ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 853-858

 บทที่ 853 โรงพยาบาลชุมชน

Ink Stone_Fantasy

พอได้ยินว่าฉินสือโอวตัวการก่อความวุ่นวายเรื่องเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ขึ้นมา วินนี่ก็รู้สึกช็อกไปครู่หนึ่ง ต่อจากนั้นค่อยยิ้มออกมา แต่เธอก็ยังกังวลว่าจะทำให้คนอื่นตกใจกลัวหรือเปล่า


ฉินสือโอวพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “บนเรือขโมยปลาไม่ได้มีคนอยู่แค่คนเดียวสักหน่อย มีแต่คนอยู่กันเป็นกลุ่มทั้งนั้น พวกเขาไม่ตกใจจนตายหรอก อีกอย่าง ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะมาเป็นโจรขโมยแล้ว ก็ควรจะเตรียมตัวรับบทลงโทษมาให้ดีด้วย”


มาสเตอร์หาที่อุ่นๆ ด้านข้างเตาผิงเพื่องีบหลับ ฉินสือโอวหาอ่างน้ำตื้นๆ ไว้ให้มันหนึ่งอัน แบบนี้เมื่อมันอยู่ในที่ที่แห้งแล้ง ก็จะสามารถนอนอยู่ข้างในได้อย่างสบายๆ


สัตว์จำพวกสุนัขก็ชอบอยู่ในที่ที่อบอุ่นเช่นกัน ปกติแล้วหู่จือกับเป้าจือจะนอนอยู่ข้างๆ เตาผิง แต่ครั้งนี้พอพวกมันเข้ามาใกล้ มาสเตอร์ก็วิ่งตามไปไล่กัดพวกมันทันที


ฉินสือโอวหมดปัญญาแล้วจริงๆ ทำได้แค่ให้หู่จือกับเป้าจืออยู่ให้ห่างจากเตาผิง ที่ตรงนั้นกลายเป็นอาณาเขตของมาสเตอร์ไปแล้ว


หู่จือกับเป้าจือไม่พอใจมาก พวกมันพากันร้องฮือๆ อยู่ข้างๆ เขาตลอด ฉินสือโอวจึงพูดอย่างไม่ไม่รู้จะทำยังไงดีว่า “โทษใครล่ะ? พวกแกจะโทษใคร? ใครเป็นคนทำให้เกิดเรื่องนี้? ใครเริ่มกวนใครก่อน?”


หันมามองหน้ากันแวบหนึ่ง หู่จือกับเป้าจือไม่มีหน้าจะอยู่ทำตัวออดอ้อนต่อไปแล้ว จึงพากันวิ่งออกไปเล่นหิมะข้างนอก


หลังจากนั้นพอเพอริสกลับไป นีลเซ็นถึงได้เดินกลับมาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ฉินสือโอวถามเขาอย่างระแวดระวังว่าเขาได้หลุดปากพูดอะไรออกไปไหม


นีลเซ็นตบหน้าอกแล้วพูดกับเขาว่า “บอส คุณรู้ไหมครับว่าผมเป็นใคร? กองกำลังทหารหน่วยตอบโต้เคลื่อนที่เร็วของแคนาดา รับการฝึกฝนต่อต้านการสอดแนมกับการสอบสวนมาก่อน…”


“พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยหน่อย ได้หลุดปากไปไหม?”


“ไม่ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรือผีให้เธอฟัง พวกเราคุยกันเรื่องหนัง เรื่องกาแฟกับการใช้ชีวิต แลกกันติดตามทวิตเตอร์ เพิ่มเพื่อนในเอ็มเอสเอ็น หลังจากนั้นก็พบว่ามีความคิดที่คล้ายๆ กันอยู่หลายเรื่อง”


“เธอจะพอใจเหรอ? เธอมาที่นี่เพื่อทำงานนะ”


“ปล่อยเรื่องงานพิลึกพิลั่นนั่นไปเถอะ ผมบอกเธอว่า ข่าวลือเกี่ยวกับเรือผี เธออยากจะเขียนยังไงก็เขียนแบบนั้น พวกเราจะช่วยส่งเสริมเธอเพื่อทำการประกาศอย่างเต็มที่”


ฉินสือโอวมองนีลเซ็นอย่างอึ้งๆ อยู่สักพัก จากนั้นก็พูดว่า “แค่นี้เองเหรอ?”


นีลเซ็นยักไหล่ เขากล่าวว่า “ขอร้องล่ะครับ บอส เพอริสแค่อยากได้เรื่องเล่าสักเรื่องก็เท่านั้น หรือคุณคิดว่าเธอจะเชื่อว่าพวกเราเคยเห็นเรือผีมาก่อนจริงๆ ล่ะครับ?”


ฉินสือโอวลองคิดๆ ดู เขาก็พูดอย่างท้อใจว่า “ก็ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แค่นั้นจริงๆ นี่”


ตอนนี้คนนอกที่ประกาศว่าตัวเองเคยเห็นเรือผีมาก่อน มีอยู่ถึงสิบกว่าลำเรือแล้ว แถมยังมีคนถ่ายรูปพิลึกพิลั่นยากที่จะดูได้ชัดเอาไว้อีก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เคยออกปฏิบัติการแค่สองครั้งเท่านั้น


เรื่องที่เพอริสมาสัมภาษณ์จบลงเพียงเท่านี้ ตอนนี้ฉินสือโอวรู้แล้วว่าตัวเองประเมินฮีโร่ของโลกนี้ต่ำเกินไป ก็เหมือนกับที่นีลเซ็นบอกไว้ เขาเป็นใคร? ทหารกองกำลังพิเศษที่ได้รับการฝึกฝนของแคนาดา ถ้าฉินสือโอวไม่มีหัวใจโพไซดอน คนอื่นก็คงเทียบเทียมไม่ได้


อากาศหนาวเกินไป ปฏิกิริยาระหว่างตั้งครรภ์ของวินนี่กลับมาอีกครั้งแล้ว


ตามปกติ หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงแรกจะมีการตอบสนองได้อย่างง่ายดาย ระดูมาไม่ปกติ สะอิดสะเอียน อาเจียน มีอาการใจร้อนไม่เป็นสุขเป็นต้น ทว่าวินนี่ออกกำลังกายเป็นประจำบวกกับสภาพจิตใจที่ค่อนข้างดี ในช่วงแรกเริ่มเธอจึงยังต้านทานได้


หลังจากเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน วินนี่ก็เริ่มทนไม่ไหว ทุกๆ วันต้องเข้าห้องน้ำยี่สิบครั้งเป็นอย่างต่ำ แค่เรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกหมดอาลัยตายอยากแล้ว


นี่เป็นเรื่องที่แก้ไขอะไรไม่ได้ ฉินสือโอวลองไปถามที่โรงพยาบาลมาแล้ว กระเพาะปัสสาวะของผู้หญิงเวลาตั้งครรภ์จะถูกบีบรัด ทำให้ความจุลดน้อยลง การถ่ายปัสสาวะจำนวนน้อยบ่อยครั้งจึงเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ


จะแก้ปัญหานี้ยังไงน่ะเหรอ? อดทนเอานะ


นี่เป็นคำแนะนำของโอดอม


ในที่สุดโอดอมก็ยืนยันแล้วว่าจะมาเปิดโรงพยาบาลชุมชนที่เกาะแฟร์เวล นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เขาใช้เวลากว่าสองเดือนถึงจะสามารถส่งมอบงานในโรงพยาบาลที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบได้สำเร็จ ที่เกาะแฟร์เวลก็ใช้เวลาสองเดือนจึงจะยื่นหนังสือคำร้องขอเปิดโรงพยาบาลชุมชนได้


วินนี่เป็นคนไข้รายแรกของโรงพยาบาลเมืองแฟร์เวล ตอนนี้โรงพยาบาลเล็กยังไม่ได้เปิดทำการ ฉินสือโอวช่วยโอดอมเลือกอาคารสองชั้นที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ซึ่งก็คือที่ที่เคยเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตมาก่อนนั่นเอง


หลังจากซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เลิกกิจการไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน อาคารที่เป็นที่ตั้งก็ไม่ได้ถูกปล่อยเช่ามาโดยตลอด เริ่มแรกเมืองนี้หวังไว้ว่าจะปรับเปลี่ยนมันให้เป็นโบสถ์ สำหรับชาวคริสต์แล้ว เมืองที่ไม่มีโบสถ์คือเมืองที่ไม่สมบูรณ์


เพียงแต่ว่าฉินสือโอวซ่อมแซมโบสถ์แห่งเดิมไปครั้งใหญ่แล้ว ดังนั้นเมื่ออาคารถูกปล่อยว่างไว้ จึงพอดีกับการเปิดโรงพยาบาลชุมชน


อย่าดูถูกโรงพยาบาลชุมชนของแคนาดา นี่ไม่ได้แปลว่ามันมีขนาดเล็กแล้วจะขาดศักยภาพ อย่างเช่นโรงพยาบาลเกเบิลของโทรอนโต ขนาดและจำนวนการตรวจรักษาผู้ป่วยต่างก็เป็นที่น่าตกใจมาก โรงพยาบาลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1987 ปัจจุบันมีแพทย์กว่า 500 คนกับบุคลากรอีก 800 กว่าคน!


ที่แคนาดามีโรงพยาบาลเอกชนอยู่น้อยมาก เนื่องจากรัฐบาลต้องการป้องกันรักษาความยุติธรรมในด้านการรักษาพยาบาล เช่นนี้โรงพยาบาลหลักจึงมักจะเต็มไปด้วยโรคภัยชนิดต่างๆ ดังนั้นโดยปกติแล้วผู้ป่วยทั่วไปจะไม่พากันไปที่โรงพยาบาลหลัก แต่เข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนแทน


เป็นเพราะว่าวินนี่มีอาการระหว่างตั้งครรภ์บางอย่าง ฉินสือโอวพอจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร จึงไม่ได้ไปที่นครเซนต์จอห์น แต่ไปหาโอดอมที่เพิ่งมาถึงเกาะนี้แทน


โรงพยาบาลของโอดอมชื่อว่า ‘โรงพยาบาลชุมชนแฟร์เวล’ ฉินสือโอวมองเห็นป้ายชื่อโรงพยาบาลอันใหญ่ เขารู้สึกว่าชื่อนี้มีอะไรที่ไม่ถูกต้องสักอย่าง แฟร์เวล? (อำลา) ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าชื่อนี้เหมือนกับชื่อที่เผาศพมากกว่ากันนะ?


สะบัดๆ หัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากสมอง ฉินสือโอวเข้ามาในโรงพยาบาลเล็กที่เพิ่งจะได้รับการตกแต่งปรับปรุง ถึงจะมีขนาดเล็กแต่ก็มีพร้อมสรรพทุกรายละเอียด โรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กแห่งนี้สามารถให้บริการด้านแผนกทันตกรรม แผนกศัลยกรรม ทำการรักษาแบบฉุกเฉิน แผนกสูตินรีเวชและระบบการดูแลระยะยาวต่างๆ ได้


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวโทรศัพท์เข้ามาก่อนแล้ว ตอนที่พวกเขามาถึง โอดอมกำลังคุยอะไรสักอย่างอยู่กับคุณป้าผิวสีอายุประมาณสี่สิบกว่าปีที่หน้าประตู เมื่อทั้งสองฝ่ายได้พบกัน โอดอมก็ยิ้มพร้อมกับเข้ามากอดทักทายฉินสือโอว


ฉินสือโอวพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นยังไงบ้าง เพื่อน ชินกับการอยู่ในเมืองเล็กๆ แบบนี้ไหม?”


