อยากกินไหมล่ะ 837-840

 บทที่ 837 ความประหลาดใจของดีน

“นายก็รู้นี่นา มีทบอลตามมาตรฐานจะใช้แยมแครนเบอร์รี แต่แยมของเถ้าแก่หยวนนี้แตกต่างไปจากผู้อื่น” เมาส์กล่าวเสียงดังลั่นในขณะเดียวกัน


แยมแครนเบอร์รีเข้ากับสวีดิชมีทบอลได้ดีที่สุด แม้จะเป็นบลูเบอร์รีก็ไม่มีปัญหาเลย ถึงแม้ว่าแยมจะแตกต่างจากผู้อื่น แต่หยวนโจวจะใช้แค่เพียงแครนเบอร์รีที่ดีที่สุดมากกว่า และวัตถุดิบก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฝีมือการทำอาหารของเขาเสียหน่อย ดังนั้นดีนจึงไม่ได้หันหน้าไปแม้ว่าเขาจะได้ยินบทสนทนาระหว่างเทาส์กับเพื่อนร่วมงานของเขาแล้วก็ตามที


“ฉันยังไม่เห็นแยมเลย” เพื่อนร่วมงานของเขาตอบ


ทั้งสองคนก็พูดเกินจริงไปเสียหน่อยโดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานของเขา ถ้าเขาอยากเป็นนักแสดงก็คงไม่ผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน


ไม่เห็นแยมงั้นรึ? ประโยคนี้กลับดึงดูดความสนใจของดีนและดาราคนอื่นๆจนทำให้พวกเขาต้องหันกลับมามองอาหารของหยวนโจวอย่างจริงๆจังๆ


ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกการออกแบบอันงามประณีตของสวีดิชมีทบอลดึงดูดเข้าให้จึงไม่ทันได้สังเกตอาหารให้ดี แต่ตอนนี้พวกเขาได้มองไปที่จานสวีดิชมีทบอลและพบว่าไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากมันบดกับมีทบอล


เมื่อดีนได้ยินว่าเพื่อนร่วมงานของเมาส์ยังไม่เห็นแยมเลย เขาก็เชื่อไปแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าหยวนโจวจะต้องซ่อนแยมเอาไว้ภายในการนำเสนอจานเป็นแน่ ยกตัวอย่างเช่นเขาอาจจะวาดภาพด้วยแยม


แต่นี่…


“แม้แต่แยมแครนเบอร์รีที่ดีที่สุดก็ยังต้องเป็นสีแดงราวกับสีกุหลาบเลย” ดีนไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าแยมแครนเบอร์รีจะมีสีอื่นด้วย


แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่สีแดงกุหลาบเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแยมแล้ว นี่มันสถานการณ์บ้าบออะไรกัน?


ภาชนะมีความพิเศษอะไรงั้นหรือ? ดีนสังเกตได้ว่าตรงก้นจานของสวีดิชมีทบอลสูงกว่าส่วนอื่นๆและมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย หยวนโจวออกแบบโครงสร้างด้านในเอาไว้ด้วยงั้นหรือ?


ดีนไม่ทันได้สังเกตตอนที่จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เห็นได้ชัดเลยว่าหยวนโจวทุ่มเททั้งเวลาและเรี่ยวแรงให้กับสวีดิชมีทบอลจานนี้จริงๆ”


จากนั้นดีนกับคนอื่นๆก็ติดตามเสียงไปแล้วหันกลับไปมอง พวกเขาพบลี่ลี่กำลังยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่


“เชฟลี่? ทำไมคุณถึงได้…?” ไป๋กั้วให้ความช่วยเหลือตอนที่พวกเขาขอยืมของบางอย่างจากลี่ลี่จึงไท่แปลกที่พวกเขาจะรู้จักกัน ไป๋กั้วเพียงแค่สงสัยว่าเหตุใดเขาจึงต้องมาปรากฏตัวในฉากหนึ่งของรายการที่กำลังถ่ายทำอยู่ด้วย


ก่อนที่ไป๋กั้วจะทันได้ถามจบ ลี่ลี่ก็พูดต่อไปว่า “เชฟหยวนเป็นคนจิตใจดี เมื่อดูจากรูปการณ์แล้วก็สามารถบอกได้เลยว่าคนผู้นี้ไม่นับว่าไม่มีค่าอะไรเลยนอกจากฝีมือการทำอาหารของเขา แต่เมื่อพูดถึงฝีมือการทำอาหารของเขาแล้ว พวกมันก็ส่องประกายมากเหลือเกิน เขามีพรสวรรค์ในการทำอาหารทั้งยังขยันขันแข็งอีกต่างหาก”


“คุณมาที่นี่มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เชฟลี่” ในที่สุดไป๋กั้วก็ถามคำถามของตัวเองได้จนจบ


“ผมแค่จะมาดูว่าคุณขาดเหลืออะไรหรือเปล่าจะได้ช่วยเหลือคุณได้น่ะครับ” ลี่ลี่กล่าวด้วยท่าทางสงบสุขุม


เมื่อได้ยินคำตอบของลี่ลี่แล้ว ไป๋กั้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้เลยว่าเขาช่างเป็นคนดีจริงๆ ในตอนนั้นเอง “นักแสดง” ทั้งสองคนซึ่งก็คือเมาส์กับเพื่อนร่วมงานของเขาก็เริ่มแสดงวิธีการทำงานให้ดู


“ดูให้ดีนะ” เมาส์ใช้ตะเกียบคีบส่วนหางที่ตกแต่งอย่างหรูหรา การนำเสนอจานอาหารเป็นนกยูงรำแพนหางอวดความงามของมันเอง มีทบอลประกอบกันขึ้นเป็นลำตัวส่วนส่วนมันบดจะประกอบขึ้นเป็นส่วนหางของนกยูง


ทันใดนั้นเอง มีทบอลก็หล่นลงมาอย่างที่เจียงเหม่ยซือและคนอื่นๆนึกเอาไว้เลยว่าแยมแครนเบอร์รีที่ดูไม่สมจริงเลยสักนิดอาจจะฝังอยู่ในมันบดก็เป็นได้


ไป๋กั้วรู้สึกตกตะลึง “มีทบอลหล่นลงมางั้นหรือ?”


“กลับกลายเป็นว่าภาชนะพิเศษไม่ได้มีไว้เพียงสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการออกแบบเพียงเท่านั้นเสียแล้วสิ” จู่ๆดีนก็เข้าใจขึ้นมาได้ในทันที


ในวินาทีต่อมา มีทบอลที่ดูราวกับแต่งชุดสีแดงกุหลาบก็กลิ้งออกมาจากประตูเล็กๆข้างใต้


“เยี่ยมไปเลย รสชาติอร่อยมากเชียวล่ะ รสชาติอันสดใหม่และอ่อนนุ่มของมีทบอลผสมผสานเข้ากับรสหวานกับรสเปรี้ยวของแยมแครนเบอร์รีกำลังดีเลยจริงๆ รสชาติที่ผสมผสานเข้าด้วยกันเพอร์เฟคสุดๆไปเลย” เมาส์กัดมีทบอลเข้าไปกว่าครึ่งในคำเดียวแล้วกินต่อไปอย่างมีความสุข


คนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอเมื่อได้กลิ่นและได้ยินเสียงเขากินมีทบอล


ส่วนเพื่อนร่วมงานของเขาไม่มีเวลาจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาตรงเข้าไปคีบส่วนหางของนกยูงด้วยตะเกียบของเขาแล้วมีทบอลอีกลูกก็หล่นลงมา จากนั้นเขาก็เริ่มกิน


เมาส์มองเพื่อนร่วมงานของเขาด้วยความดูถูกดูแคลน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้ไม่มีแฟน เขาไม่ได้กระตือรือร้นและตั้งอกตั้งใจตอนที่เขาทำเลยสักนิด ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ พวกเขาจะช่วยเถ้าแก่หยวนได้อย่างไรกันเล่า?


