อยากกินไหมล่ะ 826-827
บทที่ 826 คู่ปรับตลอดกาล
เนื่องจากส่วนลดและการมาถึงของเหล่าดาราดัง ร้านหยวนโจวจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเป็นอย่างยิ่ง แต่ให้พูดจริงๆก็คือสาเหตุหลักที่คนเยอะก็ยังคงเป็นเพราะส่วนลดอยู่ดีนั่นแหละ
หนึ่งในนั้นเป็นไอ้หนุ่มบางคนที่เคยบอกแม่เทพธิดาของเขาว่าน่าจะมีโอกาสที่ฟุตบอลทีมชาติจะผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกถึงร้อยละ 0.04 แต่ในที่สุดก็ล้มเหลว ส่วนความน่าจะเป็นของการที่จะได้รับส่วนลดของเถ้าแก่หยวนกลับต่ำถึงร้อยละ 0.018 แถมยังมีท่าทีว่าจะต่ำกว่าการที่ฟุตบอลทีมชาติจะได้ถ้วยแชมป์โลกอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าหากฉันได้รับส่วนลดของเถ้าแก่หยวนจริงๆขึ้นมา เธอจะเปิดโอกาสให้ฉันจีบได้ไหม?
แม่เทพธิดาตอบตกลง
ใช่แล้วล่ะ เพื่อแม่เทพธิดาแล้ว เขายอมเดิมพันกับทุกสิ่งเลย แม้จะพยายามจนถึงที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่ได้เข้าร้านในตอนเที่ยวครึ่งเลย ถ้ามองในแง่ดีสุดท้ายแล้วเขาก็ได้หมายเลขมาแล้ว
หลี่เหอและเพื่อนร่วมงานต่างไม่ล่วงรู้ถึงชะตากรรมที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่ มาให้ความสนใจกับแขกรับเชิญของรายการกันก่อนเถอะ เมื่อสองวันก่อน แขกรับเชิญผู้นี้ยังอยู่ในประเทศฝรั่งเศสอยู่เลยแท้ๆ
หันมาทางครัวของฉูเสี่ยวกันบ้าง
“หัวหน้าเชฟฉูคะ มิสเตอร์ดีนมาหาค่ะ” สตรีผมบลอนด์ตะโกนเรียกฉูเสี่ยวขณะที่เขามัวแต่ยุ่งง่วนอยู่ในครัว
“ชู่ว์ ไม่ต้องพูด มากับฉันนี่” ก่อนที่ฉูเสี่ยวจะทันได้เงยหน้า บุรุษผมสีน้ำตาลก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วลากสาวสวยผมบลอนด์ออกไป
ตึก ตึก ตึก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านนอกแล้ว สาวสวยผมบลอนด์ดึงแขนของเธอออกจากการยึดกุมของบุรุษผู้นั้นแล้วจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“จิมมี่ นายกำลังจะทำอะไรกันแน่? ฉันมาหามิสเตอร์ฉูเพราะเรื่องงานนะ” สาวสวยผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“ฉันก็กำลังช่วยเธออยู่นี่ไงเล่า เธอไม่เห็นเหรอว่าหัวหน้าเชฟฉูยุ่งจะตายชัก? เธออยากจะถูกไล่ออกเพราะรบกวนเขางั้นรึ?” บุรุษผมสีน้ำตาลตอบด้วยความดูถูกดูแคลน
“มิสเตอร์ฉูไม่ใช่คนที่จะโกรธใครง่ายๆหรอก” สาวสวยผมบลอนด์ไม่เชื่อคำพูดของเขา เท่าที่เธอเข้าใจ บุรุษผู้นี้พยายามที่จะทำให้เธอกลัวเสียมากกว่า
“โอ้ เชิญเลย งั้นก็เข้าไปเถอะ แล้วฉันจะดูซิว่าเธอจะสามารถรอดพ้นเที่ยงวันไปได้หรือเปล่าก็แล้วกันนะ” จิมมี่กอดอกท้าทายเธอ
“หึ” สาวสวยผมบลอนด์เหลือบมองไปที่ครัวในทีแรกก่อนที่จะหันมามองสีหน้าท่าทางยั่วยุของจิมมี่ จากนั้นเธอก็ส่งเสียงออกทางจมูกแล้วเดินจากไป
