ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 81-84

 บทที่ 81 บ่อน้ำพุร้อน

โดย

Ink Stone_Fantasy

พลบค่ำ ควันลอยขึ้นจากหาด เหล่านักศึกษาเก็บกิ่งไม้จากในป่ามากองรวมกันเพื่อสุมกองไฟ กิ่งไม้แห้งถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ส่งเสียงเปาะแปะ เปลวไฟสีแดงเข้มพลิ้วไหวไปตามแรงลมยิ่งเพิ่มบรรยากาศ


เตาย่างหลายอันถูกตั้งขึ้น กลุ่มนักศึกษาเอาเนื้อเสียบไม้ ปลาสด ปลาแห้ง และผักออกมาทาน้ำมันกับซอสก่อนจะเริ่มปิ้งบาร์บีคิว


แน่นอนว่าฉินสือโอวได้รับคำเชิญ เขาคิดๆ ดูแล้วก็ลงมือทำหมี่เย็นน้ำมันพริกกับสเต๊กปลาทอด คราวที่แล้วที่ยิงปลายังเหลือปลาเยอะอยู่เลย


ที่เกาะแฟร์เวลมีมักกะโรนีอิตาลีซึ่งรสชาติก็ไม่เลว เขาต้มจนสุกแล้วเอาน้ำเย็นราด จากนั้นก็ใช้น้ำมันหมู น้ำมันพริก น้ำมันหอย น้ำพริกเนื้อ ผงชูรสผสมกับมักกะโรนี พอผสมเสร็จก็จะได้หมี่เย็นน้ำมันพริกที่แดง และเย็นชื่นใจมาแล้ว


ปาร์ตี้บาร์บีคิวขาดเหล้าไม่ได้ ฉินสือโอวให้ชาร์คไปซื้อเบียร์ห้าลังกับไวน์อีกเล็กน้อยที่ตลาด ตัวเขา ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็นก็จะร่วมปาร์ตี้ด้วย


เหล่านักศึกษาเอาอุปกรณ์เครื่องเสียงมาด้วยซึ่งต่อสายมาจากคฤหาสน์ของฉินสือโอว เพลง I Love My People สุดเร้าใจดังขึ้น


พอได้ยินเพลงนั้นฉินสือโอวก็เริ่มขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง ใช่ว่าเขาชอบจังหวะดนตรีนักหนา แต่เพราะเพลงนี้ดังสมัยที่เขาเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ตอนนั้นเหมาเหว่ยหลงชอบฟังเพลงแนวดีเจกับร็อก เขาก็เลยฟังไปด้วยช่วงหนึ่ง


อยู่กับกลุ่มนักศึกษาก็ต้องสนุกสุดเหวี่ยงกันหน่อย นีลเซ็นที่ทีแรกดูเคร่งขรึมพอได้เบียร์สองขวดก็บ้าระห่ำยิ่งกว่าใคร เขาถอดเสื้อทิ้งทำให้เห็นรอยสักบนตัว


ซีมอนสเตอร์กับชาร์คค่อนข้างขรึมบวกกับคอแข็งจึงนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่โต๊ะดีๆ และดูเหล่านักศึกษาหลุดโลกเต้นกัน


“เป็นเด็กนี่ดีจริงๆ ” ซีมอนสเตอร์ส่ายร่างไปมา


ชาร์คพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่รู้สึกว่าอยู่มหาวิทยาลัยนี่ดีนะ ดูสิ เด็กพวกนี้ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ฉันหวังว่าอลิซจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้บ้าง”


หัวใจของอลิซไม่ค่อยแข็งแรงมาตลอด ฉะนั้นเธอที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมจึงเลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยที่นิวฟันด์แลนด์ ไม่อย่างนั้นก็คงเข้ามหาวิทยาลัยโทรอนโต


เห็นนักศึกษาหนุ่มสาวเหล่านี้ ชาร์คก็อดนึกถึงลูกสาวแสนเรียบร้อยของเขาไม่ได้ แม้ว่าอลิซจะมีความเป็นผู้ใหญ่จนชาร์คภูมิใจ แต่ตอนนี้เขากลับหวังให้ลูกสาวมีสุขภาพที่แข็งแรงไปเล่นบ้าบอกับเด็กคนอื่นๆ ได้


หู่จือกับเป้าจือหาของกินใต้โต๊ะ ดาญ่าเดินมาหาเจ้าสองตัวแล้วเอาเหล้าป้อนใส่ปากพวกมัน สองแลบราดอร์ที่เพิ่งเคยกินเหล้าครั้งแรกก็หมดท่า เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เซก่อนจะหมอบลงนอนกับพื้น


ฉินสือโอวตกใจตัวโยน ตามที่เขารู้มาหมากินเหล้าไม่ได้นี่ ตอนฉลองปีใหม่เพื่อนบ้านพนันกับญาติเอาเหล้าขาวให้หมาในบ้านกิน ปรากฏว่าหมาลุกไม่ขึ้นอีกเลย ผ่านไม่กี่วันก็ตายไป


ชาร์คเห็นฉินสือโอวทั้งตกใจทั้งโกรธจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วโบกมือก่อนจะเอ่ยปาก “ไม่ต้องห่วงหรอกบอส หมาแต่ละพันธุ์รับปริมาณแอลกอฮอล์ได้ต่างกัน แลบราดอร์ส่วนมากกินได้ ตอนพวกชาวประมงพาพวกมันไปหาปลาในหน้าหนาวก็จะให้กินเหล้าแรงๆ เพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย”


แต่ฉินสือโอวก็ยังกลัว เขารู้สึกว่านักศึกษาพวกนี้กินเหล้าไปก็กลายเป็นคนบ้า เดี๋ยวจะมาแกล้งเจ้าสองตัวนั่น อย่างไรเสียเขาก็กินอิ่มแล้วเลยอุ้มหู่จือกับเป้าจือกลับคฤหาสน์ไปนอน


ตอนอยู่ที่หาดซึ่งมีแต่เสียงเอะอะหู่จือกับเป้าจือก็นอนหลับดี แต่พอถึงห้องเงียบๆ ทั้งสองกลับทยอยตื่น แถมตื่นมาแล้วยังทำตัวบ้าบออีก เห่าอยู่พักหนึ่งแล้วก็เริ่มวิ่งไล่กัน


ฉินสือโอวจนใจ เจ้าสองตัวนี้คงไม่เมาอาละวาดใช่ไหม?


หู่จือกับเป้าจือที่กำลังเล่นกันอยู่หยุดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายทันใด หูลู่ไปด้านหลังเหมือนฟังอะไรอยู่แล้วก็วิ่งไปใช้ปากเปิดประตูก่อนจะวิ่งพุ่งลงไปข้างล่างพลางเห่าโฮ่งๆ ไปด้วย เสียงผู้หญิงกรีดร้องดังมาจากชั้นล่าง


ฉินสือโอวรีบตามไปหู่จือกับเป้าจือเห็นว่าเป็นดาญ่าก็ไม่ได้กระโจนไปกัด เพียงแต่ใช้หัวชนด้วยท่าทีเงอะงะ ดูท่าจะยังเมาอยู่


ดาญ่ามองฉินสือโอวอย่างน่าสงสารก่อนจะอธิบาย “ฉันมาขอโทษ สตินสันบอกว่าคุณโกรธที่เมื่อกี้ฉันเอาเหล้าให้หมากิน ขอโทษจริงๆ ตอนนั้นฉันสุดเหวี่ยงไปหน่อย ลืมไปว่าหมาทั้งสองยังเล็กอยู่”


ฉินสือโอวกลัวว่าหู่จือกับเป้าจือจะเป็นอะไร พอเห็นว่าทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรนอกจากดีดก็ไม่ได้ใส่ใจจึงโบกมือแล้วพูดขึ้น “ช่างเถอะ ทีหลังก็อย่าทำอีกแล้วกัน ฉันว่าเอาเหล้าให้หมากินยังไงก็ไม่ดี”


พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าเป็นกังวลของก็คลายลง จากนั้นก็มองไปทางหมาหนึ่งในสองตัวที่เพิ่งจะชนเธอ “พวกมันไม่เป็นไรใช่ไหม?”


ฉินสือโอวแบมือออกข้างพลางยิ้มขมขื่น “ฉันไม่รู้ อาจจะเมา?”


เขาเห่าสองครั้ง หู่จือกับเป้าจือก็หันมาจ้องเขาด้วยดวงตาใสเป็นประกาย แล้วก็วิ่งมาชนเขาด้วยความรวดเร็ว…..


“ไม่เป็นไรแล้ว กลับไปสนุกเถอะ” ฉินสือโอวอุ้มหมาทั้งสองขึ้นมาแล้วเอ่ยปาก


ดาญ่าพยักหน้า ก่อนไปขอโทษอีกครั้ง จูบหมาทั้งสองแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไป


พอหิ้วปีกหมาทั้งสองที่แทบจะหลุดโลกเข้าห้องนอนมาได้ ฉินสือโอวก็ตบหัวตัวเองอย่างแรงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ “โธ่ นี่โอกาสงามขนาดไหน เด็กนั่นไม่ได้แค่มาขอโทษแน่! เขามองสมองขี้เลื่อย สมน้ำหน้าแล้วที่เป็นไอ้ผู้ชายซิงอายุสามสิบ! ทำไมไม่ชวนเธอดื่มสักหน่อยละ?”


