ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 832-833

 ตอนที่ 832 ปีศาจงูหมื่นปี

เนื่องจากก่อนหน้านี้พ่นแก่นปีศาจออกมาระเบิดด้วยตนเอง อสูรกวางชะมดตัวนี้จึงขัดขืนได้ไม่เท่าไรก็ถูกทั้งสามคนร่วมมือกันสังหารประหนึ่งสายฟ้าฟาด


ผู้เฒ่าอ้วนร่างกายขยับวูบหนึ่งก็ร่อนลงบนพื้นดิน สายตากวาดผ่านบนศพทีหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าอสูรตัวนี้ไม่มีร่องรอยของชีวิตสักนิดแล้วจริงๆ กระทั่งวิญญาณในร่างก็ถูกการโจมตีก่อนหน้านี้ทำลายสลายไปแล้ว ในดวงตาก็ฉายแววพอใจจางๆ หันศีรษะมาประสานมือเอ่ยกับหลิ่วหมิง


“กระบี่บินพลังจิตวิญญาณของสหายคมกริบอย่างยิ่งจริงๆ ก่อนหน้านี้เหตุเพราะค่ายกลจึงไม่อาจสังหารอสูรตัวนี้ในทีเดียวได้ เป็นข้าคิดไม่รอบคอบเอง”


“เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะว่าอย่างไรวันนี้พวกเราก็ทำสำเร็จแล้ว” หลิ่วหมิงตอบอย่างไม่แสดงท่าที


“เหอะ ไม่มีค่ายกลหลายชั้นของข้า คิดจับปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าตัวนี้ก็เป็นเรื่องเพ้อฝัน” เฟิงชิงโม่กลับแค่นสียงเหอะอย่างไม่ยอมรับ


หลิ่วหมิงได้ยินก็เพียงยิ้มน้อยๆ ไม่พูดมากอันใด


อย่างไรตอนนี้อสูรกวางชะมดว่างเปล่าก็ถูกสังหารแล้ว หลังเขาเอาวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่ตนสมควรได้ไปก็เตรียมจะแยกทางกับสองคนนี้ทันที จึงไม่คิดสร้างเรื่องอันใดเพิ่มเวลานี้


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงเบาๆ กำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไร ทันใดนั้นในพุ่มไม้หนาสูงเท่าตัวคนแถบหนึ่งไกลออกมาก็มีเสียงแสกสากดังขึ้น พร้อมกันนั้นแรงกดดันและคลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงสายแล้วสายเล่าก็พุ่งขึ้นฟ้าโถมออกไปสี่ด้านแปดทิศอย่างเหิมเกริม


“นี่มัน…” หลิ่วหมิงใจสะท้าน กวาดจิตสัมผัสไปยังพุ่มไม้ด้านนั้นเป็นอย่างแรก ผลปรากฏว่าลึกเข้าไปในพุ่มไม้มีโพรงมืดสนิทใหญ่ยักษ์อย่างยิ่งโพรงหนึ่งอยู่


แรงสั่นะสเทือนและเสียงแสกสากมากมายก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าดังออกมาจากด้านใน


ในดวงตาของผู้เฒ่าอ้วนทอประกาย หลังกวาดสายตาไปทางพุ่มไม้ก็เห็นชัดว่าเขาค้นพบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรขึ้นได้ พลิกมือเรียกคัมภีร์หยกเล่มหนึ่งออกมาทันที เมื่อจิตสัมผัสกวาดผ่านบนนั้นเขาก็ทำหน้าตกใจร้องออกมา


“แย่แล้ว พวกเราต้องรีบไป! คิดไม่ถึงว่าอสูรกวางชะมดว่างเปล่าตัวนี้จะเจ้าเล่ห์เช่นนี้ พวกเราถูกล่อมาที่นี่! ที่แห่งนี้คือหุบเขาอสรพิษจิตวิญญาณหมื่นปีสถานที่ต้องห้ามของแถบนี้ ปีศาจอสรพิษที่ขดตัวหลับใหลอยู่ในโพรงมีนับไม่ถ้วน ได้ยินว่ายังมีปีศาจงูอายุหมื่นปีระดับแก่นแท้ขั้นปลายตัวหนึ่งด้วย”


ผู้เฒ่าอ้วนพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ โยนยันต์เก็บของแผ่นหนึ่งออกมาเก็บศพอสูรกวางชะมดว่างเปล่าข้างเท้า จากนั้นเมฆขาวก้อนหนึ่งใต้เท้าก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ยกร่างของเขาลอยขึ้นพุ่งเร็วรี่ไปไกล


“ปีศาจงูอายุหมื่นปีระดับแก่นแท้ขั้นปลายหรือ?” เฟิงชิงโม่สูดลมหายใจดังเฮือกเช่นกัน กระทั่งเพียงพอนผลึกม่วงก็ไม่ทันเรียกกลับมา รีบร้อนกระตุ้นเคล็ดวิชากลายเป็นแสงสีขาวดวงหนึ่งตามผู้เฒ่าอ้วนไปติดๆ


