อยากกินไหมล่ะ 861-862
บทที่ 861 ขาดการสั่งสม
ท่ามกลางบรรดาลูกค้าที่ปรากฏตัว ผู้ที่แตกฉานในภาษาจีนที่สุดก็คือหลิงหง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่มีท่าทีตอบสนอง
เดี๋ยวนี้เขามาเยือนร้านนี้เป็นประจำแทบทั้งปีก็ว่าได้ หลิงหงคุ้นเคยกับกับวัตถุดิบชนิดต่างๆที่หยวนโจวจะนำมาใช้ ดังนั้นน้ำตามธรรมชาติที่ให้กลิ่นพุทรา ลำไยป่อไป่และอื่นๆจึงล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่ไม่สร้างความตกตะลึงให้แก่เขามากสักเท่าไหร่นัก แต่วัตถุดิบอย่างสุดท้ายก็ยังเกินกว่าความคาดหมายของเขาอยู่ดี
“เถ้าแก่หยวน น้ำจากน้ำพุฮุ่ยของนายจะเหมือนน้ำจากน้ำพุฮุ่ยที่ฉันรู้จักหรือเปล่านะ?” หลิงหงขอคำยืนยันอีกครั้ง
“ยังจะมีน้ำจากน้ำพุฮุ่ยในประเทศอีกงั้นหรือ?” หยวนโจวแย้งด้วยคำถาม
หลิงหงตอบทันทีว่า “แค่ก แค่ก แต่น้ำจากน้ำพุฮุ่ยมิได้มีไว้ชงชาหรอกหรือ?”
แน่นอนว่าหลิงหงย่อมต้องทราบเรื่องนี้ดี ถึงอย่างไรเมื่อคนรวยๆแก่ตัวขึ้น เขาก็จะตกหลุมรักชาหรือของโบราณอย่างใดอย่างหนึ่ง บังเอิญว่าปู่ของเขาก็เป็นคนรักชา เขาไม่ได้บอกปู่ว่าหยวนโจวทำไข่ต้มชาสมุนไพรด้วยชาดำคีมุน มิฉะนั้นปู่คงได้ทุบร้านนี้ทิ้งเป็นแน่
ถึงอย่างไรปู่ของเขาก็ยังร่างกายแข็งแรงมาก อย่างน้อยก็ปีที่แล้วนี้เองที่ปู่ปาโทรศัพท์จนพังด้วยความโกรธหลังจากเล่นเกมงูในมือถือแพ้
และเมื่อมีคนพูดถึงเรื่องชาก็คงหนีไม่พ้นต้องพูดถึงเรื่องน้ำที่ใช้เป็นแน่ น้ำที่ปู่ของเขาใช้ชงชานำเข้าเป็นพิเศษมาจากน้ำพุฮุ่ย ตอนนี้หยวนโจวใช้น้ำจากน้ำพุฮุ่ยมาแช่ลำไยงั้นหรือ? หลิงหงสามารถจินตนาการได้เลยว่าปู่จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดไหนถ้าเกิดรู้เข้า
“อืม คุณภาพน้ำของน้ำพุฮุ่ยดีมากเลยล่ะ ช่างเหมาะกับการชงชาจริงๆ” หยวนโจวพยักหน้าเห็นด้วย “แต่เหมาะที่จะเอาไปแช่ลำไยมากกว่า”
เขาพูดเสียฟังดูเป็นเหตุเป็นผลทีเดียว หลิงหงยิ้มแต่ในใจเขาหาได้ยิ้มด้วยไม่ ลู่อวี่เทพแห่งชาได้จำแนกน้ำพุที่ดีที่สุดในประเทศเอาไว้ถึง 20 แห่งโดยมีน้ำพุกู่เหลียนแห่งลู่ซานเป็นแห่งแรก ในขณะที่น้ำพุฮุ่ยเป็นแห่งที่สอง
ในด้านการชงชา น้ำพุฮุ่ยค่อนข้างไม่เพียงพอจริงๆนั่นแหละเมื่อเทียบกับน้ำจากน้ำพุกู่เหลียนแล้ว แต่จะมีเรื่องอะไรน่าตลกเท่ากับการบอกว่ามันเหมาะที่จะนำมาแช่ลำไยมากกว่างั้นหรือ? ถ้าหากผู้อื่นมาได้ยินคำพูดของหยวนโจว เขาจะต้องถูกตีตายเป็นแน่
“เถ้าแก่หยวนช่างไม่ธรรมดาจริงๆ” หลิงหงลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างจริงจัง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิงหงมองหยวนโจวด้วยสายตาแปลกๆแล้วล่ะก็คำกล่าวเช่นนี้ก็คงจะดูบริสุทธิ์ใจมาก ทว่าในความเป็นจริงนั้น หลิงหงกำลังเปรียบเทียบหยวนโจวกับปู่ของเขาอยู่ในใจ
“แหงอยู่แล้ว” หยวนโจวยอมรับคำกล่าวให้เป็นคำชมแล้วทำอาหารต่อโดยทิ้งกลุ่มลูกค้าที่ตกตะลึงพรึงเพริศเอาไว้ทางด้านหลัง
หยวนโจวเห็นว่าตนเองจากไปทันทีหลังจาก “ทำเท่ห์” แล้วก็ให้รู้สึกพึงพอใจนัก
