ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 811-819

 บทที่ 811 ออกทะเลดูวาฬ

Ink Stone_Fantasy

บนโต๊ะอาหารในตอนเช้า ท่าทางของเด็กแปดคนรวมถึงเสี่ยวฮุยและเสี่ยวชาร์ค ต่างก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะพร้อมกับกินข้าวต้มผักกันอย่างมีความสุข


เสี่ยวฮุยคีบตัวอ่อนทอดให้เชอร์ลี่ย์ แล้วพูดว่า “พี่เชอร์ลี่ย์ลองกินนี่ดูสิ คุณยายทอดได้หอมมากเลยนะ ผมชอบกินที่สุดเลย ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนผมกับพ่อหามาได้เยอะมากแล้วพ่อก็ทอดให้ผมกินด้วย”


วินนี่ถามแหย่เขาว่า “แล้วนายเคยแบ่งให้คุณยายกับคุณตากินบ้างไหม?”


เสี่ยวฮุยตาเบิกกว้างพร้อมบ่นพึมพำในลำคอ แล้วส่งยิ้มไร้เดียงสาให้กับพ่อฉินและแม่ฉิน แล้วพูดว่า “คุณยายกับคุณตาไม่ชอบกิน ผิวมันแข็งเกินไป มันไม่ดีต่อฟันของพวกเขาครับ”


พี่สาวฉินใช้นิ้วมือผลักหัวลูกชายอย่างจนปัญญา แล้วพูดว่า “ทีอย่างงี้แกกตัญญูขึ้นมาเลยนะ”


พ่อฉินและแม่ฉินช่วยตักก๋วยเตี๋ยวและคีบผักให้วินนี่อย่างระมัดระวัง วินนี่จึงแสดงท่าทางอย่างมีความสุขออกมาพร้อมกับกินก๋วยเตี๋ยวและซี่โครงหมูคำโต จากนั้นเธอจึงแอบแสดงสีหน้าขอความช่วยเหลือจากฉินสือโอวอย่างเงียบๆ เพราะเธอกินอาหารเช้ามากมายขนาดนี้ซะที่ไหนกัน?


ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงแย่งก๋วยเตี๋ยวในถ้วยมา แล้วแกล้งทำเป็นพูดอย่างไม่พอใจว่า “พ่อแม่ ไม่ต้องการลูกชายแล้วเหรอ? ผมก็ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน เส้นที่นวดด้วยมือของแม่อร่อยที่สุดแล้ว ไม่ต้องเอาให้วินนี่กินทั้งหมดนี่เลยนะ…”


วินนี่เล่นหูเล่นตาใส่เขาว่าเป็นสามีที่ดีจริงๆ


พ่อฉินตบเขาแล้วพูดด้วยหน้านิ่วขมวดคิ้วว่า “แย่งของกินของภรรยาตัวเองเลยเหรอ แกทำไมถึงไม่มีสายตาแยกแยะเลยนะ? รอดูนี่…”


พ่อฉินเดินเข้าไปในห้องครัว ตอนที่เดินออกมาก็ถือหม้อซี่โครงสาหร่ายทะเลและเส้นที่นวดเองมาด้วย แล้วพูดอย่างหัวเราะชอบใจว่า “ถ้ากลัวว่าจะเยอะไม่พอ ดูนี่สิ ฉันกับแม่แกทำตั้งหม้อหนึ่งแหนะ”


ฉินสือโอวแทบจะสำลักก๋วยเตี๋ยวออกมาและวินนี่ก็ทำสีหน้าหมดหวัง


จึงทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรและกินส่วนของตัวเองบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ พอกินอิ่มแล้วก็รีบออกไป สุดท้ายก็เหลือแค่ฉินสือโอวและวินนี่ที่ยังอยู่รับความหวังดีของพ่อฉินและแม่ฉิน


เขาพยายามกินโจ๊กของตัวเองและกินไข่ทอดของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นพี่สาวฉินก็มาเก็บถ้วยชามและตะเกียบพร้อมกับยักไหล่ทำท่าทาง ‘อยากจะช่วยแต่ช่วยไม่ได้’ ฉินสือโอวดึงเธอเอาไว้แล้วพูดอ้อนวอนว่า “พี่ มากินด้วยกันเถอะ เพื่อประโยชน์ของประเทศของเรา ช่วยผมด้วยนะ”


พี่สาวฉินกระซิบเบาๆ ว่า “น้องชายสุดที่รัก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะช่วย แต่เป็นเพราะพ่อกับแม่โหดร้ายมากเกินไป และอีกอย่างมาแคนาดารอบนี้ฉันก็ไม่อยากให้น้ำหนักขึ้นเป็นสิบกิโลด้วย นายค่อยๆ กินของตัวเองไปนะ”


พ่อฉินโบกมือพร้อมพูดว่า “ค่อยๆ กิน ไม่ต้องรีบ อาหารเช้าจะต้องกินอาหารมีประโยชน์และต้องกินให้อิ่ม วินนี่อิ่มแล้วเหรอ? งั้นหนูก็ไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะ กับข้าวนี่ไม่เหลือทิ้งหรอก เสี่ยวโอวกินได้ ให้เขาค่อยๆ กินไป”


ฉินสือโอว “…”


หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ วินนี่จะทำความสะอาดถ้วยชาม แต่แม่ฉินกลับรีบเข้ามาขวางแล้วบอกว่าจะทำเอง มิแรนดาเห็นก็รู้สึกไม่โอเค จึงทำได้เพียงพาฟอกส์มาช่วยพ่อฉินและแม่ฉินทำความสะอาดถ้วยชามด้วยกัน


พ่อฉินลากฉินสือโอวมาแล้วเหลือบมองดูเด็กๆ ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ข้างนอก จากนั้นก็กระซิบว่า “ฉันว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ? เทียบกับรอบที่แล้วที่ฉันมา เด็กๆ มาจากไหนอีกสามคน? แกรับเลี้ยงเด็กจนติดเป็นนิสัยแล้วเหรอไง?”


ฉินสือโอวพูดว่า “อะไรเนี่ย เด็กสามคนนั้นเป็นลูกของชาวประมงที่เป็นลูกน้องของผมต่างหาก อายุพวกเขาพอๆ กันเลยมาเล่นด้วยกัน ถ้าจะให้พูดอีกอย่าง พวกเชอร์ลี่ย์ก็ไม่ใช่เด็กที่ผมรับมาเลี้ยง พวกเขาเป็นเด็กๆ ที่ปู่เออร์รับเลี้ยง”


พ่อฉินก็เข้าใจขึ้นมาทันที แล้วบ่นพึมพำว่า “จริงๆ แล้วมีเด็กเยอะๆ ก็ดีนะ ครึกครื้นดี”


ฉินสือโอวยิ้มพร้อมกับโอบไหล่ของพ่อและรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พอได้ยินพ่อพูดคำนี้แล้วก็เศร้าใจเล็กน้อย ลูกสาวคนเดียวก็แต่งงานออกไปแล้ว ตัวเองก็ยังต้องมาอยู่ห่างจากบ้านเป็นหมื่นๆ กิโลเมตร แม่อยู่บ้านก็คงจะต้องเหงามากแน่ๆ


ดังนั้นเมื่อพ่อกับแม่มาหา ฉินสือโอวจึงไม่อยากทำให้พวกเขารู้สึกเหงาอีก


เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย กิจกรรมที่วางแผนไว้ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว วินนี่ ฟอกส์ มิแรนดา แม่เหมา แม่ฉินและพี่สาวฉินพากันไปชอปปิงที่เซนต์จอห์น ฉินสือโอวจึงพาพ่อ มาริโอ้และเหล่าผู้สูงวัยไปตกปลาล่าสัตว์กัน


เขาเร่งความเร็วในการขับเรือยอชต์เข้าสู่ทะเลลึก จากนั้นฉินสือโอวจึงหาสถานที่ที่มีฝูงปลาเพื่อจอดและส่งคันเบ็ดให้พ่อ เพื่อสอนเคล็ดลับการตกปลาน้ำลึกให้กับเขา


ชาร์คถือกล่องปลาแฮร์ริ่งมาและหั่นมันเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว แบบนี้ถึงจะสามารถดึงดูดปลาตัวใหญ่ให้มากินอาหารได้


ฉินสือโอวคิดไว้แล้วว่า ในเมื่อครั้งนี้พ่อตา พ่อและพ่อของเพื่อนต่างก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว จะต้องให้พวกเขาได้เล่นอะไรสนุกๆ เขาวางแผนว่าจับปลาทูน่า ปลาโอแถบ ปลาทูน่าครีบเหลืองหรือแม้แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ใครจับได้ก็เป็นปลาของคนนั้น


เพื่อที่จะดึงดูดปลาตัวใหญ่เหล่านี้ เขาจึงถ่ายทอดพลังโพไซดอนลงในปลาเฮอริ่งที่ใช้เป็นเหยื่อตกปลาด้วย


ในที่สุดปลาก็ถูกหย่อนลงไปและก็ดึงดูดปลาตัวใหญ่เข้ามาจริงๆ แต่กลับไม่ใช่ปลาทูน่า แต่เป็นปลาวาฬหลังค่อมแทน!


“ว้าว!” ระลอกคลื่นซัดสาดเข้ามาอย่างรุนแรงและมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งหัวโตๆ สีน้ำเงินเข้มค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงดังขึ้นเป็นจังหวะเหมือนกับกำลังบรรเลงเพลงยาวด้วยการเป่าฮาร์โมนิก้า


“อืมอืมอืมอืม…อืมอืม…อืมอืมอืมอืม…”


ครั้งที่แล้วที่พ่อฉินมายังไม่ได้เห็นวาฬ เพราะในช่วงนั้นฟาร์มปลายังไม่มีพวกมันมากนัก แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน ฟาร์มปลาต้าฉินได้กลายเป็นสถานที่ดูวาฬที่มีชื่อเสียงไปแล้ว


หลังจากวาฬหลังค่อมตัวนี้โผล่หัวขึ้นมา แต่มันไม่ได้ลอยขึ้นผิวน้ำโดยตรง มันกลับว่ายรอบๆ เรือยอชต์ที่กำลังลดความเร็วอยู่ใต้น้ำอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างของมันก็โผล่ทะลุน้ำออกมาด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วและแข็งแรง


เป็นครั้งแรกที่พ่อฉินและพ่อเหมาเห็นวาฬหลังค่อม แม้ว่าวาฬชนิดนี้จะไม่ใช่สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมหาสมุทร แต่ก็ติดอันดับสัตว์ที่มีความยาวอันดับต้นๆ ซึ่งมันมีลำตัวยาวอย่างน้อยสิบกว่าเมตรและวาฬหลังค่อมในปัจจุบันก็มีความยาวสิบสองถึงสิบสามเมตร


หลังจากที่ลอยตัวขึ้นมา วาฬหลังค่อมตัวใหญ่นี้ก็ค่อยๆ ตั้งตัวตรงสูงขึ้นจนกระทั่งครีบของมันลอยโผล่ขึ้นเหนือน้ำ จากนั้นก็มองไปที่ผู้คนบนเรือฝั่งดาดฟ้าอย่างประหลาดใจ ในขณะเดียวกันร่างกายของมันก็เริ่มม้วนตัวหันหลังกลับไปอย่างช้าๆ เหมือนกับท่าตีลังกาหันหลังกลับของนักแสดงกายกรรม พอมันม้วนตัวกลับก็ทะลุผ่านลงไปในน้ำอีกครั้ง


พ่อฉินถึงกับอุทานอย่างตกใจว่า “วาฬตัวนี้มันตัวใหญ่มาก! ไอ้หยา เมื่อกี้ลืมถ่ายรูปได้อย่างไรนะ ถ้าได้ถ่ายรูปกับมันก็คงจะดี”


พ่อเหมาเป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความรู้เกี่ยวกับพวกมันมาก แต่จำกัดอยู่แค่ในเขตพื้นดินเท่านั้น สำหรับมหาสมุทรแล้วเขาไม่รู้อะไรมาก เพราะสิ่งนี้กับลักษณะงานของเขามีความเกี่ยวข้องกัน ต่อให้เขาจะออกทะเลไปสำรวจงานของศุลกากรกับเหล่าตำรวจทางทะเลก็ตาม แต่เขาจะมีโอกาสเห็นวาฬหลังค่อมได้อย่างไร?


ดังนั้น เมื่อได้ยินที่พ่อฉินพูด เขาก็พยักหน้าคล้อยตามด้วย


ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า “ง่ายมาก พวกคุณรอสักครู่ ผมจะพาพวกคุณขึ้นไปบนหลังของมัน”


พ่อฉินถามด้วยความประหลาดใจว่า “เราขี่วาฬได้ด้วยเหรอ?”


ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “นี่เรียกว่าวาฬหลังค่อม เห็นลักษณะหลังที่โค้งของมันที่เหมือนกับเก้าอี้นั่งหรือไม่? ฉายาในท้องทะเลของวาฬชนิดนี้คือเก้าอี้ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ชาวแคนาดาเล่ากันว่าโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะขี่วาฬชนิดนี้เพื่อท่องเที่ยวไปในทะเล”


พูดๆ อยู่ เขากับชาร์คก็ปรึกษากันสักพัก ทั้งสองจึงกระโดดลงน้ำไปตามลำดับ


เมื่อเห็นเขาลงน้ำ พ่อฉินก็ตะโกนขึ้นว่า “อย่าๆๆๆ อย่าเสี่ยงอันตราย รีบกลับขึ้นมาเร็ว…”


ฉินสือโอวกระโดดลงไปในน้ำ แล้วโบกมืออย่างผ่อนคลายพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไร พ่อ เจ้าวาฬหลังค่อมมันอ่อนโยนและไร้เดียงสา พวกมันชอบเล่นมาก พวกเราเล่นกับมันแค่ครู่เดียว มันยังมีความสุขเลย”


วาฬหลังค่อมหาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเจอที่ใต้น้ำ ฉินสือโอวจึงแผ่พลังโพไซดอนบางส่วนให้กับพวกมัน เมื่อทำเช่นนี้พวกมันจึงได้รับสินบน วาฬหลังค่อมไร้เดียงสาตัวนี้จึงอ่อนโยนและทะลุโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอย่างเชื่อฟัง แล้วใช้หัวโตๆ ของมันมาคลอเคลียร่างกายของฉินสือโอวและชาร์ค


แต่พลังของมันมีมากเกินไป จึงทำให้ทั้งสองพลิกกลับลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว จนพ่อฉินร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนกตกใจ


บทที่ 812 ของขวัญจากวาฬหลังค่อม

Ink Stone_Fantasy

พ่อฉินที่กำลังเป็นห่วงอยู่นั้น ฉินสือโอวโผล่ทะลุขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีหัวโตๆ ของวาฬหลังค่อมอยู่ข้างๆ เขาจึงเอามือลูบลงที่ผิวใต้ตาของมัน


วาฬหลังค่อมส่งเสียงร้องดังขึ้นมาอย่างมีความสุข หัวของมันโผล่ขึ้นมาจากน้ำและมีกระแสน้ำพ่นออกมาจากรูจมูกของมันเหมือนกับน้ำพุ และในขณะเดียวกันก็ส่งเสียงดังออกมาคล้ายกับเสียงของเครื่องยนต์ไอน้ำ


ในความเป็นจริง กระแสน้ำนี้ไม่ได้ถูกพ่นออกมาจากวาฬหลังค่อม ฉินสือโอวที่อยู่ติดกับมัน ได้สังเกตดูอย่างละเอียดจึงพบว่าสิ่งที่วาฬหลังค่อมพ่นออกมาคือไอน้ำร้อนจัด เพียงแค่มีกระแสอากาศปริมาณมาก ก็จะทำให้น้ำทะเลโดยรอบกวาดออกไปยังพื้นผิวทะเล มองดูแล้วจะให้ความรู้สึกว่ามันเหมือนกับน้ำพุ