โอดอมตอบเขาว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ที่นี่เคยเป็นบ้านเกิดของผมนะ คุณคิดว่าผมจะชินกับมันไหมล่ะ? ใช่แล้ว ขอแนะนำใครสักคนให้คุณรู้จักสักหน่อยนะ นี่คือคุณลาร่า รีส เธอจะมาเป็นหัวหน้าพยาบาลของพวกเรา”


ฉินสือโอวรีบจับมือทักทายกับคุณป้าผิวสีคนนี้ หัวหน้าพยาบาลของโรงพยาบาลที่แคนาดาต้องเก่งกาจมาก ที่จริงแล้ว สามารถเป็นพยาบาลได้ก็ถือว่าเก่งมากๆ แล้ว เนื่องจากวอร์ดผู้ป่วยในโรงพยาบาลชุมชนของแคนาดาไม่มีแพทย์ที่คอยเข้าเวร จึงมอบหมายผู้ป่วยให้พยาบาลดูแลทั้งหมด


ดังนั้งจึงสามารถพูดได้ว่าพยาบาลเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยในทุกๆ ด้าน ทั้งทางด้านกายภาพ ด้านจิตใจและสังคมทั้งสามด้าน พยาบาลดีๆ เก่งกว่าแพทย์บางคนเสียอีก


ลาร่ายิ้มพร้อมทั้งพูดว่าต่อจากนี้พวกเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ต้องดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้มากๆ ฉินสือโอวบอกว่าเพื่อเป็นการต้อนรับการเปิดบริการของโรงพยาบาลชุมชน เขาจึงจะเตรียมตัวจัดงานปาร์ตี้ ถึงตอนนั้นต้องให้โอดอมกับลาร่ามาเข้าร่วมให้ได้


หลังจากนั้นลาร่าก็พาวินนี่ตรวจอาการเบื้องต้นก่อน เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องให้โอดอมเป็นคนลงมือ พยาบาลสามารถจัดการได้เอง


เมื่อมาถึงห้องทำงาน โอดอมพูดถึงลาร่าให้ฉินสือโอวฟังว่า หัวหน้าพยาบาลคนนี้เก่งกาจมากจริงๆ เมื่อก่อนเธอปฏิบัติหน้าที่อยู่ในคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยแมคกิลล์มาโดยตลอด ตอนทำหน้าที่พยาบาล เธอคนเดียวสามารถดูแลผู้ป่วยได้ถึงสิบคน


พอได้ยินแบบนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกนับถือขึ้นมา สามารถดูแลผู้ป่วยได้หลายคนเป็นหนึ่งในการประเมินระดับของพยาบาลแคนาดา


เนื่องจากการดูแลแบบนี้ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ใช่แค่ฉีดยาให้ยาก็จบแล้ว แต่ต้องทำให้ผู้ป่วยรู้สึกพึงพอใจ ถึงจะถือว่าพยาบาลได้ดูแลผู้ป่วยไปแล้วหนึ่งราย


ตามที่ฉินสือโอวเข้าใจ ปกติแล้วพยาบาลสาวๆ จะสามารถดูแลผู้ป่วยได้แค่สองราย พยาบาลที่มีประสบการณ์มากจะสามารถดูแลผู้ป่วยได้สี่ถึงห้าราย นี่เป็นพยาบาลที่โดดเด่นกว่าระดับปกติแล้ว อีกทั้งคนคนนี้ ยังสามารถดูแลได้ถึงสิบคน ด้วยตัวเธอเอง ก็สามารถควบคุมโรงพยาบาลชุมชนไว้ได้เกือบหมดแล้ว!


บทที่ 854 ลุยหิมะขึ้นภูเขา

Ink Stone_Fantasy

การตกแต่งและอุปกรณ์ของโรงพยาบาลชุมชน ล้วนแต่ได้รับการจัดสรรมาจากกระทรวงสาธารณสุขของแคนาดา การตกแต่งอาคารเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับภาครัฐของแคนาดาเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าระบบการเมืองของแคนาดาจะโปร่งใส แต่ทว่าประสิทธิภาพในการทำงานกลับทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง


ฉินสือโอวพูดด้วยความรู้สึกงงงวยว่าทำไมคราวนี้กระทรวงสาธารณสุขถึงทำงานได้รวดเร็วขนาดนี้ โอดอมจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยรอยยิ้มว่า นั่นเป็นเพราะท่านนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตเป็นคนลงแรงเอง


ถึงแม้ว่าจะต้องให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดสรรเงินทุน แต่ฝ่ายการเงินของเทศบาลเมืองจะเป็นผู้ดำเนินการจัดการก่อนเป็นอันดับแรก ประเทศแคนาดามีการควบคุมจัดการอยู่สามระดับ หลังจากผ่านไปช่วงหนึ่งเทศบาลจึงจะไปเบิกเงินทั้งหมดจากรัฐบาลกลางอีกที


เพราะเป็นการสร้างโรงพยาบาลชุมชนให้เมืองแฟร์เวล แฮมเล็ตย่อมต้องเอาใจใส่เป็นธรรมดา เขาออกคำสั่งไปยังหน่วยงานใต้บังคับบัญชาด้วยความใส่ใจ ทั้งยังคอยควบคุมดูแล เปิดไฟเขียวตลอดทางเพื่อสร้างโรงพยาบาลชุมชนให้เสร็จสมบูรณ์


นี่ก็เหมือนกับการก่อสร้างของซัดดัมที่บ้านเกิดของเขาในเมืองตีกรีต รัฐซาลาดิน นักการเมืองทุกประเทศก็เป็นเหมือนกันหมด สำหรับบ้านเกิดแล้ว พวกเขาย่อมต้องมีความรู้สึกผูกพันและยอมทุ่มทุนให้มากที่สุดอยู่แล้ว


ทว่าอุปกรณ์บางส่วนของโรงพยาบาลชุมชนยังส่งมาไม่ถึง เทศบาลช่วยเหลือเรื่องการตกแต่งได้ แต่ไม่สามารถทำการคัดเลือกเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ขนาดใหญ่บางส่วนให้ได้


แต่โรงพยาบาลเล็กก็ติดตั้งเครื่องมือที่น่าสนใจไปบางส่วนแล้ว อย่างเช่นติดตั้งอุปกรณ์ที่คล้ายกับไฟจราจร ซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของโรงพยาบาลในแคนาดา เรียกว่า “สัญญาณไฟแจ้งเตือนเสียงรบกวน”


ภายใต้สัญญาณไฟแจ้งเตือน ในขณะที่สิ่งแวดล้อมโดยรอบสงบเงียบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไฟสีเขียวจะสว่างออกมา และไฟสีเหลืองแจ้งเตือนว่าเสียงรบกวนใกล้จะถึงขีดกำหนดแล้ว ส่วนไฟแดงจะหมายถึงสภาพแวดล้อมมีเสียงรบกวนอยู่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นฟูของผู้ป่วย


พยาบาลลาร่ากับวินนี่คุยกันอยู่นานสองนาน ไม่ได้มีการใช้เครื่องมือขนาดใหญ่เพียงแค่ทำการเจาะเลือดจากปลายนิ้วมือกับการตรวจด้วยสเต็ตโทสโคปเท่านั้น หลังจากนั้นเธอบอกกับฉินสือโอวว่า “ภรรยากับลูกของคุณมีสุขภาพแข็งแรงกันทั้งคู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ ต้องคอยพาเธอไปเดินให้มากๆ ไม่อย่างนั้นในช่วงหลังกระดูกเชิงกรานจะได้รับแรงกดทับอย่างหนัก”


ฉินสือโอวขอบคุณทั้งสองคน บอกพวกเขาว่าหลังจากนี้เขาจะหาวันที่อากาศดีๆ เพื่อจัดปาร์ตี้ในฟาร์มปลา และขอให้ทั้งสองคนมาเข้าร่วมงานให้ได้


โอดอมตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ฉินสือโอวเลยโบกมือลา จากนั้นก็ขับรถพาวินนี่กลับออกไป


เนื่องจากเทศกาลวันฮาโลวีนเพิ่งจะสิ้นสุดลง บรรยากาศของวันเทศกาลในเมืองจึงยังเข้มข้นอยู่มาก ร้านค้าหลายร้านยังแขวนโคมไฟฟักทองหรือไม่ก็วางหุ่นจำลองผีน้อยต่างๆ แบบดั้งเดิมเอาไว้ที่หน้าประตู และมักจะมีนักท่องมาถ่ายรูปด้วยอยู่เป็นประจำ ซึ่งของพวกนี้ก็เป็นของที่เตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวนั่นเอง


ก็เหมือนกับเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีนที่ค่อยๆ เบาบางลงไป บรรยากาศของวันเทศกาลในแคนาดาจืดจางลงไปเรื่อยๆ ผู้อพยพนับวันยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ วันเทศกาลนับวันก็ยิ่งผสมปนเปกันไป เทศกาลคริสต์มาส วันขอบคุณพระเจ้ากับเทศกาลวันฮาโลวีน เทศกาลใหญ่ของคริสต์ศาสนาพวกนี้ ค่อยๆ เปลี่ยนไปจนไม่ได้มีความยิ่งใหญ่อลังการขนาดนั้นแล้ว


ปีที่แล้วเมืองแฟร์เวลแทบจะไม่ได้จัดกิจกรรมเทศกาลวันฮาโลวีนเลยด้วยซ้ำ แต่ปีนี้เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการจัดงานขึ้นอย่างคึกคัก ฉินสือโอวไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเทศกาล ที่ฟาร์มปลาเองก็ไม่ได้มีการจัดงาน เขาแค่ให้พวกชาวประมงหยุดพักหนึ่งวันเท่านั้น


หลักๆ ก็เป็นเพราะคำนึงถึงวินนี่ ถ้าจัดงานที่ฟาร์มปลา เจ้าบ้านหญิงแบบวินนี่จะต้องทำงานหนักอย่างแน่นอน อีกทั้งเทศกาลวันฮาโลวีนใช้ความน่ากลัวเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน สำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แล้ว มันไม่เหมาะสมเท่าไรนัก


รถคาดิลแลควันขับมาถึงถนนสายหลักของเมือง ฮิวจ์คนน้องสังเกตเห็นจึงโบกมือให้หยุดรถ


ตอนนี้เจ้าหมอนี่สวมเครื่องแบบทหารทั้งตัว บนบ่าแบกไรเฟิล วินเชสเตอร์เอาไว้หนึ่งกระบอก ท่าทางเหมือนกับนายพรานแก่ๆ คนหนึ่ง


“สวัสดีครับ คุณ ผมเป็นตำรวจ รบกวนแสดงใบขับขี่ของคุณด้วยครับ ผมสงสัยว่าคุณจะเข้ามาก่อความวุ่นวายที่เมืองของเรา” ฮิวจ์คนน้องพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมมีระเบียบ


บทพูดของนายอำเภอในหนังเรื่อง ‘แรมโบ้ นักรบเดนตาย’ ใครๆ ก็รู้จักเค้าโครงเรื่องในหนังต่อจากนั้น แรมโบ้ทหารหน่วยรบพิเศษถูกบังคับให้อยู่ในสภาพอับจนจึงลุกขึ้นมาต่อต้าน จัดการจนสถานีตำรวจในอำเภอเกิดความโกลาหลขึ้นครั้งใหญ่


ฉินสือโอวกลอกตาใส่ เขาพูดด้วยท่าทางแบบอันธพาลว่า “ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นฉันจะเหยียบคันเร่งชนนายให้ตาย!”