หลิ่วหมิงขมวดคิ้วตาม มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชาทันที แสงสีทองโถมทั่วร่างกลายเป็นแสงกระบี่สีทองสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าจากไปเช่นกัน


ชั่วอึดใจให้หลัง ในดงไม้ไม่ไกลเสียงแสกสากดังสนั่น ปีศาจอสรพิษสีเขียวสลับดำตัวหนาเท่าถังน้ำขนาดยาวสั้นไม่เท่ากันร้อยกว่าตัวเลื้อยออกมาจากด้านใน


ปีศาจอสรพิษเหล่านี้ดวงตาฉายประกายแสงสีเลือดสว่างจ้า ออกจากโพรงปุบก็ทอดสายตาไปทางสามคนที่หนีไปไกล หลังปราณปีศาจโถมออกมาจากทั่วร่างก็พากันลอยขึ้นฟ้า ปากส่งเสียงฟ่อๆ ขี่สายลมตามไปติดๆ


ทางด้านหลิ่วหมิงขี่กระบี่เคลื่อนไปด้านหน้าพลางก็ปล่อยจิตสัมผัสกวาดปีศาจอสรพิษด้านหลังร่างไปพลาง ในหมู่พวกมันมีระดับแก่นแท้มากถึงสี่ห้าตัว นอกจากนี้ยังมีงูยักษ์ลายแต้มสีเขียวทั่วร่างตัวหนึ่งในนั้นตัวหนาเท่าโม่ หนากว่าพวกเดียวกันตัวอื่นมากนัก พลังระดับแก่นแท้ขั้นปลาย น่าจะเป็นปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นที่ผู้เฒ่าอ้วนว่า


เวลานี้ทอดสายตามองไป กลางท้องฟ้าเบื้องหลังทั้งสามคนล้วนเป็นอสรพิษจิตวิญญาณดุร้ายตัวแล้วตัวเล่าอ้าปากพ่นหมอกพิษ บางตัวคำรามเบาๆ จำนวนมากมายทำให้คนขนหัวลุกอย่างไม่รู้ตัว!


เฟิงชิงโม่กับผู้เฒ่าอ้วนคนนั้นเห็นชัดว่าค้นพบความดุร้ายโหดเหี้ยมของปีศาจอสรพิษด้านหลังแล้ว พวกเขาพากันเรียกยันต์เพิ่มความเร็วนานาชนิดออกมา รอบกายทั้งสองคนส่องแสงสีเหลืองวูบหนึ่ง ความเร็วก็พลันเพิ่มขึ้นหลายส่วน เพียงชั่วสองสามลมหายใจก็ทิ้งระยะห่างจากหลิ่วหมิงไปอยู่บ้าง


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันแล้วกระตุ้นพลังเวทบริสุทธิ์ในร่างบ้าง แสงสีทองใต้เท้าสว่างจ้า บนแผ่นหลังส่งเสียงดัง “ฟึบ” ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า หลังเขาโฉบหายวับไปก็กลายเป็นแสงกระบี่ที่เพิ่มความเร็วขึ้นมากพุ่งเร็วรี่ไปด้านหน้าเช่นกัน


ตอนนี้เองปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นก็ร้องฟ่อขึ้นทีหนึ่ง ทันใดนั้นฝูงอสรพิษเบื้องหลังก็รวมปราณเป็นหนึ่งกลายเป็นสายลมปีศาจถาโถม ความเร็วเพิ่มขึ้นพรวดพราดไล่ตามมาไม่ลดละเช่นกัน


เวลาครึ่งเค่อให้หลัง กลางหมู่ยอดเขาที่ทอดยาวไม่จบสิ้น รุ้งสีเหลืองสองสายบินอยู่เคียงคู่กัน


“ผู้อาวุโสหวง ใช้ยันต์นภาทิพย์แล้ว เจ้าเด็กนี่กลับยังมีแรงเหลือไล่ตามมาอีก ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไร?” เฟิงชิงโม่ขยับริมฝีปากเล็กน้อยส่งกระแสจิตเอ่ยถามผู้เฒ่าอวบอ้วนด้านข้าง


“ฮ่ะๆ ศพของอสูรว่างเปล่าอยู่ที่ข้าตรงนี้ เขาได้แต่ว่าง่ายเชื่อฟังเท่านั้น! เดิมคิดจะยืมมือปีศาจอสรพิษพวกนั้นกำจัดเขาไปจะได้ประหยัดแรง แต่คิดไม่ถึงว่าพลังเวทของคนผู้นี้จะบริสุทธิ์กว่าผู้ฝึกฝนรุ่นเดียวกันไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีวิชาหลบหลีกยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่เล่าลือ ในเมื่อตอนนี้ไม่อาจสลัดเขาหลุดได้ ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องทำเช่นนี้…” ในดวงตาของผู้เฒ่าอ้วนฉายประกายเจ้าเล่ห์ ส่งกระแสจิตเอ่ยกับเฟิงชิงโม่เสียงเบา


“ผู้เฒ่าหวงช่างวางแผนได้ล้ำลึกยิ่งนัก ข้านับถือ!” เฟิงชิงโม่เวลานี้เปลี่ยนท่าทีจากที่เหิมเกริมตอนแรกไปแล้ว เขาเผยรอยยิ้มประหลาดพลางพยักหน้ารัว