ฉินสือโอวทิ้งตัวลงบนเตียง หู่จือกับเป้าจือก็ตามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น ในหัวเขามีแต่เรื่องชวนคิดลึก


มัวแต่ยุ่งกับสองแสบจนเที่ยงคืนฉินสือโอวถึงได้หลับ ตอนนั้นเหล่านักศึกษายังคงสนุกกันอยู่ หาดทรายผืนกว้างถูกแสงจากกองเพลิงส่องจนเป็นสีแดง


หกโมงเช้าของวันที่สอง ฉินสือโอวลุกขึ้นมาก็ได้ยินเจ้าสองตัวกรน เขาลุกขึ้นมาดูที่ปลายเตียงเจอกับเจ้าสองตัวที่นอนอิงแอบกันหลับสนิท


เขาผลักหน้าต่างเปิดออก ในที่สุดกลุ่มนักศึกษาก็เลิกสนุกกัน บนหาดมีเต็นท์ใหญ่หลังหนึ่งตังอยู่และคอยเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ทั้งแดง เขียว ฟ้า ม่วง เติมสีสันให้หาดทรายสีทอง


พอเห็นเขาเปิดหน้าต่าง กระรอกเสี่ยวหมิงที่กำลังกระโดดไปมาบนต้นไม้ก็วิ่งเข้ามาแล้วปีนขึ้นไปร้องขอผลไม่กินบนไหล่ของเขา


พอได้ยินเสียงร้องของกระรอก หู่จือกับเป้าจือก็พลิกตัวลุกขึ้นมานั่งสองขาบนพื้นตรงปลายเตียงแล้วมองเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเบลอ


บนไหล่ของฉินสือโอวมีเสี่ยวหมิงโดยมีหู่จือกับเป้าจือตามอยู่ข้างหลังในขณะที่เขาเดินเข้าไปทำกับข้าวในครัว


กลุ่มนักศึกษานอนจนถึงกลางวันถึงค่อยๆ ทยอยตื่น พอตื่นก็มาขอบคุณและบอกลาฉินสือโอว ขึ้นรถมินิบัสลงเรือเตรียมกลับโทรอนโต


ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจพวกเขาเท่าไร ขับรถมาจากโทรอนโตตั้งไกลแค่ไหน แต่เจ้าพวกนี้กลับมาแค่เพื่อจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวที่พื้นที่ประมงของเขา…


ชาร์คติดต่อไปหาบริษัทขุดบ่อน้ำ ความลึกไม่เกินยี่สิบเมตร รัศมีสองเมตร ความลึกเมตรละสี่ร้อยหยวนลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้าสิบเมตร ถ้าลงไปอีกก็จะเป็นเมตรละห้าร้อยห้าสิบหยวน


ฉินสือโอวเลือกความลึกยี่สิบเมตร ปริมาณน้ำคือหนึ่งร้อยสี่สิบตันต่อชั่วโมง พอสำหรับแม่น้ำสายเล็กแน่นอน


หลังมื้อกลางวัน คนงานสวมหมวกนิรภัยสี่คนก็ล่องเรือที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มาถึงพื้นที่ประมง เริ่มจากการตรวจพื้นที่ หาดทรายไม่ได้แน่ แต่ดีตรงที่บริเวณเลี้ยงสัตว์เป็นดินธรรมดา


พนักงานคนหนึ่งใช้เครื่องวัดการสั่นสะเทือนตรวจไปหลายสถานที่ จนสุดท้ายก็เลือกจุดที่ห่างไปหนึ่งกิโลกว่าจากตะวันตกเฉียงเหนือของบริเวณเลี้ยงสัตว์


ฉินสือโอวสงสัยใคร่รู้จึงตามไปดูด้วยว่าคนแคนาดาขุดบ่อน้ำต่างจากที่บ้านไหม


เหล่าคนงานเห็นฉินสือโอวยังอยู่นึกว่าเขาห่วงงานจึงพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะครับ ขุดน้ำออกมาได้แน่ๆ เดี๋ยวจะอธิบายให้คุณฟังนะ เรารู้ว่าโลกเรามีชั้นหินห่อหุ้มอยู่ นั่งก็คือชั้นหินใต้ดินซึ่งมีรอยแยกนับไม่ถ้วน น้ำก็อยู่ในรอยแยกนั้น ส่วนเซนต์จอห์นเรารอยแยกยิ่งเยอะ ปริมาณน้ำสะสมก็ยิ่งมาก”


พอเลือกที่ได้ก็เริ่มลงมือทำงาน บนพื้นยังมีหินอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เครื่องเจาะเจาะลงไปถึงชั้นที่มีน้ำแล้วไม่เจอชั้นทรายก็พอ ก้อนหินบริเวณชั้นน้ำของจุดที่เจาะควรมีขนาดเหมาะสม ดีที่สุดควรเป็นหินคอบเบิล


คนงานสองคนช่วยกันติดตั้งเครื่องเจาะ เครื่องโม่ เครื่องผสมปูน เครื่องสูบ เสียงดังสนั่นดังขึ้นพร้อมการเจาะบ่อที่เริ่มขึ้น


คนงานสองคนนำปูนแห้งเร็วเป็นกระสอบๆ มาผสม พอบ่อเป็นรูปเป็นร่างก็จะได้เทปูนเพื่อคงรูป


ทรัพยากรน้ำที่นิวฟันด์แลนด์อุดมสมบูรณ์จริงๆ เครื่องเจาะเจาะลงไปไม่ถึงครึ่งเมตรก็มีน้ำโคลนสีขุ่นออกมาแล้ว ยิ่งเจาะลึกน้ำบาดาลก็ยิ่งผุดขึ้นมาเยอะมากขึ้น ตอนนั้นก็ถึงคราวเครื่องสูบทำงานสูบเอาโคลนออกไป


แต่ว่ายิ่งขุดบ่อลึกเท่าไรคนงานก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เพราะมีไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากบ่อ…


ไอน้ำก็เรื่องหนึ่ง แต่ไอน้ำที่พ่นออกมายังร้อนอีกด้วย…


น้ำบาดาลทะลักออกมาข้างนอก คนงานคนหนึ่งรีบสูบโคลนออกมาจนหมด น้ำบาดาลก็ผุดขึ้นมาอีกอย่างรวดเร็ว คนงานยื่นมือไปจุ่มน้ำดูแล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปากอย่าตกตะลึง “น้ำนี่ร้อนนะ ที่นี่อยู่ในเขตน้ำพุร้อนเหรอครับ?”


ฉินสือโอวมองตาปริบๆ เขาหมอบลงกับพื้นแล้วยื่นมือลงไปลองจุ่มดู น้ำที่ผุดขึ้นมาชั้นบนเย็นๆ แต่พอจุ่มลึกลงไปสักประมาณหนึ่งเมตรก็เริ่มร้อนๆ จริงๆ


“น้ำพุร้อนจริงๆ เหรอเนี่ย?”


“เกาะแฟร์เวลมีน้ำพุร้อน?”ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ตะลึงไปตามๆ กัน


เซนต์จอห์นมีน้ำพุร้อนจริง แถมไม่น้อยด้วย อย่าง ‘เปลวไฟแห่งขั้วเหนือ’ ‘น้ำพุร้อนเจ็ดสี’ ล้วนแล้วแต่เป็นรีสอร์ทน้ำพุร้อนชั้นเยี่ยมมีชื่อเสียงในแคนาดา แต่ว่าน้ำพุร้อนไม่เคยถูกพบที่เกาะแฟร์เวล


“คงไม่ใช่บ่อน้ำพุร้อนจริงๆ ใช่ไหม?” ฉินสือโอวถามกลับ ถ้าพื้นที่ประมงมีบ่อน้ำพุร้อนอีกก็เยี่ยมเลย


คนงานเกาหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เราไปขุดบ่อน้ำที่เซนต์จอห์นเจอน้ำพุร้อนมาไม่น้อย โดยเฉพาะเกาะกลางทะเลแบบนี้ ก้นทะเลหลายๆ ที่อยู่ในเขตภูเขาไฟ ขอแค่ภูเขาไฟมีรอยแยกก็มีน้ำพุร้อน ฉะนั้นทางทฤษฎีแล้วเนี่ยเป็นไปได้สูงว่านี่จะเป็นน้ำพุร้อน แค่ยังไม่รู้ขอบเขตของน้ำพุแล้วก็อุณหภูมิ”


ฉินสือโอวเหยียดปากยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “สำรวจต่อไป ช้าๆ หน่อย ดูสิว่าเป็นน้ำพุร้อนจริงๆ หรือเปล่า!”


……………………………………………


บทที่ 82 สัตว์ร้ายบนเขาเคอร์บัล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผลที่ออกมาทำให้ฉินสือโอวยิ้มมุมปากโค้ง


พื้นที่ประมงมีบ่อน้ำพุร้อนจริงด้วย!


