อยากกินไหมล่ะ 814-816

 บทที่ 814 ฉันเลือกนาย

หยางซู่ซินมั่นใจในความสามารถอย่างตัวเองมาก เขาเชื่อว่ามันคุ้มค่าแก่ความพยายามในการทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าตราบเท่าที่เขาสามารถหาคนที่สามารถแกะสลักได้ดีเท่ากับเขาหรือด้อยกว่าเขาแค่นิดหน่อยก็ได้


น่าเสียดายที่เขายังไม่เจอใครที่ตรงกับเงื่อนไขของเขาเลยสักคนเดียว ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากลดมาตรฐานลง ถ้าหากสองคนไม่สามารถทำผลงานแกะสลักให้เสร็จได้ สามคนก็ยังดี


แต่หยางซู่ซินก็ไม่อยากนึกถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ อีกทางหนึ่งมากคนก็ยิ่งมากความและงานแกะสลักก็ยิ่งไม่สมบูรณ์แบบไปกันใหญ่ ส่วนอีกด้านหนึ่งสองคนทำงานอันน่าทึ่งจนเสร็จย่อมฟังดูดีกว่าสามคนทำเป็นไหนๆ


ถึงแม้จะไม่ได้ระบุชื่อเอาไว้ แต่หยางซู่ซินกลับหนีไม่พ้นการไล่ตามชื่อเสียง


ในวันที่สอง เขาก็ยังไม่พบตัวผู้สมัครที่น่าพึงพอใจแต่อย่างใด ตอนนั้นเขาพลันนึกถึง “คนดังทางอินเตอร์เน็ต” ที่บุตรชายของเขาแนะนำขึ้นมาเมื่อวานนี้ได้


“ยังมีผู้มีพรสวรรค์อยู่ท่ามกลางคนธรรมดาอยู่อีกมากมาย ขอฉันดูเขาเสียหน่อยเถอะ” หยางซู่ซินเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มค้นหาโดยมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัว


เขาค้นหาคำสำคัญอยู่หลายคำและพบข่าวเกี่ยวกับคนผู้นี้อยู่มากมายเหลือเกิน จากนั้นเขาก็เปิดเว็บพอร์ทัลอย่างสุ่มๆ


[เมื่อวานนี้ บรรณาธิการ…]


เขาไม่สนใจที่จะอ่านคำอธิบายของวิดีโอเนื่องจากพวกบรรณาธิการสามารถเขียนอะไรที่เขาต้องการลงไปก็ได้ ดังนั้นหยางซู่ซินจึงเล่นวิดีโอในทันที


ในช่วงเริ่มต้นของวิดีโอเป็นสถานการณ์นอกร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มีรถบรรทุกมาส่งน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่นั่น


“สภาพแวดล้อมของการแกะสลักไม่เข้าท่าเกินไปแล้ว” หยางซู่ซินพูดในใจ ทั้งอุณหภูมิหรือสภาพแวดล้อมช่างไม่น่าพอใจเอาเสียเลย นอกเหนือไปจากนั้นเขายังสามารถมองเห็นบรรดาผู้ชมบริเวณร้านได้ชัดเลยเชียวล่ะ และนั่นหมายความว่ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมอยู่ตรงนั้นและช่างแกะสลักคงไม่อาจมีสมาธิจดจ่อกับการแกะสลักได้เป็นแน่


ไหนๆก็เริ่มวิดีโอมาแล้วก็ขอให้ฉันได้ดูต่อไปเถอะ หยางซู่ซินคิดอยู่ในใจ เมื่อเขาพบคนที่ใช้มีดทำครัวแทนมีดแกะสลัก เขาก็ถึงกับทอดถอนใจออกมา


เขาจะสามารถจัดการกับน้ำแข็งก้อนใหญ่ขนาดนั้นไปได้อย่างไรกัน?


ในวิดีโอ หยวนโจวเริ่มแกะสลักไปแล้วแต่จู่ๆวิดีโอก็หยุดลง เขาได้รับข้อความแจ้งเตือนว่า “โปรดล็อกอินเข้าเว็บไซต์เดิมของวิดีโอเพื่อดูแบบฉบับสมบูรณ์”


เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย? หยางซู่ซินคลิกเข้าไปแล้วหน้าเว็บก็เปลี่ยนทิศทางไปที่เว่ยป๋อ เมื่อเขาคลิกอีกครั้งก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบอีกครั้งว่า “โปรดล็อกอินเข้าบัญชีเว่ยป๋อของคุณ” เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?


“เว็บไซต์เดี๋ยวนี้ยุ่งยากชะมัดเลย ทำไมฉันต้องไปเข้าเว็บไซต์เดิมแล้วยังต้องเข้าไปล็อกอินอีกด้วยเล่า? ก็แค่เพิ่มมูลค่าของตัวเองด้วยการคิดค่าใช้จ่ายแพงๆไปอย่างนั้นเอง”


หยางซู่ซินจะไปมีบัญชีเว่ยป๋อซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายได้อย่างไรกันเล่า? ดังนั้นเขาก็เลยตัดสินใจว่าจะโทรไปถามบุตรชายของตนเองดูเสียหน่อย เนื่องจากเขาดูวิดีโอมาได้ครึ่งทางแล้วย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่ดูให้จบ นอกจากนั้นเขาก็ยืนกรานที่จะดูให้จบเนื่องจากจู่ๆเว็บไซต์ก็มายับยั้งมิให้เขาทำเช่นนั้นเสียได้ เขาก็เป็นคนหัวดื้อแบบนั้นแหละ


“ขอบัญชีเว่ยป๋อของแกหน่อยซิ” หลังจากโทรติดแล้ว เขาก็กล่าวขึ้นมาทันที


ทีแรกหยางหวั่นเซิงรู้สึกงงงันกับอีกด้านหนึ่งของปลายสาย เขาไม่เข้าใจว่าบิดาของตนจะขอบัญชีเว่ยป๋อของเขาไปทำไมกัน


