อยากกินไหมล่ะ 852-853

 บทที่ 852 เขาถึงกับตกตะลึงกับความยอดเยี่ยมของตนเองเสียแล้ว

การมาบรรจบกัน ณ ที่นี้หาได้มีความหมายตามตัวอักษรแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกแล้วมันก็คือสภาวะสมดุลที่สอดประสานกันระหว่างโลกและสวรรค์นั่นเอง


ในผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจวนั้น มังกรเมฆาเป็นทั้งสวรรค์แล้วก็โลก ดังนั้นหลังจากก้อนเมฆกับมังกรมาบรรจบเข้าหากันก็เลยทำให้มังกรทั้งเก้าตัวพลอยบรรจบเข้าหากันไปด้วย


ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยางซู่ซินมีมังกรขนดชัดเจนอยู่ตรงกึ่งกลาง ส่วนตระกูลมังกรนพเมฆาของหยวนโจวจะสามารถสังเกตได้จากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น


โชคดีที่ปัญหาของผลงานแกะสลักชิ้นนี้ถูกแก้ไขแล้วและมีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้ก็คือเมฆหมอกอันหนาทึบเพียงเท่านั้น


ก้อนเมฆหนาทึบ และแค่เพียงมองปราดเดียวเท่านั้นก้อนเมฆก็แลดูราวกับม่านแห่งท้องนภา เมื่อสอดส่ายสายตาเข้าไปในก้อนเมฆก็จะเห็นมังกรสามตัวซ่อนตัวอยู่ข้างใน


มังกรตัวหนึ่งมีแววตากระจ่างสดใสทั้งยังดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้ว่องไวราวกับอสนีบาตผ่าฟาดด้วยความเบิกบานใจ


มังกรอีกตัวหนึ่งมีเกล็ดที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยให้ความรู้สึกร่าเริงราวกับจิตวิญญาณกำลังอาบอยู่ในสายรุ้งก็มิปาน


ส่วนมังกรอีกตัวหนึ่งแสดงฟันของมันออกมาราวกับกำลังครุ่นคิดว่าจะสามารถทำให้แผ่นดินไหวและเขย่าขุนเขาได้อย่างไรกัน


นั่นช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึงมาก แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นผลงานแกะสลักน้ำแข็งแต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามของมังกร นอกเหนือไปจากนั้น ต้นท้อในฤดูหนาวยังทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งอันชัดเจนในผลงานแกะสลักชิ้นนี้ราวกับเป็นต้นไม้ที่เทพเซียนเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นอันเป็นต้นไม้ที่มีโดดเด่นอย่างหาที่เปรียบมิได้


จากด้านซ้ายของผลงานแกะสลัก จะสามารถมองเห็นกิ่งก้านว่างเปล่าของต้นท้ออันบ่งบอกว่าผลงานแกะสลักจะไม่ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามดังกล่าวจากมุมมองมางด้านซ้าย


จากมุมมองทางด้านซ้ายอาจจะเห็นได้ว่าก้อนเมฆดูเบาบางและนุ่มนวล มังกรกำลังคำรามอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆดูเหมือนก้อนเมฆทว่าก็หาใช่ก้อนเมฆ ทั้งยังดูเหมือนมังกรทว่าก็หาใช่มังกรอีกด้วย


ง่ายๆก็คือผลงานแกะสลักน้ำแข็งชิ้นนี้ถึงระดับที่ไม่ว่าใครที่กำลังวิเคราะห์มันอยู่หรือเพียงแค่มองผ่านๆก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าก้อนเมฆจะเปลี่ยนเป็นมังกร หรือจะเป็นมังกรที่หลอมรวมเข้ากับก้อนเมฆ ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นสายลมที่กำลังก่อตัวขึ้นกับก้อนเมฆที่กำลังล่องลอย เมฆที่กำลังก่อตัวขึ้นและมังกรคำราม