เครื่องเจาะเจาะลึกลงไปอีก น้ำเดือดในบ่อผุดขึ้นแล้วกระจายตัวออก ที่แท้ที่ความลึกใต้ดินราวหนึ่งเมตรของบริเวณนี้มีชั้นหินหนาแน่นชั้นหนึ่งทำให้น้ำพุร้อนถูกขังไว้ข้างใน พอชั้นหินถูกเจาะออก น้ำพุร้อนใต้ดินก็ผุดขึ้นพร้อมความร้อนที่พวยพุ่งออกมา


ฉินสือโอวให้ทีมงานก่อสร้างขยายไปอีกและสำรวจเพิ่ม ยึดเอากึ่งกลางของบ่อน้ำพุร้อนบ่อแรกเป็นศูนย์กลาง แล้วขุดบ่ออื่นๆที่ต่างกันอีกในบริเวณรอบข้างในรัศมีราวหนึ่งตารางกิโลเมตร นี่ถือว่าเป็นขอบเขตที่กว้างมาก จะสร้างเป็นรีสอร์ทก็เหลือใช้!


พอแบบนั้น โรงเลี้ยงสัตว์จึงต้องย้ายออกไป เขาตั้งใจจะสร้างโถงน้ำพุร้องแบบในร่มและกลางแจ้ง พอเป็นแบบนั้นโรงเลี้ยงสัตว์จึงขวางทาง


ทีมขุดเจาะทำได้แค่ขุดบ่อ แต่ทำงานบ่อน้ำพุร้อนไม่ได้ ต่อให้งานบ่อน้ำพุร้อนจะง่ายกว่างานเจาะบ่อบาดาลมากก็ตาม แต่พวกเขาไม่มีอุปกรณ์


ฉินสือโอวจ่ายทีมขุดเจาะไปสองพันดอลลาร์ ถือเสียว่าเป็นเงินค่าผิดสัญญา เพราะเขาไม่อยากขุดบ่อบาดาลแล้ว ในเมื่อจะย้ายโรงเลี้ยงสัตว์ก็ย้ายไปข้างป่าไปเลยแล้วก็ขุดแบ่งแม่น้ำสายย่อยมาจากแม่น้ำบนภูเขาสูง


ทีมขุดเจาะทำงานนิดๆหน่อยๆก็ได้เงิน ฉินสือโอวเจอว่ามีน้ำพุร้อนในพื้นที่ประมง ทั้งสองฝ่ายต่างดีอกดีใจ


พอส่งทีมขุดเจาะกลับ ฉินสือโอวก็หาทีมงามก่อสร้างมาทำบ่อน้ำพุร้อน แต่เรื่องด่วนก็คือต้องย้ายโรงเลี้ยงสัตว์ออกไป


เขากับซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น ชาร์คจึงร่วมมือกันสร้างรั้ว ครั้งนี้พวกเขาเลือกที่ข้างๆป่าตรงตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่ประมง หาจุดที่มีต้นเมเปิ้ลกับสนเรดวูดล้อมรอบ และในขณะเดียวกับก็สั่งคอกสัตว์และคอกหมูมาจากเซนต์จอห์น เพื่อนำมาใส่ในโรงเลี้ยง ให้หลบลมหลบฝนได้


“บนเขานี้อาจมีพวกหมูป่ากับหมาป่าเทาอเมริกาเหนือ ฉะนั้นผมแนะนำว่าอย่าทำโรงเลี้ยงตรงนี้ดีกว่า เกิดพวกนั้นลงมาทำอะไรพวกเป็ดไก่หมูจะทำไง?”ชาร์คถามด้วยความเป็นห่วง


ฉินสือโอวอึ้งไปก่อนจะถาม “บนเขามีหมาป่าก็พอว่านะ แต่มีหมูป่าด้วยเหรอ?”


ชาร์คพยักหน้าแล้วตอบ “แม้ว่าหมูป่าที่นี่จะไม่ได้ระห่ำอย่างพวกที่แถวรัฐตะวันตก แต่บนเขาเคอร์บัลมีแน่นอน และมีไม่น้อยด้วย หมูป่ายังพอว่า แต่ประเด็นคือหมาป่าเทาอเมริกาเหนือ เจ้าพวกนี้น่ะโหดมาก!”


หมาป่าเป็นสัตว์กินเนื้อ เพื่ออยู่รอดกินแกะที่ชาวเมืองเลี้ยงสักตัวสองตัวหรือไม่ก็พวกเป็ดไก่ก็ไม่เป็นไร ยังให้อภัยได้


แต่หมาป่าเทาอเมริกาเหนือน่ากลัวตรงที่มันไม่แค่กัดเหยื่อของตัวเองจนตาย แต่ยังใช้ฟันแหลมฉีกท้องของสัตว์อื่นที่มันหาได้จนไส้ไหลแล้วตายอย่างทรมาน


ข้อนี้ทำให้คนเกลียด ฉะนั้นที่แคนาดาขอแค่มีคนเจอหมาป่าก็จะเรียกพรรคพวกมาไล่ล่าแล้วฆ่ามันให้ตาย กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าไม่ได้คุ้มครองหมาป่าเทา


แต่ไม่ต้องห่วงว่าหมาป่าจะสูญพันธุ์ พื้นที่ของแคนาดากว้างมาก ประชากรก็น้อย ต้องมีที่ที่คนไม่ได้ย่างเข้าไป มีหมาป่าที่มีชีวิตรอดมากพอ


“ทำรั้วให้แข็งแรงหน่อย รอถึงช่วงที่บริษัทก่อสร้างวิลมาสร้างท่าเรือแล้วให้พวกเขาเทปูนกับคอนกรีตมาโบกรอบนอกของโรงเลี้ยงสักหน่อย หมาป่ากับหมูป่าคงจะกระโดดข้ามรั้วสองเมตรไม่ได้หรอกนะ?” ฉินสือโอวพูด


ชาร์คพยักหน้าแล้วพูดต่อ “เป็นวิธีที่ดีครับ แค่เปลืองเงินไปหน่อย”


ฉินสือโอวไม่สนใจ เขายินดีทุ่มเงินเพื่อที่จะสร้างพื้นที่ประมง


“จริงสิ นายว่าบนเขามีหมูป่า? วันไหนเราขึ้นเขาไปล่าหมูป่ากันเป็นไง?” ฉินสือโอวพูดอย่างตื่นเต้น เขาไม่เคยล่าสัตว์เลย


ชาร์คหัวเราะ “ถ้าคุณยินดีก็รอฤดูใบไม้ร่วงก็แล้วกัน หมูป่าอ้วนที่สุดตอนฤดูใบไม้ร่วง เราก็ไปล่ากัน”


ฉินสือโอวถามอย่างสงสัย “ในเมื่อบนเขามีหมูป่าทำไมชาวเมืองไม่ไปล่ากันละ? ล่าหมูป่าดีออก สนุกแล้วยังได้กินเนื้อด้วย”


นีลเซ็นพูด “ทุกปีก็มีขึ้นเขาล่าสัตว์ แต่ล่าไม่หมดหรอก หมูป่าตัวเมียปีหนึ่งออกลูกสองคอก คอกละหกตัวหรือมากกว่านั้น และหมูป่าไม่มีศัตรูธรรมชาติบนเขาเลย แล้วพวกมันก็ไม่ได้กลัวสภาพอากาศหนาว เพราะหมูป่าขายาว พวกมันเลยสามารถวิ่งได้ในพื้นหิมะตามใจชอบ”


ตามธรรมชาติแล้ว ศัตรูธรรมชาติของหมูป่าคือสิงโต เสือดาว หมาใน และคน แต่ไม่ว่าจะเป็นสิงโตหรือเสือดาวก็ล้วนเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ทุ่งหญ้าทวีปแอฟริกา ที่แคนาดาไม่มี ส่วนมนุษย์ในฐานะที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารส่วนมากที่แคนาดาก็ไม่กินเนื้อหมูป่า เพราะคิดว่าเนื้อแข็งคาวกระด้างเลยเหมือนกับปลาไนเอเชียที่ไม่ได้เอามาทำเป็นอาหาร


ฉินสือโอวทำความเข้าใจประเด็นนี้เสร็จ ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมา


พื้นที่ประมงของเขามีหาด เดี๋ยวจะมีบ่อน้ำพุร้อน ด้านหลังมีภูเขาสูง บนเขามีหมูป่า กระต่ายป่า และไก่ฟ้า ทะเลสาบเฉินเป่าที่ไม่ไกลออกไปก็ยิงปลาได้ แบบนี้ถ้าทำรีสอร์ทหรือจุดท่องเที่ยวงก็ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยสิ?


