ลำนำบุปผาพิษ 815-822
บทที่ 815 ดูเหมือนจะยั้งไว้ไม่อยู่
ตี้ฝูอีมองเธออยู่พักหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “เช่นนั้นตอนนี้เจ้าวางแผนไว้อย่างไร? จะรอจนถึงอายุยี่สิบเจ็ดแล้วค่อยครองคู่โบยบินกับเขาเหมือนเดิมหรือ?”
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว้าวุ่นอยู่บ้าง เธอไม่รู้! เธอยังไม่เคยใคร่ครวญเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
“ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็รอให้ข้าสำเร็จการศึกษาจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนั้นอีกที”
ตี้ฝูอีกล่าวเรียบๆ ว่า “ตามขั้นตอนปกติแล้ว ถ้าเจ้าต้องการสำเร็จการศึกษาจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเก้าปี เก้าปีให้หลังเจ้ายังจะทบทวนแผนการที่จะอยู่กับเขาต่อหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง “อีกเก้าปีให้หลังข้าเพิ่งอายุยี่สิบสี่…”
อายุยี่สิบสี่คือช่วงวัยรุ่งโรจน์ของการก่อร่างสร้างตัว เธอไม่คิดจะก้าวเข้าสู่วังวนการแต่งงานในช่วงวัยนั้น…
“อืม พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้เป็นอีกเก้าปีให้หลังเจ้าก็ไม่ได้วางแผนว่าจะครองคู่โบยบินไปกับเขา อยากจัดการเรื่องราวของตนก่อน เมื่อถึงอายุยี่สิบเจ็ดค่อยใคร่ครวญเรื่องการอยู่ด้วยกันสองคนสินะ?” ตี้ฝูอีกวาดต้อนเข้ามาทีละก้าว
“ข้า…” กู้ซีจิ่วถูกเขาถามจนโง่งมแล้ว
ตี้ฝูอีหลุบตามองเธอ “ตอบไม่ได้หรือ? หรือว่าไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย?”
กู้ซีจิ่วพาลโกรธอยู่บ้าง “ตอนนี้ข้าเพิ่งอายุสิบห้า ทำไมต้องขบคิดเรื่องที่ยังห่างไกลเช่นนี้ด้วยเล่า?”
“กู้ซีจิ่ว ปกติเจ้ากระทำการใดล้วนติดนิสัยต้องวางแผนก่อนมิใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่วางแผนเรื่องเจ้ากับเขาไว้เล่า?”
“ข้า…วางแผน…” กู้ซีจิ่วไม่ยอมรับ
จู่ๆ ตี้ฝูอีก็จับมือเธอกะทันหัน เธอคล้ายได้รับความตกใจจนตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง คิดจะดิ้นรนตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกเขาดึงเข้าไปใกล้ๆ เขาคล้องเอวเธอไว้ทันที บังคับให้เธอเผชิญหน้ากับเขา สบตากับเธอแล้วกล่าวว่า “ซีจิ่ว เจ้าเข้าใจความรู้สึกที่ตนมีต่อเขาผิดไปหรือเปล่า? เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้ารักเขา? หรือว่าชอบเขาแบบพี่ชายกันแน่?”
ร่างกู้ซีจิ่วแข็งทื่อ! สัมผัสได้ว่าบนร่างมีเหงื่อผุดซึม เธอปฏิเสธไปตามสัญชาตญาณ “ไม่ใช่! ข้าไม่ได้เห็นเขาเป็นพี่ชาย ในอดีตข้าไล่ไขว่คว้าเขามาเป็นอีกครึ่งหนึ่งในอนาคตของข้ามาโดยตลอด…”
“กล่าวเช่นนี้ แปลว่าเจ้าวางแผนจะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นอีกครั้งหนึ่งของเจ้ามาตลอด มิใช่เพราะเห็นเขาแล้วหักห้ามความรู้สึกไว้ไม่อยู่?”
“นี่…นี่มันต่างกันด้วยหรือ?”
“ย่อมต่างกันแน่นอน!” ตี้ฝูอีดึงเธอเข้าไปใกล้กว่าเดิม ลมหายใจของคนทั้งสองผสมผสานกัน “ซีจิ่ว ชอบกับรักแตกต่างกัน ถ้าเจ้าชอบใครสักคนจะสามารถหักห้ามความรู้สึกไว้ได้ มีเพียงรักเท่านั้นที่จะหักห้ามเอาไว้ไม่ได้!”
เขาอยู่ใกล้เธอยิ่งนัก ริมฝีปากแทบจะสัมผัสใบหน้าเธอ และถ้อยคำที่เขาเอ่ยก็ประหนึ่งสายฟ้าฟาด ผ่าเข้าใส่ศีรษะเธอ ทำให้ความคิดเธอสับสนวุ่นวายไปหมด เถียงเขาไปตามสัญชาตญาณ “ข้า…ข้าเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นกว่าผู้อื่น ข้าหักห้ามใจดะ…”
เธอยังเอ่ยแย้งไม่จบก็ถูกเขาจูบทันที!
จูบของเขารวดเร็วและเร่งร้อนเกินไป เธอแทบไม่ทันตั้งตัวเลย เมื่อริมฝีปากเขาทาบทับริมฝีปากเธอ หัวใจเธอก็เต้นรัวจนแทบกระดอนออกมา!