จากแต่ละมุมไม่ว่าใครก็คงสามารถมองเห็นสิ่งที่แตกต่างได้ และตรงกึ่งกลางทางด้านซ้ายของผลงานแกะสลักก็คือต้นท้อในฤดูหนาวทั้งยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากมุมต่างๆอีกด้วย จากด้านหน้าจะมีกิ่งก้านเป็นจำนวนมาก และจากทางด้านหลังมีแค่กิ่งก้านโดดเดี่ยวอยู่เท่านั้น


เมื่อมองดูผลงานแกะสลักชิ้นนี้จากด้านหลัง สิ่งแรกที่เห็นก็คือมังกรหาใช่ก้อนเมฆแต่อย่างใด


หนวดมังกรห้อยตกส่วนดวงตาปิดสนิทโดยมีก้อนเมฆวนรอบกายขณะที่มันกำลังเอกเขนกอยู่นั้นก็มีบางส่วนซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ


ถ้าหากใช้การจัดจำแนกประเภทมังกรแบบดั้งเดิมของหยางซู่ซิน มังกรตัวนี้อาจจะถูกจัดจำแนกให้เป็นมังกรหมอบ แต่ในผลงานแกะสลักของหยวนโจว มังกรตัวนี้เป็นมังกรจอมวิตก ระหว่างหนวดห้อยตก ดวงตาปิดสนิทและเขาที่ดูเหมือนจะถูกทำลายลงไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน มังกรดูแก่ชราส่วนเมฆที่พัดม้วนไปรอบตัวราวกับเป็นโลหิตของมังกรเมฆา


และข้างๆมังกรตัวนี้ก็คือมังกรตัวเล็ก ดูเหมือนว่าจะมีน้ำตาคลอคลองอยู่ในดวงตาของมัน ก้อนเมฆทั้งสง่างามและแปรเปลี่ยนไม่แน่นอนทว่าลำตัวของมังกรกลับขดอยู่


ไม่จำเป็นต้องอธิบายในส่วนนี้เลย เมื่อมองดูผลงานแกะสลักจากด้านหลังก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ มังกรเมฆาเฒ่ากำลังจะตายอยู่แล้วแต่กลับเป็นกังวลเรื่องอนาคตของมังกรเยาว์วัย


มังกรเมฆาตัวเล็กรู้สึกทุกข์ใจและหวาดกลัวจึงคอยเฝ้าปกป้องมังกรเมฆาเฒ่าอยู่ข้างๆตลอดเวลา


ถ้าหากจะบอกว่าผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยางซู่ซินได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้วล่ะก็ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจวก็คงเป็นหัวรบนิวเคลียร์ที่สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนในทันที


คงไม่ใช่เรื่องกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่าเมื่อปราศจากคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถวคอยจัดระเบียบก็จะมีผู้คนรีบยื่นหน้าไปมองผลงานแกะสลัก


“ผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ทั้งสองคนนี้แกะสลักออกมาเป็นแบบเดียวกับผลงานแกะสลักที่ฉันเห็นตามปกติหรือเปล่านะ?”


“มังกรทั้งเก้าตัวราวกับมีชีวิตจริงโดยแต่ละตัวให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป นี่ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์นัก”


“เวรเอ้ย เวรเอ้ย เวร เวรเอ้ย”


“วันนี้นับเป็นวันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ ฉันถึงกับได้เห็นผลงานแกะสลักน้ำแข็งของยอดฝีมือทั้งสองเปล่าๆปลี้ๆเลย”


“ผลงานแกะสลักเหล่านี้ช่างน่าคารวะอย่างถึงที่สุด พวกเขาน่ามหัศจรรย์เกินไปแล้ว”


ผลงานของยอดฝีมือด้านการแกะสลักน้ำแข็งไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในระดับหนึ่งจึงจะสามารถชื่นชมได้ แม้ว่าจะไม่มีความเข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับการแกะสลักก็ยังสามารถเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของผลงานชิ้นเอกได้


เป็นธรรมชาติของมนุษย์เราที่แสวงหาความงาม


บางคนยุ่งง่วนอยู่กับการถ่ายภาพ ในขณะที่บางคนอยากจะมีดวงตาเพิ่มขึ้นเพื่อจะได้มองผลงานแกะสลักเหล่านี้ได้มากขึ้น


