ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 830-831

 ตอนที่ 830 ค่ายกลห้วงนที

แสงสีฟ้าสายแล้วสายเล่าส่งเสียงดัง “ฟึบๆ” พุ่งรวดเร็วออกมา ทยอยบินจมลงไปบริเวณใกล้ๆ กับกวางชะมด


เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นทีหนึ่ง


ธงน้อยสีฟ้าอ่อนหกผืนที่ล้อมเป็นวงในค่ายกลฉับพลันปรากฏออกมา แสงสีฟ้าสว่างจ้าเกิดเป็นม่านแสงสีฟ้าชั้นหนึ่ง บนผิวหน้าปรากฏยันต์รูปหยดน้ำขนาดเท่ากำปั้นดวงแล้วดวงเล่า แผ่ปราณวารีสีฟ้าอ่อนสายแล้วสายเล่าออกมา


ชั่วพริบตาปราณวารีสายแล้วสายเล่าก็ผนึกรวมกันกลายเป็นทะเลสาบสีฟ้าผืนหนึ่งในค่ายกล คลื่นสีหยกกระเพื่อม ใสกระจ่างดั่งกระจก


อสูรกวางชะมดรู้สึกว่าแรงดันน้ำมหาศาลสายหนึ่งโถมเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศ ในดวงตาฉายแววประหลาดใจน้อยๆ ลายสีเทารอบร่างสว่างวูบ ร่างกายฉับพลันหายไปจากที่เดิม


เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นทีหนึ่ง


แสงสีเทาดวงหนึ่งฉับพลันส่องสว่างด้านในทะเลสาบสูงหลายจั้ง อสูรกวางชะมดปรากฏร่างอีกครั้ง


ด้วยการกักขังของค่ายกลปิดกั้นมิติธาตุน้ำนี้ พลังในการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาของอสูรตัวนี้จึงลดลงมาก ทำได้เพียงเคลื่อนย้ายออกไปเพียงไม่ถึงสิบจั้งเท่านั้น!


เฟิงชิงโม่เห็นสถานการณ์ก็ยินดียิ่ง โฉบร่างปรากฏตัวออกมาเช่นกัน สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชาพร้อมกัน


เสียง “ฟึบๆ” ดังขึ้นสองหน


เคล็ดวิชาสีขาวสองสายพุ่งออกจากกลางฝ่ามือเขา กะพริบวูบเดียวก็มาถึงท้องฟ้าเหนืออสูรกวางชะมด ทันใดนั้นสองก็แบ่งเป็นสี่ สี่แบ่งเป็นแปด กลายเป็นหลายสิบสาย ทยอยจมลงไปรอบด้านค่ายกล


เสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมา!


ยันต์ที่ส่องแสงสีขาวขมุกขมัวแผ่นแล้วแผ่นเล่าใต้ดินระเบิดตามต่อกัน กลายเป็นพายุหมุนขนาดเล็กลูกแล้วลูกเล่าหมุนวนไม่หยุดทยอยพุ่งขึ้นฟ้า


เสียง “ฟู่ๆ” ดังลอยมา!


น้ำทะเลสาบสีฟ้าที่เดิมทีหยุดนิ่งไม่ขยับ ทันใดนั้นก็ปรากฏวังน้ำวนขนาดเล็กสิบกว่าลูก


ในเวลาเดียวกันรอบด้านค่ายกลแสงรัศมีสีฟ้าวงหนึ่งก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนอีกชั้นหนึ่งก่อตัวขึ้นในพริบตา สีของน้ำทะเลสาบในค่ายกลเป็นสีฟ้าเข้มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน


อสูรกวางชะมดที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลห้วงนทียังคงกระตุ้นพลังเคลื่อนชั่วพริบตา หายวับหนีไปริมค่ายกล คิดอยากหนีออกไปจากข้างใน


แต่หลังค่ายกลห้วงนทีชั้นที่สองถูกกระตุ้น ระยะทางที่อสูรตัวนี้เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้ก็ลดลงอีกหนึ่งในสาม เหลือเพียงสี่ห้าจั้งเท่านั้นแล้ว


ขณะที่อสูรกวางชะมดว่างเปล่าปรากฏตัวขึ้นหลังหายตัวไปอีกครั้ง มีดสายลมนับไม่ถ้วนก็พุ่งมากมายถี่ยิบออกมาจากในน้ำวนโจมตีบนร่างที่ล้อมด้วยหมอกสีเทาของอสูรตัวนี้


“บึ๊มมม” เสียงระเบิดดังออกมา รัศมีสีขาวกับแสงสีเทาเกี่ยวกระหวัดอยู่ด้วยกัน


วิชาวายุสะบั้นในฐานะยันต์โจมตีระดับกลาง พลังย่อมไม่อาจดูแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยี่สิบกว่าแผ่นทำงานพร้อมกัน แม้ไอหมอกสีเทาที่ล้อมรอบอสูรกวางชะมดจะขวางมีดสายลมส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่ภายใต้การโจมตีที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ร่างกายก็ยังคงถูกมีดสายลมส่วนหนึ่งฟัน เลือดสายแล้วสายเล่าพุ่งกระฉูดออกมาทันที ร่างกายโงนเงนจะล้มอยู่บ้าง


