อยากกินไหมล่ะ 854-858

 บทที่ 854 บาร์บีคิวปลา

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังทุ่มเถียงกันอยู่นั้น ในที่สุดหลิงหงก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป


“พวกนายสองคนต่างก็มีระดับความไร้ยางอายพอๆกันนั่นแหละน่า” หลิงหงสรุปแล้วเข้าประเด็น


ทั้งสองคนหยุดคุยกันแล้วจ้องมองหลิงหงด้วยสายตาเบิกกว้าง


คืนนี้ฝนตกในเมืองเฉิงตู ฝนตกไม่หนักเท่าใดนัก แต่หากตากฝนนานๆก็อาจจะจับไข้เอาได้ง่ายๆ ดังนั้นทุกคนจึงรออยู่ในเต้นท์ที่คณะกรรมการจัดระเบียบแถวสำหรับบาร์บีคิวจัดตั้งขึ้น


คืนฤดูใบไม้ผลิของเมืองเฉิงตูยังคงหนาวเหน็บโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามที่ฝนกำลังตกและสายลมกำลังพัดผ่าน แต่ผู้คนที่อยู่ในแถวกลับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเนื่องจากตอนนั้นกำลังรู้สึกสนุกสนานเบิกบานใจยิ่ง


ใช่แล้ว เป็นความรู้สึกสนุกสนานเบิกบานใจยิ่ง มีแผงลอยอยู่ทั่วทุกหัวระแหงแถมผู้คนยังเยอะกว่าเมื่อยามที่ฝนไม่ตกถึงสามเท่าอีกต่างหาก


นี่ก็เป็นเพราะทุกคนทราบว่าหยวนโจวจะจำหน่ายบาร์บีคิวในวันที่ฝนตก โดยไม่จำกัดปริมาณที่เขาจำหน่าย เพียงแค่จำกัดเวลาเท่านั้น


และเมื่อผู้คนเพิ่มมากขึ้น จำนวนแผงลอยจึงเพิ่มขึ้นไปด้วย ถนนเถ่าซือทั้งสายเต็มไปด้วยเสียงของผู้คนที่กำลังเร่ขายของ


“บาร์บีคิว บาร์บีคิวสไตล์อี๋ปิน เบียร์ซานเฉิง!”


“เบียร์ชิงเต่า แถมฟรีสองขวดทุกชุดที่ซื้อไปเลย! เบียร์ชิงเต่า ซื้อปุ๊บรับของรางวัลไปเลยฟรีๆ!”


“ฟิล์มกันรอย! ฟิล์มกันรอยโทรศัพท์มือถือ!”


“เสื้อกันฝน! เสื้อกันฝนอยู่ตรงนี้! นาทีทองเสื้อกันฝนตัวละ 10 หยวน! คุณสามารถกันฝน ลมและแม้แต่ฝุ่นละอองก็ยังได้เลย! เสื้อกันฝน!”


“ฟุคเกิลและเบียร์วอร์ล็อค ซื้อสามแถมหนึ่ง! ซื้อสามแถมหนึ่ง!”


“เบียร์หิมะ! เบียร์หิมะ! เหลือแค่ห้า! เหลือแค่ห้า!”


ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยเสียงผู้คนเร่ขายของและท่ามกลางคนพวกนั้นส่วนใหญ่จะจำหน่ายเบียร์ โดยที่สามารถพบเห็นเบียร์ทุกชนิดได้ที่นี่


อาจกล่าวได้เลยว่าเบียร์ที่ได้รับความนิยมที่มีอยู่ทั้งหมดล้วนจำหน่ายอยู่ที่นี่แล้ว


ใช่แล้วล่ะ ผู้คนมากมายพากันมาจำหน่ายเบียร์อยู่ที่นี่ ถึงอย่างไรก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดีที่กินบาร์บีคิวโดยไม่มีเบียร์


ตอนแรกที่หยวนโจวจำหน่ายบาร์บีคิวนั้นก็มีบางคนที่พยายามจะจำหน่ายบาร์บีคิวเช่นเดียวกัน น่าเสียดายที่พวกเขากลับไม่สามารถจำหน่ายอะไรได้เลย ในทางกลับกัน ผู้จำหน่ายเบียร์จึงสามารถล้างสต็อคของพวกเขาได้


ด้วยเหตุนั้นทุกคนจึงเข้าใจได้ว่าเมื่อกินบาร์บีคิวของเถ้าแก่หยวนก็จะไม่มีใครจดจำได้ถึงการคงอยู่ของแผงลอยบาร์บีคิว แต่ด้วยความสนใจในเบียร์ พวกเขาจึงสามารถหาเงินได้มาก


และฉากอันสุดแสนจะอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นก็สามารถพบเห็นได้เฉพาะบนถนนเถ่าซือเท่านั้น นี่คือฉากที่แผงลอยบาร์บีคิวต่างพากันขายเบียร์แทน


ผู้คนเหล่านั้นจะยินดีจ่ายเงินมากินบาร์บีคิวของหยวนโจวงั้นหรือหากเบียร์ราคาแพงกว่านิดหน่อย?


แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเต็มใจอยู่แล้ว!


ดังนั้นเบียร์ทั้งหมดจึงถูกจำหน่ายในราคาตลาด ทุกคนพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดทั้งยังมาพร้อมกับแผนและเบียร์ทุกรูปแบบเพียงเพื่อทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มความนิยมของแผงลอยของตนเอง เมื่อถึงยามค่ำคืน ถนนเถ่าซือกลับเป็นสถานที่ที่มีการรวบรวมเบียร์เอาไว้มากที่สุดในบริเวณส่วนนี้ของเมือง


อันที่จริงคนขายพวกนี้ค่อนข้างมีความสามารถเนื่องจากพวกเขาสามารถค้นหาเบียร์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในท้องถิ่นไม่มีเก็บเอาไว้ได้


ดังนั้นผู้คนจึงเพิ่มขึ้นต่อไป บางคนมาที่นี่เพียงเพราะเบียร์มีความหลากหลายมากกว่า


และด้วยเหตุนั้น ผลกระทบแบบสโนว์บอลก็จะสัมฤทธิ์ผลด้วยจำนวนของผู้คนที่มาซื้อเบียร์เพิ่มขึ้น


หลายๆปีต่อมา ผู้คนมากมายก็ยังไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าทำไมถนนเบียร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจึงเป็นถนนเถ่าซือทั้งๆที่หาได้มีความสัมพันธ์กับผู้ผลิตเบียร์แต่อย่างใดไม่


“อีกอย่างเนื่องจากเถ้าแก่หยวนก็มีเบียร์ของตนเองเช่นกัน เขาจะจำหน่ายพร้อมกับบาร์บีคิวหรือเปล่านะ?” ลูกค้าถามด้วยความสงสัยและคาดหวัง


“คงงั้นมั้ง? ก็อากาศค่อนข้างหนาวนี่นา คงจะรู้สึกดีทีเดียวถ้าได้ดื่มเหล้าของเถ้าแก่หยวนเพื่ออบอุ่นร่างกาย” ลูกค้าอีกคนกล่าวขึ้นขณะที่เขาพันผ้าพันคอรอบคอตนเอง


“กินบาร์บีคิวของเถ้าแก่หยวนแล้วก็ดื่มเบียร์ของเถ้าแก่หยวนไปด้วย ชีวิตช่างอะไรอย่างนี้” บางคนเริ่มเพ้อฝัน


“นายก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเลยใช่ไหมล่ะ เฉินเหว่ย?” หลิงหงถามอย่างเย้ยหยัน


“แหงอยู่แล้ว” เฉินเหว่ยพยักหน้า


ทั้งเฉินเหว่ยและหลิงหงก็มาถึงแล้ว แน่นอนว่าหลิงหงย่อมมาที่นี่ก็เพราะบาร์บีคิว นับเป็นเรื่องหายากที่เฉินเหว่ยจะมาในช่วงบาร์บีคิวยามค่ำคืนเนื่องจากเขาชอบดื่มเหล้า


วันนี้เขามาที่นี่เพื่อดูว่าหยวนโจวจะจำหน่ายเบียร์หรือไม่ แม้ว่าหยวนโจวจะประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่มีเบียร์ แต่เฉินเหว่ยก็ยังตั้งใจที่จะลองเสี่ยงโชคดู


“นายช่างมีความปรารถนาอันแรงกล้าจริงๆเชียว นั่นเป็นใครกัน? นั่นเป็นถึงเจ้าเข็มทิศเชียวนะ เป็นไปได้หรือที่เขาจะยอมยกเว้นให้น่ะ?” หลิงหงกล่าวด้วยความมั่นใจ


“นายไม่รู้หรอกว่าเถ้าแก่หยวนเป็นคนที่ภายนอกเย็นชากลับมีหัวใจที่อบอุ่นอ่อนโยน เมื่อวันก่อนฉันเห็นเขาซื้ออาหารแมวไปตั้งเยอะแยะเพื่อเลี้ยงแมวด้วยล่ะ” ลูกค้าที่พันผ้าพันคอกล่าวขึ้นมา


“พวกมันเป็นแมวจรจัดล่ะ” ลูกค้ากล่าวเสริม


“อืม ใช่ ฉันเคยเห็นเถ้าแก่หยวนเลี้ยงอาหารใครสักคนด้วยนะ แถมคนๆนั้นยังเป็นคุณยายที่เขาไม่รู้จักอีกต่างหาก” หญิงสาวที่สวมใส่แว่นตากล่าวขึ้น


