ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 814-815
ตอนที่ 814 ศึกกับชวีเหยา (กลาง)
อีกด้านหนึ่งในมือหลัวเทียนเฉิงไม่รู้ว่าถือโคมทองแดงโบราณหน้าตาเรียบง่ายออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
บนตัวโคมค่อนข้างมันวาว มองไม่เห็นร่องรอยของอักขระชั้นจำกัดสักนิด เพียงแต่บนไส้โคมเปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าเม็ดถั่วดวงหนึ่งลุกไหม้ส่ายไหวไม่นิ่งตามสายลมอยู่
ขณะที่ใยไหมสีขาวแถบใหญ่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งจั้งกว่านั้น มือข้างหนึ่งของเขาก็ตั้งท่าเคล็ดวิชา แสงสีเงินสายหนึ่งร่วงลงบนไส้โคม
เปลวเพลิงสีเงินบนโคมโบราณส่งเสียงเปรี๊ยะๆ จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นในทันใด พร้อมกับที่เคล็ดวิชาชักนำ เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าศีรษะดวงหนึ่งก็พุ่งขึ้นฟ้า พริบตาร่วงลงบนใยไหมที่อยู่ใกล้ตรงหน้า
ใยไหมสัมผัสถูกเปลวเพลิงสีเงินปุบก็ถูกเผาจนเป็นจุณ ไม่เพียงเท่านี้เปลวเพลิงสีเงินยังม้วนแผ่ออกมา เพียงครู่เดียวใยไหมเกือบครึ่งหนึ่งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้
ชวีเหยาคล้ายหวั่นเกรงเปลวเพลิงสีเงินนี้อยู่บ้าง ร่างกายมหึมาส่องแสงสีน้ำเงินวูบหนึ่ง จากที่โถมเข้ามาโจมตี การเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลงจนร่วงลงด้านข้าง ในดวงตาแมลงทั้งคู่ประกายดุร้ายไหลวนไม่หยุด
มันเก็บใยไหมสีขาวเต็มฟ้ากลับไปรวมเป็นตาข่ายไหมสีขาวชั้นหนึ่งหน้าร่าง ปกป้องตัวมันอยู่ด้านใน
บุรุษผมม่วงยามนี้หันศีรษะกลับมามองหลัวเทียนเฉิงนิ่ง ก่อนหน้านี้ตอนทั้งสองคนถูกขังอยู่ในมิติประหลาดฟาดฟันกับชวีเหยา หลัวเทียนเฉิงไม่ได้นำโคมทองแดงโบราณดวงนี้ออกมา เห็นชัดว่าตอนนั้นยังเก็บงำฝีมือไว้อยู่
หลิ่วหมิงกับชายหนุ่มรถเงินเห็นหลัวเทียนเฉิงกับบุรุษผมม่วงสองคนขวางการโจมตีระลอกหนึ่งไว้ได้ก็ไม่ถอยหลังอีกต่อไป ร่างกายขยับเหาะเข้าใส่ชวีเหยาจากอีกทิศทางหนึ่ง ทั้งสี่คนล้อมชวีเหยาตัวนี้ไว้ตรงกลาง
“เหอะ! คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าเด็กรุ่นหลังไม่กี่คนจะไม่ใช่พวกฝีมือดาษๆ พลังระดับผลึกกระจอกๆ ถึงกับบีบข้ามาจนถึงขั้นนี้” ร่างครึ่งบนของชวีเหยาพลันยกตัวขึ้น ตาแมลงทั้งสองข้างเปล่งแสงสีแดงกวาดผ่านบนร่างสี่คนที่ล้อมมันอยู่อย่างเร็วไว เสียงยังคงเป็นเสียงสตรี แต่น้ำเสียงน่าขนลุกอย่างยิ่ง
เพิ่งสิ้นเสียงในร่างกายอวบอ้วนของมันก็มีเสียง “ฟู่ๆ” แผ่วเบาดังขึ้นต่อกันเป็นพรวน รูอากาศสองแถบที่หัวฉับพลันหุบลงแล้วขยายกว้างขึ้นในทันใด ไอหมอกสีเทาแถบแล้วแถบเล่าทะลักออกมาจากด้านใน
ไอหมอกสีเทาชั่วพริบตาห้อมล้อมพื้นที่สิบกว่าจั้งรอบตัวไว้ ร่างกายมหึมาของมันจมหายไปกลางไอหมอกสีเทา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่
สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือใยไหมที่เดิมทีสีขาวเหล่านี้ เมื่ออยู่ท่ามกลางไอสีเทาประหลาดนี่ก็พร่าเลือนซ่อนเร้นหายไป
บุรุษผมม่วงเห็นสถานการณ์นี้ ลวดลายจิตวิญญาณสีเหลืองดำบนใบหน้าก็กะพริบ เงาผีด้านหลังร่างฉับพลันท้องน้อยนูนออกมา สองตาประหนึ่งโคมไฟยิ่งแดงก่ำขึ้นหลายส่วน มันอ้าปากกว้าง พ่นลูกบอลเพลิงสีเขียวเข้มขนาดเท่าศีรษะสิบกว่าลูกออกมาเป็นพรวน
หลัวเทียนเฉิงเห็นบุรุษผมม่วงลงมือก็ไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งขึ้นเช่นกัน โคมทองแดงโบราณกลางฝ่ามือส่งเสียงดัง “ฟู่ๆๆ” ออกมาพักหนึ่ง เปลวเพลิงสีเงินสามดวงก็บินตามกันออกมากลายเป็นแสงสีเงินสามสายพุ่งเร็วรี่เข้าใส่ชวีเหยา