หลังจากดูดซับพลังโพไซดอนไปแล้ว วาฬตัวใหญ่จึงมีความสุขขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มันสะบัดหางอย่างตื่นเต้น จนทำให้เห็นครีบอกยาวทั้งสองข้างบนตัวมัน


ครีบอกของมันมีลักษณะแคบบางและยาว โดยมีความยาวประมาณห้าเมตรกว่า ส่วนปลายยังมีรอยฟันเลื่อยบวมนูนขึ้นมาอย่างผิดปกติ และตามหลังก็มีรอยหยักที่มีรูปร่างเหมือนกับระลอกคลื่น ซึ่งดูแล้วก็คล้ายกันกับปีกนก ดังนั้นวาฬชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า “วาฬครีบยาว” และ “วาฬปีกใหญ่”


ครีบอกของวาฬหลังค่อมมีพลังมาก เมื่อพวกมันสะบัดเหนือผิวน้ำจะสามารถทำให้ทั้งตัวของมันกระโดดพ้นมหาสมุทรได้ พวกมันสามารถกระโดดได้สูงกว่าหกเมตรและมีลักษณะท่าทางที่ห้าวหาญมาก


เพียงแค่วาฬหลังค่อมมีความสุข ครีบอกของมันก็จะคลี่ออกเพื่อทำการเตรียมจะกระโดดขึ้น และตอนนี้ฉินสือโอวก็เริ่มกลัวขึ้นมาจึงตีผิวของมันเบาๆ เพื่อให้มันสงบลง


วาฬหลังค่อมตัวนี้กระโดดได้อย่างทรงพลังมาก ถ้าฉินสือโอวและชาร์คโชคไม่ดีไปชนกับมันเข้า ก็อาจจะถูกตีจนเป็นลมไปแล้วก็ได้ ซึ่งมันอันตรายมาก


วาฬหลังค่อมเป็นสัตว์สังคม มีนิสัยอ่อนโยนและน่ารักมาก ระหว่างการเติบโตเต็มวัยของพวกมันมักจะสัมผัสกันเพื่อแสดงความรู้สึก ดังนั้นฉินสือโอวจึงตีที่หัวมันเบาๆ แบบนั้น จะทำให้มันได้รู้สึกถึงความเป็นมิตรและจะไม่กระโดดขึ้น มันส่ายหัวซ้ายขวาไปมาอย่างไร้เดียงสาเพื่อถูกับฉินสือโอวและชาร์ค


วาฬหลังค่อมตัวนี้ถูกปลาแฮร์ริ่งที่ถูกถ่ายทอดพลังโพไซดอนดึงดูดมา และหลังจากที่มันถูกับฉินสือโอวและชาร์คแล้ว มันก็อ้าปากกว้างเพื่อเตรียมกินเหยื่อ


ท่าทางการกินเหยื่อของวาฬหลังค่อมจะรุนแรงมาก ปากของพวกมันมีโครงสร้างที่พิเศษ เพดานปากด้านล่างมีเอ็นที่ยืดหยุ่นเชื่อมต่อกับขากรรไกรด้านบน ดังนั้นเมื่อถึงเวลากินเหยื่อใต้เพดานจะสามารถหลุดออกมาได้ชั่วคราว และจะเกิดเป็นมุมที่เหมือนกับมุมฉาก


หลังจากอ้าปากกว้าง วาฬหลังค่อมจะขยายเพดานปากด้านล่างให้กว้างและเอียงตัวเพื่อหันไปทางชิ้นปลา จากนั้นจะปิดปาก รอยย่นใต้เพดานปากด้านล่างจะขยายและกลืนชิ้นปลาลงไปพร้อมกับน้ำทะเล


จากนั้นน้ำทะเลจะถูกกรองออกมาจากด้านหลัง เหลือเพียงชิ้นปลาไว้ในปาก เมื่อวาฬหลังค่อมกินอาหารจนพอใจแล้ว ก็จะปล่อยให้ฉินสือโอวค่อยๆ ปีนขึ้นหลังที่มีผิวขรุขระของมัน


วาฬหลังค่อมเป็นปลาที่เหมาะกับการเป็นเก้าอี้นั่งที่สุด ประการแรกคือการเคลื่อนไหวของพวกมันจะช้า ประการที่สองพวกมันมีนิสัยอ่อนโยนและที่สำคัญที่สุดคือพวกมันจะมีรอยแผลขรุขระจำนวนมากบนผิวหนัง ซึ่งสามารถทำให้คนยืมแรงได้


เพราะวาฬหลังค่อมเป็นอาหารของฉลามจำนวนมาก เมื่อต่อสู้กับสัตว์ที่เป็นนักล่า พวกมันจะกังวลแล้วใช้หัวไปชนกับคู่ต่อสู้ และด้วยเหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้น จึงทำให้มันผิวหนังของมันเกิดเป็นรอย จากนั้นบาดแผลก็จะนูนขึ้นมารวมกันและกลายเป็นแผลเป็นขรุขระ


หลังจากปีนขึ้นไปบนตัวของวาฬหลังค่อมแล้ว ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมมันและทำให้มันสงบลง จากนั้นก็ควบคุมมันให้เข้าใกล้กับเรือยอชต์ แล้วส่งสัญญาณให้พ่อกระโดดลงมาก่อน


พ่อฉินถามอย่างลังเลว่า “จะไหวเหรอ? ฉันเห็นปากมันใหญ่ขนาดนั้น คงจะไม่ได้มีความสุขอยู่หรอก ที่มันอ้าเพราะจะกินฉันต่างหาก!”


ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? วาฬหลังค่อมกินปลาตัวใหญ่ไม่ได้ เพราะลำคอมันเล็กมาก จึงกินได้แค่ปลาตัวเล็ก อย่าว่าแต่คนเลย ปลาค็อดที่ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยมันก็กินไม่ได้แล้ว!”


พ่อฉินกระโดดลงมาด้วยความหวาดกลัวมาก ฉินสือโอวจึงลงไปรับเขามาไว้บนหลังของวาฬหลังค่อม นีลเซ็นที่อยู่บนเรือก็ติดตั้งกล้องและถ่ายรูปหลายสิบรูปให้พ่อฉิน


จากนั้นฉินสือโอวก็ส่งมาริโอ้และพ่อเหมาลงไปต่อ เพราะถึงอย่างไรวาฬหลังค่อมตัวนี้ก็ตัวใหญ่พอที่จะนั่งสามคนได้


หลังจากใช้เวลากันอย่างสนุกสนานแล้ว ฉินสือโอวจึงพาทั้งสามคนกลับขึ้นเรือตามลำดับ แล้วพูดว่า “กรมประมงของแคนาดามีกฎหมายกำหนดไว้ว่า เรือไม่สามารถเข้าใกล้วาฬหลังค่อมได้มากเกินไป และใกล้มากกว่าหนึ่งร้อยเมตรไม่ได้ เราชื่นชมกันสักพักได้ แต่ถ้าถูกตำรวจทางทะเลจับได้ก็จะลำบาก”


เขาเคยได้รับความเดือดร้อนจากตำรวจทางทะเลหัวดื้อ ถ้าสามารถปฏิบัติตามกฎข้อบังคับได้ก็จะไม่เป็นการฝ่าฝืนอย่างแน่นอน


พอพวกเขาพากันขึ้นเรือแล้ว นีลเซ็นก็ขับเรือออกห่างจากวาฬหลังค่อม ซึ่งถ้าอยู่ในระยะที่ใกล้กันเกิดไปก็จะทำให้เกิดการชนกันได้ง่าย


ตอนนี้วาฬหลังค่อมเป็นหนึ่งในวาฬประเภทที่ชนกับเรือได้ง่ายที่สุด ตามรายงานในวารสารการวิจัยและการควบคุมสัตว์จำพวกวาฬ กล่าวว่าการเกิดขึ้นของสถานการณ์นี้ไม่ใช่เพราะจำนวนของวาฬที่เพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากเป็นเพราะการพัฒนาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว


เรือที่ชนกับวาฬหลังค่อมส่วนใหญ่จะเป็นเรือดูวาฬเชิงพาณิชย์ ด้วยเหตุนี้แคนาดาจึงตั้งใจที่จะปรับปรุงแก้ไข “กฎแห่งท้องทะเล” โดยเรียกร้องให้เรือทุกลำต้องอยู่ห่างจากวาฬหลังค่อมอย่างน้อยหนึ่งร้อยหลา


หลังจากขึ้นเรือแล้ว ฉินสือโอวและชาร์คยังคงโยนชิ้นปลาลงไปในน้ำต่อ วาฬหลังค่อมที่ตามหลังมาต่างก็พากันกินพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็มองดูอย่างสนุกสนานและให้อาหารไปด้วย ในที่สุดคนที่ได้ขี่ไปเมื่อกี้ ก็จะต้องสนุกอยู่บ้างแหละ?


สนุกกันได้สักพัก พ่อฉินก็ยังไม่ได้พูดอะไร แต่หลังๆ ฉินสือโอวและชาร์คก็เริ่มโยนมากขึ้น ตะกร้าปลาเล็กหนึ่งตะกร้าจะโยนลงไปในน้ำให้หมดเลยจริงเหรอ แบบนี้จะไม่สิ้นเปลืองไปหน่อยเหรอไง


ฉินสือโอวแอบยิ้มแล้วพูดว่า “อาหารที่เราจะกินในตอนเที่ยง ก็ต้องพึ่งวาฬหลังค่อมพวกนี้แหละ เราเก็บเกี่ยวมาแล้วก็ต้องแจกจ่ายออกไปบ้าง ดังนั้นจึงถือว่าไม่เป็นการสิ้นเปลือง”


พ่อฉินและคนอื่นสงสัย หรือว่าตอนเที่ยงเราจะกินเนื้อวาฬหลังค่อม? ไม่อย่างนั้นจะพึ่งมันทำไม?


คำตอบปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงที่มีความสุขของวาฬหลังค่อมนี้ ทำให้มีวาฬหลังค่อมจำนวนมากลอยโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ เพื่ออ้าปากกว้างและเริ่มกินเหยื่อ


“วาฬหลังค่อมเป็นปลาที่อยู่รวมกันเป็นฝูง แต่เมื่อไรที่ปริมาณอาหารมีน้อยมาก พวกมันมักจะไปหาอาหารด้วยตัวมันเองตัวเดียวหรือไม่ก็จะรวมตัวกันสองถึงสามตัวไปหาอาหาร แต่เมื่อไรที่อาหารมีปริมาณมาก พวกมันจะเรียกเพื่อนฝูงมารวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ” ฉินสือโอวอธิบายให้พ่อและคนอื่นๆ ฟัง


จากนั้นจึงนับวาฬหลังค่อมที่เข้ามา ซึ่งมีทั้งหมดสี่ตัว ชาร์คปล่อยเรือคายัก ซึ่งบนเรือมีกล่องเก็บอุณหภูมิขนาดใหญ่สองกล่องวางเรียงกัน ซึ่งในกล่องนั้นเต็มไปด้วยน้ำแข็งและน้ำทะเล


ทั้งสองขับเรือเข้าไปใกล้ๆ วาฬหลังค่อมตัวใหญ่ตัวหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงไปในน้ำเพื่อทำให้วาฬสงบลงและจึงเริ่มได้รับของขวัญจากร่างกายส่วนล่างและครีบอกของมัน


นอกเหนือจากมนุษย์ที่ต้องการนำวาฬหลังค่อมมาเป็นเก้าอี้นั่งแล้ว ก็ยังมีพวกปรสิตในมหาสมุทรอีก เช่น เพรียง เหาฉลาม หอยสังข์ ปลาแลมป์เพรย์และอื่นๆ เมื่อพวกมันเจอกับวาฬหลังค่อมแล้วก็จะเกาะติดกับวาฬเข้าไปด้วย จากนั้นพวกมันก็จะเที่ยวเตร่ในมหาสมุทรได้อย่างอิสระ


นอกจากการเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ในฟาร์มแล้ว ปลาทะเลส่วนใหญ่ยังมีการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อความอยู่รอดในการแสวงหาอาหารและกระแสน้ำในมหาสมุทร ดังนั้นจึงมีโอกาสได้โดยสารรถฟรีๆ และพวกมันก็จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ


ฉินสือโอวและชาร์คจึงเก็บปลาและหอยเหล่านี้จากตัววาฬหลังค่อม บนตัวของวาฬขนาดใหญ่หนึ่งตัวสามารถเก็บสิ่งที่เกาะบนตัวมันได้ถึงครึ่งตัน แต่ทุกอย่างที่เก็บมานั้นไม่สามารถกินได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องรวมวาฬให้ได้เพิ่มอีกสักสองสามตัว เพื่อเลือกเอาเหาฉลามตัวอ้วนใหญ่และหอยสังข์อื่นๆ ที่อยู่ข้างใต้นั้น


หลังจากวาฬหลังค่อมสงบลงแล้วมันจะน่ารักมาก พวกมันค่อยๆ ลอยลงไปในน้ำเพื่อให้คนกำจัดสิ่งสกปรกออกจากตัวให้ จริงๆ แล้วพวกมันไม่ชอบเอาตัวภาระจำนวนมากเดินทางไปท่องเที่ยวด้วย เพราะมันกินพลังงานมาก


แต่พวกมันก็ไม่มีวิธีกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกไปได้ ถ้ามีปลามาหาอาหารบนตัวพวกมัน พวกมันก็มักจะยินดีมาก และต่อให้เป็นคนพวกมันก็จะไม่ปฏิเสธ


วาฬหลังค่อมเป็นสัตว์ทะเลที่ฉลาดมาก มันมีไอคิวเทียบเท่าถึงเด็กอายุสิบขวบ ซึ่งรองลงมาจากวาฬเพชฌฆาตและปลาโลมา


บทที่ 813 เรื่องที่ปลื้มใจที่สุด

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวและชาร์คพายเรือกลับไปที่เรือยอชต์และในกล่องน้ำแข็งทั้งสองใบก็เต็มไปด้วยอาหารทะเล


กล่องหนึ่งเต็มไปด้วยปลา ส่วนอีกกล่องเต็มไปด้วยหอยและหอยสังข์ แต่จะไม่มีเพรียง เพรียงมีหลายชนิด แต่ที่สามารถกินได้มีเพียงเพรียงตีนเต่าเท่านั้น แต่เพรียงที่อยู่บนวาฬหลังค่อมจะมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถกินได้


หลังจากเก็บเกี่ยวและทำธุระเสร็จ ฉินสือโอวและชาร์คก็จะไม่โยนชิ้นปลาลงน้ำต่ออีกแล้ว


วาฬหลังค่อมไม่กี่ตัวไล่ตามเรือยอชต์อยู่สักพัก หลังจากที่พวกมันพบว่าไม่มีอาหารโยนลงมาแล้วก็จะกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยินยอม ‘ฮือฮือ’ ฉินสือโอวถ่ายทอดพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้กับพวกมัน จึงทำให้พวกมันมีความสุขและเริ่มกระโดดน้ำเล่นอีกครั้ง


ก่อนอื่นวาฬหลังค่อมจะใช้ครีบอกตีน้ำทะเลอย่างแรงและร่างของมันก็จะยืดตรงขึ้นเหมือนเขาลูกเล็กกำลังเคลื่อนย้ายออกจากในน้ำทะเล พวกมันคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้ การเคลื่อนไหวอย่างสงบเยือกเย็นและท่าทางที่สง่างามอย่างน่าประทับใจ


แต่สุดท้ายพวกมันก็ตกลงไปในน้ำและมีเสียงดังเล็กน้อยเหมือนกับเสียงฟ้าคะนอง


อันที่จริงนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีการหาอาหารของพวกมัน ถ้าในน้ำมีฝูงกุ้งและฝูงปลาตัวเล็กๆ คลื่นกระแทกจนน้ำลดลงจะทำให้ฝูงกุ้งและปลาช็อกตายได้ ดังนั้นการหาอาหารของพวกมันจึงเป็นเรื่องง่าย


