ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 859-864
บทที่ 859 สงครามกลางอากาศ
Ink Stone_Fantasy
เมื่อสักครู่นี้ขณะที่กำลังจะทานมื้อเที่ยง ฉินสือโอวเรียกบุชกับนิมิตส์ให้ลงมาข้างล่าง แต่ปรากฏว่าแค่ครู่เดียวบุชก็บินออกไปอีกแล้ว มีแค่นิมิตส์ที่ยังอยู่ข้างๆ เขา
เสียงที่ดังขึ้นในขณะนี้ เป็นเสียงร้องแหลมสูงของบุชนั่นเอง
และเมื่อได้ยินเสียงนี้ นิมิตส์จึงกระพือปีกบินขึ้นไปอย่างทันทีทันใด ขนสีน้ำตาลดำเหมือนเหล็กตั้งตรงขึ้นเป็นชั้นๆ บินขึ้นไปบนอากาศอย่างมุทะลุดุดัน เหมือนทหารกล้าที่กำลังเข้าร่วมทำสงคราม
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาพบเพียงท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส กับนกใหญ่หนึ่งฝูงที่กำลังเข่นฆ่าโรมรันกันอยู่!
ใช่แล้ว นกใหญ่ หนึ่งฝูง กำลังเข่นฆ่ากัน!
บุชเป็นหนึ่งในฝ่ายที่กำลังทำการรบ นี่แยกได้ง่ายมาก เนื่องจากในบรรดานกใหญ่หลายสิบตัว มีเพียงนกอินทรีหัวขาวอยู่ตัวเดียวเท่านั้น ลูกนกปีกกว้างสองเมตร สีหน้าท่าทางน่าเกรงขาม นกใหญ่ตัวอื่นถึงแม้ว่าจะมีขนาดและสีสันที่แตกต่างกัน แต่ยังสามารถระบุได้คร่าวๆ ว่าเป็นนกชนิดเดียวกัน
บุชบินได้เร็วกว่าพวกมัน กำลังสู้รบของนายทหารตัวเดียวก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ทว่ามีคู่ต่อสู้อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังฉลาดมากอีกต่างหาก พวกมันไม่ได้มุ่งแต่จะไล่ตีบุชอย่างเดียว แต่แบ่งกำลังรบเป็นหลายทาง ทั้งโอบล้อมโจมตี ทั้งบินดิ่งเพื่อทำการโจมตี ทั้งลอยตัวจิกทึ้งศัตรูกลางอากาศ เหมือนกับทหารอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
หลังจากบินขึ้นไปนิมิตส์ก็ตรงไปจิกทึ้งนกใหญ่ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง ไล่ตามจิกมันติดต่อกันหลายครั้ง จิกทึ้งขนของนกใหญ่ตัวนั้นจนยุ่งเหยิงไปทั่วทั้งตัว ทำให้มันบินเตลิดหนีไปอย่างไม่เลือกทิศ
แต่ต่อจากนั้น นกใหญ่จำนวนห้าหกตัวก็แยกตัวออกมาจากกำลังหลักเพื่อมารับมือกับนิมิตส์ ส่วนพวกที่เหลือยังตะลุมบอนกับบุชต่อไป
ฉินสือโอวมองดูอยู่แค่ครู่เดียวก็เข้าใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ได้ปะทะกันเป็นครั้งแรกแน่ๆ ต่างฝ่ายต่างก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นิมิตส์กับบุชบินอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดระยะห่างทำการรบแบบกองโจร แต่นกใหญ่ตัวอื่นๆ อยากจะทำการรบในสนามเพื่อปิดล้อมพวกมันทั้งสองตัวไว้
คนอื่นๆ ก็เงยหน้ามองเช่นกัน เนื่องจากในตอนต้นพวกมันบินอยู่สูงเกินไปทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด ต่อมาหลังจากนิมิตส์เข้าร่วมรบเพื่อช่วยบุชทำการต่อสู้ พอนกทั้งสองตัวก็บินต่ำลง นกใหญ่ที่ตามอยู่ด้านหลังจึงพากันบินต่ำลงมาด้วย ลักษณะร่างกายของพวกมันจึงค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
นกใหญ่พวกนี้เมื่อเทียบกับบุชแล้วถือว่ามีขนาดเล็กกว่าไม่น้อยเลย ขนาดตัวแค่หกสิบเซนติเมตรกว่าๆ ปีกกว้างหนึ่งเมตรกว่าๆ ไม่ถึงหนึ่งเมตรครึ่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่ายังมีปีกที่แข็งแรง หลังจากกางออกแล้วจะมีเส้นรัศมีเป็นวงและไม่มีมุมแหลม สีบริเวณท้องน้อยค่อนข้างอ่อนกว่าบริเวณหลัง บนท้องมีลายแถบสีน้ำตาลเข้มอยู่หนึ่งแถว จะงอยปากสั้นและเป็นสีเข้ม โค้งงอเหมือนตะขอ จะงอยปากกับส่วนขาและเท้าล้วนแต่เป็นสีเหลือง
เหยี่ยวหางแดง!
หลังจากฉินสือโอวกับคนอื่นๆ มองเห็นลักษณะของนกใหญ่ฝูงนี้ก็สามารถระบุตัวตนของพวกมันได้อย่างชัดเจน นกในวงศ์เหยี่ยวและอินทรีทุกชนิดเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนทวีปอเมริกา
นกเหยี่ยวชนิดนี้มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อตัดคำว่า ‘นกอินทรี’ ของคนจีนที่ใช้เรียกนกเหยี่ยวและอินทรีโดยทั่วไปออกไป ก็จะหมายถึงเหยี่ยวทะเลทรายขนาดใหญ่
เมื่อเทียบกับนกอินทรีหัวขาวที่แข็งแรงและทรงพลังกับนกโจรสลัดตัวใหญ่ที่หยิ่งยโส รูปร่างลักษณะของเหยี่ยวหางแดงดูเฉิ่มเชยกว่าไม่น้อย ทั้งสองฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอยู่จึงทำให้คนนึกถึงสิงโตเจ้าป่ากับไฮยีนาบนท้องทุ่งหญ้าแอฟริกาได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าเหยี่ยวหางแดงยังมีดีกว่าไฮยีนาอยู่มาก ไฮยีนาไม่กล้าไล่ตามสิงโตด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้พวกเหยี่ยวหางแดงยังไล่ตามจนนกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดต้องหนีหัวซุกหัวซุน
นกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดรู้สึกไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่ากองทัพของเราไร้ความสามารถ เป็นเพราะทหารฝ่ายศัตรูมีจำนวนเยอะเกินไปต่างหาก พวกมันมีกันแค่สองตัว แต่เหยี่ยวหางแดงมีกันตั้งสิบกว่าตัว ความแตกต่างมากเกือบถึงสิบเท่า ยกเว้นเสียแต่ว่าบุชกับนิมิตส์ยิงปืนเป็น ไม่อย่างนั้นจะเอาอะไรไปสู้ได้
ชาร์คที่กำลังจัดการกระต่ายป่าสโนว์ชูแหงนหน้ามองด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมเหยี่ยวทะเลทรายพวกนี้ถึงได้หัวร้อนกันขนาดนี้ล่ะ? พวกมันเป็นนกเหยี่ยวที่มีนิสัยสงบนิ่งมาก โดยทั่วไปแล้วจะไม่ไปทะเลาะกับนกชนิดอื่นๆ ก่อน”
ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ นี่ยังต้องพูดอีกเหรอ? ก็บุชนั่นแหละที่ไปแหย่พวกมันก่อน อีกทั้งเขายังนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ครึ่งปี นับตั้งแต่บินได้บุชก็บินตามนิมิตส์มาที่เทือกเขาเคอร์บัลอยู่ตลอด พวกมันน่าจะมาที่นี่เพื่อตีกันกับพวกเหยี่ยว
เพียงแต่ แต่ไหนแต่ไรพวกมันไม่เคยชนะเลย ดูจากขนที่ยุ่งเหยิงพันกันในทุกๆ ครั้งที่กลับไปก็สามารถตัดสินได้แล้ว
ในตอนนั้นฉินสือโอวยังสงสัยอยู่เลยว่า นกอะไรถึงจะสู้นกโจรสลัดกับนกอินทรีหัวขาวที่ร่วมมือกันได้? พอเห็นตอนนี้ ก็ตอบได้ง่ายๆ เหยี่ยวหางแดง! อะไรนะ เหยี่ยวหางแดงตัวเดียวสู้ไม่ได้แม้กระทั่งนกเค้าแมว? งั้นถ้าเกือบยี่สิบตัวล่ะ?!
ที่จริงแล้วชาร์คพูดได้ถูกต้อง นกจำพวกเหยี่ยวค่อนข้างนิ่งเงียบ โดยทั่วไปจะไม่โจมตีมนุษย์กับนกชนิดอื่น อาหารของพวกมันคือสัตว์จำพวกไก่ป่าคาเปอร์เคลลี งูตัวเล็ก หนู นกกระทา นกลุยน้ำ ค้างคาว หนูผี
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า สัตว์ชนิดพันธุ์ที่มีความหยิ่งยโสจะอยู่อย่างสันโดษ อย่างเช่นเสือร้ายบนภาคพื้นดิน สัตว์ปีกอย่างนกอินทรีทอง สัตว์จำพวกอินทรีส่วนใหญ่จะอยู่แบบแยกตัว ทว่าเหยี่ยวไม่ใช่สัตว์สันโดษ พวกมันจะอยู่กันเป็นฝูง เนื่องจากเมื่ออยู่อย่างสันโดษพวกมันจะถูกรังแกได้ง่าย
เหยี่ยวถูกรังแกได้ง่ายขนาดไหนน่ะเหรอ? นกฮูกเกรทฮอร์น นกเค้าแมวกับนกอินทรีชนิดอื่นๆ จะจู่โจมพวกมัน แม้กระทั่งนกกากับนกสาลิกาปากดำที่ค่อนข้างแข็งแรงกำยำก็กล้าฉี่รดหัวพวกมัน
นี่เกี่ยวข้องกันกับอุปนิสัยที่อ่อนแอของเหยี่ยว เวลาถูกคุกคามโดยทั่วไปกลยุทธ์ที่พวกมันจะใช้กลยุทธ์การหลบหนีไม่ใช่การต่อสู้
ทว่าหลังจากเหยี่ยวรวมกันเป็นฝูงแล้ว พละกำลังในการสู้ของพวกมันก็มากพอดูเลยทีเดียว ถึงอย่างไรก็เป็นนกจำพวกเหยี่ยว จะทำตัวเป็นเฮลโลคิตตีไม่ได้
คาดว่าเริ่มแรกบุชคงนึกว่าจะข่มเหงรังแกพวกมันได้ง่ายๆ ปรากฏว่าพอมันเข้าไปหาเรื่อง นิมิตส์เลยต้องช่วยจัดการเช็ดล้างให้มัน
บุชกับนิมิตส์สู้เหยี่ยวหางแดงไม่ชนะ แต่เหยี่ยวหางแดงก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้เช่นกัน ตามก็ตามไม่ทัน กัดก็กัดไม่ได้ มีเพียงแค่ตอนสกัดกั้นการรบแบบกองโจรของพวกมันทั้งสองตัวเท่านั้น ถึงจะสามารถจิกกัดพวกมันได้
ฝูงเหยี่ยวหางแดงกำลังสู้รบกับบุชและนิมิตส์อย่างเมามัน ฝ่ายหนึ่งรบแบบกองโจรส่วนอีกฝ่ายก็ไล่ตามอย่างไม่ยอมแพ้ ตีกันอยู่ดีๆ ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบก็ปรากฏตัวขึ้น นกอินทรีทองสองตัว!