ชายหนุ่มรถเงินอีกด้านหนึ่งตบข้างเอว แสงสีแดงดวงหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมา มันโต้ลมกลายเป็นหุ่นงูยักษ์สีแดงขนาดเท่าถังน้ำยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่ง
ร่างกายของงูยักษ์ขดแล้วยืดออก หัวงูแหงนตั้ง ตางูสองข้างเปล่งแสงสีเขียวเย็นเยียบน่าขนลุก มันอ้าปากกว้างพ่นน้ำพิษสีเขียวออกมาใส่ฝั่งตรงข้ามไม่ขาดสาย
หลิ่วหมิงย่อมไม่อยู่เฉยเช่นกัน สายตาส่องสว่างเล็กน้อย มือก็ตั้งท่าเคล็ดวิชา อ้าปากพ่นกระบี่ว่างเปล่าออกมา
กระบี่บินสีทองส่ายไหววูบหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีทองผืนใหญ่ซัดออกไป
ทั้งสี่คนเดินมาถึงจุดนี้ได้ย่อมเป็นศิษย์ที่สุดยอดที่สุดซึ่งแต่ละนิกายส่งมาเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ครั้งนี้ ครานี้ร่วมมือกันกระหนาบโจมตี พลังจึงน่าตะลึงอย่างที่สุด
ชั่วขณะสีเขียวเข้ม สีเงิน สีเขียว สีทอง การโจมตีต่างชนิดสี่ประเภทแทบจะจมลงไปกลางไอหมอกสีเทาตรงกลางอย่างดุดันพร้อมกัน ทำให้ไอหมอกปั่นป่วนอย่างรุนแรงระลอกหนึ่ง
ทว่าครู่ต่อมา ภาพที่ทำให้ทั้งสี่คนหน้าถอดสีก็บังเกิดขึ้น!
หลังการโจมตีของพวกเขาจมลงไปในไอหมอกสีเทา เสียงแผ่วเบาทุ้มหนักพรวนหนึ่งก็ดังออกมาต่อจากนั้นหมอกสีเทาที่ปั่นป่วนก็ค่อยๆ สงบลงอีกครั้ง ร่างกายมหึมาของชวีเหยาที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ยังคงยืนตระหง่านอยู่ด้านใน ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ขณะที่ทั้งสี่นิ่งอึ้งอยู่นั้น ไอหมอกสีเทากลับม้วนโถมมืดฟ้ามัวดินไปสี่ด้านแปดทิศ รอทั้งสี่คนได้สติกลับมาก็ตกอยู่ลึกกลางทะเลหมอกสีเทาเสียแล้ว
“ระวัง ไอหมอกนี่ไม่ปกติ!”
ในใจหลิ่วหมิงมีความรู้สึกไม่ดีบางอย่างแล่นผ่าน จิตสัมผัสผละออกจากร่างปุบกลับรู้สึกว่าถูกบิดจนยุ่งเหยิงหน้าถอดสีเอ่ยเตือนขึ้นมาทันที
สิ้นเสียง กลางหมอกสีเทาพลันมีเสียง “ฟิ้วๆ” แผ่วเบาดังออกมา คล้ายมีบางอย่างกำลังพุ่งรวดเร็วมาทางด้านหน้า
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันใด เคล็ดวิชาที่มือชักนำ ชั่วขณะที่แสงสีทองส่องสว่างวูบหนึ่ง กระบี่ว่างเปล่าก็บินร่อนวนรอบร่างซัดปราณกระบี่สีทองแถบใหญ่พุ่งโถมออกไปด้านหน้า
“ปึกๆ” เสียงปะทะกันดังต่อเนื่องลอยมา
ปราณกระบี่คล้ายโจมตีถูกบางสิ่งที่อ่อนนุ่มทว่าทนทาน ใยไหมที่ซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นนั่นเอง
หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียด มือข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ว่างเปล่า รอบร่างแสงสีทองสว่างขึ้นแล้วใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งพุ่งทะลุไปด้านหลัง
รุ้งทองสายหนึ่งโฉบแวบหนึ่งแล้วหายไป เขาใช้วิชาขี่กระบี่หลบหนีออกจากทะเลหมอกไปแล้ว
บุรุษผมม่วงผู้ตกอยู่กลางหมอกสีเทาเช่นกัน หลังได้ยินหลิ่วหมิงเอ่ยเตือน บนใบหน้ายังคงราบเรียบไร้ความตระหนก ปากท่องมนตร์แผ่วเบางึมงำ เงาผีด้านหลังร่างฉับพลันอ้าปากกว้างพ่นเปลวเพลิงสีเขียวเข้มแถบใหญ่ออกมา เพลิงสีเขียวถาโถมล้อมรอบร่างเขากลายเป็นกำแพงไฟ
ครู่ต่อมาเสียง “ฟู่ๆๆ” ดั่งเสียงฝนต้องใบตองก็ลอยออกมาพักหนึ่ง
เห็นชัดว่ามีบางสิ่งร่วงตกต้องบนกำแพงไฟจนส่งเสียงดังฟู่ๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทะลุกำแพงไฟมา
ในใจบุรุษผมม่วงหัวเราะหยันทีหนึ่ง หลังจากนั้นจึงฉวยโอกาสขยับร่างไม่กี่หนบินออกจากหมอกสีเทาโดยที่มีกำแพงไฟล้อมรอบอยู่
“อ้าก!”