ในเวลานี้เองห่างไปด้านหลังร่างทั้งสองคนหลายร้อยจั้ง แสงกระบี่สีทองสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าเคลื่อนที่มาเร็วประหนึ่งสะเก็ดไฟแลบ


หลิ่วหมิงที่อยู่กลางแสงสีทองมองลำแสงสองสายที่บินหนีอยู่เบื้องหน้า บนใบหน้าแลดูไม่มีสีหน้าประหลาดใจสักนิด แต่ลึกลงไปในดวงตากลับมีแววตาประหลาดใจเล็กน้อยเป็นพักๆ


ห่างไปสองสามลี้หลังร่างเขา นอกจากปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นกับปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้อีกสามตัว ฝูงอสรพิษตัวอื่นพลังเวทไม่พอจึงถูกสลัดทิ้งไม่เห็นเงาแล้ว


เวลานี้เองลำแสงของพวกเฟิงชิงโม่ด้านหน้าก็ชะงักเล็กน้อย ความเร็วช้าลงวูบหนึ่ง


หลิ่วหมิงฉุกใจคิด ปีกเนื้อสีเงินบนแผ่นหลังกระพืออย่างแรงทีหนึ่ง เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นหลายหน แสงสีทองรอบร่างกะพริบวูบปรากฏตัวขึ้นข้างกายทั้งสองคน


ภาพนี้ทำให้เฟิงชิงโม่กับผู้เฒ่าอ้วนทำหน้าตกตะลึงเล็กน้อยพร้อมกันโดยไม่ได้นัด


“สหายหลิ่ว เมื่อครู่พวกเราสองคนสนใจแต่หนีเอาชีวิตรอด เกือบลืมไปเลยว่ายังมีสหายอยู่ด้านหลัง เลินเล่อไปอยู่บ้างขอโปรดอย่าถือโทษ” ผู้เฒ่าอ้วนรีบยิ้มน้อยๆ เอ่ยกับหลิ่วหมิง


“ไม่เป็นไร แต่ปีศาจอสรพิษด้านหลังนี่ยุ่งยากอยู่จริงๆ ดูสภาพแล้ววิธีทั่วไปคงไม่อาจสลัดหลุดได้ ไม่ทราบทั้งสองท่านมีวิธีการอันใดใช้ได้หรือไม่” หลิ่วหมิงเอ่ยถามเรียบๆ


“สหายหลิ่วเอ่ยถามเช่นนี้ ข้าก็มีวิธีการหนึ่งลองดูได้จริงๆ” ผู้เฒ่าอ้วนมองสายลมปีศาจที่ถาโถมไล่ตามมาด้านหลัง หลังกะพริบตาปริบๆ ก็พลันเอ่ยตอบเช่นนี้


“เชิญพี่หวงเอ่ย!” หลิ่วหมิงถามต่ออย่างไม่ครุ่นคิด


“ง่ายดายยิ่ง ค่ายกลห้วงนทีที่พวกเราใช้ขังปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าก่อนหน้านี้ เพราะยามนั้นจากมาอย่างรีบร้อนเกินไปจึงยังไม่ได้เก็บ ไม่สู้ล่อปีศาจร้ายเหล่านี้ด้านหลังไปขังไว้ที่นั่น หลังจากนั้นไม่ว่าจะสู้หรือหนี เรื่องที่เหลือก็จัดการง่ายแล้ว” ผู้เฒ่าอ้วนดวงตากลอกกลิ้งรอบหนึ่งก็เสนอเช่นนี้


“อืม นี่เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งจริงแท้ ทำตามที่ท่านว่าเถิด” หลิ่วหมิงใคร่ครวญครู่เดียวก็ตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ


ผู้อาวุโสหวงได้ยินพลันยินดี เรียกเฟิงชิงโม่คำหนึ่งจากนั้นเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางพุ่งเร็วรี่ไปทันที


เฟิงชิงโม่ตามก้นไปโดยไม่พูดสักคำ


หลิ่วหมิงมองเงาแผ่นหลังของทั้งสองคนนิ่งนาน จากนั้นสองปีกบนแผ่นหลังก็กระพือกลายเป็นรุ้งทองสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าติดตามไปอีกครั้ง


ฝูงอสรพิษด้านหลังเห็นเช่นนี้ย่อมส่งเสียงฟ่อๆ เปลี่ยนทิศทางเช่นเดียวกัน ปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นยังคงนำหน้าไล่ตามไม่ลดละ


…….


เสียงแหวกท้องฟ้าดังขึ้นสายหนึ่ง!