“ดังนั้นเถ้าแก่หยวนจึงเป็นคนที่ภายนอกดูเย็นชาทว่ากลับมีหัวใจที่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างไรเล่า คืนนี้เขาอาจจะจำหน่ายทั้งเบียร์และบาร์บีคิวเลยก็ได้นะ” เฉินเหว่ยสรุปพลางยิ้ม


“ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวไปแล้ว” หลิงหงกล่าวด้วยความดูถูกดูแคลน


“มีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างเถ้าแก่หยวนที่ใจดีและเข้มงวดหรือเปล่านะ? ถ้าเขาไม่เข้มงวดก็คงไม่ถูกเรียกว่าเจ้าเข็มทิศหรอกนะ” หลิงหงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งเพื่อขัดจังหวะเฉินเหว่ยจากสิ่งที่เขากำลังจะพูด


ลูกค้ารอบตัวหลิงหงต่างตกตะลึงไปเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด


“ดูเหมือนจะจริงนะ” ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดในลักษณะเดียวกัน


ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที หลังจากนั้นสักครู่ เฉินเหว่ยก็พูดว่า “อีกไม่นานก็จะเริ่มแล้ว หลังจากถามแล้วพวกเราก็จะได้รู้กัน”


“ใช่ ใช่ หลังจากถามแล้วพวกเราก็จะได้รู้กัน”


“ใช่แล้วล่ะ เผื่อไว้ไง”


“อืม หลังจากถามแล้วพวกเราก็จะได้รู้กัน”


ขณะที่บรรดาลูกค้าพากันปลอบใจตัวเองอยู่นั้นก็ถึงเวลาของบาร์บีคิวแล้ว


ทันทีที่ถึงเวลาผู้คนบริเวณทางเข้าก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อหลิงหงกวาดตามองไปรอบๆ เขาก็พบว่าพวกคนเร่ขายของตรงแผงลอยใกล้ๆได้รวมเข้ากับผู้คนแล้วเช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นผู้จำหน่ายเบียร์ทั้งนั้น


เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาก็เป็นกังวลว่าหยวนโจวจะจำหน่ายเบียร์เช่นเดียวกัน


แน่นอนว่าพวกคนเร่ขายของต่างก็หวังว่าเถ้าแก่หยวนจะไม่จำหน่ายเบียร์ ด้วยเหตุนั้นกิจการของพวกเขาก็จะดีขึ้น แต่ความหวังของพวกเขากลับตรงกันข้ามกับบรรดาลูกค้าที่อยู่ ณ ที่นั้นโดยสิ้นเชิง


หยวนโจวที่อยู่ในร้านเพียงผู้เดียวกำลังจัดการบาร์บีคิวยามค่ำคืน ดังนั้นจึงไม่มีใครมาคอยรับออเดอร์ แม้จะเป็นเช่นนั้นทว่าบรรดาลูกค้าก็ยังต่อแถวกันอย่างเชื่อฟัง


เฉินเหว่ยเข้ามาเป็นลำดับที่แปด ทันทีที่เขาเข้ามาแล้ว เขาก็ถามว่า “เถ้าแก่หยวน คืนนี้นายจะจำหน่ายเบียร์ไหม?”


ทุกคนต่างพากันตั้งใจฟังเมื่อพวกเขาได้ยินคำถามนี้


“ไม่” หยวนโจวเหลือบมองเฉินเหว่ยแล้วกล่าวขึ้นมา


“ห๊ะ?”


“โอ้!”


เสียงร้องอุทานที่แตกต่างกันทั้งสองครั้งประสานขึ้นมาพร้อมกัน เสียงหนึ่งมาจากลูกค้าที่ผิดหวังส่วนอีกเสียงมาจากพวกคนเร่ขายของที่รู้สึกตื่นเต้น


“เถ้าแก่หยวน บาร์บีคิวและเบียร์เข้ากันได้ดีเชียวล่ะ นายไม่จำหน่ายเบียร์ได้ยังกัน?” เฉินเหว่ยไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้


“ใช่ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันจำหน่ายทั้งสองอย่างมันเลยไงล่ะ” หยวนโจวพยักหน้าเห็นด้วย


เฉินเหว่ยรู้สึกตกตะลึงจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว


“ฮ่าฮ่า ใช่ ถูกต้องแล้วล่ะ เขาจำหน่ายทั้งสองอย่างเพียงแต่ไม่พร้อมกันเท่านั้นเอง” หลิงหงกล่าวพลางหัวเราะลั่นขณะที่ชี้ไปทางเฉินเหว่ย


“แย่ชะมัดเลย” เฉินเหว่ยไม่สนใจหลิงหง


“แต่วันนี้ฉันมีอาหารจานใหม่ บาร์บีคิวปลา” หยวนโจวประกาศราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เฉินเหว่ยกล่าวเลยสักนิดเดียว


บทที่ 855 ปลาเล็กก็กินปลานะ

“ปลาย่างงั้นรึ? ปลาตัวใหญ่หรือปลาตัวเล็กกันเล่า?” เฉินเหว่ยถามด้วยความข้องใจ


“แม้ว่าจะไม่มีเบียร์สด แต่มีปลาย่างก็ไม่เลวเลยนะ ปลาอะไรงั้นรึ?” ลูกค้าปลดผ้าพันคอออกแล้วถามด้วยความตื่นเต้น


“ว้าว! ในที่สุดก็มีปลาย่าง ฉันชอบมากเลย ฉันขอปลาย่างสักที่ก็แล้วกัน” หญิงสาวผมยาวประบ่าและไว้ผมหน้าม้าตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นแล้วสั่งอาหารทันที


ชื่อของหญิงสาวช่างเหมาะเจาะนัก เธอมีนามว่าเจ้าปลาน้อย เธอมาร้านหยวนโจวเพราะเคบับอยู่หลายครั้งและทุกๆครั้งที่เธอมา เธอจึงเช็คว่าจะมีปลาย่างมาเสิร์ฟหรือไม่อยู่เงียบๆ


ตามที่เธอเล่ามา เธอได้เติบโตขึ้นเป็นปลาตัวใหญ่แม้ว่าเธอจะมีนามว่าเจ้าปลาน้อยก็ตามที และปลาใหญ่ก็น่าจะกินปลาเล็ก ดังนั้นเธอจึงชอบกินปลาที่สุดเลย


แน่นอนว่าแต่ก่อนเธอไม่ชอบกินปลาเอาเสียเลยจริงๆ แต่เพราะตอนเด็กๆเธอมักจะก้างปลาติดคออยู่เสมอ เธอจึงสาบานว่าจะไม่เลิกกินปลาจนกว่าจะไม่ติดคออีกต่อไป แล้วเธอก็ค่อยๆชอบกินปลาขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย


บางทีความชอบอะไรสักอย่างก็สามารถบ่มเพาะกันได้


“ขนาดกลางพร้อมน้ำหนักสุทธิ 0.6กก.” หยวนโจวกล่าวอย่างชัดเจนและรวบรัด


“อาหารจานใหม่ไม่มีส่วนลดใช่ไหม?” หลิงหงมักจะเอาแต่สนใจว่าอาหารจะมีส่วนลดหรือไม่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถกินปลาย่างในวันนี้ได้หากมีส่วนลดซึ่งน่าจะดูน่าสังเวชยิ่งกว่าเฉินเหว่ยเสียอีก


“คนละที่หรือไม่จำกัดจำนวน?” มีคนสนใจเรื่องปริมาณขึ้นมาบ้างแล้ว


“ไม่มีส่วนลด ได้คนละที่แล้วก็ไม่อนุญาตให้สั่งซ้ำด้วย” ขณะที่พูดอยู่นั้น หยวนโจวก็จัดการย่างไปด้วย


“อย่างที่คิดเอาไว้เลย” บรรดาลูกค้าต่างมีความรู้สึกเช่นนั้น


ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรในร้านหยวนโจวที่สามารถซื้อได้โดยไม่จำกัดแต่อย่างใด แม้แต่เบียร์ก็ยังสั่งได้แค่ห้าแก้วเท่านั้นเอง


“น้ำหนักสุทธิเหมาะกับฉันแล้วล่ะเถ้าแก่หยวน งั้นฉันขอเคบับแล้วก็ปลาย่างอย่างละที่ก็แล้วกันนะ” เฉินเหว่ยครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วเริ่มสั่งอาหาร


เฉินเหว่ยใช้แรงเยอะอยู่ทุกวี่ทุกวันจึงทำให้เขากินเยอะ เขาไม่ค่อยได้มากินเคบับในยามปกติเสียเท่าใดนัก ถึงอย่างไรเคบับแค่ที่เดียวก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากจะกระตุ้นความอยากอาหารของเขา เขาจึงกินไม่อิ่มเลย


แต่ปลาย่างขนาดพิเศษจะต่างออกไป ดังนั้นเฉินเหว่ยจึงตัดสินใจสั่งอาหาร


“ฉันก็ขอปลากับเคบับอย่างละที่ด้วย” หลิงหงนั่งลงแล้วสั่งอาหารบ้าง


“ฉันต้องการปลา”


“เคบับที่หนึ่ง”


ไม่มีบริกรหญิงในร้านหยวนโจวยามค่ำคืนเมื่อตอนที่เขาจัดเตรียมบาร์บีคิว มีเพียงหยวนโจวกับบรรดาลูกค้าเท่านั้นที่อยู่ตรงนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงส่งเสียงดังเป็นพิเศษเมื่อตอนที่พวกเขาสั่งอาหารเพื่อให้หยวนโจวได้ยินพวกเขาได้ชัดเจน