“น่าชัง!”
ในเวลาเดียวกับที่หลิ่วหมิงกับบุรุษผมม่วงทยอยหนีรอดจากวงล้อม หลัวเทียนเฉิงกับชายหนุ่มรถเงินอีกด้านหนึ่งกลับตอบสนองช้าไปเล็กน้อย
ทั้งสองคนยังไม่ทันกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณป้องกันตัวก็รู้สึกว่าร่างกายอึดอัด ถูกใยไหมล่องหนชั้นแล้วชั้นเล่ารัดร่างกายเอาไว้ในทันที
ทั้งสองคนเหมือนแมลงที่ติดอยู่บนใยแมงมุมเหนียว ฉับพลันกระดิกไม่ได้
หลัวเทียนเฉิงสองมือถูกรัดไว้แนบร่าง รู้สึกแต่ว่าใยไหมล่องหนวงแล้ววงเล่ายังคงพันม้วนบนร่าง ยังดีที่โคมไฟทองแดงโบราณเบื้องหน้าตัวค่อนข้างข่มใยไหมได้ นอกจากนี้นิ้วยังคงกระดิกได้ จึงงอนิ้วดีดทีหนึ่งอย่างฉับไว ยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งใส่ไฟโคมของโคมทองแดงโบราณหน้าร่างทันที
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
บุปผาอัคคีดอกหนึ่งบินออกมาจากโคมในทันใด มันโต้ลมแย้มกลีบบาน หลังจากหมุนรอบหนึ่งก็กลายเป็นอสรพิษอัคคีสีเงินสว่างทั้งร่างบินวนรอบร่างเขารอบหนึ่ง เสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้นพักหนึ่ง ใยไหมล่องหนที่รัดเขาอยู่ก็ค่อยๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน
หลัวเทียนเฉิงรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นวูบหนึ่งก็พลันตวาดเสียงเบา พร้อมกันนั้นแสงสีเงินรอบร่างก็ลุกโชนส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลอยมาพักหนึ่ง พริบตาเดียวทั้งร่างก็หลุดจากพันธนาการ ร่างกายโฉบวูบหนึ่งบินถอยออกไปในทันที
แม้แต่ชายหนุ่มรถเงินก็ถูกมัดกลายเป็นบ๊ะจ่างชิ้นหนึ่งเช่นกัน ทว่าเขากลับแลดูเยือกเย็นอย่างมาก ปากท่องมนตร์งึมงำแผ่วเบาหลายประโยค ทันใดนั้นชุดเกราะจักรกลบนร่างก็เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า อุณหภูมิค่อยๆ ไต่ขึ้นสูง ปราณร้อนระอุสายหนึ่งอาบไปบนชุดเกราะ ใยไหมล่องหนบนร่างก็อ่อนตัวทยอยหลุดร่วงลงไปเช่นเดียวกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีเวลาสนหุ่นงูยักษ์ด้านหน้าที่ถูกพันธนาการไว้เช่นกัน ปีกจักรกลสามคู่บนแผ่นหลังกระพือไม่กี่ทีก็พาร่างของเขากลายเป็นแสงสีทองเส้นหนึ่งบินออกไปนอกหมอกสีเทา
หุ่นหมาป่ายักษ์สิบกว่าตัวนั้นที่เดิมทีอยู่หลังร่างเขาก็พากันโจนไปข้างหน้าใต้การคุ้มกันด้วย ทว่าร่างกายกลับชะงักอยู่กลางอากาศ ถูกใยไหมล่องหนชั้นแล้วชั้นเล่ารัดไว้แน่นเช่นเดียวกัน
เวลานี้นอกไอหมอกสีเทา พวกหลิ่วหมิงยืนอยู่ด้วยกันอีกหน
“น่าชัง! หากไม่ใช่ร่างกายนี้พลังเวทไม่พอ เปลวไฟประจอกๆ พวกนี้จะทำลายไหมเทพของข้าได้อย่างไร ตรีศูลโลหิต เจ้าทำอันใดอยู่? ที่แห่งนี้คือในร่างของเจ้า ยังไม่รีบใช้วิชาช่วยข้าจัดการเจ้าเด็กรุ่นหลังพวกนี้อีก?” ชวีเหยาที่อยู่กลางหมอกสีเทาอดไม่ได้แค้นหนัก พร้อมกันนั้นก็อ้าปากตวาดเสียงดังกึกก้องอยู่กลางไอหมอก
คำนี้เอ่ยออกมา พวกหลิ่วหมิงด้านนอกล้วนสีหน้าเคร่งเครียดตั้งท่าเตรียมระวัง
ทว่ามิติแห่งนี้กลับเงียบกริบ ไม่เห็นสัตว์ประหลาดสีเลือดก่อนหน้านี้ตอบกลับอันใดมาแม้แต่น้อย