นกอินทรีทองทั้งสองตัวมีร่างกายขนาดใหญ่ ตัวใหญ่ที่สุดเวลากางปีกจะมีขนาดใหญ่กว่าบุชเล็กน้อย ส่วนตัวที่มีขนาดเล็กกว่ามีขนาดเท่าๆ กันกับบุช
หลังจากปรากฏตัวแล้ว นกอินทรีทองทั้งสองตัวบินวนอยู่บนท้องฟ้าเป็นรูปวงกลม พร้อมกับมองลงไปดูการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายที่อยู่ด้านล่าง ปีกของพวกมันทั้งสองตัวยกขึ้นเป็นรูปตัว ‘V’ ใช้การเปลี่ยนแปลงปีกที่อ่อนนุ่มแต่ปราดเปรียวทั้งสองข้างกับหางมาปรับการบินให้เหมาะสม ท่วงท่ามีความหยิ่งยโสมีอำนาจที่บรรยายออกมาไม่ได้
นกจำพวกนกอินทรีทองมีความเก่งกาจมาก เป็นนักล่าชั้นหนึ่งของซีกโลกเหนือ มีคนพูดไว้ในหนังสือชื่อ ‘พลังแห่งชีวิต’ ว่าราชานกอินทรีทองไม่กินนกด้วยกัน ดังนั้นสัตว์จำพวกนกจึงสามัคคีกันเป็นพิเศษ แต่ในความเป็นจริงนี่เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ นกอินทรีทองไม่เพียงแต่กินนก แต่ยังกินนกอินทรี! ซึ่งเหยี่ยวหางแดงพวกนี้ ล้วนแต่เป็นเหยื่อของพวกมันทั้งสิ้น!
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ หลังจากนกอินทรีทองทั้งสองปรากฏตัวขึ้น กลับไม่ได้จู่โจมฝูงเหยี่ยวหางแดง พวกมันแค่วนอยู่รอบๆ รอฉวยโอกาสโจมตีเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเหยี่ยวหางแดงก็ไม่ได้วางใจกับพวกมัน พอเห็นพวกมันปรากฏตัวขึ้นก็พากันลดระดับการบินลงทันที จากนั้นจึงมุดเข้าไปซ่อนตัวในต้นไม้ที่อยู่ด้านล่าง ไม่ไปจัดการนกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดอีก
ถึงแม้ว่าบุชกับนิมิตส์จะตีกันกับเหยี่ยวหางแดงมานานมากแล้ว แต่ทั้งสองตัวไม่กินนกชนิดนี้ ดังนั้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงเหมือนกับการทะเลาะวิวาทไม่ใช่การต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต แต่เมื่อถูกนกอินทรีทองจับจ้อง นั่นหมายถึงการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายแล้ว
ในความเป็นจริงต่อให้เหยี่ยวหางแดงไม่ได้หนีไป ที่นี่ก็ไม่มีธุระอะไรเกี่ยวกับพวกมันอีกแล้ว พอนกอินทรีทองปรากฏตัวขึ้น นิมิตส์กับบุชก็กระพือปีกบินขึ้นสูงทันที พวกมันเริ่มคุมเชิงกับนกอินทรีทอง ทั้งสองฝ่ายบินวนอยู่บนท้องฟ้า ไม่มีใครยอมเปิดฉากโจมตีง่ายๆ
ฉินสือโอวหยิบกล้องส่องทางไกลมาส่องดูอย่างละเอียด หลังจากมองเห็นส่วนหัวของนกอินทรีทองเขาก็ชะงักงันไปทันที นกใหญ่พวกนี้มีตัวหนึ่งที่ไม่มีลูกตา เหลือเพียงเบ้าตาสีดำๆ เท่านั้น!
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงการซุ่มโจมตีฝูงห่านของฟาร์มปลาของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าในปีที่แล้ว หลังจากนั้นนกอินทรีทองก็ถูกนิมิตส์จิกลูกตาหนึ่งข้าง
คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกใช่ไหม? ศัตรูคู่อาฆาตพบกันแล้วอย่างนั้นเหรอ?
บทที่ 860 มื้อกลางวันที่ครึกครื้น
Ink Stone_Fantasy
สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้ตีกัน นกอินทรีทองทั้งสองตัวบินวนอยู่บนท้องฟ้าคุมเชิงบุชกับนิมิตส์มานานมากแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็จ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่างฝ่ายต่างหวาดกลัวกันและกัน หลังจากนั้นพอเหนื่อยแล้วจึงแยกย้ายกันไป
ฉินสือโอวแน่ใจแล้ว นกอินทรีทองตาบอดข้างเดียวตัวนั้น คือศัตรูคู่แค้นของนิมิตส์ที่ในตอนนั้นแอบไปขโมยห่านในฟาร์มปลาของเขาบ่อยๆ ดูท่าว่าพวกมันคงไม่ได้หนีออกจากเกาะแฟร์เวล แต่มาอยู่ที่เทือกเขาเคอร์บัล
สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกเหลือเชื่อก็คือ นกตัวนี้ตาบอดไปแล้วข้างหนึ่ง แต่ยังสามารถหานกอินทรีทองตัวเมียมาเป็นคู่ได้อีก
นอกจากตอนล่าอาหาร อินทรีทองจะอยู่อย่างสันโดษ ในสถานการณ์ที่มีนกอินทรีทองปรากฏขึ้นสองตัว นั่นคือคู่ผัวเมีย ไม่มีทางเป็นพี่ชายน้องชายหรือพี่สาวน้องสาว เช่นเดียวกันกับนกอินทรีหัวขาว สัตว์ปีกนิสัยดุร้ายชนิดนี้จะวางไข่ในรังแค่สองใบ นกใหญ่จะบีบนกเล็กจนตาย ท้ายที่สุดจะมีแค่หนึ่งตัวที่มีชีวิตรอด
คิดๆ แล้วก็น่าเศร้า ยากมากที่นกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวจะได้รับมิตรภาพ เพราะพวกมันไม่ไว้วางใจคู่หู ตั้งแต่เกิดก็เริ่มเป็นแบบนี้แล้ว ถึงขั้นต้องทำร้ายพี่น้องของตัวเองจนตาย
หลังจากนกอินทรีทองจากไปแล้ว บุชกับนิมิตส์จึงร่อนลงมาบนพื้น ฉินสือโอวหั่นเนื้อกวางที่ต้มสุกแล้วเป็นเส้นๆ เพื่อป้อนให้พวกมันกิน นี่เป็นหนึ่งในอาหารที่มันชอบกินที่สุด
ช่วงเช้าพวกเขาจับกระต่ายป่าสโนว์ชูได้ทั้งหมดแปดตัว ชาร์คจัดการถลกหนังหมดทุกตัวแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้ไม้กระบองยาวเสียบกระต่ายสโนว์ชูต่อกัน ขุดร่องน้ำเพื่อป้องกันไฟไหม้ไว้ข้างๆ ลำธาร ตั้งไม้กระบองยาวขึ้น แล้วนำกระต่ายป่าสโนว์ชูทั้งแปดตัวไปย่างพร้อมกัน
ย่างกระต่ายป่าสโนว์ชูครั้งนี้ ชาร์คใช้เทคนิคพิเศษ เขาพกน้ำมันวัวมาด้วยหนึ่งกล่อง อากาศหนาวเย็นทำให้น้ำมันวัวจับตัวแข็งเป็นก้อน
ในน้ำมันวัวพวกนี้ใส่เครื่องปรุงจำพวกเกลือกับพริกไทยดำเอาไว้ เขาเอาน้ำมันวัวที่แข็งตัวแล้วมาทาลงไปบนเนื้อกระต่ายอย่างพิถีพิถัน แล้วโรยผงพริกป่นลงไปอย่างง่ายๆ แบบนี้จะสามารถลดขั้นตอนเวลานำไปย่างได้
เปลวไฟลามเลียเนื้อกระต่ายป่าสโนว์ชูสีแดงอมชมพู กลิ่นหอมค่อยๆ ลอยออกมาอย่างช้าๆ
กระต่ายป่าสโนว์ชูในช่วงต้นฤดูหนาว เป็นตอนที่กำลังอ้วนที่สุด พวกมันกินอย่างเต็มอิ่มมาตลอดทั้งฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง มีแต่ไขมันทั่วทั้งตัว ขาหลังทั้งสองข้างอ้วนพีสมบูรณ์ พอนำไปย่างก็จะมีน้ำมันไหลซึมออกมา
อีกทั้งน้ำมันวัวที่ทาอยู่บนเนื้อกระต่าย หลังจากโดนความร้อนจนละลายก็จะไหลย้อยลงไปในลายเนื้อที่แยกออกเพราะถูกย่าง นำเอารสชาติของเครื่องปรุงกับกลิ่นหอมของน้ำมันวัวเข้าไป จนเนื้อกระต่ายป่าสโนว์ชูเต็มอิ่มไปด้วยรสชาติ
กลิ่นหอมลอยละล่องไปตามลมภูเขาเหนือแม่น้ำ แค่ครู่เดียวก็มีกลุ่มคนตามกลิ่นหอมของเนื้อมา เป็นคาร์สันที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกระดานโต้คลื่นในเมืองกับคนอื่นๆ นั่นเอง
ทั้งสองฝ่ายทักทายกัน คาร์สันพูดอย่างมีความสุขว่า “พระเจ้า พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ ทำไมกลิ่นถึงได้หอมขนาดนี้? ฉันขอชิมที่พวกนายทำหน่อย ได้ไหม?”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ต่อให้ฉันอยากจะปฏิเสธ ก็คงจะไม่ทันแล้วล่ะ พวกเวรแบบนายมาถึงถิ่นของฉันแล้ว มาเถอะ โชว์ของของพวกนายหน่อย ให้ฉันดูหน่อยว่าพวกนายเอาอะไรมาบ้าง”
คาร์สันหยิบวอดก้าขวดใหญ่ออกมาสองขวด เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ สินค้าบรรจุกล่องแบบดั้งเดิมของคนรัสเซีย ไม่ง่ายเลยนะกว่าฉันจะได้มันมา! ฤดูหนาวเหมาะกับการดื่มของแบบนี้ที่สุด แค่ดื่มลงไปคำเดียวนายก็รู้สึกได้แล้ว โอ้ พระเจ้า ผมอยู่ในอ้อมกอดของท่านแล้ว!”