ลำแสงสามสายสีเหลืองสองสายสีทองหนึ่งสายกะพริบวูบหนึ่งก็หายไป จากนั้นปรากฏออกมาใหม่อีกครั้งเหนือที่ราบระหว่างเขาซึ่งวางค่ายกลห้วงนทีเจ็ดชั้นไว้ก่อนหน้านี้


เมื่อลำแสงดับลงเงาร่างของหลิ่วหมิง ผู้เฒ่าอ้วนและเฟิงชิงโม่สามคนก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า


“ในที่สุดก็กลับมาถึงที่นี่แล้ว” ผู้เฒ่าอ้วนมองม่านแสงสีฟ้าเข้มที่ยังอยู่เบื้องล่างแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าโล่งใจ


บนหน้าเฟิงชิงโม่กลับปรากฏสีหน้าตื่นเต้นจางๆ


ส่วนหลิ่วหมิงสายตากวาดเร็วไวไปรอบด้านอย่างนิ่งเฉย


เวลานี้เองท้องนภาด้านหลังก็มีเสียงสายลมโหมรุนแรงดังลั่นขึ้นในพริบตา ร่างปีศาจอสรพิษตัวแล้วตัวเล่าฉับพลันปรากฏตัว ขณะที่อยู่ห่างไปไม่กี่ลี้ตัวหนึ่งที่มหึมาที่สุดในนั้นก็อ้าปากแหงนหัวขึ้นฟ้า เสาน้ำสีเขียวเข้มต้นหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าไป


ครู่ต่อมาพวกหลิ่วหมิงสามคนรู้สึกว่าสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ามีคลื่นสั่นสะเทือนก่อตัวขึ้น ทันใดนั้นเสียงบึ๊มก็ดังสนั่น ของเหลวสีเขียวเข้มก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งเร็วรี่ลงมาประหนึ่งฝนกระหน่ำ ครอบทับพวกเขาทั้งหมดไว้ข้างใต้


ครั้งนี้ผู้เฒ่าอ้วนหน้าถอดสีอย่างแท้จริง เขาหมุนตัวยกแขนขึ้นในทันใด แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาจากในแขนเสื้อของเขา หมุนติ้วกลางท้องฟ้าแล้วหยุดนิ่งจากนั้นกลายเป็นโล่เหล็กสีดำแผ่นหนึ่ง พริบตาเดียวโต้ลมขยายจนใหญ่ยักษ์สามสิบกว่าจั้งในพริบตา ไอหมอกสีดำสายแล้วสายเล่าที่วนเวียนอยู่บนผิวปกป้องหลิ่วหมิงและเฟิงชิงโม่ที่อยู่ใกล้ๆ ไว้ข้างใต้ด้วยกันทั้งหมด


เสียงเปรี๊ยะๆ ประหนึ่งฝนต้องใบตองดังลอยมา!


ของเหลวเหนียวหนืดสีเขียวเข้มก้อนแล้วก้อนเล่าสัมผัสกับไอหมอกสีดำปุบก็สลายหายไปด้วยกัน


“นายน้อยไม่ต้องตระหนก ตอนนี้ในเมื่อพวกเรากลับมาถึงตรงค่ายกลนี้แล้ว ขอเพียงปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นถูกขังไว้ข้างในย่อมไม่อาจหนีออกมาง่ายๆ ได้ ถึงขั้นที่หากสังหารมันเสีย แก่นปีศาจของมันคงล้ำค่าอย่างยิ่ง ตอนนี้ขอเพียงพวกเราสองคนคิดหาวิธีล่ออสรพิษตัวอื่นข้างกายมันออกไปกำจัดก่อน ข้าย่อมมีวิธีจัดการปีศาจงูหมื่นปีตัวนี้” ผู้เฒ่าอ้วนตวาดเสียงดัง


ทว่าในเวลานี้เอง เสียง “ปัง” หนักอึ้งก็ดังขึ้น ผิวของโล่เหล็กยักษ์บนท้องฟ้ากัดกร่อนจนเป็นรอยแตกเส้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวเข้มก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งเร็วรี่ผ่านตรงกลางลงมาทันที


น้ำพิษของปีศาจงูหมื่นปีไม่ธรรมดาจริงๆ!


ผู้เฒ่าอ้วนสีหน้าพรั่นพรึง เขาไม่มีเวลาเอ่ยวาจาอื่นใดอีก ยกมือข้างหนึ่งขึ้นทันที ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากนั้นระเบิดกลายเป็นม่านแสงสีทองอ่อนชั้นหนึ่งปกป้องเขาไว้ข้างใน


หลิ่วหมิงหรี่สองตาลงพลางฉวยโอกาสกระตุ้นเคล็ดวิชา หมอกดำทั้งร่างพลุ่งพล่านพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก่อตัวเป็นหนวดสีดำหลายเส้นออกมาจากความว่างเปล่า พวกมันสะบัดร่อนอย่างบ้าคลั่ง เงาหนาแต่ละเส้นๆ ก่อตัวขึ้นมาปุบก็โจมตีน้ำพิษที่ร่วงลงมาจนปลิวออกไป


เฟิงชิงโม่พลิกมือ เรียกพัดขนนกที่ส่องแสงสีขาวขมุกขมัวเล่มนั้นออกมาอีกหน เมื่อพัดกลางอากาศทีหนึ่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ สายหนึ่งก็ลอยกระจายออกมา พร้อมกันนั้นกระแสลมแรงก็ก่อตัวขึ้นกลายเป็นม่านสายลมผืนหนึ่งขวางน้ำพิษไว้ด้านนอก