“ดียิ่งเจ้าตรีศูลโลหิต ถึงกับไม่รักษาคำพูด! ให้ข้ามาถ่วงเวลาที่นี่ ตัวเองกลับดูดกินโลหิตบริสุทธิ์อยู่ที่นั่น นี่จะดีดลูกคิดรางแก้วมาดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง”
ชวีเหยาเห็นเช่นนี้ ดวงตาแมลงก็เย็นชา ร่างกายอวบอ้วนบิดไม่กี่หน รูอากาศที่ส่วนหัวก็ปิดลงช้าๆ ปากเริ่มท่องมนตร์ประหลาดออกมา
ไอหมอกสีเทารอบด้านฉับพลันม้วนเก็บกลับมาล้อมรอบร่างนางจนกลายเป็นลูกบอลหมอกประหลาดขนาดยี่สิบจั้ง หุ่นงูยักษ์และหมาป่าเทาที่ถูกขังอยู่ด้านในคล้ายร่างกายถูกแรงกดมหาศาลบีบอัดทยอยระเบิดแหลกเป็นชิ้นๆ
เวลานี้ด้านในไอหมอกสีเทาขมุกขมัวหนากว่าครู่ก่อนไม่รู้กี่เท่า ทำให้คนไม่อาจเห็นร่างชวีเหยาได้แม้แต่น้อย
“ดูท่าปีศาจร้ายตัวนี้ก่อนหน้านี้ต่อสู้มาระยะหนึ่งจึงเสียพลังเวทไปไม่น้อย ตอนนี้เห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงคิดจะหลบซ่อนอยู่ในหมอกนี่ไม่ออกมาแล้วกระมัง?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ส่งกระแสจิตถามประโยคหนึ่งอย่างเร็วไวในทันใด
“ที่นี่อยู่ในร่างตรีศูลโลหิตตัวนั้น ผู้อื่นยังถูกมันขังไว้เป็นตายไม่ทราบ หากรอตรีศูลโลหิตตัวนั้นดูดกินเลือดบริสุทธิ์ฟื้นฟูปราณได้มากขึ้นแล้วร่วมมือกับชวีเหยาตัวนั้น เกรงว่าตอนนั้นคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ แล้ว ไม่สู้พวกเราไปช่วยคนกันก่อนไหม?” ชายหนุ่มรถเงินก็ส่งกระแสจิตตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน
“หากเวลานี้กลับไปช่วยพวกเขา ประการแรกต้องเสียงพลังเวท คนที่ช่วยออกมาก็ไร้กำลังสู้ศึก ประการที่สองชวีเหยาตัวนี้เกรงว่าอาจอาศัยจังหวะที่พวกเราแยกย้ายกันโจมตีกำจัดแต่ละคน” หลัวเทียนเฉิงกลับแค่นเสียงหยันเอ่ยขึ้น
“ฮ่าๆ นี่พูดไร้สาระอันใด ย่อมต้องสังหารสัตว์ประหลาดเหล่านี้ก่อนถึงเป็นกลยุทธ์ที่ดี” บุรุษผมม่วงกลับหัวเราะเย็นชาเอ่ยขึ้น
เขาเพิ่งเอ่ยจบก็ไม่สนปฏิกิริยาของผู้อื่น สองมือถูกัน ทันใดนั้นธงคำสั่งสีขาวสว่างจับตาคันหนึ่งก็ลอยออกมาจากกลางฝ่ามือ
ธงคำสั่งสีขาวส่องแสงจิตวิญญาณสว่างวูบไหว พลังปราณกดดันคน เป็นต้นแบบอาวุธเวทที่ค่อนข้างหายากชิ้นหนึ่งเช่นกัน
ปากบุรุษผมม่วงท่องมนตร์ มือสะบัดธงคำสั่ง ผืนธงฉับพลันกางออกส่องแสงสว่างเจิดจ้าแสบตา
ตอนที่ 815 ศึกกับชวีเหยา (ปลาย)
จากนั้นแสงเรืองรองสีขาวสายแล้วสายเล่าก็พุ่งออกมาจากด้านในตามที่ธงคำสั่งโบกสะบัด มันโต้ลมกลายเป็นมังกรสายลมยักษ์ยาวยี่สิบกว่าจั้งสิบกว่าตัว โถมเข้าหาไอหมอกสีเทาดุจดั่งคลื่น ประหนึ่งหมายจะโจมตีไอหมอกสีเทาให้พังทลาย
ชายหนุ่มรถเงินเห็นเช่นนี้ก็เอี้ยวศีรษะมองรังไหมเนื้อที่มีขนาดถึงสิบจั้งแล้วเหล่านั้น จากนั้นกัดฟันเก็บปีกจักรกลสามคู่ด้านหลังร่างไป เคล็ดวิชาที่มือเปลี่ยนอีกหน สองแขนของชุดเกราะจักรกลเปลี่ยนรูปพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็กลายเป็นกระบอกกลมสีทองอันแล้วอันเล่า
บนแขนซ้ายขวาแต่ละข้างมีมากถึงสามแท่ง ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับกระบอกกลมสีแดงฉานบนสองแขนชุดเกราะจักรกลของเผิงเยวี่ย เพียงแต่ดูเล็กกว่าไม่น้อยทว่าประณีตกว่า ด้านบนมีลวดลายจิตวิญญาณสีเงินอ่อนวงแล้ววงเล่าเห็นได้ชัดเจน
เสียงทุ้มต่ำดังออกมาคล้ายกระสุนปืนใหญ่ยิงรัว!
