ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 822-837

  ตอนที่ 822  ลักษณะท่าทางหน้าเกลียดเกินไป


 หานซู่ฉินแอบยิ้มเยาะ ไม่โดนด่าสามวันมันจะคันมากหรือไง  ต้องให้ทำหน้าดุพูดจาโหดร้ายถึงจะยอมฟัง  โง่จริง ๆ !


“นับว่าพี่สะใภ้ยังพอมีเหตุผลอยู่บ้าง ถึงรู้ว่าอะไรคือสายสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือห่างไกล หากไม่ใช่เพื่ออนาคตของป๋อหย่วน ฉันก็คงไม่จำเป็นจะต้องกลับมาถูกพี่โมโหใส่อย่างนี้ นั่นมันก็เกินจะทนไหวนะ!”


หานซู่ฉินพูดจาถากถาง แต่หม่ากุ้ยฟางก็ยังยิ้มเข้าสู้และพูดจาด้วยเสียงนุ่มนวล หานซู่ฉินถึงใจเย็นลงไปบ้าง สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย หานซู่ฉินที่อยู่บ้านแม่ของเขาช่างแตกต่างกับตอนอยู่บ้านตระกูลเจ้าที่ดูอัธยาศัยดีกันอย่างสิ้นเชิง ในตอนนี้ทั้งโอหัง อวดดี จนทุกคนในบ้านล้วนทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง


“ป๋อหย่วน แกคิดว่าอย่างไร?”


หานซู่ฉินไม่อยากเสียเวลากับหม่ากุ้ยฟาง เธอจึงถามหลานชายไปตรง ๆ หานป๋อหย่วน ผิวขาวผ่อง รูปร่างสูงสะโอดสะอง ใส่แว่นที่มีกรอบทอง ท่าทางดูภูมิฐาน ลักษณะหน้าตาช่างดูดีเสียจริง ๆ


เขามองหานซู่ฉินอย่างลำบากใจและรู้สึกฝืนใจอย่างที่สุด เพราะเขาไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงใจง่าย แต่เขาก็เหมือนกับหม่ากุ้ยฟาง ที่ไม่อยากทิ้งเนื้อชิ้นใหญ่อย่างตระกูลจ้าวไป นั่นทำให้เขารู้สึกสับสน


หานซู่ฉินแค่มองก็รู้ในสิ่งที่หลานชายกังวล ถึงแม้เธอจะไม่พอใจ แต่อย่างว่าหลานชายย่อมมีความสำคัญกว่าพี่สะใภ้อยู่แล้ว เลยทำให้หานซู่ฉินจึงยังพอมีความอดกลั้นบ้าง ดึงหลานชายเข้าไปในห้อง แล้วอธิบายเหตุผลอย่างปากเปียกปากแฉะให้เขาฟังด้วยความหวังดี


แน่นอนว่าการทำงานการเมืองมาหลายสิบปีไม่สูญเปล่า หานป๋อหย่วนเชื่อที่เธอพูด แต่ในใจยังคงมีความอึดอัดเล็กน้อย


“อาหญิงใหญ่ครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะลองดูครับ!” หานป๋อหย่วนสีหน้าไม่เต็มใจนัก


หานซู่ฉินโกรธจนชี้ไปที่หน้าของเขา พลางตวาด “แกอย่าไปฟังที่แม่แกพูดสุ่มสี่สุ่มห้า แม่แกจะไปรู้อะไร? ถ้าแกยังอยากจะเหนือกว่าคนอื่น แกก็เชื่ออา ถึงอย่างไรอาก็ไม่ทำร้ายแก”


“จ้าวเหมยทั้งหน้าตาดี ทั้งเป็นที่โปรดปรานของคุณตาคุณยายอีก ถ้าแกทำให้จ้าวเหมยชอบแกอย่างสุดหัวใจได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องดิ้นรนถึงสามสิบปีหรอก!”


“ข้างนอกพูดถึงจ้าวเหมยไม่ดี ผมไม่อยากโดนสวมเขาในภายหลัง” หานป๋อหย่วนพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ


“คำพูดเหล่านั้นมันก็แค่ข่าวลือ แกจะเชื่ออาหรือว่าเชื่อคนอื่น?”


“ผมเชื่ออาหญิงอยู่แล้ว แต่ข่าวลือใช่ว่าจะไม่มีมูลเสียเลยนะครับ ถ้าจ้าวเหมยประพฤติตัวเหมาะสม แล้วจะมีคนสร้างข่าวลือเกี่ยวกับเธอได้อย่างไร?” หานป๋อหย่วนพูดจาเหยียดหยาม


หานซู่ฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ “แกจะไปสนใจว่าเธอจะคบผู้ชายมากี่คนทำไม? เธอเป็นถึงคุณหนูตระกูลจ้าว ไม่ว่าจะคบผู้ชายมามากขนาดไหน ก็ยังมีคนมากมายต้องการจะแย่งชิง”


“คนที่จะทำการใหญ่ต้องไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องโดนสวมเขาเป็นเรื่องไร้สาระ เมื่อแกมีหลักมีฐานมั่นคงแล้ว แกจะต้องการผู้หญิงแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ทำไมแกไม่รู้จักใช้หัวสมองคิดนะ โง่เหมือนแม่แกไม่มีผิด!”


หานป๋อหย่วนตาเป็นประกาย เข้าใจกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที!


 อาหญิงพูดถูก ถ้าเมื่อไหร่ที่เขามีตำแหน่งใหญ่โตก็จะได้ผู้หญิงสวย ๆ มาอย่างง่ายดาย เขาจะทำให้มันยุ่งยากไปทำไม?”


จ้าวเหมยเป็นเพียงหินปูทางไปสู่ทางลัดของเขาเท่านั้นเอง!


“อาหญิงวางใจได้ ผมต้องทำให้จ้าวเหมยอยากแต่งงานกับผมอย่างสุดหัวใจแน่นอน” หานป๋อหย่วนมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก


หานซู่ฉินเพิ่งจะยิ้มออก เธอกระซิบกระซาบกับหลานชาย เล่าเรื่องของเหมยเหมยหลายเรื่อง และยังเอารูปของเหมยเหมยให้เขาดู พอหานป๋อหย่วนเห็นสาวสวยในรูปก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันที เขาไม่มีอะไรจะพูดกับอาหญิงอีกแล้ว


อาหญิงน่าจะเอารูปถ่ายออกมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรก็เห็นด้วยทั้งนั้น ผู้หญิงสวยขนาดนี้ ถึงแม้จะเสียชื่อเสียงไปบ้าง เขาก็ยอม อย่างน้อยพอได้มาแล้วค่อยว่ากันก็ได้!


ในที่สุดหานซู่ฉินก็เอ่ย “เรื่องมหาวิทยาลัย อาติดต่อให้เธอเรียบร้อยแล้ว มหาวิทยาลัยจินในเมืองจิน  เป็นมหาวิทยาลัยสำคัญของประเทศ อีกสองสามวัน อาจะเอาเอกสารมาให้เธอ”


ถึงแม้คะแนนของหานป๋อหย่วนจะไม่มากพอที่จะเข้ามหาวิทยาลัยจินได้ แต่สำหรับเธอในตอนนี้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เพียงเธอยกหูโทรศัพท์ก็สามารถจัดการได้แล้ว


แค่มีอำนาจก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งได้!


……………………………


ตอนที่ 823 เป็ดย่างที่มาช้า


วันถัดมาตระกูลจ้าวไปที่เฉวียนจวี้เต๋อเพื่อฉลองวันเกิดให้เหมยเหมย ซึ่งเหมยเหมยเป็นคนเลือกสถานที่เอง


ด้วยเหตุที่ว่าสมาชิกตระกูลจ้าวทุกคนล้วนชอบกินเนื้อสัตว์ ตัวเธอเองก็ชอบกินเป็ดย่าง คิด ๆดูแล้วเฉวียนจวี้เต๋อน่าจะเหมาะสมที่สุด


คนอื่นถ้าจะไปเฉวียนจวี้เต๋อต้องจองล่วงหน้าหนึ่งเดือน แต่ตระกูลจ้าวไม่ต้อง แค่โทรไปผู้จัดการก็กุลีกุจอหาวิธีจัดการให้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการรับประทานอาหารของตระกูลจ้าวอย่างแน่นอน


ต้องบอกว่าธุรกิจของเฉวียนจวี้เต๋อนั้นดีมาก ๆ ยิ่งในช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยวจึงมีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกมาเที่ยวที่นี่  ซึ่งอาหารที่เฉวียนจวี้เต๋อนั้นมีรสชาติที่ล้ำเลิศที่สุดในเมืองหลวง ทำให้ใคร ๆก็อยากจะมาลิ้มลอง เลยทำให้ในร้านเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจนไม่มีแม้กระทั่งที่ยืน


วันนี้ก็เป็นวันที่ลูกค้าเนืองแน่นเช่นกัน แต่ผู้จัดการร้านก็พาพวกเขาไปที่ห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสองด้วยความกระตือรือร้นและนอบน้อม เมื่อเห็นว่าคนตระกูลจ้าวพอใจ เขาจึงแอบเช็ดเหงื่อด้วยความโล่งอก


โอ๊ย โชคดีที่เขาคิดได้อย่างรวดเร็ว เลยให้ใช้ห้องอาหารส่วนตัวของคนอื่นก่อน เพราะถ้าหากทำให้คนตระกูลจ้าวไม่พอใจ เขาคงไม่รอดแน่


กลัวว่าจะรักษาตำแหน่งผู้จัดการไว้ไม่ได้!


สมาชิกตระกูลจ้าวที่อยู่ในห้องอาหารส่วนตัวทุกคนล้วนอารมณ์ดี แต่เจ้าอ้วนไม่ได้ตามมา เพราะเขารู้ดีว่าเป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัว เขาจึงเลือกที่จะไม่มาร่วมสนุกด้วย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธไปตรง ๆพูดเพียงว่าจะออกไปเที่ยวเล่น โดยเป็นการปฏิเสธแบบอ้อม ๆ


เหมยเหมยรู้ว่าเขามีความกังวล เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่ในบ้านของเธอเอง ต่อหน้าเธอคนตระกูลจ้าวปฏิบัติต่อเจ้าอ้วนถือว่าใช้ได้ แต่ก็แค่ใช้ได้เพียงเท่านั้น


ปากก็บอกให้เจ้าอ้วนปฏิบัติกับตระกูลจ้าวเหมือนเป็นคนกันเอง ไม่ต้องฝืน แต่จริง ๆแล้วมันก็ยากที่จะทำแบบนั้นได้!


ดังนั้นเหมยเหมยจึงไม่บังคับให้เจ้าอ้วนมาร่วมกินข้าวด้วยกัน เพราะถ้าเจ้าอ้วนมาก็คงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็เลยให้เซียวเซ่อพาเจ้าอ้วนออกไปเที่ยว จะให้ไปคนเดียวเธอก็ไม่วางใจ


“เจ้าของวันเกิดสั่งอาหารสิจ้ะ!”


หานซู่ฉินพูดอย่างยิ้มแย้ม และยื่นเมนูให้เหมยเหมย


จ้าวเสวียกงและสยงมู่มู่ก็ตะโกนพร้อมกัน “เหมยเหมยสั่งเป็ดมาก่อน ห้าตัวนะ!”


เหมยเหมยเม้มปากยิ้ม เธอสั่งเป็ดแค่สามตัวและก็ส่งเมนูให้คุณย่า “คุณย่าสั่งบ้างสิคะ!”


หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกทำให้เธอตระหนักได้ว่า ตระกูลจ้าวไม่ใช่ตระกูลของเธอแค่คนเดียว และไม่สามารถตามใจแค่เธอคนเดียวได้ เธอไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้เหมือนตอนอยู่ต่อหน้าจ้าวอิงหัวสามีภรรยา ที่เธออยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะทำอะไรก็ทำ


เธอต้องรู้จักพอประมาณ!


เหยียนหมิงซุ่นเคยสอนเธอ เธอเองก็เข้าใจดีแล้ว!


คุณย่าพอใจกับการรู้ความของเหมยเหมย เธอสั่งอาหารมาไม่กี่อย่างและให้หานซู่ฉินสั่งอาหาร ผู้จัดการที่ยืนเงียบราวกับกำลังกลั้นหายใจ ลอบสังเกตเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว และแอบชมเชยเงียบ ๆ มรดกตระกูลจ้าวท่านนี้ โดดเด่น สวยงามจนวางตาไม่ลงจริง ๆ มิน่าถึงมีข่าวลือเช่นนั้น!


คนสวยมักมีเรื่องไม่ดีตามมาเยอะเป็นธรรมดา !


อาหารมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เนื้อเป็ดหั่นเรียบร้อยทั้งหอมกรอบและนุ่ม รสชาติของเป็ดย่างนั้นอร่อยกว่าร้านอาหารร้านอื่นมาก แค่สามตัวกินไม่พอจริง ๆ คุณปู่จ้าวจึงให้สั่งมาเพิ่มอีกสองตัว แต่ว่าครั้งนี้ต้องรอนานสักหน่อย


“นายท่าน วันนี้ลูกค้าเยอะจริง ๆครับ เป็ดย่างเสิร์ฟไม่ทัน ท่านคงต้องรอสักพักนะครับ!” ผู้จัดการออกมาพูดด้วยตัวเอง


“ไม่รีบ พวกเรากินอย่างอื่นไปก่อนได้” คุณปู่จ้าวเข้าใจและเห็นใจจนผู้จัดการรู้สึกซาบซึ้งใจมาก


คนเราหากเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และหากเทียบกับไอ้ปีศาจนั่นแล้ว นายท่านคือพระโพธิสัตว์ที่จุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์!


แต่พอผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง กับข้าวบนโต๊ะก็เกือบจะหมดแล้วแต่เป็ดย่างยังไม่มาเสิร์ฟ คุณปู่จ้าวเริ่มรู้สึกไม่พอใจ ถึงแม้จะฆ่าและย่างตอนนี้ แต่ก็ควรจะทำจนเสร็จได้แล้วสิ!