ฮิวจ์คนน้องยกปืนไรเฟิลขึ้นมา เขาทำหน้าทะเล้นแล้วพูดว่า “โยโฮ ไอ้หนุ่ม จองหองนักนะนาย มาๆๆ ฉันจะลองดูหน่อยว่ากะโหลกนายหรือว่าลูกกระสุนของฉัน อันไหนจะคมกว่ากัน”


ฮิวจ์พี่ชายของเขาเดินออกมาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าพร้อมกับด่าว่า “ฟัคยู เจ้าโง่ ฉันสอนนายมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอย่าเล็งปืนใส่คนอื่น! นายคิดว่านี่เป็นเรื่องน่าสนุกนักหรือยังไง? ให้ตายเหอะ ถ้าลั่นขึ้นมาจะทำยังไง?!”


ฮิวจ์คนน้องหัวเราะพร้อมกับลั่นไกปืนเล่นอย่างสนุกสนาน เขาพูดยิ้มๆ ว่า “จะเครียดไปทำไม? ในปืนของฉันไม่มีลูกกระสุนอยู่สักหน่อย สบายใจเหอะ พี่ชายที่รักของฉัน ฉันจะทำร้ายฉินได้ยังไงกันล่ะ?”


ฮิวจ์เดินเข้ามาเตะฮิวจ์คนน้องเบาๆ แล้วไล่เขาไปให้พ้น ฉินสือโอวเห็นว่าในมือของเขาก็ถือปืนอยู่เหมือนกัน จึงถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีคนมาบุกรุกเมืองเหรอ? ทำไมทุกคนถึงพากันพกปืนล่ะ?”


ได้ยินแบบนี้ ฮิวจ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “นายก็รู้ ให้ตายสิ น่ากลัวว่าปีนี้จะมีพายุหิมะอีกแล้ว ดังนั้นพวกเราเลยต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อไปจัดการกับพวกฝูงกวางป่ากับหมูป่า ไม่อย่างนั้นผ่านไปอีกไม่กี่วัน เมืองนี้จะประสบกับภัยพิบัติอีกครั้ง”


กวางกับหมูป่ากินเบอร์รีเพื่อดำรงชีวิต ถ้าพูดกันอย่างจริงจังตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและเป็นช่วงต้นฤดูหนาว บนภูเขายังมีหญ้าเขียวอยู่บางส่วน เพียงแต่ว่าถูกกองหิมะปกคลุมเอาไว้ ถ้าพวกกวางป่ากับหมูป่าเขี่ยกองหิมะออกก็ยังสามารถหาอาหารกินได้อยู่


ทว่าปีนี้หิมะมาเร็วเกินไป เริ่มปรากฏเค้าลางจากภัยพิบัติของพายุหิมะแล้ว ถ้ามีหิมะตกอีกครั้ง ผืนหญ้าบนภูเขาก็จะเหี่ยวเฉาก่อนเวลา ทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอ กวางป่ากับหมูป่าจะต้องลงมาจากภูเขาแน่นอน


ฮิวจ์ถามฉินสือโอวว่าเขาสนใจจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของขบวนล่าสัตว์ไหม ฉินสือโอวบอกว่าเขาไม่สนใจ เขาอยากจะนำทีมไปจัดการเอง


ที่ผู้คนในเมืองกระหายอยากจะล่าหมูป่ากับกวางป่าขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะกังวลว่าอีกไม่กี่วันพวกมันจะลงมาจากภูเขาจนทำให้เกิดอันตราย แต่ยังเป็นเพราะตอนนี้ของพวกนี้เป็นสิ่งของมีมูลค่า นักท่องเที่ยวสนใจเนื้อกวางกับเนื้อหมูป่าเป็นอย่างมาก ถ้านำมาทำอาหารจะสามารถขายได้ราคาสูง


ฮิวจ์กับคนอื่นๆ ที่จะขึ้นไปบนภูเขาก็อยากจะทำเงินสักก้อนเหมือนกัน


แคนาดามีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมกับจิตสำนึกการคุ้มครองสัตว์ป่าที่เข้มงวดมาก หลังจากตระหนักได้ว่าการมาของนักท่องเที่ยวอาจจะสร้างผลกระทบต่อจำนวนของฝูงหมูป่ากับกวางป่า ทางเทศบาลจึงกำหนดไว้ว่า หมูป่ากับกวางป่าที่สามารถล่าได้ในแต่ละวัน ต้องต่ำกว่าสองตัว


แต่ในฤดูหนาวจะไม่มีข้อกำหนดอยู่แล้ว สามารถล่าได้ตามสบาย


การขาดแคลนอาหารอาจจะทำให้กวางป่ากับหมูป่าบางส่วนอดตาย และต่อให้ไม่ถึงกับอดตายก็อาจจะอ่อนแรงเพราะกินอาหารได้ไม่เพียงพอ สุดท้ายก็จะตายลงไปอยู่ดี เช่นนี้มันคงจะดีกว่าถ้าให้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมจำนวนของสัตว์ป่าพวกนี้


การล่าหมูป่าและกวางป่าสามารถทำเงินได้จริงๆ แต่ถ้าหากปริมาณการล่าในแต่ละวันจำกัดอยู่ที่สองตัว แบบนั้นคงไม่ได้กำไรแล้ว การทำงานในเมืองอย่างเอาจริงเอาจังทั้งวัน เงินที่สามารถหามาได้จากกระเป๋านักท่องเที่ยว ยังมากกว่าการล่าหมูป่าและกวางป่าเพื่อหาเงินเสียอีก


ต้องปล่อยให้ทำอย่างอิสระเท่านั้นถึงจะสามารถทำเงินได้ เนื่องจากทุกครั้งที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ล้วนแต่ต้องจัดขบวนไปเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้


หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลาแล้ว ชาร์คก็มาถามฉินสือโอวเหมือนกันว่าเขาจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ไหม


พวกเขาไม่ได้ทานเนื้อหมูป่ากับเนื้อกวางป่ามานานแล้ว หลังจากเทศบาลเมืองออกคำสั่งกำหนดปริมาณการล่าสัตว์ ฉินสือโอวก็ไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาอีก หมูป่าที่ได้กินในปีนี้ก็มีแต่ลูกหมูไม่กี่ตัวที่เขาเลี้ยงไว้เองจนมันโต


ฉินสือโอวมองดูฟาร์มปลาที่กว้างใหญ่ เนื่องจากสร้างที่อยู่อาศัยให้ห่านขาวแล้ว หลายๆ พื้นที่ในฟาร์มปลาก็ปลูกหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์ไว้ นี่สามารถทำเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กได้แล้ว


ดังนั้น เขาจึงลองขบคิดดูแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไปเรียกพวกเพื่อนๆ มา เราจะไปขึ้นเขากัน หลังจากนั้นกวางกับหมูป่าตัวใหญ่ให้จับตาย ลูกกวางกับลูกหมูป่าลากกลับมาเลี้ยงไว้กับพวกเราที่นี่ แบบนี้ปีหน้าถ้าอยากกินตอนไหนก็จะได้มีให้กิน!”


แบล็คไนฟ์และทหารรับจ้างทั้งห้าเป็นกำลังหลักในการล่าสัตว์ครั้งนี้ ฉินสือโอวตะโกนเรียกหนึ่งครั้ง ทั้งห้าคนก็แบกปืนสะพายคันธนูกับลูกดอกมารวมตัวกัน ลุยหิมะ ขึ้นภูเขา!


บทที่ 855 กวางฝูงใหม่

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวคิดว่าในวันแบบนี้คงไม่จำเป็นต้องใช้ปืน ธนูยิงปลาหนึ่งคันก็สามารถจัดการกับสัตว์ได้ทุกชนิดแล้ว ดังนั้นเขาจึงพกธนูไปหนึ่งคัน และแน่นอนว่าลูกธนูที่นำติดตัวไปด้วยก็มีอยู่ไม่น้อย ประมาณห้าสิบดอกเต็มๆ


ครั้งนี้ต้องจับลูกหมูป่ากับลูกกวางป่ากลับมาเลี้ยงในคอกให้ได้ ดังนั้นฟาร์มปลาจึงต้องใช้กำลังคนค่อนข้างมาก นายทหารทั้งห้า นีลเซ็น เบิร์ด อีวิลสัน รวมกับพวกชาวประมงอีกห้าคนแล้วก็ฉินสือโอว รวมแล้วออกปฏิบัติการทั้งหมดสิบสี่คน


นกอินทรีหัวขาวบุชกับนกโจรสลัดนิมิตส์ก็ต้องติดตามไปด้วยอยู่แล้ว คราวนี้ฉินสือโอวต้องพึ่งพวกมันทั้งสองตัวแล้ว ในฤดูหนาวจะล่าสัตว์ได้ยากมาก การที่เทศบาลเมืองยกเลิกคำสั่งจำกัดปริมาณการล่าสัตว์ก็มีเหตุผลอยู่ หิมะกองรวมกันเต็มภูเขา สัตว์ป่าที่มีความระมัดระวังตัวจะถูกคุกคามได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้พวกมันรีบหนีไปก่อนล่วงหน้า


แต่เมื่อมีบุชกับนิมิตส์ การค้นหาสัตว์ป่าจึงเป็นเรื่องง่าย สัตว์ทั้งสองตัวนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะนกอินทรีหัวขาวที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาเป็นเจ้าป่า


เพราะได้รับผลกระทบจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน บุชจึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


มันมีอายุไม่เกินหนึ่งปีครึ่ง ทุกวันนี้กลับดูเหมือนนกอินทรีโตเต็มวัยอายุสามถึงสี่ปี ดวงตา ปากกับเท้าโตขึ้นจนกลายเป็นสีเหลืองดูสง่างาม ขนหัว ขนบริเวณคอและขนหางก็เป็นสีขาวราวกับหิมะ ขนส่วนอื่นๆ บนร่างกายเป็นสีน้ำตาลเข้มเรียงเส้นสลวย ปีกทั้งสองข้างเมื่อกางออกมีความกว้างถึงสองเมตร!