ตอนที่ 833 แตกคอ

“สหายหลิ่ว รอเรื่องนี้จบ ข้าจะยกเนื้อหนังของอสูรกวางชะมดว่างเปล่าครึ่งหนึ่งให้แน่นอน เวลานี้มีวิชาใดก็โปรดใช้ออกมาเถิด” ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาของผู้เฒ่าอ้วนก็ดังขึ้นข้างหูหลิ่วหมิง


เขาเหล่มองก็เห็นผู้อาวุโสหวงคนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศใต้เกราะแสงสีทอง สิบนิ้วมือแปรเปลี่ยนไม่หยุด ดีดเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าใส่ม่านแสงสีฟ้าใต้ร่าง


เสียง “ฟุบ” ดังขึ้น ม่านแสงสีฟ้าอ่อนกะพริบวูบหนึ่งแล้วเร้นหายไปทันใด ราวกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน


จากนั้นมือที่ทำท่าเคล็ดวิชาของผู้เฒ่าอ้วนก็หยุดลง เขาล้วงเลือดเนื้อก้อนหนึ่งซึ่งมีหนังติดอยู่ของกวางชะมดที่เตรียมไว้ก่อนหน้าออกมาจากในกำไลเก็บของประหนึ่งสายฟ้าแลบ โยนเข้าไปในค่ายกลห้วงนทีเบื้องล่างอย่างไม่ลังเลสักนิด


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในดวงตาพลันมีแววตาประหลาดพาดผ่านก่อนจะหายไป ทว่าไม่ทันได้คิดมากนัก สายลมชั่วร้ายก็พัดมาเบื้องหน้า ปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้สองตัวโถมเข้ามาหาเขา


ปีศาจอสรพิษสองตัวนี้ยังไม่ทันโถมมาถึง หมอกพิษสีเขียวสายแล้วสายเล่าก็ถาโถมตามสายลมปีศาจมาถึงก่อน


จมูกของหลิ่วหมิงได้กลิ่นคาวบางอย่าง ดวงตาจึงฉายประกายวูบหนึ่ง แขนเสื้อสะบัด กระบี่น้อยสีทองเล่มหนึ่งบินพุ่งออกมา กลายเป็นรุ้งทองยาวสิบกว่าจั้งซัดออกมา


เสียง “ฟึบๆ” ดังขึ้นหลายครั้ง!


แสงสีทองฉายวาบไม่กี่หนก็แล่นผ่านร่างปีศาจอสรพิษตัวหนึ่งในนั้นไป เกล็ดที่แลดูแข็งหนาอย่างยิ่งกลับถูกแสงกระบี่ฟันแหวกอย่างง่ายดาย


หลังอสรพิษตัวนี้กรีดร้องโหยหวน หางอสรพิษมหึมาก็ตวัดฟาดทันที เสียง “ปัง” ดังขึ้น ราวกับค้อนหนักฟาดลงบนตัวแสงกระบี่ ทำให้แสงกระบี่ที่โจมตีมันสั่นพร่ากระเด็นออกไปทันที


ทว่าบนร่างกายและหางของอสรพิษตัวนี้หนังกลับฉีกเนื้อแตกเลือดไหลริน


เวลานี้ปีศาจอสรพิษอีกตัวก็โถมอย่างแรงมาถึง ปากสีแดงสดอ้ากว้างขย้ำหลิ่วหมิง


ร่างกายของหลิ่วหมิงพร่าเลือนวูบหนึ่งก็แยกออกเป็นสามร่างเหาะถอยไปข้างหลัง เขากวักมือข้างหนึ่ง แสงกระบี่สายเดิมบินวนรอบหนึ่งก็กรีดร้องแหลมเลี้ยวกลับมาทันที


ทันใดนั้นปีศาจอสรพิษที่เลือดไหลโชกอีกตัวหนึ่งก็อ้าปากพ่นน้ำพิษก้อนแล้วก้อนเล่าจู่โจมร่างเงาที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้น


หลิ่วหมิงกับปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้สองตัวสู้กันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง


อีกด้านหนึ่งเฟิงชิงโม่ร่างกายส่ายเอน มือข้างหนึ่งถือพัดขนนกสีขาวพัดอย่างแรงไม่หยุด ส่วนยันต์ตั้งแล้วตั้งเล่าในมืออีกข้างก็กลายเป็นแสงรัศมีหลากสีสัน สู้กับปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้อีกตัวหนึ่งอยู่อย่างเมามันเช่นกัน ขณะนั้นต่อสู้กันอย่างสูสี


ร่างกายมหึมาของปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นขดอยู่กลางท้องฟ้าไกลออกไป ระหว่างที่ลิ้นอสรพิษฉก ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตก็กวาดกลับไปมาระหว่างเนื้ออสูรกวางชะมดในค่ายกลห้วงนทีกับร่างผู้เฒ่าอ้วนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ แววตาลังเลจางๆ ปรากฏขึ้นมา


ทันใดนั้นดวงตาปีศาจงูก็ฉายประกายดุร้าย รอบร่างส่องแสงสีดำเจิดจ้า ร่างกายฉับพลันพุ่งออกมา ไม่รู้ว่ามันใช้พลังอันใด หายตัวครั้งหนึ่งก็ตัดผ่านระยะทางหนึ่งลี้กว่า มาปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือค่ายกลแล้วมุดเข้าไปข้างในทันที


เสียง “พรืด” ดังขึ้นทีหนึ่ง!