ทันใดนั้นหยางหวั่นเซิงก็มีความคิดหลายอย่างอยู่ในหัว เขานึกอยู่สักพักแต่ดูเหมือนจะไม่ต้องทำอะไรกับเว่ยป๋อของตนเองเป็นพิเศษเลย


“ว่าไง? สัญญาณไม่ค่อยดีงั้นรึ?” หยางซู่ซินอดไม่ได้ที่จะถามออกมาเมื่อไม่ได้ยินอะไรจากอีกด้านหนึ่งของปลายสาย หลังจากนั้นหยางหวั่นเซิงก็ตอบออกมาง่ายๆทำให้หยางซู่ซินพูดต่อไปว่า “ฉันต้องล็อกอินเข้าเว่ยป๋อเพราะฉันอยากดูวิดีโอที่แกแนะนำน่ะสิ”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางหวั่นเซิงก็ถอนหายใจแล้วบอกบัญชีของเขาเองให้หยางซู่ซินได้รู้


หยางซู่ซินจัดการอยู่สักพักแล้วในที่สุดเขาก็สามารถล็อกอินเข้าไปดูวิดีโอฉบับสมบูรณ์ตอนที่หยวนโจวกำลังแกะสลักก้อนน้ำแข็งอยู่ตรงประตูร้าน


มีดทำครัวในมือของหยวนโจวเบากว่ามีดแกะสลักเสียอีก บรรดาผู้คนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียง “ฉัวะ ฉัวะ” ผลงานแกะสลักน้ำแข็งขนาดใหญ่ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างพร้อมเศษน้ำแข็งที่ร่วงหล่นลงมา


จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญอย่างหยางซู่ซินเอง ฝีมือการแกะสลักจัดว่ายอมเยี่ยมมากทีเดียว เหนือสิ่งอื่นใดหยวนโจวควบคุมน้ำหนักมือได้ดีเชียวล่ะ


ไม่ต้องบอกก็รู้ ปรากฏผู้มีพรสวรรค์ขึ้นท่ามกลางคนธรรมดาแล้ว


“เขาทำได้ยังไงกันนะ?” สายตาของหยางซู่ซินเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจเมื่อได้เห็นหยวนโจวแกะสลักหนวดมังกรทั้งสองเส้นที่ขยับไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ต้องมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ ความสามารถในการประสานงานและสายตาที่ดีขนาดไหนกัน?


แต่ในเมื่อความจริงมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หยางซู่ซินก็ต้องยอมรับมันแล้วล่ะ ในขณะเดียวกันเขาก็ครุ่นคิดอีกนิดหน่อยด้วยความสงสัยว่ามีดทำครัวเหมาะแก่การแกะสลักมากกว่าจริงๆน่ะหรือ


“ไม่ ไม่ ไม่ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกน่า ยังไงขนาดก็ไม่เหมาะอยู่ดี มีดทำครัวจะเหมาะแก่การแกะสลักไปได้ยังไงกันเล่า?” หยางซู่ซินส่ายหน้าซ้ำๆเพื่อปฏิเสธความคิดของตัวเอง


เขามุ่งความสนใจของตนเองไปที่การดูวิดีโออีกครั้งอย่างเอาจริงเอาจัง


ในตอนท้ายนั้น หยวนโจวเริ่มสลักปากและเขี้ยวมังกรตลอดจนเขามังกรที่แลดูสง่างาม เทคนิคการใช้มีดของเขาช่างดูไร้ระเบียบเป็นอย่างยิ่งในสายตาของหยางซู่ซิน


สำหรับหยางซู่ซินที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีคงต้องบอกว่าช่างเป็นเทคนิคที่ไร้ระเบียบเสียจริงๆ มันไร้ระเบียบแบบแผนเกินไปแล้วจริงๆ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ส่วนหัวอันน่ากลัวของมังกรก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว


หยางซู่ซินไม่ทันสังเกตว่าวิดีโอกำลังจะจบลงแล้ว เขาจ้องมองหน้าจอตาไม่กะพริบแล้วรอดูว่าหยวนโจวจะแกะสลักกรงเล็บและเกล็ดมังกรได้อย่างไรกัน


แต่จู่ๆวิดีโอก็กระตุกแล้วหน้าจอก็ว่างเปล่าไปเลย


“เกิดอะไรขึ้นอีกเล่า? ทำไมหายไปอีกแล้วล่ะ?” หยางซู่ซินคลิกเมาส์ด้วยความสับสนและพบว่าเป็นการเริ่มวิดีโอใหม่อีกครั้ง ไม่มีอะไรอีกแล้ว


“ทำไมถึงมีแค่ช่วงเริ่มต้นเองเล่า? ส่วนท้ายไปไหนกันล่ะเนี่ย?” หยางซู่ซินเริ่มค้นหาในอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง


เขาเล่นวิดีโอไปอีก 7 หรือ 8 ตอนติดๆกันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่วิดีโอทุกตอนจะมาสิ้นสุดลงตอนที่หยวนโจวแกะสลักหัวมังกรเสร็จแล้ว


แม้ว่าวิดีโอบางตอนจะยาวกว่า แต่ก็ยังไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากบางคนที่กำลังร้องอุทานออกมาด้วยความชื่นชมในตอนท้าย นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว


ให้ฉันลองเปลี่ยนคำสำคัญแล้วค้นหาดูหน่อยซิ หยางซู่ซินคิดอยู่ในใจ


แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม ยังคงมีแค่ส่วนหัวมังกรเท่านั้น คราวนี้หยางซู่ซินดูความคิดเห็นทั้งหลายแล้วถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนผู้นี้แกะสลักเฉพาะส่วนหัวเท่านั้นเอง


“น่าเสียดายชะมัดเลย! โชคร้ายอะไรอย่างนี้กันนะ! ถ้าเขาแกะสลักต่อไปก็จะเสร็จอยู่แล้วเชียว จะต้องเป็นผลงานแกะสลักระดับผู้เชี่ยวชาญเลยเชียวล่ะ” หยางซู่ซินดูเหมือนจะรู้สึกยังไม่พอใจและอยากจะดูต่ออีก