คนผู้นี้ดูเหมือนอ่อนโยนนุ่มนวลชัดๆ แต่ยามที่จูบเธอกลับรุกเผด็จการอยู่เสมอ รุกรานอย่างดุดัน บ้าคลั่งดั่งพายุฝน ทำให้คนอยากหนีหัวซุกหัวซุน
เธอคิดจะผลักเขาออก แต่แขนข้างหนึ่งของเขารัดเอวเธออยู่ วรยุทธ์ของเขาก็สูงส่งกว่าเธอ ยามที่โอบเธออยู่ก็ใช้ทักษะเสริมด้วยเธอจึงผลักเขาออกไปไม่ได้
เอวเธอถูกเขากอดรัดไว้ ศีรษะก็ถูกแขนอีกข้างของเขาโอบไว้ ทั้งสองคนมิใช่แค่ริมฝีปากที่แนบชิดกันเท่านั้น แม้แต่ร่างกายกันชิดกันแนบแน่น ไม่มีช่วงว่างเลยสักนิด
กู้ซีจิ่วโง่งมโดยสมบูรณ์แล้ว! โลหิตอุ่นร้อนพวยพุ่งสู่กระหม่อม ทำให้เธอไม่สามารถขบคิดได้เช่นปกติ
หัวใจเต้นถี่รุนแรง ราวกับจะทะลุออกมาจากอก ทำให้ทั้งร่างเธออ่อนยวบ หายใจไม่ออก แทบจะยืนไม่อยู่…
จูบนี้ดูเหมือนจะยั้งไว้ไม่อยู่แล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 816 ความรู้สึกที่เลี่ยนเอียน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดยามที่เขาผละจากเธอ ทั้งสองล้วนหอบหายใจแล้ว
เขาไม่ได้ผละออกจากเธอจริงๆ หน้าผากยังแนบกับหน้าผากเธออยู่ ปลายจมูกแทบจะสัมผัสถูกปลายจมูกเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ซีจิ่ว รักคือการหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ ก็เหมือนยามที่ข้าอยู่กับเจ้า ปรารถนาจะโอบกอดเจ้าไว้ตลอด ปรารถนาจะจุมพิตเจ้า ปรารถนาจะกักเจ้าไว้ในอ้อมแขน ปรารถนาจะคุ้มครองอยู่ข้างกายเจ้า ถึงขั้นที่ว่าปรารถนาจะเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแทบใจจะขาด ยามที่ไม่เห็นเจ้าก็อยากพบเจ้ายิ่งนัก หลังจากพบเจ้าก็ไม่อยากปล่อยเจ้าไป รู้อยู่ชัดเจนว่าเจ้าไม่มีข้าอยู่ในใจ ข้าก็ยังคงหาข้ออ้างสารพัดเพื่อมาพบเจ้า…เจ้าว่า ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าคืออะไร? เป็นรัก? หรือว่าชอบ? เจ้ามีความรู้สึกต่อหลงซือเย่เป็นเช่นเดียวกับที่ข้ามีต่อเจ้าหรือไม่? มีไหม?”
เป็นครั้งแรกที่เขาสารภาพรักกับเธอยาวเหยียดถึงเพียงนี้ กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปทันที เนื่องจากสมองขาดอ็อกซิเจนจึงส่งเสียงดังหึ่งๆ คิดอะไรไม่ออกชั่วขณะ ถึงขั้นลืมผลักเขาออก…
ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาทาบลงเหนือหัวใจเธอ “ซีจิ่ว เจ้าก็มีความรู้สึกต่อข้าเหมือนกัน หัวใจเจ้าเต้นเร็วและแรงมากมิใช่หรือ? ตอนข้าตกอยู่ในอันตรายเจ้าร้อนใจอย่างยิ่ง เจ้ากลัวว่าข้าจะตาย กลัวว่าข้าจะเกิดเรื่อง…ซีจิ่ว ใจเจ้ามีข้าแล้ว…”
ราวกับสิ่งที่อำพรางไว้อย่างดีมาตลอดถูกผู้อื่นเปิดโปงออกมาต่อหน้า เสมือนสะเก็ดแผลที่เรียบเนียนแล้วกลับถูกคนแกะออกอย่างไร้ความปรานี!
ใบหน้าพริ้มเพราของกู้ซีจิ่วซีดขาวก่อนแล้วค่อยแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเธอแข็งทื่อไปหลายวินาที จู่ๆ ก็ผลักเขาออกทันที!
เธอยิ้มหยัน “ท่านพูดเหลวไหลอะไร?! ความรู้สึกของข้ากับเจ้าท่านจะมารู้ดีได้ยังไง? ท่านไม่รู้อะไรเลยชัดๆ! ความรู้สึกของข้ากับเขาค่อยๆ เล็กน้อยทว่ายั่งยืน และข้าก็ไม่ได้ถือเขาเป็นพี่ชาย! ในอดีตข้าหมายปองเขาเป็นว่าที่สามีในอนาคตมาตลอด! วิธีจัดการความรู้สึกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทัศนคติด้านความรักก็แตกต่างกัน วาจาจำพวกไม่พบหน้ากันหนึ่งวันดั่งแยกจากกันสามปีเหล่านั้นของท่านเป็นแค่…เป็นแค่การหลอกลวงผู้อื่น และไม่เหมาะกับตัวข้า…พวกเราเป็นนักฆ่าที่ยกได้วางเป็นมาตลอด ไม่ต้องการความรู้สึกหวานแหววเลี่ยนเอียนพวกนั้น…ดังนั้นวาจารักๆ ใคร่ๆ หรือว่าความรู้สึกชื่นชอบที่ท่านกล่าวมานี้ไปพูดให้เด็กสาวคนอื่นฟังเถิด ข้าไม่สนใจ!”
ในอกคล้ายมีกระแสบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมา ทำให้เธอปวดแปลบที่หัวใจ ทำให้เธอคับข้องใจ ทำให้ลำคอเธอตีบตัน ทำให้เธออยากร้องไห้ออกมา เธอฝืนสะกดลงไป เชิดหน้าขึ้น ดั่งนกกระเรียนจองหองตัวหนึ่ง พยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่งสุดกำลัง “ส่วนความรู้สึกอะไรที่ท่านว่ามานั้น…ขออภัยด้วย ข้าไม่มี! ข้าเห็นท่านเป็นสหาย ท่านตกอยู่ในอันตรายข้าย่อมกังวล ต่อให้เป็นพวกเจ้าหอยยักษ์ที่ตกอยู่ในอันตรายข้าก็จะกังวลยิ่งนักเช่นหัน! ความกังถึงขั้นมากกว่าที่มีต่อท่านด้วยซ้ำ…ข้าไม่ได้รักท่าน ท่านคิดมากไปแล้ว!”
เธอจะรักเขาได้ยังไงกัน?
คนผู้นี้ลึกลับซับซ้อนเหลือเกิน เดี๋ยวเข้าใกล้เดี๋ยวถอยห่าง เดี๋ยวอบอุ่นเดี๋ยวเย็นชาต่อเธอ บางครั้งคล้ายว่ามีใจบางครั้งก็คล้ายว่าไร้ใจ ซ้ำยังมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับอวิ๋นชิงหลัวด้วย ต่อให้หนก่อนเขารับตัวอวิ๋นชิงหลัวไปเพื่อลงทัณฑ์ ทว่าสุดท้ายแล้วในเทศกาลความรักคืนนั้นเขาก็จู๋จี๋อยู่กับผู้อื่นมิใช่หรือ? เธอเห็นมากับตา!
คืนเทศกาลความรักหวานชื่นอยู่กับผู้อื่น วันต่อมายังเกือบถูกฆ่าเพราะคนผู้นั้นด้วย วินาทีแรกยังอ่อนโยนหวานซึ้งอยู่เลย วินาทีต่อมากลับพลิกโฉมหน้าไร้ปรานี เย็นชาปานน้ำแข็ง
เธอไม่ได้เห็นอกเห็นใจอวิ๋นชิงหลัว ว่ากันตามจริงเธอรำคาญอวิ๋นชิงหลัวมาโดยตลอด แต่จากท่าทีที่เขาปฏิบัติต่ออวิ๋นชิงหลัว ก็สามารถคาดด้วยท่าทีที่เขาจะปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วในวันหน้าได้แล้ว…
เมื่อได้ครองแล้วก็จะเหยียบย่ำตามอำเภอใจ!