เรือยอชต์ขับตรงออกไปไกลหลายกิโล แต่ผู้คนบนเรือกลับยังได้ยินเสียงกระโดดขึ้นลงของวาฬหลังค่อมอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นว่ามันช่างน่าอัศจรรย์มากขนาดไหน


ถ้าไม่มีการก่อกวนของวาฬหลังค่อม พ่อฉินและคนอื่นๆ คงเริ่มตกปลาได้อย่างใจจดใจจ่อ โชคดีที่พอได้เริ่มจับก็เจอกับปลาโอแถบตัวหนึ่งที่มีความยาวไม่ต่ำกว่าหนึ่งเมตร ซึ่งในหมู่ปลาโอแถบ ปลาตัวนี้จัดได้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มาก


ปลาตัวใหญ่ที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรจะมีแรงในการต่อสู้ดิ้นรนในน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์มาก พ่อฉินทำงานทางบกมาตลอดทั้งปี จึงทำให้มีแรงจากไหล่ทั้งสองข้างของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้และเอ็นตกปลาก็ถูกยืดจนยาวออกมามาก


ฉินสือโอวจึงเข้าไปช่วย เขาสอนพ่อว่าจะใช้แรงต่อสู้กับปลาตัวใหญ่อย่างไร “อย่าดึงสายเบ็ดกลับมาตรงๆ เพราะเวลานี้ปลาจะตกใจและจะทำให้มันมีแรงมากที่สุด คุณต้องปล่อยมันไปตามสายเบ็ด จากนั้นจึงบอกนีลเซ็นขับเรือไปตามทางการเคลื่อนไหวของปลา…”


“และต้องแข่งกับมันสักพัก ปล่อยสายเบ็ดประมาณสิบเมตรกว่าแล้วค่อยดึงกลับมาประมาณหนึ่งถึงสองเมตร ถ้าทำแบบนี้จะใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาที จากนั้นคุณก็ออกแรงดึงเบ็ดตกปลาอีกครั้ง แต่ต้องค่อยๆ ทำ เพราะการตกปลาตัวใหญ่จะต้องไม่รีบร้อน”


พ่อฉินหัวเราะชอบใจ ความสนใจของเขาจึงตกอยู่ในภวังค์แห่งความตื่นเต้นที่จะตกปลาตัวใหญ่ขนาดมากกว่าหนึ่งเมตรได้ และได้ทำการการแข่งขันชักเย่อกับปลาโอแถบอย่างเต็มที่


ผ่านไปได้สักพัก ปลาโอแถบตัวนั้นก็ไม่มีแรงแล้ว พ่อฉินจึงฉวยโอกาสนี้ตัดสินใจดึงมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวจึงแนะนำปลาโอแถบให้พ่อฉินรู้จัก เขาจึงเข้าใจขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า “นี่คือปลาทูน่าสินะ? ฉันเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ปลาตัวนี้สวยจริงๆ”


รูปร่างของปลาโอแถบมีรูปร่างเป็นเหมือนหยดน้ำที่หัวมนและปลายแหลม แม้ว่ามันจะสู้ปลาทูน่าครีบเหลืองไม่ได้หรือแม้แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็ยิ่งสู้ไม่ได้เลย แต่มันก็มีรูปร่างที่สวยงามมาก


พ่อฉิน มาริโอ้และพ่อเหมาไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตในทะเล และพวกเขาไม่ค่อยเก่งเรื่องการตกปลาทะเล นอกจากปลาโอแถบที่ตกขนาดหนึ่งเมตรที่พ่อฉินโชคดีตกได้ในครั้งแรกแล้ว จากนั้นปลาที่ทั้งสามคนตกได้ก็จะเป็นปลาตัวเล็กๆ เช่นปลากะพง ปลาอลาสก้าพอลล็อค และปลาแฟงค์ทูธ


กำลังสำคัญในการตกปลาคือชาร์คและนีลเซ็น เหยื่อตกปลาที่ฉินสือโอวให้พวกเขามีพลังโพไซดอนที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแฝงอยู่ในนั้นด้วย จึงทำให้มีแรงดึงดูดปลาตัวใหญ่ทุกชนิดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด


เมื่อถึงเวลาจวนจะเที่ยงแล้ว ตัวละครหลักก็ปรากฏตัวออกมา ปลาทูน่าตัวใหญ่ที่มีความยาวเกือบสองเมตรเข้ามาติดกับ และอ้าปากกว้างกัดเหยื่อตกปลาเข้าไป


ชาร์คและนีลเซ็นรีบร่วมมือกันทันที นีลเซ็นขับเรือ ส่วนชาร์คก็จับคันเบ็ดตกปลา การต่อสู้อันดุเดือดใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบนาที ปลาตัวนี้ถึงจะถูกลากขึ้นไปบนเรือ


ในระหว่างที่ปลาตัวนี้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำและดิ้นรนต่อสู้ พ่อฉินมองดูชัดๆ แล้วจึงพูดว่า “นี่ก็เป็นปลาทูน่าเหมือนกันใช่ไหม? แต่ว่ามันตัวใหญ่มากเลยนะ!”


ใหญ่มากจริงๆ ความยาวลำตัวของปลาทูน่าตัวนี้มีความยาวเกือบสองเมตร ปลาทูน่าขนาดสองเมตรกับปลาทูน่าขนาดหนึ่งเมตรมีความแตกต่างกันมาก ไม่เพียงแต่ความยาวในตอนนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของลำตัวและพลังงานของมันอีกด้วย


ฉินสือโอวมองไปที่ตาของปลาตัวนี้ ก็เห็นด้วยกับพ่อแล้วพูดว่า “ใช่ นี่ก็เป็นปลาทูน่าเหมือนกัน เป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้”


พ่อเหมาถึงกับกลืนน้ำลาย พ่อฉินจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างไรพ่อเหมาก็เป็นผู้มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง โดยปกติเขาจะกินซาชิมิบ่อยๆ จึงอธิบายว่า “ปลาโอแถบตัวนั้นที่คุณเพิ่งตกได้ มีราคาไม่สูงมากนัก แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้จะมีราคาสูงมาก พอได้เห็นปลาที่มีความยาวสองเมตรตัวนี้แล้ว คงจะขายได้เป็นแสนแน่ๆ”


หนึ่งแสนที่เขาพูดคือเงินหยวน ถ้าแปลงเป็นดอลลาร์แคนาดาก็จะเท่ากับสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่คุ้มค่ามากจริงๆ มูลค่าของปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ไม่เพียงแต่เป็นอันดับสองรองจากปลาทูน่าครีบน้ำเงินในประเภทปลาทูน่าเท่านั้น แต่ยังอยู่สูงกว่าปลาทูน่าครีบเหลืองอีกด้วย


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้มีปริมาณไขมันในร่างกายสูงและมีรสชาติดีกว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเล็กน้อย เพราะปลาทูน่าครีบน้ำเงินค่อนข้างหายากและมีปริมาณน้อย


ในตลาดญี่ปุ่น มีการกล่าวกันว่าซาชิมิหลายชนิดที่ทำมาจากปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แต่จริงๆ แล้วปลาที่ใช้คือปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ ผลผลิตประจำปีของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน จะจัดหาให้เพียงพอต่อความต้องการของคนเป็นร้อยล้านในญี่ปุ่นได้อย่างไร?


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้มีความสวยงามมากกว่าปลาโอแถบ ท่อนบนของมันเป็นสีน้ำเงินเข้มปนกับสีทองอ่อน ส่วนท่อนล่างและหน้าท้องเป็นสีขาวเงิน มีเส้นตัดขวางแบบไม่มีสีเรียงตามจุดที่ไม่มีสีข้างบนและมีครีบเป็นสีดำน้ำเงิน กระดูกสันหลังส่วนหางเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นเหมือนกับผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง


เนื่องจากเลือดของปลาไหลออกอย่างรวดเร็วและต้องทำการเอาอวัยวะภายในและครีบปากออก ชาร์คและนีลเซ็นจึงต้องเอาปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ไปเก็บไว้ในห้องน้ำแช่เย็นแล้วนำน้ำแข็งก้อนมาแช่ไว้ก่อน หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะนำมาออกมาจัดการใหม่อีกครั้ง


ฉินสือโอวตั้งเตาอบ เขาสอนให้พ่อย่างปลาหมึก และตัวเองก็จัดการกับเหาฉลาม


เหาฉลามเป็นสัตว์ขี้เกียจ หลังจากหาสัตว์ที่จะฝากชีวิตอยู่อาศัยได้แล้วมันอาจจะติดอยู่ที่นั่นไปตลอด ดังนั้นเนื้อของมันจึงมีความอ่อนนุ่มและละเอียด ซึ่งรสชาติจะอร่อยกว่าปลาไหล


เหาฉลามที่จับได้ทั่วไปโดยปกติแล้วจะมีขนาดยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร แต่เหาฉลามเหล่านี้ที่เกาะติดบนตัวของวาฬหลังค่อมจะมีความยาวมากกว่า ซึ่งตัวหนึ่งจะมีความยาวมากที่สุดอยู่ที่ประมาณแปดสิบเซนติเมตร


พ่อฉินเหลือบมองดูแล้วส่ายหัวพูดว่า “ในทะเลนี่มีทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะ มันโตขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดมาก”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็จริง เมื่อก่อนชาวญี่ปุ่นเคยคิดว่าปลาตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากวิญญาณตกน้ำตายที่เคียดแค้นเพื่อน ชาวนอร์เวย์ยังเรียกมันว่าเป็นสัตว์ประหลาดในทะเล แต่หลังจากที่พวกเขารู้ว่ามันอร่อย มันจึงกลายเป็นอาหารของพวกเขาทันที”


หลังจากทำความสะอาดอวัยวะภายในเหาฉลามแล้ว ฉินสือโอวจะใช้สองวิธีในการทำ หนึ่งคือหลังจากถลกหนังปลาออกแล้ว จะหั่นเป็นชิ้นอย่างละเอียดและวิธีนี้จะต้องใช้น้ำมันทอดกิน ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการนึ่ง โดยจะจิ้มกินกับซีอิ๊วขาว


ปลาโอแถบถูกแบ่งย่างเป็นชิ้นๆ ชาร์คจึงหั่นส่วนท้องปลาโอแถบเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อที่จะทำซาชิมิกิน


พ่อฉินไม่สนใจซาชิมิ หลังจากที่เขาลองจิ้มกินกับมัสตาร์ดชิ้นหนึ่งแล้วก็ค่อยๆ ส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมาแล้วพูดว่า “มันอร่อยตรงไหน? พวกคุณกินเถอะ ฉันจะกินปลาทอดแล้วกัน มันน่าอร่อยดี”


มาริโอ้คุ้นชินกับการกินซาชิมิ เขากินพลางยกนิ้วโป้งขึ้นและพยักหน้าไปด้วย แล้วชมเชยว่า “อร่อย อร่อยจริงๆ!”


ฉินสือโอวเอาปลาหมึกย่างมากินกับเบียร์พร้อมกับนั่งบนดาดฟ้ารับลมทะเล ทำให้เขารู้สึกถึงความสบายใจในชีวิตอันเรียบง่าย


พ่อฉินถือจานปลาทอดและปลาโอแถบย่างเข้ามานั่งข้างๆ ฉินสือโอว แล้วพูดอย่างทอดถอนใจว่า “สองปีก่อนที่จะย้ายมา ในชีวิตนี้พ่อของแกไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย ที่แกบอกว่าชีวิตของคนเรามันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ เราโชคดีมากจริงๆ ที่ครอบครัวฉินได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง!”


พ่อเหมาที่กำลังดื่มเหล้า จึงยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นเพราะเสี่ยวโอวมีความสามารถ แต่กลับมีโชคไม่ค่อยดีมากนัก”


พ่อฉินหัวเราะเสียงดังชอบใจ ปะทะกับลมทะเลที่เต็มไปด้วยความสดชื่นมีชีวิตชีวา!


บทที่ 814 ค่ำคืนแห่งความสนุกสนานรื่นเริง

Ink Stone_Fantasy

หลังจากเล่นน้ำทะเลจนถึงบ่าย ฉินสือโอวจึงให้นีลเซ็นเดินเรือกลับ


พวกเขาออกมาครั้งนี้ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวาฬหลังค่อมขึ้นมาก และเมื่อกลับไปพวกเขาก็ได้พบกับฝูงเพื่อนตัวโตนี้อีกครั้ง


วาฬหลังค่อมจะกินกุ้งและปลาตัวเล็กๆ เป็นอาหาร คราวนี้พวกมันเจอกับฝูงกุ้งแดงขนาดใหญ่ จึงทำให้พวกมันมีความสุขมาก


วาฬหลังค่อมสองตัวเล่นกายกรรมกันอีกครั้ง พวกมันพรวดพราดเข้าไปในฝูงกุ้งอันหนาแน่น คิดไม่ถึงว่าการโค้งตัวเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวของพวกมันจะทำได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้นพวกมันสะบัดหางไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็อ้าปากกว้างไปด้วย


ฝูงกุ้งตื่นตระหนกตกใจรีบว่ายน้ำหนีไปข้างหน้า ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการติดกับดักตัวเอง วาฬหลังค่อมจึงแค่อ้าปากรอฝูงกุ้งว่ายเข้ามาก็พอ


วาฬหลังค่อมตัวอื่นๆ มีวิธีการที่แปลกและลึกลับมากกว่า พวกมันว่ายลึกลงไปยี่สิบกว่าเมตรด้วยท่าทางเป็นวงก้นหอยพร้อมกับอ้าปากกว้าง แต่ไม่ใช่เพื่อจับเหยื่อ แต่เพื่อพ่นฟองออกมา


ฟองที่พ่นออกมาจากปลาวาฬจะมีขนาดแตกต่างกัน ฟองเหล่านี้จะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำและก่อตัวเป็นตาข่ายฟองอากาศรูปทรงกระบอก ซึ่งดูเหมือนใยแมงมุมที่ชักใยโดยแมงมุมในทะเลขนาดใหญ่


ด้วยเหตุนี้ตาข่ายฟองอากาศจึงปล่อยออกไปตลอดทาง ทำให้ล้อมรอบกุ้งแดงไว้ในตาข่าย ในขณะที่ฟองอากาศลอยขึ้น ฝูงกุ้งก็จะถูกบังคับให้อยู่ตรงกลางของตาข่ายอย่างต่อเนื่อง รอแค่ให้พวกมันตามฟองอากาศที่ลอยบนผิวน้ำ จากนั้นก็จะรวบพวกมันทันที


วาฬหลังค่อมจะตามอยู่ข้างหลังฟองอากาศ และสุดท้ายก็จะอ้าปากกว้างออกมาจากใต้น้ำ เหมือนกับว่ากำลังเขมือบกลืนฟองอากาศ และฝูงกุ้งหนาแน่นที่อยู่ในฟองอากาศก็จะเข้าไปในปากของพวกมันด้วย แม้ว่าวิธีนี้มันจะเปลืองแรงเล็กน้อย แต่มีประสิทธิภาพสูงมากและหนึ่งครั้งก็สามารถจับกุ้งแดงได้หลายตัว


ฉินสือโอวมองดูการล่าเหยื่อของเหล่านักกินที่กำลังกินเหยื่อของตัวเองอย่างสบายใจ เขาไม่ได้พูดว่าจะตัดสินใจเลี้ยงปลาวาฬและฉลามเหล่านี้ แต่เขาบอกแค่ว่าพวกมันกินสิ่งของในฟาร์มปลาก็ดีอยู่นะ เพราะอุจจาระของพวกมันเป็นอาหารเสริมบำรุงสาหร่ายทะเลได้และตอนนี้ฟาร์มปลาก็กำลังขาดอาหารบำรุงเหล่านี้อยู่ด้วย


เมื่อเรือยอชต์ขับเข้าใกล้ท่าเรือ พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว


บุชและนิมิตส์ที่ออกไปเล่นกันอย่างน่าเบื่ออยู่ข้างนอก ก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับบินกลับมา แน่นอนว่าขนนกของพวกมันพันกันอีกแล้วและไม่รู้อีกว่าพวกมันไปทำอะไรมาทั้งวัน วินนี่บอกว่าพวกมันไปทะเลาะกันอยู่ข้างนอก แต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้ว่าพวกมันจะสามารถไปทะเลาะกับใครได้


อินทรีทองเหรอ? เป็นไปไม่ได้ อินทรีทองไม่ใช่นกโจรสลัดใหญ่ที่จะสามารถต่อสู้กับอินทรีหัวขาวตัวน้อยได้ นอกจากนี้ยังจะมีใครมายุ่งกับเจ้านกสองตัวนี้ได้นานขนาดนี้อีก?