“น่าแปลกชะมัดคนผู้นี้ก็เป็นเชฟด้วยงั้นรึ?” หยางซู่ซินคลิกเมาส์แล้วเปิดเว็บไซต์ไป่ตู้ไป่เคอเกี่ยวกับหยวนโจวแล้วก็ต้องกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ


“ไม่แปลกที่เขาจะใช้มีดทำครัว เสียดายพรสวรรค์ชะมัดเลย มีฝีมือขนาดนี้มาเป็นเชฟเพื่ออะไรกัน?” หยางซู่ซินรู้สึกโกรธเล็กน้อย


ไม่แปลกหรอกที่หยางซู่ซินจะโกรธ ตลอดชีวิตของเขา เขาศึกษาผลงานแกะสลักน้ำแข็งตั้งแต่ยังเด็กจนกลายมาเป็นยอดฝีมือในวงการแกะสลักน้ำแข็งในตอนนี้ แน่นอนว่าความสำเร็จพวกนั้นย่อมต้องอาศัยความมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหยวนโจวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศในตอนนี้เลย


แน่นอนว่าหยางซู่ซินย่อมรู้สึกไม่พอใจเมื่อพบว่าหยวนโจวที่มีความสามารถในการแกะสลักน้ำแข็งมาออกขนาดนั้นแต่กลับเป็นเชฟอยู่บนไป่ตู้ไป่เคอ


“เชฟชื่อดังงั้นรึ? เถ้าแก่ร้านอาหารเล็กๆงั้นรึ?” หยางซู่ซินกำลังอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตัวหยวนโจวด้วยความคร่ำเคร่ง


“ร้านของสุดยอดเชฟผู้นี้ฟังดูคุ้นๆอยู่นะ” ความเคลือบแคลงวาบผ่านความคิดของหยางซู่ซิน แต่เขากลับไม่สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ สิ่งที่เขากำลังคิดในตอนนี้ก็คือเชิญหยวนโจวมาทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าด้วยกัน


“ฉันเคยได้ยินมาว่าเมืองเฉิงตูเป็นสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่ง การเดินทางไปที่นั่นจะน่าสนใจหรือเปล่านะ?” หยางซู่ซินตัดสินใจโดยไม่ลังเล


“รอให้เจ้าลูกชายกลับมาวันอาทิตย์นี้ก่อนเถอะ จะได้ให้เขาจัดการจองตั๋วให้ฉันเสียเลย” หยางซู่ซินตรวจสอบเวลาแล้วระงับความต้องการที่จะออกเดินทางในทันที อาหารดีๆจงอย่าได้รอช้า


ในเวลาแบบนี้ หยางซู่ซินรู้สึกค่อนข้างสบายใจที่บุตรชายเรียนมหาวิทยาลัยที่ไม่ไกลจากเขามากเท่าไหร่นัก ถึงอย่างไรในเวลาแบบนี้บุตรชายของเขาก็ไว้ใจได้มากกว่า


ขณะที่หยางซู่ซินตัดสินใจที่จะไปเมืองเฉิงตูนั้นก็มีลูกค้าแปลกหน้ามาอยู่ตรงประตูร้านหยวนโจวในยามบ่ายแล้ว


บทที่ 815 นวม

“วันนี้มันวันดีอะไรกันเนี่ย!” หลังจากเวลาอาหารกลางวันสิ้นสุดลง หยวนโจวก็ยกเก้าอี้ออกไปนอกร้านแล้วเตรียมที่จะแกะสลักก้อนน้ำแข็ง


เมืองเฉิงตูมืดครึ้งมาติดๆกันมาหลายวันจนมาแดดจ้าเอาวันนี้ แสงแดดทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่น นอกเหนือไปจากนั้นยังไม่บาดตาซ้ำยังเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมอีกต่างหากด้วย


“ที่จริงแกะสลักท่ามกลางแสงตะวันก็ไม่เลวนะ” สีหน้าของหยวนโจวกลับอ่อนโยนมากขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปทางผู้คนที่แวดล้อมอยู่รอบกายเพื่อมองภาพความคึกคักบนท้องถนน


ใช่แล้วล่ะ มีผู้ชมน้อยกว่าตอนที่จู่ๆเขาก็เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการแกะสลักเมื่อเร็วๆนี้เสียอีก นอกจากนั้นก็เพราะผลงาน “มังกรคู่ไล่กวดไข่มุก” เมื่อคราวที่แล้วยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี พวกเขาก็เลยรอให้เขาทำมังกรอีกตัวให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน


“เถ้าแก่หยวนจะแกะสลักมังกรตัวนั้นเสร็จไหมนะ?”


“ฉันโพสต์วิดีโอลงบนอินเตอร์เน็ตแล้ว มีแต่คนถามหาส่วนท้ายตรงแถบความคิดเห็นกันทั้งนั้นเลย”


“อืม ฉันก็โพสต์วิดีโอเหมือนกันแถมยังได้มาเป็นร้อยๆไลค์ง่ายๆเลยเชียวล่ะ”


“ถูกเผงเลย เถ้าแก่หยวนได้รับความนิยมทางอินเตอร์เน็ตมานานแล้วนะ ไม่ใช่เพียงเพราะผลงานแกะสลักน้ำแข็งหรอก”


คนที่บอกว่าเป็นลูกค้าขาประจำและพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่ต่างเป็นผู้ที่ดำเนินกิจการอยู่ทางด้านข้างกันทั้งนั้น คนพวกนี้ชอบมาดูหยวนโจวแกะสลักทุกทีทีมีเวลาว่าง


ถึงอย่างไรตอนที่หยวนโจวแกะสลักก็สร้างความสนุกให้พวกเขาด้วย


ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นมาจากทางด้านหลัง เธอเบียดเข้ามาในกลุ่มฝูงชนเมื่อตอนที่พวกเขากำลังมุงดูเหตุการณ์พลางสนทนากันด้วยเสียงกระซิบเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนหยวนโจวเข้า