…………………………………


ตอนที่ 824 ยั่วยุ


ผู้จัดการถูกเรียกมาอีกครั้ง เขาก้มหน้าหลบสายตา ไม่กล้าที่จะมองสมาชิกตระกูลจ้าวแบบตรง ๆ


“เป็ดย่างที่พวกเราสั่ง ทำไมยังไม่เสร็จอีก?” จ้าวอิงสยงถามด้วยน้ำเสียงเข้ม ตำแหน่งราชการของเขาข่มขวัญผู้จัดการจนขาอ่อนไปหมด เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี


พระเจ้า! เขาก็แค่ผู้จัดการตำแหน่งเล็ก ๆก็เท่านั้น ทำไมถึงเจาะจงให้เขามาเจอกับเรื่องโชคร้ายแบบนี้ด้วย?


ผู้จัดการยิ้มสู้ พลางอธิบายสาเหตุที่เป็ดย่างยังไม่เสร็จ “เพราะขายดีมาก เป็ดที่มีอยู่ในร้านไม่พอ เลยทำให้ต้องใช้เวลาสักพักครับ นายท่านวางใจได้ เป็ดย่างที่นายท่านสั่งมีแน่นอนครับ ขอให้ท่านรอสักครู่นะครับ!”


จ้าวอิงสยงหลอกง่ายเสียที่ไหน ผู้จัดการคนนี้พูดจาน้ำหนักไม่เพียงพอ ทั้งยังหลบสายตาเห็นได้ชัดว่าปกปิดความผิดไว้ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่มองผู้จัดการด้วยสายตาที่เย็นชาขึ้นอีก นั่นทำให้ขาของผู้จัดการยิ่งไร้เรี่ยวแรงจนสั่นระริก ในที่สุดก็รับสารภาพออกมาหมด


“คือ…คือว่าคุณชายเช่อ ไม่อนุญาตให้ผมเอาเป็ดย่างมาเสิร์ฟครับ ผม…ผมเป็นแค่ชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ไม่กล้าหาเรื่องให้คุณชายเช่อโกรธจริง ๆครับ นายท่านโปรดเข้าใจผมด้วยครับ!”


ผู้จัดการร้องห่มร้องไห้สารภาพออกมาหมด คุณปู่จ้าวโมโหจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดและหายใจถี่


เหมยเหมยรู้สึกไม่สบายใจ ไอ้บ้านี่ทำไมยังไม่ไปตายนะ จะกินเป็ดย่างสงบ ๆก็ไม่ได้!


จ้าวอิงสยงกับจ้าวอิงหย่งสองพี่น้องก็โมโหมาก จ้าวอิงหย่งเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาพูดตำหนิในทันที “แล้วทำไมแกไม่กลัวพวกเราโกรธ?”


ผู้จัดการฝืนยิ้มอย่างเจื่อน ๆแทน เลือกไม่พูดอะไรมันเสียเลย ยังไงเสียพูดอะไรไปก็ผิด แกล้งเงียบเป็นใบ้มันเนี่ยแหละ อย่างมากตระกูลจ้าวก็ด่าเขาไม่กี่ประโยค ไม่ได้จะเอาชีวิตเขาเหมือนไอ้ปีศาจนั่นที่ฆ่าคนได้จริง ๆ !


จ้าวอิงหย่งยังอยากจะด่าผู้จัดการอีกแต่โดนคุณปู่จ้าวปรามไว้ เขาโบกมือบอกให้ผู้จัดการออกไป อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของผู้จัดการ ถ้าเขาไม่กลัวเฮ่อเหลี่ยนเช่อสิถึงจะแปลก!


“ผมจะไปหาเฮ่อเหลี่ยนเช่อไอ้บ้านั้น น่ารำคาญชะมัด!”


จ้าวอิงหย่งระงับความโกรธไว้ไม่ได้ เขาโกรธจนจะไปคิดบัญชีแค้นกับเฮ่อเหลียนเช่อ ทำให้คุณปู่จ้าวต้องขวางเอาไว้


“ห้ามใครไปไหนทั้งนั้น เรื่องอะไรพวกเราจะต้องไปทะเลาะกับคนบ้าแบบนั้นด้วย เป็ดย่างจะมากินเมื่อไหร่ก็ได้”


คุณปู่จ้าวกัดฟันพูด แต่เส้นเลือดที่ยิ่งปูดขึ้นมาแสดงถึงความโกรธภายในใจที่เขากำลังข่มมันเอาไว้


ในห้องอาหารส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อเชิญแขกมาทานอาหาร และมีหลายคนในนั้นที่เล่นไพ่ในคืนนั้น โอหยางปินก็อยู่ด้วย คนพวกนี้ไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองเหมือนกับคืนนั้น ยังมีความระมัดระวังตัวอยู่บ้าง


“เอ๊ะ ทำไมตระกูลจ้าวถึงไม่ทำอะไรเลยล่ะ? จะว่าไปแล้วน่าจะมาคิดบัญชีได้แล้วนะ!” ทุกคนที่รออยู่นาน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ดูละครสนุกอย่างที่คาดการณ์ไว้


โอหยางปินจงใจพูดประจบ “ตระกูลจ้าวจะกล้ามาคิดบัญชีกับคุณชายเช่อได้อย่างไร? คงจะกลัวจนหัวหดแล้วมั้ง!”


คนอื่น ๆก็พากันหัวเราะชอบใจต่างก็ประจบสอพลอตาม จะให้ปล่อยโอหยางปินได้ผลงานไปคนเดียวไม่ได้ เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าภาคภูมิใจ แต่ในสายตาของเขากลับดูถูกเหยียดหยาม


ถ้าไม่ใช่เพราะลุงกำชับไว้ เขาก็ขี้เกียจจะเลี้ยงข้าวครอบครัวตกอับพวกนี้ เห็นแล้วเกะกะลูกตาชะมัด!


ทางคุณปู่จ้าวก็ไม่มีท่าทีอะไรตอบกลับมา มันทำให้เฮ่อเหลียนเช่อหมดอารมณ์สนุก เขากินไปไม่กี่คำและกำลังจะลุกออกไป ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกดังเข้ามา


“ผู้จัดการอวี๋ อธิบายกับผมมาให้ชัดเจนนะ คุณมีสิทธิ์อะไรไปยกห้องที่ผมจองไว้ให้คนอื่น? ห้องนั้นผมจองไว้ล่วงหน้าตั้งหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้คุณมาบอกผมว่าไม่ว่างแล้ว คุณหมายความว่าไง?”


เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ฟังสำเนียงแล้วน่าจะเป็นคนท้องถิ่นที่อยู่ในเมือง ส่วนผู้จัดการได้แต่กล่าวขอโทษขอโพยไม่หยุด


มีเสียงผู้ชายที่อ่อนโยนพูดขึ้นมา ฟังแล้วเหมือนจะยังไม่แก่ เฮ่อเหลียนเช่อยักคิ้ว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสนใจ จึงเดินออกไปด้านนอก


……………………………


ตอนที่ 825 เหมยซูหานตั้งใจต้องเอาให้ได้


คนที่อยู่ด้านนอกตรงระเบียงนั่นคือเหมยซูหานและอู่เยวี่ย แถมยังมีนักธุรกิจท้องถิ่นของเมืองหลวงอีกคนแซ่สวี่ ถือได้ว่ามีฐานะพอสมควร ปีที่แล้วเหมยซูหานช่วยเหลือเขาไว้มากมาย เถ้าแก่สวี่จึงมีความซาบซึ้งใจต่อเขามาก


พอได้ยินว่าเขาจะมาเมืองหลวงในวันหยุดฤดูร้อนเมื่อเดือนที่แล้ว เขาเลยจองห้องอาหารส่วนตัวของร้านเฉวียนจวี้เต๋อไว้ เดิมทีเขาอยากให้การต้อนรับอย่างเป็นมิตรในฐานะเจ้าบ้านให้ดีที่สุด แต่ใครจะไปคิดว่าผู้จัดการจะยกห้องอาหารส่วนตัวให้คนอื่นไป เถ้าแก่สวี่ที่เสียหน้าจะทนได้อย่างไร เขาจึงเอะอะโวยวายขึ้นมา


คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเหมยซูหานสูงมาก เขาไม่ได้กรอกเป็นอาสาสมัครของมหาวิทยาลัยเมืองจินเหมือนกับชาติที่แล้ว เพราะว่าชาติที่แล้วสุขภาพของแม่เขาไม่ดี เขาจึงเป็นกังวลหากจะไปเรียนมหาวิทยาลัยที่อื่น แต่ชาตินี้แม่เหมยสุขภาพแข็งแรงมาก และเขายังให้พี่เลี้ยงมาช่วยดูแลอีก ทำให้ทางเลือกของเขามีมากขึ้น


เหตุผลที่เขาเลือกไปที่เมืองหลวงมีสองข้อ ข้อแรกเพื่ออยากแสวงหาโอกาสที่มากขึ้น ข้อที่สองเพราะเหมยเหมย


เขาได้ฟังอู่เจิ้งซือเล่าเรื่องเกี่ยวกับวงศ์ตระกูลของเหมยเหมยมาบ้างแล้ว แต่รายละเอียดก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก เขารู้เพียงว่าบ้านเกิดของเหมยเหมยอยู่ในเมืองหลวง และยังเป็นตระกูลที่ร่ำรวย


ในมุมมองของเขา มองว่าในอนาคตเหมยเหมยต้องกลับไปที่เมืองหลวงอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาอยู่เมืองหลวง  มันทำให้เขายิ่งมีโอกาสมากขึ้นแน่นอน!


ไม่นึกเลยว่าเจ้าโง่เหยียนหมิงซุ่นเลือกที่จะทิ้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในมุมมองของเขาเป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุด


สำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเขา การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นวิธีก้าวกระโดดสู่ประตูแห่งความสำเร็จที่เร็วที่สุด  มีประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้น และจะยิ่งได้รับการชื่นชมจากพ่อแม่ของเหมยเหมยมากขึ้น


คนหนึ่งคือนักศึกษาที่ยอดเยี่ยม คนหนึ่งคือนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ!


เชื่อว่าการเลือกของพ่อแม่ก็เป็นแค่เรื่องของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน!


หลังจากที่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นล้มเลิกการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหมยซูหานก็อารมณ์ดีมาก เขาตั้งใจที่จะเอาชนะใจเหมยเหมยให้ได้


แต่ว่าน่าเสียดาย ตอนที่เขาโทรหาเหมยเหมยอย่างอารมณ์ดี เขากลับได้ข่าวว่าเหมยเหมยกลับไปพักผ่อนที่เมืองหลวงแล้ว


 ดังนั้นครั้งนี้เขาพาอู่เยวี่ยมาเมืองหลวง มีเป้าหมายสามอย่าง อย่างแรกคือ ไปสำรวจมหาลัยในอนาคต อย่างที่สองพาอู่เยวี่ยมาผ่าตัดแก้วหู อย่างที่สามมาหาหญิงผู้เป็นที่รัก


เขาต้องหาเหมยเหมยให้พบก่อนเหยียนหมิงซุ่น และกล่าวอวยพรวันเกิดแก่เธอ พร้อมทั้งเอาของขวัญวันเกิดมาให้เธอกับมือ!


เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถให้เหมยเหมยในวัดเกิดได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเหมยเหมย แต่เขากลับเพิ่งมาถึงเมืองหลวง เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเธอเจอได้ในทันที


เดิมทีเขาวางแผนไว้เรียบร้อยว่าจะมาเมืองหลวงก่อนล่วงหน้าสองวัน ระยะเวลาสองวันคงจะสามารถหาเหมยเหมยเจอ แต่อู่เยวี่ยกลับเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น เธอเป็นไข้ จึงจำใจต้องเลื่อนแผนการเดินทางและเลื่อนมาจนถึงวันนี้


เหมยซูหานไม่อยากให้เถ้าแก่สวี่กับผู้จัดการทะเลาะกัน เขาจึงแนะนำว่า “พี่สวี่อย่าโมโหเลยครับ ผู้จัดการคงจะมีสาเหตุบางอย่าง พวกเราไปกินที่ห้องโถงใหญ่ก็เหมือนกันนั่นแหละ”


ผู้จัดการมองเหมยซูหานด้วยความซาบซึ้งใจ และพูดจาอย่างนอบน้อม เถ้าแก่สวี่เลยจำยอม แต่ใบหน้ายังคงแสดงถึงความโมโหอยู่  ขณะที่พวกเขากำลังจะไปที่ห้องโถงใหญ่


“เอะอะโวยวายอะไรกัน? ผู้จัดการอวี๋เจตนาไม่อยากให้ผมกินข้าวอย่างสงบใช่ไหม?”


เสียงหงุดหงิดดังขึ้น  เหงื่อไหลออกมาจากด้านหลังเสื้อกล้ามของผู้จัดการ เขาหน้าซีด เหมยซูหานเงยหน้ามอง เฮ่อเหลียนเช่อที่พิงอยู่หน้าประตู


เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่บนตัวเหมยซูหาน ไม่ได้กลัดกระดุมครบเหมือนเหยียนหมิงซุ่น แต่ปลดกระดุมออกสองสามเม็ด แสดงให้เห็นคอที่ขาวผ่อง และลูกกระเดือกเล็ก ๆ แขนเสื้อที่พับถึงข้อศอกดูสบาย ๆ  แต่กลับดูเซ็กซี่ในสายตาเฮ่อเหลียนเช่อ


เขารู้สึกคอแห้งเล็กน้อย ความโกรธกำลังลุกโชน เตรียมพร้อมที่จะมีเรื่อง


ช่วงนี้เทวดาก็ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ   รู้ว่าเขาเซ็งกับคนพวกนั้น ก็ทยอยส่งของดีมาให้อย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดูอายุมากกว่าสักหน่อย แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย!


แค่เห็นเขาก็อารมณ์เดือดพล่านขึ้นมาแล้ว!