พอพูดจบ เขาก็หลับตากางแขนออก พร้อมกับเริ่มแสดงท่าทางประกอบ
ทุกๆ คนหัวเราะออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็มีคนหยิบไส้กรอกออกมาอีกหนึ่งถุง พร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นของที่ฉันทำเอง มา เอาไปย่างเถอะ ฉันว่ารสชาติมันต้องไม่เลวแน่ๆ”
บรรดาชาวประมงทุบน้ำแข็งบนแม่น้ำเพื่อตกปลาซึ่งตกได้ง่ายมาก พวกปลาอ่อนเพลียเพราะขาดออกซิเจนมานาน จึงพากันทยอยมุดหัวขึ้นมาจากปากรูเพื่อหายใจ บรรดาชาวประมงแค่ใช้อวนจับปลาตักขึ้นมาก็ได้แล้ว
ใช้ท่อนไม้ตีกวางใช้กระบวยตักปลา กระทั่งไก่ป่าก็บินมาลงหม้อเอง สมัยเรียนฉินสือโอวเคยอ่านหนังสือเรียนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเป่ยต้าฮวง ฉินสือโอวเคยใฝ่ฝันถึงชีวิตแบบนี้ ตอนนี้ที่เกาะแฟร์เวล ก็เป็นชีวิตเช่นนั้นจริงๆ
ทรัพยากรปลาในลำธารอุดมสมบูรณ์มาก เนื่องจากอยู่ใกล้ทะเล และไม่มีคนทานปลาในแม่น้ำ อีกทั้งของพวกนี้ยังไร้ราคา ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจจัดการมัน ปล่อยให้พวกมันแพร่พันธุ์อย่างอิสระ
หลังจากย่างกระต่ายป่าสโนว์ชูจนสุกแล้ว ฉินสือโอวก็ดึงออกมาหนึ่งตัวเพื่อแบ่งให้สัตว์เลี้ยงหู่เป้าฉงหลัวทั้งสี่ตัวก่อน บุชกระโดดขึ้นมามองๆ ดู รสชาติของเครื่องปรุงค่อนข้างหนัก พวกนกไม่ชอบแบบนี้ จึงหาพื้นที่ว่างๆ แล้วกระดกก้นขึ้นจัดระเบียบขนของตัวเอง
ชาร์คฉีกขากระต่ายอ้วนนุ่มมาให้ฉินสือโอวหนึ่งชิ้น ส่วนคาร์สันก็รินวอดก้าให้เขาหนึ่งแก้วเล็ก เขาจ้องมองเหล้าสีเหลืองทอง ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต้องหมดแก้วเลยไหม?”
คาร์สันชี้ไปที่พื้นหิมะ พร้อมกับพูดว่า “ได้อยู่แล้ว แต่เงื่อนไขข้อแรกคือนายต้องคิดจะนอนกลางวันอยู่ที่นี่สักตื่นใหญ่ๆ! แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ฉันขอแนะนำให้นายจิบอึกเล็กๆ ก็พอ”
แบล็คไนฟ์ดื่มลงไปหนึ่งอึก หลังจากลืนลงไปแล้ว ใบหน้าสีดำก็ดูมันวาวทั่วทั้งหน้าทันที เขาหายใจออกมา แล้วพูดว่า “โอ้ เซ็ท แรงมากจริงๆ เลยโว้ย! ของของพวกรัสเซีย ไม่ได้ลิ้มรสมานานแล้ว สุดยอดจริงๆ!”
ฉินสือโอวทานเนื้อกระต่ายเข้าไปก่อนหนึ่งคำ เป็นเพราะมีไขมันแทรกเข้าไป จึงมีกลิ่นหอมอยู่อย่างเต็มอิ่ม ต่อจากนั้นเขาก็จิบวอดก้าเข้าไปหนึ่งอึกเช่นกัน
หลังจากนั้น เหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ไหลผ่านลำคอของเขาลงไป ราวกับว่ามีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมา ทันใดนั้นความรู้สึกเหน็บหนาวบนร่างกายบางส่วนก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นในพริบตาเดียว ถูกคลื่นความร้อนสายหนึ่งที่เดือดพล่านอยู่ในอกเข้ายึดแทนที่
“ฟัค!” ฉินสือโอวร้องตะโกนออกมา “ดีจริงๆ!”
คาร์สันหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “แด่หิมะตกหนักที่ควรตายๆ ไปซะ!”
ทุกๆ คนยกแก้วพร้อมกับร้องเสียงประหลาด ฉินสือโอวดื่มเข้าไปอีกหนึ่งอึก เขาที่ตอนนี้สามารถดื่มเบียร์สิบปอนด์ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่แค่ดื่มวอดก้าไปสองอึก กลับเริ่มรู้สึกเมาเหล้านิดๆ แล้ว
เพราะของพวกนี้จะโจมตีสมองของคนโดยตรง
แอร์แบ็คต้มซุปผักป่ากับไก่ป่าเฮเซลหนึ่งหม้อ บางครั้งเวลาล่าฝูงแกะกับฝูงหมูป่า พวกเขาจะหาดูว่าในพื้นหิมะที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์มีผักป่าที่ยังไม่เหี่ยวเฉาอยู่หรือเปล่า อย่างเช่นผักจำพวกใบกระเทียมป่า ขึ้นฉ่ายป่า ผักเบี้ยใหญ่ ล้วนแต่เป็นผักที่กินได้ทั้งสิ้น
ผักป่าแก่นำไปผัดไม่ได้ เหมาะสำหรับการต้มซุปเท่านั้น ผักป่าในช่วงนี้ก็เหมือนกับหญิงวัยทอง ไม่ได้สวยงามขนาดนั้นแล้ว แต่ยังมีรสชาติบางอย่างอยู่ ยิ่งดึงดูดคนได้มาก
ดื่มวอดก้าเคล้าซุปผักป่าเนื้อไก่ป่าเฮเซล ร่างกายก็เริ่มร้อนขึ้นมา ฉินสือโอวผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความพึงพอใจ อาหารมื้อนี้มันฟินจริงๆ
พอทานอาหารเที่ยงไปแล้ว ทุกๆ คนดับไฟบนพื้นที่ที่มีประกายไฟด้วยความระมัดระวัง จะปล่อยให้เกิดภัยพิบัติไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เวลานี้ลมเหนือพัดหวีดหวิว หากเกิดอัคคีภัยขึ้นบนภูเขา นั่นจะเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่!
ตอนนี้สิ่งที่เกาะแฟร์เวลดูแลอย่างเคร่งครัดที่สุดก็คือภูเขาลูกนี้ ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนภูเขาสูบบุหรี่ ไม่อนุญาตให้นำวัตถุที่ทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมา หากตรวจพบจะถูกบังคับส่งตัวกลับไปกับกรุปทัวร์ ส่วนเรื่องการทำอาหารมีเพียงไกด์เท่านั้นที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ นักท่องเที่ยวสามารถช่วยเหลือได้ แต่จะยุ่งกับไฟไม่ได้
ไฟป่าบนภูเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ช่วงบ่าย ภายใต้การนำทางของบุชกับนิมิตส์ ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ เปลี่ยนเส้นทางเดินลงจากส่วนกึ่งกลางของภูเขา ไล่โจมตีหมูป่ากับกวางป่าต่อ
เพิ่งเริ่มต้นพวกเขาก็พบกับกวางอูฐฝูงหนึ่ง เป็นกวางชนิดเดียวกันกับปอหลัวนั่นเอง สัตว์ชนิดนี้มีร่างกายสูงใหญ่และยังมีเขาขนาดใหญ่เหมือนกันกับพลั่ว ตอนที่หู่จือกับเป้าจือออกไปไล่ต้อนฝูงกวาง จึงคาดไม่ถึงว่าจะพบกับการต่อต้านจากพวกกวาง
หู่จือกับเป้าจือทำตัวกำเริบเสิบสานมาตลอดทั้งช่วงเช้า และยังมีผลการรบที่ควรค่าให้รู้สึกภาคภูมิใจจากการเผชิญหน้ากับกวางตัวผู้จนสามารถล้มกวางลงได้หนึ่งตัว ดังนั้นพวกมันจึงประมาทข้าศึกไปบ้าง เช่นนี้เมื่อพวกมันพบกับฝูงกวางอูฐ จึงค่อนข้างน่าเวทนาแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่กวางอูฐตัวผู้แค่ตัวเดียว แต่เป็นทั้งฝูง!
แผดเสียงร้องพร้อมกับบุกเข้าไป ขณะที่หู่จือกับเป้าจือกำลังร้องคำรามด้วยความฮึกเหิม กวางตัวผู้ร่างกายสูงใหญ่กำยำพละกำลังมหาศาลหลายตัวถลึงตาใส่พวกมันทั้งสองอย่างเหยียดหยาม พวกมันทิ่มเขาลง แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เหมือนกับรถดันดิน!
บทที่ 861 นี่ไม่ใช่แมว
Ink Stone_Fantasy
หู่จือกับเป้าจือวิ่งไปได้ครึ่งทางถึงรู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้ว เพราะกวางฝูงนี้ไม่ได้วิ่งหนีเตลิดไป แต่กวางตัวผู้ขี้หงุดหงิดพวกนั้นกลับเอาหัวทิ่มดิน แล้วโกยเข้ามาทางนี้ตรงๆ…
พวกมันรู้ถึงความร้ายกาจของกวางอูฐ ในตอนที่ปอหลัวเพิ่งจะมาอยู่ที่ฟาร์มปลาก็เคยใช้วิธีการแบบนี้จัดการกับพวกมันบ่อยๆ กระทั่งฉงต้ายังเสียเปรียบ จนเคยโดนจับนั่งเครื่องบินบกมาแล้ว นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานปอหลัวยังเคยใช้เทคนิคนี้จัดการกับมาสเตอร์
มาสเตอร์เต่าอัลลิเกเตอร์ที่จองหองขนาดนั้น ยังพบกับความพ่ายแพ้เช่นกัน!
ด้วยเหตุนี้ พอเห็นพลั่วบินมุ่งหน้าเข้ามาทางนี้ หู่จือกับเป้าจือจึงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พวกมันหุบปากหมุนตัวกลับแล้ววิ่งหนีไปทันที
นี่คือเงามืดที่ปอหลัวทิ้งไว้ในใจของพวกมัน ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับเสือพวกมันก็กล้าสู้ ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ พวกมันไม่เคยเห็นความร้ายกาจของเสือมาก่อน แต่พวกมันเคยพบกับความร้ายกาจของปอหลัวมาแล้ว และรู้ว่าพลั่วของกวางอูฐอันนี้น่ากลัวมากแค่ไหน
ในที่สุดฉงต้าก็ได้โอกาสแสดงความสามารถ พอฉินสือโอวตบก้นของมันแปะๆ ฉงต้าที่นั่งเล่นโคลนอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนท่าทางให้สง่างามมีอำนาจทันที ร้องคำรามออกมาหนึ่งครั้งแล้วบุกออกไป ไขมันส่วนเกินสั่นกระเพื่อมไปทั่วทั้งตัว ประกายดุร้ายฉายออกมาจากดวงตา!
เป็นคราวของกวางอูฐที่ต้องหวาดกลัวแล้ว เหล่ากวางอูฐรู้ถึงความร้ายกาจของหมีสีน้ำตาล หมีสีน้ำตาลคือจอมเผด็จการบนเทือกเขาเคอร์บัล พบผู้ใดทำลายผู้นั้น!
พอฉงต้าวิ่งออกไป พวกกวางอูฐก็หนีบหางวิ่งเข้าไปในป่าทันที มีกวางสองตัวซื่อบื้อวิ่งไปผิดทิศทาง ฉินสือโอวจึงลุกขึ้นยืนง้างคันธนูแล้วยิงออกไป ส่วนแบล็คไนฟ์ยิงปืนจัดการกวางอีกตัว กวางอูฐสองตัวนี้เป็นผลสำเร็จของพวกเขา
เบิร์ดพูดขึ้นมาอย่างหมดปัญญาว่า “ฉงต้าควรจะอ้อมไปให้ถึงข้างหน้าแล้วค่อยเผยตัว ให้ตาย แบบนี้มีแต่จะทำให้พวกมันตกใจจนวิ่งหนีไป”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญายิ่งกว่าว่า “ไม่เห็นเหรอว่ามันเป็นสถานการณ์คับขัน? ถ้าฉงต้าไม่โผล่หน้าออกไป หู่จือกับเป้าจือคงโดนกวางพวกนั้นฆ่าตายแล้ว!”