ในที่สุดเธอก็นึกถึงวันแรกที่มาที่นี่ได้ ผู้จัดการร้านเตือนเธอว่าห้ามรวบกวนหัวหน้าเชฟฉูเมื่อตอนที่เขากำลังทำอาหารอยู่เป็นอันขาด
“โนตมแต่กลับไร้สมองจริงๆ” จิมมี่เย้ยหยันพลางมองไปที่แผ่นหลังของสาวสวยผมบลอนด์
“มีคนชื่อดีนกำลังรอหัวหน้าเชฟฉูอยู่ด้านนอกจริงๆนะ เขาบอกว่าพวกเขารู้จักกันด้วย” จู่ๆสาวสวยผมบลอนด์ก็หันมาบอก
“ฉันรู้แล้วแหละน่า มีคนรู้จักหัวหน้าเชฟฉูตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วเจ้าดีนั่นเป็นใครกันเล่า?” จิมมี่โบกมือโดยท่าทีไม่สนใจก่อนที่จะกลับเข้าครัว
และเมื่อจิมมี่กลับเข้าครัวไปแล้ว เขาก็เดินเข้าไปหาฉูเสี่ยวที่กำลังจดจ่ออยู่กับการทำสตูว์หม้อหนึ่งเงียบๆ
ฉูเสี่ยวคนสตูว์เบาๆด้วยถือกระบวยเหล็ก สตูว์เป็นสีน้ำตาลและบางครั้งก็จะมีเนื้อปลาชนิดต่างๆหมุนวนอยู่โผล่ขึ้นมาบนผิวหน้าของสตูว์ที่กำลังเดือด
เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือสตูว์เนื้อปลาหม้อหนึ่งอันเป็นสตูว์เนื้อปลาชนิดต่างๆ
สตูว์เนื้อปลานี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าบูลาเบย์ซึ่งเป็นอาหารหนึ่งในสุดยอดอาหารจานเด็ดของประเทศฝรั่งเศส อันมีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ใกล้ชายฝั่งที่หันหน้าเข้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและเป็นความภาคภูมิใจของโพรวองซ์อีกด้วย
อันที่จริงแล้วหลายๆภูมิภาคของประเทศฝรั่งเศสก็มีสตูว์เนื้อปลาเป็นของตัวเองทั้งนั้นแหละ และจากภูมิภาคที่ว่ามานั้น สตูว์จะมีชื่อที่แตกต่างกันออกไป ที่เบอร์กันดี สตูว์เนื้อปลาของพวกเขาจะมีชื่อเรียกว่าโปชูส์ ส่วนสตูว์ที่ฉูเสี่ยวทำนั้นเป็นที่นิยมกันมากในมาร์แซย์และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานที่เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของสตูว์ทั่วโลก
บูลาเบย์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 500 ปีมีต้นกำเนิดมาจากชาวกรีก เนื่องจากมาร์แซย์หันหน้าเข้าหาทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจึงทำให้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะล ดังนั้นก็เลยทำให้นั่นเป็นทำเลที่เหมาะจะทำสตูว์นี้ขึ้นมา
อันที่จริงแล้วบูลาเบย์ทำง่ายมากเชียวล่ะ แถมไม่จำเป็นต้องต้มนานเกินไปอีกด้วย ดังนั้นตอนที่จิมมี่มาถึงนั้น ฉูเสี่ยวก็ทำเสร็จแล้ว
ติ๊ง ฉูเสี่ยววางกระบวยลงเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสตูว์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“หัวหน้าเชฟครับ มีคนมารอคุณอยู่ด้านนอกแน่ะครับ ผมคิดว่าเขาน่าจะชื่อดีนนะ” จิมมี่กล่าว
“ดีนงั้นรึ? ดีน แบรดบูรีน่ะเหรอ?” ฉูเสี่ยวถามขึ้นมา