เปลวเพลิงสีทองที่มีปราณร้อนระอุแผ่ออกมาก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งออกมาจากในกระบอกกลมทั้งหกอย่างบ้าคลั่ง มากมายถี่ยิบจนเชื่อมกันเป็นเส้นสีทองสองเส้น พุ่งเข้าใส่ลูกบอลหมอกสีเทาตรงกลางอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ส่วนหลัวเทียนเฉิงยกมือขึ้นอีกครั้ง เคล็ดวิชาสายหนึ่งตามต่ออีกสายหนึ่งพุ่งเข้าสู่โคมทองแดงโบราณในฝ่ามือ ปล่อยเปลวเพลิงสีเงินแถบใหญ่โถมเข้าใส่ทะเลหมอกเบื้องหน้า
กระบี่ยาวสีทองในมือหลิ่วหมิงสั่นวูบหนึ่ง เงากระบี่มากมายแหวกอากาศออกไปเช่นกัน
ภาพที่น่าตะลึงปรากฏขึ้นแล้ว
ลูกบอลหมอกสีเทามหึมากำลังถูกมังกรวายุยักษ์สิบกว่าตัว เงากระบี่ ลูกบอลเพลิงรวมถึงเปลวเพลิงสีเงินจากโคมไฟทองแดงระเบิดอย่างต่อเนื่อง ผิวหน้าปรากฏรอยยุบตื้นลึกไม่เท่ากัน แต่ไม่ว่าการโจมตีอันใด หลังหยุดลง ร่องรอยที่เกิดจากการโจมตีก่อนหน้าล้วนสมานกลับคืนอย่างเร็วไวประหนึ่งลูกบอลหนัง
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินอยู่เพียงเจ็ดแปดลมหายใจ ไม่รู้ว่าเพราะผลาญพลังเวทหนักเกินไปหรือค้นพบเงื่อนงำอันใด ชายหนุ่มรถเงินจึงเก็บสองแขนลงหยุดโจมตีก่อนแล้วเอ่ยอย่างเร็วไวว่า
“วิธีปกติคงไม่ได้ผล ใยไหมพวกนี้มีหมอกสีเทาประหลาดเหล่านี้เสริมพลัง การโจมตีธรรมดากับวิชาธาตุลมไฟไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิง”
“นี่ยังต้องให้เจ้าบอกหรือ!”
บุรุษผมม่วงแค่นเสียงหยัน หยุดเคล็ดวิชาที่มือพร้อมกับเก็บธงคำสั่งสีขาวไป
หลัวเทียนเฉิงเห็นเช่นนี้ใบหน้าอึมครึมหยุดกระตุ้นโคมทองแดงโบราณในมือ
ในเมื่อได้ผลไม่มาก ทั้งสามคนย่อมไม่ยินดีสิ้นเปลืองพลังเวทไปเปล่าๆ
ขณะที่ทั้งสามคนทยอยหยุดลงมือโจมตีนั้น หลิ่วหมิงด้านข้างกลับหรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อยมองลูกบอลหมอกอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาก็เลิกสองคิ้วขึ้นจากนั้นพุ่งเร็วรี่ออกมา หลังพร่าเลือนวูบหนึ่งระหว่างทางก็หายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ในเวลาเดียวกันในหูพวกหลัวเทียนเฉิงสามคนก็มีเสียงกระแสจิตแผ่วเบาของหลิ่วหมิงดังขึ้น
“ทุกท่านรอก่อนสักประเดี๋ยว ให้ข้าลองดูสักหน่อยว่าจะสะบั้นสิ่งนี้เพียงลำพังได้หรือไม่!”
ตอนที่ทั้งสามคนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมานั้น ท้องฟ้าเหนือลูกบอลหมอกสีเทาฉับพลันเกิดคลื่นสั่นสะเทือน เงาคนขยับไหววูบหนึ่ง หลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมากลางอากาศ
เวลานี้ตัวเขาลอยอยู่กลางอากาศ มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดวิชา แสงสีเงินส่องสว่างออกมาจากแผ่นหลัง ปีกเนื้อสีเงินขนาดหนึ่งจั้งกว่าคู่หนึ่งงอกออกมา ส่วนในมือประกายวารีสีดำกะพริบวูบวาบ มือซ้ายขวากำมุกพลังวารีไว้สองลูก
มุกกลมสองลูกผิวหน้ามีหมอกน้ำหนาไหลวนไม่หยุด เสียงน้ำไหลซ่าดังออกมาเลือนราง
หลิ่วหมิงสะบัดข้อมือ มุกพลังวารีสองลูกพร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นลำแสงสีดำสองสายผสานเข้าไปในปีกเนื้อซ้ายขวา
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นสองหน!