เธอยอมรับว่ามีเสน่ห์ยิ่งนัก ยอมรับว่าใจเต้นแรงยามที่ถูกเขาหยอกเย้า แต่แน่ใจว่าไม่ได้รักเขา คนผู้นี้ซับซ้อนเกินไป เป็นคนที่เธอไม่อาจหลงรักได้
บทที่ 817 สละทุกสิ่งเพื่อนางได้ไหม
หากความรักทำให้คนประหม่ากังวล ทำให้จิตใจคนไม่สงบ ทำให้คนทุกข์ร้อน เสมือนอยู่บนปากเหว…ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องการความรักเช่นนี้!
เขารักเธอ? สามคำนี้ง่ายดายนัก แต่เขารักเธอจริงๆ น่ะหรือ? ประโยคนี้เขาเคยเอ่ยกับสตรีมามากน้อยเพียงใดแล้ว?
ส่วนความรู้สึกรักใครที่มีต่อคนผู้หนึ่งที่เขาพูดเหล่านั้น ล้วนเป็นถ้อยคำเสกสรรปั้นแต่งของพวกนักเขียนนิยาย ไม่ใช่ความจริงเลย! ต่อให้มีก็เป็นเพียงอารมณ์เร่าร้อนชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เป็นเพราะฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ ไม่ยั่งยืนนาน…
พวกเธอเป็นนักฆ่าได้มีความรักเรียบง่ายก็เพียงพอแล้ว โลกนี้สงบยั่งยืน ถ้าถือได้ต้องวางเป็น ต่อให้สูญเสียไปก็ไม่รู้สึกว่าโลกนี้ดับสลาย ยิ่งไม่อาจรักจนบ้าคลั่งได้ ความรักเช่นนี้ถึงจะเหมาะกับตัวเธอ…
เธอไม่อยากคุยกับเขาต่อ พลันหันหลังให้ จากไปทันที
ตี้ฝูอียืนอยู่ที่เก่า มองดูเงาหลังของนางห่างออกไปอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา “ออกมาได้แล้ว! แอบดูอยู่นานถึงเพียงนี้เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ?”
บนต้นไม้ใหญ่มีเงาร่างคนปรากฏขึ้น ท่ามกลางรัตติกาลอาภรณ์ขาวดั่งหิมะโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ เป็นหลงซือเย่
เขากระโดดลงมา มองตี้ฝูอีด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าพบข้าตั้งนานแล้ว!”
ตี้ฝูอียิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “วิชาพรางกายของเจ้าเป็นข้าที่สอนให้ เจ้านึกว่าจะเล็ดรอดสายตาข้าไปได้หรือ?”
“เมื่อครู่ที่เจ้าทำเช่นนั้นกับนางก็เพราะเจตนาทำให้ข้าเห็นสินะ? จงใจจูบนางต่อหน้าข้า บีบคั้นนางต่อหน้าข้า…” นิ้วมือของหลงซือเย่กำแน่น
ตี้ฝูอีนั่งลงบนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง “ยามที่ข้าจูบนางนึกว่าเจ้าจะทนไม่ไหวจนพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าความอดทนของเจ้าสูงนัก ข่มกลั้นโทสะไว้ได้ นี่ก็คือความรักของพวกเจ้าหรือ?”
ริมฝีปากบางของหลงซือเย่เม้มแน่น “ความรู้สึกระหว่างข้ากับนางเจ้าไม่เข้าใจหรอก”
ตี้ฝูอีหัวเราะเหอะคราหนึ่ง “ใช่แล้ว ข้าไม่เข้าใจพวกเจ้าจริงๆ…หลงซือเย่ เจ้ารักนางจริงๆ หรือ?”
หลงซือเย่หน้าซีดเผือด กลับไม่อยากตอบ
สายของตี้ฝูอีจับจ้องเขา “นางรักเจ้าหรือไม่นั้นละไว้ก่อนชั่วคราว เจ้ารักนางจริงหรือ?”
หลงซือเย่ขมวดคิ้ว ตอบอย่างไม่ลังเล “ยังต้องพูดอีกหรือ?! ข้ารักนาง!”
“รักจนสามารถสละทุกสิ่งเพื่อนางได้ไหม?”
หลงซือเย่ชะงักไปแวบหนึ่ง “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“หากว่ารักนางแล้วต้องละวางฐานะสานุศิษย์สวรรค์เล่า? ต้องละทิ้งเกียรติยศทั้งหมดของเจ้าเล่า?”
คิ้วหลงซือเย่ขมวดมุ่น “นี่เกี่ยวอะไรกับฐานะสานุศิษย์สวรรค์?”
“อาจจะเกี่ยวก็ได้…” น้ำเสียงตี้ฝูอีเฉยเมย “หลงซือเย่ ข้าเคยบอกเจ้าไว้นานแล้ว เจ้ากับนางไร้วาสนาต่อกัน หากเจ้าดึงดันจะครอบครองวาสนานี้อาจต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลที่ทัดเทียมกัน! ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่ายินยอมจ่ายค่าตอบแทนนี้หรือไม่ เจ้าพูดมาก่อนสิว่าเจ้ายินยอมไหม?”
หลงซือเย่กระอักกระอ่วนแล้ว “ข้าไม่เชื่อ! ตอนนี้ระหว่างข้ากับนางไม่มีอุปสรรคใดๆ แล้ว ต่อให้เจ้ามิให้พวกเราแต่งกันพวกเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ภายภาคหน้าข้าไม่แต่งงานนางไม่ออกเรือนก็พอแล้ว ข้าจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นาง ทำไมข้าต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลอะไรนั่นด้วย? คำพูดนี้ของเจ้าไม่มีข้อพิสูจน์เลย!”
ตี้ฝูอีจ้องมองเขา “อันที่จริงเจ้ากำลังหลบเลี่ยงคำถามนี้อยู่สินะ?”
หลงซือเย่สะบัดแขนเสื้อจากไป “เพราะคำถามนี้ของเจ้าไม่มีทางเกิดขึ้น ข้าจึงไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า!”