อสูรกวางชะมดได้รับความเจ็บปวด สองตาสีเขียวหยกก็พลันเปลี่ยนเป็นสีเลือด ขนบนร่างแต่ละเส้นๆ ตั้งชัน หลังร้องเสียงแหลมทีหนึ่งก็อ้าปากพ่นปราณสีเทาผืนใหญ่ทะลักออกมาซ่อมแซมเกราะปราณสีเทารอบร่าง


“อสูรตัวนี้เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาต่อเนื่องหลายหนผลาญพลังเวทไปไม่น้อย! นายน้อย ค่ายกลห้วงนทีชั้นอื่นยังต้องการเวลาอีกครู่หนึ่งถึงจะทำงานอย่างสมบูรณ์ ดีที่สุดถ่วงเวลาไว้อีกสักหน่อย” ผู้เฒ่าอ้วนตะโกนเสียงดังบอกผู้ฝึกฝนชุดขาว สองมือขยับทำท่าเคล็ดวิชารัวอีกครั้ง เคล็ดวิชาสีฟ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาต่อเนื่องไม่ขาด


ธงค่ายกลสีฟ้าอ่อนผืนแล้วผืนเล่าในค่ายกลถูกกระตุ้นหลังเคล็ดวิชาจมลงไป ขอบค่ายกลส่องแสง ม่านแสงสีฟ้าอ่อนอีกสองชั้นเริ่มทำงาน ทำให้สีของน้ำทะเลสาบด้านในค่ายกลเข้มขึ้นไม่น้อยอีกครั้ง


เฟิงชิงโม่ไม่เอ่ยตอบ แต่เคล็ดวิชาในสองมือเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ควบคุมน้ำวนมีดสายลมขนาดเล็กสิบกว่าลูกในค่ายกลให้มารวมกันตรงกลางในทันใด จากนั้นมีดสายลมแวววาวมากกว่าเดิมก็พุ่งเร็วรี่ออกมาทันที


กวางชะมดว่างเปล่าเผชิญหน้ากับการกักขังของค่ายกลใหญ่หลายชั้น ผนวกกับต้องอ้าปากพ่นปราณสีเทาต้านการโจมตีของมีดสายลมไม่หยุด ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่อาจใช้วิชาลับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้อีก


ทว่าเมื่อมีดสายลมมากมายโจมตีปราณสีเทาคุ้มร่างของอสูรกวางชะมดทลายอีกหน ทิ้งรอยเลือดเส้นแล้วเส้นเล่าไว้ อสูรตัวนี้ก็คำรามเสียงดัง เขาคู่หนึ่งเหนือหัวสั่นระริก ทันใดนั้นลวดลายจิตวิญญาณสีเทาสลับดำก็ส่องแสงสว่างจ้า


เสียง “เปรี๊ยะ” ดังขึ้นทีหนึ่ง!


แสงสายฟ้าสีเทาสายหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าตรงกลางระหว่างเขา ชั่วพริบตาผนึกรวมเป็นลูกบอลสายฟ้าสีเทาลูกหนึ่ง มันหมุนติ้วรอบหนึ่ง จากนั้นแสงสายฟ้าเจิดจ้าก็ส่งเสียงอสนีบาตคำรนดังสนั่นในทันที!


หลังเสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น ลูกบอลสายฟ้าพลันกลายเป็นตาข่ายสายฟ้าผืนหนึ่งบินเข้าไปวังน้ำวนหลายลูก


มีดสายลมแวววาวสัมผัสถูกตาข่ายอสนีบาตสีเทาปุบก็กระจุยทันทีอย่างประหลาด ทยอยกลายเป็นแสงจิตวิญญาณจุดแล้วจุดเล่าพังทลาย


พร้อมกับที่ตาข่ายสายฟ้าก่อตัวขึ้นกะทันหัน เส้นสายฟ้าหนาหลายเส้นก็แลบแปลบปลาบ


หลังเสียงอสนีบาตดังขึ้นสองสามครั้ง น้ำวนมีดสายลมหลายลูกก็สลายไปพร้อมกับเสียง


ในเวลาเดียวกันนั้นระหว่างกลางเขาของอสูรตัวนี้ก็ผนึกลูกบอลอสนีบาตสีเทาลูกหนึ่งออกมาอีกหน มันกระพริบวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นตาข่ายสายฟ้ายักษ์ครอบลงไป


เสียงอสนีบาตดังขึ้นไม่ขาด สองลมหายใจผ่านไปน้ำวนมีดสายลมด้านล่างก็หายไปไร้ร่องรอยจากน้ำในทะเลสาบ


ค่ายกลห้วงนทีเวลานี้เพิ่งทำงานไปถึงชั้นที่ห้าด้วยการกระตุ้นของผู้เฒ่าอ้วน


อสูรกวางชะมดว่างเปล่าหลุดจากการโจมตีของมีดสายลมปุบ รัศมีสีเทารอบร่างก็สว่างวูบ หายตัวไปจากที่เดิมทันที แต่เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งกลับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาห่างจากที่เดิมมาได้เพียงสองสามจั้ง