ปีกเนื้อสีเงินกระพือเพียงเบาๆ บนผิวหน้าก็ปรากฏลวดลายจิตวิญญาณสีดำสนิทเส้นแล้วเส้นเล่าออกมาในทันใด บริเวณหนึ่งจั้งกว่ารอบร่างพลันมีหมอกน้ำสีดำก้อนแล้วก้อนเล่าแผ่เต็ม พร้อมกันนั้นแสงสีฟ้าจุดแล้วจุดเล่าด้านในก็ส่องประกายไม่หยุด เริ่มส่งเสียงเปรี้ยงประหนึ่งอสนีบาตคำรนออกมา
นี่คือวิชาลับที่ผสานระหว่างเกราะอสูรที่ได้มาจากปีศาจสมุทรแปดขากับมุกพลังวารี เป็นวิชาลี้ลับที่เขาบรรลุระหว่างที่ฝึกฝนไม่หยุดอยู่ในภาพมายาหลายปีนี้ เพิ่งเคยใช้ในโลกแห่งความจริงเป็นครั้งแรก
เวลานี้กระบี่ว่างเปล่าในมือของหลิ่วหมิงตั้งขวาง ริมฝีปากขยับขมุบขมิบท่องมนตร์ออกมา พลังเวททั่วร่างกรอกเข้าไปในกระบี่บิน พร้อมกันนั้นปีกสองข้างบนแผ่นหลังก็ส่งเสียงดังอื้ออึ้งกระพือเร็วขึ้นทุกที จนตาเปล่าแทบมองเห็นได้ไม่ชัด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง กระบี่ว่างเปล่าพุ่งขึ้นฟ้าจากนั้นสั่นไหวโต้ลมกลายเป็นเงากระบี่สีทองขมุกขมัวยาวสิบกว่าจั้ง
เงากระบี่นี้หมุนติ้วสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเพียงรอบเดียว หมอกน้ำสีดำเบื้องล่างก็ส่งเสียงคำราม กลายเป็นเสาน้ำสีดำหลายต้นพุ่งขึ้นฟ้าในทันใด หลังเสียงแผ่วเบาดังขึ้นพักหนึ่ง ทั้งหมดก็ส่องสว่างจมหายลงไปในเงากระบี่ยักษ์
เงากระบี่สีทองขมุกขมัวขยายขึ้นหลายเท่ากลายเป็นดาบยักษ์ค้ำฟ้าขนาดมหึมาเจ็ดแปดสิบจั้งในพริบตา ทั้งยังค่อยๆ ก่อตัวประหนึ่งของจริง จิตกระบี่แข็งแกร่งที่แผ่ออกมาน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
ไม่ว่าหลัวเทียนเฉิง บุรุษผมม่วงหรือชายหนุ่มรถเงิน หลังถูกปราณของจิตกระบี่นี้ซัดผ่านไปก็ทยอยหน้าถอดสี ถอยหลังดัง “ตึงๆ” ไปด้านหลังหลายก้าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัด
“สะบั้น”
หลิ่วหมิงตวาดเสียงดังออกมา มือข้างหนึ่งชี้ขึ้นท้องฟ้าสูง
เงากระบี่ค้ำฟ้าส่งเสียงดัง “ฟึบ” ร่วงลงมาจากท้องฟ้าสูง จุดที่ผ่าน อากาศฉับพลันบิดเบี้ยวพร่าเลือนทั้งยังส่งเสียงปริแตกดังครืดคราดออกมา
ในเวลาเดียวกันลึกเข้าไปในลูกบอลหมอกสีเทาเสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหูของชวีเหยาก็ดังออกมา มันไม่เพียงขดร่างกายตนเองม้วนกลายเป็นลูกบอลเนื้อยักษ์ก้อนหนึ่ง ด้านนอกที่เดิมทีเป็นไอหมอกเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดยี่สิบกว่าจั้งยิ่งถาโถมบีบอัดสุดชีวิตอีกหน หดเล็กลงมาเกือบครึ่งทำให้แลดูหนายิ่งกว่าเดิม
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินสายหนึ่งดังขึ้นมา
เงากระบี่ค้ำฟ้าฟันลงบนลูกบอลหมอกอย่างรุนแรง แสงรัศมีแสบตาระเบิดออกมาประหนึ่งดวงตะวันร้อนแรงสีทองดวงหนึ่ง ระเบิดระหว่างกลางทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว คลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงวงแล้ววงเล่าซัดไปรอบด้าน