“หลงซือเย่ ข้าจะแข่งขันกับเจ้าอย่างเป็นธรรม จะไม่ปล่อยนางไป!” ตี้ฝูอีเอ่ยไล่หลังเขา
หลงซือเย่ร้องหึอย่างเย็นชาคราหนึ่ง “เจ้าจะต้องผิดหวัง!” เงาร่างวูบไหวในราตรี หายลับไป
ตี้ฝูอียืนอยู่ริมลำธารมองเขาจากไป ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
————————————————————————————-
บทที่ 818 บางทีสายธารก็คงมีรักเช่นกัน
แม้แต่ถามเขายังไม่กล้าถามเลย หากเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเช่นนั้นเขาจะยินยอมหรือ? ความรักที่เขามีต่อกู้ซีจิ่วล้ำลึกถึงเพียงนั้นจริงๆ น่ะหรือ?
บางทีความรู้สึกที่หลงซือเย่มีต่อสาวน้อยผู้นั้นอาจไม่ล้ำลึกดั่งที่เขาจินตนาการไว้กระมัง?
อย่างน้อยก็ไม่ล้ำลึกเท่าตัวเขาตี้ฝูอี!
หากว่าสาวน้อยผู้นั้นมีความรู้สึกต่อหลงซือเย่จริงๆ หากแยกจากกันแล้วพวกเขาทั้งสองจะเศร้าหมองตรอมใจ เช่นนั้นเขาสามารถใคร่ครวญเรื่องการรามือจากคู่รักคู่นี้โดยสมบูรณ์ได้
แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นทุกข์ แต่เพื่ออนาคตอันงดงามของนางเขาก็ทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถ ต่อให้กระอักโลหิตก็ต้องกล้ำกลืนไว้ ขอเพียงนางมีความสุขจริงๆ ก็พอแล้ว
แต่ยามนี้เห็นได้ชัดว่ามิใช่ ความรู้สึกที่กู้ซีจิ่วมีต่อหลงซือเย่คล้ายว่าเป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นเกราะป้องสำหรับหลบเลี่ยงตัวเขาตี้ฝูอี นางชมชอบหลงซือเย่จริงๆ แต่คล้ายจะเป็นความชื่นชอบและพึ่งพาอาศัยแบบพี่ชายมากกว่า ดูเหมือนไม่ได้ตกหลุมรักเขาจริงๆ…
ส่วนหลงซือเย่…เขารักกู้ซีจิ่วจริงๆ แต่ความรักของเขาเกรงว่าจะไม่มั่นคงมากขนาดนั้น หากสายลมโหมกระหน่ำต้นหญ้าย่อมสั่นไหว เขาจะทิ้งนางหรือไม่ก็บอกได้ยากนัก…
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะรามือไปทำไมเล่า?!
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องคว้าเอาไว้ถึงจะไม่ผิดต่อตัวเอง!
ยามนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบเฟิงสีแดงดั่งเปลวเพลิงร่วงหล่นลงบนผิวน้ำเป็นครั้งคราว สายธารพัดพาใบไม้ลอยไปไกล
“บุปผาร่วงโรยด้วยมีใจ สายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก…” ตี้ฝูอีพึมพำสองวลีนี้ออกมา สายตาเหม่อมองใบเฟิงนั้น
สายธารไร้รักจริงหรือ? บางทีสายธารก็คงมีรักเช่นกัน เพียงแต่มันไม่รู้ตัวเท่านั้น
เขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ใบเฟิงปลิดปลิวรอบกายเขาดั่งภาพวาด เขายกมือขึ้นเงียบๆ ดีดปลายนิ้วคราหนึ่ง ยิงลงสู่น้ำ สายน้ำสั่นไหวก่อเกิดระลอกคลื่น สายน้ำที่อ่อนโยนพัดพามันไหลไปเบื้องหน้าต่อ…
“นายท่าน ดึกมากแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนสักหน่อยดีไหมขอรับ?” มู่เฟิงที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ยืนอยู่ข้างกายเขา
ตี้ฝูอีพลันเอ่ยถาม “จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง?”
“นายท่านโปรดวางใจ! จะไม่เกิดความผิดพลาดเด็ดขาดขอรับ!” มู่เฟิงรับประกัน
ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ “ผู้ใดจับตาดูอวิ๋นชิงหลัว?”
“เป็นหลิงซีขอรับ นายท่าน วิชาหุ่นเชิดของหลิงซีล้ำเลิศกว่าอวิ๋นชิงหลัว การจับตามองอวิ๋นชิงหลัวของนาง ไม่เกิดข้อผิดพลาดขอรับ”
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “ยอดเยี่ยม! ข้าค่อนข้างปรารถนาให้วันพรุ่งนี้มาถึงโดยเร็ว”
ดวงตามู่เฟิงส่องประกายวาววับ “ข้าน้อยก็ปรารถนาเช่นกันขอรับ! ปากถุงเปิดอ้าไว้แล้ว แค่รอให้เหยื่อมุดเข้ามาเท่านั้น!”
….
ยามที่ตี้ฝูอีกลับไปถึงที่พักของตนก็พบว่ากู้ซีจิ่วไม่อยู่ด้านในแล้ว บนเตียงที่อยู่ตรงข้ามกันก็ไม่มีนางแล้ว
เขาทำให้นางขวัญเสียหรือ? ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่กล้ากลับมาสินะ? ยามนี้ยังเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกหรือเปล่านะ?