กลุ่มเป้าหมายของฉินสือโอวไม่ใช่คนแคนาดา แต่คือนักท่องเที่ยวจีน ที่จีนน่ะอย่าว่าแต่หมูป่า ปลาไนตามธรรมชาติ ปลาหัวโตก็หายาก


เขาเล่าแนวคิดออกมา นีลเซ็นจึงพูดเสริม “ถ้าคุณชอบล่าสัตว์ ก็ขึ้นเขาไปล่ากวางได้ บนเขามีพวกกวางมูส กวางเรนเดียร์แล้วก็กวางแดง ฤดูใบไม้ร่วงทุกปีที่เมืองก็จะจัดคนขึ้นไปล่ากวาง เพราะพอถึงฤดูหนาวพวกมันไม่มีอาหารก็จะลงเขาไปกินพืชผักผลไม้ที่ชาวเมืองปลูกไว้”


“ใช่ บนเขามีอะไรให้ล่าเยอะ ห่านอเมริกาเหนือ ห่านหิมะ ไก่ป่า ล่าได้ตามใจหมด!” ชาร์คพูด


ได้ยินทั้งสองเล่า ใจของฉินสือโอวก็เต้น ‘ตึกๆ’ เขานึกไม่ถึงมาก่อนเลยว่าเขานี้จะเป็นขุมสมบัติ ต้องรู้ก่อนว่าที่บ้านเกิดเขาก็มีภูเขา แต่บนเขานั้นไม่มีแม้แต่กระต่าย!


ฉินสือโอวสงสัยอีกครั้งจึงเอ่ยถาม “ในเมื่อบนเขามีสัตว์ให้ล่าเยอะไปหมด จับปลาที่พื้นที่ประมงไม่ได้ทำไมไม่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ขายล่ะ?”


ชาร์คตอบพร้อมเสียงหัวเราะ “ใครจะซื้อล่ะ? ไม่มีใครโง่หรอก อยากกินก็หาเวลาขึ้นเขาไปล่าเอง สนุกด้วย จะซื้อทำไม? อีกอย่างสัตว์ที่ล่าเองกินเองก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าอยากขายก็ต้องมีใบอนุญาตตรวจสอบโรคจากกรมควบคุมโรค ยุ่งยากเกินไป”


เขตอเมริกาเหนือจริงจังกับการตรวจโรคระบาดในสัตว์ป่ามาก ที่ควิเบกปีที่แล้วเกิดการระบาดของโรคติดเชื้ออีโคไล ตอนนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตสามคน ผู้ป่วยกว่าสองร้อยคน กว่าพันคนมีเชื้อในร่างกาย ทำเอาแคนาดาระส่ำระสายไปช่วงหนึ่ง


ถือโอกาสแทรกด้วยว่าต้นเหตุของโรคระบาดอีโคไลก็คือหมูป่า


คนแคนาดาไม่ค่อยกล้ากันเท่าไร หลายๆครั้งที่ล่าสัตว์มาได้ก็ไม่กล้ากิน เพราะกลัวจะติดโรคอะไรเข้า แบคทีเรีย ไวรัส พยาธิอะไรเทือกนั้น เพราะฉะนั้น คนที่ไปล่าสัตว์ทุกปีนอกจากนักท่องเที่ยวแล้วก็เป็นเจ้าของฟาร์ม พวกเขาต้องการป้องกันการขยายพันธุ์ที่มากเกินจนคุกคามฟาร์มของตัวเอง


ฉินสือโอวไม่ได้มีความคิดแบบนั้น ถ้ารู้ว่าบนเขามีหมูป่าแล้วเขาจะเอาหมูพื้นเมืองมาทำไม แค่คิดๆดูแล้ว หมูป่ากับหมูพื้นเมืองก็รสชาติไม่เหมือนกัน พอคิดได้แบบนี้ใจเขาก็สงบลงอีกครั้ง


ทำบ่อน้ำพุร้อนต้องใช้เวลา ส่วนจะขุดแบ่งน้ำสายหนึ่งให้ผ่านตรงกลางโรงเลี้ยงสัตว์ก็ต้องการเวลา ฉะนั้นฉินสือโอวพาพวกชาร์คสามคนล้อมรั้วเสร็จก็หยุด ยังไม่ได้ย้ายสัตว์มาในทันที


พอกลับไปถึงคฤหาสน์เขาก็หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของสัตว์ป่า พอหาดูก็ต้องตกใจ สถานการณ์สัตว์ป่าของแคนาดากับปลาหิมะของพื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์ต่างกันคนละขั้ว ปลาหิมะในพื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์ถูกจับจนไม่เหลือ ส่วนสัตว์ป่ากลับขยายพันธุ์มากเกินจนรัฐบาลปวดหัว


โดยเฉพาะหมูป่า หลายปีมานี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลแคนาดาคิดไม่ตก


พื้นที่เขตนิวฟันด์แลนด์ยังพอว่า แต่รัฐซัสแคตเชวันที่ถูกขนานนามว่า ‘ยุ้งฉางของแคนาดา’ เจอหมูป่าคุกคามแล้ว


รัฐซัสแคตเชวันเป็นรัฐการเกษตร หมูป่าที่นี่รบกวนปศุสัตว์ ขโมยกินพืชผล ทำลายแปลงผัก แพร่กระจายโรคระบาด


มหาวิทยาลัยอาร์ฮุสจากเดนมาร์กทำการสำรวจ โดยเห็นว่าหากไม่สามารถควบคุมจำนวนที่เพิ่มขึ้นของหมูป่าในรัฐซัสแคตเชวัน อย่างมากเพียงห้าปีประชากรหมูก็จะมีจำนวนมากกว่าประชากรคน


มหาวิทยาลัยนี้สำรวจเขตชุมชนที่ห่างไกล296ที่ และได้ผลว่ามี70ชุมชนที่มีหมูป่าปรากฏ แสดงถึงการเคลื่อนไหวของหมูป่ากับขอบเขตถิ่นที่อยู่ที่เกินมาจากการคาดการณ์อย่างมาก


นอกจากรัฐซัสแคตเชวัน รัฐซัสคาเซวานก็เผชิญหน้ากับภัยหมูป่าเหมือนกัน เริ่มจากเมื่อปีก่อนรัฐนั้นกำลังตัดสินใจจะใช้นโยบายให้ประชาชนที่มีปืนยาวล่าหมูป่าปีละสองตัวซึ่งได้รับการโต้แย้งจากประชาชน เราซื้อปืนมาไม่ได้เอามาไว้ล่าหมูซะหน่อย รัฐบาลไม่ทำอะไรก็อย่ามาให้ประชาชนทำ!


หมูป่าที่คุกคามแคนาดาในตอนนี้ไม่ใช่หมูป่าที่เกิดในพื้นที่ แต่เป็นถูกนำเข้ามาเลี้ยงเป็นสัตว์ฟาร์มในปี1990


แต่หมูป่าบางส่วนหนีไปและปรับตัวกับฤดูหนาวอันหนาวเหน็บของแคนาดาจึงขยายพันธุ์จำนวนมากและขยายอาณาเขตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น “ภัยหมู”


จากการสำรวจพบว่าผลจากการแพร่พันธุ์จำนวนมากของหมูป่าทั้งแคนาดาร้ายแรงมาก โรคระบาดแพร่ พืชผลเสียหาย ปศุสัตว์ถูกรบกวน โครงสร้างระบบนิเวศทางธรรมชาติเสียหาย บางครั้งยังมีเคสหมูป่าโจมตีคน รวมๆแล้วหมูป่าสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจแคนาดาสูงถึงปีละสี่พันล้านเหรียญ!


ฉินสือโอวแชร์ข่าวนี้ในQQ เหล่าเพื่อนๆก็มาตอบอย่างรวดเร็ว


“ข่าวปลอมหรือเปล่า หมูป่าก็กลายเป็นภัยได้? แค่กินซะก็สิ้นเรื่อง”


“ต่อให้กินไม่ได้ แคนาดาก็ทำบริษัทล่าหมูป่ามาขายที่จีนก็ได้ ถ้าตามที่ข่าวว่าล่ะก็กำไรเห็นๆ!”


“เฮ้ย ฉันจะไปแคนาดา ฉันจะไปอาศัยฉินโซ่ว ฉันจะไปล่าหมูป่ากิน”


“ฉินโซ่วไปล่าหมูป่าเถอะ ทำเบคอนเยอะๆ เอามาให้เพื่อนๆกินหน่อย”


“……”


ฉินสือโอวกวาดตาอ่านคอมเมนต์คร่าวๆ ตอบบ้างเป็นบางอัน เขาคิดๆดูแล้วเปลี่ยนแคปชั่น ใครยินดีมาเที่ยวนิวฟันด์แลนด์ ขอแค่ออกค่าเดินทางเอง ฉันดูเรื่องกินดื่ม ที่อยู่ เที่ยว ตกปลาล่าสัตว์สนุกแน่นอน!


พอเปลี่ยนได้ไม่เท่าไร เหมาเหว่ยหลงก็โทรมา “ฉินโซ่ว แกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ที่โน่นล่าสัตว์ได้ตามใจเหรอ?”


……………………………………………


บทที่ 83 ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวพูด “ที่จริงก็ล่าได้ตามสบายอยู่แล้ว แต่ฉันเพิ่งจะรู้วันนี้ว่าที่แท้เขาหลังพื้นที่ประมงฉันมีสัตว์เยอะขนาดนี้!”


เหมาเหว่ยหลงเดาะลิ้นแล้วเอ่ยปาก “วันหยุดปีนี้ฉันยังไม่ได้ใช้ ช่วงนี้ที่บ้านก็เร่งให้แต่งงาน ฉันหงุดหงิดอยู่พอดี วันหยุดรายปียี่สิบวันฉันไปเที่ยวบ้านแกหน่อยได้ไหม?”


