องครักษ์เสื้อแพร 829-830

ตอนที่ 829 โรงช่าง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ซาต้าเฉิงต่างกับเสิ่นหวั่งมาก ตอนอยู่บนท้องทะเลต้องการหาความสงบที่เทียนจิน


อย่างไรจากเทียนจินไปเมืองเหลียวโจว เส้นทางท้องทะเลก็คลื่นลมสงบดี และไม่มีอำนาจอิทธิพลมากมายอันใด สินค้าขนไปก็จบงาน นอกจากสินค้าร้านสามธารา ตนเองก็มีสินค้าตนเองไปด้วย  ทุกครั้งที่ไปก็ทำกำไรได้มหาศาล


วันเวลาสงบสุขเช่นนี้ผู้ใดไม่อยากมีกัน ไปมหาสมุทรตอนใต้อาจกำไรมากอีกหน่อย แต่ก็อาจต้องต่อสู้เสียเลือดเนื้ออีกมาก ออกทะเลก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อใด เทียบกับชีวิตตอนนี้ ย่อมเลือกได้ง่ายว่าเลือกแบบใด


ซาตงหนิง ลูกชายซาต้าเฉิงอยู่กับหวังทงอนาคตก็ไกล  พวกในวงการนักเลง นอกจากพวกหัวหน้าระดับใหญ่แล้ว ส่วนใหญ่ก็คิดจะมีตำแหน่งขุนนางกันทั้งนั้น เห็นซาตงหนิงมีอนาคตวาสนา ซาต้าเฉิงก็ไม่อยากดึงให้เขาพลอยตกต่ำไปด้วย


ครึ่งปีมานี้ ลูกน้องซาต้าเฉิงหลายคนก็กลับกันมาจากประเทศวัวและทะเลใต้ จัดการรายงานตัวตามระเบียบเทียนจิน  จัดหางานให้ที่ท่าเรือ ส่วนใหญ่สร้างครอบครัวกันที่เทียนจินแล้ว


ดังนั้นพอหวังทงยิ้มสัพยอก ได้ยินหวังทงเช่นนี้ ซาต้าเฉิงปฏิกิริยาไวทันที คุกเข่าลงโขกศีรษะกล่าวว่า


“ข้าน้อยโง่เขลา รู้สึกแค่ตอนนี้มีความสุขดี  ขอท่านโหวชี้แนะ”


“ลุกขึ้นก่อนๆ คนกันเองไม่ต้องมากพิธี บนท้องทะเลกว้างใหญ่เพียงนี้ สายตาเถ้าแก่ซาไม่อาจหยุดแค่ทางเหนือนี้”


เห็นซาต้าเฉิงสงสัย หวังทงยิ้มกล่าวว่า


“ทะเลใต้นั้นยังมีอีกหลายประเทศ ทางชมพูทวีป ไปถึงเปอร์เซียตะวันตกนั้น กับทางประเทศผีต่างชาติฟะรังคีก็ล้วนทำการค้าได้ หากเราทำการค้าไปถึง ย่อมไม่สงบสุขเหมือนทางนี้ คนเรือเราก็ต้องรู้จักการใช้อาวุธ กล้าสู้จึงจะได้!”


“ท่านโหว……ท่านโหวมองการณ์ไกล ข้าน้อยกลับมองโลกแคบ ได้ยินท่านโหวกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”


ซาต้าเฉิงรีบรับคำ แต่ก็นิ่งไปก่อนจะกล่าวว่า


“ข้าน้อยขอบังอาจถาม  กองเรือเทียนจินตอนนี้ ที่จริงทางนี้ก็กินกันไม่หมดแล้ว เมืองเหลียวโจวก็เหมือนถ้ำที่ถมไม่เต็ม พวกเขายังต้องการสินค้า ยังมีพวกตะวันออกและตอนเหนืออย่างพวกมองโกลกับพวกหนี่ว์เจินก็ต้องการสินค้าอีก ประเทศวัวกับประเทศเกาหลีก็ต้องการอีกก้อนโต ทางใต้พวกเราไม่อาจมีแรงไปค้าขายได้อีก ตอนนี้ท่านโหวกลับคิดไกลออกไปอีก…….”