ในฐานคนที่มีแฟนแล้ว เมาส์ตัดสินใจที่จะทำต่อไปเพียงคนเดียว ระหว่างที่กำลังกินอยู่นั้น เขาก็บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันคิดว่านายคงไม่รู้สินะว่าเถ้าแก่หยวนออกแบบได้แยบยลขนาดไหน ขอเพียงแค่นายคีบมันบดเบาๆก็จะเปิดประตูลับบนจานได้ จากนั้นมีทบอลก็จะถูกเคลือบด้วยแยมแครนเบอร์รีเองแหละ”


มีทบอลอร่อยมากเหลือเกิน ยิ่งเมาส์บ่นพึมพำมากเท่าไหร่อัตราการพูดก็ยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดเขาก็ไม่อาจพูดออกมาได้อย่างชัดเจน หลังจากพูดเสร็จแล้วเขาก็เริ่มกิน


เป็นอย่างที่เถ้าแก่หยวนคาดเอาไว้เลย มีทบอลอร่อยมากเสียจนเมาส์แทบจะกลืนลิ้นตัวเองเข้าไปแล้ว


ไม่ว่าเขาจะเห็นอีกสักกี่ครั้งก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี ลี่ลี่แอบคิด ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเบิกบานใจนิดหน่อยด้วย


หยวนโจวเอาชนะเขาด้วยสวีดิชมีทบอล เป็นเพราะรสชาตินั่นแหละ รสชาติของมีทบอลเองอร่อยพอตัวเลยล่ะ


ลี่ลี่ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมหยวนโจวถึงได้ทำอย่างอื่นก่อน แต่การได้แรงบันดาลใจจากความคิดเห็นของบรรดาลูกค้าในภายหลังก็ทำให้เขาเข้าใจเหตุผลแล้ว เขาก็แค่อยากจะเห็นท่าทีสับสนและประหลาดใจของดีนก็เท่านั้นแหละ


ดังนั้นลี่ลี่จึงมองไปทางดีน แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่มีเพียงแค่ความประหลาดใจแทนที่ความไม่เข้าใจบนใบหน้าของดีน


“พวกเราก็แค่กำลังกินมีทบอลเท่านั้น… จำเป็นต้องพูดขนาดนั้นเลยหรือไง?”


“ช่างคิดเสียจริง!”


เหล่าดารารู้สึกประหลาดใจกับกลเม็ดเด็ดพรายของสวีดิชมีทบอล แต่หยวนโจวหาได้ปรับปรุงอาหารให้เป็นเช่นนั้นเพื่อคำชมของพวกเขาแต่อย่างใดไม่


“ไม่ใช่แค่ช่างคิดเท่านั้นหรอก” ดีนตอบ “สาเหตุที่ทำให้เชฟหยวนสร้างประตูลับเอาไว้ตรงก้นจานเพื่อให้มีทบอลหล่นลงจากข้างบนก็เพื่อให้แน่ใจได้ว่าพวกมันจะถูกเคลือบด้วยแยมแครนเบอร์รีขณะที่กำลังหล่นลงมานั่นเอง”


“ถ้าผมคิดไม่ผิด เชฟหยวนจะต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อทำให้แยมแครนเบอร์รีมีรูปร่างคล้ายกับแผ่นกระดาษที่ทั้งนุ่มและบาง วิธีการแบบนี้แหละจะทำให้มีทบอลถูกเคลือบอยู่ในแยมได้โดยทั่วถึง”


“วิธีการแบบนี้สามารถขจัดข้อบกพร่องทั้งสองประการออกไปจากมีทบอลทั้งหลายได้อย่างสมบูรณ์เชียวล่ะ”


ยิ่งดีนพูดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเขากล่าวจบก็หลุดโพล่งภาษาฝรั่งเศสออกมา เนื่องจากเขาพูดเร็วเกินไป แม้แต่ลี่ลี่ที่มักจะไปประเทศฝรั่งเศสอยู่บ่อยๆและสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่วก็ยังไม่สามารถเข้าใจเขาได้เลย


“สำหรับมีทบอลทั้งหลายนั้น มักจะมีข้อบกพร่องอยู่สองประการที่เชฟทุกคนต้องการที่จะเอาชนะให้ได้ ประการแรกก็คือซอสจิ้มที่กระจายไม่ทั่วถึง ไม่ว่าซอสจิ้มจะดีสักแค่ไหนลูกค้าก็มักจะจิ้มอาหารในซอสด้วยตัวเอง จะมากจะน้อยก็ส่งผลต่อรสชาติโดยไม่มีข้อยกเว้น พวกเราต้องใช้ความพยายามไปมากมายแต่กลับทำได้เพียงลดความแตกต่างให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”


“ประการที่สองคือซอสจิ้มทั่วๆไปช่างหน้าตาดูไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย” ดีนมองตรงไปที่หยวนโจวแล้วพูดต่อไป “ผมไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าปัญหาทั้งสองประการนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในประเทศจีน”


หลังจากพวกเขาได้ยินคำอธิบายอย่างมืออาชีพของดีนแล้ว ไป๋กั้ว หลี่เหอและเจียงเหม่ยซือก็เข้าใจถึงวิธีการอันแยบยลอย่างน่าประหลาดที่ประกอบไปด้วยทฤษฎีมากมายที่แก้ไขข้อบกพร่องที่สำคัญทั้งสองประการได้อย่างสมบูรณ์แบบ”


“สวีดิชมีทบอล หรือนี่เป็นสุดยอดอาหารขนานแท้?” ไป๋กั้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ


“มันดูราวกับถูกเคลือบน้ำตาลเอาไว้เลยจริงๆ แยมแครนเบอร์รีทั้งสวยแล้วก็กระจายตัวได้อย่างทั่วถึงอีกต่างหากแน่ะ” เจียงเหม่ยซือเฝ้าสังเกตมีทบอลที่อยู่ระหว่างตะเกียบของเมาส์อย่างละเอียดถี่ถ้วน


หลี่เหอหลี่ตาและสรุปว่า “ผู้ที่มีเหตุผลจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการยอมรับให้เป็นสุดยอดปรมาจารย์”


ดีนรู้สึกตื่นเต้น แต่ลี่ลี่กลับไม่ค่อยพอใจนัก เดิมทีเขาอยากมาอธิบายวิธีการอันสลับซับซ้อน แต่ดีนกลับรู้ได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น


ลี่ลี่ถึงกับทอดถอนใจ ดูเหมือนว่าเขาก็ยังด้อยกว่าในด้านความเข้าใจอย่างถ่องแท้อย่างน้อยขั้นหนึ่งและด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องฝึกฝีมือการทำอาหารต่อไป เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ลี่ลี่ก็ไม่อยู่ที่นี่เพื่อชมดูฉากตื่นเต้นอีกต่อไป เขาออกจากสถานที่ถ่ายทำแล้วกลับไปที่ร้านของตนเอง