“โอเค รอสักครู่นะ” หยวนโจวตอบรับทุกคนที่นั่งและสั่งอาหารเอาไว้แล้วอย่างจริงจัง


แน่นอนว่าวัตถุดิบของปลาย่างย่อมเป็นปลาที่ถูกนำมาใช้กับโต๊ะจีนปลารวมมิตรที่เจ้าระบบจัดเตรียมมาให้ซึ่งมีอีกชื่อเรียกว่าแท็งก์น้ำมหัศจรรย์


หยวนโจวหยิบสวิงตักปลาขึ้นมาห้าตัวในทันที


“แปะ แปะ” ปลาเป็นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ด้านในขยับขึ้นๆลงๆส่งเสียงไพเราะเสนาะหูเมื่อพวกมันแหวกว่ายเข้าหากัน


“ปลาดูสดมากเลยนะเนี่ย” บรรดาลูกค้ามักจะชอบดูหยวนโจวทำอาหารก่อนที่อาหารจะถูกยกมาเสิร์ฟ และตอนนี้พวกเขาก็เริ่มสนทนากันเรื่องปลา


“ทำไมส่วนหางปลาเป็นสีทองแล้วหลังเป็นสีแดงเล่า? ปลาไนงั้นรึ?” เมื่อปลากระโจนขึ้นกลางอากาศก็เผยให้เห็นส่วนหางสีทอง ลูกค้าที่จำได้จึงกล่าวขึ้นมาทันที


“ไม่หรอก มันไม่ใช่ปลาไน หากตัดสินจากลักษณะภายนอกแล้วน่าจะเป็นปลาไนแม่น้ำฮวงโหต่างหากเล่า” เจ้าปลาน้อยผู้ชอบกินปลารู้จักปลาหลากหลายสายพันธุ์มากทีเดียว ทันทีที่เธออ้าปากก็บอกชื่อจริงของปลาไนออกมาได้


“ถ้าหากพวกเราอยู่ที่อื่น ฉันคงคิดว่ามันเป็นปลาไนแม่น้ำฮวงโหของปลอมแน่ๆ แต่ในร้านของเถ้าแก่หยวนมันก็บอกยากนะ ปลาตัวนี้น่าสนใจมากทีเดียว” เฉินเหว่ยจ้องมองไปทางปลาที่กำลังกระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้น


ปลาไนแม่น้ำฮวงโหคืออะไรน่ะหรือ? มันก็คือหนึ่งในสี่ปลาน้ำจืดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่มีมาแต่เดิม แต่ในปัจจุบันไม่พบปลาไนแม่น้ำฮวงโหอีกแล้ว ปลาไนแม่น้ำฮวงโหที่จำหน่ายอยู่ในร้านอาหารส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้จริงแล้วเป็นปลาไนชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่าปลาทองแม่น้ำฮวงโหซึ่งไม่ถือว่าเป็นปลาไนแม่น้ำฮวงโหของแท้


แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่รสชาติของปลาทองแม่น้ำฮวงโหก็ยังอร่อยมากอยู่ดีต่างจากปลาไนทั่วไปที่มีรสชาติคล้ายดินและมีเนื้อสัมผัสหยาบ


“ฉันยังไม่เคยกินปลาไนแม่น้ำฮวงโหมาก่อนเลย ฉันเลยสงสัยว่ามันเติบโตขึ้นตามธรรมชาติหรือเปล่าน่ะสิ” เจ้าปลาน้อยมองหยวนโจวเริ่มจัดการกับปลาด้วยท่าทางคาดหวัง


เนื่องจากเนื้อปลามีรสชาติดี หยวนโจวจึงไม่ได้ใช้มีดทำครัวจัดการกับเกล็ดปลา แต่เขากลับใช้แผ่นเซรามิกที่มีรูปทรงคล้ายกับหยกโค้งจัดการแทน


หยวนโจวเอามือซ้ายกดฝาเหงือกของปลาเอาไว้แล้ววางปลาบนเขียง จากนั้นเขาก็หยิบแผ่นเซรามิกรูปทรงโค้งด้วยมือขวาแล้วขอดเกล็ดปลาในทิศทางตรงกันข้ามเริ่มตั้งแต่ส่วนหางปลาสีทองด้วยการเฉือนเพียงครั้งเดียว


หยวนโจวมักจะทำงานอย่างว่องไวอยู่เสมอไม่ว่าเขาจะวางปลาเป็นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ลงบนเขียงหรือว่าเขาจะขอดเกล็ดปลาด้วยการเฉือนเพียงครั้งเดียวก็ตามที


ส่วนปลายของแผ่นเซรามิกโค้งคมมากทีเดียว เนื่องจากส่วนปลายอันคมกริบนี้ทำให้หยวนโจวผ่าทำความสะอาดท้องปลาได้ หลังจากนั้นเขาก็ทำความสะอาดกระเพาะอาหารด้วยปลายโค้งของแผ่นเซรามิก


กระเพาะอาหารของปลาที่ถูกล้างทำความสะอาดดูเหมือนจะสมบูรณ์มากทีเดียว แม้แต่ผนังเยื่อบุผิวก็ยังไม่เสียหายยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเลือดเลยเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้นเขียงจึงยังค่อนข้างสะอาดอยู่มาก


ส่วนเกล็ดปลาสีแดงอมทองเองก็จัดเรียงตัวอยู่ทางด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ ปลาทั้งตัวสะอาดและสวยงามแถมยังไม่ให้ความรู้สึกคาวเลือดเลยแม้แต่น้อย


“ฉันเดาว่ามีแต่เถ้าแก่หยวนเท่านั้นแหละที่สามารถเชือดปลาได้สนุกสนานออกขนาดนั้น” เจ้าปลาน้อยมองหยวนโจวด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา


เธอพูดถูกแล้วล่ะ เมื่อหยวนโจวเชือดปลาเขาไม่เพียงจะกระทำอย่างว่องไวเท่านั้น แต่ยังทำทุกอย่างได้สะอาดเอี่ยมอ่องเสียยิ่งกว่าจะทำให้เกิดฉากนองเลือดอีกต่างหาก อีกอย่างการกระทำของเขาก็ทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ถึงสุนทรียศาสตร์และปลาก็เพียงแค่เงียบไปแทนที่จะกระโดดขึ้นลงด้วยความตกใจ


ไม่นานนักปลาหลายตัวก็ถูกหยวนโจวจัดการจนสิ้น เขาโรยเครื่องปรุงที่ใช้ทำปลาหมักดองลงบนตัวปลาแล้วแขวนพวกมันเอาไว้


ในตอนนั้นเอง หยวนโจวก็เริ่มย่างเคบับ เขากระทำอย่างรวดเร็วยิ่งโดยหาได้มีความล่าช้าแต่อย่างใดไม่


หลังจากเคบับที่หนึ่งพร้อมรับประทานแล้ว ปลาหมักดองที่อยู่อีกทางหนึ่งก็เกือบได้ที่แล้วเช่นกัน ในขณะนั้นเอง เจ้าปลาน้อยก็มองดูหยวนโจวเริ่มย่างปลาโดยไม่กะพริบตา


ถึงอย่างไรมันก็จะเป็นอาหารจานหลักในเวลาถัดมาของเธอ ฉะนั้นเธอจึงให้ความสนใจมันเอามากๆเลย


ก่อนที่จะนำไปย่าง หยวนโจวทาน้ำมันลงบนตัวปลาลงไปก่อนแล้วค่อยเสียบไม้ไผ่ทะลุตัวปลาจากด้านข้าง


ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวไม่ได้เสียงไม้ไผ่เข้าไปในตัวปลาตรงๆ แต่เขากลับเสียบจากทางด้านข้าง มันทะลุตัวปลาตั้งแต่ปากออกมาจากท้องปลาที่แหวกเปิดออกโดยไม่ได้เข้าไปในเนื้อปลาตรงๆ ด้วยเหตุนี้รสชาติของเนื้อปลาโดยรวมจึงไม่ถูกทำลายไปด้วย


หลังจากปลาถูกเชือดและจัดการแล้วจะมีน้ำหนักสุทธิ 0.6กก. หยวนโจวถือปลาสองสองตัวด้วยมือข้างเดียวและอีกสามตัวด้วยมืออีกข้างแล้วนำไปวางเหนือถ่านเพื่อย่างด้วยแรงจากข้อมือของเขาเอง


ในขณะเดียวกัน เขาก็ขยับข้อมือเบาๆไปพร้อมๆกับเปลวไฟโดยไม่ปล่อยให้พวกมันสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใดซึ่งอาจจะส่งผลให้ได้รับความร้อนไม่ทั่วถึงได้ น่าจะมีแค่หยวนโจวเท่านั้นที่สามารถทำได้เนื่องจากมือของเขานิ่งมากแถมยังควบคุมความร้อนได้ดีอีกต่างหาก


หลังจากน้ำมันซึมซาบเข้าสู่เนื้อปลาแล้วส่งเสียงดัง “ฉู่ ฉี่” แล้วเท่านั้นที่หยวนโจวจะนำปลาขึ้นไปย่างบนเตา


“ปลาย่างต้องใช้เรี่ยวแรงเยอะจริงๆ” หยวนโจวผ่อนแรงข้อมือลงเล็กน้อยแล้วก็เริ่มรู้สึกไม่พึงพอใจในตนเองอยู่นิดหน่อย


ดูเหมือนว่าฉันต้องเพิ่มการออกกำลังข้อมือให้หนักขึ้นเสียแล้ว หยวนโจวผ่อนแรงข้อมือแล้วคิดอยู่ในใจ