ดูเหมือนเขาจะทำเกินเหตุไปหน่อย…
แต่ด้วยสภาพเช่นนั้นของนางหากไม่ใช้ยาแรงกับนางนางก็คงไม่มอบโอกาสใดๆ ให้เขา…
เขาย่างออกมา ลองสัมผัสดูครู่หนึ่ง แล้วหันหลังก้าวไปทางศาลากลางน้ำ
กู้ซีจิ่วงีบอยู่ในศาลาหลังนี้จริงๆ ภายในศาลาค่อนข้างหนาวเย็น แต่ด้วยสภาพร่างกายของนางในยามนี้ ความหนาวเย็นนี้ย่อมไม่นับว่าเป็นอันใดเลย
ในศาลามีมานั่งยาว มีตั่งคนงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะให้คนพักผ่อนนัก
ยามนี้นางนอนอยู่บนตั่งคนงาม ตัวตั่งค่อนข้างกว้าง เพียงพอให้ใช้มันเป็นเตียงพักผ่อนได้
หลังจากถูกตี้ฝูอีสอบสวนและบังคับจูบ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่า การนอนร่วมห้องกับเขาต่อไปไม่ค่อยปลอดภัย และค่อนข้างอึดอัดใจ ดังนั้นหลังจากกลับมาเธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ออกมาจากห้องพักนั้น
เธอทราบดีว่ายามนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ เป็นคืนก่อนศึกใหญ่ เธอไปจากที่นี่ไม่ได้ เลี่ยงมิให้ผู้อื่นสงสัยขึ้นมาจนล้มเหลวในก้าวสุดท้าย ดังนั้นเธอจึงมานอนที่ศาลากลางน้ำหลังนี้
บทที่ 819 บนโลกใบนี้ยังคงเป็นข้าที่รักเจ้าที่สุด
ทิวทัศน์ของศาลากลางน้ำหลังนี้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อก่อนเธอก็มานั่งเล่นที่นี่เป็นประจำ นอนที่นี่ในคืนสุดท้ายก็ไม่เลว
เธอนอนทั้งชุดนั้น จิตใจค่อนข้างว้าวุ่น ราวกับผิวทะเลสาบที่สงบราบเรียบมาโดยตลอดถูกคนก่อกวน ขว้างหินก้อนใหญ่ใส่ทะเลสาบที่เงียบสงบของเธอ ก่อให้เกิดระลอกคลื่นมหึมา ทำให้เธอสงบใจไม่ลงชั่วขณะ
เธอนั่งสมาธิครู่หนึ่ง พยายามทำให้ความคิดว่างเปล่า ถึงได้ทำให้จิตใจค่อยๆ สงบลงได้ จากนั้นก็เอนตัวนอน หลับตา สูดหายใจลึกๆ นับแกะ
นึกไม่ถึงว่าจะผล็อยหลับไปจริงๆ
ตี้ฝูอีกลับมาค่อนข้างดึก ย่อมหาตัวเธอพบช้าไปหน่อย ยามที่หาเธอเจอเธอก็หลับสนิทอยู่ที่นั่นแล้ว
เครื่องหน้าของนางงดงามนัก ยามที่นอนหลับเช่นนี้ แพขนตายาวหลุบต่ำ ก่อเป็นเส้นโค้งมนสลัวๆ ด้านล่างดวงตา ขับเน้นให้ผิวนางใสกระจ่างปานหยก งามลออดั่งตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ริมฝีน้อยแดงระเรื่อเม้มอยู่นิดๆ ทำให้คนอยากแนบจุมพิตลงไปสักครา ต้องการตีตราของตนลงไป
เห็นกันอยู่ชัดเจนว่าเขาเพิ่งคืนร่างน้อยๆ นี้ให้นางไปไม่นาน เขาคุ้นชินยิ่งนักชัดๆ แต่ยามนี้พอสลับมาเห็นนางในอีกมุมหนึ่ง เขาก็ยังคงปรารถนาจะดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด ปกป้องคุ้มครองนาง บางทีนี่อาจเป็นเพราะดวงวิญญาณของนางที่อยู่ด้านในกระมัง? เขาชอบดวงวิญญาณที่อยู่ในสังขารนี้ เด็กสาวผู้มาจากต่างภพ
เขานั่งลง มองนางที่หลับใหลอยู่อย่างค่อนข้างใจลอย
ด้านนอกศาลามีลมพัด เสียงดังหวีดหวิว สายลมโชยเข้ามาในศาลา ดูเหมือนนางจะหนาวอยู่บ้าง จึงขดกายเล็กน้อย
เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วห่มลงบนร่างนาง เสื้อคลุมตัวนอกผืนนี้ของเขาความจริงแล้วเป็นอาภรณ์วิเศษผืนหนึ่ง ฤดูหนาวอุ่นฤดูร้อนเย็น แถมยังเบาดั่งปุยนุ่น ยามที่ห่มลงบนร่างนางก็ไม่ได้ทำให้นางตกใจเลย นางยังคงดำดิ่งอยู่ในห้วงฝันเช่นเดิม ไม่รู้ว่านางฝันเห็นอันใด มุมปากจึงหยักโค้งนิดๆ คล้ายกับฝักถั่ว พวงแก้มขาวเนียนปรากฏรอยบุ๋มจางๆ
“เด็กน้อย ฝันอะไรอยู่? ฝันถึงข้าหรือเปล่า?” ปลายนิ้วตี้ฝูอีเกลี่ยพวงแก้มนาง มุมปากปรากฏรอยยิ้มเช่นกัน เสมือนว่าเห็นนางมีความสุขเขาก็มีความสุขด้วย
กู้ซีจิ่วย่อมไม่มอบคำตอบอันใดให้เขา แน่นอนว่าไม่ได้ยินคำถามของเขาด้วย
สายตาเขาร่วงลงบนหยกนภาตรงข้อมือนาง หนก่อนตอนที่รักษาอาการบาดเจ็บให้นางเนื่องจากเกรงว่าเจ้านี่จะมองฐานะของเขาออก เขาเลยผนึกจิตสำนึกของมันไว้ ภายหลังก็ไม่ได้คลายผนึกให้มันเลย ด้วยเหตุนี้มันจึงหลับใหลมาจนถึงยามนี้
ดูเหมือนยามนี้สมควรคลายผนึกให้มันได้แล้ว สาวน้อยผู้นี้จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าหยกของนางพังเสียหาย…
ลำแสงสีขาวอ่อนจางผุดขึ้นมาปลายนิ้วเขา กำลังจะเปิดใช้งานหยกชิ้นนั้น แต่เมื่อคิดๆ ดูก็หยุดลงอีกครั้ง
โน้มกายลงไปเล็กน้อย กลั้นลมหายใจแล้วเข้าไปใกล้ๆ นาง สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ของนางที่เป่ารดใบหน้าตน ริมฝีปากอยู่ห่างจากริมฝีปากของนางเพียงเฉียดฉิวแล้วหยุดนิ่ง
เขาค่อนข้างโหยหารสจูบของนาง ทำให้เขาอยากจุมพิตนางอีกครายิ่งนัก แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าจูบลงไปจริงๆ!
เด็กสาวผู้นี้ตื่นตัวยิ่งนัก หากเป็นคนทั่วไปอยู่ใกล้นางถึงเพียงนี้นางคงตื่นไปนานแล้ว!
แต่เพราะเป็นเขา เขาสะกดความมีตัวตนของตนไว้จนคล้ายไม่มีตัวตนอยู่ เช่นนี้จึงไม่ดึงดูดให้ร่างกายนางตื่นตัวตามสัญชาตญาณ นางเลยไม่ตกใจตื่น เพียงแต่เขาก็ไม่อาจจุมพิตลงไปจริงๆ ได้เช่นกัน ถ้าจูบงไปจริงๆ นางคงจะตื่น
ถ้าจุมพิตแล้วตื่นขึ้นมาจริงๆ สิ่งแรกที่นางจะทำคงมิใช่เคลิบเคลิ้ม แต่เป็นตบคนชีกออย่างเขาสักฉาด! แบบนั้นไม่น่าโสภาเท่าไหร่!