หู่จือกับเป้าจือวิ่งกลับมาพร้อมใบหน้าเศร้าโศก เมื่อกี้มันน่าอับอายมาก น่าอับอายจริงๆ เลย
ฉินสือโอวตบหัวของสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเบาๆ เพื่อปลอบโยนพวกมัน สุนัขแลบราดอร์อายุยังไม่ถึงสองขวบเป็นช่วงที่มีความอ่อนไหวมาก ตอนนี้พวกมันต้องการให้เจ้าของช่วยสร้างความมั่นใจให้มันอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นต่อไปไม่ว่าจะทำอะไรก็จะรู้สึกไม่มีความมั่นใจ
พอคิดอย่างนี้ หรือว่าหมาบ้านธรรมดาๆ จะดีกว่า เจ้าของไม่ต้องดูแลอะไรทั้งสิ้น กินอึก็โตขึ้นมาได้ สุนัขพันธุ์อเมริกาพวกนี้ อย่าว่าแต่เรื่องที่มักจะป่วยบ่อยๆ แต่พวกมันยังเจ็บป่วยทางด้านจิตใจได้ง่ายอีกด้วย ฉินสือโอวเองก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน
วางกวางอูฐทั้งสองตัวลงไปบนแคร่เลื่อนหิมะ อีวิลสันเดินลากไปด้านหลังเหมือนเล่นสนุก บุชหมุนๆ ตัว แล้วบินออกไปทางทิศทางหนึ่ง
ฉินสือโอวส่ายหัวไปมา เอาล่ะ ครั้งนี้ล่าสัตว์ถึงเท่านี้ก็พอแล้ว ถ้ายังฆ่าต่อ คาดว่าฝูงหมูป่ากวางป่าคงจะต้องสูญพันธุ์แล้ว มีบุชคอยนำการล่าสัตว์ มันขี้โกงเกินไปจริงๆ
ลงเขาหลังหิมะตกเป็นเรื่องยากมาก พื้นถนนลื่นเกินไป ถ้าไม่ระวัง อาจจะเป็นอันตรายครั้งใหญ่ ฉินสือโอวจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ระหว่างทางพวกเขาพบกับนักล่าสัตว์จำนวนสองกลุ่ม ทุกคนล่าสัตว์มาได้ไม่มาก ดีหน่อยก็ได้กวางป่ามาหนึ่งตัว ถ้าโชคไม่ดีก็ได้กระต่ายป่าไก่ป่าอะไรพวกนั้นมาเหน็บไว้ที่เอวตัวหนึ่ง แล้วยังมีกระรอกที่จับมาได้อีกตัว…
บุชค้นพบสัตว์ป่าอย่างไม่ขาดสาย พอเห็นว่าฉินสือโอวไม่ไปล่าสัตว์แล้ว มันจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา แล้วลงมือจัดการเองเสียเลย
นกอินทรีหัวขาวเป็นเทพพระเจ้าในหมู่นกอินทรี เนื่องจากพวกมันไม่เพียงแต่มีความรวดเร็ว มีอารมณ์รุนแรง แต่ยังมีพละกำลังมาก กรงเล็บทั้งสองข้างสามารถจับเหยื่อหนักยี่สิบกิโลกรัมขึ้นมาได้ นี่เป็นสิ่งที่สัตว์ปีกนิสัยดุร้ายชนิดอื่นเทียบกับมันไม่ได้
นกอินทรีทองก็เก่งไม่ใช่เหรอ? แต่ความสามารถในการรับน้ำหนักของมันมีไม่ถึงหนึ่งพันกรัม พวกมันทำได้แค่ตัดเหยื่อออกเป็นส่วนๆ บนพื้น กินเนื้อดีๆ กับหัวใจ ตับ ปอดกับอวัยวะภายในส่วนอื่นๆ เข้าไปก่อน หลังจากนั้นค่อยแบ่งส่วนที่เหลือออกเป็นสองส่วน แล้วนำกลับไปเก็บไว้ในที่อยู่อาศัยเป็นชุดๆ
แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นนกอินทรีหัวขาวก็จะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะจัดการยังไง ฉันจับกลับไปก็พอแล้ว!
ดังนั้น ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันจึงมีคนที่กังวลว่านกอินทรีหัวขาวจะโจมตีมนุษย์ เพราะพวกมันสามารถจับเด็กเล็กไปได้
โชคดีที่นกอินทรีหัวขาวไม่สนใจอาหารที่มีขนาดใหญ่ ทั้งยังมีสติปัญญาสูงอีกต่างหาก พวกมันรู้ว่าการโจมตีมนุษย์จะเป็นชนวนให้เกิดการโต้ตอบจนถึงแก่การสูญพันธุ์ ดังนั้นพวกมันจึงอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุขมาโดยตลอด
บุชเริ่มแสดงความสามารถในการล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นของมันออกมา เดี๋ยวจับกระต่ายมาทิ้งไว้ อีกเดี๋ยวก็จับเป็ดป่ากลับมาทิ้งไว้ ในระหว่างนั้นยังจับลูกกวางเรนเดียร์กลับมาด้วยหนึ่งตัว ลูกกวางเรนเดียร์ตัวนั้นตกใจกลัวจนฉี่แทบราดแล้ว คาดว่ามันน่าจะเป็นกวางเรนเดียร์ตัวแรกที่เคยบินอยู่บนท้องฟ้าแล้วยังไม่ตายแต่ยังมีชีวิตอยู่ต่อใช่หรือเปล่า?
ฉินสือโอวปรามความกระตือรือร้นในการล่าสัตว์ของบุชไม่ได้ ทุกครั้งที่มันบินกลับมาเขาจะรับเหยื่อไว้พร้อมกับแสดงความขอบคุณออกมา หลังจากนั้นจึงกอดบุชไว้แล้วจัดแต่งขนให้มันไปด้วย
ช่วยสัตว์วงศ์นกอินทรีจัดแต่งขน เป็นวิธีเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด
หลังจากใกล้จะถึงตีนเขา บุชก็บินกลับมาอีกครั้ง ในกรงเล็บมีแมวขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่หนึ่งตัว ขนของแมวตัวนี้เป็นสีเหลืองอ่อน มีจุดสีเทาอ่อนอยู่ด้านบน ร่างกายค่อนข้างผอมบาง ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว ใบหน้าเล็กกลม ตอนถูกโยนลงมาบนพื้นใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าตกใจจนแทบแย่แล้ว
คาดไม่ถึงว่าจะเห็นบุชจับแมวกลับมา คิ้วของฉินสือโอวขมวดขึ้น เขาไม่รู้ว่านี่เป็นแมวของบ้านไหน เลี้ยงไหวหรือเป็นแมวป่า แต่จะสอนบุชให้มีพฤติกรรมอย่างการจับสัตว์ปีกหรือสัตว์เลี้ยงในบ้านไม่ได้ ไม่อย่างนั้นในเมืองนี้จะมีใครกล้าเลี้ยงสัตว์กันล่ะ?
ฉินสือโอวอุ้มลูกแมวที่กำลังตกใจกลัวขึ้นมาช่วยสางขนสากๆ ของมันให้เป็นระเบียบ แล้วให้บุชบินลงมายืนอยู่บนแคร่เลื่อนหิมะ เขาตำหนิมันว่า “ไม่อนุญาตให้จับแมวกับหมาไม่ใช่เหรอ? อนุญาตให้จับแค่หมูป่า กวางป่า กระต่ายป่ากับไก่ป่า ต่อไปถ้าจับสัตว์เลี้ยงมาอีก กลับไปจะไม่ให้อาหารกินนะเข้าใจไหม?”
บุชจ้องมองฉินสือโอว มันโบกสะบัดปีกพร้อมกับร้องแกว๊กๆ ออกมาโครงคิ้วเต้นตุ้บๆ นี่คือท่าทางที่แปลว่ามันกำลังโมโห
เห็นว่าบุชไม่เชื่อฟัง ฉินสือโอวเลยยิ้มออกมา แม่เอ็ง เดี๋ยวกลับบ้านไปจะให้วินนี่จัดการตัวแสบแบบแก
ฉินสือโอวปลอบโยนลูกแมวขนาดกลาง เขาดูไม่ออกว่ามันเป็นพันธุ์อะไร เหมือนแมวพื้นบ้านที่บ้านเกิดอยู่นิดหน่อย แต่หางของมันทั้งสั้นทั้งหยาบ ปลายหางกลมทู่ จุดนี้ก็ไม่เหมือนกับแมวพื้นบ้านที่บ้านเกิดเช่นกัน
“มีใครรู้ไหมว่านี่คือแมวอะไร? เป็นแมวที่หนีออกมาจากบ้านหลังไหนในเมืองนี้หรือเปล่า?” ฉินสือโอวถาม
ชาร์คลองเข้ามาดู แล้วพูดด้วยท่าทีระมัดระวังว่า “บอส ที่คุณอุ้มอยู่ในอกนั่นไม่ใช่แมวนะครับ มันคือแมวป่า!”
ฉินสือโอวตะลึงไปชั่วครู่ เขายกลูกแมวที่กำลังทำตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของเขาขึ้นมาแล้วพูดอย่างงงงันว่า “เจ้านี่ คือแมวป่า?!”
รูปร่างภายนอกของแมวป่าคล้ายกันกับแมว ทว่ามีขนาดใหญ่กว่าแมวอยู่มาก เป็นสัตว์ป่าขนาดกลาง ชอบสภาพแวดล้อมที่มีอากาศหนาวเย็น มักจะซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกบนภูเขาสูง พบได้บ่อยในพื้นที่แบบป่าสนเขตหนาวเย็นและแห้งแล้ง ต้นสนเขตหนาวและป่าผสมใบกว้างไปจนถึงทุ่งหญ้าทุนดราอัลไพน์กับทุ่งหญ้าอัลไพน์
นี่เป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยมมาก ชำนาญในการวิ่ง การกระโดดและการปีนป่ายไปจนถึงการว่ายน้ำ อดทนต่อความหิวได้เป็นอย่างดี มีความอดทน เพื่อที่จะจับเหยื่อมันสามารถหมอบอยู่ในที่ใดที่หนึ่งโดยไม่ขยับตัวได้เป็นเวลาหลายคืน ทั้งยังทนทานต่ออากาศหนาว โอหังมีพละกำลังและความกล้าหาญ เป็นนักรบที่มีความเหนือชั้นโดยกำเนิด
ครั้งแรกที่ฉินสือโอวพาเหมาเหว่ยหลงมาเทือกเขาเคอร์บัล เขาก็เคยพบแมวป่าหนึ่งตัว เพียงแต่ว่าเจ้าตัวนั้นเป็นแมวใหญ่ขนาดความยาวของลำตัวราวๆ หนึ่งเมตร ในตอนนั้นมันมีท่าทางน่าเกรงขามยำเกรง มองแค่แวบเดียวฉินสือโอวก็มองออกแล้ว
ส่วนนี่น่ะเหรอ? ตัวเล็กนิดเดียวก็เท่านั้น บนหูยังไม่มีหย่อมขนสีเข้มที่เป็นเอกลักษณ์ นั่นถึงจะเป็นขนนกยูงประดับหมวกของขุนพล ไม่มีของพวกนั้นยังสามารถเรียกว่าแมวป่าได้อยู่อีกเหรอ?