“เรือต่อขี้นมาเป็นลำๆ ช้าเร็วก็ต้องอิ่มตัว ชั่วชีวิตพวกเรากินอิ่ม แต่เรายังมีลูกหลาน”


ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ซาต้าเฉิงก็พยักหน้ายิ้มกล่าวว่า


“จริงๆ ข้าน้อยโลกแคบไปแล้วจริงๆ”


ทว่าพอได้ยินเช่นนี้ซาต้าเฉิงก็คิดอยากหัวเราะ คิดดูอายุแล้ว หวังทงที่จริงแล้วก็เป็นรุ่นหลานซาต้าเฉิง ทางนี้พอกล่าวถึงรุ่นหลาน ก็รู้สึกแปลกๆ


“เถ้าแก่ซาเก็บเขี้ยวเล็บแล้ว แต่เถ้าแก่เสิ่นยังไม่ยอม!”


หวังทงกล่าวเช่นนี้ ซาต้าเฉิงกลับหัวไว โขกศีรษะกล่าวว่า


“ที่ท่านโหวเตือน ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะต้องไม่ให้คนของข้าน้อยขาดการฝึกฝน ขอบคุณท่านโหวที่เมตตาให้อาวุธ”


ที่จริงแล้ว ซาต้าเฉิงแม้ไร้อาวุธหนัก แค่รอเทียนจินปกป้อง หวังทงก็มั่นใจว่าปกป้องเขาได้ ทว่าคนของซาต้าเฉิงเป็นโจรสลัดประสบการณ์มากบนท้องทะเล เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทัพเรือและกองกำลังเช่นนี้  ปล่อยให้เขากลืนหายไปกับความสงบสุข ไม่สู้ให้คงอยู่ต่อไป


เสิ่นหวั่งทางนั้นยังคงรักษากำลังของตนอยู่ ถึงกับรู้หนทางเสริมความแข็งแกร่งหลายช่องทาง การออกความคิดให้เช่นนี้ ก็พอให้ซาต้าเฉิงเพิ่มความระวังแล้ว


สองฝ่ายเดิมต่อสู้กันมา หากวันหน้าไร้เทียนจินคุ้มครอง หากเปิดศึกกันขึ้น ซาต้าเฉิงที่สงบสุขมานานไร้อาวุธใช่ว่าจะเป็นดังเนื้อเข้าปากเสือของอีกฝ่ายหรอกหรือ


****************


อากาศเดือนเจ็ดในโรงช่างร้อนมาก  อุณหภูมิเตาหลอมในโรงช่างในหน้าหนาวก็ทำให้คนเหงื่อออกเต็มแผ่นหลังแล้ว แต่ในวันที่ร้อนจัดเช่นนี้  ก็ยิ่งทำให้ร้อนจนแทบทนไม่ไหว


ทว่าพวกหวังทงกลับตื่นเต้นกันมากเพราะเหมือนเป็นการมอบรางวัลให้กับพวกเขา เครื่องแต่งกายและอาวุธทั้งหมดจะได้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด


แค่เรื่องชุดเกราะ  ทหารตอนเหนือเรียกได้ว่าเห็นเป็นของล้ำค่าส่งต่อกันในตระกูลเลยทีเดียว เพราะป้องกันได้ผลดีมาก ในสนามรบนอกจากระยะแทงทวนยาวพอสมควรกับเล็งแทงตามช่องที่จะแทงแล้ว ก็ยากจะสร้างความเสียหายบาดเจ็บได้


ของดีเช่นนี้ หลายคนคิดว่าเป็นของแพงมาก กองกำลังหู่เวยมีกันได้ก็เพราะในวังยอมจ่ายเงินให้ คนส่วนใหญ่ไม่คิดอยากจะถามถึงราคา


อย่าว่าแต่คนอื่น ทหารส่วนตัวหวังทงก็คิดเช่นนี้ พวกเขารบบนสนามรบ เสื้อเกราะเสียหายหลายที่ แต่ทุกคนก็เก็บรักษาอย่างดี ยังมีคนไปหาช่างเหล็กมาซ่อมด้วย รู้สึกกันว่าเป็นของสูงค่า แต่พอมาถึงเทียนจิน จึงได้รู้ว่าสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ ก็ยิ่งดีใจจนไม่รู้จะกล่าวเช่นไร


และการเปลี่ยนใหม่นี้ไม่ใช่หยิบชุดใหม่มาให้พวกเขา แต่ให้ช่างในโรงช่างส่วนตัววัดขนาดตัวพวกเขาแล้วปรับให้พอดี


ทหารหวังทง รูปร่างสูงใหญ่กว่าคนทั่วไป หรืออาจผอมกว่าคนทั่วไปก็มี พวกเขาสวมเกราะย่อมไม่แน่ว่าจะพอดี ครั้งนี้จะให้ใช้แผ่นหนังกับเสื้อตัวในเสริมให้พอดีตัวพวกเขา