ชาร์คลากปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ลงมา ฉินสือโอวจึงบอกว่าเย็นนี้จะทำปลาตัวนี้กิน พ่อฉินจึงแนะนำว่าปลาตัวใหญ่ขนาดนี้จะให้กินจนหมดก็น่าเสียดาย ทางที่ดีควรเก็บเนื้อส่วนหนึ่งไว้ เพราะเขาจะเอามาทำเมนูปลาอบรมควันและปลาย่างสูตรบ้านเกิด


นึกถึงกลิ่นหอมและสีเหลืองกรอบของปลาย่างที่บ้านเกิด ฉินสือโอวแทบจะน้ำลายไหลไม่หยุดเช่นกัน ถึงอย่างไรปลาทูน่าตัวนี้ต้องมีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบกิโลกรัมแน่ ถ้าใช้ครึ่งหนึ่งมาทำมื้อเย็นก็น่าจะพอแล้ว และอีกครึ่งหนึ่งก็เก็บไว้ทำปลาอบรมควันและปลาย่าง


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้เหมาะกับการทำซาชิมิ แต่ฉินสือโอวเดาว่าพ่อและแม่คงไม่คุ้นเคยกับอาหารประเภทนี้ จึงเปลี่ยนวิธีทำ เขานึกถึงวิธีทำอาหารของเทซึกะ โกดะตอนที่อยู่ที่โตเกียว ซึ่งมันเป็นวิธีที่แปลกใหม่อยู่พอสมควร


กระดูกปลาชิ้นใหญ่ที่ถูกเอาออก ปกติแล้วจะต้องโยนทิ้ง แต่ฉินสือโอวให้ชาร์คเอาไปอบแทน


กระดูกปลาได้ทำการหมักซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชูและไวน์สำหรับปรุงอาหารตั้งแต่อยู่บนเรือแล้ว ตอนนี้จึงนำออกมาทอดในกระทะก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นนำไปไว้ในเตาอบและอบหลายๆ รอบโดยใช้ไฟอ่อน หลังจากอบจนแห้งแล้วก็เอาเข้าเตาเพื่ออบอีกครั้งและจะต้องอบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกรอบถึงจะใช้ได้


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้และปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีลักษณะเหมือนกันคือมีชั้นเกล็ดปลาที่แข็งและมีหนังปลาด้านนอกอีกชั้น ซึ่งหนังชั้นนี้จะเป็นเกล็ดของมัน


ฉินสือโอวเอาเกล็ดปลาออกและใช้น้ำมันทอดจนแห้ง จากนั้นโรยด้วยผงยี่หร่าและผงพริก ซึ่งเมนูนี้ได้รับการตอบรับดีมากหลังจากนำไปเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร


โดยปกติหลังจากนึ่งหนังปลาจนร้อนแล้วก็จะใช้ก้อนน้ำแข็งมาเติมให้เต็ม ซึ่งเหมือนกับการทำก๋วยเตี๋ยวเย็น ฉินสือโอวนำแตงกวา แครอท แฮม หน่อกระเทียมมาหั่นเป็นฝอยและคนเข้าด้วยกันกับหนังปลา จากนั้นโรยด้วยน้ำมันงาและน้ำส้มสายชูบัลซามิกเล็กน้อย สุดท้ายใส่ถั่วลิสงบด ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสำหรับอาหารจานนี้


การ์เซียมองดูอย่างเปิดโลกทรรศ แล้วพูดชื่นชมว่า “นี่คือวิธีการกินปลาทูน่าในอาหารจีนเหรอ? มันเป็นสไตล์ที่มีเอกลักษณ์มากจริงๆ มันทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ ผมไม่เคยเห็นวิธีการกินแบบนี้มาก่อนเลย!”


ฉินสือโอวกระแอมขัดจังหวะ แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “จริงๆ แล้วนี่เป็นวิธีการกินที่ค้นพบโดยชาวญี่ปุ่น แต่วิธีการทำฉันได้ทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งวิธีที่เราใช้คือเอามาจากวิธีการทำก๋วยเตี๋ยวเย็นและรสชาติน่าจะออกมาดีกว่าด้วย”


การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดนี้คือรูปแบบที่ดีของคุณฉิน


เนื้อปลาส่วนหนึ่งจะนำมาทำเป็นชิ้น อีกส่วนหนึ่งฉินสือโอวให้เบิร์ดใช้มีดคมสับให้เนื้อละเอียดแล้วใช้ไข่ขาวผสมกับแป้งข้าวโพดแล้วนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงห่อด้วยสาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายคอมบุที่อบแล้วและนำมาม้วนเข้าตามต้องการ


มาริโอ้และมิแรนดาชื่นชมทักษะการทำอาหารของฉินสือโอว และพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ในที่สุดวินนี่ก็ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องสักที นั่นก็คือการหาสามีที่ดี”


“ ใช่แล้ว ตอนแรกที่เธอไปที่สายการบิน สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดคือว่าเธอจะถูกพวกเพลย์บอยหลอก แต่พอได้เจอกับฉินแล้วมันดีมากจริงๆ”


คิ้วโก่งของวินนี่ก็ค่อยๆ ขมวดขึ้น หลัวปอที่กำลังเลียขอความรักก่อกวนอยู่ข้างๆ เห็นว่าท่าไม่ดี จึงหนีบหางแล้ววิ่งออกไป หู่จือและเป้าจือก็นอนหมอบอยู่ใต้โต๊ะอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบก่อนพายุฝนจะกระหน่ำอย่างรุนแรง


ฉินสือโอวกระแอมแล้วชี้ไปที่พ่อแม่ของตัวเอง คิ้วโก่งของวินนี่ก็ผ่อนคลายลงทันทีและเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอายและความสุข


“แม่เจ้า นี่เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมมากนะ” ฉินสือโอวทอดปลาคาพีลินพลางถอนหายใจไปด้วย


เนื้อหัวหมูหมักซอสครั้งที่แล้วยังมีอยู่ ฉินสือโอวเก็บมันไว้ในห้องแช่เย็น ความหนาแน่นของน้ำแข็งจะทำให้ไม่มีกลิ่น พอถึงตอนเย็นก็จะเอาออกมาหั่นแล้วเสิร์ฟบนโต๊ะ พ่อฉินและแม่ฉินต่างก็กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย


โดยปกติแล้วจะมีแค่ฉินสือโอวที่กินเนื้อหัวหมู ความน่าสนใจของอาหารจึงไม่มีเลยสักนิด แต่ตอนนี้มีพ่อแม่และคนในบ้านมาแย่งกินแล้ว กลับรู้สึกดีขึ้นมาเป็นอย่างมาก


พ่อฉินไม่ดื่มเบียร์แต่ดื่มเหล้าขาว พอได้เห็นเนื้อหัวหมูยิ่งมีความสุขมาก จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “นี่เป็นกับแกล้มเหล้าชั้นดีเลย แต่ทำไมหัวหมูตัวนี้ถึงแปลกขนาดนี้ล่ะ?”


“มันเป็นหัวหมูป่า” เชอร์ลี่ย์แนะนำว่า “คุณดูสิว่ามันยาวมากจนน่ากลัว!”


เสี่ยวฮุยจึงคีบชิ้นใหญ่มาหนึ่งชิ้น แล้วใส่เข้าไปในปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย และพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือว่า “ถ้ามันน่ากลัวงั้นก็กินมันเถอะ!”


แบล็คไนฟ์แอบยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างลับๆ แล้วพูดกับเบิร์ดว่า “ครอบครัวของบอสคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร!”


เมื่อกินจนอิ่มและดื่มจนหนำใจก็เย็นมากแล้ว จึงเริ่มมีคนนำตัวอ่อนที่หาได้มาขายและตอนเย็นฉินสือโอวก็ไม่ได้ทำอะไร เขาจึงพาพ่อแม่ พี่สาวและครอบครัวไปเก็บตัวอ่อน


พ่อฉินรู้สึกตกใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงนี้ดีจริงๆ อยู่บ้านไม่มีตัวอ่อนมานานแล้ว แต่ทำไมที่แคนาดาถึงมีได้นะ?”


ฉินสือโอวอธิบายว่า “แคนาดามีเส้นละติจูดสูงและฤดูร้อนก็มาถึงช้า จักจั่นที่นี่จึงออกมาได้ช้ากว่าที่บ้าน อีกทั้งระยะเวลาชีวิตของพวกมันก็สั้น โดยปกติแล้วพวกมันจะตายหลังจากผสมพันธุ์ได้ยี่สิบวัน”


พ่อฉินถึงกับถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นช่วงชีวิตของพวกมันก็สั้นมากพออยู่แล้ว งั้นก็อย่ากินพวกมันเลย ปล่อยให้มันมีชีวิตตามทางของพวกมันเถอะ”


เมื่อได้เห็นพ่อมีเมตตามากขนาดนั้นแล้ว ฉินสือโอวจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าชีวิตมันสั้น? ชีวิตของพวกมันยาวนานกว่าตัวอ่อนที่บ้านเราอีก แต่เวลาส่วนใหญ่พวกมันมักจะใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสิบเจ็ดปี”


วินนี่ก็ช่วยพูดเสริมขึ้นว่า “ที่แคนาดา จักจั่นเป็นแมลงที่เป็นภัย หลายๆ พื้นที่ใช้ยาฆ่าหญ้ากำจัดพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นตัวโตเต็มที่แล้วหรือตัวอ่อนก็จะใช้วิธีนี้ ซึ่งต่างจากที่คนงานของเราได้จับเองแบบนี้ อย่างน้อยตัวอ่อนที่จับได้ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นและอีกจำนวนมากก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้”


เมื่อพูดแบบนี้แล้ว พ่อฉินก็คลายความกังวลทันที และกลุ่มคนในฟาร์มปลาก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายทีมเพื่อออกไปล่าอย่างผู้ยิ่งใหญ่และสนุกสนานกันอย่างหาที่สุดไม่ได้


บทที่ 815 หน้าที่สำคัญในตอนนี้

Ink Stone_Fantasy

เมื่อออกค้นหาและรับซื้อมันด้วยตัวเอง คืนหนึ่งฉินสือโอวได้รับตัวอ่อนจักจั่นมามากกว่า 100 กิโลกรัมซึ่งทั้งหมดถูกหมักไว้ในน้ำเกลือและแช่ไว้ในตู้แช่แข็งเป็นอย่างดี


พ่อของฉินถามราคาของที่เขาซื้อมาและหลังจากที่รู้ก็เลียริมฝีปาก “มันราคาถูกมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาทำธุรกิจนี้กัน แกอยู่ทางนี้คอยรับจักจั่น ส่วนฉันกับพี่เขยแกจะกลับไปหาร้านเหล้าใหญ่ๆ ขายเอง”


ฉินสือโอวไม่สนใจ “คิดว่าสิ่งนี้สามารถทำกำไรได้เท่าไหร่กันครับ? มันจะดีกว่าถ้าผมเอาไปเลี้ยงปลาหลายตัวนะครับ ถ้าให้พูดอีกก็คือ พ่อคิดว่าของแบบนี้จะหาลูกค้าได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่สำนักงานตรวจสอบสินค้าและควบคุมโรคติดต่อก็ทำให้ติดขัดแล้ว”


พ่อของฉินพูดต่อ “งั้นแกเก็บไว้มากขนาดนั้นเพื่ออะไร?”


อาหารหลายมื้อที่เขาเห็นมานั้น ผู้คนในฟาร์มปลานอกจากฉินสือโอวกับเออร์บักที่ชอบกิน บางครั้งวินนี่ก็ออกไปกินข้างนอก และคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครกินเลย พวกเด็กๆ ก็ปกติ เดิมทีตอนที่พวกเขาเป็นเด็กเร่ร่อนก็กินจักจั่นย่างกัน แต่นั่นเป็นเพราะไม่มีทางเลือกซึ่งพวกเขาหิวและไม่มีอะไรให้กินจริงๆ


ฉินสือโอวหัวเราะ “ของสิ่งนี้มีโปรตีนสูง ถ้าเก็บเอาไว้ก็จะไม่เน่าเสีย กินได้อร่อย สามารถกินได้เป็นปีสองปี”


เขาไม่ได้กังวลว่ามันจะเน่าเสีย อย่างไรที่ฟาร์มปลาก็ยังมีคนที่มีความสามารถที่กินเนื้อสัตว์และผักพวกนี้โดยไม่เกรงกลัวอย่างอีวิลสัน นอกจากนั้นหู่จือและเป้าจือก็ชอบกินจักจั่นทอดเหมือนกัน


ตอนเช้าขณะที่ฉินสือโอวกำลังพูดคุยกับชาร์คเรื่องฟาร์มปลาที่มีลูกปลาฟักไข่ออกมาเพิ่ม เหมาเหว่ยหลงก็โทรศัพท์เข้ามาและถามว่า “ไอน้องชาย พ่อกับแม่ของฉันยังอยู่ที่นั่นไหม?”


ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้ชาร์คออกไปก่อนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เอ่ยปากตอบ “อยู่ จะให้ฉันบอกว่าลูกของคุณจะพาลูกสะใภ้และหลานๆ มาเมื่อไหร่ดีครับ? ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกันฉันเห็นอย่างชัดเจนว่าพ่อและแม่ของแกก็ยังรักแกอยู่”


เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจและหลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกจนในสายเกิดความเงียบ


ฉินสือโอวรู้ว่าภายในใจของพี่ชายเขากำลังเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรมากมายได้ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น ถ้ามองจากทางนี้เขาก็เป็นแค่คนนอก


หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เหมาเหว่ยหลงก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า “ฉันอยากไปพบพวกเขา น้องชาย ฉันอยากไปมากๆ แต่ฉันรู้จักนิสัยของสองคนนั้นดีกว่าแก ฉันต้องพาซูซูไปด้วย เฮ้อ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้”


“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? ฉันก็อยู่ข้างๆ นอกจากนั้นยังมีวินนี่และครอบครัวของฉันอีก มันต้องเป็นไปได้สิ!” ฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจ


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะอย่างขมขื่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่าเปลี่ยว “ถ้ามันเป็นไปได้ง่ายขนาดนั้นจริง ฉันจะต้องตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาเหรอ? ฉันอยากให้แกอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ของฉันมากๆ เพื่อให้พวกเขาสบายใจขึ้น ส่วนทางฉันยังต้องเตรียมตัวเรื่องงานแต่งงานอีกหน่อย ความจริงก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว”


ฉินสือโอวตกใจ “แกจะจัดงานแต่งงานเร็วๆ นี้จริงๆ เหรอ?”