หญิงสาวผู้นั้นยังเยาว์นัก ผมเผ้าของเธอถูกมวยเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมเปิดเปลือยหน้าผากสะอาดเกลี้ยงเกลาของเธอ แต่เธอกลับมีหน้าตาที่ดูธรรมดาและพาให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม เธอแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวกับเสื้อคลุมสีเทารวมไปถึงกางเกงขายาวสีดำพร้อมรองเท้าหนังสีขาวคู่เล็ก นอกเหนือไปจากนั้นเธอยังถือกล่องใบใหญ่เอาไว้ในมืออีกด้วย


บุคลิกของเธอดูผ่อนคลายและสดชื่นมากทีเดียว เธอเดินตรงไปยังตำแหน่งที่หยวนโจวนั่งอยู่


“ฮะ? ใครกันล่ะนั่น?” หลังจากเธอเดินผ่านฝูงชนไปแล้วจู่ๆก็มีบางคนนึกขึ้นได้แล้วกล่าวเช่นนั้นออกมา


หญิงสาวผู้นั้นเริ่มพูดคุยกับหยวนโจวเมื่อตอนที่บรรดาผู้ชมต่างมองหน้ากันเอง


แต่บรรดาผู้ชมก็ไม่ได้อยู่ใกล้พวกเขาจึงทำให้ไม่ได้ยินพวกเขาชัดเจนนัก และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสนทนากันตั้งแต่ต้น


ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ไม่สามารถได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขาจากระยะทางที่ไกลออกขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่สามารถได้ยินหยวนโจวกับหญิงสาวผู้นั้นคุยกันด้วย


หญิงสาวผู้นั้นไม่สนใจว่าบรรดาผู้ชมจะคิดอย่างไรกันจริงๆ เธอมองดูประตูไม่เว้นแม้แต่ป้ายร้านแล้วค่อยมองไปทางหยวนโจวแล้วกล่าวขึ้นมาในที่สุดว่า “ขอถามหน่อยนะคะว่าคุณใช่เถ้าแก่หยวนหรือเปล่า?”


หยวนโจวมองหญิงสาวผู้นั้นแล้วค้นหาจากความทรงจำของตัวเองอย่างจริงจัง เขาจะไม่ตอบคำถามของเธอจนกว่าจะยืนยันได้ว่าเขาไม่รู้จักเธอจริงๆ “ครับ ผมเอง”


“มีคนขอให้ฉันนำของสิ่งนี้มาให้คุณน่ะค่ะ” เมื่อเห็นหยวนโจวพยักหน้า หญิงสาวผู้นั้นก็ยกกล่องที่อยู่ในมือของเธอขึ้นมาแล้วมอบให้เขาทันที


แต่ดูเหมือนหญิงสาวผู้นั้นจะค่อนข้างเอาจริงเอาจังตอนที่มอบกล่องให้หยวนโจวมากทีเดียว รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของเธอกลับเลือนหายไปและมีสีหน้าเคร่งเครียดมาแทนที่ เธอมอบกล่องให้หยวนโจวด้วยสองมือ


“ขอบคุณครับ ขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ” หยวนโจวลุกขึ้นมารับกล่องเองกับมือแล้วกล่าวขึ้นมา


“ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้า


กล่องมีสีเทาและดูไปแล้วเนื้อดีทีเดียว ตัวกล่องที่มีแถบสีเข้มหลายๆเส้นอยู่บนพื้นผิวมีความกว้างขนาดกระเป๋าแลปท็อปขนาด 17″ และมีความสูง 25ซม. แต่กลับไม่หนักเลยสักนิดเดียว


“ผมดูได้ไหมครับ?” หยวนโจวถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน


“ได้สิคะ คุณเปิดดูได้เลย” หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้า “ฉันแค่ได้รับการไหว้วานให้นำมาให้คุณเท่านั้นเองค่ะ”


“สวบสาบ” กล่องเปิดไม่ยาก หยวนโจวจึงดึงริบบิ้นสีดำออกแล้วเปิดกล่องได้เลยทันที


“นี่คือ..?” ความคลางแคลงและความประหลาดใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยวนโจวกลับชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ


เพราะสิ่งที่อยู่ในกล่องคือนวมคู่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นนวมชกมวยเก่าๆที่แสนจะคุ้นตาคู่หนึ่งอีกต่างหาก


นวมคู่นี้มีอยู่สามสีคือ ดำ แดงและขาว ตรงส่วนข้อมือจะเป็นสีแดงขณะที่ยี่ห้อบนนวมเป็นสีขาว ส่วนยี่ห้อจะเป็นคำว่า “Reyes” ในภาษาอังกฤษซึ่งน่าจะเป็นยี่ห้อของนวมพวกนั้นนั่นเอง


โดยมีรอยถลอกที่เห็นได้ชัดอยู่ตรงสนับของนวม แถมหัวแม่มือของนวมก็เสียหายไปเยอะแล้วด้วย พื้นผิวสีดำที่เสียหายไปค่อนข้างเยอะเผยให้เห็นสีขาวที่อยู่ภายใต้พื้นผิว


แต่นวมชกมวยที่เสียหายเยอะเสียขนาดนั้นกลับสะอาดสะอ้านมากทีเดียว เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าของต้องดูแลรักษานวมมาอย่างดีเป็นแน่


“คนที่ชื่อซ่งอันไหว้วานให้ฉันนำมาให้คุณค่ะ เถ้าแก่หยวน” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวอย่างอ่อนโยน


“ให้ผมเหรอครับ?” เดิมทีหยวนโจวก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปเล็กน้อย ซ่งอันเป็นชื่อที่เขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย แต่กลับฟังดูแปลกประหลาดมากกว่า


เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำพวกนั้นแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวผู้นั้น จากนั้นก็ราวกับว่าจะได้รับคำตอบแล้ว เขาจึงรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว


“เขาเป็นนักมวยค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าแล้วกล่าวเสริมขึ้นมา