อาวุธไม่ต้องพูดถึง มีคนยิงปืนไฟมาหลายครั้ง ความแม่นก็ลดลงไปบ้าง อันนี้ก็ต้องเปลี่ยนใหม่  ทวนและดาบต่างๆ ก็ให้พวกเขาเลือกได้ตามใจ เห็นอันไหนต้องใจก็หยิบเอาได้


เสียงหัวเราะเฮฮาดีอกดีใจดังไปทั่ว  หวังทงเดินไปกับเฉียวต้าและนายช่างต่างชาติตระเวนดูรอบโรงช่าง หวังทงเข้มงวดกับการดูแลที่นี่มาก ในความคิดเขานั้น การรักษาระเบียบวินัยมีผลโดยตรงกับการคุณภาพการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต


ทุกอย่างในโรงช่างทำตามที่เขาวางไว้ หวังทงย่อมไม่ถูกภาพภายนอกปิดบังอันใด กล่าวว่า


 “หลายวันก่อนข้ามาถึง พวกเจ้าหยุดงานครึ่งวันปัดกวาดที่นี่  ครั้งนี้ข้าไม่ว่า หากมีครั้งหน้า เจ้าก็ไปเกษียณตัวเองที่โรงบ้านตอนเหนือได้เลย!”


เฉียวต้าก้มตัวลงต่ำสุดพยายามฉีกยิ้ม นายช่างต่างชาติหลายคนไม่กล้าเงยหน้า  เดินไปถึงเครื่องจักรแรงน้ำ หวังทงมองเครื่องไปก็ถามขึ้น


“เฉียวต้า ลูกชายสองคนเจ้าตอนนี้ทำงานในโรงช่างแล้ว ตอนนั้นตำแหน่งเลือกซื้อของว่างลง เจ้าไม่ได้มายุ่งด้วย เรื่องนี้ไม่เลว!”


“นายท่านมอบวาสนาให้ข้าน้อยมากพอแล้ว  เรื่องที่ทำให้คนเอาไปนินทากันเช่นนี้ ข้าน้อยเองก็พอรู้อยู่”


ได้ยินหวังทงชม เฉียวต้าที่เมื่อครู่ใจเต้นโครมครามก็นิ่งลง นายช่างหลายคนกำลังจัดแผ่นเหล็กหนึ่งอยู่ พอจัดตำแหน่งเสร็จ  จึงได้เปิดเครื่องแรงดันน้ำ  แผ่นเหล็กถูกตี จากนั้นก็หยุด แล้วก็เปลี่ยนตำแหน่งตีใหม่


เห็นหวังทงสนใจ เฉียวต้ายิ้มเข้าไปใกล้กล่าวว่า


“นี่คือของที่อาปาก้งสั่งทำให้หัวเรือเขา บอกว่าใช้หุ้มหัวเรือไว้”


เช่นนั้นก็คงใช้เพื่อยามปะทะบนท้องทะเล หวังทงคิดไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร เฉียวต้าข้างๆ กระซิบว่า


“นายท่านหลายเดือนก่อนทางเมืองจี้โจวมาจองเกราะกับเราสามร้อย สิบวันก่อนเมืองเหลียวโจวมาจองแปดร้อย ข้าน้อยว่าตัดสินใจไม่ได้ รอถามนายท่าน?”


หวังทงเดินไปอีกทาง เงียบไปครู่หนึ่งยิ้มกล่าวว่า


“โรงช่างก็ต้องการกำไร ทหารแผ่นดินหมิงมาซื้อ ก็ย่อมขาย ทว่ากล่าวกันไว้ก่อนว่า เงินจ่ายสด ไม่งั้นไม่ขาย”


คำตอบนี้ต่างกับที่เฉียวต้าคิด ทว่าหวังทงในเมื่อตัดสินใจแล้ว เขาก็ย่อมทำตาม เดินไปสองสามก้าว หวังทงหันไปบอกว่า


“เกราะทุกชุดอย่างน้อยต้องกำไร 200 ตำลึง หากพวกเขาคิดเลียนแบบ เทคนิคการผลิตเกราะพวกนี้อีกสองสามปีก็คงทำเป็น  อาศัยจังหวะนี้ทำกำไรได้มากเท่าไรก็ทำไปก่อน!”