เหมาเหว่ยหลงพูด “คิดว่าฉันพูดเล่นเหรอ? ซ่งจวินเหมยกับเยียนเฟยแต่งงานกันแล้วช่วงวันชาติ ฉันรู้มาจากพวกเขาก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ก็เรียกได้ว่าผ่านมานานแล้ว ทุกคนต่างรำลึกถึงอดีตกัน ความรู้สึกตอนเรียนมหาลัยยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”


ฉินสือโอวได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเหมาเหว่ยหลงถึงรีบแต่งงานก็เป็นเพราะคำสัญญาก่อนหน้านี้


ประมาณ 2 เดือนก่อน เหมาเหว่ยหลงกับฉินสือโอวได้คุยกันว่ามีเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจะแต่งงาน แต่ไม่มีใครมาแจ้งให้ฉินสือโอวรู้ ระหว่างตัวเขากับเพื่อนร่วมชั้นมีเรื่องบาดหมางที่ยากจะก้าวข้ามได้ บ่อยครั้งที่ภายในใจของเขารู้สึกเจ็บปวด


จากนั้นเหมาเหว่ยหลงก็พูดอีกว่าเรื่องนี้ถูกส่งต่อมาให้เขาแน่นอนว่าก็สามารถช่วยเขาแก้ไขปัญหานี้ได้


เดิมทีเหมาเหว่ยหลงก็คิดถึงวิธีนี้ โดยใช้งานแต่งงานของเขามาเป็นสื่อกลางระหว่างเขากับเพื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง


อะไรคือพี่น้อง? ก็นี่ไงพี่น้อง!


ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “แกพูดจริงแหละ พี่หลง แกรีบแต่งงานเพราะจะช่วยเรื่องระหว่างฉันกับเพื่อนมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”


เหมาเหว่ยหลงไม่ได้ปิดบัง “มีส่วน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ฉันไม่อยากเลื่อนออกไปอีก ฉันต้องแต่งงานกับซูซูให้เรียบร้อย และเป็นครอบครัวที่แท้จริงให้กับตั๋วตั่ว!”


จากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่เหมาเหว่ยหลงจะพูดว่า “ช่วงเวลานี้ที่พวกเราสามคนใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มมีความสุขกันมาก นายอาจไม่รู้ น้องชาย ตอนที่ตั๋วตั่วอยู่ประเทศจีนเธอไม่เคยยิ้มเลย ฉันพาเธอไปหาจิตแพทย์ เขาบอกว่าเธอมีภาวะซึมเศร้า”


“ตอนนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวตกใจเล็กน้อย ครั้งแรกที่เขาเจอตั๋วตั่วก็รู้สึกว่าเด็กสาวมีปัญหาเรื่องบุคลิกนิดหน่อย แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นปัญหาที่ร้ายแรงเช่นภาวะซึมเศร้า


“ตอนนี้มีรอยยิ้มทุกวันแล้ว! เมื่อวานฉันกับเธอพาลูกสุนัขไปไล่จับกระต่ายป่าที่วิ่งหนีเข้าไปในพื้นที่เพาะปลูก แกคงไม่เคยเห็นว่าเธอมีความสุขเป็นอย่างไร! ฉันคิดนะว่าแค่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ก็พอแล้ว! ฉันไม่ต้องคอยไล่ตามหาอะไรอีก!”เหมาเหว่ยหลงพูดประโยคหลังๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมากยิ่งขึ้น


ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างเงียบๆ และถามอีกว่า “งานแต่งงานจัดเมื่อไหร่?”


“ประมาณกลางฤดูใบไม้ร่วมครั้งหน้า คนที่จะเชิญมาครั้งนี้ก็ง่ายมากเป็นพี่ไห่ กลุ่มเพื่อนสนิทสมัยเด็กๆ กับพวกเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเรา เพื่อนสมัยเด็กของฉันมีเวลาว่างตลอด ตอนนี้ก็รอตารางเวลาของพวกเพื่อนร่วมชั้น ช่วงเวลาไหนที่พวกเขารวมตัวกันได้ ฉันก็จะเลือกช่วงนั้นจัดงานแต่งงาน” เหมาเหว่ยหลงตอบ


ฉินสือโอวขมวดคิ้ว “ไม่ต้องหาวันที่เหมาะสมเหรอ?”


เหมาเหว่ยหลงได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะและพูดว่า “หาวัน? ไม่ต้องหรอก ที่แคนาดายังให้ความสนใจกับเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอ? เลือกวันที่ทุกคนสะดวกมาก็พอแล้วล่ะ!”


ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “งั้นแกก็เลือกวันเถอะ เลือกได้แล้วก็มาบอกฉัน ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ หรอก”


เขาวางสายแล้วก็คิดว่าจะไปโทรหาเบลค


เบลครับสายของเขาและหัวเราะขึ้นมา “ฉิน นายยังจำได้ใช่ไหมว่ามีฉันคนนี้เป็นหุ้นส่วนอยู่? ฉันคิดว่านายลบเบอร์โทรศัพท์ของฉันทิ้งไปแล้วเสียอีก”


ฉินสือโอวหัวเราะ “จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ไม่มีเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไปเจอเงาของเรืออับปางลำหนึ่ง…”


“เรืออะไร แล้วมีอะไรบ้าง? พอดีเลย งานประมูลฤดูใบไม้ร่วมกำลังจะเริ่มแล้ว รีบติดต่อหาบิลลี่ให้ไปดำขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็จะทำเงินได้จำนวนหนึ่ง!” เบลครู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที


ความจริงฉินสือโอวเจอเรืออับปางที่ไม่ได้มีค่าอะไร และเขาก็ไม่ได้ไปตามหาอย่างจริงจัง เพียงแต่งานประมูลฤดูใบไม้ร่วงก็ใกล้เข้ามาแล้ว อันที่จริงเขาควรจะหาเรือลำหนึ่งเพื่อนำของที่หาเจอออกมาขาย ตอนนี้เงินที่อยู่ในมือของเขามีไม่มากนักซึ่งเป็นช่วงที่เขามีน้อยที่สุดตั้งแต่ครอบครองหัวใจของโพไซดอนมา


อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่เหยื่อที่ใช้ล่อปลาเท่านั้น ความจริงฉินสือโอววางแผนที่จะพักผ่อนหลังจากนี้ แต่เหตุผลที่เขาทำหน้าที่นี้เป็นเพราะ “เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไม่มีเวลาไปยุ่งกับเรื่องของเรืออับปางนัก เพราะพี่ชายที่ดีมากๆ ของฉันคนหนึ่งกำลังจะแต่งงาน…”


“เขาอยู่ที่ไหน? ประเทศจีนหรือแคนาดา?” เบลคติดเบ็ดอย่างง่ายดายและยังดูกระตือรือร้นอย่างมาก


ฉินสือโอวพูดว่า “กำลังทำงานอยู่ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในแฮมิลตัน…”


“โอเคเลย รายละเอียดการติดต่อและเรื่องอื่นๆ มอบให้ฉัน ฉันกับแบรนดอนจะจัดการให้นายอย่างเหมาะสมแน่นอน!” เบลคพูดขัดจังหวะเขาอย่างร้อนรน “เพื่อน จำหน้าที่ของนายได้ไหม ตามหาเรืออับปาง หลังจากนั้นก็ให้พวกฉันจัดการเปลี่ยนเป็นเงิน!”


“โอเค งั้นนายช่วยฉันจัดการเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อย ฟังคำพูดนี้ให้เรียบร้อย เพราะนี่เป็นงานแต่งงานของพี่ชายฉันซึ่งเป็นงานแต่งครั้งเดียวในชีวิตของเขา! ฉันไม่สนใจเรื่องเงิน ฉันต้องทำให้เขารู้สึกพอใจ!” ฉินสือโอวพูดเตือนหลายครั้ง


เบลคหัวเราะ “คอยดูเถอะฉันจะทำให้เขาพอใจอย่างแน่นอน!”


ฉินสือโอววางสายและเอนกายนอนอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าสู่ท้องทะเลเพื่อแยกย้ายออกไปค้นหาเรืออับปางอย่างเต็มกำลัง


แม้ว่าเขาเพิ่งจะหลอกเบลคไป แต่ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว ดังนั้นเขาก็จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอย่างสุดความสามารถแน่นอน


บทที่ 816 ประสบความสำเร็จบนความโชคดี

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวไม่ได้ไปหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในซากเรืออับปางตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะเขาไม่ขาดเงิน แต่ซากเรืออับปางที่อยู่ก้นทะเลมีเยอะมาก แต่การค้นหาซากเรืออับปางที่มีสมบัติซ่อนอยู่ ยังยากเกินไป


ทุกครั้งที่เข้าไปในฟาร์มปลาเพื่อสำรวจก้นทะเล ฉินสือโอวจะให้ความสนใจกับซากเรืออับปาง แอตแลนติกเหนือเป็นเหมือนสุสานซากเรือ เพราะติดอยู่กับขั้วโลกเหนือโดยตรงและมีซากเรืออับปางมากที่สุดในโลก


นอกจากนั้น เดิมทียุโรปก็ปล้นสมบัติของอเมริกากับแอฟริกา โดยใช้เส้นทางเดินเรือของมหาสมุทรแอตแลนติก และกลายเป็นเรืออับปางในยุคนั้นที่มีมูลค่ามหาศาล


เรื่องที่น่าเสียดายคือ ซากเรือพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่เคยผ่านแอตแลนติกเหนือได้ เส้นทางการเดินเรือของพวกมันคือน่านน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติกอันเงียบสงบ


ฉินสือโอวต้องใช้พลังอย่างมากเพื่อไปที่มหาสมุทรแอตแลนติกใต้ อาณาเขตของเขาอยู่ที่แอตแลนติกเหนือ ผลจากการตระเวนไปรอบๆ เป็นเวลาหลายวัน เขาก็พบซากเรืออับปางหลายร้อยลำ แต่ด้านในนั้นไม่มีของมีค่าเลย


มหาสมุทรถือเป็นผู้ทำลายที่ทรงพลังอย่างมาก ทรัพย์สมบัติและอัญมณีที่อยู่ภายในซากเรืออับปางจมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลานาน หรืออาจจะถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนสลายไป หรืออาจจะถูกสารคัดหลั่งของแพลงก์ตอน ปลาและกุ้งทำลายไป


ฉินสือโอวค้นหาที่ก้นทะเลอย่างต่อเนื่องมาครึ่งวันก็ยังไม่พบของมีค่า อาหารกลางวันที่แม่ของเขาตั้งใจเตรียมไว้ให้ก็ยังไม่ได้กินสักคำ ตอนบ่ายเขาก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบอีก


พ่อของฉินพูดอย่างไม่พอใจว่า “เด็กคนนี้ยุ่งอยู่กับอะไรนักหนา ข้าวก็ไม่กินจริงจัง?”


คนเป็นแม่ก็ปกป้องลูกอย่างถึงที่สุด แม่ของฉินจ้องไปที่ชายคนเดียวในบ้านและพูดว่า “เสี่ยวโอวยุ่งอยู่กับงาน งั้นคุณล่ะเรียกว่าอะไร? เขาก็ต้องยุ่งมากขึ้นอยู่แล้วฟาร์มปลาใหญ่ขนาดนั้น!”


พ่อของฉินหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและพึมพำกับตัวเองว่าเป็นคำแก้ตัวที่ไม่มีเหตุผล และออกไปสูบบุหรี่ด้วยกันกับพ่อของเหมาสองคน


แม่ของฉินกับแม่ของเหมาสั่งไม่ให้ทั้งสองคนสูบบุหรี่ ดังนั้นพวกเขาจึงคอยช่วยเหลือกันและกันเพื่อที่จะสามารถสูบบุหรี่ได้


การเหวี่ยงแหเป็นไม่มีประโยชน์ ฉินสือโอวไม่สามารถหาทางออกได้ หรือเขาควรไปหาแถวเรือไททานิก


เขาไม่คิดว่าของที่อยู่บนเรือไททานิกจะขายออกได้รวดเร็วขนาดนั้น เพราะซากเรืออับปางลำนี้มีชื่อเสียงมาก ของมีค่าที่อยู่ด้านในล้วนถูกสมาชิกในครอบครัวจดทะเบียนแล้ว อย่าว่าแต่งานประมูลเลย แค่นำออกมาก็จะถูกคนรู้ในทันที


สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยังต้องตำหนิความโลภที่อยู่ภายในใจของผู้คนด้วย


เรือไททานิกถูกค้นพบเมื่อปี 1985 ตั้งแต่ต้นปี 1986 บริษัทกอบกู้และนักประดาน้ำของแต่ละประเทศต่างก็รีบมาที่แอตแลนติกเหนือ และกู้ของที่อยู่ในซากเรืออับปางอย่างบ้าคลั่ง


การกู้ครั้งแรกของสถาบันวิจัยและพัฒนาทางทะเลของประเทศฝรั่งเศส และบริษัทประกันของเรือไททานิกได้กู้วัตถุทางประวัติศาสตร์ขึ้นมา 1800 กว่าชิ้น การกู้เป็นไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 1993 และ 1994 ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอยู่หลายครั้งเพื่อกู้สมบัติที่อยู่ในซากเรืออับปางได้นับหมื่นชิ้นออกมา


หลังจากนั้น 14 ปี บริษัทของเรือไททานิกใช้เงิน 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกู้ชิ้นส่วนที่เหลือ 6 พันกว่าชิ้นจากภายในซากเรืออีกครั้ง การกระทำแบบนี้นำไปสู่ความขุ่นเคืองใจให้แก่ครอบครัวของผู้ตาย พวกเขาใช้วิธีการประท้วงและการเจรจาเพื่อบังคับรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาผ่าน ‘การระลึกถึงอุบัติเหตุทางทะเลของเรือไททานิก’ และก่อกวนเรื่องนี้ผ่านทางรัฐบาล


รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาได้ทำการสอบถามผ่านครอบครัวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และข้อมูลของบริษัทประกันภัยรายใหญ่ในทันที และลงทะเบียนทรัพย์สินที่อยู่บนเรือเพื่อห้ามผู้คนเร่ขายสิ่งของที่อยู่ภายในเรืออย่างเคร่งครัด


แน่นอนว่าข้อมูลนี้ไม่เพียงพอที่จะห้ามได้อย่างเด็ดขาด ตัวอย่างเช่น ภาพวาดที่มีชื่อเสียงอย่าง ‘อาทิตย์อัสดงที่มงมาจูร์’ ที่ฉินสือโอวพบก็ไม่มีข้อมูลทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้


เพียงแต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกายังจัดการค่อนข้างจริงจัง ทรัพย์สินส่วนใหญ่ล้วนมีข้อมูลออกมาแล้ว ไวโอลิน ‘เสียงแห่งสวรรค์’ ที่ฉินสือโอวพบก่อนหน้านี้ก็ถูกบันทึกไว้ในคลังข้อมูล เขาจึงไม่สามารถนำไปขายเชิงพาณิชย์ได้


ฉินสือโอวไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาไปแตะต้องเรือไททานิก เขาอาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อก่อนพูดได้ว่าเขาโชคดี เพราะ ‘เสียงแห่งสวรรค์’ แต่ตอนนี้ผู้คนต่างก็เฝ้ามองมาที่เขา ถ้าเขานำเงินกับของมีค่าที่เกี่ยวข้องกับเรือไททานิกออกมาอีก คนโง่ก็ยังรู้ว่าตอนนี้ซากเรืออับปางลำนี้ถูกเขาแตะต้อง


ถึงตอนนั้นถ้ากองทัพเรือของแคนาดาและสหรัฐอเมริกาไปสอดส่องตำแหน่งของเรือไททานิกที่จมอีกครั้ง นั้นก็จะน่าสนใจ ตอนนี้เรือลำนี้ใกล้จะถูกทำลายแล้ว…


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาถึงตำแหน่งของซากเรือไททานิก กล่องเล็กกล่องใหญ่จำนวนมากกองรวมกันอยู่บนแนวปะการังที่ก้นมหาสมุทร พวกปลาหมึกที่ถือค้อนขนาดใหญ่กำลังทุบเรือ เรือลำนี้จะถูกส่งเข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์


ขอบคุณกฎหมาย ‘อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ’ ที่ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ภาพถ่ายของซากเรืออับปางเพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปสู่ความโลภของคน ดังนั้นเรือไททานิกก็จะไม่มีกล้องวงจรปิด และอื่นๆ ซึ่งมั่นใจได้ว่าความลับของฉินสือโอวจะไม่ถูกค้นเจอ


ตอนนี้ปลาหมึกทำงานอย่างหนักเพื่อขุดกล่องออกมา โดยทั่วไปจะพบในห้องผู้โดยสารชั้น 3 หรือห้องเก็บสัมภาระ ตำแหน่งพวกนั้นอันตรายมาก นักประดาน้ำจะไม่กล้าเข้าไป แต่ง่ายมากสำหรับฉินสือโอว


ฉินสือโอวลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่แตะต้องของพวกนี้ ก่อนจะกลับไปที่น่านน้ำของฟาร์มปลาและมองหาซากเรือที่จมต่ออย่างเหม่อลอย


ผลคือเทียวไปเทียวมา เขาก็ไปถึงแนวปะการังและเห็นหอยนมสาวทะเลยักษ์ไล่ล่าเหยื่ออย่างมีความสุขอยู่ที่นั่น ตอนนี้เจ้าตัวนี้กินดีอยู่ดีเพราะมีพลังโพไซดอนคอยเสริมทำให้ดูอวบอ้วนและแข็งแรง


ฉินสือโอวมองหอยนมสาวด้วยความลังเล ความจริงไม่อย่างนั้นก็เอาเจ้าตัวนี้ไปขาย?