ถ้าหากเฝ้าคุ้มครองนางเช่นนี้ตลอดไปได้คงยอดเยี่ยมนัก!
ราวกับฟองสบู่ที่ห่อหุ้มความอบอุ่นในใจเขาได้แตกออก ทำให้ให้รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ
“เด็กน้อย แล้วเจ้าจะได้รับรู้ความดีของข้า บนโลกใบนี้ยังคงเป็นข้าที่รักเจ้าที่สุด” เขาจุมพิตหน้าผากนางอย่างแผ่วเบาราวกับแมงปอแตะผิวน้ำ
————————————————————————————-
บทที่ 820 เจ้ามันคนเจ้าชู้หลายใจ
แพขนตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย คล้ายจะตื่นขึ้นมา
เขารีบนั่งตัวตรง มองนางยิ้มๆ อยากให้นางตื่นมาแล้วตกใจสักหน่อย แน่นอนว่าต้องค่อยๆ ทำให้นางค่อยสัมผัสถึงการมีตัวตนของเขา
นึกไม่ถึงว่านางจะไม่ได้ตื่นขึ้นมา แค่พลิกตัวนิดหน่อย แล้วหลับต่อ ปากน้อยๆ พึมพำประโยคหนึ่ง สุ้มเสียงไม่ชัดเจน เขาได้ยินไม่ชัด แต่ฟังออกรางๆ ว่านางเอ่ยนามของเขา
นี่ทำให้เขาใจเต้นแรงอยู่บ้าง เรียกชื่อเขาในฝัน นั่นแปลว่าเขาหยั่งรากลงในก้นบึ้งหัวใจของนางแล้วใช่หรือไม่?
“เด็กน้อย เจ้าว่าอะไรนะ?” เขาใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มดึงดูดนาง นี่คือเคล็ดวิชาประเภทหนึ่ง สามารถหลอกล่อให้คนเอ่ยคำพูดในฝันออกมาได้ โดยไม่ทำให้ผู้ที่ฝันตื่น
กู้ซีจิ่วพึมพำออกมาอีกครั้ง เพียงหนนี้นางเปล่งเสียงออกมาว่า ‘หลงซือเย่’ ….
ตี้ฝูอีรู้สึกเหมือนมีกรงเล็บน้อยๆ ขีดข่วนอยู่ภายในหัวใจเขา!
ไม่ถูกสิ เมื่อกี้นางเรียกชื่อของเขาตี้ฝูอี มิใช่หลงซือเย่ นางวางเขาไว้ด้านหน้า!
“เด็กน้อย คนดี เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไร? ตี้ฝูอี…ตี้ฝูอีทำไม?” เขาอยากได้ยินแค่ของตน ไม่อยากได้ยินของหลงซือเย่
“ตี้ฝูอี…ข้า…ข้าจะไม่รักเจ้า…เจ้ามันคนเจ้าชู้หลายใจ…” ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เอ่ยประโยคแรกในฝันออกมาครบถ้วน
ตี้ฝูอีนิ่งงัน กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้เจ้าชู้! ข้ารักเดียวใจเดียวนัก!” แล้วเข้าใกล้นางอย่างระมัดระวังอีกครา สอดแทรกตัวเองเข้าไปในความฝันของนาง “เด็กน้อย เจ้ารักข้าใช่ไหม? หืม เจ้ารักข้าพบว่าอันที่จริงแล้วข้าคือคนที่ดีที่สุด คนอื่นล้วนเทียบชั้นกับข้าไม่ได้…”
ปากน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วขยับขมุบขมิบ กำลังสนทนากับเขาในฝันอยู่จริงๆ ”ไม่! ข้าไม่ต้องการเจ้า เจ้าหลายใจเกินไป…ข้า…ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบบุรุษหรือว่าชอบสตรีกันแน่…ต่อหน้าเจ้าข้าถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเองเหมือนมือที่สาม…เป็นมือที่สามที่แยกเจ้ากับหลงซือเย่…”
ตี้ฝูอีตะลึง นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงจริงๆ! เขาขนลุกแล้ว!
ตี้ฝูอียืดกายขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมตนถึงทำให้นางเข้าใจผิดเช่นนี้ได้
เขาใคร่ครวญอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง นึกถึงตอนที่ตนอยู่ร่วมกับนาง จากนั้นก็พบว่า ดูเหมือนตนจะขัดขวางไม่ให้นางอยู่กับหลงซือเย่เสมอ ในสายตาสตรีที่ออกจะชมชอบเรื่องชายรักชายอยู่บ้างเช่นนางแบบนั้นดูค่อนข้างผิดปกติจริงๆ…
เห็นกันอยู่ชัดๆ มิใช่หรือว่าเขาหึงนาง?! ดูออกชัดเจนมิใช่หรือว่าเป็นเพราะนา?!
