสมองไปให้หมด หล่อนเธอส่ายหัวเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง เหยียนหมิงซุ่นที่เพิ่งจะสงบลงได้ไม่นานเห็นเธอทำท่าแบบนั้นก็หัวเราะ พลางเอามือจับหัวของเธอไว้


“เธอเป็นอะไร ชักเหรอ” เหยียนหมิงซุ่นพูดขัดขึ้นมา


“พี่สิชัก ฉันร้อน พี่รีบปล่อยฉันได้แล้ว ฉันไม่ได้อยากนั่งบนตักพี่เท่าไหร่หรอก”


เหมยเหมยกรอกตามองบน กระโดดลงมาจากตักของเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าพอตักว่าง ใจก็รู้สึกเหมือนจะว่างไปด้วย เขาเลยรีบอุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักเขาอีกครั้ง


ถึงแม้การให้หญิงสาวนั่งบนตักเขาจะเป็นการทรมานเขาทางหนึ่ง แต่ก็เป็นการทรมานที่ทำให้เขายิ้มได้ เป็นการทรมานแบบมีความสุข


“ร้อนก็ดื่มน้ำสิ อ้า อ้าปากสิครับ…”


เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เหมยเหมยอ้าปากอย่างเชื่อฟัง การดื่มน้ำชาเย็น ๆ ลงไป ช่วยดับความร้อนในตัวเธอลงไปได้บ้าง เหลืออีกครึ่งหนึ่งเขาดื่มมันลงไปเอง เพราะเขาเองก็ร้อนไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่


“ไม่ดื้อนะ”


เหยียนหมิงซุ่นดีดจมูกเหมยเหมยเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เหมยเหมยไม่พอใจตบเขาไปหนึ่งฉาด ถือว่าเป็นการเอาคืนก็แล้วกันนะ “สองสามวันนี้พี่ไปไหนมา รู้ไหมฉันเป็นห่วงพี่แทบแย่”


“พี่ผิดเอง พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะกินเวลามากขนาดนี้ เหมยเหมยอย่าโกรธพี่เลยนะ พี่มีข่าวดีจะมาบอกด้วยล่ะ”


เหยียนหมิงซุ่นง้อหญิงสาวด้วยท่าทีที่อ่อนโยน พลางกระซิบบอกข่าวดีที่ข้างหูของหล่อน


เหมยเหมยตกใจอย่างมาก “พี่ให้พ่อของเฮ่อเหลียนเช่อเป็นพ่อบุญธรรมของพี่หรอ งั้นก็หมายความว่าต่อไปนี้พี่กับตาโรคจิตนั่นก็จะกลายเป็นพี่น้องกันหรอ”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ เหมยเหมยโมโหดึงหูเขาแล้วพูดว่า “พี่โง่รึไง พี่ไม่รู้หรอว่าฉันไม่ถูกกับไอ้โรคจิตนั่น พี่ยังจะไปยุ่งกับเขาอีก”


————————————-


 ตอนที่ 875 แยกจากกันก็เพื่ออนาคตในภายภาคหน้า


เหยียนหมิงซุ่นดึงมือของเหมยเหมยอย่างจนใจ เด็กน้อยนับวันยิ่งจะร้ายขึ้นเรื่อยๆแล้ว แต่เขาก็ชอบมากเสียเหลือเกิน……ทำอย่างไรดีล่ะ ?


“เธอไม่โง่  แล้วพี่จะโง่ได้ยังไง ฟังพี่พูดให้จบก่อน!”


เหยียนหมิงซุ่นมองข้ามการกรอกตามองบนของเหมยเหมย เล่าอธิบายการวัดดวงและความเป็นอยู่ของเขาในช่วงหลายวันมานี้ เหมยเหมยจ้องจนตาแทบถลน ปากเล็ก ๆ ทำปากจู๋ขึ้นมา ทำสีหน้าตกใจ ประสบการณ์หลายวันมานี้ของเหยียนหมิงซุ่นยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าในหนังอีก!


“ดังนั้น ตอนนี้เฮ่อเหลียนชิงก็เป็นพ่อบุญธรรมของพี่ และเงื่อนไขเพียงข้อเดียวของเฮ่อเหลียนชิงก็คือกำจัดเฮ่อเหลียนเช่อน้าของเขา?” เหมยเหมยพูดสรุป


เหยียนหมิงซุ่นพงกหัว “ใช่แล้ว ในเวลานั้นเขาเสนอเงื่อนไขเพียงแค่นี้ แต่ว่าตอนนี้เขาเพียงแค่ให้พี่ทำตามเส้นทางที่เขาวางไว้ เรื่องอย่างอื่นไม่ต้องสนใจ”


เหมยเหมยเป็นห่วงอยู่บ้าง “เฮ่อเหลียนชิงเป็นคนยังไง เขาจะให้พี่ทำเรื่องที่ไม่ดีเรื่องอื่นอีกไหม? แล้วหลังเสร็จภารกิจแล้วจะฆ่าพี่ไหม?”


ในทีวีชาติที่แล้วก็แสดงกันแบบนี้ไม่ใช่หรือไง เลี้ยงดูสั่งสอนเอาไว้ให้ช่วยเขาแก้แค้น รอจนแก้แค้นเสร็จหมากตัวนั้นก็หมดหน้าที่ ข้ามแม่น้ำได้แล้วก็รื้อสะพานทิ้ง ได้รับผลประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่ง ตัวอย่างแบบนี้มีจนนับไม่ถ้วน!


เหยียนหมิงซุ่นแตะหน้าเธอเบาๆ พูดปลอบใจว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันกับเฮ่อเหลียนชิงต่างก็ใช้ประโยชน์จากกันและกัน ฉันระวังตัวอยู่แล้ว ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก”


แน่นอนว่าเขาคงจะไม่เอาความจริงใจฝากฝังไว้กับเฮ่อเหลียนชิงทั้งหมดหรอกนะ อีกทั้งเฮ่อเหลียนชิงก็คงจะไม่เชื่อใจเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดไปแล้วท้ายที่สุดก็เพียงแค่อยากจะยืมมือเขาฆ่าคนก็เท่านั้นเอง


ขอเพียงแค่เฮ่อเหลียนชิงไม่มีใจคิดจะทำร้ายเขา เขาจะต้องทำภารกิจของเฮ่อเหลียนชิงให้สำเร็จได้แน่นอน แต่ถ้าหากคนๆนี้วุ่นวายมีใจคิดไม่ดี ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่มีการใจอ่อนให้แน่นอน


เหมยเหมยถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อครู่เธอพยายามนึกถึงความทรงจำของชาติที่แล้ว กลับไม่สามารถยืนยันได้ว่าชาติที่แล้วเหยียนหมิงซุ่นได้ไหว้เฮ่อเหลียนชิงเป็นพ่อบุญธรรมหรือไม่ แต่ที่เธอยืนยันได้ก็คือ ชาติที่แล้วเหยียนหมิงซุ่นอยู่อย่างสงบสุขมาโดยตลอด ถูกคุกคามข่มขวัญแต่ก็ไม่เป็นอันตรายอะไรจนปีนขึ้นสู่ตำแหน่งสูง


ชาตินี้ก็จะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน เธอไม่จำเป็นต้องกังวล ไม่ต้องกังวลเลยสักนิด!


“ภูมิหลังของเฮ่อเหลียนชิงคนนี้เป็นยังไง? อำนาจอิทธิพลของเขาใหญ่ไหม? ใหญ่กว่าเฮ่อเหลียนเช่อไหม?” เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดตามความจริง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเรื่องอำนาจอิทธิพลที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนชิง รู้แค่เพียงว่าสูสีใกล้เคียงกับหนิงเฉินเซวียน


เฮ่อเหลียนชิงทำอะไรหนิงเฉินเซวียนไม่ได้ หนิงเฉินเซวียนก็ทำอะไรเฮ่อเหลียนชิงไม่ได้


ไม่อย่างนั้นสองคนนี้ก็คงไม่โขกสับกันไปมาไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้หรอก!


“รายละเอียดก็ไม่ชัดเจนเท่าไร น่าจะเป็นพวกกองกำลังทหารป้องกันประเทศอะไรเทือกนั้น อำนาจอิทธิพลคงไม่น้อย สามารถช่วยพวกเราต่อสู้กับเฮ่อเหลียนเช่อได้” เหยียนหมิงซุ่นพูดความเป็นไปได้คร่าวๆ


เหมยเหมยก็วางใจลงมาบ้าง สามารถสู้กับเฮ่อเหลียนเช่อได้ ถ้าอย่างนั้นฝีมือต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แต่นี้ก็แข็งแกร่งข้ามตระกูลจ้าวแล้ว


ตระกูลจ้าวตอนนี้เธอมองออกอย่างชัดเจนแล้ว ภายนอกดูยิ่งใหญ่ แต่ในความเป็นจริงกลับกลวงโบ๋ ถ้าไม่อย่างนั้นวันนั้นที่ร้านอาหารเฉวียนจุ้ยเต๋อ  ทำไมเฮ่อเหลียนเช่อทำให้คุณปู่อับอายต่อหน้าคนมากมายได้ขนาดนั้น แต่คุณปู่จ้าวกลับสวนด้วยคำพูดเจ็บแสบแค่นั้นเอง!