ถูกฉินสือโอวหิ้วหลังคอไว้ ตาดวงโตของเจ้าตัวเล็กจ้องมองฉินสือโอวอย่างน่าเอ็นดู สีหน้าท่าทางดูบริสุทธิ์ไร้พิษภัย เมื่อลมหนาวพัดมามันก็ตัวสั่น ยื่นอุ้งเท้าแล้วดิ้นน้อยๆ เพื่อที่จะมุดเข้าไปในอ้อมอกของฉินสือโอว
เบิร์ดกับคนอื่นๆ ที่เข้ามามุงดู พูดอย่างชี้ขาดว่า “ใช่แล้วครับ บอส นี่ไม่ใช่แมว นี่คือแมวป่า! ลูกแมวป่าที่เพิ่งหย่านม!”
บทที่ 862 ซิมบ้า
Ink Stone_Fantasy
เมื่อถูกคนจำนวนมากห้อมล้อม ทั้งยังมีสุนัขสองตัว หมีหนึ่งตัวกับหมาป่าอีกหนึ่งตัว ลูกแมวป่าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที พอโบกอุ้งเท้าเล็ก เล็บสีชมพูแต่ละกีบก็ดีดออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์…
ฉินสือโอวกลัวว่าจะโดนมันตีจนเจ็บ จึงวางมันลงบนพื้น พออุ้งเท้าของลูกแมวป่าแตะลงบนพื้น หางสั้นๆ ของมันก็กวัดแกว่ง แล้ววิ่งขึ้นไปบนรองเท้าของฉินสือโอวด้วยความรวดเร็ว ต่อจากนั้นจึงใช้อุ้งเท้าเล็กๆ ทั้งสี่ข้างจับกางเกงของเขา ทั้งปีนทั้งกระโดดขึ้นไปจนถึงหน้าอกของฉินสือโอวอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยมุดเข้าไปด้านในเสื้อผ้า
“ว้าว มันถือว่าบอสเป็นแม่ของมันแล้ว?” ชาร์คร้องท้วงขึ้นมา
แบล็คไนฟ์กลอกตาใส่ เขาพูดว่า “โทษทีนะ ต้องเป็นพ่อถึงจะถูกหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด เขาทำได้แค่กอดดึงลูกแมวป่าในอ้อมแขนเอาไว้ แล้วพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “ตอนนี้ใครบอกฉันได้บ้างว่ามันเรื่องอะไรกัน?”
เบิร์ดวิเคราะห์ให้เขาฟังว่า “ชัดเจนมากครับ ระหว่างที่บุชจับแมวป่าทำให้มันตกใจกลัวจนขวัญเสีย เมื่อสักครู่บอสอุ้มมันขึ้นมาแล้วกอดให้ความอบอุ่นกับมัน จากการวิจัยด้านจิตวิทยาของฟรอยด์ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ลูกสัตว์ป่าจะเกิดความรู้สึกไว้ใจผู้ที่ให้การปกป้องโดยไม่รู้ตัว เอาล่ะผมแต่งต่อไปไม่ได้แล้ว ใครรู้บ้างว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
คนทั้งกลุ่มกางแขนออก ตอนนี้ดูเหมือนว่า ลูกแมวป่าตัวนี้คงจะติดฉินสือโอวเข้าแล้ว
ฉินสือโอวไม่ถือสาที่ที่บ้านจะเลี้ยงสัตว์เพิ่มอีกหนึ่งตัว ถึงอย่างไรวินนี่ก็จะคลอดลูกแล้ว ถือซะว่าเตรียมเพื่อนเล่นไว้ให้ลูกก็ดีเหมือนกัน แต่ปัญหาคือ นี่คือลูกแมวป่า แม่แมวป่าไม่เจอลูกแล้ว คงจะร้อนใจแน่ๆ ใช่ไหม?
ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้แค่มองไปที่บุช แล้วเอ่ยถามมันว่า “แกพาเด็กนี่มาจากที่ไหน?”
บุชเงยหน้ามองฟ้าอย่างงงงวย มันร้องแกว๊กๆ แกว๊กๆ อยู่หลายครั้ง เสียงก็ยิ่งเบาลงไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดมันจึงกลับหลังหัน แล้วยัดหัวลงไปในปีกมันซะเลย
“ฟัค! เจ้าทึ่ม!” ฉินสือโอวหมดคำจะพูดอีกครั้งแล้ว
เขาวางลูกแมวป่าลงบนพื้นเพื่อปล่อยให้มันกลับบ้าน ลูกแมวป่ากะพริบตาดวงโตอย่างมัวๆ มันปีนขึ้นไปบนอ้อมอกเขาด้วยความปราดเปรียวอีกครั้งทันที
สมกับที่เป็นนักล่าวงศ์เสือและแมวระดับสูง ความสามารถในการปีนป่ายของลูกแมวป่าเหนือชั้นมากจริงๆ ปีนขึ้นมาบนร่างกายของฉินสือโอวได้ง่ายดายเหมือนเดินบนพื้นราบเรียบ
ฉินสือโอวเลยต้องวางมันลงบนไหล่ หวังว่าแม่แมวป่าจะหามันเจอ ทว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบความหนาว มันจึงปีนลงไปแล้วมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
ช่วยไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวต้องพาลูกแมวป่ากลับฟาร์มปลาด้วยกัน
เมื่อกลับมาถึงวิลล่า วินนี่กำลังสั่งให้พวกชาวประมงไปจัดการเก็บอาหารป่าที่นำลงมาจากภูเขาให้เป็นระเบียบ หมูป่ากับกวางป่าตัวใหญ่ต้องเอาไปวางไว้ในห้องแช่เย็น
ในห้องแช่เย็นน่าจะยัดตัวอ่อนดักแด้ไว้หลายร้อยกิโลกรัม ใช้น้ำเกลือหมักเอาไว้ทั้งหมดแล้วหลังจากนั้นจึงนำไปแช่แข็ง ต้องระวังให้ดีจะไปโดนมันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะจัดการได้ยาก ของชิ้นเล็กถ้ากลิ้งไปก็ไร้ร่องรอยแล้ว ถ้าหาไม่เจอตอนนี้ ต่อไปมันจะเน่าเปื่อย
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับห้องเย็นคือมีของเน่าเสียอยู่ข้างใน ของเน่าเสียหมายความว่ามีจุลินทรีย์อยู่ นั่นจะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ จนทำให้ของอย่างอื่นเกิดการปนเปื้อน
ลูกหมูป่ากับลูกกวางถูกขังไว้ในฟาร์มหมดแล้ว ตอนนี้ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กมีฝูงหมูบ้านอยู่ข้างในหนึ่งฝูง ซึ่งก็ไร้พลังโจมตีกันทั้งสองฝ่าย พื้นที่ก็กว้างใหญ่มากพอ จึงสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีไมตรีสุข
ตอนนี้ความยับยั้งชั่งใจของฉินสือโอวแสดงผลประโยชน์ออกมาแล้ว หมูพันธุ์พื้นบ้านที่เขาเอามาจากบ้านเกิดยังเหลืออยู่สองคู่ พ่อหมูสองตัวกับแม่หมูอีกสองตัว แม่หมูล้วนแต่ผสมพันธุ์แล้วทั้งคู่ เขาพบว่าแม่หมูตั้งท้องเมื่อเดือนกันยายน คาดว่าสิ้นเดือนหรือไม่ก็ต้นเดือนหน้า ก็จะคลอดลูกหมูออกมาแล้ว
หมูใหญ่คลอดลูกหมู ส่วนลูกหมูก็จะคลอดลูกหมูตัวเล็กๆ ออกมาอีก ฉินสือโอวคิดว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้สามารถเชื่อมโยงต่อกันไปเป็นลูกโซ่ได้อย่างมากมายไร้ขอบเขต
วินนี่เห็นเสื้อผ้าของฉินสือโอวมีหิมะกับพวกดินโคลนใบไม้ติดอยู่เต็มไปหมด เธอจึงแสดงท่าทีบอกให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ เขานำเสื้อผ้าไปวางไว้ในอ้อมอกของเธอ แล้วพูดกับเธอว่า “ข้างในมีเรื่องเซอร์ไพรซ์อยู่ ลองเดาดูสิว่ามันคืออะไร?”
วินนี่แย้มรอยยิ้มพร้อมกับเปิดเสื้อผ้าออก ลูกแมวป่ามุดหัวออกมา มองดูลักษณะท่าทางของวินนี่ พร้อมกับสูดจมูกเล็กๆ สีดำของมัน จากนั้นก็วิ่งพล่านออกไปด้วยความรวดเร็วทันที มันมุดเข้าไปในอ้อมอกของวินนี่ อีกทั้งมันยังหาที่สบายๆ ตรงบริเวณหน้าอกเจอแล้วด้วย ที่ที่นุ่มๆ ที่ที่ร้อนๆ…
ทันใดนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกเคียดแค้นขึ้นมา เขานึกว่าที่เจ้าตัวเล็กมุ่งมั่นจะนอนหมอบอยู่ในอ้อมอกเขาเมื่อก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเขามีลมหายใจของเทพโพไซดอนอยู่บนร่างกาย ตอนนี้ดูท่าว่า เขาคงคิดไปเองฝ่ายเดียวซะแล้ว
“ว้าว น่ารักจริงๆ เป็นลูก ลูก ลูก นี่คือลูกของแมวป่าใช่ไหมคะ?” วินนี่ร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจและดีใจก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นถึงได้รู้สึกงงงันขึ้นมา
ฉินสือโอวค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าวินนี่จะดูออกว่านี่คือแมวป่า? ฟัค ทำไมมีแต่เขาที่มองไม่ออกตั้งแต่แวบแรก?
วินนี่ชี้ไปที่ขนบนหูสีดำเล็กๆ ยาวๆ ของเจ้าตัวนี้พร้อมกับพูดว่า “ดูนี่สิ นี่คือเอกลักษณ์ของแมวป่ายังไงล่ะ”
ฉินสือโอวเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกตจริงๆ ที่แท้เจ้าตัวเล็กก็มีขนหูยาวออกมาแล้ว
เชอร์ลี่ย์กับเด็กคนอื่นๆ เลิกเรียนแล้ววิ่งกลับเข้ามา พอเข้ามาในบ้านก็เห็นฉินสือโอวกำลังฟุบอยู่บนหน้าอกของวินนี่ เด็กสาวแบะปากใส่ ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้มีเยาวชนอยู่ด้วย ดังนั้นนะฉิน รบกวนระวังด้วยค่ะ โอเคไหมคะ?”
ฉินสือโอวหันกลับไปพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “คิดอะไรเลอะเทอะ? ยังเด็กยังเล็กทำไมถึงได้มีแต่ความคิดทะลึ่งๆ อยู่ในหัว ฉันกำลังดูนี่…อืม มาดูสิ วันนี้ฉันเก็บลูกแมวมาหนึ่งตัว”
เขาอยากแกล้งเด็กพวกนี้เล่น
เด็กสาววิ่งเข้ามาดู หลังจากนั้นก็มองฉินสือโอวด้วยความเวทนาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ค่ะ ฉิน นี่ไม่ใช่ลูกแมว นี่คือลูกแมวป่า พวกมันกินลูกแมวนะคะ ไร้อายธรรม น่ากลัวจริงๆ”
ฉินสือโอวหมดอาลัยตายอยากแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันวะเนี่ย? ทำไมใครๆ ก็รู้จักเจ้าตัวนี้ มีแค่เขาคนเดียวที่ไม่รู้จักหรือไง? แม้กระทั่งเชอร์ลี่ย์ยังรู้ว่านี่คือแมวป่า?!