ทว่าอสูรตัวนี้อยู่ห่างจากขอบค่ายกลแค่เพียงสิบกว่าจั้งเท่านั้น


“น่าชัง! ผู้อาวุโสหวง อีกนานเท่าไรค่ายกลถึงจะกระตุ้นเสร็จสมบูรณ์?” เฟิงชิงโม่เห็นยันต์วายุสะบั้นที่ตนเองฝังไว้ถูกอสูรกวางชะมดว่างเปล่าทำลายในชั่วพริบตาก็สีหน้าร้อนรนอยู่บ้างในทันใด


“สหายหลิ่ว เจ้าก็ลงมือถ่วงเวลาสักหน่อยเถิด รอค่ายกลเจ็ดชั้นของข้าทำงานอย่างสมบูรณ์กวางตัวนี้ก็ไม่อาจหนีไปได้แล้ว!” ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว เอี้ยวศีรษะมามองหลิ่วหมิงด้านข้างด้วยสายตาเย็นชาพร้อมเอ่ยบอกในทันใด


“ได้ ข้าก็รู้สึกว่าสมควรลงมือแล้วเช่นกัน” หลิ่วหมิงพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สองแขนสะบัดทีหนึ่ง ไอหมอกสีดำก็โถมออกมารอบร่าง


เสียงมังกรคำรามดังขึ้น!


มังกรหมอกสีดำยาวสิบเจ็ดสิบแปดจั้งสองตัวพุ่งออกมาจากปราณดำ หลังแยกเขี้ยวกางกรงเล็บบินวนรอบหนึ่งก็โจนออกไป มันขยับไม่กี่ทีก็มาถึงด้านบนอสูรกวางชะมด


“คุกมืด!”


ในดวงตาของหลิ่วหมิงฉายประกายกล้า มือข้างหนึ่งชี้กลางอากาศเบื้องหน้า


เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้นสองหน ตอนนี้เองมังกรหมอกสีดำสองตัวก็กลายเป็นแสงสีดำเต็มฟ้าม้วนลงมากลืนอสูรกวางชะมดเข้าไปจนมิด


เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้กลับแค่นเสียงหยันคำหนึ่ง เขาไม่ยินดียอมแพ้มือข้างหนึ่งพลิกเรียกระฆังน้อยที่ส่องแสงสีเขียวขมุกขมัวใบนั้นออกมาอีกหนแล้วโยนออกไปกลางอากาศเบาๆ


ระฆังน้อยสีเขียวหมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่งก็ขยายจนใหญ่สิบกว่าจั้ง ผิวของระฆังยักษ์ปรากฏยันต์สีเขียวมหึมาตัวหนึ่งเห็นได้ชัด อีกด้านหนึ่งเป็นภาพอักขระสันสกฤตนับไม่ถ้วน


ปากเฟิงชิงโม่ท่องมนตร์ ระฆังน้อยสีเขียวส่ายไหวเล็กน้อยกลางอากาศ ยันต์สีเขียวฉับพลันส่องแสงเขียวแถบหนึ่ง เสียงสวดมนตร์ภาษาสันสกฤตดังออกมาเป็นระลอกๆ ในทันใด


เสียงนี้ลอยละล่อง ทำให้คนได้ยินเสียงมันแล้วรู้สึกว่าดังกังวานอยู่ในใจ


หลิ่วหมิงได้ยินเสียงระฆังใบนี้ พลังเวทในร่างฉับพลันชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกคล้ายจะลอยขึ้นกลายเป็นเซียนในทันที หลังจิตสัมผัสของเขาพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง อากาศรอบด้านก็บิดเบี้ยวพร่าเลือน ยืนไม่มั่นคงอยู่บ้าง


ในใจเขาพรั่นพรึง ไม่ครุ่นคิดกัดปลายลิ้นในทันใด ความเจ็บแปลบเรียกสติแจ่มชัดขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นมือข้างหนึ่งจึงพลิกหมุนเร็วรี่อีกหน กำโซ่ตรวนสะกดวิญญาณไว้


ความเย็นสบายสายหนึ่งแผ่ออกมาจากในโซ่น้อยถ่ายเทไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ถึงทำให้หลิ่วหมิงฟื้นกลับเป็นปกติอย่างแท้จริง หลังเขาพรูลมหายใจเบาๆ ก็มองระฆังน้อยสีเขียวที่ลอยอยู่เบื้องหน้าร่างเฟิงชิงโม่ สายตาทอประกายเล็กน้อย


เฟิงชิงโม่เวลานี้ก็เหล่มองจุดที่หลิ่วหมิงอยู่คล้ายตั้งใจแต่ไม่ตั้งใจเช่นกัน เมื่อเห็นเขาได้สติตื่นกลับมาในเพียงพริบตา บนหน้าก็เหมือนจะปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงฟื้นกลับเป็นปกติ หันกลับไปใช้วิชาต่อ…


อีกด้านหนึ่งเคล็ดวิชาในมือของผู้เฒ่าอ้วนก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาไม่สังเกตเห็นสถานการณ์ของหลิ่วหมิงด้านนี้แม้แต่นิด


เห็นชัดว่าอสูรกวางชะมดที่ถูกขังอยู่ในคุกมืดได้รับผลกระทบจากเสียงสันสกฤตมากกว่า หลังฟังอีกสองสามหนมันก็ค่อยๆ หยุดดิ้นรนอยู่กลางแสงสีดำ แสงสีเลือดในดวงตาถดถอยไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่มาแทนที่คือแววตานิ่งงันและเชื่องช้า


ทว่าสถานการณ์เช่นนี้คงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น!