สำหรับนกอินทรีหัวขาวที่ยังอายุน้อยแล้วปีกที่แผ่กว้างขนาดนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นยักษ์น้อยแล้ว อายุของบุชเป็นสิ่งรับรองว่ามันยังสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีก ดูท่าว่าต่อไปมันคงจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีปีกกว้างเกินกว่าสามเมตรในหมู่นกอินทรีหัวขาวเป็นแน่


นกอินทรีหัวขาวมีสายตาที่ว่องไวและเฉียบแหลมมาก เมื่อบินอยู่ในระดับความสูงหนึ่งพันเมตร มันก็ยังสามารถมองเห็นกระรอกที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าได้อย่างชัดเจน! อีกทั้งการค้นพบฝูงเหยี่ยวหรือฝูงสัตว์ร้ายก็ง่ายยิ่งกว่าเดิม มันสามารถค้นพบเป้าหมายแบบนี้ได้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบกิโลเมตร


เมื่อเข้ามาในป่าบนภูเขา บุชก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า มันบินวนอยู่เหนือศีรษะบนกลุ่มคณะของฉินสือโอวสองรอบ จากนั้นจึงพุ่งออกไปอย่างฉับพลันทันที แล้วหายเข้าไปในป่าทึบ


หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ร่างกายที่คล่องแคล่วแข็งแรงกำยำของบุชก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง กรงเล็บสีทองขนาดใหญ่จับกระต่ายป่าสโนว์ชูอวบอ้วนไว้หนึ่งตัว มันบินโฉบลงมาแล้วปล่อยกระต่ายป่าลงตรงที่ด้านหน้าฉินสือโอว ร่อนลงมาบนไหล่ของเขาพร้อมกับเริ่มส่งเสียงร้องแกว๊กๆ ทำท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความภาคภูมิใจ


สัตว์เลี้ยงทั้งสี่ตัว หู่เป้าฉงหลัวพากันตามมาทุกตัว ปอหลัวเองก็อยากตามมาเหมือนกัน เลยต้องให้วินนี่เกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก ครั้งนี้พวกฉินสือโอวอาจจะฆ่ากวาง จะให้มันมาเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้


หู่จือคาบกระต่ายป่าสโนว์ชูที่ตกอยู่บนพื้นมาให้ฉินสือโอว บุชจึงจ้องมันด้วยความขุ่นเคือง เพราะโครงคิ้วสูงโก่ง แววตาน่าสะพรึงกลัวกับท่าทางน่าเกรงขาม จึงทำให้มันดูมีพลานุภาพมาก


เพียงแต่ว่าหู่จือไม่สนใจ มันยังกระหยิ่มยิ้มย่องวิ่งมาหาฉินสือโอวเพื่อเอาความดีความชอบต่อ


แบบนี้บุชย่อมต้องไม่พอใจอยู่แล้ว แย่งความดีความชอบของข้าเรอะ? เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นกระต่ายที่ข้าจับมา จำเป็นต้องให้แกเอาไปส่งถึงตรงหน้าพ่อด้วยเหรอไง?


บุชตีปีกบินขึ้นไปทำท่าทางเหมือนจะจับหู่จือ พอหู่จือเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าทางจองหอง สะบัดหัวปล่อยกระต่ายป่าสโนว์ชู แล้วจ้องบุชตาเป็นมัน


นกอินทรีหัวขาวกระหายที่จะต่อสู้เป็นอย่างมาก หนึ่งในกลวิธีในการล่าเหยื่อของพวกมันก็คล้ายคลึงกับนกโจรสลัด ซึ่งก็คือการปล้นสะดมนั่นเอง พวกมันสามารถมองเห็นร่องรอยของฝูงเหยี่ยวได้ไกลถึงห้าสิบหกสิบเมตร หลังจากนั้นก็จะแย่งอาหารมาจากปากเหยี่ยว โดยอาศัยนิสัยที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวของพวกมัน


ตั้งแต่ที่บุชกลายมาเป็นทหารอากาศ มันก็ไม่ชายตามองพวกทหารกองทัพบกอีกเลย มันคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นท่าทางยั่วยุของหู่จือ จึงกระพือปีกบินลงมาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว กางกรงเล็บทั้งสองข้างออกทำท่าทางเหมือนกำลังจะจับหู่จือขึ้นมา


ทว่าหู่จือเป็นหมาแลบราดอร์ที่มีอารยธรรม เวลาปกติมันจะชอบดูทีวีอยู่กับฉินสือโอวและวินนี่ มันเคยเห็นวิธีที่สัตว์ป่าบางชนิดใช้รับมือกับการจับกุมของนกอินทรีมาก่อน


ขณะที่บุชบินดิ่งลงมา หู่จือก็ไถลตัวลงไปบนพื้นอย่างปราดเปรียว กล้ามเนื้อขาหลังของมันยืดตึงเป็นเส้นๆ ถีบบุชที่บินลงมาเหมือนกระต่ายถีบนกอินทรี!


บุชเพิ่งจะเคยพบกับวิธีการต่อสู้แบบนี้เป็นครั้งแรก จึงหลับหูหลับตาคว้าอุตลุดขึ้นมาทันที มันออกแรงตีปีกดึงขึ้นมาอีกครั้ง แบบนี้ถึงจะสามารถหลบหลีกไม่ให้โดนหู่จือถีบได้


แต่เมื่อเป็นแบบนี้ ศักดิ์ศรีของมันก็เสียหายไปแล้ว ทหารกองทัพบกยังไม่ได้ใช้ขีปนาวุธจากภาคพื้นดินสู่อากาศเลย ทหารอากาศแบบมันก็ถูกรายงานว่าเป็นของชำรุดซะแล้ว มันย่อมต้องอารมณ์เสียเป็นธรรมดา


ฉินสือโอวอารมณ์เสียยิ่งกว่า เขาผิวปากเรียกบุชกลับลงมา เจ้าพวกนี้ฉลาดเกินไปแล้ว ยิ่งโตก็ยิ่งมากเรื่อง ตอนเป็นเด็กยังเล่นด้วยกันได้ ตอนนี้พออยู่ด้วยกันก็เอาแต่ตีกันทะเลาะกัน


แท้ที่จริงแล้ว ความขัดแย้งระหว่างเหล่าสัตว์เลี้ยงมาจากการต่อสู้เพื่อให้ได้รับความโปรดปราน พวกมันมีสติปัญญาโดยพื้นฐานกันทั้งนั้น ต่างก็อยากจะได้รับความรักจากฉินสือโอวกับวินนี่มากที่สุด นี่จึงเป็นที่มาของความขัดแย้ง


ต้องขอบคุณเจ้าทึ่มพวกนี้ ฉินสือโอวจึงตัดสินใจว่าจะมีลูกคนเดียวก็พอ มีลูกหลายคนยิ่งดูแลได้ยาก!


มีบางครั้งที่เหน็ดเหนื่อยจากการดูแลเหล่าสัตว์เลี้ยง ฉินสือโอวจะรู้สึกสับสนงงงวย ว่าทำไมถึงได้มีคนที่กระหายอยากจะเลี้ยงเมียน้อยกันนัก? ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ป่าเป็นร้อยเท่า แค่สัตว์เลี้ยงหลายๆ ตัวเขาก็จัดการแทบจะไม่ได้แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงล่ะก็ คงจะลำบากยิ่งกว่านี้


บุชมองตาขวางใส่หู่จือ หู่จือจึงอ้าปากเห่าอยู่ครั้งสองครั้ง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร คาดว่าถ้ามีโอกาสก็คงจะสู้กันอีกสักครั้ง


ฉินสือโอวโมโหแล้ว เขาจับพวกมันมาอยู่ด้วยกันแล้วด่าไปหนึ่งรอบ บุชกับหู่จือก้มหัวลงทันที พวกมันเล่นกับหิมะที่อยู่ตรงหน้าอย่างหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา ในที่สุดก็พากันทำตัวดีๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว


แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข การแข่งขันเปลี่ยนไปอยู่ที่ด้านอื่นแล้ว พวกมันจะแข่งกันตามหาเหยื่อ


นักอินทรีหัวขาวมีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติในด้านนี้ พวกมันบินได้อีกทั้งยังมีสายตาดีและเปิดกว้าง พอบินวนบนท้องฟ้าไปแล้วหนึ่งรอบ บุชก็บินลงมาร้องแกว๊กๆ แล้วบินไปยังทิศตะวันออกของภูเขาอีกครั้ง ต้องเห็นเหยื่อจากตำแหน่งตรงนั้นแน่ๆ


ฉินสือโอวโบกมือ ทุกๆ คนจึงตามเขาขึ้นไปด้วยความรวดเร็ว หลังจากบุชบินมาถึงตำแหน่งหนึ่งบนท้องฟ้า มันก็ไม่บินไปข้างหน้าต่อ แต่กลับบินสูงวนเวียนอยู่บนอากาศ


มาถึงตำแหน่งของเหยื่อแล้ว ฉินสือโอวดึงธนูกับลูกศรลงมาด้วยความระมัดระวัง เขาทะลุผ่านป่าสนเขียวชอุ่มผืนหนึ่งอย่างระมัดระวัง พอยื่นหัวออกมาด้านนอก เขาก็มองเห็นสัตว์ป่าฝูงใหม่ที่มีลำตัวเป็นสีขาวเทา


สัตว์เหล่านี้มีความยาวของตัวอยู่ระหว่าง 1.5 ถึง 2 เมตร สูงประมาณหนึ่งเมตร รูปร่างสูงชะลูดแต่ยังได้สัดส่วน ท่อนขาเรียวยาว เวลาวิ่งกระโดด ขนหางที่ไม่ถือว่ายาวก็จะกระดกขึ้นมา ข้างใต้หางปรากฏให้เห็นเป็นสีขาว


กวางหางขาว!


ได้เห็นกวางหางขาวบนเขาเคอร์บัล ฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างจะประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เขาเคยขึ้นเขามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเจอกวางหางขาวมาก่อนเลย เมื่อก่อนเขาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความเข้าใจที่เขามีต่อภูเขาลูกนี้ ยังถือว่าน้อยนิดนัก


กวางหางขาวเป็นกวางที่มีการกระจายพันธุ์มากที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นกวางที่มีจำนวนมากที่สุดในแคนาดา พวกมันมีขอบเขตที่อยู่อาศัยที่กว้างใหญ่มาก ตั้งแต่พื้นที่ภูมิอากาศเขตอบอุ่นจนถึงกึ่งเขตร้อน สภาพแวดล้อมกึ่งแห้งแล้ง ป่าฝนเขตร้อนและพื้นที่ในแถบเส้นศูนย์สูตรบริเวณอื่น ป่าไม้ผลัดใบ ป่าสนผสมกับป่าโอ๊ก ป่ารุ่นสอง ไม้พุ่ม ป่าทึบและพื้นที่บริเวณทุ่งหญ้าสเตปป์ต่างๆ เป็นต้น ล้วนแต่สามารถพบเห็นพวกมันได้ทั้งสิ้น


นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการปรับตัวที่แข็งแกร่งมาก ระบบนิเวศแทบจะทุกประเภทสามารถตอบสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของพวกมันได้ รวมถึงทุ่งหญ้า เขตภูเขา ป่าทึบ ป่าสน ป่าฝนเขตร้อน ทะเลทราย จนถึงกระทั่งป่าในพื้นที่เกษตรกรรม


พบเห็นกวางหางขาวในเกาะแฟร์เวลไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เพราะพวกมันก็เหมือนกันกับกวางอูฐ คือสามารถว่ายน้ำได้ กวางตัวผู้ที่มีพละกำลังอยู่เต็มเปี่ยม จะสามารถว่ายน้ำเพื่อไปขึ้นเกาะได้ไกลถึงสี่สิบห้าสิบกิโลเมตรในหนึ่งครั้ง


เมื่อมองเห็นขนาดและลักษณะของฝูงกวางได้อย่างชัดเจนแล้ว ฉินสือโอวก็เข้ามาในป่าที่อยู่ด้านหลัง เรียกทุกๆ คนให้เข้ามาวางแผนล้อมจับ


บทที่ 856 ล่าสัตว์อย่างง่ายๆ

Ink Stone_Fantasy

 


แอร์แบ็คพูดว่า “ฝูงกวางหางขาวขนาดกลาง มีกวางใหญ่อยู่ทั้งหมด 21 ตัวกับกวางเล็กอีก 8 ตัว ตอนนี้พวกมันกำลังขุดหิมะหาหญ้ากิน ตำแหน่งที่เลือกเปิดกว้างเกินไป ถ้าจะโอบล้อมโจมตีคงไม่ง่ายดายนัก”