ต่อจากนั้นพาวลิสจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “พวกเราเพิ่งจะเรียนเรื่องสัตว์วงศ์เสือและแมวมาจากวิชาการศึกษาธรรมชาติ บนหนังสือมีรูปแมวป่าอยู่ ในวิดีโอของสื่อการสอนก็มี ดังนั้นพอมองเห็นหางสั้นๆ กับขนหูของมัน เลยดูออกได้ง่ายๆ ครับ”
ขนหูคือขนสีดำยาวเรียวบางส่วนที่อยู่บนปลายหูของแมวป่า ของพวกนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อประดับ แต่สามารถเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่มาของเสียงได้ตลอดเวลา เป็นประโยชน์ต่อการเก็บรวบรวมคลื่นเสียง ถ้าสูญเสียไปจะส่งผลกับความสามารถในการได้ยินของแมวป่า เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสัตว์ชนิดนี้มาก
ทว่าก็เป็นขนหูพวกนี้แหละ ที่เคยทำให้ตระกูลแมวป่าเกือบจะสูญพันธุ์ หลังยุคกลางในช่วงหนึ่งที่ใกล้จะถึงยุคมืด แมวป่าถูกนับว่าเป็นสัตว์ที่อันตรายจึงถูกผู้คนในยุโรปล่าอย่างกว้างขวาง
ในตอนนั้นนอกจากจะคิดว่าพวกมันคุกคามสัตว์เลี้ยง ก็ยังเป็นเพราะขนสีดำที่อยู่บนหูของพวกมัน ที่ถูกผู้คนจินตนาการจนคิดไปเองว่าเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ นึกว่าพวกมันเป็นสัตว์ร้ายที่ ‘ซาตาน’ เลี้ยงไว้ จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมีคนเชื่อว่า แมวป่าคืออีกร่างหนึ่งของหมานรกสามหัวที่เดินอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
แมวป่าคือสัตว์วงศ์เสือและแมว เป็นเหมือนญาติห่างๆ ของสัตว์ตระกูลแมว พวกมันไวต่อความรู้สึก ละเอียดอ่อนแต่ขี้ขลาด เพื่อที่จะหลบหลีกการสังหาร พวกมันทำได้เพียงแค่หลบอยู่ในป่าลึกบนภูเขาสูงด้วยใจหวาดหวั่น แต่พอถึงศตวรรษที่ 19 จนถึงที่สุดแล้วสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ในหลายประเทศของทวีปยุโรปก็ถูกสังหารจนราบเรียบ
วินนี่เป็นชาวคริสต์ เธอรู้จักเรื่องราวในอดีตช่วงนั้น จึงรู้สึกรักและสงสารลูกแมวป่าอย่างเต็มเปี่ยม พอเอามากอดไว้ในอ้อมอกเธอก็เรียกมันว่าเป็นลูกรัก ทั้งยังเข้าไปในครัวเพื่อเทนมวัวอุ่นๆ มาให้มันอีกด้วย
พอมองเห็นนมวัว ในที่สุดลูกแมวป่าก็ยอมออกห่างจากอ้อมกอดอบอุ่น มันกระโดดลงมาเลียนมวัวอย่างมีความสุขเหมือนกันกับลูกแมวที่กำลังเลียน้ำ หลังจากเลียได้สักพักมันยังใช้หัวของมันถูๆ วินนี่อีกด้วย
พอเห็นอย่างนั้นฉินสือโอวจึงรู้ว่าตัวเองแย่แล้ว เจ้าตัวเล็กตัวนี้อย่าได้ฉลาดไปมากกว่านี้เลย ตอนนี้เป็นเพราะวินนี่กำลังตั้งท้องอยู่แถมสัญชาตญาณความเป็นแม่ยังปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง เยี่ยมเลย ที่บ้านกำลังจะมีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
เป็นเช่นนั้นจริงๆ วินนี่ตามไปถามฉินสือโอวว่าเขาได้ตั้งชื่อให้เจ้าตัวเล็กแล้วหรือยังทันที ฉินสือโอวต้องยอมปล่อยโอกาสให้วินนี่อยู่แล้ว จะทำตัวเหมือนคนไม่มีตาไม่ได้
วินนี่ฟุบอยู่บนโต๊ะพร้อมกับจ้องมองลูกแมวป่าที่กำลังดื่มนมวัวอย่างมีความสุข หลังจากคิดดูอยู่พักหนึ่ง เธอก็กระโดดโลดเต้นร้องตะโกนเหมือนเด็กผู้หญิงว่า “เรียกว่าซิมบ้าดีไหมคะ? ราชาเจ้าป่าซิมบ้า!”
บทที่ 863 ไล่หิมะ
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวงงงันไปชั่วครู่ “ซิมบ้า? ใช่แล้ว ราชาเจ้าป่าซิมบ้า แต่ปัญหาคือ นี่เป็นแมวป่านะ”
“สิงโตเป็นสัตว์ตระกูลแมว แมวป่าก็เป็นสัตว์ตระกูลแมว พวกมันมีบรรพบุรุษพวกเดียวกัน มีความสัมพันธ์เป็นญาติแบบห่างๆ พวกเราต้องสร้างแรงปณิธานให้ลูกแมวป่าสักหน่อย ดังนั้นถ้าใช้ชื่อซิมบ้ามาปลุกเร้าให้กำลังใจมัน มันก็ดีมากๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
วินนี่ยิ่งพูดยิ่งมีความสุข เธอพูดเองเออเองไปก่อนแล้ว
ฉินสือโอวไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป แต่ถึงยังไงเขาก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีส่วนที่แปลกๆ อยู่
ลูกแมวป่าไม่รู้ว่าตัวเองมีชื่อ แค่ทั้งสองคนชี้ๆ วาดๆ นิ้วไปที่มัน มันก็รู้แล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง พอดื่มนมเสร็จแล้วจึงได้วิ่งเข้ามากอดแขนออดอ้อนวินนี่ กลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมขนปุกปุย
วินนี่ใช้นิ้วมือจิ้มๆ หน้าผากของมัน พร้อมกับพูดว่า “ดีล่ะ ที่รัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกคือซิมบ้าแล้วนะ เป็นราชาแมวป่าอเมริกาเหนือ ใช่ไหม?”
ลูกแมวป่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น มันรู้จักแต่กอดแขนวินนี่กลิ้งเล่นไปบนพื้น
ฉินสือโอวคิดว่าต่อไปจะปล่อยให้วินนี่เป็นคนตั้งชื่อไม่ได้แล้ว ไร้ซึ่งความท้าทายเกินไป มีแต่ราชานั่นราชานี่ เขาจะไปหาราชาหมาป่าโลโบ แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวแสบวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ
ตัวซิมบ้ามอมแมมมาก กระโดดขึ้นกระโดดลงปีนต้นไม้มุดโพรงหญ้าทั้งวัน บนขนมีแต่หิมะกับโคลนทราย ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ฉินสือโอวระบุตัวตนของมันไม่ได้ในครั้งแรก
วินนี่เทน้ำอุ่นเพื่ออาบน้ำให้มัน หู่จือกับเป้าจือพากันวิ่งเข้ามา พวกมันหลบอยู่ตรงประตูแล้วยื่นหัวออกมามองดูลูกแมวป่า
ฉินสือโอวหันกลับไปถามพวกมันว่า “แล้วหลัวปอล่ะ? อยู่ที่ไหน?”
หู่จือกับเป้าจือหันมาสบตากัน จากนั้นก็ก้มหน้าลงแล้ววิ่งลงบันไดไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สัตว์วงศ์เสือและแมวไม่ชอบการอาบน้ำ แมวป่าก็เช่นกัน พอมองดูน้ำร้อนใสๆ จอมราชาซิมบ้าก็ลนลานขึ้นมาทันที มันถีบขาคิดจะวิ่งหนี
วินนี่มีประสบการณ์ในการรับมือกับเหล่าสัตว์เลี้ยงแล้ว เธอจึงจับคอมันไว้อย่างมีไหวพริบ แล้วจับมันยัดลงไปข้างในทันที
ลูกแมวป่าส่งเสียงแหลมร้องครวญคราง เหมือนลงไปในกระทะน้ำมัน สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ฉินสือโอวกลัวว่ามันจะทำให้วินนี่ได้รับบาดเจ็บ จึงเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มันบางส่วน เช่นนี้จึงสามารถปลอบโยนความรู้สึกของมันได้
เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากรับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาแล้ว จอมราชาซิมบ้าก็เริ่มสงบนิ่งขึ้นมา คาดว่ามันคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความสบายจากน้ำ มันถึงได้หรี่ตาแล้วส่งเสียง ‘มุมมัมๆ’ ออกมาจากในลำคอ แล้วเริ่มดื่มด่ำความสุขจากการแช่น้ำร้อน
แน่นอนว่า อุ้งเท้าทั้งสองข้างของมันยังเกาะข้อมือของวินนี่ไว้อย่างแน่นหนาอยู่ตลอดเวลา เพราะหวาดกลัวว่าจะลื่นลงไปในน้ำ
วินนี่ให้ฉินสือโอวถูสบู่ให้มัน นี่เป็นสบู่สำหรับเหล่าสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงและทำให้ขนนุ่มฟู แต่ไม่มีกลิ่นหอม เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีประสาทในการรับกลิ่นที่ว่องไว ถ้าสบู่เหลวอาบน้ำมีกลิ่นเร้ามากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อพวกมัน
แมวป่าเป็นสัตว์ป่าที่มีการเผาผลาญค่อนข้างช้า พวกมันควรที่จะอ้วนตุ๊ต๊ะสิถึงจะถูกต้อง ทว่าราชาเจ้าป่าซิมบ้ากลับมีรูปร่างค่อนข้างผอมบางอ่อนแอ เหมือนกันกับหลัวปอในช่วงแรกๆ ที่หลังจากขนโดนน้ำแล้ว มันก็กลายเป็นหัวไชเท้าหัวใหญ่หนึ่งหัว
วินนี่ช่วยอาบน้ำให้มันอยู่สองรอบ ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดให้แห้ง หลังจากนั้นจึงใช้ไดร์เป่าขนมันอีกรอบ แบบนี้ลูกแมวป่าถึงได้ดูดีขึ้นมาบ้าง
แมวป่าเป็นสัตว์ในวงศ์เสือและแมวที่สวยงามมาก ใบหน้าอิ่มเอิบชวนให้คนชอบ ขนบนร่างกายสมบูรณ์หนานุ่ม ปลายหูมีช่อขนสีดำตั้งตระหง่าน ขนยาวๆ ส่วนท้องกับขนหนาๆ บริเวณหลัง เวลาลูบสัมผัสที่มือจะให้ความรู้สึกดีมาก ซึ่งนี่ช่วยให้มันสามารถต้านทานความหนาวได้
ราชาเจ้าป่าซิมบ้ายังเป็นเด็กทารก ขนยังงอกไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันถึงได้ชอบที่จะมุดเข้าไปในอ้อมกอดของมนุษย์ เนื่องจากความสามารถในการต้านทานความหนาวของมันยังไม่ดีพอ ทำให้รู้สึกหนาวอยู่โดยตลอด