ฉินสือโอวตบโต๊ะพลางตอบกลับ “เหลวไหลน่า จะมาเมื่อไหร่? ลาหยุดแล้วบอกฉันจะได้จองตั๋วให้!”


เหมาเหว่ยหลงยิ้มชั่วร้าย “ต้องให้แกลำบากด้วยเหรอ? ค่าเครื่องน่ะเบิกได้ เป็นสวัสดิการภายในระบบ!”


ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่งก็ได้ข้อสรุป เหมาเหว่ยหลงลาหยุดให้เร็วที่สุด พยายามมาเมืองแฟร์เวลในเดือนมิถุนายน


จริงๆแล้วเขาอยากจะมาพักร้อนในเดือนกันยายน แต่ดูรูปในพื้นที่ที่ฉินสือโอวถ่ายบวกกับสิ่งที่เขาเล่า ในใจก็ต้านกิเลสไม่ไหวเลยตัดสินใจมาไวกว่าเดิม


ยุ่งมาทั้งวัน ตกกลางคืนฉินสือโอวก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัทก่อสร้างวิลว่าจากรายงานการสำรวจก่อนหน้านี้พวกเขาได้วางแพลนสำหรับท่าเรือทั้งสองเรียบร้อยแล้ว และนัดแนะเวลาคุย


ช่วงนี้ฉินสือโอวว่าง ปลาที่พื้นที่ประมงก็ยังเล็ก ไม่ต้องไปจับ สาหร่ายก็โตแล้วจนสามารถเป็นอาหารให้กับสัตว์ที่กินอาหารได้หลายประเภทอย่างหมึกยักษ์ ปลาหมึก ปลาแฮร์ริ่ง เขาไม่มีอะไรทำ เป็นโอกาสสร้างอะไรในพื้นที่ประมงพอดี


ครั้งนี้ค้นพบหาดชั้นเยี่ยมและน้ำพุร้อน ยิ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าการสร้างท่าเรือเป็นไอเดียที่ถูกต้อง เขานี่ช่างสายตากว้างไกล ถ้าต่อไปสามารถสร้างจนพื้นที่ประมงกลายเป็นรีสอร์ทหรูแน่นอนว่าต้องการท่าที่ใหญ่ขึ้น


นัดมาคุยแพลนสร้างท่าเรือในวันมะรืนเสร็จ ฉินสือโอววางสายแล้วนอนไปบนเตียง จิตสำนึกโพไซดอนล่องไปทั่วพื้นที่ประมงจนหยุดอยู่ที่สัญลักษณ์บนตัวปลาทูน่าครีบเหลืองแล้วตามไป


ปลาทูน่าสีเหลืองเป็นนักเดินทางแห่งท้องทะเล พวกมันชอบเดินทางไวๆ และมักจะเป็นในทะเลลึก ปลาทูน่าครีบเหลืองตัวนั้นของฉินสือโอวก็กำลังว่ายอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจอยู่ใต้ทะเล


ท่ามกลางทะเลลึก แสงแดดส่องไม่ถึง นี่เป็นคุกมืดมิดของแท้ แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้กลับยังคงมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายอาศัยอยู่


ปลาทูน่าสีเหลืองว่ายไปเรื่อยๆ ฉินสือโอวเคยเห็นปลาทะเลลึกไม่น้อย ปลาหมูกระโดงสูงปากใหญ่ตัวหนึ่งว่ายผ่านมาพอดี โชคร้ายที่ถูกทูน่าครีบเหลืองเล็งเข้า


ความเร็วในการว่ายน้ำของปลาหมูกระโดงสูงเทียบไม่ได้กับทูน่าครีบเหลือง มันพุ่งเข้าไปอ้าปากกว้างแล้วกัดเต็มแรงจนปลาหมูกระโดงสูงถูกงับขาดสองท่อน ก่อนจะกลืนลงไปทีละครึ่ง


เลือดของปลาหมูกระโดงสูงกระจายไปในทะเล ปลาชนิดอื่นตามกลิ่นเลือดมา ทูน่าครีบเหลืองไม่ได้ทิ้งเหยื่อไว้แต่จากไปอย่างรวดเร็วแทน


ฉินสือโอวสามารถเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของปลาทูน่าครีบเหลืองผ่านจิตสำนึกโพไซดอน ที่แท้ในทะเลกลิ่นคาวดึงดูดฉลามมาก เป็นไปได้สูงว่าอีกครู่หนึ่งจะมีฉลามโผล่มา ถึงตอนนั้นก็จะเป็นอันตรายสำหรับปลาทูน่าครีบเหลือง


การเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมใต้ทะเลโหดกว่าบนพื้นดิน ปลาทุกตัวที่โตได้ต้องเคยผ่านบททดสอบหฤโหดมาแล้ว


ปลากะพง ปลาลิ้นหมาแอตแลนติก ปลาลิ้นหมาหลังเทา ปลาเซลฟิชแอตแลนติก ปลาแมกเคอเรล ปลานกแก้วลายเสือ ปลาแซลมอนแปซิฟิก ระหว่างทางปลาทูน่าครีบน้ำเงินเจอกับปลาน้ำลึกหลากหลาย ขอแค่โดนมันเล็งเท่านั้นก็แทบจะกลายเป็นอาหารทั้งหมด


แน่นอนว่าถ้าขนาดตัวของปลาทูน่าครีบเหลืองเล็กลงมาหน่อยแล้วถูกพวกนั้นจ้องก็ตายเหมือนกัน!


ว่ายไปอีกพักปลาทูน่าครีบเหลืองก็ถือว่ากินไปพอประมาณแล้ว มันกะจะหาจุดเงียบๆก้นทะเลพักสักหน่อย จู่ๆก็เจอกับปลาทูน่าอีกตัวหนึ่ง ปลาตัวนั้นน่าจะยาวถึงครึ่งเมตรถือว่าตัวใหญ่ทีเดียว มันตื่นตัวสะบัดหางพุ่งเข้าไปทันใด


ปลาทูน่าครีบเหลืองว่ายพุ่งเข้าไปอย่างคุกคาม ปลาทูน่าตัวนั้นรู้ตัวแต่กลับไม่ได้หนีไป แต่หันมาเผชิญหน้าในท่าเตรียมสู้


ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่าเจ้าทูน่าตัวนี้แน่จริงๆ แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความกลัวจากปลาทูน่าครีบเหลือง จิตสำนึกโพไซดอนแผ่กว้างออกไป ฉินสือโอวสูดหายใจเข้า ในระยะยี่สิบกว่าเมตรที่ห่างไปจากหัวของปลาทูน่ายาวครึ่งเมตรมีปลาที่ใหญ่กว่ากำลังจ้องมองปลาทูน่าครีบเหลืองอย่างเยือกเย็น…..


ปลาทูน่าครีบเหลืองลำตัวยาวเมตรครึ่ง และยังโตได้อีกจนถึงสองเมตร นับว่าเป็นปลาขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปลาตัวนี้ ความยาวของลำตัวถึงสองเมตรแล้ว!


อีกอย่างนี่ไม่ใช่วาฬหรือฉลาม แต่เป็นปลาทูน่าเหมือนกับเจ้าทูน่าครีบเหลือง รูปร่างแตกต่าง ครีบหลังอันแรกอยู่แถวๆกลางฐานร่างกาย ครีบอันที่สองสูงกว่าอันแรก ราวกับภูเขาสองลูกที่เรียงราย


นอกจากนั้น ครีบอกยังสั้นมาก ท่อนบนมีสีน้ำเงินเข้ม ท่อนล่างบริเวณท้องเป็นสีขาวเงิน สีแบบนี้ช่วยในการซ่อนตัวท่ามกลางทะเล เพราะการป้องกันจากสีสันบนตัวปลาทูน่าครีบเหลืองก่อนหน้าถึงไม่เห็นมัน


ครีบหลังอันแรกของปลาตัวนั้นมีสีฟ้า อันที่สองเป็นสีน้ำตาลแดง ครีบก้นเป็นสีเหลืองเข้มและมีขอบสีดำ ดูเกรงขามและสวยงาม


และหลังจากที่ได้เห็นสีบนตัวและครีบของปลาแล้ว ชื่อๆหนึ่งที่คนรู้จักดีก็ผุดขึ้นในใจฉินสือโอว ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน! หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งว่าปลาทูน่ายักษ์


เป็นปลาทูน่าเหมือนกัน ปลาทูน่าครีบเหลืองว่ามีค่าแล้ว แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีค่ายิ่งกว่า ปลาชนิดนี้เป็นหนึ่งในปลาที่คนนิยมทั่วโลก อย่างตัวนี้ที่ยาวเกินสองเมตร น้ำหนักน่าจะถึงสามร้อยกว่ากิโล มูลค่าอย่างต่ำสองล้านดอลลาร์!


ใช่แล้ว ปลานี้ก็แพงแบบนี้แหละ ที่ญี่ปุ่นโตเกียวซึ่งชอบกินปลาชนิดนี้ที่สุด ชิ้นปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือขนาดเท่ามือเด็กหนึ่งชิ้นราคาก็สูงถึงสองพันเยนแล้ว!