“ไม่แน่ใจนะครับผมก็ยังไม่เคยเห็นเขามาก่อน ผมได้ยินเรื่องนี้มาจากบริกรหญิงน่ะครับ” จิมมี่กล่าวตามตรง
“โอเค เข้าใจแล้ว” ฉูเสี่ยวพยักหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะออกไปทันที นอกจากนั้นเขายังเริ่มล้างมือด้วยท่าทีไม่รีบร้อนแต่อย่างใดอีกด้วย
“หัวหน้าเชฟครับ หรือว่าจะเป็นดีน เดอะ ดีน คนนั้น?” จิมมี่ถามด้วยความอยากรู้
ความอยากรู้ของจิมมี่ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันทีที่เขาได้ยินชื่อจากฉูเสี่ยว ถึงอย่างไรดีน แบรดบูรีก็เป็นเชฟยอดอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมมากในประเทศฝรั่งเศส เขาน่าจะเป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแถบนี้เลยหากไม่มีฉูเสี่ยวอยู่เหนือกว่าเขาล่ะก็นะ
ที่สำคัญไม่เพียงแค่ดีนผู้นี้จะมีฝีมือในการทำอาหารเท่านั้น แต่เขายังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆอีกด้วย ด้วยผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าทำให้เขาดูหล่อเหลาเอาเรื่องเลยทีเดียว
“นายคิดว่าไงล่ะ?” ฉูเสี่ยวถามขึ้นมา
“ผมไม่รู้ก็เลยต้องมาถามคุณไงล่ะครับ” จิมมี่กล่าวด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อ
“ถ้าเขามาตอนนี้ก็น่าจะมากินอาหารฟรีอีกนั่นแหละ เอาสตูว์ไปเสิร์ฟข้างนอกสองที่ด้วยนะ” ฉูเสี่ยวกล่าวโดยยอมรับแบบอ้อมๆว่าเป็นคนผู้นั้นจริงๆ
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะยกสตูว์ไปเสิร์ฟให้เอง” จิมมี่กล่าว
“อยู่ในห้องครัวก็ระมัดระวังหน่อยนะ” ฉูเสี่ยวเตือนก่อนที่เขาจะเดินออกจากครัวไป
ทันทีที่เขาเข้ามาในห้องอาหาร ฉูเสี่ยวก็เห็นดีน แบรดบูรีกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะว่างๆ
“มิสเตอร์ฉู ไม่เจอกันเสียนานเลยนะครับ” ดีน แบรดบูรีลุกขึ้นทันทีที่เขาเห็นฉูเสี่ยวแล้วกล่าวคำทักทายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“อืม” ฉูเสี่ยวพยักหน้า
“ผมสงสัยจังเลยว่าวันนี้จะโชคดีพอที่จะได้ลองชิมอาหารของมิสเตอร์ฉู่หรือเปล่านะ?” ดีน แบรดบูรีถามด้วยความคาดหวัง
“ยังไงคุณก็มาตอนนี้เพื่อจะได้กินอาหารฟรีๆตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา” ฉูเสี่ยวนั่งลงแล้วกล่าว
“จริงด้วยสินะ ผมคงต้องรบกวนคุณเสียแล้วล่ะ มิสเตอร์ฉู” ดีนยอมรับ
“วันนี้พวกเราจะกินสตูว์เนื้อปลากันครับ” ฉูเสี่ยวกล่าว
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นจัง ขอบคุณครับ มิสเตอร์ฉู” ดีนเหลือบมองไปที่ครัวโดยไม่หยุดหย่อนเพื่อรอให้อาหารมาเสิร์ฟ
อันที่จริงแล้ว ดีน แบรดบูรีไม่ได้สนิทสนมกับฉูเสี่ยวเลยสักนิด แต่พวกเขาก็ยังรู้จักกันอยู่ดี จะพูดให้ถูกก็คือพวกเขาเป็นสหายเก่าแก่จากการแข่งขันนั่นเอง