เขาเข้าใกล้นางอีกครั้ง โต้แย้งนางอย่างเอาจริงเอาจัง “เด็กน้อย แน่นอนว่าข้าชอบสตรี รสนิยมทางเพศของข้าเป็นปกติมาโดยตลอด เจ้าไม่ใช่มือที่สาม หลงซือเย่สิถึงจะใช่! เขาเป็นมือที่สามระหว่างพวกเรา…”
“เสมอ…ต้องมีลำดับก่อนหลังเสมอ…” กู้ซีจิ่วจมดิ่งอยู่ในห้วงฝันเมื่อครู่อย่างมิอาจถอนตัวได้ “ข้าและเขาชาติก่อนก็…ก็รักกัน ต่อให้มีมือที่สามก็มิใช่…มิใช่ข้า เป็นเจ้าต่างหาก”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้วทอดถอนใจ “กู้ซีจิ่ว หากต้องการหาตัวมือที่สามออกมา มือที่สามก็คือหลงซือเย่ ไม่เจ้าไม่ใช่ข้า…ส่วนเรื่องลำดับก่อนหลัง…อันที่จริงเรื่องความรักไม่แบ่งแยกลำดับก่อนหลังหรอก ซีจิ่ว ครานั้นมารดาของเจ้ากับศิษย์พี่ของนางเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ที่โตมาด้วยกัน ศิษย์พี่ผู้นั้นของนางมีรักลึกซึ้งต่อนางมาตลอด หากลำดับก่อนหลังสำคัญจริงๆ นางคงรักศิษย์พี่ของนางไปแล้ว ผลคือนางรักคนที่มาทีหลังอย่างกู้เซี่ยเทียน ซ้ำยังหนีตามผู้อื่นด้วย…”
เขาชะงักไปแวบหนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “แน่นอน สายตาของหลัวซิงหลานไม่นับว่ามีแววเท่าไหร่ ข้อนี้พวกเราไม่ต้องสนใจหรอก ข้าแค่อยากนำกรณีของนางมาเปรียบเทียบให้ดู ถ้ารักใครสักคนอย่างแท้จริงจะไม่แบ่งแยกลำดับก่อนหลัง…และความรู้สึกที่เจ้ามีต่อหลงซือเย่ก็ไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เป็นแค่ความชอบ ชอบเหมือนพี่ชาย…”
บทที่ 821 เป็นตั่งให้นางเป็นเตียงให้นาง
ด้านนอกสายลมพัดใบไม้จนเกิดเสียงดังซู่ๆ ค่อนข้างหนาวเย็นอยู่บ้าง
แต่ภายในศาลากลับอบอุ่นปานฤดูใบไม้ผลิ เขาและนางหนึ่งนั่งหนึ่งนอน คนหนึ่งหลับสนิทล้ำลึก คนหนึ่งเฝ้าอยู่ด้านข้างอย่างอบอุ่น
อย่างไรเสียตั่งคนงามนี้ก็ค่อนข้างแข็ง หลังจากนางนอนไปสักพักคงจะรู้สึกเมื่อยขบอยู่บ้าง คิ้วของนางขมวดนิดๆ พลิกตัวทีหนึ่ง
ตี้ฝูอีมองตั่งคนงามตัวนั้นแล้วมองนางอีกที คิดเล็กน้อย อุ้มนางขึ้นมาเบาๆ โอบนางไว้ในอ้อมแขน…
ร่างเขาย่อมสบายกว่าตั่งคนงามมาก ทั้งนิ่มทั้งอุ่น นางพลิกตัวนิดๆ สองแขนกอดเอวเขาตามสัญชาตญาณ แบบนี้ก็สบายกว่าเดิมแล้ว
ตี้ฝูอีแข็งทื่อไปแล้ว รู้ดีว่าท่าทางนี้ของนางแค่เป็นไปตามสัญชาตญาณ เขารู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก ในใจคล้ายถูกลูบไล้ด้วยมือน้อยๆ ที่แสนอบอุ่น
นางคงจะเชื่อใจเขากระมัง?
เขาไม่ขยับเขยื้อน นั่งอยู่เช่นนั้น กอดนางไว้ เป็นตั่งให้นางเป็นเตียงให้นาง…
….
กู้ซีจิ่วหลับสนิททั้งคืน ยามตื่นขึ้นมาก็ติดนิสัยมองไปที่เตียงข้างๆ…
สิ่งที่เธอเห็นมิใช่เตียงใหญ่หลังนั้นของตี้ฝูอี แต่เป็นตั่งคนงาม
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ จำได้ว่าตนออกจากเรือนพักของเขา ที่นอนอยู่ยามนี้คือศาลากลางน้ำ…
“ตื่นแล้วหรือ?” เสียงหนึ่งดังมากจากด้านข้าง
เธอหันมองตามสัญชาตญาณ เห็นตี้ฝูอีนั่งอยู่หน้าโต๊ะเล็กไม้ชิงชันตัวหนึ่งด้านข้างเธอ กำลังร่างภาพบางอย่างอยู่
กู้ซีจิ่วค่อนข้างมึนงง “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร ร่างภาพอยู่ตรงนั้นต่อไป
อันที่จริงฉากนี้พบเห็นอยู่เป็นประจำในหลายวันที่ผ่านมา หลังจากกู้ซีจิ่วใช้ชีวิตอยู่กับเขามาสิบกว่าวัน ก็ทราบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ยุ่งมากจริงๆ ทุกวันมีเอกสารมากมายที่เขาต้องสะสาง กู้ซีจิ่วไม่รู้เลยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนมาจัดการเอกสารมากมายถึงเพียงนี้ ทุกวันยามเช้าตรู่มู่เฟิงจะหอบเอกสารกองใหญ่เข้ามาส่งให้เสมอ…
หลายวันมานี้ทุกเช้ายามเธอตื่นนอนก็จะเห็นเขาแผ่นหลังเขานั่งสะสางเอกสารอยู่ตรงนั้นประจำ
แน่นอน ตอนนั้นเขาอยู่ในร่างของเธอ แผ่นหลังที่เธอมองเห็นก็คือแผ่นหลังของเธอเอง…
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ตอนนั้นเขาใช้ร่างของเธอ ทว่ายามที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับมอบความรู้สึกมั่นคงน่าพึ่งพายิ่งนักแก่ผู้อื่น
กู้ซีจิ่วส่ายหัว สะบัดความรู้สึกนี้ทิ้งไป เธอลุกขึ้นนั่ง เสื้อคลุมตัวหนึ่งลื่นไถลจากร่างเธอ เธอคว้าเสื้อคลุมตัวนอกที่กำลังจะร่วงไว้ทันที หยิบขึ้นมาดู เป็นของเขา…
ดูเหมือนเขาจะตามมาหลังจากเธอหลับไปแล้ว เกรงว่าเธอจะหนาวเลยเอาเสื้อคลุมตัวนอกมาห่มให้เธอ
ยามที่เขาอบอุ่นขึ้นมาช่างอันตรายโดยแท้!
ทำให้หัวใจที่เธอพยามสงบไว้อย่างยากลำบากมีแนวโน้มว่าจะสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
เธอสูดลมหายใจนิดๆ ข่มความรู้สึกอันน่าพิศวงของตนไว้ กระแอมคราหนึ่งพลางยืดกายขึ้น โยนเสื้อคลุมกลับไปให้เขา ยิ้มอย่างผ่อนคลายแวบหนึ่ง “ขอบคุณสำหรับเสื้อคลุมของท่าน ขอบคุณนะ”
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ทราบว่านางกำลังพยายามดึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลับไปอยู่ในระดับของสหายทั่วไป ดวงตายฉายแววล้ำลึกแวบหนึ่ง ยิ้มออกมาเช่นกัน “เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้าเช่นนี้อยู่เสมอ”
กู้ซีจิ่วทำเป็นฟังความนัยของเขาไม่ออก มองสิ่งที่เขาวาดอยู่บนโต๊ะ นั่นคือค่ายกลอย่างหนึ่ง…
“ติดตั้งไว้ด้านนอกแล้วหรือ?” เธอถาม
ตี้ฝูอีชี้ผังค่ายกลที่อยู่บนโต๊ะ “ซีจิ่ว ผังค่ายกลนี้ข้าทำเสร็จสมบูรณ์ไปบ้างแล้ว เจ้ามาดูสิ ว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมหรือไม่?”