เบิร์ดไตร่ตรองดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “หรือพวกเราจะเลือกลูกกวาง แล้วไม่ต้องฆ่ากวางใหญ่ ใช้แค่ธนูกับปืนไฟฟ้าจับลูกกวางมาแปดตัว แล้วเอาพวกมันมาเป็นเหยื่อล่อ เชื่อได้เลยว่ากวางทั้งฝูงต้องติดกับพวกเราอย่างแน่นอน”


แผนปฏิบัติการเหล่านี้เป็นเรื่องของเหล่าทหารรับจ้าง พวกชาวประมงนั่งยองๆ ฟังอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว


ฉินสือโอวกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรือเปล่า? ต้องให้โอกาสพวกมันได้แพร่พันธุ์บ้าง พวกเราฆ่ากวางใหญ่สักสองสามตัว เลี้ยงลูกกวางอีกสักสามตัวก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”


นีลเซ็นพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “นี่คือกวางหางขาวนะ บอส น่ากลัวว่าจะมีจำนวนมากกว่าคนทั้งแคนาดาเสียอีก ปีที่แล้วรัฐบริติชโคลัมเบียยังจ้างมือปืนซุ่มยิงให้ฆ่าเจ้าพวกนี้อยู่เลย ดังนั้นพวกเราไม่ต้องกังวลไปหรอกครับว่าฝูงกวางจะสูญพันธุ์”


ฉินสือโอวตรึกตรองอยู่สักพัก จากนั้นจึงบอกว่าแล้วแต่พวกนายเลยก็ได้ แต่เขายังยืนยันที่จะแนะนำว่าไม่ให้โจมตีฝูงกวางแบบถอนรากถอนโคน


เหล่าทหารรับจ้างเข้ามาปรึกษากันใกล้ๆ อยู่สักครู่ พวกเขาพากันเปลี่ยนกระสุนปืนเป็นกระสุนยาสลบทั้งหมด แบล็คไนฟ์จะพาหู่จือกับเป้าจือข้ามไป ให้สุนัขทั้งสองตัวเข้าไปซ่อนตัวอยู่สักครู่ จากนั้นก็ไล่ต้อนจากทางด้านข้าง


แบบนี้จะทำให้กวางใหญ่ตกใจจนหนีไป แล้วไล่ต้อนลูกกวางไปยังที่วงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา หนึ่งคนต่อกวางหนึ่งตัว ตกลงกันได้ไม่มีปัญหาติดขัดอะไร


หู่จือกับเป้าจือกะพริบตาสีดำๆ เล็กๆ อย่างมึนงง แค่แป๊บเดียวก็เข้าใจเรื่องการจัดวางของแบล็คไนฟ์ จึงแบ่งเป็นสองทางแล้วหายตัวเข้าไปในป่าอย่างเงียบเชียบ


ฉงต้าก็อยากตามไปเหมือนกัน แต่ฉินสือโอวไปจับมันกลับมา เจ้านี่มีเสียงเวลาเคลื่อนไหวที่ดังเกินไป จะทำให้ฝูงกวางรู้ตัวได้ง่ายๆ


กวางหางขาวเป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไวมาก พวกมันมีนิสัยขี้ขลาดโดยธรรมชาติ แค่มีลมพัดหญ้าขยับพวกมันก็พากันวิ่งหนีแล้ว


นี่เป็นข้อมูลที่ฉินสือโอวรู้มาจากช่องรายการวิทยาศาสตร์ในทีวี


ฝูงกวางกำลังกินหญ้าอยู่ท่ามกลางพื้นที่ป่าเปิดใต้ตีนเขา มีพื้นที่ว่างประมาณสี่ห้าหมู่ กวางตัวใหญ่ใช้อุ้งเท้าขุดกองหิมะออก พอหาหญ้าที่ยังถือว่ายังสดนุ่มอยู่ก็กินเข้าไปอย่างช้าๆ ดูท่าทางผ่อนคลาย


หู่จือกับเป้าจือวิ่งมาถึงตำแหน่งตรงเนินบนภูเขาอย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นจึงแผดเสียงคำรามออกมา สุนัขทั้งสองตัววิ่งพล่านออกมาพร้อมกัน แล้วเริ่มการโจมตีจากทั้งทางซ้ายและขวา


เหมือนกับที่ทุกๆ คนคาดการณ์ไว้ พอสุนัขล่าสัตว์บุกออกไป ฝูงกวางก็ตกใจกลัวอย่างหนัก ลูกกวางร้อง ‘โยวๆ’ รวมตัวเข้าหากันด้วยความตื่นตระหนก ส่วนพวกกวางตัวโตก็สะบัดกีบเท้าวิ่งหนีไป


ด้วยความที่หู่จือกับเป้าจือกำลังประลองฝีมือกับบุชอยู่ ดังนั้นเมื่อต้องลงมือพวกมันก็หยิบเอาพลังของสุนัขคลั่งออกมาใช้ เห่าโฮ่งๆ พร้อมกับทำท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความดุร้าย ใช้แรงกำลังบุกเข้าไปหาฝูงกวางดุจลมในฤดูใบไม้ร่วงที่กวาดใบไม้ไปจนหมดสิ้น


พวกกวางใหญ่ตื่นตระหนกตกใจ จนวิ่งหนีเตลิดไปยังทั่วทุกสารทิศ ระหว่างชั่วเวลานั้นก็ลืมพวกลูกกวางที่อยู่ด้านหลัง


หู่จือเป้าจือไม่ได้ตามไปจัดการกวางใหญ่ที่วิ่งหนีไป แต่ไล่ต้อนลูกกวางจากปีกทั้งสองด้าน ขับไล่ฝูงลูกกวางไปยังทางลาดตรงตีนเขา


พวกลูกกวางไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกับกวางใหญ่ จึงไม่รู้ว่าเวลาวิ่งหนีต้องพากันแยกย้ายกระจายตัวไป ตัวหนึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด ตัวอื่นๆ ที่เหลือก็วิ่งตามก้นมาทางด้านหลัง พากันวิ่งลงมาเหมือนผึ้งแตกรัง


เหล่าทหารรับจ้างมาดักรอซุ่มโจมตีอยู่ตั้งนานแล้ว ซุ่มรอลูกกวางเป็นรูปใบพัด พวกเขาแบ่งจำนวนคนไว้เรียบร้อยแล้ว และจะยิงปืนออกไปตามลำดับก่อนหลัง


จากระยะห่างประมาณสิบกว่าเมตร ด้วยทักษะการยิงปืนที่แม่นยำของเหล่าทหารรับจ้าง บวกกับที่บรรดาลูกกวางไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางขณะที่กำลังวิ่งได้ ทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้าอย่างทึ่มๆ เท่านั้น ดังนั้นเสียงปืนก้องกังวานจึงดังขึ้นติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย


หลังจากโดนยิง ลูกกวางตัวที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุดก็เริ่มโงนเงน กระสุนยาสลบไม่ได้ออกฤทธิ์เลยทันที มันวิ่งต่อไปได้อีกสิบกว่าเมตร หลังจากนั้นฝีเท้าของมันถึงจะเริ่มซวนเซ ท้ายที่สุดขาทั้งสี่ข้างก็ล้มลงไปบนพื้นหิมะ


เริ่มตั้งแต่ลูกกวางตัวที่วิ่งนำหน้าล้มลง ลูกกวางที่อยู่ทางด้านหลังก็ทยอยกันล้มลงอย่างต่อเนื่อง กระสุนยาสลบมีปริมาณยาไม่มาก พวกมันแค่ลุกขึ้นยืนไม่ได้เท่านั้น แต่ยังมีสติอยู่ จึงร้อง ‘โยวๆ’ พร้อมกับพยายามลุกขึ้นมา ทว่าขาทั้งสี่ข้างกลับอ่อนแรง ลุกยังไงก็ไม่ขึ้น


เหล่าทหารรับจ้างนำเชือกเข้าไปมัดลูกกวางไว้ ในตอนนี้ ณ ท้องทุ่งบนหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงปืนก้องกังวานดังขึ้นมา


ฉินสือโอวเงยหน้ามองพร้อมกับพูดว่า “ใครมันโชคดีขนาดนั้นกันนะ?”


ที่พวกเขาพบฝูงกวางได้เร็วขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะมีหน่วยสอดแนมที่ยอดเยี่ยมอย่างบุชอยู่ เมื่ออยู่บนภูเขามันเป็นทหารสอดแนมที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าเรดาร์เสียอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่จะหาฝูงสัตว์ป่าในพื้นหิมะบนภูเขาร้างได้


ความตื่นตัวของสัตว์ป่าเหนือชั้นกว่าพวกมนุษย์ และนอกจากตอนล่าอาหารแล้ว พวกมันจะใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบสงบ เมื่อสัมผัสได้ถึงความอันตรายก็จะรีบวิ่งหนีไปตั้งแต่ช่วงแรกๆ ดังนั้นจึงเหลือโอกาสให้คนได้ยิงปืนไม่มาก


แบล็คไนฟ์ลองฟังเสียงแล้วจึงส่ายหัวพูดว่า “ไม่ใช่ บอส นี่เป็นเสียงปืนที่ยิงขึ้นฟ้า พวกเขาน่าจะไม่เจอเหยื่อ ยกเว้นเสียแต่ว่าอยากจะยิงนก”


พอพูดจบ นกคาร์ดินัลแดงสองตัวก็บินมาถึงเหนือศีรษะของพวกเขา ร้องจิ๊บๆ จิ๊บๆ อยู่ครั้งสองครั้ง เผยในหน้าเล็กๆ ที่กำลังโมโหออกมา แล้วจึงบินหนีไปอีกครั้ง


ฉินสือโอวเคยคิดที่จะเลี้ยง ‘แอ็งกรีเบิร์ด’ ชนิดนี้สักสองตัว แต่ต่อจากนั้นก็อ่านเจอว่านกคาร์ดินัลแดงมีสติปัญญาต่ำมาก เลี้ยงนกชนิดนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉินสือโอวจึงปล่อยผ่านความคิดเรื่องนี้ไป


นีลเซ็นผูกเงื่อนให้ลูกกวางไปพร้อมกับพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “หรือพวกเขาจะอยากล่านกน้อยพวกนี้?”


ฉินสือโอวหยิบวิทยุสื่อสารออกมาหาคลื่นความถี่ เชื่อมต่อกับฟาร์มปลา บอกตำแหน่งให้บูลที่ยังอยู่ที่ฟาร์มปลาได้รู้ เพื่อให้เขาพาคนกับรถมาเอาลูกกวางไป


บูลตอบรับ เขาบอกหมายเลขคลื่นความถี่วิทยุช่องหนึ่งกับฉินสือโอว บอกว่านี่เป็นคลื่นความถี่สำหรับการล่าสัตว์บนภูเขา ก่อนหน้านี้ฮิวจ์เข้ามาสมัครไว้ให้ แต่เขาลืมบอกฉินสือโอว


พอฉินสือโอวเชื่อมต่อกับคลื่นความถี่ เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังขึ้นมา “…เอ้อ เซ็ท เมื่อกี้ใครเป็นคนยิงปืน? กวางเรนเดียร์ดีๆ ของฉันตัวหนึ่ง เพิ่งจะหามันเจอ ก็ดันตกใจจนวิ่งหนีไปแล้ว!”