ฉูเสี่ยวมักจะพบไอ้เจ้าหมอนี่โดยบังเอิญไม่ว่าเขาจะไปแข่งขันระดับใหญ่ขนาดไหนก็ช่างเถอะ อีกด้านหนึ่ง ทั้งสองคนก็เคยทะเลาะกันแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง และดีน แบรดบูรีก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของฉูเสี่ยวโดยไม่ต้องสงสัยเลย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดีน แบรดบูรีก็เริ่มทักทายฉูเสี่ยวทุกครั้งที่เห็นเขาเลย และด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงรู้จักกันได้ แต่พวกเขากลับไม่ค่อยพบกันในสถานที่ส่วนตัวสักเท่าไหร่นัก
ดังนั้นพวกเขาก็เลยไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก พวกเขานั่งรอให้จิมมี่ยกสตูว์มาเสิร์ฟอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
ไม่มีอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับบูลาเบย์ สตูว์จะต้องถูกยกมาเสิร์ฟทันทีโดยไม่มีอย่างอื่นมาด้วย
“ทานให้อร่อยนะครับ” จิมมี่ยกมาเสิร์ฟอย่างรู้งาน
“มิสเตอร์ฉู ผมไม่เกรงใจแล้วนะ” ดีนหยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มซดน้ำสตูว์
“เชิญ” ฉูเสี่ยวยกชามขึ้นมาแล้วหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อเริ่มซดน้ำสตูว์เช่นกัน
สตูว์เนื้อปลาของประเทศฝรั่งเศสไม่ได้สนใจเรื่องการขจัดกลิ่นคาว แต่ฉูเสี่ยวก็สามารถผสมผสานกลิ่นคาวกับรสชาติอันสดใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างชาญฉลาด เมื่อซดน้ำสตูว์เข้าไป รสชาติทั้งสองอย่างที่ผสมเข้าด้วยกันจะปลดปล่อยรสชาติอันแสนยอดเยี่ยมออกมา
ทั้งสองคนต่างกำลังซดน้ำสตูว์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉูเสี่ยวอยากรู้ว่ามีอะไรที่ต้องปรับปรุงอีกบ้าง ในขณะที่ดีนพยายามที่จะหาความแตกต่างระหว่างเขากับฉูเสี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย
ดีนกินสตูว์หมดชามโดยไม่ได้แตะต้องขนมปังเลย
“รสชาติค่อนข้างแตกต่างไปจากบูลาเบย์แบบอื่นๆ นี่จะต้องเป็นผลจากการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆของมิสเตอร์ฉูเป็นแน่แท้เลยเชียว” ดีนกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ไม่จริงหรอกครับ บูลาเบย์สูตรต้นตำหรับก็ต้องแบบนี้แหละ” ฉูเสี่ยวขมวดคิ้วแล้วอธิบายให้ฟัง
“สูตรต้นตำหรับงั้นรึ? แต่รสชาติกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลย” ดีนกล่าว
ถึงอย่างไรฉูเสี่ยวก็มีชื่อเสียงขึ้นมาจากการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆในการทำอาหาร จู่ๆเขาก็ออกมาพร้อมกับบูลาเบย์สูตรต้นตำหรับที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายซึ่งดีนเองก็ยังไม่เคยลิ้มลองมาก่อนเลย เป็นที่พอเข้าใจได้ว่าสิ่งนี้คงจะสร้างความประหลาดใจให้ดีนอยู่มากทีเดียว