“นักมวย” หยวนโจวพูดทั้งสองพยางค์ซ้ำๆครั้งหนึ่งด้วยท่าทีประหลาดใจ


ความทรงจำทั้งหลายเริ่มปะติดปะต่อกัน นวมชกมวยกับนักมวยมักจะก่อให้เกิดบาดแผลบนใบหน้าอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยเอ่ยชื่อตัวเองกับใครเลยนี่นา


“ใช่ค่ะ เขาบอกว่าอยากวางนวมเอาไว้ในร้านของคุณ แล้วเขาก็บอกว่ามีลูกค้าที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายในร้านนี้เลยแหละค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เขาบอกว่ารู้สึกปลื้มปีติมากทีเดียวที่ได้อยู่ในร้านนี้ค่ะ”


“อา โอเคครับ ผมจะดูแลพวกมันแทนเขานะครับ เขามารับไปเมื่อไหร่ก็ได้ที่ว่างเลยนะครับ” จู่ๆหัวใจของหยวนโจวก็พลันเต้นรัวเมื่อสัมผัสกับนวมคู่นี้ เขาเงยหน้าขึ้นมาทันทีแล้วกล่าวอย่างแน่วแน่


“แต่เขา …” เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น เธอก็นึกว่าตนไม่เข้าใจเสียเอง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้รับการฝากฝังเอาไว้แล้ว เธอก็อ้าปากเตรียมที่จะเล่าเรื่องให้เขาฟังชัดๆในทันที


แต่เธอยังไม่ทันจะได้เริ่มก็ถูกหยวนโจวขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อนว่า “เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่ต้องรบกวนให้คุณมาส่งนวมให้ผมด้วยนะครับ ผมจะดูแลพวกมันเป็นอย่างดีเชียวล่ะครับ”


ถึงแม้ว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นกับใบหน้าของหยวนโจวเลยก็ตามที แต่หยวนโจวก็ขัดจังหวะคำพูดของหญิงสาวผู้นั้นอย่างหยาบคายมากเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว นอกเหนือไปจากนั้นน้ำเสียงของเขาก็ค่อนข้างดังมากเลยด้วย


เขาก้มหน้ามองนวมในกล่อง แม้แต่ความสงบนิ่งตามปกติก็ยังอันตรธานหายไปจากใบหน้าของหยวนโจวเสียจนสิ้น เขาเงยหน้าขึ้นแล้วปิดกล่องอย่างแรงและหลังจากนั้นเขาก็มองไปทางหญิงสาวผู้นั้น


“โอเค งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ทีแรกหญิงสาวผู้นั้นรู้สึกตกตะลึงเมื่อตอนที่ถูกขัดจังหวะ แต่เมื่อเธอพบว่าหยวนโจวก้มหน้าลงแล้วดูเหมือนจะเศร้าโศกเสียใจอยู่บ้างราวกับเขาเข้าใจบางอย่างแล้ว เธอก็เลิกพยักหน้าแล้วกล่าวอำลาเขาเสียเลย


“ขอบคุณที่นำสิ่งนี้มาให้ผมนะครับ คราวหน้าผมจะเลี้ยงน้ำคุณเองครับ ลาก่อน” หยวนโจวพยักหน้า เขารอจนกระทั่งหญิงสาวผู้นั้นหันหลังออกจากร้านไป


หยวนโจวยืนนิ่งราวกับเสาอยู่อย่างนั้นอีกไม่กี่วินาทีพร้อมกล่องที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นเขาก็ใส่มันเอาไว้บนชั้นวางดอกไม้ทางด้านข้างแล้ววางให้เข้าที่เข้าทาง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ายังไม่เหมาะสมจึงเปลี่ยนตำแหน่งไปอีกหลายแห่ง


แต่เขาก็ยังไม่เจอตำแหน่งที่รู้สึกว่าเหมาะสมเลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกได้แต่วางเอาไว้บนโต๊ะรับประทานอาหารค่ำเป็นการชั่วคราว จากนั้นเขาก็หันหลังไปปิดประตูร้าน


ประตูปิดกั้นแสงแดดไปจนสิ้น เมื่อต้องยืนอยู่ในร้านเล็กๆที่จู่ๆก็มืดมิด หยวนโจวไม่ได้เปิดไฟพร้อมกันในรวดเดียวเช่นเคย แต่เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นอยู่ราวๆสิบวินาทีแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปพร้อมกล่องในอ้อมแขน


“ตึก ตึก ตึก” ร้านเงียบกว่าที่เคยหลงเหลือไว้เพียงเสียงฝีเท้าของหยวนโจวที่ดังสะท้อนอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น


เพียงไม่นานนักหยวนโจวก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองบนชั้นสองแล้ววางกล่องในมือเอาไว้บนโต๊ะ


หยวนโจวนั่งลงตรงหน้าโต๊ะ เขาเหม่อมองราวกับตกอยู่ในภวังค์และไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่


แม้แต่บรรดาผู้ชมนอกร้านก็ไม่รู้ว่าทำไมหยวนโจวจึงได้มีท่าทีเช่นนั้น


“เหมียว เหมียว เหมียว? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”, “ทำไมเถ้าแก่หยวนเข้าไปข้างในแล้วปิดร้านเลยเล่า?”, “หญิงสาวผู้นั้นคุยอะไรกับเถ้าแก่หยวนกันแน่นะ?”, “ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเถ้าแก่หยวนมากกว่า? เขาดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”


ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ไม่เคยมีท่าทีเช่นนั้นมาก่อนเลย เพียงแต่ว่าการกระทำที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ดูเหมือนจะเกินกว่าความรู้สึกสับสนไปแล้วน่ะสิ


ถ้าซุนหมิงอยู่ที่นั่นล่ะก็เขาคงจะสามารถรับรู้ว่าเป็นความรู้สึกสับสนแบบใดกันได้ก็เป็นได้ มันช่างคล้ายกับตอนที่เขาทราบข่าวการเสียชีวิตของบิดามารดาเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิดเลย


หยวนโจวนั่งลงตรงหน้าโต๊ะในห้องตัวเองอย่างเงียบงัน…


บทที่ 816 เหล้าที่ทำให้วันนี้รู้สึกมึนเมาเป็นพิเศษ

บรรดาผู้ชมที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอกรอคอยอยู่สักพักแต่แล้วก็ค่อยๆแยกย้ายกันไปเมื่อพวกเขาพบว่าร้านคงไม่เปิดเร็วๆนี้แน่


ในขณะเดียวกัน หยวนโจวก็นั่งอยู่ชั้นบนมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว เขานั่งตัวตรงและเท้าแขนเอาไว้ที่ขาโดยไม่เปลี่ยนท่าทางเลยสักนิด


“กริ๊ง กริ๊ง” ทันใดนั้นเสียงรอสายดังแสบแก้วหูก็ดังขึ้นในห้องอันว่างเปล่าและเงียบสงบ


หยวนโจวกะพริบตาแล้วมองไปทางโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่ด้วยความสับสน


“ถึงเวลาเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารค่ำแล้วล่ะ” หยวนโจวพลันบ่นพึมพำกับตัวเองขึ้นมาทันที


ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวตั้งนาฬิกาปลุกสำหรับเวลาอาหารค่ำเผื่อในกรณีที่เขาแกะสลักจนลืมเวลา


หยวนโจวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มเตรียมวัตถุดิบอย่างจริงจัง


ห้านาทีก่อนร้านเปิด หยวนโจวก็มาเปิดประตู บรรดาลูกค้าที่กำลังเข้าคิวรออยู่ด้านนอกยังเยอะตามเคย และโจวเจียก็ยืนรอเขาอยู่ตรงประตูด้วย


“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ เถ้าแก่หยวน” โจวเจียกล่าวทักทายพลางอมยิ้ม


หยวนโจวไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วกลับเข้าครัว


ในช่วงค่ำร้านค่อนข้างเสียงดังอึกทึกครึกโครมทีเดียว บรรดาลูกค้าต่างพากันสั่งอาหารขณะที่โจวเจียเองก็ยุ่งมากเช่นกัน


แต่มื้อค่ำก็คงอยู่ไม่นานเมื่อมีบางคนสังเกตพบสิ่งผิดปกติเข้า เขาหันมามองหยวนโจว


เขาเอาข้อศอกถองใส่ลูกค้าที่อยู่ข้างเคียงแล้วกล่าวว่า “วันนี้เถ้าแก่หยวนเป็นอะไรไปน่ะ? เขาดูแปลกๆชอบกล”


“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ เขาก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วแถมอาหารของเขายังอร่อยสุดยอดไปเลยอีกต่างหาก” ขณะที่พูดอยู่คนผู้นั้นก็หยิบถ้วยของอีกคนไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แถมยังรวดเร็วและเป็นธรรมชาติอีกต่างหาก


“เห็นได้ชัดเลยว่าอาหารหลายๆจานรสชาติอร่อยกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ฉันกำลังคุยเรื่องอื่นอยู่นะ ฉันรู้สึกว่าเถ้าแก่หยวนดูเหมือนจะไม่ร่าเริงเอาเสียเลย” มีคนมองไปทางอีกคนด้วยสายตาดูแคลนแล้วกล่าวต่อไป


“อืม ฉันก็รู้สึกว่าวันนี้เถ้าแก่หยวนไม่ปกตินะ” ม่านม่านที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้ายืนยันเช่นกัน


“นายก็เห็นด้วยกับฉันใช่ไหมล่ะ? ฉันเล่าเรื่องนั้นให้ฟังได้นะ” เนื่องจากมีสาวสวยเห็นด้วยกับเขา คนผู้นี้จึงเริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจังในทันที


“แม้ว่าเถ้าแก่หยวนจะไม่ได้พูดอะไรมากอย่างเคย แต่เขาก็มักจะมองมาทางเราหรือทักทายเราอย่างกระตือรือร้นทันทีที่ยกอาหารมาให้เรานะ แต่วันนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างแถมสีหน้ายังดูย่ำแย่แล้วก็เคร่งขรึมมากอีกต่างหาก” คนผู้นี้วิเคราะห์พลางแสร้งทำท่าทีเคร่งขรึม


“นายบอกสีหน้าของเถ้าแก่หยวนได้ยังไงในเมื่อเขาสวมหน้ากากอนามัยอยู่น่ะ?” เพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่ทางด้านข้างเผยท่าทีประหลาดใจออกมา


“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกน่า นายให้ความสนใจผิดประเด็นแล้วล่ะ” คนผู้นั้นเตือนเพื่อนร่วมงานของเขาอย่างใจเย็น


“ฉันคิดว่าฟังดูมีเหตุผลมากเลยเชียวล่ะ ดูเหมือนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเถ้าแก่หยวนนะ” ลูกค้าอีกคนก็เห็นได้กับเขา


“ถูกเผงเลย ฉันก็รู้สึกเหมือนกันนะ”


“หลังจากที่พวกนายเตือนขึ้นมา ฉันก็รู้สึกว่าวันนี้เขาดูแปลกๆไปนะ”


“เถ้าแก่หยวน นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลิงหงที่อยู่ทางด้านข้างใช้วิธีอันสุดแสนจะเปิดเผยและง่ายที่สุด เขาถามหยวนโจวไปตรงๆ


หยวนโจวไม่ได้ตอบเขาในทันที เขาจ้องมองตะหลิวที่อยู่ในมือด้วยความเคร่งเครียด จนกระทั่งนำอาหารที่วางลงบนถาดมาเสิร์ฟนั่นแหละเขาถึงพูดออกมาว่า “ฉันสบายดี”


“เอาล่ะ ถึงจะรู้สึกแปลกๆไปสักหน่อย แต่เขาก็น่าจะไม่เป็นไรล่ะนะ” หลิงหงได้ข้อสรุป


“งั้นก็ดี” เมื่อได้ยินคำตอบของหยวนโจวแล้ว ลูกค้าคนอื่นๆก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจเช่นเดียวกัน