ส่วนหลิงหง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เอาล่ะ ทีนี้ฉันก็รู้แล้วว่าทำไมชาลำไยและพุทราแดงถึงได้แพงเสียขนาดนั้น” ลูกค้าที่ถามคำถามด้วยสีหน้าเฉยเมยกล่าวขึ้น
“ฉันไม่รู้จักน้ำพุฮุ่ยหรอกนะ แต่ฉันรู้จักพุทราไหมทองฉางโจวล่ะ” ลูกค้าคนหนึ่งกล่าว
“ฉางโจวตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ยและพุทราก็เป็นที่นิยมมาก กล่าวได้ว่าเมื่อผ่าออกมาก็จะเห็นผลไม้ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยเส้นไหมสีทอง โดยสามารถดึงเส้นไหมที่มีความยาวประมาณหนึ่งหรือสองนิ้วออกมาได้ก่อนที่จะขาด ลองตรวจสอบดูสิว่าพุทราของเธอเป็นแบบนั้นหรือเปล่า” ลูกค้าคนนั้นกล่าวกับญินยา คนผู้นี้เป็นผู้มาเยือนที่มาจากฉางโจวหลังจากได้ยินชื่อเสียงของหยวนโจวอันเป็นตัวอย่างอันแสนสมบูรณ์แบบของคนรวยที่แสนจะเอ้อระเหยลอยชาย
กริ๊ง! ญินยาใช้ช้อนตักพุทราแล้วเริ่มวิเคราะห์ดู เธอลองกัดเข้าไปคำหนึ่ง
“เป็นแบบนั้นจริงๆด้วย” ก่อนที่ญินยาจะทันได้พูดอะไรออกมา ถังซีก็พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าจะมีคนมากมายที่พยายามปลูกพุทราพวกนี้ด้วยไหมทอง พวกมันมีเส้นไหมสีทองที่หาได้ยากยิ่งอย่างแท้จริง อย่างน้อยฉันก็คนหนึ่งล่ะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” ลูกค้าคนหนึ่งถึงกับทอดถอนใจ
ลูกค้าทอดถอนใจแถมน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูค่อนข้างหดหู่อีกต่างหาก
พุทรามีชื่อเสียงก็เพราะเส้นไหมสีทองพวกนั้นทั้งยังเป็นเพราะมีพุทราไหมทองของปลอมอยู่อีกเกลื่อนจึงทำให้มีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก ไม่แปลกเลยที่ลูกค้าผู้นี้ที่เป็นคนฉางโจวจะรู้สึกหดหู่เช่นนี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เถ้าแก่หยวนมักจะใช้วัตถุดิบของแท้อยู่เสมอแหละ” ถังซีปลอบโยน
“ใช่แล้วล่ะ ร้านของเถ้าแก่หยวนเป็นเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่คุณสามารถกินอาหารต้นตำหรับได้จริงๆ” ลูกค้ากล่าวพลางพยักหน้า เป็นเรื่องค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวทั้งๆที่เป็นคนฉางโจว แต่เขาก็ยังอยากมาเยือนเมืองเฉิงตูเพื่อกินพุทราไหมทองของแท้
มันเป็นแนวคิดเดียวกับ “การซื้อเหล้าเหมาไถที่ประเทศฝรั่งเศสแทนที่จะซื้อที่กุ้ยโจว” ที่พูดถึงกันในอินเตอร์เน็ตนั่นเอง
ตอนนี้พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในร้านหยวนโจว บรรดาลูกค้าเริ่มคุยกันไม่หยุด
เมื่อพูดถึงวัตถุดิบแล้วก็คงหนีไม่พ้นต้องพูดถึงเรื่องอัลบั้มรูปวัตถุดิบที่หยวนโจวรวบรวมขึ้นมา ดังนั้นลูกค้าในร้านจึงเริ่มพูดถึงเรื่องวัตถุดิบกันอย่างจริงจังในขณะที่หยวนโจวกำลังทำอาหารอย่างคร่ำเคร่ง
ถึงอย่างไรก็เหลือเวลาอาหารกลางวันอีกแค่ 10 นาทีแล้ว
ในตอนนี้เอง เจ้าระบบที่ถูกหยวนโจวยั่วยุเมื่อคืนนี้จู่ๆก็พูดขึ้นมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ภารกิจหลักทำงานแล้ว คุณจะยอมรับหรือไม่?”