เฉียวต้าสีหน้ายิ้มแย้มรับคำทันที เดินไปอีกรอบหนึ่ง หวังทงก็เหงื่อท่วมตัว ทว่าโรงช่างเตรียมการไว้แล้ว พื้นที่โรงช่างกับสบแม่น้ำมีสวนเล็กๆ เป็นต้นน้ำ น้ำย่อมใสสะอาด นับว่าเป็นที่เงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวาย  หากมีเจ้าหน้าที่ทางการหรือพ่อค้าใหญ่มา ก็มักจัดต้อนรับที่นี่


หวังทงเปลี่ยนชุดที่เปียกไปด้วยเหงื่อออก  เหรินย่วนมาถึง หลายคนในโรงช่างก็มารอกันอยู่ก่อนแล้ว


“ข้าอยู่เมืองหลวง ไม่อาจมาดูแลที่นี่ได้ตลอด ขอพูดคำเดียว ตอนแรกที่ตั้งระเบียบไว้แล้ว อย่าได้เพราะข้าไม่อยู่หรือว่างแล้วก็แอบละเลยกัน  ระเบียบผิดไปหรือไม่เหมาะก็ต้องแก้ไข พวกเจ้าอย่าได้ไม่กล้าแตะต้อง ต้องมีใจคิดพัฒนาฝีมือ หากเอาแต่เดิมๆ ไม่เปลี่ยน วันหน้าไม่นานก็ย่อมมีคนเหนือกว่าพวกเจ้า ถึงตอนนั้น พวกเรามีเงิน ซื้อของคนอื่นเอาก็ได้ มีพวกเจ้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์”


หวังทงกล่าวจบ หลายคนก็พยักหน้า รีบลุกขึ้นรับคำ หวังทงกล่าวอีกว่า


“เมืองจี้โจว เมืองเหลียวโจว  สองกองกำลังใหญ่ ซื้อเกราะเราไปไม่มาก  เห็นได้ว่าพวกเขาเตรียมให้ทหารระดับสูงพวกติดตามขุนพลส่วนตัวเท่านั้น ดีไม่ดีเป็นพวกที่เก่งกล้าที่สุด คิดดูแล้ว ทัพใต้หล้านี้ก็ย่อมมาซื้อ แต่ก็ไม่มากเท่าไร กอปรกับพวกเราเปิดราคาสูง เกรงว่าหลายคนพอได้ยินราคาเช่นนี้ก็หัวหดไปแล้ว นอกจากต้องรับประกันว่ามีพอให้กองกำลังหู่เวยแล้ว โรงช่างเองก็ต้องเตรียมคืนกำไรให้ชาวบ้านด้วย วันนี้เห็นเรือทำแผ่นเหล็กหุ้มหัวเรือ ก็ไม่เลวนี่!!”


ทุกคนลุกขึ้นรับคำ พอนั่งลง นายกองเหรินอดไม่ได้ชมว่า


“ท่านโหวไม่เพียงแต่เก่งการรบ ยังรอบรู้เรื่องช่าง ใต้หล้าไม่มีสอง เดิมงานโรงช่างน้อยอยู่ทุกคนไม่รู้ทำอะไรดี ได้ยินท่านโหวว่ามา ในใจก็สว่างวาบทันที!”


ทุกคนย่อมเห็นด้วย กำลังคุยกันอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงทหารตะโกนดังมาว่า


“ท่านโหว อู๋ต้าสองพี่น้องกลับจากเมืองจี้โจวแล้ว รออยู่ที่โรงบ้านในตอนเหนือของเมือง”


หวังทงยิ้ม กล่าวว่า


“การลงใต้ครานี้เตรียมการใกล้ครบแล้ว อีกสองวันออกเดินทางแล้ว”


“ขอให้ท่านโหวเดินทางโดยสวัสดิภาพ”


ทุกคนพร้อมใจกันอวยพรกล่าวคำมงคล พอกลับกันออกไป เหรินย่วนกลับงงอยู่ กล่าวกับเฉียวต้าว่า


“ท่านโหวลงใต้ปฏิบัติหน้าที่ เอาพวกเจ้าหน้าที่บัณฑิตเชี่ยวชาญการบัญชีไปมากหน่อยดีกว่าไหม ทำไมจึงพาทหารไปมากเพียงนี้ ไม่ใช่ไปรบสักหน่อย”



ตอนที่ 830 ลงใต้

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตั้งแต่อู๋ต้าและอู๋เอ้อร์ถูกหวังทงจับมาเทียนจิน ก็เริ่มถูกนำตัวไปใช้แรงงานหนักอยู่หลายปี มาถึงตอนนี้กลับดีกว่าตอนอยู่ซานตงไม่น้อย