“ฉันรู้สึกว่าผลงานแกะสลักของเถ้าแก่หยวนดีกว่านะ ดูสิ แม้แต่สีหน้าของมังกรก็ยังแจ่มชัดเลย นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ”


“เถ้าแก่หยวนน่าทึ่งเกินไปแล้ว ถ้าหากฉันมีฝีมือการใช้มีดได้ดีสักครึ่งหนึ่งของเขาล่ะก็ฉันคงจะสามารถหาเงินได้มากพอไปกินอาหารในร้านของเขาทุกวันเลยเชียวล่ะ”


“ฉันหมายความว่าผลงานแกะสลักของอาจารย์หยางก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ดูสิ มีขุนเขาและสายน้ำแถมยังมีมังกรทุกรูปแบบเลย ช่างให้ความรู้สึกครบถ้วนสมบูรณ์เสียจริงๆ”


หลายๆคนชื่นชอบผลงานแกะสลักของหยางซู่ซินเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะมีความชอบที่แตกต่างกันไป


แต่ส่วนมากแล้วพวกเขาจะชื่นชอบผลงานแกะสลักของหยวนโจวมากกว่า ถึงอย่างไรตระกูลมังกรนพเมฆาก็เป็นงานศิลป์อันวิจิตรบรรจงอย่างแท้จริง


ลูกค้าบางคนถึงกับพูดเสียงดังออกมาด้วยความประหลาดใจ


“ก่อนหน้านี้ฉันลองค้นหาในอินเตอร์เน็ตดูแล้วพบว่าคนผู้นี้มีนามว่าหยางซู่ซิน เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดช่างแกะสลักน้ำแข็งในประเทศของเราเชียวล่ะ ในตอนนั้นฉันรู้สึกว่าถึงแม้เถ้าแก่หยวนจะเก่ง แต่อย่างมากเขาก็แค่เสมอกับหยางซู่ซินผู้นี้ ถึงอย่างไรเถ้าแก่หยวนก็มีความเชี่ยวชาญในการทำอาหาร ทว่ากลับคาดไม่ถึงเลยว่าจากผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของเถ้าแก่หยวนดูเหมือนจะดีกว่าเสียอีก”


ทั่วทั้งสถานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการสนทนาอันคึกคักกับทุกผู้ทุกคนที่กำลังพูดคุยกันขึ้นมาในทันที เมื่อคราวที่แล้วสถานที่แห่งนี้คึกคักเป็นอันมากก็เมื่อตอนที่หยวนโจวมอบส่วนลดให้นั่นแหละ


ที่มาของผู้คนอันแสนมีชีวิตชีวาพวกนี้ทำให้ตอนนี้หยวนโจวกับหยางซู่ซินต่างอ่อนล้าทั้งกายและใจโดยสิ้นเชิง หยวนโจวจึงกลับเข้าไปนั่งพักในร้าน ขณะที่หยางซู่ซินนั่งลงบนเก้าอี้ที่ผู้ช่วยของเขานำมาให้


“อาจารย์หยวนผู้นี้เก่งเกินไปแล้ว…” เฟิ่งน้อยผู้เป็นผู้ช่วยพึมพำออกมาพลางมองไปที่ผลงานของหยวนโจว “แต่ไม่เป็นไรหรอกยังไงอาจารย์ก็ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ฝึกฝนมานานหลายปีและเปี่ยมประสบการณ์นัก แต่อาจารย์น้อยหยวนผู้นี้จะสามารถแกะสลักมังกรนพเก้าได้งั้นรึ?”