“ไม่ คาเมรอน ไอ้เวร แกพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้วแน่ๆ! แกหากวางเรนเดียร์ไม่เจอ แกล่าสัตว์ไม่เป็น!”


“เสียงปืนครั้งที่สองคือเสียงที่ฮิวจ์เป็นคนยิง เขากับเมลเลนมาป่วน…”


“แล้วเสียงปืนครั้งแรกล่ะ? ฉันได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาตั้งหลายนัด มีคนหาหมูป่าหรือไม่ก็กวางเจอแล้วเหรอ?”


ฉินสือโอวกระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “เฮ้ เพื่อน ฉันเอง ฉิน เมื่อกี้พวกเราจับลูกกวางหางขาวมาได้หลายตัวเลย…”


“อะไรนะ? นายพูดว่ากวางหางขาวเหรอ? อ้อ เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งเจอฝูงเล็กๆ เหมือนกัน เจ้าพวกนี้แม่งฉลาดกันจริงๆ ฉันเพิ่งจะเห็นก้นมันไวๆ พวกมันก็พากันแอบหนีไปแล้ว…”


“ฝูงกวางหางขาวลงมาตั้งแต่เมื่อไร? ฉันจำได้ว่าส่วนมากพวกมันจะซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาไม่ใช่เหรอ?”


“ไม่ต้องสงสัยเลย พวกมันคงจะรู้ล่วงหน้าว่าปีนี้จะมีพายุหิมะ เลยลงมาหาอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติ”


ฉินสือโอวยักไหล่พร้อมกับฝืนยิ้มเจื่อนๆ เขากดปิดวิทยุสื่อสาร ข้างในมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันเรื่องไร้สาระ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ


จับกวางมาได้หนึ่งฝูง ฉินสือโอวจึงให้แซ็กนั่งกอดปืนรอพวกบูลมาเอาลูกกวางกลับไป พวกเขายังต้องเดินลึกเข้าไปอีก การล่าสัตว์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น


เมื่อมีบุชกับนิมิตส์ กิจกรรมการล่าสัตว์จึงง่ายดายยิ่งกว่าเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ ไม่ทันไรบุชก็บินกลับมาแล้ว มันร้องแกว๊กๆ อยู่ด้านบนเหนือศีรษะของฉินสือโอวอยู่สักครู่ หลังจากนั้นก็นำทางพวกเขาให้เดินไปทางทิศตะวันออกต่อ


แบล็คไนฟ์กับแอร์แบ็คหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาเดินนำเป็นกองหน้า ทั้งสองคนติดตามการนำทางของบุชที่กำลังมุ่งไปด้านหน้าด้วยความระมัดระวัง ขณะที่เข้าสู่ป่าผืนเล็กบนเนินลาดเอียง แบล็คไนฟ์ก็วิ่งกลับมา แล้วพูดว่า “ครั้งนี้เป็นกวางแดง กวางตัวผู้หนึ่งตัวพากวางตัวเมียมาอีกสี่ตัว”


บทที่ 857 หู่เป้าล่ากวางตัวผู้

Ink Stone_Fantasy

สำหรับการล่าสัตว์ กวางแดงเป็นสัตว์ที่ยอดเยี่ยมมาก พรานทุกคนที่ขึ้นเขามาล่าสัตว์ ล้วนแต่หวังว่าตัวเองจะได้พบกวางแดงกันทั้งนั้น


ร่างกายทุกส่วนทั่วทั้งตัวของกวางชนิดนี้ล้วนแต่เป็นของมีค่า สามารถนำเขาอ่อน ตัวอ่อนของลูกกวาง อัณฑะกวาง หางและเส้นเอ็นของกวางไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายที่โด่งดังล้ำค่า สามารถขายได้ในราคาสูง


แน่นอนว่าส่วนอื่นๆ ของกวางแดงก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ในบรรดาสัตว์วงศ์กวาง มีเพียงกวางอูฐเท่านั้นที่มีขนาดใหญ่กว่าพวกมัน กวางแดงมักจะมีร่างกายขนาดใหญ่และมีเนื้อเยอะ เนื้อเปี่ยมไปด้วยพลังงาน มีไขมันหนาแน่น เบอร์เกอร์เนื้อกวางที่เป็นที่นิยมของตลาดอเมริกาเหนือ เนื้อกวางชั้นยอดก็คือเนื้อกวางแดงนั่นเอง


นอกจากนี้กวางตัวผู้ยังมีเขาขนาดใหญ่ โดยทั่วไปแล้วมักจะแบ่งเป็น 6 ง่าม มากสุด 8 ง่าม ซึ่งเป็นของตกแต่งที่ไม่เลวเลย


เมื่อได้ยินว่าข้างหน้ามีฝูงกวางอยู่ ทุกๆ คนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที พอแบล็คไนฟ์โบกมือ หู่จือกับเป้าจือก็แบ่งกันเป็นสองทางวิ่งพล่านออกไปอย่างเงียบเชียบ


ได้เห็นแบบนี้ ทริกเกอร์จึงเอ่ยปากชมว่า “เป็นหมาที่ดีจริงๆ ฉันกล้าพนันได้เลยว่า ถ้ามีครูฝึกสุนัขฝีมือดีมาช่วยฝึกหู่จือกับเป้าจือสักหน่อย พวกเขาจะต้องกลายเป็นสุนัขทหารระดับสูง เป็นสุนัขทหารชั้นหนึ่งมูลค่าหลายแสน!”


ฉินสือโอวกับเหล่าทหารรับจ้างเข้าใกล้ฝูงกวางด้วยความระมัดระวัง ยังมีช่วงระยะห่างสั้นๆ ที่ไม่กล้าเดินเข้าไปข้างหน้าต่อแล้ว กวางแดงก็เหมือนกับกวางหางขาว นิสัยไหวพริบปฏิภาณเฉียบแหลม วิ่งได้รวดเร็ว โสตประสาทและการดมกลิ่นไว หากพวกมันสังเกตได้ถึงอันตราย ก็จะหนีไปอย่างไร้ร่องรอยทันที


แบล็คไนฟ์ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดูอยู่สักพัก จากนั้นก็ดึงตัวกลับมาพูดกับฉินสือโอวเสียงเบาว่า “บอส แม่กวางกำลังตั้งท้องอยู่!”


ฉินสือโอวหยุดชะงัก เขาหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู กวางตัวผู้ขนาดความยาวกว่าสองเมตรสูงเกือบเมตรครึ่งกำลังมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ส่วนกวางตัวเมียอีกสี่ตัวที่มีขนาดเล็กกว่าก็กำลังใช้กีบเท้าขุดเปิดกองหิมะเพื่อหาอะไรกิน


บางครั้งบางคราว กวางตัวผู้จะก้มหัวลงแล้วใช้เขาแปดง่ามขนาดใหญ่แยกกองหิมะหนาออกบางส่วน เมื่อหาหญ้าเขียวเจอก็จะให้แม่กวางกิน ส่วนตัวมันแค่ยืนมองอยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปแย่งอาหารมากิน


หลังจากหิมะตกหนัก อาหารจึงขาดแคลน กวางแดงเป็นสัตว์ที่ย่อยอาหารได้เร็วมาก วันทั้งวันจึงเอาแต่เก็บรวบรวมอาหาร กวางตัวผู้ตัวนี้น่าจะหิวมาสักพักแล้ว หนังท้องแห้งจนแฟบ แต่ท้องของกวางตัวเมียกลับนูนขึ้นมาเล็กน้อย มีสองตัวที่ส่วนล่างของท้องปูดนูนออกมา


แบล็คไนฟ์ชี้ให้ฉินสือโอวดูพร้อมกับพูดว่า “กวางตัวเมียที่ข้างบนหัวมีจุดสีขาวและตัวใหญ่ที่สุดสองตัวนั้น พวกมันกำลังตั้งท้องอยู่”


ตัวอ่อนกวางเป็นยาบำรุงกำลังที่ล้ำค่ามากชนิดหนึ่ง แต่ฉินสือโอวคิดว่าของพวกนี้ก็เหมือนหูฉลามกับรังนก ต่างก็เป็นของที่ไม่ควรนำขึ้นโต๊ะมาเป็นอาหารของมนุษย์


โดยทั่วไปแล้วเวลาล่าสัตว์ชาวแคนาดาจะไม่ฆ่าแม่สัตว์ที่มีลูกติดมาด้วยหรือสัตว์ที่กำลังตั้งท้องอยู่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแคนาดามักจะเกิดเหตุการณ์จำนวนกวางป่า หมูป่า นกป่าล้นทะลัก แม่พันธุ์สัตว์เป็นต้นตอที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้


ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาโบกมือปัดให้แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ พร้อมกับพูดเสียงเบาว่า “ช่างเถอะ ปล่อยกวางฝูงนี้ไป แล้วบอกในวิทยุสื่อสาร ให้ทุกๆ คนระวังหน่อย”


ทว่าเขาตัดสินใจช้าไปเกินไป  ในตอนนี้หู่จือกับเป้าจือไปถึงด้านหลังของฝูงกวางแล้ว พวกมันร้องเห่าพร้อมกับกระโดดออกไป คิดจะไล่ต้อนฝูงกวางให้วิ่งไปยังที่ที่ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ดักรอซุ่มโจมตีอยู่


ก่อนหน้านี้พอกวางหางขาวได้ยินเสียงสุนัขเห่าก็พากันวิ่งหนีแล้ว หู่จือกับเป้าจือจึงประมาทคู่ต่อสู้ นึกว่ากวางแดงจะขี้ขลาดเหมือนกัน


กวางแดงไม่นับว่าขี้ขลาดเลยจริงๆ พวกมันไม่ใช่ดอกบัวขาวที่จะปล่อยให้ใครต่อใครมาข่มเหง ศัตรูทางธรรมชาติในวันธรรมดาๆ ของพวกมันมีอะไรบ้างน่ะเหรอ? หมี เสือดาว หมาป่า แมวป่า ไม่มีตัวไหนที่ไม่ใช่สัตว์ร้าย ดังนั้นในบรรดาสัตว์วงศ์กวาง นิสัยของพวกมันย่อมต้องอยู่เหนือสุด


โดยเฉพาะกวางตัวผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตมีพละกำลังแข็งแกร่ง ทั้งยังมีเขาเป็นอาวุธ เวลาเกิดอาการกำหนัดพวกมันสามารถชนต้นไม้หนาเท่ากับข้อมือเด็กให้หักได้ในครั้งเดียว นอกเสียจากว่าจะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ดุร้ายเป็นพิเศษจนไร้ซึ่งความหวังที่จะเอาชนะอย่างหมีสีน้ำตาล นอกจากนั้นต่อให้เป็นหมาป่าเดียวดาย พวกมันก็กล้าสู้


ขนาดตัวของหู่จือกับเป้าจือไม่ถือว่าใหญ่ ถึงแม้ว่าพละกำลังของพวกมันจะแข็งแกร่งมาก ทว่ากวางตัวผู้ตัวนี้มีแม่กวางที่กำลังตั้งท้องให้ต้องปกป้อง ทำให้มันมีจิตใจมุ่งมั่นที่จะสู้สุดชีวิต กดเขาใหญ่แข็งแรงของมันลงไปบนพื้น กีบเท้าหน้าขุดกองหิมะบนพื้นขณะที่กำลังหอบหายใจจนส่งเสียงฮืดฮาดออกมา มันจ้องมองสุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวอย่างมุทะลุดุดัน