พรรคพวกทั้งสามคนของไป๋กั้วเองก็อยากกินสวีดิชมีทบอลอันแสนสมบูรณ์แบบเหลือเกิน ถึงอย่างไรอาหารจานนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นอาหารชั้นยอดทั้งในด้านหน้าตาและรสชาติเลย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ เจียงเหม่ยซือจึงทำได้เพียงจ้องมองจนตาแทบจะล้าอยู่แล้ว


บทที่ 838 ภารกิจที่สองของเหล่าดารา

ดีนที่มีความเข้าใจในเรื่องมีทบอลหันหลังเดินออกจากประตูเพื่อตามหาผู้กำกับอย่างจริงจัง


ดีนถามผู้กำกับตรงๆเรื่องวิดีโอการทำสวีดิชมีทบอลของหยวนโจว ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้เห็นวิธีทำแยมแครนเบอร์รีชนิดพิเศษให้ชัดๆเลยก็ตามที แต่เขาก็ค่อนข้างประทับใจวิธีจัดการกับเนื้อหมูและเนื้อวัวของหยวนโจวอยู่ดี


เมื่อตัดสินจากลักษณะที่ดีนพูดถึงหยวนโจวเมื่อสักครู่แล้ว ดีนก็รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างแท้จริง เขารู้สึกว่าหยวนโจวคู่ควรที่จะเป็นคู่แข่งตลอดกาลของฉูเสี่ยวแล้วล่ะ เนื่องจากฝีมือการทำอาหารของเขาช่างส่องประกายเหลือเกิน


เหล่าดาราบรรลุภารกิจแรกขณะที่เวลาเปิดร้านของร้านหยวนโจวเกือบหมดลง นอกเหนือไปจากสวีดิชมีทบอลแล้ว เมาส์ที่ตัดสินใจว่าจะละลายทรัพย์ให้มากขึ้นก็สั่งอาหารจานอื่นมากินด้วย โชคดีที่มีเพื่อนร่วมงานของเขาคอยให้กำลังใจแล้วพวกเขาก็ออกไปอย่างเชื่องช้า


ผู้คนที่เข้าแถวเองก็หายไปแล้ว ถนนเถ่าซือยังพลุกพล่านอยู่แต่กลับมีคนน้อยลงไปมากแล้ว


ทีมผู้กำกับเริ่มปล่อยภารกิจที่สองออกมาแล้ว ในขณะเดียวกันดีนก็เดินเข้าไปหาหยวนโจวเป็นครั้งแรก


“เชฟหยวน ผมขออภัยจริงๆที่สบประมาทคุณนะครับ” ดีนเป็นฝ่ายขอโทษขึ้นมาก่อน


หยวนโจว “???”


ไม่ว่าหยวนโจวจะเข้าใจหรือไม่ก็ตามที ดีนก็ต้องหาหนทางพิสูจน์การคาดเดาของตนเองเสียก่อน เขาหยิบยกวิธีการที่ทำให้สวีดิชมีทบอลถูกเคลือบอยู่ในแยมขึ้นมาเสียดื้อๆ


เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยวนโจวก็รู้สึกประหลาดใจมาก ดีนเป็นคนที่สองที่เข้าใจหลักการเบื้องหลังสวีดิชมีทบอล


หลังจากการคาดเดาของเขาได้รับการยืนยันจากหยวนโจวแล้ว ดีนก็กำหมัดแน่นแล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เชฟหยวน บอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าคุณได้รับแรงบันดาลใจในการปรับปรุงสวีดิชมีทบอลให้เป็นเช่นนั้นมาจากอะไรกัน?”


“ปิงถังหูลู่ครับ” หยวนโจวไม่คิดจะเก็บมันเป็นความลับเลยสักนิด เขาจึงบอกดีนโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด


“ปิงถังหูลู่งั้นเหรอครับ? นั่นคืออะไรครับ? อาหารจานอย่างหนึ่งหรือเปล่าครับ?” ดีนครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมา


“เป็นธรรมดาที่พวกฝรั่งอย่างคุณจะไม่รู้จักแผ่นเยื่อแป้งเนื่องจากคุณไม่เคยกินปิงถังหูลู่มาก่อนนี่ครับ” หยวนโจวตอบแล้วฝึกฝีมือการแกะสลักของเขาต่อไป


แต่ทว่าดีนกลับคร้านจะใส่ใจกับคำพูดของหยวนโจวแล้วขอให้ผู้ช่วยของเขาไปหาข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นเยื่อแป้งมา แผ่นเยื่อแป้งซึ่งผลิตขึ้นมาจากแป้งและเจลาตินด้วยการคั้นในอุณหภูมิสูงและการอบแห้งมีมาตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ซ่งเสียอีก


เมื่อนึกถึงแผ่นเยื่อแป้งกับแยมแครนเบอร์รีที่เคลือบมีทบอล ในที่สุดดีนก็เข้าใจเสียที ต้องมีฝีมืออยู่ในระดับสุดยอดปรมาจารย์เท่านั้นจึงจะปรับปรุงบางสิ่งบางอย่างที่สามารถพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันแล้วทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาของเชฟส่วนใหญ่ได้


“วัฒนธรรมที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนานของอาหารจีนหยั่งรากลึกมากเสียจนแผ่นเยื่อแป้งธรรมดาๆก็ยังสามารถบ่งบอกได้ถึงภูมิปัญญาของการทำอาหารอร่อยๆได้เลย” ดีนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา


อีกด้านหนึ่ง ภารกิจที่สองที่ทีมผู้กำกับปล่อยออกมาก็คือให้เหล่าดาราได้เรียนรู้ทักษะจากหยวนโจวโดยมีแขกรับเชิญพิเศษคอยให้ความช่วยเหลืออยู่นั่นเอง


“ทีมผู้กำกับได้ไปเจรจากับเชฟหยวนเอาไว้ล่วงหน้าหรือยังครับ?” เมื่อได้รับภารกิจ หลี่เหอก็ถามขึ้นมาทันที


ผู้กำกับส่ายหน้าอย่างที่คาดไว้ “แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เหอจึงโพล่งออกมาว่า “คุณคิดว่าเชฟหยวนจะสอนเรางั้นเหรอครับ?”