เขาหาได้นึกถึงการแข่งขันแกะสลักอันน่าตื่นเต้นอีกแต่อย่างใด เขาแค่พยายามอย่างหนักเพื่อความสมบูรณ์แบบตามปกติวิสัยโดยไม่หยุดหย่อน


ช่วงเวลาในการย่างปลาขนาด 0.6กก.ไม่นานเท่าไหร่นัก ระหว่างช่วงเวลาในการย่าง บรรดาลูกค้าก็เริ่มคุยกันเอง แต่เจ้าปลาน้อยก็ยังมองไปทางหยวนโจวอย่างไม่ลดละและดูเหมือนเริ่มอดรนทนไม่ไหวที่จะกินปลาแล้ว


บทที่ 856 เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำ

โชคดีที่เจ้าปลาน้อยไม่ต้องนานเกินไปกว่าปลาย่างของหยวนโจวจะพร้อมรับประทาน ไม่นับว่าเป็นการกล่าวเกินจริงเลยสักนิดที่จะบอกว่าเธอจับจ้องอยู่นานเสียจนดวงตาเมื่อยล้าไปหมดแล้ว


“ปลาย่างของคุณได้แล้วครับ” หยวนโจวยกจานมาวางลงบนโต๊ะยาวแบบโค้ง


เมื่อตอนที่บาร์บีคิวถูกยกมาเสิร์ฟนั้นไม่มีบริกรหญิง แต่หยวนโจวก็สามารถยกเคบับมาเสิร์ฟให้ลูกค้าได้อย่างสบายๆหลังจากพวกมันพร้อมรับประทานแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ใกล้ๆและไม่ได้ลำบากลำบนอะไรนัก


แต่ “สภาพแวดล้อมแย่ๆ” เช่นนี้กลับถูกบุรุษร่างกำยำผู้เป็นลูกค้าที่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามแก้ไขเสียใหม่ สิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับตัวเขาก็คือเขาแข็งแรงราวกับหมีแต่มักจะหวาดกลัวเรื่องผีสางของชายชราขับรถสามล้ออยู่เสมอ บรรดาลูกค้าขาประจำจ่างเรียกเขาว่าเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำ เนื่องจากเป็นบัณฑิตเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยบริหารธุรกิจ เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อบอกหยวนโจวว่าการยกอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้าด้วยตัวเองช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากขนาดไหน


เดิมทีช่วงเวลาของบาร์บีคิวก็ค่อนข้างจำกัดอยู่แล้ว โดยจะใช้เวลาอย่างน้อยสิบวินาทีต่อการเสิร์ฟให้พวกเขาแต่ละคน และตลอดช่วงเวลาของบาร์บีคิวอันจำกัดนั้นก็อาจจะเกิดความล่าช้าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็อีกหลายนาที แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่นั่นแหละ เคบับเพียงแค่ที่เดียวต้องใช้เวลาสักครู่ในการย่าง พูดง่ายๆก็คือลูกค้าคนหนึ่งย่อมไม่สามารถกินเคบับได้ทั้งคืนก็เพราะแบบนั้นเอง


ในเมืองเฉิงตู ปริมาณความชื้นเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ร้อยละ 79-84 ขณะที่อัตราการระเหยจะอยู่ที่ 841.1-1066.1มม. กล่าวคือปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 750-1000มม. นั่นเอง ในทางกลับกันจึงสามารถทราบได้เลยว่าจะมีวันที่ฝนตกตลอดทั้งปีเพียง 60 วันเท่านั้น ถ้าจะให้พูดก็คือมีลูกค้ามากกว่า 60 คนที่จะได้กินเคบับช้าลงก็เพราะ “สภาพแวดล้อมแย่ๆ” ในปีหนึ่งๆนั่นเอง เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำถามหยวนโจวออกมาตรงๆราวกับรู้สึกผิดเสียเต็มประดา


หยวนโจวไม่ใคร่เข้าใจเรื่องที่เขารู้สึกผิดสักเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขารู้แน่ๆก็คือเขารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าหลังจากเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำมอบข้อมูลข้างต้นให้เขา ดังนั้นตั้งแต่นั้นมาหยวนโจวจึงวางเคบับเอาไว้บนโต๊ะยาวแบบโค้ง


หลังจากนั้น หยวนโจวก็ได้รู้ว่าเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำผู้นี้ทำงานอยู่ในสำนักอุตุนิยมวิทยาเมืองเฉิงตู โดยที่ตัวเขาเป็นนักสังเกตการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา


หยวนโจวคิดอยู่ในใจว่า ไอ้เวรเอ้ย! เรียนจบจากมหาวิทยาลัยธุรกิจแต่กลับเข้าสำนักอุตุนิยมวิทยาไปเป็นนักสังเกตการณ์ เขาแย่งโอกาสที่จะได้งานจากพวกที่เรียนจบด้านบรรยากาศศาสตร์และการหยั่งอากาศ


กลับมาเข้าเรื่องกันต่อเถอะ ปลาย่างที่นำมาเสิร์ฟนี้เป็นของเจ้าปลาน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วยกปลาย่างไปที่โต๊ะของเธอเองอย่างรวดเร็ว


ปลาย่างตรงหน้าของเธอดูสมบูรณ์มากทีเดียวทั้งยังมีหนังปลาสีเหลืองทองอีกต่างหาก มันเกิดรอยย่นและระเบิดกลิ่นไหม้เกรียมออกมาด้วย


ปลาย่างไม่ได้ถูกเสิร์ฟอย่างงามวิจิตรแต่อย่างใด มันถูกวางลงในจานไม้รูปทรงตัวปลาซึ่งมีขนาดพอดีกับปลาไนแม่น้ำฮวงโห


ฉากดังกล่าวสามารถอธิบายด้วยบทกลอน “ปลาไนอยู่ในจานไม้รูปทรงตัวปลา เจ้าปลาน้อยนั่งอยู่ตรงหน้าปลาย่าง” ยอดไปเลย มันเป็นบทกลอนที่ยอดเยี่ยมเชียวล่ะ ทั้งๆที่ไม่มีสัมผัสหรือความคล้องจอง แต่กลับเยี่ยมมากเลย!


นอกเหนือไปจากนั้นยังมีกลิ่นอันน่าพึงพอใจอีกต่างหาก ถ้าสังเกตให้ดีก็จะมีผลึกสีขาวบางส่วนอยู่ใต้ลำตัวปลา พวกมันดูราวกับเกลือดิบที่นำมาปรุงรสอย่างไรอย่างนั้นเลย


ไม่มีวัตถุดิบอื่นใดอีกยกเว้นของเหล่านี้ มันจึงเป็นปลาที่ธรรมดามากทีเดียว


แต่เจ้าปลาน้อยกลับไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด


“ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยมันมากเลยนะ!” เจ้าปลาน้อยหยิบตะเกียบแล้วเอื้อมไปยังส่วนที่ลำตัวกับหัวปลาติดกันอย่างคาดหวัง


ตำแหน่งแรกที่เจ้าปลาน้อยจะเริ่มก็คือส่วนเนื้อปลาบริเวณด้านหลัง เธอมักจะเริ่มกินปลาจากตำแหน่งนี้อยู่เสมอ


แน่นอนว่าส่วนที่อร่อยที่สุดย่อมเป็นส่วนหางของปลาอยู่แล้ว เนื่องจากมันมักจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอยู่เสมอจึงทำให้เนื้อมีรสชาติทั้งเหนียวและแน่น แต่กลับไม่ขาดเนื้อสัมผัสอันนุ่มเนียน แต่ถึงอย่างไรเจ้าปลาน้อยก็ยังชอบกินเนื้อบริเวณส่วนหลังอยู่ดี


ส่วนหยวนโจวก็เตรียมตะเกียบที่มีปลายแหลมเอาไว้ให้แล้ว เธอจึงเอื้อมตะเกียบของตนเองไปคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เท่ากลีบกระเทียมขึ้นมา


เนื้อปลาสีขาวอ่อนนุ่มที่ห่อหุ้มด้วยหนังขนาดค่อนข้างใหญ่ส่งไปควันออกมานิดหน่อยระหว่างตะเกียบสีน้ำตาล ทั้งยังมีอนุภาคเกลือโปร่งแสงส่องประกายระยิบระยับอยู่บริเวณผิวหน้าอีกด้วย ปลาทั้งตัวดูเหมือนจะกระตุ้นความอยากอาหารได้มากทีเดียว


“อ๊าววว” เจ้าปลาน้อยไม่สามารถกลืนลงไปได้หากไม่คายก้างชิ้นเล็กๆออกมา เธอจึงเตรียมตัวที่จะเคี้ยวอย่างระมัดระวังแล้วค่อยคายออกมาทางลิ้น


ทันทีที่เนื้อปลาเข้าปาก อนุภาคเกลือบริเวณหนังปลาก็ละลายในทันที จากนั้นปลายลิ้นของเธอก็จะรู้สึกได้ถึงรสเค็มที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นเลมอน แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเพราะเมื่อรสเค็มพรั่งพรูออกมาแล้ว ความสดใหม่ของเนื้อปลาเองก็พรั่งพรูออกมาด้วยเช่นกัน


“สดมากเลย” เจ้าปลาน้อยอดไม่ได้ที่จะหรี่ตา


ใช่แล้วล่ะ พร้อมๆกับอนุภาคเกลือที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นเลมอน เนื้อปลาในปากของเธอแทบจะละลายทันทีเมื่อเข้าปากและเปลี่ยนเป็นเนื้อชิ้นเล็กๆ ในขณะเดียวกัน ความสดใหม่ก็พุ่งเข้าสู่ลำคอของเธอในทันที แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหนังปลาก็มีเนื้อสัมผัสคล้ายวุ้น ด้วยการเคี้ยวเพียงไม่กี่คำก็ทำให้ได้รสชาติราวกับผิวซาลาเปาที่ย่างเกรียม นุ่มเหนียวและมีรสอร่อย