เมื่อเห็นว่าเหยื่อจะใช้หัวขวิดพวกมันโดยไม่ได้คาดคิด หู่จือกับเป้าจือก็รู้สึกโมโหขึ้นมา กวางตัวเมียตกใจจนไปหลบอยู่ด้านหลังกวางตัวผู้ เมื่อเป็นเช่นนี้คู่ต่อสู้ของแลบราดอร์จึงมีแค่กวางหนุ่มตัวเดียวแล้ว


ไม่จำเป็นต้องไล่ต้อน หู่จือโอมล้อมเข้าไปจากด้านข้าง ส่วนเป้าจือก็ดึงดูดความสนใจจากกวางตัวผู้อยู่ทางด้านหน้า คาดไม่ถึงว่าสุนัขทั้งสองตัวจะจัดการกวางแดงขนาดใหญ่แข็งแรงกำยำมีพละกำลังตัวนี้ด้วยตัวของพวกมันเอง


เป้าจือลดจุดรับน้ำหนักของร่างกายให้ต่ำลง ขนสีทองอร่ามกระเจิงขึ้นมาเหมือนหนามแหลม ร้องคำรามส่งเสียงฮึ่มฮั่มออกมาจากในลำคอ มันค่อยๆ เข้าใกล้กวางตัวผู้อย่างช้าๆ ส่วนหู่จือก็วิ่งมาทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว มันนั่งลงบนพื้นหิมะอย่างเงียบสงบ เหมือนกับกำลังรอดูละคร


แบล็คไนฟ์กลัวพวกมันสองตัวจะเสียเปรียบ กวางตัวหนุ่มนี้น่าจะหนักสักสองร้อยกว่ากิโล หมาแลบราดอร์สองตัวรวมกันแล้วก็หนักแค่หกสิบเจ็ดสิบกิโลกรัมเท่านั้น น้ำหนักไม่ได้อยู่บนเส้นมาตรฐานโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงจะผิวปากเรียกหมาแลบราดอร์กลับมา


ฉินสือโอวโบกมือปัดบอกเป็นนัยว่าไม่เป็นไร ให้หู่จือกับเป้าจือได้ฝึกทักษะด้านการล่าสัตว์สักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ปล่อยให้สุนัขทั้งสองตัวได้เล่นกันสักพัก รออีกเดี๋ยวค่อยปล่อยฝูงกวางแดงไป


อีกอย่าง หู่จือกับเป้าจือจ้องกวางตัวผู้ไว้ไม่ใช่แม่กวางที่กำลังตั้งท้อง เหลือกวางตัวผู้ตัวนี้ไว้ก็ไม่มีปัญหา


เป้าจือกำลังส่งเสียงและทำท่าทางคุกคามทุกรูปแบบอยู่ทางด้านหน้า เดิมทีกวางหนุ่มยังคอยระวังหู่จือที่อยู่ด้านข้างไปพร้อมๆ กัน แต่ปรากฏว่าพอหู่จือนั่งนิ่งๆ อยู่บนพื้นโดยตลอด ความสนใจของมันจึงถูกเป้าจือดึงดูดเอาไว้ทั้งหมด


ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันมาสองนาทีแล้ว เป้าจือบางครั้งก็คำรามเสียงต่ำบางครั้งก็ลองหยั่งเชิงวิ่งไปข้างหน้าสองก้าว แต่พอกวางตัวผู้ยกเขาขึ้นมา มันก็จะกลับเข้าไป ท่าทางเหมือนกับไม่รู้จะจัดการกับกวางตัวผู้ยังไงดี


เช่นนี้เมื่อเป้าจือลองหยั่งเชิงอยู่หลายครั้ง ความระแวดระวังของกวางตัวผู้ก็เริ่มต่ำลงแล้ว


ในตอนนี้เอง หู่จือที่นั่งยองอยู่บนพื้นมาโดยตลอดก็เริ่มออกโจมตีแล้ว มันโจมตีเหมือนสายฟ้าฟาด เมื่อยังไม่ออกโจมตีก็อยู่อย่างเงียบสงบแต่เมื่อเริ่มโจมตีก็รวดเร็วเหมือนกระต่ายติดปีกบิน เห็นเพียงอุ้งเท้าของมันที่ไถลไปบนพื้น ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะลอยละล่อง ลูกศรแหลมคนสีเหลืองก็เสียงร้องคำรามแล้วพุ่งออกไป!


เดิมทีหู่จืออยู่ห่างจากกวางตัวผู้ประมาณสิบห้าสิบหกเมตร ใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีก็พุ่งเข้ามาใกล้แล้ว ในตอนนี้กวางหนุ่มเพิ่งจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา มันคิดหมุนตัวกลับอย่างลุกลี้ลุกลน ทว่าก็สายไปแล้ว หู่จือลอยตัวสูงกระโดดขึ้นไปในอากาศ ชนเข้ากับคอของกวางหนุ่มอย่างจัง!


กวางหนุ่มร้องออกมาหนึ่งครั้งแล้วจึงล้มลงไป ขาทั้งสี่ข้างของหู่จือเหนี่ยวเกาะคอของกวางหนุ่มไว้อย่างมั่นคง มันอ้าปากงับหลอดลมของกวางหนุ่มไว้อย่างโหดเหี้ยม พร้อมทั้งกดมันลงไปกับพื้น!


เป้าจือที่อยู่ด้านหน้าหลังรอจนหู่จือกระโดดขึ้นมาแล้วถึงเริ่มลงมือ มันวิ่งมาทางด้านหลังแล้วกัดขาหลังของกวางหนุ่มเข้าไปหนึ่งครั้ง ร่วมมือกับหู่จือกดกวางหนุ่มไว้ทั่วทุกด้าน


ทหารรับจ้างที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ส่งเสียงร้องตกใจออกมา แบล็คไนฟ์พูดด้วยความรู้สึกประหลาดใจว่า “พระเจ้า! นี่คือเทคนิคการล่าอาหารของสิงโตกับเสือชีตาห์! ทำไมหมาแลบราดอร์ถึงล่าสัตว์ด้วยวิธีแบบนี้ได้? มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”


ฉินสือโอวรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาชอบดูสารคดีทางธรรมชาติ บางครั้งหู่จือกับเป้าจือก็จะดูพร้อมกันกับเขาด้วย ในทีวีมักจะมีฉากการล่าเหยื่อของสิงโตและเสือชีตาห์ในทุ่งหญ้าแอฟริกา คาดว่าเจ้าสองตัวนี้คงจะเรียนมาจากในนั้น


แต่ถึงยังไงหมาแลบราดอร์ก็ไม่ใช่สิงโตกับเสือชีตาห์ พวกมันมีขนาดร่างกายเล็กเกินไป พละกำลังไม่มากพอ คิดว่าคงจะจับกวางแดงตัวโตที่มีความได้เปรียบเรื่องน้ำหนักโดยสิ้นเชิงแบบนี้ได้ยาก หากกวางแดงดิ้นขึ้นมา พวกมันอาจจะยังเสียเปรียบอยู่


ดังนั้น ฉินสือโอวจึงผิวปากอย่างรีบร้อน แล้วตะโกนเรียกหู่จือเป้าจือกลับมา เปิดโอกาสให้ฝูงกวางได้หนีไป


บทที่ 858 พวกนายมาพักผ่อนวันหยุดเหรอ

Ink Stone_Fantasy

ได้ยินเสียงผิวปาก หู่จือกับเป้าจือจึงปล่อยกวางหนุ่มแล้ววิ่งกลับไปอยู่ข้างหน้าทุกๆ คนด้วยความรวดเร็ว


ฉินสือโอวคิดว่าปล่อยพวกมันหนีไปแบบนี้ก็พอแล้ว ทว่ากวางแดงตัวเมียโง่เกินไป คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะไม่รู้ว่าตัวเองควรหนีไป แต่กลับหลบอยู่ข้างๆ รอกวางหนุ่มด้วยตัวที่กำลังสั่นเทิ้ม ตอนนี้หู่จือเป้าจือออกมาแล้ว พวกมันจึงวิ่งกลับมาอยู่ตรงหน้ากวางตัวผู้อีกครั้ง


กวางหนุ่มยืดคอ นอนหอบหายใจ ‘ฮืดฮาดๆ’ อยู่กับพื้น อากาศหนาวเย็น หมอกควันสีขาวสองสายถูกพ่นออกมาจากรูจมูก เหมือนรถไฟที่ดึงหวูดปล่อยควันรถออกมา


ทว่ากวางหนุ่มกลับไม่ได้ลุกขึ้นมา มันพักอยู่สักครู่ดิ้นรนอยู่สักพัก ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงหมอบตัวครึ่งหนึ่งอยู่บนพื้น


ฉินสือโอวที่กำลังลูบหลังหู่จือกับเป้าจือรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ เขาเลยจะเดินไปตรวจดูสักหน่อย พอกวางตัวเมียเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ก็ตื่นตระหนกตกใจจนวิ่งเตลิดไป พวกมันไม่ได้วิ่งไปไหนไกล แต่กลับมองดูคนกลุ่มนี้อยู่ที่ริมป่าลึกเท่านั้น


แบล็คไนฟ์ยักไหล่พูดว่า “ผมว่า กวางตัวเมียพวกนี้น่าจะถูกสัตว์ป่าโจมตีอยู่บ่อยๆ แล้วกวางตัวผู้ปกป้องพวกมันไว้ ดังนั้นพวกมันเลยไม่กล้าหนีกวางตัวผู้ไปไหน”


ฉินสือโอวนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ กวางตัวผู้ เขาลองพลิกดูตัวกวางหนุ่ม เมื่อสักครู่ตอนที่หู่จือกระโดดชนมันล้ม ทำให้กระดูกขาหน้าของมันหักข้างหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงลุกไม่ขึ้น


พละกำลังในการโจมตีของหู่จือแข็งแกร่งเกินไป ในระหว่างขั้นตอนการเจริญเติบโตของมัน ทุกครั้งที่อาบน้ำฉินสือโอวจะเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มันบางส่วน พวกมันจึงแข็งแรงกำยำกว่าใคร มีการระเบิดพลังของร่างกายที่แตกกันออกไปโดยสิ้นเชิง


ในภาษาจีนกวางแดงถูกเรียกว่ากวางม้า ในเมื่อมีคำว่า ‘ม้า’ อยู่ นั่นย่อมบอกได้ชัดว่าสัตว์ชนิดนี้ต้องมีจุดที่เหมือนกันกับม้า


ม้าป่าขนาดเวลานอนก็ยังยืนนอน มีคนบอกว่าเป็นเพราะการระมัดระวังตัวของพวกมัน แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด ยังมีสาเหตุส่วนหนึ่งคือ ม้ามีน้ำหนักตัวมากเกินไป ขาทั้งสี่ข้างผอมสูงลีบเล็กเกินไป หลังจากนอนลงไปแล้วจะลุกขึ้นมาเองได้ยาก นอกจากนี้น้ำหนักตัวที่มีอยู่มากของม้ายังกดทับขาทั้งสี่ข้างจนเกิดอันตรายได้ง่าย


กวางแดงถูกพุ่งชนจนล้มลงแบบนี้ คาดว่าขณะที่ล้มลงขาหน้าข้างหนึ่งคงจะลื่น เลยล้มลงแบบนี้