…………………………………


ตอนที่ 826 ให้ความเป็นธรรม


ผู้จัดการชี้แจงเรื่องห้องอาหารส่วนตัวอย่างตะกุกตะกัก โดยไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย พูดจนจบด้วยความยากลำบาก หันมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความประหม่า  ในใจพร่ำเรียกพระโพธิสัตว์ให้ช่วยปกปักรักษาเขาด้วย!


“เรื่องนี้ผู้จัดการอวี๋ คุณทำไม่ถูกจริง ๆ คนเขาจองห้องเรียบร้อยแล้ว คุณดันไปเปลี่ยน เป็นใครจะไม่โกรธ”


เฮ่อเหลียนเช่อพูดพลางแสยะยิ้ม  แต่สายตากลับชำเลืองมองไปทางเหมยซูหานเป็นครั้งคราว


อู่เยวี่ยที่ยื่นอยู่ข้างเหมยซูหานไม่ได้พูดอะไรอายหน้าจนแดง เธอก้มหน้า รู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย


เธอเข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเช่อกำลังมองตัวเธอ ถึงแม้เธอจะรังเกียจเฮ่อเหลียนเช่อที่อายุมากไปหน่อย แต่เธอก็ยังรู้สึกภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง   ขอเพียงแค่เป็นผู้ชายก็ไม่มีปัญหา!


เหมยซูหานก็เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเช่อกำลังมองอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยที่อายุสิบหกปีเป็นช่วงที่ผู้หญิงกำลังสวยที่สุด แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับความสวยของเหมยเหมยได้ แต่ก็ถือว่าเป็นสาวสวยที่ดึงดูดสายตาผู้ชายตามท้องถนนได้


เขาจึงเอาตัวยืนบังอยู่ด้านหน้าของอู่เยวี่ยตามสัญชาตญาณ จ้องเฮ่อเหลียนเช่อเขม็งอย่างไม่พอใจ แต่เฮ่อเหลียนเช่อไม่โกรธ เขากลับยิ้มออกมา จากที่เขาดูแล้ว การจ้องมองของเหมยซูหานนั่นเซ็กซี่มาก ๆ


ส่วนอู่เยวี่ยที่อยู่ด้านหลังเหมยซูหานนั้น เฮ่อเหลียนเช่อแค่มองแวบเดียวก็ไม่อยากมองต่อแล้ว รูปร่างหน้าตาก็พอใช้ได้


หากไม่เคยเจอคนที่สมบูรณ์แบบอย่างจ้าวเหมย เซียวเซ่อ เหมยซูหานทั้งสามคนนี้ ไม่แน่เขาก็คงอาจชอบคนอย่างอู่เยวี่ยก็เป็นได้ เด็กผู้หญิงอายุสิบห้า สิบหกปี เป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดไม่ใช่เหรอ!


แต่ตอนนี้เหมยซูหานเป็นของล้ำค่าที่อยู่ตรงหน้า เฮ่อเหลียนเช่อจะยังมองคนจืดชืดอย่างอู่เยวี่ยได้อย่างไร?


ผู้จัดการกำลังยุ่งอยู่กับการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง แต่เฮ่อเหลียนเช่อไม่อยากจะปล่อยเขาไป จึงซักถามต่อว่าเขายกห้องอาหารส่วนตัวให้ใคร!


โอหยางปินและคนอื่น ๆแค่มองก็รู้ทันทีว่าเฮ่อเหลียนเช่อถูกใจเหมยซูหาน และอยู่ต่อหน้าชายรูปงามผู้นี้เขาก็อยากจะเอาอกเอาใจสักหน่อย จึงบอกให้ผู้จัดการรีบอธิบายให้กระจ่าง


ผู้จัดการเหงื่อไหลพราก เขาไม่กล้ามีปัญหากับทั้งสองฝ่าย!


พอเห็นพวกโอหยางปินออกมาแล้ว เถ้าแก่สวี่ก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ ๆ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อ ทว่าเขารู้จักโอหยางปินเป็นอย่างดี เมื่อก่อนเพื่อให้ได้รับการอนุมัติเขาจึงเคยคบค้าสมาคมกับโอหยางปิน


แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า โอหยางปินที่มีอำนาจสูงส่งดั่งเทวดา พออยู่ต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อกลับทำท่าประจบสอพลอ แล้วเถ้าแก่สวี่จะกล้าหาเรื่องได้อย่างไรกัน เขาไม่กล้ายั่วโมโหบรรดาคุณชายพวกนี้หรอก!


เขายังอยากใช้ชีวิตไปอีกหลายปีนะ!


อย่ามองว่าที่เฮ่อเหลียนเช่อพูดอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นการช่วยเหลือเขา เพราะเถ้าแก่สวี่รู้สึกว่าเฮ่อเหลียนเช่อมีเจตนาที่ไม่ดี เขาได้แต่แสดงท่าทีให้เห็นว่าไม่ต้องการห้องอาหารส่วนตัวแล้ว เขาไปกินที่ห้องโถงใหญ่ก็ได้


เฮ่อเหลียนเช่อเปลี่ยนสีหน้าทันที เขามองเถ้าแก่สวีอย่างเย็นชา “ทำไม คุณคิดว่าผมจะเอาห้องอาหารส่วนตัวนั้นมาไม่ได้เหรอ?”


เถ้าแก่สวี่ส่ายหน้าด้วยความตื่นตระหนก พลางพูดเอาใจ “ผมแค่กลัวจะเสียเวลาอันมีค่าของคุณครับ”


เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงออกมา เขาพอใจมากกับคำประจบประแจงของเถ้าแก่สวี่ ตอนนี้เขาอารมณ์ดี ไม่อยากจะสนใจกับพวกต่ำต้อยเหล่านั้น


“ตอนนี้ผมว่างพอดี ก็อยากจะให้ความเป็นธรรมกับผู้จัดการอวี๋ บอกผมมา ไอ้บ้าคนไหนที่แย่งห้องอาหารส่วนตัวไป?”


เฮ่อเหลียนเช่อใช้กลยุทธ์ด้วยการพูดเสียงดัง ผู้จัดการตกใจจนตัวสั่น เขาไม่กล้าปิดบังแม้แต่นิดเดียว พูดจาอ้ำอึ้ง “วันนี้คุณหนูเล็กของตระกูลจ้าว มาฉลองวันเกิดครับ ตอนที่มาไม่เหลือห้องอาหารส่วนตัวว่างแล้ว ผมก็เลยเปลี่ยนเองโดยพลการครับ ”


เถ้าแก่สวี่ใจหล่นวูบ พอผู้จัดการอวี๋พูดถึงคุณหนูเล็กของตระกูลจ้าว  เขาก็รู้ทันทีว่าตระกูลจ้าวตระกูลไหน โอ้แม่เจ้า ไอ่ผู้จัดการบ้านี่ ถ้าบอกตั้งแต่แรกว่าเป็นตระกูลจ้าว เขาคงประเคนให้ไปแล้ว!


ในขณะนั้นพวกเหมยเหมยที่เดินออกมา ได้ยินคำพูดของผู้จัดการพอดี สีหน้าของคุณปู่จ้าวก็เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที


…………………………………


ตอนที่ 827 เหยียดหยามเต็มที่


เหมยเหมยที่กำลังคุยกับสยงมู่มู่อยู่ด้านหลังสุด ไม่ได้สังเกตเห็นเหมยซูหานกับอู่เยวี่ย และไม่ทันสังเกตเห็นเฮ่อเหลียนเช่อ แต่จ้าวอิงหย่งสองพี่น้องที่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อเข้า ความเดือดดาลก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที


เฮ่อเหลียนเช่อเดินตรงมายิ้มเยาะใส่คุณปู่จ้าวที่อยู่ด้านหน้าสุด กล่าวเสียงดัง “คุณปู่จ้าวยิ่งอายุมากก็ยิ่งแข็งแรงจริง ๆนะ ขโมยของเหมือนกับโจรไม่มีผิด!”


จ้าวอิงหย่งตะโกนอย่างโกรธแค้น “เฮ่อเหลียนเช่อ แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?  ทั้งเมืองหลวง ใครเล่าจะเป็นโจรเหมือนกับแก?”


เฮ่อเหลียนเช่อเหนื่อยหน่ายใจ เขาไม่สนใจจ้าวอิงหย่งเลยสักนิด พูดเสียงเข้ม “ผมมากินข้าวตามปกติ ไม่แย่งห้องอาหารส่วนตัวที่คนอื่นจองเอาไว้ก็แล้วกัน ผู้จัดการอวี๋ คุณว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม?


ผู้จัดการอวี๋หน้าเสีย พูดซะอย่างนี้จะให้เขาตอบว่าอย่างไร?


แต่เพราะเฮ่อเหลียนเช่อจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้  เพียงแค่เอ่ยชื่อของเขา ใครเล่าจะกล้าขัด?


คุณปู่จ้าวกล่าวเสียงเข้ม “เฮ่อเหลียนเช่อ  แม้กระทั่งลุงของคุณตอนเจอผมก็ยังต้องนอบน้อมในฐานะคนรุ่นหลัง หรือว่าอยู่ที่บ้านคุณก็พูดจาเช่นนี้กับลุงคุณเหรอ ? หนิงเฉินเซวียนไม่เคยสอนให้คุณเคารพผู้ใหญ่หรือไง?


เฮ่อเหลียนเช่อไม่โกรธแต่กลับยิ้ม “จ้าวหวายซาน ต่อหน้าคุณชายอย่างผม คุณอย่าถือว่าตัวเองมีอายุมากแล้วจะเที่ยวดูถูกคนอื่น ลูกไม้แบบนี้ใช้กับผมไม่ได้หรอก คุณคิดว่าคุณเป็นอะไรกับผม?


จ้าวอิงหย่งโกรธจนเหวี่ยงหมัดออกไป “เฮ่อเหลียนเช่อ แก ไอ้เลว!”


“อิงหย่ง!”


คุณปู่จ้าวขวางจ้าวอิงหย่งไว้ เขาจ้องมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยสายตาโกรธแค้น “ผมก็ไม่ต้องการ หลานนอกคอกอย่างคุณ ไม่แปลกใจที่แม้แต่พ่อที่ให้กำเนิดคุณก็ยังไม่ยอมรับคุณ ตอนนี้ผมเข้าใจเฮ่อเหลียนชิงแล้ว”


บรรยากาศที่ระเบียงตึงเครียดขึ้นมาทันที ผู้จัดการอวี๋ร้องโวยวายไม่หยุด เขาอยากจะให้ตัวเองหูหนวก เป็นใบ้ใจจะขาด!


เฮ่อเหลียนเช่อจะอดกลั้นความโกรธแค้นไว้ได้อย่างไร เขาอยากจะพุ่งเข้าไปสั่งสอนคุณปู่จ้าว แต่พวกโอหยางปิน กลัวจนต้องรีบดึงเอาไว้อย่างสุดกำลัง ถ้าเฮ่อเหลียนเช่อต่อยจ้าวหวายซานในที่สาธารณะแบบนี้ เกรงว่าลุงหนิงของเขาก็คงปกป้องเขาไม่ได้แล้ว!


“คุณคอยดูนะ วันหนึ่งคุณจะต้องมาอ้อนวอนอยู่ตรงหน้าผม!”


เฮ่อเหลียนเช่อมองจ้าวอิงหย่งอย่างเย็นชา แล้วยิ้มแปลก ๆจนจ้าวอิงหย่งรู้สึกกลัวขนลุกขนพอง


คุณปู่จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟ้ายังไม่มืดเลย เจ้าเด็กน้อย อย่าได้ฝันกลางวันไป!”


“ก็ไม่แน่ ถึงตอนนั้น คุณต้องมาอ้อนวอนผม ผมอาจจะต้องคิดทบทวนว่าต้องการข้อเสนออะไร พูดถึงพวกคุณ ตระกูลจ้าวก็มีสิ่งที่ทำให้ผมชอบใจได้เหมือนกัน ถึงเวลานั้นผมจะรอ!”


เฮ่อเหลียนเช่อเหลือบหันไปมองเหมยเหมยที่ด้านหลังสุด เหมยเหมยบังสยงมู่มู่ไว้โดยไม่รู้ตัว โชคดีที่สยงมู่มู่กำลังก้มหน้าคุยกับเธอ เฮ่อเหลียนเช่อเลยไม่เห็นหน้าของเขา


เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มอย่างได้ใจ เขาหันหลังแล้วเดินออกไป ขณะที่เดินลงบันได้ เขาหันไปพูดกับโอหยางปินที่อยู่ด้านหลัง “เด็กผู้ชายเมื่อตะกี้ก็ไม่เลวเลยนะ!”


โอหยางปินเข้าใจความคิดของเขา ขยิบตาให้อย่างมีเลศนัย “คุณชายเช่อวางใจได้ รับรองว่าจะเอาไปถวายให้คุณชายถึงที่”


“แกอย่าให้เหมือนคราวที่แล้วล่ะ ยังไม่ทันเชื่องก็เอามาให้แล้ว ที่ฉันชอบคือน่ารักและเชื่อฟัง” เฮ่อเหลียนเช่อเตือน


“วางใจได้ ต้องทำให้เด็กผู้ชายคนนั้นยินยอมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณชายเช่อ รับรองว่าเขาจะเชื่องยิ่งกว่าแมวน้อยเสียอีก!” โอหยางปินรับประกัน


เฮ่อเหลียนเช่อจึงเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ และเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอยที่จะได้เหมยซูหานมา ภายในช่วงเวลาสั้น ๆเขาก็คงไม่เบื่อหน่าย  แค่คิดถึงมันเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว!


เหมยเหมยได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเช่อ เธอรู้สึกเป็นกังวล คนอื่นฟังไม่เข้าใจแต่เธอกลับเข้าใจดี ที่ไอ้โรคจิตพูดหมายถึงเธอ!


คุณปู่จ้าวก็เข้าใจ ถึงแม้จะโกรธมากที่เฮ่อเหลียนเช่อพูดจาโอหังเช่นนี้  ตลอดชีวิตจ้าวหวายซานคนอย่างเขานี้มีแต่ความตรงไปตรงมา จะให้ไปอ้อนวอนจิ้งจอกหนิงแบบนั้นได้อย่างไร?