ผู้กำกับยักไหล่แล้วแสดงท่าทางราวกับจะบอกว่า “ก็ไม่รู้สินะ” ออกมาซึ่งพาให้หลี่เหอยิ่งรู้สึกเดือดดาลมากขึ้น


เดิมทีฝ่ายรายการอยากให้ดาราทั้งสามคนนี้ทำภารกิจนี้ให้เสร็จด้วยความช่วยเหลือของดีนผู้เป็นแขกรับเชิญพิเศษ ถึงอย่างไรฝ่ายรายการก็ไม่ได้ไร้สมองไปเสียทีเดียว ถ้าหากดีนไม่อยู่ตรงนั้นพวกเขาก็ไม่คาดว่าดาราทั้งสามคนจะเรียนรู้อะไรจากหยวนโจวได้ในรายการเลย


แต่หลังจากหลี่เหอ ไป๋กั้วและเจียงเหม่ยซือหารือกันอยู่สักครู่หนึ่ง พวกเขาก็พบอีกวิธีเพื่อให้บรรลุภารกิจ


ก่อนอื่นเลย ทักศะไม่จำเป็นต้องหมายถึงอาหารเสมอไปเสียหน่อย ดังนั้นพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะเรียนรู้เรื่องง่ายๆก็พอ


อะไรคือทักษะที่ง่ายที่สุดน่ะเหรอ? ดาราทั้งสามคนต่างนึกถึงการหุงข้าวขาวธรรมดา ไม่มีอะไรจะง่ายดายไปกว่านี้อีกแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยสักนิดนอกจากเปิดหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ซาวข้าวและเติมน้ำในอัตราส่วนที่ถูกต้อง


ยังเหลือเวลาอยู่อีกนิดหน่อยก่อนที่เวลาอาหารค่ำของร้านหยวนโจวจะเริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่าทั้งสามคนไม่น่าจะรออยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด แต่พวกเขาก็เกรงว่าจะมีคนเยอะเกินไปเนื่องจากส่วนลด 10% จนทำให้ไม่สามารถมองเห็นหยวนโจวทำอาหารได้


ดังนั้นหลี่เหอจึงต้องหาวิธีประนีประนอม


ไม่แปลกที่มักจะมีแต่คนบอกว่าเหล่าพอเป็นดาราดังก็ทำอะไรได้สะดวกขึ้น ไป๋กั้วกับเจียงเหม่ยซือจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากบรรดาลูกค้าระหว่างเวลาอาหารค่ำโดยขอให้พวกเขาสั่งข้าวขาวให้หน่อย แบบนั้นพวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะการหุงข้าวขาวธรรมดาอย่างง่ายๆได้


แน่นอนว่าเจียงเหม่ยซือย่อมเป็นคนแรกที่ออกไปหาทางแก้ปัญหา ผลของการเป็นสาวงามมักจะออกมาดีโดยไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงดาราสาวแสนสวยอีกด้วย ดังนั้นภารกิจนี้จึงสำเร็จลงในไม่ช้า


หลังจากแฟนๆตอบตกลง หลายคนถ้าไม่พักสักหน่อยก็จะรีบไปเปิดการแสดงที่อื่น


เวลาอาหารค่ำของร้านหยวนโจวเริ่มต้นตรงตามกำหนดเวลา เพื่อช่วยให้เหล่าไอดอลรวมทั้งแฟนๆมาเข้าคิวได้เร็วกว่าอู๋ไห่นั่นเอง


แฟนคนนี้เป็นเพียงลูกค้า 10 คนแรกเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็เรียกไอดอลของเขาให้รีบมาเร็วๆเข้า


“ซือซือ ผมสั่งข้าวขาวธรรมดาให้แล้วนะครับตอนนี้เถ้าแก่หยวนกำลังทำอยู่เลย” เป็นแฟนที่เจียงเหม่ยซือหารือด้วยเมื่อสักครู่นี้เอง


ใช่แล้วล่ะ ดาราทั้งสามคนได้ร้องขอแฟนๆเอาไว้ล่วงหน้าให้ช่วยสั่งข้าวขาวธรรมดาให้อย่างชาญฉลาด ด้วยเหตุนี้พวกเขาก็จะสามารถบรรลุภารกิจได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่น่าพอใจ


หลังจากแฟนๆสั่งข้าวขาวธรรมดาให้แล้ว เขาก็รีบบอกไอดอลของเขาทันที เขาค่อนข้างมีความสุขมากทีเดียวที่สามารถช่วยเหลือไอดอลของเขาได้ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่สามารถแหกกฎของเถ้าแก่หยวนได้


“ขอบคุณค่ะ” เจียงเหม่ยซือแสดงความขอบคุณพลางอมยิ้มแล้วมอบภาพถ่ายพร้อมลายเซ็นต์ของตัวเองให้เขาเป็นของขวัญ


“ขอบคุณครับ ซือซือ โชคดีกับภารกิจนะครับ” แฟนคนนี้เก็บรูปถ่ายอย่างทะนุถนอมแล้วให้กำลังใจพวกเขาเสียงดังลั่น


“พวกเราจะพยายามนะคะ” เจียงเหม่ยซื่อกำหมัดแล้วตอบอย่างจริงจัง


“ลุยกันเลยพวก เถ้าแก่หยวนกำลังเริ่มทำอยู่เลย” แฟนคนนี้ชี้ไปทางหยวนโจวที่อยู่ในครัวแล้วกล่าวขึ้นมา


“โอเค ตั้งใจหน่อยก็แล้วกัน มาดูกันวิธีหุงข้าวขาวธรรมดากันเถอะ” หลี่เหอก้าวไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว ระหว่างนั้นเขาก็ชนเข้ากับคุณเฉิงโดยไม่เจตนาจึงแสดงรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็มองดูหยวนโจวต่อไป


เมนูข้าวร้อยอย่างของหยวนโจวมักมีข้าวขาวรวมอยู่ด้วยเสมอ และเนื่องจากเจ้าระบบเป็นผู้จัดเตรียมหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามาให้ หยวนโจวจึงหุงข้าวขาวธรรมดาไปพร้อมๆกันได้ง่ายๆ


ถึงอย่างไรก็มีผู้คนตั้งมากมายที่สั่งข้าวขาวธรรมดา


“ฉันเห็นข้าวขาวธรรมดาที่หนึ่งก็มีราคาถึง 98 หยวนแล้ว” ไป๋กั้วพึมพำ


ถูกต้องแล้วล่ะ ในสายตาของไป๋กั้ว ราคาของข้าวขาวธรรมดาแพงเกินไปแล้ว แต่ตามที่แฟนๆบอกมา มันกลับเป็นอาหารที่ขายดีมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากพวกเขาสามารถสั่งข้าวขาวธรรมดาพร้อมกับเมนูข้าวร้อยอย่างได้


แต่ไป๋กั้วกลับเชื่อว่าไม่น่าจะมีวิธีการหุงข้าวขาวธรรมดาได้มากมายถึงเพียงนั้นได้ น่าจะเป็นเพราะได้รับความนิยมอีกครั้งจึงทำให้ราคาแพงมาก ถึงกระนั้นไป๋กั้วก็หาได้ปฏิบัติตัวเช่นนั้นต่อหน้าผู้อื่นแต่อย่างใด


ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงดาราดังและมาที่นี่เพื่อการถ่ายทำแทนที่จะมารณรงค์ต่อต้านการทุจริต เขาเพียงแค่ต้องเรียนรู้การทำอาหารและทำภารกิจให้สำเร็จ


ที่สำคัญที่สุดคือไป๋กั้วพบว่าคนพวกนี้ทำตัวราวกับว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับบางสิ่งบางอย่างเมื่อตอนที่พวกเขากินอาหารของหยวนโจวซึ่งก็น่าจะอร่อยมากจริงๆนั่นแหละ นอกเหนือไปจากนั้นแม้แต่เชฟชาวฝรั่งเศสชื่อดังก็ยังgvjpถึงฝีมือการทำอาหารและความคิดสร้างสรรค์ของเขาเลยว่ายอดเยี่ยมไปเลยทีเดียว


เมื่อพิจารณาเรื่องนั้นดูแล้ว ข้าวขาวธรรมดาที่มีราคา 98 หยวนก็ไม่นับว่าแพงจริงๆในร้านมิชลินสามดาว


ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความคิดพวกนี้ของไป๋กั้ว พวกเขาต่างกำลังคิดว่าจะเพิ่มความสำเร็จในภารกิจง่ายๆนี้และทำให้ผู้ชมชื่นชอบพวกเขาได้อย่างไร


ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นงานหลักของเหล่าดารานี่นา


สำหรับในเรื่องนั้น หยวนโจวย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว เขาหยิบข้าวออกจากตู้แล้วเริ่มซาวทันที


ปิงถังหูลู่(冰糖葫芦) เป็นของหวานที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอมยิ้มเสียบไม้


บทที่ 839 ดีล่ะ มาเปลี่ยนฉันเลยสิ

ดังที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ หยวนโจวซาวเมล็ดข้าวแตกต่างไปจากคนอื่นๆ เพื่อมิให้สูญเสียกลิ่นหอมสดชื่นของข้าวไป เขามักจะใช้แท่งแก้วไร้กลิ่นเพื่อคนเมล็ดข้าว โดยเมล็ดข้าวที่กวนนั้นจะกระทบกันแล้วขจัดสิ่งปนเปื้อนออกไปผ่านการเสียดสี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หยวนโจวต้องซาวเมล็ดข้าวนั่นเอง


ดังนั้นเจียงเหม่ยซือ ไป๋กั้วและหลี่เหอจึงสามารถมองเห็นหยวนโจวใช้มือซ้ายเขย่าหม้อเคลือบเบาๆขณะที่มือขวาคนเมล็ดข้าว ขณะที่เขาคนอยู่นั่นเอง เมล็ดข้าวกับน้ำในหม้อก็เริ่มหมุนติ้ว


เมล็ดข้าวกับน้ำหมุนเป็นวงอยู่เรื่อยๆ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวมือทั้งสองข้างของหยวนโจวและการควบคุมเมล็ดข้าวเป็นการรักษาสมดุลเพื่อทำให้เกิดสิ่งที่ดูคล้ายพายุทอร์นาโดสีขาว


การเคลื่อนไหวของหยวนโจวเชื่องช้าและไม่รีบร้อนทว่ากลับแม่นยำ หลี่เหอและคณะรู้สึกตกตะลึงเมื่อพวกเขาเห็นว่าหยวนโจวแตกต่างไปจากผู้อื่นแม้แต่ในเรื่องอย่างการซาวเมล็ดข้าว


“โอ้ นี่เป็นวิธีการซาวที่ค่อนข้างน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว” ดีนถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความน่าประหลาดใจ จากนั้นเขาก็พูดเหมือนให้คำอธิบายกับเจียงเหม่ยซือและคนอื่นๆ ทว่าก็ดูเหมือนพูดกับตัวเองราวกับว่าเขามองออกถึงความลับบางอย่าง “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยเห็นเชฟหยวนทำของหวานสไตล์ตะวันตกมาก่อนเลยก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าเขาต้องทำออกมาได้ดีมากแน่ๆเช่นกัน”


“เมื่อตอนที่กำลังทำของหวานสไตล์ตะวันตก ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมน้ำหนักมือที่แม่นยำ ด้วยวิธีการที่เขาซาวเมล็ดข้าว เห็นได้ชัดเลยว่าเขาควบคุมน้ำหนักมือได้ดีมากเชียวล่ะ ไม่ว่าจะมือซ้ายหรือมือขวา แรงที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะทำลายการควบคุมที่เขากระทำอยู่ โดยการควบคุมที่เหมาะสมเช่นนี้น่าจะเป็นผลมาจากการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน” ดีนทอดถอนใจ “อันที่จริงแล้วนี่เป็นวิธีซาวข้าวที่ยุ่งยาก แต่เมื่อผมนึกว่าเชฟหยวนไม่ได้เตรียมการที่จะทำสวีดิชมีทบอลมาก่อน ผมก็เลยพอเข้าใจเรื่องนี้ได้”


“ที่จริงผู้เชี่ยวชาญก็คล้ายๆกับพวกหัวกะทิในแง่ของฝีมือ โดยมีความแตกต่างกันเฉพาะด้านรายละเอียดที่น้อยมาก”


จะว่าไปแล้วขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นคุณค่างานศิลป์ ส่วนคนธรรมดาก็จะเพลิดเพลินกับการแสดง หากไม่มีคำอธิบายของดีนแล้วล่ะก็หลี่เหอ เจียงเหม่ยซือและไป๋กั้วคงนึกว่าวิธีการซาวข้าวของหยวนโจวค่อนข้างที่จะแตกต่างและละเอียดมากเป็นแน่


แต่ตอนนี้…


“ไม่ทางหรอกใช่ไหม?” แม้จะมีคำอธิบายที่แน่ชัดของดีนแล้วก็ตามที แต่เจียงเหม่ยซือก็ยังยากที่จะเชื่อลงได้ วิธีการที่ยุ่งยากออกอย่างนั้นยังต้องซาวเมล็ดข้าวอีกด้วยเหรอ?


อาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้แต่ทันทีที่เจียงเหม่ยซือนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หยวนโจวก็หยุดแล้วเริ่มหมุนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาแทน คราวนี้แรงที่เขาใช้กับมือตนเองก็ยังเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้เป๊ะๆ อย่างน้อยที่สุดเจียงเหม่ยซือก็ไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้แหละน่า


แรงที่ใช้ต้องสม่ำเสมอจริงๆ


“พวกเราควรจะซาวเมล็ดข้าวนี้อย่างไรดีกันล่ะ?” จู่ๆหลี่เหอและคณะนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้แล้วสีหน้าของพวกเขาก็พลันแปรเปลี่ยนไป


หยวนโจวหาได้หยุดรอพวกเขาที่กำลังตกอยู่ในอารมณ์หมกมุ่นแต่อย่างใดไม่ เขายังคงทำต่อไป


หลังจากซาวเมล็ดข้าวมาสองครั้งด้วยวิธีเดิม เขาก็รินน้ำออกแล้วใส่ข้าวลงในหม้อความดัน เขากระทำเช่นนี้ด้วยมือทั้งสองข้างเช่นเคย


มือขวาของเขากำลังถือหม้อต้มขณะที่มือซ้ายถือทัพพี เมื่อเขาเติมน้ำเข้าไป ทัพพีในมือซ้ายก็จะเริ่มขยับเบาๆ


หลี่เหอมีสายตาที่เฉียบคม เขาสามารถมองเห็นเมล็ดสีขาวๆที่พร่างพรมลงจากทีพพีได้อย่างชัดเจน และก่อนที่จะปรากฏกลิ่นหอมหลังจากเมล็ดข้าวที่ผสมเข้ากับน้ำเดือดสามารถกระจายตัวไปทั่วแล้ว หยวนโจวก็ปิดฝาหม้อแล้วเริ่มหุงข้าว


แต่ยังไม่หมดเท่านั้นหรอก ระหว่างนั้นพวกเขาก็เห็นหยวนโจวตักข้าวที่หุงแล้วออกมาครึ่งหนึ่งก่อนที่จะแช่อีกหนึ่งถึงสองนาที


พวกเขารู้สึกสับสนโดยสิ้นเชิงว่าเหตุใดเรื่องง่ายๆอย่างการหุงข้าวถึงได้กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขนาดนั้นไปได้


ทำไมกันนะ? เรื่องนี้มันช่างดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย


นอกเหนือไปจากดีนแล้ว คนอื่นๆก็รู้สึกราวกับกำลังต้องคำสาปอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นตากล้องอยู่ใกล้ๆ พวกเขาก็รีบเก็บอาการเหมือนต้องคำสาปเอาไว้


“ถ้างั้นข้าวทั้งหมดที่ฉันเคยกินมาก็หุงกันแบบนี้น่ะเหรอ?” ไป๋กั้วถามตัวเอง


“ข้าวทั้งหมดที่ฉันเคยกินมาเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพเลยงั้นหรือนี่?” เจียงเหม่ยซือตั้งคำถามกับโลกใบนี้


“ครั้งนี้ดูเหมือนจะยากกว่าภารกิจใดๆที่พวกเราเคยทำมาเลยนะ ทั้งปริมาณของน้ำไหนจะวิธีซาวข้าวอีก พวกเราจะทำได้จริงๆเหรอ?” หลี่เหอชักจะเริ่มจริงจังมากขึ้นและนึกเฉพาะเรื่องภารกิจเท่านั้น


“ไม่ต้องเอ่ยถึงในเรื่องภารกิจที่พวกเราจะต้องเลียนแบบเถ้าแก่หยวนเลย” ไป๋กั้วนึกถึงทางหนีทีไล่ “พวกเราสามารถเลือกที่จะไม่ซาวข้าวด้วยวิธีนี้ เพียงแค่ต้องระมัดระวังและทำทีละขั้นทีละตอน ฉันว่าน่าจะไม่ต่างอะไรมากนักหรอก”


ขณะที่เจียงเหม่ยซือกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของแผนนี้อยู่นั้น ดีนก็ให้คำแนะนำอันแสนจริงใจออกมา


“ผมคิดว่าคุณต้องเปลี่ยนภารกิจแล้วล่ะ เชฟหยวนทำอะไรได้มากกว่าซาวเมล็ดข้าวอีกนะ”


ทั้งสามคนหันไปมองดีนทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมา เมื่อดีนเห็นดวงตาทั้งสามคู่ที่เปี่ยมไปด้วยท่าทีราวกับจะบอกว่า “ได้โปรดสั่งสอนฉันที” เขาจึงตัดสินใจที่จะพูดออกมาตามตรง


“ผมขอพูดซ้ำอีกทีก็แล้วกัน ฝีมือการทำอาหารของเชฟหยวนอยู่ในขั้นสูงมากทีเดียว เมื่อตอนที่กำลังซาวเมล็ดข้าวอยู่นั้น มือของเขาไม่สัมผัสกับเมล็ดข้าวเลยสักนิดเดียว เมื่อตอนที่รินน้ำออกเขาก็ทำได้อย่างหมดจดเชียวล่ะ แล้วตอนที่หุงข้าวก็เติมเกลือลงไปด้วย ปริมาณของน้ำที่เขาเติมและวิธีที่เขาทำหาใช่สิ่งที่พวกคุณจะสามารถเรียนรู้ได้ในระยะเวลาสั้นๆเลย” ดีนกล่าวขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นวิธีการซาวข้าวเช่นนั้นก็เป็นได้ เขาจึงค่อนข้างพูดติดลมบน


“พวกเราต้องเติมเกลือตอยหุงข้าวด้วยเหรอคะ?” เจียงเหม่ยซือถามขึ้นมา


“ผมคิดว่าเพื่อความหนึบของข้าวน่ะครับ”


“จริงด้วย ผมก็รู้สึกว่าพวกเราต้องเปลี่ยนภารกิจเหมือนกัน บางครั้งผมก็จะทำอาหารเองที่บ้านแต่หลังจากเห็นอาจารย์หยวนทำอาหารแล้ว ผมก็รู้สึกว่าไม่ต้องเอ่ยถึงการทำอาหารด้วยตัวเองเลย ผมไม่รู้สึกอยากจะสั่งอาหารจัดส่งถึงที่อีกเลย” หลี่เหอกล่าว


“มาเปลี่ยนภารกิจกันเถอะ มีภารกิจที่ง่ายกว่านี้ไหม Are there simpler missions?” ไป๋กั้วพยักหน้าเห็นด้วยซ้ำๆ


นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? ลำดับท่วงท่าอันลื่นไหลที่หยวนโจวแสดงออกมาก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ตลอดชีวิต เขาน่าจะสามารถข้ามบางวิธีเมื่อตอนที่กำลังซาวข้าวได้ แต่เขาก็ไม่สามารถข้ามไปได้เสียทุกสิ่งทุกอย่าง ไป๋กั้วเป็นคนที่ทราบขีดจำกัดของตัวเอง


หลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะให้เจียงเหม่ยซือคนงามไปถามแฟนๆรอบตัวพวกเขา แฟนคนที่เธอตัดสินใจเข้าไปถามเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง


เมื่อหญิงสาวเห็นไอดอลในดวงใจกำลังคุยกับตนเองอยู่ เธอก็ชักจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาพลางตะโกนออกไปว่า “ซือซือ แฟนของฉันรักคุณนะคะ! เขามักจะบอกว่าคุณมีหน้าอกสะบึมแถมยังขายาวอีกต่างหาก! ฉันเองก็นักคุณเช่นกันนะคะ! ขอลายเซ็นต์ให้พวกเราหน่อยได้ไหมคะ?” อืม นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย นี่เป็นแฟนสาวแสนดีตามมาตรฐานของประเทศจีนที่น่าจะขอลายเซ็นต์ไปให้แฟนหนุ่มของเธอด้วย


เจียงเหม่ยซือทำตามคำขอ หลังจากเธอแจกลายเซ็นต์ให้แล้วก็ถามเรื่องอาหารที่ธรรมดาที่สุดในร้านหยวนโจว


“อืมมม ถึงฉันจะไม่รู้ แต่ฉันรู้จักคนที่รู้คำตอบนะคะ” เธอตอบ แม้จะไม่ทราบคำตอบ แต่เธอก็ยังกระตือรือร้นมากทีเดียวเนื่องจากได้ลายเซ็นต์ของไอดอลในดวงใจมา


“ใครเหรอครับ/คะ?” พวกเขาทั้งสามคนถามขึ้นมา


“คนที่มีนามว่าคุณเฉิง เขามาเรียนรู้การทำอาหารที่นี่กว่าครึ่งปีแล้วค่ะ ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถตอบคำถามของคุณได้บ้างนะคะ สิ่งเดียวที่พวกเรารู้ก็คือเรื่องกินเท่านั้นเช่นนั้นน่าจะเป็นเรื่องยากที่เราจะตอบได้ค่ะ” แฟนคนนั้นกล่าวกล่าวเกาศีรษะด้วยความขวยเขิน


“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ นั่นช่วยได้มากเชียวล่ะค่ะ” เจียงเหม่ยซือปลอบใจแฟนคนนั้น


“เฮ้ เฮ้ นับเป็นเรื่องดีที่ฉันสามารถช่วยได้นะคะ” แฟนคนนั้นกล่าวซ้ำๆ เมื่อเธอจ้องมองไปที่ลายเซ็นอีกครั้งก็ยิ้มอย่างเบิกบานใจออกมา บางครั้งดาราดังได้อะไรมาง่ายๆเมื่อแฟนๆเพียงแค่อยากได้สิ่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้น