เหมยเหมยดีใจแทนเหยียนหมิงซุ่นมาก และดีใจที่เมื่อก่อนตัวเองไม่ได้ให้ตระกูลจ้าวช่วยเขา เหยียนหมิงซุ่นอยู่กับเฮ่อเหลียนชิง จะต้องมีอนาคตมากกว่าเข้าร่วมกับตระกูลจ้าวแน่นอน


ลางสังหรณ์ของเธอบอกว่าน่าจะเป็นแบบนั้น


“ถ้าอย่างนั้นอีกไม่กี่วันพี่ก็จะไปที่ฐานทัพแล้ว?” เหมยเหมยอาลัยอาวรณ์แทบขาดใจ


“อืม รายละเอียดเรื่องเวลายังไม่แน่นอน น่าจะไม่นานมาก พี่จะต้องช่วยจัดการเรื่องที่นี่ให้เธอก่อนค่อยไป”


เหยียนหมิงซุ่นจูบที่ริมฝีปากของเธอ ล้วนเป็นอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์เหมือนกัน แต่พวกเขาต่างก็รู้ว่า แยกจากกันในวันนี้ก็เพื่อวันข้างหน้าของพวกเขา  ตัดใจไม่ได้ก็ต้องตัดใจให้ได้แล้วล่ะ


สองคนกอดกันอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง พี่เฉิงที่รอจนหมดความอดทนจึงให้พนักงานมาเรียกหา ถ้าให้สองคนนี้นั้นหวานต่อไปแบบนี้ ฟ้าคงมืดกันพอดี


………………………………………


ตอนที่ 876 คนเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน


พนักงานเข้ามาบอกเช่นนั้น เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจความไม่รู้กาลเทศะของพี่เฉิงอย่างมาก แต่ว่าเขารู้ว่าพนักงานคนนี้น่าจะมีเรื่องอะไร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มารบกวนหรอก


“พี่จะพาเธอไปพบคน ๆ หนึ่ง วันหลังที่เธออยู่ในเมืองหลวงแล้วมีเรื่องอะไร ตอนที่พี่ไม่อยู่เธอก็ไปหาเขาได้” เหยียนหมิงซุ่นกำชับข้างหูของเหมยเหมย จูงมือของเธอไปห้องส่วนตัวพิเศษของพี่เฉิง


เหมยเหมยถอดหมวกออก ผมยาวๆคลายลงมา จากทอมบอยก็เปลี่ยนกลายเป็นเด็กสาวสวยในทันที พนักงานกระพริบตา มองเหมยเหมยนิ่งอึ้งอยู่หลายวินาที ชื่นชมอยู่ในใจเป็นคนที่สวยมากจริงๆ!


ก่อนหน้านี้สายตาเขาเป็นอะไร คาดไม่ถึงว่าดันมองสาวสวยกลายเป็นชายขายบริการไปเสียได้ ช่างตาบอดเสียจริงๆ!


พี่เฉิงเห็นคนคู่หนึ่งเดินจูงมือกันเข้ามา ดวงตาก็ส่องเป็นประกายวาบ สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก เป็นคู่ที่ดูดีมากจริงๆ!


ตาของพนักงานคงเปื้อนขี้แล้วล่ะ เขาบอกแล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นจะพาหนุ่มขายบริการมาทำธุระที่ร้านน้ำชานี้ได้ไงกันสาวสวยคนนี้ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด จะต้องเป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวอย่างไม่ต้องสงสัย!


ได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวสวยไม่ธรรมดา วันนี้พอได้เห็นถึงได้รู้ว่าข่าวลือพวกนั้นไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด!


“คุณอาเฉิน นี่คือจ้าวเหมย เพื่อนของผม” เหยียนหมิงซุ่นแนะนำเหมยเหมยก่อน แล้วก็แนะนำพี่เฉิง “เหมยเหมยเธอเรียกเขาอาเฉินก็ได้”


เหมยเหมยทักทายอย่างน่ารักน่าเอ็นดู “อาเฉินสวัสดีค่ะ”


พี่เฉิงยิ้มตอบรับ ถอดกำไลลูกประคำสีดำมืดจากมือออกมาส่งให้เหมยเหมย “วันนี้มาค่อนข้างรีบเร่ง ไม่ได้พกของดีอะไรมา งั้นให้กำไลนี่เอาไปเล่นแล้วกันนะ!”


เหมยเหมยพินิจพิเคราะห์กำไลลูกประคำอย่างละเอียด ลูกประคำสีดำเป็นประกายมันวาว อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเย็นเบาๆ หลายปีมานี้เธอคอยจับผิดส่องดูของกับเหยียนหมิงซุ่น สายตาในการมองก็ถือว่าดีพอสมควร แค่มองก็ดูออกว่าเป็นกำไลลูกประคำไม้กฤษณา


อีกทั้งมองดูร่องรอยที่กำไลลูกประคำแล้ว น่าจะผ่านมาหลายมือแล้ว แสงแวววาวบนเม็ดลูกประคำที่ผ่านกาลเวลามา ไม่ถึงร้อยปีคงเพาะบ่มออกมาไม่ได้แบบนี้แน่


“ขอบคุณค่ะคุณอาเฉินสำหรับกำไลลูกประคำไม้กฤษณา ช่างสูงค่ามากเลย” เหมยเหมยไม่ได้ปฏิเสธแถมยังเก็บไว้อีก


“สายตาของเด็กน้อยไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแค่ของเล่นก็เท่านั้น เธอชอบก็ดีแล้ว”


สายตาของพี่เฉิงมีความตกใจเล็กน้อย แต่ก็เพียงแต่พาดผ่านแค่แวบเดียว เขาไม่มีเวลามาไร้สาระกับเด็กน้อย หันไปมองเหยียนหมิงซุ่นแล้วถามว่า “เวลาที่นายต้องไปกองทัพกำหนดมาหรือยัง?”


“รายละเอียดเรื่องเวลายังไม่กำหนด มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” เหยียนหมิงซุ่นถามกลับ


พี่เฉิงส่ายหัว “ไม่มีอะไร ถามไปเรื่อย ไปที่กองทัพก็ตั้งใจทำให้ดี อาจารย์ส่งถึงประตู ทางที่เหลือต้องจัดการเอง ถ้าหากว่านายทำได้ไม่ดี เฮ่อเหลียนชิงจะเปลี่ยนตัวนายเมื่อไรก็ได้!”


“ไม่ต้องให้คุณอาเตือน ผมก็รู้ดีอยู่แล้ว ใช่แล้ว มีเรื่องหนึ่งคุณอาช่วยทำได้ใช่ไหม”


สายตาของเหยียนหมิงซุ่นนั้นเรียบเฉย เขาไม่ลืมว่าเจ้าบ้านี่เล่นแง่กับเขาอย่างไร หลายวันนั้นถ้าหากเขาไม่ตื่นตัวระวังอยู่เสมอ ไม่แน่เขาอาจจะตายในภูเขาใหญ่นั้นไปแล้วก็ได้!


ผู้ท้าชิงคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายต่อ ๆ กันมา ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเกี่ยวข้องกันเฉยๆ แต่ก็เป็นวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียง เฮ่อเหลียนชิงต้องสนใจอยู่แล้วว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย


ไม่เหมือนกับเขาที่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาไม่มีชื่อเสียงวงศ์สกุลใดๆ ไม่มีคนไปสืบหาอยู่แล้ว เฮ่อเหลียนชิงก็คงไม่สนใจ อย่างมากที่สุดก็ทำเรื่องคนหายสาบสูญก็แค่นั้น


แต่เจ้าหมอนี่ก็ช่างดีเสียจริง  พูดจาเสียดิบดี พูดเหมือนตกลงกับเฮ่อเหลียนชิงเรียบร้อยแล้ว  รอหลังจากที่เขาดื่มเหล้าแก้วนั้น เขาถึงพูดความจริงออกมา


ในความจริงเป็นแค่เพียงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เท่านั้น ส่วนรายละเอียดว่าจะโดนเลือกหรือไม่นั้น ยังต้องดูฝีมือและโชคของตัวเขาเองต่างหาก!


คนเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อน เขาไม่ซาบซึ้งใจเลยสักนิด และแน่นอนว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการร่วมมือกันของเขากับเจ้าหมอนี่แน่นอน


พี่เฉิงรับรูปภาพของหวงอวี้เหลียนและโอหยางปินไป ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ในตามีความตื่นเต้นพาดผ่านออกมา


……………………………………..


ตอนที่ 877 ความแค้นเก่า


เรื่องที่โอหยางปินและแม่เลี้ยงมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากัน แน่นอนว่าไม่ใช่ความลับในแวดวงการนี้เลย ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมด แต่ก็แค่ใช้ปากพูดขึ้นมาเท่านั้น   ไม่มีใครเคยเห็นโอหยางปินและหวงอวี้เหลียนขึ้นเตียงด้วยกันมาก่อน


ดังนั้นเมื่อก่อนถึงแม้เขาจะอยากเอาเรื่องนี้มาสร้างกระแส แต่กลับไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ แต่รูปภาพเบื้องหน้า ช่างน่าสนใจขึ้นมาแล้วจริงๆ!


“รูปภาพได้มายังไง?” พี่เฉิงถาม เขานึกว่าเหยียนหมิงซุ่นหามาได้


เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่เหมยเหมย พูดว่า “เหมยเหมยของผมเป็นคนได้มันมา”


พี่เฉิงเลิกคิ้ว แล้วอดที่จะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเหมยเหมยสาวน้อยที่กำลังนั่งเงียบน่าเอ็นดูเหมือนแมวไม่ได้ สามารถนึกแผนการถ่ายรูปพวกนี้ขึ้นมาได้ ดูท่าเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวคงไม่ไร้เดียงสาเหมือนเปลือกนอกที่แสดงออกมาแล้วล่ะ!


หลังจากนั้นจู่ ๆ พี่เฉิงก็หัวเราะกับตัวเอง อายุสิบห้าก็มีแฟน ทั้งยังตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเงียบ ๆ  นี่เป็นเรื่องที่เด็กสาวไร้เดียงสาทำกันอย่างนั้นหรือ?


ถ้าเขามีลูกสาวแบบนี้ คงจะกลุ้มใจจนมีผมขาวหลายเส้นแน่!


พี่เฉิงแอบเห็นใจจ้าวอิงหัวอยู่เงียบๆสามวินาที……


เหมยเหมยคิดแล้วคิดอีก พี่หมิงซุ่นบอกว่าเจ้าหมอนี่เชื่อใจได้แค่ชั่วคราว ถ้าอย่างนั้นบอกเขาก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร!


“ขอนักสืบเอกชนถ่ายให้”


พี่เฉิงเลิกคิ้วพร้อมให้ความสนใจ  ทั้งคนและเรื่องน้อยใหญ่ในเมืองหลวงแทบไม่มีเรื่องใดที่เขาไม่รู้  สายอาชีพนักสืบเอกชนนับว่าเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ ในเมืองหลวง  เมื่อก่อนเคยมีคนทำมาก่อนแต่ธุรกิจดำเนินไปได้ไม่ดีเท่าไรนัก อีกทั้งตัวเองยังโดนสำนักงานตำรวจจับอีก ไม่กี่เดือนก็ล่มหายไปแล้ว


มีเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ได้โดยไม่สั่นคลอน  ก็คงเหลือแค่คนฮ่องกงที่มาจีบสาวเล่นในประเทศเท่านั้น


เจ้าหมอนี่หน้าตาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ฝีมือกลับยอดเยี่ยมมากจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมาเขาเลื่อมใสศรัทธาคนที่มีฝีมือ แต่กลับชอบเจ้าหมอนี่ไม่ลงจริงๆ มองแล้วขัดตาชะมัด


“เธอไปหาเสี่ยวกัวใช่ไหม?” ถึงแม้ว่าพี่เฉิงจะเอ่ยถาม แต่สายตากลับมั่นใจมาก


เหมยเหมยมองเขาอย่างแปลกใจ ถามอย่างฉงนว่า “คุณอาเฉินก็รู้จักกับคุณกัวด้วยเหรอคะ?”


“ใครรู้จักเขากัน  ไม่รู้จักสักหน่อย  ก็แค่เคยได้ยินเรื่องเขามาผ่านๆก็เท่านั้น  หมอนี่บอกว่าจะไม่รับงานในประเทศไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้ทำงานให้เธอได้ล่ะ? พี่เฉิงรู้สึกแปลกใจ


เพราะเหตุนี้เขาถึงเกลียดเสี่ยวกัว สาเหตุสำคัญนอกจากเรื่องหลินหลางแล้ว ก็ยังมีอีกสาเหตุก็คือ  เสี่ยวกัวมักจะปฏิเสธธุรกิจของเขาหลายต่อหลายครั้ง ยังพูดอีกว่าเขาเข้ามาในประเทศเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนสาวสวยต่างหาก  ไม่อยากให้เรื่องเงินทองมารบกวนความรักอันหวานชื่นของเขาและหลินหลาง


ถุย!


พรุ่งนี้เขาจะไปบอกกับหลินหลาง   ว่าเจ้าบ้าแซ่กัวนี่มันโกหกทั้งเพ แน่นอนว่าจะต้องไม่พูดความจริงกับเธอทั้งหมด อย่าซื่อบื้อมอบหัวใจทั้งดวงให้เจ้าบ้าฮ่องกงนี่ไป!


เหมยเหมยพูดอย่างตรงไปตรงมา “เงื่อนไขที่คุณกัวมีต่อลูกค้าค่อนข้างสูง งานของคนธรรมดาทั่วไปเขาไม่รับอยู่แล้ว”


พี่เฉิงพูดอย่างหงุดหงิด “เขามีเงื่อนไขอะไร? หรือว่ายังกำหนดไว้ว่าต้องเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายถึงจะได้?”


เหมยเหมยมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างงงงวย ดูแล้วพี่เฉิงคนนี้ต้องมีเรื่องบาดหมางใจกับเสี่ยวกัวมาก่อนแน่นอน ดูสีหน้าอาฆาตสูงเทียมฟ้าขนาดนั้น เธอจะพูดหรือไม่พูดดีล่ะ!


เหยียนหมิงซุ่นตีมือเธอเบาๆ ถามตรงๆว่า “คุณและเสี่ยวกัวเคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน?”


พี่เฉิงชะงักไปชั่วครู่ แล้วส่ายหัว “ไม่มี ก็แค่เห็นแล้วขัดตาเฉย ๆ  ให้แฟนนายรีบพูดมาว่าเงื่อนไขสูงส่งของเจ้าหมอนี่คืออะไร เมื่อก่อนฉันให้เจ้าหมอนี่ทำงานให้แต่ดันปฏิเสธว่าไม่รับงานในประเทศ วันพรุ่งนี้ฉันจะไปตบหน้ามัน ฉันมีตรงไหนที่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขอันสูงส่งของมัน!”


เหมยเหมยลูบจมูก ถามขึ้นว่า “คุณอาเฉิน คุณอามีบัญชีธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์ไหมคะ?”


พี่เฉิงตกตะลึงอีกครั้ง “ไม่มี!”


ธนาคารนั้นเขารู้จัก ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาสามัญจะสามารถเปิดได้ ทั่วทั้งหวาเซี่ยมีแค่ไม่กี่คน ไหนเลยจะเวียนมาถึงเขาได้ เจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนี้กับเขาทำไม?


เกี่ยวอะไรกับเจ้าบ้าเสี่ยวกัวนั่น ?


เหมยเหมยพูดอีกครั้งว่า “คุณกัวเขารับแต่เช็คของธนาคารสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น การชำระเงินรูปแบบอื่นๆเขาปฏิเสธทั้งหมด!”


พี่เฉิงตกตะลึงค้างอยู่สิบวินาที ในใจมีแต่คำว่าบัดซบ เขาคิดเพียงแต่อยากด่าออกมาว่า ——


แมร่งงงง!


……………………………………


ตอนที่ 878 คนรู้จักเก่า


เหมยเหมยมองพี่เฉิงฝั่งตรงข้ามที่มีสีหน้าซีดขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงซ่าน จากสีแดงก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ท้ายที่สุดก็เปลี่ยนกลายเป็นซีดขาวอีกครั้ง ถึงแม้ว่าพี่เฉิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่เหมยเหมยกลับสามารถรับรู้ได้ถึงคำด่าว่า ’แมร่งงงง’ ดังก้องอยู่ในอากาศ


เธอหลับตาก็ยังสามารถจินตนาการเห็น  พี่เฉิงกำลังใช้คำพูดทักทายเหล่าบรรพบุรุษของเสี่ยวกัว


แล้วก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวกัวไปล่วงเกินคนที่ดูเหมือนศาสตราจารย์อันธพาลคนนี้เข้า ทำไมเธอมักจะเจอพวกรักแรงเกลียดแรงตลอดเลยนะ!