คุณปู่จ้าวที่โมโหไม่ได้สนใจสีหน้าที่กำลังสับสนของจ้าวอิงหย่งที่อยู่ด้านข้าง ไม่เหมือนในยามปกติที่นิ่งและใจเย็น


เหมยซูหานเห็นเหมยเหมยแล้ว เขาดีใจเป็นที่สุด ตะโกนเรียกเธอด้วยความตื่นเต้น “เหมยเหมย!


…………………………


ตอนที่ 828 ตระกูลของพวกคุณเป็นคนอกตัญญู


อู่เหมยไม่นึกว่าจะเจอเหมยซูหานที่นี่  ยิ่งเห็นว่าอู่เยวี่ยยืนอยู่ข้าง ๆเขา เหมยเหมยยิ่งหมดอารมณ์


คุณย่าที่มีความประทับใจต่อเหมยซูหานที่ดูนุ่มนวลอ่อนโยนดั่งหยก ยิ้มให้พลางถามว่า “เหมยเหมย นี่เพื่อนหนูใช่ไหม?”


เหมยซูหานยิ้มพลางกล่าว “สวัสดีครับคุณย่า ผมชื่อเหมยซูหาน เป็นเพื่อนของเหมยเหมย อยู่ที่เมืองจินครับ”


เขาไม่ได้แนะนำอู่เยวี่ย ซึ่งนั่นทำให้อู่เยวี่ยไม่พอใจและยิ่งรู้สึกอิจฉามากขึ้น เธอยังจำคำที่ผู้จัดการอวี๋พูดเมื่อสักครู่ได้!


ตระกูลจ้าวแย่งห้องอาหารส่วนตัวของพวกเขา เพื่อฉลองวันเกิดให้คุณหนูคนเล็กของตระกูลจ้าว


ตอนนี้ดูเหมือนว่า คุณหนูคนเล็กของตระกูลจ้าวที่ผู้จัดการอวี๋พูดถึง คือจ้าวเหมย!


สมัยก่อนจ้าวเหมยถูกเธอหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า อ่อนน้อมจนดูไร้ศักดิ์ศรีเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ วันนี้กลับกลายเป็นคุณหนูของตระกูลที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง อู่เยวี่ยปวดใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทงก็ไม่ปาน


เกลียดที่สุด!


อู่เยวี่ยก้มลงมองกระโปรงตัวใหม่ของเธอที่ตัดโดยเหอปี้อวิ๋น แม้ว่าจะตัดได้พอดีตัว วัสดุและผ้าก็ไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าของจ้าวเหมยแล้ว มันทำให้เธอเหมือนกับเด็กผู้หญิงบ้านนอกขึ้นมาทันที จะให้เธอทนอยู่ได้อย่างไร!


เหมยเหมยไม่ยอมพูดกับเหมยซูหาน ตัวเองมาถึงเมืองหลวงแต่ก็ยังพาอู่เยวี่ยมาด้วย คงจะรักกันอย่างลึกซึ้งตั้งแต่เด็กเหมือนที่คิดไว้


เธอชายตามองสองคนนี้เพียงปราดเดียว ในแววตามีแต่ความเย้ยหยัน แต่เธอไม่ปริปากพูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆก็เท่านั้น และพูดกับย่า “คุณย่าคะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ ก็แค่คนรู้จักเท่านั้นค่ะ”


เหมยซูหานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขารีบพูดอย่างร้อนใจ “ เหมยเหมย โกรธฉันใช่ไหม? ฟังฉันอธิบาย…”


เหมยเหมยรำคาญจริง ๆ วันนี้จะถือโอกาสพูดกับเหมยซูหานให้ชัดเจนเสียเลย เขาจะได้ไม่ต้องมากวนใจเธออีก เธอชี้ไปที่อู่เยวี่ยและเย้ยหยันว่า “เขาเป็นศัตรูกับฉัน แต่นายกลับอยู่กับศัตรูของฉัน ดังนั้นนายไม่ได้เป็นเพื่อนของฉันอีกแล้ว เป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น”


“เหมยเหมย มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ฉันทำเพื่อตอบแทนบุญคุณครูอู่เท่านั้น ฉัน…” เหมยซูหานรีบอธิบาย อู่เยวี่ยรู้สึกปวดใจ เธอยิ่งเกลียดชังและรู้สึกริษยาจ้าวเหมยมากขึ้น


เหมยซูหานเป็นของเธอคนเดียว จ้าวเหมยอย่าคิดที่จะมาแย่งเธอไปนะ!


สำหรับอู่เยวี่ยในตอนนี้ เหมยซูหานไม่เพียงเป็นแค่ผู้ชายที่เธอชอบเท่านั้น เขายังเป็นเหมือนฟางที่ช่วยชีวิตเธอขึ้นมาจากบ่อโคลน เป็นธรรมดาที่อู่เยวี่ยต้องรีบคว้าเอาไว้ให้มั่น เธอไม่ยอมทนทุกข์ทรมานในหลุมไปกับเหอปี้อวิ๋นแน่ ๆ


เหมยเหมยไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเหมยซูหานแม้แต่นิด เขากับอู่เยวี่ยจะเป็นอย่างไร เธอไม่สนใจสักนิด ตอนนี้เธอมีเหยียนหมิงซุ่นคอยเอาอกเอาใจ ไหนจะมีคนในครอบครัวคอยเอาใจพะเน้าพะนอ ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีกว่าอู่เยวี่ยหลายร้อยเท่าพันเท่า เธอไม่สนใจหรอกว่าอู่เยวี่ยกับเหมยซูหานจะเป็นยังไง!


“นายจะตอบแทนบุญคุณก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่ต้องมาอธิบายให้ฉันฟัง!”


เหมยเหมยแสดงสีหน้ารำคาญออกมา เหมยซูหานเสียใจมาก เขารู้สึกว่าเหมยเหมยได้เปลี่ยนไปแล้ว


เหมยเหมยที่อยู่ในฝันทั้งอ่อนโยน จิตใจดี มีเมตตา ขนาดแมวน้อยป่วยก็ยังร้องห่มร้องไห้ แถมยังชอบเอาอาหารไปให้แมวจรจัดตรงลานขยะเป็นประจำ


“เหมยเหมย เธอเปลี่ยนไปนะ เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้ อย่างไรเสียครูอู่ เขาก็มีบุญคุณที่เลี้ยงดูเธอมานะ!”


ในสายตาของเหมยซูหานไม่เห็นด้วย เขารู้สึกว่าเหมยเหมยจิตใจโหดร้ายมาก ถึงแม้อู่เจิ้งซือจะทำผิดแต่เขาก็มีบุญคุณที่เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเหมยเหมย บุญคุณที่ให้กำเนิดมาก็เทียบกับบุญคุณที่เลี้ยงดูมาไม่ได้ เหมยเหมย ทำไมเธอถึงได้ไร้น้ำใจเช่นนี้?


จ้าวเสวียหลินเอื้อมมือออกไปผลักเหมยซูหาน พร้อมตะคอกใส่ “สมองแกมีปัญหาเหรอ?”  พวกเราให้ความเมตตาต่อตระกูลอู่มากที่สุดแล้ว จะมาพูดถึงบุญคุณเลี้ยงดูไร้สาระอะไรกัน ถ้าขืนแกยังพูดจาเหลวไหลอีก ฉันจะอัดแกให้น่วม!”


อู่เยวี่ยดูทนไม่ได้เธอจึงตะโกนออกไป “ตระกูลของพวกคุณเป็นพวกอกตัญญู ตระกูลของเราเลี้ยงดูจ้าวเหมยมาจนโตขนาดนี้ จะไม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูมาได้อย่างไรกัน?”


……………………………


ตอนที่ 829 หูหนวกถึงจะดี


คนตระกูลจ้าวไม่รู้จักอู่เยวี่ยแต่พวกเขาก็พอจะเดาออก เพียงแต่พวกเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้แล้วไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเด็ก แต่สีหน้าของทุกคนนั้นดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก


สยงมู่มู่โมโหอยากจะด่าอู่เยวี่ย แต่ถูกเหมยเหมยห้ามเอาไว้ เธอเดินไปหยุดตรงหน้าอู่เยวี่ยอย่างช้า ๆ  สองปีมานี้ตัวเธอสูงขึ้นเร็วมาก ตอนนี้เธอกับอู่เยวี่ยสูงไล่เลี่ยกันแล้ว


เธอมองอู่เยวี่ย  ไม่ทันพูดอะไร ก็สะบัดมือตบไปสุดแรงเกิดของเธอ


อู่เยวี่ยที่ถูกตบโดยไม่ทันตั้งตัว ล้มลงไปกองกับพื้น เหมยซูหานรีบประคองเธอขึ้นมา อู่เยวี่ยร้องไห้สะอึกสะอื้นถือโอกาสซบในอ้อมอกของเหมยซูหาน


“เหมยเหมย เธอตบเยวี่ยเยวี่ยทำไม? หูของเธอเพิ่งจะดีขึ้นเอง” เหมยซูหานตำหนิอย่างไม่พอใจ


เหมยเหมยมองสองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสะอิดสะเอียน ฉากที่เธอเห็นก่อนที่จะตายในชาติที่แล้วปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ภาพสองคนนั้นที่มีอะไรกันกับสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอมันทับซ้อนกันอยู่ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน


“หูของเธอจะดีหรือไม่ดี มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” หูหนวกไปเลยสิยิ่งดี!


เหมยเหมยหัวเราะเยาะ เหมยซูหานรู้สึกแปลกอีกครั้ง เขาไม่สามารถเชื่อมโยงเหมยเหมยที่อยู่ตรงหน้า กับเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีที่อยู่ในฝันได้


“เหมยเหมย ไม่ว่าเยวี่ยเยวี่ยจะเป็นอย่างไร ก็เป็นพี่สาวของเธอนะ ทำไมเธอถึงได้ทำเหมือนไร้เยื่อใยเช่นนี้?”


คำพูดของเหมยซูหานทำให้เหมยเหมยโมโหสุดขีด ตวาดออกไปย่างโกรธเคือง “ จิตใจชั่วช้า ต่ำทราม มั่วผู้ชายอย่างเธอ มีคุณสมบัติอะไรมาเป็นพี่สาวฉัน? เหมยซูหานถือดีอะไรมายุ่งกับฉัน? คุณเป็นอะไรกับฉัน?”


พูดจบ เธอก็เดินออกไปข้างนอกโดยไม่มองเหมยซูหานอีก เธอไม่ต้องการเห็นคนสองคนที่น่าสะอิดสะเอียนนี้อีกแล้ว


จ้าวเสวียหลินกล่าวอย่างเด็ดขาด “อยู่ห่าง ๆน้องสาวผมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ!”


พวกจ้าวเสียวกง เหวี่ยงหมัดไปมาใส่เหมยซูหาน ส่วนอู่เยวี่ย พวกเขาไม่สนใจสักนิด


ผู้หญิงคนนี้น่าเกลียดเหมือนหมีตัวเมียเห็นแล้วจะอ้วก  ไหน ๆก็ลงไม้ลงมือไม่ได้ สู้ไม่มองมันเสียเลยดีกว่า


โอหยางปินที่รับภารกิจ กลับเข้ามาและแอบอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน เขาเห็นฉากนี้อย่างชัดเจน และมองสีหน้าของอู่เยวี่ยที่อยู่ในอ้อมอกของเหมยซูหาน คนปลิ้นปล้อน กลับกลอกอย่างเขา แค่มองแวบเดียวก็ดูออกว่าอู่เยวี่ยเป็นผู้หญิงแบบไหน


หลังจากคนตระกูลจ้าวจากไป โอหยางปินเดินไปทางเหมยซูหาน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า


ระหว่างทางกลับบ้าน คนตระกูลจ้าวถามเหมยเหมยว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเล่าถึงความสัมพันธ์ของตัวเธอเองกับอู่เยวี่ยให้ฟัง สมาชิกตระกูลจ้าวต่างก็รู้สึกไม่พอใจ


“เหมยเหมยอย่ารู้สึกแย่ไปเลยนะ พวกเขาผิดต่อเธอ คนที่ควรจะรู้สึกแย่คือพวกเขา!” หานซู่ฉินปลอบเธอ


เหมยเหมยหันไปยิ้มให้เธอ “หนูไม่ได้รู้สึกแย่ค่ะ คนพวกนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับหนูนานแล้ว”


เธอไม่ได้รู้สึกแย่จริง ๆแต่รู้สึกขยะแขยง และตอนนี้เธอยิ่งรู้สึกขยะแขยงเหมยซูหานที่เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับอู่เยวี่ย  แต่ต่อหน้าเธอกลับมาแสดงความรักกับเธอ


หรือว่าเขาอยากจะเหยียบเรือสองแคมเหมือนชาติก่อน?


ฝันไปเถอะ!


พวกจ้าวอิงสยง พอกินข้าวเสร็จก็กลับกัน ก่อนไปหานซู่ฉินยังพูดถึงหานป๋อหย่วนหลานชายของเธอให้ฟังอีก แต่เหมยเหมยก็ไม่ได้ใส่ใจ ก็แค่ญาติพี่น้องที่เกี่ยวดองกันเท่านั้นเอง ถ้าคุยกันถูกคอก็เป็นเพื่อนกันได้ คุยไม่ถูกคอก็ไปมาหาสู่กันน้อยลงหน่อย


วันถัดมาหลังจากฉลองวันเกิดแล้ว หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกก็มาที่บ้าน พวกเธอหิ้วตะกร้ามัลเบอร์รี่สด ๆ มาด้วย แถมยังบอกว่าปลูกไว้ในเรือนกระจกเอามาให้กับคุณย่า


พอคุณย่าเห็นพวกเธอก็ดีใจมาก แต่จู่ ๆก็นึกถึงเรื่องซุบซิบนินทาที่ได้ยินในสวนสาธารณะขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไปโดยไม่รู้ตัว


………………………………


ตอนที่ 830 สมองโดนลาเตะเลยโง่แบบนี้


เหมยเหมยก็อยู่ที่บ้านเช่นกัน แน่นอนว่าเธอไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกเขาแต่สีหน้าก็ไม่ค่อยดีนัก เธอเพียงแค่นั่งอยู่บนโซฟาดูทีวีด้วยสีหน้าเรียบเฉย


เธอไม่หลบไปไหนอย่างแน่นอน ที่นี่คือบ้านตระกูลจ้าว เธอสกุลจ้าว แล้วทำไมเธอต้องหลบ?