“อร่อยชะมัดเลย” เจ้าปลาน้อยคีบเนื้อปลาติดๆกันแล้วพึมพำในขณะเดียวกัน เธอค่อยๆกินไปทีละนิดอย่างรวดเร็วยิ่ง


เพียงแค่ไม่นานนัก เนื้อตรงบริเวณส่วนหลังก็ถูกกินไปแล้ว เหลือเอาไว้เพียงลำตัวปลาที่สมบูรณ์ก็เท่านั้น


“รสชาติของปลาเป็นยังไงบ้างล่ะ?” หลิงหงมองเจ้าปลาน้อยที่อยู่ข้างๆสักครู่ เมื่อเห็นว่าจู่ๆเธอก็ชะงักไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา


หลิงหงไม่มีนิสัยชอบจ้องมองผู้อื่นขณะที่พวกเขากินอาหารในยามปกติ ถึงอย่างไรเขาหาใช่เจ้าอู๋ไห่เทาเที่ยจอมไร้ยางอายเสียเมื่อไหร่กันเล่า แต่วันนี้นับเป็นข้อยกเว้นจริงๆ หญิงสาวผู้นี้กำลังกินปลาย่างอย่างมีความสุขและสนุกสนาน เธอเคี้ยวตุ้ยๆราวกับกระรอกก็ไม่ปาน ไม่เพียงเธอจะดึงดูดความสนใจแต่เธอยังทำให้ผู้อื่นเกิดความอยากอาหารไปด้วย


“สดมากเลยแถมยังอร่อยอีกต่างหาก” เจ้าปลาน้อยกล่าวตามตรง


“อืม ฉันสามารถบอกได้จากหน้าเธอเลยล่ะ” หลิงหงพยักหน้าเห็นด้วย


“อร่อยจริงๆนะ” หลังจากกล่าวเช่นนั้น เจ้าปลาน้อยก็ก้มหน้าแล้วกินต่อ เธอยังคงกินท้องปลาและอีกซีกที่เหลืออยู่ซึ่งยังไม่ได้กิน


ทุกคนต่างมีอุปนิสัยการกินปลาเป็นของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นเจ้าปลาน้อยชอบกินส่วนหลังของปลาในขณะที่ผู้อื่นชอบกินท้องปลาที่อ่อนนุ่มและอุดมไปด้วยไขมัน


เช่นเดียวกับการทำอาหารเมื่อสักครู่ในครัวที่หยวนโจวทำงานอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ลูกค้าบางคนยังสั่งปลาดิบสไลซ์อยู่ เขาก็คงต้องเก็บท้องปลาเอาไว้กินเองเสียแล้วล่ะ


อุปนิสัยเช่นนี้เป็นที่ทราบกันดีของทุกคนเมื่อตอนที่ทำงานอยู่ในครัว


โชคดีที่ท้องปลาที่หยวนโจวเตรียมเอาไว้ยังคงสมบูรณ์อยู่เลย


เจ้าปลาน้อยลอกเนื้อปลาออกมาตามก้างปลาขนาดใหญ่จนได้เป็นชิ้นใหญ่ แล้วเธอยัดเข้าปากทันที


“ฟู่” จู่ๆเจ้าปลาน้อยก็ตาเป็นประกายแล้วเคี้ยวอย่างเอาจริงเอาจัง


มีไขมันมากมายอยู่ในท้องปลา เมื่อก่อนเธอจะรู้สึกเลี่ยนอยู่นิดหน่อย แต่มาวันนี้ท้องปลากลับไม่เลี่ยนอีกแม้แต่น้อย มันให้รสชาติราวกับมีใบหญ้าสีเขียวอยู่ในท้องปลาซึ่งทำให้ท้องปลาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมบางอย่าง


นอกเหนือไปจากนั้นท้องปลาในวันนี้ก็แทบจะละลายได้ในทันทีเมื่อเข้าปากของเธอและนำพากลิ่นนุ่มเนื้อทั้งหลายมาให้เจ้าปลาน้อยอีกด้วย ทั้งยังให้รสชาติอ่อนนุ่มตลอดจนรสหวานและกลิ่นหอมโดยไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยนแต่อย่างใด


ประเด็นหลักก็คือมีความเหนียวอยู่นิดหน่อยและกระตุ้นรสเผ็ดที่อยู่ภายในอีกเล็กน้อยซึ่งทำให้ปลาย่างรสชาติอร่อยมากทีเดียว


“รสชาติอร่อยมากเลยล่ะ”


เจ้าปลาน้อยหรี่ตาและคราวนี้ไม่ได้หยุดชะงักอีก เธอกินเนื้อปลาหมดแล้วเปลี่ยนไปกินปลาอีกด้านหนึ่ง


หลังจากเธอกินเนื้อปลาหมดแล้วก็มีแค่ก้างปลาที่สมบูรณ์หลงเหลืออยู่ในจานรูปทรงตัวปลา แม้แต่เนื้อตรงแก้มก็ยังถูกกินจนเกลี้ยง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเนื้อที่มีคอลลอยด์บางเฉียบสีขาวทั้งสองทั้งสองด้านของเหงือกปลาในส่วนหัว


เจ้าปลาน้อยกินปลาได้เรียบยิ่งกว่าแมวเสียอีก


เธอไม่เพียงกินปลาเสียเรียบเท่านั้นแต่ยังกินได้อย่างรวดเร็วอีกต่างหาก ปลาตัวที่สองที่หยวนโจวยกไปเสิร์ฟก็แทบจะไม่เหลืออะไรเลยนอกจากก้างปลาบนจานตรงหน้าของเธอเพียงเท่านั้น


“จึ๊ จึ๊ จึ๊ เถ้าแก่หยวน ความเร็วในการทำอาหารของนายเกือบตามไม่ทันความเร็วในการกินของเธอแล้ว” หลิงหงกล่าวติดตลก


หยวนโจวมองไปที่จานว่างเปล่าตรงหน้าของเจ้าปลาน้อยแล้วมองไปทางหลิงหงตาเขม็ง เขาย่างปลาต่อไปโดยไม่พูดอะไรแต่ทว่ากลับรวดเร็วขึ้นมากทีเดียว


บทที่ 857 มันใช่ปลาตัวเดียวกันหรือเปล่านะ?

ถ้าให้พูดกันจริงๆ เจ้าปลาน้อยกินปลาได้เร็วยิ่งกว่าตอนที่เธอกินข้าวเสียด้วยซ้ำไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอกินปลาไปมากขนาดไหนแล้วแต่เธอก็กินได้เร็วมากจริงๆ


“ไม่ ไม่ ฉันก็แค่กินปลาเร็วไปหน่อยเท่านั้นเอง” อาจเป็นเพราะเธอถูกหยอกล้อหรือเธอพบว่าหยวนโจวเองก็เร่งความเร็วมากขึ้น เจ้าปลาน้อยจึงหน้าแดงแล้วโบกมือติดๆกันพลางกล่าวด้วยกระดากอาย


“ฮ่าฮ่า ถ้าหากวันหลังเธอมากินปลาย่างอีก เถ้าแก่หยวนคงต้องเร่งความเร็วในการย่างเสียแล้วล่ะ” หลิงหงระเบิดหัวเราะลั่นแล้วกล่าวด้วยความเบิกบานใจ


“ทุกคนสามารถสั่งได้แค่คนละที่เองนี่นา” เจ้าปลาน้อยหน้าแดงแล้วกล่าวเสียงค่อย


“อืม ถูกต้องแล้วล่ะ ทุกคนสามารถสั่งปลาได้แค่ที่เดียวเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิงหงพยักหน้าแต่ก็ยังอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นหยวนโจวกำลังย่างปลาด้วยสีหน้าเฉยเมย


“เจ้าปลาน้อยต้องฝึกมาจนชำนาญแล้วแหงเลยถึงทำให้เธอสามารถกินได้รวดเร็วมากถึงขนาดนั้นได้”


“ไม่ ไม่ ไม่ ถ้ามีการแข่งกินปลาฉันคิดว่าเจ้าปลาน้อยน่าจะได้แชมป์ไปแล้วล่ะ”


บรรยากาศดำเนินไปได้ด้วยดี ทุกคนเริ่มล้อเล่นกัน ส่วนเจ้าปลาน้อยก็หน้าแดงแล้วกล่าวซ้ำพลางอมยิ้มยิ่งทำให้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นไปอีก


“อีกอย่างคุณยังไม่เคยกินปลาย่างมาก่อนเลยใช่ไหมเล่าเถ้าแก่หยวน? ถึงแม้ว่าจะเป็นปลาคนละชนิดกัน แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจถือว่าเป็นอาหารจานใหม่ได้แล้วล่ะ” จู่ๆเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำก็กล่าวขึ้นมา


เนื่องจากปลาย่างรสชาติอร่อยเกินไปและบรรดาลูกค้าต่างก็คาดหวังในอาหารอร่อยของหยวนโจวจนพวกเขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำนึกขึ้นมาได้ พวกเขาก็มีท่าทีตอบสนองขึ้นมาในทันทีและตระหนักถึงเรื่องที่เคยกินปลาย่างมาก่อนได้ มันก็เพียงแค่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ต่างกันและมีขนาดใหญ่กว่าตอนนี้ก็เท่านั้นเอง


“เจ้าเข็มทิศ นายถูกจับได้เสียแล้วล่ะว่าโกงเราน่ะ นายไปเอาอาหารจานเดิมที่มีอยู่มาเป็นอาหารจานใหม่สินะ” หลิงหงกล่าวขึ้นมาทันที มันเป็นลักษณะที่สำคัญของเพื่อนผู้ “ไม่ประสงค์ดี” ที่กลับมีความสุขเมื่อเขาพบว่าคุณมีบางอย่างผิดปกติไป


หยวนโจวมองหลิงหงด้วยท่าทีดูถูกดูแคลนแล้วถามกลับว่า “เคบับเนื้อกับวัวย่างทั้งตัวเหมือนกันไหมล่ะ?”