เหมยเหมยกลับไม่รู้เลยว่าเพราะว่าคำพูดในวันนี้ของเธอ ทำให้พี่เฉิงได้รับการยั่วยุ จนคิดหาหนทางไปเปิดบัญชีธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์


คาดไม่ถึงว่าจากนั้นเขาจะทำสำเร็จด้วย ด้วยความดีใจของหมอนี่  เขาจึงเอาทรัพย์สมบัติเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์โยกไปไว้ในบัญชีธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์


เดิมทีเขายังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่หลายปีต่อมาดันเกิดปัญหาเข้า เขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ตัวเองมองการณ์ไกลล่วงหน้าได้อย่างเฉียบขาด รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเหมยเหมยเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ค่อยว่ากัน ค่อยพูดถึงมันวันหลัง!


เหยียนหมิงซุ่นพูดถึงเรื่องราวชีวิตของโอหยางซานซานออกมาอีกครั้ง แม้ว่าพี่เฉิงจะมีประสบการณ์และรู้เรื่องกว้างขวางในสโมสร แต่ก็ยังโดนหญิงสารเลวต่ำช้าสองคนนี้ทำให้ตกตะลึง


“โอหยางปินรู้เรื่องนี้ไหม?” พี่เฉิงสงสัยอยู่บ้าง


ตามความเข้าใจที่เขามีต่อโอหยางปิน หมอนี่น่าจะยังไม่รู้สถานการณ์ใด ถึงแม้ว่าเขาจะกล้าหาญเหิมเกริมแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ถึงกับกล้าให้กำเนิดลูกชู้ออกมาได้ ภรรยาของตัวเองก็มีลูกชาย   แล้วคุ้มค่าที่จะให้กำเนิดลูกสาวกับแม่เลี้ยงมาทำให้ตัวเองหวาดระแวงทำไมกัน?


เหมยเหมยส่ายหัว “ไม่รู้ เขาไม่รู้ เสี่ยวกัวเรียกเก็บเงินแพงมาก อีกทั้งยังคิดรายการทีละรายการ ฉันไม่กล้าสืบหาต่ออีก”


พี่เฉิงแค่นเสียงออกมา  แล้วพูดเสียงเบาฉอด ๆ  ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่


“คุณหนูจ้าวยาที่สาดใส่บนตัวของโอหยางซานซานยังอยู่ได้นานอีกกี่วันเหรอ?” พี่เฉิงถาม


“ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน อย่างน้อยก็น่าจะอีกสี่วัน” เหมยเหมยตอบ


พี่เฉิงหัวเราะอย่างพอใจ “เรื่องนี้ส่งต่อให้ฉันแล้วกัน เธอคิดว่าผลสุดท้ายหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกจะเป็นยังไง?”


เหมยเหมยพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ชื่อเสียงและเกียรติยศป่นปี้ สิ้นไร้ไม้ตอกในเมืองหลวง”


“ดี คุณหนูจ้าวสามวันนี้ก็รอดูละครสนุก ๆ เถอะ ไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน”


พี่เฉิงพูดพลางยิ้มตาหยี เขาค่อนข้างชอบเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวทีเดียว  แต่ว่าเขายังชอบหลินหลางมากกว่าอยู่ดี เพียงแต่เสียดายที่หลินหลางชอบเสี่ยวกัวที่หน้าตาแสนจะธรรมดาคนนั้น  ทำเอาพี่เฉิงเซ็งสุด ๆ


เหยียนหมิงซุ่นพูดคุยกับพี่เฉิงอีกหลายประโยค หัวข้อส่วนใหญ่ก็เป็นสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองหลวง เหมยเหมยไม่สนใจ บิดนิ้วหัวแม่มืออย่างเบื่อหน่าย


พี่เฉิงมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง หันไปยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่น “มีเรื่องหนึ่งที่นายจะต้องสนใจแน่นอน เฮ่อเหลียนเช่อระยะนี้มีคนโปรดคนใหม่ คงจะไม่มีอารมณ์มาสนใจเจ้าหญิงของนายชั่วคราว”


เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น “ขอเพียงอยู่ในกำมือแล้ว แต่ไหนแต่ไรความรักของเฮ่อเหลียนเช่อมาก็ยืนยาวอยู่ได้ไม่กี่วันเท่านั้น คนโปรดคนใหม่มากสุดก็คงหนึ่งอาทิตย์ล่ะมั้ง ฝั่งทางเหมยเหมยคุณอาก็อย่าเพิ่งหละหลวมไป จะต้องติดตามเฝ้าดูตลอดเวลา”


เหมยเหมยได้ยินคำพูดที่ทำให้อบอุ่นใจของแฟนตัวเองขึ้นมาก็หันไปยิ้มหวานให้เขา เพื่อแลกกับความรักและทะนุถนอมของเหยียนหมิงซุ่น ถูไถคลอเคลียเหมือนกับแมวตัวเล็ก ๆ ให้เธอลูบขน


พี่เฉิงยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย ส่ายหัวพลางพูดว่า “คนโปรดคนใหม่ครั้งนี้ไม่ธรรมดา ยั่วเฮ่อเหลียนเช่อไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จ นป่านนี้ยังไม่ได้จัดการเลย!”


เหยียนหมิงซุ่นถึงได้สนใจขึ้นมา “ภูมิหลังของคนนี้เป็นมายังไง? คาดไม่ถึงว่าจะมีฝีมือขนาดนี้?”


เฮ่อเหลียนเช่อที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น  มีครั้งไหนบ้างที่เขาไม่อยู่เหนือกว่า หากไม่พอใจล่ะก็แม้กระทั่งศพก็ยังไม่ละเว้น  ทำไมอยู่ดี ๆ ครั้งนี้ถึงยอมใจอ่อนให้ได้ ?


พี่เฉิงหันไปมองเหมยเหมยอีกครั้ง รอยยิ้มเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง แล้วพูดว่า “คน ๆ นี้เป็นคนรู้จักของพวกเธอ!”


………………………………………..


ตอนที่ 879 เรื่องเหลือเชื่อ


เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยมองหน้ากัน คนรู้จักเก่าของพวกเขา? จะเป็นใครกัน?


พี่เฉิงก็ไม่ปล่อยให้พวกเขากระหายอยากรู้นานนัก พูดชื่อคนโปรดคนใหม่ออกมา “เขาปีนี้อายุสิบเก้าปี แซ่เหมยชื่อซูหาน วันที่สิบห้าเดือนกันยายนนี้ก็จะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเมืองหลวงแห่งนี้”


ถึงแม้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะมีมุ่งมั่น  แต่พอได้ยินคำพูดของพี่เฉิงก็พลันทำเอาหน้าถอดสี  ไม่กล้าเชื่อหูของตัวเอง เหมยเหมยนั้นยิ่งกว่า แม้กระทั่งลูกตาก็แทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว


เหมยซูหานและเฮ่อเหลียนเช่อ?


นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?


ชาติที่แล้วไม่เคยเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นเลยนี่!


“คุณอาเฉิน คุณแน่ใจว่าคน ๆ นั้นคือเหมยซูหาน? แต่เหมยซูหานชอบผู้หญิงนะคะ!” เหมยเหมยเอ่ยถามขึ้น


พี่เฉิงส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ชอบผู้หญิงแล้วมันยังไง คนที่เข้าตาคุณชายเช่อ ต่อให้กลายเป็นศพก็ควรต้องส่งเขาขึ้นบนเตียงอย่างว่านอนสอนง่าย ใครจะกล้าต่อกรด้วยล่ะ?”


เขาหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วก็พูดต่ออีกว่า “อีกอย่างฉันว่าเหมยซูหานคนนี้ก็ไม่ธรรมดานะ เขาคงจะเล่นเฮ่อเหลียนเช่อจนหัวหมุนไปหมด!”


เวลานี้เหมยเหมยพลันนึกถึงวันเกิดของเธอวันนั้นขึ้นมาได้ เหมยซูหานและอู่เยวี่ยปรากฎตัวที่เฉวียนจุ้ยเต๋อ เฮ่อเหลียนเช่อก็อยู่ที่นั่นด้วย ถ้าไม่ต่างจากที่คาดเดาไว้ เวลานั้นเฮ่อเหลียนเช่อน่าจะชอบเหมยซูหานเข้าให้แล้ว!


เธอลูบแขนที่ขนลุกซู่ไปมา เพียงแค่นึกถึงผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันก็……


อีกทั้งยังเป็นเหมยซูหานและเฮ่อเหลียนเช่อ เธอจึงรู้สึกขยะแขยง ยากที่จะจินตนาการต่อไปได้


แต่ว่าอู่เยวี่ยล่ะ?