“คุณย่าคะ หนูล้างมัลเบอร์รี่สะอาดเรียบร้อยแล้วค่ะ หวานกำลังดีค่ะ คุณย่าจะกินตอนนี้เลยไหมคะ?”


หวงอวี้เหลียน วางตะกร้าที่มีมัลเบอร์รี่ไว้บนโต๊ะ ผลทั้งดำทั้งใหญ่ ลักษณะแบบนี้มาจากการเพาะปลูกเอง ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ขึ้นเองตามป่า คุณย่าเห็นมัลเบอร์รี่ก็ตาลุกวาว ใบหน้ามีความสุขมาก กำลังเบื่อกินแตงโมอยู่พอดีเลย!


“มัลเบอร์รี่นี้ฉ่ำน้ำจริง ๆ ฉันจะชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง!”


คุณย่าหยิบเข้าปาก กินไปพลาง พยักหน้าไปพลาง เธอรู้สึกพอใจมากกับมัลเบอร์รี่เหล่านี้ เธอรู้สึกละอายใจที่ตัวเองระแวงหวงอวี้เหลียน


ช่วงหลายปีมานี้ หวงอวี้เหลียนนำผลไม้สดและขนมมาให้เธอเป็นประจำ และยังเป็นรสชาติที่เธอโปรดปราน ขนาดจ้าวอิงหนาน ลูกสาวที่ให้กำเนิดมาเองยังไม่รู้ใจขนาดนี้เลย!


ในสวนสาธารณะมีผู้หญิงบางคนมักจะชอบซุบซิบนินทา อาจจะเพราะพวกเธอไม่ถูกกับหวงอวี้เหลียนเลยจงใจพูดทำลายชื่อเสียงหวงอวี้เหลียน!


พอได้กินมัลเบอร์รี่พวกนั้นเข้าไป คุณย่าก็แสดงความเป็นกันเองกับหวงอวี้เหลียนเหมือนแต่ก่อน และยังมีสีหน้าเอ็นดูกับโอหยางซานซานเหมือนเดิมด้วย


หวงอวี้เหลียนโล่งใจ สีหน้าที่เปลี่ยนไปของคุณย่าเมื่อครู่มีหรือที่เธอจะดูไม่ออก ต้องเป็นจ้าวเหมยนังตัวดีนั่นแน่ ๆที่พูดให้ร้ายเธอกับซานซานต่อหน้าคุณย่า


เชอะ ปล่อยให้นังเด็กสารเลวนี่ได้ใจไปก่อนเถอะ แล้วเธอจะได้เจอดี!


พอนึกถึงข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วสวนสาธารณะในช่วงเวลานี้แล้ว หวงอวี้เหลียนยิ่งภูมิใจ ข่าวลือเหล่านั้นเป็นผลงานชิ้นเอกของเธอเอง!


หวงอวี้เหลียนมองเหมยเหมยที่หน้าเรียบเฉย เธอแอบยิ้มเยาะในใจ  นังโง่ อยู่ต่อหน้าคุณย่าทำทีไม่พอใจ คิดว่าตัวเองเป็นแก้วตาดวงใจคุณย่าจริง ๆ เหรอ?


เชอะ ไม่มีใครรู้ใจคุณย่าไปกว่าเธออีกแล้ว!


ก็แค่คนแก่หงำเหงือกที่หูเบายิ่งกว่าอะไร  ตอนที่ความสัมพันธ์ดีก็พร้อมจะมอบให้ทุกอย่าง ไม่ว่าใครจะพูดไม่ดียังก็ไม่ฟัง แต่เวลาโกรธก็โกรธได้เร็วกว่าใคร ๆ ความสัมพันธ์แค่สองปีกับจ้าวเหมยมันจะลึกซึ้งแค่ไหนกันเชียว?


เธอสามารถทำให้ย่าหลานสองคนนี้แตกคอกันได้ด้วยแผนการเล็ก ๆ ความคิดของคุณย่าเธอดูออกจนหมดตั้งนานแล้ว แค่หลับตาก็สามารถยุแยงให้แตกกันได้!


“เหมยเหมย ทำไมวันนี้ดูไม่มีความสุขล่ะ? โกรธใครมาเหรอ?” หวงอวี้เหลียนจงใจพูด


คุณย่ามองหน้าหลานที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง  เธอรู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไรหลานถึงมีท่าทีไม่สบอารมณ์เช่นนั้น  เธอมองว่าเหมยเหมยแย่มากที่ทำท่าทางเช่นนี้ กุลสตรีที่แท้จริง ถึงแม้จะไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่สามารถแสดงออกแบบนี้ได้ แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่ใช่กุลสตรี แต่ก็หวังว่าหลานสาวของเธอจะเป็นกุลสตรีที่เพรียบพร้อม


เพราะเหตุนี้ช่วงสองปีมานี้เธอจึงตั้งใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แน่นอนว่าหนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นหวงอวี้เหลียนที่แนะนำเธอมา นอกจากนี้หวงอวี้เหลียนยังตั้งใจและไม่ตั้งใจพูดกรอกหูเกี่ยวกับทฤษฎีการเป็นกุลสตรีแบบผิด ๆให้กับคุณย่าฟังเป็นประจำ จงใจให้คุณย่าเกิดความเข้าใจผิด ๆ   ทำให้คุณย่าเข้าใจว่า ผู้หญิงแบบโอหยางซานซานคือกุลสตรี


ดังนั้นคุณย่ามักจะเปรียบเทียบหลานสาวกับโอหยางซานซานโดยไม่รู้ตัว และในเวลานี้ก็เช่นกัน โอหยางซานซานทำหน้าที่ได้ดีเป็นพิเศษด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ลักษณะท่าทางการนั่งที่เป็นมาตรฐาน ตรงกันข้ามกับหลานสาวของตัวเอง


นั่งก็ไม่เรียบร้อย หน้าตาก็ไม่ยิ้มแย้ม เสียมารยาทจริง ๆ !


“เหมยเหมย นั่งดี ๆ หลานดู พี่ซานซานสิ เขานั่งเรียบร้อยมากเลยนะ”


คุณย่าทนไม่ไหวจึงพูดออกมา โอหยางซานซานมองเหมยเหมยอย่างภาคภูมิใจ เธอยิ่งนั่งตัวตรงขึ้นไปอีก


เหมยเหมยรู้สึกผิดหวังกับคุณย่าอย่างมาก  เซียวเซ่อพูดถูก สมองของคุณย่าคงถูกลาเตะจนโง่ไปแล้ว


……………………………


ตอนที่ 831 ไม่มีความสุขก็ไล่ไปให้พ้น ๆ


เหมยเหมยไม่อยากจะพูดไร้สาระ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก็หนูอยู่ในบ้านของตัวเอง อยากจะนั่งยังไงก็ได้ ทำไมหนูต้องมานั่งทรมานตัวเองด้วยล่ะคะ?”


หวงอวี้เหลียนราดน้ำมันรดกองไฟอีก “เหมยเหมยจะพูดอย่างนี้ไม่ได้นะ  หนูเป็นลูกสาวของตระกูลชั้นสูง ถึงแม้จะอยู่ในบ้านก็ต้องรักษามารยาทที่สมบูรณ์แบบเอาไว้นะจ้ะ หนูดูพี่ซานซานสิ ป้าสอนให้ทำอย่างนี้ตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือข้างนอกก็ต้องนั่งหลังตรง


คุณย่าพยักหน้าเห็นด้วย เธอเป็นแค่ลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำเล็ก ๆ สมัยก่อนเรื่องที่เธอรู้สึกอิจฉาที่สุดก็คือบรรดาคุณหนูเหล่านั้น ล้วนพูดจาอ่อนหวานอ่อนโยน ไม่ว่าจะการยืนหรือว่าการนั่งสวยงามราวกับภาพวาด


เหมยเหมยมองโอหยางซานซานที่นั่งตัวตรงเหมือนเข็มนาฬิกาด้วยสายตาเหยียดหยาม เธอพูดเย้ยหยัน “ใช้เส้นสาย เพื่อผลประโยชน์ก็คือกฎของกุลสตรีงั้นเหรอคะ?”


หวงอวี้หลานหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แต่เป็นโอหยางซานซานที่ทนไม่ไหว ตะโกน “จ้าวเหมย อย่าพูดเหลวไหลนะ พี่ไม่ได้ใช้เส้นสาย!”


“จะใช้เส้นสายหรือไม่นั้น ตัวพี่เองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ อย่าคิดว่าคนทั้งประเทศเป็นคนโง่เขลา อีกอย่างกุลสตรีเขาร้องตะโกนเหมือนกับไก่แบบนี้เหรอ? หนูว่า พี่ยังใช้ความพยายามในการฝึกฝนไม่เพียงพอนะ แต่แม่ของพี่กลับคุยโวโอ้อวดทั้งวัน  อย่างพี่นี่ อเหอะ…พี่อย่ามาทำให้ คำว่า กุลสตรี เสียหายจะดีกว่า!”


อยู่กับเซียวเซ่อมาสองปี ฝีปากของเหมยเหมยนับวันก็ยิ่งคมคาย พูดรวดเดียวจนแทบไม่หายใจ


โอหยางซานซานน้ำตาคลอ เบะปากมองมาทางคุณย่าอย่างน่าสงสาร ราวกับจะฟ้องว่าตัวเองรู้สึกว่าเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากแค่ไหน


คุณย่าทำหน้าบึ้งกำลังจะตำหนิเหมยเหมย แต่เหมยเหมยที่กำลังเงยหน้ามองเธอ พร้อมกับกล่าวเสียงเข้ม “คุณย่าคะ คุณปู่เคยบอกว่าเพียงแค่ว่าถ้าแขกทำให้หนูไม่มีความสุข หนูก็สามารถไล่ไปได้เลยใช่ไหมค่ะ เมื่อก่อนหนูเห็นแก่หน้าของคุณย่าก็เลยไม่ได้ไล่พวกเขา แต่สองคนนี้ไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี ตอนนี้หนูชักจะอารมณ์ไม่ดีแล้วนะคะ!


สิ้นคำพูดคุณย่าก็ย้อนนึกถึงคำเตือนของคุณปู่จ้าว เธอจึงสงบอารมณ์ลง ไม่กล้าว่าอะไรเหมยเหมยอีก อย่างไรเสียคุณปู่จ้าวก็คือหัวหน้าครอบครัว


หวงอวี้เหลียนยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เหมยเหมยก็วิ่งไปยังลานบ้านหยิบไม้กวาดขึ้นมา กวัดแกว่งไปทางโอหยางซานซานกับหวงอวี้เหลียน


“ออกไป ไสหัวไปให้หมด!”


หวงอวี้เหลียนที่ตั้งตัวไม่ทัน จึงทำให้เสื้อไหมแท้ละเอียดประณีตที่อยู่บนตัวของเธอถูกไม้กวาดเกี่ยวจนมีรอยเกี่ยวอยู่หลายที่ มิหนำซ้ำใบหน้าของเธอยังถูกไม้กวาดฟาดไปอีกหลายที


ส่วนโอหยางซานซานยิ่งกระเซอะกระเซิง ผมที่มัดไว้อย่างเรียบร้อยยุ่งไปหมด ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงแบบนี้ ยังมีความเป็นกุลสตรีตรงไหน?


“จ้าวเหมย เธอบ้าไปแล้ว เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเรา?”


โอหยางซานซานร้องด้วยความโมโห แล้วหันไปตะโกนใส่คุณย่า “คุณย่าคะ คุณย่ารีบจัดการกับจ้าวเหมยนะคะ เธอเป็นบ้าไปแล้วค่ะ!”


“เหมยเหมย หนูทำอะไร?  หนูหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”


คุณย่าเข้าไปดึงเหมยเหมยไว้ เธอไม่คิดว่าเหมยเหมยจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาเหมือนกับพวกชาวบ้านปากร้าย


“ไสหัวออกไปให้หมด ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเท่าพวกคุณเลย สังเกตสีหน้าพวกเราไม่ออกเหรอ?  ไม่เห็นเหรอว่าบ้านของพวกเราไม่ชอบพวกคุณ?  ยังหน้าด้านหน้าทนเข้ามาอีก พวกคุณเป็นหมาขี้เรื้อนกันหรือไง?”


เหมยเหมยไม่ฟังคำพูดของคุณย่าสักนิด เวลานี้เธอกำลังโมโห!


เพราะมีคำสั่งของคุณปู่จ้าวอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกลำบากใจ ถ้าเธอกลับมาบ้านตระกูลจ้าวแล้วอึดอัดขนาดนี้ สู้อยู่บ้านตระกูลอู่ไม่ดีกว่าเหรอ!”


“จ้าวเหมย เธอก็แค่อิจฉาพี่ อิจฉาที่พี่มีเสน่ห์ทำให้ทุกคนเอ็นดูมากกว่าเธอ พี่กับคุณแม่มาคุยเล่นกับคุณย่า ไม่ได้มาหาเธอสักหน่อย!”


โอหยางซานซาน ไม่ได้มีนิสัยเรียบร้อย อ่อนโยนจริง ๆ  เธอโดนเหมยเหมยฟาดไปหลายที ก็เอื้อมมือแย่งไม้กวาด นอกจากนี้ยังมีหวงอวี้เหลียนที่คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ แถมยังมีคนแก่หงำเหงือกอีกคนที่คอยช่วยแย่งไม้กวาด เหมยเหมยต้านทานไม่ไหว


“พี่คะ มีคนรังแกฉัน!” เหมยเหมยตะโกนขึ้นไปชั้นบน


……………………………


ตอนที่ 832 บ้านของเราไม่ต้อนรับพวกคุณ


นอกจากจ้าวเสวียเอ๋อร์แล้ว ยังมีจ้าวเสวียหลินและพวกพี่น้องก็ล้วนอยู่ชั้นบนกันหมด นี่ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เหมยเหมยกล้าแผลงฤทธิ์ ก็เพราะว่ามีคนคอยช่วยเธอยังไงล่ะ!