จากนั้นหลิงหงก็พลันตกตะลึงไปในทันที เคบับเนื้อกับวัวย่างทั้งตัวเป็นอาหารสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องเอ่ยถึงขนาดเลย แค่เทคนิคการทำก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว โดยเทคนิคการทำเคบับเนื้อช่างแสนง่ายดายทว่าวัวย่างทั้งตัวกลับมีขั้นตอนการเตรียมทำซอสมากถึงสิบสองขั้น


มันก็เหมือนกับปลาย่างเมื่อก่อนหน้านี้กับปลาย่างในตอนนี้นั่นแหละ สำหรับเมื่อก่อนหน้านี้ หยวนโจวใช้วัตถุดิบที่มีอยู่แล้วอย่างปลาเฉาฮื้อกับปลาหัวโตซึ่งเป็นชนิดที่ใช้ทำโต๊ะจีนปลารวมมิตร


ไม่นับว่าเป็นการกล่าวเกินจริงเลยที่จะบอกว่าวัตถุดิบของหยวนโจวล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นยอดทั้งนั้น รวมทั้งเทคนิคการย่างของเขาก็ด้วย เขาควบคุมความร้อนได้ดีมากทีเดียว แต่ความสดใหม่และความอ่อนนุ่มของปลาเฉาฮื้อกับปลาหัวโตกลับไม่ดีเท่ากับปลาไนแม่น้ำฮวงโห จริงๆแล้วปลาไนเหมาะกับการย่างมากกว่า ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงปลาไนแม่น้ำฮวงโหเลย


“หลิงไม่เอาส่วนลด นายโง่หรือไง? เห็นอยู่ชัดๆว่าปลาย่างตัวนี้ต่างจากเมื่อก่อนหน้านี้” ฟางเหิงมองหลิงหงด้วยความดูถูกดูแคลน “นายไม่เห็นหรือว่าเครื่องไม้เครื่องมือของเถ้าแก่หยวนต่างออกไปน่ะ? ปลาย่างเมื่อก่อนหน้านี้ย่างอยู่บนเตาในขณะที่ปลาย่างตัวนี้กลับย่างอยู่บนตะแกรงย่างปลา”


“นอกจากนี้ฉันก็ได้สังเกตดูอย่างละเอียดแล้วนะ นายคิดว่าเถ้าแก่หยวนโรยเกลือบางส่วนลงบนปลาย่างตัวนี้ด้วยไหมล่ะ? ไม่เลย ฉันสังเกตพบว่าเถ้าแก่หยวนโรยอะไรสักอย่างลงบนตะแกรงย่างปลาด้วยล่ะ ฉันสามารถบอกได้แค่เพียงว่ามีกลิ่นเลมอนด้วย ทั้งยังขึ้นอยู่กับเทคนิค วิธีการย่างและรสชาติ ยังไงปลาย่างเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ปลาย่างตัวเดียวกับตอนนี้หรอกน่า”


ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องอาหาร ฟางเหิงไม่มีความเห็นมากมายนัก แต่วันนี้เมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องปลาย่าง ฟางเหิงกลับพูดไม่หยุดราวกับน้ำไหลซึ่งทำให้หลิงหงไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เป็นอีกคนที่หลงใหลในการกินปลาสินะ


เจ้าปลาน้อยที่อยู่ข้างๆมองฟางเหิงด้วยสายตานับถือ เธอรู้สึกได้ว่าฟางเหิงช่างรอบรู้และมีความเชี่ยวชาญจึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยไปกับเขา ปลาที่ย่างด้วยตะแกรงย่างปลาจะให้รสชาติที่อร่อยยิ่งกว่าเตาย่างเสียอีก เจ้าปลาน้อยเชื่อว่าน่าจะเป็นปัญหาด้านความร้อน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงก็ตามที แต่เธอกลับรู้สึกว่าคงไม่เหมาะนักที่จะบอกว่าฟางเหิงเป็น “ผู้มีพรสวรรค์มาก”


เดิมทีหลิงหงคิดว่าเขาพบข้อบกพร่องของหยวนโจวเข้าแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น เขาเหลือบมองไปทางเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำขณะที่เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำก็เพียงแค่ยักไหล่อันแสดงให้เห็นว่า “ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันนี่นา”


จากนั้นจากข้อเสนอแนะของฟางเหิง พวกเขาก็ตั้งชื่อให้ปลาย่างที่แตกต่างกันทั้งสองตัว โดยปลาย่างเมื่อก่อนหน้านี้ที่ย่างบนเตามีชื่อว่าปลาย่างหมายเลข 1 และปลาย่างในตอนนี้ที่ย่างในตะแกรงย่างปลามีชื่อว่าปลาย่างหมายเลข 2


ดูเหมือนว่าตั้งแต่คืนนี้ไปจะมีบันทึกหน้าใหม่ในเหตุการณ์สำคัญของร้านหยวนโจวทางอินเตอร์เน็ต เพราะฟางเหิงได้มอบชื่อใหม่ให้ปลาย่างนั่นเอง


“เถ้าแก่หยวน พอพูดถึงวัวย่างทั้งตัว เมื่อไหร่คุณถึงจะจัดให้มีอาหารจานหลักอย่างวัวหรือแกะย่างทั้งตัวบ้างเล่า?” ฟางเหิงถามขึ้น


หยวนโจวไม่ตอบเขา ถึงอย่างไรเขาก็แทบไม่มีความเชี่ยวชาญในอาหารท้องถิ่นเฉิงตูตำหรับเสฉวนเลยสักนิด เขาไม่แม้แต่จะมีความเชี่ยวชาญในตำหรับอาหารเสฉวนและยังมีอาหารท้องถิ่นถึง 8 อย่างที่กำลังรอคอยให้เขาเรียนรู้อยู่ ฉะนั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะมาพูดเรื่องเมนูอาหารแห่งท้องทุ่งอย่างวัวย่างทั้งตัว


เมนูอาหาร “ย่างทั้งตัว” ทั้งหมดเป็นตัวแทนอาหารอร่อยของเขตปกครองตนเองมองโกเลียในหรือซินเจียงอุยกูร์เลยทีเดียว หยวนโจวสนใจในโต๊ะจีนจามามากเอาการ เนื่องจากเป็นคนที่ชอบกินเนื้อและดื่มเหล้าคำโตๆจึงไม่ทราบว่าเป็นเรื่องที่หน้าขายหน้า


อันที่จริงแล้วไม่มีม้าย่างทั้งตัวในโต๊ะจีนจามาหรอก ในภาษามองโกเลีย จามาหมายถึงปศุสัตว์ที่ผ่านการโกนขนแล้ว มันเป็นโต๊ะจีนที่สุรุ่ยสุร่ายที่สุดในราชสำนักของราชวงศ์หยวน กล่าวได้ว่าสามารถคืนรสชาติที่แท้จริงของสุกร โคหรือม้าได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่มันได้หายสาบสูญไปแม่น้ำพร้อมกับสมบัติทั้งแปดประการของราชวงศ์หยวนไปนานแล้ว


เนื่องจากมีแรงสนับสนุนอันไว้วางใจได้จากเจ้าระบบ โต๊ะจีนจามาและสมบัติทั้งแปดประการของราชวงศ์โจวอาจจะสามารถปรากฏขึ้นในโลกได้อีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาพวกมันจะเหลือเพียงแค่ในตำราโบราณก็ตามที หยวนโจวคิดในใจ


ใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้ว บรรดาลูกค้าต่างรู้สึกสนใจอาหารย่างจานใหม่ในวันนี้เอามากๆ ผนวกกับเสียงดังและความตื่นเต้นที่เกิดจากหลิงหงกับฟางเหิงทำให้เกือบทุกคนสั่งแต่ปลาย่างหมายเลข 2


“ฟางเหิง คืนนี้ไปด้วยกันเถอะนะ” เจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำกล่าว เขารู้สึกกลัวการเดินถนนคนเดียวยามค่ำคืนอยู่นิดหน่อย


ฟางเหิงพยักหน้าเพื่อแสดงการตอบตกลง หลังหมดช่วงเวลาของบาร์บีคิว คนกลุ่มหนึ่งก็ส่งเจ้าปลาน้อยกับหญิงส่วอีกคนขึ้นรถแท็กซี่ไปก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยมีเจ้าคนขี้กลัวร่างกำยำถ่ายภาพป้ายทะเบียนของรถแท็กซี่ทั้งสองคันเอาไว้


คืนนี้หยวนโจวเองก็ยุ่งมากๆเลย หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว เขาก็รู้สึกยกแขนไม่ขึ้นเสียแล้วเนื่องจากปวดข้อมือ อันเป็นที่ตามมา


เขาไม่รู้สึกเลยว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะปลาย่าง เนื่องด้วยสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ เขายังสามารถทำปลาย่างได้อีกตั้งสองชั่วโมงเสียด้วยซ้ำไปแถมไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลย ดังนั้นหลักๆแล้วน่าจะเป็นเพราะการแกะสลักน้ำแข็งซึ่งต้องออกแรงเสียมากกว่า