เมื่อตัดสินจากลักษณะภายนอกแล้ว หยวนโจวดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลย แต่ในเมื่อเขาบอกเองนี่ว่าสบายดี เขาคงลังเลใจที่จะเล่าให้ผู้อื่นฟังเป็นแน่แท้


ดังนั้นบรรดาลูกค้าจึงไม่ได้ถามอะไรเขาอีก


หยวนโจวยังคงเป็นเหมือนเดิมและบรรยากาศเช่นนั้นก็คงอยู่ไปจนหมดเวลาเปิดผับ


เซินหมินเริ่มจัดการผับให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นวันที่สามแล้วนับตั้งแต่ผับเริ่มเสิร์ฟเบียร์ แต่ความสนใจของพวกขี้เมากลับไม่ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด เมื่อเทียบกับเหล้าไผ่กาเล็กๆแล้ว เบียร์ห้าแก้วค่อนข้างเยอะทีเดียวล่ะ


แต่นั่นก็ส่งผลทำให้งานของเซินหมินเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับตอนที่มีแค่เหล้าไผ่เท่านั้นแล้ว งานของเธอกลับยุ่งยากมากยิ่งขึ้นไปอีก


ถึงจะเป็นเช่นนั้นเซินหมินกลับไม่บ่นเลยสักนิด เมื่อเทียบกับงานของบริกรหญิงในร้านอื่น งานที่เซินหมินต้องทำมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ช่างเป็นความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้ว่าเธอจะต้องทำงานกะกลางคืนในผับก็ตามที


จริงๆแล้วพวกขี้เมาที่มาดื่มเหล้ายามค่ำคืนจะตระเตรียมทุกอย่างให้ตัวเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พวกเขาจะนำอาหารที่กินแกล้มกับไวน์มาเอง เอาล่ะจริงๆแล้วก็เป็นเพราะร้านหยวนโจวไม่ได้เสิร์ฟของพวกนี้นั่นเอง


ส่วนมากในช่วงที่ผับเปิดพวกขี้เมาจะไม่สนใจเซินหมินหรอก เธอไม่เพียงแค่ทำงานนิดๆหน่อยๆแต่ยังได้เงินเดือนสูงอีกต่างหากเมื่อเทียบกับบริกรหญิงคนอื่นๆแล้ว


ดังนั้นเซินหมินจึงรู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนั้นมาโดยตลอด เนื่องจากตอนนี้มีงานเพิ่มขึ้น แต่เธอกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิมเสียอีก


นั่นเป็นความคิดแบบเด็กๆและนั่นก็อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างคนดีกับคนเลวด้วย สำหรับคนธรรมดาๆแล้ว พวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เยอะกว่าที่สมควรจะได้ แต่สำหรับคนเลวแล้ว พวกเขายังต้องการมากขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าจะได้มาจนมากเกินพอแล้วก็ตามที


เมื่อเธอจัดการงานทุกอย่างจนเสร็จในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เซินหมินก็เดินเข้ามาหาเฉินเว่ยที่ประตู


“พี่เจอหรือยังคะ …?”


ก่อนที่เฉินเว่ยจะทันได้ตอบ เซินหมินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกล่าวว่า “เจอโทรศัพท์ของพี่หรือยังคะ?”


“อืม เจอแล้วล่ะ ขอบใจนะ” เฉินเว่ยรู้สึกโล่งอกโล่งใจ เขาขึ้นรถแท็กซี่จนเกือบกลับถึงบ้านแล้วแต่จู่ๆก็พบว่าโทรศัพท์ไม่อยู่ในกระเป๋า ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกได้แต่กลับมาอีกครั้ง


เซินหมินโบกมือเพื่อบ่งบอกว่ามันหาใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงเลยสักนิด จะว่าไปแล้วเซินหมินก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บสิ่งของที่สูญหายในผับอยู่แล้ว


อีกด้านหนึ่ง หยวนโจวรู้สึกลำบากใจที่จะเก็บไว้เอง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เคยมีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว เซินหมินเก็บต่างหูของเจียงฉางซี่ที่แม้แต่ตัวเจียงฉางซี่เองก็ยังนึกว่าทำตกหายในบริษัทเสียอีก แต่เซินหมินเก็บมันได้ตรงประตูร้าน


เจียงฉางซี่ไม่ได้มาที่ร้านหลายวันหลังจากนั้นจึงทำให้เซินหมินต้องส่งไปที่บริษัทของเธอโดยตรง ไม่แน่ชัดนักว่าต่างหูจะมีมูลค่ามากเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็คงจะไม่ใช่ถูกๆแน่ ดังนั้นหยวนโจวจึงไว้วางใจในตัวเซินหมินเอามากๆ


“ไปขึ้นรถแท็กซี่กัน ฉันจะไปส่งเธอเอง” เฉินเว่ยกล่าว


“ขอบคุณค่ะ พี่เฉิน” เซินหมินกล่าวขอบคุณเขา สาเหตุที่เซินหมินตอบตกลงทันทีก็เพราะพวกเขากำลังจะไปทางเดียวกันแถมเฉินเว่ยก็ยังต้องเดินทางต่อไปอีกจึงสามารถพาเซินหมินไปส่งได้อย่างสบายๆเลยล่ะ


“ฉันต่างหากเล่าที่ควรจะกล่าวขอบคุณน่ะ” เฉินเว่ยกล่าวขึ้นมา


พวกเขาคุยกันไปหัวเราะกันไป ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างดึกแล้วแต่ก็ยังมีรถแท็กซี่อยู่เยอะทีเดียว ดังนั้นในช่วงเวลาเพียงไม่นานนักพวกเขาก็เรียกรถแท็กซี่ได้แล้ว