ทันใดนั้นอสูรกวางชะมดก็สะบัดหัวทีหนึ่ง ในดวงตาฉายแววแจ่มใสนิดๆ มันคำรามโกรธเกรี้ยวในทันที เขาทั้งคู่เหนือศีรษะส่องแสงสายฟ้าสีเทารุนแรงออกมาอีกครั้ง ลูกบอลสายฟ้าสีเทาลูกแล้วลูกเล่าก่อตัวขึ้นอย่างเร็วไว หลังหมุนติ้วแล้วหยุดลงก็พุ่งชนไปสี่ด้านแปดทิศ เริ่มชนโจมตีขอบคุกมืดสีดำอย่างบ้าคลั่ง


แสงอสนีบาตระเบิดดังเปรี้ยงปร้าง แสงสีดำถูกแสงอสนีบาตระเบิดกระจายเป็นชิ้นๆ


เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นทีหนึ่ง!


ในที่สุดคุกมืดก็ทนการระเบิดต่อเนื่องจากลูกบอลสายฟ้าสีเทาไม่ไหว พังทลายกลายเป็นแสงสีดำเต็มฟ้าอีกครั้ง


“สำเร็จแล้ว”


ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าอ้วนก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา


เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น ม่านแสงสีฟ้าที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการอีกสองชั้นปรากฏขึ้นในค่ายกล


เมื่อถูกม่านแสงสีฟ้าเจ็ดชั้นล้อม น้ำในทะเลสาบตรงกลางก็กลายเป็นสีฟ้าเข้ม ปราณวารีสายแล้วสายเล่าก่อตัวขึ้นกลายเป็นลูกแก้ววารีสีฟ้าขนาดหนึ่งชุ่นกว่าลูกแล้วลูกเล่าในชั่วพริบตา มีมากถึงร้อยกว่าลูก บนผิวหน้าล้วนเป็นยันต์ตัวเล็กขนาดเท่าเม็ดข้าว


ลูกแก้ววารีเหล่านี้หมุนติ้วเพียงรอบเดียว พลังมหาศาลก็กดเข้าใส่อสูรกวางชะมดตรงกลางต่อเนื่องไม่ขาดสาย


แม้เวลานี้อสูรแห่งความว่างเปล่ายังคงกระตุ้นวิชาลับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาสุดชีวิต แต่นอกจากร่างกายหายวับไปแล้วปรากฏขึ้นใหม่ไม่หยุดก็ยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใดสักนิด


“ค่ายกลห้วงนทีเจ็ดชั้น เปลี่ยน!”


ผู้เฒ่าด้วนเห็นเช่นนี้ก็ตวาดเบาๆ เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปอีกครั้ง


แสงรัศมีบนม่านแสงสีฟ้าส่องสว่าง ยันต์รูปหยดน้ำมากมายหลุดออกมาจากบนผิวในพริบตา หลังพวกมันพร่าเลือนหายไปวูบหนึ่งก็รวมตัวกันกลายเป็นลูกบอลวารีสีฟ้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งจั้งกว่าเหนือค่ายกล


ในเวลาเดียวกันเฟิงชิงโม่ก็เก็บระฆังน้อยสีเขียวในมือไปอย่างเร็วไวด้วย นิ้วมือดีดยิงแสงสีทองสายหนึ่งไปยังลูกบอลน้ำมหึมา


เสียง “ปัง” ดังขึ้น!


ลูกบอลวารีระเบิดกลางท้องฟ้ากลายเป็นคลื่นซัดสาดลงมา จากนั้นในพริบตาก็กลายเป็นเชือกสีฟ้าหนาเส้นหนึ่ง หลังพร่าเลือนวูบหนึ่งก็รัดอสูรกวางชะมดไว้แน่นหนา


อสูรแห่งความว่างเปล่ากลัวน้ำโดยสัญชาติญาณ วันนี้ถูกค่ายกลห้วงนทีเจ็ดค่ายกลปิดกั้นจากมิติรอบด้าน แม้ดิ้นรนสุดชีวิต ร่างกายพร่าเลือนไม่หยุด แต่เชือกสีฟ้ารอบร่างเดี๋ยวแน่นเดี๋ยวคลาย มัดร่างกายของมันไว้แน่นสนิท ทำให้มันขยับได้ในอาณาเขตหนึ่งจั้งกว่าเท่านั้น


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้สองตาพลันหรี่ลง แขนเสื้อสะบัด กระบี่ว่างเปล่าบินออกมาจากด้านใน หลังวนหน้าร่างรอบหนึ่งก็สั่นแล้วส่งเสียงครวญครางแผ่วเบา