“อืม?” หยวนโจวรู้สึกสงสัยทว่าหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยนสี เขาโรยเครื่องปรุงที่ถืออยู่ด้วยความใจเย็นหลังจากทำอาหารเสร็จแล้วค่อยถามขึ้นมา
“ภารกิจหลักงั้นรึ?” น้ำเสียงของหยวนโจวเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ถึงอย่างไรหลังจากภารกิจหลักเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็ได้รับภารกิจรองและภารกิจที่ซ่อนอยู่มาตั้งมากมายแล้ว เพียงไม่นานเขาก็เห็นภารกิจหลัก
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่แล้ว คุณจะรับภารกิจหรือไม่?”
“หายากที่แกจะสุภาพมากขนาดนี้ ฉันไม่ชินเอาเสียเลย” หยวนโจวถือโอกาสล้อเลียนขณะที่โจวเจียออกไปรับออเดอร์
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “สหายน้อย สิ่งที่นายคิดตอนนี้อันตรายมากนัก”
“แค่ก แค่ก” น้ำเสียงของเจ้าระบบที่จู่ๆก็เปลี่ยนไปทำให้หยวนโจวแทบสำลัก โชคดีที่เขาสามารถหยุดไอได้มิฉะนั้นคงต้องแลกมาด้วยการเจ็บเอวเป็นแน่
แต่อย่างไรก็ตามใบหน้าของหยวนโจวก็ยังแดงก่ำอยู่เลย ส่วนเล็กๆของใบหน้าที่ไม่ได้ถูกหน้ากากอนามัยคลุมไว้ก็แดงไปด้วย ทันใดนั้นเขาก็รีบหันหลังให้บรรดาลูกค้า
“เจ้าระบบ แกลัดวงจรแล้วใช่ไหม? สหายน้อยหมายความว่ายังไงกัน?” หยวนโจวรู้สึกตกตะลึงเสียจนเริ่มพูดด้วยสำเนียงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของหยางซู่ซินไปแล้ว
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ฉันบอกได้แค่ว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณที่สั่งให้คุณทำอะไรเป็นเด็กๆแบบนั้นแหละนะ เจ้านาย”
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “สหายน้อย โปรดเลือกกลุ่มที่จะเข้าสอบแล้วยอมรับภารกิจเสีย”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันจะยอมรับภารกิจก็ได้ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปฉันคงต้องจำทฤษฎีสังคมนิยมทั้ง 24 ข้อได้แหงๆเลย” หยวนโจวกล่าวพลางกุมขมับ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ภารกิจออกมาแล้วลองตรวจสอบดูสิ”
แล้วเจ้าระบบก็เงียบไปอีกครั้ง แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะวิธีการใหม่ที่เจ้าระบบใช้เรียกหยวนโจวในขณะนี้ ความเงียบเช่นนี้จึงทำให้หยวนโจวถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าระบบแค่ออกมาก่อเรื่องอย่างไรอย่างนั้นแหละ” หยวนโจวถอนหายใจแล้วทำอาหารต่อไป
หลังจากหมดเวลาอาหารกลางวันแล้วบรรดาลูกค้ากับโจวเจียก็กลับไป หยวนโจวถึงค่อยเปิดภารกิจใหม่ขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน
[ภารกิจหลัก] กลายเป็นสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนร้านต่อไปแล้วก็กลายเป็นแหล่งรวบรวมอาหารตำหรับเสฉวนแห่งใหม่
(เคล็ดลับในการทำภารกิจ: การประเมินสุดยอดร้านอาหารตำหรับเสฉวนประจำปีจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ในฐานที่เป็นสุดยอดเชฟในอนาคต สหายน้อย คุณต้องไขว่คว้าชื่อเสียงครั้งนี้มาให้ได้นะ ในฐานที่เป็นผู้สืบทอดที่สำคัญของกลุ่ม ชื่อเสียงก็จะเป็นของคุณด้วย)