ทั้งหยวนโจวกับหยางซู่ซินต่างยุติการพักผ่อนพร้อมกันแล้วกลับไปทำผลงานแกะสลักของพวกเขาต่อ พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าผลงานแกะสลักของตนเองแล้วจ้องมองผลงานของตนเอง


หยางซู่ซินพยักหน้าพลางมองไปที่ผลงานของตนเอง เขารู้สึกพอใจกับผลงานชิ้นนี้มากทีเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างแล้วเช่นกัน


อันที่จริงแล้วคราวนี้ไม่ได้ดูเหมือนว่าเกินกว่าขีดความสามารถของเขาที่จะทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าชิ้นนี้ เขาเพียงแค่พยายามให้มากขึ้นก็เท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือเมื่อก่อนตอนที่เขากำลังแกะสลักมังกรนพเก้า เขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าตอนที่เขามาถึงมังกรตัวที่เจ็ด และตอนที่เขามาถึงตัวที่แปดก็จะยอมแพ้ไปแล้ว


หาใช่เพราะว่าเขาขี้เกียจแต่เป็นเพราะเขาล่ามโซ่ใส่ตรวนตนเองเอาไว้ต่างหากเล่า


แต่เมื่อเขากำลังแข่งขันกับหยวนโจว เขาก็ฝืนตัวเองเพื่อยืนหยัดให้ถึงที่สุดทำให้เขาทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการตนเองเอาไว้ได้และบรรลุผลงานที่เขาพึงพอใจออกมาได้


หยางซู่ซินมองไปทางหยวนโจวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้วก็สรุปได้ว่าบางทีหยวนโจวผู้นี้อาจจะรู้เรื่องนั้นอยู่นานแล้วก็เป็นได้


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหยางซู่ซินนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนหยวนโจวจะไม่กังวลใจเลยสักนิด เขาก็สรุปได้เลยว่าหยวนโจวช่างมีพรสวรรค์อันยากจะพบได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นอกจากนี้เขายังมีอุปนิสัยและลักษณะของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญอีกต่างหาก


ถึงแม้ว่าหยางซู่ซินจะไม่มีเวลาที่จะมาวิเคราะห์ผลงานของหยวนโจว แต่จากท่าทีตอบสนองของผู้คนแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าหยวนโจวเองก็มีผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นเดียวกัน


อีกด้านถึงแม้ว่าหยวนโจวจะมีสีหน้าไร้อารมณ์ แต่เมื่อเขาจ้องมองไปที่ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของตนเอง เขาก็นึกในใจว่า “ให้ตายเถอะ ผลงานแกะสลักน้ำแข็งสวยงามออกขนาดนั้น นี่เป็นสิ่งที่ฉันแกะสลักออกมาจริงๆหรือ?”


เขารู้สึกตกตะลึงกับตนเองเป็นอันมาก


หลังจากพวกเขามองดูผลงานของตนเองแล้วก็ได้เวลาที่จะดูผลงานของฝ่ายตรงข้ามบ้างแล้ว ทั้งหยางซู่ซินและหยวนโจวต่างก็เดินไปยังผลงานแกะสลักน้ำแข็งของอีกฝ่าย


ไม่มีกรรมการตัดสินผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ แม้แต่เฒ่าเหยียนและเฒ่ากู่ก็เพียงแค่ได้รับเชิญให้ไปชมดูเท่านั้น


หยวนโจวกับหยางซู่ซินเข้าใจโดยปริยายว่าพวกเขาจะต้องตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันเอาเอง


“สิบคะแนนครับ” นี่คือคะแนนที่หยวนโจวมอบให้แก่หยางซู่ซิน มีสายน้ำและมังกรที่แตกต่างกันทั้งเก้าตัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตราวกับมีชีวิตจริง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด นี่คือผลงานชิ้นเอกโดยแท้จึงคู่ควรแก่ 10 คะแนนที่หยวนโจวมอบให้แล้ว


และเมื่อหยางซู่ซินมองไปที่ผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจว…


บทที่ 853 มังกรที่ซุ่มซ่อนอยู่

เมื่อหยางซู่ซินเห็นท่าทีตอบสนองของผู้คนแล้ว เขาก็จินตนาการว่าผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยวนโจวจะออกมามีลักษณะเช่นไรกันแน่ เขาสงสัยว่าจะเป็นรูปแบบที่ยึดถือขนบธรรมเนียมอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับเขาหรือว่าจะรังสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่แล้วแกะสลักปลามังกรนพเก้าอันเป็นผลงานแกะสลักสมัยใหม่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงหรือแม้แต่กิ้งก่านพเก้าที่เป็นที่นิยมมากท่ามกลางคนหนุ่มคนสาว สิ่งเหล่านี้หาได้สร้างความประหลาดใจแก่หยางซู่ซินแต่อย่างใดเนื่องจากเขามีความมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะได้