ตอนที่ 831 สังหารอสูร

สังหารอสูรกวางชะมด


“อสูรตัวนี้ถูกขังอยู่กลางค่ายกลปิดกั้นมิติหลายชั้น ตอนนี้ไร้หนทางแล้ว สหายหลิ่วเพียงต้องใช้กระบี่บินพลังจิตวิญญาณโจมตีมันให้ถึงชีวิตก็พอ” ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็พรูลมหายใจยาว เอี้ยวศีรษะมายิ้มน้อยๆ เอ่ยกับหลิ่วหมิง


เฟิงชิงโม่มองมาหาหลิ่วหมิงอย่างเย็นชา ไม่มีเจตนาจะลงมือเองเช่นเดียวกัน


หลิ่วหมิงได้ยินความคิดก็แล่นเร็วไว ใบหน้ากลับพยักหน้าอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชา พลังเวทบริสุทธิ์สายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากผลึกหนึ่งร้อยสี่สิบสามเม็ดในร่างอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายกรอกเข้าไปในกระบี่น้อยสีทองอย่างบ้าคลั่ง


กระบี่น้อยสีทองฉับพลันส่งเสียงครวญครางเสียงแหลม หลังสั่นเบาๆ กลางอากาศก็โต้ลมขยายพรวดจนยาวสิบกว่าจั้ง แสงสีทองพุ่งออกไปสี่ทิศ จิตกระบี่มโหฬารสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าในทันที


“สะบั้น”


พร้อมกับที่เขาชี้ออกมา แสงกระบี่ยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่งก็พุ่งเข้าสะบั้นตรงค่ายกลทันที


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นสถานการณ์ ดวงตาพลันมีแววตาประหลาดปรากฏแวบหนึ่งก่อนจะหายไป สองมือทำท่าเคล็ดวิชาต่อเนื่อง ม่านแสงสีฟ้าเข้มด้านล่างฉับพลันแหวกเป็นรอยแยกแคบยาวเส้นหนึ่ง แสงกระบี่สีทองพุ่งเข้ามาจากในรอยแยกพอดิบพอดี


แสงกระบี่สีทองจมเข้ามาในค่ายกลปุบก็ชะงักไปเล็กน้อย ได้รับผลจากข้อจำกัดบางอย่าง ความเร็วฉับพลันช้าลงหลายเท่าเช่นเดียวกัน!


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ คิ้วเรียวก็เลิกขึ้นเล็กน้อย


ดูท่าค่ายกลห้วงนทีนี่จะมีผลจำกัดพลังกระบี่บินว่างเปล่าประมาณหนึ่งเช่นกัน


แม้สภาพที่แสงกระบี่สีทองร่วงลงมาจะเชื่องช้า แต่ความเย็นยะเยือกคมกริบที่แผ่ออกมาจากด้านในยังคงซัดลงมาก่อนก้าวหนึ่ง


อสูรกวางชะมดด้านล่างสั่นสะท้าน ปากร้องเสียงแหลม ปราณสีเทารอบร่างฉับพลันเพิ่มมากขึ้น พริบตาที่แสงกระบี่ร่วงลงมา ร่างกายก็หายไปจากที่เดิม พาเชือกเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาออกไปห่างหนึ่งจั้งกว่าพอดิบพอดี


แสงสีทองโฉบวูบ แสงกระบี่ถาโถมเฉียดผ่านร่างมันไป เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง กรีดบาดแผลลึกหนึ่งฉื่อกว่าสายหนึ่งบนตัวมัน


“อ๊าว!”


อสูรกวางชะมดว่างเปล่าเจ็บปวดจนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เลือดสีเทาพุ่งออกมาจากในบาดแผล ทว่าครู่ต่อมาไอหมอกสีเทารอบร่างก็ไหลมาพักหนึ่ง บาดแผลฟื้นกลับคืนดังเดิมในทันใด


ขณะที่หลิ่วหมิงกระตุ้นเคล็ดกระบี่ในมือ หมายจะกระตุ้นกระบี่ว่างเปล่าฟันอสูรตัวนี้อีกครั้ง เหตุผลิกผันก็บังเกิดขึ้น!


ดวงตาทั้งสองข้างของอสูรกวางชะมดพลันฉายแววเจ้าเล่ห์นิดๆ แสงสีเลือดสว่างจ้า อ้าปากพ่นแก่นปีศาจสีเทาขมุกขมัวลูกหนึ่งออกมา


แก่นปีศาจหมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วฉายแสงเรืองรองสีเทาสายหนึ่งออกมาจากด้านใน สาดลงมาเบื้องล่างล้อมทั้งร่างกายและแก่นปีศาจของมันเข้าไปข้างใน


เสียง “ปึ้ด” ดังขึ้นหลายหน ชั่วพริบตาเชือกสีฟ้ารอบร่างอสูรตัวนี้ก็สะบั้นขาดทีละชุ่นๆ ท่ามกลางแสงสีเทา ต่อจากนั้นร่างกายของมันก็พร่าเลือน กลายเป็นลูกบอลหมอกสีเทาเลือนรางไม่ชัดลูกหนึ่ง กะพริบวูบแล้ววูบเล่าพุ่งไปจุดที่แหวกเปิดด้านบนค่ายกลในทันใด


“แย่แล้ว ประมาทเกินไป! อย่าให้มันหนีไปได้!”