“มันบวมแล้วก็แดงขึ้นมาหน่อยๆแล้วสิ” หลังจากหยวนโจวจัดการครัวจนเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาก็จ้องมองข้อมือที่แดงนิดหน่อยแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย


“เจ้าระบบ นี่ถือว่าเป็นการบาดเจ็บจากการทำงานหรือเปล่า? มีประกันชีวิตไหม?” หยวนโจวก้มตัวลงเพื่อหยิบก้อนน้ำแข็งมาแล้วเตรียมที่จะประคบแผล


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ระบบนี้คือระบบสุดยอดเชฟหาใช่ระบบการรักษา”


“ไม่มีวิธีเลยงั้นรึ? ฉันนึกว่าแกจะเพิ่มฟังก์ชันได้ด้วยตัวเองเสียอีก ดูสิ แกไม่มีทั้งแรงแขนหรือบริการด้านการแพทย์เลย เรื่องนั้นมันเจาะจงเกินไปแล้วนะ” หยวนโจวบ่นไปตามเรื่องตามราว


เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ท่ามกลางสิ่งที่จำเป็นของการเป็นสุดยอดเชฟ อันดับที่ 38 ก็คือสมาธิ”


“โฮ่ โฮ่” หยวนโจวหัวเราะอย่างเย็นชา สิ่งที่จำเป็นอันดับที่ 38 ห่าเหวอะไรกัน?


วันนี้หยวนโจวอารมณ์ไม่สู้ดีนักจึงทำให้เขาไม่อยากเถียงกับเจ้าระบบ อีกด้านหนึ่งสาเหตุที่อารมณ์ดีก็เพราะเขาทำผลงานแกะสลักน้ำแข็งออกมาได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนอีกด้านหนึ่งจู่ๆเขาก็ได้รับรางวัลจากเจ้าระบบ


หลังจากอาหารมื้อค่ำสิ้นสุดลงในเย็นวันนั้นแล้ว จู่ๆเจ้าระบบก็แสดงผลขึ้นมาแล้วบอกเขาว่าบรรลุภารกิจที่ซ่อนอยู่แล้ว “มาทำให้ผู้คนจดจำว่าเขาก็เป็นช่างแกะสลักน้ำแข็งด้วยเถอะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องมีบางคนถ่ายวิดีโอการแข่งขันระหว่างหยางซู่ซินกับเขาในช่วงกลางวันไปโพสต์ลงในอินเตอร์เน็ตซึ่งก่อให้เกิดความชุลมุนไม่น้อยเลย


ท่าทีตอบสนองอย่างแรกของหยวนโจวก็คือรีบเข้าไปรับรางวัลเป็นปลาน้ำจืดหายากสี่ตัว ภารกิจที่ซ่อนอยู่ก็คือภารกิจที่ซ่อนอยู่จริงๆ คงจะเป็นครั้งแรกเลยที่เจ้าระบบตกรางวัลให้เขาด้วยวัตถุดิบตรงๆ


ตอนนี้หยวนโจวมีปลาน้ำจืดธรรมดาๆอยู่มากที่สุดสี่ตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโต๊ะจีนปลารวมมิตร และปลาน้ำจืดหายากทั้งสี่ตัวนั้นก็ไม่เข้ากับอาหารจานหลักและจานรองแต่อย่างใดเลย ดังนั้นหยวนโจวจึงเลือกใช้ปลาไนแม่น้ำฮวงโหเป็นอาหารจานใหม่แล้วย่างให้ลูกค้า


เรื่องที่บรรลุภารกิจที่ซ่อนอยู่นั้น อันที่จริงหยวนโจวก็เดาถูกแล้วล่ะ เนื่องจากผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าทั้งสองชิ้น เขาได้ก่อให้เกิดความชุลมุนเป็นอันมากทั้งในความเป็นจริงและในอินเตอร์เน็ตหรือแม้แต่ในแวดวงผลงานแกะสลักน้ำแข็งเข้าเสียแล้วล่ะ


บทที่ 858 สร้างปัญหา

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าเถ้าแก่หยวนจะต้องสร้างปัญหา เถ้าแก่หยวนช่างสุดยอดไปเลยจริงๆ”, “ฉันได้เห็นเถ้าแก่หยวนในอินเตอร์เน็ตอีกครั้งแล้ว”, “ช่างยอดเยี่ยมและไม่ธรรมดาจริงๆ อีกอย่างคุณจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาประเมินราคาหรือเปล่า?”, “ทีแรกฉันคิดว่าไม่ว่าเถ้าแก่หยวนจะมีฝีมือในการแกะสลักน้ำแข็งที่ยอดเยี่ยมสักแค่ไหน เขาก้ยังไม่ใช่มืออาชีพอยู่ดี แต่หลังจากที่ฉันได้ชมดูด้วยความกระตือรือร้น… ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าฉันคิดผิด”


ส่วนผู้ที่แค่พูดคำว่า “สุดยอด” ในอินเตอร์เน็ตก็หาได้ควรค่าแก่การเอ่ยถึงแต่อย่างใดไม่ เพียงแค่ไม่มีการเปรียบเทียบผลงานแกะสลักมังกรนพเก้ากับภาพเศียรมังกรคู่ ดังนั้นจึงทำให้เกิดผลกระทบค่อนข้างเยอะทีเดียว พวก “นายพลนั่งเก้าอี้” และ “นักวิเคราะห์ทางอินเตอร์เน็ต” ทั้งหลายเริ่มการวิเคราะห์ของพวกเขา แต่โชคดีที่คุณภาพวิดีโอไม่ใคร่ดีนักและมุมที่ใช้ในการถ่ายทำแบบครึ่วๆกลางๆก็ช่วยปกป้องความลับของหยวนโจวเอาไว้


หยวนโจวเป็นผู้ที่กำลังโด่งดังในอินเตอร์เน็ตทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมในอินเตอร์เน็ตยิ่งกว่าพวกคนดังในอินเตอร์เน็ตเสียอีก บางคนที่มีชื่อผู้ใช้งานว่ามือใหม่เฉียนเหมินได้มอบคำอธิบายที่เหมาะสมแก่หยวนโจวเอาไว้ด้วย


“ฉันรู้สึกว่าเถ้าแก่หยวนมีพฤติกรรมประหลาดคน ผู้คนส่วนใหญ่จะเก็บงำกลเม็ดเอาไว้เป็นไพ่ตาย ขณะที่เถ้าแก่หยวนกลับแสดงเฉพาะกลเม็ดและเก็บงำทุกๆอย่างเอาไว้ เมื่อคุณเชื่อว่าเถ้าแก่หยวนเป็นแค่เชฟคนหนึ่ง จู่ๆเขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี เมื่อฉันยอมรับความจริงข้อนั้นได้ในที่สุด เขาก็กลับกลายเป็นสุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งแทนเสียได้ ฉันคงไม่ประหลาดใจเลยล่ะถ้าวันหนึ่งจู่ๆมีคนมาบอกฉันว่าเถ้าแก่หยวนเป็นสุดยอดผู้เล่นบาสเก็ตบอลขึ้นมาจริง ฉันก็จะไม่ประหลาดใจเลยล่ะ”


คนที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิคก็จะมองเห็นแง่มุมของสิ่งต่างๆแค่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีความรู้ทางเทคนิคก็จะสามารถมองเห็นแง่มุมที่สำคัญของสิ่งต่างๆได้ เนื่องจากความยากของการแกะสลักมังกรนพเก้าจึงดึงดูดความสนใจด้านการแกะสลักน้ำแข็งได้เกือบทั้งหมด


ซุนเสี่ยวอี้เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็งเช่นเดียวกัน หลังจากเขาดูวิดีโอของหยางซู่ซินกับหยวนโจวแล้ว เขาก็โพสต์แสดงความคิดเห็นลงในเว่ยป๋อของตนเองทันที


[ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าคือสุดยอดของโลกแห่งการแกะสลักน้ำแข็ง ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นก็ตอนที่ยังเป็นเด็กเมื่อฉันได้เห็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ของอาจารย์อวี๋เมิ่งหลง ในฐานที่เป็นอาจารย์ผู้ล่วงลับ ถึงจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แน่นอนว่าผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น นอกจากนี้ยังอาจกล่าวได้ว่ามันได้กลายเป็นเป้าหมายสำหรับช่างแกะสลักยุคใหม่ที่จะต้องข้ามผ่านไปให้ได้ ถ้ามีคนมาฉันว่าผู้ใดในยุคปัจจุบันที่น่าจะมีโอกาสทำได้สำเร็จ ฉันก็คงจะบอกว่าหยางซู่ซิน เพราะเขามีความเชี่ยวชาญมากพอแถมยังมีเรี่ยวแรงเยอะอีกต่างหาก]


เพื่อให้ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าเสร็จสมบูรณ์นั้น ทักษะและประสบการณ์จึงมีบทบาทสำคัญยิ่ง แต่ข้อสนับสนุนของทั้งหมดนั้นก็คือเรี่ยวแรง ยกตัวอย่างเช่นซุนเสี่ยวอี้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะทำให้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่เขาอายุปาเข้าไป 67 ปีแล้วและไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะมาทำงานแกะสลักที่ต้องใช้เรี่ยวแรงเยอะมากขนาดนั้นอีก


