หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 824-827

 บทที่ 824 ฟัน!

 

หลังจากที่ผู้ฝึกตนรอบๆ และคนที่เพิ่งมาถึงได้เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ต่างตื่นตกใจกันหมด เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมานั้น การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองช่างแสนดุเดือด การวางกลอุบายใส่กันนั้นดูง่าย แต่ในศึกจริงๆ ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วเสี้ยววินาที ผิดพลั้งไปครั้งเดียวอาจส่งผลถึงตายได้!


ขณะเดียวกัน เหล่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นต่างก็ลังเลใจเมื่อได้ยินคำสั่งจากผู้บัญชาการของตน แม้แต่ตระกูลไม่รู้สิ้นที่มีระบบลำดับชั้นที่เข้มงวดก็ยังต้องสั่นคลอนเมื่อเผชิญกับศึกชี้ความเป็นความตายในเสี้ยววินาทีศึกนี้


แต่ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับก็ฝังรากลึกลงไปในหัวของกลุ่มผู้ฝึกตนชั้นผู้น้อยของตระกูลไม่รู้สิ้นบางคน ทำให้พวกเขาร้องคำรามและพุ่งตัวออกไป ขณะเดียวกันนั้นเอง ดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อก็หันมาในทันที พริบตาที่มันลืมตาขึ้น เปลวไฟสีดำก็กระจายไปรอบด้าน พุ่งผ่านเหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังพุ่งเข้ามา ส่งผลให้พวกเขาต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะร่างกายโดนเผาเป็นจุณ


เมื่อคนเหล่านี้สิ้นลม ไอสีดำจำนวนมากก็ฟุ้งกระจายออกมา ก่อนที่ดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อจะดูดซับเอาไปทั้งหมด ภาพที่เห็นทำให้เหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนอื่นที่คิดจะพุ่งเข้ามาเช่นกันสูดหายใจลึก นึกลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่


เมื่อได้โอกาส ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบขณะทนแบกรับความเจ็บปวดและปลดปล่อยพลังเกราะจักรพรรดิอีกครั้ง แม้จะเสี่ยงใช้งานหนักจนเกินขีดจำกัดก็ตาม อาวุธเทพที่ฝังอยู่ในแขนขวาของเกราะจักรพรรดิก่อตัวขึ้น ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไป พลังรัศมีแผ่กระจายง พร้อมจะฟาดฟันทุกอย่างให้ขาดครึ่ง ทันใดที่ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปใกล้ ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นที่กำลังถอยหนีอย่างรีบร้อนก็สร้างผนึกมือฝ่าและชี้ออกไป วัตถุเวทพลันลอยออกมาจากร่าง ก่อนจะระเบิด ส่งให้ร่างหวังเป่าเล่อกระเด็นถอยหลังไป


“บ้าจริง ทำไมเวลาผ่านไปช้าขนาดนี้นะ!” พลังรัศมีของผู้อาวุโสยุ่งเหยิงไปหมด หลังจากผลักหวังเป่าเล่อที่กำลังพุ่งเข้ามาให้กระเด็นออกไปได้ เขาก็ก่นด่าต่อฟากฟ้าเบื้องบน


“ตระกูลไม่รู้สิ้นฟังข้า จงเข้ามาช่วยข้าให้เร็วที่สุด ใครขัดคำสั่งข้าจะต้องได้รับโทษประหาร!” เมื่อพูดเช่นนั้นออกไป สีหน้าของเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบๆ ก็พลันแปรเปลี่ยน หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นคนเหล่านั้นหายลังเลใจ แม้การโจมตีกลุ่มผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นจะช่วยเพิ่มพูนพลังของวิชาดวงเนตรปีศาจผ่านการสังหารได้ แต่หากพลาดพลั้งขึ้นมา ก็มีโอกาสสูงที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นจะหลบหนีไปได้ และหากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ผู้อาวุโสย่อมต้องพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน เขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด ดวงตาของชายหนุ่มฉายแสงวาบขณะยกมือซ้ายขึ้นโบก


ทันใดนั้น เรือบินรบมากมายก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เรือบินรบหลายหมื่นลำปรากฏออกมาราวกับเป็นเมฆดำ เข้าล้อมรอบเหล่าตระกูลไม่รู้สิ้นที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามา ทำให้คนเหล่านั้นผงะไปและรีบถอยกลับตามสัญชาตญาณ


ขณะที่พวกเขาล่าถอยไป ดวงจิตของหวังเป่าเล่อก็เคลื่อนไหว เรือบินรบที่อัดแน่นอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยพลังระเบิดตัวเองออกมาพร้อมพุ่งตรงไปหาผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น หากเทียบกับพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะแล้ว แรงระเบิดก็เป็นแค่สายลมอ่อนๆ เท่านั้น แต่ถ้าแรงระเบิดขนาดใหญ่สามารถส่งผลต่อผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้เพียงนิดละก็ ลมอ่อนๆ ก็ย่อมก่อตัวเป็นพายุได้หากมีเรือบินรบจำนวนมากพอ


“กำจัด!” หวังเป่าเล่อร้องคำราม ทันใดนั้น เรือบินรบทุกลำก็ร่อนลงมา มองจากที่ไกลๆ จะเห็นเหมือนสรวงสวรรค์บิดเบี้ยวเพราะมีเรือบินรบอัดแน่นอยู่เต็มท้องฟ้า เสียงสะเทือนดังก้องไม่หยุด ฟากฟ้าสั่นคลอน ผืนดินพังทลาย พลังที่ทวีคูณแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พัดกระจายออกไปทั่ว!


ผู้อาวุโสสีหน้าซีดเผือดขณะหลบหนี แต่จำนวนเรือบินรบระเบิดทำลายตัวเองนั้นมีมากเกินไป อาการบาดเจ็บของเขาก็รุนแรงและยังไม่ดีขึ้น ทำให้พลังของชายชราค่อยๆ หดหาย ไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ ยิ่งหวังเป่าเล่อนั้นเป็นคนบ้าระห่ำมาก แม้เขาจะส่งกระเด็นถอยหลังไปกี่ครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ดีดตัวกลับมาไม่หยุดหย่อน


แววตาอำมหิต การกระทำบ้าระห่ำ และจิตสังหารรุนแรงของอีกฝ่ายทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นใจสั่น


ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบๆ รู้สึกเกรงกลัวมากขึ้นไปอีก ขณะที่พวกเขากำลังล่าถอย ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นที่ต่อสู้กับหวังเป่าเล่ออยู่ก็พลันรู้สึกได้ถึงพลังที่เริ่มไม่มั่นคงของตน พลังปราณของชายชราดูเหมือนจะลดทอนลงไปอีกครั้ง


ดวงตาของผู้อาวุโสแดงก่ำ ตระหนักได้ว่าจะคิดหนีหรือหาทางซื้อเวลาอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป ผู้อาวุโสรู้ว่าต้องยอมเสี่ยงชีวิตและทุ่มทุกอย่างที่มี เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่อาจทำให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้


มิเช่นนั้น เขาจะต้องถูกชายหน้ากากหมูเฮงซวยที่มีกลอุบายมากมายฆ่าทิ้งก่อนจะสามารถหลบหนีและรอพลังปราณฟื้นคืนอย่างแน่นอน


มือทั้งห้าของชายชราสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ขณะร้องคำราม เขาปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาในคราวเดียว ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป พายุก่อตัวพัดกระจายไปรอบด้าน เสียงคำรามต่ำดังก้องขึ้น


“ร่างสารัตถะจิตวิญญาณอมตะ!”


พลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างชายชราก่อตัวเป็นวังวนทันใดที่สิ้นคำ ชั่วพริบตาเดียว รูปปั้นขนาดยักษ์ก็ก่อตัวขึ้น รูปปั้นดังกล่าวมีลักษณะเหมือนผู้อาวุโสไม่ผิดเพี้ยน ทันใดที่มันปรากฏ พลังกดดันก็พัดกระจายออกไปรอบพื้นที่ ต้านแรงระเบิดของเรือบินรบหลายหมื่นลำ


ขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็ใช้จังหวะนี้พุ่งตรงไปยังอีกฝ่ายอีกครั้ง ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นกรีดร้องขึ้น


“มาดูกันว่าเจ้าหรือข้ากันแน่ที่ยอมเสี่ยงชีวิตทุ่มทุกอย่างที่มี!” ระหว่างที่พูดเช่นนั้น แขนข้างหนึ่งของผู้อาวุโสก็ระเบิดกลายเป็นทะเลหมอกสีดำลอยไปทางหวังเป่าเล่อ ผู้อาวุโสกัดฟันแน่นอีกครั้งและระเบิดแขนข้างต่อไป สร้างทะเลหมอกระลอกที่สองพุ่งไปทางชายหนุ่ม


“เลือกเอาว่าจะกรีดร้องคร่ำครวญหรือจะต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!” ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นตะโกนลั่น ทะเลหมอกแต่ละระลอกที่เกิดจากแรงระเบิดของแขนซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลลอยไปทางหวังเป่าเล่อ มีอยู่แค่สองทางตรงหน้า จะ…หนี หรือ…จะสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!


หวังเป่าเล่อหัวเราะ ดวงตาฉายแสงเย็นเยียบ ไม่นึกลังเลใจแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะลดความเร็วลง แต่กลับเร่งความเร็วพุ่งตรงไปหาหมอก ทันใดที่สัมผัสเข้ากับหมอก แววดุดันก็ฉายขึ้นในดวงตาเย็นชา


เกราะจักรพรรดิ…ทลายสิ้น นอกจากแขนขวาแล้ว ทุกส่วนของมันก็ระเบิดออกมาก่อเป็นคลื่นยักษ์โถมใส่ทุกทิศทาง ระหว่างที่กำลังต้านพลังหมอกระลอกแรก หวังเป่าเล่อก็พ่นลมสารัตถะออกมา ร่างของชายหนุ่มอ่อนแรงลง ทันใดนั้นร่างอวตารเจ็ดถึงแปดร่างก็พลันปรากฏขึ้น


“เจ้าอยากรู้หรือว่าใครยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงมากกว่ากัน จงระเบิด!”


ร่างอวตารแต่ละร่างเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนท่าสารัตถะ เมื่อพวกมันปรากฏตัวขึ้นก็ต่างพุ่งออกไปและระเบิดตัวเองทีละร่าง พลังของหวังเป่าเล่อพวยพุ่งขึ้นอีกครั้งระหว่างต้านพลังทะเลหมอก เขาพุ่งผ่านหมอกทั้งสองระลอก ในมือถืออาวุธทะยานไปฟันใส่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น


ความคลุ้มคลั่งในดวงตาของชายหนุ่มไม่ต่างจากเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ราวกับพร้อมเผาไหม้ดวงวิญญาณของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นและผู้ฝึกตนโดยรอบให้เป็นจุณ


จิตสังหารในแววตาทำให้ชายหนุ่มเหมือนไม่สนใจแม้ชีวิตจะดับสิ้น ราวกับตั้งใจจะลากศัตรูไปตามพร้อมกับการตายของตน แววตาที่น่าพรั่นพรึงทำให้ใครที่ได้เห็นต่างต้องสั่นกลัวถึงขั้ววิญญาณ


สายตาดังกล่าวทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นสั่นกลัวหนักขึ้นไปอีก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน กำลังจะยกมือข้างที่เหลือขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ ทันใดนั้นเอง เมล็ดดูดกลืนภายในกายของหวังเป่าเล่อก็ปะทุพลัง มุ่งเป้าไปที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น และเพิ่มพูนความเร็วให้หวังเป่าเล่อขึ้นไปอีก


ความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นตื่นตกใจหนัก สั่นกลัวไปถึงขั้ววิญญาณ ระหว่างที่กำลังจะลงมือโต้ตอบ ดวงตาสีดำด้านหลังหวังเป่าเล่อก็ลืมตาตื่นพร้อมเสียงของชายหนุ่มที่ร้องคำรามขึ้น


ทันใดที่ดวงตาปีศาจเบิกเพลิง คลื่นพลังสะกดให้หยุดนิ่งก็พวยพุ่งออกมา!


วิชาดวงเนตรปีศาจตื่นพลังที่เหนือชั้นกว่าครั้งก่อนเมื่อสัมผัสได้ถึงความคลุ้มคลั่งและจิตสังหารของหวังเป่าเล่อ ราวกับว่าดวงตาสีดำได้ปลดปล่อยพลังเต็มขั้นเพราะกระหายในวิญญาณของผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ชายหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมขณะเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง เป็นเหตุให้ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ


ยิ่งไปกว่านั้น เมล็ดดูดกลืนยังช่วยเพิ่มพูนความเร็วให้ชายหนุ่มขึ้นอย่างมาก วินาทีที่ผู้อาวุโสตัวแข็งทื่อไปถือเป็นโอกาสอันดี ชายหนุ่มเข้าใกล้อีกฝ่ายในชั่วพริบตา แววคลุ้มคลั่งปะทุเดือดขึ้นในดวงตา อาวุธเทพในมือฟาดฟันลงใส่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นทันที


อาวุธเทพที่ฟาดลงไปทำให้สีสันบนฟากฟ้าเลือนหาย เมฆหมอกหมุนวน เรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่และวิญญาณทุกดวง ราวกับว่าฟ้าดินได้ขาดสะบั้นเป็นสองส่วนกระนั้น อาวุธเทพฟันลงบนหัวผู้อาวุโสที่กำลังกรีดร้องดิ้นรน


ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นเองก็เก่งกาจไม่แพ้กัน ขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาก็ตัดแขนและหัวของตัวเองส่งไปเป็นระเบิดพลีชีพ เมื่อหลุดจากพลังสะกดได้ ผู้อาวุโสก็ยกสองมือที่เหลืออยู่ขึ้นต้านอาวุธเทพที่ฟาดฟันลงมา ร่างกายของชายชราสั่นเทิ้ม พลังปราณทั้งหมดพวยพุ่งออกมา แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและต้องทนรับแรงกดดันจากพลังปราณของอีกฝ่าย เขาจึงไม่สามารถทานทนได้นาน เมื่อเห็นอาวุธเทพกำลังฟาดลงใส่หัวทีละนิดพร้อมด้วยเสียงร้องคำรามของหวังเป่าเล่อที่ดังประสานขึ้นมา ความสิ้นหวังและความกล้ำกลืนก็ฉายขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น


“ข้า…หือ” ขณะที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นหัวเราะขึ้นด้วยความขมขื่น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ความสิ้นหวังในแววตาพลันเปลี่ยนเป็นความหวัง พลังปราณที่อ่อนกำลังลงฟื้นคืนมาในทันใด ดอกไม้สีเลือดบนหน้าผู้อาวุโสเริ่มเลือนรางราวกับว่าจะหายวับไป!


“แย่แล้ว!” สีหน้าของหวังเป่าเล่อพลันแปรเปลี่ยน ดวงตาฉายแววดุดัน เขาสั่งขาทั้งสองข้างให้ระเบิดทำลายตัวเองอย่างไม่ลังเลใจ ถึงจะเป็นการทำลายตัวเองของร่างสารัตถะแต่ก็ส่งผลต่อชายหนุ่มไม่น้อย หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก รีบใช้พลังที่เพิ่มขึ้นจากแรงระเบิดของขาทั้งสองข้างพร้อมร้องคำรามลั่นในทันที


“สังหาร!”


“ไม่!” ผู้อาวุโสกรีดร้องลั่น แต่อาวุธเทพก็ฟันลงมากลางหัวด้วยพลังที่เสริมขึ้นใหม่ มันผ่าผ่านลำคอลงมาถึงลำตัว แยกร่างออกเป็นสองท่อน!


พลังที่เหลืออยู่พัดกระจายออกไปพร้อมเสียงสนั่นหวั่นไหว ร่างที่ขาดครึ่งร่วงลงและระเบิด แม้แต่วิญญาณสารัตถะก็ไม่อาจหลบหนีได้ทันจึงโดนฟันขาดเป็นสองส่วนด้วยเช่นกัน!


ร่างและวิญญาณของผู้อาวุโสแหลกสลายไปโดยสมบูรณ์!

 

 

 


บทที่ 825 เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้ง!

 

ทั่วบริเวณเงียบสนิท แม้แต่เสียงหายใจยังขาดหายไปขณะที่ความตื่นตกใจเข้าเกาะกุมหัวใจของเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นและผู้มาจุติคนอื่นๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ ราวกับมีเมฆอัสนีนับแสนระเบิดขึ้นในหัว


ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะ…ตายแล้ว!


ผลกระทบจากเหตุการณ์ตรงหน้าหนักหนายิ่งนัก ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ความจริงแล้ว…สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น ผู้บัญชาการของพวกเขาเป็นเหมือนดังเทพ นอกจากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์และเหนือขึ้นไปแล้ว ผู้อาวุโสคนนี้ก็ถือเป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน


แต่ตอนนี้ ชายหน้ากากหมูกลับฟันเขาขาดเป็นสองท่อน ทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณต่อหน้าทุกคน…


ความตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นในใจพวกเขาสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า ‘สะเทือนฟ้าดิน’


โดยเฉพาะเมื่อเปลวพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายที่พวยพุ่งออกมาจากร่างผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นซึ่งถูกฟันขาดเป็นสองท่อน ดับหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนถ่านมอด


พลังนั้นเหมือนจะย้ำเตือนฝูงชนว่าผู้ที่ถูกสังหาร…ไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะทั่วไปแต่เป็นผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลาย!


ขณะเดียวกัน วิญญาณสารัตถะของผู้อาวุโสก็สลายกลายเป็นฝุ่นผงด้วยอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อ!


ระหว่างนั้น พลังชีวิตของผู้อาวุโสก็กระจายออกไปทันทีที่สิ้นลม นำพาพลังความตายที่ก่อตัวขึ้นหลังจากวิญญาณสารัตถะของผู้อาวุโสถูกทำลายให้พุ่งตรงไปยังดวงตาปีศาจที่อยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อ


ดวงตาปีศาจที่ปลดปล่อยพลังออกไปเต็มขั้นเมื่อครู่มีสีแดงก่ำเหมือนว่าจะแตกสลายไป อีกทั้งยังได้รับความเสียหายจากการดิ้นรนและพลังระเบิดตัวเองของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น แต่ตอนนี้มันกลับแสดงความหิวกระหายออกมา ราวกับเป็นหลุมดำซึ่งกำลังดูดกลืนพลังที่เลือนหายไปของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นก็ไม่ปาน


พลังนี้เข้มข้นมากสำหรับหวังเป่าเล่อ แต่คนอื่นไม่อาจมองเห็นได้ แม้มันจะเข้าห้อมล้อมชายหนุ่มโดยสมบูรณ์ก็ตาม แต่คนอื่นๆ ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ดี แต่…ถึงแม้ฝูงชนจะไม่อาจมองเห็นไอพลังนี้ได้ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าพื้นที่รอบตัวชายหนุ่มดูบิดเบี้ยวไป


พื้นที่ที่บิดเบี้ยวจนน่าตื่นตะลึงทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกพิกล เมื่อเห็นว่าร่างเงาของหวังเป่าเล่อเลือนหายไปภายใน


ความรู้สึกที่เกิดขึ้นผสานกับความตื่นตกใจทำให้เกิดเสียงหายใจติดขัดอย่างเป็นกังวลดังขึ้นขัดความเงียบงันที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ หลังจากนั้น ฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงฮือฮาด้วยความแตกตื่น


“เขา…ตายแล้วหรือ”


“ผู้บัญชาการ…ตายแล้วอย่างนั้นหรือ”


“เป็นไปไม่ได้!”