เขามองว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างทีเดียว แม้แต่ลูกของเขาเองก็ขอแค่อย่าได้สอบตกก็พอแทนที่จะคาดหวังให้ได้เกรดดีๆอย่างครอบครัวคนอื่นเขา หยางซู่ซินมีความมั่นใจว่าคงไม่มีบิดามารดาคนใดเปิดกว้างได้เท่ากับเขาอีก


หยางซู่ซินเตรียมใจเอาไว้แล้วที่จะเห็นบางสิ่งบางอย่าง แต่ทันทีที่เขามองเห็นผลงานของหยวนโจวเข้า รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงเนื่องจากตะลึงงันไปทั้งๆที่ยังยืนอยู่


เขาถึงกับตกตะลึงไปแล้วจริงๆเนื่องจากเขาโพล่งออกมาว่า “มังกรเมฆางั้นรึ? คุณแกะสลักมังกรเมฆาเลยเชียวรึ?”


หยวนโจวพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรเนื่องจากผลงานของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสียอีก


ในประเทศจีนมีหลายสิ่งหายอย่างแยกระหว่างทางเหนือและใต้ออกจากกัน เฉกเช่นเดียวกับที่นำมาใช้กับด้านการแกะสลักน้ำแข็ง มังกรเมฆาเป็นตัวแทนของการแกะสลักน้ำแข็งของทางใต้เช่นเดียวกับมังกรเขาก็เป็นตัวแทนของการแกะสลักน้ำแข็งของทางเหนือ ถึงแม้ว่าหยางซู่ซินจะมาจากทางเหนือก็ตามที แต่เขาก็ยังชื่นชมมังกรเมฆาที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว


ทางใต้มีคำกล่าวว่า “มังกรเมฆาไม่ชอบอยู่กันเป็นคู่” ที่มาของคำกล่าวประโยคนี้ความจริงแล้วก็คือนับเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะแกะสลักมังกรเมฆาสองตัวในรวดเดียว แม้แต่การแกะสลักเพียงแค่ตัวเดียวก็นับว่ายากเอาเรื่องพออยู่แล้ว ทว่าตอนนี้กลับมีมังกรเมฆาตั้งเก้าตัวอยู่ที่นี่เชียวนะ


“ตระกูลมังกรนพเมฆานับเป็นหนึ่งในสองผลงานแกะสลักน้ำแข็งชั้นยอดของทางใต้เลยก็ว่าได้ ในที่สุดฉันก็ได้มีโอกาสมาเห็นด้วยตาตัวเองก็วันนี้แหละ” หยางซู่ซินถึงกับถอนหายใจซ้ำๆอยู่แบบนั้น มังกรแต่ละตัวอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ มังกรและก้อนเมฆบรรจบเข้าหากันอย่างสมบูรณ์แบบชัดเจนเช่นเดียวกัน เมื่อหยางซู่ซินเห็นเช่นนี้ ความมั่นใจในชัยชนะของเขาก็สูญสิ้นไป


“สิบเอ็ดคะแนนครับ”


หยางซู่ซินให้คะแนนหยวนโจว 11 คะแนนเต็ม 10 คะแนน จะว่าไปหยางซู่ซินก็นับว่ากำชัยชนะอยู่แถมยังสามารถทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการตัวเองได้อีกด้วย แต่ในการแข่งขันครั้งนี้ เขากลับรู้สึกว่ายังคงพ่ายแพ้ให้หยวนโจวอยู่ดี


พูดกันจริงๆก็คือวันนี้หยวนโจวทำได้ดีกว่าปกติเยอะเลยทีเดียว ถ้าหากบอกให้เขาแกะสลักแบบเดิมอีกครั้งก็คงมีโอกาสที่เขาจะประสบความล้มเหลวมากเชียวล่ะ