ผู้เฒ่าอ้วนเห็นสถานการณ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชายิงแสงสีฟ้าสายหนึ่งใส่ค่ายกลทันที รอยแยกแคบยาวเริ่มสมานเข้าหากัน


หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชา แสงกระบี่สีทองวนในค่ายกลรอบหนึ่ง แล้วไล่ตามอสูรกวางชะมดไปติดๆ


แต่เพราะการจำกัดพลังของค่ายกล ความเร็วจึงไม่อาจเทียบกับก่อนหน้านี้ได้ แสงกระบี่สีทองกะพริบต่อเนื่องหลายหนอยู่กลางน้ำในทะเลสาบ แต่ชั่วขณะหนึ่งไม่อาจไล่ตามอสูรกวางชะมดทัน


เวลานี้เฟิงชิงโม่กลับแค่นเสียงคำหนึ่ง โยนยันต์สีขาวหนาตั้งหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ พร้อมกันนั้นปากก็โพล่งคำว่า “ผนึก”


พริบตาเดียวยันต์สีขาวก็ระเบิดด้านบนค่ายกล กลายเป็นปราณสีขาวสายแล้วสายเล่าเติมเข้าไปตรงรอยแยกของม่านแสงสีฟ้า


ในเวลาเดียวกันรอยแยกก็สมานจนหดเล็กอย่างรวดเร็วด้วยการกระตุ้นค่ายกลสุดชีวิตของผู้เฒ่าอ้วน ชั่วพริบตาก็กว้างเหลือแค่ไม่กี่ฉื่อแล้ว


อสูรกวางชะมดในค่ายกลด้านล่างเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไม่กี่หนก็ห่างจากทางออกเพียงไม่กี่จั้ง เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หมอกสีเทาทั่วร่างมันก็หมุนติ้วรวมตัวกันอีกครั้ง จากนั้นส่งเสียงดัง “ฟึบ” แก่นปีศาจกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปด้านบนโจมตีเข้าที่รอยแยก


เสียงบึ๊มดังสนั่น!


ดวงตะวันเจิดจ้าสีดำดวงหนึ่งระเบิดกลางม่านแสงสีฟ้าในทันใด รอยแยกที่เดิมทีใกล้ประสานสนิท ฉับพลันถูกคลื่นน่าตะลึงระเบิดจนเป็นช่องมหึมาอีกหน กวางชะมดว่างเปล่าหายตัวหนีออกไปในพริบตา


อสูรตัวนี้ออกจากค่ายกลห้วงนทีปุบก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยร่างกายพร่าเลือนหายไป มันหายตัวไม่กี่ครั้งต่อกันกลางท้องฟ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


“ถึงกับระเบิดแก่นปีศาจของตนเอง!”


เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็โกรธจัด!


หลิ่วหมิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย กวักมือทีหนึ่ง แสงกระบี่สีทองก็บินพุ่งตามออกมาจากรอยแยกของค่ายกล หมุนวนเบื้องหน้าร่างรอบหนึ่ง เมื่อแสงรัศมีดับลงก็กลับคืนเป็นกระบี่น้อยสีทองดังเดิมอีกครั้ง


“นายน้อยอย่าได้ร้อนรน อสูรตัวนี้เมื่อครู่ถูกขังไว้ในค่ายกลห้วงนที กระตุ้นพลังเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาต่อเนื่อง เสียพลังเวทไปไม่น้อย ตอนนี้ยังระเบิดแก่นปีศาจของตนเองอีก ระดับพลังลดทอนต้องหนีไปไม่ไกลแน่ พวกเรารีบปล่อยเพียงพอนผลึกม่วงออกมาไล่ตามต่อ!”


ผู้อาวุโสหวงยังคงสีหน้านิ่งสงบ เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า


เฟิงชิงโม่ตอนนี้ถึงเข้าใจขึ้นบ้าง ตบข้างเอวอีกหนทันที แสงเรืองรองสีม่วงสายหนึ่งม้วนออกมา เพียงพอนผลึกม่วงตัวนั้นเอง


เขาสะบัดแขนทีหนึ่ง บนนิ้วมือก็ฉีกเป็นแผลใหญ่แผลหนึ่งโลหิตบริสุทธิ์หยดหนึ่งลอยออกมา หลังให้เพียงพอนผลึกม่วงกลืนลงไปแล้ว เขาก็ชี้ไปยังทิศทางที่อสูรกวางชะมดหนีไป พร้อมกันนั้นก็ตวาดเบาๆ คำหนึ่ง


เพียงพอนผลึกม่วงส่งเสียงร้องแผ่วเบาทีหนึ่งก็ดีดร่างกลายเป็นแสงแวววาวสีม่วงสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปยังทิศทางเดียวกัน


เฟิงชิงโม่รีบกระตุ้นเคล็ดวิชา ไอหมอกสีขาวทั่วร่างท่วมทะลักกลายเป็นแสงสีขาวเส้นหนึ่งไล่ตามไปติดๆ