เมื่อพูดจาเข้าประเด็น กู้ซีจิ่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เข้าไปดูผังค่ายกลนั้นจริงๆ ฟังเขาอธิบายก่อน ก้มหน้าพิจารณาอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง เริ่มเสนอแนะความคิดเห็นของตน
————————————————————————————-
บทที่ 822 ปลุกขวัญ
เธอไม่คุ้นชินกับค่ายกลโบราณเท่าไหร่ แต่เธอมีความรู้ที่หลากหลายของยุคปัจจุบัน และเชี่ยวชาญด้านการตั้งกระบวนทัพ ถึงขั้นที่ว่าสามารถใช้วัตถุดิบของยุคนี้มาสร้างระเบิดที่มีพลังทำลายล้างสูงจนน่าตกใจได้
เธอใช้ความรู้บางส่วนจากยุคของตนมาปรับเข้ากับค่ายกล ย่อมทรงอานุภาพขึ้นมาก
ทั้งสองคนปรึกษาหารือแบบหัวจุ่มกันอยู่ตรงนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ศึกษาจนเกือบสมบูรณ์แล้ว
ตี้ฝูอปรบมือเรียกมู่อวิ๋น มอบผังค่ายกลนั้นให้เขา ให้เขาไปเตรียมการ ขณะที่กำลังยุ่งวุ่นวาย มีคนด้านนอกเข้ามารายงานว่า “พวกอาจารย์ใหญ่กู่จะออกเดินทางแล้วขอรับ…”
….
พวกกู่ฉานโม่พอฟ้าสางก็เรียกรวมพล เตรียมตัวออกเดินทาง
ยามที่กู่ฉานโม่ให้โอวาทปลุกขวัญแก่เหล่าศิษย์ กู้ซีจิ่วก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ส่วนตี้ฝูอีและหลงซือเย่ยืนอยู่บนเวที ในเมื่อสองคนนี้อยู่ด้วย กู่ฉานโม่ย่อมเชิญพวกเขามาเป็นขวัญกำลังใจแก่ศิษย์ของตนด้วย
ตี้ฝูอีค่อนข้างเฉื่อยชา เขาคร้านจะพูด ด้วยเหตุนี้หน้าที่จึงตกอยู่ที่หลงซือเย่แทน มิเสียทีที่เป็นเจ้าสำนัก วาจาที่เอ่ยมีน้ำหนักยิ่ง ย่อมปลุกขวัญกำลังใจของผู้คนได้ ไม่ว่าอาจารย์หรือลูกศิษย์ล้วนถูกปลุกเร้าให้ฮึกเหิม
อวิ๋นชิงหลัวปนอยู่ในกลุ่มศิษย์ด้วย ในที่สุดก็สามารถแหงนหน้ามองเงาร่างในอาภรณ์ม่วงบนเวทีอย่างผ่าเผยได้แล้ว แววตาของนางค่อนข้างประหลาด มีทั้งปวดร้าวและเป็นสุข
ระหว่างที่นางกำลังมองตี้ฝูอีย่อมกวาดตามองกู้ซีจิ่วที่อยู่ห่างจากนางไม่กี่แถวด้วยแวบหนึ่ง สีหน้าเธอราบเรียบอยู่ตลอด เธอก็กำลังมองบนเวทีเหมือนกัน ไม่ทราบว่าเธอกำลังมองตี้ฝูอีหรือว่ามองคนอื่น…
หลังจากกล่าวปลุกขวัญเสร็จ กู่ฉานโม่ก็พาคนออกเดินทาง…
เนื่องจากอาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วกับอวิ๋นชิงหลัวยังไม่หายดีทั้งคู่ ดังนั้นสองคนนี้จึงรั้งอยู่ ผู้ที่รั้งอยู่เช่นกันคือหลงซือเย่และตี้ฝูอี รวมถึงเด็กรับใช้อีกหลายคนที่ต้องคอยจัดการเรื่องจุกจิก
พวกกู่ฉานโม่เดินทางว่องไวนัก ผ่านไปหนึ่งเค่อ สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่เคยคลาคล่ำด้วยอัจฉริยะที่มีกำลังรบพอๆ กับกองทัพหนึ่งก็กลายเป็นเมืองร้าง
อวิ๋นชิงหลัวมองตี้ฝูอีเดินลงมา ตรงไปจูงมือกู้ซีจิ่วเดินจากไป “ซีจิ่ว ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นที่สวนสวรรค์สุคันธา”
สวนสวรรค์สุคันธาเป็นสวนดอกไม้ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ด้านในมีพืชพรรณหายากมากมาย เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ หลายวันมานี้ตี้ฝูอีพากู้ซีจิ่วไปเที่ยวเล่นที่นั่นเสมอ ดังนั้นถึงคราวนี้เขาพาเธอไปอีกคนอื่นก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด
อวิ๋นชิงหลัวยืนอยู่ตรงนั้นมองพวกเขาเดินห่างออกไป มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น นางดีดปลายนิ้วเล็กน้อย ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งวาบขึ้นมาในอากาศ ตามประกบสองคนนั้นไป
จากนั้นนางก็หันหลังกลับเรือนตน พอเข้าไปในห้องนอนตน หุ่นเชิดตัวนั้นก็โผล่ออกมาจากมุมมืด “เป็นอย่างไร?”
อวิ๋นชิงหลัวสูดหายใจเบาๆ “ทุกอย่างปกติดี พวกเจ้า…สามารถลงมือได้แล้ว!”
หุ่นเชิดร่างมนุษย์ตัวนั้นก้าวขึ้นไปบนเตียง โอบนางไว้ “เด็กดี ความปรารถนาของเจ้ากำลังจะเป็นจริงแล้ว เหตุใดจึงดูเหมือนไม่ค่อยดีใจเล่า?”
อวิ๋นชิงหลัวค่อนข้างหงุดหงิด หุ่นเชิดที่สวมหน้ากากตัวนี้เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเหมือนตี้ฝูอีทุกประการ แต่หลังจากมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง บุคลิกและนิสัยก็แตกต่างกับตี้ฝูอีอย่างยิ่ง ต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้นางหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ…
นางยื่นมือผลักเขาออกไป “รีบไปจัดการเถอะ!”
หุ่นเชิดตัวนั้นกลับตรงเข้ากอดนางไว้ เขยิบไปหัวเราะข้างหูนาง “เด็กดี ความปรารถนายังได้ได้รับการเติมเต็มเลย เวลายังมีถมเถ ข้าจะเติมเต็มให้เจ้าเสียก่อน!” พลางยื่นมือไปกระชากอาภรณ์นาง!
อวิ๋นชิงหลัวเดือดดาล ยามนี้หุ่นเชิดตัวนี้ไม่มีเงาของตี้ฝูอีอยู่เลย!
เงาหลังของตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วที่จับจูงกันจากไปแวบขึ้นเบื้องหน้านาง หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมา!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น