ที่จริงพูดถึงเนื้อสัมผัส ปลาทูน่าครีบเหลืองก็ไม่ได้แย่กว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินสักเท่าไร เพียงแต่ของยิ่งหายากก็ยิ่งแพง เพราะจำนวนของปลาทูน่าครีบเหลืองรักษาไว้ได้สูงกว่า ส่วนทูน่าครีบน้ำเงินเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว จึงทำให้ราคาของทูน่าครีบน้ำเงินสูงกว่าทูน่าครีบเหลือง


ทีนี้ก็ถึงตาทูน่าครีบเหลืองหนีบ้างแล้ว ถ้าไม่ได้จิตสำนึกโพไซดอนช่วยวันนี้ก็คงจะจบชีวิตในปากของทูน่าตัวเล็กและใหญ่สองนี้แล้ว ความโหดร้ายของท้องทะเลอยู่ที่ขอแค่ไม่ใช่ประเภทเดียวกัน ตระกูลเดียวกัน ฝูงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชนิดเดียวกันไหมก็เป็นอาหารได้ทั้งนั้น!


โดยเฉพาะฉลาม ขอแค่หิวตาลายต่อให้เป็นพวกเดียวกันฝูงเดียวกันก็กินได้!


แต่ว่าฉินสือโอวจะทนดูมันถูกกินได้ไงละ? จิตสำนึกโพไซดอนกระจายไปทั่วบริเวณท้องทะเล ทูน่าครีบน้ำเงินตัวเล็กใหญ่สงบลง ทั้งสามมองทักทายกัน ไม่น่าเชื่อว่าภายใต้จิตสำนึกโพไซดอนจะมีความเห็นอกเห็นใจกันด้วย


มาแล้วเหรอ?


อืม มาแล้ว ฉันพาลูกชายมาด้วย


นายนี่ก็ซวยจริงๆ ฉันนี่ก็ห่วงกินเลยโดนตกไป


นั่นสิ ฉันกับลูกชายก็ไม่ได้ไปแหย่ใคร แค่จะมาพักตรงนี้สักหน่อย ไหงโดนควบคุมได้ล่ะ?


ปกติแล้วพอถูกจิตสำนึกโพไซดอนควบคุม พลังโพไซดอนก็จะเข้าไปช่วยบำรุงร่างกายของปลา ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่ง หลังจากที่ถูกพลังโพไซดอนปรับร่างกายแล้วพวกมันจะโตไวกว่าเดิม พัฒนาการดีขึ้น


ฉินสือโอวไม่ใช่คนโลภ วันนี้ได้ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เขาก็พอใจแล้ว แน่นอนว่าไม่พอใจก็ไม่ได้ การควบคุมจิตสำนึกโพไซดอนระยะไกลแบบนี้เหนื่อยมาก ได้ปลาสามตัวเขาก็กลับ


เกล็ดหิมะมองแนวปะการังเป็นถิ่นของตัวเองมาตลอด ตอนนั้นที่กุ้งทะเลมาคุกคาม มันก็ไม่ถอย แต่ตอนนี้มันรู้สึกว่าถิ่นของมันไม่มั่นคงแล้ว ก่อนหน้าก็มีทูน่าครีบเหลืองที่ไม่เล็กไปกว่ามันมา ตอนนี้ก็มีทูน่าครีบน้ำเงินที่ตัวใหญ่กว่ามันมาอีก…..


เทียบกันแล้วปลาหิมะ และแฮร์ริ่งน่าสงสารกว่า เจ้าสองตัวนี้ก็กินเนื้อทั้งนั้น ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกาข้อมือ เจ้าของพื้นที่ประมง นายนี่กะไม่ให้รอดกันเลยหรือไง!


ฉินสือโอวให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินพักแถวๆแนวปะการังก่อน ส่วนเขากลับกอดหมอนนอนหลับสนิท ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นเศรษฐีแล้วนะ ทำไมตอนนอนยังกอดหมอนอยู่อีก?


เมื่อก่อนฉินสือโอวคิดเสมอว่าเขาจะสามสิบแล้วยังซิงเพราะเขาไม่มีเงิน ตอนนี้เขาตาสว่างแล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเงิน เขามันไร้น้ำยาเอง!


ขอแค่เขาหน้าหนาหน่อย วินนี่ก่อนหน้านี้กับดาญ่าที่เจอไม่นาน หรือแม้แต่โหลวมู่ชิงที่บ้านเกิด ก็เสร็จเขาไปนานแล้ว!


“ครั้งหน้าฉันไม่กลัวเสียหน้าอีกแล้ว!” ฉินสือโอวแอบสาบานในใจ แล้วกอดหมอนนางพญางูขาวที่สั่งซื้อจากเน็ตจนหลับไป


พอหลังจากตื่นมาตอนหกโมง ฉินสือโอววิ่งรอบพื้นที่ประมงอย่างที่ทำประจำ ตอนที่วิ่งผ่านบ่อน้ำพุร้อนเขาก็นั่งยองล้างหน้า อุ่นมาก แล้วยังมีกลิ่นอ่อนๆของกำมะถัน น้ำพุร้อนแบบนี้คุณภาพสูงมาก ถ้าอาบบ่อยๆจะเป็นผลดีต่อร่างกาย


พอกินข้าวเช้าเสร็จเขาก็ไปซื้อผลไม้ในเมืองจึงพบว่าในเมืองวันนี้ครึกครื้นกว่าปกติ หลายๆร้านก็ลดราคา และตรงทางสี่แยกก็มีคนชักธงที่เขียนว่า ‘ขอพระเจ้าอวยพรให้โรงงานเคมีเจ๊ง’


ฉินสือโอวเข้าใจในทันที ดูท่ารัฐบาลเซนต์จอห์นจะออกหนังสือมาแล้ว โรงงานเคมีสตีฟกับโรงงานเคมีสปริงต้องย้ายไปจากเกาะแฟร์เวล ไม่อย่างนั้นจะสั่งปิด


เขามาถึงหน้าร้านสะดวกซื้อฮิวจ์ ฮิวจ์ก็ยื่นกาแฟร้อนแก้วหนึ่งให้เขาพลางพูดยิ้มๆ “ลองชิมดูเพื่อน ฉันชงเอง รสชาติไม่แย่”


ฮิวจ์น้อยน้องชายเขาเดินออกมาจากห้องด้วยหน้าเปื้อนสีน้ำมัน ฉินสือโอวนึกได้ถึงเรื่องที่เขาสองคนพนันกันไว้ ไม่มีอะไรทำเลยพูดขึ้นมา “หนุ่มน้อย ยังจำที่เราพนันกันไว้ได้ไหม? ดูสิ ตอนนี้โรงงานเคมีทั้งสองที่ก็จะไสหัวไปแล้ว ไม่ถึงหนึ่งเดือนใช่ไหมละ?”


ฮิวจ์น้อยไม่ใช่คนที่แพ้ไม่ได้ เขาพูดด้วยความตะลึง “ฉิน นายรู้ได้ไงว่าโรงงานเคมีทั้งสองโรงนี้จะย้ายออก? ฉันได้ยินว่าที่โรงงานมีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้น นายเป็นคนทำหรือเปล่า?”


ฉินสือโอวเป็นคนทำจริงๆ แต่เขาจะยอมรับไม่ได้เลยกลอกตาให้ฮิวจ์น้อยแล้วพูดขึ้น “เรื่องเหลวไหลทั้งเพ จริงๆแล้วฉันมีคนรู้จักที่กรมป้องกันสิ่งแวดล้อมของเซนต์จอห์น พวกเขาบอกมา โรงงานเคมีทั้งสองโรงนี้ทำเกินไปเลยทำให้รัฐบาลไม่พอใจ”


ฮิวจ์น้อยยักไหล่ “มีเส้นสายนี่ดีจริง โอเคฉิน นายชนะ ฉันจะแนะนำผู้หญิงที่สวยสุดๆคนหนึ่งให้รู้จัก เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะนัดเธอออกมาอย่างไร รอข่าวจากฉันแล้วกัน”


ฉินสือโอวยิ้มพลางชนหมัดกับเขา ฮิวจ์มองเขาด้วยความสนใจ แววตาเปี่ยมไปด้วยนัย


ฉินสือโอวแอบร้อนตัว เขาไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องจิตสำนึกโพไซดอนจึงพูดถาม “เป็นอะไรไป?”


ฮิวจ์พูด “ฉันได้ยินแลร์รีเล่ามาว่านายเล่นบอลเก่งมาก? โยนบอลลงตะกร้าก็ง่ายเหมือนกินข้าว? ฉันตะลึงมาก”


แลร์รีก็คือฮิวจ์น้อย ชื่อเต็มคือแลร์รี ฮิวจ์ ส่วนพี่ชายเขาชื่อเต็มคือเควิน ฮิวจ์


ที่แท้ก็เรื่องนี้ ทำฉันตกใจหมดเลย ฉินสือโอวแบมือไปด้านข้าง “ก็พอตัว จริงๆก็เล่นได้ธรรมดา…..”