[รางวัลภารกิจ] อาหารตำหรับเสฉวนของอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อทั้งแปดอย่าง
(เคล็ดลับในการได้รางวัล: จากการประเมินของระบบนี้ เชฟขั้นกลางจะต้องไม่ขาดตำหรับอาหารครบชุด ดังนั้นจงบรรลุภารกิจให้ได้นะ สหายน้อย หลังจากบรรลุภารกิจแล้ว คุณก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอาหารตำหรับเสฉวนอย่างไรเล่า)
บทที่ 862 งีบหลับกับหมอน
หลังจากหยวนโจววิเคราะห์ภารกิจให้ดีเพียงไม่นาน เขาก็พูดในใจขึ้นมา
“เจ้าระบบ ฉันจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นชื่อโง่ๆที่แกเรียกฉันก็แล้วกัน เรามาให้ความสนใจกับภารกิจกันเถอะ ทำไมภารกิจนี้รู้สึกเหมือนจะมีสองภารกิจมากกว่าเลยล่ะ?” หยวนโจวถามขึ้นมาทันทีโดยทำตามข้อคิดเห็นของประกาศทั้งๆที่ยังคลางแคลงใจเพื่อเลี่ยงมิให้ถูกหลอกอีก
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เมื่อเอาชนะกิจกรรมครั้งนี้ได้ก็ถือว่าบรรลุภารกิจ”
“โอ้ งั้นก็หมายความว่าถ้าเอาชนะได้ก็หมายความว่าบรรลุภารกิจครั้งนี้สินะ?” หยวนโจวถามขึ้น
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่แล้ว สหายน้อย”
“หยุดเรียกฉันแบบนั้นเสียทีเถอะน่า” หยวนโจวกล่าวอย่างอับจนหนทาง
เจ้าระบบไม่ตอบ หยวนโจวจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วโยนชื่อประหลาดๆนั้นออกไปจากหัวแล้วอ่านภารกิจต่อไป
“รางวัลดูดีเชียวล่ะ แต่ตำหรับอาหารเสฉวนหมายถึงตำหรับอาหารเสฉวนทั้งหมดหรือเปล่านะ?” หยวนโจวพึมพำกับตนเอง เขาเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักเคาน์เตอร์แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
“เจ้าระบบ นี่เป็นตำหรับอาหารเสฉวนทั้งหมดที่รวมเอาอาหารชาววัง อาหารท้องถิ่นฉงชิ่งตำหรับเสฉวนและอื่นๆด้วยหรือเปล่า?” หยวนโจวถามขึ้น
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่ รวมพวกนั้นด้วย”
“แล้วอาหารจานรองล่ะ?” สิ่งนี้ไม่ทำให้หยวนโจวพูดติดลมแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาเริ่มฉลาดขึ้นบ้างแล้วหลังจากทำสงครามด้านสติปัญญาและความกล้าหาญกับเจ้าระบบมานับครั้งไม่ถ้วน
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่”
“งั้นคราวนี้ก็คงไม่มีเงื่อนไขพิเศษในการปลดล็อกอาหารจานรองแล้วใช่ไหม?” หยวนโจวถามขึ้นมาอีก
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “คุณจะไม่ทราบจนกว่าจะบรรลุภารกิจ”
“โฮ่โฮ่ ฉันมีความรู้สึกว่าแกพยายามที่จะโกงฉันอีกแล้วนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้น
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ด้วยรางวัลอันแสนยั่วใจจึงทำให้หยวนโจวต้องบรรลุภารกิจให้จงได้ ถึงอย่างไรการล่อด้วยตำหรับอาหารทั้งชุดก็มากเกินพอแล้ว
เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองแล้วเตรียมที่จะค้นคว้าหาข้อมูลการแข่งขันในครั้งนี้เพิ่มเติม
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้สามารถค้นหาข้อมูลมากมายได้ในอินเตอร์เน็ต ดังนั้นที่แรกที่หยวนโจวจะค้นหาก็คืออินเตอร์เน็ตนั่นเอง
หวือ! หวือ! หวือ! หยวนโจวใช้โทรศัพท์นำทางอย่างรวดเร็วและไม่นานนักหลายๆเว็บเพจก็เปิดขึ้นมา แม้แต่สารานุกรมออนไลน์ก็ยังเปิดขึ้นมาด้วย
หลังจากอ่านจนละเอียดแล้ว หยวนโจวก็เข้าใจพื้นฐานของการแข่งขันครั้งนี้แล้ว
ปรากฏว่าเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของตำหรับอาหารเสฉวน ในแต่ละปีจะจัดให้มีการคัดเลือกร้านอาหารตำหรับเสฉวน นี่คือกิจกรรมที่รัฐบาลกับบรรดาเชฟตำหรับอาหารเสฉวนร่วมกันจัดขึ้น อันเป็นมาตรฐานที่เคร่งครัดมากทีเดียว
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกจะต้องได้รับคำรับรองจากรัฐบาลเสียก่อน ถัดมาเป็นขั้นตอนการลงคะแนนเสียงที่บรรดาเชฟจัดขึ้นเองก่อนที่จะคัดเลือกร้านอาหาร
พูดง่ายๆก็คือการแข่งขันนี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของเสฉวน ดังนั้นนี่จึงหาใช่การแข่งขันที่มีคะแนนโหวตมาจากผู้คนจำนวนมากในอินเตอร์เน็ตเพียงเท่านั้น ถึงอย่างไรก็มีตัวแปรมากเกินไปหากพวกเขาคิดจะทำเช่นนั้น
ถึงอย่างไรร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกก็จะได้รับคำรับรองจากรัฐบาลและวางจำหน่ายได้อย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าตำหรับอาหารเสฉวนอันดับหนึ่งอันเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการย่อมเป็นสิ่งที่บรรดาเชฟตำหรับอาหารเสฉวนต่างปรารถนา ดังนั้นการแข่งขันจึงมักจะรุนแรงมากอยู่เสมอ
ตั้งแต่ปีแรกจนถึงตอนนี้ การแข่งขันนี้จัดขึ้นมาสามครั้งแล้ว และเมื่อหยวนโจวได้เห็นเหล่าแชมป์ทั้งสามครั้งที่ผ่านมาก็ทำให้ความมั่นใจของเขาเริ่มหดหายลงไปทันที
ร้านอาหารทั้งสามแห่งมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งคือ ประวัติอันยาวนาน แถมหนึ่งในนั้นยังพบว่าเป็นร้านของอู๋หยวี่เซิงสุดยอดเชฟตำหรับอาหารเสฉวน ไม่แปลกใจเลยที่ไก่ผัดถั่วลิสงที่เป็นอาหารจานเด็ดของร้านแห่งนั้นจะเป็นอาหารจานเด็ดของอู๋หยวี่เซิงเช่นเดียวกัน นั่นเป็นร้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปีเชียวนะ
ส่วนอู๋หยวี่เซิงนั้น เขายังเป็นผู้ก่อตั้งร้านเอ๋อเหมยอีกด้วย อาหารของเขาเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายแม้แต่เหมยหลานฟางกับจางโหย่วอี้ปรมาจารย์ด้านอุปรากรปักกิ่งและฉีไป๋สือจิตรกรเลื่องชื่อก็ยังชื่นชอบอาหารของเขาเลย
นี่คือประวัติความเป็นมาอันน่าประทับใจที่ร้านอาหารแห่งแรกมี แน่นอนว่าร้านอาหารแห่งที่สองก็มีความน่าประทับใจในทำนองเดียวกัน
เป็นร้านอาหารตำหรับเสฉวนของจางอันเป็นร้านที่จางกวังอู่เคยทำงานมาก่อน ร้านขึ้นชื่อเรื่องปลาต้มเผ็ดซึ่งเป็นอาหารจานเด็ดของจางกวังอู่ที่เป็นที่นิยมในประเทศมากทีเดียว