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง หลังเงากระบี่มหึมาน่าหวาดกลัวฟันลงมาทีหนึ่ง ในที่สุดลูกบอลหมอกก็แหวกออก มันฟันลงบนลูกบอลเนื้อด้านในอย่างรุนแรง ทีเดียวจมลึกลงไปหนึ่งฉื่อกว่า ทว่าแปลกตรงที่ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้เต่น้อย
จากนั้นบนผิวของลูกบอลเนื้อก็พลันสั่นไหวเป็นระลอกคลื่นชั้นหนึ่ง หลังเงากระบี่ค้ำฟ้ากะพริบสว่างจ้าไม่กี่หนก็ถูกลูกบอลเนื้อบีบออกมาช้าๆ ทีละชุ่นๆ
กายเนื้อของตัวชวีเหยาแข็งแกร่งเช่นนี้เชียว กระทั่งการฟันอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ก็ไม่อาจสะบั้นร่างกายมันอย่างสมบูรณ์ได้
ทว่าหลิ่วหมิงที่อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า คล้ายกับคาดการณ์เช่นนี้ไว้ก่อนแล้ว เขาไม่พูดพร่ำสิบนิ้วดีดทีหนึ่ง เคล็ดวิชาหลากสีสันก็พุ่งเร็วรี่ออกมาต่อเนื่องเป็นสาย พวกมันกะพริบทีหนึ่งก็จมหายลงไปในเงากระบี่ค้ำฟ้าทั้งหมด
เสียงแผ่วเบาสายหนึ่งฉับพลันดังออกมาจากในเงากระบี่ วงแหวนแสงสีขาวน้ำนมวงหนึ่งระเบิดออกมา หลังหมุนติ้วรอบหนึ่งก็กลายเป็นเส้นแสงแวววาวสีขาวนับไม่ถ้วยทยอยโฉบจมลงไปในลูกบอลเนื้อ
“ไม่”
เสียงกรีดร้องของชวีเหยาดังออกมาจากในลูกบอลเนื้อ เงากระบี่ที่เดิมทีถูกบีบออกมาฉับพลันจมลึกลงไปฟันลูกบอลเนื้อจนขาด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง ลูกบอลเนื้อครึ่งหนึ่งในนั้นพร่าเลือนวูบหนึ่งก็หายไปใต้เงากระบี่ในพริบตา
ขณะที่ลูกบอลเนื้ออีกครึ่งหนึ่งขยับไหวหมายจะหนีไป ทันใดนั้นมันก็ถูกหมอกน้ำที่ถาโถมออกมาจากในเงากระบี่รัดกะทันหัน จากนั้นเมื่อเส้นแสงแวววาวนับไม่ถ้วนพุ่งโฉบผ่าน มันก็กลายเป็นเนื้อแหลกเละกองหนึ่งร่วงหล่นลงไป
เสียง “ปัง” ดังขึ้นหนึ่งหน อากาศเกือบสิบกว่าจั้งรอบด้านสั่นสะเทือน ชวีเหยาที่เหลือร่างกายเพียงครึ่งท่อนบนปรากฏตัวออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้ายากจะเชื่อ
แม้สัตว์ประหลาดตัวนี้จะมีพลังน่าตกตะลึง แต่ก่อนหน้านี้มันสู้กับพวกหลัวเทียนเฉิงจนวิชาอันร้ายกาจส่วนใหญ่ถูกทำลายแล้ว ตอนนี้การป้องกันอันแข็งแกร่งที่พึ่งพาได้ที่สุดก็ถูกหลิ่วหมิงสะบั้นเปิด ในใจตระหนกและโกรธเกรี้ยวเพียงไรคิดดูก็รู้
ทว่าเวลานี้เองเงากระบี่ค้ำฟ้าก็พร่าเลือนวูบหนึ่งกลายเป็นแสงสีทองจุดแล้วจุดเล่าพังทลายสลายไป กลายเป็นกระบี่บินสีทองเล่มหนึ่งพุ่งเร็วรี่กลับไปอีกครั้ง
หลิ่วหมิงคว้ากระบี่ว่างเปล่ายาวสองฉื่อกว่ามาไว้ในมือ แล้วแหงนศีรษะมองชวีเหยาที่บาดเจ็บหนักจากนั้นเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมานิ่งๆ
“สหายทุกท่านยังรออันใด เวลานี้ไม่โจมตีจะรอเวลาใดเล่า?”