“ทุกวันนี้ทุกคนต่างทำอาหารที่เตรียมขึ้นมาอย่างไม่เหมาะสมเป็นผลทำให้อาหารสูตรต้นตำหรับค่อยๆสูญหายไป” ฉูเสี่ยวให้คำอธิบายสั้นๆ
ดีนเป็นคนฉลาดและทันใดนั้นเองก็นึกขึ้นได้ว่าบูลาเบย์มีต้นกำเนิดมาจากปลาที่เหลือในแหของชาวประมงในสมัยก่อน ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สตูว์ที่มีขั้นตอนการเตรียมที่ยุ่งยากแต่อย่างใดเลย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของฉูเสี่ยวพลางมองไปทางฉูเสี่ยวด้วยแววตาลุกโชน
“ผมเข้าใจแล้วล่ะ คุณคู่ควรที่จะเป็นคู่ปรับตลอดกาลของผมแล้วจริงๆ” ดีนรำพึงออกมา
ฉูเสี่ยว: “…”
บทที่ 827 สร้างความประหลาดใจให้กลุ่มคนทั้งสาม
คู่ปรับตลอดกาล ช่างน่าอับอายอะไรเช่นนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉูเสี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนพองไปตามสันหลัง เขากล่าวออกมาตามตรงว่า “พักนี้คุณดูการ์ตูนเรื่องไหนอยู่งั้นรึ?”
“เปล่า ผมจริงจังอยู่นะ” ดีนกล่าวยืนยัน “ผมมักจะเชื่อมาโดยตลอดว่าพรสวรรค์ของตัวเองดีพอแล้ว แต่พรสวรรค์ของคุณกลับไล่เลี่ยกับผมเสียได้นี่ คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเราไม่ใช่คู่ปรับตลอดกาลด้วยการเหนือกว่าผมเท่านั้นแหละ”
ภาษาจีนของดีนค่อนข้างฉะฉานมากทีเดียว เขาสามารถใช้วลีจีนอย่างคำว่า “ไล่เลี่ย” ได้เสียด้วย เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาได้เรียนรู้คำและวลีพวกนี้ของฉูเสี่ยวมานั่นเอง
“มีอยู่สองอย่างที่ผมแน่ใจ อย่างแรกคือพรสวรรค์ของผมไม่ได้ไล่เลี่ยกับคุณเลยสักนิด ทว่าพรสวรรค์ของผมออกจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำไป”
ฉูเสี่ยวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างที่สอง ถ้าหากคุณกำหนดว่า ‘คู่ปรับตลอดกาล’ เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการเหนือกว่าผู้อื่นเพียงเท่านั้น ผมขอบอกเลยว่าผมก็มีคู่ปรับตลอดกาลอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น เขามีนามว่าหยวนโจวครับ”
วาจาเหล่านั้นทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว ดีนอาการหนักมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นเพราะอย่างแรก อย่างที่สองหรือทั้งสองอย่างก็ตามที
“หยวนโจวงั้นรึ? ชื่อนี้ฟังดูไม่ค่อยคุ้นเลย” ดีนงึมงำด้วยสีหน้าที่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ใช่แล้วล่ะเป็นหยวนโจวไม่ใช่คุณ” ฉูเสี่ยวไม่รู้หรอกว่าอะไรคือ “การรักษาหน้า” เอาไว้ เขาเอาแต่พูดออกไปโดยไม่ได้นึกถึงคนอื่นเลย