หลังจากปลอบใจแฟนคนนั้นแล้ว พวกเขาก็เตรียมที่จะไปถามคุณเฉิง เนื่องจากคุณเฉิงอยู่ไม่ไกลนักจึงทำให้พวกเขาสังเกตเห็นเขาจากระยะไกลพลางมองหน้ากันแล้วตัดสินใจว่าใครควรจะเป็นฝ่ายไปหรือควรจะไปกันหมดเลยดี


แต่หลังจากพวกเขาเกือบจะถึงตัวคุณเฉิงและวิเคราะห์ในตัวเขาอยู่นั้น จู่ๆไป๋กั้วก็สังเกตพบอะไรบางอย่าง


บทที่ 840 มีดอะไรว่องไวชะมัด

“เฮ้ ไม่รู้สึกว่าคุณคนนี้ดูคุ้นๆเหรอ?” ไป๋กั้วถามขึ้นมา


“อะไรเหรอ?” เจียงเหม่ยซือไม่ทันสังเกตอะไร


“ใช่จริงๆด้วย” หลี่เหอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับไป๋กั้ว


“เฮ้ ฉันรู้แล้วเขาไม่ใช่คนที่ต่อสู้กับเราเพื่อให้ได้ข่าวเรื่องการประเมินสุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรอกหรือไง?” จู่ๆไป๋กั้วก็กล่าวขึ้นมา


“ใช่แล้วล่ะ ถูกเผงเลย” ตอนนี้หลี่เหอนึกออกแล้ว


“การประเมินการทำอาหารงั้นรึ?” เจียงเหม่ยซือยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร


“ตอนนั้นทั้งฉันกับไป๋กั้วทำรายการวาไรตี้ที่มีชื่อเสียงมากอยู่รายการหนึ่ง แต่เนื่องจากคนผู้นี้เป็นหนึ่งในนักวิจารณ์ในการแข่งขันทำอาหารแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดขึ้นในประเทศเวียดนาม ด้วยความคิดเห็นอันหลักแหลมของเขาทำให้เขาได้รับยอดเข้าชมบนเว่ยป๋อมากกว่าเราเสียอีก ฉันไม่คิดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่” หลี่เหอกล่าวแล้วพบว่าเรื่องนี้ช่างยากจะเชื่อได้ลง


เรื่องนี้ช่างยากจะเชื่อได้ลงจริงๆ ตอนนั้นไป๋กั้วกับหลี่เหอต่างมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันสักเท่าไหร่ซึ่งโปรดิวเซอร์ตั้งใจที่จะทำให้ตกเป็นจุดสนใจเพื่อให้ได้ยอดเข้าชมมากขึ้น ทันใดนั้นเองคุณเฉิงที่ออกมาจากที่ไหนก็สุดรู้คนนี้ก็เอาชนะยอดเข้าชมของพวกเขาด้วยความคิดเห็นอันหลักแหลมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างอาหารจีนและอาหารของประเทศอื่นๆ


ท้ายที่สุดก็ค้นพบจนได้ว่าอันที่จริงแล้วคนผู้นี้เป็นเชฟที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศและเคยเป็นตัวแทนของประเทศเพื่อทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนอาหารในต่างประเทศ


เป็นเรื่องน่าแปลกที่คนแบบนี้กำลังเรียนรู้อยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นจากความเคารพที่มีต่อหยวนโจวก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขายอมรับหยวนโจวโดยสิ้นเชิง


“คนแบบนั้นมาเรียนรู้วิธีการทำอาหารที่นี่งั้นเหรอ?” เจียงเหม่ยซือพบว่าช่างเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ลง


ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขาแล้ว ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้น่าจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง แล้วเขาจะมาเรียนรู้จากหยวนโจวที่นี่ได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเรียนรู้ด้วยทัศนคติที่เคารพและนอบน้อมอีกต่างหาก


ควรรู้ว่าเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่พวกเขาถ่ายทำตอนที่เกี่ยวกับศิลปินเครื่องจักสานผู้หนึ่ง คนผู้นั้นยังเป็นที่รู้จักกันในฐานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย ทว่ากลับอารมณ์ร้ายเป็นอันมากและระหว่างการถ่ายทำนั้นเอง เขาก็ไม่อดกลั้นเอาเสียเลย


อาจกล่าวได้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะทำสิ่งที่เขาอยากทำเพียงเพราะพรสวรรค์ของเขา แต่เชฟที่มีชื่อเสียงจะเรียนรู้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจจริงๆ


พวกเขาถึงกับขยี้ตาตนเองด้วยความสงสัยว่าพวกเขาเข้าใจคนผิดหรือไม่


“ใช่แล้วล่ะ คุณเฉิงอยู่ที่นี่มาได้สักระยะหนึ่งแล้วล่ะ เขาพยายามที่จะเป็นศิษย์ของเถ้าแก่หยวนให้ได้เลยแต่เถ้าแก่หยวนก็ปฏิเสธเขา” ลูกค้ากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ


“ปฏิเสธงั้นรึ?” ทั้งสามคนมองไปทางหยวนโจวกับคุณเฉิงด้วยสายตาแปลกๆแล้วสถานะของหยวนโจวในใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆ


“ถูกต้องแล้วล่ะครับ ผมยังไม่ตรงตามมาตรฐานของอาจารย์หยวนน่ะสิครับ” คุณเฉิงกล่าว เขาบังเอิญได้ยินเข้าอย่างชัดเจน


“แค่ก แค่ก คุณเฉิง แม้แต่คุณก็ยังไม่ตรงตามมาตรฐานของเขาอีกเหรอครับ?” ไป๋กั้วสำลักลมหายใจตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของคุณเฉิงแล้วกล่าวด้วยความสงสัย


คุณเฉิงมองไปทางหยวนโจวด้วยความเคารพก่อนพลางนึกถึงฝีมือการทำอาหารมากมายนับไม่ถ้วยที่หยวนโจวเคยแสดงออกมาก่อนจะตอบว่า “ใช่ครับ ยังอีกห่างไกลเชียวล่ะครับ”


ด้วยสิ่งนี้เองทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกสับสนกับระดับของหยวนโจวเข้าไปใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถระงับความตกตะลึงเอาไว้ได้เลย ทีแรกพวกเขาเชื่อว่าหยวนโจวด้อยกว่าดีนอยู่นิดหน่อย แต่มาตอนนี้แม้แต่ดีนก็ถึงกับยอมรับความยอดเยี่ยมของหยวนโจวแล้ว


“คุณเฉิง ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมครับว่าอาหารจานไหนของที่นี่ที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุด?” หลี่เหอเป็นคนแรกที่หายจากอาการตกตะลึงแล้วถามขึ้นมา


“ในระยะเวลาอันสั้นที่คุณมีย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้ฝีมือการทำอาหารของอาจารย์หยวนได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ หากจัดวางท่าทางให้เหมาะสม คุณก็น่าจะสามารถทำออกมาได้ครับ” คุณเฉิงกล่าวโดยไม่คิดจะอมพะนำเอาไว้แต่อย่างใด


“อะไรเหรอครับ/คะ?” ทั้งสามคนถามขึ้น แม้แต่ดีนก็อยากรู้เช่นกัน


“น้ำแตงโมไงล่ะครับ น้ำแตงโมคั้นสดๆ” คุณเฉิงกล่าว


“น้ำแตงโมงั้นเหรอครับ? ใช่แล้ว! ทำไมพวกเราถึงนึกเรื่องนั้นไม่ออกกันนะ? เครื่องดื่มน่าจะเรียนรู้ได้ง่ายที่สุดแล้วล่ะ” ไป๋กั้วกล่าวด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันที


“จริงด้วย การทำน้ำแตงโมง่ายมากเลยนะ” เจียงเหม่ยซือพยักหน้าพลางอมยิ้ม


“พวกเราน่าจะสามารถบรรลุภารกิจนี้ได้แล้วล่ะ” หลี่เหอพยักหน้าด้วยความโล่งอก


“คุณบอกว่าเชฟหยวนคั้นน้ำแตงโมด้วยวิธีการที่ต่างออกไปด้วยใช่ไหมครับ?” ดีนถามเนื่องจากเขาสังเกตพบอะไรบางอย่างได้เมื่อเห็นสีหน้าของคุณเฉิงเข้า


“ครับ ทุกอย่างที่อาจารย์หยวนทำแม้ว่าจะเป็นแค่น้ำแตงโมธรรมดาๆก็มักจะแตกต่างไปจากผู้อื่นครับ” อาจารย์เฉิงกล่าว


“ต่างกันยังไงเหรอครับ?” ไป๋กั้วถามขึ้นมา


จริงสิ มันก็แค่น้ำแตงโมนี่นา หลังจากหั่นแตงโมแล้วใส่ลงเครื่องปั่น น้ำแตงโมก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว แบบนี้จะมีอะไรแตกต่างกันเล่า?


“อาจจะมีอะไรแตกต่างไปก็ได้นะ” เจียงเหม่ยซือกล่าวเมื่อนึกถึงวิธีซาวเมล็ดข้าวของหยวนโจวขึ้นมาได้


“ฉันล่ะสงสัยนักเชียวว่าแตกต่างกันยังไง?” หลี่เหอตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน


“เถ้าแก่หยวนกำลังจะทำในไม่ช้านี้แหละครับ พวกคุณจะได้เห็นเองนั่นแหละ” คุณเฉิงมักจะให้ความสนใจในตัวหยวนโจวแม้แต่ตอนที่กำลังคุยกับผู้อื่นอยู่ก็ตามที เขาจึงรีบบอกให้พวกเขามองไปทางหยวนโจว


คราวนี้หาใช่การเตรียมการของเจียงเหม่ยซือกับคนอื่นๆแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นลูกค้าที่สั่งน้ำแตงโมนั่นเอง


“ดูสิฉันโชคดีขนาดไหนที่ได้ดื่มน้ำแตงโมในคืนนี้” ลูกค้ารู้สึกดีใจมากทีเดียว


เป็นที่พอเข้าใจได้อยู่ว่าเหตุใดลูกค้าคนนั้นถึงได้ดีอกดีใจเสียขนาดนั้น น้ำแตงโมของหยวนโจวมีอยู่จำนวนจำกัด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตอนนี้เลยด้วยซ้ำไป แม้แต่ในช่วงปีใหม่เมื่อตอนอากาศเย็น น้ำแตงโมจะหมดลงทันทีที่ถึงตอนกลางคืน


ทั้งสามคนรู้สึกราวกับได้หมอนมาหนุนยามที่พวกเขารู้สึกง่วงนอน ทันทีที่พวกเขาถามเรื่องน้ำแตงโมขึ้นมา พวกเขาก็มีโอกาสได้ประจักษ์แจ้งด้วยตาตนเอง


“มาเลย เข้ามาดูเถ้าแก่หยวนทำน้ำแตงโมใกล้ๆกันเถอะ” หลี่เหอเรียกคนอื่นๆ


“โอเค” ไป๋กั้วกับเจียงเหม่ยซือตอบแล้วเดินตรงไปข้างหน้า


ความเร็วที่หยวนโจวใช้ในการทำน้ำแตงโมนั้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่าตอนที่เขาหุงข้าวเสียอีก


หลี่เหอ ไป๋กั้วและดีนมองดูหยวนโจวหยิบแตงโมออกมา หลี่เหอบ่นพึมพำว่าแตงโมลูกนี้ดูเหมือนว่าจะมีคุณภาพดีแถมยังฉ่ำและดูแน่นอีกต่างหาก


แสงวาบกลางอากาศเสียงดังหวือทำให้เกิดรอยผ่ารูปทรงกลมขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นบนแตงโม ก่อนที่หลี่เหอกับคนอื่นๆจะทันได้ชื่นชมความงดงามด้านใน พวกเขาก็เห็นหยวนโจวเล็งมีดของเขาจากมุมที่แปลกมาก และแตงโมรูปทรงกระบอกที่มีลอนคลื่นคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา


แตงโมรูปทรงกระบอกนี้เป็นส่วนที่อยู่ด้านในสุดของแตงโมลูกเดิม ดูราวกับแกนทับทิมที่เปล่งประกายแวววาว มันถูกวางอยู่บนจานอย่างเงียบๆ ต่อมาหยวนโจวก็คั้นน้ำแตงโมสดๆออกมาแก้วหนึ่ง


น้ำแตงโมสีแดงในแก้วดูสวยงามมากทีเดียว ตรงบริเวณพื้นผิวของแก้วมีฝ้าขาวชั้นเล็กๆกำลังล่องลอยอยู่ทำให้ลักษณะภายนอกทั้งหมดของน้ำแตงโมดูเย้ายวนอย่างน่าเหลือเชื่อ และเมื่อประกอบเข้ากับกลิ่นหอมสดชื่นของแตงโมแล้วก็จะพบว่าช่างยากจะทานทนต่อน้ำผลไม้แก้วนี้ได้


ทุกขั้นตอนกินเวลาน้อยกว่าสองนาที และที่ใช้เวลานานขนาดนี้ก็เพราะวิธีการคั้นด้วยมทอแบบดั้งเดิมที่หยวนโจวใช้นั่นเอง


ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือหยวนโจวใช้มีดทำครัวเล่มเดียวกันในทุกขั้นตอน นี่ก็คือสาเหตุของความประหลาดใจของพวกเขานั่นเอง


เขาใช้ทำครัวเล่มใหญ่เสียขนาดนั้นให้เป็นรอยผ่าขนาดเล็กเพื่อหั่นแตงโมให้เป็นทรงกระบอกที่เกลี้ยงเกลาเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?


“เมื่อก่อนตอนที่ฉันดูโทรทัศน์แล้วเห็นคนที่เพียงแค่ใช้มีดตวัดกลางอากาศเพื่อหั่นวัตถุดิบทั้งหมดให้เสร็จ ฉันเห็นว่าช่างเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ลง แต่หลังจากได้เห็นเชฟหยวนจัดการแตงโมแล้ว ฉันก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะ” ไป๋กั้วพึมพำ


“นั่นมันว่องไวเกินไปแล้วนะ” เจียงเหม่ยซือย่นจมูกด้วยสีหน้ากังวลใจเนื่องจากเธอไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก


“จริงด้วย เร็วมากเลย” หลี่เหอยังคงเหม่อลอยเนื่องจากเขาเพียงแค่เห็นมีดโฉบไปโฉบมาแล้วแตงโมก็ถูกหั่นออกมาแล้วเท่านั้น


ภารกิจนี้สร้างความยุ่งยากให้แก่ชีวิตของพวกเขาจริงๆ พวกเขาเป็นดาราไม่ใช่เชฟสักหน่อย แล้วพวกเขาจะไปถือมีดแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)