นอกจากนี้จางกวังอู่ยังเป็นเชฟส่วนตัวของจางฉุน แถมอาหารของเขายังเป็นที่ชื่นชอบของจางเสวี่ยเหลียงและคุณผู้หญิงจ้าวลำดับที่สี่
ส่วนร้านแห่งที่สามเป็นร้านอาหารชาววังที่เปิดมานาน กะหล่ำปลีต้มที่เป็นที่รู้จักกันดีก็เป็นอาหารจานเด็ดของร้านนี้
เมื่อเทียบกันทั้งสามร้านแล้ว ร้านหยวนโจวก็แค่ร้านเล็กๆเท่านั้น แถมยังมีประวัติความเป็นมาไม่ถึงสองปีอีกต่างหาก แต่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงทีเดียว อย่างน้อยก็มีชื่อเสียงมากในเสฉวนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ถึงอย่างไรเจ้าระบบก็ตัดสินแล้วว่าเป็นที่นิยมมากในเสฉวนแหละน่า
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจเทียบได้กับร้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานพวกนั้นที่เป็นที่นิยมมานับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วเขาจะไปแข่งความนิยมกับพวกเขาได้อย่างไรกันเล่า?
หยวนโจวรู้สึกปวดหัวเหลือเกิน ลืมเรื่องที่เขาจะเอาชนะไปก่อนเถอะ เขาจะได้รับคำรับรองจากรัฐบาลได้อย่างไรกัน? หลังจากค้นหาอยู่สักครู่ เขาก็พบแค่ข้อมูลที่เป็น “คำรับรองจากรัฐบาล”
“เจ้าระบบ ภารกิจไม่เกินความสามารถไปหน่อยหรือ?” หยวนโจวถึงกับถอนหายใจ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ในฐานที่เป็นสุดยอดเชฟในอนาคต นี่คือชื่อเสียงที่เจ้านายจะต้องไขว่คว้ามาให้ได้”
“อืม ฟังดูมีเหตุผลเหมือนกันนะ ในด้านพละกำลังนั้น ลำพังแค่อาหารท้องถิ่นเฉิงตูตำหรับเสฉวน ฉันไม่กลัวหรอกนะ แต่ปัญหาก็คือฉันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะยืนอยู่บนเวทีเดียวกันอย่างคนอื่นนี่น่ะสิ” หยวนโจวทอดถอนใจ
ใช่แล้วล่ะ นี่อาจจะเป็นการแข่งขันแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นการแข่งขันด้านฝีมือการทำอาหารที่เคร่งครัดอะไรนักหรือเป็นสิ่งที่เขาจะสามารถเข้าร่วมการแข่งกันกับผู้อื่นได้ แค่ “คำรับรองจากรัฐบาล” เพียงคำเดียวก็มากพอที่จะสกัดความก้าวหน้าของผู้คนทั้งหลายได้แล้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือหยวนโจวในตอนนี้นี่แหละ แม้ว่าเขาอยากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขนาดไหนก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
แน่นอนว่าหยวนโจวยังมีความมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตนเอง เขารู้จักทั้งปลาต้มเผ็ดและไก่ผัดถั่วลิสงเช่นกัน แต่ในด้านประวัติความเป็นมาของร้าน หยวนโจวกลับยังห่างไกลจากร้านอื่นๆนัก
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “สหายน้อย ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณนะ”
“ขอบใจที่เชื่อนะ” หยวนโจวลูบหน้าตัวเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคขวากหนาม เขาก็ไม่สนใจว่าเจ้าระบบจะเรียกเขาว่าอย่างไรอีกต่อไปแล้ว
ร้านหยวนโจวไม่เคยสั่งสมอะไรมาก่อนเลยแล้วลำพังหยวนโจวแค่คนเดียวจะบรรลุภารกิจนี้ได้อย่างไรกัน?
“โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆจริงๆ” หยวนโจวรำพึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมรางวัลจึงมากมายนัก
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “สหายน้อย คุณสามารถทำอาหารกลางวันให้ตัวเองได้นะ ฉันจะคิดแค่ราคาวัตถุดิบของคุณเท่านั้นแหละ”
“… ขอบใจนะ” หยวนโจวกล่าวอย่างอับจนหนทาง ใช่แล้วล่ะ เจ้าระบบพูดมีเหตุผล
เขาครุ่นคิดพลางขมวดคิ้วแล้วไม่สนใจเจ้าระบบอีกต่อไป
ปกติหยวนโจวจะไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ทุ่มเถียงกับเจ้าระบบไปหรอกนะ
“อย่างแรกฉันต้องหาวิธีเข้าแข่งขันให้ได้เสียก่อน” หยวนโจวลูบศีรษะแล้วใคร่ครวญดู ในเมื่อเขาไม่สามารถหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้ เขาก็ต้องถามเอาจากผู้อื่นแล้ว เขาลองตรวจสอบและพบว่าการแข่งขันนี้เป็นสมาคมสืบทอดตำหรับอาหารเสฉวนกับสมาพันธ์เชฟแห่งประเทศจีนร่วมกันจัดขึ้นมา
เนื่องจากประตูร้านเปิดอ้าอยู่ หยวนโจวจึงนั่งลงบนเก้าอี้พลางถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งลูบศีรษะ สีหน้าครุ่นคิดทำให้เขาดูเหมือนกำลังคิดเรื่องยุ่งยากอยู่อย่างไรอย่างนั้น เขาสรุปว่าท่านประธานโจวอย่างโจวซื่อเจี๋ยคงจะสามารถตอบคำถามของเขาได้
“กริ๊ง กริ๊ง” จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหยวนโจวก็ดังขึ้นมา
“อืม?” หยวนโจวก้มหน้าแล้วมองชื่อบนโทรศัพท์ เป็นโจวซื่อเจี๋ยนั่นเอง
ช่างบังเอิญอะไรขนาดนั้น?
“สวัสดี หยวนน้อยใช่ไหม? หมดเวลาอาหารกลางวันหรือยังล่ะ?” น้ำเสียงเป็นกันเองของโจวซื่อเจี๋ยดังขึ้นทันทีที่หยวนโจวรับสาย
“ครับ ท่านประธาน” หยวนโจวพยักหน้า
“พักนี้เป็นยังไงบ้างเล่า? คุณมีอาหารจานใหม่ๆบ้างไหม? ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ชิมอาหารจานใหม่ของคุณอยู่เลยนะ” โจวซื่อเจี๋ยกล่าวพลางยิ้ม
“จริงๆแล้วผมก็กำลังคิดจะทำอย่างนั้นอยู่เลยครับ” หยวนโจวตอบ
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ ในฐานที่เป็นเชฟ พวกเราควรจะมุ่งมั่นกับการทำอาหาร นั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้พัฒนาฝีมือขึ้นได้” โจวซื่อเจี๋ยกล่าว
เมื่อใดก็ตามที่โจวซื่อเจี๋ยโทรมา เขาก็จะถามความก้าวหน้าในการทำอาหารของหยวนโจวก่อน หยวนโจวชินกับเรื่องนี้เสียแล้วล่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น