เมื่อก่อนตอนเหนือซานตงต่างรู้จักชื่อพี่น้องตระกูลอู๋ แต่ก็แค่นักเลงใหญ่เท่านั้น ยังต้องระวังทางการ พวกมีสถานะสูงย่อมไม่เกรงกลัวพวกเขา


ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขตปกครองเหนือจากซานตงเหอหนานลงไปยังเขตปกครองใต้ล้วนรู้จักพี่น้องตระกูลอู๋  ผู้ใดไม่รู้ว่าหากต้องการกลับตัวต้องมาหาพี่น้องตระกูลอู๋


ผู้ใดไม่รู้ว่าพี่น้องตระกูลอู๋ตอนนี้มีลูกน้องมีฝีมือหลายร้อยคน  ทรัพย์สินก็มากมาย  ขุนนางในเขตปกครองเหนือกับพื้นที่ซานตงล้วนต้องไว้หน้า คนเช่นนี้ แผ่นดินหมิงใต้หล้าวงการการนักเลงล้วนมีไม่มาก ผู้ใดก็ต้องให้ความเคารพอยู่หลายส่วน


พี่น้องตระกูลอู๋มีชื่อเสียงได้เช่นนี้ ก็ย่อมเป็นเพราะสายสัมพันธ์กับหวังทง เริ่มหาตัวคนในวงการให้มาเป็นพวกหวังได้ระยะหนึ่ง หวังทงก็ให้หยุด ทว่ารอบทิศต่างก็คิดมาเป็นพวกไม่น้อย ปฏิเสธกลับไป ก็ทำลายสัมพันธ์ จึงรับไว้เองเสียอย่างนั้น


อู๋ต้าไม่ได้อยู่รังโจรที่ซานตง หากตอนนี้ทำการค้าสัตว์เลี้ยงจากเมืองจี้โจวมายังเทียนจิน  เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาหารเนื้อสัตว์และการค้าหนัง ยังมีแรงงานสัตว์ไถนาตามโรงบ้าน เป็นการค้าที่เรียกว่ากำไรก้อนโต ทว่าการค้าขายสัตว์เลี้ยงพวกนี้ แม้ว่าทุ่งหญ้านอกด่านไร้ระเบียบกฎหมาย  แต่เดินทางไปมาก็ต้องคอยระวังคนปล้นชิง โจรขโมยม้าวัวก็มาก คิดจะคุ้มครองให้ปลอดภัยก็ต้องเลี้ยงคนไว้พอสมควร


คนที่มาขอสวามิภักดิ์ล้วนจัดการให้อยู่ในกองคาราวานนี้ ยังมีส่วนหนึ่งส่งไปเทียนจินทางโรงบ้านตอนเหนือ  คนพวกนี้วันๆ ใช่ว่าต้องการแต่เงินทองและอาหารดี สามารถมีงานที่มีชีวิตที่เป็นสุข ก็มีคนไม่น้อยต้องการทำ   แต่คนที่ทำได้ดีก็จะได้เข้าร่วมกองทัพหรือไม่ก็ได้ตำแหน่งทางการที่เทียนจิน ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจ


************


ตอนนี้อู๋ต้าร่ำรวยกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ไม่ว่าทำอะไรก็ดูมีบารมีไม่น้อย อย่างไรก็เป็นงานองครักษ์เสื้อแพร ที่นักเลงในวงการให้การยกย่อง  ทำอะไรก็ย่อมไม่เหมือนเดิม  อู๋เอ้อร์ก็เหมือนจะนิ่งกว่าแต่ก่อนมาก


“ท่านโหว โรงบ้านเราใช้แรงงานนักโทษจากที่ต่างๆ  ล้วนเป็นพวกมือไวรักสบาย ทำแต่เรื่องผิดกฎหมายมา ยากจะควบคุม ยังต้องใช้พวกนักเลงในวงการพวกนั้นที่รับมาคอยกำราบไว้ ก็เรียกได้ว่าใช้พวกเดียวกันกำราบพวกเดียวกัน”


หวังทงขี่ม้ามาถึงโรงบ้าน เห็นภาพรอบๆ ไม่เหมือนกับทุ่งนาสองข้างทางบนเส้นทางหลวงที่สวยงามทำนากันอย่างมีความสุข แต่ที่นี่ทุกคนสวมชุดผ้าป่านตัวสั้นกำลังทำงานกัน ยังมีชายฉกรรจ์คอยถือแส้กำราบ มีเสียงตะโกนด่าทอเป็นระยะ ถึงกับโบยก็มี หวังทงกลับยิ้ม กล่าวว่า