คะแนนที่หยวนโจวให้แก่ผลงานแกะสลักของหยางซู่ซินคือ 10 คะแนน


หยางซู่ซินค่อยๆสงบสติอารมณ์อันยากที่จะเข้าใจลงไป เขาวางแผนที่จะค่อยๆลำเลียงผลงานแกะสลักของเขาออกไปด้วย ส่วนเฒ่าเหยียนที่อยู่ทางด้านข้างก็ลอบต่อสายอยู่


สำหรับหยวนโจวนั้นศีรษะของเขาได้ก้มลงต่ำเสียแล้ว ส่วนอีกคนก็เหนื่อยล้าเอามากๆ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกพอใจในตนเองเนื่องจากเขาใช้วิธีพลิกแพลงกับผลงานแกะสลักน้ำแข็งของเขาได้เป็นผลสำเร็จ แต่มีอยู่ด้านหนึ่งของผลงานแกะสลักน้ำแข็งของเขาที่หยางซู่ซินกับคนอื่นๆไม่ทันสังเกตเห็น


จากทางด้านหน้าไม่ว่าใครก็ย่อมสามารถมองเห็นมังกรเมฆาทั้งสามตัวได้ จากทางด้านซ้ายจะมีมังกรเมฆาสองตัวและจากทางด้านหลังก็จะมีมังกรเมฆาอีกสองตัวเช่นกัน สุดท้ายยังมีมังกรเมฆาอีกตัว ทั้งหมดจึงมีมังกรอยู่เพียงแค่แปดตัวเท่านั้น หยางซู่ซิน ฝูงชนและแม้แต่เฒ่าเหยียนกับเฒ่ากู่ก็ยังไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งนี้เลย


หยางซู่ซินลืมเรื่องนั้นไปเพราะเขากำลังตกตะลึงหลังจากเห็นตระกูลมังกรนพเมฆาตรงหน้าตนเองแล้ว ส่วนฝูงชนก็มีคนเยอะเกินกว่าจะมองดูให้ดีจากทุกมุม นอกจากนี้บางคนยังอยู่ห่างเกินกว่าที่จะมองเห็นได้อีกด้วย


ส่วนเฒ่ากู่กับเฒ่าเหยียนต่างยุ่งเกินกว่าจะวางแผนของพวกเขาเอง ดังนั้นมังกรจึงประกอบไปด้วยลายเส้นเดียวที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผลงานแกะสลักจึงทำให้ไม่เป็นที่สังเกต อันที่จริงแล้วนอกเหนือไปจากตระกูลมังกรนพเมฆา ผลงานแกะสลักชิ้นนี้ก็ยังมีชื่อว่าการแปลงกายเก้าแบบของมังกรตัวเดียวท่ามกลางหมู่เมฆ


หยางซู่ซินเพิ่งค้นพบเรื่องนั้นในภายภาคหน้าหลังจากประสบอุบัติเหตุ ในตอนนั้นเอง เขาก็มีความรู้สึกยุ่งยากใจยิ่ง


อย่างไรเสียนั่นก็เป็นเรื่องในภายภาคหน้าหาใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใดไม่ หยางซู่ซินได้ประโยชน์มากมายจากการแข่งขันครั้งนี้ ยกตัวอย่างเช่นเขาทราบว่าควรเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อบุตรชายของตนเอง


แล้วจะมีทัศนคติใหม่เป็นอย่างไรกัน? หยวนโจวอยากรู้ให้มากขึ้น


เนื่องจากมีคณะกรรมการควบคุมระเบียบแถวคอยช่วยออกคำสั่งจึงทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมากเริ่มแยกย้ายกันไป หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างสงบลงแล้ว เฒ่าเหยียนก็เข้ามาหาหยวนโจวเพื่อสนทนาอะไรบางอย่าง


ในเมื่อเป็นเช่นนั้นการแข่งขันกับผู้เชี่ยวชาญจึงออกมาน่าพึงพอใจเป็นอันมาก หยวนโจวเองก็รู้สึกสบายทั้งกายและใจหลังจากการแข่งขัน ในคืนนั้นฝนตกพรำๆ