[และวิดีโอก็พิสูจน์ว่าฉันคิดถูก หยางซู่ซินทำสำเร็จจริงๆเสียด้วย จากวิดีโอ ทักษะของเขาช่างยอดเยี่ยมเสียจนแทบจะเป็นตำราอันแสนสมบูรณ์แบบเล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้ฉันอย่างแท้จริงก็คือมีผู้เชี่ยวชาญที่อายุน้อยเสียขนาดนั้นมาแข่งกับหยางซู่ซินน่ะสิ ถึงแม้ว่าท่าทางในการแกะสลักของเขาออกจะหยาบกระด้างไปสักหน่อยก็เถอะนะ แต่การควบคุมของเขากลับแม่นยำที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย ฉันพบว่ามันช่างเหลือเชื่อจริงๆ]


เมื่อเทียบกับการเขียนพู่กันจีนแล้ว การแกะสลักน้ำแข็งเป็นที่นิยมน้อยกว่ามาก งานศิลป์หาใช่สิ่งที่จะชื่นชมด้วยตัวมันเองได้ ดังนั้นด้วยการผลักดันของสมาพันธ์การแกะสลักน้ำแข็งจึงทำให้สุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งทุกคนมีบัญชีเว่ยป๋อหรือโซเชียลมีเดียเป็นของตนเอง โดยจุดประสงค์ของการทำเช่นนี้ก็เพื่อเผยแพร่การแกะสลักน้ำแข็งไปสู่ผู้คนให้มากขึ้น


นี่เป็นความคิดที่ดี แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เป็นความจริง ได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมพอที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็งก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สูงอายุกันทั้งนั้น แม้แต่หยางซู่ซินเองก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอายุน้อยที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาคงต้องเพิ่มอันดับของเหล่าผู้เชี่ยวชาญลงไปใหม่เสียแล้วล่ะ


หยวนโจวเพิ่งได้รับการยอมรับให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็ง


เนื่องจากอายุเฉลี่ยของผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักน้ำแข็งก็คือ 50 ปี พวกเขาต้องอุทิศเวลาให้เว่ยป๋อกับโซเชียลมีเดียได้อีกนานสักเท่าไหร่กันเชียว? บ่อยครั้งที่ข่าวไวรัลพวกนั้นหาได้เกิดจากตัวผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นเองแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือพวกเขาโด่งดังขึ้นมาได้ก็เพราะผู้คนที่รู้สึกดีและอยากให้ความช่วยเหลือนั่นเอง


ตัวอย่างที่ดีมากเลยก็คือซุนเสี่ยวอี้นั่นเอง รวมทั้งข้อความที่เขาเพิ่งจะโพสต์ลงไปด้วย เขาโพสต์แค่สองข้อความลงในบัญชีเว่ยป๋อของตนเองเท่านั้น โดยข้อความที่โพสต์ในครั้งแรกจะเป็นข้อความที่ระบบโพสต์ขึ้นโดยอัตโนมัติระหว่างที่สร้างบัญชี


นอกเหนือไปจากเขาแล้วก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่ได้ยินได้ฟังมาเช่นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญบางคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงติดแท็กสมาพันธ์เชฟบนเว่ยป๋อในทันทีแล้วกล่าวว่า “เจ้าพวกคนของสาขาการทำอาหาร จงอย่าได้ขัดขวางเส้นทางสู่หอคอยแห่งอนาคตของโลกการแกะสลักน้ำแข็ง”


โจวซื่อเจี๋ยไม่มีบัญชีเว่ยป๋อแต่จงลี่ลี่มี เมื่อโจวซื่อเจี๋ยเจอโพสต์นี้เข้า เขาก็โกรธมากเสียจนแทบจะหัวใจวาย เขาโทรหาผู้รับผิดชอบบัญชีเว่ยป๋อของสมาพันธ์เชฟด้วยความโกรธทันที และเริ่มสงครามทางอินเตอร์เน็ตระหว่างสาขาการทำอาหารและการแกะสลักน้ำแข็งที่แต่เก่าก่อนเคยเป็นมิตรต่อกันขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากมีหยวนโจวเป็นสาเหตุของสงครามในครั้งนี้


ถึงแม้ว่าบัญชีเว่ยป๋อของบัญชีสาขาการแกะสลักน้ำแข็งและการทำอาหารจะมีผู้ติดตามน้อยกว่าพวกดาราคนดังและผู้ทรงอิทธิพลในโซเซียลมีเดียที่ค่อนข้างใหญ่โต ทว่าอิทธิพลที่พวกเขามีในโลกแห่งความเป็นจริงก็ยังคงเป็นที่มิอาจปฏิเสธได้ เป็นที่พอเข้าใจได้ว่าเหตุใดเจ้าระบบถึงได้ตัดสินให้สิ่งนี้เป็นการบรรลุภารกิจที่ซ่อนอยู่


ในขณะเดียวกัน หยวนโจวผู้เป็นสาเหตุของสงครามครั้งใหญ่มัวแต่ทุ่มเถียงกับเจ้าระบบอยู่


“ไม่ก็คือไม่ ทำไมแกถึงต้องหาข้ออ้างมาตั้งมากมายขนาดนั้นด้วยเล่า?” หยวนโจวจงใจยั่วยุเจ้าระบบ “แกไม่สามารถให้การรักษาได้ยังกล้าเรียกตัวเองว่าระบบอีกงั้นหรือ? แกมันเป็นความอัปยศของทั้งระบบเสียจริงๆ!”


แต่หลังจากคำตอบในช่วงแรกๆ เจ้าระบบก็เอาแต่เงียบสนิท ไม่ว่าหยวนโจวจะยั่วยุสักเพียงใด เจ้าระบบก็ยังเอาแต่เงียบอยู่ดี


เมื่อหยวนโจวเห็นว่าเจ้าระบบไม่ตอบ เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไรอีก หลังจากใช้ถุงน้ำแข็งมาประคบบนข้อมือแล้ว เขาก็ยกชามน้ำซุปออกไปข้างนอก แน่นอนว่าน้ำซุปชามนี้ย่อมเป็นของเจ้าซุป


เมื่อเขาเปิดประตูออกมาก็พบว่าฝนหยุดตกแล้ว เจ้าซุปวิ่งเข้ามาที่ประตูหลังตามเคยหลังจากได้ยินเสียงตรงนั้นแล้วแหงนหน้ามองหยวนโจว


“เอ้านี่ น้ำซุปของแกอยู่นี่” หยวนโจวกล่าวขณะที่เตรียมจะเทน้ำซุปลงในชามอาหารของเจ้าซุป


“โฮ่ง!” จู่ๆเจ้าซุปก็เห่าขึ้นมาตอนที่หยวนโจวกำลังจะเทน้ำซุปให้ เสียงเห่าที่ค่อนข้างแหลมสูงก็ดังขึ้น


“มีอะไรงั้นรึ?” หยวนโจวมองเจ้าซุปด้วยความสงสัย


เจ้าซุปจ้องมองหยวนโจวด้วยดวงตาดำขลับของมันอยู่แบบนั้น จู่ๆมันก็ก้าวมาข้างหน้าหลายก้าวแล้วเลียข้อมือของหยวนโจว


ลิ้นของเจ้าซุปเป็นสีชมพู มันทั้งเล็ก เปียกชื้นและอบอุ่นอีกต่างหาก


หนึ่งคนหนึ่งสุนัขต่างยืนอยู่ตรงนั้นอยู่เงียบๆสักครู่อยู่แบบนั้น หยวนโจววางชามลง เขาไม่ได้ลูบหัวของเจ้าซุป ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาพึมพำบางอย่างเบาๆก่อนที่จะกลับเข้าร้านไป


ยามราตรีผันผ่านไปอย่างสงบเงียบ หยวนโจวตื่นนอนตอนหกโมงเช้าตามปกติ จากนั้นเขาก็ล้างหน้าก่อนที่จะเตรียมตัวออกไปวิ่งออกกำลัง


แต่หยวนโจวอยู่ในร่มเพิ่มอีก 10 นาทีเพื่อบริหารข้อมูล


“ฟู่ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” หยวนโจวกล่าวด้วยความพึงพอใจพลางจ้องมองข้อมือที่บวมเป่งของตนเอง


หยวนโจวที่เหงื่อชุ่มนิดหน่อยออกไปแล้วเริ่มวิ่งออกกำลัง เขาไม่ลืมที่จะทักทายเจ้าซุประหว่างทางเช่นกัน


“เจ้าซุป แกเริ่มอ้วนเพราะอาหารมื้อเย็นในแต่ละวันแล้วนะ แกอยากไปวิ่งออกกำลังกับฉันหน่อยไหมเล่า?” หยวนโจวถามขึ้นมา


เขาถูกเจ้าซุปเมินโดยสิ้นเชิง


“เจ้าหมาจอมขี้เกียจเอ้ย” หยวนโจวกล่าวแล้วจากไป


คราวนี้เจ้าซุปแหงนหน้าและส่งสายตาให้หยวนโจวก่อนที่มันจะเปลี่ยนท่าทางแล้วนอนต่อ


หลังจากหยวนโจวกลับไปท้ายตรอกแล้ว เขาก็เริ่มมองดูพวกคนเดินเท้า บางคนรีบไปเข้าทำงานกะเช้าของตนเองในขณะที่บางคนเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่กำลังซื้ออาหารเช้ากลับไปกินที่บ้าน ทั้งยังมีบางคนที่กำลังทำความสะอาดถนนอยู่ด้วย


หลายๆคนทักทายหยวนโจวเช่นเคย


“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่หยวน”


“อรุณสวัสดิ์”


“อรุณสวัสดิ์” หยวนโจวตอบทุกคนพลางพยักหน้ารับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)