ฮิวจ์กำลังจะบอกว่าอย่าถ่อมตัว ปรากฏว่าฉินสือโอวก็พูดต่อ “ก็แค่ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้”


ฮิวจ์เงียบไปนานกับประโยคเมื่อครู่ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นมีโอกาสเรามาประลองกันหน่อย”


พูดไปเขาก็หยิบซองหมากฝรั่งเขวี้ยงไปทางฉินสือโอว ความเร็วของปฏิกิริยาตอบโต้อีกฝ่ายไม่ใช่อะไรที่เขาเทียบได้ แม้ว่าซองหมากฝรั่งจะถูกเขวี้ยงมาอย่างแรง แต่ฉินสือโอวก็สามารถเอื้อมมือไปหยิบไว้ได้ด้วยท่าทีสบายๆแล้วชูมือขึ้น “ขอบใจสำหรับหมากฝรั่ง”


ฮิวจ์ยิ้ม เขาพอใจกับความเร็วในการตอบโต้ของฉินสือโอว ดูท่าจะมีฝีมือจริง


…………………………………………


บทที่ 84 กลับไปที่ทะเลสาบเฉินเป่าอีกครั้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวซื้อผลไม้ที่ร้านสะดวกซื้อฮิวจ์ ฮิวจ์บอกกับเขาว่าผลไม้พวกนี้มาจากธรรมชาติล้วนๆ แบล็คเบอร์รีกับบลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่คนในเมืองเก็บมาแล้วขายให้เขา ไม่ใช่ผลผลิตทางเกษตรกรรม


เกาะแฟร์เวลอยู่ในทางใต้ของแคนาดา สภาพอากาศค่อนข้างอุ่น น่าแปลกมากที่มีเบอร์รีออกทั้งปี


โดยเฉพาะพอถึงฤดูร้อนและใบไม่ร่วง ข้างทางก็จะมีพวกแบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รีให้เก็บ แล้วชาวเมืองก็ไม่กินด้วย เพราะรถผ่านไปมาพวกเขาเลยหยิ่งหาว่าเบอร์รีข้างทางไม่สะอาด


พอซื้อของเสร็จ ฉินสือโอวก็อยู่ในเมืองต่ออีกหน่อย นั่งจิบกาแฟและคุยเล่นกับฮิวจ์ไปด้วยในร้านสะดวกซื้อ


การย้ายออกของโรงงานเคมีทำให้ชาวเมืองมีความสุขกว่าแต่ก่อน ฉินสือโอวสังเกตเห็นใบหน้าของทุกคนที่ล้วนมีแต่รอยยิ้ม


“ฉิน ฉันขอบคุณนายจริงๆที่นำความหวังมาให้ทุกคน” ฮิวจ์พูดพลางมองฉินสือโอวอย่างจริงใจ


พอโดนฮิวจ์พูดแบบนั้นในใจก็เกร็งขึ้นมาอีกจึงพูดขึ้น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน โรงงานเคมีสองโรงนั้นทำตัวเองต่างหาก”


ฮิวจ์เติมกาแฟให้เขาจนเต็มแก้วแล้วเอ่ยปาก “ใช่ แต่ต่อให้ไม่มีโรงงานเคมี เราก็ไม่มีปลาแล้ว คือพื้นประมงของนายที่เอาลูกปลาเข้ามาตั้งเยอะแล้วยังเลี้ยงปล่อยด้วย ต่อไปก็จะมีลูกปลาว่ายมาในพื้นที่ทะเลสาธารณะ เราก็มีปลาให้จับแล้ว”


ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฉินสือโอวชูแก้วกาแฟขึ้นพลางพูดว่า “นี่ก็สิ่งที่ฉันควรทำ เงินที่ใช้ก็เป็นเงินที่ปู่เอาไว้ให้ ฉะนั้นเราควรขอบคุณปู่ฉัน”


“คุณฉินเป็นคนดี” ภรรยาของฮิวจ์พูดขึ้น “ฉันยังจำได้ว่าตอนฉันกับฮิวจ์แต่งงานกันก็ยืมเรือสำราญของเขาไปล่องทะเล เสียดายที่เรือลำนั้นโดนรัฐบาลลากไปแล้ว”


ฉินสือโอวอยากถามเรื่องปู่ฉินหงเต๋อเสียหน่อย คนผิวเหลืองคนหนึ่งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาที่แคนาดาเมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน สร้างพื้นที่ประมงที่ใหญ่ขนาดนี้มาได้ด้วยมือเปล่า พูดได้เลยว่าเป็นการฉีกกฎมากๆ


ถ้าจะบอกว่าฉินหงเต๋อไม่ได้ความช่วยเหลืออย่างหัวใจโพไซดอนละก็ ไม่มีทางเด็ดขาด


หัวใจโพไซดอนนี้ฉินสือโอวได้มันมาเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นก็แค่ได้ยินมาว่าปู่ที่เขาไม่เคยเจอหน้าเอาไว้ให้เขา ไม่ได้มีอย่างอื่น และฉินหงเต๋อก็เสียชีวิตเมื่อสิบปีก่อนพอดี ถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันก็แปลกแล้วละ


เขาไม่เข้าใจว่าหัวใจโพไซดอนนี้ ทำไมถึงให้เขา? หรือเพราะเขาคือทายาทคนเดียวของครอบครัวฉิน? ทำไมไม่ให้พ่อหรือพี่สาว? แล้วพอให้หัวใจโพไซดอนกับเขา ทำไมไม่ให้เขามาสืบทอดพื้นที่ประมงตอนนั้นเลย?


ที่จริงตั้งแต่ที่เออร์บักเปิดพินัยกรรมต่อหน้าเขา ในใจเขาก็มีแต่คำถาม


น่าเสียดายที่ฮิวจ์และคนอื่นๆไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับปู่มากเท่าไร ฉินสือโอวรู้มาแค่พวกกิจวัตรประจำวัน อาหารที่ชอบกิน ฮิวจ์บอกว่าถ้าอยากรู้เรื่องส่วนตัวก็ต้องไปถามเออร์บัก ปู่เขาเป็นคนช่วยเรื่องเงินเออร์บัก ตอนที่เขาเรียน ทั้งค่าเทอมและค่ากินอยู่ก็ล้วนมาจากฉินหงเต๋อทั้งนั้น


อยู่ที่นั่นมาพักหนึ่งฉินสือโอวก็นั่งรถกลับบ้าน เห็นชาร์คกับซีมอนสเตอร์กำลังเก็บอุปกรณ์ยิงปลาขึ้นรถ มีทั้งคันศรกับธนูและปืนยิงปลา เขาเอ่ยถามขึ้น “พวกนายทำอะไรกัน?”


ชาร์คฉีกยิ้มแล้วพูดตอบ “วันนี้ไม่มีอะไรทำน่ะบอส ผมกับซีมอนสเตอร์เลยกะจะไปยิงปลากัน บอสก็รู้ว่าปลาไนเอเชียบ้าบอแค่ไหน จะถึงฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันแล้ว ต้องกำจัดไปส่วนหนึ่งก่อนที่มันจะวางไข่ ไม่อย่างงั้นทะเลสาบเฉินเป่าได้จบเห่แน่”


“ฉันไปด้วย” ฉินสือโอวพูด “เราใช้ปืนดีไหม ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ สะใจดี”


เออร์บักช่วยเปลี่ยนชื่อใบอนุญาตครอบครองปืนของปู่ฉินหงเต๋อมาเป็นชื่อเขาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เขาก็สามารถซื้อและใช้อาวุธอัตโนมัติแล้ว


ซีมอนสเตอร์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “งั้นเรามีจุดประสงค์อะไร? กระสุนแพงจะตาย ปลาก็ไม่ได้กระโดดออกมาติดๆกัน กระสุนซองหนึ่งก็ยิงปลาได้แค่ตัวสองตัว เปลืองเงินเกินไป ไม่สู้ปล่อยปลาพวกนั้นผสมพันธุ์ไปดีกว่า”


นี่คือความต่างทางความคิด ฉินสือโอวคิดว่าการยิงปลาเป็นกิจกรรมบันเทิง เอากลับมาทำกินก็ได้ ใช้เงินหน่อยก็ไม่เป็นไร


ชาวเมืองแฟร์เวลเห็นว่าการยิงปลาเป็นกิจกรรมเพื่อส่วนรวม พวกเขาทำเพื่อปกป้องปลาท้องถิ่นในทะเลสาบเฉินเป่า ถ้าต้องใช้เงินก็ไม่ทำดีกว่า


คนแคนาดาและอเมริกาพูดเรื่องเงินแล้วเคี่ยว ไม่ยอมเสียเปรียบเสียยิ่งกว่าคนจีน


ฉินสือโอวหยิบธนูรอกกลมของตัวเองแล้วขึ้นรถตามชาร์คกับซีมอนสเตอร์ ครั้งนี้พวกเขาเอาเรือไม้ธรรมดาไป เพราะเรือประเภทนี้ประหยัดน้ำมันที่สุด


ทะเลสาบเฉินเป่ากว้างขวาง น่าจะถึงแปดเก้าสิบตารางกิโลเมตร ถือเป็นทะเลสาบเล็กในเกรตเลกส์


ทรัพยากรน้ำในแคนาดาอุดมสมบูรณ์มาก เกรตเลกส์ซึ่งคิดเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรน้ำจืดทั่วโลกนั้นมีครึ่งหนึ่งที่อยู่ในอาณาเขต ทำให้หลายๆที่มีอำพันขนาดต่างๆ