“คุณอาเฉิน ข้างกายเหมยซูหานยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยถาม


พี่เฉิงมองเหมยเหมย ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของเหมยซูหานก็ไม่ธรรมดา เขาว่ากันว่าเมื่อก่อนเป็นพี่สาวของเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว สองคนนี้ไม่ถูกกันอย่างแรง


เขาพูดยิ้มๆว่า “เธอก็ดีนี่ อยู่กับเหมยซูหานตลอด เฮ่อเหลียนเช่อยังช่วยติดต่อคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านหูของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเขตทหารให้อีกด้วย เพื่อผ่าตัดซ่อมแซมแก้วหูให้กับอู่เยวี่ย แต่เป็นเรื่องไม่กี่วันมาแล้ว ถ้าไม่ต่างจะที่คาดคิดไว้ น่าจะสามารถคืนสู่สภาวะการฟังได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว”


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น  เธอก็พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที


คืนสู่สภาวะการฟังได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์กับคืนสู่สภาวะการฟังได้ทั้งหมดมันก็ไม่ต่างกันมาก  นับว่าไม่ใช่ข่าวดีเลยจริงๆ!


ทั้งสองคนกล่าวอำลาพี่เฉิงแล้วออกมาจากร้านน้ำชา เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยเหมยห่อเหี่ยวไม่มีสดชื่น ก็พูดปลอบใจว่า “เหมยเหมยไม่ต้องไปคิดถึงอู่เยวี่ยแล้ว อู่เยวี่ยและเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว พวกเราคิดถึงเรื่องที่มีความสุขกันดีกว่า”


เหมยเหมยหันไปยิ้มให้เขา เธอไม่รู้จะอธิบายความคิดที่ครอบงำเธออยู่ให้ชัดเจนได้อย่างไร เธอและอู่เยวี่ยจะไม่เกี่ยวข้องกันได้อย่างไรล่ะ?


ชาติที่แล้วอู่เยวี่ยติดหนี้ชีวิตของเธอและลูก ชาตินี้ถ้าไม่ตายเธอก็จะไม่หยุด!


เพียงแต่เรื่องพวกนี้เธอไร้หนทางที่จะพูดกับเหยียนหมิงซุ่น……ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ……


เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่เข้าใจเหมยเหมยอยู่บ้างว่าทำไมถึงได้เกลียดอู่เยวี่ยขนาดนั้น ถึงแม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะทำไม่ดีกับเหมยเหมย แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังคงเป็นเหอปี้อวิ๋นที่ชั่วช้ามากกว่าใคร พูดกันตามตรงเหมยเหมยน่าจะเกลียดเหอปี้อวิ๋นมากที่สุดถึงจะถูก


แต่เหมยเหมยกลับตรงข้าม ถ้าให้เขามอง คนที่เด็กน้อยเกลียดที่สุดอันที่จริงแล้วคืออู่เยวี่ย เกลียดจนอยากจะกำจัดทิ้งให้ได้โดยเร็ว อันที่จริงก็เข้าใจยากอยู่บ้าง!


เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดไปมา แล้วพูดเสียงเบาที่ข้างหูของเหมยเหมยว่า “วางใจเถอะ วันนั้นคุณหมอด้านหูคนนั้นจะต้องเกิดเหตุไม่คาดฝันจนทำให้ผ่าตัดไม่ได้!”


เหมยเหมยดีใจจนเงยหน้าขึ้นมา เหยียนหมิงซุ่นหันไปขยิบตาให้เธอ ในดวงตามีแต่รอยยิ้ม


“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้พี่เพิ่งจะรู้จักเฮ่อเหลียนชิง รากฐานยังไม่มั่นคง ไม่เหมาะที่จะเป็นศัตรูกับเฮ่อเหลียนเช่อ หูของอู่เยวี่ยจะหายหรือไม่หายฉันไม่ใส่ใจเลยสักนิด”


หลังจากที่เหมยเหมยดีใจก็สงบสติอารมณ์ลงมาได้ เธอไม่สามารถเห็นแก่ตัวเองแล้วทำร้ายเหยียนหมิงซุ่นได้ เธอไม่สามารถเห็นแก่ตัวขนาดนี้ได้


วันหลังเธอค่อยสั่งสอนอู่เยวี่ยก็ยังไม่สาย ตอนนี้ไม่ได้รีบร้อนอะไร


เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกของเธอ “เด็กโง่……”


ในเมื่อเขากล้าทำ ก็ต้องต้องมั่นใจมากแน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ เขาจะเปลืองแรงเพื่อคนนอกที่เขาไม่แยแสทำไมกันล่ะ?


แน่นอนว่าเขาไม่ออกหน้าเพื่ออู่เยวี่ยแน่นอนอยู่แล้ว!


……………………………………….


ตอนที่ 880 ข่าวใหม่มาแรงดังระเบิด


เหยียนหมิงซุ่นส่งเหมยเหมยกลับบ้านตระกูลเซียวแล้วก็กลับออกมา เงื่อนไขของเฮ่อเหลียนชิงที่มีต่อเขาสูงมาก เวลาครึ่งค่อนวันนี้เป็นเพราะเขาพยายามตั้งใจกว่าจะได้มันมา  หลังจากกลับไปเขาต้องใช้เวลาฝึกซ้อมให้คุ้มค่าที่สุด


ถึงแม้ว่าจะลำบาก แต่เขาคิดแค่เพียงอนาคตของเขาและเหมยเหมย จะต้องหวานซึ้งมาก หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า!


จ้าวเสวียหลินรออยู่ที่บ้านนานครึ่งค่อนวันน้องสาวถึงได้กลับมา ถามอย่างหงุดหงิดว่า “เธอออกไปกับใคร? เธอพูดสิว่าทำไมถึงได้ระแหวดระวังเลยแม้แต่น้อย  ขึ้นรถคนอื่นซี้ซั้ว  ถ้าหากอีกฝ่ายคิดไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง……”


ก่อนหน้านั้นเหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่ในรถ แล้วขับออกไปอย่างเร็วไว จ้าวเสวียหลินไม่ทันเห็นหน้าให้ชัดเจน อีกทั้งเขาก็ไม่ได้นึกถึงเลยว่าคนที่ขับรถจะเป็นเหยียนหมิงซุ่น


รถคันนั้นเป็นรถที่มีเครื่องหมายกองกำลังทหาร มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นไหนเลยจะมีฝีมือขนาดนั้น!


ดังนั้นจ้าวเสวียหลินถึงได้กังวลอยู่ครึ่งค่อนวัน กลัวว่าน้องสาวอายุยังน้อยจะโดนหลอกลวงเอาได้ ถ้าหากเหมยเหมยยังไม่กลับมาอีก เขาบึ่งไปหาคุณพ่ออยู่แล้ว!


เหมยเหมยยิ้มตาหยี “พี่ชายจะร้อนใจอะไรนักหนา ฉันไม่ใช่คนโง่ซะหน่อย วางใจเถอะ เพียงแค่ออกไปวน ๆ ละแวกนี้กับเพื่อนคนหนึ่ง เลยถือโอกาสทำธุระอีกนิดหน่อย!


เรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นเป็นลูกบุญธรรมของเฮ่อเหลียนชิง ในวงการมีคนรู้ไม่กี่คน ระหว่างที่เหยียนหมิงซุ่นยังยืนหยัดได้ไม่มั่นคง เธอจะต้องเก็บความลับนี้เอาไว้ ห้ามสร้างเรื่องให้เหยียนหมิงซุ่นเด็ดขาด!


จ้าวเสวียหลินซักไซ้ถาม “เพื่อนคนไหน? เธอมีเพื่อนที่อยู่ในกองทหาร? ทำไมพี่ถึงไม่รู้?”


เหมยเหมยยักไหล่ พูดอย่างจงใจว่า “เพื่อนของฉันออกจะเยอะ ที่พี่ไม่รู้จักก็มีโถมไป!”


พูดไปเธอก็ตบไหล่จ้าวเสวียหลินไปพลาง พูดหยอกล้อว่า “พี่ชายเป็นห่วงให้น้อยหน่อย กลายเป็นตาแก่ขี้บ่นแล้ว วันหลังจะหาพี่สะใภ้ให้ฉันได้ยังไง?”


เธอส่งเสียงหัวเราะร่า ไม่สนใจจ้าวเสวียหลินที่ทั้งโมโหและอับอาย  เดินไปหน้าเซียวเซ่อพูดเบา ๆ ข้างหูเธอว่า “พรุ่งนี้รอชมละครสนุก ๆ ล่ะ!”