หลิ่วหมิงไม่พูดพร่ำก็ทำท่าเคล็ดกระบี่ กระบี่บินว่างเปล่าโฉบเป็นแสงสีทองเบื้องหน้าร่าง หอบร่างกายของตนกลายเป็นรุ้งสีทองแหวกท้องฟ้าไปบ้าง


ผู้เฒ่าอ้วนคนนั้นเห็นหลิ่วหมิงจากไปแล้ว บนหน้าพลันมีสีหน้าครุ่นคิด รั้งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งเท้าถึงเหยียบเมฆขาวก้อนหนึ่ง ตามไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนอยู่ติดๆ


แม้เพียงพอนผลึกม่วงตัวนี้พลังไม่สูงแต่ว่องไวอย่างที่สุด ตอนนี้มันคล้ายรู้ว่าอสูรกวางชะมดว่างเปล่าบาดเจ็บไม่เบาจึงไล่ตามไปติดๆ อย่างไม่ลังเลสักนิด


อสูรกวางชะมดว่างเปล่าที่ถูกไอหมอกสีเทาห้อมล้อมด้านหน้าเป็นดังเช่นที่ผู้เฒ่าอ้วนแห่งนิกายหยกทองผู้นั้นกล่าวไม่มีผิด มันไม่เพียงเสียพลังเวทไปค่อนข้างมาก เนื่องจากระเบิดแก่นแท้ไปด้วยตนเอง ลมปราณจึงแผ่วเบาลงไม่น้อย แม้ออกห่างจากค่ายกลห้วงนทีแล้ว แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาก็เคลื่อนย้ายออกไปได้ไม่ถึงหกเจ็ดจั้งเท่านั้น


ทว่าถึงแม้เป็นเช่นนี้ความเร็วของมันก็ยังคงเร็วจนน่าตะลึง ทั้งยังเจ้าเล่ห์ไม่ธรรมดา มุดหนีไปตามเหลือบมุมของหมอกพิษหนาอยู่ตลอด


หากทั้งสามคนไม่มีเพียงพอนผลึกม่วงนำทาง เกรงว่าคงมีหลายครั้งถูกมันสลัดหลุดไปจริงๆ


ผลสุดท้ายทั้งสามคนไล่ตามติดไม่ลดละนานถึงครึ่งชั่วยามจึงไล่ตามอสูรตัวนี้ทันใกล้ๆ ยอดเขาลูกหนึ่ง


อสูรกวางชะมดเวลานี้ทั้งร่างเลือดไหลโชก ขนบนร่างส่วนใหญ่ถูกย้อมเป็นสีเลือด ปราณที่แผ่ออกมาจากตัวมันไม่มากเท่าก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนหน้าถูกหาตัวพบ มันขดกายหมอบอยู่ริมบึงน้ำแห่งหนึ่งที่ตีนเขา หมอกสีเทาสายแล้วสายเล่ารอบตัวแทรกเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายประหนึ่งดูดซับหมอกพิษเสริมพลังเวทอยู่


ทว่าเมื่อมันค้นพบเพียงพอนผลึกม่วงกับลำแสงของพวกหลิ่วหมิงสามคน ในดวงตาของอสูรกวางชะมดก็ฉายแววดุร้ายวูบหนึ่ง ปราณสีเทาทั่วร่างรวมตัวกันอีกครั้ง หายตัวต่อเนื่องหลายหนกระโดดเร็วไวออกไปหลายสิบจั้ง


แม้ความเร็วของพวกหลิ่วหมิงสามคนไม่ช้า แต่เมื่อไม่มีค่ายกลช่วยเหลือก็เห็นชัดว่าไม่อาจขวางมันได้ง่ายๆ แต่ละคนได้แต่กระตุ้นวิชาหลบหลีกตามไปติดๆ


พวกเขาติดตามไปร้อยกว่าลี้ เรื่องไม่คาดฝันเรื่องหนึ่งก็พลันบังเกิดขึ้น


ขณะที่อสูรกวางชะมดว่างเปล่าบินผ่านท้องฟ้าของหุบเขาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องพักหนึ่งแล้วผ่อนความเร็วลง เลือดสีเทาทั่วร่างซึมออกมาจากใต้ขนอีกครั้ง คล้ายอาการบาดเจ็บจะหนักขึ้น


หลิ่วหมิงเห็นสภาพสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขากรอกพลังเวทใส่อสูรสมุทรแปดขาที่หน้าอก หลังอสูรสมุทรแปดขาส่งเสียงร้องประหลาดออกมา ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นหลังร่างจากนั้นกระพืออย่างแรง


เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง


แสงสีทองที่มีร่างหลิ่วหมิงอยู่ข้างในพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าห่างไปสามสิบจั้ง หลังหายตัวเช่นนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง ในที่สุดก็ไล่ตามเข้ามาใกล้อสูรกวางชะมด


เขายกแขนเสื้อขึ้นทันที ลูกแก้วกลมสีดำขมุกขมัวเม็ดหนึ่งบินพุ่งออกมา มันหมุนติ้วกลางท้องฟ้ารอบหนึ่งแล้วกลายเป็นเงาภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งร่วงลงมา


เสียง “บึ๊ม” ทีหนึ่งดังลอยมา!