ยามราตรีมาถึง


ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะเหนื่อย แต่เขาก็ยังต้องเปิดร้านตอนเวลาอาหารค่ำอยู่ดี


การรักษาสภาพผลงานแกะสลักน้ำแข็งเป็นเรื่องยากลำบากมากเอาการทีเดียวและร้านหยวนโจวก็ไม่มีสถานที่พอที่จะทำเช่นนั้นได้


ดังนั้นภายใต้ข้อเสนอของเฒ่าเหยียนเมื่อเช้าวันนี้ ตระกูลมังกรนพเมฆาจึงถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นการชั่วคราวที่พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของเฒ่าเหยียน


ในฐานที่เป็นนักสะสมที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของเฒ่าเหยียนค่อนข้างมีชื่อในวงการเช่นกัน โดยพิพิธภัณฑ์จะเลือกให้เข้าชมได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น


เฒ่าเหยียนเองก็ยื่นข้อเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือในการเก็บรักษาผลงานแกะสลักน้ำแข็งชิ้นนี้ ในทางหนึ่ง นี่คือการยอมรับคุณค่าของตระกูลมังกรเก้าเมฆา นอกเหนือไปจากคำเชิญของหยางซู่ซิน อีกเหตุผลหนึ่งที่เฒ่าเหยียนสู้อุตส่าห์เดินทางไกลมาจากทางเหนือก็เพื่อเพิ่มของสะสมในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของเขา


นี่เป็น “แผน” ที่เอ่ยถึงกันก่อนหน้านี้ ส่วนแผนของเฒ่ากู่ก็หาใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว เฒ่าเหยียนได้ยื่นข้อเสนอที่จะเก็บรักษาผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าของหยางซู่ซินเอาไว้ด้วยเช่นกัน แต่ในฐานที่เป็นช่างแกะสลักน้ำแข็งที่มีชื่อเสียง แล้วหยางซู่ซินจะไม่มีสถานที่เอาไว้เก็บรักษาผลงานแกะสลักน้ำแข็งได้อย่างไรกันเล่า? ดังนั้นเฒ่าเหยียนจึงอดได้ผลงานแกะสลักของเขาได้


เนื่องจากหยวนโจวก็บรรลุเป้าหมายของตนเองด้วยผลงานแกะสลักชิ้นนั้นไปแล้วทั้งยังสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เขาจึงรู้สึกค่อนข้างผ่อนคลายมากทีเดียว ดังนั้นเขาจึงเริ่มเตรียมวัตถุดิบในการทำบาร์บีคิวต่อ


ถูกต้องแล้ว คืนนี้จะเสิร์ฟบาร์บีคิวเนื่องจากฝนกำลังจะตก


โชคดีที่การพยากรณ์อากาศของเจ้าระบบแม่นยำทีเดียว หยวนโจวสังเกตพบว่าเมื่อเช้ามีเหล้าที่จะเสิร์ฟคืนนี้ไม่มากนัก


ในยามค่ำคืน ลูกค้าหลายคนมาถึงแล้ว พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อบาร์บีคิว


ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวไม่เคยจำหน่ายทั้งบาร์บีคิวและเหล้าไปพร้อมๆกัน เมื่อฝนตกเขาถึงจะจำหน่ายบาร์บีคิว


และเมื่อตอนที่เขากำลังจำหน่ายบาร์บีคิวก็จะไม่จำหน่ายเหล้า นี่เป็นเรื่องประหลาดของร้านหยวนโจวเลยก็ว่าได้


ลูกค้าเข้าใจกฎข้อนี้ดี แต่พักนี้สิ่งต่างๆค่อนข้างแตกต่างกันออกไป ร้านเริ่มจำหน่ายเบียร์และราคาของเบียร์เป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายสามารถเอื้อมถึงได้


ด้วยเหตุนั้น จำนวนของลูกค้าที่มาดื่มกินยามค่ำคืนจึงเพิ่มขึ้นไปด้วย


แม้แต่เฉินเหว่ยก็ยังบ่นออกมาเลยว่า “พักนี้ฉันรู้สึกว่าจะร้างราจากการดื่มไปนานเลย”