“เอาล่ะ” ดีนอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่ได้จากไปแถมยังนั่งที่ของตัวเองอยู่อีกต่างหาก ถึงอย่างไรอาหารจานหลักก็ยังไม่มาเลยนี่นา การทำอะไรครึ่งๆกลางๆไม่ใช่สไตล์ของเขาเลยสักนิด
“อาหารจานหลักกำลังจะมาแล้ว” ฉูเสี่ยวกล่าว
ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลของฉูเสี่ยว แต่ในที่สุดดีนก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการและได้กินอาหารของฉูเสี่ยวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาหารสูตรต้นตำหรับอีกต่างหาก ที่สำคัญเขาได้ประโยชน์มากมายจากสิ่งที่ฉูเสี่ยวบอกในตอนท้ายอีกด้วย
เนื่องจากฉูเสี่ยวย้อนถามเขากลับไปบ้างเมื่อตอนที่เขาถามด้วยความอยากรู้ว่าทำไมฉูเสี่ยวถึงต้องทำสตูว์เนื้อปลาตำหรับดั้งเดิมให้เขาด้วย
“คุณคิดว่าระหว่างการรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมากับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆแบบไหนสำคัญกว่ากันล่ะครับ?” ฉูเสี่ยวกล่าว
“การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆสิ ถ้าไม่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆก็ย่อมไม่มีการพัฒนาหรอก” ดีนตอบตามตรง อันที่จริงแล้วทั้งเขาและฉูเสี่ยวต่างก็มีความถนัดทางด้านอาหารเชิงสร้างสรรค์
“จริงเหรอครับ? แต่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆจะมาจานไหนกันหากไม่มีการรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมา?” ฉูเสี่ยวถามกลับ
จริงๆแล้ว อาหารเชิงสร้างสรรค์ทุกอย่างสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงโดยอาศัยตำหรับดั้งเดิมเป็นหลัก พวกเขาก็จะพบต้นกำเนิดจากอาหารตำหรับดั้งเดิม
“ยอดไปเลย การรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมา…” ดีนยังพูดไม่ทันจบก็มีท่าทีตอบสนองขึ้นมาในทันที เขาแก้ตัวขึ้นมาใหม่ว่า “สำคัญพอๆกันเลย”
ฉูเสี่ยวไม่มีความคิดเห็นต่อคำตอบของดีนอีก แต่ท่าทีเฉยเมยเช่นนั้นกลับกระตุ้นดีนขึ้นมาในทันที
“คำตอบของคำถามนี้คืออะไรกันรึ?”
“ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเป็นการรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมาหรือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆกันแน่ บางคนก็ยืนยันที่จะรับช่วงสืบทอดต่อๆกันมาในขณะที่บางคนก็ย่อมต้องการที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” ฉูเสี่ยวกล่าว “ดังนั้นคำตอบของคถามนี้ก็คืออย่างได้คร่ำเคร่งเกินไป คุณสามารถหนีอะไรก็ได้ยกเว้นแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ”
ฉูเสี่ยวเป็นคนปากร้ายจริงๆ แต่ดีนชินเสียแล้วล่ะ แต่คำพูดที่ว่า “คุณสามารถหนีอะไรก็ได้ยกเว้นแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ” ทำให้ดีนต้องขบคิดอย่างลึกซึ้งจริงๆ