ร่างกายใหญ่โตของปีศาจงูม้วนขด ระหว่างที่ลิ้นงูยาวหนึ่งจั้งกว่าฉกออกมาก็รัดเนื้ออสูรกวางชะมดว่างเปล่าบนพื้นเข้าไปในปาก


“มาก็ดี!”


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็ยินดียิ่ง เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปทันที แสงสีฟ้าสว่างขึ้นรอบร่างปีศาจงูหมื่นปี ม่านแสงสีฟ้าเจ็ดชั้นสว่างขึ้นตามต่อกัน


จากนั้นยันต์รูปหยดน้ำนับไม่ถ้วนก็ลอยออกมาจากม่านแสงสีฟ้า ค่อยๆ ถักทอในค่ายกลกลายเป็นน้ำทะเลสาบสีฟ้าแห่งหนึ่งทับปีศาจงูหมื่นปีไว้ข้างล่าง


ทว่าค่ายกลห้วงนทีนี้เคยใช้ไปครั้งหนึ่งแล้ว แม้พลังจิตวิญญาณด้านในจะยังใช้ไม่หมด แต่พลังก็สู้ก่อนหน้าไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด ปริมาณน้ำในทะเลสาบที่เสกขึ้นมามีไม่ถึงหนึ่งในสามของก่อนหน้านี้ ไม่อาจเติมค่ายกลจนเต็มได้แม้แต่น้อย


ปีศาจงูหมื่นปีฝึกฝนจนถึงระดับแก่นแท้ได้ ย่อมเกิดสติปัญญาขึ้นนานแล้ว เห็นสถานการณ์นี้ไหนเลยจะยังไม่รู้ว่าตนเองติดกับ มันยกหัวคำรามเสียงต่ำ อ้าปากพ่นของเหลวเหนียวหนืดสีเขียวเข้มหลายก้อนใส่ม่านแสงสีฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที


เสียง “ชี่ๆ” ดังขึ้น!


ม่านแสงสีฟ้าสามชั้นถูกของเหลวสีเขียวเข้มทะลวงผ่านเป็นรูขนาดครึ่งจั้งรูแล้วรู้เล่าอย่างเห็นชัดเจน


เห็นชัดว่าค่ายกลนี้ไม่อาจขังปีศาจงูตัวนี้ได้นานนัก


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นสถานการณ์ สีหน้าก็ย่ำแย่ลงอยู่บ้างทันที สายตาเย็นชา ปากเอ่ยท่องมนตร์ พ่นยันต์สีเทาขมุกขมัวเจ็ดตัวออกมาต่อเนื่อง


ยันต์สีเทาเหล่านี้หมุนกลางอากาศจากนั้นทยอยร่วงลงไปในม่านแสงสีฟ้าอ่อน


ในเวลาเดียวกันนี้ เฟิงชิงโม่ที่อยู่อีกด้านก็สะบัดพัดขนนกสีขาวในมือเกิดเป็นมีดวายุสีขาวยาวหลายฉื่อร่อนถี่ยิบเต็มฟ้า บีบปีศาจอสรพิษฝั่งตรงข้ามให้ถอยร่นไปทีละนิด มันร้องโหยหวนไม่หยุด บาดเจ็บทั่วร่าง


“ระเบิด!”


หลังผู้เฒ่าอ้วนขยับริมฝีปากขมุบขมิบส่งกระแสจิตหาเฟิงชิงโม่ เขาก็ตวาดเสียงดังออกมาคำหนึ่ง


บนม่านแสงสีฟ้าอ่อนเจ็ดชั้นมียันต์สีเทาลอยออกมาพร้อมกัน จากนั้นทั้งหมดก็กะพริบวูบวาบระเบิดตัวเองดัง “บึ๊ม” เปล่งแสงสีฟ้าแสบตาออกมา


พริบตานั้นดวงตะวันเจิดจ้าสีฟ้าดวงหนึ่งลอยขึ้นมาจากตรงที่ค่ายกลเดิมอยู่ พลังจิตวิญญาณดุดันซัดออกมาสี่ด้านแปดทิศ จุดที่มันผ่านไปไม่ว่าศิลายักษ์หรือต้นไม้ล้วนถูกตัดสะบั้น ชั่วขณะหนึ่งแสงสีฟ้าผืนใหญ่พุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า วิหคและสัตว์นานาชนิดบริเวณใกล้ๆ พากันวิ่งหนีเตลิดไปไกล


ไม่ทันที่แสงสีฟ้าจะสลายไป เฟิงชิงโม่ก็ทิ้งปีศาจอสรพิษตรงหน้าไปกะทันหัน เขาทะยานร่างกระโจนไปเหนือค่ายกล แขนเสื้อสะบัดทีหนึ่ง เจดีย์สีดำที่เหลี่ยมมุมชัดหลังหนึ่งก็บินออกมา มันหมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นหอยักษ์สูงสิบว่าชั้นร่วงลงไปเบื้องล่าง


เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!