เหมือนกันกับแมวป่าส่วนใหญ่ สีบนหลังของ ราชาเจ้าป่าซิมบ้าค่อนข้างเข้ม ปรากฏให้เห็นเป็นสีน้ำตาลแดง ขนบนหน้าท้องเป็นสีขาวเหลืองอ่อนๆ ขนบริเวณรอบๆ ดวงตาดูขาวซีด แก้มทั้งสองข้างมีลายเส้นตามยาวสีน้ำตาลเข้มอยู่หลายเส้น ดูซึนเดเระมากๆ
สิ่งที่น่ารักที่สุดก็คืออุ้งเท้าของมัน คล้ายกันกับบิ๊กฟุต ลูกแมวป่ามีเท้าขนาดใหญ่สองข้างที่ไม่สมส่วนกับร่างกายของมัน ด้านบนถูกห่อหุ้มด้วยปุยขนปุกปุยที่ทั้งยาวและหนาแน่น ราวกับว่ากำลังสวมรองเท้าบูตกันหิมะอยู่
นี่คือผลลัพธ์จากการวิวัฒนาการกว่าร้อยปีพันปีของแมวป่า พวกมันต้องล่าเหยื่ออยู่ในพื้นหิมะหนาๆ เป็นประจำ ทำให้ต้องมีอุ้งเท้าใหญ่พอที่จะสร้างพื้นที่ของแรงกดทับได้มากพอ ร่างกายของมันถึงจะไม่จมลงไปในกองหิมะ
พอลูกแมวป่ามาอยู่ด้วย บรรยากาศของวิลล่าจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก
แตกต่างกับหลัวปอที่เพิ่งมาที่วิลล่า ราชาเจ้าป่าซิมบ้าไม่กลัวคนแปลกหน้า เป็นเจ้าตัวเล็กที่เข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่ายมาก
วินนี่อุ้มมันไปที่ห้องรับแขก หลังจากกระโดดลงมาแล้วมันก็สะบัดๆ ขนบนตัว แล้ววิ่งเพ่นพ่านไปทั่วทั้งซ้ายและขวา
พอเชอร์ลี่ย์โบกมือให้มัน มันก็วิ่งเข้าไปหาแล้วใช้หัวถูกับมือเล็กๆ ของเชอร์ลี่ย์อย่างสนิทสนม พาวลิสเอาเนื้อแห้งให้มันกินหนึ่งแผ่น มันอ้าปากแล้วกลืนลงไป ต่อจากนั้นมันก็ใช้ดวงตาโตๆ จ้องมองขอให้ป้อนอาหารต่อ
มันไม่กลัวหู่จือกับเป้าจือเช่นกัน หลังจากสุนัขแลบราดอร์วิ่งเข้ามา มันยังวิ่งเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น สุนัขแลบราดอร์ไม่ยอมลดตัวไปเล่นกับเจ้าตัวเล็กตัวนี้ ทว่าราชาเจ้าป่าซิมบ้าก็ไม่สนใจ มันยังตามท้ายไปอย่างหน้าด้านไม่มียางอาย กลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนหางอันเล็กๆ
เพียงแต่ว่า สิ่งที่มันกลัวคือบุช
พอบุชตีปีกบินเข้ามา ราชาเจ้าป่าซิมบ้าที่กำลังเล่นแย่งบอลอยู่กับหู่จือก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที มันล้มลุกคลุกคลานวิ่งไปหาวินนี่ หลังจากนั้นก็เกาะขากางเกงไว้แล้ววิ่งขึ้นไปในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวคิดว่าต่อไปลูกแมวป่าอาจจะกลายเป็นอันธพาลของฟาร์มปลา เจ้าตัวนี้หน้าด้านหน้าทน ทั้งวิ่งได้กระโดดได้แถมยังปีนต้นไม้ปีนกำแพงได้อีก ถ้าเกิดไม่เชื่อฟังขึ้นมา ใครจะรับมือกับมันได้กัน?
ยามพลบค่ำมาถึง อากาศเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เพียงไม่นานลมเหนือก็ส่งเสียงร้องหวีดหวิว เมฆหนาครึ้มจากทั่วทุกสารทิศเข้ามารวมกัน อีกไม่นานจะมีหิมะตกลงมา
ฉินสือโอวดื่มซุปเนื้อพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “ให้ตาย นี่มันเดือนพฤศจิกายนนะ หิมะจำเป็นต้องตกเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
ทว่าอีวิลสันกลับรู้สึกมีความสุขมาก เขามองดูเกล็ดหิมะที่ลอยอยู่ด้านนอก ยกซุปถ้วยใหญ่ของตัวเองขึ้น ข้างในเป็นซุปเนื้อต้มกระดูกโรยผักชี จิ้มขนมปังปิ้งแผ่นใหญ่ที่เพิ่งจะอบเสร็จสดๆ ร้อน เขาพูดอย่างพึงพอใจว่า “ขนมอบกับซุปเนื้อ เหมาะกับกินตอนหน้าหนาวจริงๆ!”
ฉินสือโอวกลอกตาบนพูดกับเขาว่า “ใช่แล้ว ที่รัก อร่อยมาก แต่หิมะตกหนักเกินไป แบบนั้นมันคือภัยพิบัติแล้ว”
อีวิลสันเคี้ยวขนมปังปิ้งจิ้มซุปคำใหญ่ๆ และถามเขาอย่างไม่จริงจังนักว่า “นายไม่ชอบเหรอ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าตอบ “แน่นอนสิ ใครจะไปชอบพายุหิมะกันล่ะ?”
เขาพูดประโยคนี้อย่างไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ พอทานซุปข้นๆ ของตัวเองเสร็จเขาก็ไปเล่นเน็ต ต่อจากนั้นเขาได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากลานบ้าน จึงเปิดผ้าม่านเพื่อมองออกไปข้างนอก เขาพบว่าท่ามกลางหิมะตกหนักที่พลิ้วไหวตามกระแสลม มีอีวิลสันที่กำลังร้องตะโกนพร้อมกับโบกกระบองไม้หนึ่งอัน
ฉินสือโอวตกใจจนตัวโยน เขาวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น อีวิลสัน?”
อีวิลสันหันกลับมาเผยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มซื่อๆ เขาพูดเสียงดังว่า “ฉินไม่ชอบหิมะ อีวิลสันจะไล่พวกมันไปให้พ้น!”
พอพูดจบ เขาก็เริ่มโบกท่อนไม้ใส่ท้องฟ้า แล้วร้องตะโกนออกมา “ไม่ต้องตกลงมาแล้ว พากันออกไปเถอะ! ไปเถอะ! ไม่ต้องมาที่ฟาร์มปลา! พวกแกไปโทรอนโตแทนสิ!”
ฉินสือโอวอยากหัวเราะออกมานิดหน่อย ทว่าเขาก็รู้สึกซึ้งใจมากกว่า เขาเข้าไปดึงอีวิลสันไว้ แล้วยื่นมือออกไปจับด้านหลังศีรษะเพื่อให้เขาก้มลงมา ทั้งสองคนก้มหัวเข้าหากัน แล้วพูดว่า “เพื่อน พวกมันกลัวแล้ว เดี๋ยวพวกมันก็ไป ให้เวลาพวกมันสักหน่อยนะ ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านกันดีไหม?”
“ฉันจะไล่ให้พวกมันรีบไป” อีวิลสันกล่าว
ฉินสือโอวจึงพูดกับเขาว่า “ไม่ๆ ไม่เป็นไร ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร พวกเรากลับบ้านกันเถอะ วินนี่ชงชานมไว้ให้นายแล้ว นายชอบชานมไหม? เป็นชานมที่สุดยอดมากๆ”
“ใส่น้ำตาลไหม?”
“สองก้อนเลย”
“โอ้ๆ ถ้าอย่างนั้นก็สุดยอดเลย กลับกันเถอะ”
ฉินสือโอวยิ้ม ดึงอีวิลสันเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นอยู่ๆ เขาก็พบว่า มีเงาร่างสีขาวกำลังสั่นไหวอยู่ไกลๆ
บทที่ 864 ความรักที่ติดตามมา
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวเพ่งมองออกไป สิ่งที่หมุนตัวรอบๆ อยู่บนพื้นหิมะอย่างน่าอัศจรรย์คือหลัวปอที่ไม่เห็นหน้ามาตลอดช่วงพลบค่ำ
หลัวปออายุครบหนึ่งขวบแล้ว ปีที่แล้วมันมาที่ฟาร์มปลาเมื่อเดือนพฤศจิกายนนั่นเอง ในตอนนั้นมันยังมีฐานะเป็นเชลยที่ถูกจับมาอยู่เลย
ลมและหิมะพัดโหมกระหน่ำ หลัวปอเดินเตร่ไปอย่างช้าๆ ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดูท่าทางร้อนรุ่มกลุ้มใจ
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เจ้าตัวเล็กอย่างหลัวปอจะกังวลใจเรื่องอะไรกัน? มันก็แค่ชอบเล่นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตะโกนไปหามัน เพื่อเรียกให้มันกลับวิลล่า
แต่ปรากฏว่าพอได้ยินเสียงตะโกนของเขา หลัวปอก็หันกลับมามองเขาตาปริบๆ แล้ววิ่งหายวับไปกับตา
หู่จือกับเป้าจือที่กำลังนั่งอยู่หน้าประตูวิลล่า มองดูทิศทางที่หลัวปอวิ่งออกไป จมูกของพวกมันกระตุกขึ้นไม่หยุด ราวกับว่าพวกมันได้กลิ่นอะไรสักอย่าง
ฉินสือโอวยักไหล่น้อยๆ เขากลับเข้าไปในวิลล่าพร้อมกันกับอีวิลสัน สัตว์เลี้ยงพวกนี้มีขนที่ช่วยป้องกันความหนาวอย่างดี หลัวปอชอบเล่นกับพื้นหิมะ เขาเลยนึกว่าเจ้าตัวนี้คงจะเล่นซุกซนอีก และเขายังเชื่อว่ามันจะเข้ามานอนในตอนกลางคืน
เขากลับเข้ามาในวิลล่า วินนี่ชงชานมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวเปิดทีวีดู ซึ่งขณะนี้กำลังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันของเอ็นบีเอพอดี เขาจึงนั่งดื่มชานมดูการแข่งบาสอยู่กับอีวิลสัน ฉินสือโอวคิดว่าแบบนี้ก็มีความสุขมากๆ เหมือนกัน
สติปัญญาของอีวิลสันได้รับความเสียหาย เขาไม่ได้โง่และยิ่งไม่ได้ปัญญาอ่อน แต่เป็นเพราะเกิดจากญาติที่มีสายเลือดใกล้ชิดกัน ดังนั้นพัฒนาการของสติปัญญาเลยช้า อีกทั้งยังพัฒนาอย่างไม่สมดุล
มีบางส่วนที่เขามีความเข้าใจอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นการออกทะเลไปทำงาน ทอดอวน เก็บอวน จำแนกชนิดปลา ตกปลาเพื่อตรวจสอบสภาพปลา เขาทำได้ทั้งสิ้น และเป็นเพราะเขาทำงานอย่างตั้งใจ จึงทำงานได้ดียิ่งกว่าชาวประมงทั่วๆ ไปเสียอีก
แต่ยังมีบางส่วน ที่เขาขาดความเข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ เขาไม่เข้าใจคำพูดของคนอื่น เลยมักจะทำให้เกิดเรื่องน่าหัวเราะอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งบูลลืมเรื่องบางอย่างไป เขาจึงพูดว่าหัวฉันควรจะถูกทุบสักหน่อย หลังจากนั้น ตุ้บ อีวิลสันก็ชกเขาไปหนึ่งหมัด!