หลังจากเติบโตมาหนึ่งปีครึ่งภายใต้การวิวัฒนาการจากพลังโพไซดอน รูปร่างของหอยนมสาวขยายขึ้นไม่น้อย เส้นผ่านศูนย์กลางจาก 24 ถึง 25 เซนติเมตรขยายมากถึง 30 กว่าเซนติเมตรแล้ว


สำหรับหอยนมสาว ขนาดนี้ถือว่าน่ากลัวมาก รวมถึงการใช้ชีวิตของมันอีก ฉินสือโอวคิดว่าคงประมูลได้สัก 2 ถึง 3 ล้านดอลลาร์ไม่มีปัญหา


ขณะที่กำลังลังเล ข้างๆ ก็มีหอยนางรมลอยตัวหนึ่งอ้าปากอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็คายไข่มุกสีดำที่กลมเหมือนลูกบอลเม็ดหนึ่งออกมา…


ฉินสือโอวตกตะลึงในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าจะลืมเรื่องนี้ไป ค่อนข้างนานที่เขาไม่ได้มาตรวจสอบสถานการณ์ของพวกหอยนางรมลอย


เพราะกังวลว่าจะถูกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีทุบกิน เมื่อไม่นานมานี้ ฉินสือโอวจึงปกป้องเจ้าพวกนี้เป็นพิเศษ พวกมันจะเข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ใจกลางของแนวปะการัง


พวกหอยนางรมลอยถือเป็นหอยที่เชี่ยวชาญในการซ่อนตัว พวกมันรู้ว่าตัวเองมีรสชาติที่ดีกับพลังป้องกันที่ไม่ดีและเป็นอาหารอันโอชะสำหรับผู้ล่าในท้องทะเลจำนวนมาก ดังนั้นหลังจากเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่แปลกไป พวกมันจะหาสถานที่ที่เป็นรอยแตกเล็กๆ ของปะการังและอื่นๆ เพื่อซ่อนตัว


พวกมันทำแบบนี้มาเรื่อยๆ หลังจากฉินสือโอวเข้าไปที่ฟาร์มปลาก็ไม่เห็นพวกมันมาเป็นเวลานานและค่อยๆ ลืมการมีอยู่ของหอยนางรมลอยไป


เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การผัดหน้าบ่อยๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างไร


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขาค้นหาหอยนางรมลอยที่ปกคลุมอยู่บริเวณรอบๆ น่านน้ำและมองหาไข่มุกสีดำ


หลังจากค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉินสือโอวก็ดีใจกับสิ่งที่เจออย่างมากทันที ระยะเวลาหนึ่งปีครั้ง พวกหอยนางรมลอยเพิ่มจำนวนขึ้นมาไม่น้อยและก่อตัวขึ้นเป็นชุมชนขนาดเล็กหลายร้อยตัว


แม้ว่าชุมชนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหอยตัวเล็ก แต่ก็มีหอยตัวใหญ่หลายร้อยตัวที่อาจจะผลิตไข่มุกสีดำออกมา


พลังโพไซดอนส่งเสริมการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพวกมัน แต่การเจริญเติบโตของหอยต้องกินอาหารจำนวนมาก ดังนั้นพวกมันจะกินสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้าไปภายในกระบวนการล่าเหยื่อ


สิ่งแปลกปลอมในร่างกายจะไปกระตุ้นเยื่อหุ้มเซลล์ของหอยทำให้หอยรู้สึกไม่สบายและจะแยกไข่มุกออกมาก่อนจะนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปห่อหุ้มไว้เป็นชั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนให้เป็นลูกกลมๆ ที่ทำให้รู้สึกดีและสบายกว่าเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากนั้นก็ระบายออกมา


เมื่อหอยนางรมลอยตัวนั้นคายไข่มุกออกมา ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ


รอบกายของหอยนางรมลอยส่วนใหญ่ล้วนมีไข่มุกสีดำมันวาวหลายลูกกระจายอยู่…


เมื่อก่อนฉินสือโอวคงปล่อยพลังโพไซดอนให้พวกมันมากเกินไปหน่อยจริงๆ


ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึงฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ไข่มุกสีดำคุณภาพสูงระดับนี้ ถ้าขายออกไปต้องได้เงินจำนวนหนึ่งแน่นอน!


บทที่ 817 การพบกัน

Ink Stone_Fantasy

หลังจากตรวจสอบ ฉินสือโอวดีใจอย่างมาก ช่วงนี้พวกหอยนางรมลอยดูสนุกสนานกับการเติบโตแบบเดิมและการแยกไข่มุกจริงๆ หอยตัวใหญ่กว่าหนึ่งร้อยตัวปล่อยให้เขาเก็บและเข้าใกล้ไข่มุกสีดำหนึ่งพันเม็ดได้อย่างไม่คาดคิด!


ตอนนี้ฉินสือโอวทำความสะอาดคร่าวๆ อิทธิพลของพลังโพไซดอนต่อสิ่งมีชีวิตคือกระบวนการการสะสม พวกหอยนางรมลอยปะทุออกมาในครั้งนี้


ไข่มุกสีดำที่เก็บมาจนเต็มกล่อง ฉินสือโอวนำขึ้นไปบนเรือและปล่อยให้แสงอาทิตย์ส่องลงมา ไข่มุกส่องประกายแวววาว ราวกับภูตตัวน้อยจำนวนมากยามค่ำคืนกำลังส่องแสงเรืองรอง


หลังจากกลับมาถึงวิลล่า ฉินสือโอวก็โทรหาเบลคและบอกเขาว่าเก็บไข่มุกสีดำมาได้จำนวนหนึ่ง ในวันนั้นเบลคก็รีบมาพร้อมกับใบหน้าที่แสดงความตื่นเต้น


ไข่มุกสีดำพวกนี้เล็กใหญ่แตกต่างกัน เม็ดใหญ่เกือบจะเท่ากับขนาดปกติ ส่วนเม็ดเล็กดูคล้ายกับกระดุมเสื้อที่เป็นวงกลม แต่เล็กใหญ่ไม่สำคัญ เพราะขนาดสม่ำเสมอกัน สีและความมันวาวก็สมมาตรและนุ่มนวล เบลคใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้หยิบขึ้นมาเม็ดหนึ่งและวางไว้ภายใต้แสงแดด ช่างกลมและแพรวพราว!


“นี่เป็นสินค้าคุณภาพสูงทั้งนั้น พระเจ้า นายเอาไข่มุกพวกนี้มาจากที่ไหน?” เบลคถามด้วยความตกใจ


ฉินสือโอวรินกาแฟเย็นให้เขา หลังจากนั้นก็พูดว่า “เมื่อปีที่แล้วฉันเลี้ยงหอยนางรมลอยไว้จำนวนหนึ่ง ฉันวางแผนจะผลิตไข่มุกสีดำไว้ทำเป็นของขวัญให้วินนี่โดยเฉพาะ แต่ผลที่ได้มันเกินคาด เพื่อน ไม่คาดคิดว่าปีนี้ฉันจะเก็บได้มากขนาดนี้!”


เบลคเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพูดว่า “นายคิดจะทำเครื่องประดับจากไข่มุกให้วินนี่ นายถึงเลี้ยงหอยนางรมลอยจำนวนมากไว้เป็นพิเศษงั้นเหรอ?”


ฉินสือโอวยักไหล่และพูดอย่างไม่ต้องสงสัยว่า “ไม่ควรเหรอ?”


เบลคจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองในทันทีว่า “ฟัค นายมันพวกบูชาความรัก! ถ้าฉันสามารถเอาใจใส่แบบนี้ได้เหมือนนาย แม้แต่พวกเจ้าหญิงในตะวันออกกลางก็อยู่ในกำมือฉัน!”


ฉินสือโอวขอให้เบลคประเมินมูลค่าของไข่มุกสีดำพวกนี้ เขาลูบหนวดที่คางและพูดว่า “ฉันก็ไม่แน่ใจ เพื่อน ฉันแนะนำให้นายเลือกแบ่งขายสองแบบ แบบแรกคือนำไปขายตามงานประมูลที่มีชื่อเสียง ส่วนอีกแบบเมื่อถึงเวลานายต้องติดต่อพนักงานขายของคนรวยและผู้มีอำนาจพวกนั้นด้วยตัวเอง แบบนี้ก็สามารถทำกำไรที่สูงที่สุดได้แล้ว”


ไข่มุกพวกนี้เป็นไข่มุกที่ฉินสือโอวเลี้ยงมาด้วยตัวเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อตกลงของพวกเขา ตอนนั้นข้อตกลงที่พวกเขาเซ็นสัญญากันมีเป้าหมายแค่กู้สมบัติที่ซ่อนอยู่ที่ก้นทะเลเท่านั้น ดังนั้นการจัดการกับไข่มุกสีดำพวกนี้ เบลคจะช่วยได้อย่างสมบูรณ์แบบ


เมื่อรู้ว่าเบลคมา บิลลี่ที่สอนการดำน้ำให้แก่พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลแห่งชาติก็วิ่งตรงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น หลังจากโอบกอดเขาก็พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ พวกเราไปดื่มกันสักรอบเถอะ!”


เบลคมองบิลลี่ที่มีความสุขด้วยความสงสัยและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้นายกำลังไล่ตามสาวน้อยน่ารักคนหนึ่ง? ดูเหมือนสถานการณ์ของนายจะไม่เลว ไม่งั้นนายคงจะไม่มีความสุขขนาดนี้ ใช่ไหม?”


ฉินสือโอวคือคนที่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ สถานการณ์ของบิลลี่ดีกับผีน่ะสิ ผู้ชายคนนี้เสียใจที่อกหัก ครั้งก่อนที่กลับมาจากประเทศจีน เขาก็ดื่มจนเมาไปแล้วรอบหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปยุ่งอยู่กับการทำงาน พูดได้ว่าเขาใช้ความยุ่งในการทำงานมาเป็นยารักษาจิตใจที่ได้รับบาดเจ็บ


ปัญหาเรื่องความรู้สึกของบิลลี่ ตอนนี้กลายมาเป็นจุดอ่อนของเขา อย่างไรก็ตามฉินสือโอวไม่กล้าเสนอต่อหน้าเขา ไม่อย่างนั้นรอตอนที่เขาดื่มก็คงน่าสนุกดี


ดังนั้นเมื่อเบลคพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉินสือโอวก็กังวลและรีบขยิบตาให้เขา


เบลคเป็นคนช่ำชองโลก เมื่อเห็นการขยิบตาของฉินสือโอวให้ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตามที่คาดไว้ ความตื่นเต้นที่แสดงอยู่บนใบหน้าของบิลลี่ค่อยๆ หายไป สุดท้ายก็ถูกแทนที่ด้วยความโดดเดี่ยวและความขมขื่น เหมือนกับลูกสะใภ้ที่อยู่ในห้องส่วนตัว


“อย่าพูดถึงเรื่องนี้ๆ ฮ่าๆ งั้นพวกเราไปหาปลากับกุ้งกันเถอะ ตอนกลางคืนจะได้ดื่มกันสักรอบ!” ฉินสือโอวพูดพร้อมกับหัวเราะฮ่าๆ


แต่บิลลี่ไม่อยากทิ้งปัญหานี้ไว้อย่างนี้ เขามองเบลคด้วยความสงสัยและถามว่า “รอเดี๋ยวก่อน ปัญหาเรื่องความรักของฉัน นายรู้มาจากใคร?”


เมื่อพูดจบ สายตาที่ดูสงสัยของเขาก็มองไปทางฉินสือโอว ฉินสือโอวตกใจรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็วและพูดว่า “มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันก็ปิดปากสนิท ไม่เอาเรื่องของนายไปบอกกับใครหรอก!”


บิลลี่ไม่ได้ซักไซ้ต่อ เขาโบกมือด้วยความรู้สึกอ้างว้างทันทีและพูดว่า “มันไม่สำคัญหรอกเพื่อน ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็อกหักไปแล้ว คืนนี้พวกเรามาดื่มกันสักรอบเถอะ เพื่อระลึกถึงความรักของฉันที่จากไป!”


ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา ดีแล้ว คืนนี้คงมีเรื่องสนุกแล้วล่ะนะ


บิลลี่ถามเบลคมาว่ากำลังทำอะไรอยู่ ฉินสือโอวจึงยื่นไข่มุกสีดำพวกนี้ให้เขาดู บิลลี่ก็พูดว่านี่เป็นของดีและแนะนำเขาว่า “ถ้านายอยากขายในราคาสูง งั้นอย่าขายไข่มุกสีดำออกไปโดยตรง แต่ทำเหมือนครั้งที่แล้ว นายก็ให้ทิฟฟานี่ทำเครื่องประดับอันล้ำค่าขึ้นมาอีกชิ้น ฉันกล้าพนันเลยว่า หลังจากที่ทำเสร็จและนายส่งให้ทิฟฟานี่นำไปขายแล้ว มูลค่าของสิ่งนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!”


ฉินสือโอวคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีและพูดอย่างมีความสุขว่า “ถ้าทำได้จริงๆ งั้นฉันจะให้ค่าแนะนำกับนายจำนวนหนึ่ง”


บิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า “ถือว่าชดเชยให้ฉันที่ถูกความรักสร้างความเจ็บปวดให้ได้ไหมนะ?”


ฉินสือโอวพูดไม่ออก บ้าเอ๊ยนี่ยังไม่จบอีกเหรอ


กลุ่มคนสี่คนตอนนี้รวมตัวกันแล้วสามคน เบลคเพียงแค่โทรหาแบรนดอน เขาอยู่ที่นครเซนต์จอห์นและสะดวกมากที่จะมา


แบรนดอนเพิ่งจะเลิกงาน หลังจากที่เขาได้รับโทรศัพท์ก็ขับเฮลิคอปเตอร์เชิงพาณิชย์ของบริษัทมาทันที ครึ่งชั่วโมงที่ไร้ประโยชน์ ประสิทธิภาพสูงจนทำให้ฉินสือโอวโกรธอย่างไม่รู้จบ “นายสะดวกมากขนาดนี้ ปกติไม่เห็นมาเที่ยวที่นี่กับฉัน?”


แบรนดอนถอนหายใจ “ตอนนี้ฉันยุ่งมาก พระเจ้า วิกฤตเศรษฐกิจจะจบลงเมื่อไร? ธนาคารของพวกเราอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ปีนี้โบนัสของฉันก็ถูกหักไปเรียบร้อยแล้ว ฉิน เพื่อนที่แสนดีของฉัน นายต้องคิดวิธีค้นหาซากเรืออับปางซักลำ ไม่งั้นฉันเลี้ยงดูครอบครัวไม่ได้แน่!”