เจดีย์สีดำกระแทกบนพื้นหนักหน่วงจนจมลึกลงไปเกือบครึ่ง ทำให้ทั้งหุบเขาสะเทือนอย่างรุนแรง


“เจดีย์สะกดวิญญาณนี่เป็นต้นแบบอาวุธเวทที่ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเราหลอมออกมาด้วยตนเอง เมื่อถูกสะกดแล้ว ระดับต่ำกว่าดาราพยากรณ์ไม่อาจดิ้นหลุดออกมาได้เด็ดขาด” เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็หัวเราะลั่น


ทว่าเป็นเช่นนี้อยู่เพียงไม่กี่ลมหายใจ แสงสีน้ำเงินสายแล้วสายเล่าก็แผ่พุ่งออกมาเป็นลำจากใต้เจดีย์สีดำในพริบตา เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่น เจดีย์ยักษ์ทั้งหลังไหวเอนเล็กน้อย


“เป็นไปไม่ได้”


เฟิงชิงโม่ตกตะลึง ขณะที่กำลังคิดจะใช้วิชาลับอื่นอีก ปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้ที่ถูกเขาบีบจนถอยร่นก่อนหน้านี้ก็อ้าปากพ่นหมอกพิษพุ่งขึ้นมา


เฟิงชิงโม่ไร้หนทาง ได้แต่สะบัดพัดขนนกสู้รบกับปีศาจอสรพิษตัวนี้อีกครั้ง


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้จึงได้แต่ยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าใส่เจดีย์ยักษ์เพียงลำพัง ด้านนอกเจดีย์หลังนี้เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ต้านทางพลังมหาศาลที่ทะลักออกมาจากเบื้องล่างไว้


ทว่าแม้เป็นเช่นนี้เจดีย์ยักษ์ก็ยังค่อยๆ ถูกดันขึ้นมาจากใต้พื้นทีละน้อย


เสียงดังสนั่นดังขึ้นทีหนึ่ง!


ในที่สุดเจดีย์สีดำทั้งหลังก็ถูกแสงสีน้ำเงินดันขึ้นมา หัวมหึมาของปีศาจงูหมื่นปีปรากฏขึ้นกลางแสงสีน้ำเงิน


“สหายหลิ่ว”


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้พลันตะโกนเรียก


หลิ่วหมิงที่อยู่อีกด้านลอบสังเกตการเคลื่อนไหวของปีศาจงูหมื่นปีอยู่นานแล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่พูดพร่ำทะยานร่างผสานเป็นหนึ่งกับแสงกระบี่สีทองกลางท้องฟ้าในพริบตา หลังบินวนรอบหนึ่งก็กลายเป็นรุ้งน่าตะลึงสายหนึ่งบีบปีศาจอสรพิษสองตัวให้ถอยไป จากนั้นพร่าเลือนไปอีกหนกลายเป็นแถบแสงพุ่งลงไปเบื้องล่าง


ปีศาจงูหมื่นปีใต้เจดีย์สีดำไม่ทันป้องกันหัว มันกรีดร้องได้ทีเดียว แถบแสงสีทองก็ทะลวงผ่านคอของมันทิ้งรูเลือดใหญ่หลายฉื่อรูหนึ่งไว้


ปีศาจงูหมื่นปีเจ็บปวดจนกรีดร้องยาว ทั้งร่างแปล่งแสงสีน้ำเงินแล้วพุ่งขึ้นฟ้า เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีน้ำเงินแหวกท้องฟ้าหนีไปไกล


ปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้สามตัวที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็หนีตามไปติดๆ พร้อมกับเสียงฟ่อๆ ที่ดังก้องในสายลมประหลาด


บนท้องฟ้าใกล้ๆ แสงสีทองดับลง หลิ่วหมิงที่ถือกระบี่สีทองอยู่ในมือปรากฏร่างออกมา เขาสีหน้าซีดเผือดขณะที่มองปีศาจงูหมื่นปีที่จากไปไกล แต่ไม่มีเจตนาขี่กระบี่ไล่ตามต่อ


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นปีศาจงูหมื่นปีตัวนี้บินหนีไปก็โล่งอก ไม่คิดจะไล่โจมตีเช่นกัน


เฟิงชิงโม่กลับโบกพัดขนนกในมือ ขณะที่เขามองเงาปีศาจงูที่อยู่ไกลๆ ใบหน้าก็เผยสีหน้าละโมบนิดๆ ทว่าทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงแค่นเสียงเหอะยืนอยู่ที่เดิม