ในตอนนั้นเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก แอนนานึกว่าบูลไปตีกันกับใครมา เธอเลยทะเลาะกับเขาด้วยความไม่สบอารมณ์
และอย่างครั้งนี้ ฉินสือโอวพูดว่าเขาไม่ชอบพายุหิมะ แต่อีวิลสันกลับนึกว่าเขาไม่ชอบหิมะ จึงถือไม้กระบองออกไปไล่เกล็ดหิมะ นี่มันทึ่มมาก แต่ก็น่ารักมากเหมือนกัน
การพูดคุยกับอีวิลสัน คือการคุยกันไปเรื่อย มีบางครั้งที่ประโยคด้านหน้ากับด้านหลังไม่สัมพันธ์กัน ทว่าอีวิลสันสามารถตอบคำถามที่มีหลักปรัชญาบางส่วนออกมาได้ นี่เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่าการพูดคุยกับอีวิลสันก็น่าสนใจมากๆ เหมือนกัน
การแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอเป็นการแข่งขันระหว่างทีมโกลเด้นท์ สเตท วอร์ริเออร์สกับทีมเมมฟิส กริซลีย์ส ฉินสือโอวเชียร์ทีมโกลเด้นท์ สเตท วอร์ริเออร์ส เพราะเขาเคยรู้จักกันกับเคอร์รีนักบาสชื่อดังของทีมโกลเด้นท์ สเตท วอร์ริเออร์ส ตอนไปเข้าร่วมงานการกุศลของคณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ทว่าวันนี้ทีมโกลเด้นท์ สเตท วอร์ริเออร์สเปิดการเล่นได้ไม่ดี ฉินสือโอวเห็นดูอยู่อย่างวุ่นวายพัวพันกันอุตลุด โชคดีที่ในควอเตอร์ที่สี่เคอร์รีเริ่มแสดงสัมผัสของจอมแม่นสามลูกออกมา ทำให้สามารถดึงช่วงระยะความต่างในยี่สิบนาทีของช่วงพักครึ่งกลับมาได้ ในช่วงสองนาทีสุดท้ายคือการทำคะแนนในช่วงไคล์แม็กซ์ 10-0 ทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในทันที
วินนี่นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าโต๊ะ ในระหว่างนั้นเธอจะเข้าห้องน้ำหลายครั้งติดต่อกัน ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกเป็นห่วงมาก
เขาถอนหายใจออกมา ฉินสือโอวพูดขึ้นมาว่า “อีวิลสัน ที่จริงอย่างนายก็ถือว่าดีเหมือนกัน นายไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลใจ ไม่เหมือนฉัน เอาแต่กังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั้งวัน นายว่า นายทำแบบนั้นได้ยังไงเหรอ?”
อีวิลสันยิ้มหัวเราะพร้อมกับชี้ไปที่ทีวี การแข่งขันบาสเกตบอลมาถึงช่วงเวลาสิ้นสุดแล้ว ทีมโกลเด้นท์ สเตท วอร์ริเออร์สฉลองชัยชนะไปแล้ว
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ว่า “นายจะพูดว่า ปล่อยไปตามธรรมชาติเหรอ? ขอเพียงแค่ขยันดิ้นรนฝ่าฟันแล้ว ผลสุดท้ายจะทำให้รู้สึกพึงพอใจได้เองใช่ไหม?”
อีวิลสันส่ายหน้า กล่าวว่า “ไม่ใช่ ฉิน ความหมายของฉันคือ เรื่องกังวลใจของโลกภายนอก เกี่ยวอะไรกับบาสของผมไหม?”
วินนี่กลับมาได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนพอดี ชั่วขณะหนึ่งจึงอดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้
ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมาเช่นกัน เขาปิดทีวีแล้วพูดว่า “โอเค ดึกแล้ว ควรจะนอนได้แล้ว”
อีวิลสันพูดกับเขาอย่างทึ่มๆ ว่า “แต่ผมยังดูไม่จบ”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับบาสของฉันล่ะ? ฮ่าๆ” ฉินสือโอวเอาคืนเขาอย่างมีความสุขอย่างถึงที่สุด
ฉินสือโอวกำลังจะขึ้นไปข้างบน วินนี่จึงถามเขาด้วยความรู้สึกเป็นกังวลว่า “เด็กๆ กลับมากันหมดแล้ว ทำไมมีแต่หลัวปอที่ยังอยู่ข้างนอกละคะ?”
ฉินสือโอวเลยบอกกับเธอว่า “ไม่เป็นไรหรอก รออีกเดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้ว ที่ฟาร์มปลาปลอดภัยมาก ไม่มีอะไรทำร้ายมันได้หรอก”
วินนี่ส่ายหัว เธอพูดกับเขาอย่างค่อนข้างกังวลใจว่า “ไม่สิ หลัวปอว่าง่ายมากๆ ทุกวันพอกินข้าวเสร็จมันจะเล่นอยู่ตรงประตูสักพัก หลังจากนั้นก็จะนอนอยู่ตรงประตู ไม่เคยกลับดึกแบบนี้”
เห็นวินนี่เป็นกังวล ฉินสือโอวจึงจะออกไปตามหาหลัวปอ เขาเข้าใจภรรยาที่ดีคนนี้ ถ้าหลัวปอไม่กลับมา เธอก็จะนอนไม่หลับ
วินนี่บอกว่าเธอก็จะไปตามหาเหมือนกัน พวกเราค่อยๆ เดินท่ามกลางหิมะก็ได้
ฉินสือโอวกลัวว่าวินนี่จะเป็นหวัด แต่พอคิดถึงสุขภาพร่างกายของเธอที่ดีอยู่โดยตลอด ระหว่างตั้งครรภ์ก็ยังยืนหยัดออกกำลังกายตอนเช้า เขาจึงไม่ขัดขวางเธอ อีกทั้งพวกเขาสองคนยังไม่เคยเดินเล่นในคืนที่มีหิมะตกด้วยกันมาก่อน
หาร่มคันใหญ่มาหนึ่งคันแล้วกางมันออก ฉินสือโอวโอบวินนี่พร้อมกับเดินออกไป หู่จือกับเป้าจือนำทางอยู่ด้านหน้า สุนัขสองตัวกับคนสองคนเดินไปบนพื้นหิมะ
กองหิมะไม่ได้ท่วมถึงข้อเท้าคน กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าวันนี้จะมีพายุหิมะ ปีที่แล้วก็มีพายุหิมะบางส่วน แต่เป็นเพราะเดือนมกราคมมีพายุหิมะลูกใหญ่ ในความเป็นจริงปริมาณโดยรวมก็ไม่นับว่ามาก
แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน ปีนี้พอเข้าสู่ฤดูหนาวหิมะก็เริ่มตกแล้ว ปริมาณหิมะที่ตกลงมาอาจจะมากจนเป็นประวัติการณ์
หลังจากประสบกับการจู่โจมหลายครั้ง ฉินสือโอวจึงสร้างเสาไฟฟ้าขึ้นมาหลายต้น ข้างบนมีหลอดไฟทังสเตนไอโอดีนอยู่ทุกอัน ส่องสว่างจนทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของฟาร์มปลาในตอนกลางคืนสว่างไสวเหมือนกับตอนกลางวัน ดังนั้นถึงอากาศจะไม่ดี ทว่าระดับการมองเห็นก็ไม่มีปัญหา
เกล็ดหิมะร่วง ‘ฟุบๆ’ ลงมา ตกกระทบลงบนร่มจนส่งเสียงนุ่มลื่นออกมา ฉินสือโอวกอดวินนี่ไว้พร้อมกับเดินเตร่ไปอย่างช้าๆ บริเวณโดยรอบประดับตกแต่งด้วยสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งท้องฟ้าและผืนดินล้วนเปลี่ยนเป็นเงียบสงบขึ้นมา มีเพียงเสียงซาๆ ของหิมะที่ร่วงลงมา
หู่จือกับเป้าจือนำทางทั้งสองคนมาไกลพอประมาณ ผ่านบริเวณเขตบ่อน้ำร้อนมาแล้ว ตอนนี้อยู่ห่างจากป่าผืนเล็กริมฟาร์มปลาไม่ไกลแล้ว
ในตอนนี้ อยู่ๆ หู่จือที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุดก็หยุด หลังจากนั้นจึงวิ่งกลับมาอย่างระมัดระวัง มันนั่งลงด้านหน้าฉินสือโอวแล้วมองตรงไปข้างหน้า
ฉินสือโอวกับวินนี่เข้าไปดูข้างหน้า เงาสีขาวสามเงากำลังคุมเชิงอยู่ในจุดห่างไกลออกไป…
เงาสีขาวทั้งสามนี้ มีสองเงาที่อยู่ด้วยกัน ส่วนอีกหนึ่งเงาที่กำลังยืนโดดเดี่ยวอยู่บนพื้นหิมะ ก้าวเท้าจังหวะสั้นๆ เดินวนอยู่กับที่ ส่วนสองเงาที่อยู่ด้วยกัน กลับดูเหมือนรูปปั้น ไม่ว่าหิมะจะตกลมจะพัด พวกมันก็ยังอยู่นิ่งๆ กับที่
มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ วินนี่ก็เอามือปิดปากไว้ทันที เธอพูดเสียงเบาว่า “โอ้ พระเจ้า ไม่นะ! นั่นมันลูกของฉัน!”
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขามองเห็นเงารางๆ สองเงาที่อยู่ด้วยกัน คือหมาป่าขาวโตเต็มวัย ไม่ต้องสงสัยเลย หมาป่าโตเต็มวัยสองตัวนั้นก็คือพ่อแม่ของหลัวปอ!
บางที ในตอนนั้นสองผัวเมียหมาป่าขาวคงจะคิดว่าลูกของตัวเองตายด้วยน้ำมือมนุษย์ไปแล้ว จึงกลับขึ้นไปบนภูเขาด้วยความสิ้นหวัง พวกมันคงจะไม่เคยลืมลูกของพวกมันตัวนี้แน่ๆ อีกทั้งพวกมันยังมีสติปัญญาที่ดีมาก ที่ลงมาจากภูเขาเพื่อลองมาดูสถานที่เกิดเหตุในตอนนั้นเมื่อถึงเวลาครบรอบหนึ่งปี
ปีนี้ฉินสือโอวพาหลัวปอไปขึ้นเขามาแล้ว บางทีระหว่างทางทั้งสองฝ่ายอาจจะเคยพบกันมาก่อน สองผัวเมียหมาป่าขาวจึงพบว่าลูกสาวของตัวเองไม่เพียงแต่ยังไม่ตายแต่ยังโตขึ้นแล้ว เปลี่ยนไปจนมีร่างกายสวยงามแข็งแรงกำยำ จึงตามมาจนถึงฟาร์มปลา
หลัวปอน่าจะได้กลิ่นของพ่อแม่ในระหว่างทางกลับ หู่จือกับเป้าจือก็ได้กลิ่นเช่นกัน ทว่าอยู่กับหลัวปอจนคุ้นชินแล้ว พวกมันจึงไม่ได้ส่งเสียงเตือนออกมา
ในค่ำคืนนี้ ผัวเมียหมาป่าขาวจึงตั้งใจวิ่งเข้ามาในฟาร์มปลา เพื่อมาพบลูกของตัวเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น