ทันทีที่เฉินเว่ยนั่งลงตรงที่นั่งผู้โดยสารแล้ว เขาก็เริ่มคุยโทรศัพท์พลางจัดตารางสำหรับวันพรุ่งนี้ ไม่แปลกเลยที่เขาจะกลับเร็วขนาดนี้เพื่อมาโทรศัพท์ เขามีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเลยเชียวล่ะ


“พี่เฉิน พี่ยุ่งทุกวันเลยนะคะ โทรศัพท์พี่ดังอยู่ตลอดเลย” เซินหมินถามได้เหมาะเจาะ


“แหงอยู่แล้วก็ฉันต้องทำงานหนักนี่นา ไม่งั้นคงไม่สามารถมาดื่มเหล่าของเถ้าแก่หยวนได้หรอก” เฉินเว่ยตอบราวกับมันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า “ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ฉันต้อง …”


“พี่ต้องอะไรเหรอคะ?” เซินหมินค่อนข้างสงสัยคำพูดที่เฉินเว่ยกล่าวเอาไว้ครึ่งๆกลางๆมากทีเดียว


“ไม่มีอะไรหรอก” ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น เฉินเว่ยก็รับอีกสายหนึ่ง ในฐานที่เป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย เขาเกือบมาถึงจุดสูงสุดในสายอาชีพนี้แล้ว


ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามมองหาลู่ทางใหม่ๆในการเพิ่มรายได้เพื่อเอาไว้มาดื่มเหล้าของหยวนโจวให้ได้มากที่สุดเท่าที่อยากจะดื่มและด้วยเหตุผลบางประการ


ย้อนกลับไปข้างๆหยวนโจวกันบ้าง หยวนโจวไม่เป็นห่วงเซินหมินอีกเนื่องจากเฉินเว่ยกับเซินหมินกลับด้วยกัน จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากร้านไป


โดยปกติช่วงนี้หยวนโจวไม่ฝึกทำอาหารก็อ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง แต่เมื่อมองไปที่นวมชกมวยแล้ว คืนนี้เขาก็ไม่มีแก่ใจจะมาทำเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย


ทีแรกหยวนโจวตั้งใจที่จะหาที่แขวนนวม แต่หลังจากอยู่ชั้นบนมาร่วมๆสองนาทีแล้วก็ลงมาชั้นล่างอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็ปิดประตูร้านแล้วเดินไปผับที่อยู่ข้างเคียงผ่านประตูที่มีผนังเป็นทิวทัศน์อันงดงามตระการตา


เซินหมินเก็บข้าวของทุกอย่างแล้วปิดไฟทุกดวงเอาไว้แล้ว หลังจากมาถึงที่นั่น หยวนโจวก็เปิดไฟทุกดวงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


แสงสว่างสามารถขับไล่ความมืดออกไปได้


หยวนโจวหยิบแก้วเบียร์มาสามใบแล้วเดินขึ้นชั้นสองไป จากนั้นเขาก็วางนวมชกมวยลงบนโต๊ะ


“จู่ๆฉันก็อยากดื่มเบียร์ขึ้นมาเสียดื้อๆเลยแฮะ” วันนี้หยวนโจวค่อนข้างเงียบไป ถึงแม้ว่าผับที่อยู่ข้างเคียงจะเปิดนาน แต่เขาก็แทบไม่เคยขึ้นมาดื่มอะไรเลย


ม้านั่งหินเย็นเฉียบอยู่นิดหน่อย เนื่องจากเฉินเว่ยกับพวกขี้เมาคนอื่นๆกลับกันไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ความอบอุ่นที่หลงเหลืออยู่ก็สลายไปกับลมหนาวด้วย


ลมหนาวพัดผ่านใบไผ่ทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ หยวนโจวดื่มเบียร์ไปแก้วหนึ่งท่ามกลางลมหนาว


เนื่องจากเขารีบดื่มเบียร์เกินไปอีกทั้งไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มานานแล้วเพราะเกรงว่าจะส่งผลต่อการรับรสชาติของตนเอง เขาจึงสำลักนิดหน่อยระหว่างที่กำลังดื่มอยู่ เป็นผลทำให้หยวนโจวทำเบียร์หกบนโต๊ะไปหลายหยด


หยวนโจวตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่าเบียร์ไม่ได้หกใส่นวมแต่อย่างใด มีเบียร์ทั้งหมดหกหยดและอาจจะเป็นจำนวนที่บ่งบอกถึงความโชคดีก็เป็นได้


เขาดื่มต่อไป คราวนี้หยวนโจวดื่มช้าลงมากแล้ว เขาดื่มทีเดียวครึ่งแก้ว


เมื่อทานอาหารหรือไม่ได้ทานอาหารไปด้วยจริงๆแล้วทำให้เกิดความแตกต่างด้านรสชาติของเบียร์มากทีเดียว ถ้าไม่ได้ทานอาหารควบคู่ไปด้วย เบียร์ก็จะให้รสชาติที่ขมฝาดแม้ว่าจะเป็นเบียร์สดที่เจ้าระบบจัดเตรียมให้ก็ตามที


แต่ตอนนี้หยวนโจวไม่อยากทำอาหารอะไรทั้งนั้น เขากำลังคิดที่จะสั่งอาหารจากข้างนอกมากินเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ล้มเลิกความคิดไปในที่สุด


จากนั้นเขาก็ดื่มเบียร์ที่เหลืออีกครึ่งแก้วต่อ


“ไม่ค่อยเย็นเลย สงสัยฉันต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศเสียแล้วล่ะมั้ง?” หยวนโจวนึกขึ้นเล่นๆ


หลังจากดื่มเบียร์ไปอีกครึ่งแก้ว หยวนโจวก็เรอออกมาแถมยังปล่อยกลิ่นรุนแรงของเหล้าออกมาอีกต่างหาก


“ฉันนี่โง่เง่าเสียจริง ในเมื่อไม่มีหลังคาแล้วจะไปติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้ยังไงกันเล่า?” หยวนโจวทำลายความคิดของตัวเอง


ยังเหลืออีกแก้ว เขาจึงดื่มต่อไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)