งูตัวนี้ไม่เสียทีเป็นปีศาจอสูรอายุหมื่นปี ค่ายกลห้วงนทีหลายชั้นที่ถูกจุดระเบิดยังทำได้เพียงทำร้ายหนังของมันเท่านั้น เจดีย์สะกดวิญญาณต้นแบบอาวุธเวทที่เฟิงชิงโม่โยนออกมาก็ทำได้แค่ปราบไว้สองสามลมหายใจ จนกระทั่งหลิ่วหมิงเรียกกระบี่บินพลังจิตวิญญาณออกมาใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งถึงทำร้ายมันบาดเจ็บจนตกใจหนีไปได้อย่างหวุดหวิด


จากเรื่องนี้เห็นได้ว่าพลังของอสูรตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ทั้งสามคนจินตนาการ แม้ศพกับแก่นปีศาจของมันจะมีค่าครองเมืองก็ไม่คุ้มค่าให้พวกเขาเสี่ยงอันตรายไล่ตามไปสังหารต่อ


ในที่สุดหลิ่วหมิงก็เห็นพวกปีศาจงูหมื่นปีหายลับไปตรงขอบฟ้า ตอนนี้เขาถึงหันหน้ามาเอ่ยนิ่งๆ กับผู้เฒ่าอ้วน


“เอาล่ะ ในที่สุดปีศาจตัวนี้ก็ถอยไปแล้ว งานไม่ควรชักช้า สหายเอาวัตถุดิบของอสูรแห่งความว่างเปล่าที่เหลือออกมาเถิด ข้ารับส่วนของตัวเองแล้วก็จะขอตัว”


“ดูท่าสหายหลิ่วจะไม่ค่อยวางใจข้านัก แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อสหายคิดจะไปตอนนี้ ข้าย่อมไม่ฝืนรั้งไว้ต่อ แต่ปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นเพิ่งจากไป ดีที่สุดระวังมันจะย้อนกลับมา” ผู้อาวุโสหวงได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิงเริ่มแรกอึ้งไปเล็กน้อย แต่จากนั้นแววตาก็เป็นประกาย ตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที


จากนั้นผู้เฒ่าอ้วนก็พลิกมือเรียกยันต์เก็บของแผ่นหนึ่งออกมา โยนไปให้หลิ่วหมิงทันที


หลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ยันต์เก็บของก็ลอยละล่องบินมาหาเขาในทันใด ทว่าขณะที่ของกำลังจะร่วงลงในมือ ดวงตาของเขาก็พลันฉายประกายเย็นเยียบ เขาพลิกมือตบ ทันใดนั้นยันต์เก็บของที่บินเข้ามาก็สั่นไหว จากนั้นพุ่งเร็วรี่ไปหาผู้เฒ่าอ้วนอีกครั้งดุจลูกธนู


ผู้อาวุโสหวงพลันเปลี่ยนสีหน้า มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา


“บึ๊ม”


ยันต์เก็บของกลายเป็นแสงสีแดงดวงหนึ่งกลางท้องฟ้าแล้วระเบิดออก


ในเวลาเดียวกันนั้นหูของหลิ่วหมิงก็ได้ยินเสียงคำรามขึงขังของเฟิงชิงโม่ อากาศรอบตัวเขาบีบแน่น คลื่นความร้อนสีแดงฉานลูกแล้วลูกเล่าโถมเข้าใส่ใบหน้า กลางอากาศฉับพลันปรากฏเปลวเพลิงสีแดงดวงแล้วดวงเล่าขึ้นมา


เพียงพริบตาเขาก็ถูกตาข่ายอัคคีที่เกิดจากเปลวเพลิงสีแดงดวงแล้วดวงเล่าขังไว้ด้านใน


“ค่ายกลเพลิงมายาไร้ลักษณ์ !”


หลิ่วหมิงเลิกคิ้วแล้วมองไปทางเฟิงชิงโม่กับผู้เฒ่าอ้วนสองคนอย่างเย็นชา เขาไม่ถามคำใดกับทั้งสองคนอีก แขนข้างหนึ่งพร่าเลือนวูบหนึ่ง เงาหมัดสีดำอ่อนหนึ่งหมัดก็พุ่งหวีดหวิวออกมา โจมตีบนตาข่ายเพลิงสีแดงฉานใกล้ๆ


“ฟู่”


เงาหมัดยังไม่ทันสัมผัสถูกตาข่ายเพลิงสีแดงฉานแม้แต่น้อยก็พังทลายกลายเป็นปราณดำสายแล้วสายเล่าขณะที่อยู่ห่างจากขอบหนึ่งชุ่นเศษ


“สหายหลิ่ว อ้อไม่ใช่สิ ตอนนี้ควรเรียกเจ้าว่าสหายหลิ่วหมิงถึงจะถูก! แม้ค่ายกลเพลิงมายาไร้ลักษณ์ชุดนี้จะวางอย่างรีบร้อน พลังไม่ถึงหนึ่งในสามของพลังที่แท้จริง แต่มีข้าควบคุมอยู่ เจ้าอยากทลายออกมาย่อมใช้เวลาไม่ใช่แค่เวลาชั่วครู่” เคล็ดวิชาในมือผู้เฒ่าอ้วนเปลี่ยนแปรพักหนึ่ง เขาก็ยิ้มตาหยีมองหลิ่วหมิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)