เนื่องจากครั้งนี้ต้องนำลูกกวางและลูกหมูป่ากลับไปด้วย ดังนั้นฉินสือโอวจึงพกยากับผ้าพันแผลบางส่วนมาด้วย เพื่อเตรียมการป้องกันไม่ให้ลูกกวางกับลูกหมูป่าได้รับบาดเจ็บในระหว่างขั้นตอนการจับ


เขาเรียกอีวิลสันเข้ามา แบล็คไนฟ์หยิบผ้าพันแผลกับยาพ่นรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกออกมาจากในกระเป๋าสะพาย เพื่อช่วยรักษากวางอย่างง่ายๆ จากนั้นจึงใช้มีดทหารตัดไม้มาสองท่อน แล้วพันไว้บนขาของกวางหนุ่มข้างที่ได้รับบาดเจ็บ ผ่านไปสักระยะก็จะฟื้นสู่สภาพเดิมได้


กวางตัวผู้คงจะอยู่บนภูเขาต่อไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวติดต่อผ่านวิทยุสื่อสาร ให้พวกบูลข้ามมาพากวางหนุ่มกลับไปกับพวกเขา ส่วนกวางตัวเมีย ก็ปล่อยให้พวกมันไปหาที่อยู่เองก็พอ


ครั้งนี้ใช้สมองไปอย่างหนักแต่กลับไม่สามารถจับกวางได้ ฉินสือโอวรู้สึกเซ็งอยู่หน่อยๆ จึงพาทุกคนเดินทางต่อ


บุชบินอยู่บนท้องฟ้าได้สิบกว่านาทีก็ค้นพบอะไรบางอย่างอีกครั้ง พอฉินสือโอวพาคนเข้าไปดู ก็พบว่าครั้งนี้ไม่ใช่แม่กวาง แต่เป็นหมูป่ากับลูกหมูป่าขนาดค่อนข้างใหญ่หกตัวที่กำลังพากันใช้ฟันฉีกเปลือกต้นไหซู่กิน


หมูป่ามีลักษณะการกินที่หลากหลายมาก พวกมันสามารถกินหญ้า ใบไม้ กินเนื้อหรือปลาได้ และเมื่อหิวก็กินเปลือกไม้ได้ ไม่แตกต่างกับผู้คนในยุคข้าวยากหมากแพงเท่าไรนัก


พอฉินสือโอวโบกมือ เหล่าทหารก็กระจายกำลังกันออกไป แบล็คไนฟ์ถามความคิดเห็นของเขา จากนั้นจึงบอกกับทุกๆ คนว่า “ฆ่าหมูป่าตัวใหญ่ เหลือลูกหมูป่าเอาไว้!”


หมูป่าที่มีลูกติดมาด้วยจะมีความดุร้ายมาก หากไม่ระวังอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่พวกมันกำลังหิวอยู่ แม้กระทั่งดวงตายังเป็นสีแดง มันสามารถกินคนได้เลย


หมูป่าตัวใหญ่ให้ฉินสือโอวเป็นคนจัดการ ส่วนลูกหมูป่าแบ่งให้บรรดาทหารรับจ้างที่ถือปืนยิงยาสลบอยู่ในมือจัดการ ฉินสือโอวง้างธนูคอมพาวด์ หู่จือเป้าจือยังออกโจมตีอยู่เหมือนเดิม คราวนี้ฉงต้าก็เข้าร่วมด้วย แต่หมูป่าก็ไม่กลัวหมีน้ำตาลขนาดกลางหรอก


พอหู่เป้าฉงสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัววิ่งออกไป หลัวปอเองก็วิ่งตามออกไปเหมือนกัน มองเมินหมูป่าตัวใหญ่ มันจัดการเจ้าตัวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ที่มันเล็งไว้คือลูกหมูป่าตัวหนึ่งต่างหาก หลังจากวิ่งออกไปมันก็ลากเสียงจากลำคอร้อง ‘อาฮู้วๆ’ ออกมา หลังจากนั้นจึงโผเข้าใส่ลูกหมูป่า


ปรากฏว่า เมื่อเห็นพวกมันปรากฏตัวขึ้น หมูป่าตัวใหญ่ก็หันหัวกลับไปโดยพลัน ขนบนแผงคอมีทั้งดินโคลนทั้งหิมะกับทรายติดเต็มไปหมด ร่างกายขนาดมหึมาเหมือนกับรถถังคันเล็กๆ มันถลึงตาใส่แล้วพุ่งเข้าหาทันที หมูป่าขนาดกลางวิ่งตามมาจากทางด้านหลังเหมือนกับรถถังหลักที่นำรถถังเบาพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว


หู่เป้าฉงขึ้นเขามาหลายครั้งแล้ว พวกมันรู้ว่าควรจะรับมือกับคู่ต่อสู้แต่ละชนิดตอนไหนอย่างไร หมูป่าที่กำลังโมโหเป็นศัตรูที่ไม่สามารถเผชิญหน้าได้โดยตรง จะทำให้บาดเจ็บได้ง่าย กวนโมโหพวกมันแล้วรีบวิ่งหนี ให้พ่อจะพาคนมาจัดการพวกมันต่อ


หลัวปอเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้มันเห็นหู่จือกับเป้าจือจัดการฝูงกวางได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งกวางตัวผู้ก็ไม่ได้ตัวเล็กไปกว่าหมูป่าตัวใหญ่ มันจึงนึกว่าพวกพี่ชายจะจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้


แต่ปรากฏว่า มีแต่มันตัวเดียวที่วิ่งเซ่อๆ ไปข้างหน้า หลังจากพวกพี่ชายพากันเห่าเพื่อดึงดูดความสนใจก็พากันหมุนตัววิ่งหนีไปแล้ว


หลังจากหลัวปอวิ่งออกมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นกองกำลังทหารที่บุกเข้าไปสู้กับศัตรูอย่างโดดเดี่ยว มันก็ถึงกับตะลึงงันขึ้นมาทันที ทำไมพวกพี่ๆ ถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?


นับว่าฉงต้ายังมีคุณธรรมและมีน้ำใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นหลัวปอมัวแต่ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น มันเลยเร่งเท้ารีบวิ่งกลับไป ใช้อุ้งเท้าฟาดลงไปบนก้นหลัวปอพามันกลับมา แล้วหลังจากนั้นจึงเริ่มวิ่งต่อ


หมูป่าชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า พอเห็นคู่ต่อสู้วิ่งหนี พวกมันเลยยิ่งวิ่งตามอย่างฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม


พวกฉินสือโอวพากันหาต้นไม้ไว้สำหรับซ่อนตัวกันทุกคน หมูป่าวิ่งมาซึ่งๆ หน้า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบแล้ว พวกเขาจึงทยอยกันลุกขึ้นมา


ง้างธนูยิงลูกศร ฉินสือโอวเล็งที่หัวหมูป่าแล้วยิงลูกศรออกไป ต่อจากนั้นก็ชักลูกศรหัวผสมโลหะออกมาจากกระบอกบรรจุลูกธนูหนึ่งดอก กล้ามเนื้อแขนปูดนูนขึ้นมา เขาดึงและปล่อยยิงลูกศรออกไปอีกครั้ง


“ฉึบ! ฉึบ!” เสียงดังขึ้นมาติดต่อกันสองครั้ง ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ลูกธนูแหลมคมทั้งสองดอกพุ่งเข้าใส่หน้าผากของหมูป่าทีละลูก


เสียงปืนของคนอื่นๆ ที่เหลือก็ดังขึ้นมาแล้วเช่นกัน ลูกหมูป่าขนาดกลางทั้งหกตัวที่วิ่งอยู่ด้านหลังพากันส่งเสียงร้องครวญคราง แล้วหมุนตัววิ่งกลับไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่ล้มลงกับพื้น


แรงต้านทานของหมูป่าแข็งแกร่งกว่ากวางมาก หลังจากลูกหมูป่าโดนกระสุนยาสลบยิงกลับยังสามารถวิ่งเข้าไปในป่าต่อได้ แต่กับหมูป่าตัวใหญ่ตัวนั้น พอถูกลูกธนูแทงทะลุผ่านหน้าผากจนก้านสมองได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นไม่นานมันก็ทำได้เพียงแข้งขากระตุก ตายสนิท


หู่จือกับเป้าจือวิ่งออกไป พวกมันตามกลิ่นไปหาลูกหมูป่าขนาดกลางพวกนั้นทีละตัว ส่วนพวกชาวประมงก็นำเชือกไปมัด ต่อจากนั้นค่อยลากกลับไป


เมื่อหาหมูป่าเจอแล้ว ฉินสือโอวจึงเรียกบุชลงมา สอนให้มันหาหมูป่าไม่ใช่ฝูงกวาง เนื่องจากเนื้อหมูป่ามีรสชาติดีกว่าเนื้อกวาง อีกทั้งยังเลี้ยงง่ายกว่า


บุชแสดงอำนาจที่น่าเกรงขามอีกครั้ง เมื่อถึงตอนเที่ยง พวกฉินสือโอวล่าหมูป่าตัวใหญ่มาได้แปดตัวกับลูกหมูป่าขนาดกลางอีกยี่สิบกว่าตัว ได้ผลสำเร็จมากเป็นพิเศษ


เมื่อมาถึงช่วงกลางเขา ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงเตรียมอาหารเที่ยง ส่วนตัวเขาก็เปิดวิทยุพูดคุยกับคนกลุ่มหนึ่งไปเรื่อย


ชาวเมืองที่ขึ้นมาบนเขา หลักๆ แล้วไม่ได้มาเพื่อล่าสัตว์ แต่มาเล่นสนุกกัน วิทยุสื่อสารสัญญาณดีมาก นั่นเป็นเพราะมีสถานีฐานที่ใหญ่ที่สุดอยู่บนภูเขา คนกลุ่มนี้พากันคุยกันอยู่ในนั้น ทุกๆ ครั้งที่ฉินสือโอวเปิดวิทยุสื่อสารก็จะพบว่ามีคนคุยเล่นกันอยู่ตลอด


นี่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อมาก เขาจึงพูดด้วยความตื่นตะลึงว่า “วิทยุสื่อสารของพวกนายไม่ได้ใช้ไฟฟ้ากันเหรอ? เซ็ท ฮิวจ์คนน้องพวกนายคุยเล่นกันมาตลอดช่วงเช้าแล้วหรือเปล่า?”


เสียงของฮิวจ์คนน้องดังขึ้นมา เขาพูดอย่างภูมิอกภูมิใจว่า “เจ้าทึ่ม ฉันพกที่ชาร์จแบตสำรองมาตั้งสองอันแหนะ เป็นขนาดใหญ่ทั้งคู่ด้วย ต่อให้เปิดคอนเสิร์ตบนเขาก็ไม่มีปัญหา!”


มีคนพูดแทรกขึ้นมาว่า “ฉันขอพูดอะไรหน่อยนะเพื่อนๆ มีใครเอาเหล้ารัมมาบ้างหรือเปล่า? ทางฝั่งฉันจับแพะภูเขาที่มาติดกับดักได้หนึ่งตัวกับกระต่ายป่าอีกหลายตัวเลย สนใจจะมากินมื้อเที่ยงด้วยกันสักหน่อยไหม?”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกนายมาพักผ่อนวันหยุดกันหรือ…”


เขาพูดได้แค่ครึ่งประโยค ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องแหลมสูงของนกอินทรีดังขึ้นมาบนท้องฟ้า ทั้งยังร้องอย่างรีบร้อนเป็นอย่างมาก!


…………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)