เดิมทีตอนเซ็นสัญญาก็กำหนดไว้ว่าฉินสือโอวต้องหาสมบัติที่ซ่อนไว้ในซากเรืออับปางมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ความจริงนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เขียนไว้ ตอนนั้นก็เป็นแค่การแสดงวิสัยทัศน์ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น


พวกเขาไม่สามารถไปฟ้องร้องฉินสือโอวได้เพียงเพราะเขาหาสมบัติได้ไม่ถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สัญญาฉบับนี้ไม่ได้เขียนขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย


ต้องรู้ก่อนว่า บริษัทโอดิสซีย์ของครอบครัวบิลลี่นั้นเป็นบริษัทกู้สมบัติทางทะเลมืออาชีพ ยังไม่สามารถทำมูลค่าของที่กู้ถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีได้ นอกจากพระเจ้ากับโพไซดอนก็คงไม่มีใครทำได้แล้ว


ตอนมื้อค่ำ ฉินสือโอวกับชายหนุ่มอีกสามคนกินอาหารอยู่บนชายหาด พ่อของฉินและคนอื่นๆ รู้ว่านี่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาจึงทำการต้อนรับอย่างเป็นมิตร


ตอนที่กำลังดื่มเหล้า ฉินสือโอวพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญาว่า “อันที่จริงวาฬเบลูกากับโลมาตัวน้อยของฉันพบซากเรืออับปางหลายลำ แต่ภายในเรือบ้าพวกนี้ไม่มีอะไรเลย ฉันก็หมดหนทางแล้ว”


เขาแนะนำทั้งสามคนว่าเขาสามารถทำงานร่วมกับปลาวาฬเบลูกาตัวหนึ่งและปลาโลมาตัวหนึ่งได้ ทั้งสองฝ่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย เขาจะนำเจ้าตัวน้อยสองตัวนี้ไปค้นหาซากเรืออับปาง


จุดนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะยอมรับ ไอคิวของปลาวาฬเบลูกากับปลาโลมาเพียงพอที่จะทำการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ แค่ต้องให้พวกมันไปค้นหาในทะเลและรอการตอบกลับมาซึ่งยากมาก แน่นอนว่าก็แค่ยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้


บิลลี่แค่ต้องการดื่มเบียร์ แต่เมื่อฟังคำพูดของฉินสือโอวแล้วเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและพูดว่า “นายกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในทะเลอยู่ใช่ไหม?”


ฉินสือโอวพยักหน้ารับ บิลลี่โยนกระป๋องเบียร์ทิ้งทันทีและคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับตะโกนว่า “พระเจ้า แผนที่ซากเรืออับปางที่ฉันให้นายไปล่ะ? นายไม่ได้ไปค้นหาเลยใช่ไหม? ซากเรืออับปางไม่ใช่จะหาได้ง่ายขนาดนั้นนะ!”


พ่อของฉินเพิ่งจะมาส่งอาหาร เห็นบิลลี่กำลังคุกเข่าอยู่บนชายหาดพอดี จึงก้าวเข้าไปสองก้าวอย่างรวดเร็วและปลอบประโลมว่า “รีบลุกขึ้นมาๆ นี่ตะโกนเสียงดังแถมยังคุกเข่าบนพื้นทำไม? เสี่ยวโอว เด็กคนนี้ขอให้นายทำอะไร?”


บทที่ 818 เรือสาธารณรัฐ

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวจำใจต้องอธิบายด้วยความอายว่า บิลลี่ไม่ได้คุกเข่า นี่เป็นการนั่งแบบหนึ่งที่คนอเมริกาเคยชิน


พ่อของฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที เขาวางเนื้อย่างลงและปล่อยให้พวกเขาเล่นกัน ตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขาก็รู้สึกอายเหมือนกัน


บิลลี่อายมาก แต่เรื่องที่อายไม่ใช่เรื่องนี้ เขายังไม่รู้ว่าทำไมพ่อของฉินถึงตึงเครียดขนาดนั้น เขาพูดอย่างเขินอายว่า “นึกไม่ถึงเลยว่านายจะใช้วิธีเสี่ยงดวงเพื่อค้นหาซากเรืออับปาง?! โอ้พระเจ้า ยกโทษให้ลูกด้วย! หุ้นส่วนคนนี้ของฉัน ทำพลาดมาก!”


เบลคก็หมดคำจะพูด เขาตบที่ไหล่ฉินสือโอวและพูดว่า “คืนนี้เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ พวกเรามาดื่มกัน เริ่มใหม่วันพรุ่งนี้ ค่อยรบกวนท่านไปขอคำแนะนำจากลูกชายเจ้านายอย่างบิลลี่ว่าจะค้นหาซากเรืออับปางยังไง!”


หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็ดื่มเบียร์ไปหนึ่งลัง เบลคเริ่มรู้สึกเสียใจ ตัวเขาเพิ่งจะพูดว่า ‘ไม่คุยเรื่องงาน’ เหรอ? นี่เป็นคำพูดที่โง่มากจริงๆ คุยเรื่องงานก็ถูกแล้ว ไม่อย่างนั้นต้องทนฟังบิลลี่เล่าเรื่องความรักในอดีตของเขา ต้องเป็นบ้าแน่!


บิลลี่คว้าเบียร์มาขวดหนึ่ง มืออีกข้างก็ดึงเบลคและพูดด้วยความเศร้าเสียใจว่า “…เพื่อน คนแบบนาย เพลย์บอยแบบนี้ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก ฉันรักสาวน้อยน่ารักคนนั้น! ไม่เหมือนนาย เจอผู้หญิงคนหนึ่งก็บอกรักครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นยังรักแค่ความรู้สึกเวลาที่ทำเอไอกับพวกเธอ…”


สีหน้าของเบลคเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ ตัวเขากลายเป็นเพลย์บอยไปได้อย่างไร? ใช่ เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมามากมาย แต่นั่นมันน้อยกว่าเพลย์บอยไมอามีอย่างนายเหรอ? นายมีสีหน้าอย่างไรตอนที่มีผู้หญิงไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ตรงหน้าตัวเอง?


บิลลี่พูดต่อว่า “ฉันไล่ตามหญิงสาวผู้เป็นที่รักไปประเทศจีน แต่เธอก็ยังปฏิเสธฉัน เธอบอกว่าเธอหวังว่าจะหาคนที่ซื่อสัตย์ คนที่พร้อมจะมอบชีวิตทั้งหมด และไม่ใช่คนหลายใจ! โอ้ พระเจ้า ใครเอาอดีตของฉันไปบอกเธอ? ฉิน บอกฉันทีว่า ไม่ใช่นาย…”


หลังจากเล่าจนถึงตรงนี้ เสียงที่บิลลี่พูดออกมาเหมือนกับเสียงหมาป่าหอน เด็กน้อยที่อยู่ในวิลล่าต่างเอียงหัวฟังอย่างตั้งใจและมองมาทางนี้ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างคลุมเครือ


ฉินสือโอวสาบานอย่างรวดเร็วว่า “พระเจ้ารู้ บิลลี่ เพื่อนที่แสนดีของฉัน ฉันไม่มีทางบอกหวงเจียเจียเรื่องความสัมพันธ์แย่ๆ พวกนั้นของนายแน่นอน! ไม่แน่นอน!”


บิลลี่ดึงเบลคมาร้องไห้ใส่ด้วยความเสียใจ หลังจากนั้นก็ยกขวดเบียร์ขึ้นและส่งเสียงร้องว่า “ช่างมันเถอะ เพื่อนๆ พวกเรามาดื่มเบียร์ที่อยู่ในมือพวกเรากัน!”


สีหน้าของเบลคเปลี่ยนไปเล็กน้อย เบียร์ของบิลลี่เหลือแค่ก้นขวด แต่ในมือของเขาคือเบียร์ขวดใหม่ที่เพิ่งเปิด


คืนนี้บิลลี่ดื่มจนเมา แต่เขาเผชิญหน้ากับความตายก็ต้องดึงเขาออกมาจากความทุกข์ทรมาน เบลคก็เมาไปแล้วเรียบร้อยเหมือนกัน ฉินสือโอวจึงต้องให้นีลเซ็นขับรถไปส่งพวกเขาที่โรงแรมในเมือง


หลังจากสร่างเมาในวันรุ่งขึ้น บิลลี่ก็กลับมาเป็นปกติ แต่ภายในดวงตาของเขายังคงมีความเศร้าหลงเหลืออยู่ แบบนี้ทำให้เขาดูน่าหลงใหลอย่างมาก ชายหนุ่มผมบลอนด์หล่อเหลาที่มีดวงตาเศร้าโศก ตัวละครที่มีแค่ในการ์ตูนญี่ปุ่นที่สาววายชอบที่สุด


บิลลี่มาหาฉินสือโอวและพูดว่า “การค้นหาซากเรืออับปาง ไม่ใช่เรื่องที่นายจะทำแบบนั้นได้ เพื่อน นายต้องรู้ว่า ซากเรืออับปางจำนวนมากที่จมอยู่ก้นทะเล มีน้อยลำมาก ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำที่ในซากเรือจะมีทรัพย์สมบัติที่นำมาขายได้ เช่นทองกับอัญมณี ของแบบนี้ไม่ใช่ของที่จะหากันพบได้ง่ายๆ”


ฉินสือโอวเห็นด้วยกับจุดนี้ เขามีพลังโพไซดอนแบบนี้ เขายังหาซากเรืออับปางที่มีมูลค่าไม่พบเลย


บิลลี่พูดต่ออีกว่า “รู้ไหมว่าก่อนที่บริษัทโอดิสซีย์ของพวกฉันจะพบโสกราตีสซากเรืออับปางที่มีค่าลำแรก ต้องใช้เวลาเท่าไร กว่าจะเตรียมตัวและทำการค้นหา? ใช้เวลานานถึง 12 ปี!”


ฉินสือโอวถามว่า “ความหมายของนายคือ ฉันต้องมีความอดทนมากกว่านี้?”


บิลลี่มองเขาด้วยความงุนงงและพูดว่า “ไม่ สิ่งที่ฉันจะพูดหลังจากนี้ต่างหากที่สำคัญ หลังจากที่พบเรือโสกราตีส พวกเราก็ค้นหาซากเรืออับปางที่มีสมบัติลำที่สอง นายรู้ไหมว่าใช้เวลานานเท่าไร? แค่ 2 ปี!”


“บ้าเอ๊ย อย่ามาพูดอ้อมค้อม พูดมาตรงๆ เลย!”


บิลลี่หยิบสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งออกมาและเปิดมันอย่างระมัดระวัง เขาพูดว่า “ในช่วงเวลา 12 ปีแรกของบริษัท พวกฉันไม่เพียงแค่ค้นหาเรือโสกราตีสลำเดียว แต่ยังรวบรวมข้อมูลทุกอย่าง รวบรวมข้อมูลของซากเรืออับปางจำนวนมาก เข้าใจไหม ข้อมูล!”


ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของเขาแน่นอน ซากเรืออับปางส่วนใหญ่ล้วนมีตำแหน่งบอกคร่าวๆ ถ้าค้นหาบริเวณนั้นก็จะเจอเรือ


เขารู้เรื่องนี้ดี แต่ข้อมูลที่ตั้งพวกนี้ที่เขาสามารถหามาได้ล้วนเป็นซากเรืออับปางธรรมดา หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้อมูลของซากเรืออับปางค่อนข้างที่จะเปิดเผย แต่ซากเรืออับปางที่มีมูลค่าล้วนอยู่มาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่จะให้เขาค้นหาอย่างไร?


บิลลี่ถอนหายใจ “ฉันเคยให้คู่มือที่จดบันทึกข้อมูลของซากเรืออับปางเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์กับนายไปแล้ว”


ฉินสือโอวพูดด้วยท่าทีอึดอัดใจ “ฉันอาจจะลบมันไปแล้ว…”


นี่ไม่เป็นไร แผ่นข้อมูลที่อยู่ภายในมือของบิลลี่ ข้อมูลของซากเรืออับปางที่บันทึกไว้แม้ว่าจะน้อย แต่ทุกข้อมูลล้วนเชื่อถือได้


ทั้งสองคนพูดคุยกันเกี่ยวกับข้อมูลของซากเรืออับปางพวกนี้ แน่นอนว่ามีเป้าหมายหนึ่งคือ “ซากเรืออับปางของเรือสาธารณรัฐ”


เรือสาธารณรัฐเป็นซากเรือที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐอเมริกา อุบัติเหตุเกิดขึ้นตอนที่สงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะสิ้นสุดลง ในเวลานั้นเรือกลไฟลำนี้เต็มไปด้วยสินค้ากับเงินที่ขนมาจากนิวยอร์กและเตรียมตัวเดินทางไปนิวออร์ลีนส์เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างหลังสงคราม


เรือลำใหญ่ลำนี้อยู่ในยุคเครื่องจักรไอน้ำความยาว 210 ฟุตใช้เวลาเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือนิวยอร์กแค่สองวัน ตอนนั้นช่างน่าเสียดายที่ถูกศัตรูของกองทัพเรือสหรัฐอย่างโจรสลัดบาร์บารีปล้น พวกโจรสลัดส่งกองทัพเรือไวออกไปโจมตีเรือสาธารณรัฐจากทั้งสองด้านและปล้นสินค้ากับเงินทั้งหมดไป


จากการสำรวจที่น่าเชื่อถือของบริษัทโอดิสซีย์ ทรัพย์สินที่เรือสาธารณรัฐถูกปล้นไปนั้นเป็นเหรียญทองกับเหรียญเงินที่มูลค่าสูงกว่า 4 แสนดอลลาร์สหรัฐ


ในวันนี้หลังจากผ่านมาหนึ่งศตวรรษครึ่ง มูลค่าของเหรียญทองกับเหรียญเงินก็เพิ่มขึ้นไปสูงกว่ามูลค่าที่ตราไว้ในช่วงเวลานั้น โดยเหรียญทองอีเกิลโอเชียนตราไว้ที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งเหรียญ แต่ตอนนี้ราคาในตลาดมีตั้งแต่ 3 พันดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ!