ตอนที่พวกฉินสือโอวมาถึง ที่ทะเลสาบก็มีหลายคนกำลังยิงปลา ครั้งนี้ไม่ใช่กิจกรรมทั้งเมืองเลยไม่มีเครื่องออสซิลเลเตอร์ ถ้าจะทำให้ปลาตกใจก็ได้แต่ใช้เสียงจากเครื่องยนต์เรือ


ซีมอนสเตอร์แขวนเครื่องเสียงใต้น้ำไว้ที่หางเรือ พอเปิดเครื่องก็จะเห็นระลอกน้ำซึ่งก็สามารถทำหน้าที่เครื่องออสซิลเลเตอร์ในการทำให้ปลาใต้น้ำตกใจ


เรือลงน้ำและแล่นไปครู่หนึ่งก็มีปลาเฉาดำขนาดครึ่งเมตรสองตัวกระโดดขึ้นมา ชาร์ครีบง้างธนูยาวอังกฤษของตัวเอง เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น ลูกศรปลายแหลมถูกยิงออกไปแล้วแทงทะลุปลาตัวหนึ่งที่ตกลงน้ำ


“ยิงได้เยี่ยม บอส!” ซีมอนสเตอร์ที่เพิ่งจะหยิบปืนยิงปลาขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้ม


ฉินสือโอวยักไหล่แล้วดึงปลากลับมา เขาดึงลูกธนูลงด้านล่างพลางโต้ตอบ “ถือว่าไม่เลว ไม่เสียแรงที่ช่วงก่อนพยายามฝึกซ้อมยิงธนู”


ปลาอีกตัวนั้นพอลงน้ำไปก็ยังไม่ไปไหน ยังคงว่ายอยู่ข้างๆอย่างกระวนกระวาย ชาร์คหยิบฉมวกขึ้นมาแล้วมองไปในน้ำ เขากดหัวฉมวกลงเล็กน้อย แขนกำยำออกแรงขว้างฉมวกพุ่งออกไป เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้นขณะที่พุ่งลงน้ำ


ชาร์คดึงเอาฉมวกกลับมา หัวฉมวกปักบนหัวปลาอย่างพอดิบพอดี ฉินสือโอวเองก็ออกปากชื่นชม “นายเล่นซะหัวมันแบะเลย เพื่อน ดูไม่ออกนะว่านายเป็นพวกบ้าระห่ำชอบระเบิดหัว!”


พอรู้ว่าปลาพวกนี้กินได้ ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็ไม่ทิ้งขว้างอีก พวกเขาเตรียมมีดแล่ปลามา พอยิงปลาได้ก็ลงมือแล่เลย ตัดหัวกับหางออกแล้วเอาตัวปลาไว้ในช่องเก็บของบนเรือแล้วใช้น้ำแข็งที่เตรียมไว้แช่


เรือหาปลาล่องไปอย่างช้าๆในทะเลสาบ รอบข้างมีแต่น้ำทะเลสาบสีเขียวใส ลมโชยอ่อน เมฆบางฟ้าโปร่ง แสงแดดสดใส ฉินสือโอวมองลงไปในน้ำทะเลสาบที่ใสราวสามารถสะท้อนเงาเขาออกมา


ไม่ไกลออกไป มีคนที่มายิงปลาร้องเพลงลำนำท้องถิ่นของแคนาดา ฉินสือโอวซึ้งไปกับเพลงจึงเริ่มตะโกนร้องขึ้นบ้าง “ท้องฟ้าสีคราม ทะเลสาบใส ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม นี่คือบ้านของฉัน เอโอ…..”


“ม้าดีที่ควบวิ่ง ฝูงแกะขาวนวล และยังมีเธอ นี่คือบ้านของฉัน เอโอ…..”


“ฉันรักบ้านของฉัน บ้านของฉัน สวรรค์ของฉัน…..”


เพลงสวรรค์คือผลงานชิ้นเอกของราชานักร้องเพลงลูกทุ่งเถิงเก๋อเอ่อ เนื้อร้องจำง่าย แต่คนร้องต้องใช้เสียงมาก เสียงต้องทุ้ม ปอดต้องจุอากาศได้พอ แต่ก่อนฉินสือโอวได้แต่ฮัมเอา การจะตะโกนร้องออกมาแบบนี้ยากมาก


ตอนนี้ไม่เหมือนกัน การปรับเปลี่ยนที่พลังโพไซดอนมีผลต่อร่างกายเขา แท้จริงแล้วก็เพื่อให้เขาปรับตัวเข้ากับทะเลได้ดีขึ้น ตอนนี้ความจุปอดของเขาสูงมาก ไม่อย่างนั้นเมื่อวานซืนที่เล่นบอล แรงเขาเยอะขนาดนั้น แต่ถ้าสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดได้ไม่พอก็ไม่มีประโยชน์


พอตะโกนออกมา ฉินสือโอวร้องได้อารมณ์กว่าเถิงเก๋อเอ่อเสียอีก อีกอย่างเขาร้องตามแสดงอารมณ์ตามวิวทิวทัศน์ ในเสียงเพลงของเขามีความรู้สึกแฝงอยู่จึงร้องได้จับใจมาก


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ไม่เข้าใจภาษาจีน แต่นั่นก็ไม่ได้ขวางทางพวกเขาจากการเพลิดเพลินไปกับเพลง ฉินสือโอวร้องออกมาสุดเสียง ทั้งสองคนก็ไม่ยิงปลากันแล้ว ต่างวางธนูและปืนจากนั้นก็เริ่มเคาะจังหวะร้องประสานเสียงไปกับเขาด้วย


พอร้องจบสองคนก็ร้องตะโกนพลางปรบมือราวเป็นผู้ชม “เยี่ยมบอส ร้องเก่งมาก!”


คนที่ยิงปลาอยู่รอบๆก็ร้องโห่ตะโกนเช่นกัน บางคนก็ล่องเรือเข้ามาใกล้ แล้วตะโกนคุยกับฉินสือโอว “ฉิน ร้องอีกเพลงสิ เพราะมาก ฉันเพิ่งเคยได้ยินคนร้องเพลงจีนสดครั้งแรกเลยนะ!”


“ที่คุณร้องแปลว่าอะไรเหรอ?” ชาร์คถาม


ฉินสือโอวแปลเพลงสวรรค์ให้พวกเขาฟัง ซีมอนสเตอร์พูดขึ้นอย่างแฝงความเสียดาย “เฮ้อ เสียดายที่ที่นี่เป็นพื้นที่ประมง ไม่ใช่ทุ่งหญ้า ฉันยังไม่เคยเห็นทุ่งหญ้าเลย”


ชาร์คกลอกตาให้เขาแล้วพูดขึ้น “ไอ้โง่ ประเด็นสำคัญของเพลงนี้อยู่ที่บ้านเกิดไม่สำคัญว่าเป็นที่ไหน!”


“จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ประมงก็ง่าย” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม “แค่เปลี่ยนไม่กี่คำก็ได้แล้ว เปลี่ยนจากทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มเป็นท้องทะเลฟ้าคราม เปลี่ยนม้าดีที่ควบวิ่งเป็นเรือประมงที่วิ่งแล่นง่ายนิดเดียว”


“งั้นก็เปลี่ยนเลย แล้วสอนผมร้องด้วยนะ งานฉลองเมืองปีนี้เราขึ้นแสดงได้” ซีมอนสเตอร์พูดอย่างตื่นเต้น


วันฉลองเมืองก็คือวันครบรอบการสร้างเมือง อย่านึกว่าเมืองแฟร์เวลทั้งเล็กทั้งผุพัง จริงๆแล้วเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ตั้งแต่สร้างก็หนึ่งร้อยห้าสิบกว่าปีมาแล้ว ช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดก็มีคนเป็นหมื่นอาศัยอยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่เมืองนี้เสื่อมโทรมไปตามพื้นที่ประมง


ฉินสือโอวยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มีปัญหา งั้นเรามาร้องประสานเสียงกัน เอาให้เพื่อนนายอึ้งไปเลย”


พอไม่มีคนควบคุม เรือประมงจึงล่องไปช้าๆ แล้วค่อยๆเข้าไปใกล้เกาะกลางทะเลสาบ ทะเลสาบเฉินเป่าไม่ใช่ทะเลสาบใหญ่เสียทีเดียว แต่มาจากการรวมกันของน้ำบาดาล ในทะเลสาบมีบางแห่งที่เคยเป็นพื้นสูงแล้วถูกน้ำท่วมในภายหลัง


แต่ทุกปีในฤดูใบไม้ผลิตอนที่ระดับน้ำในทะเลสาบลดก็จะโผล่ออกมาให้เห็น บนพื้นสูงนั้นมีต้นไม้พวกเรดวู้ด สนซีคัวยา ต่อให้โดนน้ำท่วมทั้งปีก็ไม่ตาย


ตอนนี้เกาะกลางทะเลสาบที่โผล่ขึ้นมาน่าจะมีเนื้อที่ถึงพันตารางเมตร บนนั้นมีต้นสนเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ ฉินสือโอวมองดูแล้วพูดขึ้น “เราขึ้นไปดูบนเกาะนั้นหน่อยเป็นไง?”


…………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)