เซียวเซ่อขยิบตาให้ ทำปากขมุบขมิบถามว่า “ทำเสร็จแล้ว?”


เหมยเหมยทำมือ OK  ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ


จ้าวเสวียหลินและสยงมู่มู่กลับเห็นว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากล สยงมู่มู่กระซิบถาม “พี่หก ทำไมผมถึงได้รู้สึกอยู่ตลอดว่าเหมยเหมยและยัยนั่นกำลังมีลับลมคมในอยู่!”


“ฉันก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้เหมยเหมยมีเรื่องอะไรก็ไม่พูดกับพวกเรา เอาแต่พูดกับเซียวเซ่อ”


จ้าวเสวียหลินรู้สึกทุกข์ใจอยู่เล็กน้อย เขารู้สึกว่าจะต้องเป็นเพราะตัวเองไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้นน้องสาวถึงได้ไม่พูดกับเขา


แน่นอนว่าในความจริงก็เป็นอย่างนั้น  เหมยเหมยก็คิดแบบนี้แหละ


หลังจากที่โอหยางซานซานกลับมาจากบ้านตระกูลจ้าว ก็ไม่ได้ออกไปไหน กลิ่นตัวเหม็นบนตัวเธอยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  โอหยางเซี่ยงหมิงที่อยู่บ้านก็ต้องใส่หน้ากากอนามัย  หวงอวี้เหลียนก็จะทนไม่ไหวแล้ว


“ช่างพิลึกพิลั่นจริงๆ สองปีก่อนอยู่ดี ๆ ตัวคุณก็มีกลิ่นเหม็นแปลกๆ ออกมา  ตอนนี้ซานซานก็เป็นอีก ผมว่าตระกูลหวงของคุณน่าจะมีประวัติการป่วยนี้มั้ง?” โอหยางเซี่ยงหมิงบ่นอย่างอารมณ์เสีย


หลายวันมานี้ข่าวลือซุบซิบในหน่วยงานทำเอาเขาร้อนใจอยู่ไม่เป็นสุข ถึงแม้ว่าหวงอวี้เหลียนจะให้หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์บทความล้างมลทินให้กับลูกสาวได้ทันเวลา ข่าวลือซุบซิบถึงได้เบาลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีบางคนพูดลับหลังว่าลูกสาวของเขาโดนคนบังคับฝืนใจ เขาได้ยินในห้องน้ำตั้งหลายรอบ


โอหยางเซี่ยงหมิงหันไปเหลือบมองห้องลูกสาวแวบหนึ่ง โอหยางซานซานไม่ได้ออกจากห้องมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ข้าวก็ไม่กิน จะเป็นจะตาย กลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว!


หวงอวี้เหลียนถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับสามี หลายวันมานี้ไม่รู้ว่าโอหยางปินหายไปไหนไม่บอกไม่กล่าว แม้กระทั่งคนจะให้ปรึกษายังไม่มีด้วยซ้ำ


ไม่มีโอหยางปินคอยช่วยเหลือ อาศัยเพียงแค่เธอคนเดียว ไร้วิธีจะต่อกรกับจ้าวเหมยนังสารเลวนั่นได้!


โอหยางเซี่ยงหมิงกินข้าวเย็นเสร็จก็ออกไปเดินเล่น อยู่ในบ้านก็กลุ้มใจ ออกไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า เขาเลือกเดินบนถนนเส้นเล็ก ๆ ที่สงบ   บนถนนก็มีเพื่อนที่ทำงานตึกเดียวกันกำลังเดินเล่นอยู่มากมาย เพราะว่าไฟข้างถนนเสีย คนพวกนี้จึงมองโอหยางเซี่ยงหมิงได้ไม่ชัดเจน


“พวกเธอได้ยินหรือยัง ช่วงนี้ตระกูลโอหยางมีข่าวใหม่ที่ดังระเบิดกว่าข่าวเดิมอีก!” มีคนพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น


………………………………………


 ตอนที่ 881 การเตือนของพระเจ้า


โอหยางเซี่ยงหมิงหยุดชะงัก ย่อตัวลงอย่างไม่รู้ตัว แล้วติดตามไปทุกฝีก้าว อยากจะฟังว่าท้ายที่สุดแล้วตระกูลเขามีข่าวใหม่อะไรอีก


ข้างหน้ามีคนเดินเรียงหน้ากระดานอยู่สามคน ต่างก็เป็นเหล่าแม่บ้านของตึกโทรทัศน์และวิทยุ ชอบนินทาเป็นกิจวัตร ในเมื่อมีความสนใจที่เหมือนกันทำให้พวกเธอมักจะมารวมตัวกันซุบซิบนินทาเป็นประจำ


“ฉันรู้ ก็แค่เรื่องที่ลูกสาวของผู้กำกับโอหยางโดนฉุดไปไม่ใช่เหรอ ถึงแม้ว่าในหนังสือพิมพ์จะบอกว่าเป็นการแกล้งกันของเพื่อน แต่ฉันไม่เชื่อเลยสักนิด” คนที่หนึ่งพูด


“ฉันก็ไม่เชื่อ ดูสิว่าบนหนังสือเขียนอะไรบ้าง อะไรคือนักเรียนดีนักเรียนตัวอย่าง มีจิตใจมีคุณธรรม ถุย คนทั้งตึกอยู่กันมาสิบกว่าปี ทำไมฉันจะดูไม่ออก เรื่องขี้โม้โอ้อวดจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว!” คนที่สองพูด


คนแรกสุดที่พูดว่าตระกูลโอหยางมีข่าวใหม่ข่าวใหญ่ก็เกิดอาการชอบใจขึ้นมาในทันที พูดอย่างเหยียดหยามว่า “ข่าวของพวกเธอน่ะช่างล้าหลังจริงๆ ตอนนี้มีข่าวใหม่ที่มาแรงและดังระเบิดยิ่งกว่า มีการเล่นชู้ด้วย น่าชมเสียยิ่งกว่าละครทีวีอีก!”


ทำเอาอีกสองคนดวงตาเป็นประกายในทันที เร่งให้ผู้หญิงคนนี้รีบๆพูด


โอหยางเซี่ยงหมิงอยู่ดีๆกลับมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น ขมวดคิ้ว หรือว่าจะเป็นเรื่องปีที่แล้วที่เขาไปทำงานต่างจังหวัดแล้วไปนอนกับใครบางคน?


ผู้หญิงคนนี้ลำพองใจมากที่ตัวเองได้กุมข่าวใหม่ที่สุดไว้ในมือ ทำเอาความอยากรู้ของเพื่อนและโอหยางเซี่ยงหมิงค้างเติ่ง ถึงจะหยิบรูปภาพออกมาจากกระเป๋าเสื้ออยู่หลายใบ โบกไปมาต่อหน้าเพื่อนๆ


“พวกเธอดูว่านี่คืออะไร?”


“มองไม่ชัด พวกเราไปดูข้างหน้า ตรงไหนมีไฟ!”


ทั้งสามคนรีบร้อนเดินไปข้างหน้า ไม่ได้สนใจโอหยางเซี่ยงหมิงที่ตามมาด้านหลังด้วยท่าทางลับๆล่อๆเลยสักนิด


โอหยางเซี่ยงหมิงที่กังวลว่าจะถูกเปิดเผยความลับความเจ้าชู้ของตัวเองก็ลูบคลำตามเสาไฟถนนด้านหลังไปด้วย หูก็ตั้งตระหง่าน อยากจะฟังว่าผู้หญิงสามคนนั้นจะพูดว่าอะไร


“อา……อา……โอโห……แย่แล้ว……”


ผู้หญิงสามคนตกใจก่อน แล้วก็พลันเกิดอาการดีใจ พูดตะโกนด้วยเสียงอันดัง ทุกคนต่างก็สูดปาก ส่งเสียงอุทานอย่างตะลึงที่ทำให้คนคิดไปไกล โอหยางเซี่ยงหมิงได้ยินก็เกิดอาการคันยุบยิบในใจยากจะทนไหว มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าไปแย่งรูปภาพพวกนั้นมามองให้ชัดๆ


”จุ๊ ๆ ๆ ผู้อำนวยการโอหยางช่างน่าสงสารจริงๆ ทำไมถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงใจง่ายมาเป็นภรรยาได้นะ ฉันน่ะได้ยินมานานแล้วว่าหวงอวี้เหลียนตอนเป็นสาวๆก็มีผู้ชายมานับไม่ถ้วน  ไม่ใช่คนดีอะไร ถุย กระต่ายมันยังไม่กินหญ้าของคอกสัตว์ข้างๆเลย นังจิ้งจอกนี่ช่างน่าไม่อายเสียจริงๆ!”