หลังจากเขาออกมาจากร้านฉูเสี่ยวแล้ว ดีนเผลอใจลอยไปสักครู่ จนกระทั่งเมื่อมีคนมาขอลายเซ็นต์เขาบนถนนจึงกลับมาเป็นปกติและนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“รายการโทรทัศน์ที่ฉันกำลังจะไปเข้าร่วมด้วยอีกสองวันหลังจากนี้น่าจะจัดขึ้นในร้านหยวนโจวนี่นา” ดีนยังเกรงว่าตัวเองจะจำผิดไป เขาจึงขอเบอร์โทรศัพท์ของฝ่ายรายการจากผู้ช่วยของตนมาเป็นพิเศษแล้วค่อยโทรหาโปรดิวเซอร์เพื่อขจัดข้อสงสัยออกไป
สาเหตุที่ทำให้ฝ่ายรายการเชิญดีนให้มาเป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ก็เพราะครั้งหนึ่งผู้ช่วยของดีนเคยโพสต์วิดีโอการทำอาหารของดีนลงไป
เนื่องจากการเคลื่อนไหวอันว่องไวและท่าทีอันสง่างาม ทันใดนั้นเขากลับกลายเป็นมีชื่อเสียงในประเทศจีนจึงทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเอาไว้ได้ จากนั้นเขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นเชฟที่เป็นสุภาพบุรุษมากที่สุดทางอินเตอร์เน็ต
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดีนยอมรับคำเชิญของฝ่ายรายการนั้นก็ง่ายๆเลยนะ เพราะฉูเสี่ยวเป็นชาวจีน เขาจึงมีเหตุผลที่จะไปประเทศจีนเพื่อดูน่ะสิ แล้วรายการวาไรตี้แบบนี้ก็มอบโอกาสแบบนี้ให้เขา
ถึงจะง่วงแต่เขาก็ไม่คิดที่จะนอนเลยสักนิด ดีนจึงโทรไปหาโปรดิวเซอร์
“ใครล่ะนั่น?” โปรดิวเซอร์พบว่าเป็นสายแปลกๆที่โทรมาจากประเทศฝรั่งเศส ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องงาน เขาคงไม่รับหรอก
“สวัสดีครับ ผมดีน แบรดบูรี แขกรับเชิญพิเศษของคุณเองนะครับ” ดีนแนะนำตัวเองทันที
จากนั้นโปรดิวเซอร์ก็จำได้แล้วว่าเขาคือแขกรับเชิญพิเศษที่ได้รับคำเชิญให้มารายการของพวกเขาจริงๆ แต่เป็นตัวแทนของดีนที่มาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องการเซ็นต์สัญญาแถมยังไม่เคยคุยกันแบบตัวต่อตัวเลยด้วยซ้ำไป ทำไมเขาถึงได้โทรมาหาเขาเองโดยตรงเลยเล่า? เขาจะเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการงั้นหรือ?
เมื่อนึกได้เช่นนั้น โปรดิวเซอร์ก็รีบถามขึ้นมาว่า “มิสเตอร์ดีน คุณมีปัญหาอะไรกับกำหนดการหรืออยากจะเปลี่ยนโรงแรมครับ?”
“ไม่ครับ ผมโทรมาถามว่าสถานที่ถ่ายทำของรายการนี้อยู่ในร้านของสุดยอดเชฟหรือที่เรียกกันอีกชื่อว่าร้านหยวนโจวหรือเปล่าครับ?”
หลังจากโปรดิวเซอร์ให้คำตอบยืนยันแก่เขาแล้ว ดีนก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “หยวนโจวใช่เชฟของร้านหยวนโจวหรือเปล่าครับ? ขอถามหน่อยได้ไหมครับว่าในประเทศจีนมีคนชื่อหยวนโจวสักกี่คนกันครับ?”
โปรดิวเซอร์รู้สึกมึนไปเล็กน้อย มันเป็นงานของแผนกสถิติในการคำนวณว่ามีคนที่ชื่อหยวนโจวอยู่สักกี่คน เขาจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า?