หลังจากได้ยินเสียงร้องของเหมยเหมยที่ลานบ้าน พวกจ้าวเสวียหลินสะดุ้งตกใจ ทั้งหมดพากันเฮโลพุ่งลงมาข้างล่างทันที


“ใครกล้ามารังแกน้องสาวของผมถึงในบ้าน?”


จ้าวเสวียหลินเป็นคนแรกที่วิ่งพรวดลงมา พอเห็นหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูก ก็ทำหน้าบึ้งและยิ่งรู้สึกไม่พอใจต่อคุณย่า


“คุณย่าครับ ทำไมคุณย่าถึงได้ให้สองคนนี้เข้ามาอีก? คุณย่าทำหูทวนลมกับคำพูดของคุณปู่เหรอครับ?”


จ้าวเสวียไห่ และบรรดาพี่น้องที่อยู่ด้านหลังต่างพากันจ้องมองไปทางคุณย่าอย่างไม่พอใจ ยิ่งอายุมากยิ่งเลอะเลือน ทำแต่เรื่องวุ่นวายทั้งวัน!


สยงมู่มู่ตะโกนลั่น “คุณยาย งั้นคุณยายก็ย้ายไปอยู่บ้านโอหยางหมีสีน้ำตาลเลยสิครับ อย่างไรเสียเธอเป็นหลานรักของคุณยาย พวกเราทั้งหมดมันก็แค่หลานจอมปลอม!”


คุณย่าโกรธจนหน้าขาวซีด เธอชี้ที่สยงมู่มู่กำลังจะด่า แต่หวงอวี้เหลียนกลับพูดแดกดันขึ้นมาก่อน “มู่มู่ทำไมพูดกับคุณยายอย่างนี้? แม่ของเธอ สั่งสอนเธอมาอย่างนี้เหรอ?”


“แม่ผม สอนผมยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณมีเวลาไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านได้ งั้นก็หาเวลาจัดการลูกสาวตัวเองด้วยสิ อย่ามารบกวนพี่หกของผมทั้งวัน  ไม่เคยให้เห็นผู้หญิงคนไหนหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลย พี่หกของผมไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย และคิดแต่จะยัดเยียดตัวเองมาเป็นภรรยาพี่หกของผม ชิ ฝันกลางวันไปเถอะ!”


สยงมู่มู่พูดจาเสียดสีทิ่มแทงยิ่งกว่าเหมยเหมยเสียอีกทั้งยังไม่แยกแยะกาลเทศะ ซึ่งในเวลานี้ที่ด้านนอกรอบ ๆลานบ้านตระกูลจ้าวมีคนมามุงดูมากมาย


โอหยางซานซานที่ถูกสยงมู่มู่ประจานต่อหน้าธารกำนัล คนที่มีความมั่นในตนเองจะทนได้อย่างไร เธอจึงน้ำตาไหลพรากออกมา


หวงอวี้เหลียนโอบกอดลูกสาวด้วยความปวดใจ หันไปพูดกับคุณย่า “คุณป้าคะ ฉันแค่เอามัลเบอร์รี่ติดไม้ติดมือมาฝากคุณป้า คุณป้าดูเด็กพวกนี้สิพูดถึงฉันกับซานซานว่าอย่างไร และอนาคตของซานซานต่อไปจะเป็นอย่างไร?”


“เป็นอย่างไรงั้นเหรอ? ก็เป็นนังจิ้งจอกไปซะก็สิ้นเรื่อง ยังไงเสียธรรมเนียมของตระกูลพวกคุณก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วนี่!”


สยงมู่มู่มองสองแม่ลูกที่เสแสร้งอย่างเย้ยหยัน จ้าวอิงหนานตอนที่อยู่ในบ้านก็มักจะด่าผู้หญิงสองคนนี้ สยงมู่มู่จึงได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เห็นและได้ยินอยู่เป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก จึงพูดคำว่านังจิ้งจอกออกมา


ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆต่างพากันหัวเราะชอบใจ ชื่อเสียงที่เล่าลือกันมาของหวงอวี้เหลียนไม่ใช่พวกเขาจะไม่รู้ พอได้เห็นเด็ก ๆกลุ่มนี้พูดประจานเธอขึ้นมา ไม่ต้องบอกเลยว่าคนที่ไม่ชอบหวงอวี้เหลียนจะรู้สึกได้ระบายความโกรธไปด้วยมากแค่ไหน


คุณย่าโกรธจนตัวสั่น เธอรู้สึกว่าความน่าเกรงขามของเธอโดนท้าทาย ตอนนี้เด็ก ๆในบ้านล้วนไม่เชื่อฟังเธอแล้ว


“เหมยเหมย มู่มู่ ขอโทษป้าหวงกับซานซานเดี๋ยวนี้!” คุณย่าดุเสียงดัง


“พวกเขาเป็นอะไรกับเราละ เป็นป้า พี่สาวหรือฐานะอะไร ไม่ได้เกิดออกมาจากจิ้งจอกเสียหน่อย!”


สยงมู่มู่ไม่สนใจคุณย่า ก็ตอนเด็ก ๆยายหมีสีน้ำตาลตัวเมียโอหยางนี้ ชอบแย่งของเล่นเขาบ่อย ๆ เขาจำได้แม่น


ชิ! แค้นใจชะมัด!


เหมยเหมยหันไปฟ้องจ้าวเสวียหลิน “พี่คะ หวงอวี้เหลียนบอกว่าหนูไม่เป็นกุลสตรี สู้โอหยางหมีสีน้ำตาลตัวเมียไม่ได้ และยังพูดต่อหน้าหนูด้วย!”


จ้าวเสวียหลินสีหน้ายิ่งเรียบเฉย เขากันน้องสาวให้ไปอยู่ข้างหลัง และมองหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกอย่างเย็นชา


“น้องสาวของผมจะเป็นยังไง คุณนายโอหยางไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ตัวคุณเองนั่นแหละที่ทำไม่ถูกต้อง มีสิทธิ์อะไรมาว่าคนอื่น!”


น้ำหนักในการพูดของจ้าวเสวียหลิน หนักแน่นรุนแรงยิ่งกว่าเหมยเหมยและสยงมู่มู่ อันที่จริงเขาเป็นหลานชายที่คุณปู่จ้าวภูมิใจที่สุด อีกทั้งเขาก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงพูดจาจริงจัง ไม่มีใครกล้าดูถูก


“อีกอย่าง บ้านของเราไม่ต้อนรับพวกคุณ ก็ขอความกรุณาต่อไปนี้คุณนายโอหยางไม่ต้องมาบ้านของเราอีก นี่เป็นการตัดสินใจของพวกเราทุกคน”


จ้าวเสวียหลินไม่ได้เกรงใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว หลังจากจบคำพูดที่ฉีกหน้านั่นแล้ว ผู้คนที่ดูอยู่รอบ ๆสูดหายใจเข้า แล้วก็มองไปทางหวงอวี้เหลียนอย่างสะใจ


……………………………


ตอนที่ 833 คุณทำเรื่องไร้ยางอาย


แม้ว่าหวงอวี้เหลียนจะโกรธมาก ทว่าเธอนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมที่แพรวพราว ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มให้เห็นอยู่ เพียงแต่ความรู้สึกไม่พอใจและความคิดมุ่งร้ายของเธอเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย


“เสวียหลินมันจะไม่ดูว่าเธอก้าวก่ายหน้าที่แทนคนอื่นไปหรือจ้ะ แต่ว่าไปแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เรื่องบางเรื่องคงจะไม่เข้าใจได้เหมือนผู้ใหญ่หรอก!”


หวงอวี้เหลียนพูดพลางมองไปทางคุณย่าพลาง เธอไม่มีทางเลือก เธอไม่อยากปล่อยต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ของตระกูลจ้าวไปจริง ๆ


ความคิดของเธอกับคน ๆนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ตอนนี้จะดูเหมือนว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลจ้าว แต่เธอไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนโรคจิตแบบนั้น


เธอรู้จักชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อดี เธอจะกล้าให้ซานซานแต่งงานกับผู้ชายแบบนั้นได้อย่างไร


จริง ๆแล้วเธอรู้สึกว่าจ้าวเสวียหลินเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด เพียงแต่ตอนนี้คำพูดของจ้าวเสวียหลิน กลับทำให้เธอรู้สึกผิดหวังและยิ่งโกรธแค้นจ้าวเหมยมากขึ้น


มีจ้าวเหมยคอยขัดขวางอยู่  ถึงแม้ซานซานจะได้แต่งงานกับจ้าวเสวียหลินจริง ๆก็คงจะไม่ได้มีผลดีอะไร


ดังนั้นเพื่อลูกสาว เธอต้องขุดรากถอนโคนจ้าวเหมย คนที่จะมาขวางทางออกไปให้พ้น!


แผนการของเธอเริ่มต้นขึ้นแล้ว!


คำพูดของคนเป็นสิ่งที่น่ากลัว ยิ่งมากคนก็ยิ่งทำให้สิ่งที่พูดเปลี่ยนแปลงไป พูดต่อ ๆกันไปย่อมถูกบิดเบือนทำให้ผิดกลายเป็นถูก ถูกกลายเป็นผิดได้ เธอจะคอยดูตอนจบของเหมยเหมย!


คุณย่าโกรธมากที่จ้าวเสวียหลินทำโดยพลการ เธอไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด ตอนนี้เธออยากจะสั่งสอนจ้าวเสวียหลิน แต่ถูกพี่น้องจ้าวเสวียกง รั้งเอาไว้


“คุณย่า ได้โปรดหยุดเถอะครับ ครั้งที่แล้วเกิดเรื่องวุ่นวายยังไม่พอหรอครับ? คุณปู่เพิ่งจะพูดผ่านมาไม่กี่วัน คุณย่าก็ลืมแล้วหรอครับ?”


คุณย่ารู้สึกกลัวขึ้นมา เธอจำคำพูดของคุณปู่จ้าวในคืนนั้นได้อย่างชัดเจน เธอจึงกลัวจะทำให้คุณปู่จ้าวโมโห


แต่นั่นกลับทำให้เธอยิ่งโกรธหลาน ๆพวกนี้ที่ไม่เคารพเธอ ถึงจะต้องการจะขับไล่หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกจริง ๆก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องยุ่งยากขนาดนี้!


ทางฝั่งจ้าวเสวียหลินได้ไล่หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกออกไปด้านนอกลานบ้านแล้ว โอหยางซานซานเศร้าใจปนเจ็บแค้น และยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกอับอาย


“จ้าวเสวียหลิน แล้วพี่จะต้องเสียใจภายหลัง!” โอหยางซานซานร้องตะโกน


จริง ๆแล้วเธอชอบจ้าวเสวียหลินอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ผู้ชายที่เธอชอบกลับทำให้เธออับอายต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ โอหยางซานซานทั้งเกลียดทั้งโมโห ความชื่นชอบที่มีอยู่เล็กน้อยกลับกลายเป็นความโกรธแค้นแทน


เหมยเหมยชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังจ้าวเสวียหลิน เธอยิ้มเยาะพลางกล่าว “พี่ชายของฉันจะต้องเสียใจอะไร คนอย่างเธอมีอยู่เต็มถนน เขี่ย ๆไปก็เจอ หลับตาก็ยังหาเจอเลย!”


“เหมยเหมยหยุดพูด!” จ้าวเสวียหลินตวาด


เหมยเหมยปิดปากอย่างเชื่อฟัง เธอหันไปทำหน้าทะเล้นใส่โอหยางซานซานที่โกรธจนหน้าเขียวปัด วันนี้ทำให้สองแม่ลูกขายขี้หน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ คิดว่าต่อไปก็คงไม่กล้ามาที่บ้านอีกแล้ว


โอหยางซานซานจะทนต่อคำยั่วยุของเหมยเหมยได้อย่างไร เธอลืมสิ่งที่หวงอวี้เหลียนกำชับและหลุดปากโพล่งด่าออกไป “จ้าวเหมย เธอคิดว่าตัวเองดีตรงไหน ข้างนอกเขาพูดถึงเธออย่างไร เชอะ แม้แต่ฉันยังแทบจะทนฟังไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าเธอจะไร้ยางอายขนาดนี้ ที่แท้ก็เพราะโดนเลี้ยงดูจากคนข้างนอกมาตั้งแต่เด็ก  ความสามารถด้านนี้เลยไม่ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป!”


หวงอวี้เหลียนตวาดเสียงเข้ม “ซานซานหยุดพูด!”


เหมยเหมยรู้สึกแปลก ๆ ข้างนอกพูดอะไรเกี่ยวกับเธอ?


เธอตั้งใจลองพูดหยั่งเชิง “โอหยางซานซาน เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจริง ๆเหรอ? มันสูญสิ้นไปตั้งนานแล้ว  ตอนนี้เป็นโลกของชนชั้นกรรมาชีพ เธอวางท่าเป็นเจ้าหญิงตลอดทั้งวันให้ใครดูกัน?”


จะว่าไปแล้วพวกคุณตระกูลโอหยาง ทั้งสามรุ่นก็เป็นเกษตรกรที่คราดดินในนามาไม่ใช่เหรอ? เธอมีคุณสมบัติอะไรไปดูถูกเกษตรกร?