“นังจิ้งจอกไหนเลยจะมีหน้าให้อาย? แต่ว่านะลูกชายของผู้กำกับโอหยางก็ไม่ใช่คนดีอะไร ต่อให้นังจิ้งจอกยั่วยวนเขา แต่คนที่เล่นด้วยกลับเป็นตัวเขาเอง ถ้าในใจของเขายังนึกถึงพ่อของตัวเองบ้าง ก็ควรจะควบคุมน้องชายไว้ให้ดีๆสิ!”


“ก็นั้นน่ะสิ ลูกชายคนโตของผู้กำกับโอหยางฉันยังเคยเห็นอยู่หลายครั้ง พอได้เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกับหวงอวี้เหลียนหยั่งกับผีเน่ากับโรงผุ……”


……


โอหยางเซี่ยงหมิงที่อยู่หลังเสาไฟข้างถนนตอนที่ได้ยินเรื่องหวงอวี้เหลียนและลูกชายของตัวเอง ก็ไร้สติไปทั้งร่าง


หูของเขาดับมีเสียงอื้ออึงดังขึ้นราวกับเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบิน คำพูดต่อจากนั้นของผู้หญิงสามคนนี้เขาไม่ได้ยินเลยสักคำ เห็นแค่เพียงปากของผู้หญิงสามคนนี้ขยับขึ้นลง


ไม่ง่ายเลยที่หูจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โอหยางเซี่ยงหมิงกัดฟันอดทนไว้  ในดวงตาแผ่ไอเย็นยะเยือกออกมา


“พวกเธอยังไม่รู้เหรอ ชายโฉดหญิงชั่วสองตัวนี้ยังมีที่สุดยอดกว่านี้อีก!”


ผู้หญิงที่รายงานคนแรกตะโกนส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง โอหยางเซี่ยงหมิงใจตกถึงตาตุ่ม เขานึกไม่ออกจริงๆว่ายังมีเรื่องอะไรที่มากไปกว่าภรรยาและลูกชายของเขาแอบคบชู้อีกหรอ


ผู้หญิงพูดอย่างตื่นเต้น “ลูกสาวของผู้อำนวยการโอหยางหลายวันมานี้อยู่ดีๆก็มีกลิ่นตัวเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เรื่องนี้พวกเธอรู้ไหม?”


“รู้สิ โอ้โห้ กลิ่นเหม็นนั้นอยู่ห่างกันหนึ่งชั้นก็ยังได้กลิ่นเลย!”


“พวกเธอรู้ไหมว่าเหตุผลคืออะไร?”


“ไม่ใช่กลิ่นรักแร้เหรอ?”


“ไร้สาระ กลิ่นรักแร้ยังหอมกว่ากลิ่นตัวเธออีก ฉันจะบอกพวกเธอให้ว่านี่เป็นการเตือนจากพระเจ้า เพราะว่ามีคนทำเรื่องชั่วช้าไร้คุณธรรม……”


…………………………………….


ตอนที่ 882 มารหัวขน


รอจนผู้หญิงสามคนนั้นเดินไปไกลแล้ว โอหยางเซี่ยงหมิงถึงได้เดินออกมาจากหลังเสาไฟ เกิดอาการวิงเวียน หัวสมองก็มึนงงไปหมด


มารหัวขน……


คำพูดของผู้หญิงคนนั้นดังสะท้อนอยู่ข้างหูเขาไม่หยุด!


ลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของเขา แก้วตาดวงใจของเขา หัวแก้วหัวแหวนของเขา……


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกชู้!


เป็นลูกชู้ที่ลูกชายและภรรยาให้กำเนิดออกมา……


โอหยางเซี่ยงหมิงโซซัดโซเซ เขารีบจับเสาไฟฟ้าไว้ เรื่องในอดีตไหลพรั่งพรูออกมาราวกับกระแสน้ำก็ไม่ปาน รายละเอียดมากมายที่เมื่อก่อนเขาไม่ได้ใส่ใจก็ค่อย ๆ ผุดออกมา ยังมีคำพูดที่แม่ของเขามักจะพูดกรอกหูเขาอยู่เสมอ……


พิงเสาไฟฟ้าอยู่นาน โอหยางเซี่ยงหมิงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงได้  สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พรุ่งนี้เขาจะให้คนไปสืบหา คนหนึ่งคือภรรยาของเขา อีกคนคือลูกชายแท้ๆของเขา เขาไม่อยากให้พวกเขาถูกใส่ความ


หางตาของเขากวาดตาไปรอบ ๆ ก็เหลือบไปเห็นรูปภาพที่ตกอยู่บนพื้นหนึ่งรูป ใจก็พลันเต้นโครมคราม รีบร้อนเก็บขึ้นมา มองแค่แวบเดียว ภาพตรงหน้าของโอหยางเซี่ยงหมิงก็มืดลง


หากไม่ใช่ว่าเขาพิงเสาไฟฟ้าอยู่ กลัวว่าคงจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้นไปแล้ว


ผู้ชายผู้หญิงสองคนที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่บนรูปภาพ กำลังจูบกันอย่างเร่าร้อน มือของผู้ชายยังวางไว้บนส่วนอกอันอวบอิ่มโป๊เปลือยของผู้หญิง ส่วนห้องที่เป็นสถานที่พลอดรักเขาก็คุ้นเคยเป็นอย่างมาก


เพราะว่าเป็นโรงแรมที่ตัวเขาเองไปเปิดห้องอยู่บ่อยๆ จึงคุ้นเคยกับโครงสร้างของห้องในโรงแรมเป็นอย่างดี


อีกทั้งผู้ชายผู้หญิงคู่นี้ที่กำลังปล่อยความเร่าร้อนกันอยู่นี้ เขาก็คุ้นเคยไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ——


คนหนึ่งเป็นภรรยาของเขา อีกคนเป็นลูกชายคนโตของเขา ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่สนิทที่สุดของเขา


แต่ตอนนี้คนที่สนิทกับเขาทั้งสองคน กลับหักหลังเขา อาจจะมากจนกระทั่งให้กำเนิดนังมารหัวขนเลยก็ได้ ปิดตาปล่อยให้เขาโง่ได้มาตั้งสิบหกปี


โอหยางเซี่ยงหมิงมือสั่นเทายัดรูปลงไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต สูดหายใจเข้าลึก แล้วก็เดินกลับไป


หวงอวี้เหลียนที่อยู่ในบ้านจิตใจฟุ้งซ่าน หนังตาขวากระตุกอยู่ตลอด มีลางสังหรณ์ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น


เธอไปห้องครัวต้มบะหมี่มาหนึ่งชาม เคาะประตูห้องของโอหยางซานซาน พูดกับลูกสาวเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อให้ลูกเปิดประตู เพียงแต่โอหยางซานซานกำลังทุกข์ใจอยู่ จะพูดยังไงก็ไม่ยอมเปิดประตู เอาแต่ร้องไม่หยุด


ตอนที่โอหยางเซี่ยงหมิงถึงบ้าน หวงอวี้เหลียนก็ยังพูดจาดี ๆ อยู่   เพียงแต่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปปลอบใจลูกสาวต่อ


ถ้าหากเป็นตอนปกติ โอหยางเซี่ยงหมิงก็คงไม่คิดมากอย่างแน่นอน


เพียงแต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน  โอหยางเซี่ยงหมิงจะไม่คิดมากได้อย่างไร เขานึกถึงท่าทางเย็นชาที่หวงอวี้เหลียนทำกับตัวเองในยามปกติขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้ก็ระเบิดในทันที


เขาพุ่งขึ้นไปด้วยดวงตาที่แดงก่ำ  ปัดชามบะหมี่ในมือของหวงอวี้เหลียนคว่ำหกตกกระจายเต็มพื้น น้ำแกงสาดกระจายไปทั่วทุกทิศ


“คุณเป็นบ้าอะไร?”


หวงอวี้เหลียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เรื่องของลูกสาวก็ทำเอาเธอร้อนใจอยู่ไม่สุขแล้วอีก เสียงก็เลยแหลมกว่าในยามปกติมาก


“เพี๊ยะ……”


โอหยางเซี่ยงหมิงตบหน้าไปอย่างไม่คิดอะไรทั้งนั้น ตบจนหวงอวี้เหลียนเซถอยหลังไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมปูดขึ้นมาในทันที


“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณตบฉันทำไม?”


หวงอวี้เหลียนทั้งเจ็บทั้งโมโห รักษาท่าทีสวยสง่างามในยามปกติเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว ตวาดเสียงดังออกมา


“นังสารเลว ฉันจะตีนังสารเลวอย่างแกให้ตาย กล้าสวมเขาให้ฉันหรอ……”


โอหยางเซี่ยงหมิงเสียสติไร้เหตุผลไปแล้วเรียบร้อย ความอดทนและความอยากปกป้องเมื่อครั้งก่อนที่เขามีต่อหวงอวี้เหลียน เวลานี้กลายเป็นอารมณ์โทสะไปหมดแล้ว เขาทั้งถีบทั้งเตะหวงอวี้เหลียนที่อยู่บนพื้น ไม่ผ่อนแรงเลยแม้แต่นิดเดียว


มีเพียงแค่นี้ เขาถึงจะสามารถระบายอารมณ์โมโหที่อัดอั้นในใจได้บ้าง


โอหยางซานซานได้ยินความเคลื่อนไหวในห้องรับแขก ก็รีบวิ่งออกมา กลับเห็นหวงอวี้เหลียนโดนพ่อซ้อมปางตายอยู่


“พ่ออย่าตีอีกเลย……”


โอหยางซานซานร้องเรียก และพุ่งตัวเข้าไป


กลิ่นเหม็นแผ่ออกมา โอหยางเซี่ยงหมิงสะอิดสะเอียนจนอยากจะอ้วก แล้วก็นึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของผู้หญิงสามคนนั้นอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำราวกับเลือดไหลออกมาก็ไม่ปาน


“นังมารหัวขน……”


………………………………………


ตอนที่ 883 พูดคำพูดลามกออกมา


เหมยเหมยกำลังรอคอยข่าวคราวของบ้านตระกูลโอหยางอยู่ตลอด ก็ไม่รู้ว่าโอหยางเซี่ยงหมิงได้ยินข่าวคบชู้พวกนั้นแล้วหรือยัง ร่วมถึงรูปภาพที่น่าตื่นเต้นพวกนั้นด้วย


“ที่เธอพูดว่าละครสนุก ๆ อยู่ไหนล่ะ ทำไมยังไม่เริ่มอีก?”


สยงมู่มู่รอจนความอดทนใกล้จะหมด หลายวันมานี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะเขียนเพลงเสียด้วยซ้ำ ตั้งตารอดูละครสนุก ๆ แต่ผ่านไปสามวันแล้ว คลื่นลมก็ยังคงสงบ


“รีบร้อนอะไรเล่า  ละครดีๆก็ต้องเอาไว้ฉายตอนท้ายสุดสิ!”


ตัวเหมยเหมยเองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน จึงพูดอย่างฉุนๆ


โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเหยียนหมิงซุ่นที่โทรมา เขาโดนเฮ่อเหลียนชิงส่งตัวไปฝึกอบรมที่เขตฐานลับ ปลีกตัวออกมาไม่ได้ แต่ว่าเขาก็ส่งคนติดตามหวงอวี้เหลียนอยู่ตลอด


ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงคนนี้ดีหรือไม่ดี แต่การทำงานก็ถือว่าใจกว้างตรงไปตรงมาอยู่ เพิ่งจะรับเหยียนหมิงซุ่นก็ให้ลูกน้องกับเขาแล้ว  ให้เขาสามารถรับรู้ข่าวคราวการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวงได้ตลอดเวลา


“โอหยางเซี่ยงหมิงเมื่อคืนวานทุบตีหวงอวี้เหลียนไปอย่างดุร้าย และยังมีโอหยางซานซานอีก แต่ว่าเขาไม่ได้หยิบรูปภาพพวกนั้นออกมา”


เหมยเหมยดีอกดีใจ โอหยางเซี่ยงหมิงที่ปฎิบัติต่อสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนเหมือนเป็นแก้วตาดวงใจล้ำค่า แต่กลับลงไม้ลงมือแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาโมโหมากขนาดไหน!


“ในมือเขาไม่มีรูปภาพใช่ไหมหรือยังไง? ไม่อย่างนั้นฉันพิมพ์ออกมาอีกสักร้อยใบ โปรยที่ตึกโทรทัศน์และวิทยุนั้น?”


เหมยเหมยคิดแผนการขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าที่ตัวเองให้คนไปโปรยรูปภาพตามถนนซอกซอยเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ควรจะจะไปโปรยที่ตึกโทรทัศน์และวิทยุแต่แรกแล้ว!


แบบนี้ขอเพียงแค่โอหยางเซี่ยงหมิงเลิกงานกลับบ้าน ก็จะสามารถเห็นรูปภาพสวยงามที่ร้อนแรงเสียวสะท้านพวกนั้นได้……


ยังมีหวงอวี้เหลียนและโอหยางซานซาน……อยากจะรู้จริงๆว่าหากพวกเธอเห็นรูปพวกนั้นจะมีท่าทียังไง!


มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากในโทรศัพท์ “ไม่ต้อง โอหยางเซี่ยงหมิงให้คนไปรวบรวมรูปภาพเรียบร้อยแล้ว และวันนี้เขายังไปโรงพยาบาลอีกด้วย”


เหยียนหมิงซุ่นหยุดไป แล้วก็พูดต่อว่า “โอหยางเซี่ยงหมิงไปแผนกเกี่ยวกับผู้ชาย”


เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย ตะโกนเสียงดังว่า “แบบนี้โอหยางเซี่ยงหมิงก็จะรู้ในเร็วๆนี้ว่า จ้าวโลกของเขาใช้การไม่ได้มานานแล้ว มีไว้แค่ประดับเท่านั้นเอง……”


เหมยเหมยที่ดีใจจนเกินไปและมีความเหลิงหน่อยๆ จึงลืมเสแสร้งทำตัวเป็นเด็กสาวเรียบร้อยไปชั่วขณะ พูดจาที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กออกมาโดยไม่ได้ยั้งคิด


จ้าวเสวียหลินคิ้วขมวดแน่น สยงมู่มู่ตกตะลึงก่อน หลังจากนั้นใบหน้าหล่อๆก็แดงซ่าน เหมือนกับเด็กอ้วนน้อยตอนเขินอาย หดตัวอยู่มุมโซฟา ปิดบังความเขินอาย แต่หูกลับตั้งตรงอย่างตั้งใจฟัง


มีแค่เพียงเซียวเซ่อที่หน้านิ่งๆ หยิบไอศครีมถ้วยใหญ่มา ตักเข้าปากคำใหญ่ ชำเลืองมองคนสองคนที่เขินอายอย่างดูถูกแล้วแค่นเสียงใส่เบาๆ


เสแสร้ง คำพูดลามกแค่นี้ก็ยังรับไม่ได้ ถ้าหากไปสโมสรแล้วเห็นพวกผู้หญิงทะเลาะกัน คงอยากตายไปเลยมั้ง?


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดที่ทะลึงตึงตังของเจ้าหญิงน้อยของตนเองอยู่บ้าง แต่คิดแล้วก็กลับรู้สึกว่าปกติธรรมดา แม้กระทั่งรูปภาพคบชู้ระเริงรักยังกล้าถ่าย เด็กน้อยยังจะมีอะไรที่ไม่กล้าพูดอีก!


โทรศัพท์ฝั่งนั้นมีเสียงเร่งลอยผ่านเข้ามา เหยียนหมิงซุ่นรีบพูดว่า “ครูฝึกให้คนมาตามพี่แล้ว เหมยเหมยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆก็พอนะ รอพี่ฝึกอบรมเสร็จแล้วจะไปหาเธอ….พลั่ก….”


เหยียนหมิงซุ่นยังพูดไม่จบ โทรศัพท์ก็สายตัดไป


เหมยเหมยรู้สึกจิตใจหดหู่ แต่ก็กลับมาดีใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


มีรูปภาพพวกนั้น และผลตรวจที่วันนี้โอหยางเซี่ยงหมิงไปตรวจที่โรงพยาบาล ว่าร่างกายของตัวเองไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้อีก โดนความจริงไปเยอะขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนก็คงอดกลั้นไม่ได้หรอกมั้ง?


“โอหยางเซี่ยงหมิงจะไล่หวงอวี้เหลียนออกจากบ้านไหม? ยังมีแม่หมีน้ำตาลนั่นอีก?”


สยงมู่มู่ตื่นเต้นมากๆ ยิ่งตั้งตารอคอยที่จะเห็นจุดจบอันน่าเวทนาของแม่ลูกหวงอวี้เหลียน


“แม่หมีน้ำตาลเนี่ยพูดยาก ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทั้งลูกสาวทั้งหลานสาว ส่วนหวงอวี้เหลียนฉันรู้สึกว่าคงจะไม่เอาไว้แล้วล่ะ โดนสวมเขาป้อนหญ้ามาสิบกว่าปี  ถ้าโอหยางเซี่ยงหมิงยังสามารถทนต่อไปได้ เขายังถือว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกหรอ?”


เหมยเหมยมั่นใจอย่างล้นเปี่ยม เธอมีความมั่นใจว่าโอหยางเซี่ยงหมิงจะต้องไม่ทนต่อไปแน่นอน


…………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)