“ผมอาจจะไม่เข้าใจเองเสียมากกว่า ผมแค่อยากรู้เฉยๆแหละครับว่ามีเชฟชื่อดังนามว่าหยวนโจวอยู่ที่นั่นสักกี่คนน่ะครับ?” จากนั้นดีนก็ทำความเข้าใจกับตัวเองเสียใหม่
“เท่าที่ผมทราบน่าจะมีเชฟชื่อดังนามว่าหยวนโจวอยู่แค่คนเดียวแหละครับ แถมร้านของเขาก็เป็นร้านที่พวกเรากำลังจะมุ่งหน้าไปในไม่ช้านี้ด้วยล่ะครับ” ถึงแม้ว่าโปรดิวเซอร์จะไม่ทราบว่าดีนต้องการจะถามอะไรกันแน่ แต่เขาก็ยังตอบคำถามเขาอย่างชัดเจนอยู่ดี
“ยอดไปเลยครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดีนโพล่งออกมาแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณครับมิสเตอร์หวัง งั้นผมวางสายแล้วนะครับพอดียังมีงานค้างอยู่”
หลังจากนั้นโปรดิวเซอร์ก็ได้ยินเสียงดัง “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด” จากโทรศัพท์ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “พวกเราไม่ควรบอกว่าหยวนโจวเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงระดับประเทศเลย แต่เขาควรจะเป็นเชฟชื่อดังระดับโลกเสียมากกว่านะ แม้แต่ดีนเชฟชื่อดังชาวฝรั่งเศสก็ยังดีอกดีใจเมื่อตอนที่เขาได้ยินว่าจะได้อยู่ร่วมรายการกับหยวนโจวอีกด้วยล่ะ”
โปรดิวเซอร์มีรู้สึกความสุขมากเหลือเกิน เมื่อตอนที่พวกเขาไปถ่ายทำกันที่ร้านหยวนโจวก็คงจะเป็นเชฟชื่อดังระดับโลกที่เกือบเทียบเท่าได้กับครึ่งหนึ่งของแขกรับเชิญพิเศษเลยเชียวล่ะ
ฉันจะไปแจกอั่งเปาให้คนเขียนบทที่เสนอให้ถ่ายทำในร้านหยวนโจว โปรดิวเซอร์คิดเช่นนั้นอยู่ในใจ
โปรดิวเซอร์เข้าใจดีนผิดไปถนัดเลยล่ะ
เมื่อวางสายลง ดีนก็พึมพำกับตัวเองว่า “หยวนโจว ฉันจะรอดูซิว่านายจะควรค่าแก่การถูกเรียกว่าคู่ปรับตลอดกาลของฉูเสี่ยวหรือเปล่า”
ด้วยเหตุนั้นดีนจึงไม่ได้ไปที่สถานีโทรทัศน์เพื่อรวมตัวกับหลี่เหอและคนอื่นๆในสองวันให้หลัง แต่เขากลับตรงไปที่ร้านหยวนโจวพร้อมผู้ช่วยของเขาโดยหวังว่าจะได้เห็นหยวนโจวก่อน
ความคิดเหล่านั้นก็ดีอยู่หรอกเพียงแต่กลับทำได้ยากเย็น ดีนเกิดหลงทางในเมืองเฉิงตูระหว่างการเดินทางครั้งแรกของเขาในประเทศจีน
ดังนั้นดีนจึงยังไม่เจอฝ่ายรายการเมื่อตอนที่รถของหลี่เหอมาถึงร้านหยวนโจวแล้ว คนจากฝ่ายรายการรีบโทรหาเขาและเร่งให้เขารีบมาทันที
หลี่เหอกับคนอื่นๆต้องทำภารกิจแรกให้เสร็จ เมื่อลงจากรถแล้วเดินเข้าสู่ถนนเถ่าซือก็จะถึงร้านหยวนโจว มีผู้คนมากมายปรากฏตัวอยู่
วันนี้สมาชิกทุกคนของคณะกรรมการจัดระเบียบแถวเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ และวันนี้ทั้งโจวเจียกับเซินหมินต่างก็อยู่ในร้าน มีคนเยอะเกินไปจนบริกรหญิงเพียงคนเดียวไม่อาจดูแลทุกอย่างได้
คราวนี้หยวนโจวไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่บอกพวกเธอว่าเงินค่าจ้างในวันนี้จะมากกว่าปกติถึงสองเท่า
นับเป็นความเย้ายวนของส่วนลด 10% จริงๆ!
หลี่เหอ ไป๋กั้วและเจียงเหม่ยซือต่างรู้สึกประหลาดใจ
“นั่นมันเว่อร์เกินไปแล้ว”
“ผู้กำกับ คุณจัดฉากนี้ขึ้นมาใช่ไหม? มีคนเยอะจนพวกเราเบียดเข้าร้านไปยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป”
“ผมก็ไม่เคยเห็นกิจการอะไรจะดีขนาดนั้นมาก่อนเลย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น