ระหว่างที่เสียงฮือฮาดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นก็รีบถอยหนีด้วยความตื่นกลัว หวังเป่าเล่ออยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ร่างเงาในพื้นที่ที่บิดเบี้ยวดูไม่ต่างอะไรจากปีศาจที่แผ่พลังปริศนาทำให้คนอื่นตื่นกลัว


ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นถอยห่างไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุด ตระกูลไม่รู้สิ้นทุกคนก็ต่างถอยร่นและพยายามหลบหนีอย่างรวดเร็ว


แม้แต่ผู้มาจุติเหมือนหวังเป่าเล่อก็ต่างสั่นกลัวและพยายามหลบออกไปให้ไกลที่สุด มีเจ็ดถึงแปดคนที่ยังลังเลใจเพราะความโลภ จึงถอยออกไปไม่ไกลนัก พวกเขาหรี่ตา พยายามข่มความโลภที่มีในใจขณะจ้องมองหวังเป่าเล่อตาไม่กะพริบ


ระหว่างที่หลายคนจ้องมองมา หวังเป่าเล่อซึ่งเขมือบเอาพลังที่แผ่ออกมาจากผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นเข้าไปก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายครั้งใหญ่


ดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อฟื้นฟูอย่างรวดเร็วหลังจากดูดซับพลังจากผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นเข้าไป แต่มันก็ต้องป้อนพลังเกือบร้อยละเก้าสิบเพื่อเสริมพลังปราณในการบรรลุขั้นให้หวังเป่าเล่อไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ นี่คือลักษณะพิเศษของวิชาดวงเนตรปีศาจ เมื่อพลังหลั่งไหลเข้าสู่กายของชายหนุ่มจนร่างสั่นไหว บาดแผลที่ได้รับก่อนหน้าก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว


ขาสองข้างที่ทำลายตัวเองไปก่อตัวขึ้นท่ามกลางสายตาของผู้คน หลังจากนั้น พลังที่สูญเสียไปจากการระเบิดทำลายตัวเองหลายต่อหลายครั้งก็ได้รับการฟื้นฟู แต่ที่สำคัญที่สุดคือ…พลังปราณของเขา!


ตั้งแต่มายังโลกแห่งนี้ หวังเป่าเล่อได้สังหารผู้คนไปมากมาย แต่ก็ยังห่างจากการบรรลุขั้นการฝึกตนอยู่เพียงเล็กน้อย ดังนั้นทันทีที่สังหารผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้ พลังปราณของชายหนุ่มจึงเพิ่มพูนสูงขึ้น และในที่สุดก็บรรลุขั้นการฝึกตน!


เขาไม่ได้อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายอีกต่อไป แต่ได้บรรลุสู่…ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์!


จริงๆ แล้ว ชายหนุ่มไม่ได้แค่บรรลุขั้นการฝึกตนเพียงอย่างเดียว ทันใดที่บรรลุขั้น เขาก็พุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ในทันที และห่างจากขั้นจิตวิญญาณอมตะเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!


ถ้าพูดให้ชัดเจน ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในขั้น…


แสร้งอมตะ! หวังเป่าเล่อลืมตา เผยให้เห็นสายฟ้ากระจายออกมา สายฟ้าสั่นคลอนพื้นที่รอบๆ แหวกห้วงอากาศให้บิดเบี้ยว ผืนดินทลายตัวลงมาทำให้เหล่าผู้มาจุติที่มีความคิดชั่วร้ายเห็นแสงในตาและสภาพของเขาในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งดวงตาปีศาจด้านหลังชายหนุ่มก็ไม่ได้เป็นสีดำอีกต่อไป ตอนนี้มันเริ่มเปล่งแสงสีแดง ก่อนจะกลายเป็นสีม่วงหลังจากได้รับการเสริมพลัง!


ภาพเบื้องหน้าทำให้ผู้ฝึกตนแสนละโมบเจ็ดถึงแปดคนขนลุกซู่ รีบเตรียมหนีอย่างไม่ลังเลใจ แต่ก็สายเกินไป


หวังเป่าเล่อไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ดวงตายักษ์สีม่วงเบื้องหลังกลับเคลื่อนไหว มันแผ่พลังชั่วร้ายและหายวับไปจากด้านหลังของชายหนุ่ม เสียงร้องโหยหวนดังลั่นขึ้นรอบด้าน หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว หันมองไปยังทิศทางต้นเสียง สัมผัสสวรรค์ของเขาพบว่าผู้ฝึกตนที่หนีไปต่างร่างเหี่ยวเฉาไปกันหมด ทั่วร่างของผู้ฝึกตนแต่ละคนเต็มไปด้วยดวงตามากมายปรากฏขึ้น


“เริ่มดูดซับพลิกกลับอีกแล้วหรือ” แววเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตา หวังเป่าเล่อยกมือขวาคว้าไปทางผืนดินว่างเปล่าเบื้องหน้า ทันใดนั้น พลังแทรกแซงก็ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้น ดวงตายักษ์สีม่วงที่เคลื่อนออกจากร่างของชายหนุ่มปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงจุดนั้น แม้จะดูทุลักทุเล แต่ด้วยพลังจากเมล็ดดูดกลืนในกายชายหนุ่ม ดวงตาสีม่วงจึงถูกดึงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


“ข้าเตือนเจ้าแล้ว” หวังเป่าเล่อพูดขึ้นอย่างเย็นชาขณะจ้องมองดวงตาสีม่วงเบื้องหน้า ดวงตาฉายแสงเป็นประกายอยู่พักหนึ่งก่อนจะจางแสงลง เหมือนยอมจำนนหลังจากครุ่นคิดแล้ว


เห็นได้ชัดว่าวิธีลงโทษดวงจิตในวิชาดวงเนตรปีศาจของหวังเป่าเล่อจะทำให้มันตื่นกลัวมาก ชายหนุ่มหรี่ตา กำลังจะเอ่ยปากพูด ขณะนั้นเอง เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นในหูอีกครั้ง!


“ช่วยข้า…ผู้แปลกถิ่น จงช่วยข้า!”


เสียงที่ดังขึ้นครั้งนี้ชัดเจนกว่าที่เคยได้ยินครั้งก่อน ทำให้หวังเป่าเล่อมั่นใจว่ามันดังมาจากใต้ดิน เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป


“เจ้าเป็นใคร!” หวังเป่าเล่อก้มมองผืนดิน นอกจากจะสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของต้นเสียงแล้ว รอบนี้ยังสัมผัสได้รางๆ ถึงตัวตนเจ้าของเสียงด้วย


ชายหนุ่มมองผืนดิน ลึกลงไปใกล้กับแก่นดาวเคราะห์ เบื้องใต้ชั้นเปลือกหนาคือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหินหลอมละลาย!


ด้านในหินหลอมละลาย บนบันไดหลายร้อยขั้น มีแท่นบูชารูปทรงเหมือนหอคอยสีดำอยู่ บนนั้น…มีตะเกียงสามอันที่แผ่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ทั้งสามมุม!


ระหว่างตะเกียงทั้งสามมีร่างสองร่างนั่งขัดสมาธิอยู่!


หนึ่งในนั้นคือชายชราร่างเหี่ยวแห้งซึ่งแผ่พลังจางๆ ราวกับว่าอยู่ไม่ห่างจากความตายมากนัก มีรูกว้างอยู่บริเวณจุดตันเถียน คลื่นแสงสีรุ้งกระจายออกมาจากรูและแผ่ปกคลุมไปรอบบริเวณ เห็นได้ว่าแหล่งที่มาของแสงคือดาวเคราะห์ที่หดเล็กลง!


ตรงข้ามชายชราคือชายสามหัวหกมือปกคลุมไปด้วยแสงสีรุ้งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ เขาคือคนจากตระกูลไม่รู้สิ้น! ชายผู้นี้เหมือนจะอยู่ในวัยกลางคน สีหน้าที่ฉายอยู่บนศีรษะทั้งสามดูเย็นชา เขายกมือขวา ค่อยๆ ดึงดาวเคราะห์สีรุ้งออกมาจากจุดตันเถียนของชายชรา


หากผู้มีความรู้ได้มาเห็นภาพตรงหน้าก็จะรู้ได้ว่า…ชายชราผู้บาดเจ็บและคนจากตระกูลไม่รู้สิ้นนั้นอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ และชายชราก็กำลังโดนคนจากตระกูลไม่รู้สิ้นหลอมอยู่!


ระหว่างขั้นตอนการหลอม ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็ลืมตามองชายชราร่างเหี่ยวแห้งเบื้องหน้า ตอนแรกในแววตาเต็มไปด้วยความหิวกระหาย จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน เขาพูดขึ้นเพราะหัวเราะเสียงเย็น


“ตาแก่ เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ”

 

 

 


บทที่ 826 ขั้นดาวพระเคราะห์กำราบ!

 

เมื่อได้ยินที่ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นพูด ชายชราซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าก็ยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาปิดสนิทมาโดยตลอด แต่ร่างกายที่สั่นเทาและแสงสีรุ้งจากจุดตันเถียนกลับแสดงให้เห็นว่าลึกๆ แล้วชายชรานั้นกลัวมาก


“ข้าจะชิงดาวเคราะห์สีรุ้งมาจากเจ้า ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์!” ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นหรี่ตามองดาวเคราะห์สีรุ้งด้วยความละโมบ ส่งผลให้พลังปราณแปรปรวนขณะแผ่พลังระดับดาวพระเคราะห์ออกไป


ร่างเงาทั้งสองบนแท่นสังเวยใต้ดินต่างอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ทั้งคู่!


หนึ่งในนั้นคือผู้บัญชาการกองทหารของตระกูลไม่รู้สิ้นตัวตริง ส่วนคนที่หวังเป่าเล่อสังหารไปนั้นเป็นเพียงรองผู้บัญชาการเท่านั้น ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ในค่ายทหารต่างคิดว่าเขาออกไปจัดการธุระอื่น แต่แท้จริงแล้ว…ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้ไปไหน!


เขาอยู่ที่แท่นสังเวยใต้ดิน และกระทำบางสิ่งซึ่งถือเป็นโอกาสหายากสำหรับเขา นั่นก็คือ…ดูดซับดาวเคราะห์สีรุ้งจากชายชราตรงหน้า!


อธิบายไม่ได้เลยว่าดาวเคราะห์สีรุ้งนั้นดึงดูดใจเขาเพียงใด สำหรับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แล้ว ดาวเคราะห์ที่หลอมเข้าไปตอนบรรลุระดับดาวพระเคราะห์สามารถแบ่งได้ตามระดับ ดาวเคราะห์สีรุ้งอยู่ในระดับที่สูงมาก หากได้มาครอบครองจะเป็นประโยชน์แก่ชายวัยกลางคนไม่น้อย


ตามปกติแล้ว เขาคงไม่อาจหาโอกาสเช่นนี้ได้ แต่การรุกรานครั้งนี้นำพาโอกาสมาให้ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจเสียมันไปได้


แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เขาต้องการเวลาเป็นอย่างมากเพื่อเตรียมการให้พร้อม ทำให้แม้ผู้มาจุติจะเข้ามาสร้างปัญหา ชายวัยกลางคนก็ยังนั่งสมาธิและทำการหลอมอย่างเต็มที่อยู่เช่นเดิม


มีเพียงรองผู้บัญชาการเท่านั้นที่พอจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไร ทำให้แม้ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายจากตระกูลไม่รู้สิ้นจะรู้ว่าเหล่าผู้มาจุติจะไม่อยู่นาน แต่ก็เลือกที่จะโจมตีทันทีเพราะเป็นกังวลว่าเหล่าผู้มาจุติจะสร้างปัญหาให้ผู้บัญชาการกองทัพได้


แม้จะรู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง ทำให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาจนถึงจุดนี้


แต่ขณะนี้…การรบกวนจากศึกระหว่างหวังเป่าเล่อและผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นปลายนั้นรุนแรงเกินไป ทำให้ผู้บัญชาการกองทหารตัวจริงที่กำลังหลอมดาวเคราะห์สีรุ้งอยู่ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ…เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากชายชราตรงหน้าทำให้ผู้บัญชาการจากตระกูลไม่รู้สิ้นสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย


“ตาแก่ ข้าจะทำให้เจ้ายอมจำนน!” ขณะที่พูดเช่นนั้น แววเย็นเยียบก็ฉายวาบขึ้นในดวงตาของผู้บัญชาการระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้น เขาขยายสัมผัสสวรรค์ออกไป สัมผัสสวรรค์ปะทุออกจากแท่นสังเวยใต้ดินราวกับเป็นพายุและทะลุผ่านผืนดินไปปรากฏที่โลกด้านนอก ครู่ต่อมามันก็พัดกระจายไปทั่วทั้งดาวเคราะห์


สำหรับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ สัมผัสสวรรค์ของพวกเขาเพียงพอที่จะครอบคลุมทั่วทั้งดาวเคราะห์ ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน ผืนดินจะสั่นไหวขณะที่พืชพรรณนับไม่ถ้วนโค้งงอและยอดเขามากมายร่วงกราว เหล่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นและผู้มาจุติร่างสั่นเทิ้มรุนแรงราวกับไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ในหัวเหมือนมีเสียงกัมปนาทสั่นไหวขณะที่ดวงวิญญาณเริ่มสั่นคลอน


สัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์เป็นเหมือนพายุที่พัดกระจายไปทั่วดาวเคราะห์ มันเล็งเป้าไปที่หวังเป่าเล่อ แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่ว สัมผัสสวรรค์จากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ชายหนุ่ม


ขณะเดียวกัน เป็นเพราะผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไปอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อที่หยุดยืนอยู่บนสนามรบจึงสัมผัสได้ถึงพลังแทรกแซงจากผืนดิน เป็นพลังที่ชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานได้ และอาจสังหารเขาได้ด้วยซ้ำ พลังดังกล่าวกำลังพุ่งตรงมาจากทั่วทุกทิศทางเหมือนดั่งคลื่นที่มองไม่เห็น


ราวกับฟ้าดินโดนกำราบและสัญญาณการมีตัวตนอยู่ของเขากำลังจะถูกพัดหายไป สัมผัสอันตรายดังก้องขึ้นในใจทันที


ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจหนัก ไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก เขารีบปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาตามสัญชาตญาณและเตรียมหลบหนีไป แต่เมื่ออยู่ภายใต้สัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้แม้จะมีพลังอยู่ในขั้นแสร้งอมตะก็ตาม


ทันใดนั้น…สัมผัสสวรรค์ระดับดาวพระเคราะห์ที่มาจากทั่วทุกทิศทางก็ถาโถมเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ร่างของเขาสั่นเทิ้มรุนแรง กลวิธีต้านทานทั้งหมดที่มีอ่อนพลังลง ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ร่างถูกตรึงไว้กับพื้น พื้นดินปริแตก กระดูกทั่วร่างส่งเสียงแตกหักเพราะไม่สามารถทานทนแรงกดดันได้ ร่างกายของเขาขึ้นสีแดงก่ำ


ใบหน้า ดวงตา สีผิวต่างแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง หากดูให้ละเอียด จะเห็นหยดเลือดที่ถูกบีบออกมาภายใต้แรงกดดัน ทำให้เขาดูเหมือนเป็นมนุษย์โลหิตอย่างไรอย่างนั้น


ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นผ่านทั่วร่างเหมือนเป็นพายุ ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนถูกบีบจนกลายเป็นก้อนเนื้อ แม้ร่างกายของเขาจะเป็นร่างสารัตถะ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นทั่วร่าง


แม้จะเป็นเพียงร่างสารัตถะ แต่หากตายไป ก็ยังส่งผลรุนแรงต่อร่างจริงเช่นกัน หากร่างจริงอยู่ที่นี่ เขาคงสามารถปลดปล่อยพลังเมล็ดดูดกลืนที่แท้จริงและฝักกระบี่ออกมาได้ แต่ร่างสารัตถะเป็นเพียงร่างมายาของชายหนุ่มเท่านั้น


หรือร่างสารัตถะของข้าจะตายที่นี่ หวังเป่าเล่อที่กำลังเป็นกังวลใจแปลงกายเป็นหมอกเตรียมจะหนีไป แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ภายใต้พลังกดดัน เขาถูกบีบให้กลับสู่ร่างเดิมอีกครา


ร่างกายครึ่งหนึ่งกำลังจะสลายไป มันส่งสัญญาณเตือนเหมือนกำลังจะถูกทำลาย


เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป จู่ๆ พื้นดินก็สั่นไหว ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนแท่นสังเวยเบื้องหน้าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็เคลื่อนไหว ดวงตาของเขาปิดสนิท เหมือนไม่สามารถลืมตาตื่นได้เพราะถูกผนึกไว้ ถึงกระนั้น ร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้ม ชายชราใช้เคล็ดวิชาปริศนาปล่อยพลังให้ทะลักไปทางหวังเป่าเล่อ


ทันใดนั้น พลังที่ล้นทะลักออกมาก็กลายเป็นแหล่งพลังในการสนับสนุนและป้องกัน มันกลายเป็นม่านแสงช่วยหวังเป่าเล่อต้านทานแรงกดดันจากสัมผัสสวรรค์ของผู้บัญชาการระดับดาวพระเคราะห์


เสียงสั่นสะเทือนพัดกระจายไปทั่ว พลังป้องกันกลายเป็นโล่แสงจางๆ ช่วยให้หวังเป่าเล่อที่กำลังต้านทานพลังกดดันมีเวลาได้พักหายใจ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังหอบหายใจ เสียงโบราณก็ดังขึ้นในหู


“ผู้แปลกถิ่น ข้าคือจักรพรรดิของดาวเคราะห์เต๋าแห่งนี้ ตระกูลของข้าถูกตระกูลไม่รู้สิ้นกำจัด ดาวเคราะห์ในร่างของข้ากำลังถูกผู้ฝึกตนนอกรีตจากตระกูลไม่รู้สิ้นหลอม ข้าช่วยเจ้าได้เพียงครู่เดียว ไม่สามารถทนได้นานนัก ช่วยข้า…ก็เท่ากับช่วยตัวเจ้าเอง!”


“ข้าจะช่วยได้อย่างไร” ณ เวลานี้ หวังเป่าเล่อไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีก เขามีเพียงทางเลือกเดียวตรงหน้า ถ้าอยากป้องกันไม่ให้ร่างสารัตถะตาย เขาก็ต้องช่วยชายที่บอกว่าตนคือจักรพรรดิของดาวเคราะห์ดวงนี้


“มาหาข้า ขึ้นไปบนแท่นสังเวย และดับตะเกียงผนึกเสีย!”


แววดุดันฉายวาบขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มไม่เชื่อชายชราผู้นี้ เขาต้องตรวจดูแท่นสังเวยเสียก่อน หากต้องตายลงตรงนี้จริงๆ ก็ต้องรู้ก่อนว่าใครกันที่หมายจะฆ่าตนเอง!


แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เคยไปยังแท่นสังเวยมาก่อน สัมผัสก่อนหน้าและการนำทางที่ได้รับในตอนนี้ก็ช่วยให้เขารู้เส้นทางอย่างชัดเจน ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ยกเท้าขวาเหยียบผืนดิน เสียงสั่นสะเทือนดังลั่นไปทั่ว จากนั้นชายหนุ่มก็กลายเป็นหมอกพุ่งสู่ใต้พิภพผ่านรอยแตกบนพื้น


ชายหนุ่มท่องไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว แรงกดดันจากสัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แฝงไปด้วยความกังวลใจและเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน พลังคุ้มกันจากชายอีกคนที่ส่งมายังหวังเป่าเล่อก็ช่วยต้านแรงกดดันนั้นไว้


แม้พลังต้านทานนี้ไม่สามารถสร้างการป้องกันโดยสมบูรณ์ได้ แต่ตัวหวังเป่าเล่อเองก็ไม่ได้อ่อนกำลังและสามารถต้านแรงกดดันได้ระดับหนึ่ง หากชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บ อย่างมากที่สุดก็แค่กระอักไอสารัตถะออกมา หมอกพุ่งผ่านใต้พิภพไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็มาถึง…ถ้ำใต้ดินลึกลงไปในดาวเคราะห์!


เสียงสนั่นดังก้องขณะร่างหวังเป่าเล่อก่อตัวขึ้น เขาเห็นหินหลอมละลายอยู่รอบตัว รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่สูงจัด อีกทั้งยังเห็น…แท่นสังเวยรูปทรงเหมือนหอคอยอยู่ตรงใจกลางของหินหลอมละลาย!


และ…มีร่างของสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นนั้น!


ชายชราผู้หนึ่งถูกเบิกจุดตันเถียน รอบกายเต็มไปด้วยสายรุ้ง


ชายวัยกลางคนอีกผู้หนึ่งมีสีหน้าดุดัน ด้านหลังมีสารัตถะของตระกูลไม่รู้สิ้นกระจายออกไปและกลับมารวมกันใหม่วนอยู่อย่างนั้น!


ทันทีที่หวังเป่าเล่อพบชายทั้งสอง เขาก็รู้ชัดว่าใครเป็นใคร อีกทั้งชายหนุ่มยังเห็นตะเกียงทองแดงโบราณที่มีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนอยู่ตรงมุมทั้งสามของแท่นสังเวยด้วย!

 

 

 


บทที่ 827 ดับตะเกียง ระเบิดดาวเคราะห์!

 

บนตะเกียงทองแดงทั้งสามมีรูปอสูรประหลาดสลักอยู่ อสูรเหล่านั้นได้แก่ผีเก้าหัว หมาป่าเก้าหาง และนกเก้าเล็บ รูปร่างของอสูรที่แตกต่างกันทำให้ยอดของตะเกียงทองแดงต่างกันไปด้วย


ความจริงเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมาก็ต่างกันแล้ว เปลวเพลิงบนตะเกียงทองแดงรูปผีเป็นสีดำ ของตะเกียงทองแดงหมาป่าเป็นสีแดง ส่วนของนกเก้าเล็บเป็นสีขาว!


เปลวเพลิงทั้งสามลุกโชติช่วงปล่อยควันออกมาตามสีของมัน ควันนั้นลอยห้อมล้อมผู้อาวุโสและผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้น และแปรเปลี่ยนเป็นผี หมาป่า และนกเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่ควันแปลงโฉมเป็นอสูร ร่างของผู้อาวุโสที่หลับตาอยู่จะสั่นเทิ้มรุนแรงขึ้นไปอีก


นอกจากนั้น หากดูให้ดีจะเห็นว่าแท่นสังเวยทรงหอคอยที่ตั้งอยู่บนหินหลอมละลายแบ่งเป็นสิบขั้น แต่ละขั้นมีตัวอักขระมากมายสลักอยู่ มันปล่อยคลื่นพลังโบราณออกมา ส่งให้หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงอันตรายและแรงกดดันรุนแรง


สัญญาณอันตรายทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงัก แรงกดดันทำให้หัวใจจมดิ่ง และมันก็ยิ่งทวีคูณหนักขึ้นเมื่อได้เห็นแสงสีรุ้งค่อยๆ ลอยออกจากจุดตันเถียนของผู้อาวุโสที่หลับตาอยู่ แสงสีรุ้งห้อมล้อมวัตถุคล้ายดาวเคราะห์ขนาดเท่ากำปั้นที่กำลังถูกนำออกจากร่าง


ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อใจสั่น เริ่มหายใจถี่หนัก เมื่อเขามาถึงและปรากฏตัวขึ้น เสียงโบราณก็ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง ครั้งนี้มันเจือไปด้วยความรีบร้อนและความเป็นกังวล


“สหายน้อย ช่วยข้าดับตะเกียงเร็วเข้า!”


หวังเป่าเล่อหรี่ตา สูดหายใจ ก้าวขาไปด้านหน้า ขณะที่กำลังจะเข้าไปใกล้ เสียงผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็ดังขึ้น


“เขาโกหกเจ้า ทันทีที่เจ้าเข้าใกล้แท่นสังเวยและเหยียบย่างขึ้นมา พลังของเจ้าจะถูกสูบออกไปในทันใด เขาออกอุบายขอให้เจ้าช่วยดับตะเกียง แต่แท้จริงแล้วต้องการพลังของเจ้ามาช่วยหลบหนีจากการหลอมของข้าต่างหาก!”


ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หยุดชะงักไปทันที


“สหายน้อย เจ้าต้องเชื่อข้า เป้าหมายของข้าไม่ใช่การหลบหนี แต่เป็นการหาโอกาสทำลายตัวเองและลากเจ้านี่ไปลงนรกด้วยกันเท่านั้น!” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด ผู้อาวุโสก็เป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย จึงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน ความกังวลใจทำให้พลังปราณเสียสมดุล ผีในหมอกใช้โอกาสนี้คว้าดาวเคราะห์สีรุ้งและกระชากกลับหลังอย่างรุนแรง


ชายชราร่างสั่นเทิ้มจากการถูกกระชาก เขาแก่มากแล้ว แต่กลับดูชราลงไปอีก พูดให้ชัดเจนคือเขาไม่ได้แก่ตัวลง แต่กำลังเหี่ยวแห้งลงไปต่างหาก


“ผู้มาจุติจากต่างถิ่น เจ้าเห็นหรือไม่ ตาแก่นี่เหี่ยวแห้งไปแล้ว ถ้าขึ้นมาบนแท่นสังเวย เจ้าจะถูกดูดพลังแน่ ข้าตั้งใจจะสังหารเจ้าก็จริง แต่…เมื่อเทียบกับการฆ่าเจ้าทิ้งแล้ว ข้าไม่อยากให้ความพยายามของข้าสูญเปล่ามากกว่า ถ้าเจ้ากลับออกไปตอนนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปแน่นอน!” เห็นดังนั้น ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็พูดขึ้นอีก


หวังเป่าเล่อสีหน้าเปลี่ยนไปมาขณะก้าวเดินไปด้วยความลังเลใจ ชัดเจนว่าชายหนุ่มกำลังสองจิตสองใจ เห็นเช่นนั้น ชายชราที่อยู่ตรงหน้าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นซึ่งกำลังโดนหลอมอยู่ก็พูดขึ้นอย่างยากลำบาก


“สหายน้อย เจ้าต้องเชื่อข้า…”


“จะเป็นหรือตายตัดสินใจด้วยตัวเจ้าเอง ข้าให้คำมั่นไว้แล้วว่าจะไม่ตามล่าเจ้า เหตุใดยังคิดเสี่ยงอยู่อีก”


หวังเป่าเล่อหายใจติดขัด เมื่อได้ยินคำพูดของชายทั้งสองก็มีสีหน้ากล้ำกลืน สุดท้ายก็เงยหน้าร้องคำรามลั่น


“เงียบ!”


“ตาแก่ที่บอกว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิของดาวเคราะห์นี้ ข้าไม่อาจเชื่อคำพูดของเจ้าทั้งหมด ส่วนตระกูลไม่รู้สิ้น…เจ้ายังใช้สัมผัสสวรรค์กดดันข้าอยู่ ข้าก็เชื่อคำพูดเจ้าไม่ได้เต็มที่เช่นกัน!”


เมื่อหวังเป่าเล่อร้องขึ้นเช่นนั้น ดวงตาของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นก็ฉายแสงวาบขึ้นเล็กน้อยขณะหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาเก็บสัมผัสสวรรค์ที่ปล่อยออกไปกดดันชายหนุ่มทันที


“ข้าเก็บสัมผัสสวรรค์แล้ว เจ้าจงไปได้ ไม่ต้องห่วง ถ้าตาแก่นี่กล้าทำอะไรเจ้า ข้าจะจัดการให้!”


เมื่ออีกฝ่ายคลายแรงกดดันลง หวังเป่าเล่อก็รู้สึกโล่งขึ้นในทันใด แม้จะมีชายชราช่วยคุ้นกัน แต่พอเข้าไปใกล้ ร่างกายของเขาก็แทบแหลกสลาย เมื่อคลายจากแรงกดดันได้ ชายหนุ่มก็แอบท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ ผ่านไปสักพัก เขาก็สูดหายใจลึกและกุมหมัดโค้งคำนับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้น


“ขอบคุณท่านพี่ ข้าขอตัว” ขณะพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ขยับตัวและทำท่าเหมือนจะถอยหนีไป ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนแท่นสังเวยเริ่มหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น ขณะกำลังจะเอ่ยปากพูดเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อเหมือนจะกลับออกไป พลังจากบทสวดแห่งเต๋าก็ตื่นขึ้นหลังจากช้าไปครู่หนึ่ง


พลังเหนือขอบเขตจุติลงมาจากส่วนลึกของห้วงอวกาศด้านนอกจักรพิภพตระกูลไม่รู้สิ้น เข้าโอบล้อมดาวเคราะห์ทั้งดวง และพุ่งลงไปลึกใต้พิภพ โถมเข้าใส่แท่นสังเวยภายในถ้ำหินหลอมละลาย


พลังที่ว่านี้มหาศาลและน่าตื่นตะลึงราวกับถูกห้วงจักรวาลกำราบ สีหน้าของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นเปลี่ยนไปในทันใด ชายวัยกลางคนตื่นตกใจสุดขีด เขากรีดร้องลั่น “นี่มัน…”


ขณะที่เขากำลังกรีดร้อง หวังเป่าเล่อที่เหมือนจะหลบหนีไปก็เอี้ยวตัวกลับมา ใช้จังหวะที่อีกฝ่ายดึงสัมผัสสวรรค์กลับไปและพลังของบทสวดแห่งเต๋าปลดปล่อยลงมาเต็มพิกัดพอดี พุ่งตรงไปยังแท่นสังเวย!


เขาไม่ใช่คนโลเล ถ้าได้ตัดสินใจไปแล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะช่วย ชายหนุ่มก็ไม่มีทางหวั่นไหวให้กับคำของผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น


นอกจากนี้ หวังเป่าเล่อยังเชื่อมั่นในสิ่งหนึ่งมาโดยตลอด เทียบกับการมัวลังเลใจ การกัดฟันทำอะไรไปเลยก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่แรงกดดันจากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ของตระกูลไม่รู้สิ้นที่ปล่อยออกมาเมื่อครู่นั้นกล้าแกร่งเกินไป แม้จะใช้บทสวดแห่งเต๋า เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้เข้าใกล้แท่นสังเวยได้ภายในพริบตา


ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเล่นตามน้ำไปกับผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้น จากโอกาสที่ได้มา ชายหนุ่มจึงเป็นเหมือนเส้นสายฟ้าที่พุ่งทะยานตรงไปยังแท่นสังเวย พริบตาต่อมา เขาก็พุ่งผ่านหินหลอมละลายไปปรากฏที่หน้าแท่น ทันใดที่กระโจนขึ้นไป พลังป้องกันก็พวยพุ่งออกมาจากแท่นสังเวย


พลังดังกล่าวทำให้หวังเป่าเล่อเสียสมดุลและหยุดชะงักไป จังหวะนั้นเอง พลังคุ้มกันที่จักรพรรดิระดับดาวพระเคราะห์ปล่อยออกไปปกป้องชายหนุ่มก็ระเบิด ช่วยให้เขาทลายพลังป้องกันของแท่นสังเวยได้ ท้ายที่สุด แม้จะยากลำบาก หวังเป่าเล่อก็สามารถขึ้นมาบนขั้นที่สี่ของแท่นสังเวยได้!


เขาอยากจะกระโจนขึ้นไปด้านบนภายในครั้งเดียวแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้ รีบไต่ขึ้นไปขั้นที่ห้า หก และเจ็ดพร้อมส่งเสียงร้องคำรามไปด้วย


แม้ชายชราจะช่วยต้านพลังป้องกันจากแท่นสังเวย แต่ร่างกายของชายหนุ่มก็สั่นเทิ้ม และเนื่องจากเขากระโจนขึ้นมาสามขั้นในรวดเดียว พลังสารัตถะจึงกลายเป็นเลือดพวยพุ่งออกจากปาก แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่หยุด รีบไต่ขึ้นไปถึงชั้นเก้า


เวลาเหมือนจะผ่านมานาน แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นไม่ได้อ่อนกำลังลง จังหวะนั้นเองเขาก็เริ่มตอบโต้ ดวงตาแดงก่ำขึ้นทันใด สัมผัสสวรรค์ระเบิดไปทั่วทุกทิศทาง ตรงเข้าไปบดขยี้หวังเป่าเล่อ!


“บังอาจมาหลอกข้า!”


ขณะที่เขาพยายามจะจัดการกับหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็ขึ้นมาบนขั้นที่สิบ พร้อมกับยกมือขวาขึ้น ปล่อยนิ้วชี้ลอยออกจากตัว พุ่งไปยังตะเกียงทองแดงผีหิวกระหายที่ใกล้ที่สุด!


ขณะที่นิ้วทะยานออกไป พลังกดดันก็ระเบิดออกมา แม้จะมีการคุ้มกันจากชายชรา แต่หวังเป่าเล่อก็ยังกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ในหัวระบมไปหมด ร่างสารัตถะเริ่มแหลกสลายภายใต้แรงกดดัน


ทว่านิ้วมือที่หลุดออกจากร่างก็ทะยานไปถึงตะเกียงทองแดงผีหิวกระหายในพริบตาต่อมา ทันทีที่สัมผัส ตะเกียงก็สั่นไหวรุนแรง เปลวไฟสีดำดับหายไป!


เมื่อไฟบนตะเกียงทองแดงดับ…ผู้อาวุโสที่หลับตามาโดยตลอดและโดนผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นหลอมดาวเคราะห์ก็ลืมตาตื่น เผยให้เห็นดวงตาสีรุ้ง เขายกมือขวาขึ้นโบกไปทางหวังเป่าเล่อ


“ขอบคุณ สหายน้อย ถ้าข้ามีชีวิตในภพหน้า จะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน!”


เมื่อชายชราโบกมือขวา คลื่นพลังอ่อนโยนก็พวยพุ่งใส่หวังเป่าเล่อ ร่างสารัตถะที่กำลังจะแหลกสลายกลับคืนมาใหม่ในทันที ก่อนจะถูกดึงกลับไปอยู่ใต้การคุ้มกันของพลังแสนอ่อนโยนดังกล่าว


ขณะเดียวกัน ชายชราก็เอื้อมมือขวาไปคว้าแขนของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นเอาไว้ สีหน้าของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นแปรเปลี่ยนไปในทันใด พลังของผู้อาวุโสแข็งแกร่งเกินต้านทาน ความเกลียดชังระดับสั่นสะเทือนฟ้าดินฉายวาบขึ้นในดวงตาขณะเอ่ยขึ้นทีละคำ


“เจ้าสังหารตระกูลข้า ทำลายดาวเคราะห์ของข้า อีกทั้งยังคิดจะขโมยดาวเคราะห์สีรุ้งของข้าไป…ข้าจะให้เจ้าก็ได้ ดาวเคราะห์ จงระเบิด!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)