คลื่นปราณระลอกหนึ่งซัดโถมกลางอากาศเบื้องหน้าอสูรกวางชะมด เงาภูเขาขนาดย่อมสูงสิบกว่าจั้งลูกหนึ่งเห็นกระจ่างชัด มันคือมุกพลังวารีที่ผสานดินปราณทองคำลูกนั้นนั่นเอง


อสูรแห่งความว่างเปล่าตกใจรีบหมุนร่างเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปอีกทิศทางหนึ่ง


เวลานี้เองกลิ่นหอมอ่อนๆ สายหนึ่งก็ลอยมา พร้อมกับที่กระแสลมแรงสายหนึ่งพัดตามมาถึง กลายเป็นกำแพงลมล่องหนผืนหนึ่งขวางเบื้องหน้าของอสูรกวางชะมดไว้


“ในที่สุดข้าก็จับได้แล้ว!”


แสงสีขาวสว่างวูบ เผยร่างของเฟิงชิงโม่ออกมาจากกลางสายลม ในมือเขากำพัดขนนกสีขาวที่ส่องแสงเรืองๆ เล่มหนึ่ง จ้องอสูรกวางชะมดเขม็ง ในดวงตาฉายแววตื่นเต้น


อีกด้านหนึ่งผู้เฒ่าอ้วนก็หายตัวมาถึงบริเวณใกล้ๆ ไม่พูดพร่ำคำที่สองมือข้างหนึ่งสะบัด แสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมา หลังหมุนวนกลางอากาศรอบหนึ่งก็กลายเป็นอสรพิษน้อยสีแดงตัวหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าใส่อสูรกวางชะมด


“รัด!”


ผู้เฒ่าอ้วนตวาดเบาๆ คำหนึ่งพร้อมกับที่มือข้างหนึ่งชี้ออกไปเบาๆ


อสรพิษน้อยสีแดงฉับพลันเพิ่มความเร็วกลางอากาศ ปรากฏขึ้นข้างกายอสูรกวางชะมดประหนึ่งภูตพรายแล้วโอบรัดประหนึ่งสายฟ้าแลบ รัดอสูรตัวนี้ไว้แน่นหนา


เสียง “ฟู่” ดังขึ้นทีหนึ่ง


หลังสองตาของอสรพิษน้อยสีแดงฉายแสงสีแดงสว่างวาบก็กลายเป็นเชือกที่มีเปลวเพลิงล้อมเส้นหนึ่ง ไฟลุกโหมรุนแรง


อสูรกวางชะมดร้องครวญครางกลายเป็นลูกบอลเพลิงลูกหนึ่งร่วงหล่นไปยังหุบเขาเบื้องล่างในทันใด เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง มันตกกระแทกพื้นดินเป็นหลุมใหญ่แล้วกลิ้งพล่าน แต่สิ่งที่ประหลาดก็คือ ไม่ว่ามันจะกลิ้งอย่างไร เปลวเพลิงร้อนแรงบนร่างมันก็ไม่ดับลงแม้แต่น้อย


“ฮ่าๆ เชือกอสรพิษแดงของผู้อาวุโสหวงสมคำร่ำลือจริงๆ เป็นเช่นนี้อสูรตัวนี้ไม่มีทางดิ้นหลุดได้อีกแน่!” เฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็เอ่ยอย่างยินดียิ่ง


ทว่าเวลานี้เองร่างกายของอสูรกวางชะมดในหลุมลึกเบื้องล่างก็พลันหดลงแล้วบวมพองขึ้นอย่างประหลาด ร่างกายที่เดิมทีขนาดสองสามจั้งชั่วพริบตากลายเป็นใหญ่สิบกว่าจั้ง ปราณเทาทั้งร่างซัดโหม ขยายดันจนเชือกที่ล้อมด้วยเปลวเพลิงทำท่าจะขาด


ผู้เฒ่าอ้วนกับเฟิงชิงโม่เห็นเช่นนี้ก็ตกใจ แต่ไม่รอพวกเขาสองคนลงมืออย่างใด หลิ่วหมิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็หรี่ตาสองข้างลง ปากโพล่งออกมาว่า “กระบี่ร่างเป็นหนึ่ง”


ครู่ต่อมาแสงกระบี่สีทองยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่งก็ซัดลงมา หลังส่องสว่างหายวับไปก็โจมตีปราณสีเทาคุ้มร่างของอสูรกวางชะมดทลาย พุ่งทะลวงผ่านร่างของมันไป


เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง


อสูรกวางชะมดทั้งร่างประหนึ่งลูกบอลหนังลมรั่วระเบิดอยู่กับที่ เลือดสีเทาดวงแล้วดวงเล่าทะลักออกมาจากในร่างของมัน สาดทั่วพื้นดินใกล้ๆ ในทันใด พร้อมกันนั้นกลิ่นคาวสายหนึ่งก็แผ่อบอวลในพริบตา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)