แต่อันที่จริงแล้วเฉินเหว่ยดื่มเยอะขึ้นต่างหากเล่า แต่ละคนได้รับอนุญาตให้ดื่มเบียร์สดได้ห้าแก้วทว่ากลับไม่มีใครสามารถดื่มได้หมดสักคนเดียว ผู้ที่ไม่สามารถดื่มได้หมดก็จะจำหน่ายโควต้าที่เหลือไป


อย่างไรเสียหยวนโจวก็ไม่ได้สั่งห้ามมิให้แบ่งโควตาให้ผู้อื่นเนื่องจากเขาก็มีเหล้าอยู่อีกมาก เมื่อดื่มหมดเวลาก็ถือว่ายามค่ำคืนสิ้นสุดลงเช่นกัน


เพราะฉะนั้นกิจกรรมของธุรกิจเล็กๆจึงก่อตัวขึ้น ผู้ที่ได้รับหมายเลขให้มาดื่มยามค่ำคืนจะต้องชำระเงินสำหรับโควต้าสูงสุดที่ได้รับอนุญาตต่อคน จากนั้นคนผู้นั้นก็จะดื่มเบียร์แก้วหนึ่งก่อนที่จะจำหน่ายอีกสี่แก้วที่เหลือ


แน่นอนว่าเนื่องจากทั้งสามหมายเลขที่กำหนดให้ในแต่ละวันหาได้ส่งผลกระทบมากเกินไปนักจึงไม่มีใครจ่ายเงินค่าแก้วที่เหลือเช่นกัน


ดังนั้นเฉินเหว่ยจึงดื่มมากขึ้นแทนที่จะน้อยลง แต่เนื่องจากทุกวันนี้มีคนมาต่อสู้แย่งชิงหมายเลขมากขึ้นเรื่อยๆจึงเป็นเรื่องยากยิ่งที่เขาจะได้มาสักหมายเลข


“เลิกแต่งเรื่องเถอะน่า ไม่ใช่ว่านายก็เป็นคนหนึ่งที่มาที่นี่อยู่ทุกวี่ทุกวันก็เพื่อรังควานผู้อื่นเพราะเหล้าหรอกหรือไงกัน?” อู๋ไห่ตอบโต้โดยไม่ลังเล “ฉันไม่สนใจที่จะร่วมมือกับคนอย่างนายหรอกนะ”


“ไปให้พ้นเลยนะ เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋ นายกล้าพูดว่าฉันมารังควานผู้อื่นก็เพราะเหล้างั้นรึ? แล้วนายมารังควานผู้อื่นเพราะอาหารทำไมกันเล่า?” เฉินเหว่ยกล่าวด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างอับอายเมื่อตอนที่ตะโกนออกไป


“นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์อย่างฉันนี่นา” อู๋ไห่ตอบ “มีหลายสิ่งที่เมื่อเห็นเข้าแล้ว มือของฉันก็จะเอื้อมเข้าไปหาโดยอัตโนมัติ ช่วยไม่ได้จริงๆ”


“ความรู้สึกละอายของนายไปที่ไหนหมดแล้วนะ?” เฉินเหว่ยถึงกับพูดไม่ออกไปแล้ว


“ตอนนี้นายกำลังทำให้เกิดคำวิจารณ์ในตัวนายอยู่นะ จะต้องให้ฉันบอกนายสักกี่ครั้งกัน? ว่าฉันไม่รู้จักอาย ฉันไม่รู้จักอายหรอกนะ ทำไมนายถึงเอาแต่ถามฉันอยู่ได้? ทำไมนายชอบบังคับให้ฉันทำสิ่งที่ไม่ต้องการอยู่เรื่อยเลยเล่า?” อู๋ไห่บ่นด้วยความทุกข์ใจพลางลูบหนวดเคราแล้วขมวดคิ้วไปด้วย


“เอาล่ะ นายชนะแล้ว” เฉินเหว่ยยอมแพ้แล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)