ที่มาของความแค้นอันยาวนานระหว่างกองทัพเรือสหรัฐกับโจรสลัดบาร์บารีเริ่มต้นขึ้นหลังจากสงครามอิสรภาพของอเมริกาจบลง พูดได้ว่าโจรสลัดกลุ่มนี้ส่งผลให้เกิดกองทัพเรือสหรัฐ


ต้นศตวรรษที่ 19 โจรสลัดบาร์บารีบีบบังคับสหรัฐอเมริกาจนติดอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากทำงานอย่างหนัก กองทัพเรือสหรัฐก็สร้างความเสียหายให้โจรสลัดกลุ่มนี้อย่างมากในสงครามที่ทะเลบาหลีแอฟริกาเหนือถึงสองครั้ง และไปประจำการอยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้สำเร็จ


น่าเสียดาย หลังจากที่สงครามกลางเมืองอเมริกาปะทุขึ้น พละกำลังทางทหารของกองทัพเรืออ่อนแอลง โจรสลัดบาร์บารีก็ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เรือสาธารณรัฐจึงถูกยึดไปภายใต้สถานการณ์นั้น


แต่ในเวลานั้นแม้ว่ากองทัพเรือสหรัฐจะได้รับบาดเจ็บ พวกเขาที่ตั้งฐานอยู่ที่นั่น เมื่อรู้ว่าเรือสาธารณรัฐถูกปล้น กองทัพเรือสหรัฐก็ส่งหัวกะทิทั้งหมดไปไล่ฆ่าด้วยความโกรธแค้น ทั้งสองฝ่ายก่อสงครามกันที่น่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในปัจจุบัน


ผลของการต่อสู้คือพวกโจรสลัดบาร์บารีถูกปราบลงโดยกองทัพเรือ แม้ว่ากองทัพเรือจะช่วยเหลือเรือสาธารณรัฐกลับมาได้ แต่เหรียญทองกับเหรียญเงินที่อยู่บนเรือถูกขนย้ายไปไว้บนเรือโจรสลัด และเรือโจรสลัดก็จมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกไปหลายพันเมตรแล้ว


เทคโนโลยีของกองทัพเรือสหรัฐในเวลานั้น ไม่สามารถกู้เรือที่ความลึกแบบนั้นได้สำเร็จแน่อยู่แล้ว


แถมในเวลานั้นยังเกิดพายุเฮอร์ริเคนขึ้นโดยบังเอิญ เรือของกองทัพเรือจึงจำใจต้องกลับไปที่ท่าเรือ พวกเขาทิ้งบอลลูนไว้เป็นเครื่องหมายบนสนามรบ ผลคือเพราะพายุเฮอร์ริเคน บอลลูนจึงลอยหายไป หลังจากนั้นตำแหน่งของสนามรบก็เปลี่ยนและเลือนหายไป ต่อมาสมบัติที่อยู่ในซากเรืออับปางลำนี้ก็คงหายไปด้วยเหมือนกัน


บทที่ 819 จุดเริ่มต้นของตำนานเรือผีสิง

Ink Stone_Fantasy

แม้ว่าสมบัติอย่างเหรียญทองกับเหรียญเงินที่อยู่บนเรือโจรสลัดจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทร แต่เพราะต้นตอมาจากเรือสาธารณรัฐ ชื่อของเรือสมบัตินี้จึงถูกเรียกว่าเรือสาธารณรัฐเฉินเป่า


ในอดีตอัญมณีใต้น้ำพวกนี้เคยได้รับความสนใจจากหลายบริษัทและพวกคนรุ่นใหม่ที่ชอบล่าสมบัติจำนวนมาก แต่ทุกคนก็กลับไปมือเปล่า ภายหลังผ่านไป อัญมณีใต้น้ำพวกนี้ก็เลือนหายไปจากสายตาของนักล่าสมบัติ


ขอบเขตของการล่าสมบัติที่มหาสมุทรมีข้อตกลงบางข้อที่เป็นการลงความเห็นทั่วไป ตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐเฉินเป่า ผู้คนคิดว่าเทคโนโลยีการค้นหาใต้ทะเลก่อนหน้านี้ไม่ก่อให้เกิดการปฏิวัติความก้าวหน้า ทรัพย์สมบัติพวกนี้จึงไม่ถูกค้นพบ


เพราะเรือโจรสลัดที่ครอบครองอัญมณีใต้น้ำถูกยิงจมลงไป พวกมันเริ่มแตกสลายระหว่างที่จมลง ต่อมาก็ยังเกิดพายุเฮอร์ริเคนอีก การจำลองของคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่าเรือไม้พวกนี้ชนกับก้นมหาสมุทรด้วยความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ดังนั้นมันจึงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วแน่นอน


เมื่อเป็นแบบนี้ บางทีกล่องไม้ที่เก็บเหรียญทองกับเหรียญเงินก็คงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วเหมือนกัน การค้นหาเหรียญทองกับเหรียญเงินที่ก้นมหาสมุทรอันแสนกว้างใหญ่ขนาดนั้น และยังเป็นเหรียญทองกับเหรียญเงินเมื่อศตวรรษครึ่งที่ผ่านมา ใครจะสามารถทำได้?


บริษัทโอดิสซีย์คิดว่าพวกเขาสามารถทำได้


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทกู้เรือเดินทะเลที่ทรงพลังที่สุดในโลก บริษัทโอดิสซีย์เชี่ยวชาญเส้นทางที่ไม่ปกติ ยิ่งทุกคนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ พวกเขาก็ยิ่งอยากจะทำให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกมองว่ายอดเยี่ยมได้อย่างไร?


บิลลี่แนะนำฉินสือโอวว่า “เรือสาธารณรัฐเฉินเป่าเคยถูกบริษัทของพวกเรามองว่าเป็นจุดสำคัญ 5 จุดใหญ่ในการศึกษาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในซากเรืออับปาง ก่อนอื่นวิเคราะห์ซากเรืออับปางผ่านข้อมูลที่อยู่ในเอกสาร หลังจากนั้นใช้การจำลองของคอมพิวเตอร์ดูเส้นทางกับความเร็วของพายุเฮอร์ริเคนในช่วงเวลานั้น สุดท้ายก็ตรวจสอบระยะทาง”


“ในเมื่อตรวจสอบแล้ว ทำไมบริษัทของพวกนายไม่ไปกู้มาล่ะ?” ฉินสือโอวถามขัดจังหวะอีกฝ่าย


บิลลี่ถอนหายใจด้วยความเศร้าและตอบว่า “เพราะระยะทางคือ 1,200 ตารางไมล์! การพึ่งพาคลื่นโซนาร์เพื่อค้นหาก้นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ขนาดนั้นอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้สำเร็จ มันสิ้นเปลืองพลังงานกับเงินมากเกินไป!”


เมื่อได้ยินระยะทาง ฉินสือโอวก็ขมวดคิ้ว 1200 ตารางไมล์ ตอนนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถครอบคลุมได้มากที่สุดครึ่งตารางไมล์หรือก็คือพื้นที่มากกว่า 1000 ตารางกิโลเมตรเล็กน้อย การค้นหาพื้นที่แบบนี้จะมีปัญหานิดหน่อย


แต่ก็ดีกว่าค้นหาแบบตาบอดไม่รู้อะไรเลย


บิลลี่พูดว่า “นายมีวาฬเบลูกากับโลมาเป็นผู้ช่วยก็ให้พวกมันค้นหาที่นั่นสิ พวกมันน่าจะเจอร่องรอยบ้าง ตามที่บริษัทของพวกเราใช้คอมพิวเตอร์ในการจำลอง ซากเรืออับปางแบ่งออกเป็นชิ้นส่วนใหญ่ๆ ไม่กี่ชิ้น ถ้าหาชิ้นหนึ่งเจอ ก็ง่ายที่จะหาชิ้นอื่นๆ”


ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “โอเค ให้ฉันลองดูแล้วกัน”


บิลลี่แนะนำเขาอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์ของอัญมณีใต้น้ำ สุดท้ายก็ตบไหล่เขาและพูดว่า “นายค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเถอะ ไม่ทันงานประมูลฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีงานประมูลฤดูใบไม้ผลิปีหน้า พวกเราไม่ได้ขาดเงินไม่ใช่เหรอ?”


ฉินสือโอวพูดว่าลูกของนายไม่ขาดเงิน แต่ตอนนี้ฉันขาดเงินมาก ทั้งตัวมีไม่ถึง 50 ถึง 60 ล้าน ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันไม่เพียงพอที่จะยืนหยัดได้


หลังจากพายุเฮอร์ริเคนที่ทะเลผ่านไปไม่กี่วัน เรือไก่ฟ้ามิกาโดก็กลับมาอยู่ที่ท่าเรือของเมืองแฮลิแฟกซ์ในที่สุด


เสี้ยววินาทีที่เรือหาปลาเข้ามาเทียบท่า กัปตันโรนัลด์และผู้ช่วยกัปตันไบรอันแทบจะคุกเข่าลงบนดาดฟ้าเรือ ในเวลาเดียวกันทั้งสองต่างก็ระเบิดน้ำตาออกมา ในที่สุดพวกเขาก็รอดกลับมาได้


เดิมทีระยะทางระหว่างฟาร์มปลาต้าฉินกับเมืองแฮลิแฟกซ์ก็ไม่ได้ไกลขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะใช้เวลาถึง 4 วัน 4 คืนกว่าจะแล่นกลับมาถึง ที่สำคัญคือระหว่างทางเครื่องยนต์ของเรือไก่ฟ้ามิกาโดหยุดทำงาน ต้องใช้เวลาถึงวันครึ่งในการซ่อมแซม


นอกจากการหยุดทำงานของเครื่องยนต์จะทำให้พวกชาวประมงที่อยู่บนเรือกลัวตายแล้ว พวกเขาล้วนคิดว่านี่เป็นฝีมือของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์อีกด้วย พวกเขาไม่รอช้ารีบซ่อมแซมและหนีทันที


เมื่อถึงท่าเรือที่อยู่ใกล้กับฟาร์มปลา พวกชาวประมงก็แย่งกันวิ่งลงไป ดาร์เรนตะโกนเสียงดังว่า “พวกนายรีบร้อนอะไร? คิดว่าลงจากเรือแล้วสามารถหนีคำสาปของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ได้งั้นเหรอ?”


“งั้นควรจะทำยังไง?” สภาพที่ไร้เรี่ยวแรงของวอลเตอร์แผดเสียงตะโกนทั้งน้ำตาว่า “ฉันยังหนุ่มยังแน่น ฉันไม่อยากจมลงไปอยู่กับผีพวกนั้นที่ก้นมหาสมุทรหรอกนะ!”


ดาร์เรนถอนหายใจและพูดว่า “อย่ากลัวไปเลย เด็กๆ ผู้น่าสงสาร ฉันมีวิธี เมื่อก่อนฉันเคยตามเรือหาปลาของคนอินเดียนแดงลำหนึ่งไป เจ้าของเรือเคยสอนฉันว่าจะทำลายคำสาปของเรือผีได้ยังไง”


เมื่อพูดจบ เขานำเศษผ้าสองผืนออกมาทำเป็นตุ๊กตาเฉพาะกิจ บนตัวของตุ๊กตาทุกตัวเขียนชื่อโรนัลด์ ไบรอัน วอลเตอร์ ฮิลและคนอื่นๆ เอาไว้ แน่นอนว่าก็มีชื่อของดาร์เรนด้วย


เขายัดตุ๊กตาให้ลูกเรือทุกคนคนละตัว และสั่งให้พวกเขาใช้มีดกรีดลงไปที่นิ้วหัวแม่มือ แล้วหยดเลือดลงบนหัวของตุ๊กตา หลังจากที่ย้อมมันจนเป็นสีแดงก็โยนทิ้งลงไปในทะเล


พวกลูกเรือพากันเงียบกริบทำตามขั้นตอนเหล่านั้นจนสำเร็จอย่างตั้งใจและโยนตุ๊กตาทิ้งลงไปในทะเล


เมื่อเห็นตุ๊กตาจมลงไปใต้น้ำ ดาร์เรนก็โล่งใจและพูดว่า “เรียบร้อย ตอนนี้ก็ลงจากเรือได้แล้ว ตุ๊กตาพวกนี้มีคำสาปพิเศษ หลังจากเปื้อนเลือดที่นิ้วหัวแม่มือของพวกเรา พวกมันจะมีกลิ่นอายวิญญาณของพวกเรา พวกวิญญาณที่ลาลับไปแล้วจะพาพวกมันไปที่ก้นมหาสมุทร เพราะคิดว่าพาวิญญาณของพวกเราไป”


โรนัลด์ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “มันจะใช้ได้จริงๆ เหรอ?”


ดาร์เรนกำลังจะให้คำมั่นสัญญา คนที่อยู่บนท่าเรือไม่กี่คนเห็นการแสดงปาหี่ของพวกเขาก็หัวเราะเสียงดังและพูดว่า “โรนัลด์ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่? ปลาที่พวกนายออกไปจับมาครั้งนี้ได้มาเท่าไรเหรอ?”


ใบหน้ามืดมนของโรนัลด์จ้องคนที่แซวเขาอย่างดุร้ายและตวาดออกมาว่า “หุบปากไปเชลดอน! ก่อนที่ฉันจะโมโห นายรีบไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ! นายรู้ไหมว่าพวกเราออกทะเลครั้งนี้ต้องเจอกับอะไร? นายรู้ไหม?! ไปให้พ้น!”


เชลดอนและคนอื่นทำปากยื่นเยาะเย้ย บางคนก็หัวเราะและพูดว่า “ดูพวกมืดมนพวกนี้สิ ไปเห็นผีมาหรือไง?”


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนที่อยู่บนเรือต่างพากันตัวสั่น จากนั้นก็รีบลงมาจากเรืออย่างรวดเร็ว


ชาวประมงที่อยู่บนท่าเรือเห็นความผิดปกติจากอารมณ์ของพวกเขา จึงรวมตัวกันเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น


โรนัลด์ผลักคนที่ขวางทางออกไปอย่างเดือดดาล ส่วนคณะลูกเรือก็มองหาบาร์ที่อยู่ใกล้ๆ อย่างตื่นตระหนก พวกเขาเข้าไปสั่งเหล้าและเริ่มกรอกใส่ปาก


บนท่าเรือมีคนปีนขึ้นไปบนเรือไก่ฟ้ามิกาโดและพูดว่า “ผิดปกติจริงๆ ดูสิ โรนัลด์สะเพร่าเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่ล็อกเรือ แต่บนเรือลำนี้สะอาดจริงๆ ไม่มีอะไร…”


ชายคนนี้เข้าไปในห้องควบคุมและเห็นสมุดบันทึกของกัปตันเรือที่เขียนไว้ลวกๆ ถูกทิ้งไว้บนเครื่องยนต์ เขาเปิดอ่านและรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที


สมุดบันทึกหลายหน้ามีแค่ประโยคว่า พวกเราโดนสาปแล้ว! เรือผีไล่ตามมาแล้ว!


ประโยคนี้ยังค่อนข้างเรียบร้อยตอนที่เริ่มเขียน แต่ยิ่งเปิดหน้าต่อไปก็ยิ่งยุ่งเหยิง หน้าสุดท้ายนี่แทบจะเหมือนมีคนนำปากกามาเขียนเส้นขยุกขยิกไว้บนกระดาษ


ภายในบาร์ โรนัลด์และคนอื่นๆ พากันมอมตัวเองจนเมาอย่างเร็วที่สุด หลังจากนั้นก็กอดเก้าอี้ล้มตัวนอนอยู่บนพื้น


ชาวประมงบางคนหัวเราะเยาะโรนัลด์กับคนอื่นๆ วอลเตอร์พยายามลุกขึ้นมาและตวาดว่า “พวกนายมันโง่! พวกนายจะไปรู้อะไร? พวกเราไม่ได้จับปลาเลย! พวกนายรู้ไหมว่าพวกเราต้องเจอกับอะไร? เรือผีสิง! เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์!”


พวกชาวประมงที่กินข้าวอยู่ริมทะเล ได้ยินเรื่องตำนานเรือผีสิงก็หูผึ่ง แต่ไม่มีใครเคยเห็น จึงไม่ค่อยเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเสียงหัวเราะเยาะจึงยิ่งดังขึ้นไปอีก


ดาร์เรนยืนขึ้นอย่างโซซัดโซเซและตะโกนด้วยความโกรธว่า “เจ้าพวกโง่ ฉันขอสาบานต่อพระเจ้า! ถ้าเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ที่พวกเราเห็นเป็นของจริงขอให้พวกเรารอดพ้นจากเรื่องเลวร้าย! ถ้าพวกเราพูดโกหก ก็ขอให้ทุกครั้งที่พวกเราออกทะเลหลังจากนี้ ต้องเจอกับพายุเฮอร์ริเคนและพายุฝน และทุกคนจะต้องตายอยู่ในทะเล!”


คำสาบานนี้ที่พูดออกมา ภายในบาร์ที่เงียบสงบ ทำให้ท่าทางของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที


สำหรับชาวประมง นี่เป็นคำสาบานที่รุนแรงที่สุด ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ไม่มีใครกล้าพูดประโยคแบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน!


ชายร่างใหญ่ผู้มีหนวดเคราคนหนึ่งที่นั่งแยกจากฝูงชนตรงข้ามกับดาร์เรนพูดว่า “เพื่อน ฉันรู้ว่านายไม่เคยพูดโกหก เล่าให้ฉันฟังทีว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”


“นายเชื่อคำพูดฉันเหรอ?”


“ใช่!”


“ดี เรื่องนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่กลางดึกเมื่อ 4 วันก่อน…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)