“สมควรๆ คนพวกนี้ใช้แรงงานแล้วก็จะแก้ไขตัวเองได้ จึงจะตั้งใจเป็นคนดีได้ พวกเจ้าทำได้ไม่เลว”


พอเข้าไปในโถงโรงบ้าน ก็ย่อมมีคนยกน้ำชามา หวังทงเอ่ยไม่อ้อมค้อมทันทีว่า


“อู๋ต้า เจ้าอยู่ที่นี่จัดการการงานต่อ ส่วนอู๋เอ้อร์ตามข้าลงใต้ เจ้าสองพี่น้องรู้จักพื้นที่ดี ไปนำทางหน่อย จะได้ไม่ต้องคลำทาง”


อู๋เอ้อร์รีบคำนับรับ หวังทงกล่าวกับอู๋ต้าว่า


“ปีนี้รบกับทุ่งหญ้านอกด่าน เผ่าเคอเอ่อชิ่นกับตั่วเหยียนก็มีชีวิตที่ยากลำบาก เดาว่าก่อนหน้าหนาวก็คงมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากกับพวกอาหารหมักเกลือส่งมาขายจำนวนมาก เนื้อวัวและแพะที่แช่แข็งวางใต้ท้องเรือหน้าหนาวอย่างนี้ได้หลายเดือนไม่ละลาย  พวกเรากำลังหาโอกาสขายเนื้อพวกนี้ออกไปให้ไกลอีกหน่อย  ไปทางแถบเหอหนานและซานตง เขตปกครองใต้ทั้งหลาย หากการค้าดี วันหน้าย่อมเป็นแหล่งกำไร”


อู๋ต้าครุ่นคิดไปมา สองมือตบกัน คำนับสรรเสริญว่า


“ท่านโหวช่างคิดได้ เนื้อวัวแพะหน้าหนาวมาเกินความจำเป็น เมืองหลวงและเทียนจินราคาตกมาก พวกเราคิดค่าหญ้าและอาหารเลี้ยงแล้วก็กำไรไม่เท่าไร  แต่ที่อื่นๆ ราคาสูงอยู่ หากเรือบรรทุกไปได้มาก ก็ย่อมทำกำไรก้อนโต ข้าน้อยได้ยินคนบนท้องทะเลเล่าว่า พวกเราพอถึงหน้าหนาว ไม่มีสินค้าอันใดไปขายทางใต้ วิ่งเรือเปล่าไม่ค่อยคุ้ม วิธีท่านโหวช่างสะดวกยิ่ง”


หวังทงยิ้มพยักหน้า วิธีนี้ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ ๆ ก็คิดเองได้ แต่เป็นอาปาก้งเคยเอ่ยถึงเมื่อก่อน ว่าทางยุโรปหลายประเทศเป็นเช่นนี้ หน้าหนาวขนปลาและเนื้อแช่แข็งลงไปขายตอนใต้ เป็นการค้าชิ้นโต พอดีกับที่หวังทงสร้างระบบการค้าขึ้นมาก็มีของพวกนี้อยู่ด้วย ได้ใช้งานพอดี


กล่าวจบ หวังทงก็เคาะโต๊ะ ชี้ไปทางอู๋ต้าว่า


“ลูกชายคนโตเจ้า 11 แล้ว ครอบครัวเจ้าชายอายุ 15 ก็ไม่น้อย หากเจ้าคิดให้เข้าทำงานกับข้าก็ไล่รายชื่อมา รอกลับมาก็จะจัดการให้เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามความสามารถ”


ได้ยินเช่นนี้ อู๋ต้าอึ้งไป เอื้อมมือไปกระชากอู๋เอ้อร์ข้างๆ สองพี่น้องพากันคุกเข่าลง กล่าวอย่างตื้นตันว่า


“ความเมตตาของท่านโหว พวกเราพี่น้องชาติหน้าเป็นวัวเป็นควายรับใช้ก็ตอบแทนไม่หมด….”


“ไม่ชาติหน้าเป็นวัวเป็นควายรับใช้ ชาตินี้ตั้งใจทำงานให้ดีก็พอ!”