พวกบุรุษผมม่วงมองดูจนตาโตอ้าปากค้างไปนานแล้ว หลังได้ยินคำพูดนี้ของหลิ่วหมิงถึงทยอยได้สติกลับมา
“ดีมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังมีพลังเช่นนี้! หากเป็นเช่นนี้ ปีศาจร้ายตัวนี้ก็กำจัดได้แล้ว” บุรุษผมม่วงหัวเราะบ้าคลั่งทีหนึ่ง เสียงบึ๊มก็ดังออกมาจากแผ่นหลัง เงาผียักษ์ผุดออกมาอีกหน มันร้องคำรามพุ่งเข้าใส่ชวีเหยา
หลังชายหนุ่มรถเงินยิ้มเจื่อนทีหนึ่ง สองแขนก็สั่นอีกครั้ง กระบอกกลมสีทองหกแท่งฉับพลันเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ดวงไฟสีทองมืดฟ้ามัวดินพุ่งเร็วรี่อออกมา
หลังหลัวเทียนเฉิงใบหน้าอึมครึมพักหนึ่งก็แค่นเสียงหยันยกมือข้างหนึ่งขึ้น โคมไฟทองแดงโบราณในมือเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เปลวเพลิงสีเงินแถบใหญ่โถมซัดออกมา
ครั้งนี้หลังชวีเหยาบาดเจ็บหนัก มันกลับไม่กล้าฝืนรับการโจมตีพร้อมกันของคนทั้งสามได้อีกแล้ว มันส่งเสียงคำรามเบาๆ ทีหนึ่งแล้วพ่นไอหมอกสีขาวขโมงออกมาจากบาดแผลข้างล่างอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วม้วนตัวทีหนึ่ง กลายเป็นทะเลหมอกขนาดหนึ่งหมู่กว่าล้อมตนเองไว้ข้างใน ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็เร้นกายหายไปอีกหน
เมื่อการโจมตีทั้งหมดร่วงลงในทะเลหมอกสีขาวปุบก็ทะลวงผ่านไปทันทีประหนึ่งด้านในว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสักนิด
สถานการณ์ประหลาดเช่นนี้ทำให้พวกหลัวเทียนเฉิงขมวดคิ้ว แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะเปลี่ยนวิธีโจมตี เสียง “ฟู่” ก็ดังขึ้น เงาดำร่างหนึ่งโฉบจมลงไปในทะเลหมอกทันที หลิ่วหมิงนั่นเองที่กระพือปีกพุ่งเข้าไปข้างใน
เขาเข้ามาในทะเลหมอกปุบ ปีกเนื้อคู่หนึ่งบนแผ่นหลังก็กระพือเร็วไว กระแสน้ำรอบร่างกระเพื่อมซัดรุนแรง กลายเป็นหมอกน้ำสีดำวงแล้ววงเล่าแผ่ขยายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว ทยอยจมลงไปในไอหมอกสีขาว
ในทะเลหมอกสีขาว ชวีเหยาที่กำลังพยายามกระตุ้นพลังเวทรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองสุดชีวิต ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงพลังธาตุน้ำเข้มข้นอย่างที่สุดสายหนึ่งพุ่งโจมตีมา จุดที่พุ่งผ่าน ไอหมอกสีขาวซัดโถมรุนแรง พริบตากลายเป็นสีขาวกับดำผสมปนกัน
ชวีเหยาตกตะลึง ร่างกายขยับคิดจะบินหนีไปอีกหน ทว่าทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าไอหมอกสีดำขาวสองสีที่ผสมกันล้อมอยู่รอบร่างกลับหนักอึ้งอย่างยิ่งในพริบตา ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลงหลายส่วน
เวลานี้เองหลิ่วหมิงที่อยู่ในทะเลหมอกเหมือนกัน มือข้างหนึ่งก็ทำท่าเคล็ดวิชา แสงสีฟ้าจุดแล้วจุดเล่าที่เดิมทีอยู่ในไอหมอกสีขาวดำหนาทึบระเบิดออก ทะเลหมอกทั้งแถบถูกซัดกระเพื่อมกระจายออกไปไม่เหลือในทันใด
ร่างกายชวีเหยาเผยออกมาในสายตาพวกบุรุษผมม่วงใหม่อีกครั้งในทันที
ครั้งนี้ไม่ต้องให้หลิ่วหมิงพูดอะไร การโจมตีของพวกบุรุษผมม่วงกับหลัวเทียนเฉิงก็รุมเข้ามาประหนึ่งพายุฝนในทันใด เงาผี เพลิงสีเงิน แสงสีทองพริบตาส่งเสียงดังกึกก้องมาถึง
ชวีเหยาทำเพียงกรีดร้องแหลมอีกครั้งแล้วอ้าปากพ่นใยไหมมากมายออกมาอีกหน พร้อมกันนั้นลวดลายจิตวิญญาณรอบร่างก็กะพริบขยับเคลื่อนไหว ผิวด้านนอกเปล่งแสงรัศมีสีน้ำเงินอ่อนชั้นหนึ่ง จากนั้นหนังชั้นนอกสีน้ำเงินคล้ายศิลาแถบแล้วแถบเล่าก็ปรากฏขึ้นในทันใด
เสียงระเบิดดังลั่น!
กรงเล็บคมของเงาผีประดุจดาบแหลมคมฉีกกระชากใยไหมเหล่านั้นขาดดื้อๆ จากนั้นวาดผ่านส่วนหัวของชวีเหยา ส่งเสียงดัง “เคล้ง” ออกมา
หนังชั้นนอกสีน้ำเงินเหล่านี้ถูกกรีดเป็นรอยกรงเล็บเส้นแล้วเส้นเล่าทันที
ลูกไฟสีทองร่วงลงมาดังเปรี้ยงตามมาติดๆ หนังชั้นนอกสีน้ำเงินสั่นสะเทือนวูบหนึ่งแล้วเริ่มปริร้าวพังทลาย
ตามติดมาด้วยเสียงบึ๊มดังสนั่นสายหนึ่ง เปลวเพลิงสีเงินโจมตีลงบนส่วนหัวของชวีเหยา สัมผัสถูกเพียงนิดเดียวเสียงเปรี๊ยะประหลาดก็ดังออกมา!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น