โอหยางซานซานโดนเหมยเหมยพูดจี้ใจดำเข้า ตระกูลโอหยางทั้งสามรุ่นไม่ได้รุ่งโรจน์เท่ากับเกษตรกร เดิมพวกเขามีฐานะที่ยากจนมากและยังทำเรื่องผิดกฎหมายและศีลธรรมมาเยอะ ไม่ได้เป็นตระกูลที่ดีอะไร


“ฉันดูถูกเกษตรกรตรงไหน?” จ้าวเหมย เธออย่ามากลบเกลื่อนบิดเบือนข้อเท็จจริงนะ ตอนนี้ที่กำลังพูดคือเรื่องไร้ยางอายเหล่านั้นที่เธอทำ”


โอหยางซานซานได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหวงอวี้เหลียนมาอย่างลึกซึ้ง เธอไม่ฟุ้งซ่านที่โดนเหมยเหมยก่อกวนหรอก


……………………………


ตอนที่ 834 อย่ามาทำเรื่องเลวๆ ที่บ้านฉัน


เหมยเหมยถูกโอหยางซานซานด่าว่าไร้ยางอายหลาย ๆครั้ง เธอจึงโมโหคว้าไม้กวาดที่จ้าวเสวียหลินโยนลงที่พื้นขึ้นมาฟาดไปทางโอหยางซานซาน


“โอหยางซานซาน พี่ว่าใครไร้ยางอาย? ฉันว่าพี่เองนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ระดับฝีมือการวาดรูปก็เหมือนกับกางเกงเปิดตูดของเด็กอนุบาล ยังมีหน้าให้ครูที่แสนไร้ยางอายเหมือนกับพี่ใช้เส้นสายให้พี่ได้อันดับที่สองของประเทศ


รู้ทั้งรู้ ว่าตระกูลของเราไม่ชอบพี่ยังหน้าด้านมาที่บ้านฉันอยู่ได้ทุกวี่วัน ฉันว่าหน้าของพี่มันทั้งด้านทั้งหนายิ่งกว่าหมูเสียอีก!”


เหมยเหมยด่าไปด้วย ฟาดไปด้วย เธอเข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้คุณย่ามักจะขอร้องให้เธอเป็นกุลสตรี


เธอก็ไม่อยากขัดใจคนแก่ ได้แต่ฝืนใจกล้ำกลืนควบคุมนิสัยของตัวเอง


แต่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้อยากเป็นกุลสตรี เธออยากเป็นเหมือนกับเซียวเซ่อที่ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ อยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังจนเกินไป


ในเมื่อตัวเธอเองยอมลำบากใจแต่ก็ไม่ได้รับความจริงใจจากคุณย่า แล้วเธอจะทนทำเรื่องโง่ ๆแบบนั้นอยู่ทำไม?


เชอะ!


ต่อไปเธอจะเป็นผู้ร้าย เป็นโจร!


ถ้าใครกล้าทำให้เธอไม่มีความสุข เธอก็จะสะบัดหน้าใส่ตรง ๆ ถ้าสะบัดหน้าใส่แล้วยังไม่ได้ผล ก็จะตีด้วยไม้กวาด!


ไม่สนใจหรอกว่าคุณย่าจะพอใจหรือไม่พอใจ!


คุณย่าชอบกุลสตรีก็ให้คุณย่าไปเป็นเสียเอง อย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้อยากจะเป็นกุลสตรีอะไรนั่นอยู่แล้ว พี่หมิงซุ่นยังไม่เคยขอร้องเธอเลย!


โอหยางซานซานที่โดนตีจนไม่มีแรงตอบโต้ ผิวหนังบนใบหน้าและบริเวณแขน ถูกขีดข่วนจนมีเลือดซึมออกมาหลายจุด เธอเจ็บจนต้องซู้ดปาก


หวงอวี้เหลียนก็คิดไม่ถึงว่าเหมยเหมยจะไม่รักษาหน้ากันเลยสักนิด โวยวายเหมือนกับผู้หญิงไร้เหตุผล เธอรีบพุ่งไปข้างหน้าหวังจะยึดไม้กวาดมาแต่ก็โดนจ้าวเสวียหลินขวางเธอไว้


“ลูกสาวของคุณกล้าที่จะเหยียบย่ำ ทำให้น้องสาวของผมขายหน้าในลานบ้านของผม ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องแบกรับผลที่ตามมาสำหรับสิ่งที่ตัวเธอพูด ผมเลยปล่อยให้น้องสาวผมระบายความโกรธนี้ออกมา!


หวงอวี้เหลียน ลนลาน หวาดกลัว ท่าทางแข็งกร้าวที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนของจ้าวเสวียหลิน ทำให้เธอมีความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย


เมื่อก่อน สาเหตุที่เธอกล้าเยาะเย้ยเหมยเหมยได้อย่างไม่เกรงกลัว ก็เพราะว่ามีคุณย่าและศักดิ์ศรีของตระกูลจ้าว


แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ตระกูลจ้าวได้ฉีกหน้าเธอเสียแล้ว คุณย่าก็ทำอะไรไม่ได้ หวงอวี้เหลียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำอย่างไร!


“อุ๊ย จ้าวเหมย เธอมันโรคจิต เธอยังเคยตี…”


“ซานซานหยุดพูด!”


โอหยางซานซานยังไม่ทันพูดจนจบ หวงอวี้เหลียนก็ตวาดด้วยเสียงเด็ดขาดให้เธอหยุด


คำพูดเหล่านี้จะให้ลูกสาวของเธอพูดออกมาไม่ได้ ตอนนี้เธอยังไม่อยากผิดใจกับตระกูลจ้าว


เกือบทุกคนในบริเวณนี้ รู้เรื่องเกี่ยวกับข่าวลือของเหมยเหมย ในเวลานี้พอพวกเขาได้ยินคำพูดของโอหยางซานซาน ก็ต่างพากันทำสีหน้าประหลาดใจ จนเหมยเหมยเห็นได้อย่างชัดเจน เธอรู้สึกใจหายวูบ


ลางสังหรณ์กำลังบอกเธอว่า ที่โอหยางซานซานถูกขัดจังหวะ ต้องไม่ใช่คำพูดอะไรที่ดี ๆแน่นอน!


เธอจึงฟาดไม้กวาดออกไปอย่างแรงอีกครั้ง “ไปให้พ้น ต่อไปถ้ายังกล้ามาบ้านฉันอีก ถ้าฉันเห็นหน้าเธอหนึ่งครั้งฉันก็จะตีหนึ่งที ฉันไม่เคยเห็นใครที่ไม่รู้จักละอายใจได้เหมือนกับพี่เลย!


“เหมยเหมย!” คุณย่าตวาดเสียงดัง


หวงอวี้เหลียนโกรธจนหน้าเขียวปัด แม้ว่าเธอจะเยือกเย็นสุขุมมากแค่ไหนก็ยิ้มไม่ออก เธอประคองโอหยางซานซานที่ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาจากพื้น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาลอดช่องฟันว่า “เหมยเหมยนี่น่าเกรงขามเสียจริง ซานซานของฉัน คงไม่อาจคบหากับตระกูลที่มีฐานะสูงส่งได้อีกแล้ว  คุณป้าคะต้องขอโทษด้วยนะคะ ต่อไปนี้ฉันคงไม่สามารถมาแสดงความกตัญญูต่อคุณป้าได้อีกแล้ว!”


สยงมู่มู่ยิ้มเยาะ “โอ๊ย คุณยายของผม มีลูกชาย มีลูกสาว มีหลาน ยังจำเป็นต้องรบกวนให้คุณมาแสดงความกตัญญูอีกเหรอ? ถ้าคุณมีเวลาว่างขนาดนั้นก็แสดงความกตัญญูกับผู้ชายของคุณเองเยอะ ๆเถอะนะ อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัว!”


ผู้คนที่มุงดูหัวเราะกันอย่างครื้นเครงเพราะน้ำเสียงที่เหน็บแนมของสยงมู่มู่  และมองหวงอวี้เหลียนด้วยสายตาเหยียดหยาม


ทะเลาะผิดใจกับแม่สามีตัวเองจนเข้าหน้าไม่ติด แต่กลับมาอยู่ร่วมกันกับอดีตแม่สามีได้เหมือนกับแม่ตัวเอง เสแสร้งชัดๆ!


………………………


ตอนที่ 835 ไม่ได้อยู่นี่เพื่อถูกรังแก


หวงอวี้เหลียนจ้องมองสยงมู่มู่อย่างเย็นชา ไอ้เด็กเวร น่ารังเกียจเหมือนแม่ของมันไม่มีผิด


ปีนั้นเธอถูกจ้าวอิงหนานรังแก จะช้าจะเร็วเธอต้องกลับมาเอาคืน เริ่มที่ไอ้เด็กเวรนี้ก่อนเลย!


หวงอวี้เหลียนมีแผนการที่ยอดเยี่ยมอยู่ในใจ เธอแอบยิ้มเยาะอย่างเงียบ ๆเธอคิดว่าหลังจากที่กลับไปแล้ว จะปรึกษาหารือกับคน ๆนั้นให้จัดการกับไอ้เด็กเวรสยงมู่มู่นี่


ไอ้เด็กเวรนี่ผิวพรรณเนียนใสต้องถูกตาต้องใจเฮ่อเหลี่ยนเช่อได้อย่างแน่นอน!


ตอนที่เธอยังไม่กล้าจัดการกับจ้าวเหมย แล้วสยงมู่มู่เธอก็ไม่กล้าจัดการงั้นเหรอ?


จ้าวอิงหนาน คนโง่เขลา เป็นคุณหนูตระกูลจ้าวดี ๆไม่ชอบรั้นจะแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาไม่มีอะไรให้ได้ คนอื่น ๆพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะให้ได้เข้ามาอยู่ในแวดวงนี้ แต่จ้าวอิงหนานกลับหนีมันไป


เชอะ ในเมื่อเธอไม่ใช่คนในแวดวงนี้แล้ว งั้นก็อย่าหาว่าเธอไม่เกรงใจ!


แต่เพราะว่าจ้าวอิงหนานไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ไม่อย่างนั้นเธอจะทำให้คนสารเลวนี่ชื่อเสียงป่นปี้ ให้รู้ถึงความร้ายกาจของหวงอวี้เหลียนอย่างเธอ !


หวงอวี้เหลียนดึงโอหยางซานซานที่กระอักกระอ่วนใจออกไป  ขณะที่กำลังจะไปเธอหันมองคุณย่าอย่างน่าเวทนาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ต้องบอกว่าคุณย่าจะรู้สึกแย่ขนาดไหน


สิ่งที่เธอโกรธมากคือกิริยาของหลาน ๆในบ้านที่ปฏิบัติต่อเธอ เหมือนกับไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังทำต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ คุณย่าอับอายมาก


“พวกแกทั้งหมด มานี่!” คุณย่าตวาดอย่างโมโห


จ้าวเสวียไห่กับจ้าวเสวียกงแลบลิ้น เดินเข้าบ้านอย่างไม่สนใจ


เหมยเหมยไม่รอให้คุณย่าออกปาก เธอชิงพูดก่อน “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ คุณย่าจะตำหนิพวกเราไม่ได้ ใครบอกให้สองคนนั้นหน้าด้านทำเรื่องเลว ๆมาสร้างความวุ่นวายถึงในบ้านเรา แค่ตีพวกหล่อนยังถือว่าน้อยไป!”


“แกทำผิดแล้วยังไม่รู้จักสำนึกผิดปรับปรุงตัวอีก แก…แกนี่มันจริง ๆเลย … แกดูสิ ว่าแกเหมือนกุลสตรีตรงไหน?’


คุณย่าโกรธมาก ชี้ไปที่เหมยเหมยพร้อมคำก่นด่า


เหมยเหมยก็โมโหขึ้นมาสวนกลับไป “โอหยางซานซานเป็นกุลสตรี คุณย่าก็พาเธอกลับมาเป็นหลานสาวสิคะ!”


คุณย่าหายใจฟืดฟาด หันมองไปรอบ ๆเพื่อหาอุปกรณ์


“แก …มันอกตัญญู เป็นเพราะพ่อแม่ของแกที่โอ๋แกจนเสียนิสัย ฉันต้องสั่งสอนแกให้ได้!”


เหมยเหมยยิ่งรู้สึกเฉยชา ความเคารพนับถือต่อคุณย่ายิ่งน้อยลง เธอยิ้มเยาะกล่าวเสียงแหลม “ถ้าหนูอกตัญญูต่อคุณย่า คุณย่าคิดว่าตอนนี้คุณย่าจะยังมีแรงมาด่าหนูอยู่ไหม? คุณย่าคิดว่าเป็นความดีความชอบของโอหยางซานซาน หรือว่าหวงอวี้เหลียนเหรอคะ? สองปีก่อนคุณย่าป่วยแทบเอาชีวิตไม่รอด แม้แต่เงาของพวกเธอก็ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ!”


ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าคุณย่าจะเลอะเลือนขนาดนี้ สองปีก่อนเธอจะลำบากลำบนไปเสาะหายาดีมาทำไม?


ช่างเถอะ ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนที่เกิดมาในตระกูลจ้าวก็แล้วกัน!


คุณย่านิ่งไปเรื่องสองปีก่อนเธอไม่ลืมแน่นอน ในตอนนั้นหลานสาวยังเล็ก ปีนเขา ข้ามน้ำเพื่อไปหาน้ำแร่มาให้เธอและคุณปู่ เธอจึงใจอ่อนลงและปล่อยไม้ขนไก่ในมือทิ้ง


“คุณยาย ช่างเลอะเลือนจริง ๆแยกดีชั่วไม่ออก สิ่งที่โอหยางซานซานทำเมื่อครู่นี้ ทั้งที่ชี้หน้าด่าเหมยเหมย ว่าเธอหน้าด้าน คุณยายไม่ได้ยินเลยเหรอ?”


สยงมู่มู่รู้สึกโกรธมากที่ปล่อยให้คนอื่นมารังแกอยู่ได้ แล้วคุณย่ายังแยกแยะดีกับชั่วไม่ออกอีก เลอะเลือนจริง ๆ !


เหมยเหมยรู้สึกไม่ได้รับเป็นธรรม เธอร้องไห้ กรีดร้อง “ก็คนนั้นคือหลานสาวของคุณย่า อย่าว่าแต่ด่าหนูหน้าด้านเลย ถึงจะตบหนูก็ไม่แน่ว่าคุณย่าอาจจะบอกให้หนูหันอีกข้างให้โอหยางซานซานตบด้วยซ้ำ!”


พอพูดจบเธอก็ไม่สนใจคุณย่า วิ่งขึ้นไปข้างบนหยิบกระเป๋าเดินทางและตะโกนบอกจ้าวเสวียหลิน “พี่คะ พวกเราไปอยู่โรงแรมกัน ไม่ต้องอยู่ที่นี่ให้โดนรังแกอีก!”


………………………………


ตอนที่ 836 ผิดหวัง


ครั้งนี้เหมยเหมยผิดหวังกับคุณย่าจริง ๆ สิ่งที่คนนอกพูดล้วนถูกต้องทุกอย่าง  สิ่งที่เธอพูดนั้นผิดทุกอย่าง นี่ไม่เพียงแต่เลอะเลือน แต่เป็นคนที่คิดอะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ


ถ้าจะพูดให้แบบไม่น่าฟังก็คือคนไร้หัวใจ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี !


เธอมีกระเป๋าเดินทางไม่เยอะ ก็แค่เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนสองสามชิ้น กระเป๋าเบา ๆใบเดียวและเธอยังเก็บของจ้าวตุ้ยนุ้ยไปด้วย


“เสี่ยวเชาก็ไปกับฉันด้วย!”


เหมยเหมยก็ดึงจ้าวตุ้ยนุ้ยที่ยืนนิ่งงงงันไปด้วย อันที่จริงอู่เชาไม่ได้อยากอยู่บ้านตระกูลจ้าวตั้งแต่แรก


อยู่แค่วันสองวันก็พอได้ แต่ถ้าอยู่เป็นระยะเวลานานมันก็ไม่ค่อยอิสระสักเท่าไร


แน่นอนว่าสมาชิกตระกูลจ้าวปฏิบัติกับเขาดีมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง จึงไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนัก เดิมทีจ้าวตุ้ยนุ้ยตอบรับคำเชิญของเซียวเซ่อว่าจะไปพักที่บ้านของเธอ!


จ้าวเสวียหลินไม่พอใจกับการแสดงออกของคุณย่าวันนี้อย่างมาก เมื่อก่อนเขาถือว่าคุณย่าไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว แต่วันนี้ดูเหมือนว่า


แต่จะเกินไปหน่อย ไม่แยกแยะถูกผิด เลอะเลือนอย่างที่สุด!


ไม่แปลกใจที่จ้าวอิงหัวพ่อของเขา มีบางเรื่องที่ไม่บอกคุณย่าและก็ไม่ยอมให้เขาพูด


“ตกลง งั้นก็ไปพักที่โรงแรม!”


จ้าวเสวียหลินไม่คัดค้าน เขาแบกกระเป๋าของน้องสาววางบนตัวเขาเองแล้วก็สาวเท้าเดินออกไป โดยไม่มองคุณย่า


“พี่หก รอผมก่อน ผมก็จะไปพักที่โรงแรมด้วย บ้านนี้กลายเป็นของตระกูลโอหยางแล้วอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย!”


สยงมู่มู่ก็เริ่มรู้สึกไม่สนุกเข้าแล้ว เขาวิ่งไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างลวก ๆเสร็จก็ลงมาข้างล่างแล้วตามเหมยเหมยออกไป


ถ้าคุณย่าฉลาด ในเวลานี้ก็ควรจะห้ามเหมยเหมยและพวกเขาไว้


แต่ใครใช้ให้เธอมัวแต่สับสนเลอะเลือนล่ะ!


ในเวลานี้เธอยิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม!


“ทุกคนพากันปีกกล้าขาแข็ง ไม่เกรงกลัวอะไรแล้วนี่!  ไสหัวไปให้หมด ถ้าเก่งแล้วชาตินี้ก็ไม่ต้องกลับมา!”


คุณย่าโกรธจนหน้าเขียวปัด พวกเหมยเหมยก็ยั่วโมโห ยิ่งทำให้เธอโกรธมาก


เธอรู้สึกว่าเหมยเหมยพาพวกจ้าวเสวียหลินกับสยงมู่มู่เสียคน เมื่อก่อนหลาน ๆทุกคนล้วนกตัญญู ไม่เคยต่อปากต่อคำมาก่อนเลย


แต่พอเหมยเหมยกลับมา จ้าวเด็กเวรสองคนนี้ก็เถียงเธอไม่หยุด


ถ้าไม่ใช่ยัยตัวดีพาเสียคนแล้วจะเป็นใครไปได้?”


เหมยเหมยที่เดินไปถึงลานบ้าน หลังจากได้ยินคุณย่าตะโกนด่า เธอทนไม่ไหวจึงสวนกลับไปเสียงดัง


“ต่อไป ถ้าคุณย่ามาอ้อนวอนขอร้องหนู หนูก็จะไม่กลับมา!”


อยู่ที่นี่ไม่เพียงแต่ต้องถูกควบคุมทำตามกฎและยังต้องมารองรับอารมณ์ของคนสารเลว ทั้งคุณย่ายังเลอะเลือนสมรู้ร่วมคิดด้วยอีก อยู่จนอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว ทำไมเธอต้องยอมทนทรมานตัวเองด้วย!


คุณย่าหายใจฟืดฟาดด้วยความโมโห สิ่งดี ๆของเหมยเหมยที่เคยทำให้เมื่อก่อนเธอลืมไปหมดแล้ว เธอจำได้เพียงแค่ว่าเหมยเหมยไม่เคารพเธอและยังเหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ


“คนอกตัญญู มันน่าโมโหจริง ๆ ยัยตัวดี!”


จ้าวเสวียกงกับจ้าวเสวียไห่ได้แต่มองหน้ากันไปมา ผ่านไปนานถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงวิ่งไปข้างนอกรั้งพวกเหมยเหมยไว้  ก็เพียงแต่รั้งเอาไว้แต่กลับไม่เห็นเงาพวกเขาแล้ว


“พอพวกเราไปอยู่โรงแรมแล้ว คุณย่าก็ให้หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูก มาคุยเล่นด้วยอีกนะ!”


จ้าวเสวียไห่ สองพี่น้องวิ่งกลับมาพูดแล้วก็วิ่งไป


“คุณย่านับวันก็ยิ่งเลอะเลือน คงจะไม่ได้เป็นโรคอัลไซเมอร์แล้วใช่ไหม?” จ้าวเสวียกงบ่นอย่างไม่พอใจ


เหมยเหมยกล่าวอย่างโมโห “หนูไม่เข้าใจเลย ก็เพราะคุณย่าสมองเลอะเลือนอย่างนี้ สั่งการกองกำลังทหารเป็นหมื่น ๆ พัน ๆคนได้อย่างไร?”


จ้าวเสวียไห่อธิบายว่า “คุณย่าฝีมือในการสู้รบใช้ได้ แต่เธอไม่เคยสั่งการกองกำลังทหารเป็นหมื่น ๆ พัน ๆอย่างมากก็แค่กองทัพเล็ก ๆเท่านั้น!”


“แล้ว เธอมีคุณสมบัติรับเงินเดือนสูงขนาดนี้ได้อย่างไร?” เหมยเหมยย้อนถาม


เธอพบแล้วว่าระดับไอคิวของคุณย่าแย่อย่างเห็นได้ชัด  แล้วทำไมถึงทำตำแหน่งนั้นได้นะ?


………………………………


ตอนที่ 837 จะไม่ทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้ว


สีหน้าของพวกจ้าวเสวียไห่แปลกเล็กน้อย เหมยเหมยก็ถามอีกครั้ง จ้าวเสวียหลินจึงได้เข้าไปพูดใกล้ ๆข้างหูของเธอ


“ก็เพราะว่า คุณย่าโชคดีที่รอดมาได้ อีกอย่างก็เพราะมีศักดิ์ศรีของคุณปู่อยู่บ้าง”


คำถามนี้ ปีนั้นจ้าวเสวียหลินก็เคยถามจ้าวอิงหัว จ้าวอิงหัวก็ตอบอย่างนี้ ทว่าเขาพูดตรงยิ่งกว่านี้ พูดเพียงว่าคุณย่าโชคดีที่สุดทรมานแค่ไหนก็ไม่ตาย คนอื่นที่มีความสามารถและฉลาดกว่าเธอกลับไม่รอดสักคน


จะว่าไปถ้าอยากจะเป็นผู้ชนะ  ความโชคดีก็เป็นสิ่งสำคัญมากจริงๆ


เหมยเหมยฟังแล้วก็เข้าใจ ก็แสดงว่าที่คุณย่าสามารถมีตำแหน่งในปัจจุบันนี้ได้เป็นไปได้ว่าอาศัยโชคช่วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับความสามารถและไอคิวของเธอเลย


จ้าวเสวียหลินก็พูดกระซิบข้างหูน้องสาวอีกครั้งว่า “เหมยเหมยต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร อย่าไปคุยกับคุณย่าของเรา เธอพูดจาไม่หนักแน่นและก็หูเบา ง่ายต่อการสร้างปัญหา พ่อบอกมา”


ถึงแม้จ้าวอิงหัวไม่ได้พูดชัดเจน แต่จ้าวเสวียหลินก็พอเดาได้ เหมือนกับว่าหายนะของตระกูลจ้าวปีนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากตัวของคุณย่า


เพราะว่าเธอคิดแยกแยะเองไม่เป็น ถูกคนอื่นยุแยงให้เป็นเครื่องมือทำร้ายคน สุดท้ายคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังไม่เป็นอะไร แต่ตระกูลจ้าวกลับถูกหลายคนไม่พอใจเพราะคุณย่า


ดังนั้นเมื่อตระกูลจ้าวล้มเหลว ครอบครัวที่เข้ามาช่วยตระกูลจ้าวมีไม่มีกี่คน  แต่คนที่รีบมาเหยียบย่ำกลับมีอยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นคุณย่าเองก็คอยช่วยเหลืออยู่


เหมยเหมยขมวดคิ้วมุ่น ถามอย่างสงสัย “ในเมื่อรู้ว่าคุณย่าเป็นคนที่เชื่อใจไม่ได้ ทำไมคุณปู่ไม่ลงโทษคุณย่า?


ถ้าพูดถึงเรื่องหวงอวี้เหลียน คนตระกูลจ้าวไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอด แต่กลับยอมให้คุณย่ากับหวงอวี้เหลียนไปมาหาสู่กัน และก็ไม่ห้ามให้หวงอวี้เหลียนมาบ้านตระกูลจ้าว แม้แต่คุณปู่ก็ยังแค่เอ่ยปากตักเตือนเท่านั้น ไม่ได้ใช้มาตรการอะไร


หากคุณปู่แสดงอิทธิพลกับคนในครอบครัวจริง ๆและออกคำสั่งเกี่ยวกับการไปมาหาสู่กันของคุณย่ากับหวงอวี้เหลียนอย่างเคร่งครัด เธอก็ไม่เชื่อว่าคุณย่ากล้าที่จะไม่เชื่อฟัง!


สืบสาวเรื่องราวจนเข้าใจหมดแล้ว ที่คุณย่าก็กล้าทำเรื่องวุ่นวาย ที่แท้เป็นเพราะการให้ท้ายของคุณปู่นี่เอง!


จ้าวเสวียหลินขมวดคิ้วพลางกล่าว “คุณปู่ ท่านไม่แข็งกร้าวต่อหน้าคุณย่า เพราะสมัยก่อนคุณย่าช่วยชีวิตคุณปู่”


จ้าวเสวียกงก็มาพูดข้างๆ หู  ยักคิ้วหลิ่วตาพลางพูดขึ้นว่า “เหมยเหมยรู้ไหมว่าคุณปู่มีฉายา?”


เหมยเหมยส่ายหัว จ้าวเสวียไห่พูดอย่างยิ้มระรื่น  “ผู้ชายกลัวเมีย!”


เหมยเหมยยิ่งขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม ในเมื่อคุณปู่เป็นคนที่กลัวเมีย มิน่าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องวุ่นวายที่คุณย่าทำ  โชคดีที่เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลจ้าว ถ้ายังอยู่ต่อเธอต้องอึดอัดตายแน่นอน!


“คุณปู่ใช้ไม่ได้เลย แม้กระทั่งภรรยาของตัวเองก็อบรมสั่งสอนไม่ดี ยังดีที่เขาเป็นนายพลระดับใหญ่!” เหมยเหมยก็รู้สึกไม่พอใจคุณปู่ ในขณะเดียวกันก็ผิดหวังกับตระกูลจ้าวมากกว่าเดิม


เมื่อตอนที่กลับมาอยู่กับครอบครัวของเธอเอง เธอรู้สึกดีใจมาก สมาชิกตระกูลจ้าวล้วนดีกับเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนจ้าวหญิงน้อยจริงๆ แม้แต่อากาศที่หายใจก็ยังหอมหวาน


แต่ตอนนี้คิดๆดูแล้ว เธอยังไร้เดียงสาเกินไป ลิ้นกับฟันมักจะทะเลาะกันเป็นประจำ เธอเป็นหลานที่เพิ่งจะกลับมา มีสิทธิ์อะไรขอให้ตระกูลจ้าวมอบความจริงใจให้กับเธอได้เต็มร้อย?


หวงอวี้เหลียนพูดถูก ในใจของคุณย่า เธอเทียบชั้นกับโอหยางซานซานไม่ได้จริงๆ!


ยังดีที่ตอนนี้เธอยังเอาความรู้สึกกลับคืนมาทัน จากนี้ต่อไปเธอจะไม่โง่มอบความจริงใจของเธอให้อีกแล้ว!


ถึงแม้เธอจะปรารถนาครอบครัวแค่ไหน เธอก็จะไม่ทำเรื่องโง่ๆอีกแล้ว!


ตัวเธอเองก็ต้องเข้มแข็งขึ้นให้ได้ จะพึ่งพาคนอื่นทุกเรื่องไม่ได้ เธอต้องมีกำลังปกป้องตัวเองถึงจะดี!


……………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)