หวังทงสัพยอก ทุกคนพากันหัวเราะดังลั่น ลูกหลานได้ติดตามหวังทง ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานทางการหรือไม่ ก็ขึ้นกับเจ้ามีความมุ่งมั่นพอไหม ตระกูลอู๋ทำงานให้หวังทงมาหลายปี สถานะมีอยู่ เงินทองกำไรไม่น้อย  แต่อย่างไรก็เชิดหน้ายืดอกกับผู้ใดไม่ได้เต็มที่นัก ก็เพราะขาดเหตุนี้


ตอนนี้หวังทงรับปาก ก็เท่ากับให้คำมั่นสัญญาแก่ครอบครัวเขาทั้งสองว่าจะมีแต่ความรุ่งเรือง ทำให้อู๋ต้าและอู๋เอ้อร์ซาบซึ้งยิ่ง


เขาสองคนเมื่อก่อนเป็นดังกบในกะลา มาอยู่รังโจรที่ซานตง ได้สมคบกับทางการคิดว่ายิ่งใหญ่แล้ว แต่พอถูกหวังทงจับมาทำงานด้วย จึงได้รู้ว่าโลกนี้อะไรคือยิ่งใหญ่ อะไรคืออำนาจแท้จริง


*************


“ขออวยพรท่านโหวเดินทางโดยสวัสดิภาพ!!”


ได้ยินเสียงคนบนฝั่งตะโกนส่ง หวังทงกลับกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องเรือ ห้องทำงานเหมือนย้ายมาตั้งบนเรือ ห้องรับแขก ห้องหนังสือ ห้องนอนก็ครบครัน


“ผู้บัญชาการ เมืองหลวงมีเอกสารมาวันนี้ เมื่อครู่ส่งขึ้นฝั่งไปแล้ว”


เฉินต้าเหอประคองถุงหนังเข้ามา หวังทงพยักหน้าเปิดถุงหนังออก ด้านในมีเอกสาร องครักษ์เสื้อแพรกับสำนักรักษาความสงบรายงานเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงกับเรื่องที่ต้องระวังให้เขารู้ สำหรับหวังทงแล้วเป็นสิ่งจำเป็นมาก ไม่อาจไปสองสามเดือน ก็ไม่รู้เรื่องอะไรในเมืองหลวงเลย


 พอหยิบเอกสารออกมาพลิกอ่านไปสองสามหน้าก็ดึงจดหมายหนึ่งออกมา มองชื่อบนซองก็ยิ้มกล่าวว่า


“สวีกว่างกั๋ว มีความสามารถในการสังเกตการณ์อยู่เหมือนกัน เสียดายมักช้าไปหนึ่งก้าว”


เฉินต้าเหอยิ้มมองมา หวังทงโบกจดหมายในมือ กล่าวว่า


“คนผู้นี้รอให้ข่าวข้าออกจากเมืองหลวงปฏิบัติหน้าที่เป็นที่แน่นอนจึงได้ส่งจดหมายนี้มา หากข่าวนี้ไม่แน่นอน ข้าไม่รู้ยังเป็นที่ทรงโปรดหรือไม่ เช่นนั้นก็ไม่รู้ได้ เขาก็ย่อมไม่อยากถูกข้าดึงลงต่ำไปด้วย หากข่าวแน่นอนแล้ว ก็แค่คลื่นลมเล็กน้อย…..”


พูดอยู่นั้น ก็เปิดจดหมายออกอ่าน กวาดตาอ่านคร่าวๆ ยกมือดีดจดหมาย สัพยอกกล่าวว่า


“เตือนได้เป็นกลางดีมาก ให้ข้าระวังให้มาก อย่าได้ล่วงเกินตระกูลสวีเมืองซงเจียง ไม่เช่นนั้นจะยุ่งยาก”


เฉินต้าเหอรับคำหยอกว่า


“ท่านโหว เตรียมการอย่างไร?”


“เรือออกจากท่าแล้ว ยังจะทำอย่างไรได้ ก็ตรวจสอบไปก็แล้วกัน”


ขณะหวังทงพูดวาจานี้ ท่าเรือของโรงต่อเรือทางนั้น ก็ปล่อยเรือปืนใหญ่สองลำออกจากท่า


**************


ใต้หล้านี้ที่ร่ำรวยที่สุดก็คือสามเมืองใหญ่อย่างซูโจว อู๋ซีและซงเจียง  หากไม่ใช่หกอำเภอของเมืองซูโจวขนาดใหญ่แล้ว เมืองซงเจียงก็ย่อมเป็นที่ร่ำรวยสุดในใต้หล้า ทว่าเมืองซงเจียงมีแค่สองอำเภออย่างหัวถิงกับชิงผู่เท่าน้น ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก


เมืองซงเจียงมีที่ทำการหลักอยู่ที่อำเภอหัวถิง  คนที่มาหัวถิงใหม่ๆ มักรู้สึกงง แท้จริงแล้วเป็นเมืองใหญ่ทีเดียว เพราะเป็นที่ตั้งของตระกูลสวีตระกูลใหญ่ในเมืองซงเจียง จวนตระกูลสวีเป็นศูนย์กลางอยู่นอกเมือง เป็นพื้นที่รุ่งเรือง จากบ้านเรือนไปถึงร้านค้า หอสุราไปจนหอคณิกา มีครบ เหมือนเป็นเมืองๆ หนึ่ง ในเมืองกลับเหมือนว่าสู้กับที่นี่ยังไม่ได้ แม้แต่จวนที่ทำการก็ดูสภาพย่ำแย่ยิ่ง


ใต้หล้านี้ใช่ว่าในเมืองรุ่งเรืองกว่านอกเมืองหรือ นอกจากเมืองไม่มากนักที่มีคลองส่งน้ำแล้วเจริญว่าในเมือง


เมืองซงเจียงนี้ เจ้าหน้าที่ที่ทำการหรืออำเภอไม่ได้สบายเหมือนคนงานตระกูลสวีอย่างแน่นอน ขุนนางกับเจ้าหน้าที่ทางการเป็นแค่คนรับใช้ที่มีเกียรติของตระกูลสวีเท่านั้น


นี่เป็นธรรมเนียมแดนใต้ คนรับใช้ตระกูลสูงอัดแน่นเต็มที่ทำการทางการ ขุนนางที่มาจากการสอบพวกนั้นเป็นแค่คนโดดเดี่ยว คิดจะปฏิบัติหน้าที่ ก็ล้วนต้องอาศัยคนงานของตระกูลเหล่านี้จัดการให้ พวกเขาก็ย่อมกลายเป็นหุ่นเชิดของตระกูลใหญ่ในพื้นที่ไป


เดือนเจ็ด เมืองซงเจียงก็ร้อนมาแล้ว ตอนกลางวันคนบางตา ทว่าหน้าประตูตระกูลสวี มีคนดูธรรมดาสามัญสิบกว่าคนกำลังรอคอยอยู่


คนที่คุ้นเคยกับตระกูลสวีเห็นเข้าก็อ้าปากค้าง พ่อบ้านใหญ่ตระกูลสวีอยู่หน้าประตู นี่เป็นพ่อบ้านที่ปรนนิบัตินายท่านใหญ่สวีเจี้ย ปกติแม้แต่ผู้ว่าเมืองซงเจียงมาก็ใช่ว่าจะพบ อยู่ ๆ มาคอยอยู่หน้าประตูจวน แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดจะมากัน หาได้น้อยมาก


ม้าสิบกว่าตัวขี่นำรถม้าคันหนึ่งมาถึง รถม้าหยุดลง  พ่อบ้านใหญ่สวีก็รีบเดินลงมาจากขั้นบันไดหน้าประตู มีคนยกม้านั่งมาจ่อที่รถม้าให้เดินลง  พ่อบ้านใหญ่เลิกม่านออก


“อากาศอย่างนี้ ไยต้องทรมานข้าด้วย ข้าอายุมากแล้ว”


ชายชราวัยห้าสิบกว่าเดินลงจากรถมา ในมือมีผ้าเช็ดหน้า สวมชุดบัณฑิตแขนกว้าง พร้อมหมวกและรองเท้าเรียบร้อย พอเห็นก็รู้ว่าเป็นขุนนางที่ลาออกจากราชการกลับมาอยู่บ้านเกิด ชายชราผู้นี้พูดจาน้ำเสียงนิ่งเรียบทำให้คนฟังแล้วยิ่งเคารพนบนอบ ในใจก็คือนี่เป็นบัณฑิตใหญ่ลัทธิขงจื๊อผู้มีความรู้ยิ่งจากที่ใดกัน


“ท่านไต้ลำบากท่านแล้ว ในจวนมีน้ำบ๊วยใส่น้ำแข็งเย็นไว้รอรับท่านแล้ว เชิญเข้าไปดื่มดับกระหายเถิด”


ชายชราถูกประคองไป ก็ยิ้มกล่าวว่า


“แดนใต้นี้ก็คงมีแค่เมืองหนานจิงกับตระกูลสวีเจ้าที่มีถ้ำน้ำแข็งแล้ว พวกเจ้านี่นะ นายท่านเจ้าก็ใจร้อน เจ้าก็เตือนหน่อย ไยปล่อยให้เขาต้องกังวลเช่นนี้?”


“ท่านไต้ ครั้งนี้เรื่องใหญ่แล้ว คนที